บทที่ 8
การประลองเริ่มขึ้นโดยจับคู่ประลองใครชนะเข้ารอบ ใช้วิชาความรู้อะไรก็ได้ที่เคยเรียนในการจัดการคู่ต่อสู่โดยไม่ให้อีกฝ่ายสาหัสมากเกินไปหรือถึงตาย จะว่าไปไอ้การประลองที่จัดขึ้น มันก็แอบดิบเถื่อนอยู่พอตัว ส่วนใหญ่ที่ลงก็เป็นเด็กคณะวิทยาการการทหาร ส่วนมากจะเป็นพวกปีสุดท้ายเพราะต้องการพอร์ตในการทำงานหลังจบไป คณะอื่นก็มีให้เห็นบ้างประปราย ส่วนใหญ่ลงมาเอาฮาหรืออยากเจ็บตัวเล่น แต่ก็ตกรอบกันไปตามระเบียบ
สำหรับฟาเรสในรอบแรกๆ มันไม่ยากเท่าไหร่นัก อาจเพราะ หนึ่งพ่อเขาเป็นทหาร ลุงเองก็ใช่ ศิลปะการต่อสู้จึงอยู่ในสายเลือด แม้จะไม่เชี่ยวชาญนัก สองสายเลือดเอลฟ์ในตัว ที่ฟาเรสไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองพิเศษเลยจนต้องมาฝึกหนักๆ ทำให้เขาสังเกตุเห็นความสามารถที่ตัวเองมี ที่ชัดๆ เลย คงเป็นระดับการฟื้นตัวที่มากกว่าคนทั่วไปประมาณสองถึงสามเท่า ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหว และสุดท้ายพลังเวทย์แฝงที่มีค่อนข้างมากจนบางทีเจมไม่สามารถรองรับได้และเป็นเขาที่เจ็บเอาเสียเอง
มาวิค พรีม โอซี่และเวลอร์ สี่คนนั้นไม่มีอะไรน่าห่วง แถมในรอบที่ผ่านมาทั้งสี่ยังกลายเป็ยนี่จับตามอง จนกลายเป็นขวัญใจสาวๆ และมีกลุ่มแฟนคลับเล็กๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ
...นึกแล้วมันน่าหมั่นไส้นัก มีเพื่อนป๊อป อยู่ในกลุ่มคนป๊อป ผมนี่ดูกากไปเลย... แต่ม้ามืดของงานนี้คงหนีไม่พ้นโอซี่กับเวลอร์ ที่เอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยมือเปล่ามาตลอด ฟาเรสเองก็ไม่คิดว่าโอซี่จะเก่งกาจขนาดนี้ เพราะเพื่อนคนนี้ไม่ค่อยเอาจริงเอาจังกับอะไร ชอบทำตัวสบายๆ เสียมากกว่า แถมเวลามาสนามฝึกไม่หายไปกับสาวก็นั่งเล่น ส่วนเวลอร์ หมอนั่นมันปีศาจ ไม่รู้เหมือนกันว่าขีดความสามารถของคนๆ นี้มีเท่าไหร่ แม้จะอยู่ด้วยกันทุกวันแต่ฟาเรสคิดว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับเพื่อนร่วมเอก จนอดคิดไม่ได้ว่าเวลอร์ที่ทุกคนเห็นอยู่นี้อาจไม่ใช่ตัวตนของเขาจริงๆ
ตอนนี้ร่างบางนั่งอยู่ในห้องเตรียมตัวเล็กๆ ของโคลอสเซียมกลางน้ำซึ่งใช้เป็นสนามประลอง ดวงตาสีครามมองขวดแก้วในมืออย่างครุ่นคิด ของเหลวสีเงินไหลเอื่อยเมื่อเขาหมุนมันไปมา จะว่าเป็นยาได้ไหมนะ เพราะมันคือเจมที่ถูบดเป็นโมเลกุลเล็กๆ พอที่จะซึมผ่านผนังเซลได้ ผสมกับสมุนไพรสกัดที่มีสารจำพวก ธีโอฟิลลีน (Theophylline) ที่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของสมองและหัวใจช่วยให้เลือดไหลเวียนได้มากขึ้น นั่นก็เพื่อนให้เจมกระจายไปทั่วร่างได้ในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ยังผสมยาสลายลิ่มเลือดไปเล็กน้อยป้องการอาการต่อต้านเมื่อเจมเข้าสู่กระแสเลือด ยานี่ไม่ได้ผิดกฏเพราะใช้อะไรก็ได้ที่เป็นความรู้ในการประลอง
ที่ต้องทำแบบนี้เพราะรอบที่ผ่านมาเจ้าตัวเจอปัญหาใหญ่ ในการประลองรอบนั้นฟาเรสโดนซัดจนอาวุธในมือหลุดไป เมื่อไม่มีอาวุธไม่มีเจม แม้จะมีพลังเวทย์มากเพียงใดก็ย่อมเสียเปรียบ แม้อาศัยเทคนิคทางกายเอาตัวรอดจนต่อยเจ้านั่นหมอบแต่ฟาเรสก็เจ็บไม่น้อย ฟาเรสจึงเกิดไอเดีย แทนที่จะถืออาวุธที่มีเจมก็เปลี่ยนเป็นใช้ร่างกายตัวเองเป็นอาวุธ การที่มีเจมไหลเวียนอยู่ในตัวอาจจะทำให้เขาใช้พลังเวทย์ได้อย่างอิสระ เพราะแบบนั้นฟาเรสจึงใช้เวลาสองวันหลังจากนั้นผสมของเหลวสีเงินนี้ขึ้น จากที่ลองจิบเล็กน้อยรับรู้ได้ถึงร่างกายที่เบาขึ้นในช่วงสั้นๆ จึงคิดว่ามันน่าจะใช้ได้ แต่ยังไม่เคยลองในปริมาณที่เยอะขึ้นเพราะไม่มีเวลามากพอ
วันนี้เขาต้องเข้าประลอง ถ้าชนะเขาจะเข้ารอบแปดคนสุดท้ายซึงหมายถึง มีสิทธิ์ได้ลองทำงานกับหน่วยพิทักษ์นั่นคือสิ่งที่ต้องการ ฟาเรสแพ้ไม่ได้ แต่มันน่าหนักใจตรงคู่ต่อสู้ของเขาวันนี้คือตัวเต็งของปีสาม แน่นอนเจ้านี่มันเก่ง ไม่เก่งจะผ่านมาถึงรอบนี้หรือ แถมรอบที่ผ่านๆ มายังหักแข้งหักขาคู่ต่อสู้เล่นเสียด้วย จิตเป็นบ้า
ปากขวดเย็นจรดกับริมฝีปากสวย เทของเหลวสีเงินให้ไหลเอื่อยลงคอช้าๆ สร้างความรู้สึกร้อนวาบไปทั่วท้อง เหลืออีกสิบนาทีคงพอดีกับที่ตัวยากระจายทั่วร่าง ฟาเรสเอนหลังพิงพนัก หลับตาช้าๆ รับรู้ถึงกระแสพลังที่ไหลไปทั่วร่างจนรู้สึกรุมๆเหมือนเป็นไข้ เขาสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นและร่างกายที่รู้สึกเบาราวกับไม่ใช่ตัวเอง ประสาทสัมผัสที่ชัดเจนขึ้นทำให้ได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาหน้าห้องหรือแม้กระทังเสียงเซงแซ่จากอัฒจันทร์ด้านนอกที่ดังขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มปวดหัว
"พร้อมยังฟาร์" เสียงทักของเพื่อนทั้งห้าดังขึ้นเมื่อเขาเปิดประตูห้องออกมา
"พร้อมแล้ว"
"สู้ๆ นะจ้ะ" เซียว่าพลางกอดเขาแน่นแล้วผละออก ก่อนที่คนอื่นๆ จะเดินมาตบบ่าอย่างให้กำลังใจ
ยกเว้นเวลอร์ที่ทำเพียงมองเขานิ่งๆ นัยน์ตาสีอำพันหรี่ลงอย่างสงสัยในบางสิ่ง ก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเดินมาตบบ่าเข้าบ้างแต่ไม่พูดอะไรก่อนจะเดิมตามคนอื่นๆ ออกไป
ห้านาที ฟาเรสเดินออกมาสู่สนาม ขาเรียวพาร่างโปร่งมาประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ตรงกลางสนาม ท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดที่ส่วนใหญ่เป็นชื่อของฝั่งตรงข้าม
"สวัสดีหนุ่มสาวทั้งหลาย" เสียงเฮรับกับพิธีกรที่ประกาศก้องสนาม "สำหรับรอบสิบหกคนวันนี้ เป็นการพบกันระหว่าง น้องใหม่ไฟแรง ฟาเรส คาเดนเซีย เห็นหน้าใสๆ แบบนี้ฝีมือไม่เบานะครับ ล้มรุ่นพี่ตัวโตๆ มาแล้ว และ อีกด้าน แอสตัน มานูเอล เขาคนนี้ไม่ธรรมดา กรันตีด้วยรางวัลรองชนะเลิศอันดับสองของปีที่แล้ว ปีนี้เขามาเพื่อแก้ตัว ล้มคู่ต่อสู้มามากมาย แต่ผลปีนี้จะเป็นอย่างไรก็ต้องรอดูรอลุ่นกันต่อไป" สิ้นชื่อหมอนั่นเสียงรอบๆ ก็เฮลั่นอีกครั้ง
"ไงสาวน้อย โอ๊ะ!!!! หนุ่มน้อยถึงจะถูก โทษทีทักผิด" เป็นคำทักทายที่กวนอารมณ์พอตัวสำหรับฟาเรส แอสตันมีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวกร้านแดดนัยน์ตาสีดำสีเดียวกับผมที่ตัดสั้นจนเกือบเกรียน ดูทะมัดทะแมง น่าจะชื่นชอบการใช้กำลังอยู่พอตัว
...สาวน้อยบ้านมึงสิ... "แหนะ ทำตัวเฉยชา กฎบอกว่าห้ามฆ่า แต่ไม่ได้บอกว่าห้ามหักแขนหักขานิ" เจ้านั่นยิ้มร่าก่อนลากสายตาไปทั่วร่างบางอย่างหยาบโลน "ยอมแพ้ดีๆ ไหม แล้วเก็บแรงไปร้องครางใต้ร่างฉันคืนนี้ จะจัดให้นายเป็นพิเศษเลย ฟาเรส" มันลากเลียริมฝีปากพลางมองมาราวกับจะกลืนกิน ทำเอาขนลุกไปทั้งตัว
"ไอ้โรคจิต" ฟาเรสด่าเสียงเบา
การประลองเริ่มขึ้นโดยหมอนั่นเลือกแส้เป็นอาวุธแถมยังมาบอกเหตุผลที่ชวนถีบ ว่าซ้อมไว้เผื่อได้ใช้กับเขาบนเตียง ในสมองมันมีแต่เรื่องเอาเขาไปปู้ยี่ปู้ยำหรือไง ส่วนฟาเรสเลือกใช่สนับเพราะจู่โจมได้สะดวกเหมือนใช้มือเปล่า
"เอ้า!!! เริ่มประลองกันได้ ใครล้มไม่ลุกก่อนคนนั้นแพ้"
เพี๊ยะ!!! เสียงแส้ฟาดลงกับพื้นเพราะฟาเรสเอี้ยวตัวหลบ แอสตันมองเขาอย่างถูกใจ ก่อนจะพุ่งเข้าจู่โจมพร้อมแส้ในมืออย่างจิงจัง แส้ที่ฟาดพาดผ่านอากาศครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ฟาเรสก็หลบได้อย่างไร้ที่ติ เพราะความรวดเร็วทางกายที่เพิ่มขึ้น จากเจมที่ไหลเวียนอยู่ในกาย
"หึๆ ไวใช้ได้เลย" มันเอ่ยปากชม ก่อนที่มันจะโถมมาอีกครั้ง หากแต่ร่างบอบบางกับเอี้ยวหลบไปซ้อนหลังก่อนจะต่อยเข้ากลางหลังแอสตันดังอั๊ก แล้วผละถอยเมื่ออีกฝ่ายหันมาสวนกลับ ปลายเส้นหนังที่อาบเวทย์แฝงเฉียดตัวไปนิด ทำให้กระดุมขาดและบาดลงเนื้อเป็นรอยแดง
"แม่ง...!!" ฟาเรสรู้สึกแสบ เรือนกายขาวๆ อวดโฉมสู่สายตา เรียกรอยยิ้มถูกใจจากอีกฝ่ายบอกให้รู้ว่ามันจงใจ แล้วหมอนั่นก็กระหน่ำฟาดแส้ใส่จากระยะไกล พอเข้าใกล้ก็โจมตีด้วยหมัดด้วยเข่า ฟาเรสหลบแล้วค่อยๆ โจมตีสวนทีละดอกเมื่ออีกคนเปิดช่องว่าง หมัดถูกส่งไปประเคนหน้าเถื่อนๆ นั่นจนหันอยู่หลายครั้ง ตามด้วยลูกถีบลูกเตะสลับกันไป เพราะฟาเรสไม่ได้กะเอาตายจึงไม่ใส่แรงมาก
เพี๊ยะ!!! "โอ๊ย!!!" แต่คนเราก็ต้องมีพลาดเมื่อแส้อาบเวทย์พันเข้าที่ขาร่างบางจนล้มกลิ้ง แอสตันอาศัยจังหวะนั้นทะยานเข้าหาฟาเรสที่เสียหลักแล้วกดทับไว้
"อู้ว!!! ได้อยู่บนตัวนายแล้วเด็กน้อย" ถึงไอ้ยักษ์นี่จะไม่เร็ว แต่เรี่ยวแรงไม่ใช่น้อย สายแส้อาบเวทย์กดรัดคอฟาเรสลงกับพื้นสนามจนเจ็บแปลบ แอสตันแสยะยิ้มถูกใจก่อนจะออกแรงกด
"ฮึก..." ร่างบางหายใจติดขัด ส่วนหนึ่งจากแส้ที่พาดทับลำคอขาว อีกส่วนจากหัวใจที่เต้นแรงและอุณหภูมิในกายที่สูงขึ้นเมื่อยาที่กินออกฤทธิ์เต็มกำลัง
"บอกสิว่ายอมแพ้ ไม่งั้นนายน่วมกว่านี้แน่ พูดสิ พูด!!!!"
"ฮึก ปะ ปล่อย" ภาพตรงหน้าเบลอบ้างชัดบ้าง ทุกสิ่งรอบตัวเริ่มช้าลง ราวกับเข็มเวลาถูกหน่วงไว้จนแทบหยุด เสียงเหยียดหยามของแอสตันกระทบโสตประสาทช่างเชื่องช้าแต่ชัดเจน
"หึ...ถึงฉันฆ่านายไม่ได้ก็ทำให้สาหัสได้ บอกยอมแพ้ บอกสิ บอกจะยอมให้ฉันทุกอย่าง นอกจากร่างกาย นายมันไม่มีอะไรดีเลย" คนตัวโตเริ่มบ้าคลั่งเมื่อเห็นฟาเรสยังคงเงียบแถมจ้องหน้าตอบอย่างท้าทาย
ไม่มีอะไรดีงั้นหรอ ถ้อยคำร้ายๆ ที่พ่นใส่ สร้างความเกรี้ยวกราดในดวงตาสีครามที่บัดนี้เหมือนเรืองแสงจางๆ ฟาเรสรับรู้ถึงพลังที่กำลังแล่นพล่านไปทั่วร่างเกินควบคุม มือที่กดแส้รัดคอเขาไว้ค่อยๆ ถูกรั้งออก แอสตันดูตกใจที่ร่างบางมีแรงฮึดสู้
ผลัก!!! ตุบ!!! แล้วร่างใหญ่โตก็ถูกแรงมหาศาลถีบกระเด็นไปหลายเมตร เรียกเสียงฮือฮาจากคนทั้งสนามเพราะนึกไม่ถึงว่าร่างโปร่งบางไปเอาแรงมาจากไหน
"อะ...อะไรวะ" แอสตันผุดลุก ทั้งเจ็บทั้งงง แต่ยังไม่ทันตั้งตัว ฟาเรสก็พุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็วราวกับสายลม ไอพลังลากเป็นสายตามการเคลื่อนไหว ส่งหมัดที่ใส่สนับซึ่งอาบไว้ด้วยพลังเวทย์จนแดงฉานกระแทกเต็มๆ หน้าจนหันไปตามแรง
เงียบ...ทั้งสนามเงียบงันกับสิ่งที่เกิด ไม่คิดว่าเกมจะพลิก ฟาเรสที่ดูยังไงก็เสียเปรียบในทุกด้าน เพลี่ยงพล้ำให้กับแอสตันจวนเจียนจะแพ้กลับลุกขึ้นมาซัดอีกฝ่ายจนล้มตึงในหมัดเดียว ก่อนที่พิธีกรจะนึกได้แล้วป่าวประกาศชื่อของผู้ชนะตามมาด้วยเสียงปรบมือโห่ร้องก้องสนาม
...ชนะแล้วสินะ... ฟาเรสหอบหายใจหนักๆ ร่างกายสั่นสะท้านกับความแปรปรวนภายใน ตอนนี้เขาไม่มีอะรมณ์จะสนใจสิ่งรอบตัว รู้อย่างเดียวคือต้องออกไปจากตรงนี้ ขาเรียวพาร่างเดินเข้าไปยังตัวอาคาร สู่ทางเดินที่นำไปยังห้องเตรียมตัวด้านใน เข้าห้องได้จึงรีบปิดประตูลง พอพ้นสายตาทุกคนร่างบางก็ซวนเซจนต้องพิงร่างกับกำแพง
ภายในมันร้อนเหมือนไฟเผา หัวใจเต้นรัว เจ็บแปลบไปทั่วร่าง เจมที่รับพลังมากเกินไปอาจแตกสลายได้ หรือร่างกายของเขาจะแตกสลายเพราะมีเจมขนาดเล็กมากมายไหลเวียนอยู่ ฟาเรสตัดพ้อกับความบุ่มบ่ามของตน คิดแต่เรื่องชนะจนลืมผลข้างเคียงโดนยาตัวเองเล่นซะแล้วสิ
ดวงตาสีครามเบิกกว้างก่อนจะหลับแน่นเพื่อข่มความเจ็บปวด รับรู้ถึงของเหลวที่ไหลผ่านจมูก เลือดกำเดาที่หยดลงสัมผัสพื้นดังซ่าก่อนจะแห้งเหือดกลายเป็นควัน ฟาเรสได้ยินเสียงเพื่อนๆ เรียกจากด้านหลัง แต่ไม่อาจหันไปมอง
"ฟาร์ ฟาร์เป็นอะไร" มาวิคเปิดประตูเข้ามาเอ่ยถาม ทั้งที่ตั้งใจจะเข้ามาแสดงความยินดี กลับเห็นร่างบางยืนหอบพิงกำแพงราวกับจะเป็นลม มาวิครีบพุ่งเข้ามาพยุงไว้ก่อนที่ฟาเรสจะทรุดลงกับพื้น ก่อนจะประคองร่างบางให้นอนราบโดยหนุนตักตนไว้ คนที่เหลือจึงกรูเข้ามาดูอาการด้วยความตระหนก
"ทำไมตัวร้อนอย่างนี้ หน้านายแดงไปหมด เป็นอะไร ไหวไหมเนี่ย" เซียว่าเสียงตื่นพลางจับเนื้อจับตัวฟาเรสอย่างร้อนรน มือเล็กๆ คว้าผ้าเช็ดหน้าที่พรีมยื่นให้ซับเลือดกำเดาและเหงื่อกาดบนใบหน้าเนียน
"ฉะ ฉัน อึก..." ฟาเรสอ้าปากจะอธิบายแต่ร่างกระตุกเกร็งก่อนจะดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน ภาพตรงหน้าพล่าเรือนไปหมด ยังไม่ทันได้แก้แค้นก็จะมาตายอนาถแบบนี้แล้วหรือ
"ฉันไม่เคยแนะนำให้นายเอาตัวเองเป็นหนูลองยา" เวลอร์บอกเสียงขุ่นเมื่อเหลือบไปเห็นขวดแก้วที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก้นขวดมีของเหลวสีเงินหลงเหลืออยู่เล็กน้อย เขาหยิบมันขึ้นมาก่อนเดินมาคุกเข่าข้างๆ ฟาเรสแล้วโชวมันให้ดู
"อะไรนะ" ทุกคนโพล่งออกมาพร้อมกัน
"ใส่อะไรไปมั่ง" แม้น้ำเสียงจะเรียบนิ่งแน่นัยน์ตาสีอำพันกลับคุกรุ่นด้วยแรงอารมณ์
"ธีโอฟิลลีน (Theophylline) ฮึก...สะ สารละลายลิ่มเลือด แล้วก็ จะ เจม" เสียงตอบดังผะแผ่ว
"นายมันบ้า" มาวิคสบถออกมาอย่างหัวเสีย คนอื่นๆ ก็ตีหน้ายุ่งพอกัน
"พากลับห้อง เดี๋ยวฉันตามไป" เวลอร์กำขวดแก้วในมือแน่น ก่อนหุนหันออกจากห้องเตรียมตัวไป
ฟาเรสรับรู้ว่าร่างถูกอุ้มขึ้น ประสาทสัมผัสลางเลือน แต่ก็ยังรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างแบบไม่ประติดประต่อ ความร้อนภายในกระตุ้นสติของฟาเรสอยู่เนืองๆ ความร้อนภายในแผดเผาราวกับร่างอยู่กลางกองไฟ
ความอ่อนนุ่มของฟูกบอกให้รู้ว่าฟาเรสมาถึงที่หมายแล้ว สัมผัสเปียกชื้นจากผืนผ้าที่ซับไปตามร่างไม่อาจช่วยบรรเทาความร้อนในกายได้ มือเรียวกำผ้าปูที่นอนแน่น ร่างทั้งร่างเหยียดเกร็ง
"ฮึก...อดทนไว้นะฟาร์" เซียว่าเสียงเครือพลางเอาผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวเขาไม่หยุด มาวิคเดินไปมาทั่วห้องอย่างหนูติดจั่นจนโอซี่ต้องจับไปนั่งสงบสติอารมณ์ ไว้มุมห้อง
"นายต้องไม่เป็นไร" พรีมว่างพลางเอาผ้าอีกผืนชุบน้ำเย็นช่วยเช็ดตัวอีกแรง
ท่ามกลางความทรมานฟาเรสรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นห่วงใยที่ทุกคนมอบให้ เขาพยายามยามลืมตามองรอบๆ แม้จะเป็นเพียงภาพเบลอๆ แล้วหยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาสีครามด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย รู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง
ท่ามกลางความตึงเครียดภายในห้อง เวลอร์ก็กลับเข้ามาพร้อมขวดยาในมือที่เพิ่งไปผสมมาจากห้องวิจัย พรีมผละออกให้ผู้มาใหม่ได้นั่งแทนที่ แขนแกร่งรั้งร่างที่สั่นเทาขึ้นมาเอนพิงอก
"ยาอะไร" มาวิคถาม
เวลอร์ไม่ตอบกับเปิดขวดยาจ่อที่ริมฝีปากที่แดงจัดจากความร้อน พร้อมเอามืออีกข้างรั้งปลายคางให้ฟาเรสอ้าปากกินยาลงคอ แต่แค่อึกแรกเจ้าตัวก็สำลักออกมา ร่างสูงจึงตัดสินใจเอายากรอกปากตัวเองก่อนจะป้อนมันใส่ปากให้คนไม่ได้สติ
ร่างที่ดิ้นทุรนทุรายเริ่มสงบ ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะปิดลงช้าๆ อาการหายใจหอบลดลง เวลอร์เอามือปัดปอยผมที่ชื้นเหงื่อออกจากหน้าเนียน ใบหน้าที่เคยแดงจัดเริ่มคลายสี เขาจึงจับข้อมือบางดูชีพจรก่อนจะพยักหน้าให้กับทุกคนที่มุงดูว่าไม่เป็นไรแล้ว
"เฮ้อ!!!" เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังออกมาอย่างพร้อมเพรียง เมื่อฟาเรสเลิกดิ้น เซียจึงจัดการกับรอยแผลรอยช้ำบนตัวคนเจ็บ ดูเวลาล่วงเลยเกือบสองทุ่ม นี่พวกเธอลืมข้าวเย็นกันไปเลยมัวแต่ห่วงเพื่อน
"พวกนายกลับไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันดูเอง" เวลอร์บอก ที่เหลือกล่าวฝากฝังก่อนจะออกจากห้องไป มีแต่เพียงมาวิคที่ยังรั้งรอมองมาที่ทั้งสองเหมือนจะพูดบางอย่าง
"อะ...เอ่อ ฝากด้วยแล้วกัน" มาวิคพูดออกมาแค่นั้นแล้วออกจากห้องตามเพื่อนๆ ไป
ฟาเรสตื่นมาในบ่ายสามโมงของอีกวัน ดวงตาสีครามกะพริบถี่เพื่อปรับให้เข้ากับแสงในห้อง จนเพดานตรงหน้าเริ่มชัดเจน นอนอยู่ท่านั้นครู่ใหญ่เพราะทุกส่วนของร่างกายไร้เรี่ยวแรงราวกับเป็นอัมพาต ก่อนจะค่อยๆ เริ่มขยับแขนพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ตอนนี้เขาอยู่บนเตียงในห้องของตัวเอง ชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นถูกเปลี่ยนให้เรียบร้อย ร่างบางพยายามขยับตัวไปที่ขอบเตียง ก่อนหย่อนตัวลงยืนกับพื้นอย่างยากลำบากแล้วพาตัวเองไปจัดการธุระในห้องน้ำจนเสร็จ แม้จะทุลักทุเลไปบ้างเพราะแรงที่ถดถอยและใช้เวลานานก็ตาม ก่อนจะพาร่างกลับมายังเตียง
"ฟื้นแล้วหรอ" เซียที่เดินเข้าห้องมาพร้อมด้วยข้าวในมือเอ่ยทักเสียงใส
"อืม"
"รู้สึกยังไงบ้าง"
"เหมือนไม่ค่อยมีแรงเลย" ฟาเรสบอกเสียงเบา
"น่าจะเป็นผลที่ใช้พลังเวทย์มากเกินไป นายนะอย่าทำอะไรแผลงๆ แบบนี้อีกนะ คิดจะใช้ร่างกายตัวเองเป็นอาวุธหรือไงถึงผสมอะไรบ้าๆ แบบนั้นกิน เกิดเจมเล็กๆ ที่เข้าไปในตัวนายนั่นรองรับพลังนายไม่ไหว เดี๋ยวได้ตายกันพอดี" เซียบ่นยาว "แต่ไม่เป็นไรแล้วละ ได้เวช่วยไว้ ทีหลังอย่าทำอีกนะ พวกฉันหัวใจจะวาย"
"ขอโทษนะ" คนถูกว่าตอบเสียงเบาก้มหน้าอย่างสำนึกผิด "แล้วเซียไม่ไปเรียนหรอ"
"ไปแล้วเมื่อเช้า บ่ายฉันว่างนะเลยมาดูนาย มาๆ กินข้าว จะได้พักเอาแรง" เซียนั่งคุยนั่งเล่นกับฟาเรสจนเย็น นอกจากสวยแล้วฟาเรสมั่นใจเลยว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นแม่ที่ดีได้แน่ๆ ก็เธอเทคแคร์ดูแลเก่งขนาดนี้ อิจฉาพรีมจริงๆ สำหรับเขาอารมณ์เหมือนมีพี่สาวเลย การแข่งขันของฟาเรสรอบต่อไปเป็นอันยกเลิก เขาถูกปรับแพ้เพราะสภาพร่างกายไม่พร้อม แค่เข้ารอบแปดคนก็พอแล้วละ
"วันนี้พรีมแข่งนี่ ไม่ไปดูหรอ" ฟาเรสถามอย่างนึกขึ้นได้
"ถ้าฉันไปใครจะดูนาย" เซียยิ้มบางแต่แอบเห็นแววเสียดายในดวงตาคู่สวยนั่นเล็กน้อย ใครๆ ก็อยากไปเชียร์แฟนตัวเองทั้งนั้นละ พอดีกับเวลอร์เปิดประตูเข้ามาในห้องนอน หลังเกิดเรื่องเพื่อนๆ ได้เอากุญแจสำรองของฟาเรสไปถือไว้อีกชุดเพื่อเข้าออกห้องเขาในยามจำเป็น
"นี่ไง เวมาแล้ว เซียไปเถอะ เดี๋ยวพรีมไม่มีกำลังใจนะ" ผมบอกด้วยรอยยิ้ม
"งั้นฉันไปก่อนนะ" เธอว่าก่อนยื่นหน้ามาจูบหน้าผากฟาเรสแล้วออกจากห้องไป
เวลอร์ไม่แม้จะเอ่ยทักหรือสบตา ร่างสูงก้าวยาวๆ ไปหยิบจานเปล่าที่วางตรงโต๊ะข้างเตียงกับแก้วน้ำแล้วออกจากห้องไป ได้ยินเสียงเปิดน้ำจากตรงครัวบอกให้รู้ว่าเขาเก็บมันไปล้าง รออยู่พักใหญ่คนที่ออกไปก็ไม่มีทีท่าจะเข้ามา หรือว่ากลับห้องไปแล้ว คิดได้ดังนั้นฟาเรสจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้งแต่ก็ยังคาใจกับท่าทีของเมินเฉยที่ได้รับ
ร่างบางสะดุ้งตื่นอีกทีก็ฟ้ามืด ไฟในห้องถูกเปิดสว่างหันไปมองโซฟาริมระเบียง เวลอร์ที่อยู่ในชุดลำลองนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น ดวงตาสีอำพันยังคงจดจ้องกับหน้าหนังสือราวเขาไม่มีตัวตน ทั้งที่ปกติเวลอร์นั้นประสาทสัมผัสไว การที่เขาตื่นทำไมเจ้าตัวจะไม่รู้
"ขอบใจ" เสียงหวานเอ่ยติดขัดเมื่อเห็นโต๊ะข้างเตียงมีผลไม้ น้ำและยาวางอยู่ แต่ได้รับเพียงความเงียบแทนคำตอบ ริมฝีปากสวยเม้มแน่นอย่างอึดอัดเมื่อรู้ตัวว่าถูกเมิน แต่ก็ยอมหยิบยาสีเข้มในขวดขึ้นมากิน แม้รสชาติจะขมเฝื่อนแค่ไหนแต่ก็ไม่กล้าโวยวายเพราะรับรู้ได้ว่าอีกคนไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปกติ
...โกรธอะไรหรือเปล่านะ... เวลอร์ยังคงอยู่ โดยไม่สนใจฟาเรสที่มองมาที่เขาเป็นระยะ บรรยาการมึนตึงดำเนินต่อไปจนฟาเรสเริ่มจะแย่ มือบางบีบกันแน่นไม่รู้ตัว ความรู้สึกหน่วงๆ ในอกชวนให้หายใจติดขัด คิดทบทวนตัวเองว่าทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจถึงได้ทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุเช่นนี้ ครั้นจะเอ่ยปากถามก็ไม่กล้า ความเงียบกำลังทำให้เขาใกล้บ้าเต็มที
ครืด!!! เสียงเลื่อนเก้าอี้ดึงดวงตาคู่สวยให้หันมอง เวลอร์วางหนังสือในมือลงก่อนจะเดินเข้ามา ตาคมที่มองมาเฉยชาราวกับคนไม่รู้จักกัน ความรู้สึกบางอย่างประเด้ประดังมาจุกอก มันแย่ แย่มากๆ ดวงตาสีครามมองจานผลไม้กับขวดยาที่ถูกเก็บก่อนคนเก็บจะเดินออกจากห้องไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ทันทีที่ร่างใหญ่พ้นสายตา หยาดน้ำตาอุ่นๆ พลันไหลออกมาอย่างที่ฟาเรสก็ไม่เข้าใจตัวเอง
...เจ็บ... มือบางกุมอกแล้วกำแน่น การกระทำของเวลอร์มันมีผลต่อความรู้สึกเขามากมายจนตระหนักได้ว่าเขาแคร์อีกฝ่ายเหลือเกิน แม้ปกติหมอนี่จะขี้เก๊ก ปากหนัก ถามคำตอบคำและชอบแกล้ง แต่ก็ไม่ได้เย็นชาขนาดนี้ ราวกับว่าที่เวลอร์ยังอยู่ในห้องนี้เพราะเขาต้องดูแลฟาเรสตามหน้าที่เท่านั้นเอง
ไม่อยากเจอเวลอร์ที่เป็นแบบนี้ ร่างบางลุกออกจากเตียงไปที่ประตู แต่ด้วยแรงกายที่ยังกลับมาไม่เต็มที่ ทำเอาเข่าทรุดลงไปนั่งกับพื้นแต่ก็พยายามฝืนลุกเดินไปยังเป้าหมาย ตั้งใจจะล๊อคมันซะ จะได้ไม่มีใครบางคนเข้ามาเสนอหน้าให้ทรมานใจ
แกร๊ก!!! แต่ประตูเจ้ากรรมดันเปิดออกก่อนที่มือฟาเรสจะได้สัมผัสลูกบิด แล้วทั้งคู่ก็เผชิญหน้ากัน ใบหน้าเนียนที่อาบด้วยน้ำตามองอีกฝ่ายอย่างตกใจก่อนจะก้าวถอยอย่างลืมตัวเพราะไม่ได้คิดจะเผชิญหน้ากันในสภาพที่ตัวเองดูอ่อนแองี่เง่าขนาดนี้
"ปล่อยเลย" ฟาเรสว่าอย่างหัวเสียเมื่อร่างถูกอุ้มลอยจากพื้นก่อนจะถูกทิ้งลงบนเตียงนุ่ม ร่างใหญ่โถมมาทับไว้พร้อมรวบข้อมือเล็กๆ กดไว้เหนือหัว "ทำบ้าอะไร ฮึก "
"ร้องไห้ทำไม" ดวงตาสีครามมองอีกฝ่ายอย่างตัดพ้อ
...ยังมีหน้ามาถามอีก... "จะรู้ไปทำไม ไม่ต้องมาทำเป็นสนใจเลย ไอ้คนงี่เง่า เมินนักก็เมินให้ตลอดไปเลยสิ ฮึก...แม่ง ถ้าจะมาทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนแบบนี้ไปไหนก็ไปเลย" คนข้างใต้ทั้งดิ้นทั้งโวยวาย อารมณ์ขุ่นมัวที่เก็บไว้ก่อนหน้าระเบิดออกมากเป็นน้ำตาที่ไหลเอ่อ
"ไม่ไป" เสียงทุ้มบอกเรียบๆ เวลอร์จำต้องตีหน้านิ่งดัดนิสัยเด็กดื้อ แต่น้ำตาใสๆ ทำใจเขาอ่อนยวบ ฟาเรสเบ้ปากอย่างขัดใจ พร้อมหันหนีไม่ยอมมอง ริมฝีปากหนาหยักยิ้มเห็นแบบนี้รังแกไม่ลงแล้วละ
"รู้สึกยังไง หืม" เวลอร์ถามพลางเอามือข้างที่ว่าง จับคางให้ฟาเรสหันมามอง พอหลบสายตาไม่ได้เจ้าตัวเลยเลือกจะหลับตาหนี
"รู้สึกแย่ใช่ไหมละ" ใบหน้าคมโน้นลงไปจูบซับหยาดน้ำตา ทำเอาคนถูกกระทำสั่นเกร็ง
"แย่สิ นายเมินฉันแบบนี้ บอกว่าเกลียดไปเลยยังดีซะกว่า" เสียงหวานตอบปนสะอื้น
"ใช่มันโครตแย่ รู้ไหมตอนที่ฉันเห็นนายทุรนทุรายจากไอ้ยาบ้าๆ นั่น มันก็รู้สึกแย่พอกัน" จมูกโด่งคลอเคลียแก้มใสก่อนจะกระซิบบอกสิ่งที่คิด ดวงตาสีครามลืมขึ้นมองหน้าเขาอย่างฉงน
"เพราะงั้นเลยโกรธฉันหรอ" ริมฝีปากสวยเอ่ยถาม
"โกรธสิ โกรธที่นาย ทำอะไรบ้าๆ รู้ไหมทุกคนพยายามปกป้องนายมากแค่ไหน แต่นายเองกลับมาหาเรื่องให้ตัวเองเป็นอันตรายแบบนี้ มันน่าโกรธไหมละ" เวลอร์มองมาด้วยสายตาดุๆ เหมือนผู้ใหญ่ปรามเด็กอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ ฟาเรสรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันใด อย่างน้อยมันก็ดีกว่าสายตาเฉยชานั่น
"ขอโทษ" คนผิดบอกเสียงแผ่วพลางหลบสายตาคมที่จ้องเขาไม่เลิก ทำเอาแก้มใสซับสีเข้มอย่างห้ามไม่อยู่
"อืม...อย่าทำให้เป็นห่วงอีกละ" คนตัวโตรับคำพร้อมฉวยโอกาสหอมแก้มนิ่มๆ นั่นไปที ที่ทำทั้งหมดก็เพราะอยากให้ฟาเรสรับรู้สิ่งที่เขารู้สึกบ้าง จะได้ไม่กล้าทำอะไรแบบนี้อีก
แม้ฟาเรสจะเรียนเก่ง และเป็นคนฉลาด แต่อย่าลืมว่าเจ้าตัวเพิ่งสิบหกแม้จะเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็ตาม ความคิดอ่านบางอย่างยังไม่ค่อยรอบคอบ และบางครั้งก็ทำอะไรโดยไม่นึกถึงผลที่ตามมา เหมือนครั้งนี้ หากเวลอร์ไม่อยู่ และผสมยาแก้ได้ทันท่วงที ร่างกายบอบบางนี่อาจช๊อคจนถึงตายได้ ยิ่งมีเจมไหลเวียนในกายยิ่งเป็นอันตรายจากพลังที่ไม่สมดุลและควบคุมไม่ได้ เพราะแท้จริงแล้วฟาเรสมีพลังเวทย์บริสุทธิ์ ไม่จำเป็นต้องใช้สื่อกลางก็แสดงพลังออกมาได้ หากแต่ต้องฝึกฝนเรียนรู้เท่านั้นเอง
"
เฮ้ย!!!" พอความขุ่นเคืองจางไปความเขินอายก็เข้ามาแทน ฟาเรสร้องออกมาเมื่อตระหนักได้ถึงสภาพของตัวเองในตอนนี้ โดนคนอื่นคร่อมไว้ขนาดนี้แถมเป็นผู้ชายตัวโต หากเป็นสาวอกตูมๆ เขาคงยินดี แต่นี่มันไม่ใช่แล้ว ข้อมือที่โดนรวบไว้มันชักเจ็บขึ้นมาซะแล้วสิ
"เว ปล่อย"
"หืม..."
"ปล่อยมือ มันเจ็บ"
"อ๊ะ...โทษที" มือกร้านคลายออกแต่ไม่วายดึงแขนเล็กๆ นั่นมาจูบเบาๆ ตรงข้อมือที่เป็นรอยแดง ทำเอาหน้าเนียนเห่อร้อนไปหมด
"งื้อ พอ พอแล้ว ลุกออกไปด้วยมันหนัก" ใบหน้าหล่อยิ้มรับก่อนจะพลิกตัวฟาเรสให้มาอยู่ด้านบนแล้วกอดกระชับ
"ไม่หนักแล้วนะ" ร่างบางถึงกับเหวอไม่คิดว่าจะมามุกนี้ ทั้งขืนตัวออกทั้งทุบทั้งตีแต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะปล่อยซ้ำร้ายยังกอดแน่นกว่าเดิม จนฟาเรสต้องหยุดเองเพราะกลัวมีคนช้ำตายไปเสียก่อน
"ไอ้บ้าเว" ฟาเรสสบถเบาๆ ก่อนจะซุกหน้ากับแผ่นอกกว้างอย่างปลงๆ จบด้วยการอยู่เฉยๆ ให้เขากอดทุกทีสิให้ตาย ควรทำใจให้ชินสินะ
.....................................................
-มาต่อแล้วจ้า
-มันยังเรื่อยๆ เปื่อยๆ อยู่เลยเนอะ เนื้อเรื่องอะ
- เราลองวาดรูปฟาเรสดู แต่ก็ฉีกทิ้งไปหลายแผ่น แบบมันไม่ถูกใจไรงี้ จะพยายามวาดให้เสร็จเน้อ