มาต่อละคร้าบ พอดีงานยุ่งๆ จะสอบด้วย ช่วงนี้คงลงให้ช้าหน่อยนะค้าบ

-----------------------------------
“อ้าวไง กินเหล้ามาหรอ” เสียงไอ้คนที่เปิดประตูออกมาทักผม
“คับ”
“เมาป่ะวะเนี่ยะ” ไอ้คนนั้นที่ยืนใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวโชว์หุ่นถามขึ้น ผมจะเมาก็เพราะพี่น่ะแหละ
“ป่าว”
“ไปอาบน้ำนอนไป ไม่ไหวเรียกได้นะ”
“คับ”
ขณะกำลังจะหยิบกุญแจไขห้อง อยู่ดีๆ ผมก็อ้วกพุ่งตรงหน้าห้องเลย ไอ้พี่เกียร์ตาค้างมองผมที่ไม่ได้สติ
อ้วก อ้วก อ๊วกกกกกกกกกก อิ๊ อี๊...
“เฮ้ยเต้ ไหนบอกไม่เมาไง กูว่าแล้ว ยืนหน้ามึนๆ”
เสียงบ่นๆ อะไรไปเรื่อยของพี่เกียร์ ขณะที่สองมือก็ลูบหลังและช่วยประคองผม
“เป็นไง ดีขึ้นยัง” เขาถามผมเมื่อการอ้วกยกแรกสิ้นสุดลง ตอนนี้ไม่มีแรงตอบคับ หอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อย ใครเคยเมาเหล้าแล้วอ้วกจะรู้ซึ้งดี ว่ามันต้องใช้พลังแค่ไหน ขับไล่ลมปราณ
พี่เกียร์พยุงผมเข้ามาในห้อง 2046 ภายในห้องยังดูรกๆ ด้วยข้าวของที่น่าจะเพิ่งขนมา(อีกรอบ)
แล้วรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว
ผมลุกยันตัวขึ้นมา มองไปรอบๆไม่พบใคร ขณะกำลังจะลุกจากเตียงก็สังเกตุว่าเสื้อผมมันไม่ได้ใส่อยู่นี่หว่า พอลุกพ้นผ้าห่มมา อ้าว เหลือแต่บ็อกเซอร์ แหะๆ เมื่อคืน...กู...พยายามคิด ไม่มีฉากเลิฟซีนในหัว
แสดงว่าปลอดภัย 99% ค่อยๆเดินหาข้าวของตัวเอง
เปิดไประเบียงก็พบกางเกงยีนส์สีน้ำตาลแขวนอยู่ เสื้อยืดสีดำ อ่ออยู่นี่เอง ว่าแล้วก็รีบคว้ามาแต่คงไม่ต้องใส่มั้งคับ เพราะผมจำได้ว่าพี่เกียร์ลากผมเข้ามาห้องเค้า ห้องผมก็ห้องข้างๆนี่เอง ว่าแล้วเดินไปหยิบมือถือ
กระเป๋าตังค์ กุญแจห้อง ที่วางไว้หน้ากระจก แล้วก็พบกระดาษโน๊ตถูกทับไว้
“จะกินไรโทรมาบอกนะ เดี๋ยวเลิกเรียนซื้อขึ้นไปให้”
อืม ดีเหมือนกันแฮะ ผมอ่านโน๊ตแล้วรู้สึกดีนิดๆ แล้วก็เดินอมยิ้มกลับห้องไป
จัดการอาบน้ำ สระผม ล้างหน้า แปรงฟัน เรียบร้อยทุกอย่างก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาโทรศัพท์ริมระเบียงห้องตัวเอง
โอ้โห 14 มิสคอล ใครบ้างวะ ไอ้แบงค์ ไอ้ทอป แม่ เบอร์แปลกอีกหนึ่ง ช่างมันก่อนละกาน โทรสั่งข้าวก่อนอิอิอิ
กดหาไปหามา...อ้าว กูยังไม่ได้เมมเบอร์พี่เค้าไว้อีกหรอวะ เพิ่งรู้นะเนี่ย แหะๆ
ลองไปค้นๆในเบอร์โทรเข้าโทรออก อ่าเบอร์นี้น่าจะใช่ ยามดึกวันจันทร์ มีโทรมาคนเดียวนี่หว่าว่าแล้วก็กดโทรไป
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ดๆๆๆๆๆ
“ไง ฟื้นแล้วหรอ” เสียงพี่เกียร์กวนมาเชียว ชิ
“คับ”
“ตกลงกินไร”
“เอ่อ พี่อยู่แถวไหนอ่ะคับ”
“มีข้าวหน้าเป็ด กับอาหารตามสั่ง เลือกมา” ทำไมต้องทำเสียงดุด้วยวะ ไอ้เต้ไม่เข้าใจ
“ข้าวหน้าเป็ดพิเศษคับ ขอบคุณนะพี่”
“เออ” แล้วพี่แกก็กดวางไปเลย...โมโหใครมาวะ วางโทรศัพท์เสร็จ ไอ้เต้ก็หงุดหงิดเล็กน้อย มาเปิดคอมเล่นดีกว่า (คือว่าวันนี้โดดนะคับ เนียนๆ แบบว่าแฮงค์)
เวลาผ่านไปนานแสนนาน
ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆ ปังๆๆ ใครเคาะประตูวะดังชิบหาย สงสัยไอ้พี่เกียร์
“นึกว่าตายห่าแล้ว”
ไอ้แบงค์ยืนตะคอกอยู่หน้าประตู
“อ้าว มาได้ไง” ผมถามมันงงๆ แล้วมันกับไอ้ฟลุคและไอ้ทอปก็เดินเข้ามาในห้อง (กูยังไม่ได้เชิญเลยนะ)
“พวกกูโทรหามึงตั้งกี่รอบก็ไม่รับ” ไอ้ทอปบอกสาเหตุ
“อ่อ พอดีกูเมา”
“กูก็นึกว่าใครฉุดไปแล้ว เห็นไม่ไปเรียนด้วย” ไอ้แบงค์ยังบ่นต่อ
“หรือว่าใครฉุดไปจริงๆวะ” ไอ้ฟลุคทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ได้ทีแอบกัดนะเมิง
“แล้วมึงเป็นไรมากป่ะวะ” ไอ้ทอปถามผม
“ไม่หรอก ระดับนี้และ แล้วไปไหนต่อวะ”
“ไอ้ห่า ไล่เลยหรอวะ” ไอ้ฟลุคกวนต่อ
“ป่าวเว้ย” กูป่าวไล่นะ แค่ถามเฉยๆ ชิชิ
“นัดใครไว้ป่ะมึง ปกติมาไม่เห็นถามแบบนี้ มาห้องมึงก็อยู่ยันดึกยันเช้ากันทุกที” ไอ้แบงค์คร้าบ หาเรื่องจริงนะ
ก็อกๆๆๆๆๆๆปังๆๆๆๆปังๆๆๆ แม่งเคาะกันเบาๆไม่เป็นไงวะ
ไอ้สามคนนั้นมองหน้ากันแล้วมองมาที่ผม สายตาจับผิด
ผมเดินไปเปิดประตูแล้วก็เจอพี่เกียร์ยื่นถุงข้าวให้
“อ่ะ”
พี่เกียร์กำลังจะเดินเข้ามาแต่สังเกตุเห็นเพื่อนผมเสียก่อน
“อ้าวเพื่อนอยู่หรอ งั้นพี่กลับห้องละ”
แล้วพี่เขาก็หมุนตัวกลับไป แล้วแปบเดียวก็มีเสียงเปิดประตูและปิดดังปังตากห้องข้างๆ
“กูเข้าใจและ” ไอ้ทอปเริ่ม
“เหมาะกันดีนะมึง” ไอ้แบงค์ต่อ
และปิดท้าย “ขอโทษที่ขัดจังหวะว่ะ เฮ้ยกลับเหอะ” โดยไอ้ห่าฟลุค
“พอเลยพวกมึง ไม่มีไรเว้ย” ผมพยายามพูดให้ทุกๆคนเข้าใจ เชื่อเถอะคร้าบ ไม่มีไรจริงๆ
“ยังไงก็อวยพรนะเว้ย รักกันนานๆ ไม่อยู่ขัดละ” ไอ้คุณแบงค์ครับ
“เออจะกลับก็กลับ แม่งเอ้ย” หงุดหงิดเว้ย ผมเดินเข้าไปหยิบจาน แก้วน้ำ จัดแจงเทข้าว รินน้ำแล้วมานั่งเปิดทีวีดู
ไม่สนพวกมันที่ยืนขำผมอยู่พร้อมกับวิเคราะห์สถานการณ์ระหว่างผมกับพี่เกียร์อย่างสนุกปาก
...กู งอน
ผมไม่คุยกับพวกมันเลย สักพักพวกมันจึงกลับไป ไม่ไปส่งด้วย อิอิอิ เวลาผ่านไปสักพัก
ก็อกๆๆๆๆๆปังๆๆๆๆๆ เว้ย ใครอีกวะ
“ไร” ผมเปิดประตูออกไปพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไม่ได้มองหน้าด้วยว่าใครเคาะ
“เอารองเท้ามาให้” ไอ้พี่เกียร์มันพูดแล้วชูรองเท้าเน่าๆพร้อมถุงเท้ายัดไส้ทั้งสองข้างขึ้นมา
“อ่ะ... (พูดไม่ค่อยออก แหะๆ ตวาดเค้าไปเมื่อกี้) ขอบคุณคับ” แล้วผมก็หยิบรับของมา
“เพื่อนกลับไปละหรอ”
“คับ เข้ามาก่อนดิ”
“ทำไรอยู่วะ” เค้าเดินตามเข้ามา
“เพิ่งกินข้าวเสร็จสักพักคับ เออเท่าไหร่อ่ะค่าข้าว”
“เลี้ยงๆ ไม่ต้องหรอก”
“เฮ้ยไม่เอาพี่ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่” รบกวนเค้าซะเยอะเลยกู
“เออน่า ว่างอยู่หรอ งั้นเอาไอ้มาร์คมาเล่นได้ป่ะ”
“ได้ดิพี่ ดีๆผมจะได้มีไรฟังแก้เซ็ง”
“แปบนะ”
พี่แกยิ้มแฉ่งแล้วก็หายไปสักพัก กลับมาพร้อมกีตาร์คู่กายนั่นแล
“อ่ะ อยากฟังเพลงไร” พี่เกียร์นั่งลง เริ่มตั้งเสียง ลองสาย ท่าทางทะมัดทะแมง (แอบเท่ห์ว่ะ 5555)
“เพลงไรก็ได้พี่” เขิลเหมือนกัน อารมณ์ไหนวะกรู
“งั้นเพลงนี้ ที่อัดให้ฟัง วันนี้ลองฟังแบบร้องสดดู ฮ่าๆ”
แล้วพี่เกียร์แกก็ยิ้มอายๆหน้าแดงเลย ไม่น่าเชื่อนะคับ ว่าจะมีมุมแบบนี้กับเค้าด้วย
... ... “พอมีเวลาบ้างไหม จะเล่าอะไรให้ฟัง ตั้งใจฟังหน่อยนะ แค่นิทานปรัมปรา
เรื่องของชายตัวโตที่คอยเฝ้าตามหา คนตัวเล็กกว่ามาเดินเคียงข้างกัน… … … …
“เคยฟังเพลงรักงอมแงมป่ะ” พี่เขาถามพอเล่นเพลงแรกจบ
“หึ” ผมส่ายหน้า เพลงไรวะ ชื่อโคตรประหลาด
“เพลงเก่าและ เดี๋ยวเล่นให้ฟัง”
“จัดเลยพี่”
“แต่ห้ามด่าก่อนเพลงจบนะ ว่ามันเชย เอาเป็นว่าหันหลังไปเลย กูเขิลว่ะ เวลาร้องเพลงนี้”
เหอะๆ พี่เกียร์นี่อารมณ์ศิลปินจริงๆ
“คร้าบ สัญญาๆ”
ว่าแล้วผมก็นั่งหันไปมองที่หน้าต่างแทนและแอบอมยิ้มเล็กๆ
สักพักเสียงกีตาร์เบาสบายก็ดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องจากชายหนุ่มคนนี้
“ล้อมวงบรรลง บรรเลง มานั่งบ่นเพลง ไม่ยอมหลับนอน
ใจกระเด็นกระดอนมันเปียกมันปอน อาการงอมแงม
เจ้าหัวใจอ่อนแอ ชอบงอแงงัวเงีย ตื้นตัน
เก็บเอาเธอมาฝัน กลางคืนพัวพัน กลางวันงัวเงีย
... ...เหมือนคนทำไร่เลื่อนลอย
เหมือนเป็นไทฟอยด์เรื้อรัง
หัวใจไม่ยอมระวัง
เหมือนดังโดนยาระบาย … …
นอนก็นอนไม่หลับ กระส่ายกระสับอยู่ทุกเวลา
หมอไม่ยอมสั่งยา บอกว่ารักษาไม่หายซักราย”
“อ๋อ...” ผมหันกลับมาพร้อมปรบมือเปาะแปะให้เค้า
“อ๋อไร รู้จักหรอ” ไอ้คนที่เพิ่งร้องจบ ทำหน้าสงสัย
“ป่าวคับ วันแรกที่เต้มาอยู่หออ่ะ ได้ยินเพลงนี้ นึกออกและ พี่นี่เอง เปิดซะดังลั่น เต้ยังด่าอยู่เลยว่าเพลงก็เชยยังจะเปิดซะดัง เอ้ย” แหะๆลืมตัววิจารณ์มากไปหน่อย พี่เค้าเลยหน้ามุ่ยเลย
“เออ ออกจะเพราะ”
ว่าแล้วก็วางกีตาร์ลุกไปห้องน้ำ ปิดประตูปังซะงั้น
งอนหรอวะ ไม่นา ผมรีบลุกตามไปแล้วเคาะประตูห้องน้ำเรียก
“เฮ้ยๆ เป็นไรป่าวพี่ เต้ไม่ได้ตั้งใจว่านะ”
เงียบคับ ผมก็เคาะอีก ปัง ปัง ปัง
“พี่เกียร์ โกดเต้หรอ ขอโทษพี่ ออกมาเหอะ”
เงียบ ไม่มีการตอบรับ
สักพักประตุก็เปิดผัวะออกมา
“เป็นไรอ่ะพี่”
“ปวดเยี่ยว”...พูดจบแกก็เดินมานั่งที่เดิมแล้วคว้ากีตาร์ขึ้นเล่นต่อ เฮ้อ...
ฟังกีตาร์จนสี่ทุ่มกว่าก็ลงไปกินข้าวกันข้างล่างตึก
ตุ๊ดๆๆๆๆๆๆๆ เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น
“หวัดดีคับ”
“ดีคับ” ใครหว่า...ไม่คุ้น เบอร์แปลก
“ใครคับ”
“บิว”
“อ้าว อ่อ เออ ว่าไง” นึกอยู่ บิวไหนวะ
“ว่างป่าว ไปเที่ยวกัน”
“แหะๆ ไม่ดีกว่าคับ พรุ่งนี้เรียนเช้า” ใครวะ อยู่ดีๆมาชวนกูเที่ยว
“ว้า ไม่เป็นไรคับ งั้นไว้วันหลังก็ได้”
“คับๆ งั้นขอกินข้าวต่อก่อนนะคับ”
“เอ่อ คร้าบ ฝันดีนะเต้” แล้วก็วางสายไป ทิ้งไว้ให้กระผมงงว่าชายผู้นั้นคือใครกัน
“กิ๊กเยอะนะเนี่ย” ไอ้พี่เกียร์ที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงข้ามแซว
“ป่าวพี่”
“หรอ” น้ำเสียงไม่เชื่อของพี่แกฟังแล้วน่าหมันไส้มากๆ
“ไม่เชื่อก็ตามใจ”
“หึหึ สับรางดีดีแล้วกัน” แม่ง กวนตีนอีกและ
“ระดับนี้ไม่มีชนหรอกคับ ผมแบ่งเวลาได้” ผมก็เลยประชดไปซะ
“หรอ แล้วแบ่งมาให้พี่ซะเยอะเนี่ย แฟนครับไม่ว่าเอาหรอ”
“ไม่หรอกคับ เค้ารู้จักเลือกหึวหวงคับ”
“คับ แล้วจะคอยดู” แล้วแกก็นั่งดูบอลที่จอทีวีในร้านต่ออย่างไม่สนใจผมเลย แมร่งเซ็ง รีบๆกินรีบๆกลับห้องดีกว่า
++++++++++++++++++++++++++++++++++