Luckiest Gets The Highest Kite หนุ่มโชคร้าย x นายแชมป์ว่าว 2015 (Edit) จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Luckiest Gets The Highest Kite หนุ่มโชคร้าย x นายแชมป์ว่าว 2015 (Edit) จบแล้ว  (อ่าน 176238 ครั้ง)

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



 :heaven  :heaven  :heaven  :heaven  :heaven  :heaven  :heaven  :heaven  :heaven  :heaven


1.

ในหนังสือ เดอะ ซีเคร็ต กล่าวไว้ว่า ความคิดของคนเราเป็นเสมือนแรงดึงดูด ดังนั้น จงปล่อยคลื่นความถี่ที่เป็นมงคล เพื่อดึงดูดเรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิต แต่สำคัญที่สุดคือ คุณต้องเชื่อก่อน ร้องขอ แล้วเชื่ออย่างสุดจิตสุดใจว่าจะมันจะเกิดขึ้นได้จริงๆ โอ้

แล้วไงล่ะ มีใครเคยบอกไหมว่า เมื่อต้องเจอเรื่องซวยซ้ำๆซากๆ มันก็ยากชะมัดที่จะมองโลกหรือคิดถึงแต่สิ่งดีๆ
นี่อาจไม่ใช่วันที่แย่ที่สุดก็จริง แต่มันก็เป็นอีกวันที่เหลือทนสำหรับผม

เอาล่ะ จะลองเรียบเรียงดูนะ ตั้งแต่เช้าก่อนออกไปเรียน สกู๊ตเตอร์คู่ยากที่ไปไหนไปกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเกิดสตาร์ทไม่ติดขึ้นมาซะอย่างนั้น เมื่อพยายามจนเหงื่อตกเปื้อนเสื้อเป็นคราบน่าเกลียดและผมเสียทรงยังไงก็แล้วแต่ไม่เป็นผล จึงสินใจจูงไปที่อู่หน้าปากซอย เรียกสี่ล้อแดงนั่งไปมหาวิทยาลัยแทน

แน่นอนว่า เมื่อคุณนั่งสี่ล้อแดง คุณควรพึงระลึกว่า นี่มันไม่ใช่การประหยัดเลย ไม่ใช่อย่างแรงด้วย (ตั้งยี่สิบบาทแน่ะ และบางคันก็เรียกเยอะกว่านั้น เรียกว่าปล้นกันดีกว่า!) และคุณจะไม่สามารถไปถึงจุดหมายได้ทันเวลา เพราะคนขับจะวนรถพาคุณชมวิถีชีวิตบนท้องถนนและซอกซอยต่างๆ ของเวียงเชียงใหม่ราวกับเจ้าบ้านที่ดี แม้ว่าคุณจะอยู่ที่นี่จนแทบจะหลับตาเดินได้แล้วก็ตาม

เอาล่ะ ช่างมัน ในเมื่อเข้าเรียนวิชาแรกสายไปแล้ว จะมีประโยชน์อะไรที่จะไปฟาดงวงฟาดงาเอากับโชเฟอร์ คือจะเข้าเรียนให้อาจารย์เหน็บเล่นก็ได้นะ ถ้าคุณมีรสนิยมซาดิสม์ชอบถูกทำร้ายทางวาจา  ผมจึงถือโอกาสนี้โดดเรียนเพื่อไปแอดมือ (ลงทะเบียนเรียนหลังการประมวลผล) ซึ่งก็นั่นแหละ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ประจำวิชา และหัวหน้าภาค รวมถึงบุคคลสำคัญทั้งหลาย ล้วนบีซี่และต้องคงคาแรกเตอร์เข้าถึงยาก เพื่อ?

ผมรู้ว่าผมขี้บ่นไปนิด ได้เลย เหนื่อย ท้อ หน้ามัน หัวยุ่ง หิวข้าว ไม่เป็นไร ผมถูกฝึกมาให้เพื่อให้เคยชินกับความยากลำบากอยู่แล้ว และเมื่อทุกอย่างทำท่าจะคลี่คลายลงอย่างสงบสุขอยู่นั่นเอง ผมก็ถูกรถเสยจากกลางถนน (บนทางข้ามเลยแหละ) ให้ต้องมานอนเดี้ยงอยู่บนหอพยาบาลแห่งนี้ แต่ถ้าคุณคิดว่านั่นมันสุดๆ แล้ว ยังหรอก คุณต้องเจอนี่ก่อน

รู้ไหมอะไร ผมได้สติขึ้นมาโดยมีภาพที่ปรากฏต่อสายตาภาพแรก คือไอ้เด็กเตียงข้างๆ กำลังเมามันส์กับการไต่บันใดแชมป์ว่าว แถมยังชวนให้แลกสโตรกกันอีกต่างหาก เวร!

ผมสะตั้นไปสิบวิกับภาพตรงหน้า รีบจิ้มโทรศัพท์หา ไอ้แมกซ์ (หรือที่เวลาอารมณ์ไม่ดีจะเรียกจิกว่าอิแมกซ์) ทันที ก่อนที่จะฟู เอ้ย จะหน้ามืดไปอีกรอบเสียก่อน

"นะ มึงมารับกูหน่อย ไม่ก็บอกเพื่อนเราใครก็ได้ เอวกู สะโพกกูเคล็ดไปหมดแล้วเนี่ย มึง เร็วๆ ไอ้โรคจิตเตียงข้างๆ นี่มันจะจับกูว่าวแล้วนะ"

ผมทั้งด่าทั้งขอร้อง (เบาๆ) กรอกลงไปที่ปลายสาย

"จริงดิ หล่อป่ะวะ"
"โฮะ อินี่ มีสมองไหมเนี่ย ถ้าหล่อกูจะโทรหามึงเพื่อ"

อันนี้โกหก จริงๆ ไอ้โรคจิตนี่ก็น่ารักดีเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าเป็นพวกเอ็กซิบิสซิสม์ นิยมกิจกรรมเอาท์ดอร์ และมันกำลังแอบฟังอยู่ (เผลอคิดในใจว่า ถ้าขออัดคลิป มันจะโอเคไหมนะ)

"งั้นกูคงไปไม่ได้แล้วล่ะ มีเรียนต่อ โชคดีนะมึง"
"อ้าว ไอ้ห่าน กูอุตส่าห์โทรมาขอร้อง ถ้ากูไหวจริงๆ กูไม่ง้อมึงหรอก ถ้ามึงไม่มา กูตัดเพื่อนนะเว้ย พูดจริงๆ"
"เห้ย ยอมๆ มันไปเหอะ กูหวังดีนะ อยากให้มึงมีผัวกะเค้าซะที … เออ ว่าว เดี๋ยวกูโทรกลับนะเว้ย สายซ้อน เด็กกูโทรมา บายเว้ย"

ผมแนบหูฟังเสียงสัญญาณที่ถูกตัดไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ ควายสะตวงจริงๆ ไอ้เพื่อนนรก

หันไปมองไอ้เด็กโรคจิตที่ ณ บัดนี้ มือมันยังขยุกขยิกอยู่ใต้ร่มผ้า พยายามจ้องตามัน ทำให้รู้ว่ากูกำลังมองมึงอยู่นะ และกำลังใช้สายตาตำหนิมึงอย่างคนมีศีลธรรม จริยธรรม อารยธรรม วิธีรับมือกับพวกโรคจิตที่เราเคยอ่านๆ มาจากเว็บพันซิป คือ ต้องไม่แสดงทีท่าหวาดกลัว อย่าให้มันเล่นเกมของมันได้

แต่มันทะลึ่งยักคิ้วให้ หมายความว่าไงน่ะ

"น้องครับ ถ้าไม่หยุดละก็ พี่จะตะโกนเรียกพวกที่อยู่ข้างนอกเข้ามาจริงๆ ด้วย จะเอางั้นใช่ไหม"
“อย่าพี่ อย่า ไม่ทันละ”

มันเร่งสโตกแรงกว่าเดิม ตัวเกร็ง ตาลอยเคลิ้ม ส่งเสียงแปร่งๆ ออกมาจากริมฝีปากที่เม้มเข้าหากัน
โอ้ย ยอมรับก็ได้ว่าตะลึง มือไม้อ่อน และฟู

"พี่ทิชชู่ให้ผมหน่อยดิ อยู่ในเป้ผมอ่ะ ซ้ายมือพี่ ขอบคุณครับ"

ผมอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหู แต่ยังมีน้ำใจ เดินหนีบๆ ไปค้นทิชชู่ แล้วส่งให้มัน ทุกอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่ใจกลับเต้นตึกตัด ใบหน้าร้อนผ่าว

****

ร้านกาแฟวาวี ถนนนิมมานเหมินทร์ บรรยากาศจะดีมากๆ ในวันที่แดดอ่อนๆ แบบนี้ อ้อ ถ้าไม่มี ยัยผู้หญิงหน้าตาคล้ายเห็ดหูหนูดำ ชื่อยัยเมี่ยงส้ม นี่ด้วย ทำไมต้องมาเจอนังนี่ที่นี่ด้วยวะเนี่ย

ชีเดินนวยนาดเข้ามากับผู้ชาย ผมพยายามหันหลบ ก้มหน้าอ่านมารีแคลร์ฉบับเก่าเก็บของร้าน ทำเป็นไม่เห็น อย่านะ อย่าเข้ามาทักฉันเป็นอันขาด นังผีอมตะ

"อ้าว มิวๆ มาทำอะไรเนี่ย”

เสียงอีนี่แร่ดพอจะเรียกความสนใจจากคนทั้งร้านได้ ผมฉีกยิ้มเสแสร้งให้นาง โธ่ อีควาย ร้านกาแฟ ก็มาแดกกาแฟซิคะ อีห่า

“อ๋อ นัดเพื่อนเอาไว้น่ะ แล้วเธอล่ะ”

ชีไม่สนใจจะตอบคำถาม เลวมาก

“เออ ชั้นได้ข่าวมีเด็กวิดวะทำอนาจารเธอเหรอ แย่จัง"

หล่อนปั้นหน้าเห็นใจ ก่อนหันไป บังคับ แฟน สามี ผัว คนรับใช้ ว็อทเอเวอร์ ให้เดินไปสั่งกาแฟ

“กรานเด้ เว้นทิ ซิกเนเชอ ช็อคเล็ท(เทอะ) ซิงเกิลช็อท เอิกซเพรสโซ วิท นัน แฟท(เทอะ) มิล(เคอะ) อ้อ ขอวิปครีมเยอะๆ ค่ะ พี่ทรงยศ แท้งคยู”

ผมมองหน้าผู้ชายที่ยิ้มแห้งๆ กลับมาแล้วก็ให้รู้สึกเห็นใจ ถ้าจำได้ก็เทพแล้วเหอะพี่

"เอ้อ แล้วไม่ไปช่วยซ้อมบูมน้องเหรอเนี่ย แหมนี่ ทิ้งให้เพื่อนคนอื่นๆ เหนื่อยกันแบบนี้ได้ไงค่ะ คุณเพื่อน"
"ก็เลียนแบบเธอนั่นแหละ อยากลองโดนคนทั้งเมเจอร์เค้าแบนมั่งไง อะไรงี้ อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง เอ้อ แล้วยังคบลุง เอ้อ พี่คนนี้อยู่อีกเหรอ ไหนคราวก่อนบอกเบื่อแล้ว"

นังเห็ดหูหนูทำตาวาวอย่างอาฆาตมาดร้าย แต่ยังแอ๊บยิ้มโลกสวย

"ก็ ยังไงล่ะ" ทำเป็นป้องปากกระซิบ "มาง้อน่ะ เธอเข้าใจใช่ไหม จริงๆ ก็แบบว่ารำคาญมาก ฉันอยากเทใจจะขาด แต่ทำแบบนั้นก็จะดูใจร้ายขัดกับภาพที่สังคมคาดหวังในตัวฉัน ก็แบบ อยากพามาเลี้ยงกาแฟใช่ไหม เอ้า ก็ได้ ตามใจ แต่จุดนี้ถือว่าเป็นแค่พี่ที่สนิทนะ อย่าคิดเป็นอื่น อ่ะ งง พูดไปเธอก็คงไม่เข้าใจหรอก"

ผมมองสารร่างนางหัวจรดตีน  คือมันเกินคำว่า ‘มั่นหน้า’ ไปมาก
“หืม มองอะไรเหรอจ๊ะ อ๋อ นี่เดรสของแบรนด์ Disaya น่ะ เก๋ชิมะละ เลทัน มีสเตอร์ ก็มีแบบเดียวกันนี้เลยนะ ชีตาถึงเนอะ”
“อ้อ เปล่าๆ กำลังคิดว่า เธออ้วนขึ้น เธออ้วนขึ้นจริงๆ ใช่มะ”

ไงล่ะ นังเห็ดหูหนู แต่นางสะตั๊นไปแป๊บเดียว แป๊บเดียวเท่านั้น

"โอ้ย ว่าไป ผิวชั้นโกลวขึ้นรึเปล่า เพราะชุดนี้ด้วย เลยดูมีน้ำมีนวล ไม่เอาๆ เปลี่ยนเรื่อง ว่าแต่เธอเหอะ ไหนล่ะจ๊ะแฟน นี่ เอามาโชว์เพื่อนฝูงบ้างก็ได้นะ ทำเป็นมีความลับอยู่ได้ สมัยนี้แล้ว ผู้ชายคบผู้ชาย เก้งกวางบ่างชะนี (จงใจพูดเสียงดัง อินี่กลัวคนเค้าไม่รู้รึไงนะ) ธรรมดามากมายค่ะคุณเพื่อน ด๊อนท์เฮสทิเทท ทู บี ยัวร์ เซลฟ์ สิ เอ๊ะ อย่าบอกนะว่าโสดสนิท ไร้คู่ รกร้างราวกับหลืบถ้ำที่ยังไม่เคยถูกสำรวจน่ะ ว้าย ฉันพลอยเศร้าไปด้วยเลย"

กรี๊ด อีนี่ บอกคนทั้งร้านก็ได้นะ ว่าฉันไม่มีใครเอา

"เกินไป ก็มีบ้างแหละ แต่ฉันไม่ค่อยสนใจด้วยไง แฟนนะเธอ ไม่ใช่นับได้นับคว้าหรือเอาไม่เลือกเหมือนชะนีบางตัวให้คนเค้าเบ้ปากนินทาว่าหาได้แค่นี้เองเหรอ แบบนั้นมันน่าเศร้ากว่านะ ทั้งเศร้าทั้งขำ เนอะ”
"อ่ะ โฮะๆๆ (อินี่คงคิดว่าตัวเองเป็น ชิราโทริ เรโกะ – มีใครเกิดทันไหม) แหม หยอกกันแรงจริง เอาเถอะจ้า ก็อย่าเพิ่งกี๊ฟอัพ ละกัน เขาว่ากันว่า หลังเรื่องร้ายๆ ผ่านไป เราอาจจะมีโชคก็ได้นะ อาฟเทอะ เดอะ เรน แดร์ สะ เรนโบว์ ค่า"
“เหรอ”
"ค่า โอ๊ะ แต่ระวังนะ (ชั้นยังไม่ทั้นตอกกลับเลยนะ หัดมีมารยาทมั่ง นังเห็ด) เคยดูสี่แพร่งป่ะ ตอนเหงาน่ะ ที่ผีมันบอกนางเอกว่า ถ้าซวยมากๆ เดี๋ยวก็จะเจอโชคดี แต่ตอนจบ นางเอกตายนะ โฮะๆๆ "

แผลแรก : มันหลอกด่าผมได้เนียนมาก ไม่ทันเอาคืน
แผลที่สอง : กูยังไม่เคยดูสี่แพร่ง แม่ง สปอยล์ อีห่า

" แอร๊ยส์ ได้กาแฟละ ไม่กวนละจ้า อ่านหนังสือต่อเถอะ ฝึกเอาไว้ เผื่อบั้นปลายชีวิตไม่มีใคร ก็ยังมีหนังเสือเป็นเพื่อน อุ๊ย อ่านไรอ่ะ อ้าวมารีแคลร์หรอกเหรอ นึกว่า ศาลาคนเศร้า คริคริ ไปนะจ๊ะ"

เถอะ มึงรีบไปเลย อย่างด่วน ก่อนที่จะโดนตบด้วยศาลาคนเศร้า เอ้ย มารีแคลร์

ผมเผลอดูดกาแฟเย็นในแก้วแรงๆ ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง อณูเย็นจี้ดแล่นขึ้นศรีษะอย่างเร็ว จู่ๆ ก็นึกไปถึงเด็กโรคจิตคนนั้น

****

ผมเผลอหลับไปเพราะความเพลียและอากาศที่สบาย พอตื่น เนื้อตัวที่ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายในตอนแรก เกิดปวดขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมสังเกตเห็นไอ้เด็กโรคจิตนั่นก็ตอนนั้นเอง ขณะพยายามจะพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง นึกสงสัยว่ามีคนมานอนอยู่เตียงถัดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เด็กนั่นนอนตะแคงหันหลังให้เตียงผม บนโต๊ะวางของกั้นระหว่างสองเตียงมีกระเป๋าเป้ของริพเคอร์และแฟ้มปกสีแดงเลือดนกพิมพ์รูปเกียร์และคำว่าโซตัสที่แสดงว่าเป็นเด็กปีหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์วางอยู่ใกล้ๆ กัน กับไอโฟนรุ่นล่าสุด แต่ใต้ผ้าห่มนั่น มันกำลัง...

โอ ไม่ เอาจริงเหรอนั่นน่ะ

"เฮ้ย ทำไรอ่ะ"

ผมร้องด้วยความตกใจ (จริงๆ ไม่ได้แอ๊บ) แม้จะไม่เห็นชัดๆ ว่ามันกำลังทำอะไรใต้ผ้าห่มนั่น ก็เดาถูก เด็กคนนั้นสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองผม แต่มือยังไม่หยุดขยับ

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่อะ"
“ฉันถามว่ากำลังทำอะไร”
“ว่าวไงพี่ ทำด้วยกันไหม”

ผมอึ้งกับคำตอบตรงๆ ซื่อๆ จนลืมตัวยืนขึ้นอย่างเร็ว ก่อนจะรู้สึกปวดแปลบไปทั่วร้างจนต้องล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

"เป็นไรพี่ ตกใจเหรอ โทษๆ”
“นี่ โรคจิตป่ะเนี่ย มาทำอะไรในที่แบบนี้ได้ไง”
“โอ้ยพี่ เงี่ยนก็ต้องว่าว ถูกแล้วป่ะ หรือพี่ไม่เคย และนี่ก็เตียงนอน มีหมอน มีผ้าห่ม"

ผมพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะเถียงต่อ หรือด่า หรือทำอะไร ยังไงดี ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

"พี่ เกรงใจผมมั่ง ถ้าไม่ว่าว ก็หันไปทางโน้นดิ หรือชอบดู โรคจิตเหมือนกันหนิ ผมก็อายเป็นนะ หรือถ้าจะออกไปก็ปิดประตูให้ด้วยครับ"

อะไรนะ!

“นี่คืออายแล้วใช่ไหม"

ผมพยายามหันหลังให้มันอย่างลำบากเพราะเนื้อตัวที่ปวดช้ำ มือไม้ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าท็อต ของ มาร์ค จาค็อบบ์ มือสอง (ซื้อจากอินเตอร์เน็ท พันห้า - อีกหนึ่งการลงทุนอันชาญฉลาด เพราะมันเก๋มาก) เปะปะ อยู่ไม่ได้แล้วเว้ย

***

ผมจ้องแฟ้มอันบะเห้งนั่น เห็นชื่อจริง (อ่านไม่ออก) รหัสและชื่อเล่นติดอยู่ตรงมุม

ไอ้เด็กโรคจิตนี่ชื่อ ดื้อ ขณะกำลังนึกสงสัยว่า นั่นชื่อเล่นมันจริงๆ หรือชื่อเล่นที่พี่คณะมันตั้งให้จากนิสัยส่วนตัว มันก็เดินกลับเข้ามาในห้อง แล้วนั่งลงบนเตียงตรงกันข้าม เห็นมันใกล้ๆ ตอนยืนแล้วแปลกๆ อ่ะ หัวเกรียน (ทรงบังคับ) ตาตี่ คิ้วเข้ม หน้าใส ปากแดง ตัวโต สูง ล่ำมาก (คิดอะไรอยู่เนี่ย)

"หายปวดหัวละ ได้ผลจริงๆ นะเนี่ย ฮ่าๆ"

ผมไม่ยิ้ม หันไปมองทางอื่น ก็แน่ละสิ ไอ้เลือดที่มันขึ้นสูบฉีดบนหัว มันลงมาคั่งตรงข้างล่างแทนแล้วนี่

“อายจัง โดนจับได้ พี่อย่าบอกใครนะครับ อีกอย่าง ผมไม่ได้เป็นโรคจิตนะ"
“ที่นายทำ ถ้าไม่โรคจิตจะเรียกว่าไร"
“เห้ยพี่ ใครๆ เค้าก็ช่วยตัวเองกันป่ะวะ เรื่องธรรมดาจะตาย”
“แต่เค้าไม่ทำกันในที่สาธารณะเว้ย และต่อหน้าคนแปลกหน้า เสียดาย หน้าตาท่าทางก็ดี”
“พี่ว่าผมหล่อเหรอ”

บ้ากันไปใหญ่แล้ว

“ขอโทษครับพี่ ก็เพื่อนผมบอกว่าถ้าปวดขึ้นมา กินยาแล้วไม่ดีขึ้น ให้ลองว่าวแล้วจะหาย มันว่ามันทำบ่อย ผมก็อยากรู้ไง ว่ามันจริงป่ะ ผมเข้ามา เห็นพี่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ กรนด้วย อีกอย่างคิดว่าผู้ชายเหมือนกัน ไม่น่าจะเป็นไร ที่โรงเรียนก็เคยว่าวหมู่กันบ่อยๆ ก็เลย…"

ร่ายซะยาว ฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด ผมกดโทรออกหาไอ้แมกซ์อีกรอบ แต่ไม่ติด เพื่อนหน้าวอก
"โอเค ผมไม่แก้ตัวก็ได้ ขอโทษนะครับืแล้วก็ขอบคุณสำหรับทิชชู่  เออ แล้วพี่ชื่อไรเหรอครับ อยู่คณะไรอ่ะ ผมชื่อดื้อนะ อยู่วิดวะ"
"เหอะ”
"นี่พี่โกรธผมเหรอ ขอโทษแล้วไง แค่ชักว่าวเองนะพี่”
“พี่หมดธุระกับน้องละ จบ ไม่ต้องมาชวนคุย โอเคนะ หายปวด… (อดจ้องเป้ากางเกงมันไม่ได้) ก็ออกไปได้แล้ว จะพักผ่อน”
“อ้าว ก็ตะกี้ก็คุยกันอยู่ดีๆ เออ แล้วนี่พี่เป็นไรมาเหรอครับ ดูกระย่องกระแย่งพิกล หรือว่าไม่มีตังซื้อข้าวกินเลยเป็นลม มิน่า ชวนว่าวแล้วไม่หือไม่อือ ท่าทางจะไม่มีแรง"

ผมหันไปมองด้วยไม่สบอารมณ์

"นี่ถ้าไม่ติดว่ายังเจ็บอยู่ …” เจ้าโรคจิต ยักคิ้วทำหน้าทะเล้นใส่ “แกได้กองลงไปกับพื้นแล้ว" ผมเสียงอ่อยโดยไม่รู้ตัว
"ผมหรือกางเกงพี่กันแน่ ที่จะลงไปกองกะพื้น หืม"
"นี่ ชักจะมากไปละนะ"

ไอ้เด็กบ้ายกมือขึ้นไหว้ แต่ไม่หยุดอมยิ้ม

"ขอโทษครับ คือพี่น่ารักดีอ่ะ สเป๊คผมเลย ตัวเล็กๆ ยกง่าย"
"ถ้าหายแล้วก็ไปได้แล้วไหม ไปได้แล้วไป ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ ตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ข้างนอก"
“โอ้ย ผมรู้ พี่ไม่ใจร้ายกับผมหรอก แล้วพี่เดี้ยงอย่างนี้ จะกลับไปยังไง ให้ผมไปส่งไหม นี่จะสี่โมงแล้ว ผมไม่อยากเข้ารับน้องด้วย ถือโอกาสโดดซะเลย”

เอาล่ะ ใจเย็น ๆ ถ้าพูดกับมันดีๆ อะไรๆ อาจจะโอเคก็ได้
“จะอะทำไรให้รู้จักกาละและเทศะหน่อยก็ดี รู้ไหม แกอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่คนอื่นเขาอาจจะไม่คิดเหมือนกันก็ได้ ถ้าเกิดมีคนเข้ามา เป็นเจ้าหน้าที่ น้องพยาบาล เด็กผู้หญิง แล้วเขาเกิดเอาเรื่อง แกจะทำยังไง"

ผมเตือนมันอย่างจริงใจ ผมเคยเห็นและทั้งเคยผ่านประสบการณ์ เด็กเพิ่งพ้นรั้วโรงเรียนมา เพิ่งจะโตเป็นหนุ่ม ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน คิดว่าตัวเองโตและเจ๋งพอจะทำอะไรห่ามๆ ก็ได้ทั้งนั้น

"ครับๆ แต่ผมเซ็กซ์จัดนี่นา นี่พูดเลย ผมเคยว่าวตอนขับรถด้วยนะ กรุงเทพเชียงใหม่ มาแล้วนะ เจ๋งป่ะ"

เออ มันโรคจิตจริงๆ นั่นแหละ ป่วยการ

“ล้อเล่นครับ แค่ครั้งเดียวเอง ขับรถคนเดียวมันง่วง เดี๋ยวนี้โทรไม่ถือ"

เป็นทั้งเด็กโรคจิตและคนเปิดเผย เยี่ยมมาก!

"พี่อยู่หอไหนอ่ะ หอใน หอนอก เดี่ยวผมไปส่ง ผมวัยรุ่นบ้านรวย มีรถขับนะ"
"จ้า พ่อคนรวย ขอบคุณแต่ไม่ต้อง เกิดแกบังคับให้ชั้นโม๊คตอนขับรถแล้วไปชนตายขึ้นมา ฉันยังไม่อยากขึ้นหน้าหนึ่งให้คนเค้าสังเวช พ่อแม่ฉันก็ยังอยู่กันครบทุกคน"
"เออๆ เข้าท่าแฮะ เอามะพี่ ผมจ้างพี่ห้าร้อย”
“เพื่อนเล่น?”
“ล้อเล่นน่า อย่างอนดิ แค่ทำอะไรไม่คิดครั้งเดียว พี่ถึงกับจะปิดฉลากคนเลวให้ผมเลยเหรอ"
“โอ้ย หลงตัวเองไปป่ะ ไม่ได้งอน รังเกียจเว้ย ไปได้แล้ว”

ไอ้เด็กดื้อเก็บข้าวของมัน แล้วเบียดมานั่งเตียงผม  ผมขยับหนี

"พี่กลัวผมเหรอ เฮ้ย กลัวทำไม ผมออกจะหล่อ หุ่นดีมีซิกส์แพ็ค (เปิดโชว์) เอวก็พริ้ว”
“ถอยไปเลย ห่างๆ”

ผมบอกเสียงเข้ม

“โอเคๆ เอาจริงๆ ละ ให้ผมไปส่งพี่นะ"
 “พูดไม่รู้เรื่องรึไง ฉันไม่รู้จักแก จะไปส่งเพื่อ"
“ก็พี่น่ารักดี ผมชอบ"
“นี่พูดภาษาคนไม่เข้าใจใช่ป่ะ"
“เป็นไรพี่ พี่ไม่ชอบหล่อๆ แบบผมเหรอ อย่าบอกนะว่าพี่แมน ผมไม่เชื่อเด็ดขาด”
“ฉันไม่น่าพูดดีๆ กับแกเลย พูดด้วยแล้วลามปาม”

ผมยันตัวลุกขึ้น คว้ากระเป๋า โอ้ย ทำไมสังขารมันช่างไม่เอื้อ

“ขอโทษครับๆ ผมขอโทษ ล้อเล่นนะ… แต่ที่บอกว่าพี่น่ารักอ่ะ ผมพูดจริงๆ”

"นั่งก่อนนะ ผมไม่ทำอะไรพี่หรอกครับ สบายใจได้ แต่ขอรู้ชื่อ รู้คณะ รู้รหัส รู้เมเจอร์ก่อนได้ไหม จะได้ไปตามจีบถูกตัว"

เดี๋ยว นี่มันเอาจริงเหรอเนี่ย

“นายเป็นเกย์เหรอ”

ผมลองถามไปกวนๆ

“ก็เพิ่งตัดสินใจว่าจะเป็นเมื่อกี้นี้เอง”

เดอะ ซีเคร็ต ช่วยลูกช้างชูคบเพลิงร่าเริงอดทนด้วยเถิด

“นี่ไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ ไม่ใช่คนรู้จักด้วย"
“พี่บอกผมครั้งท่สองแล้ว”
“ฉันไม่ชอบเด็กวิดวะ”
“ทำไมอ่ะ”
“เถื่อน ไม่หล่อแล้วยังเจ้าชู้ ขี้เก๊ก ขี้หื่น เหมือนนายนี่แหละ ไม่ชอบ”

ชักสงสัยว่าตัวเองจะดูอ่อยเกินไปรึเปล่านะ วุ๊ย ทำตัวไม่ถูก

“ลองคบดูรึยังล่ะครับ เรื่องเถื่อน เจ้าชู้ ขี้เก๊ก นี่ผมไม่หรอรู้นะ แต่ไม่หล่อนี่ผมขอเถียง เดือนปีนี้ก็วิดวะนะพี่ แล้วตะกี้พี่ก็พูดเองเลยว่าผมหน้าตาดี ส่วนเรื่องขี้หื่นนี่ อาจจะจริง พูดตรงๆ นะ ตะกี้ พี่โคตรเซ็กซ์เลยอ่ะ ผมดูหน้าพี่ตอนนอนนะ ก็ว่าเสียวแล้วนะ แล้วพอพี่ตื่น แม่ง ตื่นเต้นโคตรๆ เพราะพี่เลยนะเนี่ย ปกติผมนี่อย่างต่ำต้อง 20 นาที"

โอเค

“เอางี้ ถ้ายังไม่รู้จัก เรามาทำความรู้จักกันนะ"

ไอ้เด็กโรคจิตผุดลุกขึ้นยกแขนชิดใบหู

"ขออนุญาตรายงานตัวครับ"
“ทำไรของนาย”
“บอกว่า เชิญครับ ดิพี่ ผมเมื่อยนะ"
“ไม่เอา ไม่ได้อยากรู้จักเลย"

เจ้าโรคจิตทำหน้าดุใส่

"น้องชื่อนายชนุตร์ ลิมปิพิศาลกุล รหัส 57xxxxxxx ..."

ไม่นะ ฉันไม่ได้คุยกับคนบ้ารู้เรื่อง

 "เอาตาพี่ละ พี่ชื่อไร ชื่อเล่นพอก่อนก็ได้"

ผมอดไม่ได้ที่จะเอาสองมือมาปิดหน้าอย่างหมดความอดทน

“พี่ชื่ออะไร ๆ ๆ ๆ”

"ชื่อ ว่า... โอเค พอใจยัง"

ผมกระแทกเสียงออกไปตั้งใจให้เร็ว ไม่ได้มีเจตนาจะอ่อยแต่ประการใด

"อะไรนะครับ"
"ชื่อ... ว่าว"
"ห๊า"
“กวนตีน"

ไอ้เด็กประสาทนั่นลงไปหัวเราะกับพื้น เพิ่งสังเกตว่ามันยางจัดฟันมันสีเขียว

“โอเค ฉันไม่น่าจะเสียเวลาคุยกับแกเลย"
“ป่าวๆ ผมไม่ได้จะล้อพี่ ชื่อพี่น่ารักดี พี่ว่าว บังเอิญดีนะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

มันยื่นมือในท่าพร้อมเชคแฮนด์ มือที่มันเพิ่งกำรูดไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ผมแสดงท่าทางชัดเจนว่ารังเกียจ

“ขอโทษเถอะ ฉันไม่เห็นความน่ายินดีตรงไหนเลย”
 “มีสิครับ พี่รู้ป่ะ พี่โชคดีนะ ที่เจอผม"
“โชคดี? นี่คือโชคดีเหรอ”
“อื้ม”
โอ้ย ตายๆๆ ตรรกะในโลกนี้ผิดเพี้ยนไปหมดเสียละกระมัง ผมล้มตัวลงนอน เอาหมอนปิดหน้าอย่างคนประสาทเสีย


 :a5:  :a5:  :a5:  :a5:  :a5:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2015 04:37:52 โดย bennietakky »

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
 :really2:  :really2:  :really2:  :really2:  :really2:  :really2:  :really2:  :really2:

1. (2)


ก่อนหน้านู้น 2 วัน

โอ๊ย หล่อมาก ใสกิ๊ง เท่สุดๆ ไม่ไหวแล้วนะ จะน่ารักไปไหนมากมายเนี่ย โลกช่างไม่ยุติธรรม และทำไมเราถึงอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอะไรที่รืที่ติแบบนี้ด้วยนะ ทรมานหัวใจจัง

“จ้องให้สึก มึงก็ไม่ดูดนิ้วตีนเค้าหรอก"

เสียงไอ้แม็กซ์ เพื่อนสวะ แทรกเข้ามาทำลายความสุขอันน้อยนิดกับการได้มะโนของผม เลว

“ห่า มึงพูดเบาๆ ก็ได้นะ"

ผมด่ามัน แต่ตายังอยู่ตรงเก้าอี้แถวหน้าของห้องเลกเชอร์ ที่ผู้ชายที่หล่อที่สุด สุภาพที่สุด และน่าจะมีกลิ่นตัวหอมที่สุด มีตำแหน่งเป็นถึงเดือนคณะ ปี4 นั่งอยู่ข้างๆ เอ่อ (ไม่อยากจะพูดถึงเล๊ย) ก็ผู้หญิงสวยแบบดาดๆ ที่เห็นอมลม ทำแก้มป่อง ใส่บิ๊กอาย ที่เห็นอยู่เรี่ยราดทั่วไปตามเฟซบุ๊คอ่ะนะ ชิ

"เออ ไอ้คนหน้าบาง แล้วแอดไลน์พี่เค้าไปยัง"
“ยัง”
“แล้วเฟซบุ๊คอ่ะ”
“แอดแล้ว"
“แล้วเคยไปเม้น ไปทักในอินบ๊อกซ์บ้างมะ"
“กูไม่ได้มั่นหน้าอย่างมึงนี่"
“กูหล่อ กูรู้ตัว"
“ถุย”
“หึ ไม่หล่อแล้วยังขี้อิจฉา”
“เออ”
“เอางี้ ถ้าไม่มีใครเอามึงจริงๆ กูยอมเป็นผัวให้มึงสักคืนก็ได้นะ เอามะ"

พูดแล้วก็เอาหน้ามาซุกใกล้ๆ ต้นคอ ผมขยับหนีอย่างรังเกียจ มันพูดจริงป่ะเนี่ย ชักกลัว

“นี่ใครก็ได้ เอามู่ลี่ข้างหลังลงหน่อยสิ แดดมันแยงตาครู แล้วเดี๋ยวพวกเธอดูโอเวอร์เฮดไม่ชัดด้วย"

เสียงอาจารย์แหววมาจากหน้าห้อง ตาย ชีเข้าห้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

“อ่ะ นายว่าว ลุกหน่อย ลุก"
“ผมเหรอครับ”
“เออ ทำตัวให้เป็นประโยชน์สิคะ”

ผมลุกขึ้นอย่างเซ็ง เดินไปหลังห้อง ดึงเชือกมู่ลี่ให้ลง แต่มันไม่ยอมขยับ เวร
อ่ะ อีกที อึ๊บ
เฮ๊ย ต้องทางซ้าย หรือ ทางขวาเนี่ย
มันไม่น่าจะยากขนาดนี้นี่นา ติดอะไรรึเปล่าวะ

“ทำเป็นป่ะนะ”

เสียงอาจารย์ยิ่งทำให้มันติดหนักขึ้นไปอีก อีมูลี่นรกนี่ ทำกูอายแล้วเนี่ย

"เออ นั่น เอาเข้าไป นี่ใครก็ได้ไปสอนมันมันเอาลงหน่อยซิ"

เสียงหัวเราะคิกคักทำผมเครียด ก็อาจารย์อ่ะ ใจร้ายจัง ที่บ้าน เค้าไม่มีแบบนี้นี่ ผ้าม่านที่บ้าน แม่ซื้อผ้าเมตรจากตลาดมาเย็บเองกับมือ ที่หอก็เหมือนกัน ที่ใช้อยู่ก็จำวิธีทำมาจากทีวีแชมป์เปียน อุปกรณ์จากร้าครัวหลังมอ ไอ้ม่านดีๆ หรูๆ ไม่เคยมีกะเค้าหรอก ของแบบนั้นน่ะ

"มา เดี๋ยวพี่ช่วยครับ"

เอ๊ะ อะไรนะครับ จะ จริงดิ เสียงนี่มัน

พี่ต้อม คนที่หล่อเยี่ยงเทพ หล่อกว่าวันไดเรกชั่นทั้งวงฆ่าตัวตายแล้วไปเกิดรวมกันเป็นคนคนเดียว (โอเค เวอร์ไปหน่อย) กำลังจะ

"เนี่ย จับตรงนี้นะ แล้วดึงงี้"

พี่ต้อม เดินเข้ามาจากด้านหลังจับไหล่ทั้งสองข้างของน้องว่าว(กระต่ายน้อย)ไว้ แล้วไล้มือไปสุดปลายแขน ช่วยจับมือผมให้ดึงเชือกมูลี่ อุ๊ย สมูท โอเพอเรเทอร์อะไรเยี่ยงนี้ เสียงมูลี่ไหลลงมาฟังดูไพเราะ กุ๊งกิ๊ง ราวกับเสียงดนตรีจากสรวงสวรรค์ แล้วไม่ผิดจากที่คิดไว้จริงๆ ตัวพี่เค้าหอมสุดๆ เลยล่ะ โอ้ย อิดอก กูฟิน

"เห็นไหม ง่ายนิดเดียว"

พี่ต้อม ยิ้มโชว์ฟันขาวเรียบเนียน (อายฟันเหลืองๆของตัวเองจัง) รอยยิ้มที่ละลายหัวใจอันเย็นชาและนำความสว่างจ้ามาสู่คืนอันมืดมนอนธกาล

"ครับ..." (แทบจะหยุดหายใจ)

ว้าว พื้นห้องนุ่มจัง นี่ผมลอยกลับมาที่เก้าอี้ได้ใช่ไหมเนี่ย มหัศจรรย์!

“แผนมึงใช่ไหม สลิดดก"

ไอ้แมกซ์ด่า แต่ผมไม่ใส่ใจ จ้องไปที่แผ่นหลังพี่เขาอย่างรู้สึกซาบซึ้ง ร่างสั้นเทิ้ม

“แล้วเป็นไง หอมป่ะ"
"คอมฟอร์ทอัลตร้า หอมติดใจกูนานถึงเจ็ดวันเลยแหละ"
“แร่ด”
“ไม่เจ็บอ่ะ ด่าอีกสิ”

หลังเรียนเสร็จเราเดินลงมาสั่งกาแฟใต้ตึก เห็นพี่ต้อมกับยัยชะนีตาปลอมมุ่งหน้าไปทางแคนทีนคณะ ไอ้แม็กซ์มองตามแล้วเบ้ปาก ฮึ อิจฉาพี่เค้าล่ะซี่ หล่อกว่าเห็นๆ

“เออ แล้วมึงกลับบ้านไปเปลียนชื่อ นามสกุล นี่ ตกลงได้ชื่อใหม่รึยังวะ"

มันถาม โอ้ย พูดแล้วก็เซ็งจิต

“เปลี่ยนห่าอะไรที่ไหนล่ะ พ่อกูไม่ให้เปลี่ยน ชื่อเค้าตั้งให้ นามสกุลยิ่งแล้วใหญ่ เพิ่งทะเลาะกันมาเนี่ย"
“จริงๆ พ่อมึงไม่น่าคิดมากเลยนะ ยังไงมีลูกชายแบบนี้ ก็สืบสกุลไม่ได้อยู่แล้ว"
“สัด เดี๋ยวจะโดน"
"เอางี้ มึงไปไหว้พระทำบุญดีป่ะ มึงจะได้ไม่เครียด เอาไหมกูพาไป"
“ก็คิดอยู่เหมือนกัน แม่งปีชงนี่โคตรซวยเลยว่ะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ของแบบนี้"
“มึงมันคนบาปป่ะวะ ให้กูเจิมให้ไหม เผื่อจะโชคดี”
“เจิมเตี่ยอะไรล่ะ”

เชี่ย นี่มันทำตาเยิ้มทำไมเนี่ย นี่ด่านะ


****

ผมหันขวับกลับมอง คนเชี่ยอะไร พูดเข้าข้างตัวเองอย่างหน้าด้านๆ ได้โคตรเป็นธรรมชาติ

“เจอโรคจิคอย่างแกเนี่ยนะ โชคดี เออเว้ย”
“พี่ครับ จะซีเรียสทำไมเยอะแยะ หน้านี่นิ่ว คิ้วก็ขมวดเป็นลูกลิง ลองมองอะไรให้มันง่ายๆ ดูบ้างดิพี่ เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น”
“ฉันเนี่ยนะเครียด ดูขนาดนั้นเลย"
“ที่บ้านไม่มีกระจกล่ะสิ พี่น่าจะได้เห็นหน้าตัวเองตอนนี้นะ คนน่ารักๆ อย่างพี่อ่ะ น่าบูดหน้าบึ้งก็น่ารักไปอีกแบบ แต่ถ้ายิ้มสักทีนึงนะ จะโคตรน่ารักกว่านี้อ่ะ"
“เหอะ”
“เอางี้ พี่อยู่ใกล้ๆ ผมเอาไว้สิ ผมเป็นคนน่ารัก ร่าเริง จิตใจดี พี่จะได้เอาลักษณะนิสัยแบบนี้ติดตัวพี่ไปด้วย"
“ลักษณะนิสัยแบบแก แบบว่า ชักว่าวเอาท์ดอร์งี้เหรอ"

มันไม่เถียงแฮะ แต่นั่งอมยิ้ม

“แปลกเนอะ เจอกันแป๊บเดียว ผมก็รู้สึกนิทเหมือนรู้จักพี่มานานแล้วอ่ะ"
"จะใช้มุขนี้จีบชั้นจริงๆ ดิ สิ้นคิดไปหน่อยไหม"
"ใครบอกว่าผมจะจีบพี่ หลงตัวเองนะเนี่ย เอาแผนที่ไหม จะได้กลับใจถูก"

ไอ้...

“โอ้ย ผมล้อเล่นพี่… งั้น จีบได้ป่ะล่ะ"

ผมหันไปมองหน้า ปั้นท่ารำคาญ นี่ผมมามัวต่อล้อต่อเถียงกับมันทำไมเนี่ย แล้วทำไมมันต้องยิ้มน่ารักตลอดเวลาด้วยนะ พอผมไม่ตอบ ไอ้เด็กดื้อก็รูดซิบกระเป๋าเป้ ดึงกระดาษเขียนรายงานขนาดเอสี่ ออกมาแผ่นหนึ่ง แล้วเขียนอะไรยุกยิก เสร็จแล้วก็ยื่นให้

“รู้ว่าขอเบอร์พี่ ยังไงพี่ก็คงไม่ให้ พี่เอาเบอร์ผมไป เฟซบุ๊ค ไอดีไลน์ จะโทรไม่โทรก็แล้วแต่พี่นะครับ ไม่ว่าอะไร ผมก็แค่ จะผิดหวังอ่ะ"

ผมไม่รับ มันเรื่องอะไรกัน

“รับไปสิครับ”

โอเค รับก็ได้ (เปลี่ยนใจเร็วไปหน่อย)

“โทรหาผมด้วยนะ มีผมใกล้ๆ ชีวิตพี่จะเสียวซี้ด เอ่อ ...หมายถึงมีความสุขน่ะ"

หน่าตาท่าทาง น้ำเสียง แบบนี้ คือเอาจริงใช่ไหม

"พี่มิว อ้าว..."

เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักชะงักอยู่ตรงประตูห้อง เป็นน้องต่าย น้องเมเจอร์นั่นเอง ที่อกมีป้ายชื่อห้อยต่องแต่งอยู่ เหมือนน้องเฟรชชี่ทุกคณะ (ที่จริง ผมไม่สนับสนุนระบบโซตัสเลยนะ แต่เมเจอร์เราเลิกว้ากแล้ว และกิจกรรมสันทนาการน่าจะไม่เป็นอะไร) ผมยัดกระดาษลงกระเป๋ากางเกงโดยอัตโนมัติ

"น้องต่าย มาไงอ่ะ รู้ได้ไงพี่อยู่นี่"
"พี่โต้ง เขาให้ต่ายเอามอไซต์มารับพี่มิวไปช่วยซ้อมบูมอ่ะค่ะ"

น้องต่าย มีท่าทีอายๆ ผิดสังเกต สงสัยเป็นเพราะไอ้ดื้อโรคจิต (ความจริงคือ มันหล่อทีเดียว - อ่ะ ค่อยๆซึมซับ)

“พี่เค้าชื่อ พี่มิวเหรอ” มันหันมามองผมอย่างหาเรื่อง “ไหนพี่บอกชื่อ ว่าว”
อีกฝ่ายถามแบบงงๆ

"อ๋อ พี่เค้าชื่อว่าวแหละ คือ เป็นชื่อที่พี่ปีสี่เค้าตั้งให้พี่ว่าวตอนรับน้องน่ะ มาจากมิวในเรื่องรักแห่งสยาม อีกอย่าง พี่ว่าวเป็นนักร้องสโมฯ ร้องเพลงเพราะเหมือนมิวในหนัง"
“อ๋อ เหมือนเหรอ แต่นั่นมันนานมากแล้วนะ”

ไอ้ฟันเหล็กถาม หมายความว่าไงวะ แต่ถูกของมัน ไม่ได้เหมือนอะไรเลย ทำไมไม่เป็นปุณณ์ โน่ หรือ ภู ธีร์

 “อืม เราเรียกพี่ว่าวว่าพี่มิว แล้วเรียกพี่แมกซ์เพื่อนพี่เค้าเป็น โต้ง"
“ต่าย ไม่ต้องไปสาธยายให้มันฟังหรอก อีกอย่างนะ"  ผมหันไปมองไอ้เด็กเหล็กดัด “มิวมิว มาจากแบรนด์ลูกของมิวซิอาห์ พราด้า เก็ทป่ะ”

ไอ้เหล็กดัด ขำก๊าก โอ้ย เด็กบ้า

"พี่มิว ลุกไหวไหมคะ"
“ไหวครับ"
“พี่เค้าลุกไม่ไหวหรอก ไม่งั้นก็คงกลับไปเองตั้งนานแล้ว เอ๊ะ หรือพี่แกล้ง อยากจะอยู่คุยกับผมนานๆ”
“โว้ย ใครอยากจะคุยกะนายไม่ทราบ”

น้องต่ายหน้าแดง ทำท่าเขิน

“มาเดี๋ยวผมช่วยประคองพี่เขาไป เธอชื่อต่ายป่ะ เราดื้อนะ"
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“นี่ดื้อคุยกับพี่ว่าว เอ่อ พี่มิวมิว (ทำไมต้องขำด้วย) ว่าถ้าไม่มีใครมารับ เดี๋ยวดื้อจะขับรถไปส่งเอง”
“อ้าว เหรอคะ”
“ใช่” ไอ้เด็กโรคจิตรีบแทรก “ต่ายเอารถอะไรมาล่ะ”
“มอเตอร์ไซค์ค่ะ”
“โอ้ยไม่ไหวมั้ง พี่เค้าเจ็บอยู่อ่ะ คนแก่กระดูกกระเดี้ยวไม่เหมือนวัยรุ่นอย่างเราหรอก"

อะไรนะ  ไอ้เวรนี่ ชั้นห่างแกแค่ไม่กี่ปีเองนะ ผมกำลังจะอ้าปากด่า แต่มันรีบเข้ามาชาร์ต

“งั้น เดี๋ยวต่ายช่วยดื้อประคองพี่มิวไปที่รถก็ได้ค่ะ ไปส่งพี่เค้าที่ศาลาธรรมได้ไหมคะ"

“ไม่เป็นไรหรอกต่าย กลับกับต่ายน่ะแหละ"
“ไม่ต้องเกรงใจครับพี่ ลูกช้างเหมือนกัน ผมยินดี"
“ไม่ได้เกรงใจเว้ย”
“งั้น ตกลงตามนี้นะคะ"

เวร!

***

น้องต่ายโบกมือให้ไหวๆ เป็นสัญญาณว่าเดี๋ยวเจอกัน ก่อนเดินกลับไปที่มอเตอร์ไซค์ของตัวเอง

ให้ตายเถอะ รู้จักกันแค่ไม่ถึงชั่วโมง ผมกลับมานั่งเสนอหน้าบนรถ (นิสสัน จู๊คซ์ ป้ายแดง) ของเจ้าเด็กวันรุ่นบ้านรวย (แต่น่าจะมีปัญหาครอบครัว เพราะป่วยเป็นโรคจิต) หรือว่านี่คือโชคร้ายอีกเรื่องที่ผมจะต้องเจอ
มันหันมายิ้มแบบมีเลศนัย

“พี่หนีผมไม้พ้นร๊อก เรามันมีเวรมีกรรมต่อกัน"
“จะหนีแกน่ะง่ายนิดเดียว ฉันแค่อยากจะรู้ว่าคนโรคจิตอย่างแกจะมาไม้ไหนต่อแค่นั้นแหละ"
“เหรอ แต่คนบางคนนี่ ย้ำคิดย้ำทำอยู่ได้นะ ก็พี่ยังไม่แตกนี่เนอะ"

โอเค เบื่อที่จะต่อล้อ ผมสังเกตข้าวของบนรถของไอ้โรคจิต แล้วเจอของที่อยู่เหนือความคาดหมาย หนังสือ แผ่นดินหอม ของท่าน ติช นัท ฮันห์ แปลโดย นุชจรีย์ ชลคุปต์ ฮื้ม มันอ่านหนังสือเก๋กว่าเราอีกนะ

“เอาไปอ่านแมะ"
“สำหรับวัยรุ่นบ้านรวย หนังสือดีๆ มีค่าแค่เอามาวางโชว์ไว้บนรถเก๋ๆ แค่นี้สินะ”
“ผมอ่านนะพี่ ผมอ่าน เห็นผมเป็นเด็กไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ จะบอกให้นะ ของมูลนิธิโกมลคีมทองอ่ะ ผมมีเกือบทุกเล่ม แม่กับพ่อชอบอ่าน ผมเลยอ่านตาม อย่าตัดสินคนแค่รูปลักษณ์ภายนอกสิครับ คนหล่อก็มีสมองมีความคิดนะ"
“เหรอ"
"พี่นี่ สอดรู้สอดเห็นเหมือนกันนะ"
“สอดรู้อะไร”
“ก็ดูว่าผมอ่านอะไร ใช้อะไร เป็นคนยังไง สนใจผมแล้วอ่ะดิ”
“แหวะ หลงตัวเอง เอาแผนที่มะ จะได้กลับถูก”
“ขโมยมุกเหรอ”
“นายอินเวนท์มุกนี้ขึ้นมารึไง”

มันหัวเราะแทนคำตอบ

“รถแกนี่รกชะมัด เอาอะไรมาไว้เยอะแยะ ปัดกวาดมั่งไหมเนี่ย”
“แน่ะ แอบสำรวจอีกละ”
“ก็ห้องโดยสารก็กว้างแค่นี้ จะให้ชั้นมองไรล่ะ"
"มองหน้าผมก็ได้ ผมหล่อนะ ดูดีๆ หรือจะมองเป้า เอาดิ ผมไม่เขินหรอก"
"ไอ้บ้า"

ไม่ทันไร รถก็มาจอดกึกตรงวงเวียนหน้าศาลาธรรม

 “พรุ่งนี้เจอกันอีกนะครับ"
“ทำไมต้องเจอกันอีก"
“อ้าว นี่แก่จนเป็นอัลไซเมอร์เลยเหรอเนี่ย ก็เดตไง ผมบอกแล้วไงว่าจะจีบ นะ พรุ่งนี้เจอกันห้าโมงละกัน ผมเลิกเรียนพอดี ที่อ่างแก้วนี่ได้ไหม ไม่ได้ไปเลยอ่ะ มีพี่ที่คณะพาไปดูแค่ครั้งเดียวเอง"
“ถ้าบอกว่าไม่อยากมากะนายอ่ะ"
“งั้นพี่ก็กำลังโกหกตัวเองอยู่น่ะสิ ผมรู้นะว่าพี่ก็ชอบผม ผมออกจะหล่อขนาดนี้"

โว้ย หลงตัวเองได้อีก

"นะ ห้าโมง โอเคละนะ เออ มันจะยังร้อนอยู่ไหมอ่ะ"
“แล้วนายไม่ต้องรับน้องรึไง"
“ไม่ต้องครับ จริงๆ แล้วผม แท่นแท๊น" ทำท่าเจ้าเล่ห์ แล้วเปิดกระเป๋า หยิบบัตรนักศึกษาขึ้นมาโชว์ “ผมเป็นน้องปีสองปลอมตัวมา”
“อย่างงั้นก็เหอะ ปีสองก็ต้องเข้าป้ะ คณะนายรับแรง โซตัสแข็งแรงนะเว้ย ไม่กลัวโดนแบนโดนรุมยำหรือไง"
"เป็นห่วงผมเหรอ"
"พูดจริงพูดเล่นเนี่ย"
"อ้าว ผมเพื่อนเล่นพี่เหรอ ล้อเล่น เอาน่า ผมมาได้ตรงเวลาละกัน ถ้าพี่ไม่มา ผมมาตามพี่ถึงคณะแน่ แล้วจะบอกทุกคนเลยว่าพี่ได้ผมแล้วทิ้ง"
“เลว”

ผมผลักประตูรถให้เปิดออก อย่างไม่คาดคิด น้องๆ ผู้ชายปีหนึ่งกรูกันเข้ามารับ ต้องเป็นอิเลวสักตัวแน่ๆ ที่สั่งน้องมาแกล้ง เห็นพวกมันยิ้มเจ้าเล่ห์แต่ไกล อยากด่าให้ว่า กูไม่ได้เป็นง่อย อิพวกเวร พอเดินไหว แต่คงไม่มีใครฟัง เจ้าดื้อหัวเราะชอบใจออกมายืนเก๊กหล่อนอกรถ ไม่ยอมไปซะที

“ไงอีว่าว ไอ้คนที่ห้องพยาบาลนี่มันเล่นมึงจนเดินไม่ไหวเลยเหรอวะ"

หนึ่งในกลุ่มอิเพื่อนใจหมาแซว

“หนุกไหมเพื่อน โดนเอา แล้วมึงพกวาสลีนติดตัวรึเปล่า"
“รูปกับคลิปละคะ ถ้าไม่มีกูถือว่าตอแหลค่ะ”
“ตูดฉีกป่ะวะเนี่ย ไหนมาตรวจหน่อยซิ"
“เดี๋ยวเหอะอีแมกซ์ ปากมึงแหละจะฉีก สันดาน"

ผมหันไปมองคนต้นเรื่อง ปรากฏว่าทั้งรถทั้งคนไม่อยู่แล้ว อ้าว ไปไหน ไวมาก

“เออ ว่าว แล้วใครมาส่งมึงอ่ะ เห็นน้องต่ายบอกโคตรหล่อ หล่อจริงป่ะวะ กูมองไกลๆ เห็นไม่ชัด สายตาสั้น "

จะให้ผมบอกมันยังไงล่ะเนี่ย ว่าไอ้หน้าหล่อนี่แหละ คือคนเดียวกับไอ่เชี่ยโรคจิตแชมป์ว่าว

“พี่มิว พี่มิวรู้จัก เด็กดื้อคณะวิดวะด้วยเหรอคะ"

น้องผู้หญิงในกลุ่มเดียวกันกับน้องต่าย สองสามคนวิ่งเข้ามาถาม สงสัยน้องต่ายคงเอาเรื่องไปกระจายจนรู้กันหมดแล้วมั้ง
“ หา เออ"
"อ้าว เหรอ ใช่คนเดียวกันกับคนที่เป็นเดือนเฟรชชี่ปีที่แล้วป่ะ เดือนหอด้วย หอสี่อ่ะ"
“คนนั้นแหละค่ะ พี่แม็กซ์”

อิแมกซ์ทำเสียงหวีด

"แร่ด มึงไปรู้จักน้องเค้าได้ไง บอกกูมา"
“ไม่รู้จักเว้ย ดงเดือนอะไรกูไม่รู้ แต่น้องเค้าไปที่หอพยาบาลพอดี เค้าเห็นว่าเพื่อนใจทรามไม่ยอมมารับกู เลยอาสามาส่ง”

 เอ๊ะ ทำไมต้องแก้ตัวให้ไอ้เด็กบ้านี่ จนฟังดูดีมีน้ำใจ ถึงขนาดนี้ด้วยเนี่ย

“แหม ก็กูยุ่งอยู่นี่ ก็ส่งน้องต่ายไปแทนแล้วไง”
“เหรอ”
“แล้วๆ พี่มิวจะได้เจอดื้ออีกป่ะคะ"
“เออ นั่นดิ มึงจะได้เจอเขาอีกป่ะเนี่ย อีนี่ซุ่มมืดนะ มีของดีไม่แบ่งเพื่อน"
“มึงคิดว่าไงล่ะ เขามาส่งกูขนาดนี้”

ผมยิ้มเยาะอย่างตัวร้ายในละคร กะให้หมั่นใส้กันให้เต็มที่ เลยโดนอิแมกซ์ผลักเข้าให้

“โอ้ย ไอ้ห่านี่ กูเจ็บอยู่นะ”
“ขอโทษๆ โอ๋ๆ มาๆ”

มันทำท่าจะเข้ามากอด ผมเบี่ยงตัวรังเกียจ

“อี๋ ไปไกลๆ เหม็นเหงื่อ”

คนอื่นๆ หัวเราะ แซวและเลิกแซวไปนี่สุด น้องปีหนึ่ง ถูกสั่งให้จัดแถวใหม่เตรียมบูม บรรยากาศสวนสักหน้าศาลาธรรม อื้ออึงด้วยเสียงบูมจากนักศึกษาคณะและเมเจอร์อื่นๆ บรรยากาศยามใกล้ค่ำช่วงต้นฤดูฝนอวลไปด้วยความหวังและความรู้สึกตื่นเต้นของน้องๆ ลูกช้างเชือกใหม่ นี่ผมมะโนไปเองรึเปล่านะเนี่ย ว่าวันนี้ อะไรๆ ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนักหรอก


 :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2015 01:49:19 โดย bennietakky »

Jun940

  • บุคคลทั่วไป
Re: Luckiet Gets The Highest Kite : The novel ตอนที่ 1
«ตอบ #2 เมื่อ07-07-2008 16:17:33 »

ย่อมาเจาะไข่และหอบกำลังใจมาให้เรื่องใหม่ค๊าบบบบ   :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2:L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2:L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2:L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: สู้ๆ ครับ



ว่าแต่ "ขอโทษครับ แต่ผมมันเซ็กซ์จัดอ่ะ ยอมรับ ผมเคยว่าวในตอนขับรถด้วยนะ กรุงเทพ-เชียงใหม่ ว่าวมาแล้ว"   :o :o น้องทำได้ไง  :angry2: :angry2: :angry2:  บอกรายละเอียดมาบัดเดี๋ยวนี้นะอย่าให้ต้องมาจิ้นเอง 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2008 16:21:26 โดย Jun940 »

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: Luckiet Gets The Highest Kite : The novel ตอนที่ 1
«ตอบ #3 เมื่อ07-07-2008 18:23:55 »

ย่อมาเจาะไข่และหอบกำลังใจมาให้เรื่องใหม่ค๊าบบบบ   :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2:L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2:L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2:L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: สู้ๆ ครับ



ว่าแต่ "ขอโทษครับ แต่ผมมันเซ็กซ์จัดอ่ะ ยอมรับ ผมเคยว่าวในตอนขับรถด้วยนะ กรุงเทพ-เชียงใหม่ ว่าวมาแล้ว"   :o :o น้องทำได้ไง  :angry2: :angry2: :angry2:  บอกรายละเอียดมาบัดเดี๋ยวนี้นะอย่าให้ต้องมาจิ้นเอง 
ต๊าย ตาย ตายแล้วทำไงอ่ะอยากรู้ อยากเสือกเรื่องชาวบ้านจริง จริ๊ง

ชาวโอท๊อปนี้เอง 555555555555555555555 เป็นกำลังใจให้ว่าวต่อไป
 :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2008 18:27:00 โดย ไต๋ »

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
Re: Luckiet Gets The Highest Kite : The novel ตอนที่ 1
«ตอบ #4 เมื่อ07-07-2008 18:28:56 »

ช๊อบ ชอบ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ชื่อ ดื้อ น่ารักจัง

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
Re: Luckiet Gets The Highest Kite : The novel ตอนที่ 1
«ตอบ #5 เมื่อ07-07-2008 18:54:57 »

 :mc4:
แอบมาเป็นกำลังใจให้คร้าบ

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Luckiet Gets The Highest Kite : The novel ตอนที่ 1
«ตอบ #6 เมื่อ07-07-2008 19:04:37 »

เรื่องสนุกมากครับ ต้องมาต่อเรื่อยๆนะครับไม่งั้นไม่ยอมจริงๆด้วย  +1ให้กำลังใจครับ :serius2:

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
Re: Luckiet Gets The Highest Kite 2015
«ตอบ #7 เมื่อ07-07-2008 19:13:12 »

สวัสดีครับทุกคน  ผมเบน คนเขียนเรื่องนี้นะครับ

ใช่ครับ มันผ่านมาหลายปีแล้วมากที่ไม่ได้มาต่อ 555 ไม่รู้ว่าใครจะยังจำนิยายเรื่องนี้ได้บ้างไหมนะครับ

เนื้อเรื่องดำเนินมาถึงตอน 18 แบบงงๆ จริงๆ ผมได้เขียนตอนต่อไปและมีตอนจบเรื่องของนี้ไว้ในใจแล้ว (ทั้งสิ้น 21 ตอนจบ) แต่โชคร้ายที่หาไฟล์เหล่านั้นไม่เจอแล้ว กลับมาอ่านก็รู้สึกว่า ยังมีอะไรที่ไม่พอใจอยู่เยอะ ก็เลยไม่ได้เขียนต่ออีกเลยครับ ทิ้งไว้นาน รู้สึกต่อไม่ติด ไปไม่เป็น

แต่กลับมาคราวนี้ ผมได้อีดิทนิยายเรื่องนี้ให้พอรู้สึกว่าโอเค กล้อมแกล้มผ่านไปได้ เพื่อจะเขียนอีกสามตอนให้จบครับ เหตุผลก็คือ (ไม่รู้จะผิดกฎบอร์ดหรือเปล่านะครับ ถ้าผิดก็ช่วยเตือนด้วยนะครับ) คือได้รับการติดต่อให้รวมเล่ม โดยจะมีการเปิดให้จองเร็วๆ นี้

สำหรับใครที่สนใจ ถ้ามีอะไรคืบหน้าเป็นเรื่องเป็นราว จะนำมาบอกเล่าอีกทีครับหลังจากที่โพสต์นิยายจนจบทั้ง 21 ตอนแล้ว ส่วนสามตอนสุดท้าย คาดว่าจะได้อ่านกันไม่เกินอาทิตย์สองอาทิตย์นี้แน่นอนครับ (กำลังเขียน) อาจจะช้าหน่อย เพราะผมเขียนตอนหนึ่งๆ ก็ยาวพอสมควรอย่างที่เห็น แต่ผมลงจนจบแน่นอนครับ เหตุผลก็อย่างที่บอกไป

ฉบับอีดิทใหม่นี้ มีการปรับเนื้อเรื่องบางส่วนให้ทันสมัยขึ้น (ต้นฉบับเดิมมันตั้งแต่ ปี 2008 – 2009 นู้นแน่ะ) มีแก้คำผิด แต่อาจจะยังหลงหูหลงตาบ้าง เพราะอีดิททั้ง 18 บท สองร้อยกว่าหน้าเอสี่นี้ อยู่สี่วันเต็มๆ มันก็ต้องมีเออเร่อ มีเบลอกันบ้างแหละ แต่บางอันก็จงใจ ต้องขออภัยไว้ด้วยนะครับ

สำหรับใครที่เคยอ่านแล้วชอบ และแน่นอนน่าจะลืมเนื้อเรื่องไปแล้ว (ผมยังลืมเลย 555) อยากให้ลองกลับไปอ่านตั้งแต่บทแรกใหม่อีกรอบครับ อาจจะชอบมากขึ้น น้อยลง หรือไม่ชอบแล้วก็ได้ครับ เพราะเนื้อเรื่องและกลวิธีมันไม่สดใหม่เหมือนตอนนู้นแล้ว ส่วนใครที่ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้ แล้วชอบแนวรอมคอม รั่วๆ มีดราม่าเล็กๆ ก็อยากจะให้ลองดูนะครับ เผื่อจะใช่

ขอบคุณทุกคนที่ยังคิดถึง เคยคิดถึงนิยายเรื่องนี้ ขอโทษมากๆๆๆๆ ที่ดองครับ ขอโทษจริงๆ จะไม่ดองแล้ว สาบาน ว่าอีกสามตอนที่เหลือ ได้อ่านกันแน่นอน ต้นเดือนพฤษภานี้ครับ
ส่วนใครที่อยากพูดคุยกับผม จะ PM หรือเข้ามาพูดคุยที่เพจส่วนตัวของผม https://www.facebook.com/pages/ben/151018018373870?ref=hl ก็ได้ครับ ถ้าผิดกฎก็ต้องขอโทษด้วยครับ ไม่ทราบจริงๆ

ขอบคุณมากครับ
เบน




:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2015 02:52:15 โดย bennietakky »

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Luckiet Gets The Highest Kite : The novel ตอนที่ 1
«ตอบ #8 เมื่อ07-07-2008 19:37:54 »

ต่อกระทู้เดิมเลยครับ  :a4: :a1: :a3:

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
Re: Luckiet Gets The Highest Kite : The novel ตอนที่ 1
«ตอบ #9 เมื่อ07-07-2008 19:52:39 »

สนุกมากๆ น้องดื้อน่ารักจริงๆ ชอบๆๆๆๆมาต่อเร็วๆน๊า  :m4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Luckiet Gets The Highest Kite : The novel ตอนที่ 1
« ตอบ #9 เมื่อ: 07-07-2008 19:52:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
2.

เช้าวันถัดมา ผมเดินออกมาจากห้องพักย่านนิมมานเหมินทร์ เพื่อตรงไปยังมหาวิทยาลัย สกู๊ตเตอร์เจ้ากรรมปรากฏว่าต้องได้รับการผ่าตัดใหญ่ คาบิวเสีย หัวจ่ายน้ำมันปล่อยนำมันลงมาท่วมหัวเทียน สตาร์ทไม่ได้รอบ หรืออะไรซักอย่างนี่แหละ จริงๆ ก็ไม่รู้เรื่องกะเค้าหรอก ก็เก๊กหน้าแมนทำเป็นเข้าใจไปอย่างนั้น เอาเถอะ ชินแล้วแหละ ถ้าจะต้องโชคร้าย เอ้อ ไม่ได้สินะ ลืมกฎสำคัญของ เดอะซีเคร็ท ไปเสียสนิท จะพูดว่าตัวเองโชคร้ายเพื่อ?

ไม่ได้ๆ ฉันกุมชะตาชีวิตของตัวเอง ฉันมีชีวิตในแบบที่ดี ฉันคือแม่เหล็กดึงดูดโชคดี ฉันมีสมองเงินล้าน!

เอาเถอะ แต่วันนี้ ได้แรงบันดาลใจจาก ดิออร์ ออม คอลเลคชั่นล่าสุด นั่นคือจัมพ์สเวตเตอร์ลายพรินท์ลายโพกาดอท ปักรูปดอกลิลี่ ออฟ เดอะ แวลล์ ทับชุดนักศึกษา คล้องผ้าพันคอสีดำเข้ากันอย่างเก๋ไว้ที่ไหล่ สวมแว่นตาไร้เลนส์ทรงแอนนี่ ฮอลล์ เพื่อสร้างลุคส์ อากาศร้อนได้เรื่องอยู่ แต่จะกลับไปเปลี่ยนก็คงไม่ทันแล้วไง เนื่องจากเดินมาจนเกือบจะถึงประตูปตท. แล้ว

กฎของการดึงดูดโชคดีคือเราต้องรู้สึกดีกับตัวเองเสียก่อน เลยขยันลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ตอนแซ๊บโห่ (ไก่ไม่โห่ แต่แซ๊บข้างห้องโห่แทน พวกมันดูบอล เสียงดัง จนข้าพเจ้านอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นมาดูด้วย จากนั้นต่อด้วย ซีรียส์ ดาวน์ตันแอบบีย์ ที่โหลดมาแต่ยังไม่มีเวลาดูจนจบซักที) เช้านี้เลยมีรอยคล้ำใต้ตาเล็กน้อย (ขอบคุณแซมเปิ้ลของ ลาเนจ ที่ติดมากับนิตยสารแอล)

ปี๊น...ๆๆๆ

เสียงบีบแตรไล่มาจากทางด้านหลัง โว้ย ใครวะ ไร้มารยาทจัง ไม่ได้บีบไล่ชั้นใช่ไหม ไม่งั้นกูจะเหวี่ยง อุตส่าห์เดินบนทางเท้าแล้วนะ กีดขวางการจราจรก็หาไม่

เบนซ์ซีแอลเอ สีดำวาวมะเมื่อมปาดเข้ามาจอดซ้าย

ใครอ่ะ? คนรู้เราจักเหรอ? ผู้ชาย? คนขับลดกระจกลง มีเสียงแร็พเพอร์สาวตุ๊กกี้ เอ้ย นิคกี้ มินาจ แผดจากเครื่องเสียงชั้นเยี่ยม 
อีห่า ก้อนอะไรวะเนี่ย สีดำๆ กำลังขยับแว่นกันแดด และหันมาทางข้าพเจ้าอย่างลีลาเว่อร์ๆ  อ้อ  นังเห็ดหูหนูดำนั่นเอง โอ้ย เกือบหลุดขำ แต่นะ ทำไมต้องมาเจอยัยนี่แต่เช้าด้วยเนี่ย เพลงฮิพฮ็อพไม่เข้ากะมันเลยจริงๆ อย่างชีต้องเพลงระบำลพบุรี บ้านเกิดที่มันต้องไปร่วมงานโต๊ะจีนปีละครั้ง

“ฮายยย มอร์นิ่งจ้า เธอเดินทำไรแถวนี้เนี่ย แต่ โอ๊ย จุดนี้แต่งตัวแรงมาก กระชากสายตาชั้นตั้งแต่ห้าร้อยเมตรแรกโน่นแน่ะ อ๊ะ  แล้วรถหรีดเน่าของเธอล่ะ เสียอีกแล้วเหรอ"

สตั๊นไปสองวิ

“อ๋อ คือฉัน… (อะไรดีวะ) ฉันแค่ลองเดินลดโลกร้อนดูน่ะ แบบว่า เฮ้ โลกเรากำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตน้ำมันอยู่ใช่ไหม ภัยธรรมอากาศที่ที่ทวีความรุนแรงเลวร้าย แล้วทำไมไม่สร้างจิตสำนึกเรื่องพอเพียงและการลดการใช้พลังงานกันล่ะ  โดยเริ่มจากตัวเองก่อนงี้"

ทำไมต้องแก้ตัวซะยืดยาวเพ้อเจ้อเนี่ย นังเห็ดฯ มันไม่เชื่อหรอก ชั้นยังไม่เชื่อตัวเองเลย

“อ่อ เหรอจ๊ะ จะบอกว่าเธอลิฟวิ่งกรีน  ใช้ชีวิตสโลว์แบบที่ฮิพสเตอร์เมืองนอกเค้ากะลังฮิตกัน ว่างั้น ว้าว ออซั่มนะ แบบว่า สุดยอดเลยเธอ"

โวะ มันเชื่อด้วย

“ถูกเผง นี่เป็นเทรนด์ที่เด็กมหาวิทยาลัยนาโรปะเค้าทำกันตอนนี้อ่ะนะ แล้วพวกไอวีย์ลีกและมอดังๆ ในยุโรปเค้าก็กำลังตื่นตัวกันมากที่จะลดการใช้พลังงานในขณะเดียวกันก็สร้างเทรนด์ใหม่ๆ ไอเดียใหม่ๆ เกี่ยวกับการรักษาสุขภาพแบบยั่งยืนไปด้วย ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการเดินสร้างสมาธิ ฝึกจิต เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ด้วยพลังธรรมชาติและการภาวนา"

อ่ะๆ งงอ่ะดิ ยัยเห็ดเน่า ไม่รู้ว่าฉันพูดถึงเรื่องอะไรใช่ไหม ชีทำตาลอยคิดตามก่อนจะรีบแก้เก้อ

“โอเคๆ คือชั้นนึกว่ารถเสียแล้วไม่มีตังก์ขึ้นรถแดง กะว่าจะชวนไปด้วยกัน แต่ถ้าเธอเดินลดโลกร้อนอะไรของเธอ ชั้นก็จะไม่ขัดศรัทธาละ เอาใจช่วยค่ะคุณเพื่อน แล้วนี่ เร็วๆ ล่ะ จะแปดโมงแล้วนะ เดี่ยวไม่ทันเช็คซื่อล่ะซวยเลย"

นางทำหน้าได้น่าถืบทิ้งไว้ แล้วก็เร่งเครื่องออกไป พูดอย่างยุติธรรม เสียงเครื่องยนต์มันฟังเสนาะหูสุดๆ

โว้ย อารมณ์เสีย คิดว่าออกมาเช้าแล้วเชียว เพราะกลัวเจอคนรู้จัก ยังแสล๋นมาเจอนังวัวนี่จนได้ ละนี่นะ ทำไมนักศึกษาที่นี่ ต้องมองคนที่เดินไปเรียนแปลกๆ ด้วยวะ ไม่เคยเดินกันรึไงฮึ นี่ล่ะนะพวกคนเมือง สบายกันจนชินละสิ ผิวบาง จมไม่ลง ไม่ได้ห่วงเลย ว่าตัวเองเผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติไปเท่าไหร่ ไม่เหมือนเรา ที่มีพร้อมทั้งมโนธรรม จิตสำนึก และความน่ารัก ซึ่งมาพร้อมกับลุ๊คที่แสนแพง (นี่คือ ดิออร์ ออมส์จำไว้!) อืม พอได้บ่นแบบนี้แล้วก็รู้สึกโอเคขึ้นมาบ้าง

โอ้ย ไม่ ฉันทำผิดกฎ เดอะ ซีเคร็ตอีกแล้ว

08.15 น. โอ๊ะ แดดเริ่มจ้า ร้อนเหมือนกันนะเนี่ย แต่โอเค ถ้ามันช่วยให้… ช่วยให้อะไรวะ
08.19 น. อี๋ ใครมาอ๊วกตรงทางเท้า ด้วยเนี่ย แหวะ โสโครกมาก
8.22 สงสัยว่า ถ้าเอาผ้าพันคอออก แล้วเปลี่ยนมาถือหรือผูกที่กระเป๋าแทน เมอร์ซิเออร์ ดิออร์ คงจะไม่ว่าอะไร เพราะมันแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ และเป็นการตัดสินใจที่เหมาะกับสภาพอากาศ ซึ่งได้ทำลายลุคส์นี้แต่ประการใด
8.23 การที่ผมเดินลดโลกร้อน พร้อมๆ กับยังคงสไตล์ไปด้วยนั้น จะว่าไปก็อาจจะนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นกิจการเพื่อสังคมได้เหมือนกันนะ คือสังคมได้ประโยชน์จากทุกทางเลยไง เห็นไหม โอเค ไว้ค่อยเขียนโครงการเพื่อขอรับทุนจาก สสส ทีหลัง
08.24 น. เห้อ โลกไม่ร้อนแล้วเหอะ แต่ชั้นกลับร้อนแทน หรือว่าลุ๊ค ดิออร์ ออม นี่จะไม่เหมาะกับอากาศเมืองไทย
08.25 น.โอ๊ย ทำไมชั้นต้องมาเดินด้วยเนี่ย ไกลก็ไกล ร้อนก็ร้อน เนื้อตัวก็ยังปวดเมื่อยไม่หาย อีกตั้งไกล กว่าจะถึงคณะ
08. 27 น. ถ้าเดินไปถึงหน้าสถาบันภาษา จะมีรถม่วงผ่านไหมเนี่ย ฮือๆ

****

“ทำไมไม่โทรบอก กูจะได้ออกไปรับ แล้วนี่ (มองหัวจรดเท้า) แต่งชุดห่าไรวะเนี่ย มึงจะขึ้นเวทีดัชชี่บอยเหรอ แร๊ดแร่ด"

อีแมกซ์ด่า แต่ก็ยื่นกระดาษซับหน้ามันให้ ขณะที่ผมกำลังนึกว่า สมัยนี้เค้ายังมีประกวดดัชชี่บอยกันอยู่ไหม

“โอ้ย กูไม่รบกวนเวลามึงหรอก ไม่รู้ว่าแต่ละวัน มึงต้องตระเวนขี่รถเครื่องรับส่งกี่คนต่อกี่คน อย่าเอากูไปรวมกับภาระมึงเลย"

มันถอนหายใจควายแล้วจ้องหน้า ตาย หน้ากูมันขนาดนั้นเลยเหรอ

“เมื่อเช้าก็ไม่ได้ส่งใคร มึงนี่คิดเล็กคิดน้อยจริงๆ แฟนอ่ะหาเมื่อไหร่ก็ได้เว้ย กูหล่อ แต่เพื่อนอ่ะ ต้องมาก่อน"
“อย่ามา มึงเคยทิ้งกูไว้ที่ร้านหมูกระทะแล้วตามเด็กเภสัชไปหอมัน ระยำ"
“แหม ก็กู… เออน่า เอาเป็นว่า เดี๋ยวช่วงนี้ กูไปรับส่งมึงก็ได้ มึงยังเจ็บอยู่ รถก็ไม่มี"
“ไม่ต้อง กูจะเดินลดโลกร้อน"
“แต่เมิงเดี้ยงอยู่นะ"
"โลกร้อนสำคัญกว่าเว้ย มึงนี่แม่งคิดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แล้วก็ดิสคริมิเนตคนพิการด้วย"
"เออๆ งั้นก็ตามใจมึง อุตส่าห์จะช่วยแล้วยังจะเรื่องมากอีก เย็นนี้อย่าลืมไปช่วยดูน้องด้วยล่ะ ใกล้วันจะขึ้นดอยแล้ว แม่งไม่เคยโผล่หน้า"
“เออ ถ้าว่างนะ”
“อะไรของมึงอีกล่ะ”

เสียงมันทั้งรำคาญทั้งสงสัย

“ก็พูดเผื่อ เผื่อว่ากูจะมีนัด”
“นัด นัดอะไร”
“โอ้ยบอกว่าเผื่อ ถามจัง คนยิ่งร้อนๆ อยู่”
ผมเฉไฉ ประจวบเหมาะกับที่อาจารย์เตรียมพาวเวอร์พอยท์เสร็จพอดี และกำลังจะเริ่มเลคเชอร์

นี่ จะดูแร่ดไปรึเปล่านะ ถ้าเกิดผมจะไปเจอเด็กนั่นจริงๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงคิดว่าตัวเองจะไป นอกจากเรื่องเมื่อวานและหน้าหล่อๆ ของมันแล้ว ผมยังไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับเจ้าเหล็กดัดปั๊ดว้องนั่นเลยสักนิด
แต่นะ
อืม ตัดสินใจว่า คิดเยอะๆ เอาไว้ก่อนดีกว่า

****

นั่งอารมณ์บูด เพราะยัยเห็ดหูหนูเน่าได้ซักพัก (มันไปนั่งบริเวณสูบบุหรี่หลังร้าน) ยัยนก เพื่อนสนิทแถวบ้านที่นัดไว้ก็มาถึง นางแต่งตัวธรรมดาๆ เรียบๆ ไม่แต่งหน้า

“ฝากของไว้เดี๋ยว เดี๋ยวชั้นไปสั่งกาแฟก่อนนะ เอาไรอีกไหม มัฟฟิ่นช็อคโกแล็ตไหม"
“ชั้นไปสั่งให้ดีกว่า จะเลี้ยง"
“โอ้ย ไม่ต้อง เก็บตังค์ไว้เหอะ มีเรื่องต้องใช้อีกเยอะ เชื่อชั้น"

นางทิ้งบอมบ์ไว้ แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ ยัยนกกับผมสนิทกันตั้งแต่เด็ก เรียนด้วยกันจนจบโรงเรียนม.3 แถวบ้านก่อนจะแยกกันเข้ามาเรียนม.ปลายในเมืองตามกระแส กลุ่มเรามีกันอยู่หลายคน แอดมิชชั่นได้พร้อมกันหมด โชคร้าย ยัยนกเรียนปีหนึ่งคณะบริหารได้เทอมเดียว แต่เกิดเบนโลขึ้นมาซะก่อน เลยลาออกมาแต่งงานเลี้ยงลูก พร้อมๆ กับลงทะเบียนเรียนปริญญาตรีภาคเสาร์-อาทิตย์คณะวิทยาการจัดการที่มหาวิทยาลัยราชภัฏแทน แต่ชีวิตยัยนกไม่ได้แย่นะ ตรงกันข้าม นางแฮปปี้สุดๆ แฟนชีทั้งรวยทั้งหล่อ ลูกสาว(หลานผม) ก็น่ารักน่าเอ็นดู ผมกับเพื่อนคนอื่นๆ ต้องคอยพึ่งพาด้านจิตใจจากนางอยู่เสมอๆ อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน เนื่องจากนางมีสัมผัสที่หกแล้วก็ไปร่ำไปเรียนต่อยอด คือดูดวงจากใบไม้ กากชา ไพ่และอื่นๆ  แม่นดีเหมือนกัน

“เตรียมใบไม้มาป่ะ"
“นัดมาก็เพื่อการนี้แหละ”

ผมยื่นใบชมพู่ ที่เด็ดสดๆ จากต้นริมรั้วบ้านใครก็ไม่รู้ ระหว่างทางมาที่จากกระเป๋าเสื้อส่งให้ นางเอามาลูบๆ คลำๆ แล้วก็พลิกดูนั่นนี่ ก่อนจะหลับตาตั้งสมาธิ ชีบอกว่า ลวดลายของใบไม้ที่เราเลือกมา สามารถบอกได้ถึงเรื่องราวของเราในปัจจุบันขณะ และอนาคตอันใกล้ได้ ถ้าเราอ่านออกอ่ะนะ

“ทำไมถึงเลือกใบนี้อ่ะ”
“เปล่า ไม่ได้เลือก เห็นใบมันสวยๆ มันๆ เลยเด็ดมาเลย ไหนว่ายัง ทายมาดิ ไม่ดีใช่ป่ะ”
“ ก็ ไม่ขนาดนั้น แต่ช่วงนี้คงต้องเหนื่อยหน่อยนะ ยุ่งๆ อยู่ใช่ป่ะ”
“ก็นิดหน่อย เปิดเทอมมาซักพักละ เดือนหน้าก็สอบกลางภาคแล้ว”
“ระวังๆ หน่อยนะ ระวังเรื่องอารมณ์ เรื่องเครียดอะไรพวกนี้ คือเหนื่อยอ่ะเหนื่อยแน่ แล้วเป็นแบบ เหนื่อยแต่ไม่ได้อะไรเลยด้วย”
“เฮ้ย อย่างงั้นเลยเหรอ”

จะแม่นไม่แม่นไม่รู้ แต่ตอนนี้ใจผมหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มแล้ว ผมจิบกาแฟแก้เก้อ นางคงเห็นหน้าผมไม่ค่อยดีเลยรีบปลอบ

“เฮ้ย แต่ก็ต้องมีเรื่องดีบ้างแหละ”

แหม แต่ถ้ามันดีจริง จำเป็นไหมที่นางต้องพูดปลอบใจ ไม่มีใครเขาพูดปลอบใจคนที่ชีวิตดีอยู่แล้วหรอกนะ

“เอาเหอะ ต่อๆๆ แล้วยังไงอีก”
“ช่วงนี้มีอุบัติเหตุบ้างไหม หรือไปข้องเกี่ยวกับอุบัติเหตุของคนอื่น"
“มี” ผมตกใจเล็กน้อย “เพิ่งสองสามวันก่อนนี้เองอ่ะ รถเฉี่ยว นี่ยังเคล็ดขัดยอกอยู่เลยนะ"

ผมเลิกชายเสื้อให้ชีดูรอยเขียวช้ำที่เอว

“อ้าว แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า แล้วไปทำอีท่าไหนน่ะ”
“มอไซค์น่ะ เด็กปีหนึ่ง แต่น้องเค้าก็เจ็บเหมือนกัน เจ็บมากกว่าชั้นอีก หัวแตก ต้องไปเย็บโรงพยาบาลเลย แต่ชั้นยังเดินปร๋อ เห็นเจ็บเยอะเลยไม่เอาความ”
“ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรมาก แล้วนี่ไปตรวจอะไรบ้างรึยัง”
“ไปคลินิกมหาลัยน่ะ หัวไม่กระแทก ไม่เป็นอะไร แค่ฟกช้ำนิดหน่อย”
“ระวังตัวหน่อยนะ”
“อื้อ”

ยัยนกลูบๆ คลำๆ ใบชมพู่อีก

“ระวังเรื่องฟืนไฟด้วย อุปกรณ์ไฟฟ้า อิเลคทรอนิคส์ แก๊ส จะมีเรื่องให้เสียทรัพย์ ใช้เงินเยอะ"
“โอ๊ย จริงดิ มีอีกเหรอ"
“ไม่ต้องห่วง ถ้ามีเรื่องอะไรจริงๆ ก็จะมีคนคอยช่วย"
"นะ ควรจะดีใจไหมเนี่ย ไม่มีเรื่องดีเลยเหรอ”
“ก็มีนะ เรื่องเรียนไม่ปัญหา แค่อย่าเครียดอย่างที่บอก อ้อ ความรักก็เด่น แหม นี่ มีหลายคนเข้ามาให้เลือกซะด้วยนะ”
“ไม่แม่นล่ะ เพื่อน ไม่มีซักคนเลยจ้า โอ้ย รอมาเป็นชาติ”

ผมรีบปฏิเสธ แต่หน้าเจ้าเด็กฟันเหล็กแว่บเข้ามาแทบจะทันที

“เชื่อสิ เดี๋ยวก็มีมา นี่ถ้าเลือกคนถูกนะ เขาอาจจะมาช่วยเสริมดวงได้นะ"

เดี๋ยวนะ ไอ้เด็กนั่นมันพูดว่ายังไงนะ ผมพยายามนึก มันพูดประมาณว่า ‘พี่รู้ป่ะ ว่าพี่โชคดีนะ ที่เจอผม’ อะไรประมาณนี้ป่ะนะ โวะ

“หน้าแดง แปลว่ามีแล้วใช่ไหม แต่ไม่ยอมบอกเพื่อน"
“โอ้ย ไม่มี อ่ะ ต่อๆๆ”
“ก็ ไม่รู้นะ รอดูละกัน ก็อย่างที่เราเคยรู้มานะ นอกจากจะต้องหมั่นไหว้พระสวดมนตร์ทำบุญเสริมดวงแล้วเนี่ย การเลือกคบคนดีๆ คนที่เค้าที่มีบุญเยอะๆ มีความสุข อะไรงี้ เราก็จะพลอยมีความสุขไปด้วย มันมีเหตุผลดีใช่ป่ะ"
“ก็ มั้ง”

เหมือนที่เคยอ่านจากหนังสือเซลฟ์เฮลฟ์ประเภทสอนให้รวยเลย อยากรวยก็ต้องคบคนรวย อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความร่ำรวย ผมทำเป็นกลบเกลื่อน แต่ในใจอดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่อ่างแก้วเมื่อวานนี้ไม่ได้
เออ แล้วทำไมใจต้องสั่นด้วยนะ

****

ห้าโมงเย็นที่อ่างแก้ว ในที่สุดก็มาจนได้นะ รู้สึกเคืองและผิดหวังกับตัวเองกลายๆ แต่เอาจริงๆ มารับลม ไม่ได้มารอใคร

อากาศกำลังดีทีเดียว แต่คนเยอะไปหน่อย รำคาญเสียงรับน้องด้วย ทั้งด้านหน้าด้านหลัง กลับมาเป็นดิออร์ ออมส์ มินิ เวอร์ชั่นไม่โทรมแล้ว เพราะได้แป้งฝุ่น แคร์ แอนเจิลซอฟท์ และน้ำหอมอินแคนโต ไชน์ กลิ่นน่ารักแสนร่าเริงช่วยเอาไว้

นึกเคืองไอ่แมกซ์ มาหาว่าผม ตื่นเต้นเว่อร์ คาดคั้นอยู่ได้ว่ามีเดทใช่ไหม เดทบ้าเดทบออะไร อีกอย่าง ไม่ตื่นเต้นอะไรเลยด้วย แค่รู้สึกว่าอาจารย์สอนนาน น่าเบื่อ อยากให้หมดเร็วๆ เท่านั้นเอง แล้วทำไมมันต้องทำท่างอนๆ ด้วยนะ ตอนที่ด่ามันว่า ไม่ต้องไปส่ง ให้ไปดูน้องเลย จะไปทำธุระที่หอสมุดแป๊บเดียว ไอ้เพื่อนเวรนี่ จะว่าไปก็ผีเข้าผีออกประสาทๆ

เอ จะรอตรงไหนดีนะ ที่มันเห็นชัดๆ อ่ะ ใกล้ๆ ด้วย บริเวณที่มีม้านั่งก็ถูกจับจองหมดแล้ว บริเวณทางเดินก็เต็มไปด้วยพวกบ้ากล้อง บ้าหมา เต็มไปหมด ก็ดี เจอเด็กนั่นซักสองสามนาทีจะได้กลับเลย ไม่ต้องเดินไกล

เอ จะห้าโมงแล้ว โทรไปดีไหมนะ เมมเบอร์มันไว้แล้วนี่ (คือเมมไว้งั้นๆ แหละ เป็นคนไม่ชอบให้อะไรคั่งค้าง) อุ๊ย ไม่ดีกว่า เดี๋ยวมันจะคิดว่าเรามีใจ ตลกนะ ถ้าคิดแบบนั้นจริงๆ

เหลือบไปเห็นที่นั่งว่างพอดี เลยแคทวอล์คเข้าไปนั่ง หันหลังให้กับอ่างแก้ว หยิบจีคิวฉบับล่าสุดขึ้นมาเปิดอ่าน

โอ้ย ยังไม่มาอีก ไร้มารยาทว่ะ

เอ๊ะ หรือเราจะโดนหลอกวะ ถ้าเกิดมันกำลังซุ่มดูจากที่ไหนซักแห่ง กับเพื่อนอีกฝูง แล้วแอบหัวร่องอหายล่ะ โอ้ย จะโกรธละนะ ทำไมก่อนหน้านี้ ผมถึงคิดไม่ออกนะนี่ ว่ามันจะมาอีหรอบนี้

“ขอโทษนะครับพี่"

อ๊ะ เสียงเรียกจากข้างหลังในระยะประชิด ผมทำเป็นค่อยๆ หันไป แบบว่าไม่ใส่ใจ กะจะแอ๊คติ้งๆ เนียนๆ ว่าแค่ผ่านมาแถวนี้ เลยลองมาดู

อ้าว ไม่ใช่ไอ้เหล็กดัดนี่ เป็นใครไม่รู้ไม่รู้จัก แต่หล่อดีเหมือนกัน

เป็นเด็กวิศวะอีกแล้ว

“ผมนั่งด้วยคนได้ไหมครับ"

อ้า เอาซี่

“ดะ..ได้ครับ เชิญ"

น้องยิ้มสุภาพ หัวเหม่งน่ารักเหมือนไอ้เด็กปั๊ดว๊องเด๊ะ แอบใจเต้นเบาๆ

“ผมคุยกับพี่ได้ไหมครับ พี่จะหาว่าผมบ้ารึเปล่า”
“อ๋อ ครับ ได้ครับ ไม่ว่า มีอะไรให้พี่ช่วยเหรอ”
“ขอบคุณครับ พี่ชื่ออะไรเหรอครับ”
“ชื่อมิวครับ แล้วน้อง…”
“นัทครับพี่ พี่เรียนคณะไรเหรอครับ"
“เรียนมนุษย์ครับ  น้องนัท วิดวะเหรอ"

พอถามออกไปแล้วก็นึกอาย โง่จัง ก็เห็นๆ อยู่ ว่าใส่ช็อปวิดวะ

“ครับผม พี่ดูท่าทางเศร้าๆ นะครับ มีเรื่องอะไร ไม่สบายใจหรือเปล่าครับ"

เอ้อ ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ แต่เสียงนุ่ม หล่อ ให้อภัย

“ไม่มีนะครับ สบายดี มีอะไรเหรอครับ”
“อ๋อ ไม่มีอะไรครับ ดีแล้วครับผม พี่จะว่าอะไร ไหมครับถ้าผมจะถามอะไรพี่ซักอย่างหนึ่ง"
“อ่ะ ครับ"

อ่า... จะถามไรเหรอ จะถามว่ามีแฟนแล้วรึยัง ใช่ไหม กรี๊ด แน่ๆ เลย  เอ้อ จะบอกไงดีล่ะ คือ ยังไม่คิดเรื่องนี้ตอนนี้จริงๆ จะดูสลิดดกไปรึเปล่า

“พี่รู้จัก มายเวย์ ไหมครับ”

หะ หา อะไรนะ ไม่ได้จะถามว่ามีแฟนรึยังหรอกเหรอ

“เอ่อ มายเวย์ บาร์เกย์แถวสันติธรรมน่ะเหรอ ไม่ ไม่รู้จักครับ ไม่เคยไป เคยแค่ขี่รถผ่าน แวะไปซื้อลูกชิ้น คือปากซอยมันมีเซเว่นไง แล้วร้านลูกชิ้น … “
“อ๋อ เปล่าครับ ไม่ใช่ครับพี่ ผมหมายถึง มายเวย์ ธุรกิจขายตรงที่ดีที่สุดของโลกน่ะครับ"

ฮ๊า… อะไรนะ ธุรกิจขายตรงหรอกเหรอ

“คือตอนนี้เรากำลังจะ…”
“พี่มิว!"

เสียงตวาดดังมาจากข้างหลัง เราหันไปหาต้นเสียง ไอ้เด็กดื้อนั่นเอง ยืนเท้าสะเอว คิวขมวด อย่างหล่อ โอ้ย มาช่วยชีวิตไว้พี่แท้ๆ พ่อคุณเอ๊ย

“เอ้อ โทษนะครับ เพื่อนพี่มาแล้วอ่ะ"

ผมหันไปบอกน้องพนักงานดีเด่นมายเวย์ ที่กำลังจะอ้าปากสาธยายความดีงามของผลิตภัณฑ์

“ใครบอกผมเพื่อนพี่"

อ้าว เด็กเวร มึงจะหักหน้ากูอย่างนี้เลยใช่ไหม

“ผมอ่อนกว่าตั้งเยอะ อย่ามายัดเยียด”
“อ้าว ไอ้ดื้อ”
“อ้าวนัท กูนึกว่าใครมานั่งหยอดพี่กู”

อ้าว รู้จักกันเหรอ

“แล้วมึงไม่เข้ารับน้องรึไง เดี๋ยวโดนซ่อมไม่รู้นะเว้ย”
“อ้าว ชิบหาย ห้าโมงแล้วเหรอวะ นี่พี่มึงเหรอ"

น้องมายเวย์ถาม เหล็กดัดทำหน้าเข้ม

“เออ เมิงเลิกคิดมาหลอกขายคอลลาเจนหรือเวย์โปรตีนให้พี่กูเลยนะ สัด กูซื้อของมึงหมดไปสองพันกว่าแล้วนะ"
“อ้าว เหี้ยนี่ กูขายของมีคุณภาพเว้ย ไม่ได้หลอกใคร พูดซะเสีย พี่ว่าวอย่าไปฟังนะครับ”
“ถ้าพี่กูจะกิน กูซื้อให้เองเว้ย มึงรีบไปเหอะ แม่งเดี๋ยวไอ้พี่ว้ากหน้าส้นตีนก็หาเรื่องมึงอีก”
“เออๆว่ะ งั้นกูไปก่อนนะ กูโดดเรียนมาน่ะ แล้ว เมิงไม่เข้าแน่เหรอวะ"
"เออ ไม่เข้า เส้นกูดีว่ะ"
“โอเค ผมไปก่อนนะครับพี่ แต่อย่าลืม มายเวย์คอลลาเจนพลัสนะพี่”

เจ้าเหล็กดัดทำเก๊กหน้าดุ น้องมายเวย์หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย ยิ้มหวานให้ผม แล้วจากไป นี่ถ้าไม่ใช่สาวกมายเวย์ น้องเขาจะหล่อขึ้นมากมาย

“คุยอะไรกันพี่ นานรึยัง มันจีบพี่รึเปล่า"

ไอ้เด็กปั๊ดว๊อง ถามเสียงแข็ง

“เปล่า แล้วนี่ นัดมามีอะไร เร็วๆ จะไปละ พอดีเห็นว่าใกล้ซุ้มเมเจอร์ เลยแวะมาดู กลัวว่าจะมีคนมารอ"
“ผมก็บอกพี่ไปแล้วไง ว่าอยากเจอ” มันมองผมหัวจรดเท้าแล้วยิ้มๆ “ ขอบคุณที่มานะครับ วันนี้แต่งตัวซะน่ารักเชียว เอ๊ะ หรือพี่มิวแต่งมาเพื่อผมโดยเฉพาะครับ เหยยยย"
“หยุดเลย เลิกมโน ฉันมีนัดกับเพื่อนต่างหาก  แล้วแต่งตัวแบบนี้ทุกวันอยู่แล้ว"
“อ้าว ได้ไงอ่ะ นี่ผมกะว่าจะชวนพี่ไปกินข้าวที่ฝายหินนะ แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมานั่งจู๋จี่กันที่นี่"
“ไอ้บ้า ใครจะจู๋จี๋กับแก ทะลึ่ง"
“ไม่รู้ล่ะ พี่โทรไปยกเลิกนัดเพื่อนพี่เลยนะ มา เอาเบอร์มา ผมโทรไปเอง"
“จะมากไปละ"
“พี่มิวอ่ะ ตามใจหน่อยผมดิ ผมไม่สบายอยู่นะ ยังอุตส่าห์มา"
“เป็นไรล่ะ โรคจิตวิปริตเหรอ หรือโรคจู๋ไม่แข็ง"
“เปล่า ขาดความอบอุ่นทางใจอ่ะครับ นะ"
“เสร่อว่ะ"

โทรศัพท์เข้าขัดจังหวะ (เสียงเรียกสายเป็นเพลง Under your spell ของวง Desire) อิแมกซ์นั่นเอง

“มึงอยู่ไหน กูอยู่หน้าหอสมุดแล้วเนี่ย ไปเอาข้าวหอสี่กับกูหน่อย"

อ่ะ ยังไงดี ไม่อยากไปอ่ะ

“อะไรนะแมกซ์ แคนเซิลเหรอ ไม่ไปแล้ว?"
“เมิงพูดเชี่ยอะไรเนี่ย ลงมาเร็วๆ เมิงต้องเต้นรวมดาวอาร์สยามกับกูกับอีเบส อีหนึ่งด้วย วันนี้ มึงแต่งตัวมาเข้าคอนเส็ปท์พอดีเลย กูให้มึงเป็นใบเตยเลยนะเว้ย"

โวะ นี่มัน ดิออร์ ออม นะ จะมาอาร์สยงอาร์สยามอะไร โกรธ

“เออ ไม่เป็นไรว่ะ"
“ไม่เป็นไรห่าอะไร ลงมาเร็วๆ"
“เอ่อ กูออกมาแล้วอ่ะ ไม่ต้องห่วง กลับเองก็ได้ เมิงไปกันเหอะ ไม่เป็นไร แค่นี้นะ "
“ว่าว มึง..."

แล้วผมกดวางสาย กลอกตาอย่างโล่งใจ ไม่ได้การละ ต้องออกไปจากแถวนี้ เพราะใกล้ซุ้มเมเจอร์เกินไป เดี๋ยวใครสักคนผ่านมาเห็น

“เพื่อนโทรมายกเลิกเหรอครับ เย้ งั้นก็ว่างแล้วสิ"

ผมตีหน้าเซ็ง แบบเฟคๆ
“งั้นพี่ก็ไปกินข้าวกับผมได้แล้วสิ อ้างอะไรไม่ได้แล้ว"
“ใครบอกว่าจะไป ไม่ได้พูดซักหน่อยว่าถ้าว่างแล้วจะไปด้วย อีกอย่างถึงไม่มีนัดแล้ว ฉันก็มีภาระที่จะต้องไปดูปีสองมันเทคน้องอยู่ดี ไปละนะ”
“ใจร้ายว่ะ นี่ถ้าแฟนคลับผมรู้ว่าพี่ใจร้ายกะผมนะ พี่โดนยำเละแน่ๆ"

โคะ มีแฟนข่งแฟนขับด้วย

“ขอโทษนะคะ น้องๆ ขา"

เสียงแป้นแล้นแทรกเข้ามาในโสตประสาท

สิ้นเสียง ผู้หญิงสองคนแต่งกายคล้ายพริตตี้ เอ้อ คือพริตตี้เลยล่ะ หน้าตาแนวๆ หญิงแย้ ซี ฉัตรปวีณ์ (ไม่เข้าใจว่าทำไมพริตตี้ต้องหน้าบล็อกนี้  แต่งหน้า ทำผม ขนตาปลอม เหมือนกันไปหมด) พร้อมกับผู้ชายถือกล้อง และป้ายโฆษณาเครื่อข่ายมือถือยี่ห้อหนึ่ง ก็เข้ามาประชิดตัวเราสองคน 

“ขอเวลาแป๊บนึง นะคะ จุดนี้ น้องสองคนมีใคร ใช้ วัน ทู มูฟ รึเปล่าเอ่ย มีมั๊ยคะ"
“อ่ะ ครับ ผมใช้ วัน ทู มูฟ"

เจ้าดื้อบอก โว้ ช่างมีสติในทุกสถานการณ์ซะจริงๆ

“แล้วน้องล่ะคะ"

อีกคนถาม พร้อมกับยื่นไมค์จิ๋วมา แหม ทิ่มหน้าชั้นเลยไหม

"เอ่อ ครับ”
“เริ่ดค้า ถ้าอย่างงั้นเรามาพิสูจน์กันเลยค่า ไหนโชว์ให้คุณผู้ชมทางบ้านดูหน่อยสิคะ ว่าใช้วัน ทู มูฟ จริงๆ ไม่กลิ้งกลอก”

โอ้ย ต้องโชว์ด้วยเหรอ ไม่อยากควักขึ้นมาเลยอ่ะ ออกทีวีด้วย เอซุส เซนโฟน ราคาไม่กี่พันนี่มันไม่เก๋เลยเมื่อเทียบกับไอโฟน 6 ของเจ้าเด็กปั๊ดว้อง เลยอ้อมแอ้มไปว่า นี่เครื่องสำรองนะ

“เย้ ใช่ วัน ทรู มุฟ จริงๆ ด้วยค่ะ ยินดีด้วยนะคะ จุดนี้ น้องสองคน เป็นคู่ผู้โชคดีของเราในแคมเปญ วัน ทู มูฟ สามจี แทงค์กิ้ว แคมเปญ ทัวร์ ทู เชียงใหม่ รับไปเลยค่ะ ตั๋วภาพยนต์แพ็คคู่ ดูได้ตลอดปี ยี่สิบเรื่องจาก ฟิวเจอร์ ซินีเพล็กซ์ เวิร์ลด ดูกันให้มันส์ไปเลย เย้ ปรบมือค่ะ ปรบมือ"

มีเสียงแปะๆ ตามมา จากผู้คนในบริเวณนั้น ที่ล้อมวงเข้ามาสังเกตการณ์ ผมหน้าแดงเล้กน้อย ยัยพริตตี้ทำหน้าได้สนุกเวอร์จนน่าตบ เหมือนไอ้เจ้าดื้อเลย

“โหย โชคดีอ่ะ"
“พร้อมกันนี้ เรายังมีกิฟท์เซ็ตพรีเมียม เสื้อยืดและซิมคู่ขา จาก วัน ทู มูฟ ไปคนละตัวเลยค่ะ”

เดี๋ยว ซิมอะไรนะ ได้ยินไม่ถนัด

“ซิมคู่ขา โฟนหากัน มันส์ๆ ไม่หลุด คิดเป็นวินาที พร้อมโปรโซเชียลมจัดหนักจัดเต็มค่า”
“แหม หล่อ ใส เด้ง ทั้งคู่เลยอ่ะ ตัวเอ้ง นี่ใช่คู่ปุณณ์-โน่ เลิฟซิก หรือเปล่าคะเนี่ย น่าอิจฉาเว่อร์ๆ"
“มะ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่เลย”
ผมรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่ไอ้เด็กบ้ากลับยืนยิ้มแป้น ไม่พยายามช่วยหรือปฏิเสธอะไรเลย หนอย

“หันมาทางกล้องหน่อยครับ พร้อมกับโชว์ของรางวัลนิดนึง"

ตากล้องร้องทัก ผมยิ้มเจื่อนให้กล้องอย่างจำยอม พร้อมกับชูซิมคู่ขาในมือ

“เอาหัวชิดกัน แล้วทำท่าซารางเฮโย แล้วก็ทำปากจู๋ด้วยได้ไหมคะ "
“ปากจู๋เหรอครับ"

ไอ้เด็กปั๊ดว้องถาม

“ค่ะ เหมือนน้องไผ่ ฮอร์โมนไงคะ ทำแบบนี้ค่ะ"

ชีสองคนสาธิตโดยเอาหัวชิดกันแล้วยืดแขนไว้เหนือศรีษะ มือชนเป็นรูปหัวใจ พร้อมทำปากจู๋ หลับตาพริ้ม เอ้อ ผมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ

“เอ่อ พี่ครับ”
“ไม่ต้องเขินค่ะ ไม่ต้องเขิน เต็มที่ไปเลยลูก”

เจ้าเหล็กดักขยับมาใกล้ผม ยกแขนขึ้น ใช้ไหล่สะกิดให้ผมทำตามเมื่อเห็นผมทำท่าลังเล …

“อย่างงั้น ล่ะค่ะ กรี๊ด  หวานเว่อรรรรรรรรร์อ่ะ พวกแก๊ ชั้นจะเป็นลม"

นางหวีด ตามด้วยเสียงกรี๊ด เสียงคิกคักจากมวลชนที่รายล้อม

เอิ่ม


*****

ที่กาดฝายหิน ไอ้เด็กเหล็ดดัดปั๊ดว้อง ยิ้มเล็กยิ้มน้อย ไม่มีทีท่าจะหยุด น่าหมั่นใส้มาก
“โชคดีจังเลยเนอะพี่มิว เห็นไหม ผมบอกแล้ว อยู่ใกล้ๆ ผม ก็โชคดีอย่างนี้แหละ งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จ เราไปดูหนังกันเลยไหมครับ ไหนๆ ก็ ได้ตั๋วฟรีมาละ เดี๋ยวผมซื้อมือถือให้พี่มิวอีกเครื่องนึงเลย จะได้ใช้ซิมคู่ขาโทรหากันฟรี ยี่สิบสี่ชั่วโมงไง"
“ไม่ต้อง ใครบอกชั้นจะใช้ ซิมชื่ออัปมงคลนี่กะนาย"
“อ้าว ถ้าไม่ใช่พี่ แล้วจะใครจะใช้อ่ะ แล้วมันอัปมงคลตรงไหน ชื่ออกจะฮา คิดได้ไง  อ้อ ยังไม่ได้ต่อว่าเลยนะครับที่ได้เบอร์ผมไปแล้วไม่โทรหาอ่ะ ผมคอยให้พี่ทั้งคืนเลยนะ รู้ไหม"
“เยอะไปละ”
“ได้เบอร์แล้ว ตามมารยาทเค้าต้องโทรไหมพี่”
“ชั้นไม่ได้ขอเบอร์นายนะ ถ้าจำไม่ผิด"
“พี่ไม่ต้องขอผมหรอก ผมพร้อมจะให้อยู่แล้ว”
ทำท่ายักคิ้วกวนๆ หล่อตายล่ะ
“นะครับ พี่มิวที่แสนน่ารัก นี่มันเป็นของนำโชคนะ มันต้องเป็นความตั้งใจของใครซักคนบนนั้นแน่ๆ  (ชี้มือขึ้นฟ้า แต่ติดหลังคาไหม) เราต้องใช้ร่วมกันดิ ไม่รู้ล่ะ ผมรู้มือถือพี่ใช้ได้สองซิม"

พูดไม่พูดเปล่า ยัดแพคเกจซิมลงกระเป๋าเสื้อผม

“อ่ะๆ อย่าคิดจะเอาทิ้งเชียว ไม่งั้นผมจะตะโกนดังๆ ให้ได้ยินทั้งฝายหินนี่เลยว่า พี่ได้ผมแล้วจะชิ่ง"
“กล้าเหรอ"
“ยิ่งกว่านั้นก็กล้า หรือจะให้กอด”
“นายนี่มัน… ”
“ผมทำไมเหรอครับ"
“… รับกินสิ เดี๋ยวไม่ทันหนังรอบสองทุ่ม ฉันไม่อยากอยู่ดึก มีธุระต้องกลับมาทำที่สโมฯ"

เจ้าเด็กเหล็กดัดยิ้มกว้าง แล้วรีบหม่ำไส้อั่วกับหมูทอด พร้อมกับผักลวกจิ้มน้ำพริกหนุ่ม
ไม่อยากจะบอกเลยว่า แม้แต่ตอนเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ มันก็ยังดูดี น่ารัก น่ากรี๊ด
ชักกลัวแฮะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2015 01:50:02 โดย bennietakky »

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0

3.


13.00 น. วันเสาร์

จากร้านกาแฟกลับถึงหอ เก็บข้าวของ เตรียมเสื้อผ้ากลับบ้านนอก

เมื่อคืนเป็นอะไรที่… ไม่รู้สิ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มานานแล้วเหอะ อายจังถ้าจะบอกว่า นี่เป็นเดทแรก ในหลายปี (ถ้ามันจะใช่เดทอ่ะนะ)

พยายามบอกตัวเองแล้วว่า อย่าเยอะ เดี๋ยวมันก็เหมือนเดิม หมดความตื่นเต้นแล้วก็ห่างหายกันไป ไม่มีใครเขาคิดเป็นจริงเป็นจังกันหรอก นอกจากตุ๊ดหัวโปกโลกสวย และคนที่ตกหลุมรักคือคนโง่ รึเปล่า มั้ง

ตอนที่ดูหนังกันอยู่ เจ้าเหล็กดัดบอกว่าปวดท้อง ห่ะแรก คิดสะใจว่า โดนน้ำพริกหนุ่มเล่นเข้าให้แล้วไง (สม ตะกละดีนัก) พอเห็นมันไปนานมาก ก็ชักเป็นห่วง ไม่ได้เป็นห่วงมันนะ ห่วงตัวเองว่าจะโดนลอยแพ คิดในใจอยู่ว่าจะกลับยังไง และจะโทรหาใคร ยังดีที่หนังสนุก ไอ้ครั้นจะออกไปตามก็ดูจะเสียหน้าและที่สำคัญคือกลัวจะดูหนังไม่รู้เรื่อง พอมันกลับมาหลังจากหายไปนานมาก เลยโล่งใจ ไถ่ถามอาการนิดหนึ่งตามมารยาท เดี๋ยวจะหาว่าใจดำ (แต่จริงๆ ถ้าสนิทกันกว่านี้ จะด่าให้ นึกว่าทิ้งกูซะละ ไอ้เด็กเวร) เวลาใกล้สี่ทุ่มกว่า หนังจบ รีบกลับไปที่รถ ไม่ได้คุยอะไรกัน ก้นผมเพิ่งได้สัมผัสเบาะรถ มันยื่นถุงกระดาษมันวาวพะยี่ห้อซัมซุงให้

“เฮ้ย อะไรอ่ะ”
“ให้”

ผมรับมาเปิดดู เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย

“ไม่เอาอ่ะ”
“เอาไปเหอะน่า"
“ไม่อ่ะ รู้สึกไม่ดีว่ะ มาซื้อให้ทำไม"
 “รับไว้หน่อยไม่ได้เหรอครับ"
“ไม่อ่ะ มันไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ของราคาบาทสองบาทนะ นี่มันสมาร์ทโฟน แกจะเที่ยวซื้อของแพงๆ ไล่แจกชาวบ้านที่เพิ่งรู้จักกันวันสองวัน เหมือนเป็นเสี่ยตันไม่ได้นะ แกบ้าไปแล้ว”

โอ้ย ให้ตายเหอะ มันกะจะสร้างความประทับใจด้วยวิธีนี้จริงๆ เหรอ คิดผิด คิดผิดมากๆ

“แต่ผมซื้อมาแล้วนี่”
“ก็เก็บไว้ใช้เองสิ หรือไม่ก็เอาไปคืน”
“เห็นไหมว่าผมซื้อมาสองเครื่อง แค่อยากให้เราใช้ซิมนั่นด้วยกัน"
“ถามฉันรึยังล่ะ"

เจ้าเหล็กดัดหน้าเสียไปเลย

“งั้น... ก็ไม่เป็นไรครับ"

เจ้าเหล็ดดัดสตาร์ทเครื่อง ทำหน้าเศร้า เอาตรงๆ นะ คิดบ้าอะไรของมันเนี่ย ซื้อของแพงๆ ให้ในเดตแรกนี่นะ

“ผมไปส่งที่หอนะ"

ออกถนนแล้วเหอะมันถึงถาม นี่ถ้าหอผมไปอีกทางหนึ่งล่ะ

“เอ่อ คือ ช่วยไปส่งที่แคนทีนคณะมนุษย์ได้ไหม" 

มันหันมามอง ทำท่าสงสัย

“ไปทำไมครับ นี่มันดึกแล้วนะ"
“เขามีฟอร์เมน เอ่อ รับน้องผู้ชายคณะมนุษย์น่ะ"

โอ้ย นี่มันโกรธผมรึเปล่าเนี่ย แต่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย มันถูกต้องแล้วนี่นาที่จะไม่รับของแพงๆ จากคนอื่นที่ไม่สนิท ของฟรีไม่มีในโลกหรอก ผมรับของๆ มัน เท่ากับผมต้องเป็นเมียมันโดยปริยายรึเปล่า คนสติดีที่ไหนก็คิดออก

“นี่แกประสาทรึเปล่า ดื้อ เข้าใจใช่ไหม ว่าทำไมฉันถึงรับไว้ไม่ได้”

ผมตัดสินใจว่าจะพูด เพราะทนความเงียบไม่ไหวจริงๆ

“ไม่เข้าใจอ่ะ”

เฮอะ เกลียดจริงๆ พวกเด็กบ้านรวย โดนสปอยล์เนี่ย

“นายอายุเท่าไหร่”
“เกี่ยวอะไรกับอายุ”
“หาเงินเองได้รึยังล่ะ”
“จะบอกว่าผมเด็ก ยังหาเงินเองไม่ได้ใช่ไหม พี่มารู้อะไรเกี่ยวกับตัวผม”
“แล้วแกอ่ะ รู้อะไรเกี่ยวกับตัวฉัน ถึงได้เที่ยวซื้อของให้เนี่ย ถ้าเกิดฉันเป็นพวกสิบแปดมงกุฎหลอกเอาของล่ะ จะว่าไง”

“ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำให้พี่มิวไม่สบายใจจริงๆ นะ”
“ฉันก็ไม่ได้คิดแบบนั้น ที่แกให้อะไรใคร มันคงเพราะเป็นนิสัยของแกเองที่อยากจะให้ อยากให้คนอื่นรู้สึกดี แต่บางทีมันก็ต้องดูกาลเทศะป่ะ ดื้ออาจจะต้องคิดให้เยอะขึ้นนะ โดยเฉพาะเรื่องกาลเทศะเนี่ย”
“อย่างเช่น ไม่ควรจะซื้อมือถือให้คนที่เราชอบในเดตแรก ใช่ไหมครับ”
“อย่างเช่น ไม่ควรจะทึกทักเองว่านี่คือการเดต”
 “และไม่ควรจะถือสาหาความถ้าเด็กเข้าใจอะไรผิดๆ”

มันหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ (โอ้ย ให้ตายเหอะ หล่ออ่ะ)

“และไม่ควรจะกล่าวหาคนอื่นว่าแก่”
“และไม่ควรจะพูดเองเออเอง ทั้งที่คนอื่นเค้าไม่ได้จะหมายความแบบนั้นซักหน่อย”
“ไม่ควรจะช่วยตัวเองบนเตียงของห้องพยาบาล”
“ไม่ควรจะแอบดูคนอื่นช่วยตัวเองบนเตียงของห้องพยาบาลด้วยรึเปล่า”
“ชั้นไม่ได้แอบดู แต่แกทำประเจิดประเจ้อเอง โอ้ย ชั้นไม่น่าจะพูดดีๆ กับแกเลย”
 “ขอโทษครับๆ”

ปากบอกขอโทษแต่หัวเราะอย่างมีชัย ชิ

“ผมทำอะไรไม่คิดจริงๆ นั่นแหละ คิดอยากจะทำอะไรก็ทำเลย ไม่ได้คิดก่อนเลยว่า พี่มิวจะรู้สึกยังไง และดีแค่ไหน ที่พี่ยอมมาเจอผมวันนี้”

อ่ะ พูดซึ้งๆ ก็เป็นนี่นา

“ใช่ไหมล่ะ ฉันกับแกเพิ่งรู้จักกันเมื่อวานนี้เอง จะว่ารู้จักก็ไม่ใช่ ปุปปับมาซื้อของแพงๆ ให้แบบนี้ เป็นใครก็กลัวป่ะวะ”
“แล้วทำไมถึงยอมมาเจอผมวันนี้ล่ะ”
“…” จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองใจง่ายมากๆ นี่มันหลอกด่าป่ะเนี่ย “แกว่าฉันแรดเหรอ”
“เปล่า ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ไปกันใหญ่ละ โอ้ย”
“ไม่ๆ ฉันไม่ได้โกรธ แต่ฉันกำลังใช้ความคิด เออว่ะ ถ้าพูดกันตรงๆ ฉันไม่ควรจะมาอยู่กับแกที่นี่ ตรงนี้เลย”
“ขอโทษครับ ผมทำอะไรก็ผิดไปหมด ผมจะไม่ว่าเลยนะ ถ้าพี่จะไม่อยากมาเจอผมอีก ผมนี่เก่งแต่สร้างแบด อิมเพรสชั่นจริงๆ”
“ไม่ใช่ ก็บอกแล้วไงไม่ได้โกรธ ถ้าจะโกรธนายฉันโกรธตัวเองดีกว่า ที่จริง แกก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น”
“จริงเหรอครับ ผมไม่ได้แย่จริงๆนะ”
“อือ”
“งั้น ให้ผมไปที่คณะด้วยนะ ผมจะรอไปส่งพี่ที่หอ”

นั่นไง

“ก็ แกอยู่หอสี่นี่นา กว่าจะเลิกก็เที่ยงคืนกว่าเลยนะ”
“วิดวะรับกันดึกกว่านี้อีกครับ อีกอย่าง ผมอยู่หอนอกตั้งนานแล้ว พี่ก็จะลืมอยู่เรื่อยว่าผมปีสอง”
“อ้อ”
“พี่จะไปค้างด้วยก็ได้นะ”

ฮึ่ย ไม่น่าพูดดีด้วยเลยจริงๆ



16.00 กลับถึงบ้าน

เย้ แม่ถูกหวยด้วย ชีจะไปกินหมูกระทะ ให้พี่ชายกะพี่สะใภ้และหลานขับรถมารับ ร่าเริงกันเหลือเกิ๊น

เหล็กดัดฯ โทรหาสามครั้งตอนนั่งรถประจำทางกลับบ้าน แต่ไม่รับ ก็ไม่ชอบคุยโทรศัพท์ในที่สาธารณะนี่นา มันเป็นการรบกวนคนอื่น โดยเฉพาะโทรศัพท์ที่ไม่ใช่ธุระปะปังใดๆ

อ่ะ นั่นไง โทรมาอีกละ

จะรับดีไหมเนี่ย คุยนานกลัวโดนถาม ทั้ง แม่ พ่อ พี่ชาย พี่สะใภ้ ยาย หลาน บลาๆ

“จะรับก็ไม่รับ กดวางอยู่นั่น เดี๋ยวเค้าก็โทรมาอีกไหม ถ้าไม่รับก็ปิดเครื่องไปเลย"

พี่ด่า ก็เลยปิดเครื่องหนีความรำคาญ

20.30 อิ่มมากกก ร้านหมูกระทะวันเสาร์ คนแน่นมาก มีคนน่ารักๆ ก็เยอะ
23.00 ละครเพิ่งจบ เตรียมตัวอาบน้ำ ตายๆ ลืมเปิดมือถือ ถึงว่าไม่มีใครโทรมาเลย

เหล็กดัด 24 มิสคอล เอิ่ม แล้วไหนจะข้อความในไลน์ และแมสเซนเจอร์ โอ่ย
                                   
*****

20.30 น. วันอาทิตย์
ร้านมาม่าฟ้าธานี สันติธรรม (อยากกินมาห้าวันแล้ว)

“อิป้านี่ยังไง เก็บค่าผักด้วย"

ไอ่แมกซ์บ่น อ่ะนะ ก็เขาเขียนว่า ผักแพงตัวเบ้อเริ่ม ตาบอดรึไงนะ อินี่

“โคตรช้าอ่ะ มันจะตั้งไฟต้มน้ำทีละหม้อเพื่อ? แล้วน้ำซุปไมไม่ตั้งไว้ให้เดือดเลยวะ"
 เอ๊ะ หรือมันเมากระทิงแดงเม็ด

อ๊ะ เหล็กดัดโทรเข้า ไอ่แมกซ์มองตาขวาง อะไรองมัน อิจฉาละซี่
“พี่มิว อยู่ไหนครับ"
“มากินข้าวกับเพื่อน มีอะไรเหรอ"
“อ้าว ว่าจะชวนอยู่พอดี"
“มากินด้วยกันไหมล่ะ ร้านมาม่าฟ้าธานี สันติธรรม รู้จักป่ะ เอาไหม เดี๋ยวสั่งให้"
“อ้าวไหนบอกกินข้าว"
“จะต้องกวนประสาทให้ได้ทุกเรื่องเลยใช่ป่ะ งั้นไม่ต้องมา”
“ไปดิ ไปๆ ผมอยู่แถวกาดสวนแก้วพอดี"
“อืม แล้วจะเอาอะไรอื่เดี๋ยวสั่งให้"
"มาม่าฟ้าธานี เขาไม่ได้ขายมาม่าอย่างเดียวเหรอพี่"
ฮึ่ม !
“ล้อเล่นครับ เอามาม่าต้มยำพิเศษเพิ่มปลาหมึก หมูสับ ลูกชิ้น ไม่เผ็ด"

วางสายเจ้าเหล็กดัด แล้วก็ต้องสะดุ้งกับอิแมกซ์ที่นั่งทำตาขวาง วินาทีนั้น สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ซื้อคอลลาเจนเม็ดที่มันขายในเฟสบุ๊คมาแดกเด็ดขาด

“ชวนใครมาอีกล่ะเนี่ย กูอุตส่าห์ทะเลาะกะกิ๊กเพื่อมาดินเนอร์กะมึงแค่สองคนนะ"
“อ่อ ที่แท้ก็ทะเลาะกับกิ๊ก นี่นึกว่าเทคยาคุมเกินขนาดซะอีก กูชวนน้องดื้อเดือนเฟรชชี่ของมึงไง เห็นว่ามึงชอบ อยากเจอไม่ใช่เหรอ"
“อ้าว จริงดิ"

เปลี่ยนอารมณ์เร็วมาก ดวกส์

“แล้ว ยังไงอ่ะ น้องเค้ามาจีบมึงเหรอ เค้ามีเบอร์มึงได้ไง"
“ก็ กูขอเค้าเองแหละ”
“แร่ด ตกลงมึงจีบเค้าใช่ไหม"
“ไม่ได้จีบ”
“งั้นมันก็มาจีบมึง แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ น้องเค้าเป็นเหรอวะ”
“โอ้ย จะถามอะไรมากมายเนี่ย กูไม่รู้ เดี๋ยวเจ้าตัวเค้ามาก็ถามเค้าเองละกัน”

อิแมกซ์ยิ้มคิกคัก อารมณ์ดีขึ้นมาเชียวอีห่า ก็นะ หนุ่มลำปาง หล่อๆ ขาวๆ หุ่นดี แถมดูไม่ออกอย่างมัน ลองคิดจะจีบใครเป็นเชื่อขนมกินได้เลยว่า เสร็จทุกราย ก็ดีเหมือนกัน แม้จะรู้สึกโหวงๆ แปลกๆ แต่ถ้าเจ้าเด็กนั่นแค่คิดจะมาจีบผมเล่นๆ หรือเป็นพวกหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ก็จะได้รู้กันเร็วๆ

ผ่านไปสิบนาที โค้กหมดไปหนึ่งขวด เหล็กดัดก็มาถึงแล้ว แต่มาม่ายังไม่ได้กิน

“นี่เพื่อนพี่ พี่แมกซ์ อยากเจอนี่นา ได้เจอกันซะทีนะ"

เหล็กดัดยกมือไหว้อย่างสุภาพ  วันนี้ใส่แค่เสื้อยืดสีแดง กางเกงขาสั้นแค่เข่า รองเท้าแตะ แต่กลับหล่อโคตรๆ

“อ้าว อยากเจอพี่ก็ไม่บอก”

เหล็กดัดทำหน้างง

“ครับ”
“แกไม่ไปเตะบอลเหรอวันนี้”

ผมถาม

“ไม่ไปครับ ขี้เกียจ”
“อ้าว ปกติเตะตรงไหนอ่ะ พี่เล่นหน้ามอ"

หึ เข้าทางมึงละสิ อีตุ๊ดบ้าบอล

“สนามกลางครับพี่”
“แล้วไปไหนมาเนี่ย"

ผมถาม

“ไปส่งเพื่อนที่ถนนคนเดินครับ"
“เพื่อนเหรอ” อีแมกซ์เลี่ยมอีก “เพื่อนหรือแฟนครับ”
“เพื่อนครับ แฟนผมก็นั่งอยู่ตรงนี้ไง"

เหล็กดัดฯว่า แล้วพยักหน้ามาทางผม
เอ่อ ช่างกล้าน๊อ.......
แต่อีแมกซ์อึ้งยิ่งกว่า

 *****

03.00 เฮ้ย นี่ตีสามแล้วเหรอ ทำไมมันเร็วจังอ่ะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้าด้วย โอเค เดี๋ยวนอนแล้วก็ได้ คุยอีกแป๊บเดียว เจ้าเด็กบ้านี่
09.30 โอ้ย คิดว่าเพิ่งกดปิดนาฬิกาปลุกไปเมื่อสักสิบนาทีที่แล้ว แต่นี่มันผ่านมาชั่วโมงกว่าแล้วเหรอ โอเค นอนต่อเหอะ ไหนๆ ก็ไม่ทันคลาสตอนเช้าแล้ว เหล็กดัดบอกว่าจะโทรปลุกตอนแปดโมงเช้า แต่นี่…
13.00 ฮึ่ม ชั้นเกลียดซิมคู่ขา ตอนนี้กลายร่างเป็นแพนด้าแล้วด้วย
13.12 อ่ะ ยังมีหน้าโทรมาอีกนะ ไอ้เหล็กดัด

“พี่มิว ตื่นยังครับ"

น้ำเสียงสดใสจังนะ

"อืม"
“ยังไม่ตื่นอ่ะดิ ฮ่าๆๆ ไม่ได้ไปเรียนเลยใช่ไหมเนี่ย"
“ไม่ต้องเลย ไหนบอกว่าจะโทรมาปลุกตอนแปดโมง แล้วนอนตีสี่ ใครจะตื่นไปเรียนไหวกันละนั่น"
“อ้าวเหรอ ผมบอกอย่างงั้นเหรอ”
“เออ”
“พี่เรียนเก้าโมง ผมมีเรียนแปดโมงเช้ายังไปได้เลย แก่แล้วอ่ะดิถึงตื่นไม่ไหว"
“กวนตีน"
“ก็ถ้าตามใจผมแต่แรก ก็ไม่ต้องนอนดึกขนาดนี้หรอก อ่ะ หรือว่าที่เพลียนี่ เพราะแอบทำคนเดียวครับ โห คนอุตส่าห์ชวน เซ็งเลยอ่ะ"
“ไอ้ลามก"
“ก็ลามกกับพี่คนเดียวแหละครับ ตกลง คืนนี้… กันนะ"
“ได้ เอ๊ย ไม่ ทะลึ่ง โรคจิต"
“อ้าว ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมแฟนพี่นะ แค่พูดถึงก็ขึ้นแล้วเนี่ย ดูดิ"

อืม ... แล้วทำไมต้องนึกภาพตามมันด้วยล่ะเนี่ย

“ถ้าจะโทรมาแค่กวนตีน จะวางละนะ จะอาบน้ำ"
“อ่ะนะ ผมไปอาบให้มะ”
“เปลี่ยนมั่งเหอะ มุกเสี่ยวๆ แบบนี้”
“อืมๆ ไม่คุยแล้วก็ได้ เดี๋ยวไปหาเลยดีกว่า เรียนเสร็จแล้วเนี่ย"
“ฉันไม่ออกไปไหนทั้งนั้นแหละ"
“ก็บอกว่าจะไปหา"
“รู้เหรอว่าหออยู่ไหน"
“รู้ดิ เมื่อคืนพี่บอกผมเอง"
“เหรอ ฉันยังไม่ได้ความจำเสื่อมขนาดนั้น”

เอ๊ะ หรือเราบอกมันไปแล้วจริงๆ
“แหม ของแค่นี้ไม่เห็นจะยากอะไร ผมถามเพื่อนพี่มาแล้วเหอะ”
“เฮ้ย อย่ามานะ ไม่ให้มา ไม่ต้องมา"

นี่ใครบอกมันวะเนี่ย อิแมกซ์ก็ไม่น่าจะใช่ เมื่อวันก่อนมันยังด่าเหล็กดัดให้ฟังอยู่เลย

“เมิงเชื่อกูดิ สูงยาวเข่าดีตี๋ล่ำซะขนาดนี้ มึงคิดเหรอว่ามันจะไม่มั่ว แค่ได้ตำแหน่งเดือนหอนี่ ไม่แน่นะ กระเทยทั้งหอสี่อาจจะได้กินมันแล้วก็ได้ จะรอดเหรอวะ ขันโตกอ่ะ มึงรู้จักป่ะ"
“อืม ก็จริงอ่ะนะ แต่ไม่รู้อ่ะ คือถ้าเป็นมึงกูจะไม่สงสัยเลยไง เรื่องแร่ดเนี่ย”
“อ้า อีห่า กูอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี ไม่ใช่เพราะมันไม่สนใจกูหรอกนะ เออ ระวังเหอะ มาเร็วเคลมเร็วแบบนี้ กูเห็นมาเยอะละ ไม่เชื่อกูก็ไม่เป็นไร"
“เออๆ ขอบใจเว้ย กูรู้หรอกว่ามันไม่จริงจัง"
“เออ ดูแลตัวเองละกัน กูเป็นห่วงมึงนะ มึงเป็นเพื่อนที่กูแคร์ที่สุด มึงรู้ใช่ไหม"
“อะไรของมึงเนี่ย ซึ้งเว่อร์"
“เมิงก็ชอบมันอยู่อ่ะดิ กูว่าละ มิน่าถึงชวนมันมากินข้าวด้วย หึ"
อ่ะ น้ำเสียงแบบนั้น หมายความว่าไงวะ


โลกนี้มีสิ่งประดิษฐิ์มากมายที่สมควรได้รับความเคารพ สำนึกในบุญคุณอันคุณูปการ และหนึ่งในนั้นก็คือ แฮร์สเตรทเทนเนอร์หรือที่หนีบผม นึกไม่ออกเลยว่า ที่ผ่านมา คนเราอยู่กันมาได้อย่างไร โดยปราศจากอุปกรณ์สุดวิเศษชิ้นนี้ ไดร์เป่าผมงั้นเหรอ โอ๊ย ไม่ไหวนะ นานไป ถ้าจะทำให้ผมตรงได้ต้องพึ่งเทคนิคเยอะแยะไปหมด ขอบคุณนักประดิษฐ์ผู้ทรงปัญญาและเข้าอกเข้าใจมนุษย์ผู้มีผมหยักศก ลีบแบน ไร้น้ำหนัก ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ขอบอกว่า เรารักคุณเหลือเกิน

แต่เดี๋ยว แค่เจ้าเหล็กดัดบอกว่าจะมาหา ทำไมชั้นต้องลุกขึ้นมาหนีบผมด้วยเนี่ย

ไม่หรอก ปกติก็หนีบผมทุกวันอยู่แล้ว ไม่แปลกนะ

อืม ถ้าเกิดมันเกิดยืนยันจะขึ้นมาถึงห้องจริงๆ จะเก็บกวาดห้องทันไหมเนี่ย

เอ๊ะ แล้วทำไมต้องให้มันขึ้นมาล่ะ ออกไปข้างนอกก็ได้นี่ ลืมนึกไป

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ผมว่าผมควรจะคุยกับเจ้านี่ให้เข้าใจ จะได้ไม่ต้องนอยด์ (ว่ามันมาจะมาจริงรึเปลา)

“ว่าไงครับ ที่รัก”
“เอิ่ม เอาเหอะ นี่ แกจะมาจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”
“ทำไมอ่ะ อยากให้ผมไปจริงๆ อ่ะดิ คิดถึงผมใช่เปล่า”
“โอ้ย หลงตัวเองน๊อ ฉันจะบอกว่ากำลังจะออกไปข้างนอก แกจะได้ไม่ต้อง… ”
“ เอ่อ เดี๋ยวนะพี่มิว สายซ้อน”

อ๊ะ... ชิ

……………

1 นาทีผ่านไป    อืม แล้วนี่เราถือสายรอทำไมเนี่ย
2 นาทีแล้วนะ    อะไรเนี่ย หมายความว่าไงวะ
5 นาที       โอเค  วางเถอะ จะรอเพื่อ?

สโมฯ คณะดูเงียบผิดปกติ มอเตอร์ไซค์จอดอยู่สามสี่คัน แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ บริเวณไม่ยักกะเห็นใคร พอดีกับที่พี่จรัล อาจารย์นักกิจกรรมที่ปรึกษาเดินออกมาพอดี ผมยกมือไหว้

“อ้าว ว่าว ซ้อมดนตรีกันเหรอวันนี้”
“เปล่าครับ พรุ่งนี้ถึงซ้อม ไม่รู้จะไปไหนอ่ะครับ นี่ ไม่มีใครอยู่เลยเหรอครับ”
“อยู่ มันเล่นบิงโกกันข้างบนโน่น ไปดิ หนุกนะ”
“แล้วพี่รัลจะไปไหนครับเนี่ย”
“ประชุม ไปก่อนนะ”

ผมยกมือไหว้ พี่รัลบีบไหล่ผมอย่างเคย เจ็บนะนี่
เดินขึ้นชั้นสอง อิแมกซ์อยู่ที่นั่นพอดี กับรุ่นพี่และรุ่นน้องสโมฯ หญิงสอง ชายสาม ตุ๊ดหนึ่ง

“มาได้ไงเนี่ย”

พี่ผู้หญิงคนหนึ่งทัก

“มาเครื่องมั้งพี่”
“เหรอ กูนึกว่าถอดจิตมาแต่วิญญาณ ทำหน้าเหมือออหรี่ร้างโคย มาหาผัวละสิ แหมห่างกันไม่ได้เลยนะ”

พี่เค้าหมายถึงอิแมกซ์ ผมนั่งลงบนเสื้อข้างๆ มันที่กำลังหัวเราะ (ชอบใจ อะไร ?)

“เล่นป่ะ แต่ต้องรอก่อนนะ รอตานี้เสร็จก่อน”
“อืม ไม่ดีกว่า ไม่ค่อยมีดวง
“ดี งั้น เดี๋ยวกุยื้มตังมึงนะ มีเหรียญป่ะ”
“มะกอกนี่”
“อะไรวะ งั้นหุ้นกันก็ได้มา”
“แหม ผัวเมียกัน ยังจะแยกกระเป๋ากันใช้อีกเหรอยะ”

พี่คนเดิมว่า โวะ เมื่อไหร่จะเลิกแซว คือไม่ชอบ

“นะที่รัก”

ไม่พูดเปล่า มันเอาหน้ามาซุกซอกคอ วงบิงโกกรี๊ดชอบใจ

“อี๊ ไปห่างๆ เลยไป”

ผมผลักหัวมันออก

คิดผิดจริงๆ เลยที่หุ้นกับมัน คนเกิดวันพฤหัสนี่นะ นอกจากจะอาภัพเรื่องความรักแล้ว เรื่องการพนันนี่ก็พอกัน เพียงแค่สองชั่วโมงของการเสี่ยงโชคผมก็หมดไปเกือบสี่สิบบาทแล้ว เห็นสมควรว่าพอเหอะเลยเดินลงมานั่งที่แคนทีนเงียบๆ เอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู
เหล็กดัดไม่เห็นโทรมาเลย เป็นไรป่ะนะ เหอะ สายซ้อนแล้วหายไปเลย  ไม่มีมารยาท

“มานั่งทำไรคนเดียวเนี่ย”

เสียงนี่มัน ... ไม่จริงอ่ะ

หันหลังไปเจอกับรอยยิ้มคอลเกตกระชากใจ พี่ต้อม เดินมานั่งๆ ข้างๆ บนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกัน ผมยกมือขึ้นสวัสดี ใจเต้นแรง
“เอ้อ ไม่ต้องไหว้หรอก ห่างกันปีเดียวเอง ถือว่ารุ่นเดียวกันนะ แล้วมิว มานั่งทำไรคนเดียวเนี่ย  ยังไม่ตอบเลย”
“อ๋อ เปล่าครับ ลงมาโทรศัพท์ พวกนั้นอยู่กันข้างบนแน่ะครับ เล่นบิงโกกันอยู่ แล้วพี่ต้อมมาทำอะไรเหรอครับ”
“อ๋อ หาที่อ่านหนังสือน่ะ แล้วพอดีนึกได้ว่าวันพุธเค้ามีซ้อมดนตรีกัน เลยมาดู มิวเป็นนักร้องใช่ป่ะ”
“โอ้ย อย่าเรียกผมมิวเลยครับ อายอ่ะ แล้วก็ไม่ได้เป็นนักร้องอะไรด้วย วงคณะมีนักร้องเป็นร้อยนะพี่ ได้ร้องโชว์สักเพลงก็เก่งแล้ว”
“ทำไมอ่ะ เห็นน้องๆ เรียกพี่มิวๆ น่ารักดีออก”

ว๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่ต้อมชมเราว่าน่ารักด้วย

“ฮ่าๆ ....(เขิน) พี่ต้อมนี่ขยันจังนะครับ ผมเห็นทีไรก็อ่านหนังสือ ถึงว่า ได้เอเกือบทุกวิชา”
“เออนะ ยอกันไปมา ว่าแต่ มิว ไม่ซ้อมเหรอวันนี้”
“ไม่ครับ เริ่มพรุ่งนี้ ตั้งแต่เปิดเทอม ยังไม่ได้ซ้อมจริงๆ จังๆ กันเลยครับ จะออดิชั่นน้องๆ เข้ามาด้วย พี่ต้อมมาดูดิครับ พรุ่งนี้สี่โมง”
“งั้นเหรอ”

ผมพยักหน้า แบบเดียวกับที่มาริโอ้ พยักหน้าให้กับพลอย เฌอมาลย์ ในเรื่อง รักแห่งสยาม โอ้ย เก่าไป

 “แล้ว พี่ต้อมอ่านวิชาอะไรเหรอครับเนี่ย”
“อ๋อ เล่มนี้ไม่ใช่หนังสือเรียนหรอก รวมไดอะล็อคของเพลโตไง”

โหย เท่อ่ะ อ่านเอดิชั่นของ เยล ยูนิเวอร์ซิตี้ เพรส ด้วย หล่อแถมยังฉลาดอีก

“หา มิวว่าอะไรนะ”
“หา... ครับ”
“มิว ชมว่าพี่หล่อเหรอ”

อ๊ะ นี่ผมพูดออกไปเหรอ โอ้ยยยย

“เฮ้ย เขินทำไมอ่ะ พี่ดิต้องเขิน ไงก็ขอบคุณนะ ชมบ่อยๆ ก็ได้ ชอบ ฮ่าๆๆ”

พี่ต้อมยิ้มให้ระยะประชิด โอ่ย จะละลาย

“พี่ต้อม หวัดดีครับ”

อิแมกซ์ตะโกนมาจากด้านหลัง โอ้ย มาทำไมเนี่ย

“อ้าว แมกซ์ อยู่ด้วยเหรอ”
“เล่นบิงโกไหมพี่ ข้างบนแน่ะ”
“เหรอ เอาดิ ตาละกี่บาทอ่ะ”
“สองบาท นี่ผมลงมายื้มตังก์ไอ่ว่าวเนี่ย”

เหอะ ผมยิ้มให้พี่ต้อม ที่พยักหน้าชวนให้ขึ้นไป อยากขย้ำคออิแมกซ์นัก อย่าหวังเลยว่าจะได้เพิ่มอีกแม้แต่บาทเดียว

……………

ขากลับ ผมเอาอิแมกซ์ซ้อนกลับหอเพราะมันไม่ได้เอารถไปด้วย และว่าจะแวะไปหาข้าวกินกัน อิแมกซ์ทำหน้าบูด แปลกๆ จนผมแอบคิดไม่ได้ว่า มันอาจจะชอบพี่ต้อมเค้าเหมือนกัน ก็เป็นไปได้นะ ไม่งั้นเค้าจะเรียกสมบัติคณะไหม

“ขายดีเนอะ ทั้งพี่ต้อม ทั้งไอ้เด็กวิดวะ ตกลงมึงจะเอาใคร”
“เอาใครอะไรของมึง พูดไปเรื่อย”
“เออ ระวังเหอะ รถไฟชนกันเข้าสักวัน”
“อะไรของมึงเนี่ย นี่มึงอิจฉาใช่ไหม”
“เหอะ กูเนี่ยนะอิจฉามึง พูดผิดใหม่ได้นะเว้ย”
“แล้วทำไมมึงจิกกูจังวะ จิกยิ่งกว่าตุ๊ดคณะศึกษาอีกเหอะ”

มันทำหน้ามุ่ยไม่ตอบ ขี่ไปถึงหอมัน ผมก็ขี่รถกลับ มันคงชอบพี่ต้อมเข้าจริงๆ แหละ แต่แฟนมันแต่ละคนก็ไม่น้อยหน้าพี่ต้อมเลยนะ

เหอะ เรื่องของมัน คิดไปก็เท่านั้น ตอนนี้ควรจดจ่ออยู่กับการขี่รถมากกว่า เพราะปากซอยเข้าหอ วันนี้รถเยอะผิดปกติ อาจเฉี่ยวชนได้

เออ แล้วทำไมรถมันเยอะจังวะ
คนก็เยอะด้วย
ทำไมคนเยอะจังเนี่ย
รถดับเพลิงนี่ มีอะไรเหรอ ไฟไหม้?
เออ ไฟไหม้จริงๆ ด้วย เหมือนได้ยินคนพูดกันว่าไฟไหม้
เดี๋ยวก่อน ที่ไหนอ่ะ อย่าบอกนะ
อ๊ะ นั่นมัน
เฮ้ย

โอ๊ย ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


 :serius2:  :serius2:  :serius2:  :serius2:  :serius2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2015 01:51:05 โดย bennietakky »

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
Re: Luckiest Gets The Highest Kite : The novel
«ตอบ #12 เมื่อ07-07-2008 21:47:55 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ไม่ๆๆ

ค้างๆๆ

ไหม้ที่ไหนๆๆ

กรี๊ดๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
Re: Luckiest Gets The Highest Kite : The novel
«ตอบ #13 เมื่อ07-07-2008 21:51:12 »

 :o8:

เอ่อ คุณ 19NT ครับ

อยากจะบอกว่า ตอนที่3 อ่านใหม่เถอะครับ พอดีเนื้อเรื่องมันหายไป

ผมแก้ไขแล้วครับ เดี๋ยวลงตอน4 ให้เลย

ใครที่อ่านตอนที่3 ไปก่อนหน้านี้ อ่านใหม่นะครับ 555

 :m12:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
Re: Luckiest Gets The Highest Kite : The novel
«ตอบ #14 เมื่อ07-07-2008 21:58:25 »

 :m4: :L2: ยินดี ต้อนรับสมาชิกใหม่ ในเล้า

สนุกดีครับ ดำเนินเรื่องไปแบบไหลลื่น ไม่ยืดยาด กระชับดี แต่บางบทมันดูสับสนไปบ้าง

อย่างอน หรือโกรธ นะครับ ลองทบทวนดู หรือว่าถ้าเห็นว่าดีแล้ว ก็ไม่ว่ากัน

เป็นกำลังใจให้นะครับ  เริ่มอ่านวันแรก ผม +1 ให้นะครับ  :bye2:

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0

4.



ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ตลอดเลย

ผมกับไอ้แมกซ์ น้องต่าย และยัยนิ่ม เพื่อนที่เมเจอร์อีกคน กำลังเก็บกู้ซากข้าวของที่เสียหายจากไฟและน้ำ ทั้งหนังสือ ซีดี เสื้อผ้า และของอื่นๆ แยกระหว่างที่ต้องทิ้งเป็นขยะ และที่รอดจากการกลายเป็นขยะ

ตำรวจบอกว่า เพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ต้นเพลิงมาจากห้องของผมเอง (และเป็นห้องเดียวที่เสียหายหนัก) สันนิษฐานว่า เกิดจากการเสียบปลั๊กที่หนีบผมคาทิ้งไว้แล้วเกิดช็อตประกอบกับระบบตัดไฟเกิดไม่ทำงาน (ฮือๆ เจ็บใจ) จะบอกแม่กับพ่อเรื่องค่าเสียหายยังไงล่ะเนี่ย โอ๊ย แล้วจะเอาเงินจากไหนมาชดใช้เขา ยิ่งจนๆอยู่ น้ำตาไหลไม่รู้ตัว

“เฮ้ย ไม่เป็นไรน่า ค่อยๆคิด เมิงไปอยู่กะกุก่อนนะ อยู่นานแค่ไหนก็ได้”

ไอ่แมกซ์มากอดปลอบใจผม

“แล้วกิ๊กมึงอ่ะ”
“ช่างมันดิ มึงจะคิดมากทำไมเนี่ย”
“พี่มิว อันนี้เอาป่ะคะ”

น้องต่ายชูอัลบั้มสะสมรูปดราก้อนบอลจากขนมปังเคลือบรสช๊อกโกแล็ตโดราเอม่อนสมัยเด็กที่ถูกไปเผาหน้าปกเสียหายไปครึ่งหนึ่ง ผมพยักหน้าตอบ ซึ่งแปลว่า เอา

“นะ เดี๋ยวกูซักเสื้อพวกนี้ให้เมิง กูให้เมิงนอนนอนเตียงกูด้วย”
“เตียงมึงเล็กนิดเดียวแล้วมึงจะนอนไหนอ่ะ”
“ก็นอนเบียดๆ กันนั่นแหละมึงจะนอนหนุนแขนกูก็ได้นะ”

โถ เพื่อน ช่างมีน้ำใจ

“อันนี้ล่ะแก”

ยัยนิ่มชูนิตยสาร Need+ Full Stage Step คอลเลคชั่นบางส่วนที่รอดชีวิต อยากตบมันจัง ผมอายน้องต่ายที่กำลังยืนหน้าแดง

“กูเดาว่าเมิงเอา แต่กูขอยื้มไปดูก่อนนะ”

โวะ อีนี่ยังไง ถามเองตอบเอง

เสียงเรียกเข้าดังขึ้น (เพลง Carousel ของวาเนสซ่า คาร์ลทัน – น่ารักดี) ห่ะแรกนึกว่าเป็นอีกเครื่อง แต่กลับเป็นเครื่องของผมเอง เบอร์ไม่คุ้นเลยอ่ะ

“หวัดดีครับ นี่เบอร์มิวป่ะครับ”

อ๊ะ เสียงนี้ผมจำได้ เขามีเบอร์ผมได้ไงเนี่ย

“ครับ แล้วนี่...” (ถามเพื่อเมคชัวร์)
“พี่ต้อมเอง พอดีได้เบอร์มาจากทราย พี่รหัสเราอ่ะ แล้วเป็นไงมั่ง ของเสียหายเยอะป่ะครับ แล้วมิวเป็นไรไหม”
“พี่ต้อมรู้ได้ไงครับเนี่ย”
“เขารู้กันจะหมดเมเจอร์แล้ว ข่าวเร็วจะตาย นี่ยังไม่ตอบคำถามเลยนะ เป็นงี้บ่อยนะเราอ่ะ”
“อ๋อ ก็ไม่เป็นไรมากหรอกครับ ของเสียหายไม่มาก แต่ส่วนใหญ่ที่พังเพราะโดนน้ำมากกว่า นี่ยัยนิ่ม ไอ่แมกซ์ กับน้องต่ายกำลังช่วยผมเก็บของพอดีเลย”

ผมบอกพร้อมๆกับหันไปมอง ไอ้แมกซ์ ที่กำลังทำสีหน้าไร้อารมณ์ อะไรวะ?

“อย่างงั้นเหรอ แล้วเก็บของยังเหลืออีกเยอะไหม ให้พี่ไปช่วยป่ะ หออยู่แถวนิมมาน ใช่ไหม”
“โอ้ย ไม่เป็นไรครับพี่ เก็บจะเสร็จแล้วครับ”
“แล้วจะไปอยู่ไหนอ่ะ เราอ่ะ”
“ก็คงต้องหาหอใหม่แหละครับ แต่เดือนนี้กะว่าจะอยู่กับไอ้แมกซ์ไปก่อน”
“อ๋อ เพื่อนสนิทเนอะ”

คุยอีกสองสามประโยค แล้วพี่ต้อมก็วางสายไป น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยสุดๆ หมายความว่าไงน๊า กรี๊ด คนอะไร ทั้งหล่อทั้งนิสัยดี ถ้าชอบผู้ชายด้วยกันละก็ครบสูตรเลย อิอิ

“ระริกเชียวนะ ได้ข่าวว่ายังไม่มีที่ซุกหัวนอน”

เหอะ ตัวอิจฉา ยังไงก็เป็น ตัวอิจฉาวันยังค่ำละวะ

…….

เวลา เที่ยงคืนครึ่ง ไอ้แมกซ์กำลังอาบน้ำ และผมกำลังเก็บของออกจากกระเป๋าพอดี ตอนที่เหล็กดัดโทรมา ไม่รู้เป็นไง ผมเคืองเด็กนี่นิดๆ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย

“หวัดดีคับ ที่รัก”

ทำไมเสียงมันน่ารักจังนะ ไม่ๆ  ช่างมันปะไร รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

“อ้าว ได้ยินป่ะคับเนี่ย ทำไมเงียบอ่า”
“อืม.....ได้ยิน ....มีไรว่ามา”
“อ่ะ โกรธผมเหรอ”

ผมถอนหายใจเพื่อให้มันรู้ว่า รำคาญ

“พี่มิวโกรธผมแน่เลยอ่ะ ผมอธิบายได้นะ ที่ไม่ได้โทรหาอ่ะ”
“โอ้ย ใครจะไปโกรธอะไรแก บ้าป่าว ฃีวิตชั้นไม่ได้มีไว้แค่คุยโทรศัพท์นะ แล้วจริงๆที่นายไม่โทรมาเนี่ย ฉันมีเวลาทำอย่างอื่นเยอะเลย เข้าใจป่ะ นี่ถ้าไม่มีไรแล้วก็แค่นี้ได้ไหม กำลังยุ่งอยู่”

เหล็กดัดเงียบ พูดแรงไปป่ะนะ
ผมนี่แย่จัง ที่ไฟไหม้หอนี่ไม่ใช่ความผิดมันซักหน่อย ไปหงุดหงิดใส่มันทำไมเนี่ย

“แล้วมี...”

ตู๊ด..............................................
อ่า วางสายไปละ

เหอะ ผู้ชายอะไรวะ ขี้ใจน้อย ไอ้บ้า

แล้วผมแคร์มันทำไม

โว้ย มีแต่เรื่องให้ไม่สบายใจ

สิบห้านาทีต่อมา เจ้าเหล็กดัด โทรเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ไอ่แมกซ์ออกมาจากห้องน้ำแล้ว นุ่งกางเกงในตัวเดียว เช็ดผมอยู่หน้ากระจก ห่อหมกมันนี่ อ่านะ มิน่า กิ๊กมันแต่ละคนถึงได้ติดใจนัก

“พี่มิว พี่อยู่ไหนเนี่ย”
“ถามทำไม”
“ผมรู้เรื่องไฟใหม้แล้วนะ ผมอยู่หน้าหอพี่เนี่ย ตะโกนเรียกตั้งนาน พอดีพี่รปภ.ข้างล่างบอกว่าพี่ไม่อยู่แล้ว ห้องพี่ไฟไหม้ แล้วพี่มิวอยู่ไหน ผมเป็นห่วงนะ”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร อยู่ห้องเพื่อน ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“ห้องใคร! ห้องพี่แมกซ์เหรอ หอพี่เค้าอยู่ไหน ผมจะไปรับ”
“อะไรของแกเนี่ย”
“ใครโทรหามึงวะ”

ไอ้แมกซ์ เดินมาหาโทงๆ เป้าแทบชนจมูก

“ไอ้ห่านี่ กรวยเมิงจะทิ่มตากูอยู่แล้ว”

ผมด่า

“อะไร กรวย กรวยใคร “ เหล็กดัดขึ้นสียง “นี่ พี่ทำไรกันอยู่ห๊า!”
“เมิงช่วยกูหน่อยดิ ว่าว เมิงใช้ปากเก่งป่ะวะ”

ไอ้แมกซ์เล่นไม่เลิก แถมคราวนี้ยังเอามาทิ่มหน้าผมจริงๆ

“สัดแมกซ์! แหวะ หืม ไอ้เชี่ย”
“พี่มิว เก็บของลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อีกสิบนาที ถ้าพี่ไม่ลงมา ไอ่พี่แมกซ์เจ็บหนักแน่”
“เฮ้ย”

เหล็กดัดวางสาย มันจะเอาจริงป่ะเนี่ย

“ไอ้น้องดื้อใช่ป่ะ”

ไอ้แมกซ์ถามเสียงแข็ง ไอ้นี่อีกคน เป็นเชี่ยไรเนี่ย ผมไม่ตอบ แต่ไล่ให้มันไปใส่กางเกงแทน จังหวะที่ผมเผลอหันหลังให้ มันก็ล็อคตัวผมจากด้านหลังจนล้มลงบนเตียง แล้วขึ้นคร่อม

ไม่ๆๆๆๆๆ  นี่มันล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย ถ้าเอาจริงผมสู้แรงมันไม่ไหวหรอกนะเนี่ย

“เชี่ยแมกซ์ มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้”
“อย่าดิ้นดิ”
“มึงบ้าไปแล้ว”
“กูไม่ปล่อยหรอก มึงต้องเป็นของกูก่อนที่มึงจะเสร็จไอ้เด็กวิดวะนั่น”

ผมร้อง แต่คราวนี้ไอ้แมกซ์มันเอาปากประกบปากเลยอ่ะ แหวะ มันเอาจริงนี่นา ผมร้องอู้อี้ ดิ้นสุดแรงเกิด เม้มปากแน่นไม่ให้มันเอาลิ้นเข้ามาสอดได้ เกือบเคลิ้มไปเหมือนกัน ผมขืนสักพักมันก็เลิก แต่ยังไม่ปล่อย ผมรู้สึกถึงกรวยมัน เอ่อ แทงอยู่ที่หน้าขา

“ทำเชี่ยไรวะ กูไม่เล่นนะเว้ย ปล่อย!”

ผมตวาดเสียงดัง ไอ้แมกซ์หน้าเจี่อน ผมสะบัดตัวออกจากมัน มันทำเป็นหัวเราะแหะๆ แก้เก้อ

“อย่าเล่นแบบนี้อีก กูไม่ชอบ”

ผมด่ามัน แล้วเก็บของที่เพิ่งรื้อลงกระเป๋า
“เฮ้ยว่าว กูขอโทษ กูล้อเล่นนิดเดียว มึงจะไปไหนอ่ะ”

ผมไม่ตอบ ขอบอกว่าโกรธมาก มันเข้ามาดึงแย่งกระเป๋า ผมสะบัดมือ

“เมิงจะไปหาไอ้ดื้อหรือพี่ต้อมล่ะ กูไม่ให้ไป”
“ทำไมวะ ทำไมกูจะไปไม่ได้ สันดานนะมึงอ่ะ”
“ก็ กูชอบเมิงอ่ะ กูไม่ให้ไป”

อะไรนะ

แล้วนี่มันร้องให้ทำไมเนี่ย

“ว่าว กูชอบมึง”

ทำตัวไม่ถูกเลยครับ ผมรู้ว่ามันไม่ได้ล้อเล่น ผมคว้ากระเป๋า แล้วหันไปหามันเก้งๆ กัง

“มึงนี่ หาจังหวะล้อเล่นได้ห่วยแตกมาก กูไปก่อนนะ”

แล้วรับวิ่งลงลิฟต์มาหน้าหอ กดโทรศัพท์หาไอ้เจ้าดื้อโดยอัตโนมัติ

…………

หนีเสือปะจระเข้าป่ะวะเนี่ย เหล็กดัดไม่ถามอะไร คงคิดว่าผมกลัวมันหาเรื่องไอ้แมกซ์จริงๆ เลยยอมมาด้วย  มัวแต่อธิบายเรื่องทำไมถึงไม่โทรหา (ก็อยากรู้เหมือนกันนะ แต่ไม่ได้อะไรมากมายครับ) บอกว่าเพื่อนชื่อแมกซ์ (อีกละ ชื่อโหล) ที่เรียนด้วยกันรถเสียอยู่ข้างทางก็เลยต้องไปรับ พอดีกับที่แบตมือถือหมด หาที่ชาร์ตไม่ได้ (ทั้งสองเครื่องเลยเนี่ยะนะ หึ) เหล็กดัดพาผมไปกินข้าวหลังมอ (กินไม่ลง คิดถึงไอ้แมกซ์) แล้ววกกลับไปยังคอนโดใหม่เอี่ยมอลังการแถวนิมมานใกล้ผับชื่อดัง ที่มันเรียกอย่างถ่อมตัวว่า หอ (เชื่อแล้วว่ารวยจริง)

เหล็ดดัดเตรียมน้ำอุ่นให้ พร้อมเสิร์ฟสลัดผลไม้ฝายหินในชามแก้วไฮโซกับขนมปังกรอบเพราะเห็นผมไม่ค่อยกินตอนไปร้านหลังมอ อะไรจะเอาใจขนาดนั้น ผมต้องยอมตกเป็นของมันเพื่อแลกที่ซุกหัวนอนด้วยไหมเนี่ย

ผมอยู่ในชุดเสื้อกางเกงนอนลายตารางสีชมพู (ซื้อหน้ามอ น่ารักสุดๆ) คลุมด้วยเสื้อคลุมนอนของมันเพราะหนาวแอร์ ไม่คุ้นเพราะทั้งที่บ้าน ที่หอไม่มีแอร์ (เขาบอกให้เปิดที่ 25 องศา ไอ้เด็กนี่เล่นซะ 19) นั่งคู้คางชิดเข่าอยู่บนเก้าอี้ โดยมีเจ้าดื้อนั่งยิงฟันเหล็กอยู่อีกด้านของโต๊ะกินข้าว ใส่แค่บ๊อกเซอร์กับผ้าคลุมนอน โคตรจะเซ็กซี่ หุ่นดีพอฟัดพอเหวี่ยงกับไอ้แมกซ์เลยแต่ตัวสูงกว่า ทั้งๆ ที่เด็กกว่า มีเวลาโตกว่านี้อีกเยอะ

“อะไร”

ผมถามมัน

“เปล่าครับ นั่งดูผู้ใหญ่กินข้าว เหมือนเด็กดอยเลย”
“ทะลึ่ง”

เจ้าดื้อหัวเราะ รอยยิ้มมันนี่กวนใจจัง แบบ น่ารักอ่า

“พูดก็พูดเหอะนะพี่มิว ผมไม่ไว้ใจพี่แมกซ์อ่ะ พี่สองคนไม่ได้เป็นไรกันใช่ป่ะ ผมหึงนะ”

โวะ จะพูดทำลายบรรยากาศทำไมเนี่ย

“จะบ้ารึไง”

ผมตอบแค่นั้น น้ำเสียงอ่อยๆไม่รู้ตัว

“คนชื่อแมกซ์ นี่ยุ่งจริงๆนะ บอกพี่มิวไว้ก่อน เดี๋ยวจะเกิดปัญหา ผมสงสัยว่าไอ้แมกซ์เพื่อนผมเนี่ย มันจะชอบผมล่ะ”

หืม อะไรนะ แล้วแกชอบมันด้วยหรือเปล่า ตอบ

“ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก ก็ผมหล่ออ่ะ 555 เพื่อนผู้หญิงผมมาบอกผมว่า มีเพื่อนในเมเจอร์แอบชอบผมอยู่ เป็นผู้ชายด้วย ถามผมว่าถ้าบอกแล้วผมจะคบกับมันไหม ถ้าไม่คบยัยเพื่อนผู้หญิงนี่จะได้จีบ งงป่ะ”

เออ งง

“ผมก็สงสัยว่าเป็นไอ้แมกซ์นี่แหละ เพราะมันชอบมาล้อผมเล่นอ่ะ เรียกที่รักบ้าง แฟนแมกซ์บ้าง แล้วดูดิ พอมันมีเรื่องมันก็โทรหาผมก่อนใครเลย ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้ เกิดเรื่องแล้วดันคิดถึงคนอื่นก่อน แฟนเฟินปล่อยให้รู้เป็นคนสุดท้าย”

อ่านะ คือนี่ต้องรู้สึกผิด?

“ก็ ทำไมไม่ชอบเขาไปเลยล่ะ ไม่หล่อเหรอ”

ฝืนใจพูดยังไงไม่รู้ เหล็กดัดอมยิ้ม

“ก็ มันก็น่ารักดีพี่ ถ้าเป็นผู้หญิงก็อาจจะนะ แต่นี่มันเป็นผู้ชาย”
“อ้าวฉันไม่ใช่ผู้ชายเหรอ แล้วที่มาตามจีบนี่ หมายความว่ายังไง”
“ใครจีบพี่?”

หนอย ไอ้บ้า

“555 ผมล้อเล่น กับพี่มิว มันไม่เหมือนกัน”
“ยังไง แกจะว่าชั้นไม่แมน ว่างั้น”
“เปล่า แต่พี่มิวอ่ะ สเป๊คผม”

พูดไม่พูดเปล่า ส่งสายตาหวานและยิ้มยวนกวนประสาทมาอีก เฮ้อ
เอ่อ อิ่มดีกว่า

“แล้วนี่จะให้นอนไหนอ่ะ นอนโซฟาได้มะ มันใหญ่ดี สะดวกดีด้วย”
“นอนทำไมโซฟา นอนบนเตียงด้วยกันดิ”

กูว่าแล้ว ว่าต้องมามุขนี้

“ไม่เอาอ่ะ จะนอนโซฟา”
“ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ผมอยากนอนกับพี่มิวอยู่แล้ว”

โอ้ย

ถ้าให้พูดอย่างซื่อสัตย์ ตอนที่ออกจากห้องไอ่แมกซ์ แล้วโทรหาเจ้านี่ ผมก็เตรียมใจไว้แล้วว่ามีเสียตัวแน่ๆ แต่ยังไงก็ดีกว่า โดนไอ้แมกซ์ปล้ำแหละนะ มันแปลกๆอ่ะ เพื่อนกันแล้วได้กันเนี่ยนะ ไม่นิยม แต่ถ้าเป็นเจ้าดื้อ ผมยอมก็ได้ (จริงๆเล่นตัวไปงั้นแหละ) แต่ถ้าได้กับมันตั้งแต่วันแรก เห็นทีจะไม่ไหว แรดเกิ๊น

“โนเวย์”

ผมไล่ให้มันไปนอนก่อน แล้วขอใช้เน็ตมัน กะจะเล่นจนดึกให้มันหลับไปก่อน ถึงจะย่องไปนอนที่โซฟา เจ้าดื้อเหมือนจะรู้ทัน บอกว่าจะไปรอที่เตียง ดูหนังรอ (หนังโป๊รึเปล่า อิอิ) ถ้าเล่นเสร็จไม่มานอนที่เตียงจะโดนขืนใจ ( กลัวมากกกกกกก เหอๆ) ผมทำไม่รู้ไม่ชี้

ขณะจะล็อกอินเข้าเฟส ลิงก์มันดึงเข้าไปหาแอคเคาท์ของเจ้าเหล็กดัดอัตโนมัติ มีคนเข้ามาทักสี่ห้าคนในกล่องข้อความ เป็นผู้หญิงทั้งเกือบหมด มีผู้ชายอยู่คนเดียว สงสัยเป็นเพื่อนๆ ที่กรุงเทพ ผมหันไปมอง มันกำลังดูซีรีส์ในทีวี มือถือวางอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง

เอาวะ แอบอ่านนิดเดียว มันคงไม่รู้หรอก น่า นิดเดียว ไม่เป็นไรมั้ง ก็อยากรู้นี่นา 

ขณะที่แอบส่องเฟสและอ่านข้อความไปเรื่อยๆ ก็มีหน้าต่างใหม่ เด้งทักขึ้นมา ผมตกใจจนเกือบตกเก้าอี้ ดีที่มันไม่ไหวตัวว่า ผมกำลังเล่นเฟสมันอยู่ ไม่ใช่ของตัวเอง

Maxwell Teeradol : ที่ร๊ากกกกกกกก

เฮอะ ที่ล้งที่รักอะไรของแก๊

Maxwell Teeradol : ผัวทักทำไมไม่ตอบวะครับ หรืองอนที่ต้องได้บทเมีย เออๆ กูยอมเป็นเมียก็ได้ สำหรับมึงคนเดียวนะ เลิกงอลๆ

งอลพ่อง นี่ไง พวกทำภาษาวิบัติ งอล ยี้ เอาวะ ผมยอมเสียมารยาท (จริงๆ ก็ไม่มีมารยาทตั้งแต่แรกแล้วมั๊ย) แค่จรดนิ้วสวยๆ ลงไปบนคีย์บอร์ด แค่นี้เอง

Due Limpisarnkul: ไม่ว่างคุยว่ะ โทษที อยู่กับเมีย เมียที่เป็นเมียจริงๆ อ่ะ บาย

แล้วก็ออกจากระบบเข้าเฟสตัวเองไปเลย เหอๆ นี่สินะ ที่เรียกว่าความสะใจ ไม่รู้ทำไม ถึงไม่ชอบไอ้น้องแมกซ์นี่เลยอ่ะ ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักเลยนะเนี่ย ชิ

“น่ะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไร คุยกะใคร บอกมา”

เหล็กดัดแกล้งแซว โอ้ย ถ้าแกรู้นะว่าฉันเพิ่งทำอะไรลงไป หึๆ

“พี่มิว พอได้แล้ว มานอนได้ละครับ ผมง่วง อย่าให้ผมต้องไปอุ้มมานะ พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ”

เจ้าเหล็กดัด ตะโกนบอก เออมันก็ดึกแล้วจริงๆ ตีสามกว่าแล้วนะ

แต่ไอ้น้องแมกซ์ ก็ยังไม่นอนเลย มาทักเอาเวลานี้ แปลว่ารู้สิว่าเหล็กดัดเล่นประจำตอนไหน ขึ้นออฟไลน์แล้วยังมาทักได้เนี่ย สนิทกันแค่ไหนวะ

เจ้าเหล็กดัดทำท่าจะลุกจากเตียง ผมรีบกดชัตดาวน์เครื่อง

“ไปละๆๆ”

ผมรีบบอก กลัวมันมาอุ้มจริงๆ ท่าจะอุบาทว์พิลึก เจ้าเหล็กดัดยิ้มเจ้าเล่ห์ ขึ้นไปนอนอีกฟากหนึ่งของเตียง แล้วใช้ฝ่ามือตบตรงที่ว่าง เหอะ จะทำเป็นเขินอุบาทว์ก็ใช่ที่ ผมนั่งลงบนเตียงแล้วขยับไปนอนด้วยกิริยาเฉยสุดฤทธิ์ เหล็กดัดเบียดตัวเข้ามาใกล้ เอาหน้าชิดแก้ม ฮึ่ม เตียงก็ออกจะกว้างนะ

“แก้มพี่มิว หอมจัง”

แต่ผมว่าแก้มมันก็หอมเหมือนกันนะ ผมปล่อยให้มันหอม รอดูว่ามันจะทำอะไรต่อ

“แปลกจัง ทำไมไม่โวยวาย”

ก็อยากจะโวยวายอยู่หรอก แต่ผมรู้ว่ามันแค่ล้อเล่น

เอาสิ จะได้รู้ซะที ว่าที่บอกว่าชอบผู้ชายน่ะ จริงหรือเปล่า

เจ้าดื้อรั้งผมเข้าไปกอด ผมไม่ขัดขืน ไม่รู้จะขัดขืนไปทำไม มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ใช่เด็กๆ แล้วด้วย พอมันจุ๊บแก้มผมเท่านั้นแหละ ผมก็หันไปประกบปากมันทันที (อารมณ์ค้างจากไอ้แมกซ์) ไม่ต้องรอให้มันเริ่ม ดูซิว่า มันจะเอาจริงไหม ถ้ามันขยะแขยงมันก็คงจะผลักผมออกเองนั่นแหละ ใช่ไหม

เหล็กดัดดูเหมือนประหลาดใจ แต่แค่แป๊บเดียว กลายเป็นว่ามันขึ้นคร่อมผมเกือบจะทันที พร้อมๆ กระหน่ำดีพคิสอย่างเชี่ยวชำนาญการ (เชื่อได้ไหมเนี่ย ว่าไม่เคย) ส่วนมือก็ล้วงเข้าไปใต้ชุดนอนผม เรื่องอะไรจะยอมเสียเปรียบ ผมล้วงมือลงไปใต้กางเกงในแบบบรีฟของมันมั่ง (ก็เป็นไปตามสัญชาตญาณอ่ะนะ) แล้วก็ต้องตกใจ

โวะ

 :z6:  :z6:  :z6:  :z6:  :z6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2015 01:52:04 โดย bennietakky »

hustsu

  • บุคคลทั่วไป
Re: Luckiest Gets The Highest Kite : The novel
«ตอบ #16 เมื่อ07-07-2008 23:43:41 »

โห

ไอเดียบรรเจิดมากคับ

สนุกอ่ะ

อย่าดองเ้น้ออ :oni3:


เพิ่งได้อ่านตอนสี่

Dude VZMen Real
 :m20:

หลุดกร้ากพรวดมาจริงๆนะนี่

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2008 00:05:52 โดย •MA_MU• »

ranaways

  • บุคคลทั่วไป
Re: Luckiest Gets The Highest Kite : The novel
«ตอบ #17 เมื่อ07-07-2008 23:55:36 »

 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

วันแรกก้อ จะโดนซะแระ

 :a3: :a3: :a3: :a3::a3:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Luckiest Gets The Highest Kite : The novel
«ตอบ #18 เมื่อ08-07-2008 08:12:10 »

อ้าว นายเอกเราเล่นตัวได้แป๊ปเดียวเสียตัวซะละ เหอๆ :oni1:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
Re: Luckiest Gets The Highest Kite : The novel
«ตอบ #19 เมื่อ08-07-2008 09:24:08 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ขึ้นไปอ่านตอนที่สามใหม่แล้วนะคะ  เพิ่มตอนพี่ต้อมมาชิมิ

ตอนสี่ จบงี้ได้ไง

คนแต่งไม่ค้างหรอ คนอ่านค้างนะ

กร๊ากกกกกกก

เสน่ห์แรงมากมายนายมิว :oni1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Luckiest Gets The Highest Kite : The novel
« ตอบ #19 เมื่อ: 08-07-2008 09:24:08 »





sky-cafe

  • บุคคลทั่วไป
Re: Luckiest Gets The Highest Kite : The novel
«ตอบ #20 เมื่อ08-07-2008 16:09:41 »

แม๊กซ์เพื่อนมิวน่ารัก อ่าาาา (หมายถึงเวลามีปฏิสัมพันธ์กับมิวแล้วน่ารักอ่ะค่ะ) 55555

ขอบบบ บอกไม่ถูก 55 ชอบเวลาคุยกับมิวมากน่ารัก  :o8:

PS. ใช้ Warwick Avenue เป็น Ringtone เหมือนเราเลยค่ะ ^^

modtanoi

  • บุคคลทั่วไป
Re: Luckiest Gets The Highest Kite : The novel
«ตอบ #21 เมื่อ08-07-2008 18:11:03 »

สนุกมากเลยค่าเนื้อเรื่องลื่นไหลดีมากเลยอ่า
แค่สี่ตอนก็ทำเอาคนอ่านติดใจเลยอ่ะ
แต่จบตอนล่าสุดแบบนี้เนี่ยมาฆ่ากันเลยง่ายกว่ามั้ยคะ

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
Re: Luckiest Gets The Highest Kite : The novel
«ตอบ #22 เมื่อ09-07-2008 09:45:06 »


เข้ามาเป็นกำลังใจให้คะ  กด 1+ ให้ด้วยความเต็มใจ
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

สนุกมากมายเลยคะ อ่านแล้วติดหนึบเลยคะ

รีบมาต่อเร็วๆนะคะ   :bye2: :bye2: :bye2:

christiyaturnm

  • บุคคลทั่วไป
Re: Luckiest Gets The Highest Kite : The novel
«ตอบ #23 เมื่อ09-07-2008 11:25:48 »

 :laugh:
ฮาได้อีก ไวไฟเหมือนกันนะน้องว่าว :laugh:

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0

5.



ใช่ น่าตกใจจริงๆ นั่นแหละ

นี่ผมคิดอะไรบ้าอยู่เนี่ย  ฮึ น่าอายที่สุด  ห้องเพิ่งจะโดนไฟใหม้ แถมยังมีเรื่องไม่สบายใจกับเพื่อนสนิทรอให้เคลียร์อีก ยังจะมีอารมณ์มาจิ้น มามโนอะไรเพ้อเจ้อได้อีกนะ พอเลย หยุด บัดเดี๋ยวนี้

แต่นะ...แค่เจ้าเหล็กดัด เอาแก้มมาชนแก้ม ผมก็อารมณ์กระเจิงซะแล้วเหรอเนี่ย  อ๊ะ บอกว่าหยุดยังไงล่ะ ไม่ได้ๆ ห้ามคิดเรื่องเรทเอ็กซ์ใต้สะดือทั้งสิ้นทั้งปวง

โวะ ต่อสู้กับกิเลส ความต้องการของตัวเอง มันยากอย่างนี้นี่เอง

อยากลองจับดูจัง
ไม่ๆๆๆ

“พี่มิว”
“หือ”
“คิดไรอยู่เหรอครับ”

เหล็กดัดส่งสายตาเยิ้ม แถมยังหายใจรดแก้มอีก โว้ย

“ก็ ทำไมพี่มิวยอมให้ผมหอมแก้มล่ะ ทุกทีแค่จะจับมือ ยังไม่มีโอกาสเลย”
“แล้วแกอยากให้โวยวายรึไง”
“เปล่าครับ ผมมีความสุขที่สุดเลย แต่ถ้าขอทำอย่างอื่นด้วยจะได้ไหมน๊า”

อ่ะ เริ่มรู้สึกหวิวในช่องท้องอีกแล้ว อย่าเพิ่งตื่นนะลูก (นอนหนีบสุดฤทธิ์)

“อะไรล่ะ”
“จูบไง”

โอ๊ย ผมก็อยากจูบมันนะ ตอนนี้อ่ะ

“บ้า” พูดอะไรออกไปเนี่ยฮึ ไอ่ว่าว “ได้คืบจะเอาศอก เห็นชั้นเป็นอะไรวะ”

เหล็ดดัด หัวเราะ หึหึ เหมือนรู้ทัน

“พี่รู้ไหม ผมจะปล้ำจูบพี่ก็ได้นะ”

เอาสิ เอาเลย ปล้ำชั้นเลยสิ ปล้ำเถอะ เร็วๆ

“ก็คงได้มั้ง แต่แกจะจูบชั้นได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ ไม่เชื่อก็ลองดู”

อ่ะ ท้าแล้วเนี่ย ทำสิ

“เรียกแกๆๆ ไม่โรแมนติกเลย ผมน้อยใจแล้วนะ”
“แล้วจะให้เรียกแกว่าไง คุณเหรอ ท่าน นายท่าน”
“เรียกที่รักสิ”
“เหอๆ”
“โอเค งั้นเรียกดื้อเฉยๆ ก็ได้ ไม่เอาละนะ แกๆๆ”
“ก็ได้มั้ง ถ้าทำตัวดีๆ”
“แปลว่าถ้าผมรอให้พี่มิวพร้อม พี่มิวจะอนุญาตให้ผมกอด จูบ ลูบ คลำ แล้วก็…”

แล้วก็อะไร พูด! โอ้ย เขินแก้มจะแตก

“ถามจริง พี่อยู่ใกล้ผมขนาดนี้ แล้วพี่ทนไหวเหรอ”

ไม่ไหว...

“ขอไปนอนโซฟาได้ป่ะล่ะ”
“ไม่ได้ครับ”

โอ๊ย มีใครเคยบอกไหมเนี่ย ว่าการต้องร่วมเตียงนอนกับไอ้เด็กยั่วสวาทนี่ มันช่างกระอักกระอ่วนป่วนช่องท้องและอวัยวะใต้สะดือดีแท้

“พี่ว่า ถ้าเรานอนกันอยู่แบบนี้ เราจะทนได้ไหมน่ะ”

ไม่ได้ครับ

“ได้สิ มนุษย์ที่แท้คือคนที่รู้จักควบคุมตัวเอง”

ตอแหลจริงๆ บอกเลย

“แล้วถ้าผมกอดพี่มิวแบบนี้อ่ะ”

เหล็กดัดดึงตัวผมเข้าไปกอด ผม (ทำเป็น) ขัดขืนเล็กน้อยพอน่ารัก

“ไม่เอา ปล่อยนะเว้ย ไม่งั้นจะไปนอนโซฟาจริงๆ ด้วย”
“555 ของพี่มิวก็ตื่นอ่ะ”

จะพูดเพื่อออออ? โอ้ย อายว่ะ

“ก็... แก”
“หืม”
“เอ่อ ดื้อ เล่นแบบนี้ จะไม่ให้มันตื่นได้ไงล่ะ แต่มันก็แค่นี้แหละนะ เพราพี่น่ะ ผ่านการฝึกฝนการควบคุมตนเองจากค่ายคุณธรรมวัดหลุดโลกียะมาแล้ว ได้เกียรติบัริชนะเลิศทำสมาธิและเดินจงกลมมาราธอนด้วย ถ้าบอกว่าไม่ก็คือไม่”

ไงล่ะ เจ๋งแมะ  สุดยอดเลยเรา ภูมิใจจัง

เจ้าเหล็กดัดปล่อยตัวผม ลุกขึ้นยืน ถลกกางเกงในลงแล้วโยนใส่อกผม วุ้ย เกือบคว้าขึ้นมาดมแล้วไหมล่ะ ผมทำเป็นโยนทิ้งอย่างรังเกียจ

โอ้ย ไม่นะ น่ากินเหลือเกิน เอ้อ ไม่สิ อย่าไปมอง
ฮือๆ จะบ้าตาย สิ่งที่เราต้องทำก็คือปิดทวารการรับรู้ความรู้สึกทั้งหมด เดี๋ยวนี้เลย ไม่รู้ไม่เห็นใดๆ ทั้งสิ้น

“พนันกันไหมครับ ถ้าพี่ทนได้ก็ลองดู”

เจ้าเด็กเขื่อง เอ้ย เด็กโข่งประกาศอย่างมั่นใจว่าจะมีชัย ก่อนจะล้มตัวลงนอนที่เดิม พร้อมๆ กับส่งสายตาเจ้าชู้ ขณะที่ผมพยายามหลับตาและนึกถึงวิดีโอซากศพที่ได้ดูที่ค่ายคุณธรรมเพื่อปลงสังขาร

“ถ้าพี่ว่าวไม่ว่าอะไร ผมคงต้องทำกิจกรรมโปรดของผมเหมือนทุกคืน แล้วถ้าจะมีน้ำใจช่วย ผมก็จะดีใจมากเลยครับ”

จ้า พ่อคุณ ใครจะว่าพ่อได้ล่ะ

....

เงียบ

ทำไรของมันอยู่นะ

ช่างมันสิ

เฮ้อ...

อ๊ะ ทำไมเตียงสั่น

อย่าถอนหายใจหนักแบบนั้นสิ ไอ้บ้าเอ๊ย

อะ… โอ่ย

วิดิโอซากศพสุดน่าเกลียด เราต้องเพ่งสมาธิไปที่วิดิโอซากศพอันเขื่อง เอ๊ย สุดน่าเกลียด ยี้ แหวะ

ลุกไปนอนที่โซฟาตอนนี้ดีไหมนะ หรือไปห้องน้ำดี

เสียงมัน... สุดยอดไปเลย โหย

แถมจมูกยังได้กลิ่นหอมจากตัวมันอีกต่างหาก

อย่าหายใจหอบสิครับ อย่า…

“พี่มิวครับ..โอ๊ย...พี่มิว ผม…”

บ้าที่สุด อย่าเรียกชื่อฉันสิ

….

อ่ะ เงียบทำไมล่ะ

โอ๊ย จะไม่ไหวแล้วนะ

เดอะ ซีเคร็ต ช่วยผมด้วยเถอะครับ ฮือๆ

….

ผมออกมาเรียนพร้อมกับเจ้าเหล็ดดัดตอน 11 โมง จริงๆ มีคาบเรียนตอนเช้าด้วย แต่ตื่นไม่ไหวอีกตามเคย เหล็ดดัดขับมาส่งถึงหน้าคณะผมทั้งๆที่ผมขอนั่งถึงแค่ที่คณะวิศวะของมันก็พอ จะต่อรถม่วงไปเอง เอาเหอะ ตามใจมันละกัน

อาจารย์เริ่มสอนไปแล้วตอนที่ไปถึงห้อง สายตามองหาไอ้แมกซ์ก่อนเป็นอันดับแรก แต่ก็ไม่เห็น ปกติมันไม่ค่อยจะโดดนี่นา ผมคิดได้อย่างเดียวว่า คงเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนแน่ๆ  รู้สึกผิดและเป็นห่วงมันบอกไม่ถูก

“แมกซ์อ่ะ”

ยัยนิ่มถาม  ผมส่ายหัวแทนคำตอบ

“อ้าว แกไม่ได้มากับมันเหรอ”
“เมื่อคืนชั้นไปนอนหอเพื่อนอีกคน”
“แอะ หอใครอ่ะ”
 “เหอะ บอกไปแกก้ไม่รู้จัก แล้วนี่ คาบเมื่อเช้ามันก็ไม่มาเรียนใช่ป่ะเนี่ย”
“ไม่มา แกก็เหมือนกัน โดดบ่อยไปแล้วนะ มีไรป่ะเนี่ย”
“เหอะ”
“หรือว่าติดผู้ชาย”
“อีบ้า... หอชั้นไฟไหม้นะ แกจำได้ไหม”
“จำไม่ได้มั้ง ชั้นไปช่วยหมาที่ไหนเก็บของก็ไม่รู้… ว่าแต่หนังสือที่ชั้นยื้มไปดูน่ะ มันมีดีวีดีแถมด้วยนี่ ยังอยู่ป่ะ ดีวีดีอ่ะ อยากเห็นภาพเคลื่อนไหว”
“โว้ย หาโหลดเอาเองไป ฉันได้ข่าวว่าเขาทำขายเกย์ ตุ๊ด กะเทย ไม่เกี่ยวกะชะนีอย่างแกนะ”
“เออ อีเกย์ไพร่ จำไว้เลยนะ”


ขอบอกว่า ฟังอาจารย์บรรยายไม่รู้เรื่องเลย เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้น  ตัดสินใจว่าจะต้องจัดการทีละอย่าง อย่างใจเย็น พอหมดคาบปุ๊บ ผมก็กดเบอร์โทรหาไอ่แมกซ์ทันที อยากจะคุยกับมันให้รู้เรื่อง อยากจะบอกว่าผมไม่โกรธ อยากให้มันทำตัวเหมือนเดิม แต่มันเสือกไม่รับ เป็นเชี่ยไรวะ พยายามโทรอยู่สองสามรอบ จนรู้สึกว่า พอเหอะ จริงๆคนที่สมควรโกรธคือผมต่างหาก

อุตส่าห์แสดงน้ำใจ ไม่คิดเล็กคิดน้อย ผมผิดด้วยเหรอ ที่ไม่รู้ว่ามันชอบ แล้วมันเคยแสดงออกไหมว่าเคยชอบผม ตอนแรกๆที่รู้จักกัน ผมเป็นฝ่ายแอบชอบมันด้วยซ้ำ แต่มันก็เอาแต่จิกกัด แรดไปเรื่อย คบคนนั้นคนนี้ จนผมเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ละ และกลายมาเป็นเพื่อนกันจนทุกวันนี้ แล้วทีนี้อะไรยังไง จะมาชอบผม เป็นไปได้เหรอ คนหน้าตาดี หล่อเลือกได้ และมีมาให้เลือกเรื่อยๆอย่างมันเนี่ยนะ จะหันมาชอบผม  ผมเลิกคิดไปตั้งนานแล้ว จนลืมว่าเคยชอบมันแล้วด้วยซ้ำ

เจ้าเหล็กดัด โทรหาผมพอดี รู้สึกดีจังแฮะ

“พี่มิว เรียนเสร็จรึยังครับ”
“เสร็จแล้วครับ”
“ผมอยู่ข้างหน้านี่แล้วนะครับ ออกมาสิ”

ผมเดินไปหาน้องที่รถซึ่งติดเครื่องรออยู่

“อ้าว แล้วพี่แมกซ์ล่ะ”
“มันไม่มาเรียน ไปที่หอมันเลยดีกว่า”

ผมบอก

“ตกลงเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ไม่มีไรหรอก”
“แน่นะ”
“ฉัน เอ่อ พี่นอนห้องดื้อหรือเปล่าล่ะ”

เหล็กดัดยิ้มแบบมีคนความสุขสุดๆ

“พี่เค้าอยู่ที่หอเหรอครับ แล้วพี่มิวบอกรึยังว่าจะไปขนของ”
“อืม”
“เอาจริงๆ นะ เพราะผมรึเปล่า พี่สองคนคบกันรึเปล่าครับ”
“จะบ้ารึไง”
“ก็ดีครับ โล่งอก ผมไม่อยากแชร์แฟนผมกับใคร”

ผมหลับตาพยักหน้า เหอะๆ ไม่ได้ยอมรับนะ แค่ไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียง

เหล็กดัดกับผมไปยืนเคาะห้องอยู่ตั้งนาน โทรหาก็แล้ว จนสี่นาทีผ่านไป ไอ้แมกซ์ถึงเพิ่งรับสาย แต่ก็ไม่พูด

“แมกซ์ ทำไมมึงไม่รับโทรศัพท์ โกรธอะไรกู”
“....”
“เออ ช่างมึง จะไม่คุยกับกูเลยก็ได้ แต่กูอยู่หน้าห้องมึงแล้วเนี่ย กูมาเก็บของ”

ไอ้แมกซ์วางสาย เหล็กดัดหันมามองผมเคืองๆ

“ยังไงเนี่ยครับ พี่มิว”

สักพักก็มีคนมาเปิดประตู ผมอ้าปากจะพูด แต่คนที่มาเปิดประตูไม่ใช่ไอ้แมกซ์ แต่เป็นใครไม่รู้ ตัวเล็ก หน้าหล่อ ผมทอง ออกสาวหน่อยๆ ใส่แค่กางเกงบ๊อกเซอร์ สงสัยจะเป็นกิ๊กใหม่มัน  อินี่มองเจ้าเหล็กดัดไม่วางตาแล้วมองผมจิกๆ ชักเคืองแล้วนะ

ผมเข้าไปในห้อง เห็นไอ่แมกซ์นั่งอยู่บนเตียงทำเป็นดูทีวีไม่สนใจ อยากเข้าไปถีบนัก

“นี่ มึงกับกูจะไม่คุยกันแล้วใช่มั๊ย”

ไม่มีคำตอบจากนรก

ผมมองหน้ามันแล้วส่ายหัวด้วยเซ็งพฤติกรรม ก่อนจะเข้าไปเก็บของมาวางไว้หน้าห้อง โดยมีเหล็กดัดกับกิ๊กมันคอยช่วย (คนหลังนี่ หวังอะไรรึเปล่าเนี่ย) ส่วนไอ้เพื่อนอัปปรีย์ไม่ทำห่าเหวอะไรเลย

เหล็กดัดช่วยกันขนของไปไว้ในรถ จนถึงรอบสุดท้าย ผมยืนอยู่ที่ประตู ดูมันที่กำลังนอนตักน้องคนนั้นดูทีวีไปพลาง ราวกับผมและเจ้าเหล็กดัดเป็นอากาศธาตุ

“กูไปละนะ แล้วถ้ามึงหายใบ้แดกเมื่อไหร่ ก็ไปเรียนด้วย”
ผมบอก

“ไปนะครับพี่”

เหล็กดัดยกมือไหว้มันอย่างแกนๆ มันก็เฉย กวนส้นตีนจริงๆ

ผมปิดประตูห้องให้ แล้วยิ้มให้เหล็กดัด (จริงๆ ยิ้มปลอบใจตัวเองมากกว่า)

“แล้วรถหรีดพี่อ่ะครับ จะเอายังไง”

เหล็กดัดถาม ระหว่างเดินมาที่รถ ผมมองรถหรีดเน่าที่จอดอยู่

“ทิ้งไว้นี่แหละ เดี๋ยววันหลังพี่มาเอาเอง”
“ผมมาด้วย ไม่ไว้ใจไอ้พี่แม็กซ์”

ผมยิ้มให้เหล็กดัดอีกครั้ง คราวนี้ยิ้มให้จริงๆ ทำไมมันน่ารักอย่างนี้นะ

“ขอบใจดื้อมากนะ ทั้งเรื่องที่ให้ไปอาศัยอยู่ด้วย และก็ที่มาช่วยขนของ”
“ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ แล้วนี่ ทะเลาะกันเหรอครับ”
“ไม่รู้ดิ”

ทำไมเศร้าจังวะเนี่ย

 “พี่เขาไม่พอใจ ที่ผมมาจีบพี่มิวใช่ป่ะ ผมดูรู้นะ”
“ไม่เกี่ยวกะนายหรอก”
“ก็ไม่เกี่ยวตลอดแหละ เออ ผมมันไม่สำคัญ”

เหล็กดัดเริ่มงอแง

“โอ้ย แกอย่าเพิ่งเวิ่นเว้อได้ป่ะ”
“แกอีกละ ผมมีชื่อนะ ผมชื่อดื้อ โอเคป่ะ”

โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว ผมเอายกมือขึ้นปิดหน้า รู้สึกว่ามันร้อนผ่าวๆ

“พี่มิว ผมขอโทษ”

เหล็กดัดกอดผม ทำไมถึงอยากร้องให้ก็ไม่รู้

“ผมขอโทษ พี่จะเรียกผมว่าอะไรก็แล้วแต่พี่เถอะครับ จะแก จะมึง จะไอ้เชี่ย อะไรก็ได้ แต่อย่าร้องไห้เลยนะ”

เจ้าดื้อเอ๊ย เด็กจริงๆ เลยนะ นายเนี่ย

“ไม่เกี่ยวกับดื้อหรอก”

ผมบอก

ผมโทรไปที่บ้าน จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าบอกเรื่องไฟใหม้ เรื่องค่าเสียหายที่ต้องไปเคลียร์กับทางหอพัก เพราะรู้ว่าที่บ้านก็กำลังขัดสนอยู่เหมือนกัน ด้วยพ่อกับพี่เอาไปทำทุนหมุนกับการรับซื้อลำใยที่กำลังจะถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ผมวางสาย เดินออกจากห้องน้ำกะทัดรัดแต่สไตลิชเว่อร์ๆ ของเจ้าเหล็กดัดอย่างงงๆ

“ยังคิดมากเรื่องพี่แมกซ์อยู่เหรอครับ”
“เปล่า”
“แต่ผมคิดนะ  อิจฉาไอ้พี่แมกซ์จัง พี่มิวชอบมันใช่ป่ะ”

โวะ จะเข้าใจผิดไปอีกนานไหมเนี่ย ฮึ

“ถ้าบอกว่าไม่ได้ชอบแล้วจะเชื่อรึเปล่า”

เหล็กดัดยิ้ม

“เชื่อครับ... แล้ว… ตอนนี้ชอบใครล่ะ”

ชอบนายไง ใจง่าย สะดือด่วนไปไหม

“ไม่ตอบ งั้นผมจะถือว่าพี่ชอบผมละกันนะ”

เหล็กดัดทำท่าจะกอด ผมถอยหลังไป มันหัวเราะชอบใจ
เฮ้อ
แรดจังเลยเรา

“ดื้อ”
“ครับผม”
“พี่รบกวนดื้อซักระยะนะ อาจจะซักสองอาทิตย์ รอให้หาหอได้ก่อน”
“พี่มิวอ่ะ”

เหล็กดัดทำท่าหัวเสีย

“คิดมากอีกแล้ว ยู่กับผมที่นี่แหละ ไม่ต้องไปไหน เลิกคิดเรื่องหาหอไปได้เลย”
“ได้ยังไง นายกับชั้นไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย” เสียงอ่อยๆ อีกแล้วเรา “เพื่อนก็ไม่ใช่ ญาติก็ไม่ใช่”
“แนะ พูดงี้อีกแล้วนะ แล้วเรื่องเมื่อคืนอ่ะ”

เมื่อคืน…. อารายเหยอ? – ต่อมแอ๊บโง่ เริ่มโอเพอร์เรท

“ไม่รู้ล่ะ ผมจะไม่ยอมให้พี่มิวไปไหนทั้งนั้น จนกว่าผมจะเบื่อ”

อ่ะ พูดง่ายซะจรอง
เอาเถอะ ป่วยการที่จะเถียง เพราะผมก็เริ่มรู้สึกสบายกับการที่อยู่กับเจ้าเหล็กดัดนี่แล้วเหมือนกัน

………

วันเสาร์

ผมพักกับเจ้าเหล็ดดัดมาสามคืนแล้วครับ เหมือน สามี-ภรรยายังไงไม่รู้ เขินจัง รู้สึกผิดอยู่หน่อยๆ เรื่องไอ้แมกซ์ มันคงรู้แล้วล่ะว่าผมมาอาศัยเจ้าเหล็กดัดอยู่ แต่มันก็ยังทิฐิ ทำนิสัยเยอะไม่โทรมาซักที จะอะไรนักหนา แล้วความเป็นเพื่อนของเราล่ะ ขนาดมีแต่เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นในชีวิต ผมยังอดเป็นห่วงมันไม่ไหว นิสัยแรดชอบมั่วของมันนี่แหละที่น่ากลัว ยิ่งเฮิร์ทๆอยู่ อย่างน้องหัวทองวันนั้น ไม่รู้ไปหิ้วมาจากที่ไหน ทำตัวแบบนี้ไง ผมถึงค่อยๆ เลิกปลื้มมันไปได้ในที่สุด

อ้อ ใครที่ยังคาใจเรื่องคืนนั้น ผมกับเจ้าเหล็กดัดยังไม่มีอะไรกันนะครับ ก็แค่... ช่วยเหลือซึงกันและกัน เล็กๆ น้อยๆ (ทุกวัน) ตามประสาเด็กผู้ชาย (วุ๊ย เขินจัง) ไม่ถือเป็นพิธีนิโยกอย่างสมบูรณ์แบบแต่ประการใด ส่วนใครที่มองว่าผมแรดเก๊น โปรดเข้าใจสถานการณ์ที่ผมต้องเผชิญด้วยนะครับ ไม่มาเป็นผมไม่มีทางรู้หรอก เด็กมันยั่วเลยหลวมตัวไปนิด ทนได้เหรอ

ผมโทรปรึกษายัยนก คิดจะหยิบยืมเงินซักก้อนใหญ่ๆ เพื่อมาจ่ายค่าเสียหาย ยัยนกก็แสนใจดี เข้าอกเข้าใจ แต่นัดให้ไปเอาที่บ้าน ยังไง ผมก็กลับบ้านนอกทุกเสาร์-อาทิตย์อยู่แล้ว เหล็กดัดงอแง จะตามไปด้วย แต่ผมอายนะ บ้านรก เลยปฏิเสธ อ้างว่าเดี๋ยวความแตก ที่บ้านรู้ จริงๆ ทุกวันนี้ ที่บ้านก็รู้เรื่องรสนิยมผมแหละ แต่ก็นะ คนเป็นพ่อเป็นแม่ ยังไงก็ยังรับไม่ได้อยู่ดีว่าลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกัน ลึกๆ เค้ายังคงหวังอยู่มั้ง ว่าผมจะแต่งงานมีลูกมีเชื้อเพื่อสืบสกุล น่าเสียดาย ที่ผมอ่านงานที่ว่าด้วยเพศสภาพอันหลากหลายของโตมร ศุขปรีชา จนซึมเข้าใส้และเซี่ยงจี๊ ทั้งจากคอลัมน์ในนิตยสาร หนังสืออย่าง เรื่องรักของบางเรา และ Genderism ตอนนี้ ผมกลายเป็น เจนเดอริสต์ อีกคนหนึ่งไปแล้ว

เหล็กดัด มาส่งที่ท่ารถประตูเชียงใหม่

“คันนี้เหรอครับพี่มิว ทำไมโทรมจังอ่ะ ให้ผมขับไปส่งเหอะ ไม่กี่โลเอง”

งอแงอีกแล้ว

“แล้วดูสิ คนเยอะขนาดนี้ พี่มิวจะได้นั่งไหมอ่ะ มีหวังต้องยืนจนขาแข็ง”

อ่านะ ทำไงได้ล่ะ เกิดมาจนนี่

“นี่ รีบไปเหอะ เดี๋ยวรถก็ออกแล้ว ยืนแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ยืนประจำ ไม่ได้ผิวบางเหมือน…”
“อะ มีกระทบอีกนะ แก่แล้วไม่เจียม เดี๋ยวกระดูกผุไม่รู้ด้วย”

ผมรำคาญ (จริงๆ คือไม่อยากรบกวนมัน) เลยรีบขึ้นไปยืนบนรถที่คนแน่นขนัด โบกมือบ๊ายบาย เหล็กดัดยอมแพ้แล้วเดินกลับไปที่รถ ซึ่งจอดกระพริบไฟไว้ก่อนจะขับออกไป

เฮ้อ...

ร้อนอ่ะ

นานแล้วนะ เมื่อไหร่รถจะออกวะ

ปวดน่องแล้ว

น่าเบื่อจัง

แหวะ เหม็นกลิ่นลูกชิ้นอ่ะ ยัยเด็กคนที่นั่งข้างหน้าเคี้ยวลูกชิ้นตุ้ยๆ เหม็นจะอ้วก อากาศยิ่งไม่ถ่ายเทอยู่ ทำไมไร้มารยาทจัง

แล้วก็ อีเบาะข้างหน้านี่ยังไงนะ คุยโทรศัพท์เสียงดังมาก  คุยเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วย (เรื่องคิมซูฮยอนกับซีรีสืเรื่องใหม่ และเรื่องโทรไปด่ากิ๊กแฟน) ไร้สาระมากมาย ใครเขาอยากรู้เรื่องเรื่องส่วนตัวของหล่อนกันละเนี่ย ไหน ยังไงนะ อีกิ๊กนั่นมันพุดว่าไงนะ
อุ๊ย ไม่ใช่สิ ทำไมไม่มีสำนึกสาธารณะกันบ้างเลย ดึงสติกันหน่อยได้ไหม นี่กำลังคิดว่า ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นคงไม่มีอะไรแบบนี้

คิดถึงเจ้าเหล็กดัดจังแฮะ

…..


กว่าจะถึงบ้านก็เกือบหกโมง ไม่มีใครอยู่บ้านเลย  ช่วงเก็บลำไย บ้านไหนก็ไม่ค่อยมีคนอยู่ทั้งนั้น กว่าจะกลับก็คงทุ่ม สองทุ่ม อาหารที่กินช่วงนี้จะเป็นแกงถุงปรุงสำเร็จ แต่ผมหิวแล้ว กะว่าจะเจียวไข่ กับทำต้มจืดเต้าหู้ไข่ใส่สาหร่าย ทำเผื่อพ่อกับแม่ด้วย  ระหว่างเตรียมของ จำได้ว่าเหล็กดัดสั่งให้โทรหาทันทีเมื่อถึงบ้าน เพราะผมยืนยันจะไม่รับโทรศัพท์ระหว่างอยู่บนรถเด็ดขาด (แหม เขินนะ นานๆมีคนคอยเป็นห่วง) ผมควานหามือถือในกระเป๋ากางเกง กดเพื่อโทรออกเบอร์เดียวที่มีอยู่ในเครื่องซัมซุงที่ใส่ซิมคู่ขา

กว่าเจ้าเหล็กดัดจะรับสาย ก็เมื่อตู๊ดทีสี่เข้าไปแล้ว – โวะ ทำไรอยู่นะ

“ดื้อ เค้าถึงบ้านแล้วนะ โดยสวัสดิภาพ แต่ปวดขานิดหน่อย”
ผมบอก อุตส่าห์แทนตัวเองว่า ‘เค้า’ เป็นครั้งแรก เขินจุง

“เอ่อ ดื้อยังไม่ว่างรับสายนะครับ”

เดี๋ยว ไม่ใช่เจ้าเหล็กดัดหรอกเหรอ แล้วนี่ใครกันละเนี่ย

“แล้วนี่ใครครับ”
“อ๋อ ผมแมกซ์ เพื่อนดื้อครับ”

!?!
อะไร ยังไง ตอบ!

แมกซ์ คนที่หน้าเหมือนเน็ทไอดอลมุ้งมิ๊ง แต่ตัวสูงล่ำ ที่วิสาสะเรียกแฟนชาวบ้านว่าที่รักนะเหรอ ชักไม่เข้าท่าละ

“ดื้ออาบน้ำอยู่นะครับ มีอะไรฝากไว้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะบอกให้มันโทรกลับ”

อาบน้ำ?

“อ๋อ ครับ บอกเขาว่า ผมโทรมาละกัน”
“เดี๋ยวนะครับ ใช่พี่มิวป่ะครับ”

รู้จักกูด้วย ดี ก็คงรู้แล้วสินะว่ากูเป็นใคร

“ครับ... ใช่ครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ เดี๋ยวคงได้เจอกันนะครับพี่ ดื้อมันเล่าให้ผมฟังแล้วครับ ทุกเรื่องเลย เรื่องที่พี่มิวมาอาศัยอยู่ด้วย เสียใจด้วยนะครับเรื่องไฟใหม้”
....
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ”
“งั้น ขอตัวก่อนนะครับ มันเรียกหาผ้าเช็ดตัวแล้ว สงสัยว่าผมคงต้องเช็ดตัวให้มันด้วยชัวร์ 555”
“ครับ”
.....

วี้ด เดี๋ยวนะ ขอจูนสมองแป๊บ

ไอ่น้องคนนั้น ไปทำอะไรที่นั่น ที่คอนโดเจ้าเหล็กดัด ไหนเจ้าเหล็กดัดบอกไม่ชอบมันไง ถ้าจำไม่ผิด

เช็ดตัวให้ คืออะไร หมายความว่ายังไง

แล้วทำไมดื้อต้องเล่าเรื่องผมให้เจ้าเด็กนี่ฟังด้วยล่ะ

นี่มันเรื่องเวรอะไรกันเนี่ย

โอ๊ย ไม่มีอารมณ์ทำกับข้าวแล้วโว้ย

ไอ้เหล็กดัด แกจะต้องมีคำอธิบายที่น่าพอใจสำหรับเรื่องนี้!


 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4: :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2015 01:53:03 โดย bennietakky »

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
มิว ตลกอ่ะ

คิดอีกอย่างพูดอีกอย่าง

เดี๋ยวนะ

เรื่องนี้มี 2 แมกซ์ใช่มั้ย

sky-cafe

  • บุคคลทั่วไป
น้องแม็กซ์ไปทำอะไรที่ห้องดื้ออ่าาาาาาา ไปเที่ยวเฉยๆ ชิมิค่ะ แหมๆ ต้องเป็นอย่างงั้นแน่

สงสารพี่แม็กซ์สงสัยเฮิร์ทเลยต้องไปหาคู่ขามาปลอบใจ แหมมิวไม่ชอบแม็กซ์แล้วหรอ นึกว่าเราจะมีโอกาสลุ้นสักหน่อย  o7

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
ใช่ละครับ

มีสอง แมกซ์

เพื่อนมิว สุดหล่อ กับแมกซ์ เพื่อนเจ้าเหล็กดัด

จับตาดูให้ดีๆนะครับ เพราะสองแมกซ์นี้ จะร้ายมาก อิอิ

มิวมิว คิดอย่าง พูดอีกอย่าง

ก็เหมือนคนทั่วไปแหละครับ

ที่แบบว่า มีศีลธรรมค้ำคอ

เหอๆ





ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
โหน้องมิวเครียดเลยดิอย่างนี้ o7

ออฟไลน์ YMP

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2
มาอ่านครั้งแรก  :L2:
สนุกดีครับ แต่ช่วงตอนแรกงงๆ ลำดับเวลาไม่ค่อยถูก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด