บทที่ 6
เช้านี้ฟาเรสตื่นมาด้วยอาการมึนๆ มันตื้อไปหมด แถมยังปวดหัวจี๊ดๆ อีก ร่างโปร่งลากสังขารเข้าห้องน้ำจัดการตัวเอง น้ำเย็นๆ ไม่ได้ช่วยเลย ให้ตายเหอะ วันนี้มีวิชาเอกไม่อยากขาดเพราะตอนเกิดเรื่องก็ขาดเรียนไปเยอะแล้ว
ฟาเรสจัดการตัวเองเสร็จก็ออกจากห้องพัก พอดีกับเวเลอร์กำลังล๊อคห้องตัวเองอยู่พอดี
"ไง เว" ร่างโปร่งนิ่งงันไปชั่วครู่ก่อนจะนึกได้ว่าควรเอ่ยทักทาย
"หน้าซีดๆ นะ"
"เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย เลยแฮง" ว่าแล้วก็กระชับกระเป๋าแล้วเดินตรงไปยังลิฟโดยมีร่างสูงเดินตามมาติดๆ
ไม่รู้สิ ฟาเรสไม่อย่างเห็นหน้าไม่อยากสนิทไปมากกว่านี้ เหมือนมีแค่เขาที่รู้สึกผูกพัน แต่อีกฝ่ายอาจไม่รู้สึกแบบนั้นเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าเวลอร์เข้าหาเขาเพราะอะไร...แล้วทำไมต้องมาคิดเล็กคิดน้อยด้วยก็ไม่รู้
"เฮ้ เป็นอะไรหรือเปล่า" ไม่รู้ฟาเรสทำหน้าแบบไหนอีกฝ่ายถึงทักขึ้น
"แค่ปวดหัวนิดหน่อย" เมื่อมือใหญ่กำลังจะเอื้อมมาสัมผัส ร่างบางเอนหลบแทบทันที "เอ่อ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก"
"
เป็นสิ!!!" นัยน์ตาคมหรี่มองอย่างคาดคั้น
"เอ๊ะ นายนี่บอกไม่เป็นก็ไม่เป็นสิ" ฟาเรสบอกปัดอย่างหงุดหงิด ทำไมต้องทำท่าเป็นห่วงมากมายแบบนั้นด้วย แล้วคนโดนว่าก็เอื้อมมือไปกดปุ่มหยุดลิฟทันที
"ไม่พอใจอะไรฉัน" เวลอร์มองเขาอย่างคาดคั้น
"เปล่านี่"
ปัง!!! ฝ่ามือใหญ่กระแทกเข้ากับผนังลิฟอย่างแรง แขนแกร่งกักร่างของฟาเรสไว้ติดมุมกันหนี จำต้องสบกับนัยน์ตาสีอำพันวาวโรจน์อย่างเลี่ยงไม่ได้
"
ปล่อย!!!"
"จนกว่าจะบอกว่าเคืองฉันเรื่องอะไร" เสียงทุ้มกล่าวเรียบๆ พยายามดันอกแกร่งออกให้ห่างตัวแต่ไม่แม้แต่ขยับจนฟาเรสเริ่มรน
"นายจะสนทำไมว่าฉันจะรู้สึกยังไง ป้ากับลุงส่งนายมาดูแลฉัน แต่ตอนนี้มันไม่มีอันตรายอะไร เราก็ต่างคนต่างอยู่สิ" นัยน์ตาสีครามจ้องเขม็งไปที่ร่างสูงตรงหน้า "ไม่ต้องมาทำเป็นห่วง เป็นแคร์ ไม่ต้องมาบอกมาสอน ไม่ต้องมาทำอะไรทั้งนั้นถ้านั่น มันเป็นแค่หน้าที่" น้ำเสียงสั่นเครือดังขึ้นเรื่อยๆ จนแทบตะโกนใส่หน้าอีกคน
ฟาเรสก้มหน้านิ่ง สูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบสติอารมณ์ที่ขุ่นมัวของตัวเอง คนที่ไม่เคยแคร์อะไรแบบเขาต้องมาหัวร้อนไปกับเรื่องของคนอื่น ตลกสิ้นดี
"รู้ไหมฟาร์" เสียงทุ้มเอ่ยเรียกหลังจากเงียบไปซักพัก "คนอย่างฉันไม่มีใครสั่งได้หรอกนะ"
"แล้วที่ป้าโอเรนบอกละ"
"นั่นก็ใช่ แต่เธอไม่ได้บอกนิว่าส่งฉันมา"
ใบหน้าคมก้มลงมาจนแทบชิดปลายจมูกแตะกันผะแผ่วชวนให้ใจสั่น นัยน์ตาสองสีสบกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
"ฉันอยู่ตรงนี้เพราะอยากอยู่ ทำเพราะอยากทำ ไม่มีใครสั่งทั้งนั้นเข้าใจไหม" น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอก ถึงมันจะเบาแต่ก็ได้ยินชัด เพราะยืนใกล้กันขนาดนี้ ขนาดที่สัมผัสถึงไออุ่นจากร่างสูงใหญ่ตรงหน้า มันช่างให้ความรู้สึกปลอดภัยเหลือเกิน จึงได้แต่พยักหน้าว่าเข้าใจ
"เลิกคิดมากซะนะ"
ฟาเรสเลือกที่จะหลับตาลงเพราะไม่อาจสบตาอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ หัวใจเต้นแรงเกินจะควบคุม ความร้อนซ่านทั่วใบหน้าไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันแดงแค่ไหน
"น่ารัก หึๆ" คำชมที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างถูกใจ ยิ่งทำให้ร่างบางถึงกับไปไม่เป็น แก้มที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปอีก ฟาเรสผลักไหล่หนาออกห่างจนเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน ใบหน้าคมคายที่มักจะเรียบเฉยบัดนี้แต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม ที่แม้ฟาเรสจะเป็นผู้ชายยังเขินแทบตาย
"นี่ จะอยู่ในนี้อีกนานไหม" ฟาเรสอุบอิบพลางทำหน้ามุ่ย คนข้างนอกคงคิดว่าลิฟค้างแล้วมั้ง คนตัวโตผละออกแล้วหันไปกดซ้ำปุ่มเดิมเพื่อให้ลิฟไปต่อ แล้วหันยิ้มกวนๆ ใส่ เขาละอยากจะเอาเล็บข่วนหน้าหล่อๆ นั่นซักทีข้อหาหมั่นไส้
............................................
"นี่พวกนายเห็นประกาศมหาลัยหรือยัง" เซียเปิดประเด็นขณะที่พวกเขาทั้งหกกำลังจัดการมื้อเช้าอยู่
"เรื่องการประลองนะหรอ" พรีมถาม
"ใช่ เอแวนการ์ดจัดงานประลองประจำปี ใครลงก็ได้ไม่จำกัดคณะ ไม่จำกัดชั้นปีด้วย คนชนะก็จะได้โควต้าบรรจุเข้าทำงานในเอแวนการ์ดทันทีหลังเรียนจบ" มาวิคอธิบายอย่างตื่นเต้นดูก็รู้ว่าเขาสนใจในการประลองไม่น้อย
"แต่อีกเดือนก็จะสอบปลายภาคแล้วเนี่ยนะ" ฟาเรสแย้ง ก็รู็ๆ กันว่าคะแนนสอบปลายภาคแรกมันเป็นการตัดสินว่าคุณจะได้อยู่ในอานิมาต่อหรือไม่
"แต่ครั้งนี้พิเศษหน่อย ที่รีบจัดเพราะแปดคนที่เข้ารอบสุดท้ายจะถูกส่งไปลองงานกับหน่วยพิทักษ์ของเอแวนการ์ดตอนปิดเทอมนะสิ เป็นหน่วยที่ทำงานอิสระ ส่วนใหญ่เป็นงานจัดการกับพวกปีศาจ งานหลักๆ ก็คือพวกไวด์โซล" คำบอกเล่าของโอซี่ดึงความสนใจของฟาเรส
...หน่วยที่กำจัดไวด์โซลงั้นหรอ... "ว่าแต่เปิดรับสมัครวันไหน" ฟาเรสถาม
"นายจะลงหรอ เริ่มวันนี้ไปจนถึงมะรืน" โอซี่ถามอย่างแปลกใจ "จริงๆ ส่วนใหญ่ที่ลงก็มีแต่เด็กคณะฉัน จะไหวหรอเนี่ย" คนถูกถามได้แต่ยิ้มแห้งๆ กลับไป
"ด้านการใช้เวทย์น่าจะไหวอยู่ ส่วนการต่อสู้ทางกายภาพนี่ไม่รู้แฮะ แต่ถ้าอยากลงจริงๆ ฉันช่วยซ้อมให้ได้นะ" มาวิคบอกพร้อมยิ้มกว้าง "แล้วถ้านายจับคู่มาเจอฉันละก็ ยอมนอนให้เหยียบเลยเอ้า!!!" คำพูดทีเล่นทีจริงเรียกเสียหัวเราะของคนในโต๊ะ
"จะไปได้ซักเท่าไหร่เหอะมาวิค ไม่ใช่ว่าตกตั้งแต่รอบแรกหรอกนะ" พรีมแขวะ
"หึ ถ้าฉันเจอนายรอบแรกไม่ตกหรอก" มาวิคย้อนเรียกเสียงหัวเราะอีกระลอก
"พูดแบบนี้ไปกรอกใบสมัครเลยไป" พรีมท้า
"หึๆ จัดไปอย่าให้เสีย"
...............................................................
ฟาเรสแทบจะไม่มีสมาธิเรียนวิชาเอกเลยวันนี้ ในหัวกำลังคิดเรื่องการประลองที่จัดขึ้นว่าควรลงดีไหม เขาไม่ได้อยากชนะ แค่อยากลองไปทำงานในหน่วยพิทักษ์ อยากจะล่าพวกไวด์โซล อยากกำจัดมัน ฆ่าพวกมันด้วยมือตัวเอง
"ฟาร์! ฟาเรส" เสียงเรียกใกล้ๆ ทำเอาร่างบางสะดุ้ง นัยน์ตาสีเทาของลุงเอเบรียนหรี่มองอย่างจับผิด "ดูไม่มีสมาธิเลยนะ"
"คิดเรื่องการประลองอยู่สินะ" เวลอร์ถามพลางหันมามองเขาอีกคน
"หลานอยากลงหรอ" ชายสูงวัยถามพลางวางตำราลงบนโต๊ะ
"ก็คิดๆ อยู่ ผมสนใจหน่วยพิทักษ์ครับ อยากล่าพวกไวด์โซล อยากทำกับมันแบบที่มันทำกับครอบครัวผม" ดวงตาสีครามหมองเศร้า เขานิ่งเฉยกับการตายของครอบครัวมานานเกินไป อย่างน้อยก็อยากจะทำอะไรบ้างแม้รู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่พร้อม
"ลุงเข้าใจในสิ่งที่หลานต้องการ ก็ลงแข่งสิ ทำในสิ่งที่อยากทำจะได้ไม่ต้องมาเสียดายตามหลัง" ชายชราบอกพลางลูบหัวเขาเบาๆ "หลานอยากเรียนอยากรู้อะไรขอแค่บอก ลุงกับเวนะพร้อมจะช่วยเสมอ จริงไหมเว" เจ้าของชื่อพยักหน้ารับเพื่อย้ำคำ
"นั่นสินะ ถ้าแค่การประลองยังไปไม่รอดแล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาแก้แค้นให้ท่านพ่อกัน ว่าแต่พวกไวด์โซลเนี่ยเกิดขึ้นได้ยังไงครับ" นอกจากรู้ว่าเป็นปิศาจจำพวกหนึ่งฟาเรสก็ไม่รู้อะไรเกียวกับมันเลย
"เป็นปิศาจที่มาจากโลกอื่นนะ" เวลอร์บอก "นอกจากโลกที่เราอยู่ก็จะมีโลกของคนตาย มีการบิดเบี้ยวของมิติเวลาทำให้เกิดช่องว่าง เลยมีปีศาจจากอีกโลกหลุดรอดออกมา มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว เป็นธรรมชาติของโลกก็ว่าได้" เสียงทุ้มอธิบายชัดถ้อยชัดคำ
"แต่พวกที่โจมตีครอบครัวผมละ มันเจาะจงอย่างกับว่ามีใครสั่งมันมางั้นแหละ" ฟาเรสแย้ง เป็นไปได้ไหมที่มีคนเรียกมันออกมา ไม่มีทางที่กองทัพย่อมแบบนั้นจะผ่านเข้าเมืองมาโดยไม่มีใครเห็นเว้นแต่ ช่องว่างจะถูกเปิดขึ้นใกล้ๆ
"ก็มีนะสิ คนที่มีพลังเวทย์และสายเลือดที่เหมาะสมจะสามารถเปิดปิดประตูมิติได้ตามใจ และคนที่เรียกพวกมันมาก็สามารถควบคุมไวด์โซลพวกนั้นได้ ถ้าทำถูกวิธี"
"เพราะอย่างนั้นหลานถึงถูกส่งมาอยู่ที่นี่ เพราะดูเหมือนว่าหลังจากเกิดเรื่อง มีไวด์โซลถูกส่งมาเก็บหลานอยู่หลายรอบ มาคัสกับโอเรนเห็นท่าไม่ดีเลยส่งเรามา ในเขตอานิมาซึ่งถูกกางด้วยอาคมน่าจะปลอดภัยจากพวกนั้น อย่างน้อยๆ จนกว่าจะเรียนจบก็จะไม่มีใครทำอะไรเราได้ ถึงตอนนั้นลุงว่า ฟาเรสของลุงคงเก่งพอจะเอาตัวรอดแล้วละ" ร้อยยิ้มอบอุ่นถูกส่งให้ ทำไมทุกคนถึงพยายามปกป้องฟาเรสนัก นี่เขามีค่าขนาดนั้นเลยหรอ
กว่าวิชาเอกจะจบเล่นซะบ่าย ทั้งที่ลุงเอเบรียนตั้งใจจะสอนถึงเที่ยง ก็มัวแต่คุยเรื่องการประลองกับเรื่องไวด์โซลนี่แหละเลยทำให้เสียเวลาไปบ้างจนถูกผู้เป็นลุงบ่นนิดหน่อย
"เว เหลือแค่สปาเกตตี้กับข้าวผัด นายเอาอันไหน" ฟาเรสถามพลางสำรวจสะเบียงที่เหลือในตู้เย็น เดี๋ยวนี้เรียกเวตามท่านลุง ต้องขอบคุณบ้านหลังที่สองในโดมกระจกแห่งนี้ที่ทำให้ฟาเรสไม่ต้องหิ้วท้องที่กำลังหิวไปถึงโรงอาหาร
"อันที่นายไม่กิน" เยี่ยม...ตอบแบบนี้
"อยากกินทั้งสองเลยอะ" ร่างบางหันไปบอกพลางทำหน้าละห้อย
"งั้นก็อุ่นมาแล้วแบ่งกัน" หันมาตอบแค่นั้นก่อนกลับไปสนใจหนังสือในมือต่อ ร่างสูงกึ่งนั่งกึงนอนอยู่บนโซฟาตัวยาว ดูสบายๆ
...รอกินเป็นคุณชายเลยนะ... หลังจัดการอาหารมื้อเที่ยงในยามบ่ายกลายเป็นฟาเรสที่มานอนเหยียดบนโซฟาแทน ในเมื่อเขาเป็นคนทำอีกคนก็ต้องเป็นคนเก็บสิ ว่าแล้วก็หยิบหนังสือที่เวลอร์อ่านทิ้งไว้มาดูฆ่าเวลา พึ่งสอบกลางภาคไปหยกๆ เลยค่อนข้างว่างในช่วงนี้
เป็นตำนานปรัมปราของนอธ เรื่องคิเมร่า คิเมร่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างคนกับสัตว์ ในยามปกติมีร่างกายเป็นมนุษย์บางทีก็กลายร่างเป็นสัตว์ได้ ว่ากันว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งและมีอายุยืนยาวแล้วก็ลึกลับที่สุดในเอสทีเรียด
...ชักอยากเห็นตัวเป็นๆ แล้วสิ... "
เฮ้ย!!!" ฟาเรสร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ถูกช้อนอุ้มขึ้น แถมคนอุ้มยังทิ้งตัวลงบนโซฟาแทน ทำให้ร่างทั้งสองเอนลงไปด้วยกันจนกลายเป็นตัวเขาทับอยู่บนตัวอีกฝ่าย ใบหน้าเนียนกระทบเข้ากับอกแกร่งอย่างไม่ทันตั้งตัว
"เล่นบ้าอะไรของนาย" ฟาเรสโวยอย่างตระหนก
"ง่วง" เวลอร์บอกแค่นั้นก่อนจะหลับตาลงทันที แต่ไอ้รอยยิ้มน้อยตรงมุมปากนี่สิ ไม่บอกก็รู้ว่าถูกแกล้ง
"ง่วงก็นอนไปคนเดียวสิ จะมากอดฉันไว้ทำไมเล่า" ว่าพร้อมกับฟาดที่ไหล่ของคนใต้ล่างเต็มมือ แต่พอทำท่าจะลุกออกกลับถูกแขนแกร่งกอดเอวไว้แน่น "ปล่อยเลย" ฟาเรสบอกเสียงสั่นเพราะหัวใจที่เริ่มเต้นแรง
...หมอนี่เป็นผู้ชายจะตื่นเต้นทำไมเนี่ย... "เขินหรอ" ดวงตาสีอำพันลืมขึ้นมามองอย่างล้อเลียน ฟาเรสก็คนนะ ถูกกอดไว้แบบนี้ไม่รู้สึกอะไรก็บ้าแล้ว แถมไอ้คนกอดนี่หน้าตาก็ไม่ใช่เล่นๆ
"เปล่าซักหน่อย" แล้วใครเล่าจะยอมรับ
"งั้นที่หน้าแดงก็ไม่สบายสินะ หึๆ" เสียงทุ้มพูดเนิบๆ พลางหัวเราะเบาๆ นี่เขาแฮงจนเบลอหรือเวลอร์กินยาผิด ปกติเห็นออกจะเงียบดีแท้ แต่ทำไมวันนี้กวนประสาทจริง
"วันนี้นายมาแปลก" นัยน์ตาสีครามมองคนตรงหน้าอย่างงุนงง
"นี่ฉลาดแต่เรียนเรียนใช่ไหม" พูดแบบนี้หมายความว่าไง นี่ว่าเขาบื้อหรอ ฟาเรสค้อนควับใส่คนพูดแทบจะทันที ไอ้อาการมุ่ยหน้าอย่างขัดใจช่างดูน่ารักเสียจนเวลอร์ชักสนุกที่ได้แหย่อีกฝ่ายเล่น
"ปล่อยเลย" ฟาเรสบอกเสียงห้วน
"ไม่" อีกฝ่ายหลับตาหนี อยู่แบบนี้นานๆ เริ่มอึดอัด ร่างบางดิ้นไปมาอย่างหงุดหงิดพยายามขืนตัวออก "อยู่นิ่งๆ เป็นไหม" คนตัวโตดุ พร้อมกดหัวเด็กดื้อแนบอกพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นจนอีกฝ่ายหมดทางดิ้น
ฟาเรสได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ กับความเอาแต่ใจของอีกคน พอเริ่มเงียบจิตใจก็เริ่มสงบ กลิ่นไอจากร่างที่โอบกอดเขาไว้ มันช่างอบอุ่นอย่างประหลาด
...อยู่แบบนี้ก็สบายดีเหมือนกัน... ฟาเรสคิด
"เฮ้ เว" ฟาเรสเรียกเสียงเบาหลังจากเงียบไปนาน
"ว่าไง"
"ฉันจะเข้าร่วมการประลอง" อย่างที่ท่านลุงบอก ทำถ้าอยากทำไม่ต้องมาเสียดายทีหลัง
"อืม เดี๋ยวลงด้วย" อีกคนรับคำพลางลูบผมนุ่มเบาๆ ทั้งที่ยังหลับตาอยู่แบบนั้น ทำอย่างกับเขาเป็นเด็กเล็กๆ
"นายก็อยากลองทำงานในหน่วยพิทักษ์เหมือนกันหรอ"
"ไม่อยาก"
"หรือว่านายอยากชนะ"
"ฉันไม่สนใจเรื่องแบบนั้นหรอก"
"แล้วจะลงทำไมละ" ฟาเรสเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย เวลอร์ลืมตาขึ้นมามองเขาอีกครั้ง นัยน์ตาสีอำพันฉายแววจริงจังจนไม่อาจละสายตาไปได้ ก่อนที่คำพูดต่อมาจะทำให้ใบหน้าเนียนแดงซ่านอยากห้ามไม่อยู่
"ก็แค่อยากอยู่กับนาย ฟาเรส"
......................................
-พี่เว เริ่มแล้วเนอะ ปล่อยให้คนอื่นแซะมานาน
-มาอัพแล้ว แอบมาอัพในเวลางาน นั่งว่างๆ มองซ้ายมองขวาเจ้านายไม่อยู่ คิคิ
-สำหรับเรื่อง Dark Wing จริงๆ เราไม่ได้ทิ้งน้องเรนหรอก กำลังเขียนๆ อยู่ รอทกับโยนาห์ก็เขียนอยู่ เขียนหลายเรื่องไม่เสร็จซักกะอัน
มาตามสภาพอารมณ์ แต่ตอนนี้กำลังเห่อเรื่องนี้อยู่อะ
-ขอบคุณทุกคนนะค่ะ มีอะไรแนะนำได้น้าาา นี่ก็เรื่องที่สามแล้วเราเลยอยากให้มันออกมาดี ในแบบที่ทั้งเราและผู้อ่านมีความสุขกับมัน