โลกัสแค่นเสียงหึมองบุคคลที่ได้ชื่อว่าสิงโตหิมะด้วยสายตาเหยียดหยาม “ อำนาจที่เจ้ามีอยู่มันไม่พอใช้รึไง เจ้าฆ่าคนมากกว่านักฆ่าอย่างข้าด้วยซ้ำ ”
คนที่ถูกพูดถึงแสร้งทำหน้าประหลาดใจ “ เป็นข้า ? ข้าคืออัลฟินนะ โลกัส บุคคลที่มากไปด้วยเมตตาอย่างข้าจะทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง เกรงว่าเจ้าจะฟังมาผิดแล้วล่ะ ”
ดาบหนักๆ ถูกฟันใส่ผู้พูดทันที แต่เจ้าตัวก็สามารถหลบได้ทันทีเช่นกัน สิงโตหนุ่มจับองค์ชายพาดไว้บนไหล่ไม่กล้าปล่อยมือ โอกาสเพียงนิดเดียวก็นับเป็นโอกาส เสือดำรุกไล่สิงโตหนุ่มต่อเนื่องในเวลาเดียวกับเพลิงที่ค่อยๆ ลุกลามไปทั่วห้อง
“ ข้าจะพาเวสเปอร์ออกจากวังวนโง่ๆ นี่ เจ้ารู้ว่าเวสเปอร์ปัญญาอ่อน เจ้าจะเอาเขาไปทำอะไรอีก หากเจ้าต้องการหุ่นเชิด ก็ไปเอาน้องเวสเปอร์ อย่ามายุ่งกับเขา !! ”
“ ไม่คิดว่าข้าจะได้รับคำสั่งสอนจากนักฆ่า ” อัลฟินคลี่ยิ้มนุ่มนวล แหวนผลึกน้ำแข็งที่ประดับอยู่บนข้อนิ้วนางข้างซ้ายเกิดหมอกสีขาวคลุมจางๆ ทำให้บริเวณที่สิงโตหนุ่มหยั่งเท้าเกิดผลึกน้ำแข็งทับเพลิงสีดำที่ลุกไหม้จนน่ากลัว “ โรคบางอย่างถ้าหากรักษาอย่างถูกวิธี มันก็สามารถหายได้ ข้าเชื่อว่าองค์ชายไม่ได้ปัญญาอ่อน ” พูดเสียงเย็นในประโยคหลัง
“ จะปัญญาอ่อนหรือไม่ก็ช่าง หากเจ้าไม่คืนเขาให้ข้า ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ.. ” เพลิงในห้องโชติช่วงยิ่งกว่าเดิมราวกับตอบรับอารมณ์โกรธของโลกัส
“ โลกัส เจ้ากำลังพาองค์ชายหนีจากสิ่งที่เขาเป็น ”
“ หากสิ่งที่เขาเป็นทำให้เขาทุกข์ ข้าก็จะพาเขาหนี ”
“ หนีไปกับนักฆ่าอย่างเจ้า ? เกรงว่าหัวของเวสเปอร์จะหลุดออกจากบ่าทันทีที่เจ้าแตะตัวด้วยซ้ำ ” อัลฟินแสร้งทำท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว หากวัดฝีมือกันจริงๆ คงจะกินเวลาและเสียเวลาเปล่า สิงโตหนุ่มรู้ดีว่าตนเองไม่สามารถเผชิญหน้ากับพยัคฆ์ดำตรงๆ ได้ พละกำลังกับฝีมือดาบที่น่ากลัวไม่ใช่แค่คำเลื่องลือ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือการถ่วงเวลา
ในเมื่อพละกำลังไม่ใช่สิ่งที่สามารถชนะได้ ก็ต้องใช้สติปัญญา ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่อัลฟินถนัดที่สุด
หากจะหาคนที่มากด้วยเล่ห์และกลกว่าอัลฟินคงจะไม่มี การถูกผู้คนนับหน้าถือตาทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์มักจะเป็นไปได้ยาก ซึ่งอัลฟินสามารถเปลี่ยนตัวเองจากคนธรรมดากลายเป็นเจ้าเมืองได้ในเวลาอันสั้น
“ พูดพล่อยๆ !! ” โลกัสคำรามดังลั่น ค่อยๆ เกิดลวดลายประหลาดทั่วตัวคล้ายลายเสือ มันขึ้นสีแดงก่ำพร้อมกับดาบของโลกัสที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนขยายขนาดให้ใหญ่ยิ่งกว่าเดิมเพื่อรองรับอำนาจของพยัคฆ์ดำ
“ ท่านอัลฟิน ! ท่านหมอมาถึงแล้ว ”
ด้วยความเร่งรีบทำให้วิ่งพรวดเข้ามาในห้องทันที ขุนนางร่างท้วมสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นพยัคฆ์ดำกับท่านอัลฟินกำลังเผชิญหน้ากันในห้อง แต่แล้วก็ต้องร้องลั่นรีบถอยกรูดออกจากห้องเพราะไฟร้อนๆ ที่กำลังจะเผารองเท้า
อัลฟินยิ้มพอใจเมื่อเห็นโลกัสชะงักไป “ อย่างน้อยเจ้าก็น่าจะลองให้องค์ชายรักษาดูก่อน หรือไม่ก็.. ” จงใจลากเสียงยาว “ ปล่อยให้ปัญญาอ่อนอย่างที่เจ้าตั้งใจ ”
สีหน้าลังเลปรากฏอยู่บนใบหน้าโลกัส สิ่งที่คุกคามเวสเปอร์มาตลอดชีวิตคือสิ่งนี้ หากรักษามันได้เขาก็อยากให้รักษาเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นละ ? เวสเปอร์ยังจะอยากไปกับเขาอยู่ไหม หรือกลับไปครองบรรลังก์เหมือนเดิม
“ ขะ ข้าจะไปกับเจ้าเสือ อัล อัลอย่ายุ่งกับข้าเลย ” เวสเปอร์ทุบหลังสิงโตหนุ่มเชิงให้ปล่อย ความโหยหาฟุ้งอยู่เต็มอก ข้าอยากกอดเจ้าเสือ..
อัลฟินยอมปล่อยองค์ชายลงแต่ก็ยังรั้งเอวเอาไว้ไม่ให้วิ่งไปหาโลกัส “ ท่านไม่อยากหายเหรอ องค์ชาย หมอที่เลื่องชื่อที่สุดด้านการรักษาอยู่ที่นี่แล้ว.. ขอเพียงเขาได้พบท่าน ท่านต้องหายแน่นอน ”
ห้องทั้งห้องเงียบสนิทคล้ายกับกำลังรอคำตอบจากเวสเปอร์
เวสเปอร์ก้มหน้าต่ำไม่กล้าสบตาใครเมื่อต้องคิดเรื่องใหญ่ๆ เขารู้ตัวว่าตัวเองคิดช้า.. สายตาตำหนิพวกนั้นต่อให้โง่ขนาดไหนก็ดูออก องค์ชายจึงเลือกที่จะมองพื้น
คำว่าปัญญาอ่อนยังคงดังขึ้นในหัวด้วยน้ำเสียงที่หลากหลาย เพื่อน.. สาวใช้คนสนิท เพื่อนร่วมห้องตอนเด็ก.. แต่น้ำเสียงที่ทำให้เวสเปอร์เจ็บที่สุดมีอยู่สองเสียง
เสียงของพ่อที่เคยชมเขามาตลอดจนกระทั่งรู้ว่าเขาปัญญาอ่อน ตวาดกร้าวไล่เขาให้พ้นหน้า ส่วนอีกเสียงก็เป็นเสียงของคนที่เขารักที่สุด..
แม่..
น้ำตาไหลออกจากนัยน์ตาสีทองช้าๆ ไร้เสียงสะอื้น
จะมีประโยชน์อะไรหากข้าหายปัญญาอ่อน.. ในเมื่อมีน้องชายของข้าอยู่แล้ว..
เวสเปอร์เงยหน้าสบตากับอัลฟินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ ข้า ข้าปัญญาอ่อนก็ได้ ข้าชินแล้วล่ะ ไม่ต้องหายก็ได้ อัล ”
ประกายบางอย่างพาดผ่านนัยน์ตาสีเทา สิ่งๆ นั้นน่าจะเรียกว่าความเห็นใจ แต่มันก็เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นก่อนที่สิ่งนั้นจะหายไปเหลือเพียงอุดมการณ์ ถึงแม้ว่าอัลฟินอยากจะกำจัดสิ่งนี้ออกจากตัวเองมากขนาดไหนก็ไม่สามารถทำได้ เพราะว่ามันเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาเป็นมนุษย์
“ โอกาสมีไว้สำหรับไขว่คว้า ไม่ใช่ปฏิเสธ เวสเปอร์ ” อัลฟินพูดน้ำเสียงเย็นเยียบ นี่ไม่เท่ากับว่าหักหน้าเขาเลยหรือไงกัน
โลกัสมองเวสเปอร์ขณะที่พูด ยิ่งเห็นน้ำตาที่ไหลแอบแก้มยิ่งรู้สึกเหมือนถูกมีดคมกรีดอกช้าๆ “ ข้าจะเชื่อได้ไงว่า หมอที่เจ้านำมาเป็นหมอจริงๆ ” สุดท้ายเสือดำก็อยากให้องค์ชายถูกรักษาเช่นกัน
การใช้ชีวิตร่วมกับพยัคฆ์ดำอย่างเขาแทบจะไม่มีความปลอดภัย ถึงแม้ว่าโลกัสจะมั่นใจในตัวเองขนาดไหนว่าสามารถปกป้องเวสเปอร์ได้ แต่มันก็ย่อมมีโอกาสพลาด เหมือนกับครั้งนี้พลาดท่าให้กับอัลฟิน
หากวันใดที่ข้าตายก็จงใช้ชีวิตอยู่ต่อไป องค์ชายของข้า
สิงโตหนุ่มคลี่ยิ้มพึงพอใจ เมื่อสามารถชักจูงให้ทั้งองค์ชายและพยัคฆ์ดำได้ “ ข้าคิดว่าเจ้าก็ต้องได้ยินชื่อของเขามาบ้าง โลกัส ”
เสียงฝีเท้าดังแผ่วเบาเมื่อผู้ที่ถูกพูดถึงก้าวเข้ามาในห้อง เวทสีฟ้าอ่อนลอยฟุ้งทั่วห้องค่อยๆ ฟื้นฟูห้องพักโดยที่ไม่ได้ปะทะกับเวทของโลกัสและอัลฟินแม้แต่น้อย เพลิงสีดำก็ยังคงโลมเลีย ทันทีที่มันเผาไหม้กำแพงเวทสีจางก็จะฟื้นฟูมันกลับมาสภาพเดิม
นับว่าเป็นเวทเยียวยาขั้นสูง ที่หาคนใช้ยากเพราะต้องใช้สมาธิควบคุมมากและใช้เวทมาก
“ ท่านพอยซ์ ”
เป็นชายร่างเล็กสวมชุดคลุมสีดำขลิบทองลวดลายแปลกประหลาดที่หาไม่ได้ในเมืองมนุษย์ ตากลมโตที่มีตาขาวเป็นสีทองและตาดำเป็นขีดมีน้ำตาคลอหน่วงเนื่องจากการหาวหวอด
“ ฮ้าว ~ ถ้าไม่ติดว่าเจ้าเคยให้หมอนขนเป็ดนุ่มๆ ข้า ข้าจะไม่มาจริงๆ นะ ” พูดจบก็ขยี้ตาอีกรอบ
โลกัสมองหมอที่ว่าอึ้งๆ กิตติศัพท์การรักษาโรคของพอยซ์เป็นที่โจษจันมากในทุกดินแดน การตามตัวนั้นทำได้ยาก เพราะหมอคนนี้ไม่ได้เป็นมนุษย์
“ แมว.. ” องค์ชายพูดเสียงเบาเมื่อเห็นหูสีดำโผล่ขึ้นมาจากหัวพร้อมกับหางสีเดียวกันส่ายไปมา
พอยซ์หันมาตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มน่ารัก “ เจ้าสินะ ที่จะเป็นคนไข้ให้ข้าวันนี้ ถึงข้าจะเป็นปีศาจ ข้าก็จริงใจนะ ! ไม่ต้องห่วงๆ ข้าจะรักษาเจ้าให้ดีที่สุด ”
ถึงแม้ว่าดินแดนปีศาจจะเปิดรับให้ดินแดนอื่นเข้าไป แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ก็ยังคงหวาดกลัวปีศาจอยู่ดี พละกำลังพลังเวทย์ อายุที่ยืนยาว สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้มนุษย์หวาดกลัว มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ยอมรับปีศาจทำให้ปีศาจที่อยู่อาศัยในเมืองต้องใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ เฉกเช่นกับหนูขายข่าวที่กำลังโวยวายอยู่ข้างนอก
สาเหตุของเรื่องทั้งหมดเพียงเพราะมนุษย์ไม่เปิดใจยอมรับในสิ่งที่แตกต่าง
“ ไม่ ไม่ต้องก็ได้ ” เวสเปอร์เช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ ฝืนยิ้มให้
พอยซ์ขมวดคิ้ว “ ไม่ดง ไม่ได้อะไรกัน ข้าเสียเวลานอนมาเพื่อรักษาเจ้าเลยนะ ไม่รู้ล่ะ เจ้าต้องให้ข้ารักษา ! ” ปีศาจแทวตวัดสายตามองรอบห้อง “ พวกเจ้าจะตีกันหรืออะไรกันก็ช่าง ช่วยไปตีกันที่อื่นนะ สิ่งที่ข้าต้องการตอนนี้คือห้องว่างๆ สักห้อง ”
“ อืม ” พยัคฆ์ดำรับคำอย่างว่าง่าย เมื่ออารมณ์สงบลงเพลิงจึงค่อยๆ มอดตาม ลวดลายบนร่างก็หายไปเช่นกัน จ้องมององค์ชายเงียบๆ
อัลฟินหัวเราะหึ “ ข้าเตรียมห้องสำหรับการรักษาแล้ว ท่านพอยซ์ ”
“ รออะไรล่ะ ฮ้าว รีบนำไปสิ ข้าเริ่มง่วงแล้วนะ ” พอยซ์สะบัดหางตัวเองไปมา วิ่งไปจับมือองค์ชายที่ตัวสูงกว่าพอประมาณ
เวสเปอร์มีสีหน้างุนงงเพียงเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้จับมือ สายตาเผลอจับจ้องที่หูของพอยซ์
เจ้าแมว...
“ เจ้าแมวล่ะ เจ้าเสือ ” องค์ชายเอ่ยถาม
โลกัสสะดุ้งเพราะลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าตัวเองปล่อยให้ฟินน์วิ่งหาเวสเปอร์ จึงร่ายเวทสั้นๆ เรียกฟินน์ให้มาหาตัวเอง ซึ่งเมื่อฟินน์มาถึง คงไม่วายคำรามฮึมฮัมไม่พอใจในลำคอแน่ๆ “ เจ้าแมวไปกินข้าว ”
เวสเปอร์มีท่าทีสลดลงนิดหน่อย ไม่พูดอะไรปล่อยให้ตัวเองสาวเท้าตามปีศาจแมวที่ทั้งลากทั้งดึงให้ตาม
กรุ๊งกริ๊ง
องค์ชายเผลอชะงักขาที่ก้าวเดิน มองถุงเงินที่ถูกเจ้าเสือโยนใส่กำแพงที่เป็นรูและมีหนูสีขาวกำลังเอาอิฐก่อเข้าที่เดิมอย่างขะมักเขม้น และหัวเราะคิกออกมา
หนูกำลังซ่อมกำแพง ?
ตลกดี..
ห้องที่สิงโตหนุ่มจัดไว้นั้นอยู่ถัดไปอีกเพียงสามห้อง ภายในห้องประกอบด้วยห้องสองห้อง มีห้องรับแขกกับห้องนอนที่ถูกผนังกั้นแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง
บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องถูกกันออกมานั่งข้างหน้า ทำให้บนเก้าอี้ทุกตัวถูกจับจอง ทั้งจากอัลฟิน โลกัส หรือจะพวกขุนนาง ที่บางคนนั่งจนเก้าอี้ส่งเสียงออกมาเบาๆ
“ มองยังไงเจ้าก็ไม่สามารถมองทะลุประตูได้หรอกนะ โลกัส ” อัลฟินหัวเราะพร้อมจิบไวน์ขาวที่ถูกตระเตรียมในห้อง
โลกัสไม่สนใจคำพูดของสิงโต ยังคงจ้องประตูไม่ละสายตา ปล่อยให้ฟินน์ในร่างแมวนอนนิ่งอยู่ข้างเท้า
สิงโตหนุ่มใช้ลิ้นดุนแก้มเล่นหลับตาด้วยความผ่อนคลาย ความคิดต่างๆ โลดแล่นในหัว ทบทวนถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตัวเองวางแผนไว้จะให้เกิดขึ้นในอนาคต
“ องค์ชายเวสเปอร์จงเจริญ ”
เสียงทุ้มดังเพียงกระซิบและมีเพียงเขาทีได้ยิน
ผนังภายนอกนั้นเป็นเพียงผนังธรรมดา แต่ผนังภายในนั้นกลับแน่นทึบเก็บเสียงทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ห้องทั้งห้องมีเพียงเก้าอี้หนึ่งตัวที่กลางห้อง
ความประมาทมักจะให้ผลร้ายซ้ำซาก เช่นเดียวกับพยัคฆ์ดำในตอนนี้ที่ยังไม่รู้ตัว
พยัคฆ์ดำไม่ได้สำรวจภายในห้องเพราะเชื่อใจว่าเป็นหมอ
บางทีเมื่อคนเราจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากๆ มักจะลืมระมัดระวังในบางอย่าง อัลฟินรู้ถึงธรรมชาติของมนุษย์ในเรื่องนี้จึงสามารถนำใช้ได้อย่างแนบเนียน
ทันทีที่ประตูห้องแนบสนิทกับกำแพง เวสเปอร์ก็ถูกพอยซ์จับมัดกับเก้าอี้ทันที
“ จะ เจ้าแมว ? ” เวสเปอร์ไม่ขัดขืนเพราะคิดว่าเป็นขั้นตอนการรักษา
พอยซ์ยิ้มเศร้าๆ “ ขอโทษนะ องค์ชาย หากข้าไม่ติดหนี้กับอัลฟิน ข้าจะไม่ทำแบบนี้ ” ก่อนที่รอยยิ้มจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉย เป็นเวลาเดียวกับไฟในห้องที่ดับสนิท
เวสเปอร์กลืนน้ำลายเอือกตัวสั่นเทา
เมื่อห้องทั้งห้องเย็นเยือกขึ้นมา
“ นะ หนาว ” องค์ชายพูดเสียงสั่นก่อนที่ตาจะเบิกกว้างเมื่อรู้สึกแรงบีบที่คอ
“ เจ้ากำลังโกหกใช่ไหม เวสเปอร์ ”
เวสเปอร์พยายามส่ายหน้า
ไม่.. ข้าไม่ได้โกหก
“ โกหกว่าปัญญาอ่อน เจ้าคิดว่าพวกข้าโง่นักเหรอ องค์ชาย ”
แรงบีบแรงยิ่งขึ้นกระตุ้นให้เวสเปอร์พยายามขัดขืน
สีหน้าของเวสเปอร์ฉายความเจ็บปวด
เจ้าแมว.. เจ้าแมวกำลังพูดอะไร
ข้าไม่เข้าใจ..
ข้าเผลอทำผิดอีกแล้วเหรอ...
“ ไม่แปลกที่ไม่ว่าพ่อของเจ้าหรือแม้แต่แม่ของเจ้าจะเกลียดเจ้าองค์ชาย ”
น้ำตาไหลออกมาทันที
เพราะข้า ข้าโกหกว่าปัญญาอ่อนเหรอ ท่านพ่อ ท่านแม่ ถึงได้เกลียดข้าถึงขนาดนี้
เวสเปอร์สะอื้นจนตัวโยน
ข้าขอโทษ..
อย่าเกลียดข้าเลย
ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว
“ ตอบข้ามา องค์ชาย ว่าสิ่งที่เจ้ากำลังทำมันคือการโกหกใช่ไหม ” แรงบีบตรงคอแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเวทบางอย่างที่พุ่งเข้าใส่เวสเปอร์
เวสเปอร์คล้ายกับควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกล่องลอย
พยายามพูดบางอย่าง
“ ไม่... ”
แรงบีบตรงคอถึงได้หายไปปล่อยให้องค์ชายหายใจตะกละตะกราม
พอยซ์ถอนหายใจเหนื่อยๆ ปาดเหงื่อที่หน้าผากออก มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ได้เห็นผลไวที่สุด ผลสรุปที่ได้คือ องค์ชายไม่ได้เสแสร้ง ผิดกับสิ่งที่อัลฟินคาดเดา
การแสร้งทำเพื่อปกปิดความอัจฉริยะในตนเอง
ปีศาจแมวหาวหวอดบิดขี้เกียจเรียกความกระตือรือร้น
งานของมันยังไม่จบ
“ มาต่อกันเถอะ องค์ชาย ”
พูดด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
---------------------
ตอนนี้ยาวสะใจมาก
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ กอดดด