ตอนที่ 11ไอ้กวิ้นมีชีวิตรักลุ่มๆ ดอนๆ ในขณะที่ไอ้เสือเหมอเพื่อนซี้พัฒนาแบบก้าวกระโดด ไอ้เหมอได้ชนะสมใจ แต่ยิ่งไอ้เหมอเปิดเผยมากเท่าไหร่ ความรักของไอ้กวิ้นก็ยิ่งต้องเก็บซ่อนมากขึ้นเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าไอ้กวิ้นไม่รู้เหตุผลของพี่สมัย ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นนกบื้อเหมือนในวันวานที่ถูกปฏิเสธโดยมีแค่ความเย็นชากับคำว่า ‘ไม่รัก’ ของพี่สมัยเป็นเหตุผล นกบื้อตัวนี้มันรู้เสียแล้วว่าเหตุผลของคนที่มันรักคืออะไรที่ทำให้ความรักของมันไปไกลมากกว่านี้ไม่ได้
เพนกวิ้นตัวนี้รักพี่สมัยมากเท่าไหร่ แต่ก็คงเทียบไม่ได้กับความรักที่พี่สมัยมีให้กับไอ้เหมอ แม้นกบื้อจะได้เป็นคนสำคัญ แต่อันดับหนึ่งก่อนหน้ามันก็ยังเป็นไอ้หัวเกรียนตัวดำไม่เปลี่ยนแปลง มันรู้...รู้ดีอยู่แล้วว่าหากในวันที่ต้องเลือกทางเดินของตัวเองอีกครั้ง พี่สมัยก็คงจะเลือกครอบครัวอย่างไม่ลังเล
และในวันที่ความรักของไอ้เหมอเริ่มมีอุปสรรค...ก็คงเป็นวันนับถอยหลังถึงวันที่ไอ้กวิ้นต้องตื่นจากฝันด้วย
“พี่หมัย วันนี้ค้างกับกวิ้นรึเปล่า” ไอ้กวิ้นเขี่ยข้าวในจานเล่น ก่อนจะส่งสายตาเว้าวอนไปให้คนที่นั่งทานข้าวข้างๆ กัน มันเพิ่งถูกลากให้ออกจากฉากรักของสองเพื่อนซี้ เพราะไอ้เหมอถูกกลั่นแกล้งไม่ให้กลับบ้าน พี่สมัยจึงพาไอ้กวิ้นกับชนะมาหาถึงที่โรงเรียน
“วันนี้ค้างไม่ได้ กูต้องกลับไปเคลียร์กับพ่อเรื่องน้องเหมอ” พี่ชายไอ้เหมอทำเสียงเข้ม พอเอ่ยถึงเรื่องนี้แล้วนายทหารรูปหล่อของไอ้กวิ้นก็หงุดหงิดเสียทุกที
“อือ” ไอ้กวิ้นพยักหน้า แต่สีหน้ามันหงอยเสียจนถูกอีกฝ่ายลูบหัวปลอบโยน
“อย่างอแงดิ”
“ก็ได้” นกบื้อยอมความ แล้วตักกับข้าวใส่จานให้พี่สมัยอย่างเอาใจ “พี่หมัยกินเยอะๆ จะได้อ้วนๆ”
“เอ้าไอ้นี่ อยากให้กูอ้วนซะงั้น”
“อยากให้ขี้เหร่ด้วย เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจะได้ไม่มีใครมาสนใจพี่หมัยไง”
พี่ชายไอ้เหมอหัวเราะพลางผลักหัวไอ้นกบื้อไปอีกหลายที “มันก็อาจจะมีคนที่ไม่ได้มองแค่รูปลักษณ์ภายนอก”
“ไม่เถียงหรอกว่ามันก็มีจริงๆ” ไอ้กวิ้นเห็นด้วยตามนั้น
“หึ ใครวะ?” พี่สมัยอมยิ้ม แววตาเหมือนรู้อยู่แล้วแต่ก็แกล้งทำไม่รู้ จนถูกนกบื้อขาสั้นมองค้อนไปอีกยกใหญ่
“อยู่ตรงหน้าพี่หมัยอ่ะ” มันพูดไปหูก็แดงก่ำไป น่าเอ็นดูจนสมัยอดที่ยื่นมือไปขยี้หัวมันไม่ได้
“ไม่เห็นมี”
“ไอ้พี่หมัย”
“อะไรไอ้กวิ้น”
“กวนตลอดเลย”
พี่สมัยชอบแกล้งแหย่ไอ้กวิ้น เวลาอยู่ด้วยกันจะต้องมีพูดขัดใจขัดอารมณ์ทุกๆ สามนาที บางครั้งแกล้งจนมันน้ำตาซึม แต่ก็แปลกที่ไม่เคยเบื่อเวลาได้อยู่ใกล้ ไม่เคยเกลียดเวลาถูกแกล้งแรงๆ กลับชอบ...และอยากให้เวลาเหล่านี้อยู่กับมันไปนานๆ
พี่สมัยตามใจไอ้เหมอทุกอย่าง แต่ก็ขัดใจไอ้กวิ้นแทบทุกอย่าง เหมือนคนเก็บกดจากน้องชายแล้วเอามาลงกับไอ้นกบื้อตัวนี้ที่ก็เต็มใจยอมรับไว้แต่โดยดี
“พี่หมัย”
“อะไร”
“อย่าทิ้งกวิ้นนะ” อยู่ๆ ก็อยากพูด อยู่ๆ ก็อยากขอร้อง ไอ้กวิ้นไม่ได้อยากให้พี่สมัยลำบากใจ แต่เป็นความต้องการที่อยากให้พี่สมัยรับรู้...
“เป็นไรไป” สีหน้าของพี่สมัยจริงจังขึ้นมา “บอกแล้วนะว่าไม่ต้องคิดมาก”
“ไม่ได้คิดมาก แต่ไม่อยากให้พี่หมัยลืม” ไม่อยากให้ลืมว่ายังมีคนๆ หนึ่งที่รักพี่หมัย ยังมีคนที่รอคอยความรักจากพี่หมัยอยู่ตรงนี้อีกคน
“ไม่ลืมหรอกน่า นกบื้อ” มือของพี่สมัยอบอุ่น เวลาลูบหัวไอ้กวิ้นก็แสนอ่อนโยน รอยยิ้มที่มีให้กันก็น่ามองจนละสายตาไม่ได้ “งอแงตลอดมึงเนี่ย”
“เพราะใครล่ะ”
“อย่ามาโทษกู มึงเป็นของมึงเอง”
“จิ๊ ไม่เคยจะรับผิด”
พี่สมัยบีบแก้มไอ้กวิ้นเต็มแรง “พูดมาก ไปหาน้องเหมอกันได้แล้ว”
“ปล่อยมันไว้กับไอ้นะไม่ตายหรอก มีแต่ไอ้นะนั่นแหละที่จะตายเพราะโดนไอ้เหมอเข้าสิง”
ไอ้เหมอมันบ้า ยามปกติก็คลั่งไคล้พร่ำเพ้อหาไอ้หล่อชนะแทบเป็นแทบตาย ไม่ได้เจอกันนานอย่างนี้ไม่รู้จะถอดวิญญาณเข้าสิงร่างไอ้หล่อไปแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้
“มึงนี่ชอบว่าน้องกูจริงๆ เลยนะ สวยสู้น้องเหมอไม่ได้แล้วพาลเหรอ”
ไอ้กวิ้นแทบน้ำลายฟูมปากเพราะคำปรามาสที่ทำใจรับไม่ได้เสียเหลือเกิน “อย่างน้องพี่หมัยสวย ลิงที่สวนสัตว์ก็นางงามแล้วอ้ะ”
แค่เท่านั้นไอ้กวิ้นก็โดนล็อคคอตบหัวเป็นการลงโทษที่บังอาจไปลบหลู่น้องเหมอคนสวยของพี่สมัยเข้า
“ตบให้หัวหลุดไปเลยไหมล่ะ ชอบแกล้งน้อง”
“มึงปากดีไงกวิ้น” พี่สมัยว่าเสียงกลั้วหัวเราะ แต่มือก็ลูบหัวให้เบาๆ ก่อนจะพาไอ้กวิ้นเดินมาแอบมองน้องชายของตัวเองจากหลังพุ่มไม้
“เห็นปะ ไอ้เหมอแทบสิงอ่ะ เอ้า นี่น้ำตาคลอเลยทีเดียว” ไอ้กวิ้นเบ้ปากรับไม่ได้ เป็นเรื่องไอ้เหมอทีไร ผู้ชายใจแข็งประสาทแข็งคนนี้อ่อนไหวทุกที
“เห็นน้องเหมอยิ้ม กูก็มีความสุข”
“พี่เป็นเอามากจริงๆ นะพี่หมัย ไปหาหมอปะ จะพาไป”
“มึงควรไปก่อน แล้วถามหมอด้วยทำไมเกิดมาบื้ออย่างนี้”
“หูยยย พี่มึงจะด่าว่าโง่ก็ด่ามา ไม่ต้องอ้อม”
“เออ ไอ้นกโง่ น่ะ ไม่อ้อมแล้ว พูดตรงๆ มึงก็รับไม่ได้ หน้าบึ้งใส่กูอีก”
ไอ้กวิ้นโดนตบหน้าผากไปหนึ่งที ก่อนเลือดจะสูบฉีดตั้งแต่หน้าเรื่อยไปถึงใบหู เผื่อแผ่ไปยังลำคอเมื่อพี่สมัยเข้าแนบชิดจากข้างหลัง ใบหน้านั้นโน้มใกล้ ลมหายใจเป่ารดที่ต้นคอของไอ้กวิ้น มันเหลือบตามองก็เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้กำลังสนใจมันแต่กำลังเพ่งดูน้องชายหัวเกรียนที่กำลังขวยเขินสะดิ้งอายไม่สมกับหน้า
“พี่หมัย... ใกล้ไปอ่ะ” ไอ้กวิ้นขยับตัวอย่างอึดอัด เพราะสะโพกของมันดันถูกอะไรบางอย่างดุนดันแนบชิด
“ก็ที่มันแคบ”
“แล้วทำไมเราต้องมาหลบในที่แคบๆ ด้วยล่ะ เกิดใครมาเห็นเข้า เขาจะคิดว่าเราทำเรื่องไม่ดีกันอยู่นะพี่”
“ขืนไม่หลบก็ไปขัดจังหวะน้องเหมอ น้องกูเป็นคนขี้อายด้วย”
“ระดับไอ้เหมอขี้อายก็ไม่มีใครในโลกหน้าด้านแล้วล่ะพี่ โอยย พี่หมัยตีกวิ้นอีกแล้วนะ”
“ว่าน้องกู” พี่สมัยเสียงเข้ม ใบหน้าจริงจังจนไอ้กวิ้นต้องยกมือกราบขอโทษ
“อย่าโกรธกวิ้นเลยนะพี่หมัย”
พอเห็นไอ้นกบื้อหน้าหงอย พี่ชายไอ้เหมอก็ยิ้มกว้าง “กูล้อเล่น”
ไอ้กวิ้นแทบแปลงร่างเป็นหมา “ทุกทีอ่ะ เล่นแรงทุกที กวิ้นโกรธจริงๆ แล้วนะ”
“อย่าโกรธเลย กูง้อไม่เป็น”
“แล้วทำไมต้องง้อ”
“ไม่แคร์จะง้อเหรอ”
นกบื้อถึงกับพูดไม่ออก ทำได้แค่อ้าปากพะงาบๆ แล้วก็หุบปากฉับ แล้วมันก็หน้าเอ๋ออ้าปากหวอต่อ จนพี่สมัยต้องปิดปากมันด้วยริมฝีปากเสียเอง
“กวิ้นกวิ้น”
“อือ”
“นอนดึกได้ไหม”
“ทำไมอ่ะ”
“คุยกับพ่อเสร็จจะไปหา”
“ก็ไหนบอกไม่ค้าง...”
“เปลี่ยนใจ”
“ก็...นอนดึกได้” ไอ้กวิ้นบอกเสียงเบา “ถ้าพี่หมัยจะมาหา กวิ้นจะรอนะ”
“ดีมาก กูชอบเวลาที่มึงไม่ดื้อนี่แหละ”
“ไม่อยากให้ดื้อพี่หมัยต้องตามใจกวิ้นนะ”
“ไม่ชอบตามใจใครนอกจากน้องเหมอ”
ไอ้กวิ้นเบ้ปาก เปิดเผยความอิจฉาจนพี่สมัยหัวเราะ “เพราะพี่หมัยนี่แหละที่ทำให้กวิ้นอยากฆ่าไอ้เหมอวันละสิบรอบ”
“ลองทำดิ เดี๋ยวมึงได้เป็นนกย่าง”
“พี่หมัยใจร้ายกับกวิ้นตลอดเลย”
“งั้นคืนนี้จะใจดีด้วยก็ได้ ดีไหม”
นกบื้ออยากตีปีกระริกระรี้แต่ก็กลัวจะเกินงาม มันก็เลยทำแค่อมยิ้ม แต่เพราะแบบนั้นจึงสร้างความหมั่นไส้ให้กับนายทหารรูปหล่อเข้า แก้มขาวๆ ของมันจึงถูกดึงจนแทบย้วย “ตอบหน่อยกวิ้น”
“พี่หมัย กวิ้นเจ็บ”
“ดีไหม”
“ดีก็ได้อ่ะ” ไอ้กวิ้นบอกเสียงอ่อย กุมแก้มแล้วมองจิก ก่อนมันจะตาโตเมื่อถูกหอมแก้ม “พี่หมัย ทำอะไรเนี่ย”
“บรรเทาปวด”
“ไม่หายหรอกเว้ย”
“งั้นอีกกี่ทีถึงจะหาย”
“บ้าแล้ว ไปไกลๆ เลย”
“หึ หน้าด้านสู้น้องเหมอไม่ได้จริงๆ”
ไอ้กวิ้นถึงกับตาโตอีกครั้ง “พี่หมัยว่าไอ้เหมอเหรออออ กวิ้นจะฟ้องงง”
“อ้าว... กูว่าตอนไหน”
“ก็พี่บอกว่าไอ้เหมอหน้าด้าน”
“กูบอกว่าน่ารัก มึงพูดว่าหน้าด้านเองนะ”
“นี่พี่หมัย พี่ด่าน้องชายตัวเองแล้วไม่ยอมรับอ่ะ ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย”
“อะไรวะ ก็บอกว่าน่ารัก ไม่ได้พูดสักคำว่าหน้าด้าน”
“ใครน่ารัก”
“มึง”
“ก็เมื่อกี้พี่บอก...” ไอ้กวิ้นตั้งหน้าเถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันได้ยินจริงๆ ว่าพี่หมัยว่าไอ้เหมอหน้าด้าน ถ้าเอาไปฟ้อง คราวนี้แหละ พี่น้องจะได้แตกหัก แล้วไอ้เหมอจะได้เฉดหัวพี่หมัยทิ้ง จากนั้น...ก็เป็นโอกาสของไอ้กวิ้น...
“มึงไงน่ารัก” เสียที...
อะ... อะไรนะ! ใคร... มึง... มึง...เป็นใคร กวิ้นเหรอ กวิ้นเหรอออออออ!“อะ...ไอ้ ไอ้พี่หมัยยยยยย” ไอ้กวิ้นยิ้มจนแก้มแทบแตก แต่พี่ชายไอ้เหมอกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่ได้พูด
“เอ้า...ตาย ตาย ยิ้มให้แก้มแตกตายไปเลย กูไปหาน้องเหมอก่อนนะ หุบยิ้มได้ค่อยตามไป” พี่สมัยทำหน้าเหมือนทองไม่รู้ร้อนแล้วก็ทำทีจะผละหนีไป
“เกลียดดดด เกลียดพี่มึงเนี่ยย เกลียดดดดด กวิ้นเกลียดดดด”
ไอ้กวิ้นเหมือนถูกทำให้เป็นบ้าอยู่ทุกวัน ไม่แปลกใจที่ไอ้เหมอมันจะไม่ค่อยเต็ม เพราะมันมีพี่ชายแบบพี่สมัยนี่ไง มันถึงได้พิลึกกึกกืออย่างนี้!
****************************
“แอบมองกูทำไม”
อยู่รอจนเกือบห้าทุ่ม พี่สมัยก็มาหา แต่พอมาถึงก็ยักคิ้วกวนเหมือนเช่นทุกที ราวกับลืมไปแล้วว่าตอนช่วงบ่ายที่ผ่านมานั้นได้วางระเบิดเอาไว้กับไอ้นกบื้อที่ป่านนี้ก็ยังสบตากับพี่สมัยไม่ได้และยังคงยิ้มกว้างทุกครั้งเมื่อนึกถึงถ้อยคำจากน้ำเสียงแข็งกระด้างไม่หวานหูแต่โดนใจ
“ไม่ได้แอบมอง” ไอ้กวิ้นบอกเสียงเบา มันนั่งกอดหมอนแล้วมองพี่สมัยที่เดินร่อนไปทั่วห้องทั้งที่พันผ้าขนหนูไว้รอบเอวแค่ตัวเดียว “อาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวซะทีสิ ชอบโชว์เหรอ”
“กูหาเสื้อผ้าไม่เจอ”
“ก็อยู่ในตู้ไง” ไอ้กวิ้นบอก มันเป็นคนซักเสื้อผ้าของพี่สมัยเอง โดยให้พี่แต้วเป็นคนสอนวิธีซักให้ พี่สมัยจะมีเสื้อผ้าติดไว้ที่บ้านไอ้กวิ้นอยู่สามสี่ชุด หนึ่งในพวกนั้นก็มีชุดทำงานที่ไอ้กวิ้นมักรีดไว้ให้พี่สมัยใส่ไปทำงานในวันจันทร์ เพราะปกติพี่ชายไอ้เหมอจะมาค้างด้วยในวันหยุดสุดสัปดาห์ตลอด
“มาหาดิ๊”
“ตลอดอ่ะ หาของเองไม่เคยเจอ” ไอ้กวิ้นบ่น พี่สมัยจะมีนิสัยแปลกๆ คือชอบใช้ไอ้กวิ้น เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็จะใช้มันทำทุกที ก็อย่างที่เคยบอกว่าพี่ชายไอ้เหมอมันเก็บกดมาจากการที่ต้องรับใช้น้องชายถึงต้องเอามาลงกับไอ้นกบื้อแทบทุกเรื่อง
ไอ้กวิ้นยอมลุกจากเตียงมาเปิดตู้เสื้อผ้า รื้อหากางเกงนอนแล้วยื่นไปให้นายทหารหนุ่มที่ยืนอวดร่างกายกำยำ ทั้งกล้ามท้องกล้ามแขนเป็นมัดๆ จนนกบื้อตัวนี้ต้องลอบกลืนน้ำลาย
“อ่ะ เอาไปใส่” ไอ้กวิ้นเบนสายตาหนีหุ่นยั่วน้ำลายก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่พี่สมัยก็ตามมาดักทางมันไว้ “ไรอ่ะ หรือจะให้ใส่กางเกงให้ด้วย”
“ก็...ได้ไหมล่ะ”
ไอ้กวิ้นหูแดงก่ำ เผลอไล่สายตาไปตามแผ่นอกกว้าง เรื่อยลงยังกล้ามท้องเป็นลอนสวย เห็นไรขนขึ้นเป็นทางยาวลาดต่ำลงไปตามสะดือแล้วหายลับตาไปเพราะมีผ้าขนหนูผืนใหญ่บดบัง แต่นกบื้อกลับจินตนาการได้ว่าอะไรอยู่ภายในนั้น ทั้งขนาดและรูปร่างที่แม้จะไม่เคยเห็นของจริง แต่ก็พอคาดคะเนได้เวลาที่เจ้าสิ่งนั้นมันดุนดันอยู่ใต้กางเกงผ้าที่อีกฝ่ายใส่นอน
“หึหึ กูล้อเล่น ไปนอนไป”
ไอ้กวิ้นรู้สึกเหมือนมันเป็นบ้าไปคนเดียว ฟุ้งซ่าน เพ้อเจ้อ ตื่นเต้นไปข้างเดียว โดยที่อีกฝ่ายแค่ล้อเล่นเท่านั้น... มันรู้ว่าไม่ควรคิดน้อยใจ แต่ความรู้สึกที่ถูกล้อเล่นบ่อยๆ แบบนี้...ก็ไม่ได้สนุกทุกครั้งไปเหมือนกัน
ไอ้กวิ้นยอมเดินไปนอนเงียบๆ มันขึ้นเตียงแล้วนอนคลุมโปงทันที ได้ยินเสียงพี่ชายไอ้เหมอหัวเราะก็ยิ่งเคือง พอที่นอนอีกฝั่งยวบลงและแสงไฟในห้องหายไป ไอ้กวิ้นก็รีบขยับตัวหนีทันที แม้มือของอีกฝ่ายจะไล่ตามมาดึงรั้งมันเข้าไปหาก็ตาม
“งอนเก่งจริงๆ นกบื้อ” แค่แรงกระตุกทีเดียว ผ้าห่มที่เป็นที่กำบังตัวก็เลื่อนหลุด
“พี่หมัยปล่อยเลยนะ ไม่ต้องมากอด” ไอ้กวิ้นทำเสียงดุ แต่ตัวมันกลับยอมให้อีกฝ่ายกอดไว้เสียอย่างนั้น
“อยากให้ปล่อยก็ดิ้นดิ”
“ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด เปลืองแรง พี่หมัยตัวอย่างกะยักษ์” ไอ้นกบื้อมันเถียงกลับเบาๆ ก่อนมือจะไล้อกกว้างของพี่สมัยอย่างเคยชิน มันมักจะนอนหลับไปพร้อมกับสัมผัสผิวเนื้อของพี่สมัยเสมอ
“มือมึงนี่ซนตลอด” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่ก็ไม่เคยปัดออก
“พี่หมัย”
“หืม”
“คุยกับพ่อว่าไงบ้าง”
ความเงียบก่อตัวขึ้นเพียงครู่ ก่อนพี่สมัยจะถอนหายใจ “ก็ยากหน่อย พ่อกูหัวโบราณ”
ไม่บอกก็รู้ว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย พ่อของไอ้เหมอนั้นใจดี แต่ใจดีกับยอมรับที่ลูกชายจะมีคนรักเป็นผู้ชาย...มันคนละเรื่องกันเลย ความหวังของคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คงอยากเห็นลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม มีทายาทสืบสกุล คงไม่มีใครยอมรับได้ง่ายๆ กับความรักของเพศเดียวกัน... และไอ้กวิ้นก็รู้ดีว่า... ความรักของมัน...ก็คงไม่เป็นที่ยอมรับ พี่สมัยเป็นลูกชายคนโต เป็นความหวังของครอบครัว ต่อให้เขาไม่เคยบอกถึงสิ่งที่พ่อแม่คาดหวังในตัวเขากับไอ้กวิ้น แต่ไอ้กวิ้นมันก็ไม่ได้โง่จนมองไม่ออก ยิ่งเติบโตมันก็ยิ่งรู้ถึงเหตุผลแวดล้อมหลายๆ อย่าง เพราะไม่ใช่แค่พี่หมัย แต่มันเองก็ถูกพ่อแม่คาดหวังให้มีครอบครัวที่ดี มีทายาทสืบสกุลให้พ่อกับแม่เหมือนกัน
หากเป็นมันเมื่อสองสามปีก่อน ก็คงไม่อาจเข้าใจถึงเหตุผลข้อนี้ ไม่อาจเข้าใจถึงเหตุผลของพี่สมัย แต่ตอนนี้มันเข้าใจดีทีเดียว...
ว่าพี่หมัยอาจจะไม่ใช่ไม่รัก แต่เป็นเพราะรักไม่ได้... คิดกับไอ้กวิ้นเกินน้องชายไม่ได้ แต่ทั้งมันและพี่สมัยรู้ดีแก่ใจ...ว่าคิดกันไปเกินกว่านั้นมากแล้ว แม้อีกฝ่ายจะโกหกกันว่าไม่รักไม่ได้คิดยังไง...ก็ไม่อาจเชื่อได้ว่าเป็นความจริง
“แต่ไอ้เหมอมันดื้อ มันไม่ฟังใครหรอก พี่หมัยก็รู้”
“อืม เรื่องของน้องเหมอกูจัดการเองน่า ไม่มีอะไรต้องห่วง” รู้ว่าไอ้นกบื้อห่วงเพื่อน แม้มันจะชอบจิกกัดไอ้เหมอ แต่ไอ้กวิ้นก็รักไอ้เหมอยิ่งกว่าใคร
“แล้ว...เรื่องของเราล่ะพี่หมัย”
คำถามของไอ้กวิ้นกว่าจะได้รับคำตอบก็เนิ่นนาน และเป็นคำตอบที่มันก็รู้ดีอยู่แล้วว่าคงได้ฟังจากปากของผู้ชายใจร้ายคนนี้
“มันไม่มีเรื่องของเราตั้งแต่แรกแล้วกวิ้น”
“อืม”
“อยากด่ากูไหม”
ไอ้กวิ้นส่ายหน้า “ไม่รู้จะด่าว่าอะไรดี คำว่าเลวก็คงไม่พอ”
“หึหึ ปากดีจริงๆ”
ไอ้กวิ้นขยับเข้าแนบชิดพี่สมัยมากยิ่งขึ้น แม้มันจะเป็นนกเขตหนาว แต่ก็ต้องการไออุ่นมากทีเดียว...ยิ่งไออุ่นจากพี่สมัย...มันยิ่ง...ขาดไม่ได้ “งั้นเปลี่ยนคำถาม... แล้วเรื่องหัวใจของเรา พี่จะทำยังไง”
มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวไอ้กวิ้นก่อนริมฝีปากจะกดลงขมับของมัน “แล้วอยากให้ทำยังไง”
“อยากให้อยู่ข้างๆ กันอย่างนี้...ไปนานๆ”
“ก็อยู่มาตลอดไม่ใช่หรือไง”
“แล้วจะอยู่ต่อไปไหม” ไอ้กวิ้นถามเสียงแผ่ว จับมือพี่สมัยไว้แน่น
“สักวันมึงก็จะเจอคนที่รับหัวใจมึงไว้ได้...ไม่ใช่ทำได้แค่อยู่ข้างๆ อย่างกู”
“ตอนนี้...มองไม่เห็นคนๆ นั้นเลยนะพี่ เห็นแต่พี่หมัย เต็มไปหมด”
“นกบื้อ เพราะกูยังอยู่ตรงนี้ไง... แต่ถ้าสักวัน...”
“ต่อให้สักวันพี่ไม่อยู่ตรงนี้... กวิ้นก็จะมองแต่พี่อยู่ดี”
“มึงมันบื้อจริงๆ”
ไอ้กวิ้นพยักหน้ายอมรับ ก่อนตัวมันจะถูกพลิกให้นอนหงายแล้วมีพี่สมัยขึ้นคร่อม มือใหญ่ไล้แก้มมันเบาๆ “นอกจากบื้อแล้ว...มึงยังน่ารักมาก”
“พี่หมัยเมามารึเปล่า”
“ไม่เมากูก็พูดได้”
“แต่ปกติไม่พูด”
“วันนี้อยากพูด” ริมฝีปากร้อนทาบทับลงบนริมฝีปากของไอ้นกบื้อผะแผ่ว คลอเคลียจนมันหน้าร้อนผ่าว “กวิ้นกวิ้นครับ”
“อือ”
“นกบื้อ”
“ไม่บื้อซะหน่อย” ไอ้กวิ้นเถียงเบาๆ มันจึงได้รับจูบเป็นการลงโทษ
“อย่าเถียงพี่”
หัวใจของไอ้กวิ้นเต้นรัวแรง เพราะมีไม่บ่อยที่พี่สมัยจะพูดเพราะๆ กับมัน และแปลกใจที่ผู้ชายทื่อๆ กวนประสาทคนนี้ก็มีมุมน่ารักจนทำให้เขินอายได้เหมือนกัน
ไอ้กวิ้นหลับตาพริ้ม ว่าง่ายโดยไม่เอ่ยปากเถียงอีก มันทำแค่เผยอริมฝีปากรับรสจูบหวานๆ ดั่งขนมสายไหมที่ถูกป้อนให้ถึงปากเท่านั้น ในขณะที่ร่างทั้งร่างก็บิดพลิ้วเมื่อถูกมือใหญ่รุกราน บีบคลึงบริเวณเอว เรื่อยต่ำลงสะโพก ก่อนจะวนขึ้นสอดเข้าใต้เสื้อนอน จากนั้นนิ้วแกร่งก็ปัดผ่านยอดอกที่เริ่มแข็งเป็นไตของไอ้นกบื้อจนมันสะท้านเผลอครางในลำคอเสียงหวาน
“พี่หมัย...อือ...กวิ้น...” ไอ้กวิ้นเบียดตัวเข้าแนบชิด ความต้องการที่น่าอายถูกปลุก แววตาเว้าวอนเชิญชวน
“พี่กำลังเอาเปรียบ... ไม่รู้ตัวเหรอ”
“รู้... แต่อยากให้คนที่กอดกวิ้นเป็นพี่หมัย... ไม่ได้เหรอ”
นายทหารหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะหลายครั้งที่ต้องอดทนกับการเชิญชวนจากนกบื้อที่แสนยั่วยวน “มากกว่านี้ไม่ได้หรอก...”
“ได้ กวิ้นให้ได้”
“ไม่ได้ อย่าให้ฟางเส้นสุดท้ายที่พี่เกี่ยวมันไว้ขาดลงเลย ไม่งั้นเราจะแย่ทั้งคู่”
มันแย่ตั้งแต่พี่กลับมา...แย่มาตั้งนานแล้ว ทำไมถึงเอามาใช้อ้างตอนนี้ไอ้กวิ้นมองด้วยสายตาตัดพ้อ ก่อนมันจะเบือนหน้าหนีอาย เพราะเชิญชวนไปตั้งเท่าไหร่ สุดท้ายก็เหมือนตัวมันจะหน้าด้านอยากได้...และกระสันอยากไปเพียงคนเดียว
“กูไม่อยากรังแกมึงไปมากกว่านี้ เข้าใจกูบ้าง ที่ต้องห้ามตัวเอง ไม่ใช่ไม่อยาก... กูอยากจะบ้าอยู่แล้วกวิ้น มึงไม่รู้ตัวรึไงว่าน่ารักน่าเอาขนาดไหน”
แค่ได้ยินคำสารภาพ จากนกบื้อแสนงอนก็กลายเป็นนกขี้อายหน้าแดงซ่าน “พี่หมัยหยาบคาย”
“ไม่หยาบมึงก็ไม่เข้าใจไง กูจะเอาใครก็ได้บนโลกนี้ แต่คนที่กูเอาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ได้ก็คือมึง เข้าใจไหม นกบื้อ”
ไอ้กวิ้นแทบบินได้ จากเป็นนกที่ได้แค่เดินเตาะแตะ แต่ตอนนี้เหมือนมันกำลังติดปีกบิน
“ถามก็ตอบดิ ยิ้มอยู่ได้”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจ โอ้ยย พี่หมัย ตอบแล้วไง จะกัดทำไมเนี่ย”
“หมั่นเขี้ยว” ไอ้กวิ้นได้รับคำตอบเพียงเท่านั้น ก่อนมันจะตาโตเมื่อพี่สมัยมุดเข้าไปใต้เสื้อนอน “พี่หมัย เดี๋ยวเสื้อก็ย้วยหมด ตัวนี้ซื้อมาแพงนะเฮ้ย”
“กูซื้อคืนให้อีกสิบตัว”
“อะ...อื้อ ดูดนมเค้า”
คำพูดของไอ้กวิ้นน่าเอ็นดูจนอดที่จะกัดลงไปไม่ได้ “เจ็บไหม”
“เจ็บ...อืมมม อ้ะ! พี่... อื้มมมม พะ...พอแล้ว เดี๋ยวมันบวม”
ยอดอกสีชมพูของไอ้กวิ้นถูกเล่นงาน ทั้งดูดทั้งเลีย ลงลิ้นดุนดันจนเจ้าของมันแทบสิ้นสติ ชิมข้างหนึ่งเสร็จก็ผละไปอีกข้าง แต่ก็ไม่ปล่อยให้ได้ว่าง นิ้วเรียวก็คีบบิดกลั่นแกล้งไม่หยุด ไอ้กวิ้นจึงได้แต่ร้องเสียงหวานแทบขาดใจ
“สมัย ไอ้คนบ้า ปล่อยยยยยยยยยยยยยย”
“หึ นกบื้อปากดี พอเอาเข้าจริงก็งอแง”
“จิ๊ พอแล้ว!”
“หึหึ”
พี่สมัยหัวเราะอารมณ์ดี ปล่อยตัวไอ้กวิ้นที่รีบยกผ้าห่มขึ้นคลุมตั้งแต่คอจรดปลายเท้า ป้องกันการรุกรานอย่างแน่หนา
“พี่หมัยจะไปไหนอ่ะ” แต่มันก็รีบผวาตามเมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกขึ้น “ทำต่อก็ได้นะ เล่นตัวเฉยๆ ไม่จริงจัง”
ไอ้นกบื้อน่าเอ็นดูจนแกล้งมันต่อไม่ได้ เพราะขืนทำมากไปกว่านี้ ตบะคงได้แตกเหมือนกัน “ไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมา”
“จริงเหรอ”
ไอ้เด็กช่างสงสัยเอียงคอถาม ก่อนจะตาโตเมื่อถูกมือใหญ่ดึงไปกุมที่ส่วนกลางลำตัว “ไม่ไปคงแย่แน่”
“อะ...ไอ้พี่หมัย หะ...ให้จะ...จับ อะ...อะไร อ่ะ”
“ดูดิ”
“ไม่! ไปห้องน้ำเลยไป”
“หึ เมื่อกี้ล่ะยั่วนัก เก่งแต่ปากจริงๆ กวิ้นกวิ้น ตอนที่กูไปเข้าห้องน้ำ มึงก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อย”
ไอ้กวิ้นหน้าแดงซ่าน พยักหน้าหงึก “อื้อ”
คืนนี้คงเป็นคืนที่ไอ้กวิ้นหัวใจเต้นแรงมากกว่าคืนไหนๆ ...และเชื่อว่าต่อให้อีกหลายสิบปี มันก็คงลืมคืนนี้ไม่ลง...
.............................................TBC...................................................
ใกล้จบแล้ว ฮี่ๆๆ ไม่รีบร้อนเนอะ >_<
เจ้ากวิ้นน้อยคล้อยบินสู่เวหาาาา เจ้าถลาเล่นลมเพลินฤดี บินบินถลาถลาเล่นลม บินล่องบินลอยยยย