ต่อและค้าบ ตามสัญญา
***********************************************
“เคยกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำตรงลาดพร้าวซอยหนึ่งป่ะ” พี่เกียร์ถามหลังจากคืนจักรยานให้เขาแล้ว เดินทะลุสวนรถไฟกันออกมา ...ไกลนะคับ เดินยี่สิบนาทีน่าจะได้ บรรยากาศยามค่ำแบบนี้ โรแมนติกแบบน่ากลัวหน่อยๆไงไม่รู้
แอบมีไฟดับช่วงนึงด้วย มืดไปหมดเลย
“ไม่เคยอ่า” ตรงไหนหว่า
“โห เที่ยวบ่อยๆ ไม่เคยไปกินหรอ อยากกินป่ะ เดี่ยวพาไป” เที่ยวเสร็จก็ไปแต่ข้าวมันไก่ประตูน้ำอ่ะ
ไม่ก็ข้าวแกงหน้าสเวนเซ่นข้าวสาร
“ชอบมองเต้เป็นเด็กเที่ยว”
พี่เกียร์ยิ้มขำๆ อีกและ แล้วพูดต่อ “ไม่ต้องทำแก้มป่อง ไม่น่ารักหรอก ฮ่าๆ อ่ะให้เป็นเด็กเรียนก็ได้ พอใจยัง”
ประชดนะ ไม่พูดด้วยแล้วเฟ้ย
พี่เค้าคงรู้แกวผมล่ะมั้ง ก็เลยเดินนำลิ่วไปไม่ได้หันมาง้ออีก แล้วสักพักผมก็หายงอน เผลอพูดกับเค้าก่อนจนได้
“อีกไกลป่าวอ่ะคับ” ผมถามขึ้น เพราะเดินมาฝั่งตรงข้ามเซ็นทรัลแล้วก็ยังไม่พบเจอร้านที่ว่า
(เดินมาทั้งวัน เหนื่อยเป็นนะคร้าบ)
“ไม่หรอกคับคุณชาย เมื่อยหรอคับ” ฟังดูเหมือนจะใจดี แต่จริงๆแล้วหน้าตานี่กำลังประชดเสียดสีโคตรๆ
“อืม เมื่อย เดินมาทั้งวันแล้วนะ” ผมก็บ่นกระปอดกระแปด เดินๆไปตามยถากรรม
อยู่ดีๆ ไอ้พี่เกียร์มันก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาถาม “เดินไหวป่ะ”
ผมก็งงดิ หยุดเดินตามแล้วก็พยักหน้าหงึกๆสองสามที
“นึกว่าต้องให้ขี่หลังซะแล้ว” แล้วเขาก็เอาแขนขวามาคว้าคอผมไปเดินกอดคอซะงั้น
เหะๆ มันหยิวนะคร้าบ ปล่อยไอ้เต้เฮ้อ
แล้วไอ้ตัวเล็กก็ทำได้เพียงเดินตัวลีบๆเงียบๆภายใต้วงแขนและรอยยิ้มอารมณ์ดีของไอ้พี่เกียร์ ไม่นานก็มาถึง
คนเต็มร้านเลยคับ แค่เห็นสภาพคนมากมายที่ยืนรอคิวนั่งโต๊ะใจผมก็ร้องเรียกร้านป้าอาหารตามสั่งแถวหอแล้ว ฮือๆ ร้อนด้วย เมื่อยด้วย ไอ้พี่เกียร์บ้าเอ้ย พามาทรมาณจริงๆ คราวหลังไม่หลวมตัวมาด้วยและแมร่ง
หลังจากยืนรอสักพัก พี่เกียร์ก็เดินทางต่อไป...มีไอ้เต้เดินตามเหมือนคนเดินตามควาย เอ้ยน้องเดินตามพี่ หุหุ
“กินร้านนี้ดีกว่า” เป็นอีกร้านที่อยู่ใกล้ๆกัน เลยมานิดหน่อย อืม น่ากินดี มีเมนูเขียนไว้มากมาย ทั้งไก่ตุ๋น หมูตุ๋น หมูกรอบ หมูแดง ขาไก่ซุปเปอร์ สารพัด...
แหะๆถูกใจกว่าร้านเมื่อกี้นักแล ร้านเมื่อกี้เป็นลูกชิ้นซึ่งกระผมไม่ชอบเท่าไหร่
“จะกินไรอ่ะ” พอไอ้โต๊ะนั่งปุ๊บไอ้พี่เกียร์ก็ถามปั๊บ จะไม่ให้เวลากรูคิดเลยไงฟะ รมณ์เสียรอบที่เท่าไหร่ของวันวะเนี่ย
.
.
.
อืมมมม คิดๆๆๆๆ จนพี่เกียร์มันพูดกับพี่ที่รอจด
“ผมเอาเล็กยำน่องไก่ แล้วเดี๋ยวอีกชามเดินไปสั่งทีหลังคับ” อ้าว ไม่ให้กูสั่งก่อนล่ะ ผมเงยหน้าขึ้นมามองแบบงงๆงอนๆ แล้วพี่คนจดก็เดินกลับไปและ
ผมก็ยังคงเลือกไม่ถูก คิดอยู่ว่าจะกินไรดี อยากกินไปซะหมดเลยอ่า ของโปรดทั้งนั้น
“ตกลงกินไร เดี๋ยวไปสั่งให้” อิอิ ใจดีจัง
“เอา...เอ่อ...เส้นเล็ก ต้มยำ ใส่หมูสับ กับหมูแดง ไม่เอาผักโรย ไม่เอากระเทียม ไม่เอาถั่วงอก เอาเส้นน้อย
ไม่เผ็ดมาก” สั่งเสร็จไอ้พี่เกียร์ก็ทำสีหน้าเซ็งๆ บอกไม่ถูก
“ไปสั่งเองเถอะ” เอ๋าไหนบอกจะสั่งให้ ไรวะ อารมณ์แปรปรวนจริง ผมก็เลยลุกไปสั่งเอง แล้วกลับมานั่งที่โต๊ะ
“คนขายว่าไงมั่ง” พี่เกียร์พูดหน้านิ่งๆ
“จะว่าไงอ่ะ ก็รับออเดอร์เออๆออๆ” ถามแปลกๆนะพี่
“เค้าไม่ด่าหรอ” ไอ้พี่เกียร์พูดแล้วยังคงเอารูปปายขึ้นมาชมแบบไม่ค่อยสนใจผม โลกส่วนตัวสูงไปมั้ง
เวลากินข้าวเนี่ย มารยาทอ่ะมีมั้ย เงยหน้ามามองคนที่นั่งร่วมโต๊ะ คุยกัน สนทนาบ้าง แมร่ง ดูแต่รูป
“คนขายไม่ด่า แต่เต้จะด่า มานั่งกินข้าวกับผมแต่ดันดูแต่รูป เสียมารยาท”
“เหอะ...กับแฟนกูยังไม่สนใจเลย” พี่เค้าพูดแบบไม่ได้มองหน้าผม สายตายังคงเพ่งพิจารณษรูปถ่ายเหล่านั้นต่อ
“เค้าถึงทิ้งอ่ะดิ” ด้วยอารมณ์โมโหทำให้ผมปากมอม แหะๆ รู้สึกผิดมหันต์พอพูดจบประโยค
“อืม ใช่ สมควรแล้ว” พี่เกียร์ปิดอัลบั้มรูปปายและเก็บมันลงไปในถุงพลาสติกอย่างเดิม แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม พี่แกจ้องหน้าผมอยู่นานมาก ผมก็หลบมั่ง มองกลับมั่ง กลัวนี่คับ ไม่นาพูดแบบนั้นเลย เฮ้อ...ไอ้เต้หนอไอ้เต้
“เต้ขอโทษคับ” ผมตัดสินใจพูดออกไป แต่พี่เกียร์ยังคงจ้องมองผมด้วยแววตาเดาอารมณ์ไม่ถูกต่อ
“ตกลงมึงมีแฟนรึยังวะ” อ้าว สรุปโกรธผมหรือป่าวเนี่ย
“ยังคับ” ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ เวลาน่ารักก็ดูอ่อนโยนโคตรๆ เวลาผีเข้าก็เดาทางไม่ถูกเลยว่าตกลงคิดอะไร อารมณ์ไหนแน่ เกลียดเว้ยคนแบบนี้ อยู่ด้วยแล้ววางตัวลำบาก
“อืม” พูดจบแกก็หันไปหยิบแก้วน้ำมาดื่ม แล้วก๋วยเตี๋ยวก็มาวางตรงหน้าพอดี เขาไม่พูดไร ผมก็ไม่รู้จะพูดไร
ต่างคนต่างเริ่มลงมือโซ้ยชามใครชามมัน จนหมดก็ยังคงเงียบงัน
“เอาไรอีกป่ะ” พี่เกียร์ถามเหมือนไม่ต้องการคำตอบเท่าไหร่
“ไม่อ่ะ”
“เก็บเงินด้วยคับ” พี่เกียร์ตะโกนเรียก แล้วยื่นแบงค์ร้อยให้คนเก็บเงิน
“เลี้ยง” พอผมยื่นตังค์ค่าก๋วยเตี๋ยวผมให้ไอ้พี่เกียร์ก็ไม่รับ
“ค่าจ้างนายแบบ” เฮ้อ ในที่สุดพี่เค้าก็เลิกเก็กหน้าเหี้ยม หลุดขำกับผมสักที โล่งไปหน่อย
“ค่าตัวผมถูกจัง” ก๋วยเตี๋ยวชามไม่ถึงห้าสิบเนี่ยนะ อิอิอิ
“ต้องเลี้ยงกี่มื้อล่ะคร้าบ” พี่เค้าพูดแล้วคว้ากระเป๋ากล้อง เพื่อ...เดิน...ต่อ
“ล้อเล่นคับ แฮะๆ” ผมก็ได้แต่เดินตามไปต้อยๆ
.
.
“นึกว่าต้องเลี้ยงตลอดชีวิต”
เอ๊ะ หูแว่วป่าวหว่า อยู่ดีๆ เหมือนพี่เกียร์พูดคนเดียวตอนเดินมาจะถึงสถานีรถใต้ดิน
“จะกลับเลยป่ะ” เขาหันมาถาม
“พี่จะไปไหนต่อป่าวอ่ะ” ใจจริงอยากจะบอกว่า กลับเลยพี่ แท็กซี่ยิ่งดี ผมเมื่อยมากๆ แม่งเดินมาราธอน
“กลับเลยแล้วกันรู้ว่าเมื่อย” นั่น ดันแสนรู้ รู้ใจผมซะด้วย
“ก็ดีคับ” ผมยิ้มอายๆ ที่พี่เค้ารู้ทัน
แล้วเราก็เดินกลับไปหน้าเซ็นทรัลเพื่อขึ้นรถเมลล์กลับภูมิลำเนา
“เออเราเรียนfilmหนิใช่ป่ะ หนังเรื่องไรน่าดูมั่งตอนนี้”
พี่เค้าถามขึ้น สงสัยเพราะว่ารถมันกำลังผ่านหน้าเมเจอร์รัชโยธินอ่ะมั้ง
“ก็...หลายเรื่องคับ จริงๆเต้ไม่ค่อยชอบหนังแอคชั่นอ่ะ” มองไปเห็นป้ายโฆษณาหนังแอคชั่นฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดแปะหราหน้าโรงหนังเลย
“ชอบ ชุนจิ อิวาอิ ป่ะ”
(*เป็นผกก.ญี่ปุ่น เคยกำกับเรื่อง all about Lily Chou Chou)
“ชอบคับ เคยดู Lily Chou Chou อ่ะ” ผมตอบพี่เค้าไป
“เออ เคยดูโคตรชอบเหมือนกัน”
“ตอนดูครั้งแรกเต้ปิดก่อนด้วย จำได้ว่าหนังโคตรง่วง รอบแรกนี่หลับสนิท” ผมสารภาพ ถ้าใครเคยดูจะรู้ว่าหนังมันชวนง่วง แต่ยิ่งดูหลายๆรอบ กลับยิ่งตื่นเต้น
“เออ พี่ดูตอนที่ฉายที่ APEX ตอนนั้นยังวัยรุ่นง๊องแง๊งๆอยู่เลย (แสดงว่าตอนนี้แก่แล้วใช่ป่ะคับพี่ ฮ่าๆๆ)”
“เต้เกิดไม่ทันอ่ะ”
“อย่ามาๆ ห่างกันแค่ไม่กี่ปี” อิอิอิ หน้าพี่เกียร์เด็กนะคับ ถ้าแกไม่ไว้ผมเซอร์ รุงรังๆ แล้วแต่งตัวลุคแบบนี้
คงดูตี๋ๆเด็กๆ กว่าที่เป็น
ผมแอบขำในความพยายามทำหน้าเด็กๆใสๆของพี่เค้า ลึกๆแล้วก็ปัญญาอ่อนเหมือนกันนะคร้าบ
“พี่เกียร์อายุเท่าไหร่แล้วอ่ะ”
พี่เค้าหันมามองหน้าผมแป๊บ “เรา 20 แล้วใช่ป่ะ” เอ๋า แทนที่จะตอบอายุตัวเอง มาทายอายุคนอื่นซะงั้น
“ว่าเต้หน้าแก่หรอ 18 เฟ้ย” จริงๆก็จะ 19 และล่ะ
“อืม พี่ 20” อ่อ ที่แท้จะพยายามให้เค้าแก่ทันตัวเอง ไม่มีทางหรอกเฟ้ย
“แต่หน้าก็พอๆกันนะ” พี่เกียร์พูดต่อ
ผมต้องรีบปฏิเสธข้อกล่าวหาทันควัน “อย่าเนียนพี่ ถามกระเป๋ารถเมลล์ก็ได้ว่าใครหน้าเด็กกว่ากัน” อิอิอิ
“ระวังกระเป๋าตอบว่าเป็นเกียร์แล้วเต้จะพูดไม่ออกนะคับ” โหย ทำเป็นพูดเหมือนรุ่นเดียวกัน มั่นใจจังนะคร้าบ
“เหอะๆ เดี๋ยวถามให้”
ว่าแล้วไอ้เต้ก็ใช้ลูกบ้า สะกิดเด็กผู้ชาย ซึ่งน่าจะเป็นเด็กม.6 ไม่ก็ปีหนึ่ง รุ่นๆเดี่ยวกับผมนี่แหละ
“โทษคับ คือว่า นายคิดว่าว่าผมสองคนใครแก่กว่ากัน” ทั้งพี่เกียร์และไอ้หนุ่มนั่นก็เหวอพอกันคับ
“เอ่อ…” ไอ้หนุ่มนั่นลังเลอยู่นั่นแหละ เร็วๆสิวะ รอหัวเราะไอ้พี่เกียร์อยู่
“ผมใช่ป่ะคับ” เฮ้ย พี่เกียร์ขี้โกง แย่งพูดก่อนอ่ะ
“เอ่อ...” ไอ้นั่นยังใบ้แดกอยู่
“ตอบมาๆไม่ต่อยหรอก” ไอ้พี่เกียร์แม่ง ข่มขู่ศาลนี่หว่า
“ก็พอๆกันแหละคับ” พูดจบ หมอนั่นก็ยิ้มให้แล้วก็ลุกไปและลงป้ายตรงแยกเกษตรเฉยเลย ไม่รู้ถึงบ้านแล้วหรือกลัวไอ้บ้าสองคนนี้กันแน่
“เค้ากลัวมึงอ่ะเต้ ลงไปเลย”
“บ้าดิ ถึงบ้านแล้วมั้ง คงไม่ลงทุนขนาดยอมลงก่อนมั้ง หน้าผมก็ไม่เหมือนโจร มีแต่พี่อ่ะแหละ”
“เหอะๆ ไม่เหมือนโจรแต่เหมือนรุ่นเดียวกัน ฮ่าๆ” พูดเสร็จไอ้พี่เกียร์บ้ามันก็หัวเราะชอบใจใหญ่
“อยากเลี้ยงแฮมสเตอร์ป่ะ” หลังจากผมเงียบไม่พูดกับพี่เขาสักพักด้วยความหมันไส้ พี่เขาก็ถามขึ้นมาเอง
“ไม่”
“หรอ...ไม่คิดถึงไอ้แมคหรอวะ” พยายามทำเสียงให้ดูน่ารัก อ้อนสุดๆ แต่คำตอบที่ได้ยังคงเป็นคำว่า
“ไม่”
“ไรว้า มันรู้คงเสียใจแย่ แมคเอ้ย คิดถึงว่ะ” สงสัยใกล้บ้า พูดคนเดียวก็ได้ แถมยังทำท่าแหงนหน้ามองออกไปบนท้องฟ้าดำไม่ค่อยมืดนอกหน้าต่าง
“พี่กะจะหาตัวใหม่มาเลี้ยง เลี้ยงด้วยกันป่ะ จะได้เอามาเผื่อ” ดูดีเนาะ ไอ้คนรักสัตว์
“อืม เดี๋ยวก็เอามาตายอีก” อยู่กับคนบ้าๆบอๆแบบนี้ สงสารสัตว์โลกผู้โชคร้ายจริงๆ
“ไอ้แมคมันตายตอนอยู่กับเต้ไม่ใช่หรอ”
เจอคำพูดแบบนี้ เหมือนโดนด่าอ้อมๆไงไม่รู้แฮะ
“เอาน่ะ คราวนี้ช่วยกันเลี้ยงดิ มันจะได้ไม่ตายอีก” วุ้ย ช่างคิดสรรหาภาระจริงๆ
“พี่อยากเลี้ยงก็เลี้ยงไปเหอะ แต่ไม่ต้องเอามาฝากหรอก ไม่มีเวลาดูแลมัน”
“หรอ...อืม มันอยู่ตัวเดียวคงเหงาแย่เลยเนอะ” อย่ามาวุ่นวายกะกูได้ม้ายยยย กูไม่ชอบเลี้ยงสัตว์เว้ย
ไปเที่ยวแล้วต้องมานั่งห่วงหาอาทร
“ก็เลี้ยงสองตัวดิ ไว้ว่างๆจะไปช่วยเลี้ยง” ผมพูดตัดรำคาญ จะได้จบซะที ไอ้พ่อเรื่องเยอะ
“หรอ อืมๆ ไว้ไปเลือกด้วยกันนะ เพราะมึงต้องเลี้ยงด้วย เอาตัวไม่ถูกใจมาเดี๋ยวไม่อยากเลี้ยงมัน ฮ่าๆ”
เออ...ฝันไปเถอะ เข็ดแล้ว วันนี้เดินทั้งวัน ร้อนก็ร้อนเมื่อยก็เมื่อย
“คับๆ” ผมเออๆออๆไปแล้วก็ของีบละกัน เพลียเต็มที่แล้ว
กลับมาถึง 2047 ผมก็มาอาบน้ำ ออนเอ็ม ฟังเพลง พักผ่อน ส่วนห้องข้างๆยังคงเงียบสนิทเพราะไอ้พี่เกียร์มันแวะไปหาเพื่อน ไม่ได้ขึ้นตึกมาพร้อมกัน
“ดีคับ”
“ไง ทำไรอยู่เต้”
“เล่นเนทอ่ะ ใครอ่ะ”
ผมสันดานเสียตรงที่ไม่ค่อยชอบเมมเบอร์ใครไว้ ทำให้จำไม่ได้เวลามีเบอร์ที่ไม่เมมชื่อๆโทรมา
“บิวค้าบ ที่ขอเบอร์เต้วันก่อนไง”
“อ่อ” มีคนเดียวแหละ ไม่น่ารักขนาดมีคนมาจีบทุกวี่วันหรอกคับ
“ว่างอ่ะดิ อยู่ไหนอ่ะคับ”
“ห้องอ่ะ มีไรป่าวคับ”
“ก็ ว่าจะชวนไปเที่ยวอ่ะ เห็นว่าวันเสาร์” เหอะๆ เที่ยวมันทุกคืนเลยดีมั้ย
“ร้านไหนอ่ะคับ”
“วายฟิฟตี้ (Y50)” โห ร้านโปรดพี่นิวเลยอยู่ตั้งเอกมัย ไกลไปค้าบ
“ไกลอ่ะ ไว้วันหลังนะค้าบ ได้ป่าว”
“อ่า ได้คับ จริงๆให้ไปรับก็ได้นะคับ” จริงๆผมก็เหนื่อยมากคับ ไปไมไหวหรอก เมื่อคืนก็เมา วันนี้ก็โดนทารุณอีก
“แหะๆ เหนื่อยอ่ะคับ ไว้คราวหน้าและกันคับ”
“ค้าบ ได้คับ แต่คราวหน้าต้องมานะ หนุ่มน้อย ถ้ากลับไม่ดึกเกินเดี่ยวจะโทรมาหานะคับ”
เหอะๆ ไม่ต้องหรอกคับ อยากนอนแล้ววววว
“คร้าบผม เที่ยวให้สนุกนะคับ” วางสายไปแล้วมานั่งเล่นเนทต่อสักพัก ก็ขอตัวเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในเอ็มเอสเอ็นไปนอนดีกว่า ไม่ไหวแล้ว ฮ้าววววววว
.....................
...............................................
...Gear
“เป็นไงบ้างวะมึง” ไอ้ตงถามผม วันนี้ผมมานั่งเล่น กินเบียร์ แล้วก็ช่วยกันออกแบบงานกันนิดหน่อย
“เรื่อยๆว่ะ”
“ยังคิดมากอยู่ป่ะเรื่องพีช” มันคงห่วงผมน่ะคับ ช่วงนี้ผมก็โดดเรียนเยอะด้วย
“ไหวอยู่ว่ะ”
“เออ แล้วก็มาเรียนได้แล้ว หายไปหลายวัน เพื่อนๆอาจารย์เค้าก็ถามถึง”
“คร้าบ ท่านพ่อตง”
“แล้วนี่ย้ายกลับมาอยู่หอ ไม่เห็นบอกกูเลยวะ”
“กูก็เพิ่งย้ายมาไม่กี่วัน เพิ่งมาเจอมึงคนแรกเนี่ยะแหละ” ตั้งแต่ย้ายมาก็มาอยู่เงียบๆคับ ทำตัวล่องหนมาเกือบอาทิตย์
“กูก็นึกว่าไม่คิดไรแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากปาย เห็นมาเรียนปกติ อยู่ดีๆเสือกหายไปเฉยๆ”
“ที่จริงกูมีเรื่องอื่นด้วยว่ะ ที่หายๆไป” เรื่องพีชตอนนี้แทบไม่ได้คิดมากแล้วล่ะคับ
“เออ เดี๋ยวก็ดีเอง” ไอ้ตงมันจะไม่ถามผม ทุกครั้งมันจะคอยอยู่กินเหล้ากินเบียร์เป็นเพื่อน ถ้าผมไม่ไหวจริงๆ ถึงจะเล่าให้มันฟังผมนั่งดื่มเบียร์เงียบๆสักพัก อยู่ที่ริมประตูระเบียง ไอ้ตงนั่งทำงานกราฟฟิคในคอมต่อไปเงียบๆ
“กูรู้สึกแปลกๆกับผู้ชายคนนึง” ผมพูดกับมันไปตรงๆ สงสัยเพราะความเมานิดๆด้วย
“คือ มึงดันไปชอบผู้ชายใช่ป่ะ ไม่ต้องมาทำบอกรู้สึกแปลกเลยๆไอ้เหี้ย กูรู้ทัน” แม่งมันพูดได้ตรงสมชื่อจริงๆ
“ไม่รู้ กูยังไม่ได้ชอบแบบนั้น แค่กูรู้สึกดีเวลาอยู่กับเค้า”
“หึหึหึ”
“กูเพิ่งรู้ว่าชอบเค้าวันนี้เองนะเว้ย”
“เออ กูว่ากูจะได้เพื่อนเป็นเกย์และ” พูดเสร็จ แม่งก็หัวเราะเยาะผมใหญ่ สนุกนักนะมึง เดี๋ยวโดนตีน
“เหี้ย กูไม่ได้อยากเอาแม่งเว้ย แค่รู้สึกดีเฉยๆ”
“มึงเพิ่งอกหักมั้ง ได้เค้าปลอบก็เลยรู้สึกดี”
“ไม่นะเว้ย ไม่ได้ปลอบกูเลย แถมยังมีมาพูดแทงใจดำกูอีก” นึกแล้วแค้นจริงๆ ไอ้เด็กบ้า
“เอาวะ อย่าคิดมาก พามาแนะนำด้วยแล้วกัน ยังไงมึงก็เพื่อนกู” ฟังแล้วซึ้งคับ
ไม่คิดว่ามันจะง่ายเช่นนี้ที่จะบอกใครสักคนว่าเราไปหลงชอบคนเพศเดียวกัน ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน แม้แต่ตัวผมเอง ว่าวันหนึ่งผมจะเกิดความรู้สึกแบบนี้ ผมอยู่กินเบียร์ห้องมันจนเกือบตีหนึ่ง จึงขอตัวกลับห้อง ไม่อยากรบกวนมันต่อ แล้วก็จะเอาของไปเก็บห้องด้วย...
ลึกๆแล้ว ความรู้สึกบางอย่างภายในใจทำให้ผมอยากไปนอนที่ 2046 มากกว่าที่นี่ คงเพราะมันอยู่ติดกับ 2047 เพียงผนังกั้น ผมเดินมาถึงหน้าประตูห้องตัวเอง สวมเสื้อพิมพ์ลาย Nobody knows ตัวเดิมที่เคยใส่ตอนบังเอิญเจอไอ้เด็กบ้านั่นครั้งแรกกับหลานผม คืนนี้ผมนอนคนเดียวบนเตียงใต้ผ้าห่มผืนเดิมแต่กลับอบอุ่นไม่เหมือนเคย