- บทที่ 36 - เอ๋? - “รู้สึกเหมือน... ไม่เจอนานจนกูจะลืมหน้ามึงแล้วนะ” มะนาวโดนขยี้หัวแล้วจับโยกไปมาอย่างเอ็นดู
คือ...
ความรู้สึกของผมตอนนี้คืออยากถอยหลังไปสักสามก้าวแล้วหันไปถามคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ว่าผมตื่นอยู่จริงรึเปล่า
“ปกติออก ตอนพี่เรียนก็ไม่กลับบ้านเป็นเทอมๆ”
“จำได้ด้วยเหรอ ตอนนั้นมึงเพิ่งจะแปดเก้าขวบ”
“จำได้ดิ เออพี่ นี่แม็ต ข้างรหัสนาว”
“สวัสดี ครับ” ผมพูดเสียงอ่อย
ระหว่างที่มะนาวแนะนำผม สายตาของพี่แกก็หันมาสบตากับผม
“อ้อ รูมเมทมึงอ่ะนะ ตัวจริงดูสูงกว่าในรูปอีกนะเนี่ย” แล้วพี่เขาก็ ยิ้ม
ยิ้มมุมปากของพี่มันแทบฆ่าผม แววตาจ้องตรงมาเหมือนกำลังสแกนไปถึงตับไตไส้พุง ทำผมแทบหยุดหายใจ ทำไมไม่พูดไม่ถามอะไรเลย เงียบๆแล้วยิ้มแบบนี้ มันยิ่งตื่นเต้นและโคตรน่ากลัวเลยครับคุณพี่ครับ
“รูปไหน?”
“รูปในมือถือมึงไง”
“พี่แอบดูมือถือผมเหรอ?!”
“เปล๊า มึงแทบไม่กลับบ้านจะไปดูตอนไหนได้ แต่ กูดูผ่านไอคราวที่บ้าน”
“เฮ้ย!”
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่น ดูในเพจคิ้วบอยต่างหาก ลงรูปพวกมึงบ่อยจนกูต้องตามไปฟอลโล่เลย”
“พี่แม่ง”
“เออ แล้วนี่กินไรกันยัง ไปหาอะไรกินกันมั้ย พี่เลี้ยง”
“คงต้องเอาไว้คราวหน้านะพี่ ซื้อตั๋วหนังไว้ มัวแต่คุยได้เวลาแล้วเนี่ย ผมไปนะ เจอกันที่บ้านๆ” มะนาวดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือผม แล้วทำเป็นดึงผมให้เดินไปทางโรงหนัง
“เอ่อ... หวัดดีนะครับพี่ พี่ยม” ผมพยายามทักทายให้เป็นปกติที่สุด เผื่อเขาจะคิดว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรและจำเขาไม่ได้...
...ไม่เหรอ ไม่มีทางเหรอที่เขาจะจำผมไม่ได้
ก็ได้ ผมยอมรับก็ได้ว่าเขาจำผมได้แน่นอน T T
ผมโดนดันให้เดินไปต่อไป มะนาวจับไหล่ผมไว้เป็นเชิงบอกว่าให้เดินไปอย่าหยุด อย่าหันกลับ เดินอย่างเดียวพอ
“ทำไมไปบอกพี่แบบนั้น กว่าหนังจะเข้าอีกตั้งชั่วโมง”
“มึงนี่”
“โกหกไม่ดีนะ”
“ยังไม่รู้ตัวอีกนะ ให้มึงอยู่กับพี่กูก็ไม่ดีเหมือนกัน”
“อ้าว”
“ไม่ไว้ใจแม่ง” เขาเริ่มออกเดินข้างผม พร้อมกับพูดประโยคนี้ มันเลยเหมือนมะนาวจะพูดกับตัวเองมากกว่าว่าผม แต่เพื่อความแน่ใจ
“ไม่ไว้ใจกู?”
“จะบ้าเหรอ พี่กูโน้น”
“ห้า ห้า ห้า” ผมหัวเราะแกนๆ
ผมรู้อยู่แล้วว่ายังไงๆ ก็จะต้องบอกมะนาว แต่จะบอกยังไงล่ะ? ควรพูดยังไง? “จะว่ายังไงดีล่ะ” มะนาวหันมาสบตาผม มีคำถามส่งผ่านมาในแววตา บอก ผมจะต้องบอกเขา “จะบอกว่า... ไม่ทันแล้ว”
“อะไร? ยังไง?” เขาหยุดเดินอีกรอบ เล่นเอาผมเบรกตามแทบไม่ทัน
“คือ ตอนรอมึง พี่มึงเข้ามาทักกูแล้ว”
“ให้ไลน์ไปรึเปล่าหรือเฟส หรือเบอร์”
“เปล่า เปล่า ไม่ได้ให้”
“เป็นไปได้ไง?”
“ไม่ได้ให้จริงๆ”
“อันนั้นกูเชื่อ แต่กูงงตรงที่มึงใช้วิธีไหนปฏิเสธไปได้วะ พี่กูตื้อจะตาย”
“เพราะ กูอ้างไปว่า คือ... กูรอแฟนอยู่”
“...” มะนาวหันมามองหน้าผม ก่อนเบือนหน้าไปยิ้มกับร้านรวงข้างทาง
นี่ ไม่ใช่เวลามาเขินนะ
“พี่มึงมาทักอีกรอบเมื่อกี้ เห็นกูอยู่กับมึงคงรู้ไปแล้ว คือ มึงจะแย่รึเปล่าที่เขารู้” ที่ผมห่วง ไม่ใช่แค่จะบอกมะนาวยังไง แต่ผมห่วงว่าพี่มันจะคิดยังไงด้วย ถ้าเขาไม่ยินดี ถ้าเขาไม่โอเคมะนาวจะอยู่ยังไงวางตัวยังไง เรื่องครอบครัวมันละเอียดอ่อนเกินกว่าจะพูดหรือทำอะไรตามใจ
“ไม่เป็นไรหรอก พี่กูไม่ว่า”
“ทำไมล่ะ? ทั้งที่กูเป็นผู้ชายเนี่ยนะ ไม่มีทางที่คนเป็นพี่จะเฉยๆ ได้แน่” ผมยังพูดไม่จน แต่มะนาวก็ไม่ปล่อยให้ผมพูดต่อ
“มึงคิดว่าที่พี่กูมาขอไลน์มึงเพราะคิดจะแกล้งมึงและกู แค่นั้นจริงๆ รึไง?”
“อ้าว แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ใช่ กูรู้จักพี่กูดี เขาเอาจริง เขาขอจริงๆ อย่างมึงอ่ะสเปคเขา อย่าเข้าใกล้พี่กูอีก พี่กูแดกมึงขึ้นมา อย่าหาว่าไม่เตือนนะ”
อ่ะ! อ้อ
“หึงเหรอ?”
“แล้วได้ไหมล่ะ” มะนาวถามกลับทำหน้าจริงจัง มันทำให้ผมควบคุมแก้มไม่ได้เลยผมยิ้มจนรู้สึกมองอะไรไม่ชัด “ยิ้มอะไรของมึงตาเป็นขีดแล้ว” เลยโดนพึมพำบ่นเบาๆ กับมีหลังมือตีกระตุ้นให้เดินต่อ
“แน่นอน” ผมวาดแขนเกี่ยวคอเขามาเดินคู่กัน
“อย่าเกี่ยวแน่นได้ไหมเนี่ย” เขาพยายามแกะมือผมออก แต่ผมรู้เขาแค่ทำแก้เขิน
“ทำไมต้องหน้าแดง”
“พูดมาก เงียบไปเลย”
“ยิ้มมมมม”
“หุบยิ้มไปด้วย” ผมเลยต้องทำลอยหน้าลอยตาอมยิ้มให้เด็กในรถเข็น ยิ้มให้พื้น ยิ้มให้เพดานแทน
เราเดินรอบห้างแบบไร้จุดหมายต่อไปเรื่อยๆ ประเด็นอย่างนึงคือหนีให้ไกลพี่มัน จนในที่สุดก็เหนื่อย เปลี่ยนเป็นนั่งกับที่ รอเวลาหนังฉายแทน
“พี่จะไม่ว่าอะไรจริงๆ ใช่ป่ะ”
“ไม่หรอก บ้านกูไม่ซีเรียสเรื่องนี้อยู่แล้ว ยิ่งอิพี่ยมเนี่ยคบผู้ชายมาตั้งแต่มัธยม จะมีสิทธิสั่งห้ามกูคบกับมึงได้ไง”
“ตั้งแต่ ม.ปลายงี้เหรอ?”
“ใช่ นั่นก็สิบกว่าปีมาแล้ว เปลี่ยนคนควงมาเรื่อยๆ เดี๋ยวผู้หญิงบ้างเดี๋ยวผู้ชายบ้าง อันนี้คือเท่าที่กูรู้นะ แล้วที่ไม่รู้อีกเท่าไหร่ คิดดู”
“ยังไงก็แล้วแต่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น บอกกูนะ ไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน กูเป็นห่วงมึง เข้าใจใช่ไหม” ผมพยายามบอกเขาทั้งคำพูด แววตา และน้ำเสียง ให้เขารู้ว่าผมจะอยู่ใกล้ๆเขาเสมอ ไม่ว่าเขาจะต้องเจออะไร
มะนาวมองมาที่ผม เขานิ่งไปไม่พูดอะไร สายตามะนาวกำลังมองสองตาของผมสลับกันไปมา
“แม็ต”
“หื๋ม?” ผมยิ้มมุมปาก รอฟังเขา
“วันนี้กูไม่กลับบ้านแล้ว”
“อ้าว กลัวมีปัญหาเหรอ?”
“เปล่า แต่กูมั่นเขี้ยวมึงมาก” เขาหันมาทำหน้าตาขึงขัง แต่คำพูดตรงข้ามกันเลย แถมยังป้องมือให้ผมเอียงหัวลงไปฟังเขากระซิบ
“อยากกัดมึงให้จมเขี้ยว”อ่า... ไม่ดูหนังแล้วได้ไหม ผมอยากกลับหอแล้ว
......................................................
“มึง” มะนาวเรียกผม ทำหน้าแบบ เซ็งเต็มที่ พร้อมกับโทรศัพท์ที่เพิ่งวางสายร้อนๆ ในมือ
ครับ เราดูหนังเสร็จ หาอะไรกิน แล้วก็กลับมานั่งเล่นเกมกันที่ห้อง นอนกายกันชิลๆ จนมืดค่ำ เมื่อกี้อยู่ๆมะนาวก็เด้งตัวขึ้นแล้วพูดหน้ายุ่ง ว่าพี่ยมโทรมาทำไมว่ะ คุยกันงุ้งงิ้งเป็นสิบนาที สรุปใจความจากที่ได้ยินคือ ไป ไม่ไป อะไรสักอย่าง
“เป็นไง”
“พี่ชวนไปร้านเหล้า”
“เอาดิ เดี๋ยวไปส่ง”
“มึงต้องไปด้วย”
“อ่า... เอาจริงดิ”
“เออ” มะนาวถอนหายใจเหนื่อยหน่าย “แม่งขู่ว่าถ้าไม่ไปจะมาหาที่หอ ไงๆ ก็ไม่ยอม ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว มึงโอเครึเปล่า?”
“ทำไมต้องไม่โอเคล่ะ ดีซะอีก พี่ชายมึงเลยนะ” ผมลุกขึ้น กะจะอาบน้ำแต่งตัว ไม่รู้นัดกันกี่โมงแต่นี่ก็มืดแล้ว ลุกเลยแล้วกัน
“พี่แม่ง เอาแต่ใจ” มะนาวห่อเหี่ยวไม่ไหวติง คงกำลังเซ็งที่เถียงสู้พี่ตัวเองไม่ได้
อืมมมม ผมว่า มะนาวไม่ได้เอาแต่ใจเพราะเป็นลูกคนเล็กแล้วล่ะ เหมือนว่าเขาจะเอาแต่ใจกันทั้งบ้านซะล่ะมั้ง
..
................................
“อย่าเข้ามานะ หยุดอยู่ตรงนั้นเลย”
“อะไร? ไอ้ท่าทางแบบนั้นน่ะ”
“แม็ตเล่าให้ฟังแล้วเว้ย ไม่ต้องเลย” มะนาวผลักผมให้หยุดอยู่กับที่ ตัวเองเดินนำไปประจันหน้ากับพี่ชาย
เพราะท่าทางยิ้มระรื่นเหมือนจะตรงมาทางผมเมื่อกี้ ไม่ต้องให้มะนาวเข้ามาขวาง ผมก็จะหยุดเองอยู่แล้ว ถึงรู้ว่าจงใจแกล้ง แต่ผมก็ยังกลัวเขาอยู่ดี
เราคุยกันแล้วก่อนออกมา หรือก่อนลงรถก็ยังพูดเรื่องนี้อยู่ ว่าพี่ยมเป็นคนยังไง ทั้งเปลี่ยนคู่บ่อย เจ้าชู้เจ้าบทบาทและของไม่เคยขาด ทั้งหมดทั้งสิ้นรวมอยู่ในตัวเขาคนนี้ พี่มะยม
อย่างตอนวนรถเข้ามา มะนาวชี้ให้ผมดู พี่ยมกำลังต่อบุหรี่จากผู้ชายอีกคนตรงเก้าอี้นั่งพักหน้าร้าน แน่นอนมันเป็นท่าเอียงหน้าเข้าหากันแบบห่างกันไม่ถึงคืบ จอดรถแล้วไอ้น้องตัวดีก็ยังไม่ยอมลงจากรถ รอดูและนินทาพี่ตัวเองอยู่ในรถจนเขาแลกกันกดมือถือ จนอีกฝ่ายสูบบุหรี่หมดและจากไปด้วยยิ้มทิ้งท้ายแฝงความใน
อะไรจะแพรวพราวปานนั้น…
หลังจากนั้นสักพัก เราลงรถและเดินอ้อมมาหน้าพี่ยมทำเหมือนเพิ่งมาถึงสดๆร้อนๆ เขาเห็นเราก็ดับบุหรี่ ลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินเข้ามาหาผมเมื่อกี้ จังหวะที่มะนาวพุ่งเข้ามาขวางให้
กลับมาที่ปัจจุบัน
“พอรู้ว่าจะเจออีกถึงเล่าให้ฟังงั้นสิ?”
“ไม่ใช่ บอกตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วต่างหาก”
“หื๋อ? จริงดิ” พี่มะยมมองผมอึ้งๆ แบบอึ้งมากๆ จนทำให้ผมประหม่าละสงสัยว่ามันแปลกขนาดนั้นเลยเหรอกะแค่คุยกับแฟนเนี่ย?
“เออ อย่าคิดว่าทุกคนจะเหมือนตัวเองดิ” มะนาวตอบกลับใส่พี่ชาย
“โอเคๆ มันไม่เหมือน” เขายิ้มให้ผมกับมะนาว ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาข้างหูมะนาว ซึ่งมันคือตรงหน้าผมพอดี “แต่รู้อะไรไหม มึงอ่ะ...เหมือนกู” ยิ้มที่มุมแก้มเหมือนมะนาวไม่มีผิด แต่ดูเจ้าเล่ห์กว่าสิบเท่า ร้ายกว่าร้อยเท่า
พี่มะยมค่อยๆถอยกลับไปยืนล้วงกระเป๋าปกติ สองคนพี่น้องสบตากันนิ่งๆ ผมไม่รู้มะนาวทำหน้ายังไงอยู่ตอนนี้ รู้แค่ว่าไม่ได้กำลังยิ้มอยู่แน่ๆ
“ไม่มีทาง”
“หึ จุ๊ๆๆๆ” รู้สึกว่า มะนาวกำลังโดนพี่ตัวเองกวนตีนยังไงไม่รู้
มะนาวทำหน้ายุ่งถอนหายใจสั้นๆ หันมาทางผมสลับกับพี่ตัวเอง
มะนาวเขาไม่ใช่คนที่จะทนกับอะไรแบบนี้ได้นานหรอก ยิ่งเป็นพี่ชายคนกลางคนนี้ที่เล่าวีรกรรมแต่ละอย่างออกมาแล้ว ผมสรุปได้เลยว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องประเภทที่ตีกันอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นพี่ดูเหมือนจุดเดือดมะนาวจะต่ำมาก แล้วมาเจอแบบนี้...
“ถ้าจะมาเพื่อพูดแค่นี้ งั้นกูกลับ”
“โอ๋ๆ ไม่แหย่แล้วๆ ป้ะๆ เข้าร้านๆ แหมล้อเล่นแค่นี้ทำมาจริงจัง”
“เล่นพ่อง”
“พ่อเดียวกันสัสนี่ ลืมเหรอ?”
“ก็มึงอ่ะ”
ความเจ้าชู้มันไม่ได้สืบทอดกันทางพันธุกรรมหรอก
ใช่ไหม?
ใช่รึเปล่าครับ?
ใช่ ใช่ไหมครับ
ผมกำลังเหม่อๆ เอ๋อๆ เหมือนหลงไปโดนมนต์สะกดจิตของพี่ยมจนจิตตกไปชั่วขณะ แต่ตอนที่มะนาวกำลังโดนเกี่ยวคอลากเข้าร้านเขาก็หันมา เราสบตากัน
ในแววตาโตใสของมะนาวสะท้อนภาพผม ชัดเจนแม้อยู่ในแสงน้อยนิด ความรู้สึกตอนที่เขามองมาดึงผมออกจากภวังค์ได้ทันเวลา
ผมพยักหน้าเบาๆ ยิ้มนิดๆอย่างไม่รู้ตัว และเดินตามพวกเขาเข้าร้าน
“พี่มาถึงก่อนทำไมไม่เข้าร้าน”
“ติดลม”
“เห่อะ”
“เห้อะอะไรๆ กูคุยงานอยู่ข้างนอกเว้ย อีกอย่าง ไฟสว่างเห็นคนเดินผ่านไปผ่านมาชัดดี อื้ม” พี่ยมทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามพวกผม เขามองไปรอบๆ ในร้านค่อนข้างกว้าง แต่เพราะแสงน้อย ตอนนี้เริ่มมองไม่ออกแล้วว่าใครเป็นใคร “ต้องเล็งไว้ก่อน เข้ามาจะได้ไม่พลาดเป้า”
“แล้วเล็งได้กี่คน”
“สองสามคนเอง”
“...”
“ถ้าจะเงียบแล้วทำหน้าแบบนี้ ด่ากูตรงๆ เลยก็ได้มั้ง”
“ได้เหรอ? ได้!” มะนาวกำลังอ้าปากตั้งท่าจะทำตาม แต่พี่มันก็ไวกว่า
“กูประชด!” ยกที่หนึ่งจบตอนที่พนักงานเดินมารับออเดอร์
สามทุ่มเราก็มาเจอพี่ยมตามนัดที่ผับแห่งนึงที่เราไม่เคยมา ทั้งที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหอเท่าไหร่ แต่บรรยากาศข้างในต่างกับร้านที่เคยนั่งมาก คุมโทนสีเข้มกับสีโลหะ บวกกับไฟสลัวแทบมองไม่เห็นทาง นี่ถ้าไม่มีเสียงเพลงกล่อมชวนฟัง มะนาวคงดึงเสื้อผมแทบขาดเพราะกลัวผีโผล่มา
“เอ้อ โจ๊กอยู่รึเปล่าน้อง” พี่ยมเอ่ยถามพนังงาน
“ปกติถ้าเข้าร้าน จะมาสี่ห้าทุ่มครับ แต่วันนี้จะมาไหมผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“อ้อ โอเค ขอบใจมาก”
“ครับ ออเดอร์รอสักครู่นะครับ”
“โจ๊กนี่ใครอ่ะ?” มะนาวถามกลับมันทีที่เด็กร้านหันหลังออกไป
“รุ่นน้อง เป็นหุ่นส่วนร้าน”
“ร้านโคตรใหญ่อ่ะ ต้องรวยแน่ๆเลย”
“ก็นิดนึงมั้ง เห็นมันมีหลายร้าน ไง” พี่ยมหันมาทางผม ได้จังหวะเข้าเรื่องทันที “แนะนำตัวสิเราน่ะ”
“ผมแม็ตครับฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับพี่...มะยม” ท้ายประโยคผมเริ่มจะพูดไม่เต็มคำ เพราะสีหน้าพี่แกเปลี่ยนจากนิ่งๆ เป็นหรี่มองอย่างจับผิด ก่อนจะกลับไปทำท่าสบายๆ เหมือนเดิม
“แฟนเก่าสวยไหม?”
“แฟนเก่า?” หา? อะไรนะ ผมได้ยินผิดรึเปล่า?
“หรือถามผิด ต้องถามว่าหล่อแค่ไหนจะถูกกว่างั้นเหรอ”
“อ้อ”
“อ๋อก็ตอบสิ”
“ไม่มีครับ ผมเลยไม่รู้จะตอบยังไง”
“เหรอ แล้วคนนี้ใคร” พี่มะยมยื่นมือถือที่น่าจะเป็นรูปแคปจากหน้าเว็ปเลื่อนๆให้ดู ให้รู้ว่ามีหลายภาพ ผมจะก้มลงมองมือถือที่ว่างหงายอยู่บนโต๊ะ แต่มะนาวหยิบขึ้นไปดูใกล้ๆ แล้วก็เลื่อนดูทีละรูปช้าๆ เหมือนกำลังอ่านหัวข้อในแต่ละรูป
ผมไม่ได้ห่วงอะไรเท่าไหร่เพราะรู้สึกภาพมันคุ้นๆ หน้าเว็บก็คุ้นๆ คงไม่พ้น...
“นี่มันไอ้น้ำนิ หูว มีฟิกจริงๆ จังๆ งี้เลยเหรอพวกมึงเนี่ย”
“ก็ นิดหน่อย”
“เฮ่ยๆ รูปนี้กูเคยเห็นนิ”
“อื้ม ก็พวกรูปในเฟสนั่นแหละ หนุกนะลองอ่านสิ”
“อ่านได้ไงเล่านี่มันรูปที่ ‘ชาวบ้านชาวช่อง’ เขาแอบแคปมา”
ผมกับมะนาวคุยกันไปเรื่อย เป็นตุเป็นตะกันอยู่สองคน ไม่สนใจพี่มันไปพักนึง
“เฮ้ย นี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”
“ก็จะให้รู้สึกอะไร นี่ก็เพื่อนในกลุ่ม สนิทกัน กินข้าวด้วยกันทุกวัน มีแฟนแล้วด้วย อีกอย่างสเป็คมันไม่ใช่แบบนี้” มะนาวชี้หน้าผม “แต่เป็นแบบนี้ แบบนี้” มะนาวชี้ที่ตัวเองกับพี่มัน
ใช่ นายเข้าใจถูกแล้ว ไม่เสียแรงที่พาไปเจอพี่ทะเล
“เหอะ ไม่หนุกเลยพวกมึงเนี่ย” พี่ยมพ้นลมออกทางปาก ทิ้งตัวพิงโซฟากอดอกไขว่ห้างไม่สบอารมณ์
เป็นจังหวะที่พนักงานเอาเครื่องดื่มทั้งหมดมาเสริฟ มะนาวขอจัดการทุกอย่างเองเพราะคนนึงก็เจ้ามือ อีกคน(ซึ่งก็คือผม)ก็เป็นแขก
เราค่อยๆดื่ม เปลี่ยนบรรยากาศพี่มะยมถามถึงเรื่องเรียนกับเรื่องรับน้อง ตามประสาพี่ห่วงน้อง เพราะดูเหมือนเมื่อก่อนคณะวิศวะของที่นี่จะขึ้นชื่อเรื่องการรับน้องอยู่เหมือนกัน มะนาวเลยต้องมานั่งอธิบายว่าตอนแรกตัวเองก็กลัวแต่พอเข้าไปจริงแล้วมันไม่มีอะไรน่ากลัวหรือยากเลย
“งี้ก็มีไปกินกับที่คณะบ่อยเลยดิ”
“ใช่ มีอาทิตย์นึง 7 วัน กินกัน 6 วันไม่เหลือวันที่ไม่เมาแล้วขับรถกลับบ้านได้เลย”
“ใครเป็นคนบอกว่าถ้าเมาไม่ให้ขับรถกลับบ้าน เจ้เฟิร์นเหรอ?”
“กะก็” มะนาวตั้งใจจะตอบไปตามตรง แต่เหมือนคิดอะไรได้ เลยเหลือบมามองผมก่อนค้างอยู่อย่างนั้น
“ชิ้ มึงไม่ต้องพูดละ แม่งมั่นไส้จริงๆ”
“เอ้อ ไหนทีแรกบอกจะกินเบียร์ ทำไมสั่งเหล้า” กินมาตั้งนาน มะนาวเพิ่งจะคิดได้
“ก็เบียร์มันแดกไม่เมา เหล้ามันเมาดี”
“เมานี่มีดีด้วยเหรอ?”
“มันก็มีเสน่ห์ของมัน ใช่ไหมล่ะ”
“นี่เป็นพี่ประสาอะไร แทนที่จะห้ามน้องกินเหล้ากินเบียร์ ดันชวนเมาซะเอง”
“เอ้า ไม่ดีเหรอพี่แบบกูหาที่ไหนไม่ได้แล้วนะ แล้ววันนี้ ไม่เมาไม่ให้กลับด้วย”
“เลี้ยงใช่ป่ะ”
“แน่นอนสิครับ นี่กะมาเลี้ยงมึงเลย เมื่อเช้าเพิ่งปิดโปรเจคกรีนบิทไปอย่างสวยงาม”
“อ้าว งั้นก็ต้องให้ค่าแรงผมดิ ใช้งานเด็กจะแอด โหดร้ายชิบหาย นี่ มึงรู้มะ ตอนมอหกนะ แทนที่กูจะได้อ่านหนังสือยันสว่างเหมือนชาวบ้านชาวช่อง พี่กูนะใช้กูดราฟแบบเผางานจนหลับคาคอมแล้วนะ แม่งยังปลุกกูขึ้นมาเขียนต่อ เสร็จแล้วก็ต้องทำโมเดลตึกทรงประหลาดๆ ตอนนั้นกูสาบานกับตัวเองเลยว่าจะไม่เรียนถาปัต”
ความสามารถพิเศษของมะนาวคือใช้โปรแกรมของอินทิเรียได้ ผมจำไม่ได้ว่ามันชื่อโปรแกรมอะไรและอะไรบ้างที่มะนาวทำได้ เพราะทั้งบ้านเรียนแล้วก็ทำงานแนวเดียวกันคืองานพวกออกแบบแล้วก็ตกแต่งภายใน ของเล่นของเขาตั้งแต่ประถมคือคัตเตอร์กับแผ่นรองกรีดเขียวๆ งานอดิเรกคือขึ้นโมเดลบ้านและตึก อย่างวันนี้ก่อนกลับจากดูหนังเราก็ได้โมเดลหอไอเฟลมาต่อ มะนาวนั่งต่ออยู่ทั้งเย็นผมก็เห็นเขามีความสุขดีตอนที่อยู่กับอะไรพวกนี้นะ ทั้งที่ปากบ่นเบื่อๆๆ
“ขี้บ่นอ่ะ ก็มาเลี้ยงแล้วนี่ไง”
“ไม่เอา เอาเป็นตังดิ”
“ก็ได้ แต่ไปขอเบอร์คนมาให้ก่อน” ยิ้มแบบนี้อีกแล้ว พี่มันยิ้มอีกแล้วครับ ทำไมยิ้มของพี่มันสร้างดาเมจรุนแรงกับผมทุกครั้งไปนะ
“คนไหน?”
“ไม่ใช่แฟนมึงหรอกน่า”
เหอะ เหอะๆๆๆ ถึงจะพูดออกมาแบบนั้นก็เถอะ แต่ระหว่างพูดพี่ยมก็ปรายตามาทางผม สายตา กับท่าทางพี่ยมก็ยังคงทำผมรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ
“คนไหนอ่ะ?”
“คนที่นั่งคนเดียวตรงเค้าเตอร์โน้น”
“...” ผมกับมะนาวหันตามสายตาพี่ยมพร้อมๆ กัน เค้าร์เตอร์บาร์เครื่องดื่มหลากสีเรียงรายตั้งประดับหน้าบาร์สูงตรงนั้นมีคนนั่งอยู่คนเดียว ไม่ผิดคนแน่ คนคนนั้นเป็นผู้ชาย และที่สำคัญ พวกผมรู้จักดี
ผมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่แบบไม่รู้ตัว
“น่ารักอ่ะ นั่งคนเดียวตรงบาร์แบบนี้ด้วย กำลังอ่อยกูชัดๆ”
“เดี๋ยวนะ เขานั่งคนเดียวก็เรื่องของเขาป่ะ?”
“ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละ การที่มาที่แบบนี้แล้วนั่งหน้าบาร์คนเดียวมันหมายความว่าเขารอให้ใครสักคนเข้ามาทัก เหมือนยืนยันว่ามาคนเดียวจริงๆ ไรเงี้ย”
“ทำไมต้องคนนี้วะ เดี๋ยวนี้ชอบแนวนี้เหรอ”
“ได้หมดถ้าสดชื่นนนน”
“ไม่ได้เว้ย!” มะนาวตอบอย่างใส่อารมณ์
“เอ้า ไอ้น้องนี่ ยังไม่ทันลองเลย”
“หมายถึงคนเน้ ไม่ได้!”
“ทำมะ?”
“กูหวง”
“หวงพ่อง ผัวมึงอยู่นี่”
“จิ๊ ไอ้พี่ยม!” มะนาวเริ่มขึ้นเสียง แต่พี่ยมไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน ยังคงนิ่งๆเฉยๆไม่ถือสาที่น้องขึ้นเสียงเหมือนนี่เป็นเรื่องปกติของพวกเขา กลับกันเขากลับใจเย็นยั่วโมโหต่อด้วยเสียงยียวน
“หูยยย ดุจัง”
“พูดดีๆ พูดดีๆ”
“หวงทำไมครับ แฟนน้องก็นั่งอยู่นี่ พูดหวงคนอื่นไม่เกรงใจแฟนตัวเองมันจะดีเหรอ?”
สองพี่น้องโวยใส่กันเสียงดัง แต่ดูเหมือนคนพี่จะจับทางน้องได้ ไล่ต้อนให้มะนาวฮึดฮัดอารมณ์เสียอยู่ฝ่ายเดียว
“ไม่มีอะไรหรอกครับ นั่นพี่รหัสมะนาวครับ” ผมเฉลยเพื่อห้ามทับ
“อั๊ยย่ะ! แบบนี้มันเนื้อคู่กูชัดๆ”
“เห็นพี่มึงก็คู่ทุกคนอ่ะ ฟันแล้วก็ทิ้ง แล้วไง? แปปๆ ก็มีใหม่ กูไม่ให้พี่กูยุ่งกับคนอย่างมึงหรอกครับ”
“หา? แม็ต ช่วยพี่แปลหน่อย น้องมันเคารพพี่ รักพี่ หรือกำลังด่าพี่อ่ะ พี่งง” พี่ยมยกนิ้ววนๆข้างขมับ หรี่ตาเอียงหัวตั้งใจฟัง
แต่ที่แน่ๆคือไม่มีท่าทีหวั่นไหวกับอะไรที่มะนาวพูดเลยสักนิด รู้สึกเหมือนพี่แกจงใจจะแสดงท่าทางภูมิใจเพื่อกวนตีนกลับมาด้วยซ้ำ
“ยังเคารพพี่อยู่ แต่ก็อยากด่าด้วย แล้วก็รักพี่รหัสมันด้วย มั้งครับ”
“เชี่ย เด็ด กูยกมะนาวให้มึงเลย ในฐานะที่มึงแปลรหัสมอสของมันได้”
“ไม่ต้องลำบากมึงยกหรอก กูยกตัวเองได้” มะนาวยักคิ้วให้พี่ตัวเองอย่างมั่นอกมั่นใจ ผิดวิสัยที่ไม่ค่อนจะแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าคนอื่น มันแปลกจริงๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
ผมค่อยๆ ลำดับสำเนียง วาจา แววตา กับองศาที่ถือแก้ว... หรือว่า!
“เอามานี่” ผมคว้าแก้วมะนาวมาจิบ ผมนึกว่าเขามิกซ์ โซดาโค้ก แต่ที่ชิมมันไม่มีความหวานติดปลายลิ้นเลย นี่มันโซดาน้ำเปล่าเหมือนทุกที แต่ที่สีเข้มขนาดนี้ แม่งมอมตัวเองอีกแล้ว “เอานี่ไปเลย เดี๋ยวก็คุยไม่รู้เรื่อง” ผมยัดขวดน้ำเปล่าใส่มือมะนาว มีเสียงขู่ฟ่อเป็นแมวแยกเขี้ยวกลับมา
เขาก้าวข้ามความปกติไประดับหนึ่งแล้วครับ มะนาวคนใหม่กำลังมา มันเริ่มแล้ว
“หื้อออออ” มะนาวลากเสียงในคอยาว มือคว้าแก้วแต่คว้าไม่ถึง
นั่นไง คิดคำเถียงช้าไปสิบวิ ปากช้าลงจนดีเลย์
มะนาวโหมดชาร์จพลังเตรียมวาร์ปกำลังมา
“เพิ่งเริ่มเอง อย่ารีบดิ” ผมบอก พยายามยัดน้ำเปล่าให้เขา
“นานๆ พี่กูจะมาเลี้ยงถึงนี้นะเว้ย”
“ก็นานๆ จะได้คุยกัน ก็อยู่คุยนานๆ ก่อนดิ”
“เหรอ? ควรงั้นอ๋อ ไม่ใช่ว่าควรกินเยอะๆ เยอะๆ ให้คุ้มเหรอ”
โอ้ย ผมล่ะนับถือความตะกละของฟรีของมะนาวเลย
“ไม่ใช่ คุยก่อน แล้วเดี๋ยวพี่ก็ให้ตังด้วย จำได้ไหม?”
“เคๆๆๆ จำได้ๆ” มะนาวพยักหน้า ยกขวดน้ำเปล่าขึ้นซดอย่าง(กว่าจะ)ว่าง่าย
“เชื่อฟังผัวมากกกก ว่าง่ายสุดๆ เลยนะมึงเนี่ย”
“โอ้ะ แน่นอน พี่ดู! ดูหน้ามัน” มะนาวจับคางผม เอียงซ้ายเอียงขวาให้เห็นทุกมุม “นี่ เห็นแว่นนี้ไหม ไม่ใช่แว่นสายตานะคร้าบบบ ใส่ไว้พรางความหล่อเฉยๆ มา เดี๋ยวถอดแว่นให้ดู” มะนาวดึงแว่นผมไป
เอาเลยตามสบายที่รักจะพรีเซ็นยังไงเต็มที่ไปเลยครับ
“หึ” คิดแล้วก็ขำจนผมหลุดหัวเราะไปเล็กน้อย
“อย่ายิ้ม! เก็กไว้มึง” มะนาวดุผม ผมก็บ้าจี้ทำหน้านิ่งตาม เห็นอย่างนี้พี่ยมแกเลยหัวเราะจนตัวโยงแทน “ถอดแว่นแล้วเสยผมอย่างนี้นะ โคตรหล่อ แต่ไม่ให้ทำอ่ะ เอาลงๆ เอาแว่นกลับไปใส่ไว้ด้วย พอๆ เลิกเก็กๆ” มะนาวยีหัวผมจนยุ่ง แถมยังกดผมลงมาปิดหน้าผากเหมือนเดิม
“แม่ง จี้ว่ะพวกมึงนี่ น้องกูเมาแล้วเพี้ยน เพิ่งรู้”
“ใครบอก นี่ยังไม่เม้า”
“เอ้า เหรอ แล้วถ้าเมาจะเป็นไง? หึ?”
โปรดตัดภาพมาทางผมด้วยภาพสโลโมชั่น ผมโคตรเหวอหันไปมองหน้ามะนาว รูม่านตานี่เบิ่งกว่าขึ้นจนรู้สึกได้
โคตรกลัวคำตอบมะนาว เขาจะจำกัดความตัวเองยังไง แล้วจะพรีเซ็นตัวเองออกไปแบบไหน เพราะถ้าเขาพูดความจริงอย่างที่ผมเคยบอกเขาไป มันไม่ได้นะ อย่าไปบอกคนอื่นแบบนั้น แล้วที่สำคัญคนคนนี้เป็นพี่แท้ๆของมัน จะไปพูดได้ไงว่า ‘โคตรยั่ว’
แล้วคำตอบที่ออกมาจากปากมะนาว คือ...
“อืมมม ไม่รู้ว่ะ” ผมยังกลั้นใจอยู่ “แม่งตื่นมาจำอะไรไม่ได้สักที” เห้อ... โล่ง
“มันต้องรู้ตัวบ้างแหละน่า ว่าตัวเองทำอะไร”
“ทำ...” มะนาวละสายตาจากพี่ชาย “อะไร” เอียงหน้าเงยมามองผม “นะ”
“แปลว่าแฟนมึงต้องรู้ แม็ต มันเป็นไง”
“ก็ เสียงดัง ดีดๆโดดๆ แล้วก็... แบตหมดเอาดื้อๆ” ผมขอเล่าเฉพาะแค่ตอนที่อยู่ต่อหน้าสาธารณะแล้วกันนะ
“เสร็จแล้วก็วาร์ปใช่มะ”
“ถูกกกก ถ้าได้ที่ทีไรตื่นมากูจำอะไรไม่ได้ทุกที”
“รู้ตัวอีกที ก็มีผู้ชายนอนแก้ผ้าอยู่ข้างๆ ใช่มะ” มันไม่เหมือนประโยคคำถามมันเหมือนประโยคบอกเล่ามากกว่า
“มึงหมายถึงตัวเองรึเปล่า?” มะนาวตอบกลับไปทันที แต่มันพิรุธตรงจิบเหล้าไม่ยอมเอาแก้วลงสักทีเนี่ยแหละ
มะนาววววววว
“...” พี่ยมหรี่ตามองมะนาว
สงสัยเขาจะจับพิรุธกันอยู่
ครั้นจะให้ผมตอบกลับไปว่า ‘ถะถะ ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ’ ก็กระไรอยู่ ให้พี่น้องเขาพินิจใจกันเองไปแล้วกัน
“ไป ไปขอเบอร์พี่มึงมา”
“จิ๊ ไม่เว้ย”
“ไม่ของั้นก็เอามาเลย กูรู้มึงต้องมีทุกอย่างอยู่แล้ว”
“ม่ายยยยยยยย” แต่จู่ๆ มะนาวก็ลุกขึ้นยืน เดินออกจากโต๊ะ
“จะไปขอให้แล้วใช่มะ”
“เปล่า กูจะไปฉี่” มะนาวหันมายักคิ้วให้พี่ตัวเอง โคตรกวน
“ชิ รีบกลับ ไม่งั้นกูจะแดกแม็ตของมึงแทน”
“งั้นมึงไปฉี่กับกู” มะนาววกกลับมาคว้าแขนผม ทำท่าจะฉุดไปจริงๆ แต่พอได้ยินพี่ตัวเองพูดก็ยอมไปคนเดียว
“โว้ยยย กูล้อเล่น ไปๆ จะไปก็รีบไป”
มะนาวย่นหน้า เดินไปห้องน้ำที่อยู่ทิศเดียวกับเค้าร์เตอร์สูง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่แวะหวัดดีพี่รหัสตัวเอง ก็ถ้าพี่เทเห็นมันแล้วคิดขึ้นได้ว่าน้องไม่ทัก มันอาจจะโดนมิใช่น้อย
ผมเผลออมยิ้มเหลียวมองมะนาวจนสุดคอ ลืมไปเลยว่าคนที่นั่งตรงข้ามผมกำลังจ้องมองและเฝ้าสังเกตผมอยู่ทุกอากัปกิริยา
“ยิ้มอะไร?”
ง่ะ!
-----------------------------------------------------
TBC.
ครบ 100% แล้วจ้า
ตอนแรกลังเลมากจะให้ชื่อมะยมดีหรือหาอย่างอื่นดี คือชื่อมะยมมันทำให้นึกถึง นิยม กอบกู้ จาก ซิตคอมเป็นต่อ 5555 ซึ่งภาพลักษณ์ไม่ดีเอาซะเลย แต่คอนเซป 3 พี่น้องชายล้วนบ้านนี้คือขึ้นต้นด้วย 'มะ' เป็นผลไม้และมีรสเปรี้ยว ตอนที่จะลงก็ยังคิดไม่ออกก็เลย เลยตามเลย
เหลือพี่คนโต ใครว่ามะใหนน่าสนใจเสนอหน่อยๆ แต่ไม่เอามะม่วงนะ 5555
รอลุ้นกันนะคะเนื้อคู่พี่มะยมผู้ร้ายกาจดุจศักรินทร์ดาวร้ายเนี่ย นางจะได้คนที่เล็งไว้มั้ย
แต่อย่าเพิ่งด่าพี่เท พี่เทแค่นั่งเฉยๆ ยังไม่ได้อ่อยไม่ได้ทำอะไรเลย ไว้ทำค่อยด่าเนอะ (อ้าว) 55555 หมายถึงด่าคนเขียนๆ 555
ตอนหน้าเขียนยากอีกแล้วง่ะ รอกันก่อนนะคะ อย่าทิ้งเก้าน้าาาา