- บทที่ 30 - รับน้อง...สยองขัญ - “ตื่น แม็ตๆ ตื่น”
เช้าแล้วเหรอ?
ผมงัวเงียตื่นเพราะรู้สึกได้ถึงแรงเขย่า
ความรู้สึกหนักอึ้ง เหมือนความเหนื่อยล้ายังไม่หายไปอย่างกับยังไม่ได้นอนเท่าไหร่เลย คนสะกิดยืนอยู่ข้างเตียง ลืมตานิดเดียวก็เจอไฟจ้าส่องตาจนต้องปิดตาซ้ำ
อะไรเนี่ย ห้องมืด แล้วทำไมต้องใช้ไฟฉายส่องหน้า แสบตาแม่ง
“ตื่น ลุกๆ” อ้อ พี่ฟ้าน่ะเอง บอกให้ลุกด้วยท่าทางรีบร้อน แต่คือพี่ต้องเข้าใจคนหลับสนิทที่มันยังตื่นไม่เต็มไหมพี่ ลืมตายังยากเลย
“อะไรพี่ ไฟดับเหรอ?”
“เปล่า แต่ลุกก่อน”
ผมหันไปข้างตัว กำลังจะปลุกมะนาว แต่พี่ฟ้าคว้ามือผมไว้ก่อน
“ไม่ต้องปลุกมัน ออกไปทีละคน”
“หื๋อ? โอ้ย” ไฟ ไฟ จะส่องหน้าขนาดนี้ทำไมเนี่ย ตาผมจะดับแล้วพี่
“เออน่า ออกไปก็รู้เอง เดินไปรวมกับคนอื่นๆ ที่ริมหาดนะ”
มะนาวยังหลับสนิท หายใจสม่ำเสมออยู่ที่เดิมตอนที่ผมเดินออกจากห้อง กลัวว่าตื่นมาเขาจะตกใจน่ะสิ
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวก็ไปรวมกันนั่นหมดแหละ ว่าแต่ มะนาวหนักเท่าไหร่วะ?”
“หื๋อ?”
“ถามว่ามันหนักเท่าไหร่”
“58 ได้มั้ง ถามทำไมพี่”
“กูว่าจะแบกมันไป”
“ห่ะ”
“กูขอมึงแล้วนา มึงอนุญาตไง”
ผมพูดไม่ออก เถียงไม่ทัน ขอตอนไหน อนุญาตตอนไหน ที่บอกนั่นแค่บอก ไม่ได้ขอความเห็นผมเลยสักนิดเดียว คนอะไรเข้าข้างตัวเองขนาดนี้ ที่สำคัญ ที่พูดมานั่น
“เอาจริงดิพี่?”
“เออ แล้วห้ามมาหึงกูนะ”
ถ้าพูดขนาดนี้ผมจะทำอะไรได้ครับ...
ผมมองมะนาวอย่างเป็นห่วง มะนาวจะรู้ไหมว่าอยู่ๆก็ได้เข้าไปเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากละครของพี่ฟ้าอย่างไม่ตั้งใจหรือรู้ตัว แล้วผมที่รู้ทั้งรู้เนี่ยสิ ควรทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หรือร่วมมือให้มันจบๆไปไวๆดี
แต่ ไม่ดีกว่า ผมไม่อยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงด้วยเรื่องของคนอื่น...
ผมแปลกใจตั้งแต่เดินออกจากห้อง ในรีสอร์ทปิดไฟเกือบมืดสนิท ไฟหน้าบ้านแต่ละหลังปิดเกือบหมด มีแสงไฟฉายจากที่ต่างๆ มีเด็กปีหนึ่งเพิ่งถูกปลุกเหมือนผม ทยอยเดินออกมาจากห้องอื่นๆ
“ฮ้าวววว มึงก็โดนปลุกเหมือนกันเหรอ กำลังหลับสบายเลยแม่ง” ต่อข้างรหัสอีกคนของมะนาวออกจากบ้านพักหลังตรงข้าม ทักผมพร้อมๆ กับบิดขี้เกียจไปมา
“อื้ม” ผมหันกลับไปที่บ้านตัวเอง มะนาวจะตื่นรึเปล่านะ ปกติเขาจะไม่ตื่นกลางดึก ยิ่งเมาหน่อยๆแบบนี้ด้วยยิ่งตื่นยาก ผมสิเมาหนัก โดนปลุกกลางดึกแบบนี้มึนตึบเลย
“พวกพี่จะให้เราทำอะไรวะ”
“ไม่รู้เลย ไปดูที่หาดกัน” ผมชวนเขาไปที่หาย แต่ก็อดห่วงมะนาวไม่ได้ จะเป็นไรไหมนะปล่อยไว้กับพี่ฟ้าเนี่ย
ผมเดินไปกับต่อ ตามแสงเทียนที่ตั้งห่างๆไปเรื่อยๆ ก็เจอเพื่อนๆรวมกันอยู่ที่ริมหาด ริมหาดมีตะเกียงวางอยู่บนทรายเป็นวงกว้าง ปีหนึ่งที่สภาพง่วงซึมไม่ต่างจากผมรวมกันอยู่ในวงล้อมด้ายเส้นใหญ่ๆสีขาว แต่พอมาดูใกล้ๆ ถึงรู้ว่ามันคือวงล้อมสายสิญจน์ สีหน้าหลายคนตื่นกลัวและหวาดระแวง
“ปีหนึ่งเข้าไปรวมกับเพื่อนเลย” พี่เทยืนจัดแถวน้องๆอยู่ตรงทางเข้า
ผมนั่งรอเพื่อนๆที่เหลือทยอยมารวมกัน ผ่านไปนานก็ยังออกมาเรื่อยๆ อาการง่วงงงไม่ต่างกันเท่าไหร่ มะนาวก็ยังไม่มา ทั้งที่คนมากันจะครบแล้ว ใจผมไม่ค่อยจดจ่อกับบรรยากาศรอบตัวเท่าไหร่ ยังงงๆเพราะยังไม่สร่างเมาเท่าไหร่ แถมหันไปทีไรก็เห็นพี่เท ก็พาลคิดไปถึงพี่ฟ้าว่านานแล้วทำไมยังไม่ออกมา รวมไปถึงมะนาวด้วย ผมเลยนั่งเหม่อๆทำเป็นมองไปทางห้องพัก จริงๆแอบสังเกตพี่เทอยู่ห่างๆ
สักพักพี่เทเดินแยกไปจากกลุ่ม เขาเดินกลับขึ้นไปตามทางมืดๆ ทั้งที่ไม่เปิดไฟฉาย แต่ไปไม่ถึงไหนเขาก็หยุดเดิน
อ้อ พี่ฟ้าแบกมะนาวมานี่เองเขาถึงหยุด
แบกมาจริงอย่างที่ว่าไว้เลย
เฮ้ย! เดี๋ยวนะ หลับหรือตาย มะนาวววว โห ยังหลับอยู่ได้ยังไง โดนแบกหัวห้อยชี้ดินแบบนั้น แม่ง
พี่ฟ้าเดินผ่านพี่เทมาโดยไม่พูดอะไร ไม่สบตาด้วย พี่ฟ้าเดินตรงมาทางผม ก้าวข้ามสายสิญจน์ วางมะนาวลงข้างหน้าผม
“ข้างรหัสมึงแม่ง ไม่ยอมตื่น”
มันไม่ใช่คนตื่นยากนะพี่ สาบานว่าพี่ปลุกแล้วจริงๆ ไม่ใช่อุ้มมันออกมาเลย
“นาว นาว มะนาว” ผมเขย่าๆ ต่อเองก็ช่วย แป็ปเดียวมะนาวก็ตื่น
“หืม? เฮ้ย! อะไรวะเนี่ย?!” มะนาวตื่นและทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมที่แปลกไปด้วยความตระหนก คงรู้ทันทีว่ามันผิดปกติ
“มึงเดินละเมอออกมาจากเตียง กูเลยมาตาม” ผมอดแกล้งเขาไม่ได้จริงๆ เขาเหรอหราสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางวงทำให้ทุกคนหันมามอง
“ฮ่าๆๆ เออๆ มึงเดินละเมอออกมา กูเห็นแม็ตวิ่งตามมึงออกมาเนี่ย” ต่อรับมุขทันที
“น้ำจิ้มไหลแล้วมึงอ่ะ” พงศ์ทำสีหน้าจริงจัง
มะนาวเช็ดปากทันที แต่มันไม่มีไง
“เชี่ย เอาดีๆ กูมาอยู่นี่ได้ไง” มะนาวมองไปรอบๆ เกือบทุกคนกำลังมองมาที่เขา
“ไม่รู้ พี่ปลุกมารวมกันเนี่ย มึงดูเอาเอง”
“สายสิญจน์... อย่าบอกนะว่า ฐานวัดใจ” เขาเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ในหัวอย่างรวดเร็วแล้วพูดออกมาทันที ทุกคนเงียบลงทันทีเหมือนกัน เพราะเพิ่งนึกได้ว่าบรรยากาศมันไม่น่าหัวเราะเอาซะเลย
มะนาวพูดแค่นั้นก็นั่งตัวลีบหน้าซีดไปเลยครับ
สรุป ฐานนี้คือฐานช็อคจริงๆ ครับ มะนาวรู้จักซะด้วย ผมยังงงๆอยู่เลยด้วยซ้ำ เห็นเทียนเยอะๆตอนแรกนึกว่าบายศรี แต่พอเห็นสายสิญจน์ล้อมเป็นสี่เหลี่ยม จุดเทียนจุดตะเกียงอย่างกับหนังผีคิดแล้วว่าแปลกๆ เลยงงๆ มาเฉลยตอนคนออกมาครบ
พี่ๆบอกว่า เราจะไปล่าท้าผีกัน แล้วไม่ต้องกลัวเจอของจริง ไม่ใช่ไม่มีนะครับ แต่เจอทุกปีเป็นเรื่องปกติ กลัวไม่กลัวถ้าคนมันจะเจอก็เจอ เล่นเอาผมนี่ขนลุกเกรียว ส่วนมะนาวพงศ์แล้วก็เมแทบจะกอดกลมซะยิ่งกว่าลูกบอล ผมก็พอรู้อยู่แล้วนะว่ามะนาวกลัวผี แต่ไม่คิดว่าจะกลัวมากขนาดนี้
ส่วนผมผมจะไม่โกหกว่าไม่กลัว ความกลัวมีอยู่ แต่ไม่มากจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะยิ่งแสดงออกว่ากลัว พี่เขายิ่งจะแกล้งนะผมว่า ก็เลยพยายามเก็บอาการไว้
ก่อนไปนอนทุกคนต่างมีการพูดถึงเรื่องพี่โนอาก่อนนี้ กับเล่าลือถึงเรื่องผีหลากหลายจากในคณะหรือกระทั่งจากที่รับน้องตรงนี้ที่ฟังต่อๆ มา มันถูกถ่ายทอดซ้ำๆ แป็ปเดียวเรื่องที่ฟังมาก็กระจายสร้างความกลัวให้ทุกคนจนหลอนลืมง่วงกันไปหมด
บรรยากาศตอนนี้เงียบเพราะแทบไม่มีคนพูดกัน เย็นด้วยบรรยากาศลมบกพัดหวิวยามตีสอง เย็นจนชวนขนลุก
“พี่จะให้ออกมาทีละสองคน”
“โชคดีจัง ทำทีละสองคน” เสียงซุบซิบของพวกเรา หลายคนทำท่าโล่งอก
“ออกมาจับนี่ ลูกปิงปอง”
“เอ๋”“สีส้มไปทางขวา สีขาวไปทางซ้าย”
“อ้าว”“เดินเลียบหาดไปจนถึงโต๊ะที่มีเทียนตั้งอยู่ อ่านภารกิจ หยิบเทียนบนโต๊ะนั่นจุดคนละเล่ม เพื่อใช้ทำภารกิจ ลำพัง นะ เพียง คนเดียว”
“ฮรื้อออออ” เป็นเสียงโหยหวนเลยก็ว่าได้
“ทำเสร็จแล้ว ก็เดินตามแสงเทียนต่อไป จะมีพี่รออยู่ที่ปลายทาง รวมกันอยู่ที่นั่น รอจนเพื่อนคนสุดท้ายตามไปถึง”
“ไม่ไป”คู่แรกมีหน่วยกล้าตายอาสาลุยก่อน พอหมดพวกอาสาเมกับมะนาวถูกบังคับออกไปก่อนชาวบ้านเลยครับ เพราะอาการออกมากสุด ประกาศให้โลกรู้ชัดเจนว่าตัวเองกลัวขนาดนี้ พี่ๆจะไว้ชีวิตเหรอครับ
ตอนนี้ผมเป็นห่วงมะนาวมากกว่ากลัวแล้ว ทำไงจะได้ตามไปฝั่งเดียวกันเนี่ย ดูจากวิธีเลือกฝั่งเหมือนผมจะเลือกอะไรไม่ได้เลย
.............................
ผ่านไปสองคู่ ผมก็ได้เดินมาฝั่งเดียวกันเพราะบังเอิญหยิบปิงปองได้สีขาวเหมือนกัน
ภารกิจคือจุดธูปหนึ่งดอก เดินวนรอบศาลสามรอบ แล้วก็อื่นๆอีกนิดหน่อย สองสามขั้นตอน ผมมารู้ตัวว่าทำเสร็จเร็วกว่าปกติก็ตอนที่เดินถึงห้องรวมแล้วพี่ที่เฝ้าประตูบ่น
“ไวจังวะมึง ไปรอข้างในเลย”
ทำภารกิจเสร็จ ก็โดนไล่มาเก็บตัวแอบเพื่อนอยู่ในบ้านพักหลังหนึ่งท้ายๆ รีสอร์ท ดูเหมือนทั้งสองฝั่งจะมารวมกันอยู่ที่นี่ที่เดียว แล้วเมื่อกี้ผมจะลุ้นแทบตายให้ได้ฝั่งเดียวกันทำไมว้า
เข้ามาผมก็เห็นเขาทันที มะนาวรออยู่ในนี้จริงๆ ดูเหมือนเขาไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เห็นผม
แต่สิ่งที่ผมรู้สึกได้ กลับเป็นสีหน้ามะนาวที่ไม่ยิ้มรับหรือทักทายอะไรผมเหมือนปกติ เขาดูนิ่งๆ ซีดเซียว
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น เจอผีเหรอ” มะนาวนั่งพิงผนังอยู่ข้างๆเพื่อนอีกสองสามคน เดินเข้ามาใกล้ผมถึงเห็นว่าเขานั่งชันเข่า
“เปล่า”
“ใครทำอะไรให้รึไง” ผมพูดเหมือนหมายถึงรวมๆ แต่ในใจผมตอนนี้พี่ฟ้ามาอันดับหนึ่งเลยครับ
“ไม่มีใครทำอะไร กูแค่ล้ม”
มะนาวเหลือบตามองที่ขาตัวเองแล้วทำเป็นพับขาลง ผมจับไว้เปิดกางเกงดูเข่าเขา
อึก!
ผมตกใจมาก ใจดิ่งวูบ อยากโวยวายแต่ที่ทำได้ก็แค่ดูแผลแล้วทำหน้าสงสัย
“เจ็บมากเหรอ”
“ไม่เจ็บเลย แผลแค่นี้เอง แต่...”
“อะไร?” มะนาวลังเลที่จะพูด แต่ในที่สุดก็ค่อยๆอธิบายออกมา
“พี่เท อยู่ๆก็โวยวายว่าพี่ฟ้าทำกูล้ม มึงแกล้งน้องกูทำไม ไรเงี้ย แต่จริงๆ กูล้มของกูเอง” มิน่า ทำหน้าลำบากใจบอกไม่ถูก
“กูเชื่อ” มะนาวจะขาไม่มั่นคงตอนอยู่บนพื้นทรายหรืออะไรๆที่พื้นไม่เรียบ คราวที่แล้วก็ตกหินล้มหัวเข่าถลอก “แล้วมึงไม่ได้บอกพี่เทเหรอว่ามึงล้มเอง”
“บอกแล้วว่ากูล้มของกูเอง พี่ฟ้ามาช่วยต่างหาก”
“อ้อ แต่เขาก็ยังทะเลาะกันต่อ” ผมนึกภาพตาม ถ้ามะนาวคิดมากแปลว่ามันคงจบไม่สวย
“นั่นแหละ จนหายไปเนี่ย คงไปทะเลาะกันต่อ กูไม่อยากให้พวกพี่เขาทะเลาะกันเพราะกูเลยวะ เพื่อนกันนะเว้ย แถมเป็นเมทกันอีก”
“ถ้าเพื่อนกัน เรื่องแค่นี้เดี๋ยวก็เคลียร์กันได้ไม่ต้องห่วงหรอก”
“เนอะ กูไม่ควรคิดมากเนอะ”
แต่ว่านะ มันจะไม่ออกมาดีอย่างที่มึงหวังน่ะสิมะนาว เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเขาไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันไง ความสัมพันธ์ของเขาสองคนมันซับซ้อนลึกซึ้งกว่าคำว่าเพื่อนไปเยอะเลยล่ะ
“ไหนกูดูหน่อย”
“เมื่อกี้พี่ฝ่ายพยาบาลกำลังจะทำแผลให้แล้ว”
“อ้อ ทำแล้ว อ้าว แต่มันยังดูสดๆ” เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นตอนที่ผมเพ่งมองแผลดีๆ ใช่ เลือดซิบๆ รอยทรายติดรอบแผล ทุกอย่างดูใหม่เหมือนยังไม่ได้ถูกจับต้อง หรือแม้แต่ทำความสะอาด
“เออ พออีกคนบอกมึงกำลังมาเขาก็ทิ้งกูเลย”
“อ้าว?” นี่มันเหมือนกับว่า “ยังไม่ได้ทำ”
“เออดิ กูล่ะงง” ผมมองไปรอบๆ มีเพื่อนนั่งรออยู่รอบๆร่วมสิบคนแล้ว พี่ที่คอยเฝ้าพวกเราเป็นผู้หญิงทั้งสามคนเลย
“อ้อ เข้าใจและ” ผมลุกขึ้น กำลังจะไปเอากล่องพยาบาลมาทำแผล แต่ก็ถูกมะนาวดึงกางเกงไว้
“มึงแปลดิ้” ผมส่ายหน้าไม่ตอบ เดินต่อไปขอกล่องพยาบาลที่จงใจตั้งไว้เด่นเป็นสง่าอยู่บนโต๊ะพวกพี่ๆ เห็นนะว่าอมยิ้มกันทุกคน
เพื่อนที่นั่งข้างมะนาวเมื่อครู่ลุกออกไปนั่งกับเพื่อนที่เข้ามาใหม่ ตอนกลับมาผมเลยได้มุมส่วนตัวที่ห่างจากคนอื่นๆพอควร
“เขารอกูมาทำไง” ตอนที่ทำแผลเขาก็ยังกระวนกระวายสงสัยไม่เลิกผมเลยต้องเฉลยข้อสงสัย เข้าใจยากตรงไหนเนี่ย
“อ้อออออ เหอะ เหอะๆๆ” มะนาวทำหน้านึกขึ้นมาได้ ก่อนจะเผลอหันไปเจอสายตาฟินตัวแตกของพวกพี่ๆ จนต้องยิ้มแหยๆไปให้แก้เขิน
ผมทำแผลเสร็จ ยกกล่องพยาบาลไปเก็บที่เดิม พี่เขายิ้มหวานให้ผมแล้วกระซิบว่า
“น้องมะนาว น่ารักเนอะ”
พูดมาแค่นี้ ผมจะไปโต้ตอบอะไรได้มากมายล่ะครับ นอกซะจาก ตอบ “ครับ” แล้วยิ้มตบท้าย
“แล้วฐานเป็นไง เจออะไรไหม”
“ไม่อ่ะ ไม่เจอเลย โคตรกลัว แต่เงียบกริบ ไม่รู้กูกลัวอะไร แม่ง ล้มทีกูเลยเลิกกลัวเลย”
“เออ กลัวอะไรนักหนา”
“เออดิ ตอนนี้กูเริ่มกลัวความโง่ตัวเองมากกว่ากลัวผีแล้ว แม่ง”
“ฮ่าๆๆ”
เราคุยนั่นนี่กันไปเรื่อย เกือบชั่วโมงคนก็ยังทยอยมากันไม่หมด ลูกผมเริ่มพูดช้าลงๆ จนสุดท้ายเงียบไป หันไปดูอีกที มะนาวนั่งพิงกำแพงเงยหน้าหลับไปแล้ว
ผมเห็นท่านอนเขาแล้วมันทนดูไม่ได้จริงๆ มะนาวเป็นคนผอมๆ หน้าคม ผมยาวพลิ้วๆ หน้าเล็กโครงหน้าชัดและมีแก้มหน่อย ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์ แต่...
แต่!
มันต้องไม่ใช่ท่านั่งเหยียดขา แขนตกคอตั้ง เงยหน้าแล้วปากอ้าหวอซะขนาดนี้ อย่าว่าแต่แมงวันเลย ตอนนี้นกพิราบก็บินเข้าไปได้ โอ้โห ถ้ามีไฟสว่างๆหน่อยนะเห็นไปถึงลำใส้เล็กเลยล่ะ
เอ่อ...
ครับ เหอๆ
ผมเลยต้องดึงมะนาวให้เอนมาหลับอิงไหล่ผมแทน อย่างน้อยนอนคอตกๆ ถึงปากจะยังอ้าอยู่ก็มีผมของเขาบังไว้ได้บ้างล่ะว่ะ!
.............................................
เราเรียงแถวกลับมาถึงห้องพักตอนตีห้า ผมพอไหว แต่มะนาวสัปหงกไปหลายรอบเพราะนั่งรอนานมาก
พี่ๆ บอกเราว่าจุดประสงค์ของการออกรอบในครั้งนี้ คือให้เข้าใจว่า ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง...
จ๊ะ!
เล่นเอาไม่ได้นอนกันหมด อยากรู้จริงๆ ใครเป็นคนริเริ่มกิจกรรมแบบนี้
ยังดีที่พรุ่งนี้นัดเที่ยง
“ที่บอกแปดโมงทีแรกนั่นหลอก ไหนดูเข่าดิ้” พี่เทเดินตามเข้ามาในห้องนอนพร้อมๆ กันพวกผม
“ไม่เป็นไรพี่ ผมทำแผลแล้ว แผลก็เล็กนิดเดียว” ผมกะให้มะนาวเปิดไว้ตอนนอน แผลจะได้แห้ง
“ปิดแผลซะใหญ่โต กูนึกว่าขาขาดแม่ง”
“กันทรายเข้าเฉยๆ น่าพี่ แล้ว...” มะนาวลังเลที่จะพูดต่อ แต่ผมก็พอเดาได้ว่าเขาอยากจะถามอะไรกับพี่ตัวเอง
“นอนกันๆ ง่วงจะตายห่า แม่ง เหนื่อยชิบหาย”
พี่เทพูดต่อเรื่อยเปื่อย ถ้าเขารู้ว่ามะนาวจะถามอะไรนี่ก็เป็นการบ่ายเบี่ยงที่แนบเนียนเลยล่ะ
แต่แค่นั้นมันจะหยุดมะนาวได้งั้นเหรอครับ หึ หึหึ
“พี่... ฟ้า ล่ะครับ?”
ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองนะ พี่เทเงียบไปพักใหญ่กว่าจะตอบกลับมา
“ประชุม จริงๆ กูก็ต้องประชุมนะ แต่กู โดด”
“ไม่ใช่ๆ หมายถึง พี่กับพี่ฟ้า ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหมครับ ผมไม่อยากให้...” ผมทำเป็นหยิบโน้นจับนี่ ปล่อยเขาคุยกันไปสองคนไม่ได้ขัด
“ไม่มีอะไร กูก็โวยวายของกูปกติ ไม่รู้จักพี่รหัสมึงรึไง นั่นน่ะกูคุยกับมันแบบปกติ”
“เหรอครับ?” มะนาวดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ท้ายคำตอบรับแบบจำยอมของเขาผมยังเห็นแววของความสงสัยอื่นๆ ต่อไปอีก
“เออ คิดมาก รีบนอน กูปิดไฟเลยนะ”
พวกผมถูกบังคับให้นอนทันทีเพราะพี่เทปิดไฟจริงๆ ห้องมืดกับไอเย็นของแอร์ที่เปิดทิ้งไว้ แต่ผมกลับทำได้แค่นอนจับมือกับมะนาวใต้ผ้าห่ม ผมว่าผมขี้ร้อนนะ นี่มันก็เย็นไป...
มารู้สึกตัวอีกทีตอนกึ่งหลับกึ่งตื่น เสียง ตี๊ดๆ ของรีโมทแอร์ดังขึ้นหลายครั้งติดกันถี่ๆ เสียงของแข็งวางลงบนโต๊ะกับเสียงเดินลากเท้าเบาๆ อ้อมไปอีกเตียง
ผมคิดว่าพี่ฟ้ากลับมาแล้ว
“อ่ะ?! ไอ้...”
“ชู่ววว”
ในความเงียบนิ่ง แม้แต่เสียงเตียงยวบผมก็ได้ยิน เสียงเสียดสีของผ้าห่มยิ่งชัดเจน ลมหายใจทิ้งอย่างขัดใจของพี่เท รวมไปถึงเสียงอื่นๆ
ตอนนี้ผมนอนตะแคงหันไปทางมะนาว ก็คือหันไปทางเตียงพวกพี่ๆ มองข้ามหัวเล็กๆของมะนาวไป ก้อนผ้าห่มกลมๆค่อยๆนิ่ง และสงบลง
อื้ม... ดี ผมคิดว่าถ้าพี่ไม่นอนกัน ผมก็คงไม่ได้นอนไปด้วย
เห็นพวกเขานิ่งไปแล้ว ผมก็เลยปล่อยให้ตัวเองหลับบ้าง เรื่องจะตื่นเต้นที่เห็นเขานอนกอดกันนั้น ไม่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับความอิจฉาที่เกิดขึ้นในใจ อยากกอดคนของผมได้แบบนั้นบ้าง แต่มะนาวคงไม่ยอม
แต่เขาหลับไปแล้วนี่เนอะ เอามือไปวางบนเอวเขาซะหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
............................................
“โนอา ไปเปลี่ยนชุด”
“ไม่!”
“กลับไปเปลี่ยน!”
“พี่ยีนส์”
เอาจริงๆผมก็ตื่นสายๆ สิบโมงกว่าๆก็ตื่นกันแล้ว ไม่ได้เพลียอย่างที่คิด ออกมากินข้าวต้มเบาๆ หลายๆคนก็ลอยคลออยู่กลางทะเลแล้ว
ก็มันเป็นฟรีไทม์นี่นา มาถึงทะเลก็ต้องเล่นน้ำทะเล เมื่อคืนก็มีหลายคนอยากเล่นน้ำ แต่ถูกห้ามไว้ เพราะมืดมันอันตรายห้ามลงน้ำตอนกลางคืนเด็ดขาด
กินข้าวไม่ทันเสร็จดี ก็ได้ชมพี่น้องคู่เดิมก็ตีกันอีกแล้ว
“ม้ายยยยย เม ช่วยพี่ด้วย” พี่โนอากระโดดเกาะแขนเม แล้วเลื่อนไปจับมือกันแกว่งแขนร่าเริงเข้าขากันอย่างกับอะไรดี
“เปลี่ยนทำไม แบบนี้ก็สวยดีออก” พี่โนอาใส่เสื้อยืดสีขาวลายปิก้าจูตรงท้อง กับกางเกงกีฬาขาสั้น ดูก็รู้ว่าพร้อมลงน้ำ
“เนอะๆ”
พี่ยีนส์ทำท่าปวดหัว ผมว่าผมเข้าใจพี่ยีนส์นะ ผมก็มีน้องสาว ยกนี้ผมเข้าข้างพี่ยีนส์
ผมพอเข้าใจความสัมพันธ์ของสองสาวนี้แล้วละครับ พี่โนอากำลังใช้เมต่อรองต่างๆนาๆกับพี่ตัวเอง ส่วนเมก็ใช้ความสนิทสนมกวนตีนพี่ยีนส์
ผมรู้สึกโชคดีที่ไม่ได้เกิดเป็นพี่ยีนส์ แทคทีมกันมาขนาดนี้ มาดนิ่งๆหลุดลุ่ยหมดแล้วครับ โดนกวนประสาทตั้งแต่ยังมาไม่ถึง ได้ข่าวว่าทีแรกพี่ยีนส์จะตามมาทีหลังเพราะติดทำโปรเจค แต่โดนพี่โนอาห้ามไว้ว่าไม่ให้ขับมอเตอร์ไซค์ลูกรักมาระยอง พี่โนอาห้ามไม่สำเร็จเลยไปกระโดดเกาะแขนเมแบบตอนนี้เนี่ยแหละ เมพูดสองสามคำเรื่องก็จบลงด้วยผลลัพธ์คือพี่ยีนส์ต้องขับรถยนต์มาแทนการควบม้าเหล็กตามใจอยาก
เรื่องนี้พี่มี่แอบฟังแล้วเอามาเม้าท์ แล้วที่พวกเราไม่รู้ไม่เห็นอีกเท่าไหร่นะ เพราะเมน่ะ ถ้าเรื่องนี้มันแทบไม่พูด พงศ์กับมะนาวง้างปากเท่าไหร่ก็ไม่มีผล
“มันโป้ไม่เห็นเหรอ เสื้อขาวแบบนั้น ใครเขาใส่ลงทะเล”
“ฮื้อ” พี่โนอาทำตัวเล็กหลบหลังเม
“ไม่มีใครกล้าทำอะไรโนอาอยู่แล้วน่า” เมออกปากพูดแก้ตัวแทน “พี่แม่งดูอย่างกับ...”
“แล้วห้ามความคิดคนอื่นได้ไหมล่ะ รู้ไหมว่าเวลาคนอื่นมองในหัวพวกมันจะคิดอะไรอยู่บ้าง”
“นี่กำลังคิดเหี้ยๆ อยู่ตลอดเวลาแล้วคิดว่าคนอื่นจะคิดเหมือนตัวเอง?” เมพูดเสียงนิ่งๆ แต่ดูแล้วกวนประสาทที่สุด
“เฮ้ย”
เมไม่เถียงต่อ ถอดเสื้อเชิ้ตลายสก็อกสีเข้มของตัวเองออก แล้วใส่ให้พี่โนอา ติดกระดุมให้เรียบร้อยถึงคอ
“ใส่ไว้ กันหมาบ้า”
“ก็ว่างั้นแหละ ขอบใจนะเม” น้องสาวตัวแสบไม่วายแลปลิ้นปริ้นตาใส่พี่ตัวเอง ก่อนวิ่งลงทะเลไป “แบร่”
พี่ยีนส์ถอนหายใจ มองพี่โนอาวิ่งลงทะเลไป ตัวเองกลับถอดเสื้อยีนส์ของตัวเองแล้วโยนให้เม เพราะพ่อพระเอกที่ทำตัวหล่อเมื่อกี้ก็เหลือแต่เสื้อกล้ามสีดำแขนกุดตัวเดียว ยิ่งกว่าพี่โนอาเมื่อกี้อีก
“เราก็ใส่ไว้”
“เหม็น”
“ถ้าเหม็นก็กลับไปเอาเสื้อที่ห้อง เลือกเอา”
เมดึงลงมาใส่อย่างจำยอม มันดูตัวใหญ่เกินตัว จนปลายแขนเสื้ออยู่ที่ปลายนิ้ว
หลายคนกำลังแอบเอียงหูฟังบทสนทนาเหมือนกับพวกผม
“แม่งถ้ากูแซว มันต้องกลับไปเอาเสื้อที่ห้องแน่” มะนาวพูดขึ้น
“คิดเหมือนกันเลยบีหนึ่ง แต่ตอนนี้เป็นเวลาของทะเลว่าไหมบีหนึ่ง” พงศ์พูดก่อนลุกขึ้นหมุนตัววิ่งลงทะเลไป
เห็นมะนาวเองก็กำลังทำท่าจะถอดรองเท้าไว้ริมขอบปูน ผมก็นึกสนุกขึ้นมา
“มะนาว”
“อะไร?”
“ไปเปลี่ยนชุด” ผมล้อเลียนพี่ตัวเอง แต่ก็ระวังไม่ให้เสียงดังจนคนอื่นได้ยิน
“อะไรของมึง” มะนาวหันมายิ้มกวนตีน
“ชุดนี้ไม่ให้ลงทะเลนะ”
“เหอะๆ เหรออออ” รอยยิ้มท้าทาย
เขายิ้มกวน ก่อนจะดึงชายเสื้อขึ้นรวดเดียวหลุดจากหัว แล้วโยนใส่ผม ผมเอาเสื้อออกจากหน้าเขาก็วิ่งไปไกลแล้ว
“กูเปลี่ยนแล้วนะ”
ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจากถอดเสื้อตัวเองบ้าง แล้วเตะลอยชายหาดนำทางลงทะเลไป
“เล่นลิงชิงบอลกัน!”
เช้านั้นหมดไปกับทะเล ตกบ่ายเป็นกิจกรรมฐาน พงศ์ตั้งชื่อให้ว่ารวมฐานดิ่งลงนรก ผมขอไม่อธิบายตรงนี้นะครับเผื่อว่าใครจะมาเป็นรุ่นน้องผม จะได้ไม่รู้งานล่วงหน้า
แต่รวมๆคือสะบักสะบอมทั้งร่างกายและจิตใจ ตัวก็เมาแล้วยังต้องหัวเราะกันเองจนน้ำตาเล็ดน้ำตาไหล เหนื่อยจริงๆครับ
ขอแอบบอกว่าพี่ฟ้ามาขอกุญแจห้องจากผมไปสามรอบ สายๆรอบนึง เที่ยงรอบนึง ตอนกิจกรรมฐานก็ยึดยาว เพิ่งเอามาคืนตอนที่พวกผมต้องกลับไปอาบน้ำกัน
“กูไปเอาของ มึงอย่ามองด้วยสายตาแบบนั้น”
“ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลยพี่”
“กูรู้มึงคิดอะไร”
“ฮ่าๆๆ” พี่ฟ้าทำหน้ารำคาญผมเต็มที่ คงเบื่อที่ผมรู้ทันบ่อยๆ
“วันนี้มึงเห็นพี่กูกับพี่ฟ้าคุยกันบ้างยังว่ะ?” มะนาวถามผมตอนกำลังล้างทรายออกจากตัวก่อนกลับห้อง นี่ก็เย็นแล้ว หมดกิจกรรมช่วงกลางวันสักที
“หื๋ม?”
“ก็ที่เขาทะเลาะกันเมื่อคืนเพราะกูไง”
“ก็ ไม่เห็นนะ แต่เขาสองคนก็ดูปกติดีนี่นา”
“ปกติอะไร ไม่มีเข้าใกล้กันระยะสิบเมตรเลย”
“เรื่องชาวบ้านอย่าไปสนใจเลยน่า ป่ะ กลับห้องอาบน้ำดีกว่า จะได้ออกมาซ้อมการแสดง”
“มึง? ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย?”
หื๋อ? แบบนั้น แบบไหน
ผมยิ้มค้างแล้วจินตนาการสีหน้าตัวเอง ทำไมเหรอ แค่ยิ้มหน่อยๆ แถมตาเบลอๆ
“แปลกเหรอ? แค่ตาเยิ้มเพราะเมานิดหน่อยเอง” มะนาวหัวเราะคำตอบของผม เราเลิกมองหน้ากัน ต่างคนต่างเดินกลับห้องเงียบๆ
พออกห่างไกลจากผู้คน มะนาวก็พูดเบาๆแบบที่เราได้ยินกันสองคน
“มึง กูก็ว่า กูเมาว่ะ”
ผมได้แต่อึ้งทำตาโตมองมะนาวเดินนำไปข้างหน้า
พูดแบบนั้นแล้วยิ้ม คืออะไรว่ะ?
ผมออกเดินตามไปติดๆ เดี๋ยวไปถามต่อในห้องๆๆ
แต่
ความฝันของเราสองคนก็มลายหายไปทันทีที่เปิดประตูห้องพัก
เพราะ
มีร่างพี่เทนอนห่มผ้าหลับพริ้มอยู่ที่เตียงของเขา
โหยยย ไอ้พี่ฟ้า
ไหนมึงบอกไม่ได้ทำอะไรไง แล้วทำไมคู่กรณีมึงนอนหลับเป็นตายอยู่นี่ว่ะ!
----------------------------------------------------------
TBC.
หายไปนาน น้านนนนนาน
ขออภัยในความไม่แน่นอนของตัวเอง ตอนนี้กลับมาแล้วจ้าาา คิดเถิ้งงงง คิดถึง
ใครเคยโดนฐานช็อค ฐานวัดใจอะไรแบบนี้บ้าง เล่าให้ฟังบ้างงงง เจอของจริงกันบ้างมั้ย ส่วนตัวคนเขียนนั้น ไม่เคยเจอและไม่ขอเจอ 5555
ปูเรื่องไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้วที่ทุกคนยังไม่เมา จำได้กันไหม?(สองตอนแต่เวลาที่ลงห่างกันมาก เหอๆ)
ใครแวะไปรับน้องกับพี่อาทิตย์มาบ้าง กลับมาๆ ไปรับน้องกับพี่ยีนส์ของเราด้วย (ผมกำลังบอกตัวเอง T T )
ดูๆไป ความใกล้เคียงมีอยู่มาก ทะเลกับวิดวะ เว้นแต่รับน้องเรื่องนี้ไม่มีว้ากปน เล่นล้วนอย่าหาสาระได 5555
อ้อ รูปแบบเข้าห้องเชียร์ของเรื่องนี้ไม่ใช่ SOTUS นะคะ การรับน้องหรือดูแลน้องๆเฟรชชี่ปีหนึ่งนอกจากโซตัสแล้วยังมีอีกหลายรูปแบบ
หรือแม้จะบอกว่าเป็นนั่นเป็นนี่เหมือนกัน แต่เอาจริงๆก็ขึ้นอยู่กับคนที่นำไปใช้ว่าตีความหมายของมันออกมาและทำออกไปอย่างไร
ยากเนอะ 5555
อ้อๆ ตอนหน้าจะสยองของจริงล่ะ หึหึหึ
คิดถึงคนอ่าน
ฝากติฝากเม้นต์เหมือนเดิมนะคะ ยินดีรับทุกคำติชม ขอบคุณจริงๆที่ยังติดตาม