เด็กลุง___________________________________________________
วันนี้ภูมิภัทรมายืนหน้าร้านกาแฟร่มรื่นแห่งนี้ตั้งแต่สิบโมงเช้าซึ่งเป็นเวลาที่ร้านพึ่งจะเปิด เนื่องจากเมื่อคืนเขาโทรหาคนตัวเล็กอยู่หลายรอบแต่ไม่มีวี่แววว่าน้องเนจะรับหรือตอบกลับแม้แต่น้อย แต่เดิมแล้วเขาไม่ได้มีความจำเป็นทั้งไม่ชอบการวิ่งตามคนอื่น...สำหรับไอ้ตัวเล็กคือเขาเป็นห่วงเสียมากกว่า และดูเหมือนความเป็นห่วงของเขาจะสิ้นสุดลงเมื่อเห็นอีกคนกำลังจัดการเปิดร้านด้วยท่าทางแข็งขันเช่นเดิม จะมีเพียงแต่ใบหน้าน่ารักที่มักจะยิ้มกวนๆหรือไม่ก็ทำหน้าหงิกๆที่ดูแปลกไป น้องเนของภัทรดูไม่ร่าเริงเหมือนเดิม
“ชาดำแก้วนึงครับ”
เขาเอ่ยทักเมื่อผลักประตูเข้าไปแล้วอีกคนที่กำลังถูพื้นอยู่ไม่มีท่าทีว่าจะหันมา
“รอแป้ปนะครับ...”
เสียงนั่นบอกด้วยความสุภาพพอควร แต่พอหันมาเจอว่าลูกค้าคนแรกของวันเป็นใครน้ำเสียงของคนที่ถูพื้นอยู่ก็เปลี่ยนไปทันที
“ไม่มี”
อ้าว... เมื่อครู่ยังบอกให้รออยู่เลย ภูมิภัทรหัวเราะให้กับท่าทางมึนตึงเช่นนั้นก่อนจะบอกออกไปใหม่
“งั้นเอากาแฟดำครับ”
เขายิ้มให้ไอ้ตัวเล็กที่ตอนนี้หน้าเริ่มจะยุ่ง
“ไม่มี”
จะไม่มีได้ยังไง... ภูมิภัทรว่าบางทีเขาคงพลาดอะไรบางอย่างไปแน่นอน แม้เนจะเด็กไปหรือดูขี้งอนไปบ้างแต่ภัทรก็ไม่เคยเห็นครั้งไหนเลยที่น้องจะงี่เง่าและไร้เหตุผลเพราะฉะนั้นเขาจึงคิดว่าตนพลาด
“งั้นเอาอะไรก็ได้ครับ
คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าทำใจดีสู้เสือ
“ไม่ขาย”
วันนี้ผมสีสว่างจัดของไอ้ตัวเล็กที่เริ่มยาวถูรวบไว้ที่ด้านหลังหลวมๆ ภัทรว่าหัวเหม่งนั่นน่ารักดีแต่พอเหลือบไปเห็นใบหน้าขุ่นเคืองของคนที่เด็กกว่าภูมิภัทรถึงได้เริ่มใจเย็นไม่ไหว
“อะไรกันครับตัวเล็ก”
เขาหุบยิ้มและก้าวเท้ายาวๆเข้าไปหาอีกคน วั้นนี้ภัทรมีประชุมตอนสิบโมงกว่าในโรงงาน เขาตื่นเช้ากว่าเดิมเพื่อตรงมาหาน้อง แต่จนแล้วจนรอดคนที่มาหานั้นยังไม่ยอมคุยกันดีๆสักคำ
“นี่ลุง!! ถอยไปเลยนะ”
ก่อนที่เขาจะเดินถึงตัวเน ภัทรก็เหลือบไปเห็นเด็กอีกคนเดินออกมาจากหลังร้านพร้อมกับเสียงที่ดังและท่าทางไม่เป็นมิตร ซึ่งเขาหาสนใจไม่ตอนนี้เขาโฟกัสที่ไอ้ตัวเล็กผู้กำลังกอดไม้ม็อบแน่นเพียงคนเดียว
“น้องเนครับ”
ภูมิภัทรเรียกคนที่ไม่ยอมพูดอะไรอีกครั้ง เขาเริ่มจะงงเสียแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ่งพอมองคิ้วได้รูปที่ขมวดแน่นและตาที่เริ่มแดงรื้นของอีกคนแล้วก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก
“ห้ามแตะเลยนะลุง ขยับออกไป”
ก่อนจะมือเขาจะแตะลงบนบ่าไอ้ตัวเล็ก น้องชายที่ตัวพอๆกันก็วิ่งมาขวางแถมปัดมือใหญ่ของภูมิภัทรออกอย่างทันท่วงที
“ตัวเล็กเป็นอะไร บอกพี่ก่อน”
ภัทรพยายามคุยกับอีกคนที่เม้มปากแน่น ไอ้เนปล่อยไม้ม๊อบลงพื้นแล้วเปลี่ยนมาจับชายเสื้อของน้องชายไว้แทน เนสบตากับไอ้ลุงแค่ครู่เดียวก่อนจะก้มลงซบหลังของนาย
“นาย ไม่เอาแล้ว ช่วยด้วย”
แต่เดิมเนไม่ใช่เด็กที่อ่อนแอ มันอยู่ของมันได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งใครเพราะมันไม่เคยมีเรื่อง มันมีโลกของมันเอง ในหัวสีขาวอมเทามีแค่เรื่องกาแฟและเสื้อผ้าคัตติ้งสวยๆของโตเกียวแฟชั่นวีค แต่คงเพราะนายปกป้องมันเกินไปและแคร์มันเกินไป คุณพี่ชายจึงชอบที่จะอ้อนน้อง แล้วพอยิ่งอ้อนสำเร็จก็ยิ่งได้ใจ
“ออกไปเลยนะลุง จะไปกินกาแฟหรูที่ไหนก็ไป ไม่ต้องมาที่นี่อีก”
ภัทรลอบถอนหายใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะมองข้ามหัวคนข้างหน้าไปมองเจ้าตัวเล็กข้างหลัง
“เนเป็นอะไร”
คนที่ถูกเมินอย่างไอ้นายถึงกับฉุนจัด มันเงยหน้ามองไอ้ลุงอย่างไม่พอใจ ถ้าต่อยแล้วเขาไม่ต่อยกลับมามันคงทำไปแล้ว
“เป็นเพราะลุงนั่นแหละ ต้องการอะไรวะ”
คำตอบของคุณน้องชายทำเอาภูมิภัทรชักงักไป เมื่อคนที่หลบอยู่ข้างหลังน้องชายไม่มีวี่แววว่าจะเงยหน้าขึ้นมา เขาจึงหันความสนใจมาที่คนเป็นน้องแทน
“มันเกิดอะไรขึ้นครับ”
พอถามออกไปแบบนั้น ดูเหมือนว่าคุณน้องที่หวงพี่ชายยิ่งกว่าพ่อก็เริ่มโมโหมากกขึ้น
“ไม่ต้องมาเนียนเลยลุง อย่าคิดว่าเป็นเจ้าของบริษัทแล้วจะทำอะไรก็ได้นะเว้ย!!”
คำตอบนั่นกลายเป็นการตวาดเสียไม่ได้ ภูมิภัทรถึงบ้างอ้อในที่สุด เขายืนมองคู่พี่น้องที่เกาะติดกันดูไปบางทีก็น่ารักดีแต่บางทีก็อยากจะจับแยกให้ห่าง ภัทรไม่ได้ตั้งใจที่จะโกหกน้องเนและมันก็ไม่ใช่การลองใจหรือการปิดบังสถานะแบบในละครด้วย แม้เขาจะยอมรับว่าบทละครเช่นนั้นงี่เง่าแต่เชื่อเถอะว่าเขาเคยเจอแบบในละครมาทุกรูปแบบแล้ว มีตั้งแต่คนที่รู้ว่าเขาฐานะดีแล้วเขาหาดื้อๆเพื่อให้เขาเลี้ยง ทั้งเข้าหาด้วยชื่อเสียงซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่บริสุทธิ์ใจ หรือมีแม้กระทั่งไม่เชื่อเพราะเห็นว่าเขาเด็กเกินไปที่จะบริหารงานเช่นนั้นได้
ภัทรจึงเลี่ยงเสมอในการบอกคนที่ไม่เกี่ยวข้องว่าเขาทำงานอะไร อันเนื่องมาจากเพราะอยากหลีกหนีความรำคาญล้วนๆทีเดียว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนคนที่สามารถหาทางออกให้ตัวเองได้ตลอดอย่างภูมิภัทรจะพลาดจริงๆเสียแล้ว น้องเนเป็นคนตรงไปตรงมาเช่นนั้นแล้วน้องคงอยากจะได้ความตรงไปตรงมาไม่ต่างกัน
“ขอพี่คุยกับเนก่อนนะครับ”
เขาพยายามใจเย็นและพูดด้วยเสียงที่เบาลง
“ไม่ให้คุย! ไม่ให้เนคุย!”
แต่เด็กอีกคนกลับตะโกนเสียงดัง ในตอนนี้คนที่มีวุฒิภาวะมากกว่าหลายเท่าตัวอย่างผู้บริหารและหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทที่มีมูลค่าการลงทุนหลายพันล้านกำลังเล่นจ้องตากับเด็กอายุ 18 กันแบบไม่มีใครยอมใคร
“นาย ไปกันเถอะ”
และดูเหมือนคนที่เงียบมานานจะทนความกดดันไม่ได้ ท้ายที่สุดไอ้เนก็ไม่ยอมสบตากับลุง มันใช้น้องชายบังตัวเองแล้วเดินลิ่วเข้าไปหลังร้านโดยปล่อยให้อีกคนที่ดูจะใจเย็นหัวเสียขึ้นมาทันทีไม่ต้องเดาก็รู้ว่าวันนั้นภูมิภัทรคงเข้าประชุมไม่ค่อยรู้เรื่องอย่างแน่นอน
***
วันนี้อาจจะเป็นวันที่สามหรือสี่ที่เขามาที่นี่ในตอนเช้า เพราะภัทรรู้ดีว่าหากมาในตอนเที่ยงคงไม่ได้คุยกันเพราะลูกค้าเยอะ
“เอาชาดำครับ”
ภัทรบอกแล้วยิ้มให้อีกคนที่กำลังยืนพิจารณาต้นบอนไซตรงลานข้างนอกของร้าน คนที่หันหลังให้สะดุ้งนิดหน่อยก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อคุณน้องชายก็ผลักประตูร้านแล้วปรี่เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“ไม่มี!”
ตัวพ่อมาแล้ว...นั่นมีปุ่มกดเรียกออกมารึเปล่า? แรกๆภัทรยอมรับว่าหัวเสียกับคุณน้องชายพอสมควร แต่พอเจอกันมากเข้ากลับมองเห็นแค่เจ้าหมาตัวเล็กที่ช่วยปกป้องแมวตัวเล็กเท่านั้น...ออกจะน่าเอ็นดู...
“น้องนายครับขอพี่คุยกับเนหน่อยนะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ภัทรหันไปขออนุญาติอีกคนดีๆ เพราะจะช้าจะเร็วสักวันก็ต้องผูกมิตรกันอยู่แล้วแต่ดูเหมือนอีกคนไม่ได้อยากเป็นมิตรด้วยแม้แต่น้อย
“ลุงนี่บอกไม่ฟังเลย บอกว่าอย่ามาที่นี่อีกไง”
ไอ้นายเกาหัวตัวเองอย่างหมดคำพูด อันที่จริงมันไม่รู้มากหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นรู้เพียงแค่ว่ามีลูกค้ามาถามน้องเนของมันว่าเป็นอะไรกับภูมิภัทรและดูเหมือนลูกค้าคนนั้นจะเป็นพนักงานในบริษัทนั่นเอง เนก็เนียนคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยตามประสาจนกระทั่งคุยกันมากขึ้นถึงได้รู้ว่าภูมิภัทรไม่ได้ทำงานบัญชีอย่างที่คิด นั่นทำเอาคนตัวเล็กมึนไปพักนึงเลยทีเดียว ไอ้เนถามพี่คนนั้นซ้ำอยู่เกือบห้ารอบว่าภูมิภัทรเป็นเจ้าของบริษัทจริงหรือ? เป็นผู้บริหารจริงหรือ? ไม่ใช่ว่าเนไม่เชื่อเพราะพี่ภัทรเขายังหนุ่มแต่เพราะเนไม่เชื่อว่าคนอย่างเขาจะมายุ่งกับมันต่างหาก
เพราะเหตุการณ์นั่น วันนั้นเนจึงดูซึมผิดปกติพอมันถามพี่ชายก็บอกมันว่า “พี่ภัทรเขาคงแหย่เล่นมั้ง” ไอ้นายที่ไปอยู่อินโดนีเซียมานานไม่รู้ว่ามันฟังภาษาไทยไม่แตกฉานหรือยังไงก็ไม่ทราบ มันรู้แค่เพียงว่าต้องปกป้องพี่จากไอ้ลุงขี้โกหกให้ได้ ทั้งๆที่จริงๆแล้วนายว่าออกจะดีเสียอีก เมื่อภูมิภัทรที่เทียวมาหาพี่ชายมันออกจะหล่อแถมรวยมาก รวยไปอีก... ไม่รู้น้องเนจะโกรธทำไมนักหนา
“ขอพี่คุยกับเนก่อนนะครับ”
จริงอยู่ว่านายหวงเนมากแต่มันก็เตรียมใจมาสักพักแล้วว่าเนต้องมีแฟน ซึ่งคนสกรีนอย่างนายเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าไอ้ลุงนี่มองพี่ชายมันจนแทบจะสึก และนายก็สกรีนให้ผ่านตั้งแต่แรกที่สังเกตเห็นแว่นแบรนด์ดังที่เสียบไว้บนสูทกลีบโง้งแล้วแต่ถึงยังไงถ้าทำเนเสียใจมันก็ไม่ทนเหมือนกัน
“ไม่ให้คุย”
นายว่าแล้วยืนประจันหน้ากับคนตัวใหญ่อย่างไม่ยอมแพ้ ในขณะเดียวกันมันก็เหลือบมองนาฬิการุ่นลิมิเต็ดและเสื้อเชิ้ตตัวละหลายพันไปด้วยโดยปล่อยให้พี่ชายเดินหนีไปหลังร้านโดยง่ายดาย
***
เกือบอาทิตย์แล้วที่ภัทรไม่ได้คุยกับไอ้ตัวเล็กเลย อาจจะเป็นเพราะเขางานเยอะแต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างเพราะภูมิภัทรเป็นคนที่บริหารเวลาได้อย่างดีเยี่ยมและอีกอย่างเขาว่ามันขึ้นอยู่กับความใส่ใจด้วย ว่าไปแล้วเขาคงใส่ใจอีกคนมากทีเดียวทั้งพยายามโทรหาก็ไม่รับและแม้จะส่งขอความอะไรไปก็ไม่ได้มีผลตอบรับอะไรกลับมาเลย เขารู้ว่าอีกคนคงมีเหตุผลที่โกรธและเขาอยากรู้ถึงเหตุผลนั่น
“จอดข้างหน้าน่าจะได้มั้งครับ”
เขากรอกเสียงลงไปที่ปลายสายพร้อมกับจอดรถสปอร์ตคันหรูตรงหน้าคณะศิลปศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งอันเป็นทางออกทางเดียวที่เด็กทุกคนจะต้องเดินผ่าน ภัทรขอบคุณพี่ชัยที่เป็นธุระสืบหาบางอย่างให้ในที่สุดก่อนดับเครื่องจะเปิดกระจกทึบเพียงเล็กน้อยเพื่อสูดอากาศข้างนอกที่น่าจะสดชื่นเพราะต้นไม้ใหญ่ที่ถูกปลูกเต็มอาณาบริเวณ ในตอนนั้นก็นั่งรอใครบางคนที่น่าจะเลิกเรียนตอนบ่ายสามโมงพอดีและตอนนี้ก็บ่ายสามพอดีด้วย วันนี้ภัทรมาด้วยเสื้อยืดและกาเกงยีนส์ทรงสวยพอดีตัว ผมที่มักจะถูกหวีเรียบถูกปล่อยให้ลงมาปิดหน้าผากคงเพราะเขินที่จะมาหาน้องแต่ตัวเองแต่งตัวเสียลุงอย่างที่เขาว่าบ่อยๆ
“ไอ้เนไปไหนต่อ”
ไม่ถึงห้านาทีเป้าหมายก็เดินออกมาพร้อมกับเพื่อนกลุ่มใหญ่เกือบสิบคน แม้จะสังเกตเห็นได้ถึงรถคันสวยแต่ก็ใช่ว่าจะมองลอดฟิมล์ดำสนิทเข้ามาได้นั่นทำให้ภัทรมองและฟังเสียงที่ลอดช่องว่างของกระจกเข้ามาได้อย่างสบายใจ
“ไปซูเปอร์”
ไอ้ตัวเล็กว่าก่อนที่เพื่อนเกือบทุกคนจะประสานเสียง
“จะไปดูของเข้าร้าน”
คนที่ถูกเพื่อนล้อยิ้มจนเห็นลักยิ้มสองข้า แม้เนจะดูชอบแฟชั่นแต่ยามอยู่ในเครื่องแบบก็แต่งตัวเรียบร้อยดี วันนี้ผมสีสว่างนั่นก็ถูกถักเปียขึ้นไปให้เห็นหน้าผากมนบางทีทรงผมนั่นคงเป็นผลงานจากเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มสักคน
“เดินดีๆนะมึง อย่าไปให้ผู้ชายเดินตามอีกนะ”
อันนี้เป็นเสียงเพื่อนผู้ชายตัวโตในกลุ่ม
“เดี๋ยว ทำไมผู้ชายต้องเดินตามกูวะ”
หลังจากที่เจ้าตัวทำหน้าหงิกแล้วหันไปถามเพื่อนบทสนทนาใหม่ๆก็เริ่มขึ้น โดยที่เด็กๆกลุ่มใหญ่ยังไม่ขยับตัวไปไหนกันแม้แต่น้อย จะว่าไปแล้วภูมิภัทรก็คิดถึงสมัยมัธยมเขามีเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่ยามจะเคลื่นไหวไปไหนมาไหนจะช้าเพราะมัวแต่คุยกันหรือไม่ก็รอเพื่อนที่ยังมาไม่ครบนี่เอง
“เออ พี่บูมปีสี่จีบมันเว้ย”
อืม...ประโยคนั่นทำให้คนที่นั่งอยู่ในรถตั้งใจฟังมากขึ้น
“กูว่าแล้ว ที่เป็นเฮดว้ากใช่มะ”
“เออ แต่ไอ้เนแม่งมึน ถ้าพี่นนรู้นะกูว่ามีมวยคณะ”
“นนไหนอีกวะ”
“พี่นนเอกโฆษณา นางเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นนะเธอ คนนี้หล่อ”
“มึงเงียบเลย นอกจากพี่นนนะยังมีพี่...”
ในตอนที่เด็กๆกำลังคุยกันสนุกสนานภัทรเริ่มขี้เกียจที่จะฟังแล้ว เขารีบเปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมออกมาหาอีกคน ดูเหมือนว่าเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กในกลุ่มจะเงียบลงและเบนความสนใจมาที่เขาแทน
“น้องเนครับ”
เขาเอ่ยทักคนที่กำลังมึนอยู่ ไอ้ตัวเล็กมองเขาอยู่นิ่งๆอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีส่วนคนที่มาใหม่อย่างภูมิภัทรก็แค่ใช้รอยยิ้มธุรกิจผูกมิตรกับเพื่อนๆน้องแล้วเดินเนียนๆเข้าไปใกล้ไอ้เด็กหัวขาว
“จะกลับยังตัวเล็ก”
สรรพนามที่ถูกเรียกออกมานั่นทำเอาเพื่อนหลายๆคนอุทานไม่เป็นภาษาบ้างหยาบคายบ้าง คนที่ถูกเรียกด้วยเสียงอ่อนหวานเริ่มปั้นหน้าไม่ถูกแล้ว
“เนกลับเอง”
เจ้าตัวว่าเสียงอ่อยๆอย่างทำตัวไม่ถูกเพราะถูกเพื่อนๆจ้องจนแทบสึก
“พี่ขอเหตุผลที่ไม่อยากกลับกับพี่หน่อยครับ”
ภูมิภัทรพูดดีๆ แม้เนจะความรู้สึกช้าและมึนไปบ้างแต่มันก็รู้ได้ด้วยสัญชาติญานว่าถ้ายังรั้นมากกว่านี้พี่ภัทรต้องอุ้มมันขึ้นรถแน่นอน
“กูกลับก่อนนะ บาย”
ไอ้ตัวเล็กหันไปโบกมือให้เพื่อนๆด้วยท่าทางที่น่าสงสารเพราะเพื่อนมันส่งสายตาสอดรู้สอดเห็นมาทิ่มแทงแบบไม่ปกปิด เนเดินตามอีกคนขึ้นรถคันหรูสองประตูแบบที่ไม่เคยเห็น แต่เนมันไม่มีเวลาตื่นเต้นหรอกเพราะเจ้าตัวกำลังขมวดคิ้วจนหัวคิ้วชนกัน มันเกลียดเวลาที่ต้องคิดอะไรเยอะๆเพื่อจะพูดนี่แหละ
“พี่ภัทร”
เนเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาๆอย่างที่มันทำเป็นประจำแต่แล้วก็ไม่ถามอะไรออกมาแม้สักคำ ต้องเป็นภัทรที่เอ่ยออกไปก่อน
“หิวไหมครับ”
ภัทรขับรถไปพลางพยายามเหลือบมองอีกคนไปพลาง
“ไม่ครับ”
มือเรียวๆสองข้างนั่นกำอยู่บนตักแน่นอย่างกับเจ้าของมันกำลังคิดอะไรอยู่มากมายและดูท่าทางจะอารมณ์ไม่ดีด้วย
“โอเคครับ งั้นไปซุเปอร์ดูของเข้าร้านเนอะ”
ภัทรพยายามชวนคนตัวเล็กคุยอย่างใจเย็นทั้งๆที่ตอนนี้เขาเริ่มร้อนใจขึ้นมาบ้างหลังจากที่ได้เห็นว่าคนที่ไม่ได้เจอกันหลายวันดูไม่สบายใจ แถมต้นเหตุความไม่สบายใจดูเหมือนจะมาจากเขาเสียเอง
“พี่ภัทร”
“ครับ”
คนถูกเรียกขานรับแต่จนแล้วจนรอดคนที่เรียกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเสียที ภัทรสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจนั้นออกมา
“ไหนบอกมา โกรธอะไรพี่”
ในเมื่ออีกคนพูดเองไม่ได้เขาก็เลือกที่จะถามออกไปตรงๆแทนเพราะไม่เช่นนั้นไม่เขาก็คงคนข้างหน้านี่แหละที่ต้องเครียดและอึดอัดอยู่แบบนี้
“เนไม่ได้โกรธลุง”
จากน้ำเสียงและแววตาที่มองมานั่นโกรธชัดๆ ภูมิภัทรกลั้นขำก่อนจะบอกออกไป
“โอเค ไม่โกรธก็ได้”
เนเงียบไปอีกพักใหญ่ เงียบเพื่อเรียบเรียงคำพูดที่มีอยู่มากมายในหัวแต่เนก็ยังเป็นตัวมันอยู่วันยังค่ำ มันหันหน้าไปมองอีกคนที่กำลังขับรถให้เต็มตาก่อนจะพูดออกมาในที่สุด
“เนไม่เข้าใจว่าลุงเล่นอะไรอยู่”
เนว่าการเล่นกับความรู้สึกนั่นเองที่เจ็บกว่าสิ่งใด ตัวมันที่สับสนอยู่ในตอนแรกยิ่งมารู้ว่าเขาโกหกยิ่งไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ควรจะจัดการความรู้สึกของตนอย่างไรหากเขาไม่ได้รู้สึกเหมือนกัน คราวนี้เป็นภูมิภัทรที่เงียบไปบ้างเขาจอดรถตรงกลางแยกที่สัญญาณไฟแดงขึ้นก่อนจะหันมาบอกอีกคนด้วยท่าทางยิ้มอ่อนโยนเช่นเดิม
“ไหนใครลุงครับ”
คนตัวใหญ่ถามโดยที่ไม่ต้องการคำตอบก่อนจะลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเบามือ ส่วนคนที่มองหน้าเขาอยู่ก่อนก้มลงไปมองมือของตนที่บีบไว้แน่น ภัทรยิ้มให้กับท่าทางเช่นนั้นก่อนจะพูดต่อ
“ใครเล่นอะไร นี่พี่กำลังตั้งใจจีบตัวเล็กอยู่นะ”
คนพูดว่าพลางหัวเราะ ไอ้เนที่ดูเหมือนจะไม่เชื่อหูตัวเองเงยหน้าขึ้นมามองคนพูด มันอ้าปากแล้วหุบเหมือนจะว่าอะไรอยูหลายรอบแต่แล้วก็หลบตาไปพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสี ตั้งแต่ระยะเวลาของไฟแดงเกือบร้อยวินาทีลดลงมาถึงสามสิบวินาทีอีกคนที่ก้มอยู่เช่นนั้นถึงได้ส่งเสียงออกมาบ้าง
“ทำไมต้องจีบ”
คราวนี้ภัทรหัวเราะเสียงดัง เขาจับมือขวาที่บีบแน่นของอีกคนมาไว้ในมือใหญ่ของตน ไอ้ตัวเล็กเงยหน้ายุ่งๆมามองอย่างไม่ค่อยเชื่อใจเท่าไหร่นัก
“งั้นมาเป็นแฟนกันเลย จะได้ไม่ต้องจีบเนอะ”
ว่าแล้วภัทรหงายฝ่ามือที่เล็กกว่าของตนขึ้นในตอนนั้นเขาก็จูบตรงกลางฝ่ามือนุ่มไปทีก่อนจะออกรถเพราะไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวเสียแล้ว โดยที่ปล่อยให้อีกคนนั่งเรียงลำดับทุกอย่างอยู่ในหัวอย่างงงๆ แต่กระนั้นหน้าแดงๆก็ไม่ได้ดูร่าเริงหรือสดชื่นขึ้นเลย เมื่อรถคันหรูจอดที่ลานจอดรถของซูเปอร์มาร์เก็ตที่เนมาประจำ ภัทรที่ยังไม่ดับเครื่องและเปิดล็อคก็ไปคุยกับอีกคนในเรื่องที่ควรจะต้องคุยเสียที
“โกรธที่พี่โกหกใช่ไหมครับ”
ไอ้ตัวเล็กนั่นพยักหน้า เด็กหนอเด็ก...ในที่สุดก็ยอมรับว่าโกรธ ภัทรมองหน้าอีกคนที่มองมาก่อนอยู่แล้ว ในดวงตากลมโตแววตาเสียใจนั่นซ่อนไม่มิดหรอก
“พี่ภัทรทำเหมือนเนไม่จำเป็นต้องรู้ความจริงก็ได้ โกหกเพราะกลัวเนวุ่นวายใช่ไหม นายบอกว่าพี่ภัทรคงกลัวเนเกาะ เนไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ ทำไมต้องโกหกวะ”
เอาแล้ว…ในที่สุดก็ระเบิดออกมาแล้ว ตาของไอ้เด็กตัวเล็กแดงก่ำ พอดวงตากลมๆนั่นกระพริบลงน้ำตาก็หยดลงทันที ภูมิภัทรที่เคยเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดและเสี่ยงมานับไม่ถ้วน รู้สึกว่าตอนทำบริษัทขาดทุนเขายังไม่ใจเสียทั้งลนลานขนาดนี้เลย ภัทรคิดว่าวันหนึ่งจะต้องเล่าให้น้องฟังด้วยตัวเองแต่ไม่เคยคิดว่าการที่เขาเก็บมันไว้เช่นนี้จะทำให้อีกคนคิดมากไปขนาดไหน
“มานี่”
แม้พื้นที่จะคับแคบ แต่ภัทรก็พยายามดึงอีกคนเข้ามาแนบตัวจนได้
“พี่ขอโทษแต่พี่ก็ไม่เคยคิดแบบนั้นนะ พี่แค่กลัวตัวเล็กไม่กล้าเข้าใกล้ ขืนบอกไปตอนแรกว่าเป็นเจ้าของบริษัทข้างๆเนจะกล้ามาคุยกับพี่เหรอครับ”
อันนี้ภูมิภัทรบอกไปตามความเป็นจริง แม้จะรู้ว่าน้องเนไม่เหมือนคนอื่นที่รู้จักแต่เขาก็แค่ไอ้ลุงขี้ขลาดที่กลัวน้องหายไปเพียงเพราะรู้ว่าเขาเป็นใคร แม้คนอย่างภูมิภัทรจะมีคนวิ่งตามอยู่มากมายแต่ก็มีคนออกห่างจากตัวเขาเยอะเช่นกัน บางคนเพียงแค่รู้ว่าเขาทำงานอะไรมีหน้าที่ใหญ่โตแค่ไหนก็ทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยดีกลับกลายเป็นเพียงคนรู้จักเท่านั้น บางทีมันก็น่าเสียดายจนเกินไป
“ที่พี่บอกว่าทำบัญชีนั่นก็ไม่ได้โกหกนะ หมุนเงินในบัญชีทุกวันเลย”
ภัทรตอบกลั้วหัวเราะทั้งๆที่ตอนนี้เขารับไม่ไหวหรอกถ้าไอ้ตัวเล็กจะใช้เหตุผลแบบนี้ออกห่างจากเขาไป
“เงียบไปเลยลุง”
และเมื่อประโยคนั้นจบลงเขาก็ปล่อยหัวเราะอย่างเต็มเสียงพร้อมกับปล่อยคนที่กอดไว้แน่นออก
“หายโกรธยัง สงสัยอะไรอีกถามมาเลย”
ไอ้เนผู้รู้สึกหลงกลลุงจนหัวหมุนขมวดคิ้วก่อนจะถาม
“แผนต่อไปคืออะไร”
ภูมิภัทรกลั้นขำเมื่ออีกคนมีท่าทางจริงจัง เขาทำท่าคิดอยู่หน่อยก่อนจะต่อรอง
“ตกลงคบกับพี่ก่อนแล้วจะบอก”
“ห๊ะ!!”
เนส่งเสียงออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อเสียเท่าไหร่ ถามว่ามันชอบพี่ภัทรนี่ไหมเนไม่กล้าโกหกตัวเองหรอกว่าไม่ชอบแต่กระนั้นมันก็ยังไม่ได้คิดเรื่องแบบนี้ในหัวสีขาวๆของตัวเองเลย
“เร็วๆตัวเล็ก”
เขาเร่งอย่างกับเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าทั้งที่เป็นคนรอคำตอบแท้ๆ
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง”
“ไม่ตอบก็ถือว่าตกลงเนอะ”
เนว่าแล้วว่าพี่ภัทรต้องมั่วนิ่วแบบนี้ มันตีแขนของอีกคนที่พาดไว้บนไหล่ของตัวเองก่อนจะพูดบ้าง
“ก็ได้ เนตกลงก็ได้”
ไฉนการตกลงถึงคล้ายกับการบังคับกลายๆไปเสียได้ ภูมิภัทรยิ้มให้ไอ้ตัวเล็กที่วันนี้ได้มาไว้เต็มมือตัวเองเสียที เขายื่นหน้าเข้าจุ๊บเหม่งเด็กอย่างอดไม่ได้ทั้งที่ใจจริงอยากจะอุ้มกลับบ้านไปฟัดจะแย่ แต่ยังหรอก...นั่นเป็นแผนขั้นต่อไป
“บอกแผนต่อไปมาเลย”
คนที่กำลังเขินหน้าแดงกลบเกลื่อนโดนการทวงสัญญา คนแก่กว่าคิดอยู่พักเดียวว่าจะเอายังไงดี แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจบอกแผนลับตัวเองออกมา
“รอให้เนพ้นสิปแปดแล้วก็จะทำอะไรแบบที่แฟนเขาทำกัน”
ภัทรว่าก่อนยักคิ้วเลียนแบบท่าทางที่อีกคนชอบทำ น้องเนที่ตาโตอยู่แล้วเบิกตากว้างยิ่งกว่าเดิมและในที่สุดก็ส่งเสียงดังออกมาคล้ายกับเวลาตวาดน้องชายยังไงอย่างนั้น
“นี่ลุง!!!”
“เห็นไหม พอพี่บอกตรงๆก็รับไม่ได้”
ลุงที่เขาว่ายิ้มหวานอ่อนโยนจนตาเรียวแทบจะปิด ไอ้เนที่หลงกลเดินตามแผนเขาทุกรอบทำหน้ายุ่งแล้วบ่นอย่างไม่ได้ศัพท์ ภัทรทำการมัดจำโดยการแอบจุ๊บเหม่งไปอีกหน
“ไอ้ลุง!!!”
และก็โดนตวาดอีกหนเช่นกัน
TBC.
______________________________________________________________________________
ไม่เข้าใจนุ้งเนว่าจะโกรธลุงภัทรทำไม
หล่อรวยไม่ใช่ว่าจะหาง่ายๆเนอะ 555555555
กอดคนอ่าน
ขอบคุณสำหรับคำผิดด้วยค่ะ