พิมพ์หน้านี้ - พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Foggy Time ที่ 05-01-2016 21:32:25

หัวข้อ: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-01-2016 21:32:25
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

เรื่องนี้รวมเล่มแล้วววว ใครสนใจตามจิ้มเลย  :hao7:

http://yholicbooks.lnwshop.com/product/3/%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%86%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99

(http://upic.me/i/lo/17201399_621524428041287_8643999711833163714_n.jpg) (http://upic.me/show/60813453)


ขอบคุณคุณ meng นะคะ ที่ทำสารบัญให้  :pig4:

สารบัญ


  บทนำ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3275046#msg3275046)
  1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3275056#msg3275056)
  2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3275063#msg3275063)
  3  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3275073#msg3275073)
  4  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3281622#msg3281622)
  4.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3282453#msg3282453)
  5  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3289748#msg3289748)
  5.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3290514#msg3290514)
  6  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3297821#msg3297821)
  6.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3301045#msg3301045)
  7  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3308250#msg3308250)
  7.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3309046#msg3309046)
  8  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3318823#msg3318823)
  8.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3321745#msg3321745)
  9  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3327541#msg3327541)
  9.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3329294#msg3329294)
  10  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3338263#msg3338263)
  10.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3343834#msg3343834)
  11  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3354669#msg3354669)
  12  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3361391#msg3361391)
  12.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3362755#msg3362755)
  13  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3369936#msg3369936)
  13.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3373148#msg3373148)
  ตอนพิเศษ จูบ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3380802#msg3380802)
  14  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3390935#msg3390935)
  14.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3394416#msg3394416)
  15  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3403054#msg3403054)
  15.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3404767#msg3404767)
  16  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3415517#msg3415517)
  16.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3419455#msg3419455)
  17  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3423289#msg3423289)
  17.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3425500#msg3425500)
  18  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3432908#msg3432908)
  18.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3436160#msg3436160)
  19  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3445122#msg3445122)
  20  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3453676#msg3453676)
  21  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3457420#msg3457420)
  22  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3474136#msg3474136)
  22.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3474914#msg3474914)
  23  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3482427#msg3482427)
  24  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3495052#msg3495052)
  ตอนพิเศษ - นักดนตรีลึกลับ   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3501972#msg3501972)
  ตอนพิเศษ - ขนมง้อเจ้าเสือ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3508776#msg3508776)


หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-01-2016 21:35:11
บทนำ
   
“ องค์รัชทายาทเสด็จ !! ทุกคนเคารพ ”
   
ทุกคนในอาณาบริเวณล้วนทรุดตัวลงกับพื้น เสียงที่ตะโกนลั่นออกมาล้วนเป็นคำสรรเสริญเยินยอที่ไม่ได้กลั่นออกมาจิตใจ
   
องค์รัชทายาทเหลือบมองออกจากตู้รถม้าที่กำลังเคลื่อนไปช้าๆ
   
แววตาเลื่อนลอย
   
ก่อนจะคลี่ยิ้มดีใจที่ได้ยินชื่อตัวเอง
   
มือสั่นๆ ถูกมืออีกข้างกุมไว้เพื่อไม่ให้แสดงท่าทีผิดปกติจนมากเกินไป
   
การที่ถูกตำหนิในเรื่องนี้บ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องสนุก ข้าไม่ชอบมันหรอกนะ !
   
ในลำคอเผลอฮึมฮัมที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อเช้า
   
ท่านแม่ ท่านแม่ของข้าชอบร้องเพลงล่ะ
   
“ องค์ชายอย่าร้องเพลงเสียงดังสิเพคะ ” สาวใช้คนสนิทเอ่ยตำหนิในหัวนึกรำคาญ
   
องค์รัชทายาทเซื่องซึมลงทันควันแต่อย่างนั้นก็ไม่ได้มีใครสนใจ จึงนั่งนิ่งๆ ด้วยท่วงท่าที่ถูกฝึกให้นั่งหลายปีตั้งแต่จำความได้   
   
แต่กรุ่นเสียงภายนอกยังคงดังกึกก้อง
   
ความเซื่องซึมก็หายไป
   
กลับมาเริ่มร้องเพลงเบาๆ
   
สาวใช้จงใจกระแทกแก้วน้ำขององค์ชายบนโต๊ะดังลั่น
   
องค์ชายสะดุ้งเฮือก สีหน้าหวาดกลัว ไม่กล้าร้องเพลงอีก
   
กลัวแล้ว กลัวแล้ว
   
อย่าว่าข้าอีกเลย
   
อย่าว่าข้าปัญญาอ่อนอีกเลย
   
ข้า ข้าขอโทษ
   
องค์ชายคู้ตัวด้วยความกลัวเสื้อคลุมขนสัตว์ถูกดึงมาคลุมตัวเองจนเหมือนลูกบอลยักษ์
   
   
“ บัดนี้ข้าขอเปิดพิธีการคัดเลือกสัตว์ประจำกาย ! ”
   
เสียงเฮดังลั่นเป็นน้ำเสียงปลุกความฮึกเหิมให้แก่ทุกคนที่ยืนอยู่บนพื้นที่แห่งนี้
   
ทุกคนต่างวิ่งสุดฝีเท้าเข้าไปจับจองสัตว์วิเศษต่างๆ ที่ถูกอัญเชิญมาจากทั่วสารทิศ
   
ในการคัดเลือกสัตว์ประจำกายจะไม่มีการแบ่งชนชั้นอะไรใดๆ ทั้งนั้น
   
จึงไม่ใช่ภาพที่แปลกตาเมื่อเห็นขบวนผู้ตามเสด็จวิ่งตามองค์ชายองค์หญิงของตัวเอง
   
สัตว์วิเศษที่ถูกอัญเชิญมานั้นมักจะดุร้ายหรือฉลาดเป็นกรด ผู้ใดที่มันยอมค้อมหัวให้นั้นย่อมได้สัตว์ตัวนั้นไป ที่ทุกคนต่างเร่งฝีเท้าเพื่อจะได้เลือกประลองกับสัตว์วิเศษที่หมายตาตั้งแต่ในหนังสือพิมพ์ประจำเมืองที่แนะนำที่รายละเอียดเจาะลึกถึงขั้นถึงรากถึงโคน
   
“ ฮะ ฮ่า ! ข้าจะเป็นเจ้านายของเจ้าเองเจ้าเขียว ! ”
   
ชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ชี้ดาบใส่หน้ามังกรสีเขียว
   
มังกรขนาดยักษ์ส่งเสียงคำรามในลำคอและเผาชายฉกรรจ์ไปต่อหน้าต่อตาผู้ชม
   
“ ... ”
   
เสียงจอแจรอบข้างที่วุ่นวายพลันเงียบกริบราวกับกำลังไว้อาลัย
   
“ ฮึ่ย.. ข้าเอาตัวอื่นก็ได้วะ ! ”
   
ร่างที่ดำเป็นตอตะโกค่อยขยับๆ ให้สัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่ คนอื่นๆ จึงได้พากันประลองกันต่อ
   
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับการคัดเลือกสัตว์วิเศษ
   
ได้มีผู้นึงที่ยืนอยู่ที่เดิม ไม่มีผู้ติดตามหรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น
   
“ ฮือ ข้ากลัว กลัว ”
   
บ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบา พยายามย่างเท้าไปข้างหน้า
   
เสื้อคลุมขนสัตว์ที่คลุมหัวจรดเท้าไว้อย่างมิดชิดทำให้ผู้ชมคิดว่าเป็นเพียงชายสูงศักดิ์ที่มีดีแค่ฐานะหากแต่ไร้ซึ่งฝีมือในการต่อสู้
   
แม้แต่การเดินเข้าไปในสนามยังไม่กล้า !
   
มีเพียงผู้เดียวที่รู้ว่าใครกำลังก้าวย่างไปบนสนามด้วยท่าทีหวาดกลัว
   
มือหยาบกำเก้าอี้ไม้นวมแน่น เผลอขบกรามด้วยอับอาย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยกขึ้นนิดๆ
   
เมื่อองค์ชายคนรองสามารถโรมรันกับมังกรเพลิงได้อย่างสูสี
   
“ ข้า ข้า ต้องเอาสัตว์เลี้ยงให้ได้ ”
   
องค์รัชทายาทย่างเท้าไปข้างหน้าช้าๆ ดาบลากไปกับพื้นเนื่องจากแขนไม่สามารถแบกรับน้ำหนักไว้ได้ มือข้างที่ว่างปาดน้ำตาออกจากหางตาป้อยๆ
   
ข้าเป็นถึงองค์รัชทายาทต้องเข้มแข็งสิ
   
มือที่เก้งๆ กังๆ จับดาบชูขึ้นมาแล้ววิ่งพรวดใส่พยัคฆ์ขาวใกล้ตัวที่นอนหมอบเลียขนบนพื้นอย่างสบายใจ
   
ก่อนจะจ้ององค์ชายด้วยสายตาวาวโรจน์
   
เหตุที่ไม่มีคนเอาพยัฆค์ขาวเป็นสัตว์เลี้ยงเพราะเป็นสัตว์วิเศษที่ควบคุมยากเอาแต่ใจ
   
แต่เหตุผลหลักจริงๆ คือ ความดุร้ายของมัน !
   
โฮกกกก
   
มันคำรามออกมาดังลั่นกระโดดหลบองค์ชายได้อย่างง่ายดายก่อนจะกระโจนขึ้นคร่อม เขี้ยวยาวถูกกดไปบนลำคอเชิงข่มขู่
   
องค์รัชทายาทตกใจจนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก
   
ไม่มีแม้แต่เสียงอุทานด้วยความตกใจ
   
ร่างกษัตริย์ที่นั่งบนเก้าอี้ลุกพรวดเมื่อเห็นองค์รัชทายาทถูกสัตว์ร้ายขึ้นคร่อม มือขวาถูกยกสูง
   
ตึง !!
   
กลองรบถูกส่งเสียงกึกก้อง
   
ทุกชีวิตถูกหยุดให้ยืนอยู่นิ่งไม่เว้นแม้แต่สัตว์วิเศษที่ส่ายหัวไปมาด้วยความงุนงง
   
แผล่บ...
   
องค์ชายเบิกตากว้างงุนงง ก่อนจะหลุดหัวเราะดังคิกคักเมื่อถูกร่างสัตว์ร้ายเอาหัวไซร้คอ หน้าเปียกชื้นไปด้วยน้ำลายของเจ้าเสือ
   
“ จะ เจ้า แมว ”
   
องค์ชายยิ้มลูบหัวมันเบาๆ
   
เสือขาวส่งเสียงฮือในลำคอตอบรับ
   
“ ขะ ข้าชื่อเวสเปอร์ ยินดีที่ได้รู้จักเจ้านะ ! ”

   
พยัคฆ์ขาวขององค์ชายกลายเป็นที่เลื่องลือของชาวเมืองถึงความแปลกประหลาด ในปกติสัตว์ร้ายนั้นมักจะไม่เชื่องกับมนุษย์เช่นพวกเขา สิ่งที่ถูกกล่าวกันลับๆ คือ กษัตริย์นั้นได้จัดเตรียมสัตว์วิเศษมาให้แก่ลูกของตนเองอยู่แล้ว ! คำล่ำลือนี่ไม่ว่าจะอยู่บ้านใดก็ล้วนได้ยิน
   
ทุกคนล่วงรู้ถึงความผิดปกติขององค์รัชทายาท
   
และล่วงรู้เช่นกันที่องค์ชายรองถูกสนับสนุนอย่างดีจากองค์กษัตริย์
   
ในตอนนี้องค์รัชทายาทจึงเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น

   

“ ข้า ข้าทำไม่ได้ ” องค์ชายก้มหน้ามองพื้น มือสั่นไม่รู้ตัว
   
อาจารย์ผู้มากอายุมององค์ชายด้วยความรู้สึกสมเพชแต่ก็ถูกซ่อนไว้หลังแววตาอาดูร “ แม้แต่เด็กยังสามารถทำได้ เหตุใดที่ท่านจะทำไม่ได้ล่ะ องค์ชาย ”
   
“ ... ”
   
ขอร้องล่ะ
   
อย่าได้ทนสอนข้าอีกเลย
   
 ขะ ข้ารู้ตนเองดีว่า ข้าไม่มีทางจำมันได้
   
องค์ชายตัดสินใจวิ่งหนีออกจากห้องเรียนของตัวเองทันที
   
ร่างที่อายุล่วงเลยมาเกือบยี่สิบปีแต่ขนาดตัวไม่ได้ต่างจากวัยรุ่นเท่าใด
   
กระโดดเข้ากอดเสือขาวที่เพิ่งได้มาไม่นาน
   
“ ข้าจะร้องเพลง ให้ ให้เจ้าฟังนะ ”
   
ยิ้มร่าเริง
   
ในหัวลืมเรื่องที่ตัวเองเกือบจะร้องไห้เป็นที่เรียบร้อย
   
“ แม่ข้าชอบร้องเพลงนี้มากเลย ชอบมาก ”
   
“ แต่ แต่ตอนนี้ข้านึกไม่ออกว่ามันร้องยังไง ”
   
“ โง่ โง่จริงๆ ข้านี่มันโง่ตามที่พ่อว่า ”   
   
“ เจ้าคิดว่ายังไง เจ้าจะด่าข้าเหมือนทุกคนไหม ด่าไหม ”
   
องค์ชายใหญ่แม้จะมีตำแหน่งถึงเป็นรัชทายาทแต่ทุกคนต่างไม่ได้ให้ความเคารพ กษัตริย์ผู้เกรียงไกรได้ยอมส่งอาจารย์ที่ดีที่สุดเข้าสอนองค์ชายเมื่อพยัคฆ์ขาวยอมสิโรราบอย่างง่ายดาย
   
สิ่งชาวเมืองเล่าขานนั้นเป็นจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง
   
ที่เป็นจริงคือพยัคฆ์ขาวที่องค์ชายได้มานับว่ามาจากโชคโดยแท้จริง
   
ส่วนที่ไม่จริงคือ กษัติรย์นั้นไม่ได้แยแสที่จะหาสัตว์วิเศษหรือแม้แต่อาวุธให้ด้วยซ้ำ !



   
   
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-01-2016 21:40:12
ตอนที่ 1 : สังหารองค์ชาย
   
ตามประเพณีดั้งเดิม รัชทายาทจะถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์กษัตริย์เมื่ออายุ 21 ปีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ถ้าหากองค์แรกนั้นเสียชีวิตก็ให้เลือกตามลำดับขั้นไปเรื่อยๆ หรือถ้าหากไม่มีทายาทก็จะมีการเสี่ยงทายโดยโหนหลวงเพื่อหาเด็กมาชุบเลี้ยงเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของเมือง
   
อีกไม่ถึงเดือน
   
จะถึงพิธีแต่งตั้ง
   
นับว่าเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดสำหรับเวสเปอร์
   
องค์ชายคนโตที่ปัญญาอ่อน
   
ไม่สามารถเรียนรู้ด้านการปกครอง เศรษฐกิจ หรืออะไรที่สามารถเป็นประโยชน์
   
เป็นเพียงองค์ชายอ่อนแอที่ไม่ได้รับความเคารพ
   
ทั้งภายในและภายนอก
   
ข่าวลือหนาหูเรื่ององค์ชายคนโตมีมากมายเกี่ยวกับความผิดปกติ
   
สาวใช้คนสนิทปากมากมักจะเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับองค์ชายที่ตนดูแล ให้เป็นที่จะตลกขบขัน
   
เคราะห์ดีที่มันไม่ถึงหูของกษัตริย์
   
ไม่เช่นนั้นคอของนางอาจจะถูกบั่น
   
สรุปได้ถ้าหากเวสเปอร์ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์กษัตริย์จริงๆ
   
ไม่ใช่เพียงแค่ขุนนางจะไม่ยอมรับ
   
นั่นจะรวมถึงชาวเมืองทั้งหลายด้วย
   
กษัตริย์ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนมักจะถูกต่อต้านและนำพาไปสู่สงครามกลางเมือง
   
เพื่อป้องกันสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าทุกกรณี
   
คือ การสังหารรัชทายาท !

   

“ เจ้าแมว เจ้าหิวไหม ถ้าหิวบอกข้าได้นะ ข้าจะ ข้าจะเอามาให้ เจ้ากินปลาใช่รึเปล่า ? เอ แต่ถ้าจะกินปลาข้าก็ต้องตกปลา แล้วข้าจะไปตกที่ใดกัน ” องค์ชายพูดด้วยความร่าเริง
   
นานแล้วที่เขาไม่มีเพื่อนพูดคุย
   
เสือขาวกระดิกหูตอบและเอาหัวไซร้คอด้วยท่าทีออดอ้อนส่งเสียงเครือครางในลำคอ
   
“ น่ารัก เจ้ามันน่ารักชะมัด คิกๆ ”
   
องค์ชายหัวเราะเบาๆ ลูบหัวมัน
   
ตั้งแต่วันที่องค์ชายได้เจอพยัคฆ์ขาวก็ขลุกอยู่กับมันเกือบจะตลอดเวลาที่สามารถอยู่ได้
   
จะกินข้าวจะนอนก็กินอยู่กับเจ้าเสือ
   
คนที่หงุดหงิดไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากสาวใช้คนสนิท
   
เจ้าแมวขององค์ชายดุร้ายกับทุกคนที่ไม่ใช่เจ้าของ
   
หากก้าวขาในบริเวณมันเพียงนิดก็จะถูกจ้องเขม็งด้วยสายตาวาวโรจน์
   
ทำให้การที่จะเรียกองค์ชายไปอาบน้ำกินข้าวทำได้ยากกว่าปกติเป็นเท่าตัว
   
ไม่สามารถแสดงอารมณ์หงุดหงิดอะไรใดๆ ออกมาได้
   
เพราะดูแล้วพยัคฆ์ขาวจะไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับนายของมัน
   
“ องค์ชายทานข้าวได้แล้วนะเพคะ ”
   
พูดเสียงหวานด้วยความรู้สึกขยะแขยงในตัวเอง
   
น้ำเสียงกระแทกกระทั้นไม่สามารถนำออกมาใช้ได้เมื่อมีพยัคฆ์ขาวคุ้มกะลาหัวองค์ชาย
   
สาวใช้คนนี้มักจะแสดงท่าทีวางก้ามกับองค์ชายเสมอเมื่อกี้โอกาส ใช้ความผิดปกติขององค์ชายเป็นเครื่องมือในการกดขี่แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีฐานะเป็นถึงองค์ชาย
   
ในเมื่อพ่อขององค์ชายยังไม่สนใจ
   
เหตุใดที่ใครก็ตามต้องเคารพองค์ชายล่ะ ?
   
เมื่อได้ยินชื่อตัวเองก็หันไปตามเสียง สีหน้าบูดบึง ตบหัวเจ้าเสือเบาๆ แทนคำกล่าวลา “ ข้าไปกินข้าวก่อนนะเจ้าเสือ ไว้ค่อยมาเล่นกันใหม่ ข้าจะ ข้าจะหาปลามาให้เจ้าด้วย ! ”
   
พยัคฆ์ขาวคำรามตอบเบาๆ ก่อนจะหลับต่อ แต่ฉับพลันนัยน์ของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ลุกพรวดกระโจนเข้าหาองค์ชายที่ยังเดินไม่ทันพ้นประตู คาบคอเสื้อมาหยุดยืนที่นอนเดิมของตัวเอง
   
องค์ชายถึงกับห้อยต่องแต่ง
   
“ เจ้าแมว เจ้าแมว ข้าไม่ใช่ลูกเจ้านะ มาคาบคอข้าได้ยังไงกัน ”
   
ขนาดตัวที่ต่างจากพยัคฆ์ทั่วไปขับให้พยัคฆ์ขาวดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
   
มันวางองค์ชายไว้ข้างกายเลียหน้าแผล่บเบาๆ ก่อนจะจ้องหน้าสาวใช้นิ่ง
   
“ อะไร.. อะไรของเจ้า ข้าจะพาองค์ชายมากินข้าว ”
   
สาวใช้พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
   
สายตาของมันพร้อมที่จะฆ่านางในทุกวินาที
   
ราวกับรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนไว้ภายในเสื้อ
   
ยาพิษที่ใช้ผสมอาหาร ที่กินไปเพียงนิดก็สามารถตายได้ง่ายๆ
   
มันถูกฝากฝังมาจากขุนนางคนสนิทของกษัตริย์
   
สาวใช้คาดเดาเองว่าไม่แน่อาจจะเป็นกษัตริย์เสียเองที่ฝากมา
   
ชายผู้นั้นถ้าหากเจอสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์
   
จะตัดออกทันที
   
ในครั้งนี้อาจจะรวมถึงบุตรชายคนโตของเขา
   
เพื่อเปิดทางให้กับองค์รัชทายาทคนรองที่อายุห่างกันไม่กี่ปีเท่านั้น
   
สติปัญญาความเฉียบแหลมถึงขั้นอัจฉริยะ
   
คล้ายกับว่าองค์ชายรองได้รับทุกอย่างในสิ่งที่คนพี่ไม่มี
   
เรียกว่าเป็นความโชคร้ายของคนพี่โดยแท้จริง
   
ความผิดปกติที่ไม่มีใครเห็นใจ

   

“ เจ้าเสือ ข้าหิวนะ เมื่อไหร่เจ้าจะให้ข้ากินอะไรสักที ” องค์ชายบ่นแต่หน้าตายังเจือไปด้วยรอยยิ้ม “ ไม่เช่นนั้นข้าจะกินหางเจ้านะ ! หางเสือขาว คิกๆ ข้าเคยกินแค่ซุปหางวัวเอง ”
   
เจ้าเสือสะบัดหางหนีเมื่อถูกมือองค์ชายตะปปเล่น
   
“ ข้าหิวจริงๆ น้า ”
   
องค์ชายเริ่มงอแง
   
“ เจ้าไม่สงสารข้าบ้างเหรอเจ้าเสือ ฮือ ”
   
เจ้าเสือมองหน้าองค์ชายนิ่งก่อนจะเลียหน้าแผล่บๆ ราวกับกำลังปลอบใจ
   
ตึก ตึก ตึก
   
“ ฆ่า !! ฆ่า !! ฆ่า !! ”
   
เสียงฝีเท้าจำนวนมากพร้อมคำปลุกใจดังแว่วเข้ามาในห้อง
   
องค์ชายสะดุ้งเฮือกเอามืออุดหู
   
“ ฮือ ฆ่า จะฆ่าใครกัน ”
   
น้ำตานองหน้า
   
ความกลัวถูกปลุกขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ
   
พยัคฆ์ขาวคำรามออกมาเสียงดังลั่น
   
ทุกอย่างล้วนสั่นไหว
   
ไม่เว้นแม้แต่ประตูเหล็กหนักๆ
   
เหล่าทหารกล้าอาวุธครบมือเดินเรียงแถวเข้ามา ผู้นำนั้นสวมเสื้อคลุมสีแดง ดาบปลายแหลมสลักด้วยลวดลายประหลาดถูกชี้เข้าที่หน้าพยัคฆ์
   
“ ฆ่ามัน !! ”
   
เสียงเฮดังลั่นเป็นการตอบรับพร้อมกับบุกโรมรันใส่เจ้าเสือขาว
   
เจ้าเสือคาบคอเสื้อองค์ชายกระโดดข้ามไปบนกำแพง หน้าต่างสีสวยถูกพังด้วยร่างยักษ์ของมัน
   
“ เหวออ เจ้าเสือ เจ้าจะบินเหรอ ” องค์ชายร้องดังลั่นเอามือปิดตาแน่นจนกระทั่งได้เหยียบพื้นอีกครั้งถึงได้ยอมปล่อยมือออก
   
องค์ชายที่ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ไม่เคยออกนอกเขตปราสาทแม้แต่ครั้งเดียว
   
ตอนนี้กำลังยืนอยู่หลังกำแพงปราสาท
   
เสียงระฆังหลังกำแพงดังกึกก้องบอกถึงเหตุร้ายที่กำลังเกิดขึ้น
   
“ จะหนีไปไหนเล่า องค์ชาย ? ”
   
น้ำเสียงยียวนชวนให้คุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างหลัง
   
ขัดจังหวะองค์ชายที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับโลกภายนอก
   
ที่ตัวเองไม่เคยสัมผัสแม้สักครั้งเดียวในชีวิต
   
“ มีอะไร ”
   
องค์ชายเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็พูดเสียงเบา
   
เกาะเจ้าเสือแน่น
   
น้องชายของเขานั่นเอง
   
ร่างองอาจสวมชุดหรูหราเข้ากับผมทองสนิทนัยน์ตาสีเดียวกัน
   
ต่างจากเขา
   
ที่มีผมสีขาวโพลนนัยน์ตาสีทอง
   
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ผมกลายเป็นสีที่ผิดแผกจากตระกูล
   
“ ข้าก็แค่จะกำจัดขยะของตระกูลก็เท่านั้น พี่ชาย ”
   
น้ำเสียงยั่วเย้า จ้องพี่ชายด้วยสายตาเชือดเฉือน
   
องค์ชายไม่สามารถตีความหมายโดยนัยได้จึงได้แต่ตอบกลับไปซื่อๆ
   
“ ถ้าหากเจ้าต้องการกำจัดขยะ ข้า ข้าจำได้ว่ามันอยู่หลังครัวนะ ”
   
เส้นเลือดขึ้นปูดบนหน้าผาก
   
ดาบยักษ์ส่งแสงเรืองตามอารมณ์ของเจ้าของ
   
เจ้าเสือขู่คำรามในลำคอย่างเท้ายืนขวางองค์ชาย
   
“ แค่แมวอย่างเจ้าคิดว่าจะคณามือข้างั้นเหรอ ? ”
   
ส่งเสียงหึในลำคอ ก่อนจะตวัดดาบใส่
   
พยัคฆ์ขาวใช้กรงเล็บในตั้งรับดาบ สี่เท้าจิกบนพื้น ขู่คำรามเสียงดังลั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
   
องค์ชายรองถึงกับเผลอเอามืออุดหู
   
“ เที่ยวเล่นพอแล้วงั้นเหรอ ฟินด์ ”
   
ปรากฏร่างของชายที่สูงและองอาจยิ่งกว่าองค์ชายรอง
   
บรรยากาศรอบตัวเย็นเยียบชวนให้รู้สึกสันหลังวาบ ไม่มีใครกล้าสบตาชายคนนี้นาน นัยน์ตาสีแดงก่ำที่พร้อมจะจ้องลึกถึงก้นบึ้งของจิตใจว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผมสีดำสนิทถูกตัดสั้นเป็นทรงที่ขับให้รูปหน้าคมดูน่าเกรงขาม ผิวสีแทนที่ถูกแดดกัดกร่อนเล่าถึงการเดินทางที่ฝ่าแดดฝ่าฝนอยู่เสมอ รอยแผลเป็นน่ากลัวถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าเนื้อดีสีดำ
   
ทุกอย่างล้วนขับกล่อมให้ชายผู้นี้
   
ไม่ใช่คนทั่วไป
   
และเป็นที่หวาดกลัวกลับผู้ที่พบเจอ
   
“ หือ ? ดูเหมือนว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญนะ ”
   
ทั้งๆ ที่พูดด้วยน้ำเสียงปกติ
   
แต่องค์ชายรองกลับรู้สึกหวาดกลัว
   
ในรูปของประโยคนั้นดูธรรมดา แต่อารมณ์ที่แฝงนั้นไม่ใช่
   
เขาไม่ชอบคนที่แส่ไม่เข้าเรื่อง
   
“ ยังไม่ไปอีก ”
   
รอยยิ้มมุมปากปรากฏ นัยน์ตาสีแดงวาวโรจน์เช่นเดียวกับสัตว์ป่า
   
“ ที่นี้คือเมืองของข้า เหตุใดที่ข้าจะยืนที่นี่ไม่ได้ล่ะ พยัคฆ์ดำ ”
   
ทั้งๆ ที่รู้สึกหวาดกลัวแต่ก็พยายามข่มมันด้วยท่วงท่าขององค์ชาย
   
ความหวาดกลัวไม่ควรเผยให้ศัตรูเห็น
   
นั่นคือสิ่งที่ทั้งชีวิตขององค์ชายรองรับรู้ตั้งแต่จำความได้
   
เพราะเขานั้นจะเป็นกษัตริย์เหนือแผ่นดินนี้  !
   
คำพูดยียวนที่ถูกสวนกลับมาทำให้ผู้ที่ถูกเรียกขานว่าพยัคฆ์ดำนั่นรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย
   
“ ถ้าเป็นเช่นนั้น ”
   
มองร่างขององค์ชายรองราวกับมดปลวก
   
“ จงระวังตัวให้ดี แม้ว่าเมืองนี้จะเป็นถึงเมืองหลวง ก็ไม่สามารถทำให้ข้ากลัวได้หรอกนะ องค์ชาย !! ”  สิ้นเสียงตะโกนเสียงดังลั่น เคลื่อนไหวเข้าหาองค์ชายรองราวกับพยัคฆ์ที่โกรธจัด
   
แม้จะมีเพียงแค่สองเท้าและไร้กรงเล็บ
   
แต่การลงดาบทุกอย่างล้วนดุดันเฉกเช่นฉายา
   
องค์ชายรองทำได้เพียงตั้งรับคมดาบ
   
แม้ว่าองค์ชายจะเป็นถึงหัวกะทิในทุกด้าน
   
แต่ก็ต้องพ่ายแพ้กับพยัคฆ์ดำ
   
ที่ผ่านการต่อสู้มานับร้อยนับพันครั้ง
   
พยัคฆ์ดำเป็นฉายาที่ถูกตั้งขึ้นจากผู้ที่เคยพบ
   
การพเนจรไปเรื่อยๆ ของพยัคฆ์ดำนั้นมักจะเป็นที่กล่าวขาน
   
ฆ่าผู้คนได้ราวกับผักปลา
   
ขุนนางผู้โลภมากถูกคว้านทอง
   
หรือแม้กระทั่งเจ้าเมืองบ้าอำนาจบางคราก็กลายเป็นศพ   
   
เมื่อพยัคฆ์ดำมาเยือน
   
พยัคฆ์ดำนั้นทั้งถูกสรรเสริญและด่าทอ
   
บางทีชาวบ้านธรรมดาที่ให้ที่อยู่นั้นพยัคฆ์ดำก็ถูกฆ่า
   
แต่สาเหตุนั้นไม่มีใครล่วงรู้
   
ว่าเกิดจากอะไร
   
พยัคฆ์ดำมักจะมาพร้อมกับพยัคฆ์ขาว
   
เสือจริงๆ ที่ดุร้ายเช่นเดียวกับนายของมัน
   
บางทีฉายาอาจจะมาจากสัตว์เลี้ยง
   
สีดำคู่กับสีขาว
   
คงจะเป็นเช่นนั้น
   
“ สะ เสือ เพื่อนเจ้างั้นเหรอ เจ้าแมว ” องค์รัชทายาทเพิ่งจะได้สติก็ตัวสั่นทันที มือขยำขนเจ้าเสือแน่น
   
เจ้าเสือคำรามในลำคอเบาๆ
   
“ นะ น่ากลัว ข้ากลัว เพื่อนเจ้าน่ากลัว เขา เขาจะฆ่าน้องชายของข้าเหรอ ”
   
องค์ชายถามเสียงสั่น
   
แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบน้องชายของตนเอง
   
แต่ก็ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายตาย
   
ความสัมพันธ์ทางสายเลือดอย่างไรก็ไม่มีวันตัดขาด
   
จะปฏิเสธให้ตายอย่างไร
   
ก็เป็นพี่น้องกันอยู่ดี
   
เจ้าเสือมองหน้าองค์ชายนิ่งราวกับกำลังใช้ความคิด ก่อนจะหันไปคำรามเรียกเจ้านายของมันมา
   
พยัคฆ์ดำเบ้ปากเซ็งๆ ยอมรามือจากองค์ชายรองปล่อยให้อีกฝ่ายได้หนีกลับเข้ากำแพงไปหัวซุกหัวซุน แล้วเดินมาหยุดยืนหน้าองค์ชาย
   
“ เจ้าไปเก็บเด็กที่ไหนมากัน ? ”
   
นัยน์ตาสีแดงสำรวจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า วิเคราะห์อีกฝ่ายในใจ
   
แต่งกายด้วยชุดเชื้อพระวงศ์แต่ไม่หรูเท่าเด็กเมื่อกี้นี้
   
หน้าตาคล้ายกันประมาณหนึ่งส่วน
   
ไม่ค่อยคมสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่หวานเช่นกัน
   
เด็กๆ ก็ประมาณนี้ล่ะมั้ง
   
มีหน้าตาชวนให้คนเอ็นดู
   
ไม่เหมือนข้าที่ดูดุตั้งแต่เด็ก
   
แต่ผมสีขาวโพลนนี่ดูแปลกตาจริง
   
ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยเห็นสักครั้ง
   
เจ้าเสือไม่ตอบเอาดุนหลังให้องค์ชายขยับเข้าไปใกล้เจ้านายของตนเอง
   
“ เจ้าจะเอาไปด้วย ? ข้าไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กนะ ฟินด์ เจ้าก็รู้การดูแลคนอื่นมันเป็นเรื่องน่ารำคาญ ”
   
เจ้าเสือขู่ตอบกัดแขนองค์ชายเบาๆ ให้ตอบอะไรเจ้านายของตนบ้าง
   
“ โอ้ย เจ้าแมวอย่ากัดข้า ข้าเจ็บ ”
   
องค์ชายลูบแขนที่ถูกกัดเบาๆ ตั้งแต่เมื่อกี้นี้องค์ชายไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับพยัคฆ์ดำ เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นเมื่อถูกอีกฝ่ายมองมากๆ
   
“ แมว ? ”
   
พยัคฆ์ดำทวนและหัวเราะในลำคอ
   
ฟินด์ดุร้ายถึงขนาดที่ว่าเคยโดนเรียกว่าปีศาจพยัคฆ์ด้วยซ้ำ แต่เจ้าเด็กนี่เรียกแมว
   
ตลกดี
   
องค์ชายได้ยินเสียงหัวเราะก็เงยหน้าขึ้นมากล้าๆ กลัวๆ
   
เห็นสีหน้าที่มีรอยยิ้มทำให้ความกลัวคลายลงไปนิดหน่อย
   
“ เจ้าเป็นใคร ”
   
พยัคฆ์ดำพูดน้ำเสียงปกติ
   
อยากจะทดสอบผู้ที่จะมาร่วมทางกับตน
   
พยัคฆ์ของเขานั้นได้เลือกบุคคลนี้มา
   
ย่อมต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน
   
องค์ชายสะดุ้งโหยงกำขนเจ้าเสือแน่น “ ขะ ข้าเป็นองค์รัชทยาท ”
   
พยัคฆ์ดำเลิกคิ้วด้วยความสนใจ
   
ดูท่าฟินด์จะไปลากบุคคลสำคัญมาร่วมทางแล้วสิ
   
แต่การลอบฆ่าเมื่อกี้นี้คงเป็นคำตอบได้ว่า องค์ชายผู้นี้ไม่ถูกยอมรับ
   
หรือไม่ก็เก่งกาจจนผู้ที่กระหายอำนาจต้องสังหารเสียก่อน
   
“ ข้าชื่อ ชื่อ เวสเปอร์ เจ้าจะเรียกข้าว่า องค์ชายก็ได้ มี มีแต่คนเรียกข้าแบบนี้ ทั้งๆ ที่ข้าชอบชื่อของข้ามากกว่า ”
   
พยัคฆ์ดำเริ่มจับความผิดปกติในการพูด
   
เหตุใดที่องค์รัชทายาทผู้นี้ยังพูดกระอึกกระอัก
   
ผู้ที่เป็นถึงองค์ชายควรจะมั่นใจในตนเอง
   
อาจจะเป็นการเสแสร้ง
   
นัยน์ตาของพยัคฆ์ดำวาวโรจน์
   
เขาเจอร้อยเล่ห์พันเหลี่ยมมานักต่อนัก
   
จะมารูปแบบใดกันองค์ชาย
   
“ แล้วเจ้าล่ะ เจ้าชื่อ ชื่ออะไร ”
   
“ โลกัส ”
   
องค์ชายขมวดคิ้ว
   
“ ข้าว่า เจ้าชื่อ เจ้าเสือ ดีกว่า เจ้าเสือ ”
   
โลกัสหลุดหัวเราะ
   
ฟินด์เป็นแมว ข้าเป็นเสือ
   
“ แล้วเจ้าล่ะ เป็นอะไร ”
   
“ ข้า ข้าเป็นองค์ชาย ข้าว่าข้าบอกเจ้าไปแล้วนะ ”
   
โลกัสยิ้ม
   
แล้วสิ่งที่เจ้าทำอยู่นั้น
   
เป็นความจริงหรือการเสแสร้งล่ะ
   
องค์ชาย ?
   
      
   

   
   
   
   
   
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-01-2016 21:42:58
ตอนที่ 2 : ปลอมตัว
   
“ เจ้าต้องปลอมตัว ”
   
เจ้าเสือว่าอย่างนั้นก่อนจะพาข้าเข้าร้านขายชุดใกล้ๆ
   
ชาวบ้านรอบบริเวณต่างพากันจับจ้องพยัคฆ์ดำไม่กล้าพูดหรือขยับตัว
   
“ อย่าได้แพร่งพรายว่าเจ้าเคยพบองค์ชาย ”
   
โลกัสพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบแต่ผู้ที่ได้ฟังนั้นรู้ดีว่าพยัคฆ์ดำนั้นหมายถึงอะไร
   
หากมีผู้อื่นล่วงรู้เรื่องนี้เข้า
   
พยัคฆ์ดำก็จะตามมาสะสางถึงที่บ้าน !
   
“ นี่ นี่ข้าไม่มีเงินหรอกนะ ” องค์ชายดึงกระเป๋ากางเกงออกมาเผยให้เห็นว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างในแม้แต่อย่างเดียว ซึ่งท่าทางขององค์ชายนั่นดูตลกและคล้ายเด็กไม่เข้ากับอายุ
   
เสียงหัวเราะหลุดออกจากริมฝีปากของผู้คน
   
เว้นเพียงโลกัส
   
“ เงียบ ”
   
พูดเสียงดัง
   
“ ข้า ข้าไม่พูดก็ได้ ” องค์ชายสะดุ้งมือกำขนฟินน์แน่นย้ายสายตาเปลี่ยนไปมองชุดที่ถูกแขวนเรียงรายรอให้คนมาเลือกซื้อ
   
“ ข้าไม่ได้หมายถึงเจ้า ”
   
โลกัสมององค์ชายนิ่งแต่ยิ้มมุมปาก
   
ข้าแค่ไม่อยากให้องค์ชายต้องกลายเป็นตัวตลกเท่านั้น
   
ไม่ว่านั่นจะเป็นการเสแสร้งหรือเรื่องจริงก็ตาม
   
“ เลือกเอาชุดที่เจ้าชอบแล้วกัน ”
   
“ จะ เจ้าจะซื้อให้ข้าเหรอ แต่ แต่ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้ใส่ชุดที่ไม่ได้ถูกเตรียมให้ ”
   
โลกัสเริ่มรู้สึกรำคาญ
   
“ เลือกๆ เอาเถอะ ตอนนี้เจ้าอยู่กับข้าไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถผูกมัดเจ้าได้ ”
   
แม้ว่าสิ่งที่ต้องแลกคือการปฎิเสธสายเลือดของตัวเองก็ตาม
   
เมื่อได้ฟังคำอนุญาตองค์ชายก็เดินวนรอบร้านทันที ตาเป็นประกายสนใจทุกอย่างที่อยู่ในร้านไม่เว้นแม้แต่แมงมุมสีแปลกตาที่แอบชักใยในช่องเล็กๆ องค์ชายใช้นิ้วเขี่ยอย่างนึกสนุกโดยลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าตนนั้นกำลังทำอะไร
   
มือขององค์ชายถูกกระชากออกพร้อมร่าง
   
“ นั้นมันแมงมุมมีพิษ ! ”
   
โลกัสแทบจะตวาด
   
ถ้าหากว่าข้าไม่เห็นล่ะ
   
ไม่วายคงถูกกัดแน่
   
ไม่ว่านี่จะเป็นการเสแสร้งหรือเรื่องจริง
   
ข้าก็ไม่ต้องการที่จะเห็นใครตายต่อหน้า !
   
เวสเปอร์ตกใจจนตัวแข็งปากคอสั่นทำอะไรไม่ถูก “ ขะ ข้า ข้า ”
   
“ เรื่องแบบนี้แม้แต่เด็กยังรู้เลยองค์ชาย ถ้าหากว่านี่เป็นการแสร้งทำ ก็บอกข้ามา ! ข้าจะยอมปล่อยกลับวังไป แต่ถ้าหากข้าจับได้ทีหลังว่าเจ้าโกหก เจ้าคงจะรู้ดีว่าจะมีจุดจบแบบใด ”
   
องค์ชายก้มหน้าต่ำพยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองร้องไห้
   
ท่านแม่สอนข้าไว้ว่าหากเป็นองค์ชายก็ต้องเข้มแข็ง
   
“ ข้าขอโทษ ขะ ข้าไม่รู้ จะ เจ้าอย่าว่าข้าเลย ฮือ อย่าว่า ”
   
แต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้
   
องค์ชายนั้นได้ถูกตำหนิอย่างหนักหน่วงทุกวัน ไม่มีใครเข้าใจถึงอาการป่วย ฐานะที่สูงศักดิ์ผลักดันให้ทุกคนทำอะไรก็ได้ให้องค์ชายนั้นมีศักยภาพพอที่จะปกครอง แต่สิ่งที่ไปนั้นล้วนไร้ค่าเมื่อองค์ชายที่ว่านั่นปัญญาอ่อน
   
โชคดีที่องค์ชายนั้นไม่รู้จักการฆ่าตัวตาย
   
ไม่เช่นนั้นมันคงจะถูกใช้ไปแล้ว
   
บรรยากาศเย็นเยียบอ่อนลงทันทีเมื่อน้ำตาหยดลงบนพื้น
   
โลกัสยังคงเจือความข้องใจไว้ในอก
   
หรือว่าจะเป็นเรื่องจริง ?
   
ฉับพลันภาพในหัวที่ชาวนาผู้ใจดีที่ถูกว่าจ้างมาให้ฆ่าเขาก็ปรากฏวูบ
   
ไม่สิ
   
ไม่ว่าใครนั้นก็ไว้ใจไม่ได้
   
ท่าทีของโลกัสไม่แข็งกร้าวเช่นเมื่อกี้แต่ก็ไม่ประนีประนอมเช่นกัน
   
ไว้เชิงในระยะที่พอดี
   
หากเป็นการเสแสร้งเพื่อฆ่า โลกัสจะไม่ลังเลที่จะฆ่าอีกฝ่ายทันทีเลยแม้แต่น้อย
   
แต่ถ้าหากเป็นเรื่องจริง
   
ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าข้าจะเช่นไรกับองค์ชาย
   
“ ข้าไม่ว่าเจ้าแล้ว เลือกชุดเถอะ ”
   
โลกัสลูบหัวของเวสเปอร์เบาๆ
   
แต่น้ำตาที่ปรากฏทำให้ข้าใจแข็งตะคอกด่าอีกรอบไม่ได้จริงๆ
   
องค์ชายสะอื้นอยู่สองสามทีก่อนจะสูดหายใจลึก
   
“ ข้า ข้าจะไม่เล่นแมงมุมสีสวยนั่นแล้ว ข้า ข้าสัญญา ”
   
โลกัสเลิกคิ้วให้ความสนใจกับคำพูดของเวสเปอร์
   
ฟังลื่นหูดีไม่หยอก
   
“ อืม ถ้าแบบนั้นข้าก็จะไม่ว่าเจ้า รีบเลือกชุดแล้วข้าจะพาไปหาอะไรกิน ”
   
เสียงเครือครางในลำคอของฟินน์บอกอย่างนั้น
   
นับว่าเป็นการบ่นของเสือก็ว่าได้
   
จากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมา
   
“ อือ ! ”
   
องค์ชายยิ้ม
   
“ ข้า ข้าจะรีบหาชุด ! ”
   
ให้คำมั่นสัญญาก่อนจะใช้สายตาสอดส่องเสื้อผ้าพร้อมสะกดจิตตัวเองไม่ให้ไปยุ่งกับเจ้าแมงมุมสีสวยนั่นอีก
   
ผ้าบนราวแขวนเกือบทุกชุดถูกองค์ชายดึงออกมาดูและวิจารณ์เบาๆ คนเดียว
   
“ แข็งจัง ”
   
“ สีดำ อี้ ไม่เอา ข้าไม่ชอบปลาหมึก ”
   
“ สีน้ำตาล สีน้ำตาล ต้นไม้ ! ข้าเป็นองค์ชายจะเป็นต้นไม้เพิ่มไม่ได้ ”
   
โลกัสเริ่มคิ้วกระตุกอีกรอบเมื่อมันนานเกินความจำเป็น
   
ฟินน์ก็ใช้เล็บสะกิดขาโลกัสยิกๆ จนมันเบื่อลงไปนอนกลิ้งรอบนพื้น
   
เจ้าเสือขององค์ชายเกือบจะได้ตะคอกอีกรอบ
   
เคราะห์ดีที่องค์ชายเดินมาหาโลกัสก่อน
   
“ ข้า ข้าเอาอันนี้ ”
   
เป็นเสื้อตัดมุมเรียบร้อยตรงชายเสื้อมีลูกไม้ประดับตามเสื้อมีลวดลายดอกไม้สีพื้นเป็นเหลืองอ่อน
   
โลกัสยิ้มแห้ง
   
“ องค์ชายที่เจ้าถืออยู่มันชุดสตรี ”
   
องค์ชายชะงักค้างก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเสียใจมาก
   
เหมือนกับเด็กไม่ได้เล่นของเล่นชิ้นโปรด
   
“ งั้นเหรอ.. ขะ ข้าจะเลือกใหม่ ”
   
พูดเสียงเบาลากขาสั้นๆ กลับมาเลือกใหม่ที่มุมใหม่
   
แต่โลกัสคงไม่ได้มีอารมณ์ที่จะรอขนาดนั้น
   
“ ฟินน์ ”
   
เรียกสัตว์เลี้ยงหรือเพื่อนของตัวเองให้เลิกนอนขี้เกียจ
   
ฟินน์หาวหวอดบิดตัวไปมาอย่างขี้เกียจทิ้งภาพลักษณ์พยัคฆ์ขาวไปโดยสิ้นเชิง
   
ทำเอาชาวบ้านที่เห็นอ้าปากค้าง
   
โลกัสมองเห็นสีหน้านั้นแต่ไม่ได้ใส่ใจ
   
ฟินน์คงจะมีข่าวลือใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา
   
โลกัสก้าวเพียงไม่กี่ครั้งก็ถึงตัวองค์ชายดึงร่างจากพื้นมาวางบนหลังฟินน์ที่ยังหลับตาส่งเสียงครางง่วงๆ
   
“ ขะ ข้ายังเลือกไม่ได้เลย ”
   
องค์ชายทำท่าจะลงจากตัวฟินน์แต่ก็ถูกโลกัสกดร่างไว้
   
“ ใส่ๆ ไปสักตัวเถอะ แค่ไม่ใช่เสื้อหรูนี่ก็พอ ”
   
ไม่ว่าเปล่าโลกัสแกะปมเชือกทันที ไล่มือปลดกระดุมที่ประดับอยู่บางตา ดึงเสื้อคลุมตัวนอกออกเหลือเพียงชั้นในบางๆ สีขาว
   
เวสเปอร์สะดุ้งเมื่อตัวเองถูกถอดเสื้อโดยที่ยังไม่ทันได้ขัดขืน
   
“ เจ้า เจ้าปิดตา ! เลยนะ ”
   
พยายามเอามือปิดตาโลกัสแต่ก็ไม่สำเร็จ
   
“ ข้าจะปิดตาไปทำไมกันองค์ชาย ”
   
โลกัสถามเสียงหงุดหงิดมือข้างนึงรวบมือขององค์ชายไว้ส่วนอีกข้างก็ปลดกางเกงออก
   
“ แม่ข้าบอกว่า ว่าจะเป็นตากุ้งยิง ถ้า ถ้าเจ้าดูคนไม่ใส่เสื้อ ”
   
โลกัสชะงักมือที่ถอดกางเกง
   
หลุดหัวเราะออกมา
   
องค์ชายนี่ งี่เง่าชะมัด
   
เรื่องหลอกเด็กพรรค์นี้เชื่อไปได้ยังไง
   
“ เจ้าขำ ขำอะไร ! แม่ ข้าบอกว่ามันเจ็บ เจ็บมากๆ ”
   
“ ถ้าเช่นนั้นข้าคงจะเป็นตากุ้งยิงตายแล้ว ”
   
โลกัสดึงกางเกงของเวสเปอร์ออกโยนทิ้ง
   
 “ แย่ แย่แล้ว แม่ข้าไม่ได้บอกว่ามันรักษาอย่างไร “
   
องค์ชายลนลาน
   
“ มองข้าสิองค์ชาย ”
   
ไม่สามารถกลั้นยิ้มนี้ได้จริงๆ
   
องค์ชายให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูไม่น้อย
   
หวังว่าเจ้าจะไม่หลอกข้านะองค์ชาย
   
“ อ้ะ ทำไม ทำไมเจ้าถึงไม่เป็นอะไรเลยล่ะ ”
   
โลกัสไม่ตอบปล่อยให้องค์ชายงุนงงต่อไป
   
เสื้อสีขาวลวดลายสีเทาที่ดูเรียบๆ พร้อมกางเกงคู่ชุดกันถูกนำไปใส่ให้องค์ชาย
   
ต้องยอมรับว่าชุดนี้เข้ากับองค์ชายไม่น้อย
   
ดูสง่างามและสูงค่า
   
แม้ว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นจะไม่ได้มากค่าเช่นเดียวกับฐานะขององค์ชาย
   
เสื้อคลุมสีดำถูกดึงออกมาจากตัวหุ่นคลุมองค์ชายไว้อีกชั้น
   
และสีดำก็ทำให้องค์ชายได้สติ
   
“ สีดำ ! ข้าไม่ชอบปลาหมึก ข้า ข้าไม่ชอบ ”
   
“ ใส่ซะ คนอื่นจะได้รู้ว่าเจ้ามากับพยัคฆ์ดำ ”
   
โลกัสดึงมือของเวสเปอร์ออกมากัดจนเป็นรอยฟัน
   
“ โอ๊ย นี่เจ้ากัดข้า กัดทำไม ข้า ข้าเจ็บ ฮือ ”
   
“ หากจะมากับข้าจงยอมรับในสิ่งที่ข้ากระทำ องค์ชาย ”
   
“ ก็ได้ ”
   
องค์ชายยอมสงบปากสงบคำ ใช้มืออีกข้างลูบรอยแผลเบาๆ
   
“ ท่านแม่ ถ้าข้าโดนเสือกัด ขะ ข้าจะตายไหม ”
   
เวสเปอร์พูดเสียงเบากับตัวเอง
   
โลกัสไม่ตอบเพียงยิ้มมุมปาก
   
การกัดมือเป็นเพียงการเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น
   
เพื่อให้องค์ชายยอมอยู่นิ่งๆ
   
เหรียญทองที่มีมูลค่าสูงเกินกว่าจะมาจับจ่ายในตลาดนับสิบเหรียญถูกนำไปวางบนโต๊ะของเจ้าของร้านที่ตอนนี้ไปยืนอยู่หลังร้านยื่นหน้าออกมาดูลูกค้า
   
ในระหว่างที่เดินนั้นไม่มีเสียงอะไรแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าจะมีผู้คนมากมายเดินกันพลุกพล่าน แต่ในตอนนี้ทุกคนหยุดชะงักอยู่กับที่จับจ้องไปที่พยัคฆ์ดำที่เดินทอดอารมณ์อย่างสบายใจด้วยความหวาดกลัว
   
ชื่อเสียงของพยัคฆ์มีอานุภาพมากพอทำให้เด็กร้องไห้จ้าเมื่อได้ยินชื่อ
   
แต่กลับมีเสียงหวานคล้อยมาตามสายลมเบาบาง
   
ขับขึ้นเสียงสูงก่อนจะค่อยๆ ทอดเสียงลงมาเป็นบทเพลงที่ทั้งเศร้าและสุขในเวลาเดียวกัน
   
“ ขลุ่ย ! เสียงขลุ่ย ข้าชอบ ชอบ”
   
องค์ชายตาเป็นประกายพยามเขย่าตัวเจ้าเสือให้เปลี่ยนทิศทางการเดินไปหาต้นเสียงที่นั่งอยู่ไกลๆ
   
ฟินน์เงยหน้ามองโลกัสเชิงขออนุญาต
   
โลกัสพยักหน้า
   
เจ้าเสือทะยานไปข้างหน้าทันที กระโดดข้ามสิ่งกีดขวางได้อย่างง่ายดายซึ่งสิ่งกีดขวางที่ว่าไม่ใช่อะไรนอกจากพวกชาวบ้านที่ยืนกันเต็มพื้นที่ เมื่อมาถึงเวสเปอร์ก็นั่งฟังชายชราที่ยังคงจรดปากที่ปลายขลุ่ยปล่อยให้เสียงบรรเลงแทนความรู้สึก
   
เวสเปอร์หลับตาลง
   
เสียงขลุ่ยทำให้ข้านึกถึงแม่
   
แม่ข้าชอบให้ข้าวาดรูป เล่นดนตรี
   
ข้าชอบเล่นขลุ่ย ชอบในเสียง รูปร่าง วิธีการควบคุมเสียง
   
ส่วนแม่ของข้าชอบเพลงที่ข้าบรรเลง
   
โลกัสหยุดยืนฟังเงียบๆ ข้างเวสเปอร์
   
จนกระทั่งเมื่อเพลงบรรเลงจบชายชราก็เงยหน้าขึ้นมองผู้ทั้งสองคนนิ่งๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปเล่นเพลงอื่นต่อ
   
สิ่งที่ไม่ได้สังเกตกันแต่แรกคือผ้าที่ถูกปูไว้สำหรับใส่เงิน
   
เงินสองเหรียญทองถูกหยิบจากกระเป๋าของโลกัสก่อนจะวางตรงหน้าชายชรา แต่เจ้าของการแสดงเปิดหมวกก็ไม่ได้สนใจให้สมาธิกับการบรรเลงเพลงมากกว่า
   
“ ชอบขลุ่ยงั้นเหรอ ” โลกัสถามองค์ชาย
   
“ อืม ! ข้า ข้าชอบมากเลย เล่นแล้ว เล่นรู้สึกดี ”
   
โลกัสหัวเราะหึๆ รับ
   
โครกกกก
   
เสียงครวญครางดังออกมาจากท้องฟินน์
   
ฟินน์คำรามออกมาเสียงดัง
   
ดูหงุดหงิด
   
“ เอาเถอะๆ พวกเราไปกินข้าวกันก่อนที่เจ้าแมวจะหงุดหงิดกัน ”
   
“ อืม ! ข้าหิว หิวเหมือนกัน ”
   
   
   
   
   
   
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-01-2016 21:49:48
ตอนที่ 3: มอมเหล้าองค์ชาย
   
โลกัสพาองค์ชายเข้าร้านอาหารที่ดูลับตาคน แต่พอเปิดประตูเข้าไปในร้านนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง เสียงตะโกนคุยกันเสียงดนตรีเล่นเพลงกันครื้นเครง ผู้คนเมามายกอดคอคุยโวเรื่องต่างๆ ไฟไม่กี่ดวงถูกจุดเพียงเพื่อให้แสงสว่างแค่เพียงพอต่อการมองดูรายการอาหารแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสลัวอยู่ดี
   
ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านมีชื่อพอสมควร
   
เป็นร้านที่นักเดินทางมักจะมาแลกเปลี่ยนข่าวสารกันหรือแลกเปลี่ยนสินค้าด้านหลังร้าน มีทั้งสินค้าทั่วไป หายาก หรือแม้แต่สินค้าต้องห้ามก็ยังหาได้จากร้านนี้
   
สาเหตุที่ร้านนี้ไม่ถูกปิดไปเพราะเจ้าของร้านที่มีลูกชายเป็นองคมนตรีของกษัตริย์บวกกับร้านนี้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับเมืองได้มากกว่าการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวสิบแห่งด้วยซ้ำ
   
เป็นร้านอาหารที่รวบรวมทุกอย่างไว้ครบครัน
   
แม้แต่เรื่องอย่างว่า
   
แสงไฟที่มืดสลัวทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าผู้ที่เข้ามาใหม่นั้นคือพยัคฆ์ดำ
   
“ นายท่านต้องการอะไร” น้ำเสียงหวานหยดย้อยเข้ามาคลอเคลียทันทีเมื่อรู้ว่าผู้ที่เข้ามานั้นเป็นชายฉกรรจ์ มือบางเกาะเกี่ยวแขนแกร่งอย่างออดอ้อน
   
รอยยิ้มแตะแต้มมุมปากโลกัส
   
หากเป็นเวลาปกติคงจะไม่ปฏิเสธหญิงสาวแต่ตอนนี้ท้องนั้นว่างเกินทนแล้วยังมีองค์ชายนี่มาด้วย
   
“ ข้าขอแค่อาหารแล้วกัน ”
   
หญิงสาวทำท่าเสียดายแต่ก็ยังยิ้มรับ “ ให้ข้านำทางท่านไปนะ ”
   
โลกัสเสียงอืออาในลำคอเชิงตอบรับ
   
ท่าน ?
   
พยัคฆ์ดำขมวดคิ้ว
   
ทำไมแค่ท่านล่ะ
   
หันซ้ายหันขวาก็พบว่าร่างขององค์ชายนั่นหายไปแล้ว ส่วนฟินด์ที่เปลี่ยนร่างเป็นแมวตัวเล็กแล้วก็ยังร้องแง้วๆ จากกระเป๋าเสื้อ
   
เวร !!
   
“ เจ้าจัดที่นั่ง 3 ที่ให้ข้า ไว้ข้าจะไปนั่งเอง ”
   
หันไปพูดเสียงเฉียบขาด
   
ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งในอารมณ์ที่เปลี่ยนไปกะทันหันจึงรีบรับคำแล้วเข้าไปจัดที่ทันที ไม่กล้าตอแยอะไรอีก ลูกค้าที่หญิงสาวพบนั้นมีหลายรูปแบบ อารมณ์แปรปรวนเช่นนี้จากประสบการณ์บอกไว้ว่าไม่ควรยุ่งมากที่สุด
   
โลกัสขบกรามแน่นหงุดหงิด ร้านที่ใหญ่โตทำให้การหาตัวคนนั้นเป็นไปได้ยาก
   
องค์ชายนั่นแสร้งทำจริงๆ ด้วย !
   
หลอกให้ข้าพาตัวออกมาแล้วก็หนีไป
   
แต่ก่อนที่โลกัสจะตัดสินองค์ชายแบบนั้นก็ได้ยินเสียงของคนที่กำลังก่นด่าพอดี
   
“ ข้า ข้าไม่เคยกิน แต่ แต่หวานข้าชอบ ”
   
หน้าขององค์ชายแดงก่ำ
   
ตั้งแต่ที่เข้ามาในร้านองค์ชายที่วันๆ ขลุกตัวอยู่แต่ในปราสาทก็สนใจทุกอย่าง เผลอเดินสำรวจโดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าตัวเองก็ถูกผู้อื่นสำรวจเช่นกัน หน้าตาหมดจดเหมือนกับลูกกวางที่เข้ามาในป่าเต็มไปด้วยสัตว์ร้าย องค์ชายถูกชักชวนให้นั่งด้วยและถูกมอมเหล้าด้วยความนึกสนุกของกลุ่มนักเดินทางที่เต็มไปด้วยชายฉกรรจ์
   
“ ฮ่าๆๆ ชอบก็ดีแล้ว กินอีกสิ ”
   
ภายใต้ความนึกสนุกก็มีความเอ็นดูอยู่ไม่น้อย
   
แต่ก็เพียงเท่านั้น
   
เด็กที่ยังไม่ทันได้รู้จักโลกนั้นหอมหวานเพียงใด ?
   
หากได้ลองลิ้มรสคงจะคุ้มกับราคาเหล้าที่เสียไป
   
แววตาฉายชัดถึงความหื่นกาม ไม่ละเว้นว่าจะเป็นเพศใด การจะซื้อบริการจากหญิงสาวของร้านนั้นราคาแพงเกินทน สู้จับเอาคนในร้านไม่ง่ายกว่าหรือ
   
องค์ชายรับแก้วไปดื่มอีกราวกับสิ่งที่กำลังกินอยู่เป็นเพียงน้ำที่ตนกินเป็นประจำ
   
ความรู้สึกแปลกใหม่ทำให้องค์ชายรู้สึกดี
   
ความมึนงงในหัวทำให้องค์ชายจดจำไม่ได้ว่าตัวเองนั้นมากับใครด้วยซ้ำ
   
แม้แต่ตอนที่ถูกกระชากไปพาดไหล่ก็ยังหัวเราะคิกคัก
   
“ ท่านแม่ ท่านแม่เล่นอะไร ”
   
“ เขามากับข้า ”
   
โลกัสพูดเสียงต่ำ จ้องผู้ที่แย่งองค์ชายไปด้วยสายตาเหมือนจะฆ่าให้ตาย
   
ความเมามายที่มีอยู่ในหัวหายไปทันที เมื่อรู้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นใคร ปากคอสั่นพูดอะไรไม่ออกทันทีราวกับโดนสาปให้ไม่สามารถพูด
   
พยัคฆ์ดำแบกองค์ชายกลับไปนั่งที่นั่งด้วยความหงุดหงิด
   
“ ข้า ข้าอยากกินอีก คิกๆ ”
   
องค์ชายเริ่มเลื้อยใส่โลกัสโดยไม่ได้สังเกตหน้าของโลกัสแม้แต่น้อย
   
ว่ากำลังจะกัดหัวองค์ชายอยู่แล้ว
   
“ ไม่มีเงินจ่ายก็หุบปากไป !  ”
   
โลกัสตะคอกจนองค์ชายสะดุ้งเฮือกคู้ตัวทันที
   
“ ฮือ ข้า ข้าไม่กินก็ได้ ”
   
พอเวสเปอร์ร้องไห้ อารมณ์ของโลกัสก็เย็นลง ไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้น
   
ต้องยอมรับว่าเมื่อกี้ที่หงุดหงิดเพราะองค์ชายหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าวทำให้คิดว่าหนีไปแล้ว
   
แต่ตอนนี้องค์ชายไม่ได้หนีไปเพียงแค่ถูกชวนให้กินเหล้าเท่านั้น
   
หน้าแดงก่ำที่ตอนนี้เหมือนตาจะแดงก่ำไปด้วย
   
จะว่าไปคนเมาก็สามารถล้วงหาความลับได้นี่ ?
   
โลกัสยิ้ม
   
หน้าแดงก่ำนี่ก็สามารถแสร้งเมาได้
   
ไอ้ท่าทีเด็กๆ นี่ก็แกล้งทำได้เหมือนกัน
   
มือหนาลูบหัวองค์ชายเบาๆ เชิงปลอบ
   
“ อยากกินแบบไหน ? แบบเดิมหรือเปล่า ที่อร่อยกว่านี้ก็มีนะ ”
   
องค์ชายสั่นหัวดิกกอดตัวเองแน่นกว่าเดิม
   
“ ไม่ ฮือ ข้าไม่กินแล้ว ”
   
โลกัสขมวดคิ้ว
   
แง้ววว
   
ฟินด์ตะเกียกตะกายออกมาจากกระเป๋าเสื้อกระโดดไปหาองค์ชาย พยายามใช้เนื้อตัวคลอเคลียอย่างออดอ้อนแต่สายตากลับสั่งให้เจ้านายสั่งอะไรมากินสักที
   
แง้ว !
   
“ ก็ได้ๆ เจ้าท่าจะหิวมากนะฟินด์ ” พยัคฆ์ดำโบกมือเรียกความสนใจแต่ก็ไม่มีใครสนใจจึงตัดสินใจตะโกนดังลั่น “ ข้าเอาเนื้อย่างสามจาน ! กับเหล้าที่แรงที่สุดที่ร้านเจ้ามี ! ”
   
เสียงของพยัคฆ์ดำนั้นเหมือนพยัคฆ์คำรามไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไรระหว่างที่พยัคฆ์ดำตะโกน
   
ผู้คนที่เมามายเริ่มรู้ว่าแขกผู้มาใหม่นั้นเป็นนักฆ่าเลื่องชื่อ
   
มีเพียงองค์ชายที่ไม่รู้ถึงฐานะของโลกัส
   
“ เจ้าแมว.. ” องค์ชายพูดเสียงเบา จดจำได้ทันทีว่าแมวที่คลอเคลียตัวเองอยู่คือฟินด์ ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วกอดฟินน์แน่น
   
โลกัสคิ้วกระตุกเมื่อเห็นองค์ชายกลับมาอารมณ์ดีง่ายๆ เพราะฟินน์
   
ทั้งๆ ที่พยัคฆ์ดำนั้นก็ปลอบเหมือนกัน
   
เจ้าของร้านเมื่อได้ยินเสียงของพยัคฆ์ดำก็ตกใจจนตัวสั่น รัดคิวการทำอาหารให้กับพยัคฆ์ดำทันที ในครัวเกิดความโกลาหลกับการหาเนื้อที่ดีที่สุด เหล้าราคาแพงและแรงที่สุดในร้านที่มักจะใช้ต้อนรับเจ้าขุนมูลนายถูกเปิดและนำมาเสิร์ฟให้กับพยัคฆ์ดำทันที
   
แก้วใสเล็กๆ ถูกวางตรงหน้าโลกัสและเวสเปอร์
   
หญิงสาวคนเดิมค่อยๆ รินน้ำด้วยใจเต้นรัว
   
หวาดกลัวสุดขั้วหัวใจว่าตนจะทำอะไรผิดแล้วจะถูกฆ่า
   
แต่หน้าตาหล่อเหลาของพยัคฆ์ดำก็ยั่วยวนหญิงสาวเช่นกัน
   
ให้ความรู้สึกว่าหากได้กอดสักครั้งคงจะคุ้มค่ากับการต้องทิ้งชีวิต
   
โลกัสมองหญิงสาวตาขวางเชิงไล่เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมไปไหนสักที มือหนาคว้าตัวองค์ชายมานั่งตักตัวเอง องค์ชายนั้นตัวเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับโลกัส
   
ราวกับพ่อกับลูกกำลังหยอกล้อกันยังไงยังงั้น
   
เวสเปอร์ตกใจพยายามตะเกียกตะกายออกจากตัก
   
“ ไม่ ไม่ อึก ข้าไม่กินแล้ว ฮือ ”
   
ความหงุดหงิดเข้ามาในหัวโลกัสอีกครั้ง
   
“ ข้าเอาให้กินแล้ว เจ้าจะร้องไห้ทำไมอีก ”
   
ยื่นแก้วเล็กที่มีน้ำสีอำพันนอนแน่นิ่งอยู่
   
โลกัสรู้จักกลิ่นนี้ดี
   
เหล้ารสหวานแผดเผาคอที่กินไปเพียงนิดก็เมาได้ง่ายๆ
   
ถ้าไม่คอทองแดงแบบข้าไม่มีทางที่เจ้าจะไม่เมา
   
องค์ชาย
   
โลกัสรู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังทำตัวแบบชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น
   
แต่ใครจะทำไม  ?
   
หากจะเดินทางกับข้า ข้าต้องการความจริง
   
เพื่อความปลอดภัยที่สุดสำหรับข้า
   
การลอบฆ่าจากคนข้าเริ่มไว้ใจไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ
   
องค์ชายยอมนั่งนิ่งๆ เมื่อได้กลิ่นหวาน
   
แต่ก็ยังคงสะอึกสะอื้น
   
“ ข้าไม่ว่าเจ้าแล้วองค์ชาย กินเถอะ ”
   
หน้าหมดจดขององค์ชายทำให้โลกัสใจอ่อนยวบ
   
“ จะ เจ้าสัญญาแล้วนะ ”
   
องค์ชายถามเสียงสั่น
   
ยอมรับแก้วไปจรดริมฝีปากและค่อยๆ กลืนลงไปจนหมดแก้ว
   
“ อร่อย.. ข้า ข้าขอกินอีก ”
   
โลกัสยิ้มยื่นแก้วต่อไปให้ทันทีและรินต่อให้เรื่อยๆ จนหมดขวด
   
“ นี่ขอรับ เนื้อย่างสามจาน ”
   
เจ้าของร้านเสิร์ฟด้วยตัวเองเพราะกลัวว่าคนอื่นจะทำให้พยัคฆ์ดำขัดใจเข้า
   
“ ขอบใจ ”
   
โลกัสพูดด้วยความอารมณ์ดี หยิบเนื้อย่างโยนให้ฟินน์ไปแทะ
   
“ ข้า ข้าขอด้วยสิ ”
   
องค์ชายยิ้มกว้างขณะที่พูด แขนข้างนึงเกาะโลกัสแน่นส่วนแขนอีกข้างพยายามคว้าเนื้อย่างที่โลกัสยื่นให้ แต่ก็ไม่สามารถคว้าได้สักที ไม่ใช่เพราะโลกัสยกหนีแต่เป็นเพราะภาพที่เวสเปอร์เห็นนั้นไม่อยู่นิ่ง
   
“ ข้าจะให้เจ้ากิน ก็ต่อเมื่อเจ้าตอบคำถามข้า ”
   
“ อือ ได้ สิ คิกๆ ” องค์ชายพิงตัวกับตัวของโลกัส
   
“ เจ้าเป็นใคร ? ”
   
“ ข้า ข้าคือองค์ชายไง เจ้าไม่รู้งั้นเหรอ ” เวสเปอร์เอียงตัวไปมาบนตักอย่างซุกซน
   
พยัคฆ์ดำแค่นเสียงหึ
   
“ ข้ารู้เรื่องนั้นดี องค์ชาย.. เจ้าเก่งในเรื่องใดบ้าง ”
   
“ อืออ เก่ง ข้าเก่งดนตรีล่ะ ! อึก วาดรูป ข้าก็วาดได้ ” องค์ชายหลับตาพริ้มวาดไม้วาดมือบนอากาศราวกับพยายามวาดรูปให้โลกัสเห็นเพื่อยืนยันฝีมือตัวเอง
   
เก่งในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์สักนิด
   
โลกัสคิดเบื่อๆ
   
“ แล้วการรบล่ะองค์ชาย เจ้าเก่งด้านนี้ไหม ”
   
มือที่วาดในอากาศชะงักค้าง องค์ชายเก็บมือทันที ก้มหน้าต่ำ “ ข้า อึก ข้า  ข้าจำไม่ได้ ”
   
“ จำไม่ได้ ? ท่านจำในสิ่งที่ท่านร่ำเรียนไม่ได้ ? ”
   
โลกัสไล่จี้ทันทีเพื่อเฟ้นหาความจริงในคำพูด
   
เวสเปอร์น้ำตาคลอกอดตัวเองแน่น “ ข้า ข้าจำไม่ได้จริงๆ ฮึก เจ้า เจ้า อย่าว่าเลย ข้าขอโทษ ฮือ ข้า ข้าปัญญาอ่อนเหมือนที่ทุกคนว่าจริงๆ เจ้า เจ้าอย่าด่าข้าเลยนะ ”
   
ปัญญาอ่อน ?
   
โลกัสผิวปาก
   
เรื่องนี้ข้าเคยได้ยินมาแว่วๆ จากนักเดินทาง
   
ไม่คิดว่าจะเป็นจริง
   
แต่เพียงแค่นี้ยังไม่ทำให้ข้าปักใจช่วยเหลือเจ้าได้เต็มที่หรอกนะองค์ชาย
   
“ เจ้าปัญญาอ่อนจริงเหรอ เวสเปอร์ ”
   
ถามเสียงเข้ม มือหนาจับปลายคางบังคับให้นัยน์ตาสีทองสบกับสีแดงก่ำ พยายามมองลึกเข้าไปภายในดวงตาเพื่อหาสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่
   
เวสเปอร์กัดปากไม่ยอมตอบ ตัดสินใจหลับตาแน่นมีเพียงน้ำตาที่ไหลบ่าออกมา
   
“ ร้องไห้ไม่ใช่การแก้ปัญหาหรอกนะองค์ชาย ตอบคำถามข้ามาดีกว่า ถ้าเจ้ายังอยากกินเนื้อนี่ ”
   
“ ข้าไม่รู้.. ”
   
“ ใครเป็นคนสอนดนตรีให้กับเจ้า ”
   
โลกัสตัดสินใจเปลี่ยนคำถาม
   
สีหน้าขององค์ชายจึงดูมีสีเลือดขึ้นเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “ ฮึก แม่ ท่านแม่เป็นคนสอนข้า ”
   
“ แล้วท่านแม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน ? ”
   
โลกัสถามลองเชิงดูเท่านั้น
   
เพราะรู้ดีว่าองค์ราชินีนั้นสวรรคตนานแล้ว เป็นเพียงอุบายตื้นๆ สำหรับทดสอบองค์ชายและผลที่ได้รับนั้นก็ทำให้พยัคฆ์ดำต้องตกใจ
   
เวสเปอร์ตัวสั่นเทาหอบหายใจหนัก
   
โลกัสตกใจแต่ไม่ได้ลงมือทำอะไร
   
ราวกับเสือโคร่งกำลังเฝ้ามองกวาง.. เฝ้ารอเมื่อสบโอกาส หากมีอะไรผิดปกติ พยัคฆ์ดำจะไม่ลังเลในการทิ้งองค์ชายทันที
   
“ ท่านแม่ ท่านแม่เกลียดข้า ฮึก ” องค์ชายพูดเสียงสั่นความเค็มจุกในลำคอ นัยน์ตาเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพที่ท่านแม่ใช้มีดแทงตัวเองอยู่ตรงหน้า
   
เวสเปอร์ถ้าเจ้าไม่เกิดมาก็คงดี !
   
เสียงตะคอกดังก้องในหัว
   
“ อ้ากกกก ” เวสเปอร์กรีดร้องดังลั่นก่อนจะกอดตัวเองแน่น  “ ข้าขอโทษ ข้า ข้ารักท่านนะ ท่านแม่ ” พยายามคว้าร่างจางๆ ตรงหน้า
   
ข้าคิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ของท่าน..
   
อย่าเกลียดข้าเลย..
   
“ พอแล้ว เวสเปอร์ พอแล้ว ”
   
โลกัสดึงตัวองค์ชายมากอดแน่น ลูบหัวปลอบให้หยุดร้อง
   
“ ข้าเชื่อแล้ว.. ”
   
เวสเปอร์ไม่ตอบอะไรอีกหน้าซุกกับของโลกัสสะอึกสะอื้น
   
แง้ว
   
ฟินน์ครางในลำคอพยายามเอาตัวเองไถเวสเปอร์เผื่อว่าตัวเองจะช่วยอะไรได้บ้าง
   
โลกัสมองร่างที่กอดตัวเองแน่นนิ่ง
   
องค์ชายปัญญาอ่อนผู้นี้เจออะไรมากัน..
   
แววตาที่สะท้อนถึงความเจ็บปวดชัดเจนแบบนี้
   
ไม่มีทางที่จะเป็นการแสร้งทำเลย
   
พยัคฆ์ดำจ้ององค์ชายด้วยแววตาที่อ่อนลง
   
ปัง !!
   
“ พวกข้าเป็นทหารของราชา ! ใครไม่เกี่ยวอย่าแส่ ซุกหัวเน่าๆ แล้วหลบไป ธุระของพวกข้าคือการฆ่าพยัคฆ์ดำและองค์ชายเวสเปอร์ที่ก่อกบฏ ! ”
   

ฉับพลันแววตาของพยัคฆ์ดำเปลี่ยนเป็นดุร้ายทันที
   
เสียงเซ็งแซ่ดังวุ่นวายเมื่อรู้ว่าผู้ที่อยู่กับพยัคฆ์ดำเป็นถึงองค์ชายและยังกล้าก่อกบฏ เดิมทีพวกเขาเพียงเฝ้ามองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นแต่เมื่อรู้เช่นนี้ การทำให้ตัวเองมีชีวิตรอดจากตรงนี้ได้คงจะเป็นเรื่องที่ฉลาดที่สุด !
   
ขวดเหล้าแก้วตกแตกต่อเนื่องเมื่อชายฉกรรจน์ร่างโตหลายๆ คนพยายามไปหลบข้างใต้ โต๊ะเอียงกระเทเร่ทำให้อาหารทุกอย่างกระจัดกระจายหกเลอะเต็มพื้น ความฉลาดเฉลียวของคอเหล้าดูจะหายไปหมดเมื่อเจอน้ำเมา ความคิดโง่ๆ อย่างการซุกตัวในพรมยังถูกเอามาใช้ หลายคนที่วิ่งพล่านไปมาพยายามหาทางออก
   
นั่นทำให้ผู้ที่เพิ่งประกาศประกาศิตไปนั้นถึงคำคิ้วกระตุก
   
ดาบที่ประดับประดาไปด้วยอัญมณีหลากสีบอกถึงยศตำแหน่งสูงสุดของทหารถูกชักออกมาและฟันลงที่โต๊ะใกล้ตัวจนขาดครึ่ง
   
“ อยู่ให้นิ่ง ! หัวของพวกเจ้าจะไม่หลุดออกจากบ่า ! ”
   
เจ้าของดาบคำรามดังลั่นวิ่งพรวดเข้าไปหาพยัคฆ์ดำ
   
เมื่อผู้นำทัพได้นำทาง ผู้ตามอย่างทหารที่ชั้นน้อยกว่าก็โถมเข้าไปทันที จำนวนที่เข้ามานั้นมีเพียงไม่มากแต่มากฝีมือ ทหารที่เหลือจึงทำหน้าที่คุมเชิงอยู่หน้าประตู ไม่เปิดโอกาสให้พยัคฆ์ดำได้ฝ่าหนีออกไปได้
   
“ ฟินน์ ”
   
พยัคฆ์ดำแสยะยิ้ม
   
“ ฮื่อออ ”
   
เสือขาวร่างยักษ์ปรากฏตัวพร้อมคำรามเสียงดังลั่นจนอากาศสะเทือน
   
“ เจ้าเอาเวสเปอร์ไป ! ”
   
โลกัสโยนตัวเวสเปอร์ให้ฟินน์ในขณะเดียวกันก็ดึงดาบของตัวเองออกมา
   
ฟินน์กระโดดงับที่คอเสื้อของเวสเปอร์
   
“ ดูแลเขาให้ดี ”
   
โลกัสพูดเสียงกระซิบ ดาบยักษ์สีดำเงาสะท้อนแสงไฟสลัว
   
“ ดาบของข้ากำลังกระหายเลือดพอดี ”
   
เคร้ง !!
   
ดาบที่โถมเข้ามาถูกโลกัสสกัดอย่างง่ายดาย โลกัสเบี่ยงตัวหลบคมดาบที่ลอบฟันมาจากด้านหลังก่อนจะใช้ดาบฟันแขนเป็นการตอบแทน
   
“ อ้ากกกก ”
   
เจ้าของแขนกรีดร้องดังลั่นเมื่อพบว่าตัวเองเหลือเพียงครึ่งแขนอีกทั้งครึ่งแขนนั้นยังเนียนกริบเหมือนกับเนื้อที่ถูกฝาน
   
ผู้นำทัพกัดฟันด้วยความโมโหเมื่อพบว่าชั้นเชิงดาบของตัวเองเมื่อเทียบกับพยัคฆ์ดำนั้นแย่จนน่าร้องไห้
   
โครม
   
หลังคาร้านเป็นรูเมื่อถูกฟินน์กระโจนใส่และหลบหนีไป
   
เสียงดังกระทบกันดังลั่นนับสิบครั้งก่อนจะหยุดเมื่อโลกัสหยุดการลงดาบ
   
“ ข้าจะไม่ฆ่าผู้ที่ไม่กระทำผิด ” พยัคฆ์ดำเลียริมฝีปากด้วยท่าทางกระหาย
   
สมญานามเรื่องนักฆ่าไม่ได้เป็นเพียงคำเล่าสนุกปาก
   
พยัคฆ์ดำชื่นชอบการฆ่า
   
รื่นรมย์ยิ่งหากเหยื่อนั้นแข็งแกร่ง
   
ผู้ที่เคยเปล่งคำพูดโอหังไม่กล้าทำอะไรต่อ ตัวนิ่งค้าง เพียงถือดาบไว้เชิง รู้ถึงความสามารถของตัวเองดี
   
คำสัตย์ที่เคยเปล่งวาจากับกษัตริย์ย้ำเตือนในหัว
   
ชีวิตนี้มีไว้เพียงแด่องค์ราชัน
   
ไม่รู้ตัวได้กระชับมือที่ถือดาบ เข้าโรมรันใหม่อีกครั้ง
   
โลกัสแสยะยิ้มพอใจ
   
“ แต่ถ้าหากเจ้าต้องการข้าย่อมสนองให้ ”

----------------------------

ยาวสะใจ  :katai5:


   
   
   
   
   
   
   
   
   
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 05-01-2016 22:28:51
ว๊ายๆ องค์ชายน้องจะได้ประสบพบเจออะไรอีกล่ะน้อ รอลุ้นๆ  :m13:
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีจ้า จะติดตามเรื่อยๆนะคร๊า   :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: nasa_risa ที่ 05-01-2016 22:32:21
 :katai2-1: :katai2-1:
สนุกมากเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้
ลุ้นตอนต่อไป
ปล.องค์รัชทายาท(? )น่ารัก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-01-2016 23:11:10
 o22

ลงจนหมดสต๊อคแล้ววววว

อ่านไปน้ำตาซึมให้เวสเปอร์ น้องน่าสงสาร (มากๆๆๆๆๆๆๆๆ)

อันที่จริงทางวังน่าจะปล่อยเด็กไปนะ เพราะยังไงๆองค์ชายสองก็ยังมีชีวิตอยู่.....ได้ตำแหน่งชัวร์ๆ

***

โหรหลวง
ตะปบ




บางทีชาวบ้านธรรมดาที่ให้ที่อยู่นั้นพยัคฆ์ดำก็ถูกฆ่า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 05-01-2016 23:17:29
สนุกมา  รีบมาต่อนะค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา


 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 05-01-2016 23:29:37
อ่านไปน้ำตาซึมไป.....ชีวิตน้องช่างน่าสงสาร แต่ถึงจะ ปญอ.ก็ไม่น่าจะต้องฆ่าแกงกันเลยนี่ รอตอนต่อไปงับ :z3:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 06-01-2016 00:26:24
สนุกมากเลยจ้า :hao7:

สงสารองค์ชายจัง :mew2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 06-01-2016 00:51:53
สงสารองค์ชาย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 06-01-2016 01:32:56
ดูแลองค์ชายดีๆนะฟินน์
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-01-2016 01:37:41
สนุกๆๆๆๆ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: xirainx@gamil.com ที่ 06-01-2016 02:09:11
ปูเสื่อรอเลย
ชอบมาก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-01-2016 15:52:18
สงสารองค์ชาย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 06-01-2016 17:03:33
น่าสงสารองค์ชายจัง
เจ้าแมวกับเจ้าเสือก็ดูแลดีๆนะ

ว่าแต่ทำไมท่านแม่ต้องฆ่าองค์ชายด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-01-2016 19:10:41
ให้กษัตริย์เปลี่ยนกฏใหม่ สั่งปลดเพราะความไม่พร้อมขององค์ชายก็ได้มั้ง นี่ขนาดถึงต้องฆ่ากันเลยก็เกินไป
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 06-01-2016 19:41:21
น่าสงสารรัชทายาท  :hao5:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: aaoo ที่ 06-01-2016 20:05:32
ชอบอ่ะ  มาต่อเร็วน่ะ  รอจร้า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-01-2016 21:34:39
เรื่องใหม่มาแล้ววววว
องค์ชายมุ้งมิ้งน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 06-01-2016 21:43:44
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-01-2016 21:45:06
 :ling1:

อยากเห็นเด็กเมาเหล้าแล้ว



(กินเด็กเป็นอมตะนะโลกัส ^^)
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 4 5 ม.ค 58
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 12-01-2016 23:27:05
ตอนที่ 4
   
ความสูญเสียเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องประสบ
   
พยัคฆ์ดำรู้ดีถึงความรู้สึกที่ต้องสูญเสียใครไป จึงไม่ได้ลงมือฆ่าจริงๆ จังๆ อย่างที่พูด เพียงแค่แย่งดาบมาและเลาะอัญมณีออกทั้งหมด
   
ดาบเปรียบเสมือนศักดิ์ศรีของนักดาบ การทำแบบนี้เท่ากับเป็นการหมิ่นเกียรติ
   
แต่ถ้าแลกกับชีวิต ศักดิ์ศรีโง่ๆ ก็ไม่ควรจะมีประดับตัว
   
โลกัสโยนดาบทิ้งไว้บนพื้น ยัดอัญมณีใส่กระเป๋าเสื้อ
   
ยิ้มแสยะด้วยความพอใจ
   
อัญมณีหายากแบบนี้ น่าจะได้เงินมากพอควร
   
โลกัสมักจะมีช่องทางในการหาเงินมากมายเพื่อใช้ในการเดินทางของตัวเอง นี่ก็เป็นวิธีหนึ่งที่เจ้าตัวชอบมาก เพราะทั้งได้เงินมากและยังสนุกไม่เบา
   
เพียงแต่ครั้งนี้ดูจะง่ายเกินไปหน่อย
   
พยัคฆ์ดำถอนหายใจเซ็งๆ สาวเท้าออกจากที่ซ่อน
   
ตรอกมืดใกล้ร้านเป็นสถานที่ที่โลกัสใช้ซ่อนตัว มันใกล้จนเหมือนอยู่ใต้จมูก แต่โลกัสก็เลือกที่จะใช้มัน ผู้คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามในสิ่งที่ตนแน่ใจและคิดไว้ในหัว ความประมาทเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ทำให้มีหลายสิ่งใช้ประโยชน์จากมัน บ่อยครั้งที่แมวขโมยตัวเล็กตัวใหญ่มาหลบซ่อนในที่แห่งนี้
   
และตอนนี้แมวตัวใหญ่กำลังย่างเท้าอย่างสบายอารมณ์ รัตติกาลกลืนกินดวงตะวัน ทำให้ทุกอย่างมืดสลัว คบไฟที่มีอยู่ตามจุดทำเพียงแค่ให้แสงสว่างในทางเดิน แผงลอยขายอาหารหรือของต่างๆ ส่งเสียงจอแจพยายามขายกันคึกคัก มากกว่าในตอนกลางวันเป็นเท่าตัว
   
เสื้อคลุมสีดำของพยัคฆ์ดำทำให้การกลืนหายไปในความมืดเป็นเรื่องง่าย โลกัสเดินผ่านผู้คนอย่างเงียบเชียบและว่องไว ในหัวปรากฏสถานที่ฟินน์ได้ไปรอกับองค์ชาย พยัคฆ์ดำและพยัคฆ์ขาวนั้นเปรียบเสมือนคู่หูที่สามารถรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แม้ไม่ต้องปริปากพูดก็สามารถรับรู้ได้
   
♪~
   
เสียงขลุ่ยเสียงเดิมทอดหวาน
   
โลกัสชะงักขาที่ก้าวเดิน หยุดมองชายชราที่เคยพบ
   
เวสเปอร์ชอบเสียงขลุ่ย สามารถเล่นดนตรีได้
   
“ เจ้ามีขลุ่ยขายอีกไหม ”
   
เสียงขลุ่ยหยุดลง ขลุ่ยไม้ถูกวางไว้บนตัก ชายชราจดจ้องพยัคฆ์ดำนิ่ง ไม่มีความกลัวเกรงแม้จะรู้ว่าร่างภายใต้เสื้อคลุมนั่นเป็นใคร ความกร้านโลกทำให้ความกลัวของชายชราจางหายไปจนหมด
   
“ ข้ามีขลุ่ยเพียงอันเดียวในชีวิตของข้า ”
   
มือกร้านลูบขลุ่ยไม้ด้วยความรักใคร่
   
“ สิ่งที่ข้าขายมีเพียงบทเพลงต้องห้าม ” ชายชราหยิบกระดาษเก่าๆ หนึ่งแผ่นออกมา
   
กระดาษสีขาวที่เปลี่ยนเป็นเหลือง ถ่านที่ใช้จดบันทึกเลือนรางจนสังเกตได้ยากว่าสิ่งที่บันทึกอยู่มีลักษณะเป็นอย่างไร
   
“ อย่าได้คิดจะเอากระดาษมาหลอกขายข้า ”
   
โลกัสพูดเสียงเย็น กังขาในกระดาษเต็มที่
   
ชายชรายิ้มมุมปาก “ เอาไปเถอะ เงินที่เจ้าให้ข้ามากพอจะทำให้ข้าสุขสบายไปหลายเดือน ”
   
กระดาษถูกยื่นให้กับพยัคฆ์ดำ
   
“ บทเพลงนี้ข้าไม่สามารถบรรเลงมันออกมาได้เพราะความสามารถของข้ามีไม่มากพอ ลูกเล่น การสอดแทรกทำนองของมันซับซ้อนมาก ข้าศึกษามันตั้งแต่ยังเด็กตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำได้ ถึงเวลาที่มันจะถูกเปลี่ยนมือจากข้าสักที ”
   
โลกัสรับมันมาพิจารณาใกล้ๆ กลับพบว่าตัวเองอ่านอะไรไม่ออกแม้แต่อย่างเดียว
   
“ เด็กน้อยคนนั้น อ่านจะเข้าใจกระดาษแผ่นนี้ ”
   
ร่างชราหัวเราะเบาๆ ในสีหน้างุนงงของนักฆ่า
   
“ ทำไมท่านถึงเรียกมันว่าบทเพลงต้องห้าม ? ”
   
นัยน์ตาของผู้ตอบนั้นแฝงความเศร้า “ บทเพลงนี้หากบรรเลงจนจบมันจะสามารถควบคุมจิตใจผู้ฟังได้ ข้าเคยฟังมันอยู่ครั้งนึงเมื่อยังเด็ก มันเพราะจนสามารถทำให้ผู้คนยอมตายเพื่อที่จะได้ฟังมันไปเรื่อยๆ ”
   
โลกัสไม่ออกความเห็นเพียงแค่รับฟังเท่านั้น
   
แต่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ชายชรายิ้มพอใจ
   
เขาไม่ได้ต้องการความเห็นใจ
   
ความเศร้าในความพยายามที่ไม่สำเร็จนั้นหายไปนานแล้ว
   
“ ร้านขายเครื่องดนตรีจงเดินไปยังที่ๆ มีเสียงอึกทึกมากที่สุด ที่นั้นมีเครื่องดนตรีนับร้อยชนิดให้เจ้าเลือก ”
   
“ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของท่าน ”
   
พยัคฆ์ดำค้อมหัวให้ก่อนจะรีบไปยังที่ๆ ว่า
   
เนื้อเพลงถูกเชื่อมต่อ เสียงขลุ่ยทอดหวานไปในอากาศ
   
เฝ้ารอให้ผู้ที่ชมชอบมัน ได้หยิบเหรียญสักเหรียญวางตรงหน้าอีก

   

การฆ่าคนดูจะเป็นเรื่องง่ายกว่าการเลือกเครื่องดนตรี
   
โลกัสรู้สึกอย่างนั้นเมื่อเห็นเครื่องดนตรีที่วางเรียงเต็มห้องคับแคบ มีคนเลือกซื้ออยู่จนแน่นร้าน ป้ายราคาที่ติดไว้บอกถึงราคาที่ถูกเหลือเชื่อ แต่บางอย่างก็แพงจนน่ารำคาญเช่นกัน
   
พยัคฆ์ดำกวาดสายตาไปมาอย่างรวดเร็ว พิจารณาขลุ่ยขนาดความยาวต่างๆ วัสดุที่ใช้ หรือแม้แต่สี
 
เวร แค่เศษไม้เจาะรู ทำไมถึงต้องมีมากชนิดขนาดนี้กัน
   
โลกัสขบกรามกรอดด้วยความหงุดหงิด
   
พนักงานของร้านที่มักจะเข้ามาแนะนำลูกค้าด้วยความกระตือรือร้นไม่แม้แต่กล้าเฉียดกายเข้าไปใกล้พยัคฆ์ดำ บรรยากาศรอบตัวที่ฉายชัดถึงความไม่เป็นมิตร ทำให้โลกัสต้องจมอยู่ในวังวนความคิดคนเดียว
   
มือหยาบที่ปกติมักจะจับดาบหนักเป็นวิสัย เมื่อมาจับขลุ่ยที่เบาทำให้รู้สึกไม่คุ้นชิ้น
    
โลกัสพยายามออมแรงของตัวเองไม่ให้ขลุ่ยในมือต้องหักเพราะแรงจับ
   
ขลุ่ยไม้สีขาวขัดมันขนาดกะทัดรัด
   
เวสเปอร์น่าจะชอบมัน
   
พยัคฆ์ดำจ่ายเงินเหรียญทองให้อีกเช่นเคยตามความเคยชิน ร้านเล็กๆ ถึงกับหัวปั่นเมื่อต้องหาเงินทอนให้ลูกค้า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปอีกทีกลับพบว่าอีกฝ่ายได้จากไปแล้ว
   
ผู้ที่ดีใจกับการจับจ่ายครั้งนี้คงไม่ใช่ใครที่ไหน
   
นอกจากเจ้าของร้านที่เป็นลูกชายของชายชรา

   

“ อึก เจ้าแมว ข้า ข้าอยากกินอีก ! ”
   
เวสเปอร์โวยวายหน้าแดงก่ำ ลืมเรื่องที่ตัวเองร้องไห้ไปโดยปริยาย มือสางขนฟินน์เล่นก่อนจะเอาหน้าแนบกอดแน่น “ เจ้าตัวนิ่มจัง เจ้าแมว เหมือนหมอน หมอนของข้าเลย ต่อจากนี้เจ้าต้องเป็นหมอนให้ข้านะ ! ”
   
ฟินน์ครางในลำคอตอบ ก่อนที่มันจะซุกหน้าลงกับเท้าที่เบียดเข้าหากัน ความง่วงงุนดูจะอันตรายกว่าพวกทหารเมื่อตอนกลางวันซะอีก
   
“ เจ้าแมว เจ้าเสือ เจ้าเสือหายไปไหน ข้าหิว ”
   
องค์ชายลูบท้องตัวเองที่เอาแต่ครวญครางจนนอนหลับไม่ลง
   
“ นินทาอะไรข้า องค์ชาย ”
   
โลกัสดึงตัวเวสเปอร์มานั่งข้างตัวเอง
   
“ ข้า ข้าไม่ได้นินทาซะหน่อย ข้าหิว ”
   
เวสเปอร์โผเข้ากอดโลกัส ก่ายตัวโลกัสเชิงหมอน
   
“ ฮึก ตัวเจ้าไม่นิ่มเลยสักนิด แข็ง แข็ง ข้าจะนอนกับเจ้าแมว ! ”
   
องค์ชายเบ้หน้าตะเกียกตะกายลงจากตัวโลกัส
   
ซึ่งสีหน้าขององค์ชายก็ส่งผลให้พยัคฆ์ดำหน้าบูดเช่นกัน
   
“ ข้าหาใช่สตรีจะตัวนิ่มได้ยังไง ”
   
เวสเปอร์กลับมานั่งบนพื้นได้สำเร็จจึงตอบ
   
“ ข้านอน นอนกับเจ้าแมว เจ้าเสือห้าม ห้ามนอนกับข้า ! ”
   
โลกัสคิ้วกระตุก
   
เห็นทีข้าคงจะทำเด็กร้องไห้อีกครั้ง
   
ทั้งๆ ที่ข้าตั้งใจจะซื้อขลุ่ยมาปลอบเรื่องแม่
   
กลับมาพูดอะไรขัดหูแบบนี้

--------

ตอนแรกว่าจะให้เมาหลับ แต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า มีคนเชียร์ให้อ่อย องค์ชายก็จะอ่อย

ก่อนที่จะสลบเหมือด 5555555555   :a2:
   

   
   
   
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-01-2016 00:16:30
ง่าาา. ขลุ่ยไรนะ แล้วองค์ชายจะเล่นเพลงได้ไหม
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Nene promporn ที่ 13-01-2016 00:20:49
กรี๊ดเเรง หาเรื่องนี้มานาน ในที่สุด
เคยอ่านเเต่จำชื่อเรื่องไม่ได้
ชอบเเบบสุดๆ รักเลย เรื่องในดวงใจ
คือตามหาสไตล์เเบบนี้ เเละมันโดน
พระเอก เเบบนี้ใช่เลย
นายเอกก็เป๊ะ ขอบคุณนะค่ะ
จะรอเป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 13-01-2016 01:23:14
มาเจิมไว้ก่อนนะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-01-2016 08:20:46
น้องไม่ได้อ่อย น้องแค่นอนกอด ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 13-01-2016 08:23:57
สนุกมากเลย ชอบบ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-01-2016 09:07:56
เวสเปอร์น่ารัก เมาแล้วอ่อยพี่เสือใช่มั้ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-01-2016 09:17:35
อิจฉาได้หมอนนุ่มๆอุ่นๆ อยากได้บ้างงงงงง  :hao5: :hao5:

(ใครจะฟังเสียงขลุ่ยแล้วตายล่ะเนี่ย หรือองค์ชายอาจจะยังไม่เก่งขนาดนั้นก็ได้มั้ง??)
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 13-01-2016 10:51:31
ตามมาจากอีกที่ รออ่านต่อนะฮะ :)
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 13-01-2016 11:46:55
องค์ชายน่าร๊ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 13-01-2016 11:49:00
ดูท่าองค์ชายคงมีอาวุธใหม่แล้ว

อ๊ากกกก อยากกอดเจ้าแมวอ่ะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 13-01-2016 12:02:56
สนุกจ้า ตอนแรกแอบคิดว่าแมวเป็นพระเอกด้วย -..-
รอองค์ชายอ่อยจ้า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 13-01-2016 12:17:45
ง่อวววสนุกๆองค์ชายต้องมีความพิเศษอะไรบางอย่างอยู่ในตัวแน่ๆเลย. ชอบบบ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 13-01-2016 12:48:07
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 13-01-2016 16:11:41
แปะ!!! รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 13-01-2016 16:46:10
ไม่อิจนะโลกัส
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 13-01-2016 21:40:36
ติดตามๆๆ :L2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 12 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 13-01-2016 23:14:57
“ ถ้าเจ้าไม่นอนกับข้าก็ไปนอนคนเดียวไป ! ”
   
เผลอตะคอกใส่
   
และก็ทำเด็กร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ
   
“ ฮึก ข้าไม่สนใจเจ้าหรอก ”
   
เวสเปอร์ปาดน้ำตาที่ทำท่าจะไหลบ่าอีกแล้ววิ่งไปหาฟินน์
   
“ ข้าจะอยู่กับเจ้าแมว เจ้าเสือจะไปไหนก็ไปเลย ฮึก ”
   
ฮื่อออ
   
เสือขาวเลียหน้าองค์ชายปลอบใจ เวสเปอร์จึงโผกอดตัวฟินน์แน่น
   
“ ข้ารักเจ้าแมวที่สุดเลย ”
   
โลกัสเอามือยีหัวตัวเองเซ็งๆ
   
ทำไมข้าต้องมาดูแลเด็กด้วย
   
ร่างสูงมานั่งลงข้างๆ องค์ชาย แต่องค์ชายก็วิ่งหนีไปอยู่อีกมุม
   
“ อย่า อย่ามายุ่ง ฮึก ”
   
“ ข้าซื้อขลุ่ยมาให้เจ้าด้วย ถ้าเจ้าไม่อยากได้ ข้าจะหักมันทิ้งซะตอนนี้ ” ชูขลุ่ยให้องค์ชายเห็น
   
จากนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นพราวระยับ
   
“ ฮึก ข้าไม่อยากได้ซะหน่อย ”
   
องค์ชายจับตัวฟินน์แน่นควบคุมไม่ให้ตัวเองไปหยิบขลุ่ยมาเป่าเล่น
   
สีหน้าของเวสเปอร์คราวนี้ทำให้โลกัสเผลอหลุดยิ้มมุมปาก
   
เหมือนกับแมวที่เห็นปลาอยู่ตรงหน้าแล้วกินไม่ได้
   
“ อากาศในป่าคืนนี้น่าจะหนาว ขลุ่ยน่าจะเป็นฟืนได้ดี ”
   
องค์ชายหยุดนิ่งเหมือนถูกแช่แข็งทันที
   
“ ฮือออ เจ้าเสือ ! ”
   
ก่อนจะโผเข้ากอดโลกัสแน่น
   
“ ข้านอนกับเจ้าก็ได้ ฮึก ห้ามเจ้า ห้ามเอาขลุ่ยไปเป็นฟืน ”
   
โลกัสหลุดหัวเราะเมื่อองค์ชายพ่ายแพ้กับอุบายหลอกเด็ก
   
“ แม้ว่าข้าจะตัวแข็ง ? ”
   
ถามหยอกเย้า
   
องค์ชายพยักหน้าด้วยสีหน้าไม่เต็มใจทอดมองฟินน์ที่หลับไปแล้วตาละห้อย
   
“ อึก ข้าอยากได้ ข้าอยากได้ขลุ่ย ”
   
หน้าแดงก่ำจ้องโลกัสพร้อมเอ่ยคำวิงวอน
   
ทำเอาพยัคฆ์ดำหวนนึกถึงภาพบางอย่างในหัวแทนที่
   
ถ้อยคำเหล่านี้หากเป็นปกติข้าคงจะได้เจ้าสาวงาม
   
ตอนนี้กลับได้จากองค์ชายที่ดูเหมือนเด็กเล็กๆ
   
ตลกดี
   
ยอมยื่นขลุ่ยให้อย่างว่าง่าย
   
องค์ชายยิ้มกว้าง ลูบคลำมันราวกับเป็นของล้ำค่า
   
ของขวัญ
   
ของขวัญล่ะ
   
ข้าชอบของขวัญ !
   
“ ขอบคุณนะเจ้าเสือ อึก ” เวสเปอร์กอดขลุ่ยไว้กับตัวแน่น “ วันเกิด วันเกิดข้ายังมาไม่ถึงเลย ”
   
โลกัสเมื่อได้ยินคำว่าวันเกิดก็เผลอเอามือลูบหัวองค์ชายเบาๆ
   
“ ข้า ข้าชอบกินขนม ถ้า ถ้าข้าได้กิน ข้าจะให้เจ้ากินด้วย อึก  ”
   
พยัคฆ์ดำยิ้มบาง
   
“ ขอบใจ ”
   
วันเกิดเป็นวันที่เจ้าควรจะได้อยู่ที่บ้าน
   
ครอบครัวพร้อมหน้า
   
อวยพรสิ่งดีๆ
   
ในตอนนี้เจ้ากลับต้องหนีหัวซุกหัวซุนพร้อมกับชนักติดหลังว่ากบฏ
   
โชคดีที่เจ้าไม่เข้าใจความหมายถึงสิ่งนี้
   
ไม่เช่นนั้น
   
องค์ชายที่ร่าเริงผู้นี้คงจะหายไป
   
เหลือเพียงคราบน้ำตา

   
โฮก !
   
ฟินน์คำรามเสียงดังเมื่อหางของมันถูกดึง ก่อนจะครางในลำคอด้วยความไม่พอใจเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนทำ
   
“ ข้าจะเดินทางต่อ ถ้าเจ้าจะนอนก็เป็นแมวซะ ”
   
โลกัสพูดพลางจ้องร่างองค์ชายในอ้อมแขนที่เมาหลับไปแล้ว
   
หลังจากที่กินขนมปังไปสองก้อนก็สลบเหมือดทันที
   
เด็กจริงๆ
   
พยัคฆ์ขาวบิดขี้เกียจพยายามยืดตัวให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย สะบัดหัวไวๆ เรียกสติของมันคืนมา การหลับในขณะที่คู่หูของมันยังเดินทางอยู่เป็นสิ่งที่มันไม่ต้องการ
   
“ พร้อมแล้วก็ขึ้นเหนือกัน ฟินน์ ”
   
ฮื่อ
   
ฟินน์ขู่รับในลำคอ
   
ดวงจันทร์ที่หลีกหายในกลีบเมฆ ทำให้ท้องฟ้านั้นมืดครึ้มลงกว่าปกติเป็นเท่าตัว ช่วยให้การหลบหนีของสองนักโทษเป็นไปอย่างง่ายดาย ป่าลึกที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายเป็นสิ่งที่ช่วยพรางการหลบหนีได้เป็นอย่างดี
   
โลกัสมีความรู้มากมายสำหรับการเดินทางระยะไกล  ความรู้เกี่ยวกับดาวงดาวถูกเอามาใช้บ่อยครั้งจนเชี่ยวชาญ การเดินทางไปจุดหมายของโลกัสจึงไม่เคยคลาดเคลื่อน
   
ในครั้งนี้กว่าจะถึงเมืองที่ใกล้ที่สุดคาดว่าจะใช้การเดินเท้าถึงสองวัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหากับพยัคฆ์ดำอยู่ดี ป่าเป็นเหมือนกับบ้านจริงๆ ของเขาด้วยซ้ำ
   
พยัคฆ์ดำแค่นยิ้มเมื่อเผลอนึกถึงที่มาของเผลอฉกรรจ์กลางอก
   
สาเหตุที่ทำให้ต้องออกเดินทาง
   
   

“ เจ้าเสือตื่นนน ข้า ข้าปวดฉี่ ”
   
เวสเปอร์งัวเงียตื่นขึ้นมาเขย่าตัวโลกัสแต่ก็พบว่านอกจากอีกฝ่ายไม่สนใจแล้วยังพลิกตัวหนีอีก
   
องค์ชายหน้าบูด
   
“ ข้า ข้าไปกับเจ้าแมวก็ได้"

เดินมาหาฟินน์ที่นอนหงายอ้าปากอวดเขี้ยวมีเสียงกรนเบาๆ เล็ดลอดออกมา
   
“ ข้า ข้าไปคนเดียวดีกว่า ”
   
เวสเปอร์ยิ้มแหยๆ กล่าวกับอากาศ
   
ย่างเท้าเดินเล่น ต้นไม้สูงๆ ที่ถูกแสงแดดไล่มาเป็นภาพที่แปลกตาจนเวสเปอร์อยากจะวาดมันเก็บเอาไว้ กลัวว่าตัวเองจะหลงลืมภาพที่เห็นตรงหน้านี้ไปเหมือนกับความทรงจำหลายๆ อย่างของตัวเอง
   
องค์ชายยิ้มเศร้าๆ เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของใครหลายคนในหัว
   
อย่าได้คาดหวังในตัวข้าเลย
   
ข้า ข้าไม่มีค่าเพียงพอสำหรับพวกท่านหรอก
   
เวสเปอร์เลือกพุ่มไม้ที่ไกลจากที่ตัวเองนอนนิดหน่อยเพื่อทำธุระส่วนตัว
   
จิ้บ จิ้บ
   
นกตัวเล็กสองตัวบินหยอกล้อกันผ่านหน้าเวสเปอร์
   
ความน่ารักของมันดึงความสนใจของเวสเปอร์ทันที
   
“ เจ้านกอ้วน ! ”
   
เวสเปอร์เผลอวิ่งไล่ตาม ลืมเจ้าเสือกับเจ้าแมวอีกครั้ง
   
เสียงฝีเท้าดังลั่น แต่ก็ไม่อาจไล่ตามนกสองตัวได้ทัน องค์ชายหอบแฮ่ก เอามือจับต้นไม้ค้ำตัวเองไม่ให้ล้ม
   
สวบ !
   
เสียงเคลื่อนไหวกะทันหันจากข้างหลังทำเอาองค์ชายตกใจจนเผลอก้าวเหยียบบางอย่าง
   
ฟุ่บ
   
“ ฮืออออ เจ้าเสือ เจ้าเสืออออ”
   
องค์ชายร้องไห้ดังลั่นเมื่อพบว่าตัวเองตกหลุมบางอย่าง
   
ต้นเหตุที่ทำให้องค์ชายตกใจชะโงกหน้ามองกระดิกหู
   
กวางป่าธรรมดา
   
“ ข้าต้องตายแน่เลย ฮือ ท่านแม่ ท่านแม่บอกว่าถ้าข้าอยู่ในหลุม จะมีคนเอาดินฝังกลบข้า ฮึก ข้ากลัว ”
   
เวสเปอร์ร้องไห้ได้ไม่นานก็มีร่างสูงคุ้นตาชะโงกลงมาดู
   
“ ข้าขุดไว้ดักกวางไม่ได้ดักเจ้า องค์ชาย ”
   
หน้าของโลกัสแฝงความเย็นชาเต็มเปี่ยม
   
หงุดหงิดที่ถูกปลุกและกับดักที่ตัวเองไว้ดักสัตว์ถูกทำลาย
   
หากมันไม่ถูกทำลาย ตื่นมาอาจจะพบกวางหรือกระต่ายสักตัวพอมาประทังหิวก่อนเข้าเมืองได้
   
ผักผลไม้ไม่ใช่สิ่งที่โลกัสชอบกิน
   
แม้ว่าในป่านั้นจะมีอยู่มากมายก็ตาม
   
พยัคฆ์นั้นกินเนื้อไม่ได้กินผัก
   
“ เจ้าเสือ เจ้าเสือ ช่วยข้าด้วย ฮืออ ”
   
องค์ชายพยายามตะเกียกตะกายขึ้น แต่หลุมนั้นลึกเกินกว่าจะขึ้นได้ง่ายๆ
   
โลกัสถอนหายใจแต่ก็ยอมช่วยด้วยการกระโดดลงไปอุ้มเด็กพาดบ่าและกระโดดอีกครั้งขึ้นมาเหยียบพื้นด้านบนดังเดิม พยัคฆ์ดำปล่อยตัวองค์ชายลง ใช้มือปัดฝุ่นที่เลอะหัวออกให้
   
“ เจ้าเสือ ! ”
   
องค์ชายยิ้มกว้างกอดโลกัสแน่น
   
โลกัสชะงัก งุนงงกับการกระทำขององค์ชาย
   
“ ขอบคุณที่ช่วยข้านะ ! ข้า ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้ากอดข้าได้ ข้าจะเป็นหมอนให้เจ้า ”
   
“ เจ้าอยากแบนรึไง เวสเปอร์ ”
   
พยัคฆ์ดำหัวเราะหึๆ
   
เป็นหมอนให้ข้าโดนข้าทับตายพอดี
   
ตัวเล็กแค่นี้
   
“ ข้า ข้าให้กอดไม่ได้ให้ทับ ”
   
องค์ชายขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าเมื่อได้ยินเสียงคำรามดังก้อง
   
มังกรนับสิบตัวพร้อมผู้ใช้กำลังบินไปมาบนท้องฟ้าเหมือนกับว่ากำลังหาบางอย่าง
   
โลกัสดึงตัวองค์ชายมาอุ้มกัดฟันกรอด
   
พวกมันยังตามมา
   
ทหารของราชา !

-----------------

 คลานมาลง 5555 :katai5: ( ง่วงมาก )

   
   
   

   
   
   
 
   
   
   
   

   
   
   
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 13-01-2016 23:24:48
“ ข้า ข้าไปกับเจ้าเสือก็ได้ ”
   
เดินมาหาฟินน์ที่นอนหงายอ้าปากอวดเขี้ยวมีเสียงกรนเบาๆ เล็ดลอดออกมา

**ตรงนี้ต้องเป็น "แมว" เน้อ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-01-2016 23:27:07
ง่วงเป็นเพื่อนค่ะ xD

***“ ข้า ข้าไปกับเจ้าเสือก็ได้ ”
   
เดินมาหาฟินน์ที่นอนหงายอ้าปากอวดเขี้ยวมีเสียงกรนเบาๆ เล็ดลอดออกมา

^น่าจะไปหาน้องแมวมากกว่านะคะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-01-2016 23:32:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-01-2016 23:49:07
น้องใสมากกกกกก น่ารัก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-01-2016 01:39:50
พวกในวังนี่ก็กัดไม่ปล่อยจริงๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 14-01-2016 02:06:30
เวสเปอร์น่ารักไป
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 14-01-2016 06:23:52
งื้อ น่ารักกก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 14-01-2016 08:13:18
เริ่มหวั่นไหวเบาๆแล้วใช่ไหมพี่เสือ
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 14-01-2016 08:18:01
เพิ่งเข้ามาอ่าน น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 14-01-2016 08:57:05
อิพวกในวังนี่มันน่านัก ยังตามมาอีก
ถ้าเวสเปอร์ไม่เจอโลกัส คงลำบากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-01-2016 10:43:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 14-01-2016 11:17:01
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[องค์ชายน่ารักอะ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 14-01-2016 11:27:21
เจ้าเสือเริ่มหลงรักเด็กน้อยแล้วสิ  :-[
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 14-01-2016 12:14:29
จะอะไรกันนักกันหนากับเจ้าชายปัญยอ่อน
แค่นี้ก็ให้คนอื่นขึ้นครองราชได้แล้วนี่
ไม่เห็นต้องตามกันขนาดนี้เลย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: numberll ที่ 14-01-2016 14:00:38
ปักหมุด ชอบองค์ชายจัง

น่าร๊ากกก.. :-[
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 14-01-2016 17:52:48
น่ารักอ่าาางือออ
สงสารองค์ชายเนอะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 14-01-2016 23:22:10
:)
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 15-01-2016 02:03:23
น่ารักมากเลยยย  :hao7: สงสารองค์ชายมาก ขอตามเรื่องนี้ด้วยคนนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 15-01-2016 21:15:53
สงสารองค์ชายม้ากมาก เจ้าเสือต้องดูแลองค์ชายดี ๆ น้าา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 16-01-2016 20:23:56
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:เข้ามาคอย :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้กิ๊ก ที่ 17-01-2016 11:56:52
กรี๊ดดดดด สนุกๆ รอน้า รอๆ รอฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด เธอจะมาๆ เมื่อไหร่ นัดกันไว้ทำไมไม่มา ฉันเป็นห่วงๆ ตัวเธออย่าให้เก้อ ชะเง้อคอยหา นัดไว้ทำไมไม่มา โอ้ เธอจ๋า อย่าช้าเร็วหน่อย รีบหน่อยๆๆ เร่งหน่อยๆๆ~~ :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-01-2016 13:26:58
สงสารองค์ชายจัง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 18-01-2016 04:17:06
กริ้ดดดดดดสนุกมากเลย รักองค์ชาย น่ารักมากกติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 18-01-2016 14:25:08
เวสเปอร์น่ารักมากกกกกก

เห็นแล้วน่าเอ็นดูจังเลยยย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Gemm ที่ 18-01-2016 14:50:34
ชอบแนวนี้มากเลยยยนยนยย  :impress2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 13 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 21-01-2016 23:13:07
วลั้ยยยยยยยย. ในที่สุดก็ได้ตามอ่านซักที รู้สึกว่าบรรยายได้ดีกว่าเรื่องฟาคัสเยอะเลยยย  ชอบน้องแมวววว >w<
  เอ๋อลูกพ่อเป่าขลุ่ยให้มังกรมาเป็นพวกเลยยยยยย   :hao7:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 22 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 22-01-2016 23:26:00
ตอนที่ 5
   
“ เจ้าเสือ เจ้าเสือ ทำไมมีมังกรบนนั้นล่ะ ”
   
เวสเปอร์เงยหน้ามองอย่างสนใจโดยที่ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังกล่าวถึงนั้นหมายเอาชีวิตอยู่
   
โลกัสแค่นเสียงหัวเราะทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกขำ
   
ข้าจะตอบเจ้าว่าอะไรดี องค์ชาย..
   
หัวใจของโลกัสเย็นเยียบ
   
เหตุใดที่ราชาถึงได้เอาชีวิตบุตรแท้ๆ ของตัวเองกัน ?
   
ข้าเคยได้ยินว่าราชาเมืองนี้เป็นพวกนิยมความสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างไร้ที่ติ เขาเป็นราชาที่ได้ชื่อว่าเกรียงไกรที่สุดเท่าที่มีมา บุตรชายคนแรกที่ควรจะเป็นผู้สืบทอดที่เกรียงไกรไม่แพ้กันกลับเป็นแบบนี้
   
มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลย เวสเปอร์..
   
“ พวกมันก็แค่อยากเล่นไล่จับกับพวกเราน่ะ ”
   
องค์ชายยิ้มกว้าง
   
“ ปล่อยข้าลงสิ เจ้าเสือ ! ข้า ข้าก็อยากเล่นด้วย ”
   
“ ข้าได้ชื่อว่าวิ่งไวที่สุดนะ ถ้าเจ้าอยู่กับข้า มังกรพวกนั้นจะตามจับเจ้าไม่ทัน  ”
   
อุบายหลอกเด็กกลับมาอีกครั้ง
   
บางทีข้าก็รู้สึกว่าข้ามีลูกติดมาด้วย
   
พยัคฆ์ดำคิดขำๆ ในหัว
   
ถึงแม้ในเวลาปกติโลกัสจะแข็งกร้าวกับทุกคน แต่เมื่ออยู่กับองค์ชายคงจะทำแบบนั้นไม่ได้
   
องค์ชายที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะถูกฆ่า
   
แม้แต่การป้องกันตัวเองยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
   
ถ้าหากข้าไม่ช่วยองค์ชาย
   
คงจะไม่มีร่างในอ้อมกอดของข้าตอนนี้
   
“ งั้น งั้นข้าอยู่กับเจ้าก็ได้ แต่ว่า เจ้าเสือห้ามโดนจับได้นะ ! ” องค์ชายหัวเราะคิกคัก “ ถ้า ถ้าเจ้าวิ่งไม่ทันต้องโดนมังกรทับแน่ ”
   
โลกัสยิ้มมุมปาก
   
“ กับแค่มังกรไม่กี่ตัว มันไม่ได้ทำให้ข้ากลัวหรอก เวสเปอร์ ! ”
   
พุ่งตัวไปข้างหน้าเหมือนกับพยัคฆ์ที่เต็มไปด้วยพละกำลังและดุดัน ฟินน์วิ่งตีคู่สะบัดหัวไปมาเนื่องจากมันยังไม่หายง่วงดี
   
โชคดีของโลกัสและเวสเปอร์ที่ป่านั้นไม่ได้รกมากจึงสามารถวิ่งได้อย่างง่ายดาย
   
“ สนุก สนุก ”
   
องค์ชายระบายยิ้ม
   
มันเป็นความรู้สึกที่ข้าไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
   
ความเป็นอิสระที่สามารถไปที่ไหนก็ได้ที่อยากไป
   
ป่าที่ข้าเคยเห็นในหนังสือนิทานตอนนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้า
   
เหมือนกับความฝัน
   
ฝันที่ดีมากๆ มีเจ้าเสือใจดีกับเจ้าแมวน่ารักเป็นเพื่อนของข้า
   
ถ้าหากเป็นความฝัน
   
ข้าไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย
   
“ ร้องไห้ทำไม องค์ชาย ”
   
โลกัสถามเพราะรู้สึกถึงความเปียกของแขนเสื้อที่ถูกเวสเปอร์ดึงไปเช็ดน้ำตา
   
“ ... เจ้าเสือ เจ้าเสือ เจ้ามีอยู่จริงใช่ไหม ”
   
นัยน์ตาสีทองเหม่อลอยคำพูดเหมือนจะคุยกับโลกัสแต่ก็ไม่ใช่
   
จมอยู่ในภวังค์ของตัวเอง
   
“ ข้า ข้า จะพยายามทำตัวไม่ให้ปัญญาอ่อนนะ ”
   
ลมหายใจของโลกัสสะดุด
   
หยุดฝีเท้าหันมาใส่ใจกับร่างในอ้อมกอด
   
“ ฉะนั้นเจ้าอย่า อย่าทิ้งข้าเลยนะ ข้า ข้าไม่อยากอยู่ที่บ้าน ”
   
เวสเปอร์ยิ้มกลบเกลื่อนน้ำตาของตัวเอง
   
“ เจ้าเสือ เจ้าอย่ารำคาญข้าเลย ”
   
ฮื่ออออ
   
เสียงมังกรคำรามมาพร้อมกับเสียงตีปีกในอากาศ
   
พวกมันรู้ตัวแล้ว !
   
โลกัสคิดอย่างหงุดหงิด แต่ไม่ได้ร้อนรนที่จะตั้งรับวางองค์ชายลงบนหลังฟินน์ ดึงมือเล็กๆ ขององค์ชายทาบหน้าของตัวเอง 
   
“ ข้ามีอยู่จริง เวสเปอร์ และจะไม่มีวันทิ้งเจ้าไว้ที่ไหนทั้งนั้น ”
   
ให้คำมั่นก่อนจะตบหัวฟินน์เบาๆ
   
“ พาเวสเปอร์ไปซ่อนตัว ”
   
ฟินน์ขู่รับในลำคอ งับคอเสื้อของเวสเปอร์ที่ถูกโลกัสยื่นให้
   
“ เจ้าเสือ.. เจ้าจะไปไหน ”
   
“ เล่นกับพวกมังกร ”
   
ตอบสั้นๆ ก่อนจะหยิบดาบออกมา
   
หลับตาสูดลมหายใจลึก
   
ตั้งสมาธิให้แน่วแน่กับการต่อสู้
   
เดิมทีพยัคฆ์ดำไม่ได้ตั้งใจจะสู้กับมังกรที่มีถึงสิบตัว
   
เพราะเสียเวลา
   
ดาบสีดำเป็นประกายวาววับเมื่อปะทะกับเพลิงของมังกรไฟตัวแรก
   
“ ข้าจะให้โอกาสให้พวกเจ้าหนีไป !! ”
   
ตะโกนเสียงดังก้อง
   
“ เพื่อให้กบฏอย่างเจ้ากลับไปทวงอำนาจงั้นเหรอ ! ไม่มีทาง ข้าเป็นทหารของราชา ย่อมให้ความสำคัญกับบ้านเกิดตัวเองที่สุด เจ้าอย่าหวังว่าจะรอดไปได้ ”
   
เป็นเสียงชายฉกรรจน์เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลตะโกนกลับมา
   
น้ำเสียงเย่อหยิ่งจองหองแสดงถึงความมั่นใจในฝีมือของตัวเอง
   
เป็นอีกหนึ่งแม่ทัพที่ฝีมือดีแต่ในช่วงที่เกิดเรื่องนั้นได้กลับบ้านพอดี พอรู้ข่าวก็รีบควบมังกรของตัวเองออกมาตามล่าทันที
   
มังกรที่เหลืออีกเก้าตัวล้อมกรอบพยัคฆ์ดำไว้จนแทบไม่ช่องว่างให้หลบหนีอีกต่อไป
   
ผู้คนที่อยู่ใน ณ บริเวณนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือกรำศึก
   
ที่มาพร้อมกับสัตว์วิเศษ
   
“ ถ้าต้องการแบบนั้น ก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน ”
   
ยิ้มเย็นเยียบ
   
ดาบสีดำเกิดเพลิงทมิฬโชติช่วง
   
พยัคฆ์ดำนั้นสามารถใช้เวทได้
   
เมื่อครั้งก่อนที่ปะทะกันที่ร้านอาหารเป็นเพียงการประลองเชิงดาบที่วัดฝีมือกันจริงๆ  ไม่จำเป็นต้องใช้เวทในการร่วมต่อสู้
   
“ น่าเสียดายที่เจ้าคงจะมีโอกาสพูดแค่นี้ ” เสียงทุ้มต่ำพูดเยาะเย้ยก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างย่ามใจของทหาร
   
พรรคพวกที่มีมากกว่าทำให้พวกเขาคิดกันไปเองว่าพยัคฆ์ดำนั้นไม่มีทางรับมือได้
   
ต่อให้เก่งขนาดไหน ถ้าต้องรับมือกับสัตว์วิเศษสิบตัวกับยอดฝีมืออีกสิบคนด้วยตัวคนเดียวก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
   
ซึ่งสิ่งพวกนี้ทำให้โลกัสโกรธจนถึงขีดสุด
   
มังกรถึงกับอยู่นิ่งไม่ได้เพราะจิตสังหารอันแรงกล้าของพยัคฆ์ดำ
   
นัยน์ตาสีเลือดแดงก่ำราวกับเป็นเลือดจริงๆ ที่อยู่ในนั้น
   
นักรบกรำศึกเห็นโลกัสเงียบคิดว่าโดนเมินจึงตัดสินใจโจมตีกันทันที ไม่รีรออะไรอีก
   
แต่น่าเสียดายที่มังกรคู่หูนั้นกลับหมอบลงตัวสั่นไม่กล้าขยับตัว
   
พวกมันกำลังกลัว กลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน
   
การย่างเท้าแต่ละก้าวของพยัคฆ์ดำทำให้พวกมันสะดุ้ง
   
เคร้ง เคร้ง เคร้ง
   
โลกัสรับดาบที่ฟันเข้ามารอบตัวในชั่วพริบตาได้อย่างง่ายดาย
   
“ เวรเอ๊ย ! ” หนึ่งในทหารของราชาสบถ
   
จำนวนที่มีมากกว่าดูจะไม่เป็นประโยชน์เลยสักนิด
   
พยัคฆ์ดำที่เก่งกาจและโหดเหี้ยมดูจะไม่ใช่เป็นเพียงคำเล่าขานของหมู่นักเดินทาง
   
มันมากกว่านั้นซะอีก !
   
ตูม
   
เวทเพลิงลูกยักษ์ถูกดาบของโลกัสปัดออกไปทางอื่นจนเกิดหลุมยักษ์
   
โลกัสยิ้ม
   
“ น่าเสียที่พวกเจ้าคงจะมีโอกาสพูดแค่นี้ ”
   
ทวนคำพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
   
แต่คำพูดเหล่านั้นกลับสะท้านในอกทหารของราชา
   
พวกเขามีโอกาสแค่นี้

--------------

 :katai5:

ดีใจที่ชอบองค์ชายกันนะคะ  :-[

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ  :man1:
   
   
   
   
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 22 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-01-2016 23:32:29
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 22 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 22-01-2016 23:36:22
อ๋อยยยย สงสารเจ้าชายอะ

เจ้าเสือห้ามทิ้งเจ้าชายเด็ดขาดเลยนะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 22 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-01-2016 23:54:08
พี่เสือเก่งสุดๆ  o13
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 22 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 23-01-2016 13:30:53
สงสารเวสเปอร์อ่ะ
พระเอกโครตเก่ง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 22 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-01-2016 13:53:29
 :ling2:
โธ่ถัง

ทหารผู้กล้าแพ้แล้วมังกรปล่อยเข้าป่าไปได้ไหมคะ สงสารมัน  :ruready
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 22 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 23-01-2016 14:16:41
มีความรู้สึกว่ามังกรมุ้งมิ้ง ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 22 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-01-2016 14:29:20
พ่อคิดจะฆ่าลูกตัวเองจริงๆ หรอเนี่ย
แต่มีพี่เสือซะอย่าง เวสเปอร์ต้องปอดภัยแน่นอน
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 22 ม.ค 58 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 23-01-2016 15:05:42
องค์ชายน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 5 23 ม.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 23-01-2016 22:24:29
“ เจ้าแมว  เจ้าจะพาข้าไปไหน ” เวสเปอร์ร้องเสียงหลง
   
อย่างที่รู้ว่าฟินด์เป็นเสือมันจึงตอบเวสเปอร์ไม่ได้
   
“ ฮึก เจ้า เจ้าจะพาข้าไปทิ้งเหรอ แต่เจ้าเสือบอกว่าจะไม่ทิ้งข้านะ ”
   
เวสเปอร์สะอึกสะอื้น
   
ข้าไม่อยากกลับไปจริงๆ นะ
   
ฟินน์วิ่งต่อไปได้สักพักใหญ่ๆ จึงมาหยุดอยู่ที่ถ้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง เสือขาวรีบปล่อยองค์ชายนั่งลงบนพื้นเข้าไปคลอเคลียทันที มันรับรู้มาตลอดทางว่าเวสเปอร์ร้องไห้เรื่องอะไร
   
“ เจ้าแมว เจ้าแมวห้ามไปไหนนะ ”
   
เวสเปอร์กอดฟินน์แน่น
   
“ ถ้าเจ้าทำ ข้าจะฟ้อง ฟ้องเจ้าเสือว่าเจ้าทิ้งข้า ”
   
ฟินน์หูลู่ลงหมอบกับพื้นเอาหัวคลอเคลียหน้าท้องเชิงสำนึกผิด
   
ซึ่งมันก็จั๊กจี้จนองค์ชายหัวเราะออกมา
   
“ เจ้าแมวอย่ามุดสิ ฮ่าๆ ”
   
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า
   
โดยที่ไม่รู้ตัวได้มีบางอย่างคืบคลานเข้ามาใกล้
   
สิ่งที่แฝงตัวอยู่ในความมืด กัดกินวิญญาณเมื่อสบโอกาส
   
นัยน์ตาสีแดงหมุนริ้วเมื่อเห็นเหยื่อใกล้ๆ
   
ลิ้นเปียกตวัดเลียริมฝีปากอย่างกระหาย
   
ก่อนที่จะตะครุบร่างเวสเปอร์ทันที !   
   
โฮกกก
   
ฟินน์คำรามเสียงดังลั่นด้วยความตกใจเมื่อเห็นบางอย่างกระโจนออกมาจากถ้ำ
   
ก่อนที่มันจะหันไปมางุนงง
   
สิ่งนั้นหายไปแล้ว
   
เมื่อมันหันกลับมามองที่ๆ องค์ชายเคยอยู่ก็ตกใจจนหางฟู
   
องค์ชายหายไป !
   
ฟินน์คำรามเรียกให้นายของมันมาหา
   
กู่ร้องอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
   
ในขณะเดียวกันก็พยายามดมหากลิ่นขององค์ชาย
   
โดยที่ไม่รู้ว่าห่างกันเพียงบางสิ่งกั้นเท่านั้น

   
“ เจ้าแมว เจ้าแมว เจ้าหายไปไหน ”
   
เวสเปอร์ตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อตอนนี้ขยับตัวไม่ได้อีกทั้งยังมืดจนมองไม่เห็นอะไร
   
“ ข้า ข้าทำอะไรผิดไปรึเปล่า ข้าขอโทษ ฮึก ”
   
องค์ชายเผลอกัดปากตัวเอง
   
น้ำตาอาบใบหน้า
   
ข้าทำผิดอีกแล้วใช่ไหม
   
ฟ่อ
   
ขู่เบาๆ ข้างหูองค์ชายและบรรจงเลียใบหูด้วยลิ้นปลายแฉก
   
ลมหายใจเวสเปอร์สะดุด
   
มือเย็นเฉียบ
   
ปากคอสั่น หอบหายใจทางปาก
   
กลัว
   
สัมผัสแปลกปลอมไม่ได้ทำให้รู้สึกจั๊กจี้เหมือนที่เจ้าแมวทำ
   
เล็บยาวสัมผัสต้นขาองค์ชายและกดเข้าไปช้าๆ จนเลือดไหลออกมา
   
หัวของเวสเปอร์ว่างเปล่า
   
เพราะถูกความกลัวกลบจนเต็ม
   
สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
   
สติปัญญาที่ยังเด็กทำให้ทำอะไรไม่ถูก
   
นัยน์ตาสีทองเบิกกว้าง
   
เมื่อเห็นว่าสิ่งที่กำลังคุกคามตัวเองคืออะไร
   
เพื่อป้องกันการเสียสติ
   
ร่างกายของเวสเปอร์จึงตอบโต้ด้วยการทำให้เวสเปอร์สลบไป
   
“ ดี.. ”
   
ปีศาจแสยะยิ้มลำพองใจ
   
อาหารมื้อใหญ่ของมันกำลังเริ่มต้น


   
“ เวสเปอร์เจ้ามาเล่นเพลงนี้ให้แม่ฟังหน่อยสิ ”
   
เวสเปอร์ยิ้มยิงฟันตอบ
   
“ อื้อ ! ข้าจะ ข้าจะเล่นให้ท่านแม่ฟังทุกเพลงเลย ! ”
   
จรดปากที่ปลายขลุ่ย
   
บรรเลงออกมาอย่างง่ายดาย ท่วงทำนองเพลงที่เล่นนั้นมีการเล่นจังหวะเสียงสูงสลับต่ำให้ดูตื่นเต้นก่อนจะทิ้งช่วงด้วยน้ำเสียงหวาน
   
มือบางลูบหัวเวสเปอร์เบาๆ เมื่อเวสเปอร์เล่นเพลงจบ
   
“ เก่งมาก เวสเปอร์  ถ้าเจ้าเล่นเก่งแบบนี้ ไม่แน่ท่านพ่ออาจจะชอบเหมือนกัน ”
   
พูดพร้อมยิ้มละมุนอย่างใจดี
   
องค์ชายกอดแม่ตัวเองแน่น
   
“ ข้า ข้าอยากให้ท่านพ่อชอบ ”
   
ตึง ตึง
   
เสียงกลองดังแว่วจากที่ไกลๆ ด้วยจังหวะดุดันเมื่อองค์ราชากับรัชทายาทคนรองเสด็จผ่าน
   
มือที่เคยลูบหัวเบาๆ เปลี่ยนเป็นกำหัวเวสเปอร์แน่น
   
เวสเปอร์กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
   
“ ท่านแม่.. ”
   
“ อีเธอร์... ”
   
ชื่อน้องชายของข้า..
   
เวสเปอร์นั่งตัวแข็งไม่กล้าขยับตัว
   
ท่านแม่จะไม่เหมือนเดิมสักเท่าไหร่ เวลาที่รู้ว่าท่านพ่อกับน้องไปไหนมาไหน ข้าไม่เคยเจอน้องข้านานแล้ว ตั้งแต่ที่น้องข้าเกิดมาท่านพ่อก็เอาไปอยู่ด้วย ข้าเคยได้ยินว่าการมีน้องชายเป็นเรื่องที่สนุกมากๆ
   
แต่ข้ากับน้องชายไม่เคยเล่นด้วยกันเลย ถ้ามีโอกาสข้าอยากเล่นด้วยจัง
   
“ เพราะเจ้า ! เวสเปอร์ เพราะเจ้า ! ”
   
ตวาดด่าเสียงดังลั่น
   
“ ข้า ข้าขอโทษ ”
   
องค์ชายก้มหน้าต่ำรู้สึกเจ็บหัวเมื่อถูกกระชากแต่ก็อดกลั้นไว้
   
ท่านแม่จะเปลี่ยนไปมากกว่านี้ถ้าข้าร้องไห้
   
“ ขอโทษงั้นเหรอ ! เจ้ารู้ไหม ทำไมข้ากับเจ้าต้องมาทนอยู่ในที่แบบนี้ เพราะเจ้าไงเวสเปอร์ !! เจ้ามันปัญญาอ่อนเป็นที่อับอายของสายเลือดราชา ผมสีขาวของเจ้าอีก เจ้าไปขุดมันมาจากที่ไหน ”
   
เวสเปอร์กัดปากน้ำตาคลอหน่วง
   
“ ข้าขอโทษ ท่านแม่ ”
   
ผลั่ก
   
องค์ชายกุมหัวตัวเองแน่นเมื่อถูกโขกกับกำแพง
   
ท่านแม่ของข้าเมื่อไหร่จะกลับมานะ
   
ผลั่ก
   
มีเลือดเปรอะกับกำแพงถึงได้ยอมหยุดมือ
   
“ หวังว่าเจ้าจะฉลาดขึ้น ”
   
ความมึนงงทำให้เวสเปอร์ไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของตัวเองกำลังพูดอะไร
   
“ ข้ารักท่านแม่.. ”
   
พูดเสียงสั่น
   
“ รักข้า รักข้างั้นเหรอ ? เวสเปอร์ ข้าเคยรักเจ้ามากจนกระทั่งที่รู้เจ้าปัญญาอ่อน ข้าก็เกลียดเจ้า ถ้าหากว่าไม่มีเจ้าแล้วข้ามีแค่อีเธอร์ ข้า ข้าคงได้อยู่ที่บ้านจริงๆ ไม่ใช่ที่สกปรกแบบนี้ ”
   
โชคดีเวสเปอร์ทั้งมึนงงและไม่เข้าใจในสิ่งซับซ้อน
   
ไม่เช่นนั้น
   
หัวใจที่เคยบริสุทธิ์อาจแตกเป็นเสี่ยงๆ
   
มีดปลอกผลไม้ที่ปลอกให้เวสเปอร์กินเมื่อเที่ยงถูกวางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ
   
เกิดรอยยิ้มบิดเบี้ยวบนใบหน้าของแม่เวสเปอร์
   
“ ดูสิ เวสเปอร์ มีดเล่มนี้คงจะใช้ในการตัดสินความผิดของเจ้าได้ ! ”
   
หยิบมีดมาถือผลักร่างเวสเปอร์ลงกับพื้น
   
เวสเปอร์ถึงเริ่มได้สติกลับมา
   
“ ท่านแม่.. ”
   
เรียกเสียงสั่นเทา
   
“ อย่ามาเรียกข้าว่าแม่ ! ”
   
พูดจบก็กดมีดไปที่ท้องของเวสเปอร์
   
อ้ากกกกกก
   
เวสเปอร์กรีดร้องเสียงดังลั่นเรียกให้คนรับใช้ที่มีอยู่น้อยนิดวิ่งหน้าตื่นกันมา
   
“ เรียกคนมาจะฆ่าข้างั้นเหรอ หึ ! อย่าหวังที่จะทำแบบนั้นกับข้าเลย ”
   
ดึงมีดออกจากช่องท้องแทงที่อกของตัวเองทันที
   
เวสเปอร์ตาเบิกกว้าง
   
ตัวสั่นเทากว่าทุกครั้ง
   
กุมหัวตัวเอง
   
“ พอแล้ว ! ฮืออออ พอแล้วว ”
   
“ อยากจบมันใช่ไหม… ”
   
เวสเปอร์เผลอพยักหน้าไม่รู้ตัว
   
เสียงกระซิบดังแผ่วเบาที่ข้างหู
   
“ หยิบมีดเล่มนั้นขึ้นมาแทงไปที่อกของเจ้า ทุกอย่างก็จบแล้ว ”
   
คล้ายกับควบคุมตัวเองไม่ได้ยื่นมือสั่นๆ ไปหามีด
   
“ เวสเปอร์ ! อย่าไปฟังไอ้ปีศาจกินวิญญาณนี่มันพูด ”
   
เวสเปอร์ชะงักกระพริบตาปริบ
   
“ เจ้าอยากจบมันไม่ใช่เหรอ เวสเปอร์.. ”
   
ปีศาจยังไม่ยอมแพ้พยายามพูดกล่อม
   
“ เจ้าไม่อยากเดินทางไปกับข้าต่อ ? ดินแดนใหม่ๆ  ที่เจ้าไม่เคยไปข้าจะพาเจ้าไปเอง ”
   
ใคร ?
   
ความรู้สึกคุ้นเคยผสมกับโหยหาฟุ้งในอก
   
“ ถ้าไม่ตื่น ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่ ส่วนเจ้าเสืออย่างข้าจะเดินทางไปต่อนะ ”
   
เจ้าเสือ...
   
“ เจ้าเสือ !! ”
   
เวสเปอร์สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อเห็นโลกัสก็โผกอดสะอื้นฮักทันที
   
ปีศาจกินวิญญาณดึงเอาความทรงจำที่ถูกซุกซ่อนไว้ส่วนลึกของเวสเปอร์ออกมา
   
ความทรงจำเลวร้ายที่มีเพียงร่างกายที่จดจำได้เป็นอย่างดี
   
โลกัสลูบหลังเวสเปอร์เบาๆ ใช้มืออีกข้างขยี้ควันสีดำจางจนเกิดเสียงดังกร็อบแล้วค่อยปล่อยไป
   
 “ ข้า ข้าฝันถึงท่านแม่ ฮึก ท่านแม่เกลียดข้า ”
   
สีหน้าของโลกัสอ่อนโยน
   
กอดเวสเปอร์แน่นด้วยแขนสองข้าง
   
“ ข้าจะพาเจ้าไปกินอาหารอร่อยๆ ที่นอนอุ่นๆ ฉะนั้นหยุดร้องไห้เถอะ ”
   
เวสเปอร์ไม่ตอบกอดโลกัสแน่น
   
โลกัสถอนหายใจดึงตัวเวสเปอร์ออกมานั่งตักตัวเอง
   
“ เจ้าสนใจแค่ข้าก็พอ เวสเปอร์ ข้าไม่ได้เกลียดเจ้า ”

----------------------

 :m29: ตอนหน้าบรรยากาศเรื่องจะชิวแล้วค่ะ เรื่อยๆ

ตอนนี้จัดหนักไปก่อน 55555


   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   


หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-01-2016 22:36:51
สงสารองค์ชาย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-01-2016 22:43:20
ฮือ

ขอหวานๆนะคะ

(แอบอยากรู้อดีตของเสือดำ กับเสือขาว)

ชุ้บๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 23-01-2016 23:07:47
ยิ่งอ่านยิ่งสงสารเวสเปอร์อะ

หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-01-2016 23:21:34
โอ้ยยยย ใจหายแว้บบบบบ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 23-01-2016 23:22:22
ตอนแรกคิดว่าแม่เวสมันเลว ผ่านไปซักพักอืมมมก็รักลูกนิมีสอนเล่นขลุ่ยด้วย พอจบตอนนี้. อิแม่!!!!!   :katai1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 23-01-2016 23:41:37
อ๋อแม่ไม่รู้ว่าเวสปัญญาอ่อนเลยสอนกับอยู่ด้วยแต่พอรู้ว่า เวสปัญญาอ่อนเลยเกลียด สมควรตายละแม่แบบนี้  :katai1:
ตายให้หมดทั้งพ่อแม่ น้องชาย  :katai4:

ตกลงมันคือตัวอะไรที่จับเวสไปแล้วพี่เสือดำมาช่วยได้ทันยังไงฆ่ามันแบบไหนอยากรู้
เสือขาวไม่มีพลังเวทหรอ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-01-2016 19:44:52
ดีแล้วที่แม่ขององค์ชายชิงลงมือฆ่าตัวตายไปซะก่อน ไม่อย่างนั้นองค์ชายต้องมีความทรงจำที่เลวร้ายเพิ่มขึ้นมาอีกมากมายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 24-01-2016 23:28:57
สงสารแต่ก็แอบฟิน
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 25-01-2016 04:07:05
สงสารองค์ชาย ประโยคนี้ทำเราน้ำตาไหลเลยค่ะ “ ข้า ข้า จะพยายามทำตัวไม่ให้ปัญญาอ่อนนะ ”  :o12:  องค์ชายบริสุทธิ์ขนาดนี้แท้ๆ ทำไมต้องทำร้ายองค์ชายกันด้วย ฮืิอออออ

รอตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ  :pig4:  :กอด1:

หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 25-01-2016 05:44:56
แม่ใจร้าย องค์ชายคงเจ็บปวดมามากแน่ๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 25-01-2016 14:54:49
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-01-2016 17:54:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-01-2016 18:32:45
เวสเปอร์เจ็บมาเยอะ สู้ๆนะ
เจ้าเสือดูแลองค์ชายดีๆนะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 27-01-2016 18:46:39
องค์ชาย เจ้าแมว เจ้าเสือน่ารักมากๆ
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 23 ม.ค 58 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 30-01-2016 02:59:34
ดีนะเจ้าเสือ เอ้ย โลกัสมาช่วยไว้ทัน
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-02-2016 22:54:25
ตอนที่ 6
   
เสียงคำรามของฟินน์ทำให้พยัคฆ์ดำชะงักมือที่เช็ดเลือดออกจากดาบ
   
โฮกกก
   
ฟินน์กู่ร้องคำรามซ้ำๆ เช่นนี้ย่อมไม่ปกติ
   
โลกัสเหลือบมองมังกรที่ยังหมอบตัวสั่นเพราะนายของมันล้วนกลับคืนสู่แผ่นดินแล้ว
   
เอาเถอะ
   
ถือว่าเป็นการปล่อยมังกรคืนสู่ป่าแล้วกัน
   
พยัคฆ์ดำเก็บเข้าฝักทะยานไปหาฟินน์ทันที การลงฝีเท้าหนักแน่นไม่เก็บซุ้มเสียงอีกต่อไป กวางที่กำลังกินหญ้าวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น นกตีปีกขึ้นฟ้าฝูงใหญ่
   
ใช้เวลาไม่นานก็หาตัวเสือขาวพบ
   
“ เวสเปอร์ล่ะ ? ”
   
โลกัสขมวดคิ้วถามเสียงเข้ม
   
ฟินน์ขู่เครือครางในลำคอหู่ลู่หางตก มันพยายามดมหาตามพื้นแต่ก็ไม่พบกลิ่นของเวสเปอร์แต่อย่างใด
   
พยัคฆ์ดำลูบหัวฟินน์เบาๆ  ไม่ถือสา
   
ฟินน์เป็นเพียงเสือขาวธรรมดาที่พอจะใช้เวทได้นิดหน่อยเท่านั้น
   
การหายไปขององค์ชายย่อมมาจากศัตรูที่ใช้เวทได้
   
โลกัสหลับตาสดับฟังเสียงของพื้นที่ทั่วบริเวณ
   
เลือดในกายร้อนฉ่าตอบรับความปรารถนาของโลกัส
   
การหาตัวองค์ชาย
   
ฉับพลันนัยน์ตาของโลกัสลืมตาโพลงตวัดดาบใส่ต้นไม้แห้งใกล้ๆ จนหักครึ่ง แมงมุมนับสิบตัวไต่ออกมาจากซากต้นไม้ หยากไย่ซับซ้อนภายในบอกถึงความเก่าแก่ของต้นไม้
   
ปรากฏร่างขององค์ชายที่มีร่างปีศาจกินวิญญาณลอยคลุมจางๆ มันหันมองโลกัสไม่สบอารมณ์ หางยาวตะปุ่มตะปั่มส่ายไปมา แลบลิ้นเลียแก้มองค์ชายกระซิบของหู
   
หากองค์ชายฆ่าตัวตายในความฝัน
   
วิญญาณจะหลุดออกจากร่างและนั่นเป็นอาหารของมัน
   
ที่เพียงพอให้อยู่ต่อไปนับร้อยปี..
   
โลกัสขบกรามกรอดดึงตัวขององค์ชายออกมาจากพันธนาการ
   
เกิดฝุ่นลอยคลุ้ง แต่โลกัสไม่ใส่ใจ
   
เวสเปอร์น้ำตาไหลทั้งๆ ที่ยังคงหลับตาพึมพำบางอย่างเสียงเบา
   
“ พอแล้ว.. พอแล้ว.. ”
   
ไอ้ปีศาจเวรนี่มันกำลังพยายามหลอกล่อเวสเปอร์แน่ๆ
   
“ เวสเปอร์อย่าไปฟังเจ้าปีศาจโง่นี่มันพูด ! ”
   
น่าหงุดหงิดที่ถ้าหากเวสเปอร์ยังไม่ได้สติ ข้าก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้
   
เวสเปอร์ชะงักทำให้โลกัสรีบพูดต่อ
   
“ เจ้าไม่อยากเดินทางไปกับข้าต่อ ? ดินแดนใหม่ๆ ที่เจ้าไม่เคยไปข้าจะพาเจ้าไปเอง ”
   
เสียงที่พูดอ่อนโยนโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
   
“ ถ้าไม่ตื่น ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ ส่วนเจ้าเสืออย่างข้าจะเดินทางต่อไปนะ ”
   
ร่างขององค์ชายสะดุ้งเฮือกก่อนจะโผกอดโลกัส
   
โลกัสยิ้มพอใจ
   
ข้าจะปกป้องเจ้าเอง
   
องค์ชาย

   

ฮื่อ !
   
เสียงจามแปลกๆ เป็นของฟินน์
   
จมูกของฟินน์ขึ้นสีแดงจางๆ เนื่องจากจากจามฝุ่นที่เกาะอยู่เต็มตัว รวมถึงนายสองคนของมันด้วย
   
การเดินทางที่ควรจะเดินทางไปยังเมืองอื่นจึงถูกเปลี่ยนไปหาแหล่งน้ำใกล้ๆ เพื่อชำระล้างตัวให้สะอาดแทน
   
“ เวสเปอร์ ”
   
โลกัสเรียกองค์ชายให้ตื่นเพราะตอนนี้เจอแม่น้ำแล้ว
   
แม่น้ำไหลเอื่อยที่มีปลาแหวกว่ายอยู่ประปราย
   
“ อื้อ ”
   
เวสเปอร์ครางรับในลำคอเชิงรับรู้ แต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด
   
พยัคฆ์ดำขมวดคิ้วแต่ไม่พูดอะไร
   
มือหยาบปลดเสื้อผ้าขององค์ชายออก
   
พอนึกถึงเรื่องตากุ้งยิงก็รู้สึกขำเผลอหลุดยิ้มออกมา
   
ไร้สาระจริงๆ
   
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยแผลจางๆ บนหน้าท้อง
   
รอยแผลเป็นที่จงใจเหลือรอยแผลไว้ย้ำเตือนบางอย่างหรือไม่ผู้ที่รักษาสะเพร่าเกินทน
   
โลกัสคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง พลางปลดกางเกงขององค์ชายออกเหลือเพียงชั้นในส่วนล่าง
   
“ ถ้าหากเจ้าไม่ตื่น ข้าจะอาบให้เจ้า ”
   
เขย่าตัวเวสเปอร์จนตัวโยน
   
เวสเปอร์สะดุ้งตื่นด้วยตาที่บวมแดงเพราะร้องไห้จนหลับไป
   
แต่พอเห็นแม่น้ำตรงหน้าก็ยิ้มกว้าง
   
“ เจ้าเสือ ! แม่ แม่น้ำล่ะ ”
   
เวสเปอร์แทบจะกระโดดลงน้ำทันทีแต่เมื่อก้มมองตัวเองก็พบว่าไม่ได้ใส่อะไรอยู่เลยนอกจากชั้นใน “ ฮือ ! เจ้าเสือ เจ้าห้ามมองข้านะ ! ”
   
โลกัสถอดเสื้อคลุกฝุ่นของตัวเองออก
   
“ เจ้าไม่ต้องกลัวว่าข้าเป็นตากุ้งยิง เพราะเจ้ามันเด็กเกินกว่าที่จะทำให้ข้ารู้สึกอะไรด้วยซ้ำ ”
   
เวสเปอร์ตัดสินใจเอามือปิดตาตัวเองแก้ปัญหา
   
“ ฮือ มัน มันต้องเจ็บมากแน่ๆ ”
   
“ ถ้าเจ้าเป็น ข้าให้เจ้าเหยียบหัวข้าได้เลย ”
   
โลกัสกลอกตาจับองค์ชายพาดบ่าและโยนลงน้ำ
   
ตูม
   
องค์ชายโผล่พรวดตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ
   
“ เย็น ! เจ้า เจ้าเสือเกลียดข้า ฮึก ”
   
ตัวสั่นเทาด้วยความหนาว
   
ดวงอาทิตย์ที่เริ่มโรยตัวลงบนพื้นดินทำให้อากาศเย็นลง
   
แต่โลกัสไม่รู้สึกถึงสภาพอากาศมานานแล้ว
   
ไม่ว่าจะร้อนหรือหนาวก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ทั้งนั้น
   
การเดินทางที่สภาพภูมิอากาศต่างขั้วบ่อยๆ ทำให้ร่างกายของโลกัสปรับตัวได้
   
“ เจ้าจะร้องไห้ทำไม องค์ชาย ”
   
โลกัสลงน้ำค่อยๆ ก้าวไปหาองค์ชาย
   
แต่ก็ช้าไปกว่าเสือขาวของเขา
   
ตูม !
   
กระโดดลงน้ำดังตูมซัดองค์ชายปลิวไปไกล
   
องค์ชายโผล่หัวจากน้ำอีกครั้งหัวเราะคิกคัก
   
“ เจ้าแมว เจ้าแมวกระโดดอีกสิ ”
   
ฟินน์สลัดน้ำออกจากหัวมันก่อนจะเอาหัวถูไถองค์ชายออดอ้อน
   
“ ข้าจะ จะอาบน้ำให้เจ้านะ ! ”
   
เวสเปอร์ยิ้มกว้างลูบหัวฟินน์
   
ลืมไปโดยสิ้นเชิงว่ามีเจ้าเสือ
   
โลกัสมองฟินน์นิ่ง
   
นี่ข้าพ่ายแพ้ให้กับฟินน์อีกแล้ว ?
   
เสือขาวนี่มันมีดีอะไรกัน
   
พยัคฆ์ดำคิดเซ็งๆ

------------------------
ตอนนี้สดใสมากเทียบกับตอนที่แล้ว 5555   
   
   
   
   

   
   
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 01-02-2016 23:02:09
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:มาต่อแล้วววววว :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-02-2016 23:07:25
โถ

ฟินน์ทำคะแนนได้อีกแล้ว เชื่องดีแท้

คณะนี้เดินทางสามชีวิต จะมีเพิ่มมาไหมน้า??
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 01-02-2016 23:10:58
เพราะนุ้งเสือขาวมีขน  พี่เสือดำโชว์ขนหน่อยเร็ววววววววว   :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-02-2016 00:07:08
มีโลกัสซะอย่าง ใครก็ทำอะไรเวสเปอร์ไม่ได้
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-02-2016 00:48:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 02-02-2016 01:11:52
แพ้ฟินน์ตลอดเลย น่าสงสารๆ ดูแลเวสเปอร์ดีๆนะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-02-2016 03:51:40
ก็ฟินด์น่ารักอ่ะ ต้องทำใจนะเจ้าเสือ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 02-02-2016 07:40:33
คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง5555555555
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 02-02-2016 09:16:13
เสือขาวมีไรดีหรอก็มีขนนุ่มๆให้องค์ชายซุกไง ถ้าอยากให้องค์ชายสนใจก็ปิดอกเอาขนมาให้องค์ชายซุกดิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 02-02-2016 12:38:09
 :L2:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: chouxcream59 ที่ 02-02-2016 12:55:40
อิจฉาเจ้าแมวก็บอกมาเถอะเจ้าเสือ   :hao7:

อยากให้องค์ชายมากอดมาอ้อนก็ต้องทำตัวดีๆนะ อิอิอิ   :-[ :-[
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 02-02-2016 14:15:43
แอร้ยยยยยยย เจ้าพยัคฆ์ดำเป็นหมาหัวเน่าแล้วหวายยย555555 เวสเปอร์น่ารักน่ากดน่ากอดที่สู๊ดดดด

ตอนนี้น่ารักมากค่ะ เอาอีก อิอิ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 02-02-2016 15:21:13
 o13 o13
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-02-2016 19:47:56
ก็เจ้าแมวขี้อ้อนนิ เจ้าเสือก็ต้องอ้อนบ้างนะ 5555
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 03-02-2016 20:54:37
เอาน่าตอนนี้ยังสู้ไม่ได้ อนาคตไม่แน่นะ
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 1 ก.พ 59 # ครึ่งแรก p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-02-2016 23:46:54
“ เจ้าเสือ เจ้าเสือ ! ”
   
เวสเปอร์ที่เล่นน้ำจนพอใจวกกลับมาหาโลกัสที่นั่งหลับตาเงียบๆ และเบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยแผลเป็นพาดยาวบนหน้าอกของโลกัส รอยกรีดลึกที่แม้จะเหลือเพียงรอยแผลแต่ก็ทำให้คนมองรู้สึกสะท้านในอก
   
ราวกับผู้ที่ลงดาบฟันนั้นต้องการจะฟันให้ตาย !
   
“ เจ้าเสือ.. เจ้า เจ้าทำอะไรมา เจ็บ เจ็บไหม ”
   
องค์ชายถามเสียงเบาหยุดยืนตรงหน้าโลกัส
   
เวสเปอร์รู้จักรอยแผลแบบนี้ดี
   
โลกัสลืมตายิ้มมุมปาก
   
ไม่มีใครกล้าถามข้าแบบนี้มานานมากแล้ว
   
หญิงที่ข้าร่วมหลับนอนด้วยจะเก็บปากเงียบเมื่อรู้ว่าข้าเป็นใคร
   
“ แค่โดนฟันเท่านั้น ไม่เจ็บหรอก ”
   
มือหยาบขยี้หัวผมสีขาวด้วยความเอ็นดู
   
“ ไม่กลัวเป็นตากุ้งยิงแล้วเหรอ ? ”
   
ถามหยอกเย้า
   
มันยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะรู้ที่มาจริงๆ หรอก องค์ชายของข้า
   
ในเวลานี้เจ้าจงเล่นสนุกให้พอใจเถอะ
   
เวสเปอร์สะดุ้งเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
   
“ จริงด้วย จริงด้วย ! ”
   
เอามือลูบตาตัวเองด้วยความตกใจแต่เมื่อไม่พบความเปลี่ยนแปลงก็หน้าบูด
   
“ ท่านแม่ แม่หลอกข้า ! ”
   
โชคดีที่ความทรงจำเลวร้ายถูกฝังลงไปอีกครั้ง
   
เพราะสติปัญญาที่ยังคงเด็ก
   
จดจำในสิ่งที่ควรจำ ทิ้งในสิ่งที่เลวร้าย
   
เพื่อให้ในแต่ละวันเต็มไปด้วยความสนุก
   
มันอาจจะดูน่าอิจฉาสำหรับใครหลายๆ คน แต่ถ้าหากเวสเปอร์เลือกได้ คงเลือกที่จะไม่เป็นเช่นนี้
   
“ แต่เจ้าเสือไม่หลอกเจ้า ”
   
โลกัสหัวเราะเหลือบมองฟินน์ที่นั่งนิ่งมององค์ชาย
   
ครั้งนี้เจ้าแพ้ข้าแล้ว ฟินน์
   
ฮื่ออ
   
ฟินน์แยกเขี้ยวขู่ใส่โลกัสด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
   
องค์ชายยิ้มกว้าง
   
“ เจ้าเสือ ! ข้า ข้าชอบเจ้าจัง ใจดี ”
   
พยัคฆ์ดำส่งเสียงอือออรับในลำคอไม่ได้ใส่ใจ เพราะสมาธิอยู่กับเสียงฝีเท้า เสียงลากเลื่อนของบางอย่างที่ดังแว่วมาจากที่ไกลๆ
   
“ ดูท่าเราจะมีโชคแล้วล่ะ องค์ชาย ”
   
โลกัสยิ้มพอใจ
   
กองคาราวานขนสินค้ากำลังผ่านมาทางนี้ ไปยังเมืองที่พวกเขาต้องการพอดี
   
“ เจ้าแมว ! อย่ามุดใส่ท้องข้าสิ คิกๆ ”
   
ไหล่ของพยัคฆ์ดำสั่นสะท้าน
   
แมวเวร !

   

“ เอาสิ ! อยู่กับเยอะๆ ปลอดภัยดี ”
   
หัวหน้ากองคาราวานหัวเราะฮ่าๆ ชุดที่ใส่เป็นชุดทะมัดทะแมงประดับด้วยอัญมณีแสดงถึงฐานะที่มั่งคั่งจากการค้าขาย ดาบฝักประดับมุกสีดำทอประกายแวววาวเมื่อต้องกับแสงจันทร์   
   
“ ขอบคุณท่านมาก ”
   
โลกัสผงกหัวรับ
   
ตอนนี้ทั้งโลกัสทั้งเวสเปอร์สวมเสื้อคลุมหน้ามิดชิดเพื่อปิดบังตัวเอง ถ้าหากเป็นคนทั่วไปคงสงสัยไม่น้อยและไม่ยอมให้ร่วมทาง แต่ไม่ใช่กับคาราวานกลุ่มนี้
   
โลกัสรู้จักคารานวานกลุ่มนี้ดี
   
คาราวานที่ขึ้นชื่อด้านการต่อสู้และการค้าขาย แต่ละคนที่เข้าร่วมคาราวานนั้นล้วนมีฝีมือ ทำให้การเดินทางจากเมืองนึงไปอีกเมืองนึงสามารถไปทางตรงได้เลยไม่ต้องเสียเวลาอ้อม ยิ่งทางผ่านขึ้นชื่อว่าอันตรายเพียงใดกลุ่มคาราวานกลุ่มนี้ก็สามารถผ่านไปได้ทั้งนั้น ผลที่ได้รับจากการเดินทางแบบนี้คือกำไรงามๆ จากการขายสินค้า ทำให้แต่ละคนค่อนข้างร่ำรวย
   
เวสเปอร์ถูกโลกัสสั่งห้ามให้พูดกับคนในคาราวาน
   
เพราะถือว่าเป็นการเปิดเผยตัว
   
จะมีสักกี่คนที่สติปัญญาเป็นเด็กและหนีออกจากเมืองกัน ?
   
โลกัสตระหนักถึงความจริงข้อนี้
   
“ อย่าคิดจะขโมยสิ่งใดที่พวกข้านำมาเชียว ไม่เช่นนั้นอาจจะมีหัวของท่านด้วยในยามที่ค้าขาย ! ”
   
พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
   
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้โลกัสกลัว
   
ถ้าเขาอยากได้ก็สามารถหยิบฉวยและหนีไปได้ทันที
   
การหลบหนีในป่าเป็นเรื่องที่โลกัสถนัดที่สุด
   
“ ข้าต้องการเพียงร่วมเดินทางไปกับพวกท่านนั้น ทรัพย์สินที่พวกท่านมีข้า ข้าก็มีเช่นกัน ”
   
หัวหน้าคารานวานยิ้มพอใจในคำพูดของโลกัส
   
“ งั้นก็เข้ามาเลยสหาย ! ถ้าเจ้าอยากนั่งก็สามารถนั่งบนตู้นอนเล็กๆ นั่น หรือจะบนเกวียนก็ได้เหมือนกัน ถ้าหากมีที่ว่างให้พวกเจ้า ”
   
“ ขอบคุณท่านมาก ”
   
โลกัสผงกหัวอีกครั้งจูงมือองค์ชายให้เดินตาม
   
เวสเปอร์ดึงเสื้อคลุมของตัวเองให้ปิดหน้าเพราะตัวเองเอาแต่ชะเง้อหน้ามองอย่างสนใจ
   
ม้าท่าองอาจสวมชุดเกราะเหล็กย่ำเท้าอยู่กับที่ส่งเสียงฟืดฟาดเทียมด้วยตู้เหล็กที่มีของบรรจุจนเต็มชายผ้าขลิบทองที่แลบออกมากล่าวเช่นนั้น คนอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกในคาราวานล้วนแต่งตัวตามใจตนเองแต่สิ่งที่เหมือนกันคืออาวุธที่เหน็บไว้ข้างกาย บางคนส่งยิ้มทักทายให้กับอาคันตุกะผ่านทางทั้งสอง แต่ก็มีคนที่ไม่สบอารมณ์เช่นกัน
   
โลกัสพาองค์ชายมานั่งตู้เหล็กคันสุดท้ายที่เป็นห้องเหล็กโล่งๆ  มีคนนอนอยู่ก่อนเพียงคนเดียวเท่านั้น
   
“ เจ้าง่วงไหม เวสเปอร์ ”
   
เวสเปอร์หาวหวอดแทนคำตอบ
   
“ ง่วง ง่วง เจ้าเสือนอนกันเถอะ ”
   
ดึงเสื้อให้โลกัสให้ลงมาล้มตัวนอน
   
“ ข้าจะให้ ให้เจ้ากอดนะ ! นอน นอนกัน ”
   
“ การเดินทางกับกองคาราวานต้องตอบแทนด้วยการช่วยคุ้มกันพวกเขา เวสเปอร์ ”
   
โลกัสลูบหัวเวสเปอร์เบาๆ ดึงตัวฟินน์ที่อยู่ในร่างแมวมาให้องค์ชาย
   
แง้วว
   
หูของฟินน์กระดิกไม่พอใจเมื่อถูกปลุกจากฝันหวาน
   
“ นอนกอดเจ้าแมวไปก่อนแล้วกัน ”
   
องค์ชายรับฟินน์ไปกอดอย่างว่าง่าย
   
พยัคฆ์ดำลูบหัวองค์ชายทิ้งท้ายออกจากตู้เหล็กไปคุ้มกันกองคาราวานตามธรรมเนียม
   
เสียงฝีเท้าของม้าศึกดังรุนแรงเช่นเดียวกับเสียงของภายในตู้เหล็กที่ส่งเสียงเกรียวกราวในบางตู้
   
“ เจ้าคงไม่ใช่นักเดินทางทั่วไปสินะ ”
   
หัวหน้าคาราวานถามกลั้วหัวเราะขณะที่นั่งอยู่บนตู้เหล็ก
   
“ ข้าเป็นนักเดินทางเพียงแต่เป้าหมายของข้าไม่ใช่เพียงเดินทางเท่านั้น ”
   
“ ป่านี่ขึ้นชื่อเรื่องสัตว์ร้ายกับปีศาจ คนปกติย่อมไม่ยุ่งเกี่ยว เจ้าบอกข้ามาเถอะว่าเจ้าเป็นใคร ข้าไม่แพร่งพรายออกไปหรอกสบายใจได้ ”
   
มือประสานไว้อกเพื่อแสดงความสัตย์จริงของคำพูด
   
โลกัสหัวเราะตอบบ้าง
   
เสียงหัวเราะดังน่าขนลุกให้คนอื่นๆ จับจ้องโลกัสเป็นตาเดียว โชคดีที่ม้าของพวกเขาชาญศึกจนต่อให้ไม่ควบคุมก็ยังไปตามทิศทางที่ต้องการได้ มือข้างที่ว่างจับอาวุธอย่างเผลอตัว
   
“ จงรักษาคำสัตย์ของท่านให้ดี ”
   
ดึงเสื้อคลุมลงเปิดเผยใบหน้า
   
“ เจ้า !! ”
   
หัวหน้าคาราวานสะดุ้งเป็นคนแรก
   
ก่อนที่สีหน้าตกใจจะกลายเป็นเหม็นเบื่อ
   
“ เป็นใครกัน ”
   
โลกัสยิ้มรับ
   
ใบหน้าในยามนี้ไม่ใช่ของโลกัส แต่ถูกเปลี่ยนแปลงเป็นใบหน้าของคนอื่นที่พอจะนึกออก
   
“ ข้าเป็นเพียงนักเดินทาง ท่านย่อมไม่รู้จักข้า ”
   
คนอื่นๆ ที่ให้ความสนใจถอนหายใจด้วยความเซ็ง เลิกให้ความสนใจไปกับโลกัสไปโดยปริยาย
   
ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่โลกัสต้องการ
   
“ ข้าไม่ได้โง่หรอกนะ ”
   
เสียงของหัวหน้าคาราวานดังก้องข้างหูโลกัสทั้งๆ ที่ริมฝีปากไม่ได้ขยับ
   
เพียงแค่จ้องมองด้วยรอยยิ้ม
   
“ ถ้าเจ้าไม่อยากคนอื่นก็ไม่เป็นไร แค่เปิดเผยฐานะจริงๆ ของเจ้ากับข้าก็พอ ข้าว่าเจ้าก็คงพอจะรู้ว่า เงินไม่สามารถซื้อข้าได้หรอกนะ ”
   
พยัคฆ์ดำยิ้มตอบคลายเวทแปลงใบหน้าเพียงชั่ววินาทีก่อนจะเปลี่ยนเป็นดังเดิม
   
หัวหน้าคาราวานเบิกตากว้างแต่ก็สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้เกิดความพิรุธได้
   
“ เจ้า เจ้า.. ”
   
พูดเสียงพึมพำ
   
“ ข้าเป็นเพียงนักเดินทาง ”
   
โลกัสยิ้มแสยะ
   
“ การเดินทางของท่านครั้งนี้จะปลอดภัย ถ้าท่านรักษาคำสัตย์ของท่าน ”

-----------------------------------

ตอนหน้าเข้าเมือง มีแต่เรื่องสนุกๆ 5555

ขอบคุณคอมเมนต์ค่ะ  :man1: กอดดด
   
   
   

   
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 06-02-2016 02:49:00
รอๆ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-02-2016 06:32:11
โลกัสนี่ร้ายจริงๆ

กรี้ดดดดด หนูชอบบบบ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 06-02-2016 08:18:18
ร้ายกาจ น่าติดตามมากหุหุ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 06-02-2016 08:42:28
 :pig4:

น่ารักจังน้าา แมวกะเสือแย้งเวสเปอร์กัน อิอิ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 06-02-2016 11:16:37
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-02-2016 11:38:29
รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 06-02-2016 15:58:03
พระเอกเท่ห์ได้อีก ดูแล้วรู้เลยว่าสามารถปกป้องเจ้าชายเวสเปอร์ได้แน่ๆ พยัคฆ์ดำไม่แพ้พยัคฆ์ใดในโลก(ลอกสโลแกนเบียร์มาชัดๆ5555) ส่วนเวสเปอร์น่ารักมากค่ะ คือน้องยังเด็กจริงจริ๊งงงง แต่พยัคฆ์ดำกับฟินน์เด็กกว่าคือแย่งกันเป็นที่หนึ่ง5555555

ขอบคุณค่าา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-02-2016 17:25:36
ตะลึงเลยชิมิหัวหน้าคาราวาน 55555
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-02-2016 18:27:35
โลกัสไม่ธรรมดาจริงๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 06-02-2016 18:55:28
เวสเปอร์ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมมมม   :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 06-02-2016 19:48:24
เท่ได้อีกกก โลกัสเท่มากค่า เวสเปอร์ใจไหม สามีคุณเท่มากด
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 06-02-2016 20:32:21
โชคดีที่โลกัสถูกใจองค์ชาย แถมยังสงสารอีกด้วย
ไม่งั้นองค์ชายคงไม่รอดแน่ๆ สงสารจับใจ
แตาก็เอ็นดูนางมากมายเลย อย่าทำเด็กไม่มีทางสู้สิ
พวกในวังนี้น่ารังเกียจจัง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 06-02-2016 23:07:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 06-02-2016 23:19:05
ฟินน์ดูแลเวสเปอร์ดีๆนะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-02-2016 00:33:07
เวสเปอร์น่ารักอะ มีให้นอนกอดด้วย

พูดเหมือนเสียสละตัวเองเลยนะเนี่ย แต่จริงๆชอบให้มีคนกอดสินะ 55555 น่าร๊ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 07-02-2016 17:13:39
เจ้าแมวกับเจ้าเสือมีบลัฟกันด้วยนะว่าเวสเปอร์สนใจใครมากกว่ากัน
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-02-2016 00:07:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 09-02-2016 19:16:25
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 6 5 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง p.4
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 09-02-2016 21:51:36
กองคาราวานดวงไม่ดีเลยนะท่าน เหอเหอ ไปเจอเสือดุเข้าให้
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-02-2016 00:18:49
ตอนที่ 7
   
ลมประจำถิ่นพัดพาอากาศเย็นโกรกใส่หน้าต่างดังกุกกัก ผู้คนในเมืองที่เดินกันขวักไขว่เริ่มพากันใส่เสื้อขนสัตว์หนารับกับฤดูที่จะกำลังจะผันเปลี่ยน
   
เดิมทีสภาพอากาศไม่ใช่ปัญหาของเวสเปอร์
   
เพราะไม่ว่าจะฤดูกาลใดก็ล้วนแต่อยู่ในปราสาท
   
บ่อยครั้งที่เวสเปอร์เกาะหน้าต่างมองเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่น ฝันเล่นๆ ว่าจะได้เล่นมันบ้าง แม้ว่าจะมีช่วงนึงที่ไปอยู่กับแม่ที่บ้านไกลเมืองแต่ก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะออกจากห้อง
   
การเดินทางกับโลกัสเหมือนกับเป็นการเปิดโลกให้เวสเปอร์
   
เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากการเดินทางแทนคำสั่งสอนจากอาจารย์ทั้งหลาย หรือก็คือสิ่งที่องค์ราชาไม่ใส่ใจจะให้มันกับเวสเปอร์ ต่างกับองค์ชายรองที่แค่เพียงเอ่ยปากว่าอยากไปที่ใดในวันรุ่งขึ้นก็จะมีขบวนเสด็จทันที
   
ในตอนนี้เวสเปอร์กับโลกัสกำลังต่อคิวเข้าเมืองทำให้อากาศเย็นสามารถกัดผิวองค์ชายได้เต็มที่
   
ส่วนกองคาราวานนั้นได้ไปที่เมืองอื่นต่อแล้วเพราะเมืองนี้ไม่ใช่ที่หมายของพวกเขา
   
“ เจ้าเสือ ! ข้าหนาว หนาว ”
   
เวสเปอร์พูดเสียงสั่นกอดเจ้าแมวในอ้อมกอดแน่น
   
โลกัสแค่นเสียงหัวเราะเบาๆ เอ็นดู
   
ความเย็นแค่ทำให้ข้าจามยังยากเลย
   
“ รอก่อน องค์ชาย ถ้าเข้าไปได้ข้าจะให้เจ้านอนเตียงนุ่มๆ ห้องอุ่นๆ เลย ”
   
“ ฮือ ข้าหนาว หนาว ”
   
โลกัสถอดเสื้อคลุมตัวเองห่มให้องค์ชายเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
   
เสื้อคลุมสีดำเข้ากันดีกับผมที่ถูกเวทย้อมเปลี่ยนเป็นสีดำ
   
แง้วววว
   
ฟินน์ขู่ในลำคอเมื่อมันอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของความอบอุ่น เสื้อคลุมสองชั้นกำลังจะทำให้มันขาดอากาศหายใจตายในอ้อมกอดองค์ชาย !
   
“ เจ้าเสือ ! เจ้าแมว เจ้าแมวเป็นอะไร ”
   
เวสเปอร์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มองเจ้าแมวสลับกับเจ้าเสือลนลาน
   
พยัคฆ์ดำหลุดยิ้มมุมปาก
   
ต้นเหตุที่ทำให้ฟินน์หายใจไม่ออก ไม่ใช่เจ้าหรอกเหรอองค์ชาย ?
   
“ เจ้าแมวแค่อยากออกมาเดินเล่นน่ะ ”
   
มือหยาบเลิกเสื้อที่คลุมตัวองค์ชายหยิบฟินน์ในอ้อมกอดองค์ชายออกมา
   
แง้ว
   
ฟินน์ตะเกียกตะกายจนโลกัสยอมปล่อยให้ไปยืนบนพื้น มันหอบหายใจดังแฮ่กๆ  ก่อนจะพยายามเลียขนที่ยับเยินจากการโดนกอดหนักๆ มา เมื่อขนของมันพอดูได้ก็กลับมายืนข้างองค์ชาย
   
“ แต่มันหนาวนะ เจ้าแมว เจ้าแมวไม่หนาวเหรอ ”
   
องค์ชายมองเจ้าแมวเศร้าๆ
   
ตัวเจ้าแมวอุ่นมากเลย
   
ข้าอยากกอดอีก
   
“ เจ้าแมวก็เหมือนกับข้า สภาพอากาศไม่สามารถทำอะไรได้  ถ้าหากเจ้าเดินทางไปกับข้าเรื่อยๆ บางทีเจ้าอาจจะเป็นเหมือนกับพวกข้า  ”
   
นัยน์ตาสีแดงจดจ้ององค์ชายด้วยรอยยิ้มจาง
   
แต่คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับองค์ชาย
   
เห็นทีข้าต้องซื้อเสื้อกันหนาวให้แล้วสิ
   
องค์ชายไม่ได้ตอบกอดตัวเองแน่น
   
โลกัสจึงดึงองค์ชายกอดหลวมๆ ไว้
   
“ แล้วตัวข้าล่ะ เวสเปอร์ อุ่นไหม ? ”   
   
เวสเปอร์ยิ้มจนตาหยี
   
“ อื้อ ! อุ่น อุ่นมากเลย เหมือนข้ากำลังห่มผ้าเลย ”
   
โลกัสรู้สึกถึงการฝนเล็บที่ขาของตัวเองซึ่งมันก็ไม่สามารถทำให้พยัคฆ์ดำสะเทือนสักนิดเดียว
   
แง้วๆๆ
   
ฟินน์พ่นลมหายใจหงุดหงิด หูหางตั้งขนพองไม่พอใจ
   
“ ช่วยไม่ได้ ” โลกัสแค่นยิ้มใส่สัตว์เลี้ยงตัวเอง”เจ้าเลือกเวสเปอร์ก็จริง แต่ข้าเป็นเจ้านายเจ้า เวสเปอร์ย่อมเป็นของข้า ”
   
เจ้าแมวจึงทิ้งตัวนอนบนพื้นกลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนพยายามประท้วงจนฝุ่นคลุ้ง
   
“ เจ้าแมว มันสกปรกนะ ”
   
เวสเปอร์แกะมือโลกัสออกถลาไปอุ้มตัวฟินน์ขึ้นมาปัดฝุ่นออกจากตัว
   
“ ถ้าเจ้า เจ้าสกปรก ข้าก็กอดเจ้าไม่ได้สิ ”
   
ฟินน์ร้องครืดๆ ในลำคอออดอ้อนองค์ชาย หันมองโลกัสราวกับแสดงให้เห็นว่าคำพูดของโลกัสไม่เป็นความจริง เพราะองค์ชายก็เป็นของมันเช่นกัน
   
“ ท่านนักเดินทาง ”
   
เสียงทหารประจำการเอ่ยเรียกทำให้โลกัสกลับไปแย่งองค์ชายคืนมาไม่ได้
   
พยัคฆ์ดำที่อยู่ในคราบนักเดินทางธรรมดาแสร้งยิ้มเป็นมิตรที่ดูโง่และไร้พิษภัย ส่วนเวสเปอร์ก็เก็บปากเงียบทันทีก้มหน้างุดเกาะชายเสื้อโลกัส
   
ทหารประจำการเหลือบมองนักเดินทางทั้งสองสำรวจหาความผิดปกติ ด้วยความสามารถที่มีไม่มากทำให้ไม่สามารถจับเท็จอะไรได้ ตำแหน่งที่ได้มาก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่อยากได้ เพียงแต่มันว่างพอดีจึงจำใจต้องมาทำ การทำงานจึงเต็มไปด้วยความสะเพร่า ไม่แม้กระทั่งตรวจหาอาวุธเหมือนทุกครั้งที่ตรวจผู้อื่น
   
เพราะคิดว่านักเดินทางที่เปิดเผยใบหน้าท่าทางไร้พิษภัยผู้นี้คงไม่กระทำป่าเถื่อนอะไรแน่
   
“ พวกท่านเข้าเมืองด้วยเหตุใด ? ”
   
“ พวกข้าได้ข่าวว่าเมืองนี้กำลังจะจัดงานประลองประจำปี เลยอยากจะมาชมว่ามันยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือที่เพื่อนข้าเล่าให้ฟังรึเปล่า ”
   
โลกัสพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นทั้งๆ ที่ในใจนั้นตรงกันข้าม
   
งานประลองส่วนใหญ่ก็มียอดฝีมืออยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
   
ที่เหลือก็เพียงคนทั่วไปที่อยากลองเข้ามาจับดาบไล่ฟันกันเล่นๆ
   
“ แน่นอน มันยิ่งใหญ่แน่ เพราะครั้งนี้ท่านเจ้าเมืองจัดในวันเกิดของท่านด้วย อาหารชั้นดีจะถูกแจกจ่ายให้กับขุนนาง ส่วนพวกข้าคงได้กินแค่ขนมปังจืดๆ ”
   
ผู้เฝ้าประตูพูดด้วยสีหน้าเกลียดชัง
   
คำสรรเสริญที่เต็มไปด้วยคำประชดประชันทำให้โลกัสสนใจแตไม่ได้เอ่ยปากถามต่อ
   
“ น้องชายของข้าหนาวมาก ข้าเข้าเมืองได้รึยัง ท่าน ? ”
   
ว่าพลางยื่นเหรียญทองให้ตามธรรมเนียมสำหรับการเข้าเมือง
   
“ ปกติจะสองเหรียญทองสำหรับสองคน ข้าคิดเจ้าแค่หนึ่งเหรียญทองแล้วกัน เดี๋ยวจะไม่มีเงินซื้อข้าวกินในเมือง ”
   
“ ขอบคุณท่านมาก ”
   
พยัคฆ์ดำยิ้ม
   
ถ้าหากนายทหารคนนี้รู้ว่าข้าเป็นใครคงไม่พูดเช่นนี้แน่
   
   

บรรยากาศในเมืองเรียกได้ว่าค่อนข้างหม่นหมองจนโลกัสต้องขมวดคิ้วแน่น ถึงแม้มีชาวต่างเมืองเดินกันขวักไขว่แต่จำนวนที่ซื้อของนั้นน้อยเกินทน ราคาที่ถูกตั้งสูงลิบลิ่วไม่ได้เกินคำพูดของนายทหารนัก หากเป็นคนทั่วไปคงไม่วายได้กินแต่น้ำเปล่ากับอาหารชั้นเลว
   
สุนัขเลี้ยงตัวผอมนอนแน่นิ่งบนพื้น มันเหลือบมองฟินน์ที่เดินผ่านไม่สนใจที่จะวิ่งไล่กวดเหมือนสุนัขปกติ ความหิวโหยและอากาศที่เย็นเยือกทำให้การนอนนิ่งๆ ดูจะเป็นเรื่องที่ฉลาดกว่า
   
“ เจ้าเสือ เจ้าเสือ ”
   
องค์ชายกระตุกชายเสื้อให้โลกัสหันมาสนใจ
   
“ หนาวงั้นเหรอ องค์ชาย ”
   
เวสเปอร์ไม่ตอบเพียงแค่มองไปทางร้านขายเสื้อผ้ากระเป๋าด้วยตาเป็นประกาย
   
โลกัสหัวเราะหึในลำคอ
   
“ ข้าคงต้องรีบหาเงินแล้วสิ ”
   
เมื่อร้านที่ว่าถูกตกแต่งอย่างหรูหราผิดกับร้านรอบข้างที่เป็นของชาวบ้านทั่วไป
   
แค่ของที่ชาวบ้านนำมาขายยังแพง
   
แบบนี้ข้าคงต้องขายตัวเองด้วยเพื่อที่เงินจะได้พอกับสิ่งที่เจ้าอยากได้
   
องค์ชายของข้า

   

“ เจ้าเสือ เจ้า เจ้าจะไปไหน ”
   
เวสเปอร์ถามเมื่อเห็นโลกัสสวมชุดคลุมเตรียมจะออกไปข้างนอก
   
“ ข้าจำได้ว่าลืมของไว้ที่ร้านเสื้อผ้าเลยจะไปเอา ”
   
โลกัสลูบหัวองค์ชายเบาๆ ที่นั่งบนเตียงนุ่มด้วยความเอ็นดู
   
“ เจ้าเสือ เจ้าเสือต้องรีบกลับมานะ ! ข้าสัญญาแล้วว่าจะให้เจ้ากอด ”
   
องค์ชายขมวดคิ้วเพราะเวลานี้ก็เวลานอนของเขาแล้วด้วย
   
“ นอนกับฟินน์ไปก่อนแล้วกัน อย่าลืมสิ่งที่ข้าพูด เจ้าห้ามออกจากห้องนี้โดยที่ข้าไม่อยู่เด็ดขาด ”
   
“ อื้อ ! ข้าจะไม่ออกไป ”
   
“ ดี นอนให้อิ่ม พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าเที่ยวเล่นในเมือง ”
   
แง้ว
   
ฟินน์มองเจ้านายของตัวเองเขม็ง
   
มันรู้ดีว่าเจ้านายของมันจะไปไหน
   
โลกัสแค่นยิ้ม
   
“ ดูแลองค์ชายให้ดี ฟินน์ ”


โลกัสไม่ได้ลืมของอย่างที่พูดไว้กับเวสเปอร์
   
เป้าหมายหลักที่ไปแต่ละเมืองคือการสืบหาข่าวและการล่าค่าหัว
   
พยัคฆ์ดำใช้เวลาไม่นานก็หาที่ๆ ต้องการพบ
   
ตรอกมืดที่แทบไม่มีใครใส่ใจ
   
ไม่เสียเวลาคิดย่างเท้าเข้าไปทันที เปิดเผยใบหน้าแท้จริงเพื่อยืนยันตัวกับผู้ที่ขายข่าวสารต่างๆ รวมถึงเป็นนายหน้าสำหรับการว่าจ้างฆ่าใครบางคน
   
“ ต้องการอะไร ”
   
เสียงแหบกร้าวดังขัดหูพูดดังแว่วในความมืด
   
“ ข่าวเกี่ยวกับพยัคฆ์ทมิฬ ”
   
“ ไม่มี พยัคฆ์ดำอย่างเจ้าจะหาเรื่องเสือดำยักษ์นั้นไปทำไม ? มันตายไปนานแล้ว ”
   
“ ค่าหัว ”
   
โลกัสพูดเสียงเย็นเยียบ ไม่ตอบคำถามและนัยน์ตาเป็นประกายกร้าวแสดงถึงความไม่พอใจ
   
“ สูงที่สุดในตอนนี้คือเจ้าเมือง หนึ่งพันเหรียญทองสำหรับการฆ่าในวันเกิด ”
   
“ ข้าจะมารับเงิน ”
   
โลกัสพูดตัดบทออกจากตรอกทันที
   
อารมณ์พลุ่งพล่านด้วยความหงุดหงิด
   
ไม่ว่าเมืองใดๆ ก็ไม่มีข่าวคราวที่เขาต้องการ !
   
จากที่ควรกลับไปที่โรงแรงหรูยอมนอนให้องค์ชายกอด แต่โลกัสกลับสาวเท้าเข้าไปในร้านเหล้าเพื่อดื่มดับอารมณ์หงุดหงิดตัวเอง และในครั้งนี้โลกัสไม่ได้ปฎิเสธหญิงสาวที่มาเสนอตัว
   
เกือบค่อนคืนจึงกลับห้อง
   
เจอเข้ากับองค์ชายที่กำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้บนเตียง
   
โลกัสจัดเสื้อของตัวเองให้เข้าที่ รีบเข้าไปหาองค์ชาย
   
“ เป็นอะไร เวสเปอร์ ”
   
“ เจ้าเสือ ฮึก ”
   
เวสเปอร์กอดโลกัสแน่น
   
“ ข้า ข้าฝันว่าท่านพ่อจะแทงข้า ”
   
องค์ชายพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
   
“ ฮึก ข้ากลัว กลัวมากเลย เจ้าเสือ เจ้าเสือหายไปไหน ทำไมไม่อยู่กับข้า ฮึก ”
   
“ ขอโทษ ข้าขอโทษ  ”
   
พยัคฆ์ดำพูดพร้อมลูบหลังองค์ชาย
   
รู้สึกแย่..
   
ในตอนที่ข้ากำลังทำเรื่องแบบนั้นแต่องค์ชายของข้ากลับกำลังร้องไห้
   
“ ข้าจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ”
   
แม้โลกัสจะพูดซ้ำไปซ้ำมา
   
แต่ก็ไม่สามารถทำให้องค์ชายหยุดร้องไห้ได้

-------------

ลงดึกมาก พร่งนึ้ต้องตื่นเช้า  o22


   
   
   

   
   
   
   
   

   
   
   
   
   
   
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 15-02-2016 00:56:20
โอยยยย สงสารเวสเปอร์อ่าาาา

กอดดดดดด
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-02-2016 01:09:31
พี่เสือใจร้ายตัวเองเสวยสุขกะผู้หญิงแล้วทิ้งเจ้าชายไว้
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-02-2016 02:45:59
เจ้าเสือนิสัยไม่ดีทิ้งเวสเปอร์ไปนอนกกหญิง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 15-02-2016 03:23:50
เดี๋ยวเถอะเสือ นอกใจนะเธอโกรธๆๆๆ ><
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 15-02-2016 07:00:49
ทำไมเจ้าเสือต้องตามหา พยัคดำด้วย
เรื่องชักซับซ้อนแล้วสิ สงสารเวสเปอจัง
ถูกพ่อทรมานจิตใจมานาน
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 15-02-2016 07:16:48
โอ้ยย ดันนอนก่อนคุณ Foggy time แปปเดียวเอง


โลกัสไหงต้องตามหา แสดงว่าพยัคฆ์ทมิฬตายไม่จริงน่ะจิ

ปอลอ เวสเปอร์ร้องไห้ไม่หยุด โลกัสต้องรับผิดชอบ!


หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 15-02-2016 07:39:02
เจ้าเสือนิสัยไม่ดี แบบนี้จะถูกเวสเปอร์งอนใส่น้า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 15-02-2016 07:53:31
เวสเปอร์อย่าร้องไห้สิ เราสงสาร  :o12:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 15-02-2016 09:16:49
สงสารเจ้าชายอะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: daadaadaa ที่ 15-02-2016 11:16:22
เจ้าชายน่าสงสารมาก
 :o12:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 15-02-2016 13:45:22
โลกัสตามหาข่าวของใครนะ ชักจะซับซ้อนขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-02-2016 15:38:20
มารอ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 15-02-2016 19:14:24
สงสารเจ้าชาย ติดลบไปเลยไอ้เจ้าเสือดำ :beat:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-02-2016 19:55:10
สงสารองค์ชาย ร้องไห้อยู่คนเดียว
เจ้าเสือใช้ไม่ได้ คราวหลังห้ามทิ้งไปหาสาวอีกนะ!!
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: chouxcream59 ที่ 15-02-2016 20:04:28
เจ้าเสือใจร้ายมากกกกกก ทิ้งองค์ชายไว้คนเดียว(ถึงจะอยู่กับเจ้าแมวด้วยก็เถอะ) :o12:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 15-02-2016 20:06:54
อ่านแล้วอยากเข้าไปปลอบเวสเปอร์เอง
//โดนเจ้าเสือเาอดาบแพ่นกบาล
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-02-2016 22:53:56
มือหยาบพยายามเกลี่ยน้ำตาขององค์ชายออก
   
“ เจ้าเสือ ฮึก สักวัน สักวันเจ้าจะแทงข้าเหมือนกันใช่ไหม ? ”
   
องค์ชายพูดด้วยรอยยิ้มฝืนๆ
   
“ ฮึก ถ้าเจ้าทำ เจ้าทำตอนที่ข้าหลับนะ มันเจ็บ เจ็บมากเลย.. ”
   
“ ข้าสาบาน องค์ชาย ข้าไม่วันทำร้ายเจ้าเด็ดขาด ”
   
โลกัสนึกเกลียดตัวเองที่ไม่ยอมรีบกลับมา
   
“ ฮึก เจ้าต้องโกหกข้าแน่ ฮือ เหมือนกับทุกคนที่โกหกข้า ท่านแม่ไม่ได้ตายเพราะโจร ฮึก ท่านแม่ตายเพราะเกลียดข้า !! ”
   
เวสเปอร์พูดเสียงตะหวาดเสียงสะอื้น
   
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันผิดเพี้ยนไปหมด
   
ข้า เป็นข้าที่ทำให้เกิดเรื่องแย่ๆ แบบนี้ขึ้นมา
   
สมควรแล้ว สมควร
   
ไม่ว่าจะโดนแทงหรืออะไรข้าก็สมควรได้รับมัน
   
“ พอแล้ว เวสเปอร์ พอแล้ว ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไปไหนอีก นอกจากเจ้าข้าจะไม่สนใจใครอีก ” 
   
พยัคฆ์ดำกอดตัวองค์ชายแน่น พยายามถ่ายโอนความอุ่นของตัวเองให้กับร่างเย็นเฉียบในอ้อมกอด
   
ฝันร้ายมักมาพร้อมกับความทรงจำเลวร้าย
   
“ ข้า ข้าไม่น่าเกิดมาเลย ฮึก ”
   
เวสเปอร์ไม่ได้กอดโลกัสตอบอีกกอดตัวเองแน่น
   
มีเพียงตัวข้าเองเท่านั้น
   
ที่จะยอมรับร่างกายที่เต็มไปด้วยความด่างพร้อยนี้ได้
   
“ เวสเปอร์ ”
   
โลกัสกระซิบเสียงเบา สีหน้าหม่นหมอง
   
เป็นข้าเอง
   
ที่ดูแลองค์ชายไม่ดีพอ
   
ปล่อยให้ร้องไห้อีกครั้ง
   
ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะปกป้อง
   
แต่ก็ไม่สามารถทำได้
   
“ เวสเปอร์ ”
   
โลกัสเรียกซ้ำอีกครั้ง พยายามตัวเองสะท้อนอยู่ภายในนัยน์ตาสีทองของเวสเปอร์ ที่ตอนนี้ดูจะล่องลอยไปไกล จมอยู่ในภวังก์ความทุกข์
   
“ เจ้าจะให้โอกาสข้าอีกครั้งไหม ? ”
   
โลกัสดึงมือสั่นเทาขององค์ชายมากุมไว้แน่น
   
“ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเจ้าให้อยู่คนเดียวอีก ”
   
นัยน์ตาของเวสเปอร์กลับมากระจ่างใสสะท้อนแววตาจริงจังที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนของโลกัส
   
“ ฮึก เจ้าโกหกข้า ”
   
เวสเปอร์พูดเสียงสั่น
   
“ เจ้าเสือไม่ใช่คนชอบพูดโกหก องค์ชาย ”
   
“ เจ้าไม่ได้โกหก โกหกข้าใช่ไหม ”
   
“ นอกจากเจ้า ข้าจะไม่ไปหาใครอีก ”
   
โลกัสดึงตัวองค์ชายมานั่งตักตัวเองกอดเอาไว้หลวมๆ ดึงแขนขององค์มามากอดตัวเอง
   
“ ชีวิตของพยัคฆ์ดำอยู่ในอ้อมกอดเจ้าแล้วองค์ชาย ถ้าหากต้องการจะฆ่าข้าก็รัดข้าให้ตายซะ ข้าจะได้ตายและทำร้ายเจ้าไม่ได้อีก ”
   
เวสเปอร์ตกใจรีบปล่อยแขนออก
   
“ ฮึก เจ้าเสือห้ามตายนะ ห้าม ! ข้าเชื่อแล้ว ฮึก ”
   
พยัคฆ์ดำลูบหัวองค์ชาย
   
“ ชีวิตของข้าอยู่กับเจ้าแล้ว องค์ขายของข้า ”

   
ตึง ตึง ตึง
   
เสียงกลองถูกตีดังกึกก้องถึงข่าวร้าย
   
คำป่าวประกาศถูกตะโกนดังลั่น
   
ท่านเจ้าเมืองเสียตายแล้วด้วยฝีมือของพยัคฆ์ดำ !!

TBC.

-----------------------------------------

ทำไมตอนนี้เหมือนฉากสารภาพรัก  :o8:

เจ้าเสือตอนนี้ยังแค่อารมณ์เอ็นดูน้อง ยังไม่เริ่มหลงเริ่มรักสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหลงละก็คง  :z1:

   
   
   
   
   
   

   
   
   

   
   
   
   
   

   
   
   
   
   
   
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 15-02-2016 22:57:49
ตอนแรกคือดี  ทำไมตอนหลัง  :hao4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 15-02-2016 23:07:11
 :hao7:  :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 15-02-2016 23:48:50
คำที่เวสเปอร์พูดมานี่ อ่านทีรู้สึกบีบจิตบีบใจ =_= 'ถ้าเจ้าทำ ให้ทำตอนที่ข้าหลับ เพราะมันเจ็บ เจ็บมากเลย' อ่านทีโหววว
ดาเมจรุนแรงมากก สงสารนาง แต่เอาจริงๆ ถ้าให้โลกัสทำตอนหลับ...เกรงว่าจะไม่ใช่มีดหรือดาบที่แทงนี่สิ... 555555  :laugh:  :laugh:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-02-2016 00:55:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: decem ที่ 16-02-2016 01:22:58
มาต่อเร็วๆนะ ชอบๆๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-02-2016 07:12:46
มีคนแอบอ้างงงง


ใครมันกล้า!!

***

ตะหวาด > ตวาด

เลิฟยุว ชุ้บๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 16-02-2016 07:37:25
ใครใส่ร้ายเจ้าเสือของเวสเปอร์!   :angry2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 16-02-2016 08:10:15
เจ้าเสือไปหาตังมาดูแลองค์ชายไง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 16-02-2016 11:00:42
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-02-2016 11:20:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-02-2016 17:48:31
โถ่ เวสเปอร์ น่าสงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: chouxcream59 ที่ 21-02-2016 12:25:46
องค์ชายน้อยน่าสงสาร เจ้าเสือกับเจ้าแมวห้ามทิ้งเวสเปอร์นะ  :hao5:
นักเขียนกลับมาต่อได้แล้ว ค้างมากกกกกก :z13:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-02-2016 12:32:44
เฮนโล่วววววว
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 21-02-2016 14:51:14
รอดูว่าไม่ไหร่เสือดำจะกินองค์ชายน้อย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-02-2016 16:12:43
:)
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 7 15 ก.พ 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 27-02-2016 17:50:30
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 27-02-2016 23:41:05
ตอนที่ 8 : ความโกรธของพยัคฆ์ดำ
   
“ เจ้าเสือ ! น้ำ น้ำที่นี้อุ่นมากเลย ข้า ข้าชอบ ”  องค์ชายยิ้มกว้างพูดด้วยอารมณ์ชื่นบานขณะที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงให้เจ้าเสือจัดแจงเสื้อผ้าให้
   
เสื้อผ้าราคาแพงย่อมมีวิธีการใส่ที่ยุ่งยากแลกกับภาพลักษณ์ที่ดูดี องค์ชายในตอนที่ยังอยู่ที่วังนั้นได้สวมเพียงเสื้อผ้าง่ายๆ  ราคาถูก ที่แม้แต่ขุนนางชั้นเลวยังไม่คิดจะใส่ ด้วยคุณภาพผ้าที่ค่อนไปทางแย่ในฤดูหนาวองค์ชายมักจะติดผ้าห่มเป็นพิเศษเพราะเป็นสิ่งเดียวที่พอจะประทังความหนาวได้ เตาผิงอุ่นๆ ที่ใกล้ที่สุดนั้นอยู่ที่ห้องโถง ห้องที่มักจะเป็นห้องสังสรรค์พบปะขององค์ราชา
   
ห้องที่ใครๆ ก็สามารถย่างกรายเข้าไปได้ ยกเว้นเพียง เวสเปอร์
   
ครั้งหนึ่งเวสเปอร์เคยเผลอเข้าไปในขณะที่คณะทูตจากเมืองโฮรัสกำลังพูดคุยกับองค์ราชา ด้วยความตกใจทำให้เวสเปอร์สะดุดขาตัวเองล้มพูดพร่ำขอโทษไม่เป็นภาษา แม้ว่าคณะทูตจะไม่แสดงสีหน้าอะไร แต่องค์ราชาก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าไม่นานคนเหล่านี้ย่อมหัวเราะเยาะและป่าวประกาศความน่าอับอายของเขา อารมณ์โกรธประทุในหัว ตวาดกร้าวดังลั่นเรียกให้ทหารใกล้ตัวจับมันออกไปและอย่าให้มันเข้ามาได้อีก !
   
ความเป็นอยู่ขององค์ชายในวังนั่นไม่ค่อยจะดีนักถึงแม้จะมีสาวใช้ประจำตัวแต่ก็ละเลยต่อหน้าที่ ทำให้องค์ชายไม่ค่อยได้สัมผัสกับสิ่งที่สะดวกสบายนัก แม้แต่น้ำอุ่นในฤดูหนาวก็ได้อาบแค่เวลาที่นางจำได้เท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่องค์ชายจะตื่นเต้นกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
   
“ ไว้ข้าจะพาเจ้ามาอาบบ่อยๆ แล้วกัน ” โลกัสยิ้มมุมปากเมื่อเห็นรอยยิ้มของเวสเปอร์
   
“ สัญญานะ เจ้าเสือ ! ”  องค์ชายยิ้มจนตาหยี
   
“ อืม ” โลกัสส่งเสียงตอบรับในลำคอ พลางพิจารณาเวสเปอร์ ดูเหมือนว่าเงินที่เสียไปของข้ายังพอจะเข้าเค้าอยู่ เปลี่ยนจากเด็กมอมแมมกลายเป็นองค์ชายได้.. 
   
ต้องยอมรับว่าน่ามองหมือนกัน
   
ผมสีขาวสะอาดตาเข้ากันดีกับเสื้อผ้าสีขาวสะอาด นัยน์ตาสีทองที่เปล่งประกายความมีชีวิตชีวา รอยยิ้มกว้างที่ช่วยขับกล่อมให้ดูละมุนละไม ขนาดร่างที่ไม่มากไม่เกินไปถึงแม้จะน้อยกว่าชายฉกรรจน์แต่ก็ยังหนากว่าผู้หญิง เวสเปอร์ไม่ได้ดูอ่อนแอจนทำอะไรไม่ได้เหมือนกับกระต่าย แต่เหมือนกับกวางที่กำลังบาดเจ็บ...
   
หากวันใดที่มันหายดี ย่อมสง่างามและดุร้ายพอตัว
   
โลกัสเผลอเลียริมฝีปากไม่รู้ตัว
   
องค์ราชาช่างเขลานักที่ไม่เห็นความสำคัญของสิ่งนี้ ในเมื่อท่านไม่ต้องการเขา ข้าจะรับมันไว้..
   
กวางขาวกับพยัคฆ์ดำ
   
 ฟังดูดีไม่หยอก
   
แง้วววว
   
ฟินน์ร้องโวยวายเมื่อมันถูกองค์ชายอุ้มและกำลังจะยัดใส่เข้าไปในเสื้อตัวเอง
   
พยัคฆ์ดำรีบแย่งฟินน์กลับมาอุ้มทันที
   
“ เจ้าจะทำอะไรฟินน์ ”
   
ฟินน์กางกรงเล็บเกาะเสื้อนายมันแน่น มันไม่อยากขาดใจตายในเสื้อขององค์ชายหรอกนะ !
   
องค์ชายมองตามเจ้าแมวเศร้าๆ “ ข้า ข้าเห็นเจ้าเสือเอาไว้ในเสื้อ ข้าก็อยาก อยากให้เจ้าแมวอยู่ในเสื้อข้าบ้าง ”
   
“ นั่นเพราะเสื้อคลุมของข้าบาง องค์ชาย ถ้าหากหนาเหมือนเจ้าข้ากลัวว่าฟินน์จะตายคาอกเจ้านั่นแหละ ” โลกัสพูดและหัวเราะเมื่อจบประโยค รู้สึกเอ็นดูในตัวเวสเปอร์ยิ่งกว่าเดิม องค์ชายอาจจะทำให้นักฆ่าอย่างข้าอ่อนโยนขึ้น
   
“ ข้า ข้าขอโทษเจ้านะแมว ข้าจะไม่ทำอีก ไม่ทำ ” เวสเปอร์ลนลานขอโทษแตกตื่นทันทีเมื่อได้ยินคำว่าตาย
   
มือหยาบบรรจงลูบหัวองค์ชาย
   
“ ไม่ต้องกังวล องค์ชาย ถึงยังไงฟินน์ก็เป็นถึงพยัคฆ์ขาว สิ่งที่เจ้าควรกังวลคือเจ้าจะกินอะไรเป็นมื้อเช้ามากกว่า ”
   
“ ข้า ข้าอยากกินเนื้อย่าง  ”
   
องค์ชายเงียบไปสักพักจึงจะปริปากพูด
   
โลกัสหลุดยิ้ม
   
“ เลือกได้ดี เวสเปอร์ ”
   
   
โลกัสร่ายเวทเปลี่ยนสีผมให้องค์ชายไปเป็นสีดำเหมือนเดิม ส่วนตัวเองก็สวมเพียงเสื้อคลุมสีดำหลวมๆ ปกปิดใบหน้า ซุกซ่อนฟินน์ในเสื้อคลุม แล้วจึงพาองค์ชายออกจากโรงแรม
   
แต่แค่เพียงย่างเท้าออกมาก็ได้ยินเสียงประกาศป่าวประกาศดังลั่นจากชายร่างเล็กสวมชุดทางการขี่อยู่บนหลังอาชาสีดำ “ ท่านเจ้าเมืองตายแล้ว ! ด้วยฝีมือของพยัคฆ์ดำ ในเดือนหน้าจะมีการเลือกเจ้าเมืองคนใหม่ ในตลอดเดือนนี้จงสวมเสื้อสีดำงดงานเฉลิมฉลองเพื่อไว้อาลัยแก่ท่านเจ้าเมือง !! ”
   
เฮ !!
   
เสียงเฮดังลั่นขัดกับคำสั่งของทางการ ผู้คนในเมืองต่างคลี่ยิ้มเมื่อรู้ว่าเจ้าเมืองที่พวกเขาเกลียดนักเกลียดหนาได้ตายไปแล้ว ความอดอยากที่พวกเขาประสบอยู่ย่อมดีขึ้นแน่
   
ผิดกับเจ้าของชื่อในประโยคเมื่อกี้กำลังขมวดคิ้วงุนงง  เมื่อคืนข้าอยู่กับเวสเปอร์จนเช้านะ แล้วจะไปฆ่ามันตอนไหน ?ก่อนที่แววตางุนงงจะฉายความโหดเหี้ยม
   
การฆ่าตัดหน้ากันเป็นสิ่งที่ปกติในหมู่นักฆ่า ใครที่ว่องไวกว่าย่อมได้ค่าหัวไป
   
กล้าที่จะแอบอ้างชื่อของข้า..
   
 “ เจ้าเสือ ข้า ข้าอยากกินนั่น ๆ ” เวสเปอร์กระตุกชายเสื้อของโลกัส ชี้ไปยังสายไหมปั่นสีสวย
   
“ อืม เอาสิ ” โลกัสส่งเสียงตอบรับในลำคอ กดอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองลง ไม่ให้องค์ชายสังเกตเห็น แม้ว่าตอนนี้รู้สึกถึงเลือดในกายที่เดือดพล่าน อยากจะไปหาตัวมันที่กล้าเต็มทน
   
เย็นไว้.. โลกัส
   
เย็นไว้..
   
เมื่อเจ้าเสืออนุญาตให้ซื้อองค์ชายก็ไม่รอช้าวิ่งเข้าไปสั่งทันที  “ ข้า ข้าขอสองอันนะ ” พูดทั้งๆ ที่ยังไม่ละสายตาจากเครื่องปั่นสายไหม
   
ก้อนเมฆ.. มีก้อนเมฆที่กินได้ด้วยล่ะ ท่านแม่ !
   
องค์ชายคิดอย่างตื่นเต้นโดยไม่รู้ตัวว่ามีสิ่งผิดปกติอยู่ตรงหน้า
   
สายไหมสองอันถูกยื่นให้เวสเปอร์
   
“ รอ รอเจ้า เจ้าเสือแปปนึงนะ ข้า ข้าไม่มีเงิน ”
   
เวสเปอร์ไม่กล้ารับมันถือมองมันตาวาว
     
“ ไม่จำเป็น องค์ชายเวสเปอร์ ”
   
เจ้าของร้านแสยะยิ้มทิ้งสายไหมในมือ กระชากเอาตัวองค์ชายขึ้นมาพาดไหล่ เหลือบมองพยัคฆ์ดำที่ยังจมอยู่ในภวังก์แล้วหัวเราะเสียงต่ำ มันรีบกระโจนไปยังทิศทางตรงกันข้ามทันที

-------------------
หายไปนาน  :z6:



   
   
   
   
   
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-02-2016 23:48:47
ใครพาเวสเปอร์ไปกันนะะะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 27-02-2016 23:51:22
กรี้ดดดดดดดดด

ฟลุคมาทันก่อนไปนอน  :กอด1:

********

ไอ้หยาๆ นี่คงไม่ใช่คนจากวังหรอกเนอะ พยัคฆ์ทมิฬเปล่าหนอ??  :call:

ขอลัดคิวเวสเปอร์หน่อยเถอะค่าาาาาา >< มันลุ้นมว้ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 28-02-2016 00:09:03
เจ้าเสือเลิกเหม่อได้แล้ว องค์ชายโดนอุ้มไปแล้ววว
 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-02-2016 02:02:36
ใครมาขโมยเจ้าชายอะ เจ้าเสือรีบตามไปเร็วๆสิ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 28-02-2016 06:18:00
เหยยย องค์ชายโดนจับตัวไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 28-02-2016 08:50:29
รอตอนต่อไปอยู่นะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 28-02-2016 15:24:16
สงสารองค์ชายทำไมพยัคดำ
ถึงได่ประมาทขนาดนี้อ่ะ แย่ๆมากๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: empty102153 ที่ 28-02-2016 17:24:38
มาต่อไวๆนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 28-02-2016 18:18:01
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-02-2016 20:49:19
เจ้าเสือมัวแต่โกรธ เวสเปอร์โดนจับไปแล้วนะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 28-02-2016 21:51:59
ใครพาเวสเปอร์ไป
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 28-02-2016 22:41:46
มันเป็นใครรรรร
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 29-02-2016 01:35:03
รีบตามไปช่วยเร็ว
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 27 ก.พ 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 29-02-2016 16:58:32
กวางน้อยเวสเปอร์ ดูเป็นที่ต้องการของชายหลายๆคน  (?)   :jul3:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 03-03-2016 00:06:43
การหลบหนีไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้า ชาวบ้านรอบๆ ที่เห็นเหตุการณ์ไม่กล้าปริปากพูดอะไรเมื่อเห็นนัยน์ตาเป็นประกายกร้าว ถ้าหากใครคนใดคนนึงป่าวประกาศคงไม่วายโดนหางเลขแน่
   
องค์ชายตกใจจนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก พยายามจะเอ่ยปากเรียกเจ้าเสือก็ไม่สามารถทำได้ คำพูดที่ควรจะพูดออกมาจุกอยู่ที่ปลายลิ้น เวสเปอร์โกรธตัวเองจนน้ำตาคลอ
   
ทำไม ทำไมข้าถึงได้อ่อนแอขนาดนี้..
   
เจ้าเสือ.. ช่วยข้าด้วย
   
เวสเปอร์ได้แต่กล่าวในใจ เหยียดยิ้มเมื่อเห็นเจ้าเสืออยู่ไกลๆ
   
ก้อนเมฆสีสวยสกปรกซะแล้ว.. ทั้งข้าทั้งเจ้าเสือคงไม่ได้กินแล้วสินะ
   
แย่จัง..
   
องค์ชายหลับตาลงทิ้งน้ำหนักตัวลง ไม่ใส่ใจจะทำอะไรเพิ่มเติมอีก ราวกับยอมรับในชะตากรรมของตัวเอง

   
ภายในตรอกมืดที่พยัคฆ์ดำเคยได้มาเยือนนั้นนอกจากจะเป็นแหล่งขายข่าวแล้วยังมีบริการพิเศษอย่างห้องพักลับๆ อีกด้วย เป็นห้องพักธรรมดาแต่ราคากลับแพงสูงลิบลิ่วแลกกับตัวตนที่หายไปในเมืองนี้ ดันเคลหรือหัวขโมยโยนองค์ชายลงบนพื้น
   
ผลั่ก
   
ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่กระชากองค์ชายออกจากห้วงนิทรา เวสเปอร์คู้ตัวแน่นอยู่กับพื้นด้วยความจุก พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ตัวเองร้องไห้
   
ข้า ข้าต้องเข้มแข็ง..
   
ข้าไม่มีเจ้าเสือแล้ว..
   
“ นี่เหรอ ? องค์ชายที่พวกมันอยากได้กันนัก ” ดันเคลแค่นเสียงหึมองเวสเปอร์บนพื้นด้วยสายตาเหยียดหยามถึงขีดสุด แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ยังดูใช้การได้กว่าองค์ชายนี่เลย !! “ ในระหว่างที่รอพวกมันมารับ เจ้าก็มาเล่นกับข้ารอก่อนแล้วกัน ! ”
   
สีหน้าของดันเกลค่อยๆ ดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ
   
“ วิปริต  ไอ้พวกวิปริต !!  ไอ้เสือดำชั่วๆ นั่นนอกจากจะชั่วบรรลัย ยังวิปริตอีกด้วย ” ดันเคลหัวเราะเสียงเพี้ยน ม่านตาขยายกว้าง ย่างสามขุมเข้าไปหาเวสเปอร์
   
องค์ชายถอยกรูดเข้าหากำแพง หน้าซีดเผือด ควบคุมน้ำตาตัวเองไม่ได้อีกต่อไป
   
เจ้าเสือ.. ช่วยข้าด้วย
   
ดันเคลก้าวถึงตัวเวสเปอร์บีบกรามเวสเปอร์แน่น เอียงซ้ายขวาคล้ายกับกำลังพิจารณาสินค้าบางอย่าง “ ดูให้ตายยังไง ก็หน้าโง่เหมือนเดิม ”
   
เวสเปอร์รู้สึกเจ็บแต่ไม่ได้ปริปากร้องออกไป ตัวสั่นเทา
   
ท่านแม่.. สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์..
   
ดันเคลจดจ้องเวสเปอร์ราวกับสัตว์ป่าคลุ้มคลั่ง ขบเคี้ยวฟันพูดเสียงต่ำ “ ถ้าหากพวกมันไม่ได้ห้ามให้ข้าฆ่า.. เจ้าไม่มีทางรอด องค์ชาย.. ” มือคว้าเข้าที่คอเวสเปอร์และบีบแน่น
   
สติของดันเคลถูกความเคียดแค้นครอบงำโดยที่แม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้
   
“ เจ้าเป็นของรักของมัน... ถ้าเจ้าตาย มันจะได้รู้ว่า ข้ารู้สึกอย่างไร !!  ”
   
เวสเปอร์ตะเกียกตะกายออกตามสัญชาตญาณ หัวขาวโพลนยิ่งกว่าเดิม พยายามใช้มือผลักดันเคลออกก็ไม่เป็นผล จนตาของเวสเปอร์เริ่มพร่าเลือน
   
“ อึก --เจ็บ ”
   
“ ยิ่งเจ็บสิยิ่งดี !! ฮ่าๆๆ ” ดันเคลหัวเราะสะใจออกแรงกำแน่นกว่าเดิม
   
โครม
   
ประตูไม้ถูกกระแทกเปิดออก ในเวลาเดียวกับดันเคลที่โดนกระชากตัวเขวี้ยงใส่ผนังห้องอย่างง่ายดาย
   
“ เจ้าฝืนคำสั่งข้า ”
   
เสียงเย็นเยียบคล้ายกับดึงสติของดันเคลกลับมา
   
“ ขออภัยนายท่าน ข้า ข้าแค่เผลอตัวเท่านั้น ” ดันเคลรีบผลุกลุกขึ้นยืนก้มหน้าตัวสั่นเทา มันกำลังทำให้นายของมันโกรธ.. ซึ่งถ้าหากนายคิดจะฆ่ามันขึ้นมา มันไม่มีทางที่จะรอดแน่ๆ..  แต่คนกระทำผิดก็ตวัดไปมองเวสเปอร์ด้วยดวงตากราดเกรี้ยว
   
“ กลายเป็นหมาป่าแล้วลำพองขนตัวเองงั้นสิ ? ถ้าหากเจ้าอยากกลับไปเป็นหมาขี้เรื้อนข้าก็ย่อมได้ ” ถึงแม้น้ำเสียงจะราบเรียบแต่ดันเคลก็รู้ดีถึงความโกรธของนายมัน
   
“ ข้าผิดไปแล้ว ขออภัย ยกโทษให้ข้าด้วย ท่านอัลฟิน ” มันแทบจะกราบเท้า ลืมศักดิ์ศรี ลืมความแค้น ทุกอย่างในชีวิตของมันขึ้นตรงกับนาย หากนายต้องการที่จะทำลายชีวิตมันแค่เพียงเอ่ยปาก ก็มีผู้คนมากมายยอมที่จะทำตามที่นายมันสั่ง แม้จะรู้ว่าผิดและเลวร้ายเพียงไหนก็ตาม พวกเขาเหล่านั้นก็ยอมที่จะกระทำมัน
   
“ แค่ก ๆๆ ”
   
เวสเปอร์ไอเสียงดัง หอบหายใจหนัก เมื่อกี้ฝืนทนนั่งเงียบได้เพียงไม่นานเท่านั้น มือขาวลูบคอที่แดงเป็นรอยช้ำเบาๆ แม้ว่ามันจะทำให้รู้สึกเจ็บก็ตาม แต่มือขององค์ชายก็ถูกดึงออกมา
   
“ อย่าจับมันแรงสิ องค์ชาย ”
   
อัลฟินพูดเสียงนุ่มระบายยิ้มบาง อ่อนโยน ส่วนมือค่อยๆ ลูบรอยช้ำ เวทเยียวยาถูกร่ายในเวลาเดียวกัน ทำให้รอยที่มีอยู่ค่อยๆ หายไป
   
เวสเปอร์สะดุ้งสุดตัวแต่ไม่ได้ขัดขืน มองบุคคลที่มาช่วยตัวเองตาค้าง
   
ถ้าหากพยัคฆ์ดำได้ชื่อมาจากลักษณะภายนอก อัลฟินก็คงจะเป็นแบบนั้นเช่นกัน คนส่วนใหญ่ทันทีที่เห็นอัลฟินครั้งแรกล้วนรู้สึกศรัทธา นัยน์ตาสีเทาที่มีทั้งความอ่อนโยนและความเด็ดขาด ใบหน้าหล่อคม ผมสีขาวปนเทาถูกตัดสั้น รอยยิ้มนุ่มนวลที่ปรากฏอยู่ที่มุมปากเสมอ
   
สิงโตหิมะ..
   
ผู้คนต่างให้นิยามอัลฟินเช่นนั้น
   
“ องค์ชายท่านเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่ ” มือลูบแขนองค์ชาย
   
เวสเปอร์ส่ายหน้าแทนคำตอบ ไม่กล้าปริปากพูดอะไร
   
เจ้าเสือ...
   
อัลฟินหัวเราะในลำคอเบาๆ ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้ตกใจสินะ สิงโตหนุ่มจึงยอมปล่อยมือจากแขนองค์ชาย ยืนตัวตรงและค้อมตัวให้องค์ชายอย่างสง่างาม 
   
“ ข้าชื่อว่าอัลฟิน ” ขณะที่พูดก็มององค์ชายไม่วางตา “ ข้ามาเพื่อรับท่านกลับสู่อาณาจักรเอวินด์ บัลลังก์กษัตริย์นั้นเป็นของท่าน ไม่ใช่ของเฟเนกซ์ ”
   
เวสเปอร์ไม่เข้าใจในสิ่งที่อัลฟินจะสื่อ ความนัยมากมายที่แฝงในคำพูดไม่ใช่สิ่งที่เวสเปอร์จะเข้าใจได้ในทันที แต่เมื่อได้ยินชื่อน้องตัวเองก็อดพูดไม่ได้ “ น้อง.. น้องชายข้า ทำไมเหรอ ”
   
เห็นทีคำเล่าขานจะเป็นจริง อัลฟินคิดในใจ “ เขากำลังจะเป็นกษัตริย์แทนท่าน ”
   
องค์ชายก้มหน้าลงต่ำยิ้มเศร้าๆ “ ดี ดีแล้ว น้องข้า ต้องทำได้ดีกว่าข้าแน่ๆ ”
   
มือของเวสเปอร์ถูกดึงไปกุมแน่น
   
“ ผิดแล้ว องค์ชาย มันเป็นของๆ ท่าน ท่านสมควรที่จะได้รับมัน ” นัยน์ตาสีเทาเป็นประกายกร้าวถึงความไม่พอใจ 
   
“ ข้า ข้าไม่อยากได้ ” เวสเปอร์พูดเสียงสั่นพยายามดึงมือตัวเองออกแต่ก็ไม่เป็นผล
   
สิงโตหนุ่มจึงตัดสินใจปล่อยมือออกและคุกเข่าลงต่อหน้าองค์ชาย ดันเคลที่อยู่ข้างๆ ถึงกับตาโตสะดุ้งสุดตัว
   
มันไม่เคยเห็นนายของมันคุกเข่าให้ใครมาก่อน ..! เป็นโชคของมันขนาดไหนที่กล้าทำร้ายองค์ชายแล้วยังมีชีวิตอยู่
   
ไม่เพียงแต่ดันเคลที่ตกใจ เวสเปอร์ก็ตกใจเช่นกัน นานแล้วที่จะมีใครคุกเข่าต่อองค์ชายปัญญาอ่อนอย่างเขา หากไม่นับคนทั่วไป
   
“ อัล อัลลุก” องค์ชายพยายามดึงตัวสิงโตขึ้นเพราะไม่อยากให้คุกเข่าให้กับตัวเอง สาวใช้ของเขาบอกว่ามันเป็นกระทำที่น่าขยะแขยะ นางจึงไม่คุกเข่าต่อหน้าองค์ชายเลยเมื่อไม่มีผู้อื่นอยู่ด้วย
   
ชื่อเรียกยากจัง..
   
“ สิ่งที่เป็นของท่าน ข้าจะนำพามันกลับมาให้ท่าน มีขุนนางที่ยังคงสนับสนุนท่านด้วยใจภักดี ข้าเองก็เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญเช่นกัน ถ้าหากท่านต้องการบัลลังก์คืนข้าก็จะนำมาให้ท่าน  ”  น้ำเสียงของอัลฟินก้องกังวานราวกับเป็นคำสัตย์ที่ไม่มีวันถูกลบล้าง
   
เวสเปอร์ยิ้มให้อัลฟินบางๆ จนตาหยี “ ข้า ข้าไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ แต่ถ้าต้องเป็นกษัตริย์ล่ะก็ ข้าไม่อยากกลับไปเป็นหรอกนะ ” ระหว่างที่พูดองค์ชายก็จินตนาการถึงภาพของตัวเองเจ้าแมวและเจ้าเสือในหัว “ ข้า ข้าอยากไปกับเจ้าเสือ ”
   
เมื่อชื่อบุคคลที่สามเข้ามาก็ทำให้สิงโตหนุ่มเผลอขบกรามหงุดหงิด
   
ไอ้เสือเวรนั่น !
   
“ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าจะพาท่านกลับไปหาในสิ่งที่ท่านควรจะได้ ! เจ้าเสือชั่วนั่นมันกำลังพาท่านหนีจากความจริง !! ”
   
“ ไม่ ไม่เอาข้าไม่อยากไป ข้าจะไปกับเจ้าเสือ ! ” องค์ชายพยายามวิ่งหนีออกจากห้องแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อดันเคลก้าวขาเข้ามาดักท
างเอาไว้
   
เวสเปอร์ชะงักขาหยุดยืนนิ่งทำอะไรต่อไม่ถูก
   
เจ้าเสือ..
   
“ องค์ชาย ท่านอย่าปฏิเสธตัวตนของท่านเลย ข้าเชื่อว่าท่านไม่ได้ปัญญาอ่อนจริงหรอกนะ ” อัลฟินกระซิบข้างหูองค์ชายพร้อมกับพลิกตัวองค์ชายให้หันกลับมาสบตาตัวเอง
   
อัล อัล กำลังพูดถึงอะไร.. ?
   
นัยน์ตาสีทองเป็นประกายระริกอย่างหวั่นวิตกและหวาดกลัว จิตใจกู่ร้องถึงเจ้าเสือซ้ำไปซ้ำมา แม้ระยะเวลาที่เจอเจ้าเสือจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่องค์ชายกลับติดเจ้าเสือเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะทำอะไรในตอนนี้ก็คิดถึงเจ้าเสือตลอดเวลา
   
สิ่งที่ทำให้องค์ชายไว้ใจและอยู่ด้วยสบายใจที่สุดคงจะเป็นเจ้าเสือ.
   
“ โปรดไว้ใจข้าเช่นเดียวกับเสือนั่น องค์ชาย ”
   
อัลฟินบรรจงเลือกน้ำเสียงที่นุ่มนวลน่าฟัง ตาสีเทาวอนขอ “ ไม่ว่าท่านต้องการสิ่งใดข้าจะหามันมาให้ท่าน ”
   
“ เจ้าเสือ.. ”
   
สิงโตหิมะขมวดคิ้วฉับ “ นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ข้าจะให้ท่านไม่ได้ อันตรายเกินไป ”
   
เวสเปอร์หัวเราะเสียงเบาเริ่มเข้าใจถึงสถานะตัวเองช้าๆ ข้าคงไม่ได้เจอเจ้าเสือแล้วสินะ..
   
“ ข้าและคนอื่นๆ ที่สนับสนุนท่านล้วนเป็นคนของท่าน พวกข้าไม่มีทางที่จะปล่อยให้ท่านรับอันตรายหรือได้รับบาดเจ็บ พวกข้ามั่นใจว่าปกป้องท่านได้ดีกว่าเจ้าเสือนั่น ”
   
องค์ชายส่งเสียงอือแทนคำตอบ
   
อัลฟินถึงได้ยิ้มพอใจ  อย่างน้อยองค์ชายก็ยอมอยู่กับพวกเขาแล้ว.. แต่ในใจกลับตรงกันข้าม พยัคฆ์ดำนั่นต้องไม่ยอมอยู่เฉยแน่  !

   

ทำไมองค์ชายถึงได้เงียบไปนานนักนะ หรือว่าจะกินมันหมดแล้วไม่แบ่งข้า ? โลกัสคิดเซ็งๆ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็แทบคำรามออกมาด้วยความตกใจ
   
เวสเปอร์ ?
   
โลกัสกวาดสายตามองหาทันที หายไปไหน.. หายไป สิ่งที่เหลืออยู่บนพื้นมีแค่สายไหมโง่ๆ ที่องค์ชายของข้าอยากกิน พยัคฆ์ดำดึงฟินน์ออกมาโยนใส่พื้น “ ตามหาเวสเปอร์ ! ”  ไม่สนใจจะปลอมตัวอะไรอีกต่อไป
   
ฟินน์รีบกลับร่างเป็นเสือขาวร่างยักษ์ เริ่มออกแรงวิ่งทันที ส่งเสียงขู่คำรามเมื่อทางข้างหน้าของมันมสิ่งกีดขวางอย่างมนุษ์หรือสัตว์
   
ฮื่ออ
   
เลือดในกายเดือดพล่าน โลกัสเริ่มรู้สึกว่าคุมตัวเองไม่อยู่ ความโมโหในครั้งนี้รุนแรงที่สุดนับจากครั้งสุดท้าย พลังอำนาจที่ได้มาจากสิ่งอื่นย่อมควบคุมยากกว่าปกติ
   
ใครมันกล้าเอาของๆ ข้าไป !!
   
แค่นึกถึงสีหน้าร้องไห้ขององค์ชายก็ทำให้โลกัสแทบคลุ้มคลั่ง รู้สึกเป็นห่วงจนแทบบ้า เด็กคนนั้นไม่มีทางที่จะอยู่ได้แน่ถ้าขาดเขาไป อ่อนแอเกินไปที่จะเจอความโหดร้ายต่างๆ บนโลกใบนี้
   
หา ข้าต้องหาเวสเปอร์ และฆ่ามันตัวใดที่กล้า !!

TBC.

-----------

 :katai5: ง่วงงง

มีรูปเจ้าเสือ กับแบบท่านอัลฟินตอนเขียนด้วย 5555





[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-03-2016 00:30:49
เจ้าเสือออออ ตามหาเวสเปอร์ให้พบนะเฟ้ย แกแหละเหม่อดีนัก
เอ๋ เวสเปอร์แกล้งปัญญ่อ่อนเหรอ ติดตามๆ กำลังมันส์
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 03-03-2016 01:09:44
คือจริงๆชอบพวกสัตว์เผือกแต่มิค่อยถูดใจสิงโตเล็กน้อย แต่สิงโตนี้เป็นคีย์หลักของการให้เวสเปอร์คืนความจำแน่ๆ // อันตัวเราก็มโนไปเรื่อย  :hao7:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 03-03-2016 01:14:10
อัลนี่เป็นคนดีจริงไหม ทำไมอ่านแล้วรู้สึกว่าอัลจิตนิดๆ  :katai1: รีบตามหาองค์ชายให้เจอเร็วๆ นะเจ้าเสือ  :ling1:

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ  :katai2-1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-03-2016 01:27:25
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-03-2016 01:55:18
ช่วยเวสเปอร์ให้ได้นะเจ้าเสือ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 03-03-2016 08:36:57
เจ้าเสือออ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-03-2016 08:43:01
อืมมมมมมมมม

เพราะเป็นคนนอก เลยคิดว่าบัลลังก์ควรจะเป็นของบุตรคนโตสินะ(?)

แต่จริงๆแล้วถ้าเป็นน้องชายจะปกครองประชาชนได้ดีกว่าหรือเปล่า?

ฝ่ายขุนนางหัวทึบงั้นรึ??
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 03-03-2016 10:42:52
มีสองอย่าง กลุ่มขุนนางที่ว่าภักดีจริง อาจจะเกี่ยวข้องกับราชินีแม่ของเวสเปอร์ เป็นขั้วตรงข้ามกับขุนนางที่โปรไอ้น้องชั่วนั่น
กับ อีกอย่าง คือต้องการให้เวสเปอร์เป็นกษัตริย์หุ่นเชิด ขุนนางก็สามารถกอบโกยผลประโยชน์ได้อย่างง่ายดาย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-03-2016 12:42:18
เพราะเธอเหม่อนานเกินไปนั่นแหละเจ้าเสือ รีบๆหาเวสเปอร์ให้เจอเร็วๆเลยนะ

ปล. สิงโตหิมาน่ากระโจนใส่มากเลยยยยย ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-03-2016 22:05:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-03-2016 22:10:15
อัลอัล มาดีแน่นะ ไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 8 3 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 03-03-2016 22:29:00
ทำไมพี่เสือเหม่อนานจัง 555 ไปช่วยเวสเปอร์เร็วเข้า!
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 9 มี.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 09-03-2016 23:30:41
ตอนที่ 9 : สหายเก่า
   
♪ ~
   
เสียงของขลุ่ยดังแว่วในห้องพักด้วยทำนองเศร้าตามอารมณ์ของผู้บรรเลง เวสเปอร์หลับตาพริ้มพรมนิ้วตามความรู้สึกคุ้นเคยที่ห่างหายไปนาน แม้ว่าในบางช่วงจะขาดท่อนไปเพราะความลืมเลือน แต่โดยรวมก็ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเศร้าสลดตาม เมื่อเล่นจนจบเพลงองค์ชายก็วางมันลงบนตัก ยิ้มเศร้าๆ ลูบมันด้วยความรักใคร่
   
ตั้งแต่ที่ได้ไปอยู่ในปราสาทเวสเปอร์ก็ถูกสั่งห้ามให้แตะเครื่องดนตรีชนิดใดอีก สิ่งที่องค์ชายควรเรียนรู้คือการศึก เศรษฐกิจ สัมพันธไมตรี ความรื่นเริงหรือความบันเทิงใจไม่ใช่สิ่งสำคัญในการปกครอง
   
เสียงปรบมือเบาๆ เรียกความสนใจของเวสเปอร์
   
เป็นสิงโตหนุ่มนั่นเอง อัลฟินคลี่ยิ้มจาง “ เพราะมาก องค์ชาย ”
   
“ อืม.. ” เวสเปอร์พยักหน้ารับไม่สบตา หยิบมันขึ้นมาเป่าเพลงอื่นต่อ
   
เมื่อเอ่ยชมองค์ชายจบก็หันไปคุยกับกลุ่มขุนนางหรือมันที่ดันเคลเอ่ยถึง “ เราต้องอยู่ในห้องพักนี่อีกประมาณวันสองวัน ไอ้เสือนั่นมันต้องวนเวียนอยู่แถวนี้แน่ ” อัลฟินพูดด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งเขาควบคุมได้ ไม่ว่าอนาคตเขาอยากเป็นแบบไหน มันก็ต้องเป็นแบบนั้น
   
“ แต่ว่ามันใกล้จะเข้าพิธีแต่งตั้งแล้วนะ ท่าน ” ชายร่างท้วมสวมชุดขุนนางขลิบทองพูดเสียงลนลาน
   
ความกระชั้นชิดของพิธีบีบให้โอกาสการทวงบรรลังก์ของเวสเปอร์น้อยลงเรื่อยๆ
   
สิงโตขาวแค่นเสียงหัวเราะ  “ ก็ทำให้มันนานขึ้นสิ จะยากอะไร ”
   
“ ท่านหมายความว่า... ? ”
   
อัลฟินคลี่ยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นเวสเปอร์เงยหน้าขึ้นมามองตัวเอง แต่ทันทีที่องค์ชายละสายตาจากตัวเองรอยยิ้มก็หายไปถูกแทนที่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ ข่าวองค์ชายเฟเนกซ์ถูกลอบทำร้ายก็น่าสนใจดี” 
   
ดันเคลตัวสั่นในน้ำเสียงของนายมัน มันเผลอสบตากับนัยน์ตาสีเทาเป็นประกายกร้าวถึงคำสั่ง มันสะดุ้งตัว “ ขอ ขอรับ ท่านอัลฟิน ” ลนลานวิ่งออกจากห้องจนไหลjชนเข้ากับประตู มันไม่กล้าร้องออกมา สิ่งที่ฝังอยู่ในหัวของมันตอนนี้คือคำสั่งของนายมันเท่านั้น
   
จงลอบทำร้ายองค์ชายเฟเนกซ์
   
มันมีหน้าที่ทำให้ความปรารถนาของนายเป็นจริง ตามคำสัตย์ที่มันเคยกล่าว มันจะเป็นแขนและขาให้นายของมัน !
   
“ ดูเหมือนว่าสุนัขของข้ามันจะทึ่มไปหน่อย ” อัลฟินมองตามดันเคลด้วยตาลุกวาว “ ทั้งเซ่อทั้งฝืนคำสั่งข้า.. ”
   
ขุนนางที่เหลืออยู่หน้าซีดเผือดเมื่อเห็นแววตาของอัลฟิน “ ไม่เป็นไรท่าน.. พวกข้าไม่ถือ ”
   
สิงโตหนุ่มเหยียดยิ้ม “ ได้อย่างไรกัน คนของข้าก็เปรียบเสมือนข้า หากมันมีตำหนิ ข้าก็ย่อมตัดมันออกอย่างไม่ลังเลสิ ท่าน ” ก่อนที่จะหันไปมองเวสเปอร์ “ เพื่อองค์ชายของเรา ”
   
ขุนนางคนอื่นๆ อมยิ้มเมื่อมองตามไป
   
“ เพื่อองค์ชายของเรา ”

   

สถานที่แรกที่ปรากฏในหัวโลกัสคือ ตรอกขายข่าว ถึงจะโมโหขนาดไหนโลกัสก็ยังรักษากฎในการใช้บริการซื้อข่าวสารอย่าให้คนนอกได้รับรู้ว่ามีสถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้บ้าน..   
   
โลกัสกดอารมณ์โกรธตัวเองจนตัวสั่นทันทีที่ก้าวเข้าไปในตรอกได้ก็คำรามเสียงดังลั่น จนกระจกที่แฝงตัวในความมืดสั่นกึกๆ  “ ข่าวขององค์ชายเวสเปอร์ !! ” พูดจบก็ขบเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด
   
การซื้อข่าวสารแลกกับการเป็นข่าวสารเช่นกัน
   
พวกมันขายข่าวของข้า !
   
“ องค์ชายเวสเปอร์ก็อยู่กับเจ้ายังไงเล่า พยัคฆ์ดำ.. ” เสียงแหบต่ำหัวเราะหึ “ ข่าวองค์ชายถูกลักพาตัวมาออกจะครึกโครม ข้าเกรงว่าเจ้าน่าจะรู้คนแรกด้วยซ้ำ ”
   
“ เท่าไหร่ ” พยัคฆ์ดำพูดเสียงต่ำ จดจ้องภายในความมืดพยายามหาที่มาของเสียงยียวน
   
“ ที่หนังสือพิมพ์ประจำเมืองก็มีขายนะ  ”
   
โลกัสพ่นลมหายใจหงุดหงิด หยิบถุงเงินที่เต็มไปด้วยเหรียญทองออกมาถือ“ หนึ่งพันเหรียญทอง ”
   
“ คำตอบยังคงเป็นเช่นเดิม พยัคฆ์ดำ ”
   
“ สองพันเหรียญทอง !!! ” ตวาดจบก็ขว้างมันเข้าไปในความมืด ถุงเงินถูกบางสิ่งฉกหายไปอย่างรวดเร็ว
   
เสียงในความมืดหัวเราะพอใจดังพร้อมกับเสียงนับเหรียญดังกรุ๊งกริ๊ง สำหรับมันแล้วคงเป็นเสียงดนตรีที่ลื่นหูที่สุด “ โอ้ ความลับดูท่าจะไม่เป็นความลับแล้วสิ ห้องพักของข้าดูเหมือนว่าจะมีกวางหลงทางมา หึหึ.. ข้าบอกท่านได้เพียงเท่านี้ ”
   
ดาบสีดำสนิททั้งด้ามถูกนำออกจากฝักมาควงเล่น “ ต้องการเท่าไหร่สำหรับการเปิดทาง ” นัยน์ตาสีแดงโชติช่วงราวกับมีเพลิงสุมไว้ข้างใน 
   
“ สามพันเหรียญทอง ”
   
เพลิงสีดำค่อยๆ ลุกไหม้ตามดาบ “ ข้าให้โอกาสเจ้าพูดอีกครั้ง !! ”
   
“ อย่าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นัก พยัคฆ์ดำ ” เสียงที่เคยขี้เล่นเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม “ ถึงพวกข้าจะไม่เคยปรากฏตัวแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกข้าอ่อนแอ ”
   
โลกัสขมวดคิ้ว แค่สองพันเหรียญทองก็มากพอที่จะเป็นเจ้าเมืองเล็กๆ สักเมืองแล้ว หากจะเอามากกว่านี้คงจะพูดคุยกันไม่ได้แล้ว “ ในเมื่อเจ้าอยากจะรู้จักความยิ่งใหญ่ของข้า ข้าก็จะสนอง.. ”
   
แก๊กๆ
   
พยัคฆ์ดำชะงักมือที่กำลังจะฟันใส่ความมืด เสียงอะไร ?
   
แก็กๆๆ
   
“ เจ้า—เสือ ”
   
เสียงเวสเปอร์ !
   
“ ออกไป !! ” เจ้าของตรอกตวาดเสียงดังลั่น ลมเย็นเฉียบพัดโกรกรุนแรงหากเป็นมนุษย์ปกติของถูกพัดปลิวออกไปด้วย
   
“ คนของข้าอยู่ในนั้น ! ถ้าไม่อยากให้ข้าเผาตรอกนี้ ก็หุบปากแล้วอยู่นิ่งๆ  ” โลกัสไม่เก็บอารมณ์ตัวเองอีกต่อไป ปล่อยให้ความโกรธแผดเผาสติควบคุมร่างกาย ดาบถูกฟันเข้ากับกำแพงที่มีเสียงเวสเปอร์เล็ดลอดออกมา เพลิงสีดำโลมเลียไปทั่วกำแพงอย่างรวดเร็ว
   
“ เวร ! เจ้ากำลังทำลายฟั่นเฟือนของพวกข้า ”
   
ไฟสีดำแตกสะเก็ดจนเกิดแสงสว่างวูบวาบ ตรอกที่เคยมืดสนิทเกิดแสงสว่างเป็นช่วงๆ เผยให้เห็นกลไกซับซ้อนที่ถูกห้อยลงมาจากเสาไม้หลักเพียงเสาเดียว ไม้ที่ใช้นั้นเป็นไม้ที่สามารถทนเวทย์ได้ทำให้มันไม่ถูกทำลายไป เหล็กเนื้อดีสะท้อนเป็นประกายวิบวับเมื่อต้องแสงไฟ มีหนูตัวเล็กๆ กำลังโวยวายอยู่บนเก้าอี้นวมที่รายล้อมไปด้วยคันโยก เครื่องนับเหรียญทองที่มันประดิษฐ์ยังคงทำงานต่อไปดังเป็นเสียงกรุ๊งกริ๊ง
   
“ ทำไมเวทย์ของเจ้าถึงทำลายเวทย์นายท่านได้ ! เจ้าไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม พยัคฆ์ดำ ” หนูขายข่าวยังคงโวยวายเสียงดัง มันโกรธจนขนฟู พยายามร่ายเวทอัดใส่ร่างที่กำลังทำลายกำแพง
   
โลกัสไม่ใส่ใจสิ่งรอบข้าง ในหัวมีแต่เวสเปอร์ กวาง.. กวางของข้าอยู่ข้างใน หน้าต่างปรากฏเงาสะท้อนเวสเปอร์จางๆ องค์ชายแนบหน้ากับหน้าต่างมองหน้าโลกัส
   
หากทำลายหน้าต่างตรงๆ อาจจะโดนเวสเปอร์ โลกัสจึงยอมทำลายกำแพงที่แข็งกว่าเป็นเท่าตัวแทน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมที่พักครั้งนี้อยู่ในที่เดียวกัน เพราะเคยใช้บริการมันอยู่ครั้งหนึ่งทันทีที่ก้าวเข้าไปในวงเวทของมันก็อยู่ในห้องแถวสักแห่งที่ไกลจากตรอกและไกลจากผู้คนมาก
   
อย่างว่าละนะ ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด
   
กึก
   
กำแพงหินปรากฏรอยร้าวก่อนจะค่อยๆ พังลงจนเกิดพอเป็นช่องว่างให้ลอดเข้าไปได้ โลกัสไม่รออะไรอีกพุ่งตัวเข้าไปทันที
   
โครม
   
แต่ทันทีที่เข้าไปกลับถูกเตะอัดกำแพงห้อง ร่างหนาสะบัดหัวมึนๆ เรียกสติตัวเองให้กลับมา น่าเสียดายที่สติของโลกัสแจ่มชัดทันทีเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนทำ   
   
“ สวัสดี สหายเก่า ” อัลฟินพูดด้วยน้ำเสียงยียวนโอบเอวองค์ชายแน่นและกระซิบข้างหูดุๆ “ ข้ากำลังวางแผนให้ท่านอยู่นะ องค์ชาย แต่ท่านกลับไปเรียกให้เสือเวรนี่มาได้ ” 
   
โลกัสจ้องด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ มือที่ถือดาบสั่นเทา “ เขาเป็นของข้า อัลฟิน.. ”
   
“ จะ เจ้าเสือ ! ” เวสเปอร์พยายามขืนตัวออกไปหาโลกัส
   
สิงโตหนุ่มออกแรงโอบแน่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อองค์ชายขืนตัวออก “ เข้าใจผิดแล้ว สหาย เขาไม่ใช่ของเจ้า ของข้า หรือของใครทั้งนั้น เขาเป็นของอาณาจักรเอวินด์ ”
   
--------------------

สองหนุ่มเขามาไฟต์กันแล้ว  :beat:

มีรูปเวสเปอร์มาฝากด้วยค่ะ  :o8:

ดูซื่อๆ เหมือนเวสมาก

   
   
          
      
   
   
   
   
   


[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 9 มี.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 09-03-2016 23:34:47
ว้ายยยยย. จิ้มมม  :z13:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 9 มี.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-03-2016 23:37:28
เจ้าเสือสู้สู้ ช่วยเวสเปอร์ให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 9 มี.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-03-2016 23:52:06
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 9 มี.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 10-03-2016 00:28:25
 :z3: :z3: :z3: เจ้าเสืออออออ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 9 มี.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 10-03-2016 00:44:12
นี่ขนาดยังไม่ได้ชอบนะเนี่ยย
ปล.รอตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 9 มี.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 10-03-2016 06:49:49
เรารู้สึกได้ว่าอันฟิน ต้องการหุ่นเชิด
ไม่ใช่ต้องการองค์ชาย อยากมีอำนาจสินะ
สงสารองค์ชายจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 9 มี.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-03-2016 07:15:43
หุ่นเชิด แต่ต่อไปไม่แน่ ว่าจะแค่หุ่นเชิด คุ่แข่งพยัคฆ์ดำหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 9 มี.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-03-2016 07:33:51
มาไม่ทันอีกแล้ว~


เฮ้อ~ พวกขุนนางเก่านี่ไม่รู้เหรอว่าเวสเปอร์ขึ้นปกครองไม่ได้น่ะ

หรือเป็นพวกอยากชักใยบัลลังก์เบื้องหลัง?
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 9 มี.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-03-2016 09:50:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 12-03-2016 00:18:57
โลกัสแค่นเสียงหึมองบุคคลที่ได้ชื่อว่าสิงโตหิมะด้วยสายตาเหยียดหยาม “ อำนาจที่เจ้ามีอยู่มันไม่พอใช้รึไง เจ้าฆ่าคนมากกว่านักฆ่าอย่างข้าด้วยซ้ำ ”
   
คนที่ถูกพูดถึงแสร้งทำหน้าประหลาดใจ “ เป็นข้า ? ข้าคืออัลฟินนะ โลกัส บุคคลที่มากไปด้วยเมตตาอย่างข้าจะทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง เกรงว่าเจ้าจะฟังมาผิดแล้วล่ะ ” 
   
ดาบหนักๆ ถูกฟันใส่ผู้พูดทันที แต่เจ้าตัวก็สามารถหลบได้ทันทีเช่นกัน สิงโตหนุ่มจับองค์ชายพาดไว้บนไหล่ไม่กล้าปล่อยมือ โอกาสเพียงนิดเดียวก็นับเป็นโอกาส เสือดำรุกไล่สิงโตหนุ่มต่อเนื่องในเวลาเดียวกับเพลิงที่ค่อยๆ ลุกลามไปทั่วห้อง
   
“ ข้าจะพาเวสเปอร์ออกจากวังวนโง่ๆ นี่  เจ้ารู้ว่าเวสเปอร์ปัญญาอ่อน เจ้าจะเอาเขาไปทำอะไรอีก  หากเจ้าต้องการหุ่นเชิด ก็ไปเอาน้องเวสเปอร์ อย่ามายุ่งกับเขา !! ”
   
“ ไม่คิดว่าข้าจะได้รับคำสั่งสอนจากนักฆ่า ” อัลฟินคลี่ยิ้มนุ่มนวล แหวนผลึกน้ำแข็งที่ประดับอยู่บนข้อนิ้วนางข้างซ้ายเกิดหมอกสีขาวคลุมจางๆ ทำให้บริเวณที่สิงโตหนุ่มหยั่งเท้าเกิดผลึกน้ำแข็งทับเพลิงสีดำที่ลุกไหม้จนน่ากลัว “ โรคบางอย่างถ้าหากรักษาอย่างถูกวิธี มันก็สามารถหายได้ ข้าเชื่อว่าองค์ชายไม่ได้ปัญญาอ่อน ” พูดเสียงเย็นในประโยคหลัง
   
“ จะปัญญาอ่อนหรือไม่ก็ช่าง หากเจ้าไม่คืนเขาให้ข้า ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ.. ” เพลิงในห้องโชติช่วงยิ่งกว่าเดิมราวกับตอบรับอารมณ์โกรธของโลกัส
   
“ โลกัส เจ้ากำลังพาองค์ชายหนีจากสิ่งที่เขาเป็น ”
   
“ หากสิ่งที่เขาเป็นทำให้เขาทุกข์ ข้าก็จะพาเขาหนี ”
   
“ หนีไปกับนักฆ่าอย่างเจ้า ? เกรงว่าหัวของเวสเปอร์จะหลุดออกจากบ่าทันทีที่เจ้าแตะตัวด้วยซ้ำ ” อัลฟินแสร้งทำท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว หากวัดฝีมือกันจริงๆ คงจะกินเวลาและเสียเวลาเปล่า สิงโตหนุ่มรู้ดีว่าตนเองไม่สามารถเผชิญหน้ากับพยัคฆ์ดำตรงๆ ได้ พละกำลังกับฝีมือดาบที่น่ากลัวไม่ใช่แค่คำเลื่องลือ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือการถ่วงเวลา
   
ในเมื่อพละกำลังไม่ใช่สิ่งที่สามารถชนะได้ ก็ต้องใช้สติปัญญา ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่อัลฟินถนัดที่สุด
   
หากจะหาคนที่มากด้วยเล่ห์และกลกว่าอัลฟินคงจะไม่มี การถูกผู้คนนับหน้าถือตาทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์มักจะเป็นไปได้ยาก ซึ่งอัลฟินสามารถเปลี่ยนตัวเองจากคนธรรมดากลายเป็นเจ้าเมืองได้ในเวลาอันสั้น 
   
“ พูดพล่อยๆ !! ” โลกัสคำรามดังลั่น ค่อยๆ เกิดลวดลายประหลาดทั่วตัวคล้ายลายเสือ มันขึ้นสีแดงก่ำพร้อมกับดาบของโลกัสที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนขยายขนาดให้ใหญ่ยิ่งกว่าเดิมเพื่อรองรับอำนาจของพยัคฆ์ดำ
   
 “ ท่านอัลฟิน !  ท่านหมอมาถึงแล้ว ” 
   
ด้วยความเร่งรีบทำให้วิ่งพรวดเข้ามาในห้องทันที ขุนนางร่างท้วมสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นพยัคฆ์ดำกับท่านอัลฟินกำลังเผชิญหน้ากันในห้อง แต่แล้วก็ต้องร้องลั่นรีบถอยกรูดออกจากห้องเพราะไฟร้อนๆ ที่กำลังจะเผารองเท้า
   
อัลฟินยิ้มพอใจเมื่อเห็นโลกัสชะงักไป “ อย่างน้อยเจ้าก็น่าจะลองให้องค์ชายรักษาดูก่อน หรือไม่ก็.. ” จงใจลากเสียงยาว “ ปล่อยให้ปัญญาอ่อนอย่างที่เจ้าตั้งใจ ”
   
สีหน้าลังเลปรากฏอยู่บนใบหน้าโลกัส สิ่งที่คุกคามเวสเปอร์มาตลอดชีวิตคือสิ่งนี้ หากรักษามันได้เขาก็อยากให้รักษาเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นละ ? เวสเปอร์ยังจะอยากไปกับเขาอยู่ไหม หรือกลับไปครองบรรลังก์เหมือนเดิม
   
“ ขะ ข้าจะไปกับเจ้าเสือ อัล อัลอย่ายุ่งกับข้าเลย ” เวสเปอร์ทุบหลังสิงโตหนุ่มเชิงให้ปล่อย ความโหยหาฟุ้งอยู่เต็มอก ข้าอยากกอดเจ้าเสือ..
   
อัลฟินยอมปล่อยองค์ชายลงแต่ก็ยังรั้งเอวเอาไว้ไม่ให้วิ่งไปหาโลกัส “ ท่านไม่อยากหายเหรอ องค์ชาย หมอที่เลื่องชื่อที่สุดด้านการรักษาอยู่ที่นี่แล้ว.. ขอเพียงเขาได้พบท่าน ท่านต้องหายแน่นอน ”   
   
ห้องทั้งห้องเงียบสนิทคล้ายกับกำลังรอคำตอบจากเวสเปอร์
   
เวสเปอร์ก้มหน้าต่ำไม่กล้าสบตาใครเมื่อต้องคิดเรื่องใหญ่ๆ เขารู้ตัวว่าตัวเองคิดช้า.. สายตาตำหนิพวกนั้นต่อให้โง่ขนาดไหนก็ดูออก องค์ชายจึงเลือกที่จะมองพื้น
   
คำว่าปัญญาอ่อนยังคงดังขึ้นในหัวด้วยน้ำเสียงที่หลากหลาย เพื่อน.. สาวใช้คนสนิท เพื่อนร่วมห้องตอนเด็ก.. แต่น้ำเสียงที่ทำให้เวสเปอร์เจ็บที่สุดมีอยู่สองเสียง
   
เสียงของพ่อที่เคยชมเขามาตลอดจนกระทั่งรู้ว่าเขาปัญญาอ่อน ตวาดกร้าวไล่เขาให้พ้นหน้า ส่วนอีกเสียงก็เป็นเสียงของคนที่เขารักที่สุด..
   
แม่..
   
น้ำตาไหลออกจากนัยน์ตาสีทองช้าๆ ไร้เสียงสะอื้น
   
จะมีประโยชน์อะไรหากข้าหายปัญญาอ่อน.. ในเมื่อมีน้องชายของข้าอยู่แล้ว..
   
เวสเปอร์เงยหน้าสบตากับอัลฟินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ ข้า ข้าปัญญาอ่อนก็ได้ ข้าชินแล้วล่ะ ไม่ต้องหายก็ได้ อัล ”
   
ประกายบางอย่างพาดผ่านนัยน์ตาสีเทา สิ่งๆ นั้นน่าจะเรียกว่าความเห็นใจ แต่มันก็เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นก่อนที่สิ่งนั้นจะหายไปเหลือเพียงอุดมการณ์ ถึงแม้ว่าอัลฟินอยากจะกำจัดสิ่งนี้ออกจากตัวเองมากขนาดไหนก็ไม่สามารถทำได้ เพราะว่ามันเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาเป็นมนุษย์
   
“ โอกาสมีไว้สำหรับไขว่คว้า ไม่ใช่ปฏิเสธ เวสเปอร์  ” อัลฟินพูดน้ำเสียงเย็นเยียบ นี่ไม่เท่ากับว่าหักหน้าเขาเลยหรือไงกัน
   
โลกัสมองเวสเปอร์ขณะที่พูด ยิ่งเห็นน้ำตาที่ไหลแอบแก้มยิ่งรู้สึกเหมือนถูกมีดคมกรีดอกช้าๆ “ ข้าจะเชื่อได้ไงว่า หมอที่เจ้านำมาเป็นหมอจริงๆ ” สุดท้ายเสือดำก็อยากให้องค์ชายถูกรักษาเช่นกัน
   
การใช้ชีวิตร่วมกับพยัคฆ์ดำอย่างเขาแทบจะไม่มีความปลอดภัย ถึงแม้ว่าโลกัสจะมั่นใจในตัวเองขนาดไหนว่าสามารถปกป้องเวสเปอร์ได้ แต่มันก็ย่อมมีโอกาสพลาด เหมือนกับครั้งนี้พลาดท่าให้กับอัลฟิน
   
หากวันใดที่ข้าตายก็จงใช้ชีวิตอยู่ต่อไป องค์ชายของข้า
   
สิงโตหนุ่มคลี่ยิ้มพึงพอใจ เมื่อสามารถชักจูงให้ทั้งองค์ชายและพยัคฆ์ดำได้ “ ข้าคิดว่าเจ้าก็ต้องได้ยินชื่อของเขามาบ้าง โลกัส ”
   
เสียงฝีเท้าดังแผ่วเบาเมื่อผู้ที่ถูกพูดถึงก้าวเข้ามาในห้อง เวทสีฟ้าอ่อนลอยฟุ้งทั่วห้องค่อยๆ ฟื้นฟูห้องพักโดยที่ไม่ได้ปะทะกับเวทของโลกัสและอัลฟินแม้แต่น้อย เพลิงสีดำก็ยังคงโลมเลีย ทันทีที่มันเผาไหม้กำแพงเวทสีจางก็จะฟื้นฟูมันกลับมาสภาพเดิม
   
นับว่าเป็นเวทเยียวยาขั้นสูง ที่หาคนใช้ยากเพราะต้องใช้สมาธิควบคุมมากและใช้เวทมาก
   
“ ท่านพอยซ์ ”
   
เป็นชายร่างเล็กสวมชุดคลุมสีดำขลิบทองลวดลายแปลกประหลาดที่หาไม่ได้ในเมืองมนุษย์ ตากลมโตที่มีตาขาวเป็นสีทองและตาดำเป็นขีดมีน้ำตาคลอหน่วงเนื่องจากการหาวหวอด
   
“ ฮ้าว ~ ถ้าไม่ติดว่าเจ้าเคยให้หมอนขนเป็ดนุ่มๆ ข้า ข้าจะไม่มาจริงๆ นะ ” พูดจบก็ขยี้ตาอีกรอบ
   
โลกัสมองหมอที่ว่าอึ้งๆ กิตติศัพท์การรักษาโรคของพอยซ์เป็นที่โจษจันมากในทุกดินแดน การตามตัวนั้นทำได้ยาก เพราะหมอคนนี้ไม่ได้เป็นมนุษย์
   
“ แมว.. ” องค์ชายพูดเสียงเบาเมื่อเห็นหูสีดำโผล่ขึ้นมาจากหัวพร้อมกับหางสีเดียวกันส่ายไปมา
   
พอยซ์หันมาตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มน่ารัก “ เจ้าสินะ ที่จะเป็นคนไข้ให้ข้าวันนี้ ถึงข้าจะเป็นปีศาจ ข้าก็จริงใจนะ ! ไม่ต้องห่วงๆ ข้าจะรักษาเจ้าให้ดีที่สุด ”
   
ถึงแม้ว่าดินแดนปีศาจจะเปิดรับให้ดินแดนอื่นเข้าไป แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ก็ยังคงหวาดกลัวปีศาจอยู่ดี พละกำลังพลังเวทย์ อายุที่ยืนยาว สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้มนุษย์หวาดกลัว มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ยอมรับปีศาจทำให้ปีศาจที่อยู่อาศัยในเมืองต้องใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ เฉกเช่นกับหนูขายข่าวที่กำลังโวยวายอยู่ข้างนอก
   
สาเหตุของเรื่องทั้งหมดเพียงเพราะมนุษย์ไม่เปิดใจยอมรับในสิ่งที่แตกต่าง
   
“ ไม่ ไม่ต้องก็ได้  ” เวสเปอร์เช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ ฝืนยิ้มให้
   
พอยซ์ขมวดคิ้ว “ ไม่ดง ไม่ได้อะไรกัน ข้าเสียเวลานอนมาเพื่อรักษาเจ้าเลยนะ ไม่รู้ล่ะ เจ้าต้องให้ข้ารักษา ! ” ปีศาจแทวตวัดสายตามองรอบห้อง “ พวกเจ้าจะตีกันหรืออะไรกันก็ช่าง ช่วยไปตีกันที่อื่นนะ สิ่งที่ข้าต้องการตอนนี้คือห้องว่างๆ สักห้อง ”
   
“ อืม ” พยัคฆ์ดำรับคำอย่างว่าง่าย เมื่ออารมณ์สงบลงเพลิงจึงค่อยๆ มอดตาม ลวดลายบนร่างก็หายไปเช่นกัน จ้องมององค์ชายเงียบๆ
   
อัลฟินหัวเราะหึ “ ข้าเตรียมห้องสำหรับการรักษาแล้ว ท่านพอยซ์ ”
   
“ รออะไรล่ะ ฮ้าว รีบนำไปสิ ข้าเริ่มง่วงแล้วนะ ” พอยซ์สะบัดหางตัวเองไปมา วิ่งไปจับมือองค์ชายที่ตัวสูงกว่าพอประมาณ
   
เวสเปอร์มีสีหน้างุนงงเพียงเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้จับมือ สายตาเผลอจับจ้องที่หูของพอยซ์
   
เจ้าแมว...
   
“ เจ้าแมวล่ะ เจ้าเสือ ” องค์ชายเอ่ยถาม
   
โลกัสสะดุ้งเพราะลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าตัวเองปล่อยให้ฟินน์วิ่งหาเวสเปอร์ จึงร่ายเวทสั้นๆ เรียกฟินน์ให้มาหาตัวเอง ซึ่งเมื่อฟินน์มาถึง คงไม่วายคำรามฮึมฮัมไม่พอใจในลำคอแน่ๆ “ เจ้าแมวไปกินข้าว ”
   
เวสเปอร์มีท่าทีสลดลงนิดหน่อย ไม่พูดอะไรปล่อยให้ตัวเองสาวเท้าตามปีศาจแมวที่ทั้งลากทั้งดึงให้ตาม
   
กรุ๊งกริ๊ง
   
องค์ชายเผลอชะงักขาที่ก้าวเดิน มองถุงเงินที่ถูกเจ้าเสือโยนใส่กำแพงที่เป็นรูและมีหนูสีขาวกำลังเอาอิฐก่อเข้าที่เดิมอย่างขะมักเขม้น และหัวเราะคิกออกมา
   
หนูกำลังซ่อมกำแพง ?
   
ตลกดี..

   

ห้องที่สิงโตหนุ่มจัดไว้นั้นอยู่ถัดไปอีกเพียงสามห้อง ภายในห้องประกอบด้วยห้องสองห้อง มีห้องรับแขกกับห้องนอนที่ถูกผนังกั้นแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง
   
บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องถูกกันออกมานั่งข้างหน้า ทำให้บนเก้าอี้ทุกตัวถูกจับจอง ทั้งจากอัลฟิน โลกัส หรือจะพวกขุนนาง ที่บางคนนั่งจนเก้าอี้ส่งเสียงออกมาเบาๆ
   
“ มองยังไงเจ้าก็ไม่สามารถมองทะลุประตูได้หรอกนะ โลกัส ” อัลฟินหัวเราะพร้อมจิบไวน์ขาวที่ถูกตระเตรียมในห้อง
   
โลกัสไม่สนใจคำพูดของสิงโต ยังคงจ้องประตูไม่ละสายตา ปล่อยให้ฟินน์ในร่างแมวนอนนิ่งอยู่ข้างเท้า
   
สิงโตหนุ่มใช้ลิ้นดุนแก้มเล่นหลับตาด้วยความผ่อนคลาย ความคิดต่างๆ โลดแล่นในหัว ทบทวนถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตัวเองวางแผนไว้จะให้เกิดขึ้นในอนาคต
   
“ องค์ชายเวสเปอร์จงเจริญ ”
   
เสียงทุ้มดังเพียงกระซิบและมีเพียงเขาทีได้ยิน

   

ผนังภายนอกนั้นเป็นเพียงผนังธรรมดา แต่ผนังภายในนั้นกลับแน่นทึบเก็บเสียงทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ห้องทั้งห้องมีเพียงเก้าอี้หนึ่งตัวที่กลางห้อง
   
ความประมาทมักจะให้ผลร้ายซ้ำซาก เช่นเดียวกับพยัคฆ์ดำในตอนนี้ที่ยังไม่รู้ตัว
   
พยัคฆ์ดำไม่ได้สำรวจภายในห้องเพราะเชื่อใจว่าเป็นหมอ
   
บางทีเมื่อคนเราจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากๆ มักจะลืมระมัดระวังในบางอย่าง อัลฟินรู้ถึงธรรมชาติของมนุษย์ในเรื่องนี้จึงสามารถนำใช้ได้อย่างแนบเนียน
   
ทันทีที่ประตูห้องแนบสนิทกับกำแพง เวสเปอร์ก็ถูกพอยซ์จับมัดกับเก้าอี้ทันที
   
“ จะ เจ้าแมว ? ” เวสเปอร์ไม่ขัดขืนเพราะคิดว่าเป็นขั้นตอนการรักษา
   
พอยซ์ยิ้มเศร้าๆ “ ขอโทษนะ องค์ชาย หากข้าไม่ติดหนี้กับอัลฟิน ข้าจะไม่ทำแบบนี้ ” ก่อนที่รอยยิ้มจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉย เป็นเวลาเดียวกับไฟในห้องที่ดับสนิท
   
เวสเปอร์กลืนน้ำลายเอือกตัวสั่นเทา
   
เมื่อห้องทั้งห้องเย็นเยือกขึ้นมา
   
“ นะ หนาว ” องค์ชายพูดเสียงสั่นก่อนที่ตาจะเบิกกว้างเมื่อรู้สึกแรงบีบที่คอ
   
“ เจ้ากำลังโกหกใช่ไหม เวสเปอร์ ”
   
เวสเปอร์พยายามส่ายหน้า
   
ไม่..  ข้าไม่ได้โกหก
   
“ โกหกว่าปัญญาอ่อน เจ้าคิดว่าพวกข้าโง่นักเหรอ องค์ชาย ”
   
แรงบีบแรงยิ่งขึ้นกระตุ้นให้เวสเปอร์พยายามขัดขืน
   
สีหน้าของเวสเปอร์ฉายความเจ็บปวด
   
เจ้าแมว.. เจ้าแมวกำลังพูดอะไร
   
ข้าไม่เข้าใจ..
   
ข้าเผลอทำผิดอีกแล้วเหรอ...
   
 “ ไม่แปลกที่ไม่ว่าพ่อของเจ้าหรือแม้แต่แม่ของเจ้าจะเกลียดเจ้าองค์ชาย ”
   
น้ำตาไหลออกมาทันที
   
เพราะข้า ข้าโกหกว่าปัญญาอ่อนเหรอ ท่านพ่อ ท่านแม่ ถึงได้เกลียดข้าถึงขนาดนี้
   
เวสเปอร์สะอื้นจนตัวโยน
   
ข้าขอโทษ..
   
อย่าเกลียดข้าเลย
   
ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว
   
“ ตอบข้ามา องค์ชาย ว่าสิ่งที่เจ้ากำลังทำมันคือการโกหกใช่ไหม ”
   
แรงบีบตรงคอแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเวทบางอย่างที่พุ่งเข้าใส่เวสเปอร์
   
เวสเปอร์คล้ายกับควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกล่องลอย
   
พยายามพูดบางอย่าง
   
“ ไม่... ”
   
แรงบีบตรงคอถึงได้หายไปปล่อยให้องค์ชายหายใจตะกละตะกราม
   
พอยซ์ถอนหายใจเหนื่อยๆ ปาดเหงื่อที่หน้าผากออก มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ได้เห็นผลไวที่สุด ผลสรุปที่ได้คือ องค์ชายไม่ได้เสแสร้ง ผิดกับสิ่งที่อัลฟินคาดเดา
   
การแสร้งทำเพื่อปกปิดความอัจฉริยะในตนเอง
   
ปีศาจแมวหาวหวอดบิดขี้เกียจเรียกความกระตือรือร้น
   
งานของมันยังไม่จบ
   
“ มาต่อกันเถอะ องค์ชาย ”
   
พูดด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

---------------------
ตอนนี้ยาวสะใจมาก  :mew1:   

 :man1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ กอดดด
   
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-03-2016 00:33:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 12-03-2016 00:36:14
เจ้ดดดดดดดดดดด**********

พอยซ์รักษาโหดมากมาย แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าเวสเปอร์ปัญญาอ่อนจริง  :mew4:

ไอ้การที่ปญอนี่นับเป็นโรค รักษาหายได้เพราะเป็นหมอแดนปีศาจหรือยังไงหว่า??

ปอลิง เริ่มเกลียดขี้หน้าอัลฟิน ลื้อจะเอาองค์ชายไปทำไร ห๊ะ  :fire:



บัลลังก์ <<

***

วันนี้มาทัน อิอิ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-03-2016 00:42:25
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 12-03-2016 00:51:06
สงสารองค์ชายจัง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 12-03-2016 01:17:01
แหมะ ตอนแรกจะเชียร์ทั้งสองคน แต่อิอัลแกทำให้ นุ้งกวางมีมลทินจากแมวนรก  :fire:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-03-2016 02:12:14
สงสารเวสเปอร์
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 12-03-2016 05:26:57
พอยก็มา คิดถึงแมวนี่จัง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 12-03-2016 07:20:14
เจ้าเสือ ทำไมพลาดบ่อยจังเป็นถึงนักฆ่าอันดับหนึ่งไม่ใช่หรอน่าจะมีความระวังตัวมากกว่านี้ดิ
แถมโดนอัลฟินปั่นหัวเล่นง่ายๆซะอีกด้วย เฮ้อ หรือว่ามีดีแค่กำลัง  :mew5:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 12-03-2016 13:23:01
สงสารเวสเปอร์ที่เป็นผู้ถูกกระทำตลอดเลย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 12-03-2016 14:21:33
ยังไงก็โอเคที่เวสเปอร์หายได้
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 12-03-2016 16:08:36
เวสเปอร์จะหายไหมเนี่ย โดนทรมานขนาดนี้  :mew5:
ปล. คนแต่งจ๋า ใส่เลขหน้าจะขอบคุณอย่างสูงเยย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 12-03-2016 16:21:01
 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 12-03-2016 18:14:12
สนุกดีอ่ะ คนเขียนสู้ๆ นะเพิ่งได้มาอ่าน ชอบที่เดินเรื่องค่อนข้างเร็วดี จะติดตามนะค่ะ   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-03-2016 20:12:31
สงสารเวสเปอร์อ่ะ
พูดไม่ออก ทำไมต้องโดนทำร้ายซ้ำๆ แบบนี้ด้วย
งื้ออออ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 13-03-2016 07:20:45
เกลียดอัลฟินนนน ไอ้เลว  :beat:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 13-03-2016 13:55:47
ไปตายซะอัลฟิน ตายอย่างทรมาณให้มากกว่าเวสเปอร์

หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: 110135T ที่ 13-03-2016 21:09:03
สงสารเวสเปอร์ โดนทำร้ายโดนหลอกตลอดเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 14-03-2016 20:26:31
ช่วยองค์ชายให้ได้นะเจ้าเสือ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 15-03-2016 22:38:11
จะหายไหม ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 9 12 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 18-03-2016 20:03:47
 :z6: อยากกระทืบจริงๆ จะตายอยู่แล้วนั้น โอ้ย มั่วประสาทแดกอะไรอยู่พ่อหล่อล่ำ โอ้ย เอามีดมาฟาดซักที องค์ชายจะตายอยู่แล้วโว้ยยยยยย
 :z6: :z6: :z6: :z6:
คนเขียนมาต่อไวๆนะ คิดถึง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 20-03-2016 22:53:58
ตอนที่ 10
   
“ องค์ชายกับบัลลังก์ ♪ หากว่าองค์ชายปัญญาอ่อนก็คงดีสินะ ~~ ” พอยซ์ฮัมเพลงด้วยน้ำเสียงไร้โทนสูงต่ำ งานของพอยซ์จริงๆ ไม่ใช่การรักษาองค์ชายแต่เป็นการเค้นหาความจริงว่าองค์ชายปัญญาอ่อนหรือไม่ หากว่าองค์ชายไม่ปัญญาอ่อนจริง ก็จงทำให้มันเป็นจริง
   
แต่ในเมื่อมันเป็นความจริงอยู่แล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มอีก
   
หุ่นเชิดที่ไร้สติปัญญานับเป็นสิ่งที่ควบคุมง่าย
   
“ เอาล่ะ ! ” ปีศาจแมวยืดอกหยิบขวดยาที่เตรียมออกมาเขย่าเบาๆ “ ถึงเวลาที่เจ้าต้องลืมทุกอย่างแล้ว” พอยซ์ลูบหัวองค์ชายเบาๆ  “ เพราะต่อไปนี้สิ่งที่อยู่ในหัวเจ้าต้องมีแค่อัลฟินเท่านั้น ”
   
เวสเปอร์พยายามขืนตัวออกจากเก้าอี้แม้ว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่พอยซ์พูดก็ตาม  “ เจ้าเสือ ข้าจะไปหาเจ้าเสือ ฮึก ” ลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรี่องเลวร้ายบางอย่างทำให้เวสเปอร์สะอื้น
   
“ เรียกไปก็เปล่าประโยชน์องค์ชาย ” พอยซ์หัวเราะคิก

   
ว่ากันว่าสัตว์ป่ามักจะมีความรู้สึกไวกว่ามนุษย์ซึ่งนั่นก็จะสื่อถึงฟินน์ในตอนนี้..
   
“ โฮกกกกก ” ฟินน์คำรามเสียงดัง จากที่นอนหมอบอยู่บนพื้นอย่างสงบเสงี่ยมด้วยร่างแมวตอนนี้กลับกลายเป็นเสือร่างยักษ์เหมือนเดิม พยายามทำลายประตูเข้าไปจนเกิดรอยเล็บลากยาว
   
มันรู้สึกว่าบางอย่างเกิดขึ้นกับเวสเปอร์ !
   
ซึ่งท่าทีของฟินน์ก็ทำให้โลกัสรู้สึกตัว

บัดซบ ! ข้าหลงเชื่อสิงโตเวรนี่อีกแล้ว หยิบดาบพุ่งตัวเข้าไปทำลายประตูจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ดาบยักษ์สีดำแผ่กลิ่นอายกระหายเลือดเช่นเดียวกับนายของมันที่โกรธจัด

เมื่อเห็นหมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังพยายามบีบคอเวสเปอร์ให้ยอมกินน้ำบางอย่างเข้าไป !

พอยซ์สะดุ้งจนขนฟูกระโดดหลบพยัคฆ์ดำที่ตวัดดาบใส่ตัวเองซึ่งถ้าโดนเข้าไปละก็ตัวของมันต้องขาดครึ่งแน่ๆ ก่อนจะตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อของรักของหวงของตัวเองค่อยๆ ร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ

เพล้ง

ขวดยาแตกทั้งๆ ที่ยังอยู่ในมือพอยซ์

“ ไอ้เสือบ้าเอ๊ย ! ”
   
โลกัสไม่สนใจใช้ดาบตัดเชือกที่พันธนการเวสเปอร์ได้อย่างง่ายดาย เสือดำทิ้งดาบและดึงตัวเวสเปอร์ขึ้นมากอดจนตัวลอย “ ขอโทษ เวสเปอร์ ข้าขอโทษที่ปล่อยเจ้าไว้แบบนี้ ” พูดพึมพำข้างหูองค์ชาย
   
เวสเปอร์สะอื้นฮักกอดตอบ “ เจ้าเสือ ฮึก ”
   
“ ข้าอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัว ตราบใดที่ข้ายังคงมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีไอ้เวรที่ไหนมาพรากข้ากับเจ้าได้ทั้งนั้น !! ” โลกัสรั้งตัวองค์ชายขึ้นมาอุ้มอย่างผลุนผลันจนเวสเปอร์ผวาโอบคอเอาไว้
   
ฮื่ออออ
   
ฟินน์พยายามเรียกความสนใจขณะที่มันนั่งนิ่งมองเวสเปอร์
   
“ เจ้าแมว ! ” เวสเปอร์ยิ้มออกพูดอย่างดีใจ
   
โลกัสขมวดคิ้วเพราะเวสเปอร์ยิ้มทันทีที่เห็นฟินน์ไม่ใช่ตนเอง แต่ก็ไม่ได้สนใจจะพูดอะไรจึงก้าวออกจากห้องทันที ดาบที่ถูกทิ้งค่อยๆ ลอยกลับมาเสียบไว้ที่ปอกดาบซึ่งถูกพาดไว้บนหลัง
   
“ อย่าคิดว่าเจ้าจะออกจากที่นี้ง่ายๆ พยัคฆ์ดำ ” แววตาที่มักจะสุขุมในตอนนี้กับวาวโรจน์ผิดวิสัยราวกับพายุหิมะที่เริ่มก่อตัว
   
“ ถอยไป ” โลกัสพูดเสียงต่ำหรี่ตามองสิงโตหิมะที่กล้าขวางทาง
   
ฮื่ออออ 
   
และมีฟินน์ช่วยเสริมทัพ แยกเขี้ยวขู่พร้อมที่จะกระโจนใส่สิงโตหิมะทันถ้าหากนายของมันต้องการ
   
“ อย่าเห็นแก่ตัวพยัคฆ์ดำ องค์ชายจะหายถ้าเจ้าไม่สอดมือเข้ามายุ่ง !! ” อัลฟินพยายามควบคุมน้ำเสียงของตัวเอง เพราะตอนนี้ในหัวกำลังตีกันยุ่งเหยิงความรู้สึกลึกๆ กู่ร้องว่าฆ่าพยัคฆ์ดำตรงหน้าทิ้งซะ แต่เขาทำไมไม่ได้ พยัคฆ์ดำแข็งแกร่งเกินกว่าจะเผชิญหน้าด้วยตัวเอง
   
“ เวสเปอร์จะปัญญาอ่อนหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า แต่ยังไงเวสเปอร์ก็เป็นของข้า ถ้าหากเจ้าอยากได้ตัวเวสเปอร์ไปก็ข้ามศพข้าไปก่อนแล้วกัน ” โลกัสยิ้มแสยะยิ้มเดินกระแทกไหล่อัลฟินจนถอยลงไปก้าว
   
อัลฟินขบกรามกรอด สีหน้าเย็นชากว่าเดิมเป็นเท่าตัวก่อนจะคลี่ยิ้มเมื่อนึกอะไรออก “ เจ้ายังตามหาพยัคฆ์ทมิฬอยู่ใช่ไหมล่ะ โลกัส ”
   
ร่างนักฆ่าชะงักฝีเท้าก่อนจะก้าวต่อทันที “ ข้าโง่แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ”
   
“ ถ้าข้าบอกว่าครั้งนี้ข้าไม่ได้หลอกเจ้าล่ะ พยัคฆ์ดำ ”
   
โลกัสแค่นเสียงหึตอบไม่สนใจคำพูดของสิงโตหิมะ สาวเท้าออกจากห้องโดยไม่ทีใครกล้าขัดขวาง
   
“ ท่านอัลฟิน.. ” ขุนนางร่างท้วมที่เพิ่งควบคุมให้ตัวเองหายสั่นได้เอ่ยเรียกสิงโตหิมะก่อนจะสะดุ้งเฮือกรีบก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบตา 
   
สีหน้าของอัลฟินในเวลานี้เรียกได้ว่าโหดเหี้ยมจนแม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้
   
“ อย่าคิดว่าข้าจะหยุดแค่นี้ พยัคฆ์ดำ ”

   

โลกัสตัดสินใจออกจากเมืองทันทีเพื่อความปลอดภัยและได้จ้างรถม้าไปยังเมืองใกล้ๆ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการค้าของดินแดนมนุษย์ เป็นสถานที่ค่อนข้างพลุกพล่านแต่ก็เหมาะสมสำหรับการซ่อนตัว
   
“ จะ เจ้าเสือ ” เวสเปอร์สะกิดเรียกเจ้าเสือที่นั่งข้างๆ
   
“ อะไร เวสเปอร์ ? ” โลกัสพูดเสียงนุ่ม
   
องค์ชายยิ้มกว้าง “ ข้า ข้าเคยนั่งรถม้าแบบนี้ด้วยล่ะ มี มีเสียงคนเรียกชื่อข้าเต็มไปหมดเลย ” พูดด้วยดวงตาเปี่ยมสุข ในเวลาปกติไม่มีใครสนใจเวสเปอร์ มีเพียงตอนนี้เท่านี้ที่ทำให้เวสเปอร์รู้สึกว่าตัวเองมีตัวตนอยู่จริงๆ ไม่ใช่อากาศที่ทุกคนรับรู้แต่ไม่ใส่ใจ
   
เสือดำลูบหัวเวสเปอร์ด้วยความเอ็นดู “ งั้นเหรอ แล้วตอนนี้เจ้ายังอยากได้ยินเสียงพวกนั้นอยู่ไหม  ”
   
เวสเปอร์ส่ายหน้ายิ้มๆ “ เจ้า เจ้าแมวกับเจ้าเสือก็พอ พอแล้ว ”
   
ทำไมฟินน์ถึงได้มาก่อนข้าอีกแล้ว ? โลกัสมองฟินน์ที่นอนบนตักเวสเปอร์ด้วยความหมั่นไส้ ซึ่งฟินน์ก็น่าจะรู้ว่ามีคนขี้อิจฉามองอยู่ก็แกล้งอ้อนถูไถหัวกับท้องเวสเปอร์
   
“ คิกๆ เจ้าแมว ” องค์ชายหัวเราะคิกคักเล่นกับฟินน์ลืมโลกัสไปโดยปริยาย
    
พยัคฆ์ดำหน้าบูดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร องค์ชายร่าเริงก็ดีแล้ว กว่าจะปลอบให้หายร้องไห้ได้ก็ครึ่งทาง โลกัสเหลือบมองนอกหน้าต่างพบว่าฟ้าเริ่มมืด
   
“ นอนได้แล้วเวสเปอร์ เจ้าตื่นมาอีกทีก็น่าจะถึงพอดี ”
   
เวสเปอร์แสร้งไม่ได้ยินหยิบขลุ่ยขึ้นมา “ เจ้าเสือ ! ข้า ข้าจะเป่าให้เจ้าฟังนะ ” ยิ้มระรื่น เพราะรู้ดีว่าเจ้าเสือใจดีกับตัวเองมาก
   
โลกัสสะดุ้งเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก มือหยาบหยิบแผ่นกระดาษที่ได้มานานแต่ไม่ได้ให้เวสเปอร์สักทีออกมาอย่างระมัดระวัง
   
ซึ่งร่างขาวก็ให้ความสนใจมากชะเง้อหัวพยายามเบียดตัวโลกัสเพื่อดูมันและเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามันคืออะไร “ จะ เจ้าเสือ เหมือนที่ ที่ท่านแม่ข้าให้เลย ”
   
“ อันนี้ข้าก็ให้เจ้าเหมือนกัน ” ยื่นมันให้ด้วยรอยยิ้ม
   
“ จะ เจ้าเสือข้ารัก รักเจ้าเสือที่สุดเลย ! ” เวสเปอร์ขยับตัวเข้าไปกอดโลกัสแล้วจึงรับกระดาษเนื้อเพลงมานั่งดูด้วยความกระตือรือร้นโดยที่ไม่ได้สังเกตสีหน้าของคนให้สักนิด
   
ว่ามีสีชมพูจางๆ
   
บัดซบ นี่ข้าเขินอายกับเด็กเนี่ยนะ พยัคฆ์ดำสบถกับตัวเอง เวสเปอร์เป็นน้องชายของข้า ข้าจะเขินอายไปทำไมกัน รูปร่างหน้าตาก็ไม่เหมือนกับสตรีที่ข้าเคยกอดสักนิด
   
“ เจ้าเสือ ข้า ข้าอ่านตัวนี้ไม่ออก ” องค์ชายชี้สัญลักษณ์ที่ใช้จดบันทึกเสียงดนตรีให้โลกัสดู
   
ให้ข้าฆ่าคนยังง่ายกว่าเลย  โลกัสขมวดคิ้วมุ่น ไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่บันทึกอยู่บนกระดาษได้ “ ข้าถนัดแค่ฟัง เวสเปอร์ ”
   
“ งั้นข้า ข้าจะเก็บเอาไว้ถามท่านลุง ! ” เวสเปอร์พูดอย่างมาดมั่น
   
แต่พยัคฆ์ดำรู้ดีว่ามันคงไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะเขาจะไม่พาองค์ชายกลับไปแน่นอน
   
“ เอาล่ะนอนสักที เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าจะไม่มีแรงเดินเล่นนะ ” โลกัสเอ็ดเสียงดุ
   
แต่คนโดนเอ็ดก็ไม่สะทกสะท้านเหมือนเดิมหนำซ้ำยังหยิบขลุ่ยขึ้นมาลองเป่าตามเนื้อเพลงที่อ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง จนได้เป็นบทเพลงกระท่อนกระแท่น
   
“ เวสเปอร์ ”
   
“ ข้า ข้ายังไม่ง่วงเลย.. ” องค์ชายพูดเศร้าๆ
   
และมันก็ได้ผล นักฆ่ายอมใจอ่อน “ อีกสักพักแล้วกัน ” 
   
เวสเปอร์ยิ้มและเป่าเพลงทำนองเดียวกับความรู้สึกตัวเอง มีความสุข...
   
โลกัสหลับตาฟังอย่างเพลิดเพลิน นึกอยากให้เวลายืดยาวต่อไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด ก่อนที่รอยยิ้มจะค่อยๆ หายไปเหลือเพียงสีหน้าไร้อารมณ์และนัยน์ตาเศร้าสลดมองร่างที่หลับไปแล้ว
   
ถ้าหากเจ้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่ เจ้าจะหวาดกลัวข้าเช่นคนอื่นๆ ไหม เวสเปอร์..
   

มือหนารั้งตัวให้องค์ชายมานอนตักตัวเองจัดท่าทางให้นอนสบายใช้เสื้อคลุมตัวเองห่มทับอีกชั้นนึง
   
ความจริงที่ว่าข้าเป็นนักฆ่าก็ยังคงเป็นความจริง หากไม่ใช่มิตรและมุ่งร้ายข้าย่อมสังหารมันทั้งหมด
   
“ อย่าหวาดกลัวข้าเลย เวสเปอร์ ”
   
พูดเสียงเบาปล่อยให้คำขอลอยไปในอากาศ
   
แด่พยัคฆ์ดำนักฆ่าผู้กระหายเลือด

-------------------------

มาช้าเพราะคอมงอแงค่ะ เพิ่งเอาไปซ่อมกลับบ้านมาเปิดเครื่องไม่ได้  :beat: ตอนอยู่ร้านนางอาการปกติมาก

พรุ่งนี้ต้องยกไปซ่อมอีก  ฮือๆ

ตอนนี้เจ้าเสือน่ารักกก  :o8:

ปล. ใส่เลขหน้าแล้วน้า  :mew3:

ปล.2 ขอบคุณทกคอมเมนต์ค่ะ กอดดด   :man1:
   
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-03-2016 23:02:37
/กอดดดดดดดดด


วันนี้มาทัน เฮ~~~

**********

อัลฟินแม่มแผนสูง จะครองบัลลังก์เพื่อไรเคอะ?

ปอลิง ถ้าไม่ได้ฟินน์นี่เวสเปอร์ต้องกินยานั่นไปแน่ เพราะงั้นความดีครั้งนี้ยกให้ฟินน์ ของรางวัลก็ถูไถเวสเปอร์ไปละกันนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Aueizii ที่ 20-03-2016 23:03:27
มาต่ออีกน้าาาา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: daadaadaa ที่ 20-03-2016 23:28:41
เจ้าเสือเขินนนน
น่ารักกกกก
แล้วก็ขี้หึงด้วย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 20-03-2016 23:37:54
ว่าละ หึ!
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 21-03-2016 00:03:41
มาแล้วว คิดถึงเวสเปอร์มากมาย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 21-03-2016 01:46:11
น่ารักกกก    :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 21-03-2016 07:01:27
แหมเจ้าเสือ จะทำตัวน่ารักเมื่ออยู่กะเวสเปอร์เท่านั้นชิมิ  :laugh:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-03-2016 08:21:31
ดีะนะช่วยทันอ่าาา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 21-03-2016 10:32:50
เจ้าเสือ เจ้าแมวน่ารัก
เวสเปอร์น้อยก็น่ารัก
 :กอด1: :impress2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 21-03-2016 15:09:08
ดีใจที่เจ้าเสือกับเจ้าแมวช่วยเวสเปอร์ไว้ได้ทัน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-03-2016 18:15:58
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 22-03-2016 00:49:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 22-03-2016 09:21:56
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 22-03-2016 11:07:59
เลอค่ามาก.  เเต่งดีฟุดๆ มาต่อเร็วๆน่ะชอบๆ :o8: o13 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 24-03-2016 00:33:15
หนูเวสเปอร์น่าร๊ากกก. ชอบตอนเสือดำเสือขาวข่มกันเนี่ยแหละ น่ารักดี :hao7:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 25-03-2016 15:27:42
บอกไปว่าฉันรักเขา :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 20 มี.ค 59 # ครึ่งแรก P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 26-03-2016 23:40:11
เมืองเวลล์ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางการค้าของเมืองมนุษย์ทำให้มีดินแดนอื่นๆ เข้ามาทำการค้าขายด้วยอย่างเปิดเผย หากจะหาความเสมอภาคที่สุดในดินแดนมนุษย์ก็คงจะหาได้จากเมืองนี้ มนุษย์ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะชินชากับดินแดนอื่น การเห็นปีศาจเข็นอัญมณีปาดหน้าไปมาเป็นเรื่องปกติ พวกเขากล้าขนาดที่ว่าจะตะโกนด่าด้วยซ้ำแต่ก็ไม่ได้ทำจริงๆ เพราะยังอยากมีหัวอยู่บนบ่า ส่วนเหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าทะเลาะกันคงจะเป็นค่าปรับมหาศาลกับทหารร่างยักษ์เดินถือดาบตรวจตราความเรียบร้อยแทบจะตลอดเวลา 
 
รถม้าของโลกัสสามารถเข้าไปในเมืองได้อย่างง่ายดายโดยเสียค่าเข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โลกัสจ่ายเงินให้กับรถม้าด้วยเงินเหรียญทองที่เหลืออยู่ในกระเป๋าเพียงน้อยนิด 

" ขอบคุณท่านมาก " ร่างนักฆ่าในคราบนักเดินทางผงกหัวน้อยๆ ให้กับเจ้าของรถม้าที่เป็นชายฉกรรจ์

" ขอบคุณท่านเช่นกันที่ใช้บริการข้า  หากครั้งหน้าขอให้ข้าได้ให้บริการท่านอีก ข้าอวยพรให้้พวกท่านสนุกกับเมืองแห่งความหลากหลายนี่นะ ! " พูดด้วยรอยยิ้มกว้างมือลูบหัวม้าที่ก้มลงมาหาตัวเองอย่างรักใคร่

" ข้าจะใช้บริการท่านอีกแน่นอน " โลกัสแสร้งยิ้มก่อนจะขอตัวออกมา มือหยาบกระชับมือบางที่เจ้าของมือยังคงหาวหวอดๆ เดินด้วยตาที่จะปิด 

" ข้าเตือนเจ้าแล้วองค์ชาย " ขยี้ผมสีดำด้วยความเอ็นดู

องค์ชายหน้างอยอมลืมตาขึ้นมา " ข้า ข้าไม่ได้ง่วงสักหน่อย ! " พูดอย่างร้อนตัวและเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

ร้านค้าจำนวนมหาศาลที่มีทั้งการตั้งโต๊ะลวกๆ วางขายบนพื้น ไปจนถึงร้านหรูหราชั้นดี ผสมรวมกันจนน่าสับสนแต่ก็ดูมีสเน่ห์อยู่ในที ตามรายทางมีโคมไฟลวดลายนกสีเทาสยายปีกที่เป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองคอยให้แสงสว่างและความสวยงาม แต่สิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจไม่น้อยไปกว่าการเดินซื้อของคือการแสดงเปิดหมวก ซุ้มดูดวง หรือแม้แต่คณะละครสัตว์ชื่อดังที่มักจะมาเยือนอยู่บ่อยๆ

อีกอย่างที่ทำให้ผู้คนแห่กันมาคือลานประลองที่มีการวางเดิมพันกันทุกเดือน จุดม่งหมายครั้งแรกที่สร้างของเจ้าเมืองคือให้คนที่มีเรื่องบาดหมางกันมาจัดการกันในนี้ไม่ให้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นที่นิยมอย่างมาก จึงได้จัดเป็นการประลองประจำเดือนไปเลย มีการประกาศชื่อผู้ที่เป็นเจ้าสนามในแต่ละเดือนเพื่อดึงดูดความสนใจผู้คนมาเข้าร่วมเชียร์์หรือประลอง เงินรางวัลสำหรับผู้ชนะคือเงินส่วนหนึ่งของการตั้งโต๊ะพนันของเจ้าเมือง เรียกได้ว่าเจ้าเมืองเวลล์นั้นได้ทั้งขึ้นทั้งร่องเลยทีเดียว

" จะ เจ้าเสือคนเยอะมาก มากเลย " องค์ชายพูดอย่างตื่นเต้น

" ก็ปกติของที่นี่ " โลกัสตอบเสียงเรียบ รีบพาองค์ชายเข้าไปกลมกลืนในฝูงชนเมื่อเห็นหนูสีขาววิ่งอยู่ไกลๆ คงจะเป็นหนูขาย
ข่าวที่อัลฟินจ้าง พยัคฆ์ดำคิดอย่างหงุดหงิด หนูขายข่าวพวกนี้ทำงานเข้ากันได้เป็นอย่างดีคุ้มค่ากับค่าจ้างของมัน ความจมูกไวความขี้สังเกตและความฉลาดทำให้พวกมันกลายเป็นผู้ขายข่าวที่แม่นยำที่สุดในเวลานี้   

ผลั่ก

เวสเปอร์ถูกชนแรงจนเกือบล้มหากโลกัสไม่ได้จับมือเอาไว้คงลงไปกองบนพื้น องค์ชายนิ่วหน้าด้วยความเจ็บลูบไหล่ของตัวเอง รู้สึกขนลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุจึงจะเงยหน้าไปถามเจ้าเสือแต่พอเห็นสีหน้าของโลกัสก็ต้องชะงัก ก้มหน้าต่ำไม่กล้าพูดอะไรอีก

เจ้าเสือน่ากลัวจัง..

โลกัสหยุดเดินมองตามคนที่กล้าชนเวสเปอร์แล้วไม่ขอโทษที่ตอนนี้แทรกซึมหายไปในฝูงชนอย่างรวดเร็วด้วยความโกรธ เมื่อรู้ว่าตัวเองคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ก็กลับมาให้ความสนใจกับเวสเปอร์ " เจ็บรึเปล่า ? องค์ชาย " น้ำเสียงกระด้างเพราะอารมณ์
ฉุนเฉียวที่ยังคงค้างคา

องค์ชายสะดุ้งส่ายหน้าเป็นพัลวัน " ไป ไปต่อเถอะเจ้าเสือ " พึมพำตอบเสียงเบา

" อืม " ร่างนักฆ่าคว้าตัวองค์ชายมาโอบไหล่เอาไว้หลวมๆ ใช้แขนของตัวเองกับนัยน์ตามุ่งร้ายกันผู้คนออกจากเวสเปอร์จนผู้คนเผลอถอยห่างและหลีกทางกันอย่างว่าง่าย 

เวสเปอร์มองรอบข้างด้วยความสนใจแต่ก็ไม่กล้าอ้อนเจ้าเสือให้แวะ ทำได้เพียงมองตามอย่างเสียดาย 

" นายท่านสนใจจะดูดวงกับข้ารึเปล่า ? " 

น้ำเสียงอ่อนเยาว์ที่แฝงไปด้วยความกระตือรือร้นดังชัดเจนราวกับพูดอยู่ข้างหูทั้งๆ ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนวุ่นวาย

โลกัสกับเวสเปอร์ได้ยินเสียงนั้นชัดเจน แต่มีเพียงโลกัสที่มองหาที่มาของเสียงที่ว่า เพราะเวสเปอร์ยังกลัวๆ กับอารมณ์ของโลกัสอยู่จึงเอาแต่ก้มหน้านิ่ง ความทรงจำที่ผ่านมาสอนให้เวสเปอร์รู้ว่าเวลาที่ใครก็ตามอารมณ์ไม่ดี สิ่งที่เขาต้องทำคือการเงียบไม่พูดอะไรไม่ทำตัวปัญญาอ่อนหรือทำตัวอย่างที่ชอบทำ

การโดนแม่ของตัวเองตบเพราะความรำคาญไม่ใช่เรื่องน่ารื่นรมย์ใจสักนิด

" ข้ามีนามว่าชาร์เลส หากนายท่านใคร่ที่จะฟังวาจาของข้า ขอให้หันมาทางซ้าย "

พยัคฆ์ดำหันขวับตามที่ว่าทันที เห็นซุ้มดูดวงสีดำเก่าๆ ภายในมีชายสวมชุดคลุมปกปิดใบหน้ากำลังนั่งกลิ้งลูกแก้วที่ภายในมีปลาสีรุ้งแหวกว่ายอยู่ ร่างนักฆ่าจึงพาองค์ชายไปนั่งเก้าอี้เก่าๆ ตรงข้ามชาร์เลส ที่มีเพียงตัวเดียวส่วนตัวเองยืนข้างๆ
หากเป็นเวลาปกติโลกัสแทบจะไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ด้วยซ้ำเพราะเชื่อว่าตัวเองเป็นผู้กำหนดโชคชะตาไม่ใช่ลมปากของคนอื่น แต่

ในครั้งนี้สัญชาตญาณกลับรู้สึกว่าต้องรับฟังหมอดูผู้นี้

อะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าคำพูดทุกคำของคนผู้นี้จะเป็นความจริง

" ที่ข้าดูดวงให้กับพวกเจ้าเพราะข้าถูกชะตาน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก " หมอดูหัวเราะหึๆ อย่างอารมณ์ดีใช้นิ้วดีดลูกแก้วจนปลาที่อยู่ภายในตกใจว่ายสะเปะสะปะชนผนังรอบตัว " แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ข้าก็ต้องกินต้องใช้ ค่าอาหารสักนิดแลกกับการทำนายดวงชะตาก็น่าจะคุ้มนะ นายท่าน "

โลกัสพยักหน้ารับ หยิบอัญมณีที่ได้มาจากการเลาะดาบให้กับชาร์เลสอย่างว่าง่าย

ชาร์เลสรับไปพลิกไปพลิกมาด้วยตาเป็นประกาย มันถูกซ่อนไว้ใต้เสื้อคลุมทำให้โลกัสเห็นเพียงร่างหมอดูกำลังมองสิ่งที่ตนเองให้อย่างสุขุม  " ดี ค่อยคุ้มค่ากับค่าเสียเวลาข้าหน่อย "   

องค์ชายมองชาร์เลสกล้าๆ กลัวๆ ถึงแม้การพูดจะฟังดูเป็นมิตรแต่ลักษณะการแต่งกายกลับสวนทาง เสื้อคลุมสีดำที่ปกปิดมิดชิดที่ข้อมือมีกำไลจากกระดูกสัตว์แขวนเป็นพรวนมันส่งเสียงน่าขนลุกยามที่เจ้าของมือขยับตัว

" ยื่นมือของท่านมา " ชาร์เลสพูดเสียงนุ่มสายตาจับจ้องบุคคลที่ถือได้ว่าเป็นลูกค้าคนแรกในรอบเดือนเขม็ง 

เวสเปอร์สะดุ้งเฮือกยื่นมือสั่นๆ วางบนโต๊ะ มือของเวสเปอร์ถูกคว้าไปกุมแน่นทันทีซึ่งนั่นก็ทำให้ร่างที่ยืนข้างองค์ชายขยับตัวจับจ้องชาร์เลสไม่วางตา บรรยากาศการฆ่าฟันแผ่ออกมาจากตัวโลกัสอย่างเห็นได้ชัด

และคนแรกที่เห็นก็ยังคงเป็นเวสเปอร์เช่นเคย

" ฮึก  ข้า ขอโทษ" องค์ชายสะอื้นเสียงเบา 

ข้าต้องทำผิดอีกแล้วแน่ๆ เจ้าเสือถึงได้น่ากลัวแบบนี้

" เวสเปอร์เจ้าร้องไห้ทำไม ? " บรรยากาศฆ่าฟันหายฉับพลัน โลกัสย่อตัวหยิบมืออีกข้างของเวสเปอร์ไปกุมแน่น 

" จะ เจ้าเสือ ข้าขอโทษ " 

สีหน้างุนงงเต็มพิกัดปรากฎบนใบหน้าโลกัส " ขอโทษ  ขอโทษข้า ? "

องค์ชายพยักหน้าหงึก " จะ เจ้าเสือน่ากลัว ฮึก ข้า ข้าทำให้โกรธใช่ไหม "

" สนใจข้าหน่อยสิพวกท่าน " ชาร์เลสปล่อยมือจากเวสเปอร์และโบกมือเรียกความสนใจให้กลับมาที่ตัวเอง เมื่อกี้ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกถึงจิตสังหารเพียงแต่เมินมันด้วยความไม่ใส่ใจเท่านั้น เขาเคยเจอแบบรุนแรงชนิดที่ว่าวิญญาณสะท้านจากคนที่เขารักที่สุด

หมอดูหลุดยิ้มบางเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา

" พูดสักที " โลกัสพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองให้ปกติ ส่วนมือที่ว่างก็ลูบหัวองค์ชายที่กอดตัวเองแน่นและเอาแต่บ่นพึมพำว่าขอโทษ

" ให้ข้าได้เรียบเรียงคำพูดหน่อยสิท่าน " ข้ออ้างถูกยกขึ้นมาฉับพลัน ชาร์เลสถอนหายใจเบาๆ หยิกตัวเองให้สนใจกับสิ่งที่กำลังทำ หยุดคิดเรื่องท่านผู้นั้นได้แล้ว ! คิดเตือนสติตัวเองซ้ำอีกครั้งก่อนจะหลับตานึกถึงภาพที่ตัวเองเห็นในหัว " ในอนาคตขอให้ท่านพึงระวังต่อการสูญเสียคนสำคัญ ในปัจจุบันขอให้ระมัดระวังคนแปลกหน้า สิ่งที่อยู่ในอดีตมีไว้เพียงย้ำเตือนถึงความผิดพลาด ดวงชะตาช่วงนี้ของท่านจะมีโชคเรื่องความรัก จะถูกรักด้วยความลุ่มหลงจนท่านจะปลีกตัวไปไหนไม่ได้ สิ่งสุดท้ายที่ข้าขอให้ท่านพึงระลึกไว้คือการรักตัวเอง ไม่ว่าท่านจะพอใจในร่างของท่านหรือไม่ก็ตาม สุดท้ายแล้วมันจะเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือท่านเอง " กล่าวจบก็คลี่ยิ้มบางๆ

องค์ชายหยุดสะอื้นเมื่อได้ยินคำว่ารักตัวเอง ปล่อยมือออกจากตัวเจ้าเสือหันมาเผชิญหน้ากับหมอดูนิ่ง นัยน์ตาสีทองฉายความโศกเศร้าอย่างเห็นได้ชัด " ให้ ให้ข้ารักตัวเองทั้งๆ ที่ไม่มีใครไม่รัก รักข้างั้นเหรอ " พูดเสียงเบาน้ำตาไหลอาบแก้ม

ใช่ว่าองค์ชายจะไม่รู้เรื่องซะทีเดียวในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองมาเกือบจะตลอดชีวิต เพียงแต่ว่าเวสเปอร์เลือกที่จะมองในสิ่งดีๆ เท่านั้นเพียงเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของตัวเอง พยายามลืมเลือนในสิ่งที่ทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด แต่ลึกๆ แล้วในใจของเวสเปอร์ก็ยังคงอยากได้บางอย่างอยู่ดี

บางอย่างที่เรียกว่าความรัก.. กอดเขาในเวลาที่เขาหวาดกลัว ยิ้มตอบเวลาที่เขามีความสุข แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความฝันที่ถูกฝังลึกลงในสมอง 

การกระทำของทุกคนรอบตัวนั้นก็เป็นคำตอบสำหรับเวสเปอร์อยู่แล้ว 

ว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นจริง

โลกัสที่ไม่ได้ยินในสิ่งที่องค์ชายพูด เริ่มทำอะไรไม่ถูก เดิมทีเขาไม่ใช่คนที่ใส่ใจหรืออ่อนโยนกับคนอื่นสักเท่าไหร่ " ข้าไม่ได้
โกรธเจ้าเวสเปอร์ อย่าร้องไห้สิ  " หยิบฟินน์ที่นอนในเสื้อคลุมออกมาวางบนตักองค์ชาย " เจ้าแมวอยู่นี่ไง "   

เจ้าแมวที่ถูกปลุกจากฝันหวานสะดุ้งตื่นงัวเงียสะบัดหัวมึนๆ ตาหรี่เล็กอ้าปากหาวหวอด แต่เมื่อเห็นว่าเจ้านายคนที่สองของมันร้องไห้ก็ตื่นเต็มตาพยายามอ้อนเต็มที่

รอยยิ้มมุมปากของชาร์เลสหายไปทันทีเหลือเพียงแววตาที่เห็นใจเล็กๆ เท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้มันก็เกิดขึ้นจนเขาชินตาซะแล้ว หัวใจของเขาหากผ่าออกมาคงจะมีแต่ความว่างเปล่า " ท่านสนใจเพียงคนที่อยู่ข้างกายท่านก็พอแล้ว คนอื่นๆ เป็นเพียงส่วนประกอบในชีวิตท่านไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากหรอก "

องค์ชายหัวเราะเสียงเบากอดเจ้าแมวแน่นไม่ได้พูดอะไรอีก

มือหยาบพยายามเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าองค์ชายด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ สีหน้าของโลกัสเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด หันไปตำหนิร่างหมอดู " เจ้ามันแย่ ทำให้ลูกค้าร้องไห้ "

คนโดนตำหนิหัวเราะตอบทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกขำ " ความจริงเป็นสิ่งที่ควรยอมรับไม่ใช่ผลักไสมันออก " พูดไปก็รู้สึกเหมือนด่าตัว
เองชอบกล ชาร์เลสก่นด่าตัวเองในใจ " ยื่นมือของเจ้ามาสิข้าจะดูให้เจ้าบ้างและไม่ต้องกลัวว่าข้าจะพิศวาสพวกเจ้าหรอกนะ ข้ามีคนในใจอยู่แล้ว เสียใจด้วย " 

นักฆ่าขมวดคิ้วเมื่อตัวเองโดนเหน็บจึงยื่นมือให้หมอดูและบีบมือหมอดูแน่นจนดังกร็อบ

ชาร์เลสมีสีหน้าเหยเกในใจสบถด่าโลกัสด้วยร้อยแปดภาษาที่ปรากฎในหัว " เสือเวรไม่สิ.. ในอนาคตอันใกล้นี้เจ้าจะได้คำตอบ
ในสิ่งที่เจ้าต้องการ  ข้าขอเตือนให้เจ้าอย่าใช้อารมณ์ในการจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากมีสิ่งใดให้เจ้าเลือกขอให้เจ้าไตร่ตรองให้ดีมันจะเป็นผลต่อชีวิตเจ้ามาก ข้าคงบอกเจ้าได้แค่นี้ " ชาร์เลสกระตุกมือตัวเองกลับมานวด " อ้อ อีกอย่างความรักของเจ้ามันอาจจะร้อนแรงเผาผลาญไปนิดระวังจะไหม้คนที่เจ้ารักเอาล่ะ " พูดพร้อมเหลือบไปมองร่างที่เลิกร้องไห้แล้วเล่นกับแมวตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม 

" ความรัก ? ข้าไม่ได้รักใคร " โลกัสทวนคำพูดงุนงง ตอนนี้ที่อยู่ด้วยก็มีแค่เวสเปอร์กับฟินน์ ข้าจะไปรักใครได้อีก กับเวสเปอร์ข้าก็มองว่าเป็นเพียงน้องชายที่ข้าต้องปกป้องเท่านั้น

ชาร์เลสหัวเราะ " นั่นมันก็เรื่องที่ท่านต้องไตร่ตรองเอาเองนะ "  มองร่างนักฆ่าด้วยความเอ็นดู " เอาล่ะ ไปกันได้แล้วไป ข้าจะรับลูกค้าคนอื่นต่อ " 

" ไป ไปกันเจ้าเสือ ข้าอยากกิน อันนั้น " องค์ชายที่กลับมาอารมณ์ปกติแล้ว กระตุกชายเสื้อโลกัสชี้ขนมที่ตัวเองเล็งไว้ตั้งแต่เดินมา 

" ไปก็ไป แต่เจ้าเลิกร้องไห้เพราะฟินน์อีกแล้ว " โลกัสมองฟินน์ที่หาวหวอดนอนในเสื้อคลุมตัวเองต่อด้วยสายตาอ่านยาก  ข้ามีอะไรที่ด้อยไปกว่าแมวปัญญาอ่อนนี่กัน..

แง้ว

ฟินน์เชิดหน้าใส่เจ้านายตัวเองคล้ายกำลังอวดชัยชนะของมัน

" งั้นข้าขอตัวแล้วกัน " พยัคฆ์ดำสอดนิ้วของตัวเองรับกับมือองค์ชายและกระชับไว้แน่นตามที่ตัวเองได้ตัดสินใจเอาไว้ เพราะความประมาทปล่อยให้องค์ชายเดินไปก่อนทำให้องค์ชายถูกลักพาตัวไป ดังนั้นร่างนักฆ่าจึงตัดสินใจทำให้ตัวเองตัวติดกับเวสเปอร์ตลอดเวลาไม่เว้นแม้แต่เวลาอาบน้ำ 

องค์ชายยิ้มแกว่งมือที่ถูกเจ้าเสือจับเล่น ปล่อยให้เจ้าเสือนำทางให้ตัวเองเดินไปร้านที่หมายตา ส่วนตัวเองก็ยังคงมองร่างหมอดูที่โบกมืออยู่ไวๆ

ทันทีที่ร่างของลูกค้าทั้งสองกลืนเข้าไปในฝูงชน ชาร์เลสก็หัวเราะออกมาแต่น้ำตากลับไหลอาบแก้ม ปลาสีสวยจดจ้องร่างหมอดูนิ่งสักพักก่อนจะตกใจเมื่อโดนดีดใส่ 

" ข้าไม่ได้ต้องการให้ใครมาเห็นใจหรอกนะ เจ้าปลาโง่ "

ทั้งๆ ทีพูดอย่างนั้นแต่น้ำตากลับไม่ได้ลดลงสักนิด

เขาคิดถึงคนๆ นั้นอีกแล้ว
 

หลังจากซื้อขนมให้เวสเปอร์เสร็จโลกัสก็พาเข้าโรงแรมที่มีเจ้าของเป็นคนรู้จักของตัวเองทันที มันเป็นโรงแรมสองชั้นสร้างจากไม้เนื้อดีถูกตกแต่ง่ายๆ สบายตา ทำให้ดูเป็นสถานที่ที่เข้าถึงง่ายจนมันเป็นที่นิยมในคนหมู่มาก อีกอย่างที่เลื่องชื่อของโรงแรมคือเจ้าของโรงแรมที่เคยชนะการประกวดสาวงามในเมืองเวลล์

ค่าห้องราคาไม่แพงกับอาหารตาประจำเมือง ใครเล่าจะอยากปฎิเสธ

เมื่อเข้าไปในโรงแรมได้โลกัสก็เอ่ยความประสงค์ที่จะพบเจ้าของโรงแรมกับพนักงานปีศาจกระต่ายที่มารับงานช่วงปิดเทอมมันหาวหวอดและกระโดดดึ๋งดั๋งไปเคาะห้องเจ้านายมันเพียงไม่นานก็ปรากฎร่างที่โลกัสต้องการจะพบ

" โอ้ ข้าไม่คิดมาก่อนว่าเจ้าจะมีรสนิยมควงหนุ่มหน้าตาน่าเอ็นดูแบบนี้นะ โลกัส " เกลหรือเพื่อนสมัยเด็กของโลกัสพูดขณะที่เดินสำรวจรอบตัวองค์ชายด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย 

" เขาเป็นน้องชายข้า " โลกัสหน้าบูด

" ยินดีที่ได้รู้จักนะ ข้าชื่อเกลแล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร ? " เกลคลี่ยิ้มเป็นมิตร

เวสเปอร์มองผู้หญิงหน้าสะสวยตรงหน้างงๆ ก่อนจะตอบคำถามด้วยยิ้มตาหยี " ข้า ข้าชื่อเวสเปอร์ ! เป็น เป็นเพื่อนกับเจ้าเสือล่ะ "

เกลเลิกคิ้วอย่างสนใจ " เจ้าเสือ ? "

" อื้อ เจ้าเสือใจดีมากเลย " 

โลกัสดึงเวสเปอร์มายืนข้างหลังตัวเอง " เลิกเล่นเถอะ ข้ามาหาเจ้าเพื่อที่จะซ่อนตัวกับหาข่าว ไม่ใช่มาให้เจ้าเล่นสนุก " 

" อะไรกัน สมัยเด็กเราออกจะสนิทกัน ไปไหนไปกัน พอเจ้ามีน้องชายคนพิเศษก็ลืมเพื่อนอย่างข้างั้นเหรอ " เกลพูดล้อๆ 

พยัคฆ์ดำเมื่อไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะแก้ต่างให้ตัวเองจึงเปลี่ยนเรื่องคุยแทน " มีข่าวของพยัคฆ์ทมิฬบ้างไหม "

เจ้าของโรงแรมที่พ่วงสถานะนักสืบจำเป็นหน้าเจื่อนลง " ไม่มีเลย ไม่มีข่าวคราวเลยว่าพยัคฆ์ทมิฬตายที่ไหนหรือตายเพราะใครด้วยซ้ำ โลกัส ข้าว่าเจ้าเลิกตามหาเถอะ... "

โลกัสส่งสีหน้าเย็นชาตอบ หากไม่นับว่าเป็นเพื่อนกันคงจะฆ่ากันตายไปแล้วด้วยสาเหตุพูดพล่อยๆ 

เพราะเขาจะไม่มีวันหยุดตามล่า

คนที่กล้าฆ่าพยัคฆ์์ทมิฬ

-----------------------------
ใครหนอ  :really2:

 :กอด1: ขอบคณทุกคอมเมนต์นะคะ อยากตอบแต่ดึกแล้ว ฮือๆ  :z3:
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 26 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง P.8
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-03-2016 23:46:07
ชาร์เลสสสสส

เธอมาทีไรเศร้าทุกที T T

*****

โอ้ว ตกลงโลกัสตามหาคนที่ฆ่าสินะ ไม่ได้ตามหาตัวพยัคฆ์ทมิฬ

เดาผิดไปติ้ดนึง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 26 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง P.8
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-03-2016 00:12:02
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 26 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง P.8
เริ่มหัวข้อโดย: empty102153 ที่ 27-03-2016 09:34:32
ติดตามค่ะ ชอบมากเลยๆ
มาต่อไวๆน้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 26 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง P.8
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-03-2016 11:52:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 26 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-03-2016 15:54:05
เล่ห์ศนัย คำถูก  เลศนัย
เสือดำ รู้ตัวซะที ว่าชอบองค์ชายเกินน้องชาย   :katai1:
รอตอนต่อไป   :pig4: :pig4::pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 26 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง P.8
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-03-2016 19:48:14
สงสารชาเลสจัง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 26 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 29-03-2016 22:15:55
ที่แท้ตามหาคนที่ฆ่านี่เอง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 26 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-04-2016 16:25:52
รอ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 10 26 มี.ค 59 # ครึ่งหลัง P.8
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-04-2016 23:19:57
 :katai5:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 10-04-2016 00:05:33
ตอนที่ 11

เมื่อบรรยากาศการพูดคุยเริ่มเคร่งเครียด เกลจึงเอ่ยขอโทษโลกัสด้วยสีหน้าสลดและพาไปนั่งพูดคุยที่ร้านเหล้าของโรงแรมที่อยู่ชั้นใต้ดิน ซึ่งทันทีที่เจ้าของโรงแรมเปิดประตูทางลงเสียงตะโกนโหวกเหวกก็ลอยขึ้นมา
เป็นเสียงของผู้คนที่กำลังเมามายและเพลิดเพลินไปกับการตะโกนพูดคุยกัน หยอกล้อนักดนตรี หรือแม้แต่เดินไปชนแก้วกับโต๊ะอื่นจนเกิดการแข่งขันขนาดย่อมขึ้น กิจกรรมต่างๆ ดำเนินไปอย่างวุ่นวายแต่ก็ครึกครื้นมากเช่นกัน

" ฮิ้ววววว ร้องเพลงก็เพราะหน้าก็สวย สนใจคนเลี้ยงดูไหม"

" ข้าขอเหล้าเพิ่มอีก !! "

" อีกแก้ว ! อีกแก้ว ! อีกแก้ว ! "

" ใครแพ้ต้องเลี้ยง ! ฮ่าๆๆ "

พอเห็นสีหน้าติดจะรำคาญของโลกัส เกลก็หัวเราะออกมาเบาๆ " บรรยากาศประมาณนี้แหละ ถึงจะวุ่นวายไปหน่อยแต่นั่งๆ ไปก็ผ่อนคลายดี "

โลกัสส่งเสียงอืมเชิงรับรู้จับจ้องบริกรกระต่ายตัวอ้วนอีกตัวที่กำลังยื่นเมนูมาให้ด้วยท่าทีกระตือรือร้น " ร้านเจ้ารับแต่กระต่ายมาทำงานรึไง "

" พวกนี้ปิดเทอมน่ะ ข้าก็เลยรับๆ มา " 

ระหว่างที่เกลกับโลกัสกำลังพูดคุยกัน เวสเปอร์ก็เลือกเมนูน้ำที่เจ้ากระต่ายให้มา นิ้วเลื่อนไปมาตามรูปแก้วน้ำที่มีอยู่ละลานตา ก่อนจะมาสะดุดกับรูปแก้วน้ำทรงประหลาดน้ำข้างในเป็นสีไล่เรียงลงมาอย่างบรรจง รอบรูปมีลวดลายดอกไม้สีทองฉลุอย่างสวยงาม

" ข้า ข้าเอาอันนี้ ! " องค์ชายชี้ด้วยตาเป็นประกาย

บริกรกระต่ายย่นจมูกด้วยสีหน้ายุ่งๆ " ท่านแน่ใจเหรอขอรับ นี่เป็นเหล้าที่แพงที่สุดและแรงที่สุดในร้านเราเลยนะขอรับ " 

" อื้อ ! ก็ ก็มันน่ากิน " 

ร่างนักฆ่ายิ้มมุมปากลูบหัวองค์ชาย " เอาเผื่อข้าด้วยแล้วกัน " 

เจ้ากินเองนะองค์ชาย ข้าไม่ได้มอมเหล้าเจ้า

เจ้ากระต่ายพยักหน้าหงึกหงักจดลงบนกระดาษในมืออย่างขะมักเขม้น " ท่านจะสั่งน้ำอะไรเพิ่มไหมขอรับ ถ้าไม่สั่งข้าจะนำทางไปที่นั่งให้ขอรับ " 

" เจ้าไปทำงานเถอะ เดี๋ยวข้านำทางเอง " 

เมื่อเจ้าของร้านเอ่ยปากไล่มันก็เอ่ยขอตัวและไปส่งรายการให้พนักงานคนอื่นทันที 

เกลจึงพาแขกทั้งสองเข้าไปในร้าน ในระหว่างทางก็เอ่ยทักทายแขกอย่างเป็นกันเอง รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าอย่างง่ายดายเพราะมุขตลกไร้สาระของลูกค้าที่ยิงมา กว่าจะเดินมาถึงโต๊ะพิเศษที่ถูกจำกัดไว้เฉพาะเจ้าของโรงแรมก็กินเวลาไปพอสักพัก
และเมื่อหันไปมองข้างหลังตัวเองก็พบว่าแขกที่พามาได้หายไปแล้ว

อดีตนางงามประจำเมืองขมวดคิ้วงุนงงหันซ้ายหันขวาเมื่อเจอคนที่กำลังตามหาก็หัวเราะออกมา

ใครใช้ให้นักฆ่าเลื่องชื่อไปนั่งแข่งงัดข้อกับชายฉกรรจน์ร่างโตกันล่ะ !

สีหน้าเคร่งเครียดของทั้งสองแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการเล่นถึงขีดสุด เสียงเฮดังลั่นเมื่อเกิดการเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่าย
หนึ่งมากกว่าครึ่ง หนึ่งในเสียงที่ร้องเชียร์นักฆ่าดังสุดคงจะเป็นคนที่โลกัสเอามาด้วย

" เจ้าเสือ ! สู้ๆ หวา !  เจ้าเสือ เจ้าต้องแพ้แน่เลย ! เฮริง เฮริง สู้ๆ "

คนที่กำลังงัดข้อจนเส้นเอ็นปูดถึงกับคิ้วกระตุกมือเผลอออกแรงบีบคู่แข่งตัวเองแน่นกว่าเดิม" นี่เจ้ากล้าไม่เชียร์ข้า.. "  จากที่ใกล้แพ้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนทิศทางไปยังคู่แข่งของตัวเองแทน

ตึง !

เสียงมือกระแทกโต๊ะดังลั่นเป็นการจบการแข่งขัน

" เฮ !!! "

และมีนักฆ่าเลื่องชื่อเป็นผู้ชนะ

ชายฉกรรจน์ร่างยักษ์ที่เพิ่งแพ้หมาดๆ มีสีหน้าเหยเกระหว่างที่นวดมือช้ำม่วงของตัวเอง" ทำไมอยู่ดีๆ แรงของเจ้าถึงเพิ่มขึ้นล่ะ " 

โลกัสแค่นเสียงหึ " ไม่รู้สิ ข้าคงหงุดหงิดล่ะมั้ง "

" เจ้าเสือ ! เจ้าเสือชนะ เก่ง เก่งมากเลย " องค์ชายโถมกอดตัวโลกัสหัวเราะคิกคักอย่างพอใจ " เจ้าเสือ เจ้าเสือเก่งที่สุด "

พยัคฆ์ดำมีสีหน้าดูดีขึ้นเมื่อถูกชม " เล่นพอรึยัง จะได้ไปนั่งกินสบายๆ กันสักที "

" ไป ไปสิ ข้าอยากกินน้ำ น้ำสวยๆ " เวสเปอร์พยักหน้าเป็นพัลวันและชะเง้อคอมองหาคนที่พาตัวเองเข้ามาในทีแรก พอหาเจอก็ลากเจ้าเสือไปหาทันที

ร่างหนายอมผลุดลุกขึ้นยืนและปล่อยให้ตัวเองไปตามแรงลากซึ่งหากเปรียบเทียบกับแรงที่ใช้งัดข้อเมื่อกี้คงได้ไม่ถึงหนึ่งส่วนด้วยซ้ำโดยไม่ลืมที่จะหันไปบอกว่าตนเองไม่เอารางวัลสำหรับผู้ชนะ

ซึ่งเดิมพันไว้เป็นเงินจำนวนหนึ่งที่มากพอสมควร

" แหมๆ โลกัส ไม่คิดว่าเจ้าจะเล่นอะไรแบบนี้เป็นด้วย " เกลล้อทันทีที่ทั้งสองกลับมานั่งที่โต๊ะพร้อมยื่นแก้วให้ทั้งสองคน
คนโดนล้อหน้าบูด " ข้าไม่ได้อยากเล่น " คนอยากเล่นจริงๆ อยู่ข้างๆ เขาต่างหากซึ่งถ้าปล่อยให้เล่นเองคงไม่วายแพ้และร้องไห้
แน่ แม้ว่าในใจกำลังคิดเรื่อยเปื่อยแต่สายตากลับจับจ้ององค์ชายที่กำลังจิบเหล้าฤทธิ์แรง กลิ่นหวานๆ ของมันอาจจะดูไม่มีพิษมีภัยแต่ในความเป็นจริงแค่เพียงหนึ่งแก้วก็สามารถทำให้ชายฉกรรจ์เมาแอ๋ได้แล้วนอกจากคนที่กินบ่อยจนคอแข็งเป็นทองแดง

อย่างโลกัสก็ยากจะหาคนที่จะจิบไปได้เรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกอะไร

ตามที่โลกัสคิดเพียงไม่นานหน้าขาวๆ ของเวสเปอร์ก็แดงก่ำและเลื้อยมาหาเขา

" จะ เจ้าเสือ ! อร่อย อึก ข้าอยากกิน กินอีก "

โลกัสเหลือบมองเจ้าของร้านส่วนมือก็ลูบหัวองค์ชายที่เอาคางเกยตักตัวเองเบาๆ

เกลยิ้มเชิงรู้ทันยอมสั่งเพิ่มให้ขวดใหญ่ " บอกข้ามาดีกว่าโลกัส ว่าคนที่เจ้าพามาด้วยคนนี้คือใคร "

" เจ้าน่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว จะถามข้าซ้ำทำไมอีก "

คนถามเบิกตากว้างด้วยความตกใจพูดเสียงกระซิบ " เป็นเรื่องจริง ? นี่เจ้าเอาองค์ชายของเมืองเอวินด์มากกไว้คนเดียวงั้นเหรอ "

" เจ้าใช้สมองคิดรึยังว่าพูดอะไร เกล " โลกัสตอบเสียงต่ำไม่สบอารมณ์ " เขาเป็นน้องชายของข้า "

เกลส่งสีหน้าเหม็นเบื่อใส่โลกัส " เจ้านี้มันเหมือนเดิมเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ถ้าเจ้าเห็นว่าเขาเป็นน้องชายจริงคงไม่มานั่งหงุดหงิดตอนที่เขาเชียร์คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าหรอก "   

" งี่เง่า " พยัคฆ์ดำสบถไม่ยอมรับคำกล่าวหา

มึนหัวจัง.. เวสเปอร์คิดอย่างใจลอยมองไปที่ประตูทางเข้าก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นคนหน้าคุ้นๆ ที่ไม่ได้เจอกันมานาน " โฮมส์
!! โฮมมม " ตะโกนลั่นเรียกความสนใจทันที

ซึ่งมันก็ได้ผลดี ทั้งโลกัสและเกลให้ความสนใจเวสเปอร์ด้วยสีหน้างุนงง

รวมถึงเจ้าของชื่อด้วย

เป็นชายฉกรรจ์ร่างสูงแต่งกายด้วยชุดสีเกราะเบาสีเทาน่าเกรงขามบนอกประดับด้วยนกสยายปีกสีทองสวมมงกุฏบอกถึงฐานะที่
เป็นถึงเจ้าเมือง ผมสีแดงเพลิงเข้ากันดีกับนัยน์ตาสีเดียวกัน เขามีหน้าตาที่หล่อเหลาแต่สีหน้าที่ปรากฎบนใบหน้ากลับเป็นสีหน้า
เย็นชาซะส่วนใหญ่

แต่ในตอนนี้กลับเป็นสีหน้าประหลาดใจ

นานขนาดไหนแล้วที่ไม่มีคนเรียกชื่อเล่นของเขา ?

คำว่าท่านเจ้าเมืองกลายเป็นชื่อเล่นใหม่ของเขาไปแล้วด้วยซ้ำ

เจ้าของชื่อหันซ้ายหัวขวาอยู่สักพักพอเห็นเวสเปอร์ที่ยืนเซไปเซมาโบกไม้โบกมือก็ประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม รีบสาวเท้าเข้าไปหา

ด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

ถึงแม้ว่าสีผมกับสีตาจะถูกเปลี่ยนเป็นสีดำ

แต่รอยยิ้มซื่อๆ กับนัยน์ตาบริสุทธิ์ไม่ใช่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้

ทำให้เจ้าเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเย็นชาตอนนี้กลับยิ้มกว้างโถมกอดเวสเปอร์แน่นทันที " เวสเปอร์ ! นี่เจ้ามาที่นี้ได้ยังไงกัน !? "

คนโดนกอดหัวเราะคิกคัก " ข้า ข้ามากับเจ้าเสือ ข้าคิดถึง คิดถึงเจ้าจัง โฮม "

" แน่สิไม่เจอกันมาตั้งหลายปีเจ้าโตขึ้นเยอะเลย " โฮมปล่อยตัวเวสเปอร์ใช้มือยีหัวจนยุ่งเหยิง " ข้าคิดว่าข้าจะไม่มีโอกาสได้เจอเจ้าอีกแล้วนะเนี่ย "

แต่แล้วบทสนทนาก็ถูกขัดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ของโลกัส โลกัสคว้าตัวองค์ชายกลับมาหาตัวเองโอบไว้หลวมๆ อย่างถือสิทธิ์ใช้จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดันโดยไม่สนใจว่าเป็นใครมาจากไหน

รอยยิ้มบนใบหน้าเจ้าเมืองก็หายไปเช่นกัน

สีหน้าของโฮมส์กลับมาไร้อารมณ์ดังเดิมแต่สายตาที่ทอดมององค์ชายนั้นเต็มไปด้วยอ่อนโยน " เจ้าคงจะเป็นพยัคฆ์ดำสินะ "

" จะ เจ้าเสือต่างหาก เจ้าเสือ " องค์ชายพูดเสียงอ้อแอ้กอดโลกัสแน่น

พยัคฆ์ดำยิ้มเย็นตอบ " เป็นเกียรติของข้าที่ได้พบเจ้าเมืองเวลล์ " เพียงแค่เห็นบุคลิกและตราบนอกเสื้อโลกัสก็สามารถรับรู้ได้
ทันทีว่าคนตรงหน้ามีฐานะอะไรแม้จะไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนก็ตาม

" ตอนนี้หัวของเจ้ากำลังเป็นที่ต้องการในตลาดมาก ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมาหลบซ่อนในเมืองที่เต็มไปด้วยคนขายข่าวสารแบบนี้ " โฮมส์มองโลกัสนิ่งก่อนจะคลี่ยิ้มเป็นมิตรและยื่นมือให้ " เอาเถอะ ถ้าเวสเปอร์ยอมรับเจ้า ข้าก็จะยอมรับเจ้าเหมือนกัน"

ข่าวเรื่องการล่ารัชทายาทของเมืองเอวินด์เป็นที่โด่งดังทั่วดินแดนมนุษย์ซึ่งที่โด่งดังไม่แพ้กันก็คือข่าวเรื่องการลักพาตัวองค์ชายของพยัคฆ์ดำ

ทำให้โฮมส์สามารถคาดเดาผู้ที่มากับเวสเปอร์ได้อย่างง่ายดาย

สีหน้าของโลกัสผ่อนคลายลงและยอมจับมือกับโฮมส์พอเป็นพิธี

" ข้าขอคุยกับเวสเปอร์ได้ไหม ? ข้ากับเวสเปอร์เป็นเพื่อนเก่ากันน่ะ " โฮมส์มองเวสเปอร์ที่กำลั้งตั้งหน้าตั้งตากินน้ำสีสวยทั้งๆ ที่หน้ายังคงแดงก่ำและมืออีกข้างยังกอดแขนโลกัสแน่น

" ก็คุยไปสิ ข้าไม่ได้ห้าม " โลกัสยิ้มยียวน

คนเป็นเจ้าเมืองขมวดคิ้วหงุดหงิด " ข้าต้องการคุยกันแค่สองคน "

พยัคฆ์ดำหัวเราะหึจ้องบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าเมืองเขม็ง " ข้าไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ต่อให้เจ้าเป็นพ่อของเวสเปอร์ ข้าก็ไม่มีวันปล่อยให้เวสเปอร์อยู่ใกล้เจ้า "

ผิดพลาดครั้งเดียวก็เกินพอสำหรับโลกัส ความรู้สึกโกรธจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ไม่ใช่สิ่งที่โลกัสปรารถนาเพราะมันอาจจะทำให้สิ่งที่ถูกซุกซ่อนไว้ส่วนลึกปรากฎออกมา 

โฮมส์ขยับตัวเองไปนั่งเบียดอีกข้างของเวสเปอร์

" อึก โฮมส์ ! ข้า ข้าดีใจที่เจอเจ้านะ " องค์ชายเมื่อเห็นว่าใครนั่งข้างตัวเองก็ยิ้มกว้างกางแขนเตรียมจะถลาเข้าไปกอด
อึก

แขนหนาๆ รั้งเอวองค์ชายไว้อย่างเหนียวแน่น องค์ชายมีสีหน้างุนงง 

โลกัสโน้มตัวลงกระซิบข้างหู " เพื่อนของเจ้าไม่ค่อยสบาย ข้าว่าเจ้าอย่าโดนตัวเขาซะดีกว่า " 

" อื้อ ! ข้า ข้าจะไม่โดนตัว โฮม ! คิกๆ " องค์ชายพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่นและหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ บางทีน้ำเมานอกจากจะทำให้องค์ชายขี้อ้อนกว่าปกติแล้วยังจะทำให้องค์ชายอารมณ์ดีกว่าปกติด้วย

โฮมส์กำหมัดแน่น ไอ้เสือเวร มันคิดจะครอบครองเวสเปอร์เอาไว้กับตัวเองเหมือนกับที่ข่าวที่ข้าได้ยินมา 

" ใจเย็นๆ กันหน่อยสิ หนุ่มๆ ร้านข้าไม่ใช่สถานที่ให้ทะเลาะกันนะ " เกลพูดยิ้มๆ " ท่านเจ้าเมืองก็มาไม่บอกไม่กล่าว ไม่เช่นนั้นข้าคงจะจัดเตรียมที่นั่งกับอาหารที่ท่านชอบให้แล้ว "

" ข้าแค่อยากมานั่งเงียบๆ "

เพราะทุกครั้งที่โฮมส์มานั่งนั้นมักจะมาพร้อมกับองค์รักษ์ประจำกายสามถึงสี่คนถึงแม้จะอยู่ในชุดชาวบ้านทั่วไป แต่ก็สร้างความรำคาญให้โฮมส์ไม่น้อย สิ่งที่โฮมส์โปรดปรานคือความเป็นส่วนตัวแต่ความเป็นส่วนตัวที่ว่าก็นับเป็นเรื่องที่หาได้ยาก การเปิดให้ใครต่อใครมาทำการค้าขายในดินแดนของตัวเองก็เท่ากับว่าเปิดรับผู้ประสงค์ร้ายเช่นกัน องค์รักษ์ที่ถวายชีวิตให้ท่านเจ้าเมืองก็
ไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าเมืองของตัวเอง สิ่งที่พวกเขาคือการเกาะติดแทบจะตลอดเวลา

ซึ่งในตอนนี้โฮมส์ก็กำลังหนีองค์รักษ์ของตัวเองอยู่

" ท่านจะกินเหมือนเดิมไหมหรือเอาอย่างอื่น " เกลกวักมือเรียกลูกน้องตัวเอง

" อืม " เจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงตอบรับในลำคอ รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อองค์ชายที่เมื่อก่อนติดตัวเองแจตอนนี้กลับกำลังกอดเสือเวรนี่ !

เจ้าเสือเวรนี่กำลังแย่งรอยยิ้มซื่อๆ ของข้า

" เวสเปอร์ "

องค์ชายยิ้มจนตาหยี " อึก อะไรเหรอ โฮมส์ "

" เจ้ารู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังอยู่กับตัวอะไร " ทั้งๆ ที่กำลังถามเวสเปอร์แต่สายตาจับจ้องโลกัส

ทำเอาโลกัสชะงักมือที่กำลังรินเหล้าลงในแก้วของตัวเอง จ้องโฮมส์ด้วยแววตาคมกริบ 

มันต้องการจะพูดอะไร

เวสเปอร์พยักหน้าหงึกหงัก " รู้ รู้สิ ข้า อึก ก็อยู่กับเจ้าเสือไง "

โฮมส์หัวเราะหึๆ ในลำคอ " ถ้าข้าบอกว่าเจ้ากำลังอยู่กับนักฆ่าล่ะเวสเปอร์ เจ้าจะว่ายังไง "

องค์ชายสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินคำว่าฆ่าก็กอดตัวเองตัวสั่นเทา " อึก ฆ่า ฆ่าอะไร "

โลกัสใช้มือปิดหูองค์ชายและบังคับให้ซุกกับอกตัวเองก่อนที่จะคำรามถามเสียงเย็น " เจ้าต้องการอะไร " ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความจริงแต่ไม่ว่ายังไงโลกัสก็ไม่อยากให้องค์ชายรับรู้

รู้แค่ว่าเขาคือเจ้าเสือใจดีแค่นั้นก็พอแล้ว

โฮมส์กระตุกยิ้ม " เจ้าบอกว่าไม่ไว้ใจข้าที่เป็นเพื่อนเก่าเวสเปอร์ แล้วเจ้าเคยถามเวสเปอร์ไหมล่ะ ว่าเขาไว้ใจเจ้าไหมถ้าเขารู้ว่าเจ้าเป็นนักฆ่าเลือดเย็น "

การที่โลกัสไม่ได้ตอบโต้อะไรยิ่งทำให้โฮมส์ยิ้มเย็นชา

" เจ้ามันก็แค่คนเห็นแก่ตัว พยัคฆ์ดำ เจ้าปกปิดตัวตนของตัวเองเพื่อใกล้ชิดเวสเปอร์ เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าเวสเปอร์รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่กับคนที่ฆ่าคนอื่นตายโดยไม่รู้สึกอะไร ถ้าหากเป็นข้าข้าจะไม่มีวันอยู่ใกล้เจ้าเพราะไม่มีทางรู้ว่าวันไหนจะเป็นข้าเองที่จะ
ถูกเจ้าฆ่า ! "

สีหน้าเจ็บปวดพาดผ่านใบหน้าโลกัสเพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆ จนโฮมส์ไม่ทันสังเกต

ใช่ว่าโลกัสจะไม่เคยคิดในสิ่งที่โฮมส์กำลังพูด 

แต่เขาก็ยังเลือกที่จะปกปิดต่อไปอยู่ดี สิ่งสุดท้ายที่พยัคฆ์ดำอยากเห็นคือสีหน้าหวาดกลัวตัวเองของเวสเปอร์

" ฉะนั้นเจ้าเอาตัวเวสเปอร์มาไว้กับข้าซะ ข้ารับปากว่าจะดูแลเขาอย่างดี ข้าสามารถทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากดินแดนมนุษย์โดยที่ไม่มีใครเอะใจ "

ประโยคสุดท้ายของโฮมส์คือจุดประสงค์หลักของการพูดคุยทั้งหมด

เขาไม่ไว้ใจพยัคฆ์ดำและไม่มีวันอยู่เฉยได้แน่หากว่าเวสเปอร์ต้องอยู่กับมัน

การพูดคุยดีๆ ก็ดูจะใช้ไม่ได้กับพยัคฆ์ดำสิ่งที่เขาต้องทำคือการพูดหว่านล้อมอย่างที่ตัวเองถนัด

เขาคิดถึงรอยยิ้มซื่อๆ ของเวสเปอร์จะแย่อยู่แล้ว

" ข้าขอปฎิเสธ " โลกัสปล่อยมือจากหูเวสเปอร์และลูบหัวเบาๆ ก่อนจะแสยะยิ้มเหี้ยมมองโฮมส์ " เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าข่มขู่ข้า ข้านับถือในความใจกล้าของเจ้า.. "

โฮมส์รับคำชมด้วยสีหน้าหงุดหงิด

ส่วนอีกคนที่นั่งฟังตั้งแต่ต้นจนจบก็ทำได้เพียงยิ้มแหยๆ เกลไม่ออกแสดงความคิดเห็นใดๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเคารพ
ในการติดสินใจของเพื่อนและเข้าใจในสิ่งที่โฮมส์กระทำ

พวกเขาล้วนมีเหตุผลของตัวเอง

" เอาเถอะหนุ่มๆ กินอาหารกัน " เลื่อนจานอาหารสีสดไปตรงกลางและแจกช้อนให้แต่ละคนใช้ตักกิน มันเป็นอาหารจานเด็ดประจำร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติจัดจ้านมากๆ ซึ่งเกลที่มัวแต่พยายามไกล่เกลี่ยก็ลืมไปโดยสิ้นเชิงว่ามีใครบางคนในนี้ไม่ถูกกับของ
เผ็ด..

เสียงกระเพาะของนักฆ่าหนุ่มดังโครกครากจนองค์ชายหลุดหัวเราะ โลกัสซึ่งตอนนี้ถูกความหิวครอบงำจึงช้อนตักเข้าไปคำใหญ่
และอุทานไม่เป็นภาษาเมื่อกลืนมันเข้าไป

" เวรเอ้ย !! " พยัคฆ์ดำอุทานดังลั่นกวาดเอาน้ำที่อยู่บนโต๊ะกินอย่างตะกละตะกรามพยายามหาทางลดความรู้สึกเผ็ดร้อนบริเวณลิ้น น้ำตาหยดเล็กไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อน้ำหมดไปแล้วแต่ความเผ็ดยังอยู่

องค์ชายเลิกคิ้วงุนงง " เจ้าเสือ ? " ด้วยความสงสัยจึงลองตักชิมดูบ้าง

" เวสเปอร์อย่ากิน ! "  ซึ่งโลกัสก็ห้ามไม่ทัน มององค์ชายด้วยความสงสารจับใจทั้งๆ ที่ตอนนี้ตัวเองก็ยังซดน้ำที่กระต่ายยื่นให้อักๆ เพือบรรเทาความเผ็ด

พยัคฆ์ดำนั้นนอกจากจะกินแค่เนื้อแล้วยังแพ้ของเผ็ด ความลับนี้มีเพียงแค่คนในครอบครัวและเกลที่รู้ ซึ่งคนที่รู้ก็ลืมความลับนี้ทำให้เกิดเหตุวินาศกรรมขึ้นนี้เอง

" อร่อย !! " เวสเปอร์พูดด้วยตาเป็นประกายตักกินต่อด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าไม่มีทีท่าว่าเผ็ดแต่อย่างใด

" … "

โลกัสมองเวสเปอร์นิ่ง

ต่างจากโฮมส์ที่พยายามเอาใจเวสเปอร์ด้วยการเลื่อนจานเข้าไปหาเวสเปอร์ถามไถ่ตลอดว่าต้องการน้ำหรือไม่

" เกิดคาดจริงๆ " เกลหลุดหัวเราะออกมา 

หากมองเพียงผิวเผินภายนอกคนส่วนใหญ่คงจะคิดว่าเป็นโลกัสที่สามารถกินได้โดยไม่รู้สึกอะไรแต่ในความเป็นจริงกลับเป็นองค์ชายที่ดูเหมือนกินได้แค่ของจืดๆ หวานๆ

" คอร์สเจ้าไปเอาพวกเนื้อย่างมาเสิร์ฟที  "เกลพูดด้วยรอยยิ้ม
 

หลังจากที่อาหารเมนูอื่นถูกนำมาเสิร์ฟก็มีเพียงแค่โลกัส เกล และโฮมส์กินเท่านั้นส่วนเวสเปอร์ผลอยหลับไปตอนที่กินอาหารขึ้นชื่อร้านไปครึ่งจาน

" สรุปแล้วเจ้าก็ยังคงยืนยันคำเดิมใช่ไหม " โฮมส์สบตาโลกัสด้วยสีหน้าจริงจัง

เขาพยายามต่อรองเอาตัวเวสเปอร์กับตัวเอง

คนถูกถามหัวเราะหึจ้องกลับด้วยสายตายียวนแทนคำตอบ พยัคฆ์ดำอย่างเขาไม่เคยเห็นใครในสายตาอยู่แล้ว

เจ้าเมืองเวลล์พยายามควบคุมสีหน้าของตัวเองไม่ให้เผยความเศร้าออกมา

" ข้าได้ข่าวว่าท่านกำลังตามหาพยัคฆ์ทมิฬอยู่ "

โลกัสเลิกคิ้วอย่างสนใจ 

มีคนขายข่าวเรื่องนี้ของเขาด้วยงั้นสิ ?

" อืม "

โฮมส์สบตานักฆ่าเพียงชั่วครู่และเบือนไปหาเวสเปอร์ " ข้าเคยได้ข่าวว่าพยัคฆ์ทมิฬอยู่ในวังของเวสเปอร์ "

สีหน้าของโลกัสถมึงทึง

" เจ้าโกหก !! "

คำรามออกมาเสียงดัง

คนเป็นเจ้าเมืองหน้าซีดเผือดพยายามควบคุมมือตัวเองไม่ให้สั่น

" สาบาน ข้าสาบานได้ ! ข้าเคยเห็นหนังพยัคฆ์ทมิฬอยู่ในห้องของเวสเปอร์ ! "

-------------------------
ขอโทษค่ะมาช้ามากเลย  :hao5: ( แอบไปแต่งเรื่องสั้นส่งสนพ. มา ส่งก่อนเส้นตายเลย 55555 )

ตอนหน้าจะพยายามมาให้ไวขึ้นค่ะ  :katai4:

 :กอด1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ // กอดแรง อยากตอบเมนต์แต่ง่วงแล้ว คร่อก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-04-2016 00:28:32
หนังพยัคทมิฬอยู่ในห้องเวสเปอร์ ?!?
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 10-04-2016 00:45:47
จิ้มไว้ก่อง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-04-2016 02:05:22
รอตอนต่อไปนะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-04-2016 02:35:21
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-04-2016 06:09:13
เอ๋

โฮมส์ขี้กลัวเหมือนกันนะ ใจกล้าๆหน่อยยยยย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 10-04-2016 09:16:04
องค์ชายยังน่ารักเหมือนเดิม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 10-04-2016 10:39:45
เวรละ  ไม่ใช่เจ้าเสือจะโกรธองค์ชายนะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-04-2016 11:04:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 10-04-2016 12:14:33
 :rureadyเย้มาต่อแล้ว คนเขียนสู้ๆน๊าา
#ชอบเรื่องนี้มากๆ :really2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 10-04-2016 12:49:48
อื้อหือ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน
ดีงามจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 10-04-2016 16:27:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-04-2016 22:00:13
 :L2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 10 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 12-04-2016 20:06:36
ทำไมพยัคทมิฬถึงไปอยู่ที่วังเวสเปอร์ล่ะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 19 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 19-04-2016 00:05:19
ตอนที่ 12

พยัคฆ์ดำใช้ดวงตาสีแดงก่ำจับจ้องบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าเมืองเขม็งราวกับพยายามมองลึกไปในใจอีกฝ่ายว่ากำลังคิดอะไรอยู่ " เจ้าแน่ใจ ? " คำรามถามเสียงต่ำ

โฮมส์เชิดหน้าอย่างถือดีแม้ว่าจะรู้สึกกลัวก็ตาม ใบหน้าหล่อเหลาปรากฎรอยยิ้มเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าอีกฝ่าย " อย่าลืมสิว่าข้าคือบุตรใคร ฟีเรนอสเจ้าแห่งข่าวสาร.. หากข้าไม่รู้จักพยัคฆ์ทมิฬที่โด่งดัง นั่นสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก "

สีหน้าของโลกัสอ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับผ่อนคลาย ความหวาดระแวงยังคงมีอยู่เต็มอกเขาโดนหลอกลวงเรื่องพยัคฆ์ทมิฬนับสิบครั้งแล้ว ความไม่รู้ทำให้ต้องยอมโดนหลอกไปตามสถานที่ต่างๆ และพบกับศัตรูที่มารอแก้แค้นเขาซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์ใจสักนิดเดียว " เจ้ารู้จักพยัคฆ์ทมิฬมากแค่ไหน "

" ข้าจะได้อะไรกับการให้เบาะแสกับท่าน " ขยับยิ้มยียวนนัยน์ตาสีเพลิงทอประกายระยับ   

ทุกข่าวสารล้วนมีค่าในตัวมัน

ท่านพ่อกล่าวไว้เช่นนั้นและเขาก็ถือปฎิบัติเป็นอย่างดี ภายในหัวของเขาอัดแน่นไปด้วยข้อมูลมหาศาลที่มาจากการแลกเปลี่ยน
สืบค้นดักฟัง ยิ่งเขารู้มากก็ยิ่งเป็นประโยชน์มาก เช่นเดียวกับตอนนี้

เวลาที่เขากำลังเผชิญหน้ากับนักฆ่าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวอันตรายอันดับหนึ่งในดินแดนมนุษย์

แม้ว่าเขาจะหวาดกลัวในทีแรกแต่ก็สามารถเหยียบมันไว้ได้อย่างรวดเร็ว ความสุขุมจะทำให้ศัตรูหวาดกลัวและตายใจว่าเขามีกำลังพอๆ กับมัน

สายเลือดแห่งเจ้าข่าวสารกำลังกู่ร้องอยู่ภายใน

เป็นเด็กที่น่าหงุดหงิดชะมัด 

โลกัสคิดด้วยความไม่สบอารมณ์ ดื่มเหล้าที่ยังคงเหลือในแก้วจนหมดในคราวเดียวและใช้หลังมือเช็ดริมฝีปาก รสชาติหวานเฝื่อนทำให้เจ้าตัวอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อยซึ่งถ้าไม่ดื่มเข้าไปก็ไม่วายเผลอคว้าดาบที่สะพายหลังออกมาฟันหัวเป็นการจบบทสนทนา " ข้าจะบอกในสิ่งที่เจ้าอยากรู้ "

" ข้ารับข้อเสนอของท่าน " โฮมส์ยิ้มรับฝ่ามือจรดลงบนตราสัญลักษณ์ประจำเมือง

นกสีเทาสยายปีกหากในความหมายปกติคือความเป็นอิสระเสรี

แต่ความหมายสำหรับเขานั้นคือเกียรติของเหล่านกพิราบ

พวกเขานั้นเปรียบได้กับนกพิราบสื่อสารที่ทุกคนรู้จักและไร้พิษภัย หากแต่พวกเขานั้นกลับปรากฎอยู่ทุกเมืองแทบไม่มีเมืองใดที่

ไม่มีนกพิราบนอกจากเสียว่าเมืองแห่งนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิต

ความน่ากลัวของพวกเขานั้นคือจำนวนที่มีอยู่มากและรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น

สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลให้เมืองเวลล์กลายเป็นเมืองที่ต่อกรด้วยยากที่สุด

เพราะเพียงแค่ขยับตัวพวกเหล่านกพิราบก็จะแตกตื่นและส่งข่าวอย่างรวดเร็ว

โฮมส์เป็นบุตรชายคนโตของฟีเรนอส ฟีเรนอสที่เป็นผู้ก่อตั้งเมืองเวลล์ขึ้นมา เขารับช่วงต่อเจตนารมณ์อุดมการณ์ได้อย่างครบถ้วน แม้ในทีแรกอาจจะเสียความควบคุมไปบ้างแต่เพียงเวลาไม่นานก็กลับคืนสู่ปกติ 

ทำให้ในตอนนี้โฮมส์ที่ยืนตรงหน้าพยัคฆ์ดำนั้นราวกับเป็นคนละคนกัน !

" พยัคฆ์ทมิฬเป็นปีศาจเสือโคร่งสีดำที่อาศัยอยู่ในป่าเคียร์ " โฮมส์หยุดพูดและมองพยัคฆ์ดำเพื่อดูปฏิกิริยาแต่ก็พบว่าอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับคำพูดของตัวเองแม้แต่นิดเดียว ซึ่งนั่นก็มีความหมายอยู่กลายๆ ว่าให้เขาพูดต่อไปเรื่อยๆ " มันล่ามนุษย์ที่
หลงเข้าไปในป่าเป็นอาหารจนไม่มีใครกล้าเข้าไปในป่า .. จนกระทั่งมีกลุ่มมนุษย์ที่กล้าเข้าไปและฆ่ามันได้ " 

เมื่อพูดถึงประโยคนี้แววตาของโลกัสกลับวูบไหวผิดวิสัยแต่โฮมส์ก็ไม่สามารถจับสังเกตได้เช่นเคย โลกัสสามารถควบคุมสีหน้า
ของตัวเองได้ดีเยี่ยมในขนาดที่ว่ามีคนฆ่าตัวตายตรงหน้าก็ก็ยังคงสีหน้าไร้อารมณ์ไว้ได้

หากเปรียบเทียบกันด้านประสบการณ์ต่อให้อายุเท่ากันโลกัสก็เจนโลกกว่าโฮมส์เป็นเท่าตัว การหลอกลวงหรืออะไรก็ตามแต่ที่โลกัสต้องการที่จะทำ โฮมส์ไม่มีทางล่วงรู้เท่าทัน

" เอาล่ะถึงตาท่านแล้ว โลกัส " โฮมส์เขย่าแก้วเหล้าในมือเบาๆ จนน้ำสั่นเป็นวงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย นัยน์ตาจับจ้องนักฆ่าอย่างคาดคั้น " เพราะอะไรท่านถึงได้ตามหาพยัคฆ์ทมิฬ ? "

ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะเมื่อพยัคฆ์ดำหลับตาเพื่อครุ่นคิด คนที่เป็นคนถามถึงกับกลั้นหายใจเมื่อเห็นสีหน้าตึงเครียดของโลกัส ราวกับว่าคำถามที่เขาถามนั้นเป็นคำถามร้ายแรง ทั้งๆ ที่มันเป็นคำถามที่ใครต่อใครก็อยากรู้

นักเดินทางที่พบปะต่างกล่าวขานว่าพยัคฆ์ดำกำลังตามหาพยัคฆ์ทมิฬ

ฉับพลันพยัคฆ์ดำลืมตาขึ้นมาด้วยแววตาฆ่าฟันจนโฮมส์สะดุ้งเฮือก เขารู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออกมันมาพร้อมกับอาการสั่นเทา
ของร่างกายทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกกลัว !

นี่สินะ.. ไอสังหารของนักฆ่า 

เขาเคยเจอนักฆ่ามุ่งเอาชีวิตมาหลายครั้งแต่ก็ไม่รุนแรงจนควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้ !

แต่บุตรแห่งข่าวสารก็ยังคงพยายามควบคุมสีหน้าของตนเองไว้ "่ คำถามเดียวสำหรับเบาะแสของพยัคฆ์ทมิฬอย่างละเอียด ข้าสามารถยืนยันได้ว่าข้าเคยเห็นหนังของพยัคฆ์ทมิฬในห้องของเวสเปอร์ "

" สาบานสิว่าเจ้าจะไม่เอาเรื่องของข้าไปขายต่อ " โลกัสพูดเสียงกระซิบ 

แต่เสียงนั้นกลับดังก้องในหัวของโฮมส์ คนเป็นเจ้าเมืองนวดขมับตัวเองอย่างวิงเวียน มืออีกข้างก็พยายามนวดขาที่เริ่มจะชาสิ่งที่

เขายังควบคุมไม่ได้คือเนื้อตัวที่ยังสั่นเทาไม่หาย..

อันตราย


คำๆ นี้ดังก้องในหัวโฮมส์

" สาบาน ข้าสาบาน.. "

เผลอพูดออกไปไม่รู้ตัวแต่ก็ถูกนัยน์ตาสัตว์ป่าตรึงเอาไว้เพื่อให้ยืนยันในคำตอบ

" หากเจ้าผิดคำสัญญา ข้าจะฆ่าเจ้า " คำว่าฆ่าถูกเน้นหนักจนโฮมส์ชะงักและพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย

ความหวาดกลัวจนแทบเสียสติเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาคุ้นเคยนักหรอก..

" มีแค่ข้าที่รู้ "

ถึงแม้จะได้รับคำยืนยันแต่โลกัสยังไม่คลายจิตสังหารของตัวเองแต่บนใบหน้าปรากฎยิ้มเยาะคล้ายกับสังเพชในความอ่อนแอของตัวเองในวัยเยาว์ " สำหรับข้าพยัคฆ์ทมิฬคือพ่อ เขาถูกฆ่า ข้าย่อมอยู่เฉยไม่ได้ "

" ท่านเป็นปีศาจ ? " ความสงสัยทำให้ลืมความกลัวไปชั่วครู่ โฮมส์จึงเผลอถามด้วยสีหน้างุนงง 

โลกัสหัวเราะหึ " ข้าไม่ใช่ปีศาจแต่ก็เป็นปีศาจ " ลูบหัวองค์ชายที่ยังคงนอนอยู่บนตัก " ในตอนนี้ข้าสำหรับพวกเจ้าต่างอะไรกับปีศาจล่ะ ? "

โฮมส์จับความเศร้าในน้ำเสียงได้จึงเริ่มลดความกลัวในตัวนักฆ่าลง ในทีแรกคิดไว้ด้วยซ้ำว่าเป็นนักฆ่าไร้หัวใจฆ่าคนได้ไม่กระพริบตาในเวลานี้กลับเหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป 

" เหตุผลอะไรที่ท่านต้องเป็นนักฆ่าล่ะ ถ้าหากแค่ตามหาท่านก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าใคร "

" พยัคฆ์ทมิฬเป็นสัตว์ดุร้ายที่ไม่มีใครสามารถฆ่ามันได้มานาน คนที่ฆ่ามันได้จะมีฝีมือระดับไหน ? ถ้าหากข้าไม่เจอคนที่เก่งกาจบ่อยๆ ข้าอาจจะไม่มีวันฆ่ามันได้ !! " น้ำคำพูดสุดท้ายเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว

ตาของโลกัสเป็นประกายระริกโกรธจัด ในหัวคล้ายกับเห็นภาพเสือโคร่งสีดำตัวยักษ์ถูกฆ่าตายต่อหน้าฉายซ้ำไปซ้ำมา เพื่อตอกย้ำในเป้าหมายที่แท้จริงในการเดินทาง

" ข้าเดินทางเพื่อแก้แค้น .. หมดคำถามสำหรับเจ้าถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบคำถามข้าแล้ว " 


--------------

 :katai5: // หนีไปนอน
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 11 19 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 19-04-2016 00:20:57
อ๊าาาาาาาาา............  ทำไมทำแบบนี้........
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 19 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-04-2016 02:47:33
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 19 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-04-2016 05:21:10
 :ling1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 19 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-04-2016 11:01:21
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 19 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 20-04-2016 05:30:45
แอบคิดเล่นๆว่าเวสเปอร์เป็นคนทำรึเปล่า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 19 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 20-04-2016 19:25:45
ม่ายยยยยยยยย :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 19 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 20-04-2016 21:22:35
ต่อสิต่อ :ling1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 19 เม.ย 59 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 20-04-2016 23:12:09
อ๊ายยยย ตัดฉับ ..
ฮือ มาต่อๆ กำลังมันส์
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 20 เม.ย 59 P.10 # เต็มตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 20-04-2016 23:30:36
คำตอบที่ได้รับนั้นเหนือความคาดหมายของโฮมส์ไปมาก การคาดเดาของเขาคือพยัคฆ์ดำกับพยัคฆ์ทมิฬมีความแค้นต่อกันแต่คำตอบของพยัคฆ์ดำนั้นกลับหักล้างโดยสิ้นเชิง พยัคฆ์ดำเดินทางเพื่อแก้แค้นให้กับผู้มีพระคุณโดยดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาชีพนักล่าค่าหัวที่มีผลพลอยได้คือฝีมือที่ดุดันขึ้นเรื่อยๆ

" ข้ารับปากว่าจะไม่บอกเรื่องของท่านกับใคร " โฮมส์มองบุคคลที่ขึ้นชื่อว่านักฆ่าด้วยแววตาเห็นใจ ถึงแม้การดำรงชีวิตปกติของเจ้าเมืองเวลล์นั้นจะเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและการฉ้อฉล แต่เรื่องบางเรื่องเขาก็เลือกที่จะทำตามจริยธรรมของตัวเอง " ในช่วงที่อาการของเวสเปอร์ไม่ออกมาก พ่อข้าเห็นว่าการผูกสัมพันธ์กับคนที่น่าจะได้เป็นกษัตริย์ในอนาคตเป็นเรื่องที่ดีจึงส่งข้าไปเรียนอยู่ที่เมืองเอวินด์ "

มือที่กำลังลูบหัวเวสเปอร์ชะงักทันควัน โลกัสก้มมองใบหน้าที่ส่อเค้าคมคายแต่เมื่อผสมรวมกับผมสีขาวแล้วกลับออกมาน่ามองอย่างบอกไม่ถูก หากว่าเจ้าของใบหน้านั้นไม่ได้มีความผิดปกติในเวลานี้อาจจะเป็นกษัตริย์ที่เตรียมจะขึ้นบัลลังก์ในเวลานี้

เพียงเพราะความผิดปกติที่ทำให้เวสเปอร์ต้องถูกไล่ฆ่า..

โฮมส์เห็นภาพที่เกิดขึ้นชัดเจนและเริ่มยอมรับรู้ถึงความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างเวสเปอร์กับโลกัส แม้ในอกจะรู้สึกปั่นป่วนโดยไม่ทราบสาเหตุแต่ก็ไม่คิดจะใส่ใจ " ข้ากับเวสเปอร์กลายเป็นเพื่อนสนิทกันและเวสเปอร์ก็พาข้าเข้าไปในห้องนอน ข้าเห็นหนัง
เสือโคร่งสีดำยักษ์ถูกพาดอยู่บนเก้าอี้ ข้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นเสื้อคลุมหรือเปล่าเพราะข้ามัวแต่สนใจลายของมันอยู่ มันเหมือนกับมีไอเวทสีดำแผ่ออกมาจางๆ แต่ดูได้ม่นานข้าก็ถูกพ่อเวสเปอร์ไล่ตะเพิดออกมา " โฮมส์สูดหายใจลึกเมื่อพูดจนจบ " ที่ข้ามั่นใจว่าเป็นพยัคฆ์ทมิฬเพราะหนังเสือโคร่งธรรมดาไม่มีทางแผ่ไอเวทออกมาได้ "

โลกัสใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ ลำคอแห้งผาก รู้สึกถึงหัวใจที่กำลังเต้นรัวกับความรู้สึกในอกที่ปั่นป่วน ความโกรธความดีใจทุกอย่างมันกำลังปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่งจนต้องขบกรามแน่นเรียกสติของตัวเอง

" อืม.. เป็นเซบนั่นแหละ " 

แต่น้ำเสียงที่พูดออกไปกลับแหบพร่าและเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม..
 

" พรุ่งนี้ข้าจะกลับเมืองเอวินด์ "

" หมายความว่าเจ้าจะกลับไปที่เมืองเอวินด์ทั้งๆ ที่เจ้าเพิ่งออกมาเนี่ยนะ ! " เกลโวยวายเมื่อโลกัสบอกกับตนเช่นนั้นก่อนที่จะปิดประตูห้องดังปังเพื่อยุติบทสนทนาให้คุยกันต่อในวันพรุ่งนี้

สีหน้าของอดีตหญิงงามประจำเมืองเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและถอนหายใจออกมาในความดื้อดึงของเพื่อนสนิทตัวเอง เกลเคยบอกโลกัสหลายต่อหลายครั้งเรื่องที่ว่าต่อให้แก้แค้นยังไงคนที่ตายไปแล้วก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาอยู่ดีแต่ทุกครั้งที่พูดก็ถูกตวาดกร้าวกลับมา

 http://[b]เจ้ากำลังจะบอกให้ข้าลืมในสิ่งที่มันทำกับเซบงั้นเหรอ ! เจ้าไม่เคยแม้แต่จะเจอเซบด้วยซ้ำ อย่ามาพูดพล่อยๆ แบบนี้อีก !! [/b]

แต่เกลก็ไม่เคยละความพยายาม สิ่งที่สุดท้ายที่หล่อนต้องการคือการเห็นโลกัสตายตามพยัคฆ์ทมิฬ ชื่อเสียงของพยัคฆ์ทมิฬมีมานาน บุคคลที่ฆ่าได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา หากโลกัสไปแก้แค้นสิ่งที่ได้รับกลับมาอาจจะไม่ใช่ความสะใจแต่เป็นชีวิตที่เสียไปของเขาแทน

" ท่านเกลขอรับ ! มีคนอยากฟังเสียงท่านร้องเพลงขอรับ " มีแค่เสียงของเจ้ากระต่ายอ้วนที่ดังก้องในทางเดินส่วนตัวของมันกำลังวิ่งวุ่นกับการจดเมนูอาหารลูกค้ารายใหม่

" ได้  ข้ากำลังลงไป "  เกลมองประตูไม้เนื้อดีเป็นครั้งสุดท้ายและยอมเดินออกมา

ด้านหลังของประตูไม้นั้นมีชายร่างยักษ์ยืนพิงบนใบหน้ามีรอยยิ้มเหยียดหยามตัวเองในอ้อมแขนมีชายร่างเล็กกว่าเป็นเท่าตัวกำลังหลับและหายใจอย่างสม่ำเสมอ

มีรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าคล้ายกับกำลังฝันดี

ยิ่งเห็นแบบนั้นรอยยิ้มของพยัคฆ์ดำก็เหยียดมากขึ้นเรื่อยๆ 

" ข้าขอโทษ เวสเปอร์ "

กระซิบเสียงเบา

เขาเลือกที่จะกลับไปยังสถานที่ที่แห่งนั้นเพื่อตัวเองซึ่งนั่นก็หมายความว่าเป็นเขาเองที่กำลังหยิบยื่นความตายให้กับเวสเปอร์
ทั้งๆ ที่ตัดสินใจว่าจะปกป้องแต่กลับเป็นเขาเองที่กำลังฆ่าเวสเปอร์

" ขอโทษ "

พูดออกมาเสียงแหบพร่า รู้สึกจุกในอก 

หากจะให้เขาทิ้งอุดมการณ์ตลอดชีวิตมันคงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ..

การกลับไปอยู่ในถิ่นศัตรูก็คล้ายกับก้าวเท้าเข้าไปในกับดักที่เพียงแค่ก้าวเดียวก็สามารถทำให้ตายได้ 

" ข้าขอโทษ องค์ชาย.. "

คนถูกเอ่ยถึงขยี้ตาตัวเองอย่างงัวเงียเมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นเจ้าเสือก็อดตำหนิไม่ได้ " อึก ! เจ้าเสือ นอน นอนได้แล้วนะ ! ข้า ข้าง่วงมากเลย " พูดเสียงงึมงำในลำคอก่อนจะผลอยหลับไปอีกครั้ง

โลกัสเผลอยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูแต่แววตายังคงเสียใจกับการกระทำของตัวเอง ค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวังและบรรจงวางองค์ชายลงบนเตียงหลังนุ่มซึ่งทันทีที่หัวแตะหมอนองค์ชายก็กวาดเอาผ้าห่มรอบตัวมากอดแน่นคล้ายหมอนข้าง

หัวเราะหึกับเหตุการณ์ตรงหน้า ทิ้งตัวนอนลงข้างๆ และรวบตัวองค์ชายมากอดหลวมๆ ฝังหน้าบนกลุ่มผมนิ่มด้วยจิตใจที่อ่อนแอ
 


" จะ เจ้าเสือ ข้าปวดหัวมากเลย " องค์ชายงอแงระหว่างที่นอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม นัยน์ตาส่อประกายขอความเห็นใจกับเจ้าเสือที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นอยู่บนเก้าอี้

นั่งมาตั้งแต่ตอนเช้าแล้วนะ ?

เวสเปอร์หน้างอเมื่อหันไปมองนอกหน้าต่างก็พบว่าแสงแดดนั้นแรงมากๆ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าตอนนี้สายมากแล้ว ! ท้องของข้าเริ่มร้องไห้แต่เจ้าเสือกลับเอาแต่นั่งนิ่งๆ

" เจ้าเสือ ข้า ข้าจะโกรธเจ้าแล้วนะ ! " 

" เจ้าเสือ... "

องค์ชายพูดเสียงเบาค่อยๆ พาร่างตัวเองไปหาเจ้าเสือที่นั่งนิ่งมองไปที่ประตู " เจ้าเสือ ไม่ ไม่สบายเหรอ.. "  ใช้มือเล็กๆ อังที่หน้าผาก

ซึ่งนั่นคล้ายกับกระชากสติของโลกัสให้กลับมา

มือหนากระชากตัวองค์ชายล็อกคอไว้แน่นตามสัญชาตญาณป้องกันตัว นัยน์ตาสีแดงเป็นประกายวาบเมื่อรู้สึกคล้ายกับได้กลิ่นเหยื่อของตัวเอง เผลออ้าปากงับคอกวางหนุ่มเบาๆ

" ฮือออ เจ้าเสือ ! "

โลกัสเบิกตากว้างปล่อยองค์ชายทันควันสะบัดหัวตัวเองหอบหายใจยิ่งเห็นเวสเปอร์ตัวสั่นเทายิ่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูกรวบตัวเวสเปอร์มากอดและลูบหัว สีหน้าของโลกัสนั่งยังคงเคร่งเครียดเมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติของร่างกายตัวเอง
 
สิ่งที่เขาพยายามควบคุมมันเริ่มจะควบคุมไม่อยู่แล้ว..

พลังอำนาจที่ไม่ได้มาแต่กำเนิดเป็นสิ่งที่ควบคุมยาก

เพราะมันพร้อมที่จะสำแดงพลังออกมาหากนายของมันไม่มีสติหรืออ่อนแอ

มันมีประโยชน์หากว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวเพราะไม่ต้องสนใจว่าใครจะได้รับบาดเจ็บหรือได้รับอันตรายจากพลังมหาศาลนี่่ แต่เขามีเวสเปอร์...

ซึ่งเขาจะยอมให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นมาไม่ได้..

" ฮือ เจ้าเสือ ไม่ ไม่สบายเหรอ " ความตกใจกับอาการปวดหัวทำให้องค์ชายอดร้องไห้ไม่ได้แต่ภายในหัวก็ยังมีความเป็นห่วงเจ้าเสืออยู่ไม่น้อย

" ข้าสบายดี เวสเปอร์ ไม่ต้องห่วงข้าหรอก " โลกัสคลี่ยิ้ม รู้สึกอุ่นวาบในอก องค์ชายสำหรัับพยัคฆ์ดำในตอนนี้คงเปรียบได้กับดวงอาทิตย์ในฤดูหนาวแต่คิดเพียงได้ไม่นานก็ถูกความจริงถาโถมใส

เมฆสีดำค่อยๆ เคลื่อนตัวมาบดบังดวงอาทิตย์จนหายไปเหลือเพียงฤดูหนาวที่โหดร้ายและเดียวดาย

" เวสเปอร์เจ้ายังอยากไปกับเจ้าเสืออยู่ไหม ? "

หากองค์ชายตกลงที่จะไปกับข้า ข้าก็จะพาไปด้วย โดยไม่สนว่าจะเป็นอันตรายกับองค์ชายหรือเปล่า 

เวสเปอร์พยักหน้า

" ไปสิ ไป เจ้าเสือสัญญา สัญญาแล้วว่าจะพาข้าไปด้วย "

ซึ่งมันก็เป็นคำตอบที่โลกัสคาดคะเนเอาไว้ในใจอยู่แล้ว

เขาแค่ถามไปเท่านั้นเพื่อเรียกความตั้งใจอีกอย่างของตัวเอง ว่าจะปกป้ององค์ชายด้วยชีวิตของตัวเอง เขาไม่ไว้ใจให้ใครดูแลองค์ชายแทนตัวเองทั้งนั้น !

ถึงเขาจะสามารถฝากองค์ชายไว้กับเกล

แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำมัน

เวลาที่ใช้ใคร่ครวญสำหรับเรื่องนี้คือครึ่งเช้าจนกระทั่งเวสเปอร์มาสะกิดเรียก

มันอาจจะเป็นความเห็นแก่ตัวของเขาที่อยากเก็บดวงอาทิตย์ของตัวเองไว้ใกล้ตัว แต่หน้าหนาวที่ไร้ดวงอาทิตย์ก็ดูจะหนาวเหน็บเกินไปเช่นกัน

ถึงมันจะเหมือนกับว่าเป็นเขาเองที่ยื่นเวสเปอร์ให้กับอัลฟินด้วยการเข้าไปในถิ่นศัตรู แต่เขาไม่สนใจเพราะไม่อย่างไรอัลฟินก็ไม่มีวันได้แตะต้องเวสเปอร์ตราบใดที่พยัคฆ์ดำยังมีลมหายใจ !

ก็อกๆ

" เจ้าจะนอนไปถึงพรุ่งนี้เลยรึไง โลกัส  "

โลกัสไม่ได้ตะโกนตอบเพียงแค่รวบตัวองค์ชายขึ้นมาอุ้มไปวางบนเตียงอีกครั้งแล้วจึงเดินไปเปิดประตูให้เกลได้เข้ามา

เกลเหลือบมองสภาพผมเพ้ายุ่งเหยิงกับรอยกัดบนคอเวสเปอร์แล้วหัวเราะคิกคัก" คู่ใหม่ปลามันเหรอ เด็กอร่อยไหมล่ะ เจ้าเสือ "

คนโดนแซวแยกเขี้ยวด้วยสีหน้าดุๆ " อร่อยบ้าอะไรของเจ้า หุบปากไป รีบๆ เอายาไปให้เวสเปอร์กิน "

" จ้า จ้า ใช้ข้ายังกับข้าเป็นคนใช้เลย " คนเป็นเจ้าโรงแรมตัดพ้อด้วยสีหน้าชื่นบานยื่นแก้วน้ำเล็กๆ ที่บรรจุยาสำหรับแก้อาการเมาค้างให้กับเวสเปอร์ " กินนี่แล้วจะหายปวดหัว "

เวสเปอร์ยิ้มรับ " ขะ ขอบคุณเจ้านะ ! " รับมากินด้วยท่าทีกระตือรือร้น

" อืม " เกลยิ้มใจดีก่อนจะหันไปหาโลกัส " เจ้ายังจะไปเมืองเอวินด์อยู่หรือเปล่า ? "

" ไป "  โลกัสตอบสั้นๆ ไม่สบตาเพื่อนตัวเอง

ทำไมเขาจะไม่รู้ถึงความหวังดีของเกลล่ะ ? แต่บางครั้งคำพูดสวยหรูกับความเป็นจริงก็ไปด้วยกันไม่ได้ ไม่สิ มันไม่ใช่บางครั้งแต่เป็นทุกครั้งต่างหากเพราะมันไม่มีทางเป็นจริงได้

" ดูเหมือนว่าข้าจะรั้งไม่ได้อีกแล้วสินะ " เกลหัวเราะแห้งๆ " เอาเถอะ ข้าก็อวยพรให้เจ้ารอดกลับมาเหมือนทุกครั้งแล้วกันนะ ร้านของข้ายินดีต้อนรับสหายเก่าเสมอ "

" ขอบใจ "

โลกัสยิ้มบางให้กับเกลอย่างจริงใจ เกลเป็นเพียงเพื่อนไม่กี่คนที่ยังคงจดจำเขาในฐานะเพื่อนสนิทไม่ใช่นักฆ่ากระหายเลือด

" ไม่เป็นไรหรอกน่า แล้วองค์ชายนี่ล่ะ ? ฝากไว้กับข้าก็ได้นะ ข้าไม่แอบกินหรอก " 

พยัคฆ์ดำแค่นยิ้ม

" ของๆ ข้า ข้าดูแลเองได้ "

-------------

เพิ่งออกจากเมืองตอนที่แล้วตอนหน้าก็กลับไปอีกแล้ว   :z2:

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ากอดดด  :man1:

ส่วนตอนหน้าก็หน้าจะอาทิตย์หน้า  :ling3:

หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 20 เม.ย 59 P.10 # เต็มตอน
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-04-2016 23:44:53
เวสเปอร์เป็นคนฆ่ารึเปล่าหว่า
ไม่งั้นจะมาอยู่ห้องเวสเปอร์ได้ไง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 20 เม.ย 59 P.10 # เต็มตอน
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-04-2016 00:04:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 20 เม.ย 59 P.10 # เต็มตอน
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 21-04-2016 18:07:26
หน่วงมาก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 20 เม.ย 59 P.10 # เต็มตอน
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 21-04-2016 23:15:22
ฮืออออออ หนักหน่วงมากกกก ไม่กล้าเดาอะไรเลยเนี่ย เดาทางไม่ถูกเลยจริง  :katai1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 20 เม.ย 59 P.10 # เต็มตอน
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-04-2016 03:45:46
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 20 เม.ย 59 P.10 # เต็มตอน
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 22-04-2016 06:34:06
คนอื่นฆ่า .... ใคร?
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 12 20 เม.ย 59 P.10 # เต็มตอน
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-04-2016 23:43:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 13 1 พ.ค 59 P.10 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-05-2016 21:57:08
ตอนที่ 13

ห่างไปจากเมืองเวลล์หลายพันก้าวภายในฐานทัพลับกลางป่าซึ่งอยู่เยื้องกับเมืองเอวินด์ได้มีการพูดคุยกันลับๆ ระหว่างบุคคลสองคน หมาป่าลาดตระเวนถูกปล่อยให้วิ่งรอบๆ คอยเฝ้าระวังผู้ไม่เกี่ยวข้องที่อาจจะมาแส่ระหว่างที่นายของมันกำลังคุย พลทหารลับประจำตัวเจ้าเมืองอัลฟินต่างถืออาวุธครบมือแต่ก็แอบวางมันลงและหาวหวอดออกมา เพราะนี่น่าจะเป็นชั่วโมงที่สองแล้วที่นายของมันคุยกันไม่ยอมออกมาสักที 

ซึ่งถ้าหากพวกมันรู้ว่าบรรยากาศข้างในเดือดพล่านขนาดไหนคงจะนึกดีใจที่พวกมันมีหน้าที่แค่เฝ้ายามอยู่ข้างนอกไม่ใช่เป็นผู้ที่ถูกนายของมันไล่ต้อนจนหวาดกลัวจนแทบบ้า

"หมายความว่ายังไง? เจ้าจะบอกว่าสิ่งที่ข้าสั่งไป เจ้าทำผิดพลาดงั้นเหรอ" แม้น้ำเสียงของอัลฟินจะไม่ได้ตวาดกร้าวแต่เป็นน้ำเสียงที่เต็มไปความเย็นชาและจิตสังหาร 

คล้ายกับเลือดในกายถูกแช่แข็ง นัยน์ตาของมันเบิกค้างและคลอหน่วงด้วยน้ำตาแห่งความกลัวสุดขั้วหัวใจ "องค์รักษ์ขององค์ชายเฟเนกส์มันแข็งเกร่งมาก.... แค่ข้าจะยิงธนูใส่ตัวมันตอนที่องค์ชายกำลังพบปะประชาชน มันก็รู้ตัวทันทีว่ามีผู้บุกรุกแล้ว"

บนหน้าของสิงโตหิมะเส้นเลือดปูดรวมถึงสีหน้าที่นิ่งเรียบค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดุร้าย "โง่เง่า หมาขี้เรือนอย่างเจ้านี่มันโง่จริงๆ ใครใช้ให้เจ้าทำร้ายมันตอนพบปะประชาชน ต่อให้เป็นเห็บโง่ๆ บนตัวเจ้ายังรู้เลยว่าช่วงเวลานั้นจะมีองค์รักษ์มากที่สุดหรือฝีมือดีที่สุด
กำลังเฝ้าระวังภัยให้อยู่!!"

เพล้ง

แก้วทรงเรียวในมืออัลฟินถูกกำแน่นจนแตก 

"ข้า ข้าพยายามแล้วขอรับ ตอนที่มันกำลังจะเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร ข้าแอบเข้าในครัวใส่ยาพิษไปในอาหารของมัน แต่คนที่ตายกลับเป็นสาวใช้ของมัน.."

อัลฟินเหยียดยิ้มเหี้ยมเกรียม "เจ้าจะแก้ตัวอะไรอีก ดันเคล ในเมื่อผิดพลาดก็ต้องยอมรับว่าผิดพลาด ไม่ว่าเจ้าจะพยายามแล้วหรือไม่ก็ตาม" 

ไอเย็นบางอย่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้นทั่วห้องจนดัลเคลตัวสั่นเทามองคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสิงโตหิมะที่คนส่วนใหญ่ให้ความเคารพจากรูปลักษณ์โดยที่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วกลับที่สิงโตกระหายเลือดและอำนาจมากที่สุด

"แต่ แต่ว่า..." ดันเคลพยายามพูดต่อรองแม้ว่าจะรู้สึกถึงขาที่ถูกแช่แข็งและลามขึ้นมาเรื่อยๆ 

มันรู้ดี... ถ้าหากมันขอความเมตตาไม่สำเร็จ จุดจบของมันจะเป็นยังไง 

"หุบปาก เจ้าก็น่าจะรู้จักข้าดี ดันเคล ว่าข้าเกลียดความผิดพลาดขนาดไหน" นัยน์สีเทาเหลือบมองอย่างกราดเกรี้ยว "ข้าไม่น่าทำให้หมาขี้เรื้อนอย่างเจ้ากลายเป็นหมาป่าเลยจริงๆ หมดเวลาสำหรับเจ้าแล้ว เพราะครั้งนี้ไม่มีโอกาสครั้งที่สองสำหรับเจ้า!"

สิ้นคำร่างทั้งร่างของดันเคลก็ถูกแช่แข็งทันที

สติที่เหลืออยู่น้อยนิดของมันมองนายของตัวเองอย่างตัดพ้อ บาดแผลทั่วกายจากการปะทะกับองค์รักษ์ไม่ได้ทำให้นายของมันเห็นใจแม้แต่นิดเดียว แต่มันก็ต้องยอมรับว่าในวันที่มันยอมมอบชีวิตให้กับท่านอัลฟิน มันได้เลือกไปแล้ว ว่าจะอยู่ใต้การปกครองของคนๆ นี้และจะภักดีจนถึงที่สุด หากมันทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รางวัลและคำชม แต่ถ้าหากไม่สำเร็จหลายๆ ครั้งที่สิ่งที่รอมันอยู่ก็คือความตาย!

มันหลับตาลงยอมรับความเจ็บปวดแทบขาดใจเมื่อร่างของมันถูกเพลิงสีฟ้าโลมเลีย ความรู้สึกเย็นเยียบหายไปแล้วเหลือเพียงความร้อนระอุที่แผดเผามันจนกว่าร่างมันจะกลายเป็นจุญ

ก่อนที่สติของมันจะหายไปจริงๆ มันก็พูดพึมพำในสิ่งที่มันท่องทุกเช้าทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาได้

กษัตริย์อัลฟินจงเจริญ

น่าเสียดายที่อัลฟินไม่ได้ใส่ใจที่จะมองหมาในการเลี้ยงดูของตัวเองขนาดนั้น สีหน้ายังคงหงุดหงิดเพราะแผนที่วางไว้ถูกพังไปทีละส่วน ไม่ว่าจะแผนลักพาตัวองค์ชายที่ตั้งใจจะลักพาตัวตั้งแต่วันที่เกิดการไล่ฆ่าองค์ชายแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะถูกพยัคฆ์ดำแย่ง
ไปจนต้องระเห็จตามสืบและตามไปแย่งตัวกลับมาก็ถูกมันเอาไปอีกจนได้แต่หาทางล่อมันกลับมาที่เมืองเอวินด์ระหว่างนั้นก็จะใช้ถ่วงเวลาให้องค์ชายเฟเนกส์ขึ้นครองราชย์ให้ช้าที่สุด แผนของมันคือส่งดันเคลที่พอมีฝีมืออยู่บ้างเข้าไปลอบทำร้ายแต่ใครจะรู้ว่ามันโง่เง่าจนถูกจับได้! ในเวลานี้พวกมันคงจะรู้แล้วว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นและสิ่งที่พวกมันจะทำแน่ๆ คือการเพิ่มทหารองค์รักษ์ฝีมือดีที่ทำให้แผนของอัลฟินพังไม่เป็นท่า เพราะมันจะเพิ่มความยุ่งยากในการแย่งชิงบัลลังก์คืน!
ความผิดของดันเคลร้ายแรงมากจนแม้แต่ตัวมันเองก็ไม่รู้ สิ่งที่พอจะชดใช้ความผิดของมันได้นอกจากชีวิตมัน อัลฟินก็คิดอะไรไม่ออกอีก

"บัดซบ ทำไมช่วงนี้ข้าถึงได้ดวงตกนักนะ" สิงโตหนุ่มบ่นพึมพำในลำคอ เหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปตามที่วางแผนไว้นอกจากคำว่าดวงตก อัลฟินก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายก่อนที่จะพ่นลมหายใจเซ็งๆ ลูบแหวนบนข้อนิ้วและเคาะเบาๆ จนเกิดลมพัดวูบในห้องพัดพาเอาฝุ่นที่กองอยู่บนพื้นให้หายไปโดยที่เจ้าตัวไม่มีท่าทีอาลัยโดยแม้แต่น้อย

อัลฟินฆ่าคนไม่บ่อยนักแต่คนที่ตายส่วนใหญ่ล้วนได้รับคำสั่งตรงมาจากเขา บุคคลต้องสงสัยที่อาจจะเป็นขวากหนามในอนาคตล้วนถูกฆ่าอย่างแนบเนียน น้อยครั้งที่จะลงมือเองรวมถึงครั้งนี้ก็เช่นกัน หากความผิดของดันเคลไม่ร้ายแรงจนทำลายแผนของ
เขา สิงโตหนุ่มก็อาจจะใจดีไว้ชีวิตให้ไปทำหน้าที่เป็นพวกซักล้างแทน

เพราะฉะนั้นสิ่งที่มันได้รับก็สาสมกับความผิดมันแล้ว

การออกแรงใช้เวทย์ทำให้เสื้อผ้าของสิงโตหนุ่มยับย่น อัลฟินจึงจัดคอเสื้อตัวเองลวกๆ ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นมืออาบเลือดของตัวเอง เพียงชั่วพริบตาเลือดบนมือก็หายไปพร้อมบาดแผลที่สมานกันจนไร้ร่องรอย จึงเริ่มจัดแจงเสื้อคลุมหรูหราที่ทำจากแผงคอนุ่มของสิงโตเผือกต่อจนพอใจและสาวเท้าออกจากกระโจม

รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฎบนใบหน้าแทบจะในทันทีที่ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในกระโจมนั้นไม่ได้เกิดขึ้น ทหารที่หาวหวอดเมื่อกี้รีบกลับเข้าท่าทางปกติ ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่รู้สึกกลัวผู้เป็นนายคนนี้ก็ตามเพราะนายคนนี้ใจดีและสนิทกับพวกมันมาก

"แล้วดันเคลล่ะขอรับ ท่านอัลฟิน" ทหารนายหนึ่งถามอย่างนอมน้อม

"ข้าสั่งให้กลับไปดูลาดเลาแถวเมืองของเราน่ะ ข้ารู้สึกว่ามีลางสังหรณ์แปลกๆ นิดหน่อย" พูดจบก็ยิ้มสว่างสไวขับกล่อมให้คำพูดของอัลฟินดูน่าเชื่อถือมากขึ้นไปอีก จนคนที่ได้ฟังไม่มีข้อสงสัยใดๆ

ว่านายของมันได้ฆ่าดันเคลไปแล้ว...

"น่าจะเร่งรีบมากสินะขอรับ ถึงได้ให้มุดออกจากกระโจมเลย" ทหารอีกคนพูดกลั้วหัวเราะจนตาหยี

อัลฟินหัวเราะเบาๆ รับ "ข้าขอแรงพวกเจ้าไปตามพวกขุนนางเมืองเวลล์มาหน่อยแล้วก็เอาไลท์มาด้วย ข้าจะให้มันส่งข่าวให้ไมคัส"

"ขอรับ!" รับคำกันอย่างกระตือรือร้นก่อนที่จะแยกตัวออกไปสองนายโดยไม่มีการเกี่ยงกัน

"ข้าจะรอในกระโจมแล้วกัน" 

"ขอรับ นายท่าน"

เก้าอี้นุ่มสีแดงชาดจึงต้องรองรับร่างของสิงโตหนุ่มอีกครั้ง ใบหน้ายิ้มแย้มถูกถอดราวกับว่าเป็นหน้ากากอันหนึ่ง ความหล่อเหลาคมคายเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้คนอื่นๆ ต่างเชื่อในสิ่งที่อัลฟินต้องการให้เชื่ออย่างสนิทใจ

ในความเป็นจริงหัวใจของสิงโตนั้นด้านชาไปนานมากแล้ว การสนิทสนมผู้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเป็นเพียงหนึ่งในวิธีเลี้ยงคนของอัลฟินเท่านั้น

"ข้านำไวท์มาให้แล้วขอรับ ท่านอัลฟิน" 

"เอาเข้ามา" หน้ากากยิ้มแย้มถูกนำกลับมาสวมทันที 

เมื่อได้รับคำอนุญาตก็เข้ามาในกระโจมทันทีพร้อมกับกรงที่มีเหยี่ยวสีขาวขนาดยักษ์กำลังเกาะนิ่งๆ อย่างสง่างามเมื่อมันเห็นเจ้านายตัวเองก็มีท่าทีนอบน้อมรอจนกระทั่งประตูกรงที่ขังมันไว้ถูกเปิดมันก็ถลาบินมาเกาะแขนของอัลฟิน ใช้หัวซุกไซร้ตัวสิงโตหนุ่มอย่างออดอ้อนและคิดถึง

เกิดรอยยิ้มละมุนละไมยามที่อัลฟินลูบหัวเหยี่ยวของตัวเอง ยิ้มครั้งนี้เกิดขึ้นจากความเอ็นดูจริงๆ ไม่ใช่รอยยิ้มเสแสร้งปกติของอัลฟิน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครดูออกคิดเป็นเพียงรอยยิ้มทั่วไปของอัลฟินเท่านั้น

"ขอบใจ เจ้าไปได้แล้วล่ะ ที่เหลือข้าจัดการเอง" กล่าวไล่อย่างนุ่มนวล เมื่อเหลือเพียงตัวเองกับเหยี่ยวคู่หูที่ได้มาตั้งแต่ตอนที่ขึ้นเป็นเจ้าเมืองใหม่ๆ ก็หยิบกระดาษเนื้อหยาบออกมาเขียนข้อความเพื่อส่งไปยังคนที่กำลังดำรงตำแหน่งแทนตัวเองชั่วคราวโดยอ้างว่าเจ้าเมืองนั้นไปผูกสัมพันธไมตรีกับดินแดนที่อยู่ห่างไกลใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ จึงจะกลับมา

แม้ว่ากระดาษที่ใช้เขียนนั้นเนื้อหยาบเพื่อให้ดูไม่น่าสงสัยแต่ลายมือที่ใช้เขียนนั้นกลับเป็นระเบียบและเต็มไปด้วยความแข็งกร้าววิสัยปกติของเจ้าตัว ลายมือนี้จะถูกใช้เวลาที่เขียนหาคนสนิทที่รู้นิสัยของอัลฟินดีเท่านั้น อย่างคนที่กำลังจะส่งไปหาก็มีศักดิ์เป็นน้องชายแท้ๆ ของอัลฟินที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวไม่ต่างกัน

'อย่าเคลื่อนไหวเด็ดขาด อันตราย อาจจะรู้ตัว'

มันเป็นข้อความสั้นๆ แต่กระชับที่พอบอกกล่าวได้ว่าในตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างและควรทำอะไร เมื่อเขียนจบก็พับกระดาษเป็นชิ้นเล็กๆ ผูกไว้กับต้นขาของเหยี่ยวคู่หู

"ส่งมันให้กับไมคัสนะ ฝากเจ้าด้วย ไวท์" กล่าวสั้นๆ แต่น้ำเสียงอ่อนโยน   

เหยี่ยวหนุ่มขานรับเสียงดังมันคลอเคลียไหล่เจ้านายของมันอีกครั้งเชิงลาและโฉบบินออกไปข้างนอกทันที
 
-------------------

เอาครึ่งแรกมาเสิร์ฟค่า  :katai5:

หายไปนานเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุบี ตอนนี้ก็ยังไม่หาย  :mew5:

 :o8: ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ ( และหนีไปนอน )
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 13 1 พ.ค 59 P.10 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-05-2016 22:12:41
T T

เกิดเป็นเบี้ยเรื่องนี้ โชคไม่ดีพอๆกับตัวประกอบ Until เลย

***
เผามันจนกว่าร่างมันจะกลายเป็นจุญ < จุล

:D มวฟๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 13 1 พ.ค 59 P.10 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-05-2016 23:05:14
คุณนักเขียนหายป่วยเร็วๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 13 1 พ.ค 59 P.10 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-05-2016 23:40:02
อัลอัลไว้ใจไม่ได้จริงๆ
หายเร็วๆ นะค๊าา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 13 1 พ.ค 59 P.10 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 02-05-2016 18:40:20
หายไวๆน้า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 13 1 พ.ค 59 P.10 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-05-2016 22:26:40
หายไวๆนะ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 13 5 พ.ค 59 P.10 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-05-2016 23:19:18
เมื่อจุดหมายปลายทางแน่ชัดโลกัสจึงไม่มีความจำเป็นต้องหาข้อมูลข่าวสารอีก ทำให้พอมีเวลาพาองค์ชายเดินเล่นรอบตลาดอยู่บ้าง  ถึงแม้ในใจจะอยากกลับแก้แค้นเต็มทนแต่ความรู้สึกผิดลึกๆ ก็กระตุ้นให้ตามใจองค์ชาย
ในครั้งนี้องค์ชายเห็นว่าเจ้าเสืออารมณ์ดีมากจึงแทบจะซื้อทุกอย่างที่ตัวเองอยากกินและอยากได้ ไม่ว่าจะสายไหมที่เป็นต้นเหตุให้ถูกลักพาตัว ตุ๊กตาไหมพรมถักเป็นรูปเสือสีดำ นกที่แกะสลักจากไม้ กล่องไม้โบราณสำหรับใส่เครื่องดนตรีที่ตั้งใจจะเอามาใส่ขลุ่ย และของเล็กๆ น้อยๆ อีกนิดหน่อย

"เจ้าไม่เหนื่อยบ้างเหรอ เวสเปอร์" โลกัสกระซิบข้างหูองค์ชายในระหว่างที่เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ

องค์ชายยิ้มจนตาหยี "ไม่ ไม่เลย ให้ ให้ข้าเดินทุกวัน ข้าก็ไม่เหนื่อย" พูดจบก็หัวเราะคิก อ้าปากงับสายไหมคำหนึ่งก่อนจะยื่นให้เจ้าเสือกัด

โลกัสยิ้ม"ข้าไม่ชอบของหวาน"

เวสเปอร์พยักหน้าหงึกๆ กินต่ออย่างเพลิดเพลิน นัยน์ตาสีดำที่เปล่งประกายด้วยความมีชีวิตชีวากลอกไปมาอย่างซุกซนพยายามหาเป้าหมายในการซื้ออันต่อไปของตัวเองแต่กลับมาสะดุดกับชายที่ร่างพอๆ กับตัวเองสวมชุดที่ทำเลียนแบบหมีจากผ้าหลากสีมาปะชุนกันจนเป็นที่สะดุดตาบริเวณบั้นเอวของเขามีกลองผูกเอาไว้ส่วนในมือทั้งสองข้างมีไม้กลองที่ถูกย้อมเป็นสีขาวสลับดำ

"นักดนตรีล่ะ!" องค์ชายพูดอย่างตื่นเต้นกระตุกชายเสื้อโลกัสให้สนใจ

นอกจากท่านลุงแล้วข้ายังเจอหมีชอบเล่นดนตรีด้วยล่ะ ท่านแม่!

องค์ชายคิดด้วยความดีใจ

การถูกกักขังอยู่ในสถานที่ปิดเป็นเวลานานทำให้องค์ชายไม่ค่อยได้เจอนักดนตรีสักเท่าไหร่ นักดนตรีเพียงหนึ่งเดียวที่องค์ชายน่าจะรู้จักดีก็คงเป็นแม่ของตัวเอง เวลาที่ได้เจอนักดนตรีองค์ชายจึงรู้สึกดีใจมากๆ เพราะจะได้เจอคนที่ชื่นชอบในเสียงดนตรีเหมือนกับตัวเอง ดีไม่ดีอาจจะกลายเป็นเพื่อนกันก็ได้!

ชายในชุดหมีค้อมตัวหนึ่งครั้งก่อนจะเริ่มการตีกลองเป็นจังหวะช้าๆ แล้วจึงค่อยเร่งจังหวะขึ้นพร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ทำนองที่บรรเลงเป็นทำนองธรรมดาทั่วไปไม่ได้มีความพิเศษอะไรจึงไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจเท่าที่ควรนัก ส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก
เล็กๆ ที่ถูกดึงดูดความสนใจด้วยสีสันของเสื้อผ้า

เด็กโข่งเวสเปอร์หันมองโลกัสอ้อนๆ เพราะนักดนตรีเดินไปไกลแล้วแต่องค์ชายกับเจ้าเสือยังยืนอยู่ที่เดิม

"ข้ารู้สึกแปลกๆ กับเจ้าหมีนั่น" โลกัสขมวดคิ้วรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลจึงไม่ยอมขยับตามแรงดึงขององค์ชาย

เวสเปอร์หน้าเสียมองตามตาละห้อย "เจ้าเสือ... " พูดเสียงอ่อน

แต่จนแล้วจนรอดเจ้าเสือก็ใจอ่อนกับองค์ชายอยู่ดี "ก็ได้ เวสเปอร์ จับมือข้าไว้แน่นๆ แล้วกัน" มือหนารวบมือบางมาจับแน่น 

"อื้อ! เจ้าเสือรีบ รีบไปเร็ว เจ้า เจ้าหมีไปนู่นแล้ว" พยายามก้าวไวๆ ไล่หลัง เสียงกลองเป็นจังหวะที่ยังคงดังแว่วเป็นสัญญาณบอกว่าอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก 

เพื่อให้เวสเปอร์สามารถเดินได้ง่ายๆ โลกัสจึงมองตรงไปข้างหน้าด้วยสายตาดุร้ายพยายามแผ่บรรยากาศที่ทำให้ไม่มีใครกล้ามาขวางทางหรืออยากยุ่ง นัยน์ตาแข็งกร้าวกวาดตามองไปรอบๆ

อันตราย!

พยัคฆ์ดำสะดุ้งเมื่อคำบางอย่างผุดวาบในหัวกระชับมือองค์ชายแน่นกว่าเดิม ความรู้สึกร้อนวูบวาบคล้ายกับเตือนให้ระมัดระวังตัว 

"เจ้าเสือ มีจิ้งจอก จิ้งจอกด้วย!" 

จิ้งจอก?

โลกัสเลิกคิ้วมองตามมือองค์ชายทันที 

เห็นชายสวมชุดจิ้งจอกที่ปะชุนจากผ้ากำลังเริ่มต้นเป่าเครื่องเป่าแปลกตาเป็นทำนองผิดเพี้ยนจนผู้คนเริ่มหยุดฝีเท้าเพื่อดูว่าใครกันที่เป็นคนบรรเลงทำนองเสียดหูแบบนี้ ปีศาจตนนึงตะโกนด่าถึงความเพี้ยนอย่างตรงไปตรงมา แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจเป่าเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

เช่นเดียวกับเสียงของกลองและเครื่องดนตรีอื่นๆ !

โดยที่ไม่รู้ตัวพื้นที่รอบๆ กลับเต็มไปด้วยมนุษย์ที่สวมชุดสัตว์ต่างๆ ทำจากผ้าสีสดกำลังเล่นดนตรีเสียงเพี้ยนๆ จนคนที่ได้ฟังเริ่มเอามือปิดหู เสียงของมันเสียงแทงเข้าไปคล้ายกับมีดปลายคมจ้วงแทงอย่างไม่ปรานี พวกมันยังคงเล่นต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับกระทืบเท้าไปด้วยเป็นจังหวะ

"ฮือ..." องค์ชายเอามือปิดหูน้ำตาคลอผิดกับโลกัสที่จับจ้องพวกมันอย่างหวาดระแวง นัยน์ตาสัตว์ป่าวาวโรจน์คล้ายกับกำลังเฝ้ารอโอกาสที่จะฆ่าเหยื่อ

แต่จู่ๆ พวกมันกลับหยุดเล่นพร้อมกัน จนเกิดความเงียบสงัดในพื้นที่ทำให้คนเริ่มกลับมาได้สติสบถด่าพวกนักดนตรีห่วยแตกอย่างไม่ไว้หน้ามีบางส่วนที่ตั้งท่าจะหาเรื่องโดยไม่สนใจกฎของเมืองเวลล์

ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ชายในชุดหมีก็ตีกลองเรียกความสนใจมาที่ตัวเอง มันค้อมหัวน้อยๆ อีกครั้งให้กับผู้ชมรอบตัวและตะโกนเสียงดัง 

"คณะละครสัตว์อาร์เดนมาถึงแล้ว "

คนที่ได้ยินต่างเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัวตั้งท่าเตรียมจะหนีแต่ก็ไม่ทันการ

ตูม!!

เสียงระเบิดดังลั่นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้คน 

คณะละครสัตว์อาร์เดนหรือคณะละครสัตว์ที่ชื่นชอบการฆ่าคนมากที่สุด พวกมันมักจะมีการแสดงหลอกล่อให้ผู้คนสนใจมาที่ตนเองเมื่อพอใจก็จะไล่ฆ่าผู้คนอย่างโหดเหี้ยม

"บัดซบ!!" โลกัสสบถกระชากดาบออกมาถือส่วนมืออีกข้างก็กระชากตัวองค์ชายให้วิ่งออกจากพื้นที่แห่งนี้ที่เริ่มกลายเป็นสนามรบที่เต็มไปด้วยเลือด พวกมันกระชากเสื้อคลุมสีของตัวเองออกและกระโจนใส่ผู้คนที่อยู่ใกล้ตัวและลงมือทำร้าย ทหารประจำเมืองที่เพิ่งรู้ข่าวพยายามโถมตัวเข้ามาช่วยแต่ก็เข้ามาช่วยไม่ได้เพราะฝูงชนที่พยายามหนีเอาชีวิตรอดออกไป

มีหลายคนที่พยายามขอความช่วยเหลือจากโลกัสแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเจ้าตัวรู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่นักบุญและเข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เวลามาสร้างบุญคุณให้ใคร! 

เพราะมือของเวสเปอร์ในตอนนี้เย็นเฉียบเอามากๆ

ความเป็นห่วงตีตื้นในอกโลกัสจนทำให้รู้สึกอยากรวบตัวองค์ชายขึ้นมาอุ้มแล้วกระโจนออกจากตลาดโง่ๆ นี่เต็มทนแต่ก็ทำไม่ได้เพราะยังคงเป็นพวกมันกระโจนออกมาขวางทางพยายามฆ่าองค์ชายที่หลบอยู่ข้างหลัง หากไม่มีดาบก็คงต้องเสียเวลากับมันไปอีกมาก

สักพักใหญ่ๆ โลกัสจึงพาองค์ชายหนีออกจากฝูงชนมาหลบอยู่ในที่ป่าได้

"เวสเปอร์?" โลกัสเรียกเสียงเบาพยายามเขย่าตัวเรียกสติเวสเปอร์ที่หน้าซีดเผือด

นัยน์ตาสีทองจดจ้องไปในอากาศอย่างเลื่อนลอยแต่น้ำตาที่หยดออกมากลับมากขึ้นเรื่อยๆ เนื้อตัวสั่นเทาจนเห็นได้ชัด พยัคฆ์ดำจึงลูบใบหน้าของเวสเปอร์เบาๆ พยายามเกลี่ยน้ำตาออก

"เวสเปอร์..."

เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองเวสเปอร์ก็เหมือนเพิ่งได้สติสะดุ้งเฮือกผวากอดโลกัสแน่นร้องไห้โฮ

"ฮือออ เจ้าเสือ ฮืออ ข้ากลัว กลัว "

พูดออกมาไม่เป็นภาษา

"ข้า ข้าเห็นมีคนถูกตัด ตัดคอ ฮือ ท่านแม่บอก บอกว่าถ้าไม่มีคอ คนจะตาย เขา เขาตายแล้วใช่ไหม ฮือ"

โลกัสลูบหลังเวสเปอร์

"มันเป็นเรื่องปกติ เวสเปอร์ ใครเกิดมาก็ต้องตายทั้งนั้น"

พยายามพูดด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลเพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

"ตาย ฮืออ เจ้าเสือ ข้าล่ะ ข้าจะตายไหม มันจะฆ่าข้าไหม ข้ากลัว"

 "ไม่มีวัน มันจะไม่มีวันฆ่าเจ้าได้ เวสเปอร์ตราบใดที่ข้ามีชีวิตอยู่"

"ฮึก ฮือ มันต้องฆ่าข้าแน่ ข้าแน่ ท่านแม่บอกว่า ข้าตายๆ ไปได้ซะ็ดี มันต้องตามมาฆ่าข้าแน่ ฮึก ข้ากลัว เจ้าเสือ ข้ากลัวมากเลย ช่วยข้าด้วย"

สีหน้าของโลกัสนิ่งเรียบขณะที่ลูบหลังองค์ชาย

องค์ชายในตอนนี้ไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดสักนิด

อาการในองค์ชายในตอนนี้ก็เหมือนกับครั้งแรกของพยัคฆ์ดำที่เห็นคนตายต่อหน้าต่อตา ตอนนั้นมันกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ร้องไห้เป็นวันถึงจะกลับมาควบคุมสติตัวเองได้

สิ่งที่โลกัสจะให้องค์ชายในตอนนี้ก็คือเวลา

"เวสเปอร์ ข้าอยากฟังเพลงที่เจ้าเป่า"

หรือลองให้องค์ชายทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ

องค์ชายเบิกตากว้างกรีดร้องเสียงดังลั่น

"ไม่!!! ข้า ข้าจะไม่เล่นดนตรีอีก พวกมันต้องตาม ตามมาแน่!!!"

นอกเหนือจากความหวาดกลัว

พวกมันยังสร้างบาดแผลลึกให้กับองค์ชาย...

ความหวาดกลัวที่จะได้เล่นเครื่องดนตรีอีก..

---------------------------------

ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะะะ   :man1: กอดดด

ช่วงนี้ก็เหลือแค่อาการไอค่ะ ถ้าไม่จิบน้ำเย็นก็ไม่เป็นอะไร (แต่ชอบจิบเพราะช่วงนี้ร้อนเกินไป)

ส่วนตอนหน้าก็  :z10:


 
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 13 5 พ.ค 59 P.10 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-05-2016 23:28:52
ฮุฮุ วันนี้อยู่จนมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
 :hao7:

เวสเปอร์โดนทำร้ายจิตใจอีกแล้ว เพิ่งจะลัลล้าได้แปปเดียวเอง

ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :katai4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 13 5 พ.ค 59 P.10 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-05-2016 23:33:30
สงสารเวสเปอร์จัง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 13 5 พ.ค 59 P.10 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 06-05-2016 08:59:53
 :serius2: :serius2: เวสเปอร์
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 13 5 พ.ค 59 P.10 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-05-2016 10:06:05
เวสเปอร์น่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน บทที่ 13 5 พ.ค 59 P.10 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-05-2016 16:33:07
 :เฮ้อ:สงสารเวสเปอร์ หัวเราะอยู่ดีดีก็ต้องกลับมาร้องไห้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : จูบ 16 พ.ค 59
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 16-05-2016 23:27:05
ตอนพิเศษ : จูบ

"เจ้าเสือ เจ้าเสือ!" 

เสียงเล็กๆ ร้องเรียกข้างหูซึ่งมาพร้อมกับการเขย่าตัวที่รุนแรงทำให้โลกัสยอมดึงตัวเองออกจากห้วงนิทรา มือหนาขยี้ตาตื่นงัวเงียอ้าปากหาวหวอดจนเผยให้เห็นเขี้ยวคมๆ ในปาก

"มีอะไรเวสเปอร์?" ใบหน้าคมคายของพยัคฆ์ดำอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น

เวสเปอร์ฉีกยิ้มกว้าง "นี่ นี่ ข้า ข้าเก็บหนังสือที่ตกจากรถม้ามาได้! มีรูปอะไรก็ไม่รู้ด้วย!" องค์ชายหยิบหนังสือที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมาเปิดให้โลกัสด้วยท่าทางที่ภูมิใจมากๆ ที่ตัวเองสามารถเก็บมาได้

ซึ่งภาพที่อยู่ในหนังสือก็ทำเอาโลกัสตื่นเต็มตา มือรีบกระตุกแย่งหนังสือให้ออกห่างจากมือเวสเปอร์ราวกับว่าเป็นของแสลง ถึงแม้ภาพที่อยู่ภายในหนังสือนั้นภาพที่โลกัสเห็นจนชินตาแต่มันก็ไม่เหมาะสำหรับองค์ชายที่มีความคิดไม่ต่างไปจากเด็กๆ

องค์ชายหน้าบึ้ง "เจ้าเสือ หนังสือ หนังสือข้า"

"มันไม่ใช่หนังสือของเจ้าเวสเปอร์ เจ้าเก็บมันมาได้" โลกัสพูดเสียงดุๆ เมื่อเด็กที่เขาเก็บมาเริ่มจะมีนิสัยที่ไม่ดี

หนังสือที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลกีย์แบบนี้ไม่มีทางเป็นของเจ้าไปได้หรอก เวสเปอร์

พยัคฆ์ดำคิดด้วยความละเหี่ยใจ

"ฮึก ก็ข้าเห็นมีคนโยนมันออกมา มา เขาต้องไม่ต้องการมันแน่ๆ ข้า ข้าเลยเก็บมาให้เจ้าเสือดู แต่ เจ้าเสือก็แย่งข้า ฮือ" องค์ชายงอแง นัยน์ตาสีทองสว่างคลอไปด้วยน้ำตา

"มันเป็นหนังสือที่ไม่เหมาะกับเจ้า องค์ชาย"

เจ้าเสือพยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเมื่อรู้ว่าตัวเองผิดเอื้อมมือไปตั้งใจจะดึงตัวองค์ชายมากอดปลอบเหมือนปกติเวลาที่ร้องไห้

องค์ชายถอยกรูดออกมองเจ้าเสือด้วยสายตาตัดพ้อ "ฮึก ข้า ข้าโตแล้ว! เจ้าเสือ เจ้าเสือแย่งข้า ฮือ เจ้าเสือขี้ขโมย!"

เจ้าเสือขี้ขโมย?

โลกัสทวนคำพูดองค์ชายในหัวก่อนจะหัวเราะเบาๆ แต่พอเห็นสีหน้าที่บูดขึ้นเรื่อยๆ ขององค์ชายก็ปรับสีหน้าเป็นสลดทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้รู้สึกถึงคำว่าสลดแม้แต่นิดเดียว 

"เจ้าอยากจะรู้จักมันจริงๆ งั้นเหรอ องค์ชาย"

หากดูจากลักษณะภายนอกองค์ชายก็น่าจะมีอายุประมาณยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองก็เป็นอายุที่ใกล้เข้าสู่วัยเบญจเพสเข้าทุกที หรือข้าควรจะสอนสิ่งนี้ให้องค์ชายจริงๆ ?

พยัคฆ์ดำคิดอย่างวิตก เรื่องขององค์ชายทำให้เขาคิดมากกว่าการจะฆ่าคนซะอีก

"เอามา ฮือ เอามา!"

องค์ชายจ้องหนังสือในมือเจ้าเสือเขม็งสลับกับมองคนถือด้วยสีหน้าผิดหวัง

พอเห็นสีหน้าผิดหวังขององค์ชายก็ทำเอาโลกัสสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงหัวใจที่เจ็บเสียดคล้ายถูกมีดกรีด "ข้าคืนแล้ว องค์ชาย มาเอาสิ ข้าไม่เอาแล้ว"

เมื่อได้รับคำอนุญาตองค์ชายก็ถลาเข้าไปเอาหนังสือขึ้นมากอดแนบอก มองเจ้าเสือนิ่งๆ และหันหน้าหนี

"เวสเปอร์..."

โลกัสเรียกองค์ชายเสียงเบา

พยัคฆ์ดำไม่เคยเลี้ยงเด็กหรือดูแลเด็ก ทำให้มันไม่รู้วิธีที่จะง้อเด็กที่กำลังงอนคนหนึ่งยังไง

"มาสิ เจ้าจะให้ข้าดูรูปอะไรล่ะ"

ยอมลุกขึ้นจากเตียงนุ่มที่เพิ่งซื้อมาเปลี่ยนใหม่และก้าวช้าๆ ไปหาองค์ชาย

เวสเปอร์เหลือบมองเจ้าเสือนิ่งๆ ก่อนจะสาวเท้าผ่านหน้าพยัคฆ์ดำเหมือนกับว่าไม่เห็นอยู่ในสายตา

"เวสเปอร์เดี๋ยวสิ ข้ายังไม่ได้ดูเลย" พยัคฆ์ดำรีบตามองค์ชายที่ออกจากห้องนอนไปแล้ว ช่วงขาที่ยาวกว่าทำให้โลกัสก้าวแค่สองสามก้าวก็ถึงตัวเวสเปอร์ ร่างสูงโถมตัวกอดเวสเปอร์และกดลึกให้จมอยู่ในอกตัวเอง

"ข้า ฮือ ข้าจะเข้าเมือง ไป ไปหาท่านพี่เกล ข้าไม่อยากคุยกับเจ้าเสือแล้ว ฮือ เจ้าเสือขี้ขโมย" องค์ชายพยายามขืนตัวออก

"ข้าขอโทษ เวสเปอร์ ไหนเจ้าอยากให้ข้าดูรูปไหน" โลกัสใช้มือข้างนึงรวบเอวองค์ชายไว้ ส่วนอีกข้างก็แย่งหนังสือในมือองค์ชายมาเปิด

"ฮึก ขโมยอีกแล้ว!" ท้วงด้วยน้ำตาน้องหน้า

สถานการณ์ในตอนนี้ทำเอานักฆ่าอันดับหนึ่งอย่างโลกัสรู้สึกว่าเป็นสถานการณ์ที่รับมือยากที่สุดในรอบหลายปีของมันเลยทีเดียว

การดูแลเด็กไม่ใช่สิ่งที่มันถนัดจริงๆ ด้วย.. 

"เอาแบบนี้ไหมองค์ชาย ข้าจะเลือกภาพมาภาพหนึ่ง แล้วเจ้ากับข้าลองทำตามในภาพดู เจ้าจะได้หายสงสัยว่าพวกเขากำลังทำอะไรกัน"

"… ฮึก ก็ได้" องค์ชายยอมคล้อยตาม

ซึ่งคำตอบของเวสเปอร์ก็ทำให้หัวใจหนักอึ้งของโลกัสผ่อนคลายลงพอสมควร แต่ใบหน้าของมันก็ยังคงตึงเครียดเพราะภาพแต่ละภาพในหนังสือ ล้วนเป็นภาพที่ไม่เหมาะสำหรับการเลียนแบบเป็นอย่างยิ่ง มันพยายามหาภาพที่ดูจะเบาบางและนุ่มนวลที่สุดในหนังสือภาพลามกนี่

ก่อนที่มันจะมาสะดุดกับภาพๆ หนึ่งในหน้าสุดท้าย

บุรุษสองคนกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม

อาจจะเป็นสาเหตุที่หนังสือเล่มนี้โดนโยนทิ้งล่ะมั้ง?

ต่างจากหน้าก่อนๆ ที่เต็มไปด้วยรูปบุรุษกับสตรีกำลังทำในสิ่งที่เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ พยัคฆ์ดำไม่อาจจะกล่าวตำหนิภาพใดๆ เพราะตัวมันก็ทำเหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันก็ยังไม่อยากทำให้องค์ชายที่บริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อนกับสิ่งพวกนี้เท่าไหร่นัก

"ข้าเอารูปนี้" ฉีกมันออกมาและยื่นให้องค์ชายดู

เวสเปอร์มองมันด้วยความสนใจ ตาเป็นประกายตื่นเต้น "เจ้าเสือ เจ้าเสือ พวกเขากำลังทำอะไรกันเหรอ"

โลกัสคลี่ยิ้มมุมปาก "เขาเรียกว่า "จูบ" องค์ชาย"

หลังจากได้ฟังคำตอบองค์ชายก็เอียงคองงๆ รู้สึกไม่ค่อยกระจ่างสักเท่าไหร่ "ข้า ข้าอยากทำบ้าง เจ้าเสือ เจ้าเสือ ทำกับข้าบ้างสิ!" 

ความตื่นเต้นในหัวขององค์ชายทำให้องค์ชายลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าตัวเองกำลังโกรธเจ้าเสือ

หลังจากเอ่ยขอโทษองค์ชายในใจ พยัคฆ์ดำก็แสยะรอยยิ้มร้ายตามความเคยชิน นัยน์ตาลุกวาวเมื่อเห็นคล้ายกับเห็นกวางสีขาวย่างเท้าเข้ามาหาและหยุดยืนหน้าตัวเอง กวางหนุ่มสีขาวส่ายเขาของมันไปมาจดจ้องพยัคฆ์ตรงหน้า

โลกัสคำรนในลำคอตามสัญชาตญาณ เลือดในกายร้อนผ่าวคว้าตัวองค์ชายเข้ามาบดจูบรุนแรง ลิ้นร้อนลุกไล่เข้าไปในช่องปากของกวางหนุ่มที่ไม่ประสีประสากับเรื่องโลกีย์ ความนุ่มของริมฝีปากทำเอาพยัคฆ์ดำเคลิบเคลิ้มรุกไล่องค์ชายอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ไม่สนใจว่ากวางหนุ่มจะทรุดตัวลงกองบนพื้นหรือไม่เพราะอุ้งเท้าที่เต็มไปด้วยเล็บแหลมคมตะปปเข้าที่สะโพกคอยประคองเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน

"อื้อ.. !" เวสเปอร์ร้องทักท้วงเมื่อได้สติกลับมาเพราะขาดอากาศหายใจ พยายามดันตัวเจ้าเสือออก นัยน์ตาฉ่ำเยิ้มเพราะถูกมอมเมาจากพยัคฆ์ดำที่ขึ้นชื่อว่าช่ำชองเรื่องโลกีย์พอๆ กับการฆ่าคน

พยัคฆ์ดำส่งเสียงขู่ในลำคอไม่พอใจแต่ก็ยอมยุติจูบที่ยาวนานและผละออกมาจากองค์ชาย

ก่อนที่มันจะได้สติจนสะดุ้งเฮือกและเบิกตากว้าง

นี่ข้าจูบน้องชายของตัวเองงั้นเหรอ!?
 

---------------------------

รู้สึกเนื้อเรื่องหลักแลเครียดๆ มาอ่านตอนพิเศษคลายเครียดดีกว่าค่ะ  :-[

หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : จูบ 16 พ.ค 59 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-05-2016 18:20:06
หื้มมมมมม

ประโยคสุดท้ายนี่แอบสปอยล์อะไรช่ายม้ายยยยย?????
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : จูบ 16 พ.ค 59 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-05-2016 18:46:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : จูบ 16 พ.ค 59 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-05-2016 22:42:43
ค่ะ น้องชายค่ะ

แหมมมมมมมมม!
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : จูบ 16 พ.ค 59 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-05-2016 00:03:25
แหมม น้องชายจิงเร้อพ่อเสือ อิอิ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : จูบ 16 พ.ค 59 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: LSK ที่ 18-05-2016 19:48:34
แบบนี้ไม่น่าใช่น้องชาย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : จูบ 16 พ.ค 59 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-05-2016 01:25:05
พี่น้องท้องชนกันใช่มั้ยเจ้าเสือ :z1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 14 30 พ.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 30-05-2016 23:05:49
ตอนที่ 14

โลกัสลูบหัวองค์ชายที่กอดแขนตัวเองแน่นไม่ยอมพูดอะไรนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น  หัวเล็กๆ ขององค์ชายถูไถกับต้นแขนโลกัสราวกับกำลังหาที่พึ่ง คนที่ได้ชื่อว่านักฆ่าอันดับหนึ่งมองเวสเปอร์ด้วยสีหน้าอ่อนโยนซึ่งถ้าหากศัตรูที่เคยปะทะกับพยัคฆ์ดำแล้วรอดมาเห็นคงต้องตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

ในเวลานี้หากจะนิยามคนที่ฆ่าคนได้ไม่กระพริบตาก็คงเป็น พยัคฆ์ดำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้กับขัดแย้งกับคำนิยามไปหมด 
จังหวะในการก้าวเดินเชื่องช้าแม้ใจจริงโลกัสอยากจะเร่งไปให้ถึงเมืองเอวินด์ โลกัสมองเวสเปอร์ด้วยแววตาที่เศร้าหมอง รู้สึกถึงความเปียกชื้นบริเวณแขนที่มีท่าทีว่าจะมากขึ้นเรื่อยๆ 

คงจะคล้ายกับยามที่เขาฆ่าคนครั้งแรก... ในตอนนั้นเขาก็โยนมีดนั่นทิ้งเหมือนกัน.. เสียงกรีดร้องอย่างทรมานนั่นยังคงดังก้องในหู แต่ถ้าหากไม่ฆ่าก็ต้องถูกฆ่า มันเป็นกฎง่ายๆ ของโลกใบนี้

"เวสเปอร์ หิวหรือเปล่า" โลกัสถามเสียงนุ่มและได้รับคำตอบเป็นหัวที่ส่ายไปมา

ข้าทำถูกรึเปล่า.. ที่พาเวสเปอร์มาด้วย

พยัคฆ์ดำเริ่มลังเลและไตร่ตรองอีกครั้ง เพียงเวลาไม่นานแววตาคมดุหม่นลงทันตา

การอยู่กับนักฆ่าอย่างเขาเต็มไปด้วยความเสี่ยงและซากศพ หากยังคงดันทุรังเดินทางต่อไปเวสเปอร์ก็ต้องพบเจอกับศพอีกนับไม่ถ้วน เส้นทางสายเลือดเส้นนี้เป็นเส้นที่เขาเลือกและไม่มีวันหลังกลับได้อีก

ข้าทำถูกจริงๆ งั้นเหรอ องค์ชายของข้า..

มือหนายังคงลูบหัวองค์ชายแม้ว่าเจ้าของมือจะมีสีหน้าเศร้าหมอง

"เวสเปอร์ เจ้าอยากอยู่กับข้ารึเปล่า.."

เพราะถ้าหากเจ้าไม่ต้องการที่จะเดินทางต่อ ข้าก็อาจจะยอมตัดใจฝากไว้กับเกล น้องชายของข้า..

เวสเปอร์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากแขนของโลกัส นัยน์ตาสีทองแดงก่ำและคลอไปด้วยหยดน้ำตา องค์ชายพยายามฉีกยิ้มให้โลกัส

"ฮึก ข้า ข้าจะอยู่กับเจ้าเสือ เจ้าเสือสัญญาแล้วว่าจะไม่ทิ้งข้า"

คำพูดของเวสเปอร์ทำเอาลมหายใจของพยัคฆ์ดำสะดุด

"ข้าไม่มีวันทิ้งเจ้า แต่เจ้าเลือกได้นะเวสเปอร์ ว่าจะไปกับข้าไหม"

สักวันก็ต้องมีวันที่เวสเปอร์เห็นเขาฆ่าคนอยู่ดี เวลานั้นเขาคงทำใจยอมรับไม่ได้ถ้าเห็นสายตาหวาดกลัวของเวสเปอร์จับจ้องมาที่ตัวเอง เพราะเพียงแค่คิดภาพในหัวก็รู้สึกร้อนวูบวาบในอก

"ฮึก เจ้าเสือพูดเหมือนท่านแม่เลย ท่านแม่ก็บอกว่าจะไม่ทิ้งข้า แต่ แต่ก็ทิ้งข้า ฮือ" องค์ชายมองอย่างตัดพ้อ นัยน์ตาสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวว่าตัวเองจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกครั้ง

แม้ว่ายามที่อยู่ในปราสาทนั่นเวสเปอร์ดูจะยังคงสามารถร่าเริงได้ด้วยตัวเองแต่ใครเล่าจะรู้ว่า องค์รัชทายาทคนนี้ซุกซ่อนตัวเองและแอบร้องไห้บ่อยขนาดไหน 

โลกัสกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดซิบ เขี้ยวยาวฝังลงในริมฝีปากอย่างไม่ปราณี "แม้ว่าข้าจะทำแบบเดียวกับพวกมันงั้นเหรอ เวสเปอร์.."

เวลานี้มาไวกว่าที่เขาคิด

พยัคฆ์ดำเหยียดยิ้มให้กับตัวเอง

เวลาที่ต้องบอกความจริงถึงความชั่วช้าของเจ้าเสือ

"ฮึก ทำอะไร เจ้าเสือจะทิ้งข้า ข้า" เวสเปอร์ทำท่าจะมุดลงไปซุกกับแขนอีกครั้งแต่ก็ถูกมือหยาบจับคางเอาไว้ไม่ให้หันหนีไปไหน

แววตาของโลกัสเต็มไปด้วยความสับสัน ความเศร้า ความกลัว ความหวัง ทุกอย่างผสมปนเปจนมั่วไปหมด มันเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีก่อนที่ดวงตาของนักฆ่าจะกลับมาเด็ดเดี่ยวอีกครั้ง

"ข้าก็ฆ่าคนเหมือนกับพวกมันเวสเปอร์" น้ำเสียงแหบพร่า "ข้าก็ไม่ได้ต่างอะไรจากพวกมันเลย"

นัยน์ตาสีทองเบิกกว้างจดจ้องเจ้าสายตาเม้มปากแน่น

"เจ้า เจ้าเสือ.."

"ข้าจะให้โอกาสเจ้าเวสเปอร์ เจ้าจะหนีข้าไปตอนนี้ก็ยังทัน ข้าจะพาเจ้าไปอยู่กับเกล ยัยนั่นถึงจะเพี้ยนๆ แต่ก็ดูจะเอ็นดูเจ้าไม่น้อย" โลกัสขบกรามรับกับความรู้สึกแปลกประหลาดตีตื้นขึ้นมาจนรู้สึกเค็มไปทั่วลำคอ

เวร นี่ข้ากำลังจะร้องไห้...?

โลกัสคิดอย่างตื่นตกใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันน้ำตาไหลไม่ต่างจากองค์ชายตรงหน้าแม้แต่น้อย

มันเคยเชื่อว่าตัวเองความรู้สึกด้านชาไปนานแล้วต่อให้ฆ่าคนอีกสักพันคนมันก็คงไม่รู้สึกอะไร แต่ไม่ใช่เลยมันยังคงรู้สึก เลือดทุกหยาดหยดที่ถูกดาบมันลิ้มรสคล้ายกับกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวมัน คอยกระซิบข้างหูยามที่นินทราตลอดเวลาว่ามันไม่มีทางตายดี ลึกๆ มันรู้ตัวดีว่ามันไม่อยากทำแบบนี้ แต่ชีวิตของมันเลือกไม่ได้

เลือกไม่ได้จริงๆ ทั้งๆ ที่หัวใจเจ็บขนาดนี้.. 

"เจ้าเสือ อย่า อย่าร้องไห้" องค์ชายปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ แล้วเขย่งตัวขึ้นใช้นิ้วโป้งเล็กๆ เกลี่ยน้ำตาของเจ้าเสือตัวโตแต่ขี้แยอย่างนุ่มนวล

"ข้าไม่ได้ร้องไห้ซะหน่อย องค์ชาย นักฆ่าอย่างข้าไม่เคยหลั่งน้ำตา"

องค์ชายใช้มือสองข้างพยายามดึงปากของเจ้าเสือให้ยิ้มก่อนที่ตัวเองจะยิ้มตาม "ข้า ข้าร้องไห้ได้ แต่ เจ้าเสือห้ามร้องไห้นะ"

"เวสเปอร์ เจ้าไม่กลัวข้างั้นเหรอ ข้าก็ฆ่าคนเหมือนกัน" น้ำตาโลกัสยังคงไหลออกมาเรื่อยๆ

มันไม่ได้อยากเลือกเส้นทางสายนี้จริงๆ...

คงจะดีกว่านี้ถ้ามันเจอองค์ชายในสภาพที่ไม่ใช่นักฆ่า คงจะดีกว่านี้..

"ข้า ข้าไม่กลัวเจ้าเสือ เจ้าเสือใจดีกับข้า" องค์ชายยิ้มทั้งๆ ที่นัยน์ตายังแดงก่ำเนื่องจากผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา "ต่อให้เจ้าเสือ ทำ ทำแบบฮึก นั้น ข้า ข้าก็จะไม่กลัวเจ้าเสือ" พูดจบก็โถกอดโลกัสซึ่งก็กอดได้เพียงระดับอกเท่านั้น แขนสั้นๆ ขององค์ชายไม่พอที่จะโอบตัวมันด้วยซ้ำไป

โลกัสยีหัวองค์ชายจนยุ่งเหยิงรู้สึกเอ็นดูในองค์ชายมากขึ้นไปอีก มันไม่รู้จะเรียกความเอ็นดูนี้ว่าอะไรดี แต่ความคิดบางอย่างที่แล่นในหัวก็สั่งการให้มันโน้มตัวลงหอมแก้มขาวๆ ขององค์ชายจนเกิดเสียงดังฟอดแล้วจึงผละออกมา

คนโดนหอมไม่ได้มีท่าทีเขินอายแต่กลับหัวเราะคิกคักเพราะความจั๊กจี้

"เจ้าเสือ เจ้าเสือทำเหมือนแม่ข้าเลย เอาอีกๆ" 

เมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองเพิ่งทำอะไรลงไปโลกัสก็หน้าแดงก่ำ "น้องชาย เจ้าเป็นน้องชายข้าใช่ไหมเวสเปอร์"

องค์ชายเอียงคองงๆ "ข้า ข้าไม่มีพี่ชาย เจ้าเสือ ก็เป็นเจ้าเสือของข้าสิ" 

ได้ยินดังนั้นโลกัสจึงพอยิ้มออกบ้าง ใช้หลังมือปาดตาของตัวเองออกจนหมดและเช็ดเข้ากับเสื้อคลุมเพื่อทำลายหลักฐานและลืมๆ ไปซะว่าตัวเองร้องไห้เพราะต้องทิ้งเวสเปอร์ไว้กับเกล 

เรื่องน่าประหลาดใจคือหัวใจของมันกลับมาเป็นปกติแล้ว ไม่เจ็บแปลบดังเช่นเมื่อกี้ ยิ่งยามที่ถูกมองด้วยแววตาตกอกตกใจมันยิ่งรู้สึกคล้ายหัวใจมันถูกองค์ชายใช้มีดกดเข้าไปจนแผลลึกโชคดีที่แผลลึกนั้นก็ถูกสมานด้วยรอยยิ้มหวานๆ ขององค์ชาย

เวสเปอร์เมื่อเห็นเจ้าเสือเลิกร้องไห้ก็ดีใจจนยิ้มร่า ความทรงจำโหดร้ายเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความภาคภูมิใจที่ทำให้เสือตัวโตกลับมาดุดันเหมือนเดิม มือเล็กๆ กระชับกับมือหนาที่สอดเข้ามา 

เสียงฝีเท้าที่หยุดชะงักไปของนักเดินทางทั้งสองจึงเริ่มต่อเนื่องอีกครั้ง โชคดีที่ระหว่างที่โลกัสกับเวสเปอร์กำลังปลอบโยนกันนั้นอยู่ในตรอกมืดที่ไม่มีใครสนใจหรือต่อให้สนใจก็เพียงแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น นักเดินทางในเมืองเวลล์นั้นมีมากมายหลากหลายเผ่าพันธุ์ไหนเลยที่พวกมันจะว่างมาสนใจนักเดินทางสักคนล่ะ?

บรรยากาศตามทางเดินถึงแม้จะไม่ครึกครื้นดังเช่นที่จัตุรัสการค้าแต่ก็ยังพอมีผู้คนเดินบ้าง รองเท้าคู่หนาของพยัคฆดำที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและสึกกร่อนบดลงบนพื้นหญ้าอ่อน

ม้าสีดำปลอดทั้งตัวเหลือบมองพยัคฆ์ดำอย่างสนใจ นัยน์ตาของมันลุกวาวเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในร่างกายโลกัส ความตื่นเต้นทำเอาเท้าทั้งสี่ข้างมันอยู่ไม่สุขจนต้องยกขาสูงย่ำอยู่กับที่ รอยแผลเป็นเต็มลำตัวบอกกล่าวถึงประสบการณ์อันโชกโชนที่ม้าตัวนี้สามารถนำพาไปยังที่ต่างๆ ได้

นัยน์ตาคมดุของโลกัสกวาดมองคอกม้าเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยม้าพันธุ์ดีและขึ้นชื่อว่าราคาแพงเพราะความจัดจ้านในฝีเท้าของพวกมัน ทำให้ราคาของมันสูงมากในตลาดจนแม้แต่เศรษฐีในเมืองเวลล์ยังต้องคิดหนักหากจะเลี้ยงไว้ดูเล่นเยอะๆ เหมือนกับเจ้าเมืองของมัน

"เจ้าเสือ เจ้าเสือ ข้าชอบตัวนี้" องค์ชายกระตุกชายเสื้อเรียกโลกัสให้มองไปตามมือตัวเอง ที่กำลังชึ้ม้าสีขาวปลอดทั้งตัว แผงคอสีขาวของมันทิ้งตัวลงบนตัวมันอย่างนุ่มนวล ความสง่างามของมันมากจนคล้ายกับราชนิกุลสักคนในร่างของอาชาทีเดียว

"โอ้ ท่านช่างตาถึงนัก ท่านชาย" ชายแก่ที่อายุล่วงเลยมามากกว่าเจ็ดสิบปีหัวเราะหึๆ ในลำคอ มือข้างที่ถือแก้วสุราเขย่าไปมาก่อนจะยกซดและพูดออกมาอีกคำหนึ่ง "น่าเสียดาย ที่มันถูกจองไว้แล้ว แต่ไม่ต้องห่วงมีแค่มันที่ถูกจองเอาไว้ ม้าที่เหลือท่านสามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย ข้ารับประกันในฝีเท้าและพละกำลังของพวกมัน"

สีหน้าของเวสเปอร์เจื่อนลงเล็กๆ เพราะความเสียดายที่ไม่ได้ม้าตัวที่หมายตา 

มือหนาลูบหัวองค์ชายเบาๆ "สีดำทั้งตัวก็ไม่เลวนะ ข้าว่า" นัยน์ตาสัตว์ร้ายสบดวงตาของม้าป่าสีดำปลอด ซึ่งเจ้าม้าก็จดจ้องมันกลับมาเช่นกัน ไม่มีสายตาหวาดกลัวเหมือนกับม้าตัวอื่นที่หลบตาหันไปทางอื่นหรือไม่ก็สาวเท้าหนีไปเลย

"ข้าต้องการม้าตัวนั้น ท่านลุง" โลกัสชี้ไปยังเจ้าม้าสีดำ

ซึ่งเจ้าม้าก็คล้ายกับดีใจมากจึงกระโดดโลดเต้นร้องฮี้ๆ ออกมาอย่างพึงพอใจจนม้าตัวอื่นมองมันอย่างเหยียดหยามและขยับหนี

ชายคนเลี้ยงม้าเลียริมฝีปากที่ร้อนผ่าวจากเหล้าฤทธิ์แรงที่ไม่มีวันทำให้มันเมาได้ "อา.. เจ้ามาดำนี่ พละกำลังกับฝีเท้าของมันถือว่าเยอะมากที่สุดในบรรดาม้าที่ข้าฝึกมาเลย แต่น่าเสียดายที่มันดูจะมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ไปหน่อย ไม่สิ นั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรที่มากมายนัก เอาเป็นว่าราคาของมันอยู่ที่หนึ่งพันเหรียญทองแล้วกัน นายท่าน"
 
-----------------------

 :z6: ตอนแรกว่าจะลงตั้งแต่วันศุกร์แล้วค่ะ แต่โดนเขียนบทงานละครเวที  :z10:

 :กอด1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่า
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 14 30 พ.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 30-05-2016 23:17:10
ไม่ใช่ม้าธรรมดา....หรือเปล่านะ?

เวสเปอร์น่ารักจริง ขอโคลนนิ่งได้ไหมมมมม?
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 14 30 พ.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 30-05-2016 23:43:12
ม้าดำดูแปลกๆ
คงจะไม่ใช้ม้าธรรมดาแน่เลย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 14 30 พ.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 31-05-2016 02:42:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 14 30 พ.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 31-05-2016 23:55:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 14 4 มิ.ย 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 04-06-2016 23:45:44
โลกัสพยักหน้ารับไม่ได้ตื่นตกใจอะไรนักกับราคาที่แพงยิ่งยวด มือล้วงหยิบเงินออกมาอย่างว่าง่ายแต่ก็ต้องเผลอพ่นลมหายใจหงุดหงิดออกมาเพราะเงินที่เตรียมมานั้นไม่ได้มากพอ "ข้ามีอัญมณีของเมืองเอวินด์ ใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยนแทนได้ไหม" 
อัญมณีสีแดงก่ำวางนิ่งอยู่บนฝ่ามือหยาบ แสงตะวันที่เจิดจ้าสะท้อนกับมันจนเปล่งประกายระยิบระยับ ชายคนเลี้ยงม้าแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดไตร่ตรอง

เพราะอัญมณีพวกนี้หากเอาไปเจียระไนหรือขายต่อจะได้ราคาสูงมาก ยิ่งศิลปะเฉพาะของเมืองเอวินด์ที่ปรากฎลวดลายขึ้นมาจางๆ ในอัญมณียิ่งเพิ่มมูลค่าให้มันมากขึ้นไปอีก 

"ได้สิ ข้าเป็นความใจกว้างอยู่แล้ว" พูดจบก็หัวเราะฮ่าๆ กลบเกลือนความโลภภายในดวงตา ร่างกายที่แม้จะแก่ชราไปมากแต่ความว่องไวในการหยิบฉวยอัญมณีในมือโลกัสนั้นไวมากพอๆ กับหนุ่มวัยฉกรรจ์กำลังขโมยของจากร้านรวง

พยัคฆ์ดำทอดมองท่าทีของชายชราอย่างระอาใจ ใช่ว่าโลกัสจะไม่รู้ว่าอัญมณีพวกนี้หากนำไปขายเองจะได้เงินมากขนาดไหน แต่ตอนนี้หากมันนำไปขายคงจะไม่วายถูกจับได้ว่ามาซุกซ่อนตัวที่เมืองนี้ ต่อให้จะเป็นเมืองเวลล์ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของเผ่าพันธุ์ก็ตาม

"เจ้าเสือ เจ้าเสือ ม้าน่ารัก น่ารัก คิกๆ" องค์ชายหัวเราะคิกคักเมื่อถูกเจ้าม้าดำเอาหัวถูไถอย่างออดอ้อน

คล้ายกับเข้าใจในสิ่งที่องค์ชายพูดเจ้าม้าดำร้องขานรับสะบัดหูของมันไปมาอย่างกระตือรือร้น 

ไม่รู้เพราะความอารมณ์ดีจัดหรืออะไรที่ดลใจให้ชายชราพูดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับม้าดำออกมา สายตาทอดมองเจ้าม้าดำอย่างเหนื่อยอ่อน "เจ้าม้าดำนี้มันมีนิสัยเสียอยู่อย่าง ถ้ามันเที่ยวเล่นจนพอใจมันก็ชอบกลับมาที่นี่ี่ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรของมัน เจ้าม้าตัวอื่น
ข้าขายไปก็ไม่มีอะไร ไปแล้วไปเลย มีแต่มันเนี่ยแหละที่ชอบกลับมาที่นี่ทั้งๆ ที่เคยถูกซื้อไปหลายครั้งแล้ว"

รอยบาดแผลบนร่างกายเจ้าม้าดำนี่น่าจะกล่าวแทนตัวมันได้ดีว่ามันผ่านประสบการณ์โชกโชนมาขนาดไหน เจ้าม้าดำเชิดหน้าสูงคล้ายกับกำลังอวดรอยเกียรติยศเมื่อเห็นเจ้านายใหม่ทั้งสองมองลำตัวมันอย่างสนใจ   

ซึ่งก็ตรงกับสิ่งที่โลกัสต้องการพอดี สิ่งที่มันต้องการที่สุดสำหรับการเดินทางไปเมืองเอวินด์คือม้าฝีเท้าดีสักตัวและความใจกล้าของมัน หากแค่เห็นซากศพแล้ววิ่งหนีก็คงไม่ใช่ม้าที่มันต้องการเท่าไหร่นัก มันต้องการม้าที่มากไปด้วยประสบการณ์และเชื่อฟัง

มือหนาลูบรอยแผลเป็นน่ากลัวของเจ้าม้าดำ สีหน้านิ่งเรียบจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม 

ม้าตัวนี้มีทั้งบาดแผลจากคมดาบและเวทแต่มันก็สามารถเอาตัวรอดมาได้หลายครั้ง แผลบนร่างกายมันมีทั้งสดที่เพิ่งหายและแผลเก่า

"ข้าซื้อมันแล้ว หากมันกลับมาที่นี้มันก็ยังคงเป็นของข้าใช่ไหม"

ชายชราไม่ได้สนใจโลกัสเท่าที่ควรจึงไม่เห็นสีหน้าเย็นเยียบ

"ถ้าหากเจ้ากลับมาเอามันได้ก็จงเอาไป แต่ถ้าหากเจ้ามาเอาไม่ทันข้าก็จะขายมันต่อให้คนอื่น"  พูดโดยไม่แยแสสักนิดว่าลูกค้าของตัวเองสาวเท้าเข้ามาใกล้

"หากว่ามันกลับมาที่นี่ก็จงดูแลมันทำข้า แล้วข้าจะมาเอาเอง"  โลกัสกระซิบเสียงต่ำข้างหูด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบจนชายชราสะดุ้งไปทั้งตัว 

ความรู้สึกคล้ายถูกดาบไร้รูปแนบสนิทที่ลำคอหากพูดอะไรไม่ถูกใจเพียงสักนิด คอของมันก็จะถูกสะบั้นทันที! "แน่นอน แน่นอน ข้าจะดูแลมันอย่างดีถ้ามันกลับมาที่แห่งนี้" ยิ้มเลิ่กลั่กมือไม้เย็นเฉียบ 

"จงรักษาคำพูดของท่านให้ดีเพราะข้าไม่เกลียดคนที่ไม่รักษาคำพูด" โลกัสยิ้มเย็นนัยน์ตาลุกวาวจดจ้องชายชราข่มขู่เป็นการส่งท้าย และสาวเท้าไปหาเจ้าม้าดำที่ยังคือตื่นเต้นกับเจ้าของใหม่อยู่

ซึ่งสิ่งที่มันทำไม่หยุดคือการพยายามเอาหัวยัดเข้าไปในชุดองค์ชาย

"นี่ข้าคงไม่ได้ซื้อม้าปัญญาอ่อนมาหรอกนะ" โลกัสคิดอย่างหดหู่เมื่อนึกถึงราคาของมันที่แพงเอามากๆ

"คิกๆ เจ้าเสือ เจ้าดำ เจ้าดำ จะมุดเสื้อข้า" องค์ชายหัวเราะไปพูดไปมา รอยยิ้มระบายเต็มหน้า

พยัคฆ์ดำหลุดยิ้มตามองค์ชาย มันไม่เข้าใจตัวเองทำไมถึงเห็นองค์ชายมีความสุขมันก็อดรู้สึกตามองค์ชายไม่ได้ คำว่าน้องชายคนสำคัญผุดวาบขึ้นในหัวทำให้มันเลิกใส่ใจจะหาคำตอบที่ลึกซึ้งกว่านั้น 

ทั้งๆ ที่บางความรู้สึกของมันก็ไม่ใช่ในสิ่งที่พี่ชายที่ดีควรรู้สึก

แต่มันก็ยังคงคิดว่าเป็นเรื่องปกติ

ความคิดที่ว่ามันอยากจะจูบองค์ชาย... อยากจะกอดองค์ชายและขังเอาไว้ในห้องสักห้องไม่ให้ออกไปไหน 

มันไม่อยากให้องค์ชายมาผจญในโลกแบบนี้ โลกที่เต็มไปด้วยความอันตรายที่เพียงแต่สาวเท้าออกมาจากบ้านก็อาจจะถูกเขม่น ด่า ใส่ร้าย ทุกอย่างแย่ไปหมดซึ่งมันก็ไม่อยากให้องค์ชายต้องแปดเปื้อนสักนิดเดียว

"เลิกเล่นได้แล้ว องค์ชาย พวกเราต้องเดินทางกันต่อ" มือหนาค่อยๆ ช้อนร่างองค๋ชายขึ้นไปนั่งบนหลังม้าดำ

เวสเปอร์หัวเราะด้วยความสนุกสนาน แขนเล็กๆ คว้าหมับเข้าที่คอเจ้าม้าดำเพราะกลัวว่าตัวเองจะตก

แง้วๆๆ

เสียงคร่ำครวญของฟินน์ดังออกมาจากในเสื้อโลกัส ก่อนที่มันจะกระโดดออกมาจากเสื้อคลุมและบิดขี้เกียจ แมวตัวเล็กจึงคืนร่างเป็นเสือขาวยักษ์ดังเดิม

โฮก

มันอ้าปากหาวหวอดคำรามในลำคอเบาๆ เมื่อปลายจมูกของมันเกือบถูกผีเสื้อสีฟ้าสวยมาเกาะ

"เจ้าแมว เจ้าแมวตื่นแล้ว เจ้าแมวต้องวิ่งให้ทันเจ้าม้านะคิกๆ" องค์ชายหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีและค่อยๆ ปล่อยแขนจากมือเจ้าม้าและเอนหลังพิงกับอกแกร่งของเจ้าเสือ

ร่างกายที่แข็งแกร่งดุจดั่งหินผาของโลกัสยังนิ่งสงบแม้ว่าเจ้าม้าดำจะวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง การเดินทางของมันเป็นไปอย่างเร่งรีบเพราะเจ้าม้าดำดูจะคึกจัดที่ได้วิ่ง มันวิ่งสุดฝีเท้าทำเอาฟินน์ที่แบ่งพลังจากพยัคฆ์ดำไปบ้างแล้วยังหอบแฮ่ก คำรามในลำคอตลอดเวลาที่วิ่ง

องค์ชายที่ดูทิวทัศน์จนเบื่อก็ผลอยหลับไปและพิงอกโลกัสเต็มที่

ทำให้ในตอนนี้ก็เท่ากับว่าองค์ชายตกอยู่ในอ้อมกอดของโลกัสโดยสมบูรณ์

โลกัสพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะกลั้นใจตัวเองไม่หอมแก้มองค์ชายอีกครั้ง ใบหน้าคมคายเจือหวานน่าเอ็นดูกำลังหลับอยู่ในอกมัน ริมฝีปากทิ่ฉีกยิ้มเล็กๆ คล้ายกับว่ากำลังฝันหวานอีกทั้งยังให้ความรู้สึกเชิญชวนให้ลิ้มลองไม่น้อย.. 

บัดซบ! นี่ข้ากำลังคิดอะไรกันอยู่!?

ร่างนักฆ่าสะบัดหัวตัวเองเรียกสติ ละสายตาจากร่างองค์ชายไปยังทางข้างหน้าที่ล้วนแล้วแต่เป็นป่าทึบ ต้นไม้ข้างทางสูงเสียดฟ้าพงหญ้ารกที่ใช้สำหรับเป็นที่ซุกซ่อนของสัตว์ร้ายต่างๆ นกกลางคืนเริ่มตีปีกขึ้นไปบนฟ้าเมื่อถึงเวลาอาหารของพวกมัน
โลกัสเหยียดยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

มันกำลังจะบุกไปยังเมืองเอวินด์... กลับไปสู่จุดเริ่มต้นที่มันเจอองค์ชาย หากว่าสิ่งที่เจ้าเมืองเวลล์พูดนั้นเป็นความจริง ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการตายของพยัคห์ทมิฬต้องเกี่ยวข้องกับองค์ราชาแน่นอน.. พยัคฆ์ทมิฬไม่ใช่เสือที่จะมาฆ่าได้ง่ายๆ ตามอำเภอใจแต่เป็นสัตว์ดุร้ายที่พร้อมจะฆ่าคนทุกคนที่รุกล้ำมาในอาณาเขต 

ซึ่งไม่ใช่สำหรับมัน...

พยัคฆ์ทมิฬไว้ชีวิตมัน.. เลี้ยงดูมัน.. ในวันที่มันกำลังจะคืนสู่แผ่นดิน เพลิงกาฬที่เผาผลาญทุกชีวิตกำลังค่อยๆ โลมเลียมาหาตัวมันที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นอย่างช้าๆ ชีวิตพ่อแม่มันเพลิงกาฬล้วนช่วงชิงไป.. ก่อนที่เพลิงกำลังจะเผาไหม้มัน มันกลับคิดว่าถ้ามันถูกช่วงชิงไปอีกคนก็คงไม่เป็นไรแม้ว่าร่างกายของมันยังมีแรงเหลือเฟือที่จะวิ่งหนีก็ตาม..

เสือโคร่งสีดำตัวยักษ์กระโจนเขามาหาตัวมัน นัยน์ตาสีแดงก่ำลุกวาวก่อนที่มันจะคำรามใส่เพลิงกาฬจนอากาศสั่นสะเทือน เพียงชั่วพริบตาเพลิงทั้งหมดก็หายไป พยัคฆ์ทมิฬหันกลับมามองมันอีกครั้ง ลิ้นเปียกๆ ค่อยๆ บรรจงเลียบาดแผลเล็กๆ บนตัวมากมาย
ในนาทีนั้นมันรู้สึกถึงความอุ่นวาบในอก ความคิดจะติดตามพ่อแม่ไปหายไปทันที แขนโผกอดใบหน้าสัตว์ร้ายอย่างอ่อนแอ แต่ฉับพลันภาพก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงกู่ร้องคำรามอย่างเจ็บปวด บาดแผลตามลำตัวพยัคฆ์ทมิฬนั้นลึกจนเห็นกระดูก มันในวัยเด็กมองภาพตรงหน้าด้วยน้ำตาคลอเบ้า ความผูกพันระหว่างมันกับพยัคฆ์ทมิฬนั้นราวกับเป็นสายเลือดเดียวกัน พยัคฆ์ทมิฬเหลือบมามองมันครั้งสุดท้ายคล้ายกับกำลังกล่าวลาก่อนที่ซ่อนนัยน์ตาดุร้ายไว้หลังเปลือกตา นอนนิ่งยอมสยบต่ออริโดยมีเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดเป็นคำมั่นถึงความอ่อนแอของมัน 

โลกัสกัดปากตัวเองแน่นหลังพุ่มไม้ เลือดในกายร้อนผ่าว มันรู้ดีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พยัคฆ์ทมิฬตายนั้นมาจากมัน เลือดที่ยังคงหมุนเวียนในร่างกายของมันคงจะเป็นคำตอบได้ดี

พยัคฆ์ทมิฬมอบพลังของมันให้กับโลกัสจนร่างกายอ่อนแอจนไม่สามารถสู้กับทหารกล้าได้

มันไม่ได้มีความคิดโง่ๆ อย่างโผออกไปฆ่าทหารคนนั้นเพราะรู้ดีว่าตัวเองนั้นยังอ่อนแอเกินไป... แววตาไร้เสียงสาของมันเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ 

มันสาบาน.. ว่าจะฆ่าพวกมันเพื่อสังเวยแก่พยัคฆ์ทมิฬ

ไม่ว่าใครที่เกี่ยวข้อง มันก็จะฆ่า!

เพื่อพัฒนาฝีมือของตัวมันและหาค่าอาหาร มันเลือกที่จะเข้าสู่เส้นทางนักล่าฆ่าหัว....

เมื่อถึงเวลาไม่ว่าใครก็ไม่สามารถขัดขวางการฆ่าของมันไม่ได้ทั้งนั้น! 

นัยน์ตาสัตว์ป่าหลุบมองเวสเปอร์ด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนไป

"ต่อให้เป็นพ่อของเจ้า ข้าก็ไม่อาจละเว้นได้ เวสเปอร์"
 
----------------------------

 :z13:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 14 4 มิ.ย 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-06-2016 11:05:19
หื้มมมมม

พ่อของเวสเปอร์เกี่ยวเหรอ ไม่น่าจะมีพาวเวอร์อะไรปานนั้น ยกเว้นมีบุคคลที่สาม สี่ ห้า....
หรือเปล่าหนออออ?

ว่าแต่ ถ้าพ่อเวสเปอร์ตาย... ใครจะลอบฆ่านอกจากโลกัสล่ะนี่??
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 14 4 มิ.ย 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-06-2016 13:07:08
ยังไงละเนี่ย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 14 4 มิ.ย 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-06-2016 21:27:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 16 มิ.ย 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 16-06-2016 23:01:19
ตอนที่ 15

ท้องฟ้ายังคงเป็นผืนผ้าสีดำที่ถูกปูไว้ในอากาศ แสงดาวประดับบนท้องฟ้าอยู่ประปราย แต่ดวงจันทร์กลับเคลื่อนตัวลงต่ำเรื่อยๆ เพราะเวลาที่ใกล้รุ่งเช้าเต็มทน

หลังจากที่คึกมาได้สักพักใหญ่ๆ เจ้าม้าดำก็เริ่มเหนื่อย ฝีเท้าที่เคยจัดจ้านเริ่มเบาบางลงจนเปลี่ยนเป็นหวานจัด โลกัสขมวดคิ้วหงุดหงิด เมื่อเจ้าม้าดำเดินทอดน่องอย่างสบายอกสบายใจ ชมนกไม้ไปตามทาง เรื่องประหลาดก็คือถึงแม้ว่ามันจะวิ่งข้ามวัน แต่มันกลับไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยใดๆ นอกจากเสียงลมหายใจที่ดังถี่ขึ้นกว่าปกติเพียงนิดเท่านั้น

โลกัสเตะเท้าไปที่ท้องของมันเป็นคำเตือน

"ข้ามีสิ่งที่ต้องทำ ถ้าเจ้าขืนยังวิ่งปัญญาอ่อนแบบนี้ ข้าจะฆ่าเจ้า" คำรามลอดไรฟันไม่กล้าตะคอกเสียงดังเพราะเกรงว่าร่างเล็กที่นอนหลับตามพริ้มอยู่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมา

เจ้าม้าดำส่งเสียงฮี้ๆ ไม่พอใจ เหลือบสายตาขึ้นมามองเจ้านายใหม่มันด้วยความหงุดหงิดแต่เมื่อสบกับแววตาดุร้ายที่แทบจะฆ่ามันให้ตายด้วยสายตา มันก็ยอมเริ่มเร่งฝีเท้าตัวเองให้ไวมากยิ่งขึ้น มันอ้าปากงับหญ้าเป็นครั้งสุดท้ายเคี้ยวหยับๆ จนพอแหลกจึง
กลืนมันลงไป และเริ่มต้นแสดงฝีเท้าของมันใหม่

กีบเท้าสีดำมันขลับบดลงพื้นดินรุนแรงจนเกิดรอยสึกส่งผลให้ตัวของมันพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หางพวงพุ่มสะบัดไปมาเมื่อความเร็วของมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ถึงแม้จะไม่มากเท่าตอนที่มันยังคึกแต่ก็ยังคงเร็วพอตัว

มันวิ่งไปเรื่อยๆ โดยไม่ชนสิ่งกีดขวางใดๆ แม้แต่น้อย ความคล่องแคล่วของมันทำให้ทั้งพยัคฆ์ดำและองค์ชายไม่ถูกเถาวัลย์พันเกี่ยวหรือหนามขูดสักนิดเดียว

แต่จู่ๆ มันกลับชะงักฝีเท้าทันที เสียงลมหายใจแผ่วเบา มันหันไปมากระสับกระส่าย

โลกัสไม่ได้พูดตำหนิอะไรมันเพราะรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างเช่นกัน

"ฮื่ออ" ฟินน์ยื่นหน้าออกมาจากอ้อมกอดองค์ชายส่งเสียงขู่คำรามง้องแง้ง หางของมันชี้ฟูด้วยความหวาดระแวง

ฮื่อออ

เสียงคำรามในลำคอดังลั่นมาจากอีกฟากซึ่งมันก็ดังพอจนปลุกองค์ชายได้

"อื้ออ ง่วงง ข้า ง่วงง เสียง เสียงอะไร เจ้าเสือ" เวสเปอร์ขยี้ตางัวเงียบิดขี้เกียจจนมือไปชนหน้าสากๆ หนวดครึ้มของโลกัส

"เสือดาว.." โลกัสกระซิบตอบเสียงเบา ลมที่พัดมานั้นพัดกลิ่นตัวของสัตว์ประเภทมาด้วย ร่างกายที่แทบจะเป็นส่วนหนึ่งกับป่าของโลกัสจึงสามารถแยกออกได้ทันที

เจ้าม้าส่งเสียงฮี้ขัดก่อนที่มันจะค่อยๆ ย่องไปตามต้นเสียงที่ว่า

"เสือ เสือดาว เสือที่เป็นจุด จุดใช่ไหม เจ้า เจ้าเสือ" องค์ชายตบมือดังแปะเมื่อนึกคิดมาได้ ยิ้มจนหยีพยายามพูดอวดเจ้าเสือ

"เก่งมาก เวสเปอร์" โลกัสพูดอย่างขอไปที ความเครียดเขม็งจดจ่ออยู่กับเสียงคำราม 

แต่เมื่อองค์ชายทำท่าจะพูดอีกโลกัสก็จัดการเอามือหนาปิดปากไว้แน่นและบังคับให้ชิดเข้ากับอกตัวเอง

ความร้อนรุ่มของร่างกายพยัคฆ์ดำที่เกิดจากความตื่นเต้นถึงแม้จะถูกเสื้อผ้าหนาปกปิดไว้หนึ่งชั้นแต่ยังรับรู้ถึงความอุ่น เวสเปอร์หัวเราะคิกในลำคอเมื่อไม่ต้องกังวลกับหน้าหนาวเพราะหาเตาผิงเคลื่อนที่ให้ตัวเองได้แล้ว 

องค์ชายหลับตาพริ้มรู้สุกอุ่นวาบไปทั้งตัว

เจ้าเสือตัวอุ่นจัง.. เมื่อกี้ยังไม่อุ่นขนาดนี้เลย

เลือดในกายโลกัสเริ่มเดือดพล่านกระหายหาการฆ่าเมื่อเจ้าของร่างเครียดเขม็ง เนื้อตัวที่เคยมีอุณหภูมิปกติไต่ระดับสูงขึ้นจนแทบจะแผดเผาศัตรูที่ขวางให้เป็นจุล

เจ้าม้าส่งเสียงหายใจฟึดฟัดก่อนที่จะกระโจนพรวดบุกเข้าไปทันที

"ว้ากกก เจ้า เจ้ามาจากไหนเนี่ย ไม่นะไม่ อย่าฆ่าข้าเลย" 

อุทานดังลั่นความตื่นตระหนกเมื่อจู่ๆ ถูกม้าสีดำกระโจนเข้ามา 

"นั่นเจ้ากำลังทำอะไรน่ะ..." โลกัสถามด้วยสีหน้าเย็นเยียบ

เพราะร่างที่แต่งตัวคล้ายองค์ชายจากเมืองใดเมืองนึงกำลังใช้หวีแปรงขนให้กับเสือดาวที่ขนทั้งตัวของมันพองและมีกลิ่นเหม็นไหม้ อีกทั้งมันยังส่งสีหน้าน่าสงสารมาหาโลกัสคล้ายขอความช่วยเหลือ

คนแปลกหน้ายิ้มอย่างเป็นมิตรลุกขึ้นยืนและปัดฝุ่นบนตัวออกจนหมดก่อนที่จะยืดอกพูดเพื่อแนะนำตัวเอง "ข้าชื่อไอเรส! เป็นองค์ชายอันดับที่ ๓ ของเมืองเอวินด์"

องค์ชายสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยจึงดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดเจ้าเสือและยื่นหน้าออกมาพูด "ไอ ไอใช่ไหม! ไอ ข้า ข้าคิดถึงไอ"

ไอเรสเลิกคิ้วงุนงงเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่ไม่ได้ยินมานานเอามากๆ แต่พอเห็นองค์ชายเวสเปอร์ที่ยิ้มกว้างพยายามลงจากตัวม้าลงมาหาตัวเองก็ดีใจจนเนื้อเต้น

"ท่านพี่!!" ถ้าหากไอเรสมีหูกับหางตอนนี้คงไม่วายกระดิกไปมาอย่างรุนแรงเพื่อความดีใจของเจ้าของร่าง หลังจากเอ่ยร้องเรียกเสร็จก็ไปช่วยเวสเปอร์ลงจากตัวม้า เมื่อลงมาได้ทั้งเวสเปอร์และไอเรสก็สวมกอดกันแน่น

"ข้าคิดถึงท่านมากเลยท่านพี่ ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันก็นานมาก ท่านพ่อไม่ยอมให้ข้าไปหาท่านพี่เลย ข้าชอบกินขนมที่ท่านพี่ทำนะ อร่อยมากเลย ท่านพี่ทำให้ข้ากินอีกได้ไหม" ไอเรสพูดเจื้่อยแจ้ว ขนาดตัวที่ใหญ่กว่าเวสเปอร์เป็นเท่าตัวไม่เป็นอุปสรรค
ใดๆ ในการออดอ้อนของไอเรส พยายามใช้หัวถูไถตัวพี่ชายตัวเองจนหัวเราะคิกคัก

"ข้า ข้าก็คิดถึงเจ้าเหมือนกัน ท่านพ่อ พ่อห้าม ห้ามไม่ให้ข้าทำขนม" เวสเปอร์หน้าเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แต่มือเล็กๆ ก็ยังลูบหัวทุยๆ ของน้องชายตัวดีของตัวเอง

ไอเรสชะงักกึกและหัวเราะแห้งๆ "อ่า งั้นเหรอเนี่ย ถ้าอย่างนั้นข้าไม่กินก็ได้ ท่านพี่ ฮะๆ" คำว่าท่านพ่อค่อนข้างมีผลต่อไอเรสพอสมควรเพราะเจ้าตัวกลัวท่านพ่อแทบขึ้นสมอง สั่งขวาไปขวาซ้ายไปซ้าย ต่อให้ตรงหน้าเป็นหน้าผาหากท่านพ่อสั่งให้กระโดดเขาก็จะกระโดด 

"แล้วท่านมาทำอะไรที่นี่ล่ะ ท่านพี่ รู้รึเปล่าว่าพวกเรากำลังตามหาท่านพี่อยู่นะ"

องค์ชายกำลังจะตอบแต่ก็ถือโลกัสรวบเอวกลับเข้ามาตัวเองและตอบแทนเสียงเย็น "นั่นเป็นคำถามของพวกข้ามากกว่า องค์ชายที่มีหน้าที่ปกครองบ้านเมืองอย่างเจ้ามาทำอะไรในที่ป่ารกๆ นี่"

"ข้ามาฝึกใช้เวทไฟน่ะ อาทิตย์หน้ามีสอบแต่ข้ายังใช้ไม่ค่อยคล่องเลยเผลอเผาฟอรัสไปด้วย ฮะๆ" 

กลิ่นเหม็นไหม้อ่อนๆ ลอยฟุ้งในอากาศเมื่อถูกลมพัดมาพอดี คล้ายกับยืนยันในสิ่งที่ไอเรสพูด

ซึ่งฟอรัสก็ร้องแง้วๆ ออกมาเหมือนกัน เสียงร้องของมันเหมือนจะร้องไห้เหมือนมันใช้อุ้งเท้าแตะหนวดหงิกงอของตัวเองแล้วสะดุ้ง

โลกัสจับจ้องไอเรสด้วยนัยน์ตาแข็งกร้าว ความเจนจัดทำให้มองออกทะลุปรุโปร่งว่าเอเรสคิดจะทำอะไร "ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ ถ้าเจ้าคิดจะเล่นตุกติก"

"อย่าระแวงนักสิ อย่างน้อยท่านพี่กับข้าก็เป็นพี่น้องเดียวกัน สายเลือดเดียวกัน ใช่ว่าข้าจะเป็นขายครอบครัวสักหน่อย" ไอเรสเบ้ปากพูด สีหน้าเริ่มจะหงุดหงิดเมื่อถูกสบประมาท

พยัคฆ์ดำเหยียดยิ้ม "ถ้าหากเจ้าหวังดีต่อเวสเปอร์จริงคงไม่ปล่อยให้เขาถูกไล่ฆ่าหรอก ถ้าหากข้าไม่เข้าไปช่วยวันนั้นเวสเปอร์คงจะตายไปแล้ว พวกเจ้ามันน่ารังเกียจ แม้แต่สายเลือดเดียวกันพวกเจ้ายังเมินเฉยได้ลงคอ!! ถึงแม้พวกเจ้าจะไม่ได้ลงมือฆ่าเวสเปอร์แต่สิ่งที่พวกเจ้าทำก็คือยืนมองดูเวสเปอร์ตายชัดๆ" โลกัสพูดเสียงดังขึ้นเรือยๆ และตะคอกออกมาดังลั่นในประโยคสุดท้าย

องค์ชายสะดุ้งเฮือกกับเสียงของโลกัสแต่ก็ยังกอดแขนเอาไว้อย่างเหนียวแน่นไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้ว่าร่างข้างๆ ตัวเองแทบจะกลายร่างเป็นเสือโหยเตรียมจะเข้าไปขย้ำร่างน้องของตัวเอง

ไอเรสจุกจนพูดอะไรไม่ออก ".... ก็ท่านพ่อข้าสั่ง.." พยายามแก้ตัวถึงแม้เขาจะจำเรื่องราวในวันนั้นได้ดี วันที่พ่อเรียกกลุ่มทหารมาเพื่อฆ่าพี่ชายตัวเอง แม้ว่าจะรู้สึกคัดค้านเพียงใดแต่ก็ยังยอมนั่งดูนิ่งๆ ผ่านหน้าต่างบานหนึ่ง

สีหน้าฮึกเหิม เสียงเพลงบรรเลงเกรียวกราว ยังคงดังก้องในหูของไอเรส เมื่อทหารพวกนั้นตะโกนออกมาอย่างมั่นใจ ในอกไม่รู้สึกถึงความสงสารหรืออะไรใดๆ ต่อองค์ชายเวสเปอร์

ความผิดปกติขององค์ชายโด่งดังพอๆ กับความชื่อเสียงของกษัตริย์เอวินด์

พวกเขาเคารพคนที่แข็งแกร่งผู้ใดที่อ่อนแอต้องหลบทางและก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองไป พวกเขาเป็นเช่นนั้นมาตลอดหลายร้อยปีจนถึงตอนนี้ก็ยังคงรังเกียจคนอ่อนแอที่ไม่ยอมสู้คน

"ถ้าท่านพ่อสั่งให้เจ้าฆ่าตัวตาย เจ้าจะทำไหมล่ะ เอเรส!" ตะคอกเสียงดังนัยน์ตาขึ้นสีแดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้ เขี้ยวปลายแหลมเริ่มยื่นออกมาจากริมฝีปาก

ไอเรสเม้มปาก "ข้าชอบท่านพี่ก็จริง แต่ข้าไม่เอาจาปฎิเสธพ่อได้หรอกนะ"

----------

มาช้ามาก 5555  :z10:


 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 16 มิ.ย 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 17-06-2016 08:19:56
ทำไมพ่อของเวสเปอร์เป็นแบบนี้อ่ะ ไม่รักลูกของตัวเองเลยหรอ
อยากรู้จุดจบของพ่อเวสเปอร์แล้วววว
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 16 มิ.ย 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 17-06-2016 09:37:27
ในที่สุดก็มาต่อแล้ววววว
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 16 มิ.ย 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-06-2016 10:31:42
ก็เข้าใจเด็กนะ เพราะพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว จะไปขัดแย้งก็ยังไงอยู่ ยกเว้นเจ้าตัวจะเป็นพวกต่อต้านพ่อตัวเองอ่ะ  :ruready
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 16 มิ.ย 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 17-06-2016 12:57:01
พ่อเวสเปอร์นี่โหดร้ายมาก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 16 มิ.ย 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-06-2016 23:23:03
เห้ออออ บ้านนี้มันอะไรกันนะ
ท่านพ่อไม่รักลูกเลยสินะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 16 มิ.ย 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 18-06-2016 01:27:12
อาภัพสุดๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 19 มิ.ย 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 19-06-2016 14:35:44
 ตาหลุบต่ำลง "แต่ท่านพี่ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะไม่ส่งข่าวของท่านให้ท่านพ่อแน่นอน"
ทั้งๆ ที่ไอเรสพูดด้วยน้ำเสียงหวานหูแต่โลกัสกลับรู้สึกตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง นัยน์ตาดุๆ ยังคงจ้องร่างน้องชายของเวสเปอร์ไม่วางตา ความรู้สึกเกลียดจากเบื้องลึกตีตื้นขึ้นจนรู้สึกอยากเอื้อมมือไปหยิบดาบและฆ่ามันให้รู้แล้วรู้รอด
โลกัสเกลียดพวกนี้เข้าไส้ พวกที่ทำท่าเหมือนจะเป็นคนดีแต่แท้จริงกลับเลวกว่านักโทษประหารในคุก ซึ่งไอเรสสำหรับโลกัสแล้วก็เข้าข่ายนี้พอดี

"… อื้ม" เวสเปอร์พยายามยิ้มให้ไอเรส หลายวันที่ผ่านมาที่โลกัสเอาแต่พาเวสเปอร์หนีหัวซุกหัวซุนทำให้องค์ชายเริ่มจะเข้าใจสถานะของตัวเองในตอนนี้ขึ้นมาอย่างช้าๆ

ฐานะของนักโทษ.. เหมือนในนิทานที่ท่านพ่อเคยเล่าให้ข้าฟัง

ทันทีที่หลับตาก็ปรากฎภาพร่างสูงท่าทางน่าเกรงขามนั่งอยู่บนบัลลังก์ทองบนตักมีเด็กร่างเล็กวัยซุกซนกำลังใช้มือเล็กๆ เปิดหนังสือภาพสดใสไปทีละหน้า น้ำเสียงทุ้มแฝงอำนาจค่อยๆ เอาเรื่องราวเพื่อถ่ายทอดให้เวสเปอร์ฟังอย่างใจเย็น คาดหวังอย่างยิ่งที่ลูกของตัวเองเมื่อเติบโตมาจะเกรียงไกรยิ่งกว่ารัชสมัยของตนเอง

หนังสือกล่าวถึงช่างตัดฟืนที่จู่ๆ ก็กลายเป็นนักโทษประหาร เรื่องราวมีอยู่ว่าชายคนนั้นในเวลาปกตินั้นจะเป็นช่างตัดฟืนแต่ในเวลาว่างจะเข้าไปในป่าและจับนกมาเลี้ยง ซึ่งนกแต่ละตัวที่ช่างตัดฟืนเลือกมานั้นล้วนโดนขนานนามว่านกเสียงสวรรค์ เมื่อคนอื่นมาได้ยินเข้าชื่อเสียงของช่างตัดฟืนก็ขจรขจายไปทั่วจนระทั่งถึงหูของพระราชา ทันทีที่ได้ฟังเรื่องราวของชายตัดฟืนพระราชาก็เกิดความคิดอยากครอบครอง พระราชาจึงสั่งทหารไปจับช่างตัดฟืนมาหาตนเองและสั่งให้ไปจับนกที่มีเสียงไพเราะที่สุดมาให้ ซึ่งนกที่เสียงไพเราะที่สุดของช่างตัดฟืนนั้นก็คือนกตัวแรกของเขาเอง ช่างตัดฟืนทั้งรักและหวงนักตัวนี้มากจึงเอ่ยปฏิเสธต่อพระราชาแม้ว่าโทษของการขัดใจคือการประหารก็ตาม ความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวของเขาทำให้พระราชารู้สึกประทับใจจึงยอมปล่อยช่างตัดฟืนไป แต่เรื่องแปลกประหลาดหลังจากนั้นก็คือไม่นานช่างตัดฟืนก็ตายส่วนนกของช่างตัดฟืนก็ไปอยู่กับพระราชาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

นิทานที่มีข้อคิดแยบยลถูกนำมาเล่าให้เวสเปอร์ฟังครั้งแล้วครั้งเล่าหวังจะกระตุ้นให้สติปัญญาลูกคนนี้เฉียบแหลมกว่าอาณาจักรใดๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย

แต่การคาดหวังมากไปก็มักจะพบกับความผิดหวังรุนแรง

ทั้งๆ ที่ร่างกายเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่สติปัญญาขององค์ชายกับไม่ได้เติบโตตาม นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พ่อเวสเปอร์เกลียดเวสเปอร์เข้าไส้

ทุ่มเททุกอย่างแต่สิ่งที่ได้กลับมาคืนความว่างเปล่า 

"ข้า ข้าไม่เป็นไรหรอก ไอ ข้า ข้าไม่เป็นไร" องค์ชายหัวเราะทั้งๆ ที่ตัวสั่นไปทั้งตัว มือเล็กๆ ยึดตัวโลกัสไว้เป็นหลักอย่างเหนียวแน่น "ข้าไม่เป็นไรจริงๆ"

ความรู้สึกโดนเกลียดคล้ายกับรสชาติขมปร่าในปาก 

เวสเปอร์รู้สึกถึงรสชาติขมครั้งแล้วครั้งเล่าจนชินชาและหลอกตัวเองว่ามันเป็นรสหวานของความรัก ไม่ใช่รสขมของความเกลียดชัง

ลึกๆ แล้วเวสเปอร์็ยังคงคาดหวังว่ารสขมปร่าจะแปรเปลี่ยนเป็นรสชาติหวานบ้างแต่องค์ชายก็รู้ดีว่ามันเป็นได้เพียงความฝันเท่านั้นเพราะรสหวานที่ว่านั่นถูกใช้ไปจนหมดแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจดจำความรักที่ท่านพ่อเคยให้กับเขาได้ดี..

ฝ่ามือหยาบอุ่นๆ ที่ลูบหัวอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงดุแฝงอำนาจกลับนุ่มนวลเมื่อพูดกับเขา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่สิ่งเหล่านี่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

"ข้าไม่รู้จริงๆ ว่า ข้า ข้าทำอะไรผิด" องค์ชายพูดออกมาเสียงเบากับตัวเอง

ไม่ต้องการคำตอบเพราะรู้ดีว่าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้

โลกัสจิ้ปากไม่พอใจดึงตัวองค์ชายไปกอดและลูบหัวองค์ชายตามความเคยชินซึ่งองค์ชายก็ตอบรับด้วยการกอดเจ้าเสือตอบแน่น
ไม่กล้าสบตาน้องชายที่มีเค้าโครงใบหน้าแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกับพ่อตัวเอง

"จะให้ข้าเชื่อเจ้าทั้งๆ ที่องค์รักษ์ของเจ้ากำลังวิ่งมาทางนี้งั้นเหรอ ไอเรส!" โลกัสคำราม

เพราะในชั่วขณะที่สวมกอดองค์ชายนั้นไอเรสก็ได้แอบร่ายเวทส่งสัญญาณไปยังองค์รักษ์ของตัวเอง ซึ่งถ้าหากไม่ใช่โลกัสที่มีประสาทสัมผัสว่องไวคงไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อยว่าน้องชายของเวสเปอร์กำลังเล่นตุกติกที่สามารถฆ่าพี่ชายของตัวเองได้ถ้าหากสำเร็จ

คนมีชนักติดหลังสะดุ้งเฮือกหน้าซีดเผือด รู้สึกตกใจจนแทบบ้าเมื่อคล้ายจะถูกล่วงรู้สิ่งที่ซ่อนไว้ในใจ ความขลาดกลัวกระตุ้นให้ร่างกายสั่นเป็นเจ้าเข้า "ไม่ ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น!"

ฮื่ออออ

เจ้าเสือดาวกระโจนเข้ามาขวางหน้านายของมัน ดวงตาของมันเป็นประกายกร้าวเมื่อรู้ถึงภัยคุกคาม มันสลัดตัวสองสามครั้งก่อนที่ขนของมันจะกลับมาเป็นแบบเดิมพร้อมที่จะเข้าปะทะหากอริทั้งสองตรงหน้ามันขยับตัว

โฮกก

ฟินน์กู่ร้องในลำคอเมื่อกลับเป็นเสือโคร่งสีขาวร่างยักษ์แยกเขี้ยวขู่จ้องกลับด้วยสายตาแบบเดียวกัน กรงเล็บแหลมคมที่กางออกมาทันทีเตรียมจะตะปปเจ้าเสือดาวตัวอ้วนตรงหน้า

"เจ้าแมว.." องค์ชายพูดอย่างเลื่อนลอย นัยน์ตาสั่นระริกเมื่อรับรู้ว่าแม้แต่น้องที่ตัวเองรักก็ยังหักหลังตัวเองได้ลงคอ ถึงแม้จะไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดสักเท่าไหร่แต่ท่าทีไม่เป็นมิตรอย่างรุนแรงของเจ้าเสือก็น่าจะอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้ดี

"แย่ แย่จังนะ ไอ" เวสเปอร์หัวเราะขืนๆ หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน 

บางครั้งข้าก็ไม่เข้าใจว่าข้าจะเกิดมาทำไมกัน..

คนที่ปกติมักจะร่าเริงอยู่เสมอเพราะไม่คิดมากถึงการกระทำต่างๆ ที่เข้าใจได้ยากของคนอื่น แต่ตอนนี้กลับส่งสีหน้ารวดร้าวคล้ายกับโลกทั้งใบกำลังจะพังทลาย

เมื่อสิ่งต่างๆ ที่รับรู้มาค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในหัว ละลายและตกตะกอนเป็นความเข้าใจอย่างเชื่องช้าแต่กลับฝังลึกและตรึงแน่นจนไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้ ซึ่งกว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นก็ใช้เวลานานพอสมควร

น่าแปลกจังที่ข้ารู้สึกเหมือนในอกกำลังพังทลาย น้ำ น้ำตาจมอยู่ในร่างกายข้า.. โดยมีข้าเป็นปลาตัวเล็กๆ ที่ถูกหินถ่วงลงไปเรื่อยๆ และมีปลายทางเป็นความมืดมิด

"อย่าร้องไห้องค์ชายของข้า" โลกัสเกลี่ยน้ำตาให้เวสเปอร์แผ่วเบา หน้าขึ้นเลือดฝาดจางๆ เมื่อความรู้สึกแปลกประหลาดพลุ่งพล่านในอก แต่ไม่นานเจ้าตัวก็สะบัดหัวเรียกสติของตัวเองคืนมา

เพราะตอนนี้ศัตรูกำลังเข้าใกล้เต็มทน!

เสียงฝีเท้าจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

"ท่านพี่ ข้า ข้า" ไอเรสจากหน้าซีดกลายเป็นหน้าเจื่อน ทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าพี่ตัวเองจะเสียใจมากจนร้องไห้ สิ่งที่คาดเดาไว้เป็นแค่ภาพที่ท่านพี่ยอมถูกให้จับง่ายๆ เท่านั้น

"หุบปากเน่าๆ ของเจ้าไปซะ" โลกัสคำรามใส่ไอเรสจนเจ้าเสือดาวสะดุ้งเฮือกผงะกระโดดหลบเข้าข้างหลังนายตัวเอง มันพยายามจะก้าวกลับมายืนที่เดิมอีกครั้งแต่กลับพบว่าควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ มันเบิกตากว้างเมื่อสบเข้านัยน์ตาสัตว์ป่าที่แฝงพลังอำนาจที่คุ้นเคย เจ้าเสือดาวรีบหมอบต่ำลงบนพื้นตัวสั่นทันที

"เฮ้ย ฟอ ฟอรัสเจ้าไปสู้สิ" ไอเรสลนลานพยายามใช้เท้าถีบเสือดาวคู่ใจของตัวเองแต่มันกลับไม่ยอมขยับเขยื้อแม้แต่นิดเดียว

เพราะมันรู้ดีว่ามันกำลังเผชิญหน้าอยู่กับพลังของอะไร

พลังที่มันเคยพ่ายแพ้อย่างหมดรูปในตอนนี้ที่มันไปเดินเล่นในอาณาเขตของพยัคฆ์ทมิฬ

พยัคฆ์ดำขบกรามกรอดเมื่อฝีเท้าพวกนั้นใกล้เข้ามาเต็มทน อีกไม่กี่อึดใจคงเข้ามาในระยะสายตาได้ ร่างหนารวบเอวองค์ชายขึ้นมาอุ้มด้วยท่าเจ้าสาวอีกครั้ง พยายามประมวลผลถึงทางรอดต่างๆ แต่เมื่อหางตาเห็นไอเรสพยายามชะเง้อหน้าหอองค์รักษ์ของตัวเองก็อดโกรธขึ้นมาไม่ได้

"สายสัมพันธ์พี่น้องสำหรับเจ้ามันไม่มีค่าเลยงั้นเหรอ ไอเรส"

เหน็บกัดอย่างเจ็บแสบแม้ว่าจะเหลือเวลาไม่มากก็ตาม

ไอเรสส่ายหน้าเศร้าๆ เมื่อนึกถึงอดีตอันหอมหวาน "มีสิ... ทำไมจะไม่มีล่ะ ข้ากับท่านพี่รักกันจะตาย"

โลกัสหันหน้าไปทางที่มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบแสยะยิ้มเมื่อคิดอะไรออก "ข้ามีข้อเสนอให้เจ้าได้แก้ตัวในสิ่งที่เจ้าทำ ไอเรส"

"ขอเสนออะไรของเจ้า อีกไม่นานทหารของข้าก็มาถึงที่นี้แล้ว" ไอเรสแค่นเสียงหึ มองพี่ชายตัวเองด้วยความรวดร้าว มือเย็นเฉียบเมื่อรับรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่านพี่ร้องไห้จนตัวโยนในอ้อมกอดของพยัคฆ์ดำ

ท่านพี่.. ข้าขอโทษ

"แก้ตัวกับทหารว่าเจ้าไม่ได้เจอพวกข้า" นักฆ่าแสยะยิ้มพูดเสียงเย็น 

ไอเรสสะดุ้ง ลืมความรวดร้าวไปหมดเมื่อรู้ว่าพยัคฆ์ดำต้องการให้ตนทำอะไร  "ไม่ ไม่มีทาง เจ้ามันบ้าชัดๆ ถ้าท่านพ่อรู้ว่าข้าเจอท่านพี่แล้วไม่ยอมบอกท่าน ท่านต้องฆ่าข้าแน่ๆ" สีหน้าหวาดกลัวถึงขีดสุด

หากทำตามในสิ่งที่มันต้องการจริง ข้าคงไม่วายต้องถูกท่านพ่อเผาทั้งเป็น!

"เจ้ารักชีวิตของตัวเอง แต่ไม่รักชีวิตของพี่ชายของเจ้าสินะ หึ ตลกชะมัด" นัยน์ตาสัตว์ป่าลุกวาวเดือดดาล เมื่อรับรู้ถึงการสะอื้นที่หนักกว่าเดิมในอ้อมกอดของตัวเอง

คำพูดของโลกัสตอกย้ำถึงความเลวร้ายของสิ่งที่ไอเรสกระทำ

น้องชายของเวสเปอร์จุกจนพูดไม่ออก ไม่สามารถปฏิเสธในสิ่งที่โลกัสพูดได้แม้แต่คำเดียว 

แต่ข้าจะทำอะไรได้ล่ะ... ท่านพ่อสั่งให้ข้ามาดักรอในป่าคอยระวังพวกไม่หวังดีที่อาจจะไปทำลายงานของพี่เฟเนกส์์ซึ่งจริงๆ ควรจะเป็นงานของพี่เวสเปอร์

ข้าก็เป็นแค่องค์ชายที่มีพ่อเป็นกษัตริย์เท่านั้นเอง... ท่านพ่อไม่คาดหวังในตัวข้าว่าจะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป แต่ก็เข้มงวดกับพี่เฟเนกส์กับข้ามาก ทุกสิ่งในชีวิตข้าถูกกำหนดมาหมดแล้ว แม้แต่สัตว์ประจำกายก็ถูกฝึกมาเพื่อข้ามาตั้งแต่แรก พิธีเลือกสัตว์นั่นข้าก็แค่ทำเป็นสู้กับมันก็เท่านั้น

ข้าไม่เคยทำอะไรได้เลย..

บางครั้งข้าก็รู้สึกอิจฉาพี่เฟเนกส์ที่ดูจะชื่นชอบการเดินตามทางที่ท่านพ่อปูไว้ให้ รายนั้นสามารถย่างเท้าบนนั้นได้อย่างสง่างามผิดกับข้าที่มักจะเผลอออกนอกลู่นอกทางจนเท่าพ่อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ถ้าหากครั้งนี้ข้ายอมทำตามสิ่งที่ใจคิดล่ะ...

"ไม่มีเวลาแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เจ้าเลือกนะ ไอเรส"

โลกัสขยับยิ้มเย็นกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใกล้ๆ โดยมีฟินน์ตามไปติดๆ กิ่งก้านและใบที่ขึ้นดกหนาสามารถอำพรางได้ดีแต่ถ้าหาสังเกตดีๆ ก็คงมองออกทันที ส่วนเจ้าม้าดำก็แสร้งตัวเองเป็นม้าป่าธรรมดาเคี้ยวหญ้าหงุบหงับด้วยท่าทีโง่ๆ อยู่แถวนั้น
ในความเป็นจริงแล้วโลกัสไม่มีความจำเป็นต้องหลบด้วยซ้ำไป กับทหารไม่กี่นายไม่สามารถทำให้เหนื่อยแม้แต่น้อย แต่โลกัสก็ยังเลือกที่จะหลบเพื่อหลอกให้ไอเรสตายใจ

ว่าถ้าหากไม่ยอมพูดปดออกไปก็เท่ากับว่าส่งพี่ชายตัวเองไปตาย!

สิ่งที่โลกัสตั้งใจทำจริงๆ ก็คือดัดนิสัยน้องชายเวสเปอร์

หากยอมพูดปดก็สามารถดึงมาเป็นพวกได้แต่ถ้าไม่

"พวกข้ามาแล้วขอรับ!"

ก็อย่าได้เข้ามาคุยกับเวสเปอร์อีก !

ไอเรสกัดปากจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวฟุ้งในปาก ภายในหัวยุ่งเหยิงจนสรรหาคำมาตอบรับองค์รักษ์ของตัวเองไม่ได้แม้แต่คำเดียว ได้แต่ยืนอ้ำๆ อึ้งๆ ทำอะไรไม่ถูก

หัวหน้าองค์รักษ์มองนายของตัวเองด้วยความสงสัย สีหน้าท่าทางที่แสดงออกไปอยู่ในท่าทีสุภาพ แม้ว่าในใจจะรู้สึกสมเพชองค์ชายคนที่ ๓ นี้เต็มทน พวกเขาเบื่อที่จะมานั่งรับใช้องค์ราชไม่ได้เรื่องคนนี้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นคำสั่งขององค์ราชา
ซึ่งทุกครั้งที่มององค์ชายไอเรสพวกเขาก็จะคิดถึงองค์ชายเฟเนกส์เสมอ

ท่าทีสง่างาม ฉลาดหลักแหลม เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ส่วนองค์ชายเวสเปอร์อะไรนั่นลืมไปได้เพราะคำสั่งออกมาแล้ว

ถ้าหากพบเห็นที่ไหนให้ลงมือฆ่าได้เลย!

"มีอะไรรึเปล่าขอรับ ท่านไอเรส.. ท่านเจออะไรหรือขอรับ?"

ระหว่างที่กำลังตกอยู่ในภวังก์คำพูดของท่านพ่อก็ดังแว่วเข้ามาในหู

หากเจ้าขัดคำสั่งข้าอีกครั้ง เห็นทีจะถึงเวลาที่เจ้าต้องอำลาคำว่าองค์ชาย เจ้าคิดว่าที่เจ้าอยู่อย่างสุขสบายเป็นเพราะใคร? ถึงกล้าทำในสิ่งเหลวไหลพรรค์นั้น เจ้าอยากจะเป็นเหมือนพี่เจ้างั้นเหรอ ไอเรสที่วันๆ เอาแต่หัวเราะพูดอยู่คนเดียว ปัญญาอ่อนแบบนั้น เจ้าจะเป็นตามมันงั้นเหรอ ถ้าหากเจ้าต้องการแบบนั้น ก็ฆ่าตัวตายไปซะ เพราะเมืองเอวินด์ไม่ต้องการองค์ชายอ่อนแออย่างเจ้า!!

คำพูดของกษัตริย์องค์ปัจจุบันดูจะดึงสติและความคิดของไอเรสกลับมา

ดวงตากลับมาเป็นประกายกร้าว ยืดอกตะคอกเสียงดัง

ชีวิตของเขามันเป็นของท่านพ่อมาตั้งแต่แรก คนนอกอย่างพยัคฆ์ไม่มีสิทธิ์มาบงการเขา! 

"ไม่ ไม่ ข้าเห็น เห็นมันอยู่บนนั้น!! องค์ชายเวสเปอร์"

เหล่าองค์รักษ์หันขวับคว้าดาบในมือ โดยหนึ่งในนั้นได้ขว้างทวนเหล็กเพลิงใส่ 

ท่าทีขององค์ชายไอเรสถ้าหากคนทั่วไปเห็นคนอาจจะชื่มชมออกไป แต่สำหรับโลกัสแล้ว ไอเรสในตอนนี้กลับน่าสิ้นหวังเกินทน

ความลังเลชั่วขณะนั้นคล้ายกับเป็นสิ่งหลอกลวงให้ดีใจว่าอย่างน้อยองค์ชายไอเรสก็อยู่ฝ่ายเวสเปอร์ แต่เมื่อสิ้นเวลานั้นนิสัยที่แท้จริงก็ปรากฎ

ในสายเลือดนี้ไม่ว่าใครก็ตามล้วนเห็นชีวิตตนเองสำคัญที่สุด ต่อให้ต้องเหยียบย่ำหรือแม้แต่ฆ่าพวกเดียวกันก็สามารถทำได้

โลกัสยิ้มเย็นชา

ดูเหมือนว่าพ่อเวสเปอร์จะสร้างสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับตัวเองสำเร็จแล้ว...

ตูม!!!

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นเมื่อทวนเพลิงถูกด้ามดาบของโลกัสฟันกลับจนแตกกระจาย สะเก็ดไฟรุนแรงก่อเกิดเพลิงไหม้ตามต้นไม้อย่างช้าๆ โลกัสกระโดดลงมาจากต้นไม้โดยมีองค์ชายอยู่ในอก เจ้าม้าดำที่ได้ยินเสียงระเบิดก็รีบวิ่งกลับมานายใหม่ของตัวเอง มันหยุดยืนข้างๆ พยัคฆ์ดำเชิดคอมองศัตรูด้วยสายตาดูแคลน

เสียงเหล็กกระทบกันเป็นเสียงเดียวกันเมื่อมันถูกตั้งชันขึ้นล้อมรอบโลกัส เหล่าองค์รักษ์ที่ถูกฝึกปรือมาอย่างดีจัดทัพอย่างว่องไวรอเพียงสัญญาณของหัวหน้าก็จะเริ่มบุกเข้าไปทันที

บทเรียนครั้งสำคัญของพวกเขาคือเหล่าแม่ทัพที่เหลือเพียงซากศพ 

ทำให้การลงมือแต่ละครั้งต้องเฉียบขาด คอบคอบ และไม่ประมาท

โลกัสจ้องไอเรสนิ่ง ก่อนจะพูดเสียงเรียบออกมา

"นี่คือสิ่งที่เจ้าเลือกสินะ ไอเรส"

ส่ายหน้าเบาๆ รู้สึกเสียดายความรู้สึกเห็นใจจางๆ ในทีแรก

"แต่เอาเถอะ พวกเจ้าในตอนนี้ยังโชคดีเพราะข้ายังไม่มีอารมณ์ฆ่าคนสักเท่าไหร่"

หัวหน้าองค์รักษ์ถึงกับเลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นท่าทางไม่แยแสต่อพวกเขาที่เป็นถึงองค์รักษ์ฝีมือดีที่องค์กษัตริย์ยกย่อง คำพูดดูถูกของโลกัสกระตุ้นให้ตวาดออกไปทันที

"ฆ่ามัน!!"

เหล่าองค์รักษ์กู่ร้องตอบรับอย่างเฮิกเหิมเตรียมจะพุ่งเข้าไปแต่ก็ต้องชะงัก

เมื่ออาชาสีดำที่ดูไม่มีพิษมีภัยในคราแรกกลับกระทืบเท้าเสียงดัง บรรยากาศน่าขนลุกค่อยๆ ลอยฟุ้งในอากาศจากตัวมัน นัยน์ตาของมันหมุนริ้วสีดำอย่างผิดปกติ 

ส่วนโลกัสเก็บดาบเข้าฝักประคององค์ชายขึ้นไปบนม้าก่อนที่จะถีบเท้ากระโจนขึ้นมานั่งตาม ฟินน์ที่เป็นเสือโคร่งมีส่งเสียงขู่ใส่องค์รักษ์แง่งๆ สองสามครั้งก็กลับคืนเป็นร่างแมวกระโดดขึ้นมาบนตัวเจ้ามาและทิ้งตัวลงบนตักขององค์ชาย

"ไปสิ! เจ้าจะรอให้มันหนีรึไงกัน" หัวหน้าองค์รักษ์ตะโกนเสียงสั่นเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาของเจ้าม้าดำ

แล้วจู่ๆ กลับรู้สึกงุนงงจนมองภาพข้างหน้าไม่เห็น ไม่เพียงหัวหน้าองค์รักษ์ เหล่าองค์รักษ์คนอื่นๆ ก็เช่นกัน รู้สึกหายใจลำบากและเจ็บเสียดในอก แต่พวกเขาก็ยังไม่ย่อท้อสูดหายใจแรงๆ ออกมาสองสามครั้งจนหายตาพร่ากลับมามองได้ชัดเจนเหมือนเดิม

แต่ก็ไม่ทันกาล..

เมื่อภาพตรงหน้าคืออาชาสีดำที่มีปีกคู่ยักษ์กำลังบินหนีไปในอากาศอย่างรวดเร็ว!

-----------------------------

ใกล้ฉากปะทะกันแล้ว  :-[

 :man1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่า
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 19 มิ.ย 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 19-06-2016 14:49:34
T T

ไอเรส ไม่เรียกทหารมาก็จบไปแล้ว ยังจะไปเรียกมาอีก รู้ทั้งรู้ว่าพ่อยังไงก็ฆ่าเวสเปอร์ จะจับตัวพี่ชายส่งไปทำไม เห้อ~


หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 19 มิ.ย 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 19-06-2016 15:44:41
ม้าน่ารักจังเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 19 มิ.ย 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 19-06-2016 21:11:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 19 มิ.ย 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-06-2016 13:34:00
ชั่วกันทั้งพ่อ ทั้งน้อง2คน
น่าจะให้เจ้าเสือฆ่าให้ตายไปซะ แค้นแทนเวสเปอร์จริงๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 15 19 มิ.ย 59 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-06-2016 00:28:55
โถ่ไอ สุดท้ายก็ทำกันจนได้ เห้อออ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 16 3 ก.ค 59 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 03-07-2016 23:31:33
ตอนที่ 16

เจ้าม้าดำโผบินขึ้นไปในอากาศส่งเสียงร้องฮื่อๆ คำรามในลำคอ นัยน์ตาสีดำประหลาดของมันจดจ้องไปยังอากาศข้างหน้าอย่างดุร้ายเมื่อเห็นธนูแสงถูกยิงตามขึ้นมา มันคำรามออกมาครั้งหนึ่งซึ่งไม่ใช่เสียงของม้าป่าแต่เป็นเสียงของสัตว์ร้ายในตำนาน!
เสียงคำรามของมันดังกึกก้องจนธนูที่ส่งมาสั่นน้อยๆ แต่เจตนารมณ์ของเหล่าองค์รักษ์ยังคงถูกฝังอยู่อย่างเหนียวแน่นทำให้ลูกธนูยังดันทุรังเข้ามาใกล้ตัวเจ้าม้าดำได้

"ข้าซื้อเจ้ามาแพง เจ้าช่วยแสดงให้ข้าเห็นหน่อยแล้วกันว่าเจ้าคุ้มค่าพอกับเงินของข้า" พยัคฆ์ดำเอ่ยยิ้มๆ มือสากลูบแผงคอสีดำ
ทมิฬเช่นเดียวกับลำตัว

ครั้งแรกที่เห็นมันโลกัสก็รู้ทันทีว่ามันไม่ใช่ม้าธรรมดาแต่เป็นเพกาซัส สัตว์กระหายเลือดที่อาศัยอยู่ในป่าลึกโชคดีที่มันมีอยู่ไม่มากนักเพราะอาหารหลักของมันก็คือวิญญาณ โลกัสเคยไปเจอมันเข้าตอนที่เข้าไปในป่าลึกเพื่อหาสมุนไพรหายากมารักษาพิษบาดแผลตัวเอง โชคดีที่ตอนนั้นไม่เกิดการปะทะกันขึ้น ทั้งโลกัสและเพกาซัสจ้องตากันอย่างลองเชิงก่อนจะแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง นักล่าย่อมไม่ล่ากันเอง นั่นอาจจะเป็นอีกนิยามหนึ่งการใช้ชีวิตเพราะนอกจากจะเสียเวลาแล้วยังอาจจะทำให้ตายทั้งคู่

เพียงแต่ครั้งนั้นที่โลกัสเคยเห็นมันเป็นสีขาวไม่ใช่สีดำทมิฬเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นตาลุงหน้าเลือดนั่นอาจจะพอมองออกอยู่บ้างว่าเจ้าม้าดำนี่ไม่ใช่ม้าที่มีดีแค่ฝีเท้าจัดจ้านอย่างที่มันคิด ส่วนสาเหตุที่เจ้าม้าดำกลับไปหาตาลุงนั่นบ่อยๆ ก็คงเพราะว่ามันได้กลืนกินวิญญาณมนุษย์พวกนั้นไปแล้วและต้องการนายคนใหม่เพื่อเป็นอาหารจานใหม่่ของมัน

แต่ครั้งนี้มันอาจจะไม่ได้ทำเช่นนั้นเพราะเจ้านายครั้งนี้ของมันไม่ใช่มนุษย์ที่มีดีแค่เงินกับเวทย์นิดๆ หน่อยๆ อย่างที่เคยเป็นแต่มันก็ไม่ได้เศร้าโศกเสียใจนักเพราะครั้งนี้มันก็แค่รู้สึกถูกใจกลิ่นอายกระหายเลือดที่เหมือนกับมันกับกลิ่นหอมจางๆ คล้ายลูกม้าของมนุษย์ผมสีขาว

ภายในท้องของมันยังอัดแน่นไปด้วยวิญญาณมนุษย์มากมาย มากเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกินอะไรไปอีกนาน หญ้าที่มันกินก็เป็นแค่การขบเคี้ยวเล่นๆ เท่านั้น รสชาติหวานของหญ้าสำหรับมันแล้วเทียบไม่ได้เลยกับรสชาติหวานจัดของวิญญาณมนุษย์ที่มันได้กัดกินเข้าไปอย่างตะกละตะกลามเมื่อมีโอกาส

เจ้าม้าดำสะบัดหัวมันน้อยๆ เชิงรับรู้ แม้ว่ามันจะยอมรับพยัคฆ์ดำกับเวสเปอร์แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะยอมให้เป็นนายของมัน 
หมอกดำที่แผ่จางๆ ข้างลำตัวของเจ้าม้าดำเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำแล้วพุ่งไปคลุมลูกธนูทั้งหมดอย่างรวดเร็วจนมีเสียดกรีดอากาศและเสียงร้องของอะไรบางอย่างที่น่าสยดสยอง 

แสงกับความมืดแม้นในเวลาปกติมันจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติเฉกเช่นกับท้องฟ้าในเวลากลางวันและกลางคืนแต่หากมันได้มีโอกาส
ปะทะกันก็..

ตูม!!!

เสียงระเบิดกัมปนาทดังสนั่น ลูกธนูหายไปในพริบตาหมอกสีแดงก่ำส่งเสียงครืดๆ คล้ายกับกำลังขบเคี้ยวของแข็งบางอย่างก่อนที่มันจะลอยล่องกลับมาหาเจ้าม้าดำ

"หึ ขุมพลังจากวิญญาณสินะ" โลกัสกล่าวอย่างไม่ประหลาดใจนัก

เจ้าม้าดำส่งเสียงหึในคำ ปีกคู่ยักษ์บนหลังตีอากาศแรงขึ้นทำให้ร่างของมันโฉบไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มันเบื่อที่จะเล่นสนุกกับพวกลูกธนูไร้สาระพวกนี้แล้ว 

พยัคฆ์ดำคลี่ยิ้มปล่อยให้เจ้าม้าดำนำทางไปโดยไม่กล่าวอะไร เพราะดูเหมือนจะรู้แล้วว่านักฆ่าอย่างเขากำลังคิดจะทำอะไร
ซึ่งการเห็นปลายยอดปราสาทสูงลิบจากตรงนั้นก็น่าจะเป็นหลักฐานได้ดี

"ฮือ..." เสียงร้องครือดังเบาๆ แทบจะถูกเสียงหวีดหวิวของอากาศรอบด้านกลืนไปแต่โลกัสก็ยังได้ยินอยู่ดี มือหนาลูบหัวองค์ชายพยายามปลอบประโลม

"เจ้าเลิกสนใจครอบครัวของเจ้าเถอะเวสเปอร์" โลกัสโน้มตัวลงกระซิบข้างหู 

เวสเปอร์ไม่ได้ตอบรับทำเพียงแค่นั่งสะอื้นเงียบๆ

ที่ผ่านมาใช่ว่าเวสเปอร์จะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย เพียงแค่ไม่อยากจะยอมรับเท่านั้นว่าตัวเองโดนเกลียดและทอดทิ้งจริงๆ จึงเลือกที่จะปล่อยผ่านมันไป บางสิ่งที่คิดแล้วเจ็บปวดก็จะไม่ใส่ใจมัน ในหัวพยายามซึมซัมเรื่องราวใหม่ๆ เพื่อกลบทิ้งความอัดอั้น
ตันใจเลวร้ายในอก

แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว มันชัดและตรึงแน่นในหัวของเวสเปอร์ ต่อให้อยากลบก็ทำไม่ได้ทำได้เพียงแค่ยอมรับความจริงโดยไม่จำยอม

"เจ้าเสือ..." เวสเปอร์พูดเสียงสั่นพร่าก้มมองแผงคอนุ่มๆ ของเจ้าม้าแล้วใช้มือลูบเล่น นัยน์ตาสีทองส่อประกายระริก "เจ้า ไม่

เกลียด.. ข้าใช่ไหม" องค์ชายพูดอย่างแช่มช้าพยายามไม่พูดซ้ำไปซ้ำมาอย่างที่เคยเป็น

ท่านพ่อบอกว่ามันน่ารำคาญ พี่น้องของเขาเคยกล่าวว่ามันปัญญาอ่อน

ข้ายอมรับแล้ว.... อย่าเกลียดข้าเลยนะ

องค์ชายปล่อยให้น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลอาบใบหน้า

ถ้าข้าไม่ปัญญาอ่อนทุกอย่างจะจบลงแบบนี้รึเปล่านะ..? ท่านพ่อจะยังรักข้าเหมือนเดิมใช่ไหม ท่านแม่ก็ด้วย รวมถึงพี่น้องของข้าด้วย ถ้าข้าไม่ปัญญาอ่อน ทุกอย่างจะไม่จบลงแบบนี้ใช่ไหม..

ทำไมข้าถึงต้องปัญญาอ่อนด้วยนะ?

ข้าไม่เข้าใจเลย.. ไม่เคยเข้าใจสักนิด

แต่ตอนที่ข้ายังเด็กข้าก็ยังปกติดีนะ.. ทำไมตอนนี้ทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ สุดท้ายแล้วข้าก็ต้องตายเหมือนคนอื่นๆ สินะ ในเมื่อองค์ชายที่ปัญญาอ่อนคงจะไม่เป็นที่ต้องการของเมืองเอวินด์สักเท่าไหร่และน้องชายของข้าก็ดูเหมือนว่าจะทำหน้าที่แทนข้าได้ดีด้วย

แล้วเจ้าเสือล่ะ.. คิดยังกับข้า..?

ถ้าหากเจ้าเสือเกลียดข้าอีกคน.. ข้าก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

"ตอบสิ โลกัส" องค์ชายกระซิบ

โลกัสเบิกตาน้อยๆ รู้สึกประหลาดใจที่ชื่อของตัวเองถูกเรียกออกมาครั้งแรกแต่ไม่รู้ทำไมกลับไม่รับรู้ถึงความดีใจของตัวเองแม้แต่นิดเดียว 

การเรียกชื่อครั้งนี้สัมผัสได้ถึงความห่างเหินและสนิทสนม

"เรียกเจ้าเสือสิ" เสียงทุ้มพร่าพูดตอบ "ข้าไม่มีวันกลียดเจ้า เวสเปอร์ ข้าจำได้ว่า ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วนะ"

เวสเปอร์หัวเราะเบาๆ  สีหน้าเศร้าหมอง

"เกลียดได้สิ ท่าน.. พ่อยังเกลียดข้าเลย"

"ไม่เอา ไม่พูดสิ องค์ชายของข้า" มือหยาบกร้านลูบริมฝีปากองค์ชายอย่างอ้อยอิ่ง "ไม่ดีเลย"

เวสเปอร์ปัดมือโลกัสออก "เจ้าทิ้งข้า..ไปเถอะ โลกัส ข้าไม่ ไม่" องค์ชายหยิกเนื้อตัวเองเมื่อเผลอติดอ่างออกไป "ข้าไม่มี
ประโยชน์สำหรับใครหรอก"

หากโลกัสทิ้งตนจริงๆ เวสเปอร์ก็ตั้งใจว่าจะลองพยายามใช้ชีวิตด้วยตัวเองดู กับแค่อาการปัญญาอ่อนของเขาคงจะไม่เป็นปัญหาในเรื่องรับใช้คนอื่นหรอกมั้งหรือต่อให้ต้องทำอย่างอื่นที่หนักหนาสาหัสกว่านี้ก็คงจะไม่เกี่ยง 
เพราะทางเลือกที่รอเขาให้เดินนั้นมีให้เลือกไม่มากนักหรอก

"ทำไมจะไม่มีล่ะ เจ้าลืมเจ้าเสือของเจ้าแล้วงั้นเหรอองค์ชาย" 

เวสเปอร์ยิ้นเฝื่อนๆ

"ท่านไม่ใช่..เจ้าเสือของข้าหรอก ท่าน.. เป็นตัวท่านเอง โลกัส"

โลกัสขมวดคิ้วมุ่นจับตัวองค์ชายพลิกให้นั่งมาหันหน้ามาหาตัวเอง เห็นหน้าซีดเผือดขององค์ชายกับนัยน์ตาแดงก่ำที่มาจากการร้องไห้ซึ่งตอนนี้สีหน้าขององค์ชายเจ็บปวดมากจนคนมองรู้สึกอึดอัด

องค์ชายของข้าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ทำไมเจ้าต้องส่งสีหน้าเจ็บปวดขนาดนี้ สีหน้าที่เหมือนกับสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว แม้แต่หัวใจที่กำลังเต้นตึกตักอยู่ในอก

"ข้ารู้ว่าสิ่งที่เจ้าเผชิญอยู่มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เจ้าต้องผ่านมันไปให้ได้สิองค์ชาย"  น้ำเสียงอ่อนโยนสบมองนัยน์ตาสีทองสั่นระริก จ้องมันอย่างเผลอไผลก่อนจะโน้มคอลงไปบดเบียดริมฝีปากของเวสเปอร์

องค์ชายที่มีความเศร้าสุมอยู่เต็มอกไม่มีกระจิตกระใจมาตกใจมากนักจึงทำเพียงแค่พยายามผลักพยัคฆ์ดำออก แต่ความร้อนรุ่มจากเจ้าเสือที่แผ่เข้ามาในร่างกายทำเอาทุกอย่างในหัวขาวโพลน

ลืมความเศร้า การหักหลัง การโดนทอดทิ้ง

ในหัวมีเพียงความว่างเปล่ากับความรู้สึกแปลกประหลาดที่แทรกแซงเข้ามาในอก ความรู้สึกที่เหมือนกับถูกกระชากเข้าในโลกประหลาดที่มีเพียงแค่เจ้าเสือกับเขา สิ่งที่เห็นอยู่ในโลกประหลาดนั้นไม่ใช่เจ้าเสืออย่างที่เคยเป็น แต่เป็นเสือดำขนาดยักษ์
กระโจนเข้ามาตะครุบบนตัวใช้นัยน์ตาแดงก่ำมองเขาที่อยู่ใต้เท้านิ่งงัน แต่เรื่องแปลกอีกอย่างคือเขาไม่รู้สึกกลัวเจ้าเสือดำนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

องค์ชายส่งเสียงเครือในลำคอเมื่อถูกเจ้าเสือสอดมือเข้าไปในเสื้อและลูบเนื้อตัวอย่างหยาบโลน 

โลกัสขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยริมฝีปากออกมา เริ่มรับรู้ถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำ ใจหนึ่งก็อยากดึงตัวเองออกมาเพราะ
คำว่าน้องชายที่ฝังในหัว ถึงแม้พยัคฆ์ดำจะเป็นนักรักแต่ก็ไม่เคยลองกับชายแม้แต่ครั้งเดียว การยอมรับว่าตัวเองลุ่มหลงในตัวองค์ชายอาจจะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากอยู่บ้าง ทำให้ตอนนี้โลกัสยังสองจิตสองใจ

มือไม้ยังเฟ้นฟ้อนไปทั่วตัวเวสเปอร์ ในหัวตีกันวุ่นวายระหว่างคำว่าน้องชายกับกวางของข้าๆๆๆ

เวสเปอร์ที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องพวกนี้ตัวอ่อนยวบเหมือนแมวขี้เซา ใบหน้าแดงก่ำยันลำคอ

ฮื่ออออ

เจ้าม้าดำคำรามออกมาเสียงไม่ดังมากนักอย่างหงุดหงิด เมื่ออาคันตุกะทั้งสองที่อยู่บนหลังมันทำท่าจะพลอดรักกันโดยไม่สนใจมันแม้แต่นิดเดียว ถ้าไม่ติดว่ามันไม่อยากโดนตามฆ่ามันคงจะสลัดทั้งสองออกจากหลังแล้วกลับไปหาลุงบ้าๆ นั่นแล้ว

โลกัสขมวดคิ้วมุ่นยอมผละออกมาจากองค์ชาย มือประคองตัวองค์ชายไว้ไม่ให้ตกจากหลัง แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่ยังคงรู้สึกถึงรสชาติหวานๆ ขององค์ชาย แต่เมื่อสบกับองค์ชายที่มีสีหน้าประหลาดเหมือนยังตกอยู่ในภวังก์ก็เผลอยิ้มออกมา

"ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ใช่น้องชายข้าแล้วล่ะ เวสเปอร์"
 

พิธีแต่งตั้งกำลังจะถูกจัดในวันรุ่งขึ้นเพราะคำสั่งจากกษัตริย์เมืองเอวินด์ ท่านต้องการให้มันมีขึ้นให้ไวที่สุดเพื่อทำลายแผนของผู้ไม่หวังดีที่พยายามจะยื้อเวลาให้นานขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นยิ่งเฟเนกส์ขึ้นครองบัลลังก์ไวก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี เรื่องการตระเตรียมงานไม่ใช่ปัญหาเพราะทุกอย่างถูกวางแผนมาอย่างเนิ่นนานแล้วรอเพียงแค่กำจัดองค์ชายเวสเปอร์ออกไปอย่างละมุนละม่อม 
การก่อกบฎของพวกทหารที่เกิดขึ้นในวันนั้นล้วนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกคนในรั้วปราสาทล้วนรู้เห็นและปิดปากเงียบ ส่วนพวกชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบนอกรับรู้เพียงว่าเกิดการก่อกบฎภายในวังแต่องค์ชายเฟเนกส์ก็ควบคุมเอาไว้ได้โดยมีข่าวร้ายอย่างเรื่องการสูญเสียรัชทายาทไปแต่ก็อย่างที่รู้พวกเขาไม่ได้สนใจนัก 

บุคคลภายนอกที่ได้ยินเรื่องราวขององค์ชายเฟเนกส์ก็จะเกิดความเลื่อมใสและศรัทธาโดยไม่รับรู้ความจริงที่ว่าได้เกิดการฆ่าเพื่อแย่งชิงบัลลังก์กันภายในอาณาจักรเอวินด์ ความโหดร้ายของกษัตริย์จะไม่ถูกเปิดเผย ความสัมพันธ์ระหว่างดินแดนอื่นจะไม่สั่นคลอนเพราะความหวาดกลัวในความโหดเหี้ยมของกษัตริย์เมืองเอวินด์ ทุกอย่างจะดำเนินต่อไปอย่างเรียบนิ่งและมั่นคง รอให้องค์ชายเฟเนกส์เข้ามาครองบัลลังก์

แต่ทุกอย่างที่สร้างมากลับถูกฟินน์พังไม่เป็นท่า

-----

หายไปเกือบ 2 อาทิตย์แน่ะ  o22

ขอโทษค่ะ  :hao5: ช่วงนี้ยุ่งๆ กับต้นฉบับกับการสอบมาก ฮือๆ
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 16 3 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.11
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-07-2016 23:58:53
คุ้มกับที่ตาค้างรอ~


กรีดร้องให้เวสเปอร์ น่าสงสารมากๆเลยอ่ะ ยิ่งตอนที่หยิกตัวเองแล้วปวดใจแทน T T

***

กลับมาอึ้งเพกาซัสโหมดนี้ ดุร้ายชะมัดเลย ><

ตอนนี้อยากรู้มาก สาเกตุทำไมเวสเปอร์ถึงปัญญาอ่อน?? ใครวางยาหรือยังไง??

ปอลิง ถึงเจ้าเสือ จงลิ้มรสเวสเปอร์ แล้วหญิงอื่นก็ไร้ความหมาย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 16 3 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.11
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 04-07-2016 00:29:15
ชอบที่คนแต่งบอกว่าเขาเลื่อนขั้นมารักกัน แล้วตัดไปที่เลื่อนขั้นราชา  :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 16 3 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.11
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-07-2016 01:48:32
ต้องเกิดอะไรขึ้นกับเวสเปอร์ตอนเด็กๆ แน่เลย ถึงได้กลายเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 16 3 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.11
เริ่มหัวข้อโดย: felixia ที่ 04-07-2016 07:55:07
โอย  เจ้าเสือ กว่าจะรู้ตัวได้นะพ่อคุณ

สงสารเวสเปอร์จังเลยค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 16 3 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.11
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 04-07-2016 08:12:49
เจ้าม้าดำจะมาเป็นพวกด้วยมั้ยเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 16 3 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.11
เริ่มหัวข้อโดย: targetsii ที่ 04-07-2016 10:18:28
สงสารเวสเปอร์อ่าา โดนคนที่รักหักหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เจ้าเสือไม่ทำแน่นอนเนอะะะ
ฟินตอนเขานัวกันบนหลังเพกาซัส  :z1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 16 3 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.11
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 05-07-2016 02:25:17
สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 16 3 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 08-07-2016 23:10:52
องค์ชายเวสเปอร์ถูกลักพาตัวไปและยังรอดชีวิต ทุกหนทุกแห่งในดินแดนมนุษย์รับรู้ถึงข่าวนี้แต่กลับไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์ ในตอนนี้กษัตริย์เอวินด์แทบจะเป็นใหญ่ที่สุดแล้วในดินแดนมนุษย์รองจากกษัตริย์จากเมืองโฮรัส ถ้าหากมีหนอนบ่อนไส้ในวงคาบข่าวไปบอกคงไม่วายถูกตามฆ่าเพราะกษัตริย์แห่งเมืองเอวินด์นั่นเกลียดการถูกกล่าวถึงบุตรชายคนโตของตัวมากถึงมาุกที่สุด

หากจะเล่าถึงสาเหตุการเกลียดคงต้องเท้าความไปเมื่อตอนที่กษัตริย์เมืองโฮรัสได้มาเยือนเมืองเอวินด์ ในเวลานั้นปราสาทของเมืองเอวินด์ถูกตกแต่งอย่างหรูหราเพื่อแสดงถึงอำนาจของเมืองเอวินด์ จุดประสงค์ในการพบปะครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงการเชื่อมสัมพันธไมตรีแต่เป็นการเอ่ยเตือนกษัตริย์แห่งเมืองโฮรัสให้ระวังตำแหน่งของตัวเองให้ดี กษัตริย์เมืองโฮรัสที่รับรู้ถึงเจตนา
แอบแฝงก็เพียงแค่ยิ้มรับไม่กล่าวอะไรเพราะหากพูดอะไรไม่เข้าหูในตอนนี้อาจจะไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน แม้ว่าจะเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเองก็ตามแต่การอยู่ในถิ่นของศัตรูโดยไม่มีอาวุธครบมือคงไม่ใช่ความคิดที่ดีนักที่จะเปิดสงคราม

งานเชื่อมสัมพันธไมตรีเป็นไปอย่างเรียบง่าย หน้ากากอันใหญ่ถูกสวมบนใบหน้ากษัตริย์แห่งเอวินด์ คำพูดแต่ละคำแม้จะสวยหรูแต่เต็มไปด้วยคำเชือดเฉือนหากเปรียบมันกับใบมีดคมๆ เนื้อของกษัตริย์เมืองโฮรัสคงขาดไม่มีชิ้นดี

"ข้าเคยได้ยินว่าท่านมีลูกด้วยนี่ ท่านไซมอนด์" เลฟหรือกษัตริย์แห่งเมืองแสงสว่างพูดด้วยรอยยิ้มไมตรีจิตแต่นัยน์ตาสีทองสว่างกลับเต็มไปด้วยความสะใจเมื่อเห็นท่าทีชะงักไปของอีกฝ่าย 

"มีสิ ท่านเลฟ แต่ลูกข้าเรียนหนักจนไม่สบาย น่าเสียที่ให้มาหาท่านไม่ได้" ไซมอนด์กล่าวตอบด้วยยิ้มแต่สีหน้าแข็งกร้าว แก้วในมือแทบจะร้าวเมื่อรู้ว่ากำลังถูกไล่ต้อนเรื่องอาการป่วยของเวสเปอร์

ข้ารู้ดี รู้ดีที่สุด ถึงอาการป่วยปัญญาอ่อนของมัน! และไม่ต้องการให้ใครเข้ามาสอดเรื่องนี้ ต่อให้เจ้าจะเป็นผู้ทรงอำนาจที่สุดในดินแดนมนุษย์ก็ตาม

"ถ้าท่านอยากเจอบุตรชายของข้าจริงๆ ก็คงต้องเป็นเฟเนกส์ ตอนนี้กำลังอยู่ในวัยซุกซนชื่นชอบการเล่นสงครามมาก ข้าพยายามสอนเรื่องการสร้างพันธมิตรแต่ก็ดูลูกข้าจะไม่ชอบมันสักเท่าไหร่"

ในอกของเลฟเต็มไปด้วยคำสบถอย่างหงุดหงิด นานแล้วที่ไม่มีใครกล้าวางท่าใส่ข้าแบบนี้ ไม่ใช่ข้าหรือไงกัน? ที่คอยไกล่เกลี่ยเรื่องระหว่างดินแดน ดูพวกโง่พวกนี้มันจะอยู่อย่างสบายเกินไปหน่อยแล้วล่ะมั้งเลยคิดจะโค่นบุตรแห่งแสงสว่างอย่างข้าและครองตำแหน่งของข้าแทน คิดจริงๆ งั้นเหรอว่าเมืองแห่งสายลมโง่ๆ อย่างพวกเจ้าจะเอาชนะเมืองแห่งแสงสว่างอย่างข้าได้!

"หึ ข้าอยากเจอบุตรชายปัญญาอ่อนของเจ้า ข้าเคยได้ยินเรื่องตลกระหว่างว่าองค์ชายเวสเปอร์แยกไม่ออกว่าควรทำสิ่งใดและไม่ควรทำสิ่งใด เรื่องที่ข้าชอบที่สุดคงจะเป็นเรื่องที่เวสเปอร์ชวนเจ้าอาบน้ำตอนที่เจ้ากำลังจะออกไปพบปะประชาชน อ้อ บุตรของเจ้า อายุเท่าไหร่นะ? ดูเหมือนว่าจะสิบห้าปีแล้ว น่าเสียดายที่ความคิดยังวนเวียนอยู่ที่สามขวบ ข้าล่ะสงสารเมืองเอวินด์จริงๆ ที่จะต้องได้บุตรชายปัญญาอ่อนของเจ้ามาครองเมือง เอ้ะ หรือว่ามันจะเป็นเรื่องดีนะ กษํตริย์ปํญญาอ่อน ชาวเมืองปัญญาอ่อน ฮ่าๆ ข้าว่าพูดไปมันก็ตลกดีนะ หึหึ" ความหงุดหงิดเริ่มครอบงำกษัตริย์เมืองโฮรัสจนไม่อาจเก็บไว้ซึ่งความสุภาพเหมือนเดิม

แต่เขาก็ไม่คิดจะแก้แต่อย่างใดเพราะสิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นความจริงที่มันไม่มีทางปฎิเสธได้!

กลิ่นความเลือดคลุ้งในปากกษัตริย์แห่งเมืองเอวินด์ เมื่อถูกสบประมาทซึ่งๆ หน้าโดยที่ตัวเองไม่สามารถปฎิเสธได้แม้แต่อย่างเดียว สิ่งที่มันพยายามไม่นึกถึงก็ถูกเลฟขุดคุ้ยขึ้นมาจนปรากฎเต็มหัว ยิ่งเสียงหัวเราะไม่จริงใจยิ่งทำให้มันโมโหมากขึ้นไปอีก มือหนาจิกลงบนเบาะจนเกิดรอยถลอกเป็นแนวยาว ตาขึ้นสีแดงก่ำ 

"เจ้า..!" ไซมอนด์คำรามออกมา

"ท่านพ่อ! ข้า ข้าเก็บดอกไม้มาฝากท่าน ท่านด้วย" เสียงใสๆ ดังขึ้นขัดจังหวะในห้องซึ่งมาพร้อมกับเสียงร้อนรนของคนรับใช้ที่อุทานไล่หลัง

ร่างองค์ชายวิ่งต็อกแต๊กเข้ามาในห้องด้วยชุดมอซอในมือเต็มไปด้วยเศษกลีบดอกไม้สีขาวที่ท่านแม่เคยบอกเอาไว้ว่าท่านพ่อชอบ เวสเปอร์ยิ้มน่ารักเมื่อเข้าไปใกล้พ่อของตัวเองได้และยื่นดอกไม้ให้

เลฟยิ้มอย่างพอใจเมื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยินมานั่นเป็นความจริง 

คนเป็นพ่อสบมองเศษซากสวะอย่างดุร้ายในหัวแบ่งแยกไม่ออกว่าสิ่งใดกันแน่ที่เป็นลูกชายของตนเอง สีหน้าสะใจของเลฟทำให้ไซมอนด์ขาดสติ เขาเกลียดความพ่ายแพ้มากที่สุด!! 

ตึง!!

ตัวของเวสเปอร์ถูกกระชากขึ้นและโยนออกจากห้องอย่างรุนแรง

ไซมอนด์มองตามอย่างกราดเกรี้ยว "เจ้าจะเข้ามาทำไม ให้ข้าอับอาย!! ออกไป! ถ้าเจ้าไม่ออกไปข้าจะฆ่าเจ้า!!" คำรามออกมาดังลั่น ความเกลียดในอกเพิ่มขึ้นทวีคูณ

เวสเปอร์คู้ตัวอย่างเจ็บปวดสะอื้นฮักในมือยังกำดอกไม้ไว้แน่นแม้จะว่าร่างกายจะเจ็บไปทั้งร่าง แม้แต่ตอนที่ถูกคนรับใช้พยุงออกไปก็หวีดร้องออกมาด้วยเสียงน่าสงสารเมื่อมื่่นั้นเจ็บเกินกว่าจะกอบกุมดอกไม้เอาไว้ทำให้มันปลิวหายไปในทันที

คนเป็นชนวนเหตุมองตามอย่างไม่เชื่อสายตา "อย่างน้อยเวสเปอร์ก็เป็นลูกของเจ้านะ ไซมอนด์"

"ข้ามีเฟเนกส์เป็นลูกชายคนเดียวเท่านั้น" 

ในขณะที่พูดปลายเท้าก็บดขยี้ดอกไม้สีขาวที่ปลิวมาตกตรงหน้าจนเป็นจุล สีหน้านิ่งเฉยราวกับว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นสิ่งปรกติไม่ควรค่าแก่การใส่ใจแม้แต่นิดเดียว

เลฟมองกลีบดอกไม้เล็กๆ บนพื้น ในใจเกิดความกลัวในความอำมหิตของไซมอนด์ไม่น้อย ข่าวสารภายนอกกล่าวไว้เพียงไซมอนด์เป็นคนเย็นชาไร้หัวใจแต่สิ่งที่เขาพบมันแย่และเลวร้ายกว่านั้นมาก

"จงรักษามารยาทของการมาเยือนให้ดี เลฟ" ผู้เป็นเจ้าบ้านพูดเสียงเย็น 

เลฟกระตุกยิ้มตอบ "แน่นอน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเป็นสิ่งที่มีแค่ข้ากับเจ้ารับรู้"

เรื่องราวความอำมหิตของกษัตริย์จึงยังคงเป็นความลับเช่นเดิม
 

"เฟเนกส์ เจ้าพร้อมหรือยังสำหรับวันพรุ่งนี้?" น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยถามบุตรชายของตนเองในระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ในห้องโถงหรูหราในห้องมีทหารอาวุธครบมือยืนเฝ้าระวังจนเต็มพื้นที่

"พร้อมขอรับ ท่านพ่อ" เฟเนกส์ตอบรับสั้นๆ ขึงขัง นัยน์ตาสีทองเป็นประกายเมื่อเห็นท่านพ่อมองตนเองและเห็นภาพของตัวเองสะท้อนอยู่ในตาของท่านพ่อ ความรู้สึกดีใจเต็มตื้นในอกแต่ไม่กล้าแสดงออกมา สีหน้าจึงยังคงนิ่งสงบแม้ว่าใจจริงอยากจะยิ้มกว้างหัวเราะออกมาดังๆ แต่ความดีใจก็ถูกภาพเก่าๆ ซ้อนทับในหัว

นานแค่ไหนแล้วนะ? ที่ท่านพ่อไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตา

เฟเนกส์ชะเง้อหน้ามองจากประตูเห็นพี่ชายตัวเองกำลังหัวเราะคิกคักอยู่บนตักท่านพ่อ ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจปนอิจฉาก็เกิดขึ้นอย่างเชื่องช้าจนกลับมามองเวสเปอร์ในรูปของครอบครัวไม่ได้อีกต่อไป เพราะเวสเปอร์เป็นศัตรูตัวฉกาจที่แย่งทุกสิ่งที่ข้าต้องการไป! 

หลังจากนั้นทุกครั้งที่พบปะเวสเปอร์ เฟเนกส์จะวางท่าทีเมินเฉยไม่สนใจไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำดีกับตัวเองมาแค่ไหนก็ตาม ความจงเกลียดจงชังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามความรักที่ท่านพ่อให้มัน!

และดูเหมือนวันหนึ่งคำสาปแช่งของข้าก็เป็นจริง จู่ๆ เวสเปอร์ก็กลายเป็นคนปัญญาอ่อน พูดติดอ่าง สติปัญญาไม่ดีทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ นั้นดูจะเก่งกาจไปซะทุกอย่าง 

สิ่งที่ทำให้ข้าดีใจจนแทบคลั่งก็คือท่านพ่อทิ้งมันและกลับมาหาข้า! น่าเสียดายที่ท่านแม่ดูจะรักไอ้พี่เวรนั่นมากกว่าข้าเลยเลือกที่จะไปอยู่บ้านเก่าของพวกข้ารับใช้ แต่ข้าไม่สนใจหรอก ในเมื่อท่านพ่อกลับมารักข้าแล้ว ทุกอย่างมันก็ไม่สำคัญแล้ว ดูตอนนี้สิ ข้าสามารถทำได้ทุกอย่าง ท่านพ่อรักข้าแล้ว ข้ายังจะต้องการอะไรในชีวิตอีก?

ไม่ว่าท่านพ่อของข้าต้องการอะไรข้าก็จะทำ อย่างเรื่องการฆ่าเวสเปอร์ที่ท่านพ่อสั่งมา ข้าก็ยินดีที่จะทำมันมาก ข้าเสียดายโอกาสนั่นชะมัด พยัคฆ์ดำมันไม่น่าเข้ามาขัดจังหวะจริงๆ

"ดี" องค์กษัตริย์เอ่ยชมสั้นๆ ตามความเคยชิน

แต่องค์ชายเฟเนกส์กลับดีใจจนเผลอยิ้มออกมาครั้งหนึ่งและรีบกลบเกลื่อนมันไปด้วยการตัดชิ้นเนื้อใหญ่ๆ เข้าปากตนเอง
 
นัยน์ตาทรงอำนาจที่ไม่ได้สนใจเฟเนกส์ตั้งแต่แรกหันไปให้ความสนใจกับกระจกบานยักษ์ที่ด้านหลังบานเป็นความมืดมิดพระจันทร์เหลือเพียงเสี้ยวเดียวและยังเป็นสีแดงก่ำ

ร่างทรงอำนาจขมวดคิ้วมุ่นทันทีเมื่อรับรู้ถึงลางสังหรณ์บางอย่าง

เพล้ง

กระจกบานใหญ่ถูกทำลายด้วยเหยี่ยวหิมะขนาดยักษ์กางปีกกว้างจนแทบจะบังกระจกทั้งหมด มันอ้าปากกว้างกรีดเสียงร้องบาดหูก่อนจะบินโฉบไปหาราชาแห่งเมืองเอวินด์และรีบบินหนีออกไปทันทีก่อนที่พวกทหารจะไหวตัวทันและจับมันเอาไว้ได้

กระดาษเนื้อดีสีแดงก่ำถูกหย่อนลงตรงหน้าไซมอนด์

คนเป็นราชาหยิบมันขึ้นมาคลี่อ่านทันที

หากแม้นองค์ราชันย์คงคิดทรราชย์ พวกข้าคงนิ่งเฉยไม่ได้

เมื่ออ่านจบกระดาษก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ทันที นัยน์ตาสีทองของไซมอนด์ค่อยๆ ถูกแทรกซึมจนกลายเป็นสีแดงก่ำคล้ายกับปีศาจกระหายเลือด! 

ทรราชย์ของพวกมันคงกำลังจะหมายถึงข้าที่กำลังจะทำใหเฟเนกส์เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ ทั้งๆ ที่เวสเปอร์ยังมีชีวิตอยู่สินะ นี่อาจจะเป็นเรื่องผิดประเพณีของเมืองแต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกมัน

ไซมอนด์ขบกรามจนเกิดเสียงบาดหู

"ข้าจะน่าจะฆ่ามันเอง"

แต่ก่อนที่จะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ก็มีองค์รักษ์วิ่งหน้าตื่นฝ่าวงทหารเข้ามาหยุดยืนตรงหน้ากษัตริย์ไซมอนด์

"ข่าวด่วนขอรับ! พยัคฆ์ดำบุกเข้าในเมืองขอรับ! แล้วอีกฝั่งหนึ่งของเมืองก็มีผู้แอบอ้างว่ามีองค์ชายเวสเปอร์อยู่และจะพาองค์ชายเวสเปอร์กลับมาทวงบัลลังก์ขอรับ!" 

-------------

บัลลังก์เดือดพล่าน  :katai1:
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 16 8 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.11
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-07-2016 23:17:51
= =

ตกลงใครทำให้เวสเปอร์เป็นแบบนี้??


รู้ตัวแล้วจะกระทืบให้เลย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 16 8 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.11
เริ่มหัวข้อโดย: felixia ที่ 08-07-2016 23:19:25
ท่านพ่ออะไรจะโหดเหี้ยมขนาดนี้
มีเจ้าเมืองแบบนี่  ประชากรคงจะมีความสุขกันหรอกนะ
ขนาดลูกตัวเองยังไม่รักเลย
สงสารเวสเปอร์ ฮือออ น้องผิดอะไร ทำไมต้องมาเจอพ่อแบบนี้
สงสารเฟเนกส์ด้วย เพราะพ่อเป็นแบบนี้ ก็เลยเป็นคนแบบนี้สินะ ผิดที่การเลี้ยงดูนั่นแหละ
พี่เสืออออ สู้เขาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 16 8 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-07-2016 09:50:55
ใครนะที่ทำให้เวสเปอร์เป็นแบบนี้

มันน่าฆ่าให้ตาย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 17 13 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 13-07-2016 23:37:19
ตอนที่ 17

การปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งของพยัคฆ์ดำนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่มีผลต่อชาวเมืองเอวินด์พอสมควรเพราะก่อนหน้านั้นได้มีข่าวเกี่ยวกับศพของเหล่าแม่ทัพเอกแห่งเมืองเอวินด์ ทุกชีวิตล้วนดับสิ้นมีเพียงมังกรคู่กายที่เหลือรอดซมซานกลับมาแต่ถึงอย่างนั้นภายในนัยน์ตาของพวกมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความหวาดผวาดที่ฝังลึกในจิตวิญญาณทำให้พวกมันไม่สามารถใช้การได้อีกจนต้องนำพวกมันกลับไปปล่อยในป่าที่เป็นที่อยู่อาศัยของมังกร   

ซึ่งผู้ที่กระทำสิ่งเหล่านี้ชาวเมืองเอวินด์ล้วนรู้อยู่แก่ใจ เป็นชายร่างยักษ์ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและมีดาบสีดำพาดไว้บนหลังข้างกายมีเสือขาวคอยติดตาม พวกเขาเห็นทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้น วันที่องค์ชายเวสเปอร์พยายามหลบหนีออกจากปราสาทโดยถูกเหล่าทหารขององค์ราชาไล่ฆ่าหรือแม้กระทั่งตอนที่องค์ชายเลือกซื้อเสื้อผ้าเพื่อปลอมตัวในเมืองอื่นๆ พวกเขาล้วนรู้เห็นกันทั้งนั้นเพียงแต่ไม่กล้าเอ่ยปากออกมาในที่สาธารณะ ผิดกับเมื่ออยู่ในวงแคบๆ จะพูดคุยเรื่องนี้กันจนน้ำลายแตกฟองคาดคะเนและวิเคราะห์ไปต่างๆ นานาถึงสาเหตุที่องค์ชายที่แสนอ่อนแอนี่ถูกไล่ฆ่า

แต่เรื่องแปลกคือไม่มีใครสนใจจะสงสารองค์ชายเวสเปอร์แม้แต่นิดเดียว อย่างที่รู้พวกเขานับถือคนแข็งแกร่งรังเกียจคนอ่อนแอ ลึกๆ แล้วพวกเขาล้วนรู้สึกอยากจะกลายเป็นดินแดนที่สำคัญที่สุดในดินแดนมนุษย์แทนเมืองโฮรัส ความต้องการลึกๆ เหล่านี้นั้นแรงกล้าจนทำให้พวกเขาเลิกสนใจที่จะให้กับความสนใจกับรัชทายาทปัญญาอ่อนนี้แล้วตั้งหน้าตั้งตาคอยดูว่ากษัตริย์ที่เกรียงไกรที่สุดของเมืองเอวินด์จะทำอย่างไร

คำตอบของเรื่องนี้ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด 

ถึงแม้กษัตริย์ไซมอนด์จะคิดเองเออเองว่าประชาชนจะไม่รับรู้ความโหดเหี้ยมและอำมหิตของตนเองเพราะเจ้าตัวพยายามปกปิดสิ่งเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มและการปกครองอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด น่าเสียดายที่กษัตริย์ไซมอนด์นั้นคิดผิดไปมหันต์ ชาวเมืองเอวินด์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความถูกต้องมากนักแต่ให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องซะมากกว่า หากสิ่งใดที่ทำแล้วทำให้พวกเขามีกินพวกเขาก็ยอมทั้งนั้น พวกเขาถูกเอารัดเอาเปรียบจากขุนนางมานานเกินไปแล้ว

ดีไม่ดีหากเปิดเผยเรื่องที่ว่าจะกำจัดองค์ชายเวสเปอร์นำองค์ชายเฟเนกส์ขึ้นครองราขย์แทน พวกเขาอาจจะช่วยสนับสนุนด้วยซ้ำไป

หากแต่สิ่งที่ดำเนินอยู่ในตอนนี้คือองค์ชายเวสเปอร์ยังคงมีชีวิตอยู่โดยมีพยัคฆ์ดำอยู่ข้างกาย..

ความโหดเหี้ยมและความเก่งกาจของพยัคฆ์ดำถูกตีแผ่ออกไปมากกว่าเดิม จนแค่ได้ยินชื่อเด็กก็ต้องร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว นักรบฉกรรจน์ถอยหนี หรือแม้แต่ลมหายใจสะดุดไปเลยก็มี

ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็น่าจะบอกกล่าวถึงสภาพจิตใจชาวเมืองเอวินด์ได้ดี

"หนีเร็ว!! มันกำลังจะมาฆ่าพวกเรา! พยัคฆ์ดำจะมาฆ่าพวกเราทุกคน!" ทหารร่างยักษ์ผู้เฝ้าประตูทางเข้าปราสาทตะโกนดังลั่นก่อนจะรีบพาตัวเองหนีไปเมื่อถูกนักฆ่าหันไปมองอย่างดุร้าย 

"พวกนี้มันน่ารำคาญชะมัด" โลกัสบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด กระแทกเท้าเบาๆ เข้าที่ท้องเจ้าม้าให้สาวเท้าไปยังปราสาทให้ไวขึ้นอีก แม้ว่าตอนนี้เจ้าม้าดำกำลังวิ่งอย่างสุดฝีเท้าอยู่ก็ตาม

ฮื่ออออ!

เจ้าม้าดำที่กลับมาเป็นม้าธรรมดาแล้วคำรามในลำคอเสียงดังอย่างไม่พอใจ นี่ก็สุดฝีเท้าของมันแล้ว เจ้าเสือหน้าโง่นี่ต้องการอะไรจากมันอีก? หากจะให้มันบินอีกครั้งก็คงไม่ได้เพราะสิ้นเปลืองพลังวิญญาณของมันเกินไป

"บ้าน.. บ้าน" 

องค์ชายพูดเสียงเครือน้ำตาคลอเมื่อเห็นภาพที่คุ้นเคย แม้ว่าจะได้ออกมาข้างนอกไม่บ่อยนักแต่เวสเปอร์ก็พอจำได้ว่าที่นี่คือเมืองเอวินด์

เมืองที่ขับไสไล่ส่งตนเองออกจากเมือง

"เจ้าเสือ ไม่เอา ไม่ ข้าไม่ ไม่ อยากกลับบ้าน" องค์ชายสะอื้นฮักจนตัวโยน ภาพปราสาทที่ตนเองเพิ่งจากมาได้ไม่นานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ราวกับกำลังตอกย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างเป็นเรื่องจริง อย่าได้พยายามหลอกตัวเองอีก

"ข้าเข้าใจแล้ว ฮือ เจ้าเสือข้า ข้าไม่ไป เจ้าจะทิ้งข้าไว้ ที่นี้ก็ได้ ข้า ข้าจะหนีออกไปเอง" เวสเปอร์พยายามเขย่าตัวโลกัสตัวสั่นเทา รู้ตัวดีว่าถ้าตัวเองกลับเข้าไปในปราสาทจะต้องเจอกับอะไร

แม้จะไม่อยากนึกถึงแต่ก็เห็นภาพท่านพ่อถือมีดเตรียมจะแทงเข้าที่ตัวของตัวเอง เหมือนที่ท่านแม่เคยจะทำ 

"นะเจ้าเสือ ข้า ฮึก ข้าต้องตายแน่ๆ" 

สิ่งสุดท้ายที่เวสเปอร์ต้องการคือการตายด้วยน้ำมือของท่านพ่อที่เคยรักตัวเองมากที่สุด

โลกัสเผยสีหน้ายุ่งยากใจก่อนจะปิดปากองค์ชายด้วยปากตัวเองแกล้งใช้ลิ้นรุกล้ำไปข้างในจนร่างองค์ชายอ่อนยวบอีกครั้งจึงผละออกมา

"ข้าขอโทษ เวสเปอร์ มันคงจะเป็นไปไม่ได้" โลกัสลูบหัวเวสเปอร์เบาๆ และกดจูบที่หน้าผากเชิงปลอบ "ข้าไม่มีปล่อยให้เจ้าตายแน่นอน เจ้าไม่ต้องกลัว"

เวสเปอร์หน้าแดงก่ำหอบหายใจสะอื้น 

"จะ เจ้าเสือทำอะไรข้าอีกแล้ว ฮึก ข้า ข้าไม่อยากกลับบ้าน" 

ความคิดขององค์ชายยังคงเด็กนักจึงไม่เข้าใจว่าตนเองนั้นถูกจูบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เจ้าเสือกระทำนั้นเรียกว่าอะไร รู้เพียงว่าอยากจะหนีไปให้ไกลจากที่แห่งนี้

"ข้าไม่ได้พาเจ้ากลับบ้าน เวสเปอร์ ข้าแค่มาสะสางเรื่องในอดีตให้จบเท่านั้น" นัยน์ตาของพยัคฆ์ดำแข็งกร้าวและโกรธจัด ยังคงจำความรู้สึกราวกับหัวใจแตกสลายได้ มือหยาบจับมือเย็นเฉียบของเวสเปอร์แล้วกระซิบเสียงแตกพร่า "หลังจากนั้นเจ้าอยากจะไปไหนข้าก็จะพาเจ้าไป เจ้าอยากอยู่ไหนข้าก็จะอยู่ เจ้าเสือเป็นของๆ เจ้าแล้วเวสเปอร์"

หัวใจที่เต้นถี่ในอกของโลกัสคล้ายจะเป็นสิ่งยืนยันอีกอย่างถึงความรู้สึกบางอย่างที่โลกัสเพิ่งจะมารู้เอาทีหลังว่ามันคงจะไม่ใช่ความรู้สึกพี่ชายน้องชายอย่างที่ควรเป็น

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสือดำอย่างข้าไปชอบเจ้ากวางซื่อๆ นี่ตอนไหน? แต่สิ่งที่แน่ใจมาตลอดก็คือความเอ็นดู ข้าไม่เคยรู้สึกรำคาญเวสเปอร์แม้แต่ครั้งเดียว

คำปลอบของโลกัสคล้ายจะได้ผลครึ่งไม่ได้ผลครึ่งเพราะองค์ชายเลิกร้องไห้แล้วแต่สีหน้ายังคงเศร้า

"ข้า.. ไม่อยากเจอท่านพ่อ"

พยัคฆ์ดำไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ลูบหัวเงียบๆ

รู้ตัวดีว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้เพราะทุกอย่างล้วนพุ่งเป้าไปยังพ่อของเวสเปอร์

บุคคลที่หล่อหลอมให้เกิดพยัคฆ์ดำขึ้นมา

---------------------

มาแล้วว รอบนี้มาไว  :m18:

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ  :man1:
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 17 13 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: targetsii ที่ 14-07-2016 00:52:31
เจ้าเสือรู้ใจตัวเองแล้วแต๊ะอั๋งใหญ่เลย ชอบบบ 5555555
ไม่ต้องกลัวนะเวสเปอร์ เจ้าเสือจะปกป้องเอง  :mew2:
รอนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 17 13 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-07-2016 01:09:13
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 17 13 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-07-2016 08:40:01
orz

เรื่องนั้นมุ้งมิ้ง เรื่องนี้เครียดจริงๆ

เกือบปรับอารมณ์ไม่ทัน ><

****

ตกลงว่าคนที่ฆ่าพ่อของโลกัสคือราชาจริงดิ?? ไม่มั้งงงงงงงงงงงงงง มันง่ายไปเป่า ราชาดูเหมือนไม่มีพลังอะไรนะ.....

เอ๊ะ...หรือมี???
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 17 13 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 14-07-2016 21:27:09
พ่อเวสเปอร์เป็นปิศาจแน่ๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 17 17 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 17-07-2016 09:23:12
ในอีกมุมหนึ่งของเมืองมีทหารสวมชุดสีดำสนิทลักษณะคล้ายกับเสื้อผ้าของพยัคฆ์ดำและมีอาวุธครบมือจำนวนหนึ่งกำลังสาวเท้าเดินพร้อมกันเป็นจังหวะติดตามนายของพวกเขาที่นั่งอยู่บนม้าสีขาวสว่างซึ่งมัน็กำลังสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างสุขุมและแฝงไปด้วยความทระนงตน ชาวเมืองรอบกายพากันหลีกทางทางให้อย่าหวั่นเกรงเพราะนัยน์ตาสีเทาของสิงโตหนุ่มนั้นคล้ายจะฆ่าพวกเขาทั้งเป็นถ้าหากกล้ายื่นแขนหรือขาออกมาขวางทาง

แกว้ก

เหยี่ยวหิมะขนาดยักษ์บินกลับมาเกาะบนไหล่หนาและเอาหัวซุกไซร้ตัวสิงโตหนุ่มเชิงอ้อน

แต่บนใบหน้าของสิงโตหนุ่มก็ยังไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ มือลูบหัวไวท์และเอ่ยพึมพำเสียงเบา "ขอบใจเจ้ามาก ไว้ข้าทำทุกอย่างสำเร็จ ข้าจะให้เจ้ากินเนื้อเสือที่เจ้าชอบ"

คล้ายกับดีใจ ไวท์ส่งเสียงร้องในลำคออย่างมีความสุข มันออดอ้อนนายของมันครั้งสองครั้งและกลับมาเกาะนิ่งๆ เช่นเดิมเหมือนหุ่นตัวหนึ่ง

"ทหารพวกนั้นสวมชุดสีดำ ต้องเป็นพวกของพยัคฆ์ดำแน่ๆ มันกลับมาแก้แค้นองค์ราชา! ไอ้เสือวิปริตที่ชอบองค์ชายปัญญาอ่อนนั่น เจ้ารีบไปบอกคนอื่นเร็ว" ชาวบ้านคนหนึ่งที่เห็นขบวนทัพหน้าซีดเผือดตะโกนบอกคนอื่นๆ และวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

ความหวาดกลัวที่เกาะกุมชาวเมืองมานานทำให้ชาวเมืองเอวินด์หวาดผวาไปจนไม่ทันได้ไตร่ตรองอะไรมากนัก ว่าบุคคลที่นั่งอยู่บนหลังม้านั้นเป็นร่างที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอย่างอัลฟิน เจ้าเมืองเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กลับเมืองเอวินด์และต้องส่งเครื่องบรรณาการมาให้ทุกปี 

อัลฟินขยับยิ้มพึงพอใจเมื่อบางอย่างที่บังเอิญเกิดขึ้นนั้นส่งผลดีต่อตนเองโดยที่ไม่ต้องลงมืออะไรแม้แต่น้อย

สิงโตหนุ่มกำลังใช้ข่าวลือของโลกัสให้เป็นประโยชน์... ไม่สิ ข้าไม่ได้ใช้มันเป็นแค่ข่าวลือแต่ข้าใช้มันเป็นหมากในการเดินกระดานของข้าต่างหาก หลายครั้งที่มันคิดว่ามันหนีพ้นหนูที่คอยดักหาข่าวสารแต่ความโง่ของมันก็ทำให้มันลืมไปว่านอกจากผืนดินแล้วยังมีท้องฟ้าอยู่ นกทั้งหลายที่ฉวัดเฉวียนในอากาศเหนือหัวมันล้วนเป็นนกสืบข่าวของข้าทั้งนั้น
มันถูกข้าจับตามองตั้งแต่ที่มันหนีพ้นข้าไป ทีแรกข้าตั้งใจจะบุกไปหามันเพื่อชิงตัวเวสเปอร์กลับมาอีกครั้งแต่ดูเหมือนว่าข้าจะโชคดีกว่านั้น พยัคฆ์ดำย้อนกลับไปยังเมืองเอวินด์กับเวสเปอร์ ทำให้ข้าไม่ต้องปะทะกับมันให้เสียแรงเปล่า
ยิ่งกว่านั้นการที่มันกลับมาไปยังปราสาทเมืองเอวินด์ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการแย่งชิงบัลลังก์กษัตริย์เมืองเอวินด์ของข้า ไม่สิ ถ้าหากแย่งชิงบัลลังก์ไม่สำเร็จข้าก็จะทำลายเมืองนี้ให้พังพินาศไปเลย!!

อัลฟินขบกรามกรอดเมื่อเห็นภาพท่านพ่อในเสื้อผ้ามอซอสีหน้าม่วงคล้ำจากโรคประหลาดที่ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมหาศาลกล่าวกับตัวเองในตอนเด็กก่อนที่ท่านจะกลับคืนสู่แผ่นดิน

'มันกำลังฆ่าเราทั้งเป็น อัลฟิน' ท่านพ่อกระซิบเสียงแหบพร่านัยน์ตาเศร้าสร้อยและเดือดดาล 

ครอบครัวของอัลฟินเป็นชาวบ้านธรรมดาจึงไม่สามารถหาเงินจำนวนมากมายมารักษาอาการป่วยได้ อัลฟินจึงทำได้เพียงเฝ้ามองพ่อของตัวเองสิ้นลมต่อหน้า ความรู้สึกนั้นเจ็บปวดและตรึงลึกยากที่จะถอดถอนมันออกไป

แต่สิ่งที่ยังคงดังก้องในหัวอัลฟินตลอดมาก็คือคำพูดสุดท้ายของท่านพ่อ

"เจ้าต้องฆ่ามัน ก่อนที่มันจะฆ่าเราทุกคน"

มันดังในหัวตลอดเวลาราวกับคำสาปแม้แต่ยามหลับนอนก็ยังคงเป็นเสียงพึมพำน่าสยดสยองข้างหู แรกๆ อัลฟินรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อยแต่นานไปก็ชินชาและถือมันเป็นแรงผลักดันตัวเอง

ว่าจะทวงคืนทุกอย่างกลับมาให้ได้!

เมืองของอัลฟินนั้นเคยอยู่อย่างสงบสุขจากภูมิประเทศที่ติดทั้งเทือกเขาและทะเลทำให้สามารถค้าขายได้คล่องตัวจนกลายเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีฐานะร่ำรวยจนกระทั่งถูกกองทัพจากเมืองเอวินด์บุกเข้ามาตีและยึดให้เป็นเมืองขึ้นของเมืองเอวินด์ จากฐานะที่ค่อนข้างร่ำรวยกลายเป็นเมืองยากจนเพราะสินค้าข้าวของกำไรต่างๆ ถูกบังคับให้ส่งเข้าเมืองเอวินด์เมืองเป็นของบรรณาการจนเกือบครึ่งซึ่งถ้าหากไม่ทำตามก็จะถูกเผาเมืองให้วอดวาย

ชาวเมืองจึงต้องอยู่กันอย่างอดๆ อยากๆ มีหลายครอบครัวที่อัลฟินคุ้นเคยขอแยกตัวออกไปอยู่เมืองอื่น บรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม พวกเขาเคยลองก่อกบฎเพื่อชิงเอกราชมาอีกครั้งแต่ก็พ่ายแพ้อย่างง่ายดายให้กับองค์รักษ์ประจำตัวกษัตริย์ไซมอนด์ที่ถูกส่งมาปราบพวกเขาโดยเฉพาะ

อัลฟินที่เคยเติบโตขึ้นมาพร้อมกับเมืองก่อนหน้านี้ถึงกับอดรนทนไม่ได้ ประกาศกร้าวสาบานต่อหน้าชาวเมืองเกือบทั้งเมืองในตอนที่ทุกคนมาเพื่อแสดงความเสียใจแก่การจากไปของเจ้าเมืองคนเก่า

"ข้าจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ข้าสาบาน!!!"

อัลฟินในวัยเพียงสิบห้าปีตวาดก้อง หลังจากนั้นก็ทุ่มเทในการศึกษาเล่าเรียนในเมืองเอวินด์อย่างหนักจนกลายเป็นนักเรียนดีเด่นแทบจะในทุกด้านและได้รับคำชมไม่ขาดปากทั้งจากอาจารย์หรือแม้แต่กษัตริย์ไซมอนด์ที่เคยพูดว่าจะดึงตัวอัลฟินเข้าไปเป็น
องค์รักษ์ประจำกาย

ถึงแม้อัลฟินจะสามารถฉวยโอกาสนี้ในการแก้แค้นได้ แต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะปฏิเสธเพราะสะอิดสะเอียนเกินทนหากจะต้องข้องเกี่ยวกับบุคคลที่เคยฆ่าพ่อของตัวเองทางอ้อมและฆ่าชาวเมืองของตัวเองอย่างช้าๆ

หากว่ามันไม่เข้ามายึดเมือง ไม่มีทางที่ทุกอย่างจะเลวร้ายแบบนี้..

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้อัลฟินก็เม้มปากแน่น ความเศร้าฉายชัดในแววตาก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อตระหนักว่าตอนนี้ตนเองกำลังทำอะไรอยู่

ในตอนนี้อัลฟินดำรงอยู่ในฐานะเจ้าเมืองที่มีสัมพันธไมตรีอันดีต่อเมืองเอวินด์แต่ก็คงจะดำรงแบบนั้นได้อีกไม่นานนัก เพราะโอกาสที่สิงโตหนุ่มรอคอยนั่นมาถึงแล้ว

การแต่งตั้งกษัตริย์องค์ต่อไป!

อัลฟินยิ้มพอใจและเงยหน้ามองท้องฟ้าสีทึมที่มีเพียงจันท์เสี้ยวสีแดงประดับอยู

แม้ว่ามันอาจจะดูเห็นแก่ตัวที่ข้าเลือกที่จะแต่งตัวคล้ายกับโลกัสเพื่อใส่ความว่าพยัคฆ์ดำเป็นคนทำซึ่งมันก็มีไว้ในกรณีที่ข้าทำตามแผนไม่สำเร็จจะได้แอบอ้างว่าถูกพยัคฆ์ดำบังคับ ช่วยไม่ได้ในเมื่อโลกใบนี้โหดร้ายกับข้านัก ข้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะปรานีใครเช่นกัน

ฮื่อ

เจ้าม้าพ่นลมหายใจเสียงดังและหยุดเดิน

สิงโตหนุ่มเลิกคิ้วงุนงงเล็กน้อยแต่เมื่อหันกลับมามองและเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มขำออกมา

"ข้าควรจะกล่าวสายัณห์สวัสดิ์สินะ องค์ชาย"

เป็นพยัคฆ์ดำกับเจ้าม้าดำที่ทำให้การเดินทางชะงักไป เจ้าม้าดำมองม้าของอัลฟินอย่างดุร้าย รู้สึกไม่ถูกชะตาขั้นรุนแรงจนมันกระแทกเท้าเสียงดังอยู่กับที่ บดพื้นดินให้ลึกลงไปคล้ายกับว่ามันกำลังเหยียบหน้าเจ้าม้าสีขาวตรงหน้า

ม้าของอัลฟินนั่นมองตามนิ่งๆ ไม่สนใจที่จะโต้ตอบ มันเป็นม้าประจำกายของอัลฟินย่อมมีนิสัยเหมือนกับนายของมัน ทำให้มันเลือกที่จะมองผ่านไปซะเฉยๆ และเลือกที่จะโต้ตอบกลับในตอนที่เจ้าม้าดำเผลอ   

โลกัสมองกองทัพย่อยๆ ด้านหลังสิงโตหนุ่มที่สวมชุดคล้ายตัวเองสลับกับอัลฟิน เพียงไม่นานก็เข้าใจถึงจุดประสงค์ของสิงโตหนุ่มเจ้าเล่ห์ "เจ้าคิดจะทำอะไร? อัลฟิน" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเดือดดาล นัยน์ตาสัตว์ป่าจ้องอัลฟินอย่างดุร้าย "ข้าไม่ได้โง่อย่าที่เจ้าคิดหรอกนะ ไอ้สิงโตเวร!"

"ช้าก่อน ใจเย็นหน่อยสิ สหายข้า" อัลฟินหรี่ตามององค์ชายที่ซุกตัวอยู่กับตัวโลกัสแต่ก็เพียงชั่วเวลาสั้นๆ แล้วยิ้มกลบเกลื่อน "ก็อย่างที่เห็น ข้าก็แค่มาส่งของบรรณาการเท่านั้น เจ้าคิดว่าอะไรล่ะ"

อัลฟินเอ่ยตอบอย่างไม่ยี่หระ แต่มือที่แอบอยู่ด้านหลังทำสัญลักษณ์บางอย่างที่รู้กันเพียงในกองทัพ เหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังอัลฟินมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อได้รับคำสั่งให้เตรียมโจมตีหากว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจึงกระชับอาวุธในมือลมหายใจเพิ่ม
ความถี่อย่างช้าๆ เพราะความเครียดที่ต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่ได้ชื่อว่าพยัคฆ์ดำ

"เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ข้าจะให้โอกาสเจ้าตอบข้าอีกครั้ง" โลกัสมองอัลฟินนิ่ง

อัลฟินคลี่ยิ้มลึกลับ "แค่ช่วยเหลือเจ้าจากปีศาจมังกรดำครั้งเดียว เจ้าประทับใจข้าขนาดนั้นเชียว?"  ก่อนจะหลุดหัวเราะหึๆ ออกมา

ตอนที่เจอกันนั้นเจ้าเสือหน้าโง่นี่ยังเป็นแค่นักฆ่าปลายแถวที่ไปไล่ปราบปีศาจมังกรดำที่กำลังอาละวาดแต่ไม่รู้ว่าไปทำท่าไหนถึงถูกมังกรไล่ต้อนกลับมาในสภาพปางตาย ถ้าหากว่าข้าไม่เจอมันแล้วช่วยไล่มังกรดำนั่นไปล่ะก็ คำว่าพยัคฆ์ดำคงจะเป็นแค่ชื่อลอยๆ ที่เจ้าของชื่อตายไปแล้ว หลังจากนั้นโลกัสก็อยู่รักษาตัวกับข้าจนหายดีและขอแยกตัวออกไปตามทางของตัวเองต่อ
ยังไงก็ตามระหว่างข้ากับมันก็ยังถือว่ามีบุญคุณต่อกันอยู่ฉะนั้นเจ้าต่อให้โกรธกันแทบตายยังไงมันก็ไม่มีวันพลั้งมือฆ่าข้า ไม่อย่างนั้นตอนที่ข้าลักพาตัวองค์ชายสุดรักสุดหวงของมันมาหากมันกับข้าไม่มีบุญคุณต่อกัน มันคงจะฆ่าข้าตรงนั้นเลยด้วยซ้ำไป

หลังจากที่แยกกันไปข้าก็เคยเจอเจ้าเสือโง่อีกครั้ง ข้าได้ยินข่าวว่ามันกำลังตามหาพยัคฆ์ทมิฬปีศาจเสือที่เคยเป็นที่เลื่องลือในอดีตเลยหลอกมันไปหาที่ตายเล่นๆ อย่างนึกสนุกแต่น่าเสียดายที่มันไม่ตายแล้วยังเก็บเรื่องนี้เป็นความแค้นอีกด้วย
นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้ข้ารู้สึกสนุกที่สุดในรอบปีนั้นเลยล่ะมั้ง? เพราะตลอดทั้งปีนั้นข้าต้องกลัดกลุ้มกับการหาเงินเข้าเมืองให้มากที่สุด ปีนั้นเป็นปีที่ฤดูหนาวยาวนานที่สุดในรอบหลายปี ชาวเมืองพากันโอดครวญและแทบจะพากันอดตาย หากข้าไม่หาเงินมาช่วยทุกคนอาจจะตายกันจริงๆ 

บ่ากว้างของสิงโตหนุ่มคล้ายจะตกลงเล็กน้อย เหยี่ยวหิมะมองนายของตัวเองอย่างเศร้าสลด รู้สึกถึงความเศร้าลึกๆ ที่ฝังอยู่ใต้คำว่าสิงโตหิมะ มันใช้หัวถูไถคออัลฟินเบาๆ หวังจะปลอบประโลม

บางครั้งข้าก็รู้สึกว่าสิ่งที่ข้าแบกไว้บนบ่านั้นหนักเหลือเกิน ข้าจะสามารถทำให้สิ่งที่ข้าปรารถนาเป็นจริงได้จริงๆ งั้นเหรอ แต่ถ้า
หากข้าไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะ ในเมื่อทุกคนหมดหวังกันไปหมดแล้ว..

เหลือเพียงข้าเท่านั้นที่ยังคงพยายาม

ไม่สิ ข้าต้องพยายามต่างหาก!

เมื่อนึกถึงตรงนี้อัลฟินก็กลับมานั่งหลังเหยียดตรงสีหน้าสุขุมเฝ้ารอคำตอบของโลกัสเมื่อถูกตัวเองพูดยียวนไป

"เจ้าตอบไม่ตรงคำถาม" โลกัสพ่นลมหายใจขึ้นจมูกเซ็งๆ นัยน์ตาดุร้ายอ่อนลงเมื่อเห็นความผิดปกติบางอย่างที่พาดผ่านแววตาของอัลฟินไป ถึงนั้นจะเป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆ เหมือนกับการกระพริบตาแต่โลกัสก็สังเกตเห็นมัน
 
ความเศร้าสลดถึงฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณ

ถึงแม้ว่าอัลฟินมักจะคิดเสมอว่าโลกัสเป็นเสือโง่และปัญญาอ่อนไม่มีทางที่จะตามความคิดมันทันแต่หารู้ไม่ว่าการเดินทางที่ทั้งยาวนานและเต็มไปด้วยผู้คนทำให้โลกัสกลายเป็นเสือตัวใหม่ที่ไม่ได้โง่เหมือนเมื่อก่อน

มันรับรู้ดีว่าสิงโตหิมะที่ทุกคนรู้จักนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น

ความสุขุมเข้มแข็งอะไรพวกนั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ข้าเคยอยู่กับมัน ทำให้ข้าพอจะรับรู้บ้างว่ามันมีนิสัยยังไง

ลึกๆ แล้วข้ารู้สึกถึงความใจดีของมันแต่สิ่งที่มันแสดงออกมาคือสิ่งที่มันจะใช้ควบคุมคนอื่น รูปลักษณ์โง่ๆ พวกนั้นอาจจะควบคุมใช้ควบคุมข้าก็ได้แต่ไม่ใช่กับข้าไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ตาม

มันเกลียดและสามารถฆ่าพวกอ่อนแอที่เลี้ยงไม่เชื่องและไม่พยายาม

แต่มันจะใจดีและดีใจมากๆ หากคนพวกนั้นทำตามที่มันต้องการอย่างตั้งใจ

โลกัสมองอัลฟินที่กำลังทำท่าทางเหมือนตัวเองเหนือกว่าทุกคนก็ถอนหายใจเบาๆ ออกมา ตบคอเจ้าม้าดำเชิงให้เลิกเล่นสักที

"ช่างมันเถอะ ข้าถือว่ารอบนี้เป็นของเจ้า จะทำอะไรก็ทำไป" 

นัยน์ตาสัตว์ป่าจดจ้องกองทัพด้านหลังอัลฟิน

"แต่หลังจากนี้ข้ากับเจ้านับว่าไม่มีบุญคุณต่อกันอีกต่อไป"

กล่าวจบก็กระแทกเท้าที่ท้องเจ้าม้าดำ มันยกขาคู่หน้าขึ้นสูงร้องเสียงดังคล้ายตะโกนด่าโลกัสและควบตะเบ็งไปข้างหน้าทันที
ทิ้งให้สิงโตหนุ่มมองตามไล่หลังด้วยความงุนงงจนกระทั่งมองไม่เห็นหลังผ่าเผยนั้นแล้วจึงแค่นเสียงหึออกมา

"ดูเหมือนว่ามันจะฉลาดขึ้นสินะ"

เจ้าม้าขาวส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ แล้ววิ่งตามไปอย่างรวดเร็วโดยมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน

คือปราสาทแห่งเมืองเอวินด์!

--------------------

อัลฟินกลับมาแล้ววว 55555 หลังจากหายไปหลายตอน 

ดูๆ ไปแล้วดูเหมือนแทบจะทุกคนในเรื่องเลยที่ได้รับผลกระทบจากองค์ราชา  :hao4:
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 17 17 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.12
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-07-2016 10:44:42
อัลฟินออกโรงละอ่า

T T


พ่อเวสเปอร์ปกครองไม่ดีขนาดนี้ ทำไมประชาชนถึงยังทนอยู่??
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 17 17 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-07-2016 12:26:46
 :mew1: :mew1:

 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 17 17 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.12
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-07-2016 12:50:36
ลุ้นว่าราชาจะเป็นแบบไหน
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 17 17 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 17-07-2016 21:53:45
อ่านรวดเดียว 17ตอ . สนุกม่กๆค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 17 17 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.12
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 17-07-2016 23:20:35
 :ling1: วุ่นวายขึ้นแล้ว
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 17 17 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.12
เริ่มหัวข้อโดย: targetsii ที่ 24-07-2016 00:07:27
สิงโตขาวก็ดูน่าสงสารแต่ก็กลัวอ่ะ โหด  o22
ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 25 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 25-07-2016 23:18:59
ตอนที่ 18

"ต้องฆ่าเวสเปอร์ ข้าต้องฆ่าให้ได้!" 

เสียงพูดพึมพำดังก้องหน้าปราสาทอันเงียบสงัด รอบกายนั้นมีทหารองค์รักษ์ฝีมือเก่งกาจจำนวนหนึ่งคอยคุ้มกันผู้ที่มีตำแหน่งเป็นองค์ราชาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งพวกเขานั้นล้วนมีสีหน้าไร้อารมรณ์ราวกับเป็นเพียงร่างมนุษย์ที่ไม่มีวิญญาณอยู่ข้างในแต่นั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับความจริงนัก ชีวิตพวกเขาไม่สนใจความดีหรือศีลธรรมอะไรทั้งนั้น หากมีเงินมากพอพวกเขาล้วนสวามิภักดิ์และภักดีด้วยชีวิต

"ถ้าข้าฆ่าได้ ท่านพ่อต้องดีใจมากแน่ๆ" องค์ชายอันดับสองแห่งเมืองเอวินด์พูดรอยยิ้ม มือกระชับดาบสีขาวสว่างที่ตามดาบสลักด้วยเวทสีทองสละสลวยช่วยเพิ่มพละกำลังยามที่ฟาดฟันดาบนี้ลงไป มันเป็นดาบที่ท่านพ่อเพิ่งให้เขาเมื่อกี้ ท่านพ่อบอกว่าตั้งใจ
จะให้ตอนที่ขึ้นไปราชาแล้วแต่ตอนนี้เกิดเหตุฉุกเฉินเลยให้ตอนนี้แทน

เฟเนกส์มองดาบในมืออย่างภูมิใจ มันมีลักษณะคล้ายกับดาบของกษัติรย์เมืองโฮรัสที่เป็นเมืองแห่งแสงสว่าง เพียงแต่ดาบที่เฟเนกส์ได้รับนั้นมีน้ำหนักที่เบากว่ามากเพราะเมืองเอวินด์เป็นเมืองแห่งสายลม หากไม่รู้จักประยุกต์ให้ดีก็คงจะเป็นเรื่องน่าอาย ดาบของเฟเนกส์นั้นถูกลมช่วยประคับประคองตลอดเวลาโดยอาศัยช่างดาบกับนักเวทย์ระดับสูงหากแต่เมื่อใช้มันฟันสิ่งใดแม้แต่เหล็กกล้าก็มิอาจทนได้

ฮื่อออ

"เงียบน่า ไคออส เดี๋ยวมันก็มาแล้ว" เฟเนกส์หันไปเอ็ดมังกรเพลิงที่ชะเง้อคอไปมาพยายามหาร่างของศัตรูที่ทั้งนายมันและตัวมันเองกำลังรออยู่่

ไคออสพ่นลมหายใจเพลิงออกมาพรวดใหญ่จนเกิดเพลิงขนาดยักษ์ในอากาศ อากาศรอบข้างพลันร้อนผ่าวขึ้นมาทันที แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครตกใจหรือหน้าเปลี่ยนสีเลยแม้แต่นิดเดียว

มันกำลังไม่พอใจที่ต้องอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ตามวิสัยของมังกรเพลิงนั่นคือความใจกล้า บ้าระห่ำ ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดแม้ว่าศัตรูตรงหน้าจะมีพละกำลัง พลังเวทย์มากกว่าตัวก็ตาม มันเกลียดการหนีจากศัตรูมากที่สุดและสิ่งที่มันชื่นชอบที่สุดก็คือการโรมรันเข้าหาศัตรูก่อนที่ศัตรูจะตั้งตัวได้

"ข้ารู้ว่าเจ้าอยากสู้จนเต็มทน เพียงแต่ว่าครั้งนี้เจ้าจะเล่นเหมือนทุกครั้งไม่ได้" เฟเนกส์กล่าวตำหนิไคออสเสียงเย็น นัยน์ตากลับมาเย็นเยียบและอำมหิตดังเดิมราวกับว่ารอยยิ้มที่ปรากฎขึ้นเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น

ฮื่อ!

มังกรเพลิงจ้องกลับตาวาวโรจน์ไม่พอใจ มันตบเท้าลงบนพื้นจนเกิดเป็นหลุมยักษ์

"ไคออส เจ้าอยากรู้งั้นเหรอว่าใครเป็นนายของเจ้า!" องค์ชายอันดับสองคำรามออกมาเสียงดังลั่นจนไคออสชะงักกึก มันส่งเสียงฟืดๆ ไม่พอใจแต่ก็ยอมอยู่นิ่งๆ ไม่กล้าทำท่าทีไม่พอใจอะไรอีก

เฟเนกส์แค่นเสียงหึในลำคออย่างพอใจ ท่าทีหยิ่งทระนงตนเหมือนกับพ่อตนเองไม่ผิดเพี้ยน มือข้างที่ว่างตบฝุ่นออกจากชุดเกราะสีขาวจัดที่ทำมาจากอัญมณีหายากมีคุณสมบัติในการป้องกันเชิงเวทย์และทางกายอย่างดีเยี่ยม 

ทั้งตัวขององค์ชายเฟเนกส์นั้นแทบจะเป็นสีขาวซึ่งมันก็เข้ากันดีกับใบหน้าหล่อเหลา ผมสีทองและนัยน์ตาสีเดียวกัน ส่งผลให้รูปลักษณ์ของเฟเนกส์นั้นเหมือนกับองค์ชายแห่งแสงสว่างที่จะนำพาความรุ่งโรจน์มาสู่ดินแดนมนุษย์

แต่ในความเป็นจริงนั้นสวนทาง

หากองค์ชายเฟเนกส์เป็นผู้นำความรุ่งโรจน์มาสู่ดินแดนมนุษย์จริง ดินแดนมนุษย์นั้นคงลุกเป็นไฟ ดังนั้นสิ่งที่เห็นจึงเป็นเพียงลักษณะภายนอกที่ใช้หลวกลวงผู้คนเท่านั้น ใครเล่าจะคิดว่าบุคคลที่มีฐานะเป็นถึงกษัตริย์และรูปโฉมสง่างามถึงเพียงนี้จะมีจิตใจโสมมยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ใครเล่าจะเชื่อถือขอทานที่แท้จริงแล้วอาจเป็นผู้ที่ใจประเสริฐที่สุด 

และใครเล่าจะเชื่อถือในร่างนักฆ่าที่ขึ้นชื่อว่าอำมหิตที่สุด!

"องค์ชายขอรับ มันมาแล้ว!"

ฮื่อ!!!!

เจ้าม้าดำส่งเสียงคำรามดังลั่น ทะยานลงมาหยุดยืนตรงหน้าองค์ชายเฟเนกส์ที่กำลังใช้ดวงตาสีทองที่คล้ายจะแดงก่ำ แสยะยิ้มน่าขนหัวลุกเมื่อมองเห็นเวสเปอร์ในอ้อมกอดของโลกัส

"สายัณห์สวัสดิ์เวสเปอร์" เฟเนกส์พูดด้วยรอยยิ้มอำมหิต มือที่จับดาบกวัดแกว่งไปมาเล่น

ส่วนมังกรไฟที่ตอนนี้ได้เจอศัตรูสมใจ มันเชิดหน้าใส่จ้องมองด้วยสายตาดุร้าย ตามเนื้อตัวเริ่มปรากฎเพลิงลุกไหม้จางๆ จนทั่งพื้นที่อากาศร้อนระอุแม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืน

"พ่อเจ้าอยู่ที่ไหน!" โลกัสคำรามถามกดหัวเวสเปอร์ให้จมลึกลงไปในอกตัวเองมากกว่าเดิม

เฟเนกส์เลิกคิ้วยิ้มยียวน "พ่อข้าจะอยู่ไหนก็เรื่องของพ่อข้าสิ พยัคฆ์ดำ เจ้ามันก็แค่นักฆ่าที่มีดีแค่ดาบโง่ๆ เท่านั้น!" กล่าวจบก็กระโจนและตวัดดาบใส่ทั้งโลกัสและเจ้าม้าดำทันที

เจ้าม้าดำกระโดดหนีได้ทันท่วงที มันส่งเสียงฮี้ๆ หงุดหงิด เริ่มรู้สึกไม่พอใจที่ตนเองเป็นแค่เพกาซัสธรรมดาๆ ตัวหนึ่งทำไมต้องมาตกอยู่ท่ามกลางสงครามของมนุษย์พวกนี้ด้วย! นี่มันไม่สนุกแล้ว

ถ้าหากมันตายใครจะรับผิดชอบ!

โฮกกกก

เจ้าม้าดำคำรามเสียงดังปีกคู่ยักษ์งอกออกมาจากแผ่นหลัง มันสยายปีกออกคลุมตัวโลกัสและองค์ชายไว้หลวมๆ หมอกวิญญาณลอยรอบตัวมันรอคอยคำสั่งจากปากมัน

"ข้าจะทบทวนความจำให้เจ้าได้นะ เฟเนกส์ ว่าครั้งที่แล้วมันเกิดอะไรขึ้น" โลกัสกล่าวยิ้มๆ รอยสักสีดำคล้ายลวดลายเสือโคร่งปรากฎขึ้นจางๆ ตามแขน 

"มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? เรื่องที่ว่ามีเสือหน้าโง่ที่หนีออกจากปราสาทหัวซุกหัวซุนน่ะเหรอ!" เฟเนกส์หัวเราะดังลั่นราวกับสิ่งที่ตนเองพูดตลกนักหนา ทั้งๆ ที่ครั้งนั้นมันรู้สึกกลัวพยัคฆ์ดำแทบตายแต่ตอนนี้มันกลับเฉยชาราวกับศัตรูตรงหน้าเป็นเพียงแมวตัวหนึ่งไร้พิษภัย

ไม่สิ สาเหตุที่มันไม่รู้สึกหวาดกลัวก็คงจะเป็นเพราะดาบที่ท่านพ่อให้แน่ๆ

ใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ

คิดถึงเรื่องนี้เลือดของเฟเนกส์ก็พลุ่งพล่านด้วยความฮึกเหิม รู้สึกร่างกายเบาหวิวพร้อมที่จะสู้กับพยัคฆ์ดำตรงหน้าจนตายกันไปข้าง

"ปากดี" โลกัสแค่นเสียงหัวเราะดูแคลน มองอย่างแข็งกร้าวแทบจะฉีกทึ้งร่างตรงหน้าทั้งเป็น "ข้าไว้ใจเจ้าได้ไหม เพกาซัส" ก่อนจะเปลี่ยนมาคุยกับเจ้าม้าดำ

เจ้าม้าดำโคลงหัวไปมาชั่งใจคิดก่อนจะส่งเสียงฮื่อๆ ออกมาเชิงตกลงและพยักเพยิดให้โลกัสลงจากตัวมันแล้วไปจัดองค์ชายปากดีตรงหน้านั่นได้แล้ว!

"ขอบใจ ในตอนนี้มีเพียงเจ้าที่ข้าไว้ใจและปกป้องเวสเปอร์ได้" กล่าวขณะที่กระโดดลงจากตัวเจ้าม้าดำและวางเวสเปอร์ที่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวบนหลังเจ้าม้าดำ

แต่ยังไม่ทันกล่าวอะไรต่อก็ถูกไคออสจู่โจมทันควัน!

ฮื่อออ

เพลิงลูกยักษ์ถูกพ่นใส่โลกัสกับเวสเปอร์ซึ่งมันก็คลุมไปทั้งตัวจนร่างทั้งคู่หายไปในเพลิง

ฮี้!

เจ้าม้าดำส่งเสียงคล้ายอวดชัยชนะเพราะเมื่อเพลิงหายไปก็ปรากฎร่างของทั้งคู่ซึ่งไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว หมอกสีดำที่สว่างขึ้นจนเกือบส้มส่งเสียงฟู่วๆ เหมือนคนกำลังเป่าอะไรสักอย่างให้หายร้อน

แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือร่างของโลกัสที่เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ทั่วลำตัวเกิดลวดลายสีดำคล้ายเสือโคร่ง หูมนุษย์แปรเปลี่ยนเป็นหูของเสือโคร่งตั้งชัน เขี้ยวแหลมที่ซุกซ่อนไว้ในปาก แต่สิ่งที่ทำให้เฟเนกส์ลมหายใจกระตุกและเผลอก้าวถอยหลังก็คือดวงตาที่ตาขาวเปลี่ยนสีแดงและตาดำที่กราดเกรี้ยวเหมือนกับพยัคฆ์จริงๆ ในร่างมนุษย์!

"ตั้งรับให้ดีแล้วกัน!!" โลกัสคำรามมือที่มีกรงเล็บงอกยาวจับดาบแน่นและกระโจนเข้าไปหาเฟเนกส์โดยไม่ไตร่ตรองอะไรอีก!
ความฉุนเฉียนหงุดหงิดทำให้โลกัสไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เท่าที่ควรจนกดพลังที่พยัคฆ์ทมิฬเคยให้ไว้ไม่อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นโลกัสก็ไม่ได้ต่อต้านมันปล่อยให้มันรุกล้ำร่ายกายและแปรเปลี่ยนเป็นพละกำลังและพลังเวทย์ ด้วยจุดประสงค์หนึ่งเดียวคือการแก้แค้นให้การเจ้าของพลังที่มันใช้อยู่ตอนนี้!

หากแต่เมื่อคมดาบใกล้จะถึงเฟเนกส์กลับถูกดาบหนึ่งสกัดเอาไว้อย่างรุนแรงจนต้องร่นถอยกลับไปตั้งหลัก

"เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเถิดองค์ชายเฟเนกส์!"

-------------------
 
ใครน่ะ  :z2:
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 25 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 25-07-2016 23:31:41
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :m31: :m31:
คนเขียนนนนนนน :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 25 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 25-07-2016 23:32:11
T T

ศึกนี้ตึงมือจริงๆ โลกัสอย่าวู่วามน่า~

(อยากให้พ่อเวสเปอร์ตายอ่ะ อิอิ)
แต่ใครเป็นคนฆ่าพ่อโลกัสจริงๆกันแน่??
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 25 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 26-07-2016 00:06:38
อยากอ่านต่อแล้ววว
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 25 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 26-07-2016 00:40:57
น่าสงสาร ทำไมมีแต่คนเกลียดนะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 25 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-07-2016 08:18:08
โอ้ยยย ทำไมโลกัสเท่ห์แบบนี้ง่ะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 25 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 26-07-2016 19:54:09
 :monkeysad: สงสารน้องเวสเปอร์ แต่ๆๆๆๆ
คนเขียนจะแต่งสั้นไปไหนค่ะ  กำลังฟินตัดฉับดับฝันตลอดๆ มาต่อให้ไวด้วยน่ะคะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 25 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-07-2016 21:09:53
ลุ้นๆอ่ะ
ดาบของท่านพ่อคงมีดีเหมือนกันแหละ
แต่จะสู้โลกัสได้หรือเปล่าก็แค่นั้น
ชั้นคิดว่าไม่ได้อ่ะแก ชั้นทีมพระเอกทีมน้องเวสเปอร์
55555
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 25 ก.ค 59 # ครึ่งแรก p.12
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 27-07-2016 22:26:25
นายเอกจะน่าสมเพชไปไหนเนี่ย คนในวังก็ส้นตีนเหลือเกินนน พ่อก็หลงใหลอำนาจ เฮ้อ ชาติไหนเวสเปอร์จะมีความสุข ความสุขยังยาวไป เวสเปอร์จะหายปัญญาอ่อนไหม เริ่มรำคาญที่โคตรเหง้าตามฆ่าตามหลอกลวงแล้ว สงสารยังน้อยไปอ่ะบอกเลย ฆ่ามันทั้งโคตรนั่นแหละ แล้วทำลายเมืองทิ้งซะ ประชาชนก็สันดานเหลือเกิน เฮ้ออออ เวสเปอร์เอ้ย ชาติก่อนทำอะไรมาวะ ชาตินี้ถึงได้ใช้กรรมซะหนักเชียว รอฉากเฟเนกตายอย่างใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 29 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 29-07-2016 22:51:33
เสียงทุ้มต่ำตะโกนดังลั่นพร้อมปรากฎร่างคุ้นตาของเฟเนกส์

ร่างสูงใหญ่ที่สวมชุดเกราะหนักสีดำทั้งตัว ทุกอย่างในตัวถูกปกปิดทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าที่มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกปิดเอาไว้ 

"ท่านอาจารย์แอคเนส" เฟเนกส์ครางในลำคอหยุดชะงักขาที่ตั้งใจจะร่วมวงด้วย มองบุคคลที่เป็นทั้งอาจารย์ของตัวเองและเป็น
องค์รักษ์มือหนึ่งของท่านพ่อด้วยสายงุนงง 

พยัคฆ์ดำไม่ได้ปล่อยให้พักหายใจนานมากนักบุกเข้าโรมรัมต่อทันที การลงดาบทุกดาบดุดันและเน้นจุดตายหากแต่คำว่าองค์
รักษ์มือหนึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่ฉายาของแอคเนส ทำให้แอคเนสสามารถตั้งรับร่างนักฆ่าได้ทุกท่วงท่า แม้ว่าดาบที่ฟันมาแต่ละครั้งนั้นจะไวจนมองตามแทบไม่ทันและรุนแรงจนรู้สึกร้าวไปทั้งกระดูก แอคเนสนั้นเป็นองค์รักษ์ให้กับกษัตริย์ไซมอนด์ตั้งแต่ยังหนุ่มจวบจนถึงปัจจุบัน คอยเป็นแขนขาให้กับองค์กษัตริย์มาตลอด ฝีมือที่ถูกลับคมด้วยระยะเวลาอันยาวนานย่อมทำให้ฝีมือเฉียบคมและฉับไว ต่อให้มีพละกำลังเป็นรองก็สามารถหาหนทางในการเอาชนะได้

หากแต่ก็มีบางสิ่งเช่นกันที่ช่วยเกื้อหนุนให้แอคเนสเก่งกาจอย่างก้าวกระโดด

บางสิ่งที่บางครั้งแม้แต่ตัวมันเองก็ยังควบคุมไม่ได้

"เจ้ากลับเข้าไปในปราสาทซะ พิธีแต่งตั้งกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว" แอคเนสกล่าวตัดบทอย่างเย็นชา ไม่แยแสสีหน้าของเฟเนกส์แม้แต่น้อยว่ากำลังทำสีหน้ายังไงอยู่

"ท่านพ่อสั่งให้ข้าฆ่าเวสเปอร์!" เฟเนกส์คำรามออกมาเสียงดังเมื่อถูกขัดใจ ความสุขที่มันวาดไว้กำลังถูกพังลง หากมันไม่ได้ฆ่าเวสเปอร์ด้วยตัวเองแล้วท่านพ่อจะดีใจเหรอ? จะชมมันงั้นเหรอ? ย่อมไม่ ฉะนั้นความสุขเล็กๆ นี่มันไม่ยอมสูญเสียไปเป็นอันขาด
องค์ชายอันดับสองแห่งเมืองเอวินด์จึงพุ่งตัวเข้าไปหาเจ้าม้าดำอย่างไม่ลังเลแต่กลับถูกเรี่ยวแรงมหาศาลผลักออกจนเซถอยหลังออกจากเจ้าม้าดำ

"ข้าสั่งให้เจ้ากลับไป เฟเนกส์ องค์ราชารอเจ้าอยู่ข้างใน!!" องค์รักษ์ร่างใหญ่ตะคอกเสียงดัง นัยน์ตาที่เปิดเผยเพียงอย่างเดียวในร่างกายขึ้นสีแดงก่ำอย่างน่ากลัว "แค่ข้าเจ้ายังไม่มีปัญญาทำอะไร อย่าหวังว่าเจ้าจะสู้กับพยัคฆ์ทมิฬได้ เฟเนกส์!"

"บัดซบ!" เฟเนกส์สบถเสียงดัง "ท่านก็ฆ่าพยัคฆ์ดำไปสิ ข้าก็จะไปฆ่าเวสเปอร์!!!" ตะโกนออกมาดังลั่นโดยไม่ได้สังเกตแม้แต่นิดเดียวว่าบุคคลที่ตัวเองกล่าวถึงนั้นร้องไห้จนตัวโยน กอดเจ้าแมวในมือแน่นคล้ายกับพยายามหาสิ่งยึดเหนี่ยวให้กับตัวเองแทนเจ้าเสือที่กำลังฟาดฟันอยู่ในสนาม

"เพกาซัสเจ้าก็ไม่มีปัญญาฆ่าหรอ--!" แอคเนสยังด่ากลับไม่ทันจบประโยคก็รู้สึกถึงจิตสังหารรุนแรงที่กระทบกับตัวเอง ความเย็นเยียบเกาะกุมตั้งแต่หัวจรดเท้า คนเป็นองค์รักษ์สูดหายใจลึกรีบท่องเวทย์บางอย่างทันที

"คู่ต่อสู้เจ้าอยู่นี่" โลกัสกล่าวเสียงเย็นและออกแรงฟันคอสุดแรงก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อศัตรูของตัวเองยิ้มพรายไม่ยอมเอาดาบขึ้นมาตั้งรับดังเช่นปกติ

หรือว่าเกราะเหล็กนี่แข็งกว่าดาบข้า? โลกัสคิดงุนงง แต่ก็ได้ข้อหักล้างอย่างรวดเร็ว ไม่สิ มันก็แค่เหล็กโง่ๆ เท่านั้นเอง!

ฉึก

ดาบยักษ์ถูกสกัดด้วยมือของร่างชุดเกราะอย่างง่ายดาย หากแต่เหล็กของชุดเกราะนั้นหลุดออกมาบางส่วนและร่วงกราวลงบนพื้น กลิ่นเลือดแปลกประหลาดส่งกลิ่นฟุ้งกระจายน่าคลื่นเหียนราวกับว่าไม่ใช่เลือดมนุษย์

โลกัสเบิกตากว้าง มือที่จับดาบสั่นเทาเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติของศัตรูตรงหน้า

นัยน์ตาสีแดงก่ำนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาว! 

ร่างนักฆ่ากระชากดาบกลับมาและถอยห่างจากแอคเนสทันทีโดยไม่ต้องคิด สายตาจับจ้องแอคเนสที่หัวเราะหึๆ ในลำคอ หากแต่เสียงที่ดังออกมานั้นเหมือนเสียงหัวเราะของสัตว์ประหลาด

"กลัวข้างั้นหรือ แมวน้อย" แอคเนสพูดยั่วเย้าแต่ไม่ใช่เสียงของตัวเอง มืออีกข้างจิกแผลที่มือเข้าหากันและมาก็สมานกันอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ร่ายเวทสักคำ

ความตึงเครียดเกาะกุมโลกัส แม้จะมั่นใจในฝีมือของตัวเองแต่ศัตรูตรงหน้ามันตอนนี้ราวกับไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อกี้ มันเหมือนกับมนุษย์ตรงหน้านี้กำลังถูกบางอย่างกัดกินวิญญาณอยู่ข้างในเพื่อแลกกับการใช้พลังของมัน ซึ่งสังเกตได้จากร่างกายที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำกระด่างแผลผุพองน่ารังเกียจหากแต่เมื่อคิดต่อไปในหัวกลับว่างเปล่า 

มันเคยคิดว่าตัวเองรู้เรื่องราวมากกว่าพวกหนอนหนังสือในรั้วปราสาท แต่ครั้งนี้มันกลับพบว่าในหัวไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับบางอย่างที่มีพลังอำนาจและตาสีขาวเลยแม้แต่น้อย 

"ข้าไม่ได้กลัว!!" คำรามตอบเชิดหน้าสูงมือถือดาบเตรียมตั้งรับการโจมตี

"แมวน้อย แม่แมวคงไม่เคยสอนเจ้า" ร่างกึ่งคนกึ่งบางอย่างกล่าวกลั้วหัวเราะก่อนที่จะนัยน์ตาสีขาวจะมองพยัคฆ์ดำด้วยสายตามุ่งเอาชีวิต "ว่าอย่าเข้ามาในถิ่นคนอื่น!!"

ตะโกนดังลั่นเป็นสัญญาณให้กับเหล่าองค์รักษ์ฝีมือดีให้ลงมือฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้า!

ไม่เพียงเหล่าองค์รักษ์ เฟเนกส์ก็พุ่งตัวไปหาเวสเปอร์เหมือนกัน "เวสเปอร์!!" หัวเราะเสียงดังลั่นตะโกนเรียกเวสเปอร์ซ้ำไปซ้ำมาคล้ายกับกำลังทบทวนสิ่งที่ตัวเองต้องทำตอนนี้

"ข้าบอกว่าไปก็คือไปสิ เฟเนกส์"

โฮกกกกกก

ไคออสกรีดร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อมันที่กระโจนเข้าไปหาเวสเปอร์เหมือนกันโดนอะไรบางอย่างตัดเข้าที่ขา โชคดีที่เกล็ดมันหนาพอจึงเป็นแค่รอยกรีดลึก

เฟเนกส์จ้องไคอสสลับกับพื้นหลุมยักษ์ตรงหน้าอย่างหวาดหวั่น

การทำร้ายสัตว์เลี้ยงก็เหมือนกับทำร้ายผู้เป็นนาย...

เริ่มรู้สึกเกรงใจและหวาดกลัวในตัวองค์รักษ์ประจำกายพ่อตัวเองขึ้นมาบ้าง ความตั้งใจจะที่มีเต็มเปี่ยมตอนแรกพลันหดหายค่อยๆ หันหลังกลับและสาวเท้าเข้าไปในปราสาทด้วยเนื้อตัวสั่นเทา สิ่งที่ทำให้เฟเนกส์ยอมอย่างว่าง่ายไม่ใช่เพียงเพราะเหตุผลนี้เท่านั้น

มีบางอย่างกำลังเลียที่ต้นคอคล้ายกับกระหายเต็มทน กลิ่นสาปคล้ายศพฟุ้งฉุนจมูก กรงเล็บปลายแหลมที่ลากไปมาตรงต้นคอทำให้รู้สึกแสบๆ คันๆ  เฟเนกส์พยายามปัดมันออกจากคอกลับพบว่าทำไม่ได้ มันว่องไวมากและส่งเสียงข้างหูอย่างน่าขนลุก

"เฟเนกส์.. ยินดีที่ได้รู้จัก... ข้า หึหึ ไม่นานคงได้ทำความรู้จักกัน"

เฟเนกส์รับรู้ดีว่ามันตามมาจากตัวแอคเนส พยายามขับไล่มันออกจากตัวแต่กลับพบว่าทำไม่ได้ สัตว์ประหลาดบนหลังมันหัวเราะคิกคักอย่างพอใจ

"ข้าคง.. เล่นกับเจ้าได้ไม่นาน เจ้างั่งนั่น ต้องใช้.. พลังข้า"

ก่อนที่มันจะหายไปจากหลังซะเฉยๆ เฟเนกส์สูดหายใจลึกพยายามดึงสติที่หายไปเกือบครึ่งให้กลับมาและตั้งหน้าตั้งตาเดินเข้าไปในปราสาทเพื่อเข้าพิธีแต่งตั้งเป็นองค์กษัตริย์ แต่ลึกๆ ในใจก็คิดว่าอาจจะไม่ได้แต่งตั้งจริงในวันนี้ เพราะตามกำหนดแล้วการต้องพรุ่งนี้ตอนเช้ามืดเนื่องจากเป็นทั้งวันที่ไร้แสงจันทร์มีเพียงดวงอาทิตย์เท่านั้นในวันนั้น ท่านพ่อบอกว่ามันเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดแล้วสำหรับปีนี้

ฮี้!!!!!

เสียงเจ้าม้าดำร้องดังลั่นไม่พอใจเมื่อถูกรุมล้อมทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง ดาบมากมายฟันแทงเข้ามาหามันไหนจะเวทย์ที่ถูกร่ายเอาๆ และมีเป้าหมายเป็นมัน!

หมอกดำอเนกประสงค์คลุมตัวมันไว้อย่างหนาแน่น ซึมซับกำจัดสะท้อนพลังที่มุ่งร้ายเจ้าม้าดำ หากแต่แค่หมอกดำไม่อาจเพียงพอต่อฝีมือและจำนวนองค์รักษ์พวกนี้ได้

"คิดว่าจะหลบได้นานแค่ไหนเชียว เจ้าม้า" หัวหน้าองค์รักษ์หัวเราะหึเข้าประชิดตัวเจ้าม้าในช่วงจังหวะที่เผลอและตวัดดาบเข้าที่คอมันทันที

เคร้ง

ดาบถูกสกัดอีกครั้งหากแต่ไม่ใช่ของแอคเนส

แต่เป็นสิงโตหนุ่มที่เพิ่งจะตามมาทัน!

"อย่ารังแกสัตว์สิ" อัลฟินตอบด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน "น่าเสียดาย ที่หมาหมู่อย่างพวกเจ้าคงไม่เข้าใจ!"
อากาศรอบตัวอัลฟินเย็นขึ้นฉับพลัน สิงโตหนุ่มลูบแหวนแล้วร่ายเวทเสียงหนักแน่น พายุหิมะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ จนกลายเป็นขนาดมหึมาและมันก็พัดเข้าใส่เหล่าองค์รักษ์ทันที

หัวหน้าองค์รักษ์หน้าเปลี่ยนสีเพราะไม่คิดว่าคนที่มาช่วยนั้นจะเป็นอัลฟิน!

สิงโตหิมะที่มีนิสัยเป็นมิตรและมักจะมาส่งของบรรณาการทุกปีด้วยท่าทีนอบน้อมไม่ปริปากบ่นอะไรสักคำต่างจากเมืองอื่นๆ ที่มองพวกมันด้วยสายตาเกลียดชังปากบ่นพล่ามถึงความแร้นแค้นที่พวกมันประสบ แต่พวกมันก็ไม่คิดจะใส่ใจ มนุษย์อ่อนแอพวกนี้ก็ดีแต่ปากเท่านั้นไม่มีปัญญาทำอะไรพวกมันได้จริงๆ หรอก

แต่มันไม่ใช่กัับอัลฟิน สิงโตหิมะที่เป็นหัวกะทิในทุกด้าน!

ตูม!

เสียงระเบิดดังลั่นเมื่อหัวหน้าองค์รักษ์ปาระเบิดเพลิงใส่พายุหิมะและพบว่าไม่สามารถทำอะไรมันได้สักนิด มันจิ้ปากไม่พอใจผิวปากเรียกองค์รักษ์ให้กลับมาจัดรูปทัพเพื่อตั้งรับ โล่ขนาดใหญ่ที่สามารถป้องกันได้ทั้งธนู คมดาบ หรือแม้แต่เวทย์หนักๆ ถูกยกขึ้นมาบดบังร่างกายส่วนมืออีกข้างกดดาบลึกลงในพื้นและจับมันไว้แน่น

อัลฟินหัวเราะหึๆ เมื่อเห็นพายุหิมะของตัวเองค่อยๆ พัดพาองค์รักษ์ขึ้นฟ้า สิงโตหนุ่มไม่ลังเลเลยที่จะชูมือขึ้นมาและชี้ไปที่เป้าลอยฟ้าเหล่านั้นและกล่าวเสียงเย็น

"ฆ่า!"

ธนูเพลิงจำนวนหนึ่งถูกปล่อยใส่ทันทีแต่จู่ๆ มันกลับหายไปทั้งๆ ที่เพิ่งหลุดออกจากคันธนูได้ไม่นาน

กร็อบ

เสียงคล้ายไม้หักดังลั่นก่อนที่จะพบซากไม้ที่เคยเป็นลูกธนูกองอยู่บนพื้น

"ตราบใดที่ยังมีข้าในสนามรบ อย่าหวังที่จะพรากชีวิตพวกโง่พวกนี้" เจ้าของผลงานหัวเราะในลำคอ นัยน์ตาสีขาวคล้ายกับลูกตาของซากศพมองอัลฟินแล้วเหยียดยิ้ม "ข้าจำเจ้าได้.. มนุษย์ แต่ดูเหมือนเจ้าจะเล่นซนเกินไปนะ"

เพียงแค่มันสะบัดมือไปทางพายุ พลังสีดำทมิฬคล้ายดวงวิญญาณของสัตว์ร้ายก็พุ่งเข้าไปกัดกินพายุนั้นจนมันค่อยๆ ลดความแรงลงและหายไปจนหมดทิ้งไว้เพียงสีหน้าเจ็บปวดของอัลฟิน

"เจ้า เจ้ากินวิญญาณข้า" อัลฟินพูดเสียงสั่น รู้สึกถึงหัวใจที่สั่นเทา มือที่สั่นเทา ทั้งตัวสั่นเทาไปหมด ราวกับกำลังหวาดกลัวร่างที่เข้ามากระโจนกัดกินพลังวิญญาณนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ

ปีศาจ! ไม่ ไม่สิ นี่มันไม่ใช่พลังของปีศาจ

สิงโตหนุ่มคิดอย่างตื่นตระหนก

 "เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่!!" อัลฟินหายใจเฮือกๆ พยายามยัดอากาศเข้าปอดทั้งๆ กำลังรู้สึกร้าวไปทั้งตัว ตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะคล้ายกับถูกบางอย่างน่าขยะแขยงกำลังไต่ขึ้นมาอย่างช้าๆ นัยน์ตาสีเทาที่มักจะสุขุมตอนนี้หวาดผวาถึงขีดสุดเพราะมองไม่เห็นว่าสิ่งใดกำลังขึ้นร่างของตัวเองอยู่!

ฉึบ!

ดาบสีดำอาบด้วยเลือดมนุษย์ตวัดใส่พื้นตรงหน้าอัลฟินจนผืนดินแยกออกจากกันเป็นสองฝั่ง

วี้ดดดด

พวกมันกรีดเสียงวี้ดๆ ด้วยความเจ็บปวดรีบผละจากร่างอัลฟินกลับไปยังบ้านที่แสนปลอดภัยและเปี่ยมไปด้วยพลังและอาหารสำหรับพวกมัน

สิงโตหนุ่มเข่าอ่อนทรุดฮวบลงบนหลังเจ้าม้าขาวปากพึมพำเอ่ยขอบคุณอย่างไม่เต็มใจนัก 

"อยากรู้ว่าข้าเป็นตัวอะไร ก็สาบานด้วยวิญญาณของเจ้าสิ" แอคเนสหัวเราะเสียงเพี้ยนจนน่าขนลุก นัยน์ตาซากศพตวัดมองพยัคฆ์ดำนิ่ง "คงต้องฆ่าเจ้าก่อนสินะ.. เจ้าลูกแมวเจ้าปัญหา"

โลกัสยิ้มพรายกระดิกหูตัวเองมองแอคเนสด้วยท่าทีที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว 

ต่างจากเมื่อกี้ที่ยังคงมีความหวาดผวาอยู่บ้างแต่เลือดในกายกลับเอาแต่กู่ร้องให้ฆ่ามันเพราะในตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว จะกลัวอะไรกับแค่สัตว์ประหลาดลืมหลุมสักตัว!

"ถ้าคิดว่าเจ้าทำได้ก็ลองดู" โลกัสแค่นเสียงดูถูก มือที่ถูกกรีดเป็นแผลลึกลูบดาบดำของตัวเองจนชุ่มเลือด ดาบในมือนักฆ่าร่างนักฆ่าคล้ายกับมีชีวิตขึ้นมา มันกลืนกินเลือดพยัคฆ์ดำไปจนหมด จากดาบที่มีขนาดยักษ์ค่อยๆ หดสั้นลงเป็นขนาดปกติหากแต่ความยาวที่หายไปในั้นกลับไปเพิ่มความคมกับพลังเวทย์ให้กับดาบแทน ละอองผงสีดำกลิ่นประหลาดลอยฟุ้งออกมาจากดาบ

แอคเนสเหลือบมองดาบโลกัสแล้วเอียงคอไปมา "ต่อให้เจ้ามีก้างปลาโง่ๆ ของเจ้าอยู่ในมือ เจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้หรอกนะ" แสยะยิ้มจนตาหยีแม้ว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายเห็นเพียงแค่นัยน์ตาของตัวเองเท่านั้น

แต่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับการบอกคนอื่นว่าเจ้าของร่างกำลังโกรธขนาดไหน!

"อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน แมวน้อย"


-------------------------
TBC.

ตัดด้วยฉากบู้อีกแล้ว XD  ใกล้ถึงจุดพีคเรื่องแล้ว  :impress2: (อยากให้ถึงไวๆ)

ช่วงนี้ก็เดากันไปเล่นๆ ค่ะ ว่าใครจะอยู่หรือใครจะไป

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ กอดด  :กอด1:
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 29 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.12
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 29-07-2016 23:29:15
ว๊อด เดอะ .........

แอคเนสไปถวายวิญญาณกับตัวอะไรรรรรรรรรรรร

ใครจะปราบลงได้? พระราชารู้เห็นแน่นอน หรือแอคเนสคือคนที่ฆ่าป๊ะป๋า? ต้องใช่แน่อ่ะ  :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 29 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.12
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-07-2016 23:37:03
ลุ้นไปดิ๊ โอ้ยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 29 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.12
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 30-07-2016 17:07:02
มันคือตัวอะไร ?!?
แล้วจัดการไอ้นี่ได้ก็ต้องไปจัดการพ่ออีก เหนื่อยแทนเลย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 18 29 ก.ค 59 # ครึ่งหลัง p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 01-08-2016 14:13:04
อย่าแพ้นะโลกัส
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 19 10 ส.ค 59 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 10-08-2016 22:30:39
ตอนที่ 19

ภายในปราสาทที่จะเกิดพิธีแต่งตั้งขึ้นนั้นถูกตกแต่งด้วยสีดำเป็นส่วนใหญ่ ผ้าม่าน โคมไฟ โต๊ะ เชิงเทียน เรียกได้ว่าทุกอย่างนั้นเป็นสีดำทมิฬราวกับกำลังถูกฝังอยู่ในรัตติกาลอันมืดมิด แม้แต่ดวงไฟสีให้แสงสว่างยังเป็นสีดำแดงสลัว บริเวณกลางห้องโถงนั้นมีแท่นพิธีที่ถูกยกสูงขึ้นจากบริเวณอื่นๆ หากแต่สิ่งที่ตั้งอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่เก้าอี้บัลลังก์ทองอย่างเคย
แต่เป็นโต๊ะสีดำที่มีอ่างแก้วใสลวดลายแปลกประหลาดวางอยู่!

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในปราสาท ลมหายใจของเฟเนกส์ก็คล้ายกับถูกช่วงชิงไป

ทำไมภายในลานพิธีถึงได้กลายเป็นแบบนี้? เมื่อวันยังเป็นสีทองสว่างไสวอยู่เลย

นัยน์ตาสีทองเต็มไปด้วยความงุนงงแต่งุนงงได้ไม่นานนักก็รับรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียด จึงหันกลับมามองพบว่าหลังโต๊ะสีดำกลางห้องโถงนั้น มีองค์กษัตริย์แห่งเมืองเอวินด์กับเหล่าขุนนางคนสนิทจ้องมองมาอย่างเย็นเยียบคล้ายกับกำลังตำหนิและด่าทอทางสายตา

องค์ชายรองสูดหายใจลึกสาวเท้าไปต่ออย่างมั่นคงไร้ท่าทีความรู้สึกผิด

ไม่ว่าเจ้าจะถูกหรือผิดก็จงทระนงตนเอาไว้

นั่นเป็นคำสอนของท่านพ่อที่ให้เขายึดถือปฏิบัติซึ่งดูเหมือนว่าจะทำได้ดีจนเกินไป ท่านพ่อถึงได้มองมาอย่างดุร้ายเช่นนั้น...

"เจ้ามาช้า" แม้แต่น้ำเสียงยังเย็นชาจนเหมือนจะแช่แข็งทั้งเป็น

สีหน้าของเฟเนกส์ไม่เปลี่ยนแปลง ฝีเท้ายังไม่หยุดก้าว แต่ภายในหัวกำลังกู่ร้องเมื่อความความเศร้าเข้าครอบงำ

เหตุใดท่านพ่อถึงได้เย็นชากับข้านักนะ?

เฟเนกส์คิดเศร้าๆ เชิดหน้าสูงเมื่อหยุดยืนต่อหน้าบัลลังก์ทองที่ตั้งอยู่ตรงกลางของห้องโถง "ข้าตั้งใจจะฆ่าเวสเปอร์ที่เป็นขวากหนามของข้า ก่อนที่จะเข้ามารับบัลลังก์"

อธิบายถึงสาเหตุด้วยถ้อยคำสั้นๆ ไม่มีคำแก้ตัวแต่อย่างใด

องค์กษัตริย์แค่นเสียงหึดูถูก "ขยะพรรค์นั้นเจ้าจะไปสนใจทำไม ข้าสั่งให้เจ้ามา เจ้าก็ต้องมาสิ หรือว่าเจ้าจะไม่เห็นว่าข้าเป็นพ่อของเจ้าแล้ว?" 

"…" เฟเนกส์ไม่ได้ตอบรู้สึกถึงก้อนเค็มๆ จุกในลำคอ รู้สึกเหมือนจะร้องไห้เมื่อถูกท่านตราหน้าเช่นนั้น แม้สีหน้าจะไม่ยี่ระแต่ในใจกลับเต็มไปด้วยคำตัดพ้อต่างๆ มากมาย

ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นแม้แต่นิดเดียว ทำไมท่านพ่อถึงได้พูดมันออกมานะ... หรือเป็นข้าดีที่ควรจะถามท่านพ่อว่าเคยเห็นข้าเป็นลูก
บ้างหรือเปล่า?

คำถามมากมายถาโถมเข้ามาในหัวเฟเนกส์จนเจ้าตัวควบคุมตัวเองไม่อยู่ มือที่สั่นเทาเล็กๆ จึงถูกซ่อนไว้ข้างหลังเพื่อปกปิดความรู้สึกของตนเอง

"เอาเถอะ มาก็ดีแล้ว" ไซมอนด์เหยียดยิ้มเหลือบมองเหล่าขุนนาง "เริ่มเลยแล้วกัน"

"งานพิธีแต่งตั้งไม่ได้จัดขึ้นในช่วงเช้าหรือขอรับ ท่านพ่อ" 

แม้จะความรู้สึกหลากหลายจะแปรปรวนในอกแต่ความสงสัยก็ดลให้ถามออกไป

เดิมทีงานพิธีแต่งตั้งนั้นจะถูกจัดขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางประชาชนนับพันที่มาร่วมฉลอง องค์รัชทายาทจะเดินข้างกันกับสัตว์ประจำกายรอบเมืองหนึ่งครั้งก่อนที่จะเข้ามาในปราสาท ในทุกขณะที่พิธีแต่งตั้งกำลังดำเนินไปนั้นจะมีนักบวช นักดนตรีต่างๆ มากมายคอยบรรเลงเพลงด้วยเสียงอันดัง มีบางตำนานเล่าว่าหากโชคดีมากๆ ท่านโฟเทียสจะลงมาร่วมแสดงความยินดีด้วยแต่มันก็เป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้นไม่มีสามารถรับประกันได้ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง

แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตอนนี้กลับไม่ใช่ ไม่มีแม้แต่จะอารมณ์ความรู้สึกว่างานพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ที่เฟเนกส์วาดฝันไว้นั้นจะเกิดขึ้น
เฟเนกส์เม้มปากแน่นเมื่อเห็นแววตาท่านพ่อสีทองของท่านพ่อคล้ายจะเปลี่ยนเป็นสีขาวก่อนที่มันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม และจู่ๆ เสียงของสิ่งนั้นก็ดังแว่วอยู่ข้างหู

เลือดของเจ้าบริสุทธิ์มาก... ฮื่อ มากกว่าไอ้ราชาอ่อนแอนั่นอีก

องค์ชายรองหน้าซีดเผือดเผลอสะดุ้งออกมา ทำเอามือที่สั่นอยู่แล้วสั่นมากกว่าเดิมท่ามกลางร่างกายที่สั่นเทาทั้งจากความเย็นเยียบไม่ทราบสาเหตุและความหวาดกลัวจากเบื้องลึกในจิตใจ

นี่มันเกิดอะไรขึ้น มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว ท่านพ่อกำลังจะทำอะไร? นี่ไม่เห็นเหมือนที่ท่านบอกเลย

เฟเนกส์ก้าวถอยหลังอย่างหวาดหวั่น

"ยังอยากเป็นอยู่ไหม? กษัตริย์ที่จะเกรียงไกรที่สุดในเมืองมนุษย์น่ะ" ไซมอนด์คำรามเสียงดัง เหล่าขุนนางที่รู้ใจนายของตัวเองดีโถมตัวเข้าล้อมรอบเฟเนกส์จนเจ้าตัวตั้งตัวไม่ทัน มีมือข้างหนึ่งผลักร่างว่าที่กษัตริย์ใส่โต๊ะดังลั่นก่อนที่คนอื่นๆ จะจับตัวองค์ชายเฟเนกส์ไว้แน่นจนขยับเขยื้อนไม่ได้

"ไม่ ท่านพ่อ ท่านกำลังจะทำอะไรข้า" เฟเนกส์น้ำตารื้นอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ส่วนคล้ายกับองค์กษัตริย์ไซมอนด์บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด จิตใจที่อ่อนแอทำเอาเฟเนกส์แทบไม่เรี่ยวแรงขัดขืนอะไร ความทุกข์ขรมและความไม่เข้าใจฟูเต็มอก
ไซมอนด์ไม่ได้ตอบคำถามลูกของตัวเองเพราะในหัวนั้นกำลังหัวเราะดังลั่นเมื่อสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝันนั้นกำลังจะกลายเป็นจริงในอีกไม่นาน สติที่พร่ามัวไปด้วยความโลภทำให้ไม่แม้แต่จะสนใจฟังสิ่งใด มือกระชากดาบสีขาวที่ตนเพิ่งให้เฟเนกส์ออกจากปลอกดาบและฟันลงที่แขนทันที!

อ้ากกกกกกกก

เฟเนกส์เบิกตากว้างกรีดร้องน้ำตาไหลพราก ตัวดิ้นพล่านหากแต่ขยับไม่ได้เพราะถูกพันธนการไว้อย่างเหนียวแน่น นัยน์ตาสีทองสั่นระริกในขณะที่มองพ่อตัวเองกำลังใช้อ่างแก้วรองเลือดสดๆ ที่ไหลบ่าออกจากแขน

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแผลกรีดลึกแต่ความเจ็บปวดนั้นราวกับถูกหักกระดูกเป็นสองท่อน!

"ท่านพ่อ ท่านจะทำอะไรข้า!!!"

ตะคอกถามเสียงดังอย่างผิดวิสัย ความคิดต่างๆ ในหัวเริ่มจางหายไปและถูกแทนที่ความบ้าคลั่ง

"ท่าน ท่านพ่อ!!! ฮืออออ!"

เสียงกรีดร้องของเฟเนกส์เหมือนกับสุนัขจนตรอก 

หากแต่องค์กษัตริย์ก็ยังไม่สนใจอยู่ดีเมื่อเลือดนั้นมากอยู่ในระดับที่ปริ่มกับขอบอ่างก็เริ่มร่ายเวทบางอย่างทันที เหล่าขุนนางรีบกระชากตัวเฟเนกส์ออกจากโต๊ะ อีกส่วนหนึ่งเลื่อนโต๊ะออกและเปิดกลไกลับที่ซ่อนอยู่ใต้พรมสีดำ

แกร้ก กึก 

เสียงสลักกลอนดังกุกกักสองสามครั้งก่อนที่ประตูจะค่อยๆ เลื่อนออกเป็นบันไดลงสู่ห้องลับใต้ดิน

ความลับที่ถูกซุกซ่อนมาอย่างยาวนานของไซมอนด์

ฮื่อออออออออ !

เพลิงลูกใหญ่ถูกพ่นใส่เหล่าขุนนางทันทีเมื่อมังกรเพลิงสัตว์ประจำกายของเฟเนกส์มาถึงปราสาท นัยน์ตาของมันลุกโชนเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดเมื่อเห็นนายของตัวเองถูกทำร้าย เสียงกรีดร้องนั่นทำเลือดในกายมันพลุกพล่าน ถึงแม้มันกับนายจะชอบตีกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเกลียดกัน!

โฮกกกกกกก!

ไคออสคำรามจนเลือดในอ่างเลือดของเฟเนกส์สั่นระริกเป็นริ้ววงกลม ไซมอนด์ถึงได้รู้สึกตัวและเหลือบมองอย่างเย็นชา

"แอคเนส" ไซมอนด์กระซิบกับอากาศก่อนที่จะเดินลงบันไดอย่างไม่ยี่หระ
 


"อย่าหาข้าใจร้ายแล้วกัน แมวน้อย" 

สิ้นคำกล่าวร่างขององค์รักษ์ก็หักดาบในมือทิ้ง พลังสีดำรอบกายพลันสั่นไหวน้อยๆ ราวกับกำลังตอบรับคำสั่งของผู้เป็นนาย ก่อนที่มันจะค่อยๆ ก่อตัวเป็นดาบอันใหม่ให้กับนายของมัน

"หึ"

โลกัสแค่นเสียงหึนัยน์ตาสัตว์ป่าลุกวาวกระชับดาบในมือที่เริ่มสั่นเทิ้มราวกับว่ามันก็มีชีวิตเช่นเดียวกับผู้ที่ถือ

"แต่จะว่าไปกลิ่นวิญญาณของเจ้ามันก็คุ้นๆ นะ" แอคเนสกล่าวขณะที่มวลอากาศรอบกายค่อยๆ ก่อตัวเป็นพลังบางอย่างที่ชวนให้ขนหัวลุกหากเงี่ยหูฟังดีๆ ก็คล้ายกับได้ยินเสียงกรีดร้องของอะไรบางอย่าง

มันเป็นพลังที่คล้ายกับของเจ้าม้าดำหากแต่เป็นพลังอำนาจที่ชั่วร้ายและอำมหิตยิ่งกว่า!

"กลิ่นคนที่จะฆ่าเจ้าน่ะเหรอ?" โลกัสหัวเราะในลำคออย่างถือดีและพุ่งเข้าใส่ทันทีอย่างไม่กลัวเกรง

นัยน์ตาสีขาวเปล่งประกายวาบน่าขนลุก "ตื่นได้แล้ว เจ้าน่ะ"

ผลั่ก!! 

มวลอากาศสีดำรอบกายพุ่งเข้าใส่โลกัสอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นแค่อากาศว่างๆ หากแต่สิ่งที่โลกัสรู้สึกนั้นคือหมัดหนักๆ จากวิญญาณคลุ้มคลั่ง!

ร่างนักฆ่าเลื่องชื่อกระเด็นจนตัวลอยหากแต่ก็ตีลังกากลับมายืนอย่างมั่นคงได้อีกครั้ง หอบหายใจถี่หนักเมื่อในหัวเหมือนถูกอะไรบางอย่างส่งเสียงน่าสยดสยองพร่ำกระซิบข้างหู

"หิว.. หิวเหลือเกิน.."

โลกัสสะบัดหัวและคำรามออกมาเสียงดัง เสียงที่ได้ยินนั้นชวนให้รู้หดหู่และสิ้นหวังราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไป 

"แมวน้อย ข้าจะสอนเจ้าเองว่าการทระนงตนกับข้าน่ะ"

เสียงหนึ่งดังกระซิบข้างหูโลกัส

"เป็นเรื่องที่โง่เง่าที่สุด!!!"

ก่อนจะกลายเป็นเสียงหวีดร้องจนแสบแก้วหูซึ่งมันก็มาพร้อมกับคมดาบที่แทงเข้ามาที่ท้อง

ฉับพลันหัวของโลกัสขาวโพลน นัยน์ตาเบิกกว้างก่อนจะกลายเป็นดวงตาของสัตว์ร้ายอย่างเต็มตัวในชั่ววินาที ร่างกายถอยหนีออกจากคมดาบและใช้ดาบของตนเองแทงกระหน่ำตอบ

คมดาบว่องไวฟาดฟันกันในอากาศจนมองไม่ทัน แอคเนสพยายามใช้พลังลึกลับของตนเองในการลอบโจมตีโลกัสไปด้วยหากแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะร่างนักฆ่าคล้ายกับมีตาหลังสามารถหลบได้ทันทุกครั้ง

จากที่เคยได้เปรียบเริ่มกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ

แอคเนสขบกรามกรอด สายตามองไปยังร่างนักฆ่าอย่างกราดเกรี้ยวเมื่อจำได้ว่าสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่คืออะไร "พยัคฆ์ทมิฬ!!"

ปีศาจเสือโคร่งดำที่มันเคยปะทะเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว!

"ไม่คิดว่าเจ้าจะจำข้าได้" เสียงหนึ่งที่ไม่ใช่เสียงของโลกัสกล่าวออกมาอย่างไม่ยี่หระ ใบหน้าหล่อเหลากรำแดดของโลกัสแสยะยิ้มเหี้ยม "กริมม์"

"ย่อมจำได้ เพราะเจ้าเป็นเสือโง่ๆ ไม่กี่ตัวที่กล้าเผชิญหน้ากับข้า" เมื่อชื่อที่แท้จริงของตัวเองปรากฎ กริมม์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนใบหน้าของแอคเนสมาเป็นที่แท้จริงของตัวเอง

ใบหน้าสีดำที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์จนหาใบหน้าจริงแทบไม่ได้ นัยน์ตาข้างนึงที่ถูกควักออกไปเหลือเพียงข้างเดียวที่มีเพียงตาขาวที่พลังสีขาวหมุนริ้วอยู่ภายใน

"ยินดีที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง ฮาร์เคฟ" กริมม์พูดด้วยรอยยิ้มจางแต่กลับทำให้คนมองรู้สึกขนลุกชัน "ถึงจะในร่างมนุษย์ก็เถอะ"

ฮาร์เคฟโคลงหัวไปมาขณะที่พูด "ช่วยไม่ได้ ข้าชอบตอนที่ได้เหยียบพื้นด้วยเท้าสี่ข้างมากกว่า" ก่อนที่นัยน์ตาจะจ้องมองมาหากริมม์อย่างเย็นเยียบ มือกระชับดาบแน่นจนดาบเกิดรอยริ้วเป็นลวดลายประหลาด

"แต่ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ร่างไหน ก็อย่าหวังว่าจะฆ่าข้าได้!!" กริมม์ตะคอกตวัดดาบที่อัดแน่นด้วยพลังวิญญาณเข้าใส่ร่างของโลกัสอย่างไม่รอช้า

หากแต่นั่นก็ยังช้าไปกว่าร่างของโลกัส สัญชาตญาณที่ผ่านการสร้างมาอย่างยาวนานทั้งของโลกัสและฮาร์เคฟผสมผสานกันจนกลายเป็นมากกว่าสัญชาตญาณ สามารถตอบสนองได้ทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดแม้ต่เสี้ยววินาทีเดียว ร่างนักฆ่ากระโดดหลบได้อย่างรวดเร็วและโจมตีกลับด้วยดาบทรงพลังใส่ที่คอ!

ในชั่วขณะนั้นฮาร์เคฟคลี่ยิ้มสะใจออกมาพร้อมกับอารมณ์ตื่นเต้นที่คาดว่าตนเองจะสามารถบั่นคอคนที่เคยฆ่าตัวเองไป!
กึก

ปลายดาบถูกสกัดด้วยด้ามดาบของกริมม์

"ลืมไปแล้วหรือ แมวน้อย ความประมาทคือหนทางแห่งความตาย"

กริมม์กระซิบตอบกระชากดาบในมือเพื่อกระชากตัวฮาร์เคฟมาด้วยก่อนที่จะเรียกพลังวิญญาณมาก่อเป็นมีดเล็กเตรียมจะแทงเข้าที่ท้องแต่ก่อนที่คมมีดจะถึงท้องของโลกัสนั้น กริมม์ก็พูดอะไรบางอย่างที่ตกค้างในใจตัวเองมานาน

"ข้าก็สงสัยอยู่ว่าวิญญาณของเจ้าหายไปไหน"   

กริมม์กระตุกยิ้ม

"กลายมาเป็นผีลืมหลุมแอบซ่อนอยู่ในร่างมนุษย์นี่เอง!" สิ้นประโยคคมดาบก็จ้วงเข้าที่ท้องของโลกัสทันที!

ฮาร์เคฟในร่างโลกัสเบิกตากว้างจนแทบตาถลนด้วยความตกใจ นิสัยทระนงตนและมั่นใจในตัวเองเกินเหตุกำลังทำพิษให้มันอีกแล้ว เดิมทีมันอาศัยอยู่ในเมืองมนุษย์จึงไม่ค่อยมีใครสามารถสู้มันได้ ทำให้มันมั่นใจจนเกิดเหตุว่าศัตรูจะไม่มีวันทำอะไรมันได้ แต่มันก็ลืมไปว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงมนุษย์..

ครั้งที่แล้วที่มันสู้กับกริมม์ก็พ่ายแพ้เหมือนกันเพราะหลงคิดว่าตัวเองจะฆ่ามันได้แล้ว แต่ก็พบว่าตัวเองคิดผิด กริมม์ไม่ได้พ่ายแพ้มันเพียงแต่รอโอกาสที่จะฆ่ามันอย่างทรมาน!

เคร้ง

กริมม์เบิกตากว้างเมื่อเห็นดาบน้ำแข็งเข้ามาสกัดมีดเล่มเล็กของตัวเอง 

"อย่าลืมสิ ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว" อัลฟินยิ้มพรายกลบเกลื่อนความรู้สึกรวดร้าวภายใน มันเหมือนกับว่ากำลังมีอะไรบางอย่างแทะร่างกายอยู่ตลอดเวลา

"หึ ข้าต้องนับเจ้าอยู่ในศัตรูด้วยเหรอ?" กริมม์หัวเราะในลำคอเปลี่ยนมีดเล็กเป็นดาบด้ามยาวในพริบตากระโจนเข้าใส่อัลฟิน หากแต่ยังไม่ทันได้ออกดาบก็ต้องหลบไปอีกทางเมื่อไอ้เสือปัญญาอ่อนข้างหลังได้สติเอาดาบมาไล่ฟันแทงด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมและรุนแรงมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

มีผลมาจากโทสะที่ถูกเก็บสะสมมาหลายสิบปีปะทุออกมาพร้อมกับความรู้สึกเคียดแค้นที่ตัวเองโง่งมเกือบจะตกเป็นเหยื่อให้กริมม์มันฆ่าได้ง่ายๆ อีกครั้ง!

"ไม่ข้าตาย เจ้าก็ต้องตาย!!!" ฮาร์เคฟตะโกนดังลั่นคล้ายลั่นวาจาสาบาน เสียงที่ดังออกมานั้นคล้ายกับเสียงคำรามของเสือโคร่งที่พร้อมจะฆ่าศัตรูที่กล้ารุกล้ำเข้ามาในอาณาเขต

ร่างของนักฆ่าพุ่งเข้าใส่กริมม์ที่หนีอย่างว่องไวไม่ยอมปะทะตรงๆ ซึ่งยิ่งเวลายื้อไปมากเท่าไหร่ความดุดันเลือดในกายของโลกัสก็พลุ่งพล่านจนร้อนผ่าวไปทั้งตัว ปากอ้ากว้างหอบน้อยๆ เผยให้เห็นเขี้ยวที่ยาวออกมาอย่างเห็นได้ชัด

อัลฟินมองการต่อสู้ดุเดือดตรงหน้าด้วยสีหน้าทึ่งๆ มือกุมท้องที่มวนขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ สิงโตหนุ่มเผลอทำสีหน้าเหยเกและทรุดฮวบลงบนพื้น 

"ท่านอัลฟิน!" หนึ่งในองค์รักษ์ของอัลฟินที่ยังคงชุลมุนกับการสู้กับองค์รักษ์ขององค์ราชาอุทานขึ้นมา รีบปลีกตัวและถลาเข้าไปประคองนายของตัวเองทันที จับแขนท่านอัลฟินพาดคอตัวเองไว้และพยุงให้ลุกขึ้นเพื่อจะพาไปขึ้นหลังเจ้าม้าขาวที่สาวเท้าเข้ามาใกล้มองเจ้านายของมันด้วยสายตาเป็นห่วง 

"ข้าไม่เป็นไร" อัลฟินดึงมือออกอย่างสุภาพพยายามยืนด้วยตัวเองแม้ว่าจะรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดอวลอยู่ในปากและจมูก จึงพยายามสูดหายใจแรงๆ เพื่อกดมันลงไปให้หมด นัยน์ตาสีเทาจับจ้องเจ้าม้าขาวและลูบหัวมันเบาๆ "ข้าไม่เป็นไรจริงๆ เจ้าไม่ต้องห่วงข้า"

กล่าวจบก็ถีบตัวขึ้นหลังเจ้าม้าขาวทันทีเพื่อแสดงให้เจ้าม้าเห็นว่าตัวเองไม่เป็นไรจริงๆ

ฮื่อ!

เจ้าม้าพ่นลมหายใจไม่พอใจ ส่ายหัวไปมาอย่างหงุดหงิด 

อัลฟินยิ้มเหนื่อยใจลูบแผงคอนุ่มเบาๆ 

ไม่ว่าเรื่องอะไรข้าก็ปิดเจ้าม้าบ้านี่ไม่ได้สินะ... 

ฮี้!

เสียงม้าแปร่งๆ เสียงหนึ่งดังเสียดหูและคุ้นหูอย่างประหลาดทำให้อัลฟินหันไปให้ความสนใจ

"ต้องการอะไรจากข้า เจ้าม้า" อัลฟินถามเสียงนุ่มทั้งๆ ที่เลือดกำลังไหลออกมาจากจมูกอย่างช้าๆ ร่างทั้งร่างชาวาบเหมือนถูกบางสิ่งที่มองไม่เห็นกระชากวิญญาณในร่างจนเป็นชิ้นๆ

อึ่ก

อัลฟินปิดปากตัวเองที่เผลอร้องออกไป ใบหน้าหล่อเหลาพยายามคงใบหน้าสุขุมเอาไว้หากแต่ก็ทำได้ไม่ดีนักเพราะความเจ็บปวดนั้นลุกลามเร็วจนเกินไป

กุบกับ

เจ้าม้าดำสาวเท้าเข้าไปใกล้อัลฟิน มันมองสิงโตหิมะเบื่อๆ และควบคุมหมอกวิญญาณไปครอบตัวอัลฟินเพื่อดึงสิ่งแปลกปลอมที่พยายามเข้าไปครอบครองร่างของอัลฟินออกมา

ถึงแม้ว่าพลังของกริมม์นั้นจะเหนือกว่าเจ้าม้าดำ แต่ก็เป็นพลังชนิดเดียวกันจึงพอหักล้างกันได้

เจ้าม้าขาวค้อมหัวลงเล็กๆ เชิงขอบคุณที่ช่วยเหลือนายของมัน ลืมความแค้นความเหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกพบจนหมด เมื่อเจ้าม้านี่กลายเป็นผู้รักษานายของมัน ทั้งๆ ที่มันคิดว่าเจ้าม้าดำนี่จะใช้โอกาสที่นายมันอ่อนแอแก้แค้นทั้งมันและนายของมัน
ฟู่ว

เจ้าม้าดำพ่นลมหายใจเหนื่อยๆ ออกมาทางจมูก และเชิดหน้าขึ้นคล้ายกับกำลังโอ้อวดเมื่อใบหน้าของอัลฟินกลับมามีสีเลือดอย่างเห็นได้ชัด

อัลฟินลูบจมูกตัวเองอึ้งๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดพวกนั้นหายไปหมดแล้วเหลือเพียงรอยเลือดจางๆ ที่มือนี่เป็นหลักฐานว่าสิ่งที่เขาประสบเมื่อกี้มันเกิดขึ้นจริงไม่ได้ฝันไป

"ขอบคุณเจ้ามาก เจ้าม้า-- ไม่สิ" อัลฟินส่ายหัวเบาๆ แล้วยิ้ม "เพกาซัส"

เจ้าม้าดำส่งเสียงฮื่อๆ ในลำคออย่างลำพองก่อนที่มันจะใช้หัวมันพยักเพยิดไปบนหลังของมันคล้ายกับกำลังบอกอะไรบางอย่างกับสิงโตหนุ่ม

อัลฟินมองตามอย่างว่าง่ายพบว่าเห็นเวสเปอร์กำลังนั่งนิ่ง เจ้าแมวที่อยู่ภายในอ้อมกอดพยายามเอาตัวถูไถเรียกร้องความสนใจอย่างลุกลี้ลุกลน 

สิงโตหนุ่มมองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงงหากแต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเวสเปอร์ก็ลมหายใจกระตุก

เพราะสีหน้าของเวสเปอร์ไม่ได้นองไปด้วยน้ำตาอย่างเคย แต่เป็นใบหน้านิ่งเรียบเฉยนัยน์ตาเลื่อนลอยไร้แววราวกับปฏิเสธที่จะรับรู้เรื่องราวใดๆ ต่อจากนี้อีก!

"เวสเปอร์! เวสเปอร์" อัลฟินเขย่าตัวเวสเปอร์จนตัวโยนอย่างร้อนรน ไร้ท่าทีเย็นชาดั่งที่เจอกันครั้งแรก ตอนนี้ทั้งอัลฟินและเวสเปอร์น่าจะกลายเป็นพวกกันได้เพราะ พวกเขาล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือการโค่นบัลลังก์ปัญญาอ่อนนี่ลง! 

"อืม?" เวสเปอร์ครางในลำคอเชิงรับรู้นัยน์ตาสะท้อนใบหน้าของอัลฟินก่อนที่เจ้าตัวจะเอียงคอเล็กๆ เพื่อแสดงถึงความงุนงงของตัวเอง

"เวสเปอร์ เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?" อัลฟินตั้งใจจะเอาหลังมืออังหน้าผากเวสเปอร์หากแต่ก็ถูกมือเล็กๆ ผลักออก 

"ข้า.. ไม่เป็นไร" องค์รัชทายาทคนโตของเมืองเอวินด์กล่าวเสียงเรียบ นัยน์ตาหลุบต่ำมองเจ้าม้าดำที่เอียงคอมามองอย่างเป็นห่วง "ข้า.. ก็แค่ไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว"

"การร้องไห้ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะอ่อนแอหรอกนะ เวสเปอร์" สิงโตหนุ่มพยายามพูดพยายามดึงองค์ชายขี้แยคนนั้นกลับมาจากองค์รัชทายาทที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ตรงหน้า

นี่เจ้าจริงๆ งั้นเหรอ? เวสเปอร์..

เวสเปอร์หัวเราะเบาๆ ตอบ มือลูบขนเจ้าแมวในที่มองตนเองตาแป๋วอ้อยอิ่ง "ข้า... ก็แค่คิดว่ามัน.. เปล่าประโยชน์ที่ข้าจะร้องไห้ เพราะ.. ยังไงก็ไม่มี มี อึก" เวสเปอร์สะบัดหัวตัวเองเมื่อเผลอพูดติดอ่าง "ไม่มีใครเห็นใจข้าอยู่ดี" 

กล่าวจบก็เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เป็นสีแดงก่ำ พระจันทร์เสี้ยวเดียวที่ยังคงประดับอยู่บนท้องฟ้านั้นให้ความรู้สึกคล้ายกับกริชที่พร้อมจะแทงองค์รัชทายาทอย่างข้า.. โดยที่ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนในครอบครัวของข้า..

ท่านแม่... เฟเนกส์.. ไอเรส.. ท่านพ่อ.. 

ไม่ว่าใครก็ล้วน.. ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตอยู่ทั้งนั้น

เวสเปอร์เม้มปากแน่นเมื่อน้ำตาทำท่าจะไหลอีกครั้ง มือจิกแน่นที่แขนเพื่อใช้ความเจ็บปวดสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าภายในหัวจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น คำถามไร้ที่มาปรากฎมากมายในหัวเวสเปอร์จนต้องยกมือกุมหัวตัวแน่นหอบหายใจตัวโยน พยายามที่ต่อสู้กับมันด้วยตัวเอง

ข้าร้องไห้มากี่ครั้งแล้วนะ?

โง่เขลากี่ครั้งแล้วนะ?

เกือบจะถูกฆ่ามากี่ครั้งแล้วนะ?

ข้าเคยเข้มแข็งไหมนะ?

เคยมีใครต้องการข้าไหมนะ?

เวสเปอร์กัดปากจนกลิ่นเลือดอวลในปาก หลับตาแน่น

ข้าควรมีชีวิตอยู่ไหมนะ?

แค่ก!

"เวสเปอร์!" อัลฟินสะดุ้ง

กลุ่มเลือดกระเด็นออกมาจากปากเวสเปอร์เปรอะไปทั่วตัวเจ้าม้าดำ องค์ชายใช้หลังมือเช็ดปากตัวเองลวกๆ และวางมือสั่นๆ ลงวางบนหัวเจ้าแมวอีกครั้ง

"ข้าไม่เป็นไร" กระซิบตอบเสียงเบาเหลือบมองไปยังเจ้าเสือที่ยังคงไล่ล่าฆ่าตัวประหลาด "เจ้าเสือ..." เผลอเรียกออกไปโดยไม่รู้ตัว ในอกรู้สึกคิดถึงมืออุ่นๆ ของโลกัสอย่างประหลาด 

คิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ว่าอะไรในโลกใบนี้ก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้อีก

"โลกัส.." พูดอีกครั้งอย่างเลื่อนลอยก่อนที่จะต้องเบิกตากว้างเมื่อตัวประหลาดที่กำลังถูกไล่ล่าพุ่งตัวเข้าชนคมดาบและเจ้าเสือออกให้พ้นทางไม่สนใจอาการบาดเจ็บ 

"ตามข้ามาสิ ถ้าเจ้ากล้า!!" มันหัวเราะเสียงดังลั่นและหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

ฮาร์เคฟคำรามตามเข้าไปโดยไม่ต้องคิด ไม่สนใจแม้แต่จะรอเวสเปอร์เหมือนอย่างเคย

เพราะวิญญาณเจ้าของร่างในตอนนี้ไม่ใช่พยัคฆ์ดำ!

"เจ้าเสือ เจ้าเสือ" เวสเปอร์ลืมตาโพลง เขย่าคอเจ้าม้าดำ 

เจ้าม้าดำยกขาขึ้นสูงส่งเสียงคำรามในลำคอกระแทกเท้าตามเข้าไปทันที ขณะที่มันเกือบจะวิ่งหายเข้าไปในปราสาทมันเหลือบมองอัลฟินที่กำลังโบกมือให้ยิ้มๆ เชิงลา

สิงโตหิมะส่งเสียงหัวเราะคิกในลำคอ "เป็นม้าที่มารยาทดีจังนะ" และมองไปยังเหล่าองค์รักษ์ของราชาไซมอนด์ที่ได้รับบาดเจ็บหนักกว่าองค์รักษ์ของตัวเองด้วยความสะใจ

มือหนาหักกระดูกนิ้วตัวเองดังกร็อบ

"ถึงเวลาเชือดแล้วสิ"

---------------
 :z13: แต่งหลายวันมากตอนนี้

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่า  :กอด1:
 
 
 
 
   
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 19 10 ส.ค 59 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-08-2016 22:49:16
เอิ้บ

ถึงอัลฟินจะดันให้เวสเปอร์ครองบัลลังก์ แต่เวสเปอร์จะกลายเป็นหุ่นเชิดแทน

กริมม์ก็มา เจอคนที่ฆ่าพยัคฆ์ดำจนได้~

แต่บอสใหญ่คือตัวอะไรน้อ~?? ใครจะเอาลง มันดูเทพเกินจริ๊ง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 19 10 ส.ค 59 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-08-2016 23:03:36
โหยยยย มีความซับซ้อน
หรือจริงๆ แล้วเวสเปอร์ปกติ แต่ถูกทุกคนทำเหมือนเวสเปอร์ไม่ปกติ โอ้ย เดาไม่ออกง่าา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 20 22 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 22-08-2016 23:00:31
ตอนที่ 22

สิ้นคำกล่าวของกษัตริย์ไซมอนด์เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้นทันที

โฮกกกกกก

ไคออสคำรามเสียงดังลั่นอย่างเจ็บปวดเมื่อจู่ๆ หางของมันก็กลายเป็นรอยกรีดลึกถึงกระดูก มันอ้าปากกว้างพ่นไฟบรรลัยกัลป์ใส่ทุกสิ่งที่ขวางหน้า ใช้ตัวกระแทกสิ่งที่ขวางทางอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดขั้นรุนแรงกำลังทำให้มันสติแตก บางสิ่งบางอย่างกำลังกระซิบอยู่ข้างหูมันอย่างไม่หยุดไม่หย่อน

เหล่าขุนนางที่รู้ดีว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นต่างพากันสาวเท้าตามกษัตริย์ไซมอนด์ไปอย่างรวดเร็ว ในมือพวกเขายังคงพันธนาการองค์รัชทายามคนรองอย่างสุดชีวิตเมื่อคนถูกพันธนาการทำท่าจะคุ้มคลั่งตามสัตว์ในพันธสัญญาของตัวเอง

"ไคออส! ไคออส! ท่านพ่อ ท่านทำอะไรมัน!!!" เฟเนกส์คำรามความกราดเกรี้ยวทำให้พละกำลังที่คล้ายจะสูญหายไปกลับมาอย่างรวดเร็วหากแต่บางอย่างก็คล้ายกับจะล่วงรู้เท่าทันเฟเนสก์

"เป็นเด็กดีหน่อยสิ เฟเนกส์"  มือเย็นชืดราวกับซากศพสัมผัสกับใบหน้าของเฟเนกส์พร้อมกันนั้นเจ้าของมือยังแสยะยิ้มคล้ายกับเอ็นดูในตัวเด็กน้อย "เจ้ากับข้าจะได้อยู่ด้วยกันแล้วไง.."

เฟเนกส์เบิกตาโพลงหายใจติดขัด สัญชาตญาณที่ฝังลึกลงไปในเลือดทุกหยาดหยดกำลังเตือนเจ้าของร่างอย่างดุร้ายว่าอย่าได้ไปยุ่งกับมันเด็ดขาด!! 

"ไม่!! ไม่ อย่ามายุ่งกับข้า!" ปัดมือสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์ตรงหน้าจนมีเสียงดังกร็อบและกระชากตัวเองแรงๆ จนสามารถหลุดออกมาจากพันธนาการได้ 

นัยน์ตาสีทองขององค์ชายรองเรืองรองในความมืดของบันไดชั้นใต้ดินคล้ายกับกำลังกล่าวตนเป็นปฏิปักษ์ต่อมันโดยไร้คำพูด มือกระชากดาบสีแดงชาดที่เคยเป็นสีขาวสว่างออกจากฝักและชี้ไปที่ใบหน้าของมันอย่างไร้ความเกรงกลัว 

ในเมื่อท่านพ่อเลือกที่จะทอดทิ้งข้า ข้าก็จะเลือกทางของตนเอง!

เฟเนกส์คิดอย่างมาดมั่นทั้งๆ ที่หัวใจในอกนั้นแหลกละเอียด การกระทำของท่านพ่อที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ฉายชัดว่าท่านพ่อไม่ได้เห็นเขาเป็นลูกแม้แต่นิดเดียว เพราะคงไม่มีพ่อที่ไหนมาฟันแขนลูกตัวเองทั้งๆ ใบหน้ายังยิ้มแย้มแบบนั้น...

ทั้งๆ ที่ข้าให้ทุกอย่างในชีวิตของข้ากับท่านพ่อ.. แต่ท่านพ่อกลับตอบแทนข้าแบบนี้ ข้าก็แค่อยากได้ความรัก ความสนใจเหมือนที่เวสเปอร์เคยได้รับ.. ข้าอยากได้มันบ้างไม่ได้เหรอ 

ทุกอย่างในชีวิตข้าเหมือนถูกเวสเปอร์ช่วงชิงไปจนหมด ไม่ว่าจะท่านพ่อหรือท่านแม่ทุกคนล้วนให้ความสนใจมัน จนกระทั่งมันปัญญาอ่อนท่านแม่ก็เลือกที่จะอยู่กับมันไม่ใช่ข้า!

น้ำตาหยดซึมเปียกใบหน้าของเฟเนกส์ขัดกับท่าทางองอาจดุจราชาแห่งเมืองเอวินด์

"หากท่านต้องการร่างของข้า ท่านก็จงฆ่าข้าให้ได้ซะก่อน" 

สัตว์ประหลาดฉีกยิ้มยียวนด้วยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเอง นัยน์ตาที่มีเพียงดวงไฟสีขาวลุกโชนจับจ้องไปที่เฟเนกส์เขม็งรอยยิ้มบางปรากฎขึ้น "เด็กดี.. เจ้ากำลังเดินไปในทางที่ผิด"

ฉึบ

"อ้ากกกก" เฟเนกส์กรีดเสียงออกมาอย่างเจ็บปวดกุมท้องตัวเองที่กลายเป็นแผลลึกโดยไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาสีทองยังคงเรืองรองส่อความเป็นปฏิปักษ์หากแต่มันก็สั่นระริกด้วยความสิ้นหวังในเวลาเดียวกันเมื่อมันค่อยๆ สาวเท้าเข้ามาใกล้

เสียงฝีเท้าแต่ละก้าวดังลั่นในแว่วความคิดของเฟเนกส์

"ถ้าไม่ติดว่าร่างของเจ้ามันเหมาะสำหรับข้า ข้าคงจะทำโทษเด็กดื้ออย่างเจ้าไปแล้ว" กริมม์หัวเราะหึๆ ใช้ลิ้นเลียดาบที่ชุ่มไปด้วยทั้งเลือดมังกรไฟและองค์รัชทายาทคนรองอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่มันจะจ้องไปยังเหล่าขุนนางยืนตั่วสั่นระริกใกล้ๆ เชิงออกคำสั่ง

"ขอ ขอรับ!" ขุนนางตัวอ้วนที่รู้ดีว่าร่างตรงหน้าคือใครรีบพาร่างอ้วนๆ ของตัวเองไปกระชากตัวเฟเนกส์ลงบันไดต่อโดยไม่ยากเย็นนัก

โฮกกกก

"ไม่ ไม่ ไคออส ไม่" เฟเนกส์พึมพำพูดออกมาอย่างเจ็บปวด มองมังกรไฟของตัวเองด้วยความสงสารเมื่อเห็นมันกรีดร้องคล้ายกับพยายามเรียกชื่อเขาทั้งๆ ที่เนื้อตัวของมันเต็มไปด้วยรอยฟันลึกจนเห็นกระดูกอีกทั้งนัยน์ตาของมันก็เหมือนจะมืดบอดไปแล้ว..

"มังกรหน้าโง่ เจ้าคิดว่าแมวน้อยจะหลงทางอีกนานไหม?" กริมม์พูดด้วยอารมณ์ดียิ่งมองมังกรไฟที่นอนสิ้นท่าอยู่บนลมหายใจขาดห้วง 

ทั้งๆ ที่ดวงตานั้นมืดบอดไปแล้ว ไคออสกลับพยายามใช้นัยน์ตาสัตว์ร้ายมองกริมม์อย่างเคีียดแค้น มันพยายามยันตัวขึ้นมาสู้ต่อแต่ก็พบว่านอกจากหายใจแล้ว

มันก็คงทำอะไรไม่ได้อีก

มังกรเพลิงพ่นลมหายใจเป็นประกายไฟออกมาเหมือนพยายามให้กำลังใจตนเอง ทั้งๆ ที่มันรู้ตัวว่ามันหมดหนทางสู้แล้วและคงตายในอีกดาบเดียวของสัตว์ประหลาดในร่างมนุษย์ตรงหน้า

ไม่แน่ใจเพราะอะไรที่ทำให้มันหวนนึกถึงตอนที่มันกับนายของมันโลดแล่นเข้าไปในสนามรบต่างๆ ด้วยกัน ในตอนที่มันส่งเสียงคำรามนายของมันก็จะฟันศัตรูไปหนึ่งทัพ หากแต่เมื่อนายของมันเรียกชื่อมัน มันก็จะพ่นไฟเผาที่แห่งให้พังพินาศ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้นทำให้มันรู้สึกสนุกอย่างไม่น่าเชื่อจนมันอยากให้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลานิรันดร์

ที่มีเพียงนายกับมันกำลังโลดแล่นอยู่ในสนามรบ

ไคออสคิดอย่างเจ็บปวดหลับตาลงยอมจำนนแต่โดยดีทำให้กริมม์ยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ

"เจ้า!"

คมดาบคมกริบสาดใส่กริมม์ทันทีเมื่อร่างๆ หนึ่งตามมาถึง

"หาทางกลับบ้านเจอแล้วเหรอแมวน้อย" หากแต่ร่างเป้าหมายก็ไม่ได้ยอมอยู่เฉยๆ ให้โดนคมดาบเล่น กระโดดหลบอย่างง่ายดายไปเหยียบอยู่บนหัวมังกรเพลิง

"ท้าคนอื่นแล้วมุดหัวหนีเข้าไปในรังอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์พูดอะไรหรอกนะ" วิญญาณพยัคฆ์ทมิฬในร่างโลกัสมองกริมม์อย่างดูแคลน กวัดแกว่งดาบที่ส่งแสงสีดำเรืองรองในมือเตรียมจะจู่โจม

กริมม์คิ้วกระตุกเลือดในกายเริ่มเดือดดาลจึงไหวไหล่แสยะยิ้ม "ข้าก็แค่พาเจ้าชมสวนหน้าบ้านของข้าเท่านั้นเอง" ดาบกระแทกกดลงในศีรษะอันแข็งแกร่งของมังกรเพลิงจนส่งเสียงดังกร็อบเสียดหู เไคออสทันทีทำให้วิญญาณของมันค่อยๆ หลุดออกจากร่างด้วยขนาดร่างกายที่เท่าเดิม

และนั่นก็เป็นสิ่งที่กริมม์ต้องการ มันใช้มือกระชากวิญญาณของไคออสที่มีเพียงมันมองเห็นเข้ามาหาตัวมันและกัดกินอย่างตะกละตะกราม

ไคออสพยายามตะเกียกตะกายหนีสุดชีวิต นัยน์ตาของมันสิ้นหวังจนเกินทน ความเจ็บปวดที่ถูกฉีกทึ้งวิญญาณนั้นเจ็บปวดมากกว่าความตายที่มาถึงเมื่อกี้นี้ซะอีก มันอ้าปากกว้างคำรามไร้เสียงออกมาอย่างรวดร้าวก่อนที่ตัวตนของมันจะหายไปในที่สุด
คมดาบคมหนึ่งถูกแทะทะลุอกของกริมม์เมื่เจ้าตัวอเผลอเพลิดเพลินไปกับอาหารมากเกินไป

"เจ้ามันควรตายได้แล้ว!" ฮาร์เคฟคำรามหมุนควงดาบในมือตั้งใจจะคว้านร่างของกริมม์ให้ตายๆ ไป

ลูกไฟสีขาวที่โชติช่วงในดวงตากริมม์กระตุกหนึ่งครั้งก่อนที่มันจะโชติช่วงจนเบ้าตาทั้งเบ้าคล้ายกับถูกเผาด้วยไฟสีขาว "เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาฝันกลางวันนะ ฮาร์เคฟ" มันกระตุกยิ้มร้ายผลักร่างของโลกัสออกด้วยแรงที่มองไม่เห็น แผลในอกสมานกันทันทีด้วยพลังวิญญาณของไคออสที่มันเพิ่งกัดกินเข้าไป

"หุบปาก!" ร่างหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่แทบเกือบจะกลายเป็นเสือโคร่งอยู่กลายๆ โยนดาบในมือทิ้ง หอบหายใจหนัก ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงมากขึ้นอีกครั้ง

ขนสีดำขาวเริ่มปกคลุมใบหน้าของโลกัสเช่นเดียวกับกระดูกสันหลังที่โค้งงอลง หางค่อยๆ งอกออกมาจากเสื้อผ้าที่ฉีกขาด จากมือมนุษย์เริ่มแปรเปลี่ยนอุ้งเท้าสัตว์นักล่า

ฮื่ออ

เสือโคร่งสีดำร่างยักษ์คำรามดังลั่นและกระโจนเข้าใส่ร่างของกริมม์ทันที 

ปึ่ก

ฮาร์เคฟส่ายหัวมึนๆ เมื่อเหมือนกับเพิ่งกระโดดชนอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นไป

"เจ้าแย่งร่างมาแบบนี้ ไม่กลัวร่างเจ้าเด็กนี้ตายรึไง" กริมม์ว่าขึ้นมาขณะที่กำลังสาวเท้าลงบันไดอย่างสบายใจ จมูกรับรู้ถึงกลิ่นเลือดหอมกรุ่นที่มันชื่นชอบ ยิ่งทำให้มันสาวเท้าลงบันไดเร็วขึ้นอีกหลายระดับ นัยน์ตาสีขาวเป็นประกายระยับด้วยความพอใจและแปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายอีกครั้งในแทบจะทันทีเมื่อฮาร์เคฟใช้กรงเล็บผสานกับเวทในการทำลายโล่วิญญาณที่ทำจากวิญญาณไคออสได้

"อย่าดื้อด้านให้มันมากนัก ไอ้เสือเวร!!" กริมม์แทงดาบเข้าที่ตัวของฮาร์เคฟทันทีเมื่อมันกระโจนเข้ามาหาตนเอง
เคร้ง

กรงเล็บที่แข็งดั่งเหล็กกล้ากระทบกับดาบที่สร้างขึ้นจากพลังวิญญาณอัดแน่นกัน ร่างนักล่าคำรนในลำคออย่างฮึกเหิมเมื่อเท้าแตะพื้นอีกครั้งมันก็กระโจนเข้าไปหาอีกครั้งทันที ปากอ้ากว้างเตรียมจะจมคมเขี้ยวของตัวเองลงในร่างของศัตรู

"ดูเจ้าจะอยากกินเนื้อเจ้าองค์รักษ์หน้าโง่นี้ซะเหลือเกินนะ" 

คำพูดแดกดันแปลกประหลาดทำเอาฮาร์เคฟรู้สึกงุนงงเล็กๆ ซึ่งหลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีมันกัดเข้าไปในคอที่ไร้ซึ่งชุดเกราะบดบัง เสียงกร็อบที่เกิดขึ้นฟังลื่นหูมันมากเช่นเดียวกับกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งในปาก แต่ไม่รู้ทำไมทั้งๆ ที่มันสามารถฆ่าร่างของกริมม์ได้แล้วแต่มันกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองได้รับชัยชนะแม้แต่นิดเดียว

"อยากกินก็ตามใจ ร่างอ่อนแอแบบนี้ น่าจะพอเป็นอาหารค่ำให้เจ้าอิ่มไปหลายวัน" เสียงดังหยอกเย้าหากแต่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมกระซิบข้างหูร่างเสือโคร่ง

ฮาร์เคฟขนลุกซู่ไปทั้งตัว หูตั้งชันขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงวิญญาณที่มันคิดว่าตายไปแล้ว ปากเผลอปล่อยเหยื่อออกจากปากทำให้ร่างมนุษย์ที่อ่อนปวกเปียกกองไร้ค่าอยู่บนพื้น เสียงร่างเหลวๆ กระทบทำมันหันขวับลงไปมอง ยิ่งทำให้มันผวาเฮือกถอยห่างจากศพบนพื้น

มันเป็นศพที่มีใบหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง เป็นใบหน้าแท้ๆ ของเจ้าของร่าง

"กินซะสิ อร่อยนะ ก่อนที่เจ้าจะไม่มีหมดโอกาสได้กินอีก"

เสียงอันไร้ที่มายังคงดังก้องในหูของฮาร์เคฟแม้ว่ามันจะพยายามเอาอุ้งเท้าหนาๆ ปิดหูของตัวเองไว้ ความหวาดผวาที่น่ารังเกียจปรากฎในอกมัน มันในตอนนี้คล้ายกับแมวที่กำลังหวาดกลัวสุนัข ขนทั้งตัวลุกชัน มันยืนตัวแข็งชาดิกไปทั้งตัว มองศพบนพื้นด้วยความหวาดกลัว

ทั้งๆ ที่มันมั่นใจแล้วแท้ๆ ว่าตัวเองไม่หวาดกลัวทั้งวิญญาณของกริมม์ทั้งร่างของมนุษย์ที่นอนตายอยู่ตรงหน้าตัวเอง

"น่าเสียดาย ที่ข้าฆ่าเจ้าตอนนี้อีกรอบไม่ได้" พูดจบก็ทอดถอนใจคล้ายกับเสียดายนักหนา "ไว้ข้าจะมาเล่นกับเจ้าใหม่อีกครั้งแล้วกันนะ แมวน้อย"

เป็นครั้งแรกที่มันรู้สึกถึงความเมตตาของกริมม์

มันขดตัวแน่นหลับตาหอบหายใจหนัก หัวใจเต้นแรงรู้สึกหวาดกลัวในตัวของกริมม์แทบบ้า มันเริ่มรู้สึกเกลียดตัวเองที่เคยทระนงตนจนมากเกินไป ตอนนี้มันรู้แล้วว่าลำพังแค่พละกำลังกับเวทมนตร์คงจะชนะกริมม์ไม่ได้ เสียงกระซิบข้างหูมันทำให้มันรู้ตัวทันทีว่ามันคงไม่มีปัญญาฆ่ากริมม์ได้ 

ไหนจะร่างมนุษย์ตรงหน้าที่เคยถลกหนังมันทั้งเป็นอีก!

ร่างเสือโคร่งตัวสั่นเทาเมื่อในหัวคล้ายกับจะเห็นภาพตัวเองในอดีตที่ถูกตรึงไว้ด้วยโซ่หนักที่ลงเวทย์อย่างแน่นหนา มันในตอนนั้นถึงกับยอมทิ้งคำสาบานของสายเลือดตัวเองเป็นครั้งที่สอง ที่ว่าไว้เกี่ยวกับการห้ามพูดคุยกับมนุษย์ มนุษย์เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับปีศาจพยัคฆ์อย่างพวกมันเพราะนอกจากพลังเวทย์กับพละกำลังแล้ว เลือดและหนังของพวกมันยังถือเป็นสื่อกลางเวทย์ชั้นสูงที่หาได้ยาก การข้องเกี่ยวกับมนุษย์ที่ละโลบโลภมากจึงเป็นเรื่องที่เขลาที่สุดสำหรับพวกมัน

หากแต่ครั้งนั้นเมื่อมันเห็นมีดพร้าในมือมนุษย์คนนี้ มันก็กรีดร้องอ้อนวอนทันทีแต่ก็ไม่ได้ผล มันถูกกรีดเนื้อเอาเลือดถูกมีดเฉือนผิวหนังอย่างช้าๆ เพื่อลอกหนังที่มันภาคภูมิใจออกไป ความเจ็บนั้นยากจะระบาย มันกรีดเสียงโหยหวนจนไม่มีเสียง พยายามอ้อนวอนขอความตายแต่ก็ไม่ได้ผล แต่ละวันมันถูกมนุษย์ค่อยๆ บรรจงพรากทุกอย่างที่มีค่าไปจากมัน กรงเล็บ คมเขี้ยว ทุกอย่าง

ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นกับมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของมนุษย์คนนี้ทำให้มันผวาจนถึงขีดสุด มันในตอนนั้นเป็นเพียงแค่ปีศาจเสืออ่อนแอ พลังเวทย์ทุกอย่างมันให้เด็กน้อยที่มันเลี้ยงดูไปแล้ว เพราะมันรับรู้ดีว่าหากมันปะทะกับพวกมนุษย์อีกครั้ง มันคงไม่มีโอกาสรอดออกมาเลี้ยงมนุษย์ที่มันเอ็นดูอีก

กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเมื่อสายลมอ่อนพัดเข้ามา

ฮาร์เคฟหลับตาแน่นกรงเล็บจิกพื้นกัดฟันกรอดๆ รู้สึกอับจนหนทางจนน้ำตาคลออย่างคับแค้นใจ

"เจ้าเสือ!"

เสียงเรียกแปร่งๆ ข้างหูทำให้ฮาร์เคฟยอมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆ ที่ตัวสั่นเทา มองเห็นใบหน้าน่ามองที่มีสีหน้าเป็นห่วงมาก มือเล็กๆ ลูบหัวเสือโคร่งตัวยักษ์โดยไม่หวาดกลัวก่อนที่จะตระคองกอดแน่นจนหัวฮาร์เคฟฝังลงไปในหน้าท้องนิ่ม

"เจ้าเสือ.. เป็นอะไร.. เจ้าเสือ ข้าอยู่นี้แล้ว" น้ำเสียงร้อนรนรวมกับอ้อมกอดที่พยายามจะอุ่นทำให้จิตใจอันว้าวุ่นของฮาร์เคฟสงบลงอย่างประหลาด 

ฮาร์เคฟหลุบตาต่ำลงมองอุ้งเท้าของตัวเองที่วางเหยียบบนตักมนุษย์ตัวจ้อยตรงหน้า

เวสเปอร์..

คำๆ นี้ปรากฎขึ้นในหัวฮาร์เคฟทันที 

"เจ้าเสือ เจ้าเสือเป็นเสือจริงๆ ด้วย"  ร่างองค์ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กๆ ก่อนที่จะฝังใบหน้าลงบันหัวอันหนานุ่มของฮาร์เคฟ "

"ฮื่อ..." พยัคฆ์ทมิฬคำรามในลำคอเบาๆ มุดหัวถูไถไปกับหน้าท้องของเวสเปอร์จนเจ้าตัวหัวเราะคิกคักและเลียใบหน้าขาวๆ อย่างเอ็นดู

นานแล้ว.. ที่ข้าไม่ได้เจอมนุษย์ที่ถูกชะตาเหมือนกับโลกัส ฮาร์เคฟคิดขณะที่ปล่อยให้เวสเปอร์กอดคอตัวเองแน่น นัยน์ตาสัตว์ร้ายสบมองร่างไม่เล็กไม่ใหญ่ขององค์ชายราวกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง

ใช่.. มันกำลังประเมินอะไรบางอย่างจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กน้อยโลกัสที่มันเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ นี่จะถูกใจเวสเปอร์เข้าแล้วพาเดินทางไปแก้แค้นด้วย เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฮาร์เคฟหัวเราะหึในลำคอ เลิกนั่งเชิดหน้าทิ้งตัวลงนอนบนพื้น

เจ้าเด็กน้อยของข้านี่มันน่านัก... ข้าอุตส่าห์ให้พลังของข้าไปทั้งหมดให้มันไปมีชีวิตใหม่ที่ดีแทนปีศาจเสือแก่ๆ อย่างข้า แต่มันกลับเลือกที่จะไปแก้แค้นคนที่ฆ่าข้าซะอย่างนั้น ความคิดของโลกัสนั้นแรงกล้าจนข้าที่กลายเป็นวิญญาณเตรียมจะถูกยมทูตพาไปเกิดใหม่ต้องหนียมทูตกลับมาหาเจ้าเด็กนี้ด้วยความเป็นห่วง

ไม่สิ อีกเหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะไอ้เวรกริมม์มันจะกินวิญญาณข้าซึ่งนั่นก็คงทำให้พลังมันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลแน่ ฮาร์เคฟปล่อยให้ความคิดล่องลอยขณะที่ร่างของมันเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

"เจ้า เจ้าเสือ" เวสเปอร์หน้าแดงก่ำเมื่อรู้ตัวอีกทีพบว่าร่างที่ตัวเองกอดไม่ใช่ร่างเสือโคร่งตัวยักษ์นุ่มนิ่มอีกต่อไปแต่เป็นร่างมนุษย์วัยฉกรรจ์ที่ร้อนรุ่มดุจไฟเผา

ฮาร์เคฟลืมตาขึ้นมายิ้มจางลูบหัวเวสเปอร์และเอ่ยขอโทษเหล่าผู้มีสายเลือดปีศาจพยัคฆ์ในใจเพราะมันกำลังจะผิดคำสาบานอีกแล้วเป็นครั้งที่สามซึ่งก็น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของมัน

"เจ้าไม่ได้ปัญญาอ่อน ข้าเชื่ออย่างนั้น เวสเปอร์" ลูบหัวทุยเล็กๆ คล้ายกับพยายามปลอบประโลมเด็กน้อยที่หลงทางมาเกือบทั้งชีวิต 

องค์ชายกระพริบตาปริบงุนงง

"ฝากเจ้าดูแลโลกัสด้วยเพราะหลังจากนี้ข้าคงจะไม่อยู่แล้ว" พยัคฆ์ทมิฬกล่าวเสียงนุ่มนวล "ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้"

ถึงแม้จะไม่เข้าใจนักแต่เวสเปอร์ก็พยักหน้าหงึกหงัก "ข้า..จะพยายาม"

"ดี" ฮาร์เคฟกล่าวสั้นๆ ทิ้งตัวลงนอนบนพื้น สีหน้าเจ็บปวดเมื่อรู้สึกรวดร้าวไปทั้งวิญญาณเพราะความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับโลกัสมันใช้วิญญาณของตัวเองรับแทนทั้งหมด มันกระชากตัวเองออกจากร่างของโลกัสเพื่อคืนร่างให้กับวิญญาณที่แท้จริงของเจ้าของร่าง

สาเหตุที่คืนก็คงจะเพราะมันรู้ดีว่า มันไม่มีปัญญาไปแก้แค้นกริมม์แน่นอนและมันเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ที่จะไปฝืนดันทุรังทำในสิ่งที่รู้ว่ายังไงตัวเองก็ทำไม่ได้อีกทั้งร่างๆ นี้ไม่ใช่ของมันแต่เป็นร่างของโลกัส เด็กน้อยที่มันยอมฝืนคำสาบานเป็นครั้งแรกเพื่อตั้งชื่อให้กับมัน

เพียงไม่นานร่างของโลกัสก็ค่อยๆ ทรุดตัวขึ้นมานั่ง มือหยาบนวดขมับตัวเองเบาๆ รู้สึกมึนงงเล็กน้อยเมื่อคล้ายกับจะวูบไปสักพักใหญ่ๆ แต่เรื่องประหลาดก็คือมันรู้สึกเหมือนจะควบคุมพลังในร่างตัวเองได้ดีขึ้นมากทั้งๆ ที่ปกติแล้วจะคล้ายจะถูกกำกับหรือควบคุมพลังไว้อีกทีหากใช้พลังแปลกปลอมที่อยู่ในตัว ก่อนที่มันจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเสือโคร่งตัวยักษ์กำลังนั่งนิ่งมองมัน

"ท่านพ่อ!" โลกัสอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนกมือสั่นเทา มันตื่นเต้นจนไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าตัวมันเปลือยเปล่าและยังกอดองค์ชายไว้แน่น "ข้าตาฝาดรึเปล่า? นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหม" แม้แต่น้ำเสียงยังสั่นพร่า

ฮาร์เคฟส่งเสียงคำรามในลำคอเชิงตอบรับ เหลือบมองยมทูตหน้าโหดที่ยืนแสยะยิิ้มอยู่ข้างหลังมันในมือถือเคียวสีดำขนาดยักษ์ มันรู้ตัวว่าเวลาของตัวเองเหลือน้อยเต็มทนจึงพูดอย่างรวบรัด "เจ้าไม่จำเป็นต้องแก้แค้นให้กับคนที่ตายไปแล้วอย่างข้าเพราะยังไงข้าก็คงไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้อยู่ดี" กล่าวถึงตรงนี้แววตาก็เปลี่ยนไปเมื่อต้องพูดประโยคถัดไป "แม้แต่ข้ายังไม่สามารถฆ่ามันได้ เจ้าก็ไม่มีวันฆ่ามันได้ ไม่ว่าเจ้าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม"

สีหน้าของโลกัสสลับระหว่างยินดีกับซีด มันดีใจที่ได้เจอพยัคฆ์ทมิฬแต่ก็เสียใจที่นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันอีกทั้งยังถูกบอกให้เลิกทำในสิ่งที่เป็นเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง

"ใครเป็นคนฆ่าท่าน" หากแต่โลกัสก็ยังมีความดื้อดึงของตัวเอง

พยัคฆ์ทมิฬแยกเขี้ยวขู่ส่งเสียงคำราม "นี่เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึไง โลกัส เจ้าเป็นแค่มนุษย์ที่ฆ่าได้แค่มนุษย์ เจ้าไม่มีทางฆ่ามันได้!!"

"ใครเป็นคนฆ่าท่าน" โลกัสถามต่อสีหน้าเครียดขึ้ง

"อย่าทำอะไรโง่ๆ" ฮาร์เคฟตะคอกด่าเสียงดังลั่นผลุดลุกขึ้นยืนเมื่อเจ้ายมทูตส่งยิ้มเหี้ยมและผายมือไปยังหลุมมิติที่มันสร้างขึ้น

"ท่านพ่อ ท่านจะไปไหน?" โลกัสมองไม่เห็นยมทูตเห็นเพียงร่างจางๆ ของพยัคฆ์ทมิฬที่หันหลังให้และสาวเท้าออกไป "ท่านตอบข้ามาสิ ข้าไม่สนใจหรอกนะว่า ข้าจะฆ่ามันได้ไหม ถ้าหากฆ่าวันนี้ไม่ได้วันหน้าข้าก็ต้องฆ่ามันให้ได้!"

ความมุ่งมั่นจนเกินไปของโลกัสอดทำให้ฮาร์เคฟอดส่งเสียงหัวเราะไม่ได้ มันส่ายหางตัวเองไปมาหยัดเท้าเข้าไปในหลุมมิติข้างหนึ่งและหันหน้ากลับมาพูด "คนที่เป็นลงดาบสุดท้ายฆ่าข้าก็คือ กริมม์ มันเป็นวิญญาณประหลาดที่สามารถยึดร่างของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ถ้าหากเจ้าอยากฆ่ามันจริงๆ เจ้าต้องหาร่างจริงของมันให้เจอ" 

มันเคยคิดว่าการฆ่ากริมม์ในร่างคนอื่นน่าจะเป็นเรื่องที่สามารถทำได้แต่ก็อย่างที่เห็นเมื่อกี้ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงมันพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

ฮาร์เคฟฟเหลือบมองเวสเปอร์ที่มองมาที่ตนเองด้วยสายตาใคร่รู้ "ถ้าเจ้ายังอยากมีชีวิตต่อไปก็จงพาองค์ชายหนีไป ไม่ต้องมาห่วงเรื่องแก้แค้นให้ข้าเพราะนอกจากท่านโฟเทียสแล้ว ข้าก็ไม่คิดว่าจะมีใครสามารถฆ่ามันได้อีก" 

สองเท้าหลังถีบตัวขึ้นกระโดดหายเข้าไปในหลุมมิติเป็นอันตัดจบบนสนทนา

ไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรต่อทุกสิ่งก็เหลือเพียงความว่างเปล่า โลกัสขบกรามแน่นรู้สึกสับสนในตนเอง

ข้าควรทำอะไรต่อไปดี? ในเมื่อแม้แต่ท่านพ่อยังบอกให้ข้าเลิกทำ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ข้าฝันหาและต้องการที่จะทำมันมาทั้งชีวิตเลยนะ.. 

ถ้าหากข้าล้มเลิกไป  สิ่งที่ผ่านมานั้นคืออะไร  แล้วทุกอย่างที่ข้าทุ่มเททำลงไปล่ะ.ดาบของข้าตัดหัวคนไปนับไม่ถ้วนเพื่อที่จะแก้แค้นให้ท่านพ่อ ข้ายอมสู้กับจิตใจอันอ่อนแอในช่วงแรกๆ ที่เกือบจะฆ่าตัวตายหลังจากฆ่าคนตายคนแรก บาดแผลฉกรรจ์มากมายบนตัวข้าอีกล่ะ..

ทุกอย่างที่ข้าทำมาเพื่อความสูญเปล่างั้นเหรอ..?

พยัคฆ์ดำตัวสั่นเทา สีหน้าเจ็บปวด

".. โลกัส" เสียงเรียกแผ่วเบาข้างหูทำเอาโลกัสสะดุ้งสุดตัวและเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างองค์ชายอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง ร่างนักฆ่ารีบอุ้มเวสเปอร์วางลงข้างกาย สีหน้าแตกตื่นซึ่งก็แตกตื่นขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าตัวเองนั้นเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าใดๆ ปกปิดร่างกาย!

ทั้งๆ ที่ปกติโลกัสจะไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำแต่เมื่อถูกองค์ชายมองมากลับรู้สึกกระดากอย่างประหลาด นัยน์ตาสัตว์ป่าลุกวาวใส่เจ้าม้าดำที่ยืนนิ่งอยู่ไกลๆ บนหลังของมันมีฟินน์คาบกระเป๋าที่ขนาดใหญ่กว่าตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น

เจ้าม้าดำส่งเสียงฮื่อๆ คล้ายกับกำลังขำ มันแสร้งสาวเท้าเชื่องช้าจนสีหน้านักฆ่าดุร้ายมากขึ้นไปอีก ทำให้ฟินน์ทนไม่ได้ที่จะกระโดดลงไปก่อนและลากกระเป๋าวิ่งไปหาโลกัส

"ขอบใจ" โลกัสลูบหัวฟินน์ที่มองมาอย่างเป็นห่วงและดึงกระเป๋าไปควานเอากางเกงมาสวมใส่ทันที

ตลอดระยะเวลาที่โลกัสจัดการกับตัวเองนั้นเวสเปอร์ไม่ได้มองเลยแม้แต่น้อย จิตใจยังคงหมกมุ่นกับร่างเสือยักษ์สีดำที่หายไปในอากาศซะเฉยๆ

"เจ้าเสือตัวโต.. หายไปแล้ว" 

"ท่านพ่อกลับคืนสู่แผ่นดินไปแล้วล่ะ.." โลกัสเหยียดยิ้มลูบหัวเวสเปอร์เมื่อใส่กางเกงเสร็จ ความรู้สึกที่สงบลงเล็กน้อยทำให้ไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้น

ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ท่านพ่ออาศัยอยู่ในร่างของข้ามาตลอด.. มิน่าล่ะ บ่อยครั้งที่ข้ามักจะควบคุมพลังตัวเองไม่ได้และเผลอวูบเป็นพักๆ ทีแรกข้าคิดว่าอาจจะเป็นอาการล้าของร่างกายข้า แต่ไม่ใข่ สาเหตุที่แท้จริงก็คือวิญญาณเจ้าของพลังที่แท้จริงกำลังอาศัยอยู่ในร่างของข้าต่างหาก

ไม่แน่ใจว่าความเคียดแค้นของท่านพ่อนั้นส่งผลต่อข้ารึเปล่า ถึงทำให้ข้าหมกมุ่นกับการแก้แค้นถึงขนาดนี้ จุดมุ่งหมายนี้กลายเป็นสิ่งที่มากกว่าความคิดแต่เป็นสัญชาตญาณที่ต้องทำ จนร่างกายข้าตอบรับกับมันว่าหากข้าทำไม่สำเร็จมันจะทำให้ข้าอยู่ไม่สุข คอยกระตุ้นให้ข้าหาทางมาแก้แค้นให้ได้

แต่แล้วยังไงล่ะ.. ในเมื่อตอนนี้เจ้าของวิญญาณที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าไปตามแก้แค้นกลับบอกให้ข้าเลิกลาซะอย่างนั้น

"เจ้าคิดว่าข้าควรจะทำยังไงดี เวสเปอร์.." โลกัสพูดเสียงแหบพร่าทรุดตัวลงนั่งและรวบเอวเวสเปอร์ขึ้นมานั่งบนตักตัวเองอีกครั้ง ใบหน้าที่ถึงแม้จะบาดแผลฉรรจ์พาดที่แก้มแต่ก็ยังคงความหล่อเหลาไว้อย่างเหลือเชื่อวางเกยบนไหล่องค์ชาย แขนสองข้างกอดองค์ชายแน่นจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน

เวสเปอร์ไม่ได้ตอบทำเพียงแค่กอดเจ้าเสือตอบ มือลูบหลังเจ้าเสือตัวใหญ่ที่ทำท่าจะร้องไห้กลายเป็นเสือขี้แย

"ไม่!! ท่านพ่อ ไม่!! ฮือ ท่านอย่าทำแบบนี้กับข้า!"

เสียงตะโกนดังลั่นอย่างเสียขวัญดังมาจากความมืดมิดของชั้นใต้ดิน

"เจ้าเป็นลูกข้า ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งข้า!!"

มือเล็กที่ลูบหลังโลกัสแข็งค้างเช่นเดียวกับใบหน้าของเวสเปอร์ที่ซีดเผือด

"เฟเนกส์... ท่านพ่อ" ครางชื่อออกมาโดยไม่รู้ตัว

อ้อมกอดอุ่นคลายออกแทนที่ด้วยจูบบนริมฝีปากเวสเปอร์ โลกัสจูบเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นจึงผละออกไป แววตาคล้ายกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

"งั้นข้าจะทวงสิ่งที่เป็นของๆ เจ้าคืนมาให้เจ้าเอง เวสเปอร์.."

------------------
TBC.  :z6:

ตอนหน้าก็จุดพีคเรื่องแล้ววว  :z2:

ตอบคุณ บลูเชอร์รี่ : เรื่องฟาร์คัสว่าจะกลับไปแก้ทามไลน์ใหม่ค่ะ  :hao5: สงสัยแต่งตอนง่วงๆ แล้วรนเกิน เวลาในเรื่องเลยผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก 5555
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 20 22 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 22-08-2016 23:14:02
ขออีกตอนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


T T

ไม่นะ ไคออส ฮือออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ  :o12:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 20 22 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-08-2016 23:50:33
สงสารไคออสอ่ะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 20 22 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 23-08-2016 05:13:36
 :sad4: :z3:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 20 22 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 24-08-2016 00:38:20
กริมม์มันร้ายกาจ พยัคฆ์ดำยังสู้ไม่ได้ โลกัสจะไหวไหมนะ
แต่สงสารไคออสจังอ่ะ ฮือ มังกรสุดเท่
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 20 22 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-08-2016 21:39:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 21 28 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 28-08-2016 00:15:45
ตอนที่ 21

เสียงกู่ร้องอย่างเจ็บปวดดังสลับกับเสียงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวยังคงดังมาจากเบื้องล่างไม่หยุดไม่หย่อนราวกับกำลังเกิดสงคราม ซึ่งเสียงเหล่านั้นก็เสียดแทงเข้าไปในหูของเวสเปอร์จนร่างองค์ชายตัวนิ่งงันเย็นเฉียบ

"เจ้าเสือ จะเอา..." เวสเปอร์สูดหายใจลึกพยายามควบคุมการพูดของตัวเอง "บัลลังก์ของข้าคืนมางั้นเหรอ?" นัยน์ตาอมทุกข์สบกับนัยน์ตาสัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าราวกับเป็นตนเองที่ถูกแยกบัลลังก์ไป!

โลกัสพยักหน้าฝ่ามือหยาบร้อนลูบใบหน้าอันเย็นเฉียบของเวสเปอร์พูดเสียงแตกพร่า "มันเป็นของเจ้าไม่ใช่เหรอ เวสเปอร์.."

เวสเปอร์แค่นเสียงหัวเราะเย็นชาผิดวิสัย หัวใจที่เคยใสซื่อเริ่มชาด้านเข้าไปทุกที "ข้าไม่อยากได้.. มัน เจ้าเสือก็รู้ รู้" องค์ชายสะบัดหัวแรงๆ คล้ายกับกำลังเขย่าสมองให้เข้าที่เข้าทาง "ทุกคนไม่ชอบข้า"

"แต่ข้าชอบเจ้า" ร่างนักฆ่าพูดหน้านิ่งสีหน้าจริงจัง

องค์ชายเผลอหน้าแดงเล็กๆ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่จะเศร้าสลด "ข้าไม่ต้องการมันสักนิด.. เจ้าเสืออย่ายัดเยียดให้ข้าเลย"

ทุกอย่างมันปรากฎชัดเจนอยู่แล้วว่าบัลลังก์นี่ไม่ต้องการองค์ชายปัญญาอ่อนอย่างข้า..

เวสเปอร์คิดและแค่นเสียงหัวเราะเยาะตัวเอง น่าแปลกที่ความเศร้าที่มักจะมีอยู่เต็มอกนั้นหายไปแล้วเหลือเพียงความรู้สึกแย่ๆ บางอย่างที่คอยกัดกินความคิดตลอดเวลา

เจ้ามันอ่อนแอ... ตายๆ ไปซะ เวสเปอร์

ความคิดบางอย่างพรวดเข้ามาในหัวหากแต่เรื่องแปลกก็ยังคงเป็นเรื่องแปลก เวสเปอร์ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับมันสักนิดหนำซ้ำยังยิ้มเยาะออกมาอีกต่างหาก

มืออุ่นแตะริมฝีปากเวสเปอร์และเรียกเสียงสั่น "...เวสเปอร์?"  โลกัสหน้าเสียเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของเวสเปอร์ที่ดูจะเป็นไปทางแย่มากๆ

รอยยิ้มเยาะจึงหายไปกลับมาเป็นใบหน้าเรียบเฉยของเวสเปอร์ 

"ไปจากที่นี้กันเถอะ เจ้าเสือ.." เวสเปอร์แตะมือที่มือเจ้าเสือ ความร้อนจากตัวโลกัสแผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายเวสเปอร์ผ่านมืออันเย็นเฉียบขององค์ชาย

องค์ชายยกมือที่หนักอึ้งปาดน้ำตาหยดเล็กซึมที่หางตาออกอย่างยากเย็น

น่าแปลก.. ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองเข้มแข็งมากขึ้นแล้ว แต่ร่างกายกลับตรงข้าม ทุกอย่างในร่างหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงด้วยความทุกข์ทรมานบางอย่าง ในอกคล้ายกับจุกน้ำตลอดเวลาแม้แต่ในลำคอยังรู้สึกถึงรสเค็มของน้ำตาแม้ว่าจะยังไม่ได้ร้องออกมาก็ตามที

โลกัสมีสีหน้าไม่ยินยอมเท่าใดนักหากแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานของเวสเปอร์ก็ทำเอาปากที่ตั้งใจจะปฎิเสธพูดอะไรไม่ออก คำพูดหยุดอยู่ที่ปลายลิ้น

"อ้ากกกกกกก"

ครั้งนี้องค์ชายสะดุ้งสุดตัวผวาเฮือกกอดโลกัสแน่น นัยน์ตาเบิกโพลงอย่างเสียขวัญ "เสียงไอเรส เสียงไอเรส" พูดพึมพำไปมาอย่างตื่นตระหนก

โลกัสรวบตัวองค์ชายขึ้นมาอุ้มและผลุดลุกขึ้นยืน นัยน์ตามองตามลงไปยังความมืดมิดที่ดูจะพยายามปกปิดอะไรบางอย่างที่ดำเนินอยู่ข้างล่าง 

"ฟินน์" 

ฮื่ออ!

เสือโคร่งขาวร่างยักษ์ปรากฎข้างกายโลกัสทันที ฟินน์มองตามไปยังข้างล่างส่งเสียงขู่คำรามในลำคออย่างดุร้าย

"เจ้าเสือ เจ้าแมว จะ จะทำอะไร" เวสเปอร์มองหน้าโลกัสสลับกับฟินน์เลิกลั่ก ใบหน้าขาวซีดยิ่งกว่ากระดาษ ความตื่นตระหนกทำเอาสิ่งที่ปกคลุมอยู่ในหัวหายไปชั่วคราว 

"ฆ่า" โลกัสตอบสั้นๆ ตามตรง "ของๆ เจ้าข้าจะทวงคืนให้เจ้าเอง"

ความจริงแล้วนอกจากเหตุผลจะทวงคืนบัลลังก์ให้เวสเปอร์ยังมีเหตุผลนอกเหนือจากนั้นอยู่อีกมากแต่โลกัสไม่ได้กล่าวออกไปเพราะมันน่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจยากเกินไปสำหรับองค์ชายเวสเปอร์

ไม่ว่าจะเพราะจะแก้แค้นให้กับท่านพ่อ.. หรือจะฆ่าพ่อของเวสเปอร์..

พ่อที่ทำทุกอย่างเพื่ออำนาจของตัวเอง... ในตลาดค้าข่าวมักจะมีเรื่องความโหดเหี้ยม อำมหิตของพ่อเวสเปอร์ปรากฎอยู่เสมอ ทีแรกข้าก็ไม่ได้เชื่อหากแต่เมื่อมาสัมผัสเองก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงทุกประการ

ระหว่างที่คิดเรื่องนี้โลกัสก็เหลือบมองเวสเปอร์ที่ตัวสั่นเทาอย่างน่าสงสาร

"เจ้าไม่ควรเจอเรื่องแบบนี้เลย องค์ชาย" โลกัสพูดและจูบเวสเปอร์อีกครั้งซึ่งมันก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เวสเปอร์ยังคงไม่สามารถตอบรับอะไรได้นอกจากปล่อยให้เจ้าเสือนำไปจนทั้งตัวหลอมละลายและปวกเปียกบนแขนแกร่งของเจ้าเสือ

นัยน์ตาสีทองสั่นระริกนั้นชวนให้รู้สึกอยากขย้ำร่างตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอด โลกัสคิดและตำหนิตัวเองในใจ 

"ฮื่อ.. เจ้าเสือ.." เวสเปอร์ครางในลำคอ "เจ้าเสือจะลงไปจริงๆ เหรอ" 

ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกเวสเปอร์ว่าอย่างได้ลงไปข้างล่างเด็ดขาด

"อืม" ร่างนักฆ่าตอบอย่างขอไปทีและสาวเท้าไปหาเจ้าม้าดำที่ยืนตัวแข็งจ้องมองไปยังความมืดมิดเบื้องล่าง สองมือประคองตัวองค์ชายเตรียมจะวางลงบนหลังเจ้าม้าดำ

ฮี้!

คล้ายกับเพิ่งได้สติเจ้าม้าดำสะดุ้งเฮือกถอยกรูดออกไปทันที

"เป็นอะไรของเจ้า เจ้าม้า" โลกัสเลิกคิ้วงุนงงทำท่าจะก้าวเข้าไปหาเจ้าม้าดำอีกแต่กลับถูกเพลิงสีกาฬขวางเอาไว้ ทำให้แววตางุนงงของพยัคฆ์ดำแปรเป็นความเย็นเยียบ "เจ้าคิดจะทำอะไร" 

เจ้าม้าดำส่งเสียงคำรามในลำคอฮื่อๆ มันพยักพเยิดไปทางชั้นใต้ดินและส่ายหัวไปมา 

"เจ้าจะไม่ลงไปกับพวกข้า?" 

เมื่อได้ยินคำตอบที่ต้องการเจ้าม้าดำก็พยักหน้าเบาๆ และถอยหลังออกจากพื้นเดิมเล็กน้อยเพื่อสื่อความหมายบางอย่าง

โลกัสขบกรามกำหมัดแน่นเข้าใจความหมายของเจ้าม้าดำดี "นอกจากจะไม่ลงไปกับพวกข้า เจ้ายังคิดจะหนีไปอีก?" ความไว้ใจที่มีไว้ให้กับเจ้าม้าดำหายไปทันทีเมื่อสิ่งที่มันทำคล้ายกับเป็นการทรยศอยู่กลายๆ

เพราะเมื่อมีภัยถึงตัวมันกลับเลือกที่จะหนีจากไม่ใช่การยืนหยัดเคียงข้างอย่างที่ควรเป็น

แววตาของเจ้าม้าดำเย็นชา เดิมทีแล้วมันเป็นเพกาซัสป่าที่แสนทระนงตน การมาอยู่ร่วมกับมนุษย์ยอมให้ขึ้นขี่หลังยอมทำตามคำสั่งเล็กๆ น้อยๆ นี่ก็ถือว่ามากแล้ว สำหรับพวกมัน หากจะให้มันไปเสี่ยงตายกับเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นอีกก็คงไม่ใช่เรื่อง ถ้าหากมันตายล่ะ ใครจะรับผิดชอบ นอกจากการหลั่งน้ำตาไม่ถึงวันให้กับร่างไร้วิญญาณของมัน เจ้าพวกมนุษย์มันจะทำอะไรเป็นบ้าง?
ยิ่งคำพูดเหน็บแนมของโลกัสก็ยิ่งทำให้มันเริ่มรู้สึกโกรธจนส่งเสียงคำรามออกมา

พวกมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของมนุษย์มาตั้งแต่แรก! ไม่ว่าสัตว์ชนิดใดก็ล้วนมีชีวิตเป็นของตัวเองทั้งนั้น มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่สะเออะมาจับพวกมันไปเลี้ยงแล้วติ้ต่างว่าตัวเองมีคุณธรรมนักหนาว่าให้อาหาร ให้ชีวิต ให้ที่พักอันปลอดภัย แต่กลับไม่เคยรู้ว่าพวกมันโหยหาป่าขนาดไหน ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์คิดไปเองทั้งนั้น

รวมถึงไอ้มนุษย์ปัญญาอ่อนนี่ที่คิดว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงแล้วคิดจะอ้างสิทธิ์ในตัวมันด้วย!

ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องผิดแม้แต่นิดเดียวหากมันเลือกที่จะหนีไป

ร่างทั้งร่างของเจ้าม้าเครียดเขม็งเตรียมจะโจมตีกลับหากเจ้ามนุษย์หน้าโง่ตรงหน้าคิดจะคว้าดาบขึ้นมาฟันมัน

"เจ้าม้า.." 

แต่ดูเหมือนมันก็ลืมอะไรไปบางอย่างเช่นกัน

เพลิงกาฬหายไปทันที เจ้าม้าดำมองมนุษย์ที่มีกลิ่นอ่อนๆ คล้ายลูกม้านิ่งด้วยสายตาเอ็นดู ถ้าหากเจ้ามนุษย์ปัญญาอ่อนไม่เอา

เจ้ามนุษย์กลิ่นลูกม้านี่มาด้วย มันคงไม่สนใจที่จะมาด้วยหรอก

เจ้าม้าดำสบตากับพยัคฆ์ดำนิ่งงันราวกับกำลังสื่อสารทางสายตา

ซึ่งของโลกัสนั้นเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวแต่ก็แฝงความจำยอมอย่างไม่เต็มใจเอาไว้ ส่วนของเจ้าม้าดำนั้นไม่มีอารมณ์ใดเจือปนทั้งนั้นมีเพียงคำขอสั้นๆ เท่านั้น

"หึ รีบๆ หน่อยแล้วกัน" น้ำเสียงเหมือนจะแช่แข็งเจ้าม้าที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า

เจ้าม้าผงกหัวเชิงขอบคุณ และหลุบตาต่ำมองมนุษย์กลิ่นลูกม้าที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดมนุษย์หน้าโง่

"เจ้าม้า เจ้าจะ.. ไปเหรอ" เวสเปอร์ถามเสียงเบาคล้ายกับไม่แน่ใจว่าตัวเองควรพูดออกไปรึเปล่า "ข้าชอบเจ้าม้านะ อยู่ อยู่กับข้าไม่ได้เหรอ" 

มือเล็กๆ ขององค์ชายยื่นไปลูบหัวเจ้าม้าที่ก้มให้ลูบ เจ้าม้าพ่นลมหายใจออกมาแทนคำปฏิเสธ มันใช้หัวของตัวเองถูไถใบหน้ากับตัวของเวสเปอร์เชิงลา มันไม่คิดจะอยู่ต่อเพราะยังหวงแหนชีวิตของตัวเอง 

"..."

ถึงเจ้าม้าดำจะพูดไม่ได้แต่เวสเปอร์กลับรับรู้ทันทีว่ามันปฏิเสธคำขอของตนเอง จึงทำได้เพียงมองตามเจ้าม้าดำที่หันหลังสาวเท้าจากไปด้วยความเศร้าสลด เสียงฝีเท้าของมันดังก้องกังวานเพียงชั่วครู่และถูกแทนที่ด้วยเสียงกระพือปีกดังลั่น

"ก็คงต้องเป็นเจ้าแล้วล่ะ ฟินน์" โลกัสลูบหัวฟินน์ที่เดินเข้ามาอย่างรู้งาน วางองค์ชายลงบนแผ่นหลังอย่างนุ่มนวลและดึงกระเป๋าสะพายออกจากหลังตัวเองและหยิบของที่เก็บไว้ข้างในยื่นมันให้กับเวสเปอร์

เวสเปอร์สะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อยู่ในมือเจ้าเสือนั้นคืออะไร ตัวสั่นเทาไปทั้งตัวเมื่อเห็นกล่องไม้โบราณสำหรับที่ใส่เครื่องดนตรีไว้ข้างในพอนึกถึงดนตรี ภาพคนตายกับเสียงดนตรีเสียดหูก็ปรากฎในหัวเวสเปอร์เป็นฉากๆ 

"รับไปสิเวสเปอร์ พวกเราไม่ได้มีเวลามากนักหรอกนะ" โลกัสเอ่ยเร่งพลางตบต้นคอฟินน์เบาๆ เพื่อเริ่มสาวเท้าลงไปข้างล่าง

"ไม่.. ไม่เอา" เวสเปอร์ตอบเสียงสั่นส่ายหน้าหวืด แทบจะร้องไห้ออกมาแต่ก็กลั้นไว้ได้

"เก็บไว้เฉยๆ เจ้าไม่ต้องเล่นมันก็ได้" น้ำเสียงของโลกัสอ่อนลง

ความรู้สึกหวาดกลัวตีตื้นในอกจนน้ำตาคลอแต่องค์ชายก็ยื่นมือสั่นๆ ไปรับมันและเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าที่เคยขาดสะอาดหมดจด

"มีนี่ด้วย"

ตุ๊กตาไหมพรมเสือสีดำถูกยัดไว้ในอ้อมกอดขององค์ชาย ทำให้องค์ชายรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง กอดตุ๊กตาในอ้อมกอดแน่น

โลกัสมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยรอยยิ้มจางและคาดว่าจะเป็นรอยยิ้มสุดท้ายสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้..

แค่เริ่มลงบันไดไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ได้กลิ่นเหม็นสาบของซากศพทันที โลกัสขมวดคิ้วมุ่นเลือดในกายเดือดพล่าน มือสะบัดหนึ่งครั้งก่อให้เกิดลูกเพลิงสีดำแดงสลัวคอยติดตามพวกมันทุกย่างก้าวเพื่อให้แสงสว่าง เพราะดูเหมือนว่ายิ่งลงไปลึกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมืดมากขึ้นเท่านั้นรวมถึงกลิ่นเหม็นเน่าที่ชวนให้อยากคายของเก่าออกมาให้หมด

ความตึงเครียดที่เริ่มก่อตัวขึ้นทำให้โลกัสเริ่มลืมเลือนว่าข้างกายนั้นมีเวสเปอร์อยู่... ดาบด้ามยาวสีดำทมิฬถูกกระชับแน่นเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่ชัดขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งหากโลกัสรู้ตัวสักนิดจะเห็นว่าเวสเปอร์นั้นผิดปกติอย่างมหันต์ ร่างองค์ชายเบิกตาโพลงนั่งตัวแข็งรู้สึกคล้ายกับถูกสะกิดความทรงจำส่วนลึกบางอย่างเมื่อได้กลิ่นซากศพเน่าเหม็น

ข้อมือเล็กเกร็งแน่นจิกแขนตัวเอง หัวใจเต้นแรง เขี้ยวขบกับริมฝีปากจนห้อเลือด องค์ชายพยายามควบคุมร่างกายของตัวเองสุดชีวิตแต่ก็ไม่ได้ผล 

ทุกระยะทางที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ร่างกายของเวสเปอร์ต่อต้านอย่างรุนแรง

เลือดค่อยๆ หยดซึมออกมาจากแขนของเวสเปอร์อย่างช้าๆ หากแต่มันก็กลืนหายไปกับกลิ่นซากศพอย่างรวดเร็ว

"อึก" เวสเปอร์ใช้แขนเสื้อปิดปากและสำลักเลือดในปากออกมาจนเปรอะไปทั่วแขนเสื้อสีขาวของตัวเอง สิ่งที่สะท้อนในแววตาขององค์ชายนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวก่อนที่จะต้องหลับตาแน่นกุมหัวตัวเอง ครางออกมาหนักๆ เมื่อรู้สึกปวดหัวจนคล้ายกับถูกทุบด้วยไม้ท่อนยักษ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนปวดไปหมด

มันเป็นความทรมานที่มากกว่าความทรมาน องค์ชายคู้ตัวและกุมหัวตัวเองแน่นทำให้ร่างที่ดูมีขนาดกลางๆ นั้นดูเล็กมากลงไปอีก   องค์ชายพยายามจะเอ่ยเรียกเจ้าเสือให้ช่วยตัวเองแต่กลับพบว่าคอตัวเองแห้งผากพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว หลุดตกอยู่ในภวังก์ได้ไม่นานนักอาการปวดหัวแทบจะเบิดก็รุมเร้าอีกครั้ง

องค์ชายกรีดร้องไร้เสียงอย่างทรมาน ไม่เข้าใจว่าทำไมเพียงเพราะแค่กลิ่นกับความมืดมิดตรงหน้าถึงทำให้ร่างของตัวเองต้องต่อต้านขนาดนี้! 

ฮื่อออ

ฟินน์คำรามในลำคอเมื่อมันเกือบจะไปเหยียบอะไรบางอย่างนุ่มๆ หยุ่นๆ บนพื้น มันหลบเลี่ยงของสิ่งนั้นอย่างไม่ประหลาดใจนักก่อนที่จะกระโดดข้ามมันและสาวเท้าลงไปต่อ

"หืม?" ร่างนักฆ่าครางในลำคอเมื่อเห็นสิ่งที่ควรจะเห็นตั้งนานแล้วนับตั้งแต่ก้าวขาแรกเข้ามาซึ่งโลกัสทำเพียงแค่ก้าวข้ามมันอย่างไม่ใส่ใจเช่นเดียวกับฟินน์

การหยุดชะงักฝีเท้าเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ของฟินน์ก็ทำให้องค์ชายให้ความสนใจเล็กๆ พยายามฝืนร่างกายที่ประท้วงอยากหนีออกจากที่นี่เต็มทนชะเง้อหน้าหันกลับไปมองสิ่งที่อยู่บนพื้น

"!!!"

นัยน์ตาสีทองเบิกค้าง น้ำตาไหลพรากและไหลมากขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าสิ่งที่อยู่บนพื้นนั้นคือศพมนุษย์ ซึ่งก็ไม่ได้มีเพียงคนเดียวหากแต่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น แสงไฟสลัวทำให้เห็นรายละเอียดร่างบนพื้นไม่ชัดเจนนักแต่ก็สะท้อนเห็นการตายอย่างแปลกประหลาด 

บางศพมีหัวหากแต่บางศพก็ไม่มีหัว.. ร่างกายบางส่วนคล้ายถูกสัตว์กัดแทะจนเป็นรอยฟันยับเยิน ร่างบางร่างก็เหลือเพียงอวัยวะชิ้นใดชิ้นหนึ่งของร่างกาย หากแต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือผิวกายของพวกศพนั้นล้วนเป็นสีดำทมิฬราวกับถูกดูดกลืนบางสิ่งไปจนหมด

ข้าต้องไม่กลัว ข้าต้องไม่กลัว ข้าต้องไม่กลัว

เวสเปอร์ท่องเสียงดังลั่นในหัวของตัวเองแม้ว่ามันกำลังจะปวดจนแทบบ้า ทั้งๆ ที่อยากทิ้งตัวไปบนพื้นกรีดร้องระบายความทุกข์ทรมานนี่ออกมาให้หมดแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างทั้งร่างเริ่มเปลี่ยนจากแข็งทื่อเป็นสั่นเทิ้ม 

ตุบ

เสียงบางอย่างดังสะท้านในหัว อาการปวดหัวที่ตามมานั้นรุนแรงมากจนรู้สึกอยากตัดหัวตัวเองออกให้รู้แล้วรู้รอด องค์ชายหลับตาแน่นอย่างทรมาน พยายามเรียกร้องหาความเข้มแข็งที่ตนเองบรรจงสร้างมันขึ้นมา หากแต่ก็ไร้ผลนอกจากจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว อาการปวดหัวยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งที่ทำเอาสติปัญญานึกคิดขององค์ชายคล้ายจะหายไปชั่วขณะหนึ่ง 
 


"นั่นมันท่านพ่อนี่นา คิกๆ ตรงนั้นมีข้างล่างด้วยเหรอ?" เด็กชายร่างเล็กในชุดหรูหราชะเง้อแอบมองจากมุมห้องอย่างซุกซน นัยน์ตาลุกวาวเมื่อเห็นท่านพ่อเดินออกไปอย่างเร่งรีบเหมือนกับลืมของอะไรบางอย่าง เวลาที่ล่วงเลยไปเกินเที่ยงคืนแล้วคงจะทำให้ท่านพ่อชะล่าใจไปบ้างว่าเด็กน้อยอย่างเขานอนไปแล้ว

แต่หารู้ไม่ นั่นมันไม่ใช่กับองค์ชายเวสเปอร์คนนี้แน่ๆ !

องค์ชายในวัยเด็กหัวเราะคิกคัก รอได้สักพักเมื่อแน่ใจว่าท่านพ่อไม่กลับมาตอนนี้ก็รีบวิ่งสุดฝีเท้าด้วยขาสั้นๆ ทั้งสองข้าง พาร่างเล็กวิ่งพรวดลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว แม้จะรู้สึกกลัวๆ ในความมืดมิดอยู่บ้างแต่ความคึกคะนองนั้นมีมากกว่าทำให้องค์ชายยังวิ่งลงไปเรื่อยๆ และรับรู้ถึงกลิ่นแปลกๆ บางอย่างที่ฉุนจมูกจนต้องเอามืออุดจมูกเอาไว้ โชคดีที่ภายในห้องอันมืดมิดนั้นยังพอมีคบไฟที่มีแสงสลัวๆ อยู่บ้าง

เวสเปอร์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นเงาร่างบางอย่างคล้ายมนุษย์ถูกล่ามด้วยโซ่สีขาวเรืองรองขนาดยักษ์เอาไว้ซึ่งตรงหน้ามันก็มีมนุษย์ยืนตัวสั่นอยู่ 

ลางสังหรณ์บางอย่างเริ่มคืบคลานเข้ามาในหัวองค์ชายแต่ก็ไม่ทันกาล..

"อย่าฆ่าข้าเลย ข้าขอร้อง ข้าจะหาทางช่วยท่านออกจากพันธนาการนี่ซะ ถ้าท่านไว้ชีวิตข้า ข้าสาบาน ข้าจะช่วยท่าน!!"

มันหัวเราะเสียงดูแลคนในลำคอและสาวเท้าเข้าไปใกล้มนุษย์ผู้นั้น

ครืด... ครืด...

เสียงโซ่ยาวที่ล่ามขามันไว้ฟังดูน่าขนลุกจนองค์ชายผวาเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าวไม่รู้ตัว

"เสียใจด้วย มนุษย์.. ข้าเกลียดคำโกหกที่สุด.." 

ฉัวะ

ศีรษะของมนุษย์ผู้อับโชคกลิ้งหลุนๆ มากระทบเท้าขององค์ชาย

มันเป็นเวลาเดียวกับที่สิ่งๆ นั้นเงยสบขึ้นมามองเวสเปอร์พอดี

"สายัณส์สวัสดิ์ มนุษย์"

ณ นาทีนั้นเวสเปอร์เข้าใจคำว่าหวาดกลัวสุดชีวิตคืออะไร

มันที่เพิ่งฆ่ามนุษย์ไปแลบลิ้นเลียเลือดที่ติดอยู่ที่ปลายเล็บอย่างเอร็ดอร่อย ในมือของมันถือศพมนุษย์ที่เหลือเพียงศีรษะ นัยน์ตาสีขาวจดจ้องเข้ามาเหมือนอยากฆ่าให้ตายทั้งเป็น!

"กลัวข้างั้นเหรอ... เด็กน้อย"

แกร้ง!

โซ่ส่งเสียงประท้วงเมื่อมันถูกกระตุกอย่างรุนแรง ผู้ที่ถูกล่ามปรากฎตัวตรงหน้าเวสเปอร์ในพริบตา มันโน้มตัวลงหาเวสเปอร์ที่จ้องมันตาค้างยืนตัวแข็ง

"ไม่ต้องกลัว..." มันแสยะยิ้ม ยื่นมือที่เต็มไปด้วยเศษเนื้อและเลือดเข้าหาองค์ชายอย่างช้าๆ หมายจะคว้าคอเข้ามากัดกินวิญญาณแทนร่างแก่ๆ ที่มันโยนทิ้งไว้ข้างหลัง

เฮือก!

เวสเปอร์สะดุ้งสุดตัวกรีดร้องเสียงดังลั่นวิ่งกลับทางเดิม หัวขาวโพลน ความนึกคิดคล้ายถูกทำลายและแทนที่ด้วยสัญชาตญาณ วิ่งชนสิ่งกีดขวางทุกอย่างที่ขวางหน้า ล้มหน้าคะมำจนเนื้อตัวเป็นรอยช้ำเลือด เพื่อพาร่างของตัวเองไปอยู่ในที่ๆ ปลอดภัยที่สุด
เวลานั้นผ่านไปไม่นานหากแต่นานชั่วกัลป์สำหรับเวสเปอร์ องค์ชายจำจดไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่าตัวเองถึงห้องตอนไหน หญิงรับใช้ตื่นตระหนกเพียงใดเมื่อเห็นสภาพของตนเอง สติปัญญาทุกอย่างคล้ายจะหยุดทำงานเพราะความหวาดกลัวที่ฝังลึกลงไปในวิญญาณ

ทั้งๆ ที่ไม่อยากนึกถึงภาพเหล่านั้นแต่มันก็ปรากฎหัวในเวสเปอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ เวสเปอร์ร้องไห้จนไร้เสียง แม้แต่อย่างนอนหลับก็ยังฝันถึงศีรษะมนุษย์น่าสงสารคนนั้นก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นใบหน้าของตนเอง!

องค์ชายตกอยู่ในห้วงคำสาปที่สร้างขึ้นมาในหัวตัวเองไม่รู้จบ เนื้อตัวสั่นเทารุนแรง บาดแผลบนร่างที่ถูกรักษาจนหายไปแล้วค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมาเช่นเดิม หญิงรับใช้ตื่นตระหนกมากจึงรีบนำข่าวไปแจ้งต่อองค์กษัริย์ไซมอนด์ทันที

ทันทีที่องค์ราชารู้ข่าวเวสเปอร์ก็รีบมาหาทันที ร่างสูงใหญ่ของกษัตริย์วัยฉกรรจ์รวบตัวลูกตัวเองมานั่งบนตัก ลูบหัวสีขาวทุยๆ และเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน

"เจ้าเป็นอะไร เวสเปอร์"

เมื่อได้ยินชื่อตัวเองเวสเปอร์ก็เงยหน้าขึ้นมอง แต่พอเห็นใบหน้าขององค์กษัตริย์ไซมอนด์กลับยิ่งตัวสั่นมากกว่าเดิม สะอื้นหนักยิ่งกว่าเดิม จนผู้เป็นพ่ออดตื่นตระหนกไม่ได้เตรียมจะเอ่ยปากถาม

"ฮึก ท่านพ่อ ทำไม ทำไมท่านพ่อทำแบบนี้" เวสเปอร์เอ่ยเสียงแหบแห้ง รู้สึกถึงความผิดหวังขั้นรุนแรงผสมปนเปกับความรู้สึกหวาดกลัวในหัว มองคนเป็นพ่อตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่จะเบิกตากว้างสีหน้าตกใจ

เพราะใบหน้าของคนเป็นพ่อนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นมัน!

"อำนาจนั้นเป็นสิ่งที่หอมหวานเสมอ เวสเปอร์"

ฟังยังไม่ทันจบ องค์ชายก็สลบไปก่อนหากแต่เมื่อฟื้นขึ้นมา

กลับไม่ใช่องค์ชายเวสเปอร์คนเดิม
 


"เจ้ามาทำอะไรที่นี่ พยัคฆ์ดำ!" 

เสียงที่ดังแทรกเข้ามาในหัว ทำให้เวสเปอร์กลับมามีสติอีกครั้ง กระพริบตาปริบๆ ใช้มือนวดขมับพบว่าอาการปวดหัวของตัวเองบรรเทาลงไปมาก และรู้สึกถึงภาพความทรงจำแปลกๆ ขาดตอน ในหัวที่จำไม่ได้ว่าเคยเกิดขึ้นมาก่อน รู้สึกเหมือนกับเพิ่งรับรู้ความลับลึกๆ ในหัวของตัวเองยังไงยังงั้น

ฉัวะ

หัวศีรษะขุนนางใจกล้าที่ตวาดใส่หลุดออกจากบ่าทันที เจ้าของเพลงดาบยืนเต็มความสูง ใบหน้าคมเข้มสุขุมเย็นชา มองร่างทั้งหลายในห้องที่จ้องมองมาอย่างดุร้ายและตอบออกมาเสียงห้วน

"ข้ามาฆ่าพวกสวะให้หมด"


-----------

TBC. ตอนนี้มาดึกมาก  :z10:

แต่ก็ยังไม่ถึงจุดพีคอยู่ดี  :serius2: 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 21 28 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-08-2016 00:24:33
 :a5:

นี่คือต้นตอของทุกสิ่งสินะ ทางแก้คืออะไร? T T

เอิ่มมมม เฟเนกส์จริงๆน่าจะเป็นคิงที่ดีได้นะ ถ้าไม่โดนครอบงำไปซะก่อน Y Y
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 21 28 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 28-08-2016 20:27:43
ที่แท้เป็นแบบนี้เอง
น่าสงสารเวสเปอร์จังอ่ะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 21 28 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-08-2016 21:24:52
ใกล้จะพีคแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 21 28 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-09-2016 00:07:15
:)
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 21 28 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: try_sasiprapa ที่ 10-09-2016 21:07:56
รอตอนต่อไปปปปปปปปปปป :katai1: :katai1:
รีบๆๆมาต่อนะไรท์
________________________
แล้วก็สู้ๆๆนะคนเจียน :katai2-1: :z1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 21 28 ส.ค 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: pipym ที่ 17-09-2016 10:08:47
ดุเดือดเผ็นมันมากเลยค่ะ กรีดด
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 18 ก.ย 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 18-09-2016 23:26:05
ตอนที่ 22

"หึหึ ฮ่าๆๆ"

เสียงหัวเราะฟังเสียงดูเสียสติดังลั่นก้องในชั้นใต้ดิน เจ้าของเสียงหัวเราะน่าขนลุกหัวเราะหนักจนต้องใช้มือกุมท้องเอาไว้ ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่เลอะที่หางตาออก และยิ้มเหี้ยมมองร่างนักฆ่าเลื่องชื่อที่เป็นที่กล่าวขานว่ามาพร้อมกับเสือขาวประจำกายและดาบสีดำขนาดยักษ์ที่สะพายอยู่ด้านหลัง

"หากเจอมันผู้นั้น จงเรียกขานว่า.." มันผู้นั้นยืนโงนเงนไปมาก่อนที่จะหักกระดูกนิ้วมือดังกร็อบ "พยัคฆ์ดำ"

"ไม่ต้องจดจำชื่อข้าให้เสียเวลาหรอก" โลกัสแค่นเสียงพูดสมเพช มองร่างไร้สติที่เนื้อตัวเกือบเปลือยเปล่าร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามและบาดแผลฉกรรจ์เต็มตัวน่าขนลุก สิ่งที่ดูจะสะดุดตาที่สุดสำหรับมันก็คงเป็นโซ่สีขาวสว่างสไวที่ล่ามข้อเท้ามันข้างหนึ่งไว้อย่างเหนียวแน่น บาดแผลสีดำเน่าเปลื่อยบริเวณข้อเท้าของมันบอกกล่าวได้ดีว่าร่างกายกับสิ่งนั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน

"เพราะเจ้าคงไม่มีโอกาสจดจำมันได้เกินวันพรุ่งนี้!"

มันที่ถูกท้าทายทางคำพูด เอียงคอด้วยท่าทางยียวน สืบเท้าเข้ามาหาโลกัสอย่างเชื่องช้าจนเกิดเป็นเสียงโซ่ที่ชวนขนให้ทั้งกายลุกชัน

ครืด... 

"…!" องค์ชายที่กำลังจ้องมองพ่อตนเองกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่มุมห้องโดยมีขุนนางจำนวนหนึ่งยืนล้อมกรอบพร้อมด้วยดาบในมือเผลอสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเอามากๆ

ยิ่งหันกลับไปมองมันที่สาวเท้าเข้ามาเรื่อยๆ ลมหายใจก็ถี่กระชั้น ม่านตาขยายกว้าง นิ้วมือจิกเกร็งลงไปในตุ๊กตาไหมพรมอย่างตื่นตระหนก องค์ชายพยายามเขย่าตัวฟินน์ให้ถอยหนีห่างจากมันแต่ก็ไม่ได้ผล การติดตามพยัคฆ์ดำมาอย่างยาวนานทำให้ฟินด์นั้นแทบจะไม่เกรงกลัวอะไรสักอย่างจึงยืนตัวแข็งเผชิญหน้าเคียงข้างนายของมันอย่างกล้าหาญ แยกเขี้ยวขู่พองขนอย่างดุร้าย

"ฟินด์.." องค์ชายพยายามบังคับตัวให้พูดซึ่งก็สามารถหลุดลอดมาเพียงคำเดียวแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้!

แกร้ง!

มันกระโจนมายืนตรงหน้าพยัคฆ์ดำในพริบตา ดวงไฟสีขาวในดวงตาของมันลุกโชนอย่างกราดเกรี้ยว มันยื่นกรงเล็บขึ้นมาแตะปลายดาบของโลกัสที่ถูกยื่นออกมาเช่นเดียวกัน 

ฉับพลันเบ้าตาอีกข้างที่มืดบอดค่อยๆ ปรากฎดวงเพลิงสีดำขึ้นมาและส่งกลิ่นเนื้อไหม้เหม็นสาบส่งกลิ่นคละคลุ้ง "เป็นแค่มนุษย์ที่พลังปีศาจในตัวนิดๆ หน่อยๆ อย่าคิดว่าเจ้าจะเหนือกว่าข้า!"

มันตะคอกเสียงดังลั่นก่อนที่จะใช้กรงเล็บยาวสีดำทมิฬตวัดใส่ดาบโลกัสและร่นถอยกลับไป มันกระโจนกลับเข้าไปในกรงขนาดยักษ์สีขาวที่เต็มไปด้วยอักขระมากมาย

พยัคฆ์ดำขบกรามกรอดบีบด้ามดาบในมือแน่นส่งผลให้เกิดไฟสีดำทมิฬลุกโชติช่วง หากแต่เมื่อกำลังจะกระโจนเข้าไปฆ่ามันกลับนึกอะไรขึ้นมาได้ซะก่อน ร่างนักฆ่าชะงักงึกหันกลับมามององค์ชายที่นั่งตัวแข็งอยู่บนหลังเจ้าเสืออย่างน่าสงสาร   
การเห็นสีหน้าหวาดกลัวกระตุ้นให้โลกัสอยากทิ้งดาบในมือแล้วรวบตัวองค์ชายเข้ามากอด แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดจึงสะบัดหัวตัวเองเบาๆ ไล่ความคิดนั้นออกไปและพูดเสียงหนักแน่นใส่ฟินด์

"ฝากเจ้าดูแลเวสเปอร์ด้วย"

มันไม่ใช่คำขอหากแต่เป็นคำสั่งที่ห้ามผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว

ฟินด์คำรามขู่ตอบ ต่อให้ไม่ขอให้มันทำมันก็ทำอยู่ดี เพราะองค์ชายสำหรับมันและนายมันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากแก้วตาดวงใจอะไรทำนองนั้นสักเท่าไหร่

องค์ชายทำให้นายของมันมีความสุขมากกว่าที่มันเคยเห็น ปกติแล้วนายมันแทบจะไม่ยิ้มด้วยซ้ำไป ใช้ชีวิตตายด้านจืดชืด เดินทางไปวันๆ มีจุดหมายคือการแก้แค้นอะไรสักอย่างที่มันไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ อย่างว่าแหละนะ มันเป็นแค่เสือขาวธรรมดา จะไปมีความคิดซับซ้อนขนาดมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่อง 

"เจ้าเสือ" องค์ชายเอ่ยเรียกเสียงเบาน้ำตาคลอ เริ่มกลับมาควบคุมตัวเองได้เพราะสิ่งกระตุ้นนั้นได้หายไปจากครรลองสายตาแล้ว

หากแต่ก็ถูกแทนที่ด้วยอาการปวดหัว ปวดตุบทั้งสองข้างเหมือนมีอะไรมาทุบตลอดเวลา

"มันใกล้จะจบแล้ว เวสเปอร์ เจ้าไม่ต้องกลัว" โลกัสเอ่ยปลอบสั้นๆ และหันขวับเมื่อได้ยินเสียงน้ำฟังเสียดหู ซึ่งพอได้กลิ่นร่างทั้งร่างก็สั่นสะท้านขนลุกชันไปทั้งตัว

กลิ่นเลือดของท่านพ่อ!

นัยน์ตาสัตว์ป่าลุกโชนตั้งใจจะกระโจนเข้าไปฆ่าทุกคนในวงนั้นให้หมด หากแต่ถูกบรรยากาศแปลกประหลาดในห้องห้ามไว้ซะก่อน

ทั้งๆ ที่มีผู้บุกรุกเข้ามาอย่างเปิดเผยแต่กลับไม่ได้ทำให้คนๆ นึงสนใจแม้แต่นิดเดียว ยังคงทำในสิ่งดำเนินการทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการต่อไปอย่างมุ่งมานะ

เลือดจำนวนไม่น้อยถูกสาดไปบนตัวของเฟเนกส์ ย้อมให้ชุดเกราะสีขาวสว่างสไวเป็นสีแดงฉาน แต่ก็คงเทียบไม่ได้กับแขนของไอเรสที่ชุ่มไปด้วยเลือดสดๆ ที่ไหลออกมาไม่หยุด

"ท่านพ่อ... ท่านอย่าทำแบบนี้เลย"

ห้องทั้งห้องที่เงียบงันทำให้คำขอจากองค์ชายเฟเนกส์ดังก้องในห้องโถงเสียงที่เอ่ยมานั้นอ่อนแรงและทุกข์ระทม หากแต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เลือดถูกสาดอีกครั้งย้อมให้เฟเนกส์แดงฉานไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้ร่างที่เคยสง่างามไม่ต่างไปกันซากศพที่ทอดกายอยู่บนพื้น

 มือสองข้างที่ถูกตรึงไว้บนกำแพงอย่างแน่นหนาทำให้เฟเนกส์หนีออกจากสถานการณ์นี้ไม่ได้ ทำได้เพียงรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างเจ็บปวด ความกลัวที่เคยมีนั้นหายไปหมดแล้วเพราะความผิดหวังเกินทนที่ก่อตัวขึ้น

"… ใช่ ฮึก ท่านอย่าทำแบบนี้เลย"

เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ เฟเนกส์ซึ่งถูกขุนนางร่างยักษ์พันธนาการตัวเอาไว้ นัยน์ตาสีทองที่หน้าตาเหมือนกับองค์กษัตริย์ไซมอนด์เกือบสามส่วนมองพ่อตัวเองอย่างหวาดกลัวและเว้าวอน 

เป็นเสียงของไอเรส บุตรของไซมอนด์ที่หวาดกลัวในพ่อตัวเองที่สุด หากแต่กลับกดความกลัวและเอ่ยปากขอร้องวิงวอนออกมาอย่างผิดวิสัย

สองพี่น้องวอนขอพ่อของตนเองที่กำลังจะสาดเลือดใส่มันที่มีสีหน้าระริกระรี้ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นสิ่งที่รื่นรมย์สำหรับมันมาก นัยน์ตาที่โชติช่วงจากพลังวิญญาณเหลือบมองเหล่าองค์ชายอย่างดูถูก 

ความขี้ขลาดของทั้งสองทำให้ไซมอนด์ยอมหยุดมือและหันมาตวาดกร้าวเสียงแข็ง ""ข้าจำไม่ได้ว่าข้ามีบุตรอ่อนแอ พวกเจ้าลืมสิ่งข้าสอนไปหมดแล้วงั้นเหรอ? เวร! เฟเนกส์ ข้ากำลังนำพลังมาให้เจ้า กริมม์จะช่วยเจ้าทำให้เจ้ามีพลังมหาศาล เจ้าจะได้ทุกที่เจ้าต้องการ ถ้าหากเจ้ามีพลัง ไอ้เวรพวกเมืองแสงสว่างมันจะได้โดนพวกเราเหยียบให้จมดิน หึ ถึงเวลานั้นเราจะได้กลายเป็นเมืองที่ทรงพลังที่สุดในเมืองมนุษย์! ทุกคนจะยกย่องพวกเรา"

"ข้าเพียงตัวคนเดียวไม่มีทางเอาชนะได้หรอก ท่านพ่อ" เฟเนกส์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบนิ่งสงบ ไร้ความรู้สึก
เพราะเดิมทีแล้วสายเลือดแห่งสายลมนั้นมีเพื่อการเกื้อหนุนและสนับสนุนเท่านั้น ยากที่จะไปต่อกรกับเมืองโฮรัสที่เป็นสายเลือดแห่งแสงสว่างและการต่อสู้อย่างแท้จริง

การจะเอาชนะเมืองโฮรัสหากเอาไปเล่าให้คนทั่วไปฟัง คงไม่ต่างจากเรื่องตลกไร้สาระหลังอาหารของพวกชาวบ้าน

องค์กษัตริย์ขบกรามกรอดพูดเสียงลอดไรฟันอย่างโมโห "ข้าถึงได้ยืมพลังของกริมม์ไง ไอ้โง่ อีกอย่างนะ พวกเจ้าช่วยหุบปากกันได้แล้วเพราะนี่ไม่ใช่เวลาคุยเล่น!"

สิ้นคำไซมอนด์ก็สาดเลือดที่ผสมจากเลือดจากพยัคฆ์ทมิฬและเลือดแห่งราชวงศ์เอวินด์ใส่กริมม์

ผู้ที่จะนำพาองค์กษัตริย์ไซมอนด์ไปสู่ความฝันสูงสุดของตนเอง!

เพียงชั่วพริบตาที่ร่างของกริมม์โดนเลือด อักขระเวทรอบกรงก็ส่องแสงสีขาวเรืองรองเป็นชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะเปลี่ยนสีดำทมิฬ อักขระแปลกประหลาดที่กริมม์สอนให้ไซมอนด์เขียนค่อยๆ แยกตัวอออกจากลูกกรงและแปรเปลี่ยนเป็นรูปพลังงานบางอย่างกระโจนเข้าใส่กริมม์จนครบทั่วอักษรซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีเท่านั้น

บาดแผลแหวะหวะบนร่างกริมม์สมานกันอย่างรวดเร็วรวมถึงนัยน์ตาที่เคยกลวงเปล่ากลับมามีเนื้อเยื่อจริงๆ อย่างรวดเร็ว เส้นผมสีดำสนิทงอกออกมาสั้นๆ เป็นทรงที่เคยไว้ เสื้อผ้าที่เคยขาดจนนึกสภาพเก่าไม่ออกค่อยๆ ทักถอกลับมาเป็นเนื้อผ้าชั้นดีที่หาไม่ได้ในแดนมนุษย์

"เยี่ยม..."

กริมม์พูดเสียงแหบพร่าอย่างพอใจ ใช้มือที่กลับมาสมบูรณ์เหมือนตอนนั้นลูบใบหน้าของตัวเอง หัวเราะเสียงดังลั่น "เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม ฮ่าๆๆ"

ไซมอนด์ขมวดคิ้วหงุดหงิดติดจะงุนงง "ข้าทำตามสิ่งที่เจ้าบอกครบแล้ว เจ้าก็รีบทำพิธีต่อไปสักทีสิ"

เสียงหัวเราะชะงักกึก เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวกับไม่ใช่มนุษย์ค่อยเบือนหน้ากลับมาหาองค์กษัตริย์แห่งเมืองเอวินด์และยิ้มนุ่มนวล ""อ้อ ได้สิ"  มือสมบูรณ์แบบยื่นไปในอากาศออกแรงบีบแน่นและกระชากกลับเข้ามาหาตัวเอง

แค่ก!!

เฟเนกส์ตาเหลือกกระอักเลือดออกมาคำโต ทั้งๆ ที่ในห้องนั้นมืดสลัวแต่กลับมองเห็นหน้าของเฟเนกส์ที่ซีดเผือดอย่างน่ากลัว

"ท่านพ่อ... แค่ก"  องค์ชายอันดับสองแห่งเมืองเอวินด์พยายามเรียกพ่อตัวเองเพื่อขอให้หยุดความทุกข์ทรมานนี้   

ความรู้สึกเจ็บปวดจนแทบบ้า เหมือนกับวิญญาณถูกฉีกทึ้งจากมือที่มองไม่เห็น..

"อดทนหน่อย เฟเนกส์ หลังจากนี้เจ้าจะกลายเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่" ไซมอนด์ยิ้มอย่างพอใจ รับเสื้อคลุมหนังเสือโคร่งดำที่ขุนนางคนนึงยื่นมาเตรียมจะสวมมันให้กับเฟเนกส์

"..." ไร้คำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากเฟเนกส์อีก 

ความเจ็บปวดนั้นมากขึ้นทุกทีจนสติที่มีอยู่พร่าเลือน กลิ่นคาวเลือดของตัวเองลอยฟุ้งในจมูก ไม่สิ มันไหลออกมาจากจมูกต่างหาก.. น้ำตาที่ไหลออกมาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเลือดสีแดงก่ำ 

หากแต่เมื่อสติกำลังจะหายไปกลับปรากฎภาพมากมายในหัว ไม่ว่าจะเป็นภาพที่ตนในวัยเด็กมองเวสเปอร์อย่างอิจฉา ภาพที่เห็นแม่ตนเองที่แสนใจดีถูกไล่ไปอยู่กับเวสเปอร์ ภาพที่ตนเองหัวเราะอย่างสะใจเมื่อเห็นกองกำลังทหารโถมบุกเข้าไปในห้องของเวสเปอร์ ซึ่งภาพส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นนั้นล้วนข้องเกี่ยวกับเวสเปอร์ทั้งนั้น

ให้ตายสิ ยิ่งเกลียดยิ่งเห็นภาพ ว่างั้น?

เฟเนกส์คิดอย่างขมขื่นจนกระทั่งภาพสุดท้ายที่เห็นก็อดทำให้ตัวสั่นเทาไม่ได้

มันเป็นภาพที่ข้าเผลอสะดุดล้มตอนกำลังจะขึ้นไปยืนข้างท่านพ่อท่ามกลางธารกำนันและขุนนางมากมาย ความอับอายที่ได้รับยากเกินจะบรรยาย ข้าขบกรามกรอดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากมุมหนึ่ง  เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นสายตาสมเพชของท่านพ่อยิ่งทำให้ข้ารู้สึกแย่จนแทบบ้า

"เฟเนกส์ เฟเนกส์ เจ้า เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม" น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยเรียกข้าอย่างร้อนรนซึ่งก็มาพร้อมกับมือเล็กๆ ที่จับมือข้าและพยายามพยุงข้าขึ้น

ความรู้สึกอุ่นซ่านแปลกประหลาดฟุ้งในอก หากแต่เมื่อเห็นหน้าว่าเป็นใครข้าก็แค่นเสียงหึและสะบัดมือนั้นทิ้งอย่างไม่ไยดี ผลุดลุกขึ้นยืนอย่างสง่างามราวกับเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น

สีหน้าเจ็บปวดนั่นดูน่าสงสารจนข้ารู้สึกผิด...

"ใครให้เจ้าเข้าร่วมพิธีนี้!? ออกไป!" ท่านพ่อตวาดใส่เสียงดัง เวสเปอร์สะดุ้งเฮือกโตพึมพำขอโทษวิ่งหายเข้าไปในธารกำนันอย่างรวดเร็ว

"ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมเกลียดข้าสักทีนะ" 

เฟเนกส์หัวเราะลืมตาขึ้นมองผ่านเหล่าขุนนางไปยังร่างที่นั่งนิ่งอยู่บนหลังเสือโคร่งขาว เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นก็มองตนเองอยู่เหมือนกันก็ยิ้มให้ "ข้าดีใจที่มีเจ้าเป็นพี่ชายนะ" 

เมื่อกล่าวจบก็หลับตาแน่นครางออกมาหนักๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างสงบ

"เฟเนกส์?"

ไซมอนด์เรียกลูกตัวเองงุนงงที่อยู่ๆ ก็นิ่งเงียบไปแต่มือก็ยังคงบรรจงสวมเสื้อคลุมนุ่มให้โดยที่ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าบุคคลที่ตนเองหมายมั่นเป็นกษัตริย์นั้นกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้ว

"ข้าชอบความโลภของมนุษย์นะ มันตลกดี" กริมม์หัวเราะคิกคักในมือปรากฎดวงวิญญาณสีขาวเหลือบทองขนาดเท่าลูกแก้วก่อนที่ปล่อยให้กลิ้งวนไปมาในมือ "ความโลภเอย ความเกลียดเอย ทุกอย่างข้าชอบมันทั้งนั้น ทุกอย่างล้วนทำให้พวกแกกลายเป็นไอ้พวกโง่รอวันโดนหลอกใช้ตาย"

"เจ้าหมายความว่ายังไง ไม่สิ เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่" องค์กษัตริย์แห่งเมืองเอวินด์หน้าถึงกับเปลี่ยนสี มองกริมม์อย่างกราดเกรี้ยว 

กริมม์กระตุกยิ้มตอบพลางโยนลูกแก้วเล็กใส่ปากและเคี้ยวกรุบๆ ราวกับว่ามันเป็นขนมหวานรสเลิศ "ก็หมายถึงแกไงไอ้โง่!" 

แกร้ง

ฉับพลันสิ่งที่ล่ามพันธนาการกริมม์เอาไว้ก็แตกกระจาย กริมม์แค่นเสียงหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของไซมอนด์และขุนนางทั้งหลาย 

คิดว่าข้าที่มีพลังเต็มเปี่ยมแบบนี้จะไม่มีปัญญาทำลายพันธนการโซ่ศักดิ์สิทธิ์นี่รึไง? ตลกชะมัด

กริมม์คิดและฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี 

"เจ้า เจ้าสัญญากับข้าแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะให้ยืมพลังของเจ้าและถ้าทุกอย่างสำเร็จ ข้าจะปล่อยเจ้าไป" ไซมอนด์พูดเสียงกร้าวสั่นๆ พยายามเขย่าปลุกเฟเนกส์เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ

"ก็ตอนนี้ข้าหนีออกเองได้แล้วทำไมข้าต้องรอให้เจ้าปล่อยด้วยล่ะ?" กริมม์ไหวไหล่เลิกคิ้วกวนๆ "อ้อ อีกอย่างนะ ขอบใจสำหรับวิญญาณลูกเจ้านะ รสชาติใช้ได้เลย"

ไซมอนด์เบิกตาโพลงชะงักค้าง "บ้าน่า เจ้าโกหก เจ้าโกหกข้า!" ตะโกนเสียงดังขยำตัวเฟเนกส์เขย่าจนตัวโยนอย่างเสียสติ 

"ตื่น เฟเนกส์ ข้าสั่งให้เจ้าตื่น!!" เสียงของไซมอนด์ดังลั่นอัดแน่นไปด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยวแต่ไม่ว่าเขย่าเท่าไหร่ร่างในมือก็ไม่มีท่าทีตอบรับใดๆ แม้แต่นิดเดียว มีเพียงเลือดที่ยังคงไหลหยดลงสู่พื้นอย่างต่อเนื่อง

"ฮึก พี่.. ฮือ เฟเนกส์ ฮือ" ไอเรสร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่ มองพี่ที่ตัวเองชื่นชมมาตลอดกลายเป็นร่างอ่อนปวกเปียกที่ไม่อาจทิ้งตัวลงนอนบนพื้นได้เพราะโซ่ที่ล่ามมือทั้งสองข้างไว้บนกำแพง

โซ่ที่เหมือนกับความโลภของท่านพ่อที่ยังล่ามท่านพี่เอาไว้ไม่ให้ไปไหน ต่อให้ตายไปแล้วก็ตาม..

กริมม์หาวหวอดจนน้ำตาเล็ดเริ่มรู้สึกเบื่อนิดๆ "ไซมอนด์ สายเลือดแห่งสายลมมันเป็นพวกสนับสนุน ต่อให้เจ้าได้พลังข้าไปเจ้าก็พ่ายแพ้ให้กับพวกสายต่อสู้อยู่ดี ถ้าถามว่าทำไมข้าถึงยอมตกลงทำสัญญาลมปากนั่นกับเจ้า คำตอบคือข้าอยากได้ไอ้โง่สักตัวมาทำให้ข้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม"

"บัดซบ เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม กริมม์" นัยน์ตาของไซมอนด์เริ่มเปลี่ยนสีไปมาระหว่างทองกับขาว การอยู่ร่วมกับกริมม์นานๆ ทำให้ดวงวิญญาณในร่างเริ่มจะไม่เสถียรเพราะถูกพลังวิญญาณของไซมอนด์แทรกซึมเข้าไป

"จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า แต่เอาเอาเถอะ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า" กริมม์ไหวไหล่ยิ้มๆ และเหลือบมองไปยังผู้บุกรุกปากดีด้วยแววตาวาวโรจน์ "แต่คงไม่ใช่กับเจ้า พยัคฆ์ดำ!"

---------------------------
กลับมาแล้วค่ะ  :katai5: 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 18 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 19-09-2016 01:01:06
TvT
.อย่างน้อยขอให้เฟเนกส์ได้วิญญาณไปสู่สุคติด้วยเถอะ

กอดขาาาาาาาา ได้โปรดดดด
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 18 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 19-09-2016 08:05:28
เศร้า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 18 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-09-2016 09:02:13
สงสารเฟเนกอ่ะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 18 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 20-09-2016 00:07:02
โลกัสกระตุกยิ้มเมื่อถูกเอ่ยถึง

"ก็ใช่ว่าข้าจะกลัว"

เคร้ง!

กริมม์เข้าถึงตัวโลกัสในพริบตาตั้งจะใช้กรงเล็บแทงเข้าที่ท้องแต่ก็ถูกดาบยักษ์สกัดไว้ทันท่วงที

"ข้าให้โอกาสเจ้าขอโทษข้าหนึ่งครั้งและข้าจะไว้ชีวิตเจ้า" กริมม์คำรามเสียงลอดไรฟัน เส้นเลือดบริเวณขมับปูดโปนเพราะสีหน้ายียวนของโลกัส

"เจ้าฆ่าพ่อข้า เจ้าทำลายทุกอย่างในชีวิตข้า มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องขอโทษเจ้า?" โลกัสแค่นหัวเราะเสียงตอบ ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว "เจ้าทำให้ข้าต้องฆ่าคนอื่น ทั้งๆ ที่ข้าไม่อยากทำมัน ..ไม่สักนิด" ประโยคสุดท้ายโลกัสพูดพึมพำกับตัวเองเสียงเบา

ไม่มีใครอยากโดนตราหน้าว่าเป็นฆาตกรหรอกนะ

โลกัสคิดอย่างเจ็บปวดแต่ก็ได้ไม่นานนักก็ต้องตั้งรับคมดาบที่รุกเข้ามาอย่างรวดเร็วจนคิดอะไรไม่ทันนอกจากปล่อยให้เป็นไปตามสัญชาตญาณ 

"ถ้าเจ้าหมายถึงฮาร์เคฟ ไม่ใช่ข้าหรอกนะที่เป็นคนฆ่า" กริมม์หัวเราะหึเหลือบมองไซมอนด์ที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาทั้งหมด 

"เจ้าหมายความว่าไง" โลกัสพูดเสียงตื่นนิดๆ แต่ก็ยังไม่หยุดมือ เมื่อกริมม์หยุดชะงักการโจมตีโลกัสก็เป็นฝ่ายบุกเข้าไปบ้าง
"มาๆ ไหนๆ วันนี้ข้าก็เป็นอิสระแล้ว ข้าจะเล่าความเป็นมาของเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังแล้วกัน" กริมม์ไหวไหล่อย่างอารมณ์ดี

 ฉัวะ

โลกัสเผลอเคลื่อนไหวช้าไปนิดเพราะเผลอให้ความสนใจกับคำพูดของกริมม์ ทำให้ได้รับบทเรียนเป็นบาดแผลฉกรรจ์บนไหล่ข้างขวา หากแต่ร่างนักฆ่าก็ไม่ได้ใส่ใจมันนัก

"วันๆ นั้นเป็นวันที่ท้องฟ้ามืดมัว ข้าหนีจากเจ้าของเก่ามาโผล่ที่เมืองนี้ ตอนนั้นข้าใกล้ตายเต็มทน แต่ก็ยังดีที่ข้าเป็นพวกทนมือทนเท้า ไม่เช่นนั้นก็คงเป็นหมารับใช้ได้นานขนาดนั้น" กริมม์เผลอหยุดชะงักคำพูดตัวเองไปไม่ใช่เพราะคมดาบที่เกือบจะแทงโดนอกตัวเอง แต่เพราะความเจ็บปวดที่ฝั่งรากลึกและลืมไปนานตีตื้นขึ้นมาซะอย่างงั้น แต่ก็เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ทำให้คมดาบของโลกัสเป็นเพียงแค่รอยแผลถากบริเวณแขน

โลกัสส่งเสียงในลำคออย่างเสียดายแต่ก็ยังคงตั้งใจฟังในสิ่งที่สัตว์ประหลาดตรงหน้าต้องการจะบอก ไม่สิ สภาพนี่ไม่สมควรเรียกว่าสัตว์ประหลาด ความสง่างามแฝงไปด้วยความลึกลับนี่สมควรจะเรียกว่าเป็นปีศาจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อะไรทำนองนั้นซะมากกว่า
"ตอนที่ข้ากำลังจะตายก็มีไอ้โง่คนนึงที่อ้างตัวเป็นกษัตริย์บอกว่าจะช่วยข้าถ้าข้าให้พลังของข้ากับมัน ในตอนนั้นนอกจากคำว่าตกลง ข้าจะตอบอะไรล่ะ หึ ไม่รู้ว่ามันไปรู้จักพลังของข้ามาจากไหนถึงได้รู้ว่าเป็นพลังล้ำค่าที่หาไม่ได้ในเมืองมนุษย์" 

ฉัวะ

ปรากฎรอยเฉือนบนใบหน้าของกริมม์ ทำให้บุคคลที่พูดอยู่ยิ้มเหี้ยมเกรียม อากาศรอบกายเริ่มหมุนริ้วอย่างกราดเกรี้ยว พลังงานสีดำกลุ่มหนึ่งกระโจนเข้าใส่ตัวโลกัสหากแต่ก็ถูกเพลิงทมิฬมอดไหม้มันได้อย่างรวดเร็ว

กริมม์เบ้ปากเซ็งๆ "ให้ตายสิ ยังไงพลังข้าก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้สินะ"

"เล่าต่อสิ" โลกัสเอ่ยเร่งรัดทั้งๆ ที่ยืนอยู่ในท่าตั้งรับ นัยน์ตาสีแดงวาวโรจน์จ้องไปที่กริมม์อย่างแน่วแน่ พละกำลังและขุมพลังมหาศาลในร่างกายที่สามารถควบคุมได้เต็มที่คล้ายกำลังกู่ร้องให้เจ้าของร่างรีบๆ ใช้มันออกมาให้หมด

"เรื่องมันก็มีแค่นั้น หลังจากนั้นข้าก็หลอกให้มันหามนุษย์ให้ข้ามากินวิญญาณกับร่างเรื่อยๆ ไม่ก็สรรหาวัตถุดิบหรืออาหารมาให้ข้ากิน อย่างพวกเนื้อพยัคฆ์ทมิฬอะไรทำนองนั้น!" กริมม์หัวเราะดังลั่นอย่างสะใจเมื่อตัวเองสามารถสร้างบาดแผลบนหน้าอกได้พอดีกับตอนที่พูดคำว่าพยัคฆ์ทมิฬ

โลกัสกัดฟันแน่นนัยน์ตาแดงก่ำพยายามไม่หลุดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกไป แผลบนอกที่เคยมีแผลเป็นจากการฆ่าคนช่วงแรกๆ ถูกซ้ำรอยเดิมเป็นรอยกรีดลึก เลือดจำนวนไม่น้อยไหลทะลักออกมาเป็นเวลาเดียวกับพลังสีดำของกริมม์พยายาแทรกตัวเข้าไปในร่างกาย

"ฮื่ออออ" โลกัสคำรามในลำคอเสียงดัง เกิดเพลิงกาฬเผาพลังของกริมม์เป็นจุลแต่บาดแผลลึกก็ไม่ได้สมานกันแต่อย่างใด

"เวร ไอ้ชั่ว นี่เจ้าหลอกข้า!!" 

เสียงทรงอำนาจตะโกนด้วยความโมโห คว้าดาบของเฟเนกส์พุ่งตัวเข้าไปแทงกริมม์ที่หันหลังให้ตนเอง

กริมม์เหลือบมองอย่างดูแคลน "ช่วยไม่ได้ เจ้าเองโง่เอง ข้าก็ไม่ได้บอกซะหน่อย ว่าข้าจะรักษาสัญญา" เอี้ยวตัวหลบคมดาบอย่างง่ายดาย

ไซมอนด์ขบเคี้ยวฟันด้วยความเคียดแค้น รู้สึกโกรธจนแทบบ้า ความฝันทั้งหลายที่เคยวาดไว้อย่างสวยหรูพังทลายทั้งหมดเมื่อรู้ว่าทุกสิ่งที่ตนตรากตรำทำมาตลอดคือการหลอกใช้ของกริมม์ "บัดซบ!!" ความเดือดดาลทำให้พุ่งตัวเข้าไปหากริมม์อีกครั้งพยายามฟันอย่างบ้าคลั่งหมายจะให้มันตายกันไปข้าง

"หยุด ข้าเริ่มจะรำคาญเจ้าแล้ว" กริมม์ขมวดคิ้ว "แล้วอย่าหาข้าไม่เตือน"

"ไม่ ไม่!! ข้าไม่ยอม เจ้าเอาพลังของเจ้ามาให้ข้า เจ้าไม่ให้เฟเนกส์ก็เอาให้ข้า ข้าเอาเอง ข้าจะทำให้ทุกอย่างมันเป็นจริงเอง!" ไซมอนด์ตวาดม่านตาขยายกว้างเริ่มเสียสติ

"ข้าก็เคยบอกแล้วว่าร่างเหี่ยวๆ อย่างเจ้าข้าไม่เอาไง สิงไปก็เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ"

ยิ่งกริมม์ตอบกลับมากเท่าไหร่ไซมอนด์ก็ยิ่งอาละวาดมากขึ้นเท่านั้น ลืมไปหมดว่าตนเองกำลังนั้นมีเพียงมันสมองไม่มีฝีมือเชิงดาบและพลังเวทย์เลยแม้แต่นิดเดียว

เหล่าขุนนางที่ยืนอยู่กันไม่กี่คนมองหน้ากันเลิ่กลั่กกระสับกระส่าย รู้สึกทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นผู้นำที่เคยสง่างามและเกรียงไกรของตัวเองสติแตก เดิมพวกเขาก็เป็นเพียงขุนนางคนสนิทที่พอมีฝีมือและไซมอนด์ไว้ใจเท่านั้นถึงมายืนอยู่กันที่ตรงนี้ได้ ค่าตอบแทนที่เป็นเงินก้อนใหญ่กับตำแหน่งใหญ่โตเป็นสิ่งเย้ายวนที่มีค่ามากพอที่พวกเขาจะปิดปากให้สนิทกับเรื่องทั้งหมด

ทั้งๆ ที่ตอนนั้นท่านไซมอนด์บอกว่าทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดี พวกเขามีหน้าที่เป็นแค่ผู้ตามที่ดีเท่านั้น ไม่ต้องลงมือทำอะไรแต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้กลับตาลปัตร ผู้นำของพวกเขาสติแตกไปแล้ว แล้วผู้ตามอย่างพวกเขาจะทำอะไรดีล่ะ เงินก้อนโตกับยศตำแหน่งก็ดูจะไม่มีวี่แววจะได้แล้ว

ทำให้ขาของเหล่าขุนนางถูกแช่แข็งที่เดิมได้แต่ยืนกลืนน้ำลายเอือกๆ มองเรื่องราวทั้งหมดขึ้นราวกับเป็นสักขีพยานหรือผู้ที่จะนำเรื่องราวความจริงไปเปิดเผยต่อไป

"ท่านพ่อ.." ไอเรสพูดเสียงสั่น ไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไงกันแน่ กับท่านพ่อผู้โหดเหี้ยมอำมหิตหรือท่านพ่อที่กำลังจะกลายเป็นบ้า

ขุนนางร่างใหญ่ที่เพิ่งรู้ตัวว่าจับตัวองค์ชายนานเกินไปแล้วก็รีบปล่อยองค์ชายไอเรสให้เป็นอิสระทันที

ทำให้ร่างขององค์ชายอันดับสามแห่งเมืองเอวินด์ทรุดฮวบลงกองกับพื้น กุมหัวตัวเองร้องไห้สะอึกสะอื้น รู้สึกเจ็บปวดจนด้านชา พยายามหาเหตุผลถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ทำไมทุกอย่างถึงทุกกลายเป็นแบบนี้ได้นะ..?

พี่เวสเปอร์ไม่ควรปัญญาอ่อน ท่านแม่ไม่ควรฆ่าตัวตาย พี่เฟเนกส์ไม่ควรที่จะตายแบบนี้ เพราะความโลภ ความต้องการของท่านพ่องั้นเหรอถึงทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ 

"บัดซบ!!"

ฉัวะ

ร่างผู้ทรงอำนาจที่สุดและเกรียงไกรแห่งเอวินด์ทรุดตัวลงนั่งอย่างช้าๆ ก่อนจะล้มลงไปกองบนพื้น โดยที่ร่างนั้นไร้ศีรษะอยู่บนหัว

"ท่านพ่อ.."

เวสเปอร์พึมพำเรียกเสียงเบาเบิกตาโพลงตัวสั่นเทารุนแรง

เพราะมันเป็นอีกครั้ง


ที่มีหัวมนุษย์มาตกลงตรงหน้าและยังเป็นหัวของพ่อตัวเอง!

เสียงตัดของแข็งเรียกให้ไอเรสเงยหน้าขึ้นมาแต่พอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็หน้าซีดเผือดกรีดร้อง "เจ้าทำอะไรน่ะ เจ้าทำอะไรลงไป เจ้าทำอะไรลงไป!! ท่านพ่อ เจ้าฆ่าท่านพ่อ! บัดซบ นี่เจ้าฆ่าท่านพ่อได้ยังไง เจ้า เจ้า อ้ากกกก!" 

ไอเรสหวีดเสียงคู้ตัวกอดตัวเองอย่างขวัญเสียไม่ต่างกับขุนนางคนอื่นๆ ที่เบิกตาโพลงมองตามอึ้งๆ ทำอะไรไม่ถูก

"ก็ข้าบอกแล้วว่าให้หยุดๆ ก็ไม่หยุด ช่วยไม่ได้ล่ะนะ" กริมม์ไหวไหล่ไม่ยี่หระแลบลิ้นเลียปลายดาบที่เพิ่งลิ้มรสเลือดมนุษย์ที่มีศักดิ์เป็นถึงราชาเมืองเอวินด์และหันไปมองร่างนักฆ่าเลิกคิ้วให้ "แล้วเจ้าล่ะ จะหยุดไหม? คนที่เป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมดข้าก็ฆ่าให้แล้ว อยากได้อะไรอีกไหม"

"หลังจากนี้เจ้าจะทำอะไรต่อไป" โลกัสแค่นเสียงถามมือข้างหนึ่งกดแผลตัวเองส่วนอีกข้างใช้ดาบกดพื้นพยุงตัวเอง สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้คือพยัคฆ์ดำนั้นใช้เวทย์รักษาไม่เป็นหรือถ้าใช้ก็ใช้ได้ห่วยแตกมาก บาดแผลบนร่างจึงมักจะหายเองตามธรรมชาติกลายเป็นรอยแผลเป็นมากมาย

แววตาของกริมม์วูบไหวแต่ใบหน้ายังคงยิ้มกริ่ม "ไม่รู้สิ คงจะออกล่าวิญญาณมนุษย์มาหล่อเลี้ยงตัวเองไปเรื่อยๆ ล่ะมั้ง ยังไงข้าก็โดนเขาทอดทิ้งมาอยู่แล้ว จะทำอะไรเขาก็คงไม่สนใจข้าหรอก"

"หมายความว่าเจ้าจะล่ามนุษย์?" โลกัสพูดเสียงกร้าว 

กริมม์หัวเราะกับท่าทีของโลกัส "ก็ร่างกายข้ามันต้องกินวิญญาณกับร่างมนุษย์เป็นอาหาร มันก็เหมือนพ่อเจ้ากินมนุษย์นั่นแหละ ข้ากับพ่อเจ้าต่างกันตรงไหน แค่ข้ากินจุกว่าก็แค่นั้น" 

"สำหรับเจ้าแค่ไหนถึงจะพอ เจ้าฆ่ามนุษย์ไปกี่ร้อยคนแล้วตลอดสิบปีมานี้ เจ้าไม่สมควรที่จะอยู่ในโลกมนุษย์ กลับไปหาเจ้านายเก่าอะไรของเจ้าไป"  ถึงจะเป็นนักฆ่าเดนตายแต่โลกัสก็ยังพอมีศีลธรรมอยู่บ้าง มองร่างที่คร่ามนุษย์ไปจำนวนมากอย่างดุร้าย หากปล่อยให้มันรอดออกไปคงมีคนอีกไม่น้อยที่จะต้องตายเพราะมัน

ซากศพซากกระดูกที่กองเกลื่อนตามพื้นตามบันไดจำนวนหลายร้อยเป็นหลักฐานชั้นดีว่าไอ้สัตว์ประหลาดตรงหน้ากินมนุษย์ไปมากขนาดไหน

"ก็บอกแล้วว่าข้ากินจุ" กริมม์ยิ้มรับ "ถ้าอยากให้ข้าหยุดก็ฆ่าข้าให้ได้สิ"

โลกัสรู้ข้อจำกัดของตัวเองดีว่าตัวเองในตอนนี้คงไม่มีปัญญาฆ่าสัตว์ประหลาดตรงหน้าลงได้ แต่พลังที่อยู่ภายในร่างกลับปฏิเสธ ทำให้ร่างนักฆ่าร่างยักษ์ปล่อยมือออกจากบาดแผลบนอก เลิกใช้ดาบพยุงร่างตัวเองและจับมันแน่น

กริมม์เอียงคอ "เจ้ารู้ไหม โลกัส ข้าเคยเจอพวกอวดดีมาเป็นร้อยๆ คนซึ่งจุดจบของพวกมันทุกคนก็เหมือนกันหมด" หรี่ตามองโลกัสแยกเขี้ยวดุร้าย "ตายยังไงล่ะ"

เคร้ง!

ดาบกระทบกับดาบอีกครั้ง หากแต่แขนของโลกัสกลับสั่นเทา บาดแผลบนอกสร้างความเจ็บปวดมากกว่าร่างนักฆ่าคิดไปมาก อาการหนาวสั่นเริ่มเกาะกุมร่างทั้งร่างช้าๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก พยายามลืมเลือนทุกสิ่งเพราะหากว่าตัวเองพลาดไป คงยากที่จะหาใครมาต่อกรกับสัตว์ประหลาดตรงหน้า

ฉัวะ

บาดแผลลึกปรากฎอีกครั้งหากแต่ไม่ใช่บนตัวกริมม์ ยังคงเป็นเจ้าของคมดาบที่พยายามโถมดาบเข้าไปหาสัตว์ประหลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนบ้าคลั่งแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งแบบแผนการใช้ดาบ 

แต่น่าเสียดายคนที่เพลี่ยงพล้ำเป็นส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นพยัคฆ์ดำ.. เลือดสีแดงฉานหยดแล้วหยดเล่าหยดซึมออกมาจากบาดแผลกรีดลึกที่ปรากฎทั่วลำตัว แตกต่างจากกริมม์ที่มีเพียงรอยแผลเล็กๆ น้อยๆ ไม่กี่ที่ 

"เจ้าตาย? ข้าตาย? ใครจะเป็นคนตายก่อนกันแน่นะ?" กริมม์หัวเราะเสียงใสพูดอย่างอารมณ์ดี สนุกกับการต่อสู้ที่ตนเองนั้
นเหนือกว่าเพียงไม่นานก็สามารถต้อนร่างของร่างนักฆ่าอันดับหนึ่งในเมืองมนุษย์ให้จนมุมได้

ปลายดาบหยุดตรงปลายลำคอพยัคฆ์ดำที่ใช้ดาบพยุงตัวหอบหายใจเสียงสั่น

"เจ้านับว่าเก่งที่สุดในบรรดามนุษย์ทั้งหมดที่ข้าเคยเจอนะ โลกัส" กริมม์ยิ้มละมุน "แต่น่าเสียดายที่เจ้ามาเจอกับพลังที่ไม่ว่ามนุษย์คนไหนก็ต่อกรไม่ได้!"

กริมม์เงื้อดาบขึ้นอย่างเชื่องช้าเตรียมจะสับเข้าที่ลำคอของโลกัสแต่จู่ๆ กลับมีเสียงที่คุ้นเคยเอามากๆ ดังขึ้นในห้อง

~♪

"เวรเอ้ย ไม่จริง ไม่จริงน่า" กริมม์กรีดเสียงร้องทรุดตัวลงกองบนพื้นอุดหูตัวเองแต่ก็ไม่ได้ผล ท่วงทำนองไพเราะที่แสนคุ้ยเคยยังคงกระแทกเข้ามาในโสตประสาทราวกับเป็นมีดบางเฉียบกรีดหัวใจจนขาดเป็นริ้วและบังคับให้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของมัน
ซึ่งไม่เพียงแค่กริมม์เหล่าขุนนาง ไอเรสที่ยังพอหลงเหลือสติล้วนถูกเสียงเพลงครอบงำความคิดจนหลงระเริงไปกับมัน ฟังมันอย่างหลงใหลแต่ร่างสัตว์ประหลาดกลับสั่นเทาสะอื้นหนัก "ฮึก หยุด หยุดเล่นมัน! ข้าสั่งให้เจ้าหยุดไง ฮือ"

มันเป็นเพลงที่เขาคนนั้นเล่น เป็นวันที่สุดท้ายที่ข้าได้ยืนข้างกายเขา เป็นวันเดียวกับที่เขาใช้เพลงนี้บังคับให้ข้าฆ่าตัวตาย มันเป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อหลอกให้คนฆ่าตัวตายทั้งๆ ยังมีความสุข

"แล้วทำไม เจ้าไปเอาเพลงนี้มาจากไหน ฮือ"

การถูกทอดทิ้งนั้นเจ็บปวดแต่นั้นก็เทียบไม่ได้กับการถูกกำจัด เดิมทีข้าเป็นเพียงหมารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของท่านโฟเทียส ผู้ที่สร้างโลกบิดๆ เบี้ยวน่ารังเกียจนี่ขึ้นมา เขาเอ็นดูข้าอย่างดีให้ความสำคัญกับข้ามาตลอดจนกระทั่งข้าเผลอทำงานผิดพลาดไปแต่เขาก็ไม่ให้อภัยข้า เลือกที่จะฆ่าข้าอย่างเลือดเย็นต่อหน้าเพราะชายาที่เขารักยิ่ง

ทั้งๆ ที่ข้าภักดีต่อท่านมาตลอด  แต่ท่านกลับเลือกที่กำจัดข้าทิ้ง ข้าจำไม่ได้ว่าตัวเองหนีมาเมืองเอวินด์ได้ยังไง จำได้แต่ความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณอันบิดเบี้ยว

"ข้าจะไปเอามันมาจากไหน มันก็ไม่สำคัญหรอก" น้ำเสียงทุ้มพูดอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน ใช้มือข้างที่ว่างค่อยๆ หยิบดาบที่ตกลงข้างกายกริมม์ขึ้นมาและออกแรงแทงเข้าที่อกมันอย่างรวดเร็ว

กริมม์เบิกตาโพลงกรีดร้องไร้เสียง มันไม่ได้ตายในทันทีถึงแม้ว่าอกจะเป็นจุดอ่อนของมัน มันใช้นัยน์ตาเบิกโพลงเหลือบมองผู้ที่สามารถฆ่าตัวเองได้ซึ่งก็ยิ่งทำให้มันตกอกตกใจมากขึ้นไปอีก

"สายัณห์สวัสดิ์"

"เวสเปอร์..?" มันพูดเสียงแหบแห้ง

เจ้าของชื่อเหยียดยิ้มรับ "ขอบคุณนะที่ทำให้ข้าปัญญาอ่อน" ออกแรงกดดาบให้ลึกลงไปอีกจนกริมม์กระอักเลือดออกมาคำโต นัยน์ตาสีทองวาวโรจน์ "ขอบคุณที่ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนกากเดนไร้ค่าตลอดเวลา!"

"แค่ก" กริมม์พ่นเลือดออกมาเปรอะเสื้อเวสเปอร์ หน้าซีดเผือดพยายามจะตะเกียกตะกายหนีแต่ก็พบว่าแรงขององค์ชายปัญญาอ่อนนัั้นมากเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ใช้มือข้างเดียวกดดาบและมืออีกข้างถือขลุ่ย

"ถ้าหากไม่มีเจ้า" พูดเสียงลอดไรฟัน "ท่านพ่อของข้าจะไม่กลายเป็นแบบนี้!" ร่างองค์ชายดึงดาบเปื้อนเลือดสีดำน่าขยะแขยงขึ้นมาและแทงซ้ำลงไปจนเกิดเสียงกระดูกหักดังลั่นก่อนที่จะร่างสัตว์ประหลาดจะค่อยๆ แน่นิ่งไป

เดิมมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งและอยากมีชีวิตอะไรอยู่แล้ว หากมีคนมอบความตายให้มันได้ มันจึงยอมรับอย่างง่ายดาย ทำให้ร่างไร้ชีวิตที่ถูกทอดทิ้งจากท่านผู้นั้นมีรอยยิ้มจางปรากฎอยู่บนใบหน้า

ความสุขที่มาจากความตาย เพราะการใช้ชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่เจ็บปวดเกินไป..

องค์ชายคนโตปล่อยมือจากดาบแค่นเสียงหัวเราะ เก็บขลุ่ยเข้ากระเป๋าเสื้อพร้อมกับเนื้อเพลงที่จำได้ขึ้นใจอย่างบรรจง ค่อยๆ เดินสาวเท้าไปหาร่างนักฆ่าที่นอนสลบหายใจโรยรินอยู่บนพื้น

"เจ้าเสือ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยกระซิบข้างหูโลกัสเมื่อไม่มีปฎิกิริยาตอบรับใดๆ จึงร่ายเวทย์รักษาออกมาอย่างคล่องแคล่ว ทำให้บาดแผลบนร่างของโลกัสสมานกันอย่างรวดเร็วราวกับเป็นนักเวทย์ชั้นสูง 

เมื่อบาดแผลบนร่างฉกรรจ์หายแล้ว องค์ชายก็ย่นคิ้วหงุดหงิดเล็กๆ เมื่อพบว่าตัวเองนั้นตัวเล็กเกินกว่าจะที่จะแบกโลกัสออกไปได้ "ฟินด์"

ฮื่อออ

เสือโคร่งขาวสาวเท้าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว มันใช้หัวถูไถเวสเปอร์ออดอ้อนเล็กๆ แล้วจึงปล่อยให้องค์ชายประคองตัวโลกัสขึ้นมาก่ายบนหลังตัวเองโดยมีเวทย์ลมช่วยเสริม เมื่อได้ทุกอย่างตามที่ต้องการองค์ชายก็ยิ้มจาง

"ไปกันเถอะ ฟินด์"

"ดะ เดี๋ยวสิ ท่านพี่เวสเปอร์" ไอเรสตกใจกับท่าทางปกติของเวสเปอร์จนพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่เพิ่งได้สติกลับมาพูดได้

เวสเปอร์ไม่ตอบมองอย่างเย็นชา ความทรงจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนที่ปัญญาอ่อนนั้นครบถ้วน สาเหตุที่กลับมาเป็นปกติได้นั้นก็คงจะเป็นเพราะถูกกระแทกความทรงจำด้วยภาพเดิมๆ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาตัดสินใจคือไปจากที่เมืองน่ารังเกียจนี่และเริ่มต้นชีวิตใหม่กับโลกัส

ไอเรสคล้ายกับถูกสายตานั้นแช่แข็ง ภายในอกเจ็บปวดอีกครั้งจนน้ำตาคลอ รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนเองทำกับพี่ทำให้ได้แค่่มองตามร่างทั้งสองสาวเท้าขึ้นไปตรงบันไดจนลับสายตาและสะดุ้งกับเพลิงแปลกประหลาดที่ลุกไหม้เสื้อคลุมหนังเสือโคร่งที่ท่านพ่อใส่ให้พี่เฟเนสก์เพียงชั่วพริบตาหนังเสือโคร่งที่ถูกอ้างว่ามีสรรพคุณมากนักหนาก็เหลือเพียงเถ้าถ่าน

เช่นเดียวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องลับใต้ดินแห่งนี้ 

-----------------------------
 :m22: ดึกมาก 555
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 20 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-09-2016 00:32:27
สุดท้ายแล้ว ท่านโฟเทียสนี่แหละ สร้างปัญหาทางอ้อมให้ทุกเรื่อง ฮ่าาาาาา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 20 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 20-09-2016 00:36:57
สนุกมากคะเป็นกำลังใจให้คนแต่มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 20 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 20-09-2016 02:24:44
เหี้ยยยยยยยยย โฮรรร พรูวววววร์~~~เหอออ~~~~ค่อยยังชั่ว ลุ้นจนกลั้นหายใจ 555 อ๊ากกกสนุกมากก //เคยอ่านไว้ 12 ตอนแล้วเบรคไว้เพราะมันสนุกรอแต่ละตอนไม่ไหวเลยกะรวบยอด 55  มาต่ออีก 10 ตอนรวดดด โห๊ยยยยยตื่นเต้นสุดๆแต่ละตอนยิ่งเพิ่มความลุ้นมันส์มากฉากต่อสู้และพิธีกินวิญญาณ เกิดขึ้นเพราะความโลภแท้ๆนำมาซึ่งหายนะทุกสิ่งอย่าง //ดีใจ พีคมาก เวสเปอร์โคตรเจ๋ง เท่ห์ผุดๆ  o13 เออดีแล้วออกไปจากเมืองนี้เหอะ ไปอยู่กับเจ้าเสือนะ วร๊ายยยยยยยยยเจ้าเสือฟื้นขึ้นมาจะว่ายังไงหละนี้  เวสเปอร์จะแกล้งปญอต่อไปม่ะ งื้ออออ โลกัส ฉลาดออก 555//แค่คิดว่าเจ้าเสือกับเวสเปอร์จะมุ้งมิ้งกัน สัส ตรูเขิน 5555 ขอฉากฟินๆหน่อยนะค่ะตอนต่อไปๆ เพราะตอนนี้ลุ้นจนเหนื่อยละเครียดมาก 55555 //สนุกมากกกกค่ะ ชอบบต่อจากนี้จะตามตลอดทุกครั้งที่อัพ ติดงอมแงมละคะ 555 ขอบคุณนะคะ ละสู้ๆตอนต่อไปค่ะ รอคะรอ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 20 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 20-09-2016 05:35:15
สรุปว่าเวสเปอร์ก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนจริงๆสินะ แต่เป็นอัจฉริยะ!!! รอตอนต่อไป....
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 20 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-09-2016 06:09:05
T T

อิแก่โฟเทียส เอาอีกแล้วนะ

***

เวิ่นเว้อ

อิแก่โฟเทียสนี่ซ้ำรอยเดิมกับนิโคลัส วงจรวนเวียนอุบาทว์นี่ไม่จบสิ้น

T T
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 20 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 20-09-2016 12:39:36
 o13
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 20 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-09-2016 13:17:04
เอัยยย สนุกมากอ่ะ
เวสเปอร์หายแล้วด้วย งานนีัเจ้าเสือรอดเพราะเวสเปอร์นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 20 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 20-09-2016 19:30:22
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ ชอบเวสเปอร์ที่สุด ปกติเป็นพวกอยู่ฝ่ายเมะนะ แต่เรื่องนี้เวสเปอร์น่ารัก ชอบๆๆ โลกัสมิอาจดึงความสนใจเราไปเลย 55 ตอนอ่านเจอตอนที่มีขลุ่ยและเนื้อเพลง ใจจดใจจ่อรอความสามารถนี้ของเวสเปอร์เลย ลุ้นกว่าปมพยัคฆ์ทมิฬอีก  :really2:

ตอนนี้ติดตามต่อเลยว่า ทำไมความสามารถเวสเปอร์ดูมีความสามารถในการใช้เวทสูงจัง หรือเพราะทุกวิชาที่เรียนในช่วงที่ปัญญาอ่อนเวสเปอร์สามารถเข้าใจได้ทั้งหมดเมื่อหายแล้ว ทำไมตอนล่าสุดเวสเปอร์ถึงรู้จุดอ่อนของกริมอะ ทำไมถึงรู้ว่าเพลงที่ได้มาคือเพลงที่ใช้หยุดกริม หรือเป็นเรื่องที่สามารถรู้ได้กันอยู่แล้วเพราะตอนที่เวสเปอร์ได้โน้ตเพลงมาก็คิดว่าถ้าถามท่านอาก็จะรู้

แต่มีขัดใจนิดนุง ตรงที่คนเขียนชอบใช้คำว่า มัน แทนตัวคนที่ถูกกล่าวถึงจนบ้างทีงงว่ามันคือใคร แต่บางทีเราอาจอ่านไม่ดีเอง อิอิ

ปล. แอบสงสัยทำไมตอนแรกฟินน์ถึงเลือกเวสเปอร์คะ จะมีเฉลยมั้ย หรือเราอ่านไม่เข้าใจตรงไหน

ปล.2 จะมีฉากหวานๆ หรือจั๊กกะจี๊หัวใจไรงี้ป่าว รอๆๆๆ  :hao7:

ปล.3 ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ให้อ่านนะคะ :mew1: :mew1:
               
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 20 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 21-09-2016 23:11:21
ลืมเพลงขลุ่ยไปเลย โผล่อีกทีฉากสุดท้ายนี่เอง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 22 20 ก.ย 59 p.13 # ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 30-09-2016 23:06:52
ตอนที่ 23

ภาพเดิมปรากฎซ้ำในสายตาหากแต่ได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิม ซากศพนับร้อยที่ทอดกายอยู่บนพื้นเดิมทีสามารถทำให้องค์ชายปัญญาอ่อนตัวสั่นงั่นงกแต่ตอนนี้กลับไม่สามารถทำอะไรใดๆ ได้ 

องค์ชายอันดับหนึ่งแห่งเมืองเอวินด์สาวเท้าขึ้นบันไดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ก้าวข้ามศพต่างๆ อย่างง่ายดายราวกับว่ามันเป็นเพียงต้นหญ้าดอกไม้ตามทาง ร่างที่เคยดูบอบบางน่าสงสารในเวลานี้กลับเดินอย่างสง่าผ่าเผยถึงแม้จะไม่น่าเกรงขามเหมือนโลกัสหากแต่ก็สามารถสร้างความกดดันให้แก่ผู้พบเห็นได้ไม่น้อย

ฟินด์ส่งเสียงครางฮือในลำคอเมื่อมือนุ่มลูบหัวมันระหว่างที่เดิน นัยน์ตาสีฟ้าสว่างของเสือโคร่งขาวสะท้อนใบหน้าอ่อนเยาว์ที่มีรอยยิ้มน่ารักให้กับมันเมื่อมันหันไปมอง

"ขอบคุณเจ้านะที่อยู่เคียงข้างมาตลอด" องค์ชายพูดเสียงอ่อนโยน สายตาทอดมองไปยังแสงสว่างที่ปลายทางลิบๆ ซึ่งเป็นทางเข้าห้องใต้ดินนี้ ในชั่วขณะหนึ่งอารมณ์ความรู้สึกหวาดกลัวจนแทบบ้าในวัยเยาว์ก็ตีตื้นขึ้นมาแต่องค์ชายก็ไม่มีท่าทีผิดปกติใดๆ ราวกับชินชาไปแล้วกับความรู้สึกพวกนั้น

"ขอบคุณที่เจ้าเลือกข้าในวันนั้นนะ ฟินด์" ไม่ว่าเปล่าเวสเปอร์รั้งให้ฟินด์หยุดเดินสักพัก ใช้เวทย์ลมประคองตัวเจ้าเสือไว้ ส่วนตัวเองก็สวมกอดฟินด์แน่นซึ่งก็ไม่สำเร็จเพราะถูกฟินด์เลียหน้าเอาซะก่อน ทำเอาองค์ชายที่กลับมาปกติแล้วน้ำตารื้นเผลอสะอื้นออกมา ผวากอดคอฟินด์แน่น ขนาดตัวที่แตกต่างกันเกินไปทำให้ฟินน์ต้องค้อมหัวลงมาเพื่อให้เวสเปอร์กอดได้ถนัดขึ้น

"ฮึก ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้าวันนั้น ข้าต้องตายแน่ๆ" องค์ชายสะอื้นจนตัวโยน ความจนตรอก ความหวาดกลัว ความขื่นขม ทุกอย่างในวันนั้นเขายังจำได้ดีจนถึงทุกวันนี้

ฟินด์พยายามถูหัวใหญ่ๆ ของมันกับหน้าเวสเปอร์หวังจะปลอบประโลม 

เดิมทีการเจอกันระหว่างเวสเปอร์กับมันในวันนั้นเป็นเรื่องบังเอิญ วันนั้นรู้สึกว่าโลกัสจะปล่อยให้มันเดินเล่นระหว่างที่ไปสืบข่าวเรื่องพยัคฆ์ทมิฬ มันเบื่อๆ เลยเดินทอดน่องไปเรื่อยtแล้วจู่ๆ กลับถูกวงเวทประหลาดกระชากตัวเข้าไปในลานอะไรสักอย่าง รู้ตัวอีกทีก็โดนเวสเปอร์กระโจนเข้าใส่พร้อมกับดาบแล้ว ตอนแรกมันก็กะจะกัดตอบให้จมเขี้ยว แต่พอเห็นหน้ากลับรู้สึกถูกชะตาอย่างประหลาด สัญชาตญาณนักล่าหายไปทันควันกลายเป็นแมวตัวเขืองออดอ้อนอย่างที่เห็นในวันนั้น   

ในตอนนี้ความรู้สึกของมันก็ยังเช่นเดิม สำหรับมันแล้วต่อให้เวสเปอร์เปลี่ยนไปเท่าใดมันก็ไม่สนใจ เพราะยังไงเวสเปอร์สำหรับมันแล้วก็เป็นเพียงองค์ชายน่ารักขี้อ้อนคนนึงเท่านั้น เหตุผลอีกอย่างก็คงเป็นกลิ่นขององค์ชายที่คล้ายๆ กับพลังของโลกัสจางๆ กลิ่นของพยัคฆ์ทมิฬ คงจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่โลกัสตามหาไม่มากก็น้อย มันจึงเลือกที่จะพาเวสเปอร์ไปด้วย

"ฮึก นี่ไม่ใช่เวลามาร้องไห้" องค์ชายพูดพึมพำตำหนิตัวเองและปล่อยแขนออกจากฟินด์แล้วใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกซึ่งท่าทางก็ไม่ต่างอะไรไปจากเด็กนัก ยิ่งพอเหลือบเห็นเจ้าเสือก็ยิ่งทำให้รู้สึกโหยหาถึงอ้อมกอดอุ่นๆ นั่น "ให้ตายสิ ข้าไม่ใช่เด็กสักหน่อย" สบถอีกครั้งเซ็งๆ หน้าแดงซ่าน

ฮื่ออ

ฟินด์ใช้หัวหนุนหลังเวสเปอร์เบาๆ เชิงให้เดินต่อซึ่งเวสเปอร์ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เดินต่อโดยจับมืออุ่นๆ เจ้าเสือที่นอนหงายอยู่บนตัวฟินด์ 

ความร้อนแผ่ซ่านมาตามฝ่ามือไล่ไปถึงหัวใจที่เย็นเยียบของเวสเปอร์ น้ำแข็งที่เรียกว่าความเข้มแข็งจอมปลอมถูกละลายอย่างช้าๆ และโอบกอดด้วยความเชื่อมันในตัวโลกัส ถึงเวสเปอร์จะเชื่อว่าตนเองสามารถปกป้องตัวเองได้แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอยากถูกโลกัสปกป้อง

มันเป็นเหมือนความรู้สึกแบบเด็กๆ ที่อยากให้คนปกป้อง ดูแล เอาใจใส่ เวสเปอร์เคยได้รับมันตอนเด็กๆ เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะต้องดูแลตัวเองและเติบโตด้วยตัวเองเพราะความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับสมอง

“เจ้าเสือ” เวสเปอร์เผลอเรียกออกมาก็สะดุ้งรีบเอามืออีกข้างปิดปากตัวเองหน้าแดง แค่เรียกฉายาที่ตัวเองตั้งให้โลกัสก็รู้สึกอายมากแล้วไหนจะเรื่องที่ถูกขโมยจูบ ถูกลวมลามนั่นอีก ยิ่งคิดองค์ชายก็หน้าแดง พยายามไม่สนใจมองร่างหนาที่เต็มไปด้วยมัดกล้า หันกลับมาสนใจทางข้างหน้าได้สักพักก็คิดไปถึงความรู้สึกเก่าๆ เกี่ยวกับบันไดนี้

บันไดที่องค์ชายเคยคิดว่ามันทอดยาวไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด อาจจะเป็นเพราะความหวาดกลัวถึงได้คิดเรื่องไร้สาระพรรค์นี้ได้ น่าแปลก ที่ตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันสั้นเอามากๆ เดินเพียงไม่นานก็พาร่างมาหยุดยืนตรงหน้าแสงสว่างได้ 

"คงจะเป็นเพราะความเข้มแข็งของข้า" องค์ชายพึมพำกับตัวเองเหลือบมองเจ้าเสือเขินๆ 

ให้ตายสิ ถ้าโลกัสตื่นข้าควรจะทำตัวยังไงดี?

องค์ชายคิดอย่างวิตกพลางดันประตูออกไปเพื่อเปิดทางและจะได้ไปพ้นๆ จากที่นี่สักที แต่พอประตูเปิดจนสุดก็อดสะดุ้งในใจไม่ได้

"เวสเปอร์? โลกัส? ข้างล่างเกิดอะไรขึ้นน่ะ โลกัสเป็นอะไรรึเปล่า"

เป็นสิงโตหิมะที่เพิ่งมาถึง ข้างหลังมีกองกำลังอารักขาที่มีบาดแผลเต็มตัวทุกคน เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านการต่อสู้มาอย่างดุเดือด ไม่เว้นแม้แต่บนใบหน้าอัลฟินที่มีรอยดาบลากยาวตามแก้มเป็นแผลตื้นๆ หากแต่เลือดซึมออกมาจนย้อมแก้มเป็นสีแดงฉาน

แต่เวสเปอร์ก็ไม่คิดที่จะรักษาให้แต่อย่างใด สีหน้าคงความเรียบเฉย ความทรงจำเกี่ยวกับอัลฟินทั้งด้านดีและด้านร้ายผุดขึ้นในหัว

องค์ชายคลี่ยิ้มเย็นเยียบนัยน์ตาสีทองประกาศกร้าวถึงความเย็นชา ความรู้สึกที่โดนเหยียดหยามต่างๆ นานาค่อยๆ หลอมให้เวสเปอร์กลายเป็นองค์ชายคนใหม่ 

"ถ้าเจ้าอยากได้บัลลังก์ของเมืองเอวินด์ก็ลงไปข้างล่าง หยิบดาบ หยิบหัวพ่อข้าแล้วป่าวประกาศว่าได้ล้มบัลลังก์ได้สำเร็จ" น้ำเสียงของเวสเปอร์ราบเรียบสม่ำเสมอไร้อารมณ์ หากแต่แต่ละคำพูดกลับเสียดแทงอัลฟินไม่ยั้ง

อัลฟินเผยสีหน้าประหลาดใจถึงขีดสุด ใบหน้าหล่อเหลาสุขุมตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก "เวสเปอร์? นั่นเจ้า จริงเหรอ บ้าน่า เจ้าปัญญาอ่อนจริงๆ นี่ พอยซ์ก็บอกว่าเจ้าปัญญาอ่อน"

จะให้อัลฟินคงความสุขุมไว้ก็คงไม่ได้เพราะเวสเปอร์ได้รับการตรวจจากหมอที่ฝีมือดีที่สุดในทุกดินแดนไปแล้วว่าปัญญาอ่อนจริงไม่ได้โกหกและไม่มีทีท่าว่าจะรักษาได้ด้วย

เวสเปอร์แค่นหัวเราะ "ความกลัวที่ฝังลึกในจิตวิญญาณ เจ้ามีปัญญาทำให้มันหายไหมล่ะ?" เลิกคิ้วยียวน

สิงโตหิมะเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว รับรู้ถึงบรรยากาศมาคุที่มาจากองค์ชายปัญญาอ่อน สีหน้าและแววตาทุกอย่างแม้แต่การพูดล้วนแปลกไป 

"เจ้าหายปัญญาอ่อนแล้ว?" อัลฟินเดาสุ่ม นัยน์ตาสีควันบุหรี่จับจ้องเวสเปอร์เขม็งราวกับว่าพยายามหาจุดอ่อนหรืออะไรสักอย่างที่สามารถทำให้เวสเปอร์เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำได้

องค์ชายไม่ได้ตอบเพียงแค่มองด้วยหางตาและสาวเท้าต่อไม่ใส่ใจอัลฟินอีก หากแต่ร่างสิงโตหิมะกลับมายืนขวางทางเอาไว้ ทำให้เวสเปอร์ต้องถอนหายใจหนักๆ ออกมา

"บัลลังก์โง่ๆ นี่ข้าไม่ต้องการ เจ้าอยากได้ก็เอาไป ถ้าเข้าใจแล้วก็ถอยไป" 

"เจ้าหมายความอะไร หัวของพ่อเจ้า? ดาบ?"

ผลั่ก 

ลมรุนแรงอันไร้ที่มาจู่ๆ กลับพัดอัลฟินจนกระเด็นไปชนกับเจ้าม้าขาวโดยไม่ได้ตั้งตัว อัลฟินจุกจนต้องเบ้หน้าแต่ความตกใจนั้นมากกว่า "เจ้า เจ้าใช้เวทย์ได้? นี่มันอะไรกันแน่ ข้างงไปหมดแล้ว"

แม้แต่สิงโตหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าฉลาดเป็นกรดอย่างครางคำพูดสุดท้ายออกมาอย่างน่าสงสาร ทุกอย่างเกิดขึ้นตอนนี้มันพิศวงเกินไป ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่คิดไว้สักนิดเดียว

"อยากได้นักไม่ใช่เหรอบัลลังก์น่ะ จะมัวสนใจอะไรอยู่อีก?" เวสเปอร์หัวเราะเสียงต่ำมองอย่างดุร้ายไม่ต่างกับร่างนักฆ่าที่สลบอยู่บนหลังฟินด์ "อ้างว่าตัวเองลำบากบ้าง อ้างว่าจนตรอกบ้าง คิดว่าเหตุผลพวกนี้จะทำให้เจ้ามีสิทธิ์เหยียดหยามคนอื่น ข่มขู่คนอื่นงั้นเหรอ? ตลกชะมัด เจ้ามันก็สวะไม่ต่างไปจากคนอื่นๆ หรอก"

สีหน้าของอัลฟินกลับมาสุขุมเหมือนเดิม หน้าชาไปทั้งหน้าขบกรามกรอด "เจ้าไม่ใช่ข้า เจ้าไม่เข้าใจหรอก"

องค์ชายหัวเราะหึ "ก็ใช่ว่าข้าอยากจะเข้าใจ แล้วเจ้าล่ะเข้าใจข้าไหม? จากที่ยืนอยู่บนสรวงสวรรค์อย่างมีความสุขจู่ๆ ก็ถูกฉุดกระชากลงนรก ท่านพ่อเปลี่ยนไป ทุกคนเปลี่ยนไป ไม่สิ ที่เปลี่ยนไปมันข้าต่างหาก แต่เอาเถอะผลมันก็เหมือนกัน ข้ากลายเป็นองค์ชายปัญญาอ่อนที่มีค่าไม่ต่างเศษเดน ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่มีใครเข้าใจ" เสียงของเวสเปอร์ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นตะโกนเมื่อพวกขุนนางคนใช้ที่คุ้นหน้าคุ้นตาปรากฎให้เห็นในสายตาโดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงรับใช้คนนั้น! 

ฉับพลันแววตาสีทองวาวโรจน์

"เจ้าบอกว่าเจ้าจนตรอก เจ้าเคยถูกคนรับใช้เหยียบหน้าตัวเองตอนกินข้าวไหมล่ะ? เจ้าเคยป่วยแล้วถูกทิ้งจนเกือบตายไหม? เจ้าเคยถูกฆ่าแต่ไม่ตายไหม!!"

พายุเกรี้ยวกราดที่รุนแรงกว่าของอัลฟินนับร้อยเท่าพัดเข้าใส่เหล่าผู้สอดรู้สอดเห็นจนกระเด็นออกไป เว้นเสียงแต่หญิงรับใช้ที่ถูกลมตรึงไว้บนพื้น สายลมคมกริบตัดผิวหนังร่างทั้งร่างจนเลือดซิบหนึ่งอึดใจต่อมาเลือดไหล่บ่าออกจากรอยกรีดพวกนั้น 

"อย่าฆ่าข้า ได้โปรด อย่าฆ่า ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ฮือ" หญิงรับใช้กรี๊ดออกมาอย่างขวัญเสียพยายามอ้อนวอนขอชีวิตจากคนที่ตนเองเคยคิดว่าไม่มีวันทำอะไรนางได้ ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้นางเอาแต่กรี๊ดออกมาไม่หยุด

ไม่ต่างกับขุนนางคนอื่นๆ ที่พากันกลืนน้ำลายเอือกเตรียมจะหนีออกไปแต่ก็ทำไม่ได้ สายลมแปลกประหลาดคล้ายจะพันธนาการขาทั้งสองข้างเอาไว้เหมือนโซ่โลหะหนักๆ 

เวสเปอร์เหยียดยิ้มสมเพชมองหญิงรับใช้ "เจ้าพูดคำนี้กับข้าเป็นด้วยงั้นเหรอ? ข้ามันแค่หมาตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอ?"

หญิงรับใช้ส่ายหน้าทั้งน้ำตา "ไม่ ไม่ท่านเป็นองค์กษัตริย์ที่เกรียงไกร"

หากแต่หญิงรับใช้กลับเข้าใจผิดไปอย่างร้ายแรง คิดว่าคำสรรเสริญแบบนี้จะสามารถทำให้องค์ชายไว้ชีวิตตัวเอง

กรี๊ดดดด

นางกรีดร้องตาถลนเมื่อถูกสายลมกรีดเข้าที่ลำคอลึกจนแสบไปหมด รู้สึกถึงหลอดลมของตัวเองที่เกือบจะถูกตัดไปด้วย นางตัวสั่นไปทั้งกลัวอย่างหวาดกลัวพึมพำขอโทษองค์ชายไม่หยุดปาก

"บัลลังก์กษัตริย์งั้นเหรอ ข้าไม่ต้องการมันหรอก" เวสเปอร์ไหวไหล่หัวเราะขับให้ใบหน้าหล่อเหลาดูน่ากลัวขึ้นถนัดตา "โชคดีที่ข้าไม่อยากเป็นสวะเหมือนพวกเจ้า ข้าถึงไม่ฆ่าพวกเจ้าให้หมด"

ทั้งๆ ที่เวสเปอร์เพียงแค่พูดแต่ทุกคนในห้องโถงกลับตัวสั่นไปทั้งตัว รับรู้ว่าองค์ชายปัญญาอ่อนสามารถทำสิ่งที่พูดได้จริง น่าแปลก จู่ๆ ความคิดแปลกประหลาดก็ผุดวาบขึ้นในหัวพวกเขา

ความคิดที่ว่าองค์ชายเวสเปอร์นั้นเหมาะสมกับการเป็นกษัตริย์ที่สุด

"อ้อ จริงสิ รู้สึกว่าข้าจะยังไม่ได้ตอบคำถามเจ้า" เวสเปอร์หันมามองอัลฟินและคลี่ยิ้ม "ก็อย่างที่เจ้ารู้ เชื้อสายแห่งราชวงศ์เอวินด์เป็นพวกสนับสนุน ข้าที่มีเชื้อสายนี้รุนแรงที่สุดการใช้เวทย์ได้คล่องแคล่วก็ไม่เห็นจะแปลก" ไม่ว่าเปล่าชี้หัวตัวเองที่มีสีแปลกขาวล้วนต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ และเอียงคอกวนๆ "จริงสิ มันเป็นความลับระหว่างพ่อกับข้านี่นา ลืมไป" พูดจบก็หัวเราะคิกคักในลำคอ

คล้ายกับยืนยันคำพูด สายลมรุนแรงโถมพัดรอบกายเวสเปอร์จนเสื้อผ้าผมเผ้าขยับอย่างรุนแรงตามแรงลม

"เจ้า เจ้าต้องการอะไรกันแน่ เวสเปอร์" อัลฟินพูดเสียงเรียบทั้งๆ ที่ตัวนั้นถูกลมรุนแรงกดไว้กับพื้น พอจะร่ายเวทย์โต้ตอบก็ถูกลมแสกเข้ากลางหน้าจนร่ายไม่ได้

"ก็ข้าบอกแล้วว่าอยากไปให้พ้นจากที่นี้ เจ้าก็เสนอหน้ามาขวางเท้าข้าอยู่ได้" เวสเปอร์ไหวไหล่ "จะว่าไปตอนนี้เจ้าก็หลบให้ข้าแล้วนี่ งั้นข้าไปล่ะ" ตบสะโพกฟินด์เบาๆ เชิงให้เดินต่อทำให้ฟินด์สะดุ้งตื่น มันสะบัดหัวงุนงงกับตัวเองเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็เผลอหลับไปซะได้แต่นั่นก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือมันต้องพาเจ้านายของมันทั้งสองกลับ 

ฟินด์ส่งเสียงคำรามออกมาดังลั่นครั้งหนึ่งแล้วจึงสาวเท้าเดินต่อทำเอาเหล่าพวกคนขวัญอ่อนภายในห้องสะดุ้งเฮือก ทั้งๆ ที่มันแค่หาวเสียงดังไปหน่อยเท่านั้น 

บรรยากาศรอบข้างเงียบงันแทบไม่มีผู้ใดกล้าหายใจแรงเมื่อองค์ชายปัญญาอ่อนสาวเท้าผ่านหน้าไป คนไหนที่ขวางทางก็จะโดนลมพายุพัดออก หากแต่เมื่อเข้าใกล้สาวใช้ องค์ชายกลับหยุดฝีเท้าและแย้มยิ้มให้กับนางที่หน้าซีดเผือด

"ข้าคิดถึงตบของเจ้าจัง” พูดเสียงออดอ้อนทั้งๆ ที่แววตาเย็นเยียบ

สิ่งที่แม้แต่ราชาไซมอนด์ไม่รู้คือ สาวใช้ของเวสเปอร์มักจะมีงานอดิเรกคือการซ้อมองค์ชายเวลาที่องค์ชายทำอะไรไม่ถูกใจหรือเวลาที่นางหงุดหงิด เวสเปอร์จึงตกเป็นที่ระบายอารมณ์เสมอ 

“อย่า ฮือ ขอโทษ อย่าทำอะไรข้าเลย” นางขอร้องเสียงสั่น

“ตอนนั้นที่เจ้าตบข้าจนข้าตัวช้ำม่วงไปทั้งตัว ข้าอ้อนวอนขอร้องแทบตาย เจ้าหาว่าข้าสำออย กับตอนนี้แค่มีแผลนิดๆ หน่อยๆ ไม่สำออยกว่าเหรอ” องค์ชายทรุดตัวนั่งยองๆ ตรงหน้าหญิงรับใช้แล้วแสยะยิ้ม

นางเบิกตากว้างลำคอแห้งผากนึกคำที่จะเอื้อนเอ่ยไม่ออก รู้สึกเพียงมือนุ่มตะปปแน่นที่คอตัวเองและออกแรงบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ

“หยุดนะ นี่เจ้าจะฆ่าผู้หญิงงั้นเหรอ” เสียงขุนนางคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาอย่างกราดเกรี้ยว

เวสเปอร์จึงปล่อยมือออกจากลำคอผลุดลุกขึ้นยืนและใช้เท้าถีบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงจนเกิดเสียงกระดูกดังกร็อบ ขุนนางคนเดิมกำลังจะตะโกนต่อว่าต่อหากแต่พอเห็นสีหน้าดุร้ายของเวสเปอร์ก็หุบปากฉับ

“เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าเป็นผู้หญิงแล้วมีสิทธิ์ทำร้ายคนอื่นงั้นเหรอ” องค์ชายเหลือบมองหญิงรับใช้ที่สลบไปแล้วอย่างเคียดแค้น “ไร้สาระ ถ้าเจ้าจะเชื่อแบบนั้น ก็เชิญ ข้าไม่สน แค่ข้าไม่ฆ่าตัวบัดซบนี่ก็ถือว่าปราณีมากแล้ว”

เวสเปอร์ในตอนนี้ หมดศรัทธากับเรื่องศีลธรรมอันดีงามไปนานแล้ว เพราะถ้าหากมันดีจริง ทำไมทุกคนถึงปฏิบัติแบบนั่นกับเขาล่ะ?

ฮื่ออ

ฟินด์คำรามเบาๆ เลียมือเวสเปอร์ที่กำแน่นจนเห็นเส้นเลือด

“อ้ะ ขอโทษ ฟินด์ เราไปกันต่อเถอะ” เวสเปอร์อุทานเบาๆ สีหน้าผ่อนคลายขึ้นทันตาเห็น  รีบสาวเท้าเดินต่อโดยสนใจใครอีก

เสือโคร่งขาวรีบสาวเท้าตามไปติดๆ เมื่อเท้าก้าวผ่านธรณีประตูปราสาทก็หันกลับไปมองเพราะได้ยินเสียงความวุ่นวายข้างใน

“รีบไปกันเถอะ ฟินด์ ข้าให้เจ้าเสือ.. ไม่สิ โลกัสนอนบนเตียงนุ่มๆ” องค์ชายพูดกระอึกกระอัก ไม่มีท่าทีอาลัยใดๆ กับเมืองที่ตนเองโตขึ้นแม้แต่นิดเดียว

เมืองที่ฆ่าองค์ชายปัญญาอ่อนทั้งเป็น
 


นัยน์ตาสีทองสวยไล่สายตาอ่านหนังสือพิมพ์ในมือด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เพราะข่าวหน้าหนึ่งวันนี้ถูกพาดหัวข่าวว่าด้วยเมืองเอวินด์มีการเปลี่ยนมือเจ้าเมือง

ฉบับที่ 1155

ถึงคราวเปลี่ยนมือเจ้าเมืองแห่งสายลม! เมื่อราชสีห์ดุฆ่าล้างพ่อลูกตระกูลเอวินด์ได้ อยากรู้ราชสีห์หนุ่มรูปหล่อคนนี้เป็นใคร อ่านต่อหน้า 7

คิ้วขมวดมุ่นเมื่ออ่านถึงคำว่าฆ่าล้างพ่อลูก อย่าบอกนะว่าฆ่าไอเรสด้วย? แต่ช่างเถอะ ข้าตัดขาดตัวเองจากเมืองเอวินด์แล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นที่นั้นบ้างล้วนไม่เกี่ยวกับข้า

เวสเปอร์พยายามกล่อมตัวเอง ที่ดูจะเป็นห่วงไอเรสเกินเหตุ

“อ้าว เวสเปอร์ เจ้าเสือของเจ้ายังไม่ฟื้นอีกเหรอ” น้ำเสียงหวานพูดแซวพร้อมกับการลูบหัวองค์ชายอย่างเอ็นดู
องค์ชายสะดุ้งเฮือกหน้าขึ้นสีเล็กๆ เมื่อถูกล้อ “ยังไม่ฟื้นเลย แต่..ข้าเช็ดตัวให้แล้ว" ก้มหน้างุดไม่กล้ามองหน้าพี่สาวใจดีที่รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ทั้งเรื่องที่เขาหายปัญญาอ่อน ทั้งเรื่องการแย่งชิงบัลลังก์

เกลยิ้มกรุ้มกริ่มมองเวสเปอร์สลับโลกัสที่นอนเปลือยอกบนเตียง "เป็นไงบ้างล่ะ?"

เวสเปอร์หน้าแดงก่ำไปทั้งหน้าทั้งๆ ที่พยายามปั้นสีหน้าให้เฉยๆ แล้วแต่ก็ทำไม่ได้ "ก็ตัวอุ่นๆ เหมือนเป็นไข้" องค์ชายรู้ดีว่าสิ่งที่เกลหมายถึงไม่ใช่เรื่องนี้แต่ก็ตอบออกไป

"อ้อ ก็ประมาณนี้แหละ ตอนเด็กๆ เวลาที่เจ้าเสือของเจ้าใช้พลังปีศาจนั่นเยอะๆ ร่างกายจะรับไม่ไหวสลบไปเลย ข้าว่าก็คงวันสองวันล่ะมั้งถึงจะฟื้น" หญิงงามประจำเมืองแสร้งถอนหายใจเหนื่อยๆ "ระหว่างนี้ข้าก็ฝากเจ้าดูแลโลกัสด้วยแล้วกัน" 

องค์ชายพยักหน้าแกนๆ เขินๆ 

เกลยิ้ม  "แล้วเจ้าหิวรึยังล่ะ เดี๋ยวข้าจะหาอะไรมาให้กิน"

"ข้ายังไม่หิว" เวสเปอร์เหลือบมองฟินด์ที่อยู่ในร่างเสือและกำลังกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นเบื่อๆ "แต่ฟินด์น่าจะหิว"

พอได้ยินชื่อตัวเอง ฟินด์ก็รีบลุกขึ้นมานั่งสงบเสงี่ยมกระพริบตาปริบเอียงคอมองเวสเปอร์งุนงงราวกับว่ากำลังถามว่าเรียกชื่อมันทำไม

"เสือน้อย เจ้าหิวไหม" เกลลูบหัวนิ่มๆ ของฟินด์จนมันครางเครือในลำคออย่างพอใจและพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ถึงมันจะไม่หิวมากแต่ก็ถือว่าหิว

"งั้นก็ตามข้ามาแล้วกัน เดี๋ยวข้าพาเจ้าไปกินเนื้อวัวป่า"

ฟินด์ตาเป็นประกายส่งเสียงฮื่อๆ ในลำคอใช้หัวไถตัวเกลไม่หยุดอย่างออดอ้อน

ซึ่งนั่นก็เข้าตามแผนเกลพอดี เกลมองเวสเปอร์ที่ดูจะประหม่าตลอดเวลาเมื่อพูดถึงโลกัสด้วยสายตาเอ็นดู 

ดูแค่นี้ก็รู้แล้ว ว่าเวสเปอร์นั่นชอบในตัวโลกัสไม่มากก็น้อยแต่ต้องชอบแน่ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะไม่หน้าแดงทุกครั้งที่แตะตัวโลกัสแบบนี้ ไหนจะตอนที่ถอดเสื้อให้โลกัสนั่นอีก ใบหน้าหล่อเหล่าน่ารักนั้นแทบจะกลายเป็นมะเขือเทศแล้วด้วยซ้ำ ใครคิดว่าองค์ชายหายปัญญาอ่อนและจะเคร่งขรึม เจ้าคิดผิดไปมหันต์เลยล่ะ เพราะองค์ชายเวสเปอร์ตรงหน้าข้าเนี่ย ไม่ต่างอะไรกับเด็กสักนิด

"แย่จัง เจ้าต้องอยู่กับโลกัสสองคนแล้วสิ เอาล่ะ ข้าไม่กวนละ พักผ่อนเยอะๆ นะจ๊ะ เด็กๆ" เกลโบกมือลาและดันฟินด์ที่ทำหน้าที่เป็นก้างขวางคอได้ดีเกินไปออกจากห้อง

ฮื่อ!

ฟินด์ขู่หูตกพยายามตะเกียกตะกายกลับเข้าไปในห้อง อยู่ดีๆ มันก็รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเวสเปอร์

"เจ้าอย่าไปเป็นตัวขัดขวางความรักสิ ฟินด์ โลกัสฟื้นวันนี้ตอนนี้แหละ เชื่อข้า ฉะนั้นเจ้าเลิกห่วงแล้วไปกินเนื้อวัวทำตัวเชื่องๆ เหมือนแมวบ้านได้แล้ว"

เสือโคร่งขาวหยุดนิ่งไปสักพักประมวลผลคำพูดของเกลไปสักพัก พอมันเข้าใจก็ยอมสาวเท้าเดินนำไปก่อนอย่างว่าง่าย เพราะสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับมันแล้วคือความสุขของนายมันทั้งสองคน

เกลเหลือบมองบานประตูห้องที่ปิดสนิทแล้วหัวเราะคิกคัก

"ให้ตายสิ ข้าก็อยากเห็นเขินอายของโลกัสนะ" 

----------

มาแล้วว  :katai2-1: โลกัสก็ยังไม่ฟื้นอยู่ดี 555555

ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ  :กอด1:

แล้วก็ขอบคุณ คุณ marshall ด้วย ตอนนี้ค่อนข้างยึดเอาคำถามเป็นแกนในตอนเลยค่ะ 5555  :o8:

แต่เหลือประเด็นเรื่องเพลงยังไม่เคลียร์ คงต้องทบไปตอนหน้าค่ะ ;w; ส่วนเรื่องฉากหวานๆ ก็...  :z1:


 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 23 30 ก.ย 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 30-09-2016 23:22:32
หื้มมมม เรื่องนี้มีฉากหวานด้วยเหรอค้าาาา  :-[

ต่อไปโลกัสไม่กล้าหืออ่อแหงเลย เวสเปอร์โหดซะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 23 30 ก.ย 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-09-2016 23:25:27
โหวววววววว พอจิตใจปกติแล้ว เวสเปอร์ดูเท่มากกกกก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 23 30 ก.ย 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: pamnana ที่ 01-10-2016 01:17:38
เวสเปอร์ขี้อายยย น่ารักกก    :hao7:
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ5555  :o8:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 23 30 ก.ย 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 01-10-2016 15:14:39
งานนึัรอเจ้าเสือตื่น คงจะตกใจไม่น้อยที่เวสเปอร์หายแล้ว

แต่ว่าเวสเปอร์ตอนนี้น่ารักคูณสิบ ขี้อายมาก อิอิ

นั่งรอว่าที่สามีองค์ชายตื่นดีกว่า 5555
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 23 30 ก.ย 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 01-10-2016 17:31:07
เมื่อไหร่เขาจะเป็นของกันและกัน >///<
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 23 30 ก.ย 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 02-10-2016 15:04:02
เกลนางร้ายจริงๆ ปรบมือให้เลย ถูกใจ 55555 ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าเวสเปอร์ชอบโลกัสไม่มากก็น้อย ชอบมากกกเลยละ 555 //เวสเปอร์โคตรเท่ห์ สยบทุกคน สะใจมากกกก เห๊อะ! หึ! ทางใครทางมัน อย่ามาวอแว ไม่งั้นเจอดีแน่พวกขุนนางเมืองเอวินด์ ขรึมได้เกรงขามสุดๆ คนละฟิลกับตอนอยู่กับโลกัสเลย ความขรึมหายไปไหน เหลือไว้แต่ความมุ้งมิ้ง แค่เรียกชื่อเขา เจ้าเสือ ยังหน้าแดง 5555555555 น่าร๊ากกกกกกกก// ฟื้นเร็วโลกัส มีอะไรเซอร์ไพร์สด้วยละ อ๊างงงงงงง รอฟินนนนนนนนนนนนะนี้ 5555 //ฟินด์น่ารักมากๆอยากมีเลี้ยงสักตัว 55 //ขอบคุณค่ะที่มาต่อ นอนรอตอนต่อไปเลยค่ะ ชอบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 23 30 ก.ย 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 10-10-2016 17:35:33
จะมีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้นจ๊ะฟินด์

เรื่องดีๆ ต่างหาก ดีกะใจคนอ่านนี่แหละ    :hao6:  :z1:

ปล.ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ เขินเลย  :o8:  :-[
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 23 30 ก.ย 59 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 12-10-2016 10:40:08
:)
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 20-10-2016 00:33:03
ตอนที่ 24
 

บรรยากาศน่าขวยเขินนี่มันอะไรกัน? 

องค์ชายรู้สึกอยากหาอะไรมาหาคลุมหัวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด รู้สึกไม่อยากเห็นหน้าเจ้าเสือหรืออะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับโลกัสทั้งนั้น ไม่เข้าใจว่าทำไมแค่คำพูดหยอกล้อของเกลถึงทำให้เขาเขินถึงขนาดนี้

ให้ตายสิ มันทำให้ข้ารู้สึกอยากกลับไปปัญญาอ่อนเหมือนเดิมชะมัด ตอนนั้นข้าแทบไม่เคยคิดอะไรกับการกระทำทุกอย่างของเจ้าเสือแต่ตอนนี้กลับตรงข้าม สติปัญญาของข้าครบถ้วนและเข้าใจดีว่าเจ้าเสือคิดกับข้ายังไง

เวสเปอร์จึงตัดสินใจหันหลังให้โลกัสเพื่อเป็นการตัดปัญหาแต่ก็ไปเจอตุ๊กตาไหมพรมที่เป็นเสือดำอีก ใบหน้าหล่อเหลางอง้ำนิดๆ เมื่อดวงตาสีแดงที่ทำจากลูกปัดนั่นเหมือนกับโลกัสไม่ผิดเพี้ยน

ดูเหมือนว่ายังไงข้าก็หนีความจริงไม่พ้นสินะ..

องค์ชายคิดอย่างท้อใจแล้วหยิบขลุ่ยสีขาวที่เจ้าเสือซื้อมาใหม่มาจรดริมฝีปาก อย่างน้อยการเป่าเพลงสักเพลงก็ทำให้เขาหัวโล่ง ไม่ต้องคิดเรื่องเจ้าเสือวนไปวนมาไม่รู้จบ แค่คิดถึงหน้าเจ้าเสือร่างทั้งร่างก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ่นมาแปลกๆ บัดซบ นี่ข้าก็กลับไปคิดเรื่องโลกัสอีกแล้ว! 

"เมื่อไหร่เจ้าจะฟื้นนะ" เวสเปอร์บ่นพึมพำ อย่างไรก็ตามเขาก็คิดถึงกอดอุ่นๆ ร่างหนาๆ อยู่ดี

ภายในหัวองค์ชายปรากฏเนื้อเพลงนับร้อยเพลงซึ่งองค์ชายก็เลือกเพลงรักมาเพลงหนึ่งและเป่ามันออกมาอย่างเหม่อลอย เดิมทีองค์ชายเป็นคนมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีอยู่แล้วการจำเนื้อเพลงที่ตัวเองชอบย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักรวมถึงการทำความเข้าใจบทเพลงต้องห้ามของชายชรา จะว่าบังเอิญก็ได้ที่เวสเปอร์เคยเห็นมันผ่านๆ ในตำราเรียนที่แอบขโมยท่านพ่อมาอ่าน พอโลกัสนำมาให้อ่านอีกครั้งก็สามารถจดจำได้ทันทีเมื่อร่างกายกลับมาเป็นปกติ

บทเพลงที่องค์ชายเลือกนั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวชายหนุ่มที่หลงรักหญิงสาวคนนึงมากจนกระทั่งตัวเองต้องตายเพราะพ่อของฝ่ายหญิงไม่ยอมรับ หากแต่เนื้อเพลงที่ขับขานออกมาได้ทำนองเสียงขลุ่ยนั้นกลับหวานล้ำ บทเพลงนี้ถูกขับร้องด้วยชายหนุ่มผู้นั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกๆ ท่วงทำนองจนเต็มไปด้วยความละมุนละไมและความรัก 

เสียงขลุ่ยขององค์ชายนั้นไม่หยุดเพียงในห้องนอนมันยังดังลอดออกไปยังห้องครัวที่เกลกำลังผัดเนื้อวัวป่าให้กับฟินด์อยู่ เกลเผลอคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกองค์ชายที่อยู่ในทำนองเพลง 

"ข้าเดาผิดซะที่ไหนล่ะ" เกลพูดกับฟินด์ยิ้มๆ 

แต่ฟินด์ไม่สนใจกระดิกหูฟังเพลงด้วยหน้าตาเคลิบเคลิ้มเหมือนแมวถูกมอมเมา มันจำได้ว่าเวสเปอร์เล่นดนตรีเป็นจึงตั้งใจฟังเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เข้าใจท่วงทำนองของเนื้อเพลงมนุษย์เท่าไหร่แต่ก็รู้สึกว่าเพราะมากอยู่ดี

องค์ชายยังคงเล่นเพลงเดิมซ้ำไปเรื่อยๆ แม้ว่ามันจะจบไปแล้วหลายครั้งเพราะมัวแต่เหม่อนึกถึงความหลัง ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองที่ผ่านมาทั้งหมด บางครั้งความคิดก็ไปสะดุดอยู่ที่คำว่าข้าทำถูกรึเปล่านะ? ที่ทำแบบนั้นไป ทำไมทุกอย่างถึงต้องกลายเป็นแบบนี้นะ? อะไรทำนองนั้น

ถึงแม้จะรู้สึกเศร้านิดๆ แต่องค์ชายก็ไม่คิดจะแก้ไขอะไรกับสิ่งที่ตัวเองทำไปแล้ว อย่างว่า ตอนนี้เขาตัดสินใจไปแล้วว่าจะมาอยู่กับเจ้าเสือ เจ้าเสือไปไหนเขาไปด้วยก็แค่นั้น พอกันทีกับเมืองเอวินด์

แต่เอาเข้าจริงลึกๆ ในใจองค์ชายก็ยังไม่สามารถละทิ้งได้หมดอยู่ดี ความอาลัยในบ้านเกิดเมืองนอนยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น บางครั้งความรู้สึกก็ดูจะเป็นสิ่งที่ควบคุมยากกว่าร่างกายด้วยซ้ำไป

เสียงหอบหายใจดังแผ่วจากร่างองค์ชายเมื่อถอนริมฝีปากจากขลุ่ย การเป่าเพลงไปเรื่อยๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเพิ่งไปวิ่งรอบปราสาทสามสี่รอบยังไงยังงั้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเลวร้ายอะไรนัก การทำในสิ่งที่ชอบย่อมรู้สึกดีอยู่แล้ว

องค์ชายจึงจรดริมฝีปากกับขลุ่ยอีกครั้ง หลับตาพริ้มและเป่าเพลงที่ตัวเองคุ้นเคยออกมา

เพลงที่ท่านแม่ชอบเป่ายามที่ท่านพ่อหมางเมิน.. 

บทเพลงที่ว่าด้วยความเศร้าของหญิงที่ถูกฆ่าคนรักทิ้งซึ่งคนรักก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากชายจากเพลงเมื่อกี้ สองเพลงนี้มีความเกี่ยวเนื่องกัน แต่อารมณ์เพลงกลับขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง

จากท่วงทำนองหวานล้ำกลับกลายเป็นเศร้าหมองทำให้สังเกตเห็นได้ชัดที่พรสวรรค์ในด้านดนตรีของเวสเปอร์ ที่สามารถเล่นเพลงอออกมาได้ราวกับเป็นเจ้าของบทเพลงจริงๆ ทุกทำนองเต็มไปด้วยความรู้สึกอย่างแจ่มชัด แม้แต่หยดน้ำตาที่หยดลงบนตักล้วนเป็นของจริง

เวสเปอร์เผลอน้ำตาไหลในขณะที่เป่า ในหัวเหมือนจะขาวโพลนลืมทุกเรื่องไปแล้ว อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกคิดถึงแม่ขึ้นมาก็แค่นั้น แม่ที่เคยใจดีกับเขามาก แม่ที่เอาใจใส่เขามาก แต่ก็เกลียดเขามากเช่นกัน

ที่องค์ชายเลือกเพลงนี้เพราะอยากจะเป่ามันเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อที่จะทิ้งความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหมดเอาไว้กับบทเพลงนี้ เขาจะพยายามไม่มายุ่งเกี่ยวกับความรู้สึกในอดีตพวกนี้อีก ความเจ็บปวดในอกเกินจะทานทนล้วนมาจากเหตุการณ์ในอดีตเหล่านี้ทั้งนั้น

บางครั้งเวสเปอร์ก็รู้สึกว่าเครื่องดนตรีเป็นสิ่งมหัศจรรย์ มันสามารถถ่ายทอดความคิดของผู้บรรเลงออกมาได้อย่างซื่อตรงถ้าหากว่าผู้บรรเลงเลือกเพลงที่ตรงกับสิ่งที่ตัวเองคิดน่ะนะ

จนช่วงใกล้จบเนื้อเพลงองค์ชายก็ลืมตาขึ้นสบเข้ากับนัยน์ตาลูกปัดสีแดงอีกครั้ง ไม่แน่ใจเพราะอารมณ์เศร้าๆ ที่เจิ่งนองในอกหรืออะไรที่ทำให้องค์ชายเผลอสะอื้นออกมา ทำท่าจะหยิบเจ้าตุ๊กตาไหมพรมมากอดต่างเจ้าเสือ

หมับ

"อย่าร้องไห้สิ องค์ชายของข้า.."

องค์ชายสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกรวบร่างเขาไปอยู่ในอ้อมกอด ทั้งๆ ที่องค์ชายคิดว่าตัวเองนั้นตัวไม่ได้เล็กอะไรนักหากแต่เมื่อถูกโลกัสกอดนั้นร่างทั้งร่างขององค์ชายจึงดูบางลงไปถนัดตา ในขนาดที่ว่าถ้าหากเล่นซ่อนหาแล้วองค์ชายมาหลบในอ้อมกอดของเจ้าเสือคงจะไม่มีใครหาเจอ

"…" องค์ชายประหม่าจนพูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งตัวแข็งปล่อยให้เจ้าเสือลวนลาม

ดูเหมือนว่าโลกัสยังคงงัวเงียอยู่บ้างจึงควบคุมร่างกายตัวเองได้ไม่ดีนัก... 

"อือ...!"

องค์ชายหน้าแดงก่ำปิดปากตัวเองทันที เมื่อถูกมือร้อนสอดใต้เสื้อบางๆ ที่เกลให้เปลี่ยนเข้ามาลูบไล้แผ่นอกซึ่งก็ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ลิ้นร้อนๆ ยังเลียต้นคอเขาอย่างกับเป็นเนื้อกวางหวานๆ ยังไงยังงั้น

"ฮื่อ.." โลกัสส่งเสียงฮึมๆ ในลำคอเริ่มกลับมาได้สติช้าๆ จึงผละมือออกมาจากใต้เสื้อองค์ชายอย่างงุนงง "นี่ข้า?" น่าแปลกที่พอเอามือแล้วกลับรู้สึกเสียดายนิดๆ 

"…" องค์ชายพูดไม่อะไรไม่ออกนั่งก้มหน้าตัวแข็งทิ้งคราบองค์ชายผู้เย็นชาและน่าเกรงขามในวันนั้นราวกับว่าเป็นคนละคนกัน มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ยังคงแดงก่ำ

โลกัสขมวดคิ้วรู้สึกงุนงงมากถึงมากที่สุดเพราะจำได้ว่าตัวเองอยู่ในปราสาทไม่ใช่บนเตียงนุ่มๆ แบบนี้ "เกิดอะไรขึ้น? เจ้าร้องไห้ทำไม? เวสเปอร์" ไปๆ มาๆ โลกัสกลับคิดว่าตัวเองคิดผิดไปที่ถามองค์ชายเพราะยังไงก็คงไม่สามารถให้คำตอบได้แน่ชัดนัก

"ข้า..ไม่ได้ร้องไห้" องค์ชายพูดปัดเสียงเบายังคงไม่กล้าสบตาโลกัสอยู่ดี

"แต่ข้าว่าข้าได้ยินเสียงร้องไห้นะ" ไม่ว่าเปล่าพลิกร่างองค์ชายให้หันกลับมาตัวเองอย่างง่ายดายราวกับว่าองค์ชายนั้นเป็นเพียงตุ๊กตายัดนุ่นตัวหนึ่งไม่มีน้ำหนักใดๆ

องค์ชายยังไม่ได้ทันได้ขัดขืนรู้ตัวอีกทีก็สบกับนัยน์ตาคมดุของร่างนักฆ่าซะแล้ว นัยน์ตาสีแดงก่ำกระหายเลือดที่ผู้คนกล่าวขานว่าสามารถมองลึกภายในจิตใจผู้อื่นซึ่งคงจะเป็นเช่นนั้นจริงเพราะหัวใจในอกเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อถูกมองมาด้วยสายตาอ่อนโยนเหมือนกับว่าเขาเป็นของล้ำค่านักหนา

ทั้งๆ ที่ข้าเลิกคาดหวังไปแล้วแท้ๆ ว่าจะมีใครต้องการข้าอีก..

เวสเปอร์น้ำตาคลออีกรอบโผกอดคอโลกัสสะอื้นฮักออกมาจริงๆ แต่มันไม่ใช่เพราะความเศร้าแต่อย่างใด มันเป็นความยินดีที่มากจนบรรยายไม่ถูก 

"อย่าร้องไห้สิ เวสเปอร์"

ไหนจะมือที่ลูบหัวนี่อีก ทั้งๆ ที่ข้านั้นปัญญาอ่อนแท้ๆ แต่โลกัสกลับดีกับข้าถึงเพียงนี้ ข้าไม่เข้าใจว่าข้ามีอะไรดี โลกัสถึงต้องดีกับข้าขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นโลกัสจะปล่อยให้ข้าตายตรงนั้นก็ได้เลยแท้ๆ แต่เขากลับช่วยชีวิตข้าไว้ 

"ฮึก เจ้าเสือ"

ถึงแม้จะมีคำพูดที่อยากจะพูดมากมายในใจแต่คำที่เล็ดลอดออกไปกลับมีเพียงไม่กี่คำ 

โลกัสคลี่ยิ้มแม้ว่าจะองค์ชายจะไม่เห็นก็ตาม มือหนาบรรจงลูบกลุ่มผมนุ่มๆ "เจ้าพอจะรู้บ้างรึเปล่า ว่าเกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้ากับเจ้ามาอยู่ที่นี่"

"ฮึก"

องค์ชายเม้มปากแน่นรู้สึกลังเลที่จะบอกความจริง เริ่มรู้สึกกลัว ไม่แน่ใจว่าเจ้าเสือที่ดีกับตัวเองถึงขนาดนี้เพราะว่าเอ็นดูในความปัญญาอ่อนรึเปล่า แล้วถ้าหากเขาหายปัญญาอ่อนแล้ว จะยังเหมือนเดิมไหม 

ความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้องค์ชายกลัวจนตัวสั่น กลัวว่าตัวเองจะต้องสูญเสียเจ้าเสือไปถ้าหากเจ้าเสือรู้ว่าเขาไม่ได้ปัญญาอ่อนแล้ว

"ฮึก ไม่เอานะ เจ้าเสือ เจ้าห้ามทิ้งข้านะ" องค์ชายกอดโลกัสแน่นตัวสั่นเทาเหมือนกับลูกนกตัวเล็กๆ ที่แสนอ่อนแอ เพียงแค่เสียงฟ้าผ่าก็อาจทำให้มันตกใจจนพลัดตกจากรังและตายเอาง่ายๆ

เจ้าเสือขององค์ชายเริ่มงุนงงยิ่งกว่าเดิมเพราะองค์ชายในตอนนี้ดูจะเปราะบางเป็นพิเศษ จึงดึงร่างขององค์ชายลงมานั่งบนตักอีกครั้งและมองใบหน้าน่ามองที่คลอไปด้วยน้ำตาด้วยแววตานุ่มนวล

น่ากิน... โลกัสเผลอเลียริมฝีปากอย่างอดไม่ได้ อย่างไรก็ตามองค์ชายสำหรับเขาแล้วก็เหมือนกวางเผือกสง่างามตัวหนึ่งที่ชอบส่งกลิ่นหอมๆ มายั่วยวนเสมอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โลกัสรู้สึกแบบนี้ 

ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้! โลกัสสะบัดตัวเองมึนๆ โชคดีที่องค์ชายยังจดจ่ดกับการสะอื้นซึ่งโลกัสก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรอยู่ดี "บอกข้าได้รึเปล่า? เจ้าร้องไห้เรื่องอะไร"

"…"

โลกัสขมวดคิ้วมุ่นหนักกว่าเดิมเมื่อองค์ชายเม้มปากแน่นก้มหน้าต่ำไม่ยอมสบตาเขา แม้แต่มือที่วางอยู่บนตักยังจิกแน่นลงไปบนขาขาวๆ นั่น มือหนาๆ ของเจ้าเสือจึงความหมับที่มือองค์ชายทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้จิกลงไปในขาที่เริ่มเป็นรอยเล็บ โลกัสไม่ได้พูดอะไรกับท่าทีของตัวเองแต่สายตาจับจ้องตรงๆ ไปยังองค์ชาย

..ทำไม เวสเปอร์ถึงได้ตัวสั่นขนาดนี้! 

โลกัสเริ่มรู้สึกร้อนรนมือที่เขากุมอยู่นั้นก็เย็นเฉียบเหมือนกัน "เกิดอะไรขึ้น เวสเปอร์ เจ้าเป็นอะไร บอกข้ามาสิ" แต่ดูเหมือนว่ายิ่งถามก็ยิ่งแย่ลง องค์ชายตัวสั่นขึ้นเรื่อยๆ หน้าซีดเผือด ทำให้โลกัสต้องดึงตัวองค์ชายมากอดแน่นด้วยความเป็นห่วง หน้าซีดเผือดไม่ต่างจากองค์ชาย

"เจ้าเป็นอะไร บอกข้าสิ มีคนรังแกเจ้าเหรอ ถ้ามีข้าจะไปฆ่ามันเอง" 

"..ข้า" องค์ชายแทบจะควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ในขณะที่พูด "หาย..ปัญญาอ่อนแล้ว" น่าแปลกที่พอพูดออกไป ร่างกายจู่ๆ ก็ชะงักค้างอยู่ที่เดิมนิ่งงัน

"…"

ยิ่งโลกัสนิ่งเงียบนานไปเท่าไหร่ องค์ชายก็ยิ่งกลัวมากขึ้นเท่านั้น กลัวจนไม่กล้ามองหน้าโลกัส

อย่าทอดทิ้งข้าเลย ได้โปรด..

องค์ชายคิดเงียบๆ ในใจน้ำตาทำท่าจะไหลอีกรอบแต่ยังไม่ทันได้ร้องไห้ก็ถูกเชยคางขึ้นรับจูบหนักๆ จนร่างอ่อนปวกเปียกพอโลกัสผละออกองค์ชายถึงได้เห็นใบหน้ายินดีของโลกัส

"ก็ดีสิ องค์ชายของข้า" โลกัสยิ้มอย่างมีความสุขกอดองค์ชายแรงจนกระดูกองค์ชายแทบหัก "เกิดอะไรขึ้น บอกข้าได้รึเปล่า? ข้าอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนที่เราจะมาอยู่ที่โรงแรงของเกลได้"   

องค์ชายซุกหัวลงบนตัวโลกัสกอดตอบ รู้สึกดีใจมากพร้อมกับตำหนิตัวเองที่จินตนาการได้ไกลเกินความจริงไปมาก "ท่านพ่อของข้าถูกกริมม์ฆ่า" 

เวสเปอร์ชะงักเล็กๆ เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเพิ่งพูดอะไรออกไป ความรู้สึกบางอย่างคลอหน่วงในลำคอแต่เพียงไม่นานองค์ชายก็กลืนมันลงไปอย่างไม่ใส่ใจพูดต่ออย่างไม่ยี่หระ "ส่วนข้าคนเป็นฆ่ากริมม์"

โลกัสเผยสีหน้าประหลาดใจ "เจ้าฆ่าไอ้สัตว์ประหลาดนั่นได้? "

องค์ชายพยักหน้าหงึกหงัก "ข้าก็เป่าเนื้อเพลง ที่ท่านให้นั่นแหละ" จนถึงตอนนี้องค์ชายก็อดรู้สึกสงสัยไม่ได้ว่าโลกัสไปเอาเพลงต้องห้ามนี่มาจากไหน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจอะไรนัก 

"หึ ลุงนั่นพูดถูก เจ้าเข้าใจเนื้อเพลงนี่จริงด้วย" โลกัสหัวเราะลูบหัวทุยๆ ขององค์ชายอย่างเอ็นดู "เล่าต่อสิ องค์ชาย" น้ำเสียงหวานละมุนจนองค์ชายหน้าแดงขึ้นมานิดๆ

"หลังจากนั้นอัลฟินก็แต่งตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นมาแทน" 

โลกัสพูดพึมพำกับตัวเอง "ในที่สุด สิงโตอำมหิตนั่นก็ทำสำเร็จสักทีสินะ" การติดตามอัลฟินในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้โลกัสรู้ว่าอัลฟินหมายปองอะไรในเมืองเอวินด์ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาต้องการที่จะทำมาตลอดก็สำเร็จแล้ว

การแก้แค้นให้กับท่านพ่อ

แล้วก็..

โลกัสดึงตัวองค์ชายมานั่งบนตักอีกครั้งมององค์ชายอย่างประหม่าเล็กๆ "ในที่สุดข้าก็ทวงของๆ เจ้ากลับมาให้เจ้าได้สำเร็จแล้ว" ถึงข้าจะสลบไปกลางคันก็เถอะ

องค์ชายเขินแต่ก็ยิ้มจนตาหยีตอบ

"ข้าเป็นนักฆ่าเพื่อที่จะฆ่ากริมม์ แต่ตอนนี้กริมม์ตายแล้ว" โลกัสยิ้มนิดๆ ขณะที่พูดและมององค์ชาย "หลังจากนี้ข้าคงจะเลิกเป็นนักฆ่าแล้วก็ทำตามที่เจ้าต้องการ" จากรอยยิ้มนิดๆ กลายเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที มือหนาคล้องที่เอวขององค์ชายหลวมๆ

กวางหนุ่มตื่นตระหนกเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกเสือตะครุบเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้ ได้แต่นั่งนิ่งยอมกลายเป็นเหยื่ออันโอชะด้วยความเต็มใจเพราะรู้ลึกๆ ว่ายังไงเสือตัวนี้ก็ไม่มีวันฆ่ามันแน่นอน

เวสเปอร์หัวเราะในลำคอใช้มือเช็ดน้ำตาของตัวเองออก "ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี"

เสือร้ายโน้มหน้าลงและขบเบาๆ ที่คอขององค์ชาย "บอกข้าได้รึยัง ว่าเจ้าร้องไห้ทำไม? ถ้าอัลฟินเป็นคนทำ ข้าจะไปกระทืบมันให้มันขอโทษเจ้า"

องค์ชายไม่ได้ขืนตัวออกและไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดไม่รู้ว่าโลกัสกำลังทำอะไร แต่ก็ยอมให้ทำอยู่ดี "ไม่เกี่ยวกับอัลฟินสักนิด ข้าก็แค่กลัวอะไรนิดหน่อย.. ช่างมันเถอะ"

เรื่องน่าอายแบบนี้ ใครจะไปบอกเจ้าตัวกัน

"เกี่ยวกับข้ารึเปล่า?" เสียงทุ้มกระซิบที่ไหล่ให้ความรู้สึกจักจี้นิดๆ เมื่อลมหายใจร้อนถูกพ่นใส่ไหล่ที่เย็นเฉียบเพราะถูกเลิกเสื้อลง

นอกจากจะเป็นนักฆ่าแล้วนี่เจ้ายังเป็นหมอดูด้วยสินะ

องค์ชายคิดเซ็งๆ เลือกที่จะเมินคำพูดของเจ้าเสือไป "ข้าอยากไปเที่ยวเรื่อยๆ อือ--" พูดไม่ทันจบก็หลุดเสียงครวญเมื่อถูกขบเข้าที่ไหล่

"เจ้าเป็นเสือไม่ใช่เหรอ ท่านนักฆ่าอันดับหนึ่ง ไม่ใช่หมาซะหน่อย"

"งั้นเจ้าก็ตอบข้าสิ" 

"อื้อ! อย่า" องค์ชายพยายามผลักหน้าหนาๆ ออกจากหน้าอกตัวเองเพราะร่างนักฆ่านี่ฉีกเสื้อเขาเป็นชิ้นๆ ในพริบตา ใบหน้าขึ้นแดงก่ำรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันซึ่งก็มีทีท่าจะแดงก่ำไปอีกไม่รู้จบ

"องค์ชาย.. ตั้งแต่ข้าเจอเจ้า ข้าก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวคนไหนอีก" โลกัสดันตัวองค์ชายลงไปนอนบนเตียงอย่างนุ่มนวลส่วนตัวเองก็ขึ้นคร่อมด้วยท่าทางอันตราย "ข้าลุ่มหลงในตัวเจ้าจนถอนตัวไม่ขึ้น ข้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนไหนที่ข้าไม่เห็นเจ้าเป็นน้องชายของข้า ไม่สิ ข้าไม่ได้เห็นเจ้าเป็นน้องชายมาตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก" 

ใบหน้าคมคายยิ้มขำนิดๆ กับความคิดไร้สาระของตัวเองในตอนนั้น 

พี่ชายที่ไหนอยากนึกอยากขบเคี้ยวน้องชายของตัวเองกัน?

"ตอบข้าสิ เจ้าร้องไห้เรื่องของข้ารึเปล่า"

น่าเสียดายที่องค์ชายหน้าแดงก่ำเม้มปากแน่นเบือนหน้าหนีไม่กล้าสู้หน้าโลกัสเมื่อได้ยินคำสารภาพที่น่าเขินอายพวกนั้น เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไม โลกัสถึงสามารถพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่เขาแค่นึกยังรู้สึกประหม่าแทบตาย

"..ข้าก็แค่กลัวว่าท่านจะทอดทิ้งข้า ถ้าหากข้าหายปัญญาอ่อนแล้ว" องค์ชายพูดเสียงเบาในประโยคหลัง "เพราะข้าไม่ได้น่ารักน่าเอ็นดูแบบนั้นแล้ว" หากแต่ประโยคถัดจากนั้นกลับเบายิ่งกว่า

คนฟังชะงักกับคำตอบที่ได้ยินเพราะคำว่าทอดทิ้งองค์ชายไม่เคยอยู่ในความคิดเลยแม้แต่นิดเดียว นัยน์ตาของโลกัสจึงละมุนมากยิ่งขึ้นไปอีก "องค์ชาย สำหรับข้าเจ้าก็คือเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะปัญญาอ่อนหรือไม่ปัญญาอ่อน ข้าไม่สนใจ สิ่งที่ข้าต้องการคือการได้ดูแลเจ้าตลอดไป"

 โลกัสเคยนึกอยากมีของล้ำค่าของตัวเองมาตลอด ของล้ำค่าที่จะทำให้เขามีความสุขที่จะได้ครอบครอง เดิมทีโลกัสก็เคยลองไปหามันกับพวกหญิงงามแต่ก็ไม่เคยเจอ พวกหล่อนก็แค่สนใจใบหน้ากับเงินของเขาเท่านั้น ไม่นึกว่าจะบังเอิญโชคดีมาเจอมันเข้ากับองค์ชาย

ซึ่งรอยยิ้มมีความสุขของเวสเปอร์ในตอนนี้ก็ดูจะเป็นคำตอบสำหรับทุกอย่างได้ดี

เสือร้ายก้มลงจูบกวางหนุ่มที่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่ใช่กวางอ่อนแออีกต่อไปแล้ว แต่เป็นกวางขาวสง่างามตัวหนึ่งที่พร้อมจะร่วมเดินทางไปกับเสือร้าย ไปยังดินแดนต่างๆ ที่กวางหนุ่มต้องการ

ก็อกๆ

"เช้าแล้วจ้า คู่ใหม่ปลามัน หิวหรือยังจ๊ะ"  เกลหัวเราะคิกคักขนาดที่ใช้หลังมือเคาะประตู ผิดอย่างที่คาดซะที่ไหนล่ะ พอโลกัสตื่นก็จัดการกินองค์ชายน้อยที่น่ารักของเธอซะไม่เหลือคราบ ในขนาดที่ว่าอยู่ในครัวยังได้ยินเสียงแปลกๆ นั่น

"อืออ"

องค์ชายขมวดคิ้วมุ่นซุกตัวเข้าหาร่างหนาร้อนรุ่มที่เปลือยเปล่าไม่ต่างจากตัวเองแล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมโปงเพราะเพิ่งนอนไปได้ไม่นานนัก ความง่วงงุนอยากเกาะกุมอยู่เต็มอัตรา

"เดี๋ยวข้าทำกินเอง เจ้าจะไปไหนก็ไป!" โลกัสงัวเงียขึ้นมาตะโกนดังลั่น วางมือบนเอวองค์ชายแล้วนอนต่อ

ก็อกๆ

"…"

"แหม เบื่อจริงๆ ห้องก็ห้องโรงแรมข้า" เกลบ่นพึมพำด้วยสีหน้าหมั่นไส้แต่ไม่จริงจังนัก

ฮื่อ ฮื่ออ

ฟินด์ที่ตอนนี้ทำหน้าตาเศร้ามากครางฮื่อๆ อยู่บนพื้นพยายามตะเกียกตะกายเข้าห้อง มันเริ่มรู้สึกลางๆ ว่ามันอาจจะกลายเป็นแมวหัวเน่า

"เอาน่า ฟินด์ เดี๋ยวเจ้าก็ชิน" เกลพูดกลั้วหัวเราะส่งผลให้ฟินด์หน้าเศร้าลงไปอีกจนหมดคราบเสือขาวคู่กายนักฆ่าอันดับหนึ่งกลายเป็นเพียงแมวจนตรอกที่พยายามหาทางกลับหาเจ้าของตัวเอง

ฮื่อๆ

ฟินด์ร้องออกมาซึ่งเกลก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงร้องไห้ของมันรึเปล่า
 
 
 END

-------------------------

ปมโดยรวมก็เฉลยหมดแล้ว ตอนนี้น่าจะจบแล้วค่ะ  :hao5:

แต่ก็ยังแอบลังเลอยู่ว่าจะแต่งอีกตอนดีไหม 5555 แต่น่าจะมาในรูปตอนพิเศษ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดนะคะ  :กอด1:

แฟนเพจค่ะ <3 : https://www.facebook.com/FoggyTime/
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-10-2016 01:28:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-10-2016 07:12:54
T T

เมืองเอวินด์ก็ปล่อยไป เราหนุงหนิงกันก็พอเนอะ เวสเปอร์เลิกเครียดได้แล้ว ><

ขอบคุณ คุณ foggy time มากๆนะคะ (โค้งงามๆสองที)
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: bonusbobobo ที่ 20-10-2016 09:15:50
เวสเปอร์ของเจ้าเสือน่ารักจริงๆ หลังจาดนี้ต้องคิดถึงเจ้าเสือกับองค์ชายแน่ๆเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ

ขอตอนพิเศษหลายๆตอนนะคะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-10-2016 14:39:26
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 o13 o13 o13 o13 o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 20-10-2016 16:23:10

คนที่น่าสงสารสุดคงงเป็นฟินด์สินะ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 20-10-2016 19:09:02
ว้า.......จบแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 20-10-2016 19:36:16
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-10-2016 19:40:17
ขอตอนพิเศษหวานๆๆๆๆๆ คึคึ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-10-2016 19:43:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-10-2016 22:46:05
ขอบคุณค่ะ

จะว่าไปกริมม์ก็น่าสงสารนะ (ถึงจะดูร้ายและน่าสาปแช่งมาครึ่งค่อนเรื่องก็เถอะ)
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 21-10-2016 03:18:56
โลกัสเพิ่งฟื้นก้ปฏิบัติการเลยนะ ว่องไวจริงๆ  :katai2-1:

มันเป็นเรื่องไม่ดีสำหรับฟินสินะ เจ้าแมวผู้ถูกลืม

สงสัยเจ้าแมวต้องหาที่นอนใหม่นะ เพราะห้องนอนไม่มีที่ว่างสำหรับแกแล้ว   :hao3:

รอตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 21-10-2016 11:15:05
 :katai2-1: ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 22-10-2016 11:22:37
:) ดีมาก ดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 23-10-2016 03:36:21
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ สนุกดี
เวสเปอร์น่ารัก

:mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 23-10-2016 08:11:46
ฟินน์กลัวตัวเองกลายเป็นแมวหัวเน่าสินะ  :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 24-10-2016 19:58:17
น่าสงสารฟินน์ 55555
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนที่ 24 20 ต.ค 59 p.14 [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 24-10-2016 23:04:55
ดีใจมากก ในที่สุดเวสเปอร์ก็โดนกิน อิอิ
ไม่ผิดหวังที่เข้ามาอ่าน ยาวนานจริงๆ
ผูกพันธ์กับตัวละครสุดๆ

รอตอนพิเศษน้า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 29-10-2016 22:35:13
ตอนพิเศษ - นักดนตรีลึกลับ

ช่วงนี้โรงแรมประจำเมืองคนค่อนข้างจะพลุกพล่านเป็นพิเศษ ที่นั่งส่วนใหญ่ถูกจับจองจนเต็มจนต้องนั่งเบียดกัน แขกที่มาเยือนบางคนต้องนั่งพื้นแต่พวกเขาก็หาได้สนใจไม่ สิ่งเร้ารุนแรงที่ดึงดูดพวกเขาจากทั่วสารทิศคือสิ่งที่อยู่บนเวทีนักดนตรี

ทั้งๆ ที่มีนักดนตรีหลายคนที่กำลังบรรเลงเพลงร่วมกันแต่คนที่โดดเด่นที่สุดกลับเป็นนักดนตรีที่สวมชุดสีขาวปลอดเรียบร้อยทั้งตัวและมีหน้ากากครึ่งใบหน้าลวดลายหรูหราและมีเขากวางสีทองสวยงามยื่นไปด้านหลัง มีเพียงริมฝีปากที่ปรากฎให้เห็นหากแต่มันก็ถูกบดบังด้วยขลุ่ยสีขาวอยู่ดี

บทเพลงจังหวะสนุกสนานเร้าอารมณ์ถูกบรรเลงออกมาจนเป็นผู้ชมนั่นต่างเลือดในกายร้อนผะผ่าวจนต้องดับร้อนในร่างด้วยการสั่งน้ำอำพันสีสวยของเกลแก้วแล้วแก้วเล่า ยิ่งกินก็ยิ่งรู้สึกสนุกและมึนเมา

สาเหตุที่พวกเขามารวมตัวกันที่แห่งนี้ก็เพราะข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ที่กล่าวถึงนักดนตรีคนใหม่ที่สาวงามประจำเมืองอย่างเกลหามาได้ เสียงขลุ่ยที่บรรเลงออกมาราวกับควบคุมอารมณ์ของผู้ฟังได้อยู่หมัดแต่สิ่งที่ดึงดูดพวกเขามาจริงๆ คงจะเป็นความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างยามที่ได้ฟังเพลงและมองบุคคลที่โดนขนานนามว่า "กวางระเริงเพลง"   

ความรู้สึกอยากขย้ำกวาง... 

"ให้ตายสิ ข้าอยากกระชากหน้ากากเขากวางนั่นทิ้งชะมัด" ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดอย่างหลงใหลตาจ้องร่างที่บรรเลงเพลงด้วยขลุ่ยตาไม่กระพริบ

"ถ้าไม่มีเจ้าเสือขาวนอนขวางนะ ข้าจะลักพาตัวกวางระเริงเพลงมาแล้ววว" ชายอีกคนที่ได้ยินมันเข้าก็ตะโกนออกมาเสียงดังซึ่งทุกคนที่นั่งอยู่ก็ฮาครืนจนน้ำในแก้วสั่น

พวกเขาล้วนคิดเหมือนกันทั้งนั้นว่าอยากจะลักพาตัวร่างนักดนตรี แต่เสือขาวที่นอนแยกเขี้ยวขู่ฮื่อๆ ตรงนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าทักทายสักเท่าไหร่

"ข้าเพิ่งรู้ว่าเสียงขลุ่ยมันเพราะขนาดนี้" 

"กวางขาว! ข้าขอจับมือเจ้าได้ไหม!"  ชายที่มีศักดิ์เป็นถึงลูกเศรษฐีในเมืองพูดอย่างใจกล้าคิดว่าหากกวางระเริงเพลงเดินมาตัวเองเจ้าเสือน่ากลัวนั้นคงจะไม่ว่าอะไร

กรอด..

ร่างสูงใหญ่กว่าทุกคนในห้องขบกรามกรอด เขานั่งอยู่บนเก้าอี้นวมชั้นดีที่ตั้งอยู่มุมห้อง เป็นมุมพิเศษที่ค่อนข้างห่างจากโต๊ะอื่นทำให้ได้รับความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายพอสมควรอีกทั้งมันยังเป็นมุมอับอีกด้วย

"บัดซบ ทำไมถึงได้มีแต่ผู้ชายที่มาเข้ามาฟัง?" นัยน์ตาสัตว์ป่าวาวโรจน์อย่างดุร้ายเมื่อไอ้เวรตัวหนึ่งสวมชุดหรูเดินสาวเท้าเข้าไปหาเวสเปอร์ที่นั่งอยู่บนเวที

"ช่วยไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรร้านข้าก็มีแต่ผู้ชายเข้ามาอยู่แล้ว" หญิงงามประจำเมืองที่เดินผ่านมาพอดีพูดพลางหัวเราะคิก "พวกผู้ชายย่อมกระเป๋าหนักกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว"

"หุบปาก" โลกัสตัดบทจ้องเขม็งเล็บมือจิกแน่นบนเบาะจนเกิดรอยถลอก "ข้าจะฆ่ามัน ถ้ามันโดนมือเวสเปอร์!"

"จะหวงอะไรนักหนา เออ จริงสิ เจ้าเพิ่งเคยมีแฟนเด็กก็งี้"

"เกลเจ้าอยากเป็นศพแรกไหม" โลกัสพูดเสียงลอดไรฟันหรี่ตามองไอ้เวรที่หยุดยืนอยู่หน้าเวทีแล้ว

นักดนตรีคล้ายกับพร้อมใจกันหยุดเล่นเพลงกันอย่างนึกสนุกทำให้ภายในห้องโถงนั้นเต็มไปด้วยความเงียบงันกับเหล่าชายฉกรรจ์ที่ลุ้นแกมอิจฉาตาร้อนเจ้าลูกเศรษฐีนั่น

"กวางขาว! ข้าขอจับมือเจ้าได้ไหม แค่จับมือเท่านั้น ข้าชอบเสียงเพลงของเจ้ามากเลย" ชายหนุ่มอย่างลุกลี้ลุกลนเขินๆ เพราะร่างที่เขาขอจับมือนั่งส่งยิ้มเล็กๆ ให้

"ข้าดีใจนะที่ท่านชอบเพลงของข้า" เวสเปอร์คลี่ยิ้มนุ่มนวล "แต่ถ้าให้จับมือคงจะไม่ได้ ที่ข้าให้คงจะเป็นเพลงอื่นที่ท่านอยากฟังแล้วกัน"

"อ่า ไม่จับมืองั้นก็ถอดหน้ากากก็ได้! ข้าอยากเห็นหน้าของเจ้า.." 

องค์ชายแสร้งถอนหายใจเบาๆ "นั่นก็ไม่ได้อีกอยู่ดี ถ้าข้าให้ท่านจับมือ... คนอื่นๆ ก็คงจะอยากจับตาม อีกอย่างข้าเป็นเพียงนักดนตรีเท่านั้น" 

หากเจ้าจับมือข้าคงไม่วายถูกนักฆ่าอันดับหนึ่งตัดมือทิ้ง... ให้ตายสิ ทำไมต้องทำหน้าน่ากลัวขนาดนั้นด้วยนะ..

ภายในใต้หน้ากากปรากฎใบหน้าขมวดคิ้วมุ่นขององค์ชาย

"ร้อยเหรียญทองสำหรับเจ้าเปิดหน้ากากกับถอดเสื้อคลุมนั่นออก" ชายหนุ่มลูกเศรษฐีเผยยิ้มชั่วร้ายมองร่างผอมๆ บางๆ ของกวางระเริงเพลงอย่างโลมเลีย

คำพูดของชายหนุ่มคล้ายชนวนระเบิดเพราะทันทีที่พูดจบก็เกิดเสียงฮือฮาครึกครื้นกันดังลั่น ทุกคนหัวเราะอย่างถูกใจตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบของเวสเปอร์โดยแทบไม่หายใจ

โดยที่ไม่รู้แม้แต่นิดเดีบงว่าบุคคลที่สามารถถอดเสื้อองค์ชายออกอย่างง่ายดายนั้นมีเงินมากกว่าตัวเองขนาดไหน

"ตอบสิ หรือเจ้าอยากได้มากกว่านั้น?"

องค์ชายสะดุ้งเฮือกเหมือนเพิ่งได้สติ ยิ้มแหยๆ ตอบ "ข้าเป็นนักดนตรีเท่านั้น ถ้าท่านอย่างได้หญิงงามก็ถัดไปอีกสองสามร้านก็จะเจอร้านที่ว่านั่น"

"สามร้อยเหรียญทอง" ชายคนเดิมพูดด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว จ้องคอของเวสเปอร์ตาไม่กระพริบแต่เผลอเลียริมฝีปากไปแล้ว

เสียงฮือฮาดังทั่วรอบบริเวณ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนทุ่มเงินให้กับนักดนตรีผู้หนึ่งมากถึงเพียงนี้เพียงเพราะต้องการให้ถอดหน้ากากและถอดเสื้อออก แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากกวางระเริงยอมทำตามก็ถือเป็นเรื่องดี พวกเขาจะได้ดูด้วยโดยไม่ต้องเสียเหรียญทองแม้แต่เหรียญเดียว!

"ข้าขอยืนยันคำเดิม.." องค์ชายตอบเสียงแผ่วเริ่มยิ้มไม่ออกเมื่อเหมือนเห็นเจ้าเสือลุกขึ้นยืน

ชายลูกเศรษฐีขมวดคิ้วมุ่นมองเวสเปอร์เหมือนจะรู้ทัน "เจ้าต้องการเท่าไหร่บอกข้ามา แต่เจ้าต้องตามใจข้าคืนนี้" ไม่ว่าเปล่าสาวเท้าจนไปติดเวทีเกือบจะก้าวข้ามไปหาเวสเปอร์ได้

ฮื่อออ!

ฟินด์ขู่คำรามผลุดลุกขึ้นยืนขวางทาง

"อ้อ ถ้าข้าจ่ายก็แถมเจ้าเสือขาวนี่ด้วยนะ คงจะน่ารักดีที่มีเสือคอยอารักขากวางตอนที่กวางหนุ่มกำลังหลงระเริงในเสียงดนตรี" ชายหนุ่มเพียงแค่ปรายตามองไม่ใส่ใจ แรงผลักดันบางอย่างพลุ่งพล่านจนทำเอาลืมความกลัวทั้งหลายในตัวไปเลย

"เจ้าว่าอะไรนะ?"

น้ำเสียงเย็นเยือกดังแผ่วข้างหลังชายหนุ่ม

"ก็ตามที่ว่านั่นแหละ" ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดเล็กๆ เมื่อเห็นว่ากวางระเริงเพลงไม่ตอบรับอะไรตนแม้แต่นิดเดียว เอาแต่ยืนมองนิ่งๆ 

ฮื่อ..

ฟินด์ทิ้งตัวนอนลงบนพื้นหลับตาพริ้มนอนต่อ

"อ้าวเจ้าแมวนี่เปิดทางให้ข้าแล้วนี่ กวางขาว มาหาข้าสิ หึๆ" ชายลูกเศรษฐียิ้มอย่างมีชัย "เอาล่ะ กวางน้อยข้าจะไปหาเจ้าแล้วนะ อย่าเล่นเอาข้าหมดตัวแล้วกัน" สาวเท้าเข้าไปหากวางขาวช้าๆ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อกวางระเริงเพลงก็สาวเท้ามาหาตัวเองเหมือนกัน อารมณ์ดีใจล้นปรี่จนต้องคลี่ยิ้มกว้างอ้าแขนรับเตรียมจะสวมกอดกวางขาวที่วันนี้คงจะได้ไปทำความรู้จักและทำอะไรๆ กันต่อในห้องสักห้อง

หมับ

ชายหนุ่มนิ่งแข็งค้างอยู่ที่เดิมเมื่อกวางขาวเบี่ยงตัวหลบตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วถลาเข้าไปกอดชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ที่เดินตามมาด้านหลัง

"อย่าฆ่าเขา!" องค์ชายกระซิบเสียงดุเมื่อคนขี้หงุดหงิดทำท่าจะเข้าไปฆ่าชายหนุ่มปากดี

"บัดซบ ข้าไม่ให้เจ้าเล่นดนตรีแล้ว! อยากเล่นก็เล่นให้ข้าฟังคนเดียว" โลกัสคำรามเสียงดังลั่นราวกับกำลังประกาศศักดาว่าตนเองนั้นเป็นเจ้าของกวางระเริงเพลงที่แสนจะโด่งดังในช่วงนี้

เหล่าแขกผู้มาเยือนตอนแรกก็รู้สึกงุนงงนิดๆ เมื่อเห็นกวางระเริงเพลงถลาเข้าไปกอดชายฉกรรจ์ที่สวมเสื้อคลุมสีดำสนิทปิดบังใบหน้าตนเองแต่พอได้ยินสิ่งที่พูดก็ต่างพากันสบถอย่างเสียดาย

จะไม่ให้เสียดายได้ยังไง? ในเมื่อพวกเขาล้วนอยากครอบครองกวางระเริงเพลงกันทั้งนั้น สิ่งที่ชายฉกรรจ์นี้พูดก็หมายถึงเขาเป็นเจ้าของกวางระเริงเพลงอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นกวางระเริงเพลงจะถลาเข้าไปกอดเขาหรือ

"มันไม่มีอะไรหรอกน่า ข้าบอกให้นอนอยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ โลกัส" องค์ชายพูดเสียงต่ำเชิงข่มขู่แต่ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไรนักเหมือนกับกวางที่พยายามจะเผชิญหน้ากับเสือหิวซะมากกว่า

"ข้ามีเงินตั้งเยอะแยะ เจ้าไม่จำเป็นต้องมาหาเองแบบนี้ด้วยซ้ำ ดูสิ ถ้าหากไอ้เวรนั่นจับมือเจ้า ข้าจะฆ่ามันให้ดู สามร้อยเหรียญทองงั้นเหรอ ชีวิตมัน มันเคยจับจริงๆ รึเปล่าเถอะ หึ ดูๆ ไปก็มีแต่เงินพ่อแม่ทั้งนั้น!" 

โลกัสยังคงตะโกนลั่นไม่ไว้หน้า ความหึงหวงในอกนั้นมากจนแทบคลุ้มคลั่ง เลือดในกายร้อนผ่าวๆ กระตุ้นให้อยากหาอะไรมาฆ่าไอ้เวรนี่ให้รู้แล้วรู้รอด

ชายลูกเศรษฐีสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกแทงใจดำและหน้าแดงก่ำอย่างอับอายแต่ทิฐิในใจกลับสั่งไม่ให้ยอมแพ้ "ว่าแต่ข้า เจ้าล่ะ มีปัญญาหารึเปล่าล่ะสามร้อยเหรียญทอง? ดูๆ จากเสื้อผ้าเจ้าแล้วแม้แต่เหรียญทองเดียวยังหายากเลย ข้าว่า!"

เดิมทีทุกครั้งที่มีการทะเลาะกันมักจะมีเสียงเฮเป็นฉากประกอบหลังแต่ภายในห้องเวลานี้กลับเงียบสนิทเมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกชวนให้ปากคอสั่นจากชายในชุดคลุมดำ

"อยากรู้งั้นเหรอ หึ.." โลกัสหัวเราะเสียงต่ำพยายามขัดขืนออกจากพันธนการขององค์ชายที่ไม่ต่างจากบ่วงพังๆ ของนายพราน ที่เพียงแค่ออกแรงสักนิดคงจะหลุดไปอย่างง่ายดาย

แต่เพราะเป็นองค์ชายจึงไม่กล้าออกแรงมากนักกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บ

"ปล่อยข้า" 

องค์ชายกลับยิ่งกอดรัดแน่นกว่าเดิม "อย่าฆ่าเขานะ เจ้าสัญญากับข้าแล้วนะ ว่าจะเลิกฆ่าคนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ" พูดเสียงสั่น

"..แต่" โลกัสเม้มปากหงุดหงิด อาการหึงหวงทุเลาลงเล็กๆ แต่ก็เท่านั้นยังรู้สึกคันไม้คันมืออยู่

"ข้าอยากมีเงินเป็นของตัวเองบ้าง ..ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเลี้ยงดูข้าเหมือนเด็กๆ หรอกนะ" น้ำเสียงขององค์ชายยังคงสั่นพร่าเหมือนจะร้องไห้เช่นเดิม 

ทำเอาเสือร้ายที่กำลังจะฆ่าเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ ทันตา

"...ก็ได้" โลกัสพูดอย่างไม่เต็มใจนัก ถลึงตามองชายหนุ่มเขม็งจนอีกฝ่ายตัวสั่นเทายิ่งกว่าเดิม "ถ้าเจ้าอยากได้กวางนี่ ก็ฆ่าข้าให้ได้ซะก่อนแล้วค่อยเอาไป!"

กล่าวจบก็ลูบหัวเวสเปอร์เบาๆ แล้วเดินกลับห้องตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์นักเพราะเกรงว่าหากอยู่ต่อคงจะไม่วายเผลอฆ่าไปจริงๆ

เมื่อร่างสูงก้าวอาดๆ จนหายไปจากสายตา เวสเปอร์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเหลือบมองชายลูกเศรษฐีที่ตอนนี้ตาแดงก่ำตัวสั่นเทาด้วยความรู้สึกสงสารนิดๆ

"เจ้าอยากฟังเพลงอะไรล่ะ? ถ้าเรื่องเพลงข้าตามใจเจ้านะ ไม่คิดเงินด้วย"

ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก "ไม่ล่ะ ไม่ พอแล้ว ข้าพอแล้ว เจ้าจะเล่นเพลงอะไรก็เรื่องของเจ้า ข้าจะกลับบ้านแล้ว" ลนลานวิ่งจนล้มคะมำไปรอบนึงและวิ่งหนีออกไปจากร้านทันที

แต่เวสเปอร์ก็ไม่วายได้ยินเสียงสบถกับประโยคบางอย่าง

"บัดซบ! น่ากลัวชะมัด แค่ขอจับมือจับตัวนิดๆ หน่อยๆ ทำเหมือนจะฆ่าข้า"

ไม่ล่ะ.. ไม่เหมือนจะฆ่าแต่จะฆ่าจริงๆ.. 

องค์ชายยิ้มแห้งแล้วกลับเข้ากลุ่มนักดนตรีแล้วบรรเลงเพลงอื่นๆ ต่อไป

บรรยากาศภายในร้านเริ่มกลับมาคึกคักเช่นเดิม เริ่มมีการขอเพลงหรือเกี้ยวกวางระเริงเพลงอีกรอบแม้ว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีเจ้าของแล้วก็ตาม แต่แล้วยังไงล่ะ? สิ่งที่พวกเขากล่าวล้วนเป็นแค่คำหยอกล้อเท่านั้น จนบางครั้งองค์ชายก็หลุดหัวเราะออกมาเมื่อถูกมุขตลกๆ บางมุขจากผู้หลงใหลในน้ำอำพันทั้งหลาย

เวลาล่วงเลยเข้าสู่กลางดึกอย่างรวดเร็ว พวกเขายังคงติดลมกับการร้องเพลงกับน้ำอำพัน แม้กระทั่งเพลงสุดท้ายก็ยังคงสนุกสนานเช่นเดิมแล้วจึงค่อยๆ แยกย้ายพากันกลับบ้าน บางรายที่สลบเหมือดไปแล้วก็มีบริการขนส่งถึงห้องพักโรงแรม ส่วนองค์ชายที่มีหน้าที่แค่ดนตรีก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองแต่กลับพบเข้ากับเกลที่มายืนดักรอซะก่อน

องค์ชายผงกหัวทักทาย "มีอะไรเหรอ? เกล"

เจ้าของชื่อยิ้มตอบ "ก็แค่มาขอบคุณเจ้าน่ะ ที่ไม่ทำให้ไอ้เสือขี้หึงมันสติแตกกลางร้าน ไม่อย่างงั้นร้านข้าต้องขึ้นหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์แน่ๆ ว่ามีคนตายเพราะถูกเสือขี้หึงฆ่า"

เวสเปอร์หัวเราะเบาๆ "ก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่หึงข้าเรื่องนี้แต่โลกัสก็ทำไม่ได้สักครั้ง ไหนจะที่ข้าบอกว่าวันนี้ให้นอนรอในห้องจะได้ไม่หึงข้า แต่โลกัสก็ไม่ทำอยู่ดี"

"เสือบ้านี้เป็นอย่างนี้แหละ เดี๋ยวเจ้าก็ชินเอง" เกลหัวเราะเบาๆ ไหวไหล่ "เอาล่ะ ข้าไม่กวนแล้ว พรุ่งนี้ร้านเหล้าหยุด เจ้าจะเอาเวลาว่างนี่ไปง้อเจ้าเสือให้หายงอนไปนานๆ ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ"

ไม่รอให้เวสเปอร์ตอบ เกลก็หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขแล้วดึงจากไป

องค์ชายส่ายหน้ายิ้มๆ กับคำพูดของเกลและเปิดประตูเข้าไปในห้อง 

หมับ

ร่างทั้งร่างถูกกระชากไปกอดอย่างรวดเร็ว หน้ากากเสื้อผ้าถูกปลดเปลื้องจนเหลือเพียงเสื้อซับกับกางเกงขาสั้นสีขาวข้างในภายในพริบตา

นี่ไง.. คนที่สามารถถอดเสื้อผ้าข้าได้แล้วยังมีเงินมากมาย..

องค์ชายคิดอย่างละเหี่ยใจ

"โลกัส" องค์ชายสะดุ้งเฮือกหน้าแดงก่ำเมื่อถูกใบหน้าคมคายก้มลงซุกไซร้ร่างกายไปทั่วเหมือนพยายามจะหากลิ่นแปลกประหลาด แต่เสือก็ยังเป็นเสือ ไม่วายแกล้งหยอกด้วยการขบกัดบริเวณนั้นให้เป็นรอยเล็กๆ บ้าง

"ฮื่ออ อย่าเพิ่งเรียก ข้ากำลังดูว่ามีไอ้เวรที่ไหนมายุ่งกับเจ้าอีกรึเปล่า" ไม่ว่าเปล่าขบเข้าที่ลำคอองค์ชายเชิงสั่งสอน

"อือ ไม่มีทั้งนั้นแหละ ข้าก็บอกแล้วว่าข้าเล่นแค่ดนตรี อย่างอื่นข้าไม่ทำหรอก" องค์ชายพูดเสียงสั่นพร่า

โลกัสขมวดคิ้วมุ่น "ข้ารู้ ข้าเชื่อใจเจ้าแต่ไม่ไว้ใจพวกเวรๆ "

หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 29-10-2016 22:35:59
"... ให้ตายสิ" องค์ชายสบถเบาๆ เพราะรู้สึกเขินกับคำพูดแค่นี้ของโลกัส คำพูดที่หาความหวานในน้ำเสียงไม่ได้สักนิด ความรู้สึกเจ็บแปลบๆ ทั่วร่างทำให้องค์ชายเริ่มรู้สึกแปลกๆ จึงพยายามผลักหน้าหนาๆ ออกจากร่างกายตัวเอง

ทำให้เจ้าเสือขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม "อย่าบอกนะว่าเจ้ากำลังปิดบังข้า! ตรงไหน ใครบังอาจจับร่างกายเจ้า บอกข้ามา!" อุ้มร่างองค์ชายไปวางบนเตียงแล้วขึ้นคร่อมอย่างรวดเร็ว

โดยที่องค์ชายขัดขืนไม่ได้สักนิด...

หนักกว่าเดิมอีก..

องค์ชายหัวเราะเหอะๆ ใส่ตัวเองในใจ เจ้าเสือบ้าตัวนี้เหมือนจะหึงไม่ลืมหูลืมตาว่ากวางอย่างเขาจะเผลอไปติดบ่วงนายพรานคนไหนเข้า 

"ไม่ได้ปิดอะไรทั้งนั้นแหละ" เวสเปอร์สบตากับนัยน์ตาดุๆ ที่จ้องลงมา แต่ไม่แน่ใจเพราะอะไรที่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกประหม่ากับสายตาของโลกัสจนต้องเบือนหน้าหนีอายๆ

"ไม่ปิดบังแล้วเจ้าหลบตาข้าทำไม? แต่ข้าดมแล้วไม่มีกลิ่น.. หรือว่าเจ้าให้มันจับแล้วก็ไปอาบน้ำก่อนมาเจอข้า!" โลกัสพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

คำพูดของโลกัสทำให้เวสปอร์ชะงักไปสักพัก พอเข้าใจก็เผลอหลุดหัวเราะออกมาไม่หยุด 

"เจ้า เจ้า! ฮื่ออ"

ร่างอดีตนักฆ่าอันดับหนึ่งกระวนกระวายอย่างน่าสงสาร รู้สึกหึงหวงแต่ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ขบกรามกรอดๆ

"ไร้สาระ นี่คือสิ่งที่เจ้าคิดเหรอ?" องค์ชายพูดยิ้มๆ พยายามกลั้นขำพูด 

ทั้งๆ ที่ตอนแรกที่อยู่ด้วยกันรู้สึกประหม่าแทบตายเพราะวางตัวไม่ถูก แต่สภาพตอนนี้ของโลกัสทำให้หยุดขำไม่ได้จริงๆ

"จะให้ข้าคิดยังไงล่ะ ข้าปล่อยเนื้อกวางหวานๆ ออกไปล่อพวกสัตว์ร้ายให้มากินแบบนี้" โลกัสกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ ดูๆ ไปก็ไม่ต่างจากเด็กที่ถูกขัดใจนัก

องค์ชายจึงรั้งคอเสื้อโลกัสลงมาทำให้โลกัสต้องโน้มหน้าลงมาใกล้เวสเปอร์ด้วยสีหน้างุนงง

"ข้าเป็นของเจ้าเสือมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว.. ข้าไม่มีทางวิ่งหนีเสือใจดีไป่เข้าปากพวกสุนัขข้างทางที่ไหนหรอกนะ" กล่าวจบก็ยิ้มมุมปากแล้วจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของโลกัส "ถ้าหากข้าทำอย่างนั้นก็คงโง่เต็มที"

ทำให้ใบหน้าของเจ้าเสือกลับมายิ้มพรายอย่างพอใจ

"ก็จริงของเจ้า"

โน้มหน้าลงไปแนบริมฝีปากองค์ชายอีกครั้งรอจนองค์ชายเผยอปากออกก็สอดลิ้นเข้าไปอย่างดุดันราวกับว่าความหึงหวงในตอนกลางวันปรากฎขึ้นในตอนนี้

องค์ชายหน้าแดงก่ำครางอืออาในลำคอพยายามจะเบือนหน้าหนีเพราะเริ่มจะหายใจไม่ทันแต่ก็หนีไม่ได้เพราะดูเจ้อเสือจะแรงเยอะซะเหลือเกิน

นานชั่วกัลป์สำหรับองค์ชายกว่าเสือร้ายจะปล่อยให้กลับมาสูดอากาศหายใจอีกครั้ง องค์ชายหอบหายใจจนอกกระเพื่อมแววตาหวานฉ่ำไม่รู้ตัวแม้แต่มือที่เคยรั้งคอเสื้อโลกัสก็อ่อนเปลี้ยทิ้งอยู่บนเตียง

โลกัสทิ้งตัวลงนอนข้างๆ องค์ชายแล้วดึงตัวองค์ชายไปกอดแน่นและกล่าวเสียงกระซิบข้างหู "ข้ารักเจ้า.. เวสเปอร์" เสียงสั่นพร่าในขณะที่พูด "เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าแทบคลุ้มคลั่งเมื่อต้องปล่อยให้เจ้าออกไปเล่นเพลงอะไรแบบนั้นบนเวที.. คิดดูสิ แค่เจ้าเริ่มเป่าบทเพลงพวกนั้น ไอ้พวกหมาข้างทางที่เจ้าพูดก็ส่งเสียงเห่าหอนชอบใจไหนจะมองเจ้าอีก.. เจ้าไม่รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองน่าหลงใหลขนาดไหนตอนที่เล่นดนตรี"

ร่างที่แทบจะถูกฝังไปในร่างของโลกัสหน้าแดงกับคำพูดที่น่าจะเรียกว่าหวานของโลกัสแต่คิดไปคิดมาเหมือนกับเป็นการระบายความคิดของตัวเองซะมากกว่า แต่สิ่งที่ทำให้องค์ชายหน้าแดงที่สุดกลับไม่ใช่คำพูดนั้นนี่สิ..

"ข้าเข้าใจแล้ว.." องค์ชายพูดเสียงเบาเม้มปากแน่น รู้สึกถึงชะตากรรมของตัวเองได้รำไร

เพราะอะไรบางอย่างของเจ้าเสื่อมัน "ตื่น" แล้ว

เวสเปอร์ตัวสั่นเล็กๆ เมื่อนึกถึงครั้งที่ผ่านมา เจ้าเสืออ่อนโยนก็จริงแต่ก็แค่ช่วงแรกๆ เท่านั้นหลังจากนั้นก็กลายเป็นเสือคลั่งสติหลุดกัดกินกวางอย่างเขาแทบไม่เหลือชิ้นดี

การคบกับสัตว์ร้ายจะว่าเป็นเรื่องดีก็ดี แต่ก็ทำใจผลที่ตามมาเหมือนกัน ว่าไอ้สัตว์ร้ายตัวนี้ตะกละตะกลาม

"แล้วเจ้าล่ะเวสเปอร์? รักเจ้าเสือไหม"

องค์ชายกลืนน้ำลายเอือกหลับตาแน่นเมื่อรู้สึกถึงความรักของเจ้าเสือที่ทักทายอยู่ตรงเอว "รักสิ"

"พูดอีกทีสิ.."

โลกัสกระซิบเสียงนุ่มพลิกตัวองค์ชายให้หันมาประจันหน้ากับตัวเอง

เวสเปอร์หน้าขึ้นสี ".. ข้าก็รักเจ้าเสือเหมือนกัน" แล้วซุกหน้าลงกับอกของโลกัสอายๆ

คนที่ดีกับข้าเสมอต้นเสมอปลายขนาดนี้.. ข้าทำใจไม่ให้ไม่รักไม่ได้หรอก..

กวางหนุ่มคล้ายกับตกอยู่ในภวังก์เพียงชั่วครู่และได้สติขึ้นมาอีกทีก็..

"โลกัส! อื้อ" องค์ชายหลุดเสียงร้องอย่างตื่นตระหนก 

จะไม่ให้ตกใจได้ไง เมื่อกี้ยังพูดคำหวานใส่กันแต่ตอนนี้ร่างของเขากลับเปลือยเปล่าแล้วถูกนิ้วร้อนๆ ของเจ้าเสือลุกล้ำเข้ามาข้างในอย่างอุกอาจจนหลุดเสียงครางน่าอายออกมา

องค์ชายรู้สึกอายจนต้องเอามือมาปิดหน้าตัวเองไว้

นี่ข้าเผลอได้ขนาดนี้เชียว?

"ชู่ว.. ใจเย็น กวางน้อย" โลกัสกล่าวเสียงนุ่มนวล

"อ้ะ" องค์ชายหน้าแดงก่ำมากกว่าเดิมเมื่อเผลอหลุดครางอีกแล้ว แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเจ้าเสือเพิ่มนิ้วแล้วควานลึกเข้าไปมากกว่าเดิม!

จนเริ่มลังเลว่าระหว่างปิดหน้ากับปิดปากตัวเองควรจะทำอะไรก่อน?

"อย่าตื่นเต้น.. องค์ชาย" 

เสียงของเจ้าเสือดูจะไม่ชัดนักเมื่อเข้าหูองค์ชาย เพราะองค์ชายเริ่มประคองสติไม่อยู่ รู้สึกเจ็บแปลบสลับกับรู้สึกดี เป็นความงุนงงแบบแปลกๆ

อาจจะเป็นเพราะน้ำสีอำพันที่องค์ชายแอบลองจิบก่อนกลับห้องด้วย.. เห็นว่าเป็นเหล้าที่เกลเพิ่งสั่งมาลงใหม่ เหมือนจะเป็นของเมืองมนุษย์..

แต่มันอาจจะทำให้ข้าเมาช้าถึงขนาดนี้เชียว? ข้าอาจจะคิดไปเองล่ะมั้ง..

เวสเปอร์พยายามคิดเรื่อยเปื่อยเพราะรู้ดีว่าสิ่งที่รอตัวเองอยู่นั้นคงจะเจ็บกว่านิ้วเป็นไหนๆ ตอนนี้องค์ชายแทบไม่กล้ามองสิ่งนั้นของโลกัสด้วยซ้ำ ทั้งประหม่าทั้งเขินอาย แค่ดูขนาดตัวของเจ้าเสือก็รู้แล้วว่ามันคงไม่ใช่ขนาดปกติหรอก..

"องค์ชาย.."

องค์ชายเอามือปิดปากแน่นหอบหายใจเมื่อไอ้สิ่งที่ไม่อยากนึกถึงได้เข้ามาทักทายแบบจะๆ แล้ว รู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหล ช่วยไม่ได้ในเมื่อตัวข้ากับเจ้าเสือต่างกันยังกับพ่อกับลูก อาการเจ็บนี้ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่มันมากกว่าปกติตรงไอ้ความรักของเจ้าเสือที่ดูจะมากเกินไปนี่สิ

มือหยาบเกลี่ยน้ำตาองค์ชายออกอย่างอ่อนโยน ลิ้นร้อนเลียวนสลับกับกัดยอดอกขององค์ชายจนองค์ชายส่งเสียงครางฮือๆ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก ทำให้โลกัสยังไม่กล้าขยับตัวกลัวว่าองค์ชายจะร้องไห้ออกมา 

"ข้ารักเจ้า.. เวสเปอร์" โลกัสกล่าวเสียงนุ่มดึงมือองค์ชายออกจากปากแล้วจูบจนองค์ชายตัวอ่อนเปลี้ยมากกว่าเดิม มืออุ่นร้อนแกล้งแตะสิ่งนั้นขององค์ชายเชิงหยอกล้อ หวังว่ามันจะช่วยให้องค์ชายผ่อนคลายลงบ้าง

แต่ไม่เลย.. แม้องค์ชายจะสะดุ้งเฮือกแต่ก็ไม่มากเพียงพอให้โลกัสเสือกตัวเข้าไปได้..

"ฮึก" องค์ชายเผลอหลุดสะอื้นทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจ

เจ็บ..

นั่นทำให้เสือร้ายได้สติรีบถอนตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ถึงจะอยากกินกวางขนาดไหนแต่ก็ไม่อยากทำให้กวางตัวนี้บอบช้ำ

"ข้าไม่ทำแล้ว.. อย่าร้องไห้ ข้าขอโทษ" โลกัสพูดเสียงสลด

องค์ชายส่ายหน้า "ข้าสิต้องขอโทษ.. เจ้าทำต่อเถอะ ข้าไม่เป็นไร" พูดทั้งๆ ที่น้ำตายังคลอหน่วง

"ไม่" โลกัสจูบซับน้ำตาขององค์ชายที่ยังคงไหลรินออกมาไม่หยุด "ข้าขอโทษ.."

"..ฮึก" เวสเปอร์พยายามควบคุมตัวเองแล้วแต่ทำไม่ได้ มันเจ็บมากจริงๆ นะ

เสือร้ายสลดลงหนักกว่าเดิม "ไม่ทำแล้ว.. อย่าร้องไห้สิ ข้าขอโทษจริงๆ ถ้าเจ้าไม่อยากทำข้าก็จะไม่ทำ"

องค์ชายใช้มือเช็ดน้ำตาตัวเองออกลวกๆ "ข้าไม่เป็นไร" รั้งคอเสื้อเจ้าเสือลงมาจูบ

แต่เจ้าเสือก็ไม่ได้จูบตอบแต่อย่างใด มององค์ชายด้วยสีหน้าเป็นห่วง "วันนี้ไม่ต้องหรอก.. ข้าไม่อยากทำเจ้าร้องไห้"

เวสเปอร์ส่ายหน้าดิกก้มมองความรักของเจ้าเสือที่ดูจะปฎิเสธคำพูดของเจ้าตัวจนน่ากลัว จึงตัดสินใจเข้าไปหาเจ้าเสือแล้วผลักให้นอนลงซึ่งโลกัสก็ทำตามอย่างว่าง่ายด้วยสีหน้างุนงงนิดๆ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อองค์ชายจะเอาลูกรักตัวเองเข้าไปด้วยตัวเอง

โลกัสลุกขึ้นนั่งจับตัวองค์ชายไว้แน่นขืนตัวไม่ให้ทำต่อ "ข้าบอกว่าไม่ก็ไม่สิ เวสเปอร์.. ถ้ามันทำให้เจ้าเจ็บ ข้าก็จะไม่ทำ"

องค์ชายเม้มปากแน่นไม่ตอบ

"องค์ชาย.." 

"หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าไปทำกับสุนัขที่เจ้าว่าล่ะ" 

โลกัสหน้าเบ้นิดๆ "แต่ว่า.."

"มันไม่เจ็บมากหรอก อย่าลืมสิว่าข้าก็เป็นชายแล้วยังเป็นถึงองค์ชายด้วย" เวสเปอร์พูดด้วยสีหน้ารั้นๆ 

เจ้าเสือจึงถอนหายใจสั้นๆ ออกมา นัยน์ตาที่อ่อนลงไปแล้วกลับมาร้อนแรงดั่งมีเพลิงแผดเผาอีกครั้ง "ถ้าเจ็บบอกข้านะ แต่ข้าไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าจะหยุดได้เหมือนครั้งนี้"

องค์ชายพยักหน้าหงึกหงักราวกับตกลงปลงใจไปแล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะยืนยันที่จะทำมันต่อไปอยู่ดี

"ข้าจะพยายามอ่อนโยนให้มากที่สุด"

เสือร้ายกระซิบข้างหูกวางเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มกินกวางอย่างช้าๆ ด้วยการผลักกวางหนุ่มลงแล้วแทรกกายเข้าไปพบว่าผ่อนคลายกว่าเมื่อกี้นี้มาก แต่ก็ขยับอย่างเชื่องช้าได้สักพักเสือร้ายก็เริ่มทนไม่ไหวกัดกินอย่างตะกละตะกลามอย่างลืมตัวตามสัญชาตญาณ

จะไม่ให้เผลอกินอย่างตะกละได้ยังไงในเมื่อองค์ชายโอบคอไว้แน่นแล้วส่งเสียงครวญครางน่าอายไม่หยุดซึ่งส่วนใหญ่ก็ครางเพราะความสุขไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดด้วย..

เวลาในตอนนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้าแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกแจ่มชัดแม้จะไม่ได้เอ่ยมันออกมา

รัก

คำสั้นๆ ที่แสนจะทรงพลัง

โลกัสเอ่ยคำนี้น้อยครั้งและมีเพียงไม่กี่คนที่โลกัสสามารถเอ่ยได้เต็มปาก หนึ่งในนั้นก็คือ เวสเปอร์.. องค์ชายที่เป็นทุกอย่างในชีวิตของโลกัสตอนนี้ เดิมทีโลกัสเป็นเพียงนักฆ่าที่ไล่ล่าตามแก้แค้นพอตอนนี้บรรลุจุดประสงค์ก็ไม่มีจุดหมายแน่ชัดจะทำอะไรต่อ เงินก็ไม่จำเป็นต้องหาด้วยซ้ำเพราะยังมีอีกมากมายที่โลกัสฝากไว้ที่เกล ความประสงค์ของเวสเปอร์จึงกลายเป็นความประสงค์ของโลกัสด้วย

สำหรับเวสเปอร์ คำว่ารักหากเป็นเมื่อครั้งที่ปัญญาอ่อนก็สามารถเอ่ยได้ทั้งวันไม่หยุดไม่หย่อนแต่ก็ไม่เคยได้รับความรักจริงๆ กลับมาสักครั้งและเมื่อกลับมาเป็นปกติ การเอ่ยคำว่ารักจากใจจริงๆ ก็กลายเป็นเรื่องยากเข้าไปอีกเพราะเห็นแล้วว่าทุกคนปฎิบัติกับตัวเองยังไง แต่ก็เช่นเดิมเหมือนกับโลกัส คนที่จะเอ่ยคำว่ารักด้วยจริงๆ ก็มีแค่เจ้าเสือร้ายขี้หึงตัวนึงที่เห็นเขาเป็นของล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใดในโลก

ไม่แน่ใจว่าเจ้าเสือกินกวางไปถึงเวลาเท่าใดแต่เมื่อกินจนอิ่ม เสือร้ายก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยมันออกมา

"ข้ารักเจ้า... องค์ชายของข้า"

ก่อนที่จะดึงร่างองค์ชายไปกอดอย่างหวงแหนแล้วจึงเข้าสู่ห้วงนิทราบ้าง

ครืดดด ครืดด

แง้ว

ซึ่งก็ยังมีสิ่งมีชีวิตน่าสงสารตัวหนึ่งถูกทิ้งไว้นอกห้องเช่นเคย
ฟินด์ในร่างแมวตัวเล็กตาแดงก่ำคล้ายกับร้องไห้ มันโดนทิ้งไว้ข้างนอกอีกแล้ว! ถึงมันจะรู้ก็เถอะว่าเจ้านายทั้งสองกำลังทำเรื่องน่าอาย แต่ในเมื่อตอนนี้กิจกรรมนั้นเสร็จแล้วมันก็ควรได้เข้าไปนอนในห้องสิ ไม่ใช่เป็นแมวไร้บ้านแบบนี้!

ร่างแมวน้อยหูหางตกลงอย่างน่าสงสาร เมื่อรู้ว่าข่วนให้ตายยังไงก็ไม่มีใครสนใจนัก มันก็เลยเดินก้าวอาดๆ ไปห้องอื่นแทน ห้องที่อยู่ข้างบนและหรูหรากว่านิดๆ เดินเพียงไม่นานก็ถึงมันจัดการมุดเข้ารูเล็กๆ ของบานประตูแล้วกระโดดขึ้นไปบนเตียงของเจ้าของห้องส่งเสียงแง้วๆ ฟ้อง

"โอ๊ยยย ฟินด์ ข้าให้เนื้อเจ้ากินก็จริง แต่ไม่ใช่เจ้านายเจ้านะ" เกลงัวเงียตื่นบ่น

ฟินด์ยังคงร้องไห้ฮือๆ ด้วยการคร่ำครวญร้องเสียงแง้วๆ ต่อไป

"อย่าร้องง สงสัยโดนทิ้งไว้นอกห้องล่ะสิ หึๆ เอาเถอะ เดี๋ยวนานไปเจ้าก็ชินเอง" หญิงงามประจำเมืองลูบหัวฟินด์ราวกับปลอบใจสองสามครั้งแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนต่อไม่สนใจอีก

แง้ว

ฟินด์ร้องเบาๆ อย่างเสียใจแล้วมันก็ตัดสินใจว่ามันจะไม่ไปเฝ้าเวสเปอร์ให้โลกัสอีก! พอตัดสินใจได้มันถึงเริ่มผ่อนคลายแล้วนอนได้บ้างเพียงไม่นานมันก็นอนหงายเหยียดตัวอย่างสบายใจราวกับว่าลืมไปหมดแล้วว่ามันนอนไม่หลับเรื่องอะไร
 
 
---------------------

# ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ถึงสองรีไพล์ตอนนี้ (แอบตกใจขึ้นสีแดง)

 :m22: หวา เขาทำอะไรกันเนี่ย 55555

ตอนนี้น่าจะจบจริงๆ แล้วค่ะ @@ อาจจะมีตอนพิเศษอีกตอนแล้วก็หายไปเลย  :mc1:

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดนะคะ เกือบๆ ปีนึงเลย  :กอด1: <3 <3
 
   
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-10-2016 22:54:59
5555ขี้หึงแรงมาก แล้วจินตนาการภาพตัวเล็กตัวใหญ่ สงสารเลย  :ling3:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-10-2016 23:12:58
ฟินน์น่าสงสารแฮะ แต่ไปๆมาๆก็ตลกดีอยู่
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 30-10-2016 01:21:06
ในที่สุด องค์ชายยย ดีแล้วอย่าไปสนใจคนอื่นเลย เจ้าเสือเท่านั้นที่คู่ควรกับท่าน โลกัส อิฉันของมอบถ้วยให้ค่าาา  o13 ดีงามมาก ในที่สุด เวสเปอร์ก็มีความสุขสักที ขอบคุณนักเขียนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 30-10-2016 01:24:49
ฟินนี้เป็นเสือจริงๆหรอ

น่าสงสสารแท้ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: bambooiihallo ที่ 30-10-2016 02:51:40
ชอบมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-10-2016 20:22:17
แอบสงสารฟินด์ เอาน๊าฟินด์ จากเสือขาวกลายเป็นลูกแมวแง้วๆซะงั้น 555 น่ารักอ่ะ //โลกัสเจ้าเสือร้ายหึงโหดมาก เอะอะ ฆ่าๆ นี่ถ้าไม่ได้เวสเปอร์ห้ามไว้ทุกรายคงได้ตายจริงๆ 5555 //อ๊อยยยเขินนโว้ยยยย >.,< เสือกินกวางอย่างอร่อย บอกรักย้ำๆ ฟินเลยตรู 55 //จบได้อย่างอบอุ่นละสวีทดีมาก คงคิดถึงเวสเปอร์เจ้าเสือร้ายโลกัสแย่แน่เลย คิดถึงตอนปญอ.เพราะเวสเปอร์น่าร๊ากกกกม๊าก น่ารักจริงๆ โลกัสก็ดี พอหายปญอ.ก็เท่ห์ เวลาสวีทกันนี้ อ่านแล้วเขิ๊นเขินอ่ะ 555 ยิ้มแก้มปริ //ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอย่างนี้นะค่ะ สนุกกกกกกม๊ากกก ชอบบบบบบ รอผลงานต่อไปนะค่ะ แต่งอีกนะคะ อยากอ่าน เพราะแต่งเก่งลื่นไหลอินตามมากค่ะ ^^ อ๋ออ รอตอนพิเศษเรื่อยๆนะค่ะ อิอิ! ^^  :pig4: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 31-10-2016 15:23:36
 :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 31-10-2016 17:09:38
สนุกมากๆ ยังไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: Kio ที่ 31-10-2016 20:42:38
โอ้ยยน่ารัก เรื่องนี้น่ารักมากเลยงื้อ ❤
พอเรื่องอะไรเครียดๆ มันเข้าที่ก็หวานซะ  :o8:
องค์ชายพอหายแล้วเท่เนอะะ
ขำเสือน้อย ไม่ไปเฝ้าให้โลกัสไม่ได้หรอก ฟินด์ก็หวงองค์ชายเหมือนกันนั่นแหละ ไม่ปล่อยไว้กับพวกหมาข้างนอกนั่นร้อกกก

 :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 01-11-2016 13:25:09
อ่านไปยิ้มไปให้กับนายเอกของเรา น่ารักมาก ขอบคุณนักเขียนที่เอาเรื่องสนุกๆมาแบ่งปันในเล้านะจ้า
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 01-11-2016 20:32:54
สนุกดี
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 02-11-2016 10:40:00
 :z13:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 02-11-2016 12:10:15
 :hao5:

องค์ชายน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ ไม่แปลกใจที่เจ้าเสือจะหวงห่วงหึงขนาดนี้
เห็นด้วยว่าฟินด์น่าสงสารที่สุด โดนทิ้งอีกแล้ว 5555 มามะ มาอยู่กับเค้ามั้ยยยย? (ทาสแมวก็แบบนี้)
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 02-11-2016 22:18:23
 :a5:

เห้ย!!!

ไม่ทันอ่านตอนพิเศษที่ลงวันแรก  :ling1: :ling1: :ling1:

ฮืออออออออออ

****

แอบดีใจกับเวสเปอร์ โตเป็นหนุ่มแล้วนะ!  :-[
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-11-2016 09:44:48
โธ่ ฟินน์ น่าสงสารมากลูก

โดนทิ้งตลอด 55555

โลกัสนี่หึงแรงเนอะ รักมากก็หึงมาก งานนี้เจ้าเสือได้กำไรเห็นๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 03-11-2016 21:56:59
 o13
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: sherline8 ที่ 03-11-2016 23:08:53
อ่านรวดเดียวจบ ฮือออออออออ ชอบเวสเปอร์ ชอบมาก เจ้ากวางน้อย โดนเสือแก่ตะล่อมกินทั้งเรื่อง เห้อออออ  :hao3:
แต่แอบสงสารครอบครัวเวสเปอร์ แต่สงสารเวสเปอร์มากกว่า โดนทารุณตั้งแต่เด็ก อยากให้เวสเปอร์รุนแรงกะสาวใช้กว่านี้ แค้นแทร ฮื่ออ :katai1:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ รอติดตามเครื่องต่อไปค่ะ เยิ้บ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 04-11-2016 18:36:10
ชอบมาก ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 05-11-2016 09:22:02
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
สนุก น่าจิดตามตลอด ไม่ยืดเยื้อ
จะตามอ่านและให้กำลังใจเรื่องต่อไปนะค่ะ ^______^
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: Mitnai ที่ 05-11-2016 20:49:57
ขอบคุณค่ะ ♥
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 05-11-2016 22:47:50
โถถถ แมวน้อย มาอยู่กับเค้ามั้ย น่าสงสารจริงๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 06-11-2016 20:41:24
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-11-2016 00:36:12
หึงโหดจริงๆ เจ้าเสือ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 07-11-2016 23:26:44

นอกจากเรื่องเล่นดนตรีแล้วองค์ชายยังมีพรสวรรค์เรื่องทำอาหารซึ่งความจริงข้อนี้ก็มีเพียงไอเรสที่รู้เพราะเจ้าตัวมักจะได้กินขนมหรืออาหารของเวสเปอร์เป็นประจำในช่วงที่เวสเปอร์ปัญญาอ่อนเพราะไอเรสเป็นคนเดียวที่ยังคงมาเยี่ยมเยียนเวสเปอร์อยู่เสมอ

ส่วนคนที่เป็นคนถ่ายทอดสูตรอาหารหรือพวกขนมก็คือท่านแม่ของเวสเปอร์ในตอนที่ยังคงอารมณ์ปกติคือใจดีมากถึงมากที่สุด แม่ของเวสเปอร์เก่งมากในการทำอาหารเช่นเดียวกับการเล่นดนตรีที่เล่นได้แต่ก็ไม่ได้ดีเลิศเลออะไร

ทำให้ภายในห้องครัวส่วนตัวของโรงแรมชื่อดังในเมืองเวลล์ปรากฎร่างองค์ชายที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการอบขนมไปง้อเจ้าเสือและเจ้าแมว

"งอนเป็นเด็กๆ ไปได้" องค์ชายบ่นงึมงำขณะที่กำลังตกแต่งหน้าขนม

สาเหตุที่เสือกับแมวสองตัวนี้งอนคือองค์ชายไม่ยอมกลับมานอนที่ห้องเพราะเผลอคุยเล่นกับโฮมส์จนเกือบเช้าพอโลกัสไปตามก็ถูกองค์ชายไล่ให้ไปนอน ทำให้เสือร้ายตัวใหญ่งอนไม่คุยด้วยส่วนฟินด์ก็น่าจะถูกเกลี้ยกล่อมให้งอนเป็นเพื่อน

วันนี้องค์ชายจึงต้องหยุดงานเล่นดนตรีแล้วมานั่งทำขนมแทน

"เสร็จสักที!" องค์ชายยิ้มเมื่อถาดขนมในมือมีหน้าตาสวยงามตามที่ต้องการ 

อันแรกเป็นรูปเสือดำกำลังทำหน้างอน

อันที่สองเป็นรูปแมวกำลังกินปลา

เวสเปอร์ยกถาดขนมขึ้นมาถือแล้วสาวเท้าเดินออกจากครัวส่วนตัวของเกลแล้วเดินลงไปยังชั้นใต้ดินของโรงแรมที่เป็นที่ตั้งของร้านเหล้าชื่อดัง เดินไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าประตูทางเข้าเจ้ากระต่ายตัวอ้วนก็รีบกุลีกุจอเปิดให้

"ขอบคุณ" องค์ชายผงกหัวขอบคุณยิ้มๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องโถงที่มีเสียงดนตรีครึกครื้นเหมือนเดิมไม่ต่างอะไรจากตอนที่องค์ชายอยู่แต่อย่างใด 

เวสเปอร์หันซ้ายหันขวาเพื่อหาตัวเสือขี้งอนที่น่าจะมางอนที่นี้เพราะไปหาที่ห้องแล้วไม่เจอ หาได้ไม่นานก็องค์ชายก็ขมวดคิ้วฉับเพราะภาพตรงหน้า

ภาพเจ้าเสือที่กำลังเมามายหน้าแดงก่ำบนโต๊ะมีขวดเหล้าราคาแพงกับถูกนับสิบขวดวางเรียงรายกันข้างกายมีหญิงงามสวมชุดที่ไม่น่าจะเรียกว่าชุดเพราะอวดสรีระอย่างชัดเจนกำลังนวดแขนให้อย่างเอาอกเอาใจ

แง้วๆ

แม้แต่เจ้าแมวก็ยังนอนกลิ้งไปมาอีกฝั่งหนึ่งในปากของมันกำลังเคี้ยวปลาที่ใหญ่กว่าตัวมันเท่าตัวอย่างมีความสุข

องค์ชายขบกรามกรอดรู้สึกอยากโยนถาดขนมที่ทำมาทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็สงสารพนักงานกระต่ายที่ต้องมานั่งทำความสะอาดในสิ่งที่เขาทำไป

"...ฮื่ออ"

เวสเปอร์สูดหายใจลึกพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองที่ตีตื้นขึ้นมาจุกที่ลำคอ ความรู้สึกหึงหวงกับความรู้สึกเจ็บปวด

นี่แค่ข้ากลับห้องช้าเป็นได้ถึงขนาดนี้เชียว? ในตอนนี้ที่ข้ากำลังคิดว่าจะง้อพวกเจ้ายังไง เจ้ากำลังมีความสุขกับการกินเหล้าพวกนั้นกับหญิงงามคนนึงด้วย

องค์ชายคิดฟุ้งซ่านรู้สึกเหมือนจะร้องไห้จึงรีบสะบัดหัวเพื่อโยนความคิดนั้นทิ้ง

"ให้ตายสิ.." 

เวสเปอร์สบถเมื่อเห็นหญิงงามแสร้งกระแซะเข้าที่ตัวโลกัสแล้วทำท่าจะหยิบถุงเหรียญทองที่เหน็บข้างเอวซึ่งเสือหน้าโง่มันก็ไม่ได้รู้ตัวเลยอีกทั้งยังโอบเอวหญิงงามนั่นอีกต่างหาก!

องค์ชายรีบสาวเท้าเข้าไปใช้มือกวาดขวดไปฝั่งหนึ่งของโต๊ะแล้วกระแทกถาดขนมลงบนโต๊ะเสียงดังลั่น

แกร๊ง!!

ซึ่งก็ได้ผลทั้งโต๊ะหันมาให้ความสนใจองค์ชายและรวมถึงโต๊ะอื่นๆ ด้วย...

เหล่าชายฉกรรจ์ที่เมามายหันมามองอย่างใคร่รู้แต่พอเห็นเป็นชายใส่ชุดลำลองสีดำธรรมดาๆ สวมชุดคลุมก็ไม่ได้ให้ความสนใจนักจึงหันไปสนใจกับเสียงเพลงและเหล้าต่อ 

"อึก มีอะไร? หือ" ร่างฉกรรจ์ที่เมาไปแล้วเอ่ยถามขึ้นมาเสียงดัง

องค์ชายไม่ตอบเพราะมัวแต่มองหญิงงามด้วยแววตาเย็นเยือก 

หญิงงามทีแรกคิดว่าอีกฝ่ายให้ความสนใจตัวเองจึงยิ้มตอบแต่พอรู้สึกถึงสายตาเย็นเยียบกับบรรยากาศหึงหวงที่แผ่ออกมาจากตัวร่างตรงหน้าก็เริ่มรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสื่อถึงอะไรก็หุบยิ้มแล้วเลิกคิ้วมองอย่างยียวน

"ออกไป" เวสเปอร์พูดเสียงเบาเพื่อให้หญิงงามได้ยินเพียงคนเดียว

นางไหวไหล่และกระแซะเข้าไปใกล้โลกัสมากกว่าเดิม

"เจ้า.. อึกจะทำอะไร!" โลกัสชี้หน้าเวสเปอร์ด้วยดวงตาพร่ามัว ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นแค่เงาลางๆ ดูไม่ออกว่าเป็นใครกันแน่

"อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ" องค์ชายจ้องหญิงงามอย่างดุร้าย

หญิงงามทีแรกจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วยิ้มตอบแต่จู่ๆ นางกลับรู้สึกถึงสายลมคมกริบกำลังพัดผ่านลำคอของนางไปมาราวกับกำลังหยอกเย้า นางกระพริบตาปริบตัวแข็งทื่อพอสบตากับเวสเปอร์อีกครั้งก็รู้ว่าใครเป็นเจ้าของสายลมที่สามารถฆ่านางได้

องค์ชายยิ้มยียวน

นางจึงรีบลนลานผละออกจากโลกัสทันทีแม้จะรู้สึกเสียดายเงินถุงนั้นแต่ชีวิตของนางคงไม่ปลอดภัยนักถ้ามาเจอกับคนรักหึงโหดแบบนี้ 

"อึก องค์ชาย! นั้นเจ้าจะไปไหน" โลกัสมองตามตัวโคลงเคลงสีหน้าเจ็บปวด "เจ้าจะหนีตาม อึก ไอ้เจ้าเมืองเวรนั่นเหรอ" 

"ข้ากับโฮมส์ก็เป็นแค่เพื่อนกัน ก็เหมือนกับเจ้ากับเกลนั่นแหละ" เวสเปอร์กล่าวเสียงเรียบหงุดหงิดเมื่อทรุดตัวนั่งข้างๆ แล้วกลิ่นน้ำหอมของหญิงงามคนนั้นยังอยู่

"เจ้า มานั่งตรงนี้ทำไม? ถ้าไม่อยากตายก็ไปนั่งที่อื่น ตรงนั้นข้าให้เวสเปอร์นั่งได้คนเดียวเท่านั้น" โลกัสหันขวับกลับมามององค์ชายทำท่าจะใช้มือหนาๆ ผลักออกจากที่นั่ง

"ข้าจะนั่งตรงนี้" องค์ชายแยกเขี้ยวขู่ "เจ้าทำอะไรเวสเปอร์ไปบ้าง?" ที่องค์ชายหมายถึงคือหญิงงามคนนั้น

พอได้ยินชื่อลื่นหูมือหนาก็ชะงักทันควันลดลงไปเกาพุงให้ฟินน์แทน ใบหน้าเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาจางๆ

"ก็กอด หอม.. แต่แปลกนะที่วันนี้เวสเปอร์ใส่น้ำหอมกลิ่นกุหลาบ" เสือร้ายผงกหัวไปมางุนงงเล็กๆ เพราะปกติองค์ชายไม่เคยใส่น้ำหอมอะไรเลย

"แล้วจูบด้วยรึเปล่า?" องค์ชายหน้างอง้ำ

โลกัสส่ายหน้าดิกสีหน้ากลับมาขึงขัง "อึก ข้ากำลังโกรธเวสเปอร์อยู่ ข้าจะไม่จูบเวสเปอร์เด็ดขาด ฮื่ออ เจ้าเมืองหน้าโง่นั่นมีอะไรดีกว่าข้า? อึก ถึงได้อยู่กับมันจนเช้า หรือเวสเปอร์กำลังคิดจะนอกใจข้า!"

พูดไปพูดมาเสือร้ายกลับหงอยลงเรื่อยๆ หากมีหูเสืออยู่บนหัวคงไม่วายลู่ลงอย่างน่าสงสาร 

"ทำไมกัน ข้าว่าข้าก็ยังเหมือนเดิมนะ" โลกัสคว้าหมับที่แก้วเหล้าแล้วซดอักๆ ประชดรักต่ออีกคำ

"ข้าก็บอกอยู่ว่าเพื่อน มันไม่มีอะไรหรอก" เวสเปอร์พ่นลมหายใจเซ็งๆ แต่ก็เริ่มยิ้มออกที่อย่างน้อยเจ้าเสือขี้งอนตัวนี้มันก็นึกถึงเขาบ้าง 

"เจ้าจะไปเข้าใจอะไร อึก เจ้าไม่ใช่เวสเปอร์หรือข้าซะหน่อย" เสือดำใช้นิ้วดีดหน้าผากองค์ชาย "ข้าน่ะนะ อึก อยากฆ่าไอ้เวรทุกตัวที่มาเกาะแกะกับเวสเปอร์จะตาย แต่เวสเปอร์ไม่ให้ข้าทำไง"

"เจ้าไม่อยากโดนตราหน้าว่าฆาตกรหรอก" องค์ชายลูบหน้าผากตัวเองเบาๆ ขณะที่ตอบ

โลกัสชะงักและเงียบไปสักพัก "เจ้าพูดเหมือนเวสเปอร์จัง"

เจ้าของชื่อกลอกตา

"แล้วเจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร?"

"เสียงก็เหมือน กลิ่นก็เหมือน" ไม่ว่าเปล่าดึงตัวองค์ชายเข้าหาตัวเองแล้วเอาหัวซุกไซร้ลำคอสูดกลิ่นกายที่แสนจะคุ้นเคยซึ่งก็ดูเหมือนจะเพลิดเพลินไปหน่อยเพราะเผลอใช้ลิ้นเลียไปด้วย..

องค์ชายหน้าร้อนผ่าวผลักตัวโลกัสออกทันควัน

"รสชาติก็เหมือน.. อืมม แต่วันนี้เวสเปอร์มีกลิ่นกุหลาบไม่ใช่หรอ" เสือโง่เกาหัวแกรกๆ แล้วหันไปคุยกับฟินน์ที่ยังคงแทะปลาตัวเดิมอยู่ "ฟินน์ เจ้าว่านี่ใช่เวสเปอร์ไหม ข้าจำไม่ได้"

แง้วๆๆ

ฟินน์บ่นก่อนที่จะเอียงหน้าขึ้นมามองและเห็นว่าเป็นเวสเปอร์จึงร้องตอบ

"แง้ว!"

และตั้งหน้าตั้งตาแทะปลาต่อ ไม่สนใจที่จะไปคลอเคลียกับเวสเปอร์อย่างที่เคยเป็นเพราะปลาตัวนี้เป็นปลาที่โลกัสใช้ซื้อฟินน์ให้เป็นพวกนั้นเอง

ปลาทะเลสดที่ถูกขายในราคาสูงถูกโลกัสกวาดซื้อมาจากตลาดตั้งแต่เช้าและนำมันมาเป็นเครื่องบรรณาการแก่แมวเห็นแก่กินอย่างฟินน์ซึ่งมันก็ได้ผลดีเพราะฟินน์ชอบปลาชนิดนี้มากจนแทบร้องไห้ไปกินไปด้วยความซาบซึ้ง

"แต่ว่าเวสเปอร์วิ่งหนีข้าไปหาโฮมส์เมื่อกี้แล้งไม่ใช่เหรอ" 

เวสเปอร์หน้างอยอมดึงเสื้อคลุมหัวลงเผยให้เห็นใบหน้าของตัวเองชัดๆ และไม่ได้มองเพียงอย่างเดียวยังถลึงตามองเสือหน้าโง่ด้วย

"มีอะไรจะแก้ตัวกับข้าไหม? เจ้าเสือ" องค์ชายพูดเสียงดุ

โลกัสสะดุ้งเฮือกหัวเราะแห้งๆ แทบจะสร่างเมาทันใดเมื่อโดนองค์ชายที่น่ารักใจเย็นอยู่เสมอถลึงตามองน่ากลัวแบบนี้ "เจ้านั่นแหละที่เอาแต่ขลุกตัวอยู่กับโฮมส์ เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าไม่ชอบหน้ามัน"

"เจ้าไม่ไว้ใจข้า?" หน้าองค์ชายงอง้ำ "ข้าสิควรไม่ไว้ใจเจ้า ถ้าหากข้าไม่เดินมาหาก็คงไม่รู้ว่าเจ้าไปเอาหญิงงามที่ไหนไม่รู้มาเป็นตัวแทนข้าแบบนี้"

ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะเอ็ดเจ้าเสือให้หงอยแต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นตัวเองที่น้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้

องค์ชายสูดหายใจลึกๆ ควบคุมทั้งความโกรธน้อยใจที่ตีตื้นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตา

"ข้าขอโทษ.." เสือร้ายกลายเป็นเสือซึมทันใด "ข้าก็แค่หึงทุกคนที่เข้าใกล้เจ้าเท่านั้นเอง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบข้าที่ข้าเป็นแบบนี้.. แต่ข้าก็พยายามควบคุมตัวเองแล้วนะแต่ข้าทำไม่ได้ ข้าเครียดมากเลยมานั่งกินเหล้าที่นี้"

อีกเหตุผลหนึ่งก็คืองอนองค์ชายด้วยแต่โลกัสไม่ได้พูดถึงเพราะเกรงว่าจะทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจะแย่กว่าเดิม

"ข้าเกลียดกลิ่นกุหลาบ" องค์ชายพูดเสียงไร้อารมณ์

"ข้าขอโทษ เวสเปอร์ เจ้าก็รู้ว่าข้ารักเจ้าที่สุด" โลกัสกระวนกระวายรู้สึกอยากรวบตัวองค์ชายมากอดแต่ท่าทางห่างเหินขององค์ชายก็เหมือนถูกห้ามอยู่กลายๆ

"เวสเปอร์.." เสือร้ายพูดเสียงอ่อนร่างหนาๆ แทบจะถูกแช่แข็งเมื่อถูกแววตาเย็นเยียบขององค์ชาย

"ข้ารู้" องค์ชายเม้มปากแน่นใช้หลังมือเช็ดน้ำตาตัวเอง "ข้าก็แค่เสียใจนิดหน่อย ช่างมันเถอะ เจ้ากินขนมดีกว่า" แล้วดันถาดขนมให้โลกัส

ยิ่งเห็นน้ำตาองค์ชายโลกัสยิ่งรู้สึกผิด 

"องค์ชาย.."

"เจ้าอยากทำให้ข้าหายโกรธเจ้ารึเปล่าล่ะ?" เวสเปอร์ยกยิ้ม

โลกัสพยักหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิด

ผลั่ก

ร่างอดีตนักฆ่ากุมแก้มตัวเองแน่นเมื่อถูกองค์ชายต่อยเข้าจังๆ จนร้าวไปทั้งหน้าอีกทั้งยังรู้สึกถึงเลือดที่อวลในปากนิดๆ ด้วย 

"เวส.. เวสเปอร์" โลกัสเรียกยังไม่ทันครบคำก็ร้องซี๊ดออกมา 

ตัวแค่นี้แต่ทำไมหมัดถึงได้หนักนักนะ

เสือร้ายคิดอย่างเศร้าๆ ซึมๆ 

"ถ้าเจ้าทำแบบนี้อีก ข้าก็จะต่อยเจ้าอีก" องค์ชายกล่าวพร้อมยื่นขนมที่เป็นรูปเสืองอนให้โลกัส

โลกัสไม่ยอมรับมากินเองจ้องเวสเปอร์จนกระทั่งองค์ชายหน้าแดงแล้วยอมป้อนขนมให้ซึ่งโลกัสก็อ้าปากรับและเคี้ยวกินอย่างว่าง่าย

"อร่อย เจ้าทำมาให้ข้าเหรอ องค์ชาย" โลกัสขยับเข้าหาองค์ชายที่กำลังป้อนให้ฟินน์กินบ้าง

"อืม ทำมาง้อเสือกับแมวปัญญาอ่อน" เวสเปอร์กล่าวโดยไม่มองหน้าโลกัสเพราะยังรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ปลายนิ้วที่ถูกโลกัสเลียเมื่อกี้ให้ความรู้สึกขวยเขินจนแทบบ้า 

"ข้าสัญญา ข้าจะไม่ทำอีก" โลกัสกระซิบข้างหูองค์ชายแล้วกอดหมับซึ่งองค์ชายก็ยอมนั่งนิ่งให้กอดไม่ขัดขืนอย่างใด

"ถ้าเจ้ากล้าทำอีก.. ข้าจะทำมากกว่าต่อย"

เสือร้ายสะดุ้งเฮือกยิ้มแหย

"ข้าสัญญา"

รสหมัดขององค์ชายไม่อร่อยนักหรอก กินขนมดีกว่าเยอะ

-----

องค์ชายโหดมาก  :laugh:

 
 
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 08-11-2016 09:05:15
 :-[ เมื่อยแก้มเลย 5555 น่ารักอะโมเม้นนี้ ทำใจเน๊าะเพคะองค์ชายเลี้ยงเสือใหญ่กะแมวน้อย  :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-11-2016 09:51:45
องค์ชายน่าจะลงโทษให้หนักเลย อยากกินเหล้าก็สั่งไปกินที่ห้องสิ มากินข้างนอกให้คนอื่นฉวยโอกาสได้ไง
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-11-2016 09:55:28
ทั้งเมาทั้งหึงถึงขนาดแยกไม่ออกว่าที่นั่งกอดอยู่เป็นผู้หญิงมันน่าโดนยิ่งกว่าต่อยนักนะโลกัส

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 08-11-2016 15:59:55
ถถถ หมดกันพยัคฆ์ดำ ลอกคราบเป็นแมวเชื่องซะละ  :laugh:

ปล.เวสเปอร์น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 08-11-2016 17:33:07
เวสเปอร์โหดจ้า....โลกัสตอนนี้เหมือนเด็ก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 08-11-2016 21:32:48
เอ้าาา เห็นแบบนั้นก็สมควรโดนแล้วนิ 55555
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 09-11-2016 19:33:20
เจ้าเสืออย่าบังอาจเหิมเกิมมม555555555555
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-11-2016 23:45:06
โลกัสมุมนีัน่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 10-11-2016 14:28:37
โลกัสผู้กลัวเมีย  :laugh:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-11-2016 01:54:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 11-11-2016 19:44:22
สนุกมาก จินตนาการล้ำลึกสุดๆ อ่านไปลุ้นไป
สงสารองค์ชายมากตอนแรกๆแต่พอตอนใกล้จบนางหายปญอแล้วนางเผ็ชมาก 55555
ชอบฟินด์มาก ตอนเป็นเสือก็ดูกวนๆเท่ๆ ตอนเป็นแมวก็น่ารักน่าฟัด
ส่วนพยัคฆ์ดำนี่ก็คอนเซฟพระเอกอ่ะ แบดบอยมีปมอบอุ่น  :laugh:
อ่านจบ1วัน สนุกจริงๆ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-11-2016 13:27:32
 :ling2:


หลังเวสเปอร์หายแล้วแอบจะสงสารโลกัสเลย มาดเคร่งขรึมหายไปไหน๊  :really2:

 :man1: :man1:

ฮักๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 14-11-2016 09:51:54
เจ้าเสือกับเจ้าชายยยยยย น่ารักกกกกกกกกกกก
ชอบเจ้าชายเวอร์ใหม่ เริ่ดมากกก 55555
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 14-11-2016 10:54:55
น่ารัก :mew1: :hao7:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: Siran ที่ 15-11-2016 17:09:19
ฟินนนน  :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: N-T ที่ 15-11-2016 18:36:01
 :hao7:

ชอบเรื่องนี้จังเลยขอบคุณนะค้าาาาาาา

หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 16-11-2016 21:12:15
 :-[น่ารัก ชอบๆสนุกมากเลยอ่านรวดเดียวจบ
ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 17-11-2016 15:19:19
ขออนุญาตแปะสารบัญ

ชอบตอนที่องค์ชายอ้อนเจ้าเสือ ดูแล้วน่ารักดีชอบเล่าเรื่องได้ดีมาก

ตอนพิเศษตอนสุดท้ายอยากให้องค์ชายลงโทษเจ้าเสือหนักกว่านี้หน่อยไหนๆก็หายปัญญาอ่อนแล้ว




  บทนำ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3275046#msg3275046)
  1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3275056#msg3275056)
  2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3275063#msg3275063)
  3  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3275073#msg3275073)
  4  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3281622#msg3281622)
  4.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3282453#msg3282453)
  5  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3289748#msg3289748)
  5.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3290514#msg3290514)
  6  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3297821#msg3297821)
  6.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3301045#msg3301045)
  7  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3308250#msg3308250)
  7.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3309046#msg3309046)
  8  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3318823#msg3318823)
  8.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3321745#msg3321745)
  9  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3327541#msg3327541)
  9.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3329294#msg3329294)
  10  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3338263#msg3338263)
  10.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3343834#msg3343834)
  11  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3354669#msg3354669)
  12  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3361391#msg3361391)
  12.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3362755#msg3362755)
  13  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3369936#msg3369936)
  13.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3373148#msg3373148)
  ตอนพิเศษ จูบ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3380802#msg3380802)
  14  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3390935#msg3390935)
  14.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3394416#msg3394416)
  15  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3403054#msg3403054)
  15.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3404767#msg3404767)
  16  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3415517#msg3415517)
  16.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3419455#msg3419455)
  17  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3423289#msg3423289)
  17.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3425500#msg3425500)
  18  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3432908#msg3432908)
  18.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3436160#msg3436160)
  19  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3445122#msg3445122)
  20  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3453676#msg3453676)
  21  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3457420#msg3457420)
  22  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3474136#msg3474136)
  22.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3474914#msg3474914)
  23  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3482427#msg3482427)
  24  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3495052#msg3495052)
  ตอนพิเศษ - นักดนตรีลึกลับ   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3501972#msg3501972)
  ตอนพิเศษ - ขนมง้อเจ้าเสือ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3508776#msg3508776)
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 18-11-2016 19:09:21
สนุกมากๆ  องค์ชายน่ารักไม่ว่าจะปัญญาอ่อนหรือไม่

ขำแรง  หวานกันซะจนลืมแมวฟินเลย 555
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 19-11-2016 19:29:33
อ่านรวดเดียวจบเลย
ชอบแนวนี้มากๆ
เวสเปอร์น่ารัก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 20-11-2016 17:27:15
น่ารักมุ้งมิ้ง :-[
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-11-2016 19:07:08
 :pig4 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 23-11-2016 18:07:50
 :hao3: หึงได้น่ากลัวมาก คงเข็ดรสหมัดไปอีกนานแน่
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 30-11-2016 21:16:11
 :mew1:  ขอบคุณค่ะ สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 01-12-2016 00:36:47
 :impress3: สนุกมากดูมีจินตนาการดี อ่านแล้วเพลิดเพลินมาก ๆ แม้จะแฝงความดราม่าไว้เต็มเปี่ยมแต่ก้อถูกฝังกลบด้วยความใสของเวสเปอร์และความนุ่ม ๆ ของฟินน์ กับความเท่ของเจ้าเสือดำ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 03-12-2016 15:54:44
 :impress3:น่ารักมากๆเลยสำหรับเรื่องนี้ ดราม่าตลอดแต่มันแฝงด้วยความมุ้งมิ้งที่มาลดทอนความเครียดของเนื้อหาได้ดีมากขึ้น แต่เรายังข้องใจเรื่องที่เวสเปอร์ปัญญาอ่อนไปเลยเป็นกลไกป้องกันตัวเองจากการโดนพ่อบังคับแบบเฟเนกซ์เรอะ แล้วที่ว่าความลับระหว่างพ่อกับเวสเปอร์คือไร แล้วสรุปว่าเฟียสคือมาอยู่ในร่างของเวสเปร์เรอะ งงๆ น่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 03-12-2016 19:52:56
เนื้อเรื่องน่ารักมาก
มีสะดุดที่คำซ้ำ คำวางสลับที่บ้าง
แต่ยังเข้าใจอยู่นะคะ
ชอบมาก ชอบเรื่องแนวๆนี้
ถ้าแต่งมาอีก จะรออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: - Alice - ที่ 04-12-2016 20:34:39
น่ารักกกก  :-[
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เทศกาลแข่งกิน + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 09-12-2016 23:09:50
ตอนพิเศษ - เทศกาลแข่งกิน

เทศกาลแข่งกินประจำเมืองเวลล์นั้นถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยแต่ละปีจะเฟ้นหาผู้ชนะที่สามารถกินได้มากที่สุด และมีรางวัลคือบัตรกินฟรีทุกร้านในเมืองเวลล์แบบไม่อั้น ซึ่งเป็นเทศกาลที่โด่งดังและได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มีผู้คนมากมายลงสมัครแต่ก็ถูกคัดออกเรื่อยๆ เพราะพอไปคัดตัวแล้วกินอาหารที่เตรียมไว้ให้ไม่หมด

แต่ถึงอย่างนั้นเทศกาลนี้ก็ยังได้รับความสนใจมากอยู่ดี ร้านทุกร้านในจัตุรัสการค้าตกแต่งร้านด้วยความตระการตา นกพิราบสีขาวคาบน่องไก่ที่ทำจากกระดาษนับร้อยตัวถูกแปะตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองเวลล์เพื่อป่าวประกาศว่างานเทศกาลแข่งกินจะเริ่มขึ้นเร็วๆ นี้

โต๊ะของผู้ร่วมเข้าแข่งขันนั้นเป็นโต๊ะไม้ตัวยาวขนาดใหญ่พร้อมตั้งอาหารไว้ข้างหน้าเพื่อให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันได้แข่งกันกิน ส่วนเรื่องการคัดตัวนักกีฬานั้นถูกคัดออกเรื่อยๆ จนกระทั่งเหลืออยู่ห้าคนซึ่งก็มีคนนึงที่เข้ามาเป็นผู้เข้าร่วมได้เลยโดยไม่ต้องคัดตัว เพราะเส้นสายที่เป็นถึงเจ้าของงานอย่างโฮมส์

"สวัสดีทุกท่าน! ยินดีต้อนรับเข้าสู่เทศกาลแข่งกินขอรับ!" พิธีกรร่างท้วมไว้หนวดเคราครึ้มตะโกนเสียงดังลั่นเป็นการประกาศว่าการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

เฮฮฮฮอ

ผู้ร่วมชมการแข่งขันร้องเฮกันยังฮึกเหิม มีทั้งที่มาเชียร์คนรู้จักของตัวเองและนักเดินทางที่มาร่วมงานเพื่อดูการแข่งขันโดยเฉพาะ

"ปีนี้ผู้เข้าร่วมของเราก็มีห้าคนเช่นเดิมขอรับ คนแรกเป็นแชมป์เก่าปีที่แล้วขอรับ ขอเสียงปรบมือต้อนรับให้กับหมีขาวแห่งจันทราด้วยขอรับ!"

เจ้าของฉายาผลุดร่างยักษ์ๆ ขึ้นยืนโบกไม้โบกมือให้กับทุกคนที่ส่งเสียงเชียร์และนั่งลงดังเดิม

พิธีร่างท้วมยังคงร่ายยาวต่อไปจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่คนสุดท้าย

สีหน้าประหลาดใจปรากฎแวบหนึ่งบนใบหน้าพิธีกรแต่พริบตาเดียวสิ่งๆ นั้นก็หายไป "ขอเสียงปรบมือให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันคนใหม่ ม้ามืดแห่งเทศกาลแข่งกิน แมวน้อยขอรับ!!!" พิธีกรพูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนอย่างยิ่ง เมื่อไอ้เจ้าของฉายานั้นเป็นชายฉกรรจ์ตัวพอๆ กับคนแรกและยังสวมหน้ากากรูปเสือครึ่งใบหน้าซึ่งดูยังไงๆ ก็ไม่เข้ากับฉายาสักนิด

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าของฉายาที่ไม่แม้แต่ลุกขึ้นยืนรับเสียงปรบมือที่ผสานกับเสียงหัวเราะ

"ไอ้เจ้าเมืองบัดซบ" เจ้าแมวน้อยหรือโลกัสคำรามในลำคออย่างโมโห สายตาพยายามมองหาคนที่บอกให้ตัวเองมาแข่งเพราะอยากกินฟรีทั้งปี ซึ่งไม่นานก็พบ

องค์ชายคลี่ยิ้มหวานภายใต้ชุดคลุมสีดำสนิท โบกไม้โบกมือเชิงให้กำลังใจขณะที่ในมือยังถือไม้เนื้อย่างเคี้ยวตุ่ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย

โลกัสหน้างอนิดๆ รู้สึกยิ้มไม่ค่อยออกเท่าไหร่เมื่อเห็นชายคนหนึ่งทำท่าจะดึงหมวกคลุมหัวของเวสเปอร์ออก

ไอ้บัดซบ!

"ผู้ที่สามารถกินอาหารทุกร้านในเมืองเวลล์ได้หมดก่อนหรือมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะสำหรับการแข่งขันนี้" พิธีกรร่างท้วมยิ้มกริ่มเมื่อเห็นสีหน้าหวาดผวาของผู้เข้าร่วมแข่งขันที่เห็นจานอาหารจำนวนมากกองข้างหน้าตัวเอง

"เริ่มได้ขอรับ!"

ก็ง่ายๆ..

โลกัสคิดในใจขณะที่หยิบกินทุกอย่างที่เป็นเนื้อก่อนซึ่งเคี้ยวแค่ไม่นานก็กลืนๆ จนจานที่เป็นเนื้อเกือบทั้งหมดของโลกัสนั้นถูกโลกัสกินไปหมดแล้วอย่างง่ายดาย ซึ่งก็คงต้องยกความดีความชอบให้องค์ชายที่ให้โลกัสอดอาหารก่อนมาแข่งกิน

"โอ้โห ไม่ธรรมดาเลยขอรับ แมวน้อย! อุ้บ ของเรา กินเนื้อชุดแรกหมดแล้วขอรับ เหลือแต่ของเผ็ด ผัก และของอื่นๆ ที่ไม่ใช่เนื้อขอรับ"

ก็แค่แข่งกิน มันจะไปยากอะไร

เสือร้ายคิดขำๆ กลืนเนื้อชิ้นสุดท้ายลงคอและหยิบผักสีเขียวอันแรกขึ้นมาพยายามจะใส่ปาก

ใช่.. พยายามจะใส่ปาก

"โอ้!!! มาแล้วขอรับ หมีขาว หมีขาวกินไปครึ่งโต๊ะแล้วขอรับ ผักหมดแล้วเนื้อหมดแล้วเหลือขนม สุดยอดจริงๆ ขอรับสมกับเป็นแชมป์ปีที่แล้ว"

ได้ยินแบบนั้นเลือดในกายเสือร้ายเดือดพล่าน

รีบหยิบผักที่ทุกอย่างยัดใส่ปากตัวเองแล้วกลืนด้วยสีหน้าผะอืดผะอมเพราะเหม็นเขียวจนแทบอ้วก สิ่งที่เวสเปอร์น่าจะลืมไปคือโลกัสนั้นเป็นเสือไม่ใช่กระต่ายหรือสัตว์ที่ชอบกินผัก

"ข้าเป็นเสือนะ ไม่ใช่เป็นกวางแบบเจ้า"

โลกัสบ่นงึมงำเศร้าโศก เมื่อมีจานผักจานใหม่มาเสิร์ฟและตัวเองต้องยัดใส่ปากทั้งๆ ที่รู้สึกขมจนลิ้นชาไปแล้ว นัยน์ตาสัตว์ร้ายเงยขึ้นไปหากวางหนุ่ม ก็พบว่ากวางหนุ่มนั้นมองหมีขาวที่นั่งข้างตัวเองสวาปามผักด้วยสีหน้าเอร็ดอร่อยอยู่

เหมือนจะรู้ตัว หมีขาวเหลือบมองแมวน้อยและกระตุกยิ้มใส่ด้วยสีหน้าเหนือกว่าก่อนที่จะโยนผักอีกชุดใหญ่ๆ เคี้ยวๆ กลืนลงไปอย่างง่ายดาย
"ไอ้หมีบัดซบ อย่าคิดว่าข้าไม่กินเนื้อหมีและจะฆ่าหมีไม่ได้" โลกัสคำรามฮื่อหยิบอาหารจานนึงและใช้ช้อนจ้วงใส่ปากโดยไม่คิดเพราะเกลียดความรู้สึกพ่ายแพ้

บัดซบ!!!

เสือร้ายเบิกตากว้างน้ำตาไหลไม่หยุด คว้าน้ำมาดื่มอักๆ แลบลิ้นที่กลายเป็นสีแดงก่ำหอบแฮ่ก 

 "โอ้ๆ แมวน้อย แมวน้อยแพ้ของเผ็ดขอรับ ขอน้ำเปล่าให้แมวน้อยด้วยขอรับ เดี๋ยวมัวแต่เผ็ดจะกินไม่ทัน โอ๊ะ อย่ากินเยอะไปนะขอรับเดี๋ยวจะจุกน้ำจนกินต่อไม่ได้ ฮ่าๆ"

หากเป็นสมัยตอนที่โลกัสยังคงเป็นนักฆ่าคงไม่วายปล่อยให้พิธีกรปากเสียคนนี้มีโอกาสพูดต่อแม้อีกสักคำ แต่เพราะโลกัสเปลี่ยนไปจึงไม่ได้ทำอะไรนอกจากกัดฟันกรอดแล้วยัดกินอาหารที่เหลือต่อ

ใบหน้าหล่อเหลาที่ภายใต้หน้ากากเสือบิดเบี้ยวด้วยความผิดอย่างน่าสงสาร เหงื่อของโลกัสท่วมตัวทั้งๆ ที่ไม่มีแดดสักนิด 

องค์ชายขมวดคิ้วมองด้วยความเป็นห่วง ร่างเสือร้ายที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินอาหารอยู่ตรงนั้นเหมือนจะพยายามฆ่าอาหารด้วยการยัดใส่ปากตัวเองมากกว่า ดูไม่ต่างจากเสือหิวโหยเท่าไรนัก

"อ้ะมาแล้วขอรับ นักกินแห่งเวหา หมดไปสิบจานแล้วขอรับ ยังเหลืออีกมากกว่าจะตามแมวน้อยกับหมีขาวของเราทัน"

"อีกจานไหมขอรับ อีกจาน ว้าาา ไม่ไหวแล้วเหรอขอรับ จะพักหรือขอรับ พักไม่ได้ขอรับ ถ้าพักก็ต้องแพ้เลยขอรับ"

พิธีกรร่างท้วมบรรยายอย่างสนุกสนาน รู้สึกมีความสุขมากเมื่อเห็นผู้เข้าแข่งขันสามคนนอนอืดอยู่บนพื้น สีหน้าล่องลอยเหมือนเมาอาหารและทำท่าเหมือนจะอ้วกออกมา

"เหลือแค่สองคนขอรับ กับชุดอาหารชุดสุดท้ายของเรา!"

การแข่งขันนั้นกินเวลาเกือบชั่วโมง โดยอาหารจะถูกจัดเป็นชุดๆ ประมาณห้าชุดใหญ่ๆ เต็มโต๊ะ ตลอดเวลาที่แข่งนั้นมีกติกาคือห้ามหยุดกินซึ่งก็มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่ยังกินไม่หยุด

ก็แค่กิน...

เสือร้ายพยายามคิดแบบนั้นทั้งๆ ที่กำลังลูบท้องที่ควรจะเป็นก้อนแต่ตอนนี้กลายเป็นเนื้อนิ่มๆ ที่มีอาหารครบห้าหมู่อัดแน่นอยู่เต็มไปหมดและมีทีท่าว่าจะต้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

มือหยาบจับช้อนสั่นๆ ไปจ้วงไก่ผัดผริกล้วนเข้าปาก

ตอนนี้ลิ้นของโลกัสนั้นชาด้านไปแล้วแทบไม่รู้สึกอะไร เสือร้ายพยายามจะกินต่อแม้ว่าจะรู้สึกจุกจนแทบอ้วก แต่ในเมื่อไอ้หมีขาวข้างๆ มันยังกินไม่หยุดและแอบส่งสายตาให้องค์ชายที่มายืนเกาะขอบเวทีให้กำลังใจโลกัสอย่างใกล้ชิด

นี่ขนาดใส่เสื้อคลุม เจ้ายังล่อหมีนรกให้ติดเจ้าได้?

ยิ่งคิดโลกัสยิ่งหงุดหงิด ทำให้กินไวมากกว่าเดิม

หมีขาวลอบสะดุ้งเฮือกในใจเมื่อเห็นแมวน้อยที่กินเกินคำว่าน้อยไปมาก กินไวมากกว่าเดิม ตอนนี้มันก็รู้สึกอิ่มจนแทบบ้าแล้วแต่ศักดิ์ศรีที่มีค้ำคอทำให้มันยังไม่หยุดกิน

เมื่อไหร่ไอ้เวรข้างๆ มันจะเลิกกินสักที!

ทั้งหมีขาวและแมวน้อยคิดตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ของรางวัลนั้นเทียบไม่ได้เลยกับศักดิ์ศรี การเป็นผู้ชนะนั้นย่อมให้ความรู้สึกที่ดีมากกว่าอยู่แล้ว

"การแข่งขันช่างดุเดือดจริงๆ ขอรับ หมีขาวปีที่แล้วนี้ข้าจำได้ว่ากินหมดชุดที่แล้วก็ชนะแล้วขอรับ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้คงจะไม่ชนะง่ายๆ แล้วสิ เพราะแมวน้อยผู้เป็นม้ามืดของรับครับ!"

เฮฮฮ

ถ้าหากรู้ว่าข้าคือใคร คนพวกนี้คงไม่เฮให้ข้าแบบนี้อย่างแน่นอน

โลกัสเหยียดยิ้มจางเมื่อไอ้หมีข้างๆ กระแทกช้อนบนจานและทิ้งตัวนอนบนพื้น หน้าซีดเซียวเหมือนหมีใกล้ตาย

"ท่านหมีขาวท่านยอมแพ้แล้วขอรับ หรือว่าปีนี้ชัยชนะจะเป็นของแมวน้อยกัน นับถอยหลังนะขอรับ ท่านหมีขาวท่านยังกลับมารักษาตำแหน่งท่านได้ทันนะขอรับ!"

พิธีกรร่างท้วมพยายามเรียกให้หมีขาวที่นอนแอ่กอยู่บนพื้นให้กลับมาแข่งแต่จนแล้วจนรอดหมีขาวก็ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิมนิ่งๆ 

"อ่า งั้นผู้ชนะปีนี้ก็... เป็นของแมวน้อยขอรับ!!"

เฮฮฮฮ

โลกัสหน้าหงิกรู้สึกเกลียดฉายาถึงขีดสุดแต่ก็พยายามตีสีหน้านิ่งสงบขึ้นไปรับเข็มกลัดกินฟรีตลอดปีที่เป็นรูปนกพิราบคาบน่องไก่ทำจากทองคำแท้ส่องแสงแวววาว

"รู้สึกยังไงบ้างขอรับที่ได้ตำแหน่งแมวน้อยกินเก่งขอรับ?"

แมวน้อยกินเก่งบ้านเจ้าสิ!!!

อดีตนักฆ่าอยากเถียงใจจะขาดแต่เห็นสีหน้าดีอกดีใจขององค์ชายก็พูดไม่ออก "… ดีใจ"

"แล้วปีหน้าจะมาอีกไหมขอรับ"

"ไม่"

แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วกันเทศกาลนรกแตกนี่

เสือร้ายคิดอย่างหงุดหงิดแล้วเดินดุ่มๆ ออกไปหาองค์ชายไม่รอโดนถามคำถามอะไรอีกเพราะความรำคาญ ทิ้งให้ชายพิธีกรยืนเหวออยู่ที่เดิม

"ทีนี้เจ้ากับข้าก็ประหยัดค่าอาหารไปได้เยอะเลย" องค์ชายยิ้มขณะที่สำรวจเข็มกลัด

"รีบกลับบ้านเถอะ ข้ารู้สึกเหมือนท้องข้าจะแตกแล้ว" 

ได้ยินดังนั้นองค์ชายก็ก้มมองท้องเจ้าของฉายาแมวน้อยแล้วหลุดหัวเราะออกมาไม่หยุด ท้องของเจ้าเสือยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด

"น่าขำตรงไหนกัน" โลกัสขู่แง่งเซ็งๆ และมองท้องตัวเองด้วยความเจ็บปวด คงต้องใช้เวลาหลายพอสมควรในการย่อยอาหารพวกนี้ให้หมด

"เปล่า" องค์ชายไหวไหลแล้วยิ้มจนตาหยี "กลับก็กลับ แต่ข้าขอแวะไปกินสักร้านสองร้านก่อนกลับนะ" พูดไม่พอยึดเข็มกลัดไปไว้กับตัวเองและสาวเท้าเดินนำไปก่อนเพื่อไปยังร้านอาหารราคาแพงที่หมายตาไว้ตั้งแต่ตอนมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ

หากโลกัสอยู่ในร่างเสือคงไม่วายหูลู่หางตก รีบสาวเท้าตามไปและรวบมือองค์ชายมาจับ

เวสเปอร์เหลือบมองแล้วยิ้มจางๆ ไม่พูดอะไรเดินต่อ

นั่นยิ่งทำให้เสือร้ายได้ใจรวบมือขึ้นมาจูบ

องค์ชายสะดุ้งเฮือกกับสัมผัสอุ่นร้อนตรงฝ่ามือ "นี่เจ้า.." ขมวดคิ้วมองเสือร้ายอย่างตำหนิพลางมองรอบกายที่ผู้คนบางอย่างยังให้ความสนใจ แมวน้อย ผู้ชนะการแข่งขันเทศกาลการกินของปีนี้

เสียงซุบซิบดังแว่วรอบตัวถึงความสัมพันธ์ของแมวน้อยกับบุคคลที่เสื้อเสื้อคลุมสีดำทั้งตัว

"จะสนใจทำไม"

โลกัสถามเสียงนุ่ม

"สนใจแค่ข้าก็พอแล้ว"

ไม่ว่าเปล่ารวบตัวองค์ชายมาใกล้แล้วโอบเอวเดินต่อไปข้างหน้าซึ่งครั้งนี้องค์ชายก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ทำให้เสือร้ายพอใจมากขึ้นไปอีกโน้มหน้าลงไปจูบแต่ก็ถูกองค์ชายดันหน้าออกซะก่อน

"จะมากเกินไปแล้ว เจ้าเสือ"

องค์ชายแยกเขี้ยวขู่ซึ่งเหมือนเดิม ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว

โลกัสหัวเราะรับ

เวสเปอร์ทำท่าจะพูดอะไรต่อแต่ก็หยุดชะงักแล้วเบิกตากว้าง

"จริงสิ! ปีหน้าเจ้าลงแข่งอีกนะ โฮมส์บอกว่าจะมีรางวัลที่ใหญ่กว่านี้อีก" 

"…"

"รู้สึกจะเป็นบ้านหรืออะไรสักอย่าง แต่ข้ารู้สึกว่ามันน่าจะดีมากๆ ปีหน้าเจ้าต้องลงอีกนะ โลกัส"

ประโยคมากมายขององค์ชายผ่านเข้าหูโลกัสแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะฟังนักเพราะความห่อเหี่ยวที่ได้รับ

"..อืม"

แมวน้อยรับคำด้วยความรู้สึกข่มขื่น

นี่ข้าต้องไปแข่งกินกับหมีนรกนั้นด้วยฉายาแมวน้อยเหรอ?

--------
ตอนนี้แต่งฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีนิยายเรื่องนี้ 55555
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ  :กอด1:

แล้วก็แจ้งข่าวดี เรื่องนี้ได้รวมเล่มค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เทศกาลแข่งกิน + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 09-12-2016 23:20:13
เจ้าแมวน้อยกินเก่ง 555555
สงสารรร อยู่ในโอวาทของเจ้าชายมากกกก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เทศกาลแข่งกิน + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 10-12-2016 01:43:27
 :m20: สงสารโลกัสจัง แค่ตั้งชื่อให้ก้อเสียเซลฟ์แล้วน่ะ เวสเปอร์เธอช่างใจร้ายกับพี่เสือเหลือเกิน แล้วยังจะเตรียมให้ลงแข่งปีหน้าอีก ไม่เห็นใจกันเลยน้า  :mew4: รอรวมเล่มเลยจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เทศกาลแข่งกิน + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 13-12-2016 10:22:08
โอ้ยยยยเจ้าเสือ น่ารักอะไรเบอร์นั้น
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เทศกาลแข่งกิน + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-12-2016 13:17:33
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เทศกาลแข่งกิน + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 13-12-2016 21:56:12
สงสารเจ้าแมว :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เทศกาลแข่งกิน + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 14-12-2016 23:16:08
 :m20: แมวน้อยซาบซึ้งกบฉายาน้ำตาจิไหล
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เทศกาลแข่งกิน + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: it.the.world ที่ 14-12-2016 23:40:04
จุกแทนเจ้าแมวน้อย...เอ้ย เจ้าเสือ 555555 :laugh:  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน :: ฉาว! ภาพหลุดจับมือกวางระเริงเพลงกับหนุ่มปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 31-12-2016 23:30:59
### หนังสือพิมพ์ประจำเมืองเวลล์ ###

(http://upic.me/i/qm/rk1sf.jpg) (http://upic.me/show/60059196)


เจ้าของภาพ : โฮมส์ไม่ใช่โฮมมี่

ทำเอาแฟนคลับใจสลาย เมื่อมีภาพหลุดจับมือของกวางระเริงเพลงคนดังของเมืองออกมา!
เจ้าตัวลั่นแค่พี่ชายวอนอย่าแชร์เยอะเพราะจะทำให้เจ้าตัวเสียหายและคนมาที่ร้านน้อยลง
จริงเท็จยังไง ต้องไปถามเจ้าตัวกันเลยยยยยยยย

     
ผู้สัมภาษณ์ : โฮมส์ไม่ใช่โฮมมี่

ผู้ถูกสัมภาษณ์ : กวางระเริงเพลง


H : คนที่จับมือนี่ใช่ตัวจริงรึเปล่าขอรับ?

W : ..... ตัวจริงอะไร

H : ตัวจริงก็แฟนไงขอรับ นี่แฟนท่านใช่ไหม ที่เป็นชายร่างใหญ่ที่ชอบนั่งขู่แง่งๆ อยู่หลังห้องเหมือนเสือ

W : เขาเป็นพี่ชายข้า ว่าแต่เจ้าไปเอารูปมาจากไหน?

H : ความลับของทางสนพ. ขอรับ บอกไม่ได้ จริงสิ ท่านโกหกนี่นา พี่ชายอะไรจับมือแน่นขนาดนั้น

W : ถ้าเจ้าจะมาขัดเวลาพักผ่อนข้าเพราะถามเรื่องแค่นี้เจ้าก็กลับไปนอนเถอะ

H : อา คนรักสินะ น่าเศร้าๆ

W : ............. ข้าขอตัว


-----------

ตอนแรกว่าจะแจ้งข่าวแบบปกติ แต่เห็นปีใหม่ทั้งทีเลย 5555555555

ขอให้ทุกคนมีความสุขกับปี 2017 มากๆ นะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน :: ฉาว! ภาพหลุดจับมือกวางระเริงเพลงกับหนุ่มปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-01-2017 11:38:21
 :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน :: ฉาว! ภาพหลุดจับมือกวางระเริงเพลงกับหนุ่มปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: mamarin_smile ที่ 02-01-2017 12:06:51
ชอบๆ โลกัสของน้อง :z1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน :: ฉาว! ภาพหลุดจับมือกวางระเริงเพลงกับหนุ่มปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-01-2017 08:36:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน :: ฉาว! ภาพหลุดจับมือกวางระเริงเพลงกับหนุ่มปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 03-01-2017 11:54:44
โถถถถ พ่อแมวน้อย
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน :: ฉาว! ภาพหลุดจับมือกวางระเริงเพลงกับหนุ่มปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 04-01-2017 12:33:23
คิดถึงพ่อเสือกับกวางน้อย
น่ารักทั้งคู่เหมือนเดิม
อ๊ะ ตอนนี้เป็นเสือถอดเขี้ยวเต็มตัวแล้วนิ
อยากอ่านตอนพิเศษเพิ่มอีกจัง
สวัสดีปีใหม่นะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน :: ฉาว! ภาพหลุดจับมือกวางระเริงเพลงกับหนุ่มปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 04-01-2017 23:48:05
น่าสงสารโลกัสนะ 555
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน :: ฉาว! ภาพหลุดจับมือกวางระเริงเพลงกับหนุ่มปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: 7lenzjibi ที่ 05-01-2017 00:44:23
เมื่อกี้แอบเห็นรูปสปอยปกจากนักวาดคนหนึ่ง  :katai5:
ถึงกับย้อนกลับมาดูรูปสปอยในกระทู้เทียบเลย เฮ้ย มันใช่
หนูเวสเปอร์น่ารักม๊วกกก
รออุดหนุนรูปเล่มอยู่นะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน :: ฉาว! ภาพหลุดจับมือกวางระเริงเพลงกับหนุ่มปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 06-01-2017 09:33:56
เสือน่ารักกกกก  แรกๆๆก็เป็ฯนักฆ่าน่าเกรงขาม หลังๆๆนี้เป็นแมวน้อยขององค์ชาย น่ารักกกกกก :-[ :-[ :-[

เนื้อเรื่องสนุกดี ปกติไม่ค่อยได้อ่านเรื่ืองแฟนตาซีนะ 
ตอนอ่านแรกๆๆ สงสารองค์ชายมาก แต่พอองค์ชายได้เจอเจ้าแมวกับเจ้าเสือแล้ว มันดีต่อใจจริงๆๆๆๆๆๆๆ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน :: ฉาว! ภาพหลุดจับมือกวางระเริงเพลงกับหนุ่มปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 07-01-2017 16:22:11
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน :: ฉาว! ภาพหลุดจับมือกวางระเริงเพลงกับหนุ่มปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 07-01-2017 17:20:38
 :z1: กำลังจะออกหนังสือใช่ไหม  :mew1:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน :: ฉาว! ภาพหลุดจับมือกวางระเริงเพลงกับหนุ่มปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: ✥Gryffindor✥ ที่ 23-01-2017 21:50:46
เห็นปกแล้วววว น่ายักกกก
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน : แจ้งข่าว <3
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 02-02-2017 18:38:29
(http://upic.me/i/99/16387303_605025253024538_5864539307129140833_n.jpg) (http://upic.me/show/60252061)


รายละเอียด VV

https://www.facebook.com/YholicBooks/photos/a.605025269691203.1073741828.385300378330361/605025253024538/?type=3&theater


กลับมาแล่ว พร้อมกับข่าวดี้ดี 5555  เจ้าเสือเปิดจองแล้วนะคะ ของแถมมากมายตามภาพซึ่งเราจะไม่พูดถึง

เราจะพูดถึงตอนพิเศษที่มีในเล่มค่ะ มีด้วยกันสี่ตอน ตอนนึงเคลียร์ปม อีกสามตอนนี่โคตรน่ารัก

แบบหาอ่านในเรื่องไม่ได้เลยเอาซะตอนกอดนี่ชิดซ้ายตอนจูบนี่ชิดขวา

เราจะสปอยตอนพิเศษแค่หนึ่งเรื่องคือมีตอนสอนเสือเป่าขลุ่ยด้วยส่วนอีกสองตอนไปลุ้นกันเอาเองค่ะ <3

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเสมอนะคะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน : แจ้งข่าว <3
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 03-02-2017 18:40:20
เวสเปอร์น่ารักมากกกกกก

โลกัสก็เท๊เท่ห์

ฟินด์ก็ขี้อ้อน น่ารักกก

ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆค่ะ สนุกดี
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ถ้าอยู่ในโลกปัจจุบัน
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 13-03-2017 21:44:32
ตอนพิเศษ : โลกปัจจุบัน

ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จักนามสกุล 'อังศุชวาล' ตระกูลของเจ้าสัวใหญ่สัญชาติจีน-เยอรมัน ซึ่งในมือถือครองธุรกิจอหังสาริมทรัพย์แทบทุกประเภท ตั้งแต่หมู่บ้านจัดสรรจนถึงคอนโดในย่านดังของกรุงเทพ ทำให้มีฐานะติดอันดับต้นๆ ของคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย

หากแต่ความร่ำรวยของเจ้าสัวก็ไม่มีได้มีที่มาเป็นสีขาวเสมอไป เบื้องหลังเงินทองที่มากมายนั้นถูกแลกด้วยเลือดจำนวนไม่น้อยเช่นกัน มีผู้คนมากมายที่พยายามขัดขืนไม่ขายที่ให้เจ้าสัวแต่สุดท้ายก็ยอมขายด้วยร่างไร้วิญญาณ ความจริงเรื่องนี้ใช่ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะไม่รู้เพียงแต่ไม่กล้าปริปากพูดอะไรเท่านั้น

แต่ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่สามารถใช้เป็นข่าวซุบซิบวงในได้สนุกปาก เจ้าสัวพยายามอย่างยิ่งทั้งยัดเงินทั้งอะไรแต่ก็ไม่ได้ผล จึงได้แต่พยายามกลบข่าวด้วยข่าวอื่นที่ใหญ่กว่าเมื่อมีคนปูดเรื่องนั้นขึ้นมา

เรื่องที่ว่าลูกชายคนโตของเจ้าสัวอังศุชวาลเป็นออทิสติก! 

ทุกงานแถลงข่าวหรืองานเลี้ยงเจ้าสัวจะไม่พูดถึงลูกชายคนโตของตัวเองราวกับไม่มีตัวตนอยู่ แต่พูดถึงลูกชายคนรองของตัวเองแทน ลูกชายที่เพียบพร้อมไปทั้งรูปลักษณ์และสติปัญญาอีกทั้งยังจบเจ้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เจ้าสัวภูมิใจกับลูกชายคนนี้มากและมักเปรยต่อหน้าสื่อบ่อยๆ ว่าจะให้รับช่วงกิจการต่อ ส่วนลูกชายคนเล็กนั้นยังคงเรียนอยู่ในระดับมัธยมปลาย

น่าเสียดายที่พวกนักข่าวไม่ได้ชอบข่าวธรรมดาแต่ชอบข่าวคาวซะมากกว่า ต่อให้เงินจำนวนมากมายเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหยุดความสอดรู้ของพวกเขาได้ มีหลายครั้งที่นักข่าวพยายามตะล่อมขอเข้าไปถ่ายทำรายการชีวิตเจ้าสัวข้างในบ้านที่ใหญ่ราวกับคฤหาสน์แต่หารู้ไม่จุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาคือตัวลูกชายคนโตต่างหาก!

มีครั้งหนึ่งที่มีแม่บ้านลาออกจากบ้านเจ้าสัวมาขายข่าวให้กับนักข่าวทำให้พวกนักข่าวตื่นเต้นกันมาก เพราะแม่บ้านเล่าว่าลูกชายคนโตของเจ้าสัวนั้นถูกขังเอาไว้ในบ้านหลังเล็กซึ่งในบ้านหลังนั้นก็มีแค่เปียโนหลังหนึ่งกับตู้หนังสือเท่านั้นไม่มีอะไรอีก แต่ทันทีที่พวกเขากำลังจะปล่อยข่าวนี้ลงอินเทอร์เน็ตกลับถูกสายลึกลับโทรมาขู่ฆ่าซะก่อน แน่นอนว่าแม่บ้านคนนั้นก็หายไปอย่างลึกลับเช่นกัน

แต่นั้นก็ยิ่งทำให้พวกเขาอยากรู้จนตัวสั่นแต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น หากมากกว่านี้ก็คงจะอันตรายต่อชีวิตจนเกินไป เช้าวันต่อมาเจ้าสัวออกมาแนะนำลูกชายที่เคยบอกว่าเป็นคนรองของตัวเองว่าเป็นลูกชายคนโตและพร้อมจะรับตำแหน่งเจ้าสัวคนต่อไป

ทำให้เรื่องราวของลูกชายคนโตของอังศุชวาลค่อยๆ จางหายไปจากตระกูลอังศุชวาล
 
 


"งานนี้ขอให้เร่งมือหน่อย ถ้าไอ้เสี่ยอ้วนมันขัดขืนก็ฆ่าทิ้งไปได้เลย ส่วนเรื่องเงินเจ้าสัวบอกแล้วแต่มึงจะเรียก" ชายร่างท้วมซึ่งมีฐานะเป็นพวกซักล้างของเจ้าสัวพูดกับชายร่างใหญ่ที่อยู่ในชุดคลุมดำทั้งตัว ถึงแม้จะเคยคุยกันมาสองสามครั้งแต่สิ่งที่ชายร่างท้วมเคยเห็นมีเพียงนัยน์ตาสีดำอำมหิตราวกับนักล่าเท่านั้น 

ซึ่งมันก็สมกับฉายาพยัคฆ์ดำ นักฆ่าที่ลงมือฆ่าได้รวดเร็วและฉับไว ไร้ความลังเลใดๆ คล้ายกับว่าในจิตใจของมันไม่เคยมีความเมตตา 

สิ่งที่ชายร่างท้วมพอรู้นั้นมีเพียงชื่อกับข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ทำให้ทุกครั้งที่เจอกันชายร่างท้วมมักจะลอบใช้ดวงตาเล็กๆ ราวกับเม็ดถั่วของตัวเองสำรวจร่างของโลกันต์ มือปืนชื่อดังในธุรกิจมืดที่เก่งเรื่องพรางตัวและลงมือฉับไว เพราะความเก่งกาจทำให้มันไม่จำเป็นต้องอยู่ในสังกัดใคร ใครที่ให้เงินมากที่สุดมันก็จะรับงานนั้น

"ล้านนึง บัญชีเดิม" เจ้าของฉายาพยัคฆ์ตอบเสียงราบเรียบและสาวเท้าออกทันที ราวกับว่าการหายใจร่วมกับคนเป็นนั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับมัน

"แม่งแค่ฆ่าคนเดียวได้ตั้งล้านนึงเลยเหรอวะ" คนพวกซักล้างบ่นอย่างไม่พอใจนักกึ่งอิจฉา   

ปัง!

ชายร่างท้วมสะดุ้งเฮือกตัวสั่นเทาเมื่อข้างๆ เท้าตัวเองเป็นรอยกระสุน พอเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นนัยน์ตาสีดำนั่นวาวโรจน์ โดยไม่รู้ตัวแข้งข้านั้นอ่อนยวบจนทรุดไปกองบนพื้นด้วยความหวาดกลัว

ถ้าหากเปรียบโลกันต์เป็นพยัคฆ์ มนุษย์ทุกคนที่ยืนตรงหน้ามันคงไม่ต่างอะไรจากกวางที่มันสามารถขย้ำให้ตายในครั้งเดียว!

เสือร้ายที่เพิ่งทำคนกลัวจนเข่าอ่อนถอนหายใจไม่สบอารมณ์นัก เพราะตอนนี้มันกำลังเดินอยู่ในสวนของตระกูลอังศุชวาลที่ยุงเยอะเป็นบ้าและตอนนี้ก็ใกล้จะเช้าแล้วมันยังไม่ได้นอนเลยสักชั่วโมง มันเดินไปเรื่อยๆ อย่างหงุดหงิดเพื่อหาแมวที่ตัวเองเอามาด้วย ไม่รู้ว่าแมวบ้านั่นมันคลั่งอะไรถึงวิ่งตามอะไรสักอย่างไปตอนที่มันกำลังจะรับงานจากไอ้อ้วนนั่น

เพราะเจ้าแมวนั่นชอบเดินเล่นออกจากห้องพักแล้วโดนหมาฟัดกลับบ้านมาเกือบตายบ่อยๆ มันเลยไม่ไว้ใจให้แมวตัวนี้อยู่บ้านคนเดียว มักจะพาติดตัวไปทำงานด้วยเรื่อยๆ โดยจะยัดไว้ในรถตู้หรือตู้สักตู้ที่พอจะหาได้แถวนั้น ดีที่มันพอรู้งาน ไม่ร้องแหกปากโวยวายเวลาโดนขัง ทำเพียงแค่นอนรอเงียบๆ เท่านั้น

เมี้ยว~~

นัยน์ตาดุร้ายวาววับ ไอ้แมวเวรนั่น! โลกันต์สาวเท้าเร็วๆ ไปทางต้นเสียงที่เป็นป่ารกครึ้มทันทีเพราะอยากกลับบ้านไปนอนเต็มทน หากแต่เมื่อกำลังจะตะคอกด่า คำพูดทุกคนกลับจุกอยู่ที่ลำคอเพราะภาพตรงหน้า

ชายร่างโปร่งซึ่งมีผมสีขาวโพลนระต้นคอนัยน์ตาสีทองกำลังเล่นกับแมวบัดซบของมันด้วยรอยยิ้มกว้างและส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ

กร็อบ

บัดซบ มันเผลอเหยียบใบไม้!

แน่นอนว่าคนที่ถูกลอบมองอยู่ก็รู้ตัวเงยหน้าขึ้นมามองทันที ยิ่งพอเห็นว่าเป็นคนแปลกหน้าใบหน้านั่นก็ซีดลงถนัดตาและลนลานจนทำอะไรไม่ถูกจึงตัดสินใจนั่งอยู่ที่เดิมยกมือสองข้างขึ้นมาบังตัวเองตัวสั่นเทา

"ขะ.. ขอ ขอโทษ ฮึก ไม่ ไม่ เล่นแล้ว"

เสียงทุ้มนุ่มดังแว่วออกจากริมฝีปากบางเฉียบ

แง้ว

เจ้าแมวเหลือบมองเจ้านายตัวเองแล้วขู่ฟ่อใส่ ข้อหาทำให้คนที่มันถูกใจร้องไห้

"แมวเวร เลี้ยงเสียข้าวสุก" โลกันต์สบถใส่แมวเนรคุณของตัวเองอย่างไม่จริงจังนักแต่ก็สาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างเล็กที่ถอยหนีชนหลังติดกำแพงด้วยความหวาดกลัว

นัยน์ตาสีทองที่ได้จากทวดน้ำตาคลอเบ้านิดๆ เมื่อรู้สึกว่าตนเองจนมุม มือสองข้างเปลี่ยนเป็นไหว้ขอขมาด้วยความเคยชิน "ฮึก ขะ ขอโทษ ไม่ ไม่ทำแล้ว เวส เวส ขอโทษ"

ร่างสูงถอนหายใจแล้วนั่งยองๆ ตรงหน้าคนที่กลัวจนตัวสั่นไม่หยุด

"ร้องไห้ทำไม"

"ฮึก เล่น เล่นแมว แมวใครไม่รู้"

โลกันต์สบมองแมวตัวเองที่ตอนนี้ยืนขวางเวสราวกับกำลังปกป้อง ทั้งๆ ที่ตัวเองนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายกลัวจนตัวสั่น

"ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย" มือหยาบที่จับแต่กระบอกปืนและมีดสัมผัสกับกลุ่มผมนุ่มเบาๆ ราวกับกำลังจะปลอบประโลมเท่าที่เสือดุร้ายตัวนึงจะทำได้

แน่นอนว่าพยัคฆ์ดำก็เคยได้ยินเรื่องราวของลูกชายตระกูลอังศุชวาลมาบ้าง ความรู้สึกแรกที่รู้ไม่มีความเห็นใจแทรกอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว หากแต่เมื่อเห็นอยู่ตรงหน้าตัวเองกลับปล่อยผ่านไม่ได้เพราะร่างตรงหน้านั้นอ่อนแอราวกับกำลังจะแตกสลายได้ตลอดเวลา

“ฮึก ขอโทษ” ร่างเล็กยังคงสะอื้นแม้ว่าจะเลิกตัวสั่นแล้วก็ตาม น่าแปลกที่มืออุ่นๆ นั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดและมันเป็นความรู้สึกที่เวสต้องการมาตลอด จึงเผลอจับมือนั้นไว้แน่นกลัวว่ามันจะหายไป

“เป็นอะไร หืม?” ใบหน้าคมคายที่ซ่อนใต้ผ้าคลุมยิ้มมุมปากแกล้งชักมือออกซึ่งก็ถูกดึงไว้แน่นไม่ไปไหน

แง้ว!

“หุบปากน่า ฟินด์” โลกันต์มองแมวตัวเองหน่ายๆ แล้วสบมองลูกชายคนโตของอังศุชวาลที่กำลังมองตัวเองไม่วางตา

“แผลบน บนหน้า.. เจ็บไหม” 

นานแล้วสินะที่ไม่มีใครถามแบบนี้

พยัคฆ์ดำยิ้มเอ็นดูแล้วส่ายหัว "มดกัด" ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วตอนได้แผลนี้มาเจ็บจนแทบเสียสติ "แล้วเวสล่ะ ทำไมยังไม่นอน นี่มันจะเช้าแล้ว"

พอโดนเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงใจดี เวสก็ยิ้มกว้างเพราะแทบไม่มีใครเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้แล้ว พวกแม่บ้านอย่างมากก็มาทำความสะอาดให้พอเสร็จแล้วก็ไป ส่วนอาหารจะถูกวางบนโต๊ะอาหารทุกเช้าและเย็น คนตัวเล็กกินข้าวแค่สองมื้อเพราะวันๆ ใช้ชีวิตหมกมุ่นอยู่กับสิ่งๆ หนึ่งจนลืมหิวไปเลย

"เล่น เล่นเปียโนน่ะ" เวสพูดเสียงกระตือรือร้น "อยาก อยากฟังไหม เวสจะเล่นให้.. ฟัง"

ร่างสูงตอนนี้เริ่มไม่รู้สึกอยากนอนเท่าไหร่ "อยากสิ" น่าแปลกที่อยู่ๆ ก็ถูกชะตากับลูกชายคนโตคนนี้ของเจ้าสัวอย่างน่าประหลาด ทั้งๆ ที่ปกติเขามักจะสนใจผู้หญิงแท้ๆ

เวสดึงมือเจ้าของฉายาพยัคฆ์ดำไปยืนข้างๆ ส่วนตัวเองก็ไปนั่งที่ประจำตัวตั้งแต่จำความได้ 

"เวส เวสจะเล่นแล้วนะ ตะ ตั้งใจฟังดีๆ ล่ะ" ร่างโปร่งเปรยก่อนที่จะหลับตาและเล่นเพลงตามความรู้สึกของตัวเองทันที นิ้วเล็กกดตามตัวโน๊ตที่ปรากฎขึ้นในสมองอย่างชำนาญจนเกิดเป็นเพลงไพเราะออกมา ทั้งๆ ที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูด้วยซ้ำแต่เวสก็ไม่ได้กดโน๊ตผิดแม้แต่ตัวเดียว จะเรียกคำว่าชำนาญก็คงไม่ถูกนักต้องเรียกว่าสัญชาตญาณซะมากกว่า

เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ยอมอยู่กับเวสมาตลอดโดยไม่อิดออด

คนเป็นมือปืนเบิกตากว้างมองคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นออทิสติกอึ้งๆ

ทั้งๆ ที่มันไม่ค่อยได้ฟังเพลงหรือสนใจอะไรพวกนี้เท่าไหร่แต่กลับรู้สึกขนลุกกับการเล่นเพลงของเวส ทั้งการกดอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้มองและเสียงเพลงที่ทั้งทรงพลังและแฝงความถ่อมตัวของคนเล่น

ไม่น่าเชื่อคนที่น่าจะกลายเป็นขุมทรัพย์ของนักดนตรีกลับถูกตรวนโซ่ไว้ให้อยู่ในกรงแบบนี้ ทั้งๆ ที่มีความสามารถกลับถูกกับแค่คำว่าออทิสติกตรึงไว้ให้จมปลักอยู่ที่เดิม

นัยน์ตามาดร้ายของโลกันต์ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น มองเวสราวกับสมบัติล้ำค่า

"ฉันจะพานายออกไปจากกรงนี่เอง"

หากแต่มันก็ไม่ได้เข้าสู่โสตประสาทของคนที่จมไปในโลกดนตรีแล้วแต่อย่างใด

โลกันต์จึงเลือกที่จะมองเงียบๆ โดยมีแมวตัวหนึ่งนั่งเลียขนอยู่ข้างๆ

เฝ้ารอเพื่อที่จะปลดปล่อยจากโซ่ตรวนที่มีชื่อว่าตระกูลอังศุชวาลตระกูลที่รุ่งเรื่องไปด้วยรัศมีโชติช่วง

--------------
ตอนแรกคิดพลอตเล่นๆ ตอนเช้าว่า เวสเปอร์คงจะเป็นคุณชาย ส่วนเจ้าเสือคงจะเป็นมือปืน
คิดไปคิดมาเขียนเฉยเลย  o22

ปล. ตอนนี้เจ้าเสือใกล้ปิดจองแล้วน้า  :o8: ใครอยากอ่านตอนพิเศษ 3 ตอนกดเบย

https://www.facebook.com/YholicBooks/photos/a.605025269691203.1073741828.385300378330361/605025253024538/?type=3&theater
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ถ้าอยู่ในโลกปัจจุบัน
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 14-03-2017 13:16:49
ยุคปัจจุบันก็ยังเท่นะโลกัส  เอ้ย โลกันต์
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ถ้าอยู่ในโลกปัจจุบัน
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-03-2017 13:45:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ถ้าอยู่ในโลกปัจจุบัน
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 15-03-2017 16:42:21
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-03-2017 17:17:19
ตอนพิเศษ : พิสูจน์ตัวเอง

โครม!!!

เก้าอี้รับแขกถูกเจ้าสัวถีบจนล้มด้วยความโมโห

มีอยู่ไม่กี่สิ่งที่ทำให้เจ้าสัวโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ซึ่งลูกชายคนโตของตระกูลอังศุชวาลก็คือหนึ่งในนั้น ทันทีที่ท่านเจ้าสัวรู้ข่าวว่าลูกชายที่เป็นความอับอายของตระกูลหายตัวไปก็อาละวาดไม่หยุด 

"เฟเนกซ์ รู้ไหมว่าไอ้พี่เหี้ยของมึงมันหายหัวไปไหน!!! ตามตัวมันมาให้ได้ อย่าให้มันออกไปจากบ้านหลังนี้ได้ อย่าให้พวกนักข่าวเห็นเด็ดขาด!!!!"

ถึงแม้อายุอารามของเจ้าสัวไซมอนจะปาเข้าไปห้าสิบหกสิบแล้ว ความโมโหและความเลือดร้อนยังอยู่ในสายเลือดอย่างเข้มข้นราวกับชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ใบหน้าที่มีเค้าต่างชาติจากเชื้อเยอรมันบิดเบี้ยวด้วยแรงโทสะ

มันเป็นความอับอายที่สุดในตระกูลอังศุชวาล ขืนมันออกไป นักข่าวคงเล่นข่าวนี้จนเขาไม่มีหน้าออกไปไหนแน่ๆ ถึงมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุน แต่มันกระทืบกับเส้นความเกลียดของเขามากที่สุด!

เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมภรรยาของเขาถึงได้เอ็นดูมันนัก ทั้งๆ เพราะมันที่ทำให้ภรรยาของเขาต้องป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอดและต้องมาเครียดกับการดูแลลูกที่เป็นออทิสติก เขาจ้างแม่บ้านแล้วแต่เธอก็ยังดึงดันที่จะดูแลจนสุดท้ายก็ป่วยด้วยโรคเรื้อรังตาย

ทั้งๆ ที่อาการหนักขึ้นทุกวันกลับไม่เคยปริปากพูดอะไร เอาแต่นั่งฟังไอ้เด็กออทิสติกนั่นเล่นเปียโน ทั้งๆ ที่กำลังจะตายอยู่แล้วกลับเลือกที่จะไม่ไปรักษาตัวแต่อยู่ดูแลไอ้เด็กเวรนั่นที่เป็นไข้แทน

เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด ทำไมภรรยาของเขาถึงเอาแต่หมกมุ่นดูแลเด็กเวรนั่น ทำไมไม่สนใจเฟเนกส์ลูกชายคนรองที่เก่งไปซะทุกเรื่องเป็นลูกชายที่เขาภูมิใจมากที่สุดหรือไม่ก็ไอ น้องเล็กที่ป้ำๆ เป๋อๆ ไปบ้างแต่ยังไงก็ต้องดีกว่าไอ้เด็กบัดซบนั่นแน่ๆ!

"ครับพ่อ ผมจะรีบตามตัว 'มัน' กลับมา" คนอยู่ปลายสายรับคำขึงขัง ปลายนิ้วจิกลงบนพวงมาลัยอย่างกราดเกรี้ยวไม่แพ้ผู้เป็นพ่อ

มันกำลังหนี... ทั้งๆ ที่อีกไม่นานเขาจะได้ทุกอย่างแล้วแท้ๆ 

"ดี อย่าให้พ่อผิดหวังล่ะ" เจ้าสัวพูดเสียงเข้มกดวางโทรศัพท์แล้วโยนไว้บนโต๊ะเหลือบมองเลขาที่เป็นชายวัยกลางคนข้างๆ "เรื่องพยัคฆ์ดำว่ายังไง"

"ตกลงครับ ล้านนึง"

เจ้าสัวยิ้มเยาะ "นับวันยิ่งเหลิง ฆ่าคนเดียวเอาล้านนึง แต่เอาเถอะ ยังไงมันก็ทำงานดี ไม่พูดมาก" พูดจบก็หัวเราะในลำคอ "ให้มันล้านสองไปเลย โบนัส"

"ครับ นาย"  คนเป็นเลขารับคำ "แล้วนายจะรับอาหารเที่ยงเลยไหมครับ"

คนเป็นนายแค่นเสียงแทนคำตอบ

เพียงเท่านั้นชายวัยกลางคนก็ผงกหัวรับรู้แทนคำตอบแล้วรีบสาวเท้าออกจากห้องทันทีเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตัวเอง ท่านเจ้าสัวตอนนี้กำลังโกรธจนกินอะไรไม่ลง จนกว่าจะเจ้าสัวจะเรียกอีกครั้งเขาก็ไม่ควรโผล่หน้าไปให้เจ้าสัวรำคาญใจ ข้างเอวของเจ้าสัวห้อยกระบอกปืนอยู่ สิ่งที่เขาควรทำที่สิ่งคือการไม่เอาหัวตัวเองไปเป็นเป้าซ้อมยิงของนาย

แต่บางทีเขาก็อดฉงนใจไม่ได้ 

ทำไมถึงต้องโกรธต้องเกลียดเวสถึงขนาดนั้นกัน?
 
 

"เสือ เสือ เสือจะพาเวส เวสไปไหนเหรอ" ร่างโปร่งกระซิบถามเสียงเบาขณะที่ถูกวางพาดไว้บนไหล่ราวกับกระสอบข้าวสาร

"เดี๋ยวก็รู้" โลกันต์ตอบปัด "อย่าพูดสิ เดี๋ยวมีคนหาพวกเราเจอนะ" 

เวสตาวาวหัวเราะคิกในลำคอเชื่ออย่างง่ายดาย "จริงด้วย" ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง

เจ้าของฉายาพยัคฆ์ดำหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ลักพาตัวคนติดมือกลับบ้านมาด้วย ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีดีไหมที่ด้านหลังสวนของบ้านอัจศุชวาลนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดแม้แต่ตัวเดียว มีแต่ยามที่ตอนนี้หลับคาป้อมไปแล้วทำให้โลกันต์สามารถขโมยนกออกจากกรงทองได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนและหลักฐาน

รถเก๋งยี่ห้อดาษดื่นสีดำค่อยๆ วิ่งเข้าสู่ถนนใหญ่อย่างแนบเนียน โลกันต์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อออกจากอาณาเขตของอัจศุชวาลได้แต่อย่างไรก็ตามมันก็ต้องระวังมากๆ อยู่ดี ในโลกมืดใครๆ ก็รู้ว่าเจ้าสัวเกลียดลูกชายคนโตของตัวเองขนาดไหนเหลืออย่างเดียวก็คือไม่ลงมือฆ่าเท่านั้น

ดีที่เจ้าสัวไม่จ้างมันฆ่าไม่เช่นนั้นมันคงทำไมลงและเสียชื่อพยัคฆ์ดำนักฆ่าอำมหิตที่คนลือนักลือหนา

ฟี้~

ใบหน้าคมยิ้มนิดๆ เมื่อได้ยินเสียงกรนเบาๆ จากร่างโปร่งที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกลักพาตัว แต่ใครสนล่ะ มันเนี่ยแหละที่จะปั้นให้นกน้อยตัวนี้กลายเป็นนกอินทรีย์ที่สามารถปกป้องตัวเองได้เป็นที่รู้จักและทำลายโซ่ตรวนอัจศุชวาลได้

แง้ว

"ให้มันน้อยๆ หน่อย ฟินด์" โลกันต์กลอกตาใส่ฟินด์ที่เอาหน้าถูไถหน้าท้องของเวสแล้วก็ลงตัวนอนแบ็บตรงนั้น ซึ่งนอกจากไม่สำนึกที่โดนด่าแล้วยังกลิ้งไปกลิ้งมาต่ออีก

พยัคฆ์ร้ายที่พ่ายแพ้ให้กับแมวตัวเล็กๆ ถอนหายใจอย่างระอาใจแล้วตบไฟเลี้ยวเข้าไปยังโรงแรมชื่อดังระดับประเทศใจกลางเมืองที่ตั้งอยู่ข้างสำนักงานใหญ่ของตระกูลอังศุชวาล โลกันต์ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีที่พาเวสมาซ่อนตัวและฟูมฟักที่นี่แต่อย่างว่าสถานที่ๆ อันตรายที่สุดก็คือที่ๆ ปลอดภัยที่สุด เจ้าสัวคงไม่คาดคิดว่าลูกของตัวเองจะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้

ทันทีที่รปภ. เห็นป้ายทะเบียนของโลกันต์ก็ยอมปล่อยให้เข้าไปอย่างง่ายดายอีกทั้งยังตะเบ๊ะท่าทำความเคารพด้วยท่าทีที่ทำแบบเดียวกับเจ้านายตัวเองเพราะเจ้านายสั่งไว้ว่าคนๆ นี้มีฐานะเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายและพ่อของเขาก็รู้จักพ่อของนายด้วย

แน่นอนว่าสำหรับร่างสูงนั้นเป็นเรื่องปกติจึงเข้าทางด้านหลังของโรงแรมอย่างชำนาญทางและอุ้มร่างเล็กขึ้นลิฟต์ส่วนตัวที่จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีบัตรพิเศษเท่านั้น พยัคฆ์ดำมองเลขลิฟต์ง่วงๆ เพราะตัวมันเองก็ง่วงไม่แพ้คนที่ถูกอุ้มในอ้อมกอดหรอก แต่ไม่รู้เวรกรรมอะไรที่ห้องของมันนั้นอยู่ชั้นเกือบบนสุดใกล้ๆ กับชั้นของลูกสาวเจ้าของโรมแรง ไม่สิ.. ตอนนี้คงต้องเรียกว่าเจ้าของเต็มตัวซะมากกว่า

ติ๊ง

ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วฉับเมื่อลิฟต์ถูกเปิดระหว่างทาง เพื่อป้องกันการถูกจับได้มันได้มันบังคับเวสใส่เสื้อคลุมดำของมันตั้งแต่ก่อนลงมาจากรถ มันมองประตูลิฟต์อย่างเย็นชาไม่ว่าใครที่เข้ามาใช้ตอนนี้มันก็หงุดหงิดทั้งนั้น

หญิงสาวมีสีหน้าประหลาดใจก่อนที่ตาจะลุกวาวอย่างใคร่รู้สาวเท้าเข้าใกล้คนที่มีฉายาว่าพยัคฆ์ดำอย่างไม่เกรงกลัว "อ้าว! โลกันต์ มาทำไมไม่บอกจ๊ะ แล้วนั่นอะไรในมือ บอกเจ๊มาเดี๋ยวนี้นะ" 

พอรู้ว่าเป็นใครพยัคฆ์ดำก็มองเบื่อๆ ความหงุดหงิดหายยังคงอยู่แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่

เกล กัญญลักษณ์ หญิงสาวที่เป็นทั้งเพื่อนคนเดียวของโลกันต์และเป็นเจ้าของโรงแรม Palace ชื่อดังของเมืองไทยที่มักจะมีบุคคลสำคัญมาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยๆ อีกทั้งบางฟลอร์มักจะเคยถูกใช้ในการจัดงานใหญ่ๆ หลายงาน ทั้งการประชุม งานแต่งงาน หรือจัดการแสดงทางดนตรี โรงแรมแห่งนี้ก็สามารถเนรมิตให้คุณได้ถ้าคุณมีเงินมากพอ ด้วยบริการที่ดีเยี่ยมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ทำให้โรงแรมนี้ไม่เคยหลุดโผจากการจัดอันดับสิบโรงแรมที่ดีที่สุดของเมืองไทย

อีกสิ่งที่ทำให้โรงแรมนี้โด่งดังคือชื่อเสียงของเกล เพราะรูปลักษณ์ที่สวยไม่แพ้ดาราดัง เกลยังมีงานอดิเรกคือการเดินแบบหรือออกงานอยู่บ่อยๆ จนมีกลายเป็นคนที่มีชื่อพอๆ กับคนของตระกูลของอัจศุชวาล

"อย่าพูดมาก เขาหลับอยู่" โลกันต์ก้มมองร่างโปร่งที่เบามากในมือ "เคยได้ยินเรื่องลูกชายคนโตของเจ้าสัวอังศุชวาลไหม"

เกลเบิกตากว้างเลิกเสื้อคลุมที่บังใบหน้าคนลึกลับออกอย่างตื่นเต้น "เคยสิ" ยิ่งพอเห็นผมสีขาวก็ตื่นเต้นขึ้นไปอีก "ผมสีขาวล้วนจริงๆ ด้วย นึกว่าเรื่องโกหกนะเนี่ย ไม่สิ สิ่งที่เจ๊ต้องตกใจคือแกไปเอาเขามาได้ไงเนี่ย"

"ไปรับงานที่บ้านเจ้าสัว เห็นน่ารักดีก็เลยเอามาด้วย" นักฆ่าไร้หัวใจยิ้มนิดๆ ขณะที่พูด

"โห นี่เขาเรียกลักพาตัวแล้ว ไอ้บ้า" เกลพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ในวงในก็มีพูดคุยกันบ้างถึงเรื่องนี้ ที่เธอพอรู้ก็แค่เป็นออทิสติก ผมสีขาวทั้งหัว ถูกขังไว้ที่บ้านแค่นั้นส่วนมากกว่านั้นก็รู้เท่าคนทั่วไป ช่วยไม่ได้ท่านเจ้าสัวสามารถเหยียบข่าวลูกตัวเองได้มิดชิดเลยทีเดียว

แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจจริงๆ ก็คงจะรอยยิ้มที่หาได้ยากของโลกันต์ คงจะถูกใจลูกเจ้าสัวแล้วจริงๆ นั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่กล้ากระตุกหนวดเสือด้วยกันเองขนาดนี้ คิดดูถ้าหากเจ้าสัวรู้คงไม่วายซวยไปตามๆ กันแน่ๆ 

"แล้วจะเอาไงต่อ ฝากเจ๊ดูแลเหรอ ห้องนี้แกก็ไม่ค่อยมาอยู่" เกลพูดอย่างกังวลนิดๆ เพราะห้องพักจริงๆ ของโลกันต์อยู่ค่อนข้างที่คนพลุกพล่าน ไม่รู้เพราะอะไรเจ้าตัวถึงไม่ยอมมาอยู่ที่ห้องนี้อย่างถาวรสักที

ร่างสูงพยักหน้า "คงงั้นฝากไว้ครึ่งวัน เดี๋ยวตอนเย็นมารับ"

ใบหน้าสวยหมองลงนิดๆ "เรื่องนั้น?"

"อืม" โลกันต์ตอบไม่ใส่ใจนัก สำหรับมันแล้วนี่แทบจะเป็นเรื่องปกติสามัญในชีวิตเลยก็ว่าได้ คนเราทุกคนยังไงก็ต้องตายกันทั้งนั้นเพียง มันมีหน้าที่เร่งเวลาให้เท่านั้นเอง 

นัยน์ตาสีดำด้านสบมองใบหน้าที่หลับตาพริ้ม ชั่งใจคิดถึงเรื่องนั้นสักพักและตัดสินใจพูดออกมา

"ได้ข่าวว่าขาดคนเล่นเปียโนใช่ไหม"

เกลพยักหน้ารุนแรงบ่นกระปอดกระแปด "ใช่ เจ๊โคตรเซ็งเลย ไอ้คนที่นัดไว้มันแขนหักจนเล่นไม่ได้ นี่ก็ยังหาไม่ได้เลยเนี่ย งานจะเริ่มอาทิตย์หน้าแล้ว"

"เขาเล่นได้"

"อะไรนะ" หญิงสาวถามซ้ำเพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

โลกันต์พ่นลมหายใจออกมาราวกับหมดความอดทน "ลูกชายคนโตของเจ้าสัวเล่นเปียโนได้ ระหว่างที่ไม่อยู่ก็เอาไปลองเล่นดู ถ้าชอบก็เอาเข้างานใหญ่เลย"

"แล้วไม่กลัวเจ้าสัวจับได้?"

คนเป็นนักฆ่าตาลุกวาว "ได้ข่าวว่าสื่อมากันเยอะนี่งานนี้ของเจ๊ ถ้ามันกล้าแย่งกลับไปก็ลองดู"

น่าเสียดายที่เกลไม่ได้สนใจเรื่องนั้น "กรี๊ด! แกเรียกฉันเจ๊แล้ว" เอาแต่ตื่นเต้นกับสรรพนามใหม่ที่โลกันต์ใช้เรียก

ติ๊ง

เคราะห์ดีที่ถึงชั้นที่โลกันต์ต้องการพอดี ร่างสูงจึงเหลือบมองด้วยหางตาแล้วสาวเท้าออกไปทันทีทำเอาหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของโรงแรมสบถตามหลังเซ็งๆ "ไอ้เสือกินเด็กเอ๊ย"

พอกลับมาถึงห้องพักหรูของตัวเองโลกันต์ก็วางเวสลงไปเตียงและดึงแมวนรกออกจากอ้อมกอดลูกชายคนโตของเจ้าสัวด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว

แง้ว

ฟินด์ตะเกียกตะกายพยายามเรียกร้องกลับไปหาอ้อมกอดอุ่น

"อย่าเยอะให้มันมาก" ร่างสูงเอ่ยอย่างรำคาญแต่ก็ยอมปล่อยให้มันกลับไปที่เดิม ส่วนตัวเองก็เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวพอให้รู้สึกสะอาดจึงกลับมาล้มตัวนอนข้างๆ เวสและหลับไปอย่างรวดเร็ว

ก่อนที่มันจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

เพื่อส่งต่ออีกชีวิตคืนสู่ผืนดิน

 
 

ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงามเป็นธีมสวรรค์ตามชื่อของโรงแรม มีร่างสองร่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่บนเวทีใหญ่ซึ่งมีแกรนด์เปียโนแบบเดียวกับที่บ้านของเวสตั้งอยู่ หากแต่ที่บ้านของเวสนั้นเป็นสีขาวไม่ใช่สีดำ

"ไหน เวส ลองเล่นให้เจ๊คนสวยฟังหน่อยซิ" เกลที่ตอนนี้มีสถานะเป็นเจ๊ของเวสพูดอย่างสนิทสนมซึ่งเจ้าของชื่อก็ยิ้มจนตาหยีรับ

"อื้อ! ได้ ได้เลย เจ๊ เจ๊คนสวย อยากฟังอะไร" ร่างโปร่งพูดอย่างผ่อนคลายและเป็นกันเองเพราะเสือแนะนำว่าคนๆ นี้เป็นเพื่อนของเสือ ใจดีมากๆ แน่นอนว่าเวสชอบคนที่ใจดีกับเขามากที่สุด

"เวสพออ่านโน๊ตได้ไหม เจ๊อยากฟังเพลงนี้อ่ะ" คนถูกเรียกว่าเจ๊ยื่นโน๊ตเพลงเจ้าปัญหาของนักดนตรีนั่นให้กับเวสซึ่งเธอก็พอได้ยินมาบ้างว่าเพลงบ้านี่เพราะแต่ถ้าจะเล่นให้ดีเล่นยากมาก แต่ไอ้เพลงนี้เนี่ยแหละที่นักดนตรีนั่นโม้ใหญ่ว่าแขกทุกคนต้องชอบแน่ๆ เพราะเนื้อเพลงและทำนองของมันชวนฝันเอาสุดๆ   

เวสยิ้ม "อื้อ! เป็น เป็นสิ อ่านออก พร้อมๆ กับ กอไก่นั่นแหละ" แล้วรับมันดู "อ้ะ เพลงนี้ เวส เวสเล่นเป็น!" พูดอย่างตื่นเต้นนัยน์ตาสีทองแพรวพราว "แม่ แม่ชอบให้เวส เวสเล่นเพลงนี้มากเลย"

ทั้งๆ ที่ดวงตานั่นเปี่ยมไปด้วยความสุขแต่เกลกลับรู้สึกสลดเต็มทน ราวกับว่ามีหมอกขมุกขมัวปกคลุมทั้งร่างของเธอ.. 

ข่าวการตายของภรรยาเจ้าสัวบ้านอังศุชวาลเป็นข่าวที่ค่อนข้างดังเพราะเจ้าสัวรักภรรยาตัวเองมาก จนมีหลายสำนักข่าวนำข่าวความสูญเสียไปเล่นเป็นประเด็นแล้วเจ้าสัวตามไปเก็บรายตัว

แล้วคนๆ นี้จะรู้ถึงข่าวนี้รึเปล่านะ?

เกลตั้งคำถามในใจไม่กล้าพูดอะไร พยายามรักษาสีหน้ายิ้มแย้มของตัวเองเอาไว้

"แต่แม่ แม่.. ไม่อยู่แล้ว" เวสพูดด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ "แต่ แต่เวสก็ยังชอบ.. เพลงนี้อยู่ดี"

ร่างโปร่งค่อยๆ หลับตาลงน้ำตาค่อยๆ หยดลงมาอย่างเชื่องช้าพร้อมๆ กับการพรมนิ้วบนแป้นด้วยความนุ่มนวล เสียงที่ดังออกมาน้ำเต็มไปด้วยความละมุนละไมและลื่นหู

แต่ไม่รู้ทำไมคนฟังอย่างเกลถึงเผลอหลั่งน้ำตาออกมาซะอย่างงั้น

เธอเคยฟังของนักดนตรีคนเก่าเล่น มันคล้ายกันก็จริงแต่ก็ไม่ชวนให้เพลิดเพลินตามขนาดนี้ เพลงที่เวสเล่นออกมานั้นมันทั้งลื่นหูและเพลิดเพลินชวนให้ฝัน ถึงแม้เนื้อเพลงจริงๆ จะกล่าวถึงหญิงสาวที่สวยงามในแบบที่เป็นอยู่แล้วก็ตาม หากแต่เมื่อมาเล่นในแบบของเปียโนนั้นแล้วกลับให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป มันชวนให้เราจินตนาการถึงอนาคตหรืออะไรสักอย่าง ที่เราไม่ที่ทางรู้และแน่นอนว่าเราต้องรับมันให้ได้

โดยที่เรายังต้องเป็นตัวของเราเอง

จนกระทั่งเพลงจบเกลก็ยังไม่สามารถหยุดน้ำตาตัวเองได้เลยพยายามปรบมือให้เวสแทน 

"เจ๊ เจ๊ว่าเวส เวสเล่นดีไหม.. แม่ แม่บอกว่าเวสเล่นเพราะมาก" 

"เพราะสิ" เกลหยุดยืนข้างเวสแล้วลูบหัวสีขาวนุ่มๆ "อยากเล่นเพลงให้คนอื่นฟังไหม?"
แทบไม่ต้องคิดเวสพยักหน้าหงึกหงักเพราะมันเป็นความฝันของตัวเองมาตลอดแต่เวสก็รู้ตัวดีว่าตัวเองมีอะไรบางอย่างที่ต่างจากคนอื่นถึงได้ถูกกีดกันออกไปให้อยู่คนเดียว เวสไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ก็ไม่คิดจะเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง ของที่ว่านั่นตั้งแต่จำความได้มันก็ไม่มีมาตั้งแต่แรกแล้ว

"อยาก อยากเจ๊ เจ๊จะให้เวสเล่นเหรอ"

"อืม" หญิงสาวยิ้มทั้งๆ ที่น้ำตาคลอเบ้า
"ขอบคุณ ฮืออ ขอบ ขอบคุณ เวส เวสรักเจ๊ที่สุด รัก รักมากๆ"

เธอจับน้ำเสียงความดีใจเอามากๆ ของเวสได้ เธอก็พอเดาๆ ได้ว่าที่ผ่านมาเวสคงจะถูกขังไว้ในบ้านตามที่ข่าวลือนั่นว่าจริงๆ นี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งแรกที่เวสได้รับจากคนอื่น

"ไม่เอา ไม่ต้องร้อง" มือบางลูบหัวทุยๆ "เดี๋ยวเจ๊โทรเรียกช่างมาตัดสูทให้ สีขาวน่าจะเหมาะกับเวส"

"อื้อ!" เวสยิ้มจนตาหยีผวากอดเกลทั้งน้ำตา "เวส ขอบ ขอบคุณจริงๆ นะ"

หญิงสาวยิ้มรับคำขอบคุณนึกไม่แปลกใจทำไมเสือร้ายนั่นถึงตกหลุมพรางจนพาเวสกลับมาได้

ถ้าเวสจะน่าเอ็นดูขนาดนี้...
 
 


ในอีกฟากของเมืองหลวงประเทศไทย บรรยากาศรอบข้างเครียดเขม็งเมื่อเสี่ยอ้วนเจ้าปัญหาที่ฮุบที่แปลงใหญ่เอาไว้ไม่ยอมขายกำลังพูดเจรจาต่อชีวิตตัวเอง

"น่า.. ท่าน ท่านก็น่าจะรู้นี่ว่าอีกปีสองปีฉันก็จะขายแล้ว" เสี่ยร่างท้วมพูดเสียงสั่นกับโทรศัพท์ในมือ สายตามองหลุกหลิกรอบตัวอย่างหวาดกลัวเมื่อถูกล้อมไปด้วยพรรคพวกของเจ้าสัวใหญ่ ส่วนพรรคพวกของมันน่ะเหรอ นอนกองใต้ตีนพวกมันหมดแล้ว! ด้วยฝีมือของคนๆ เดียว

เสี่ยอ้วนกลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อเผลอไปสบตาสีดำอำมหิต ทั้งๆ ที่เห็นแค่นั้นกลับรู้สึกกลัวจนตัวสั่นหนักยิ่งกว่าเดิม

// สรุปจะไม่ขาย..? //

เสียงในโทรศัพท์ถามกลับมาเสียงเย็นเยียบ

"โถ่ ท่านเจ้าสัว ถ้าฉันขายตอนนี้ฉันก็ไม่คุ้มสิ ขอเถอะนะ ท่าน รอให้ราคาที่มันดีดขึ้นกว่านี้ก่อน" เสี่ยพยายามพูดสุดชีวิตเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองและลูกหลาน สำหรับเสี่ยแล้วถ้าหากขายให้กับเจ้าสัวตอนนี้มีแต่ขาดทุน ยิ่งในตอนนี้ทั้งลูกของเสี่ยกำลังจะเข้ามหาลัยทั้งตัวเสี่ยและเมียที่ประสบกับปัญหาโรคเรื้อรัง ขืนขายออกไปด้วยราคานี้คงจะสายป่านขาดกันทั้งบ้าน ดังนั้นเขายอมไม่ได้หรอกที่จะต้องสูญเสียพื้นที่ตรงนี้ไป

// โลกันต์ //

สิ้นคำเรียกพยัคฆ์ดำก็หยิบกระบอกปืนขึ้นมาเล็งที่หัวของเสี่ยอ้วนด้วยสายตาลุกวาว

เสี่ยอ้วนน้ำตาไหลพรากสะอื้นฮัก "ได้โปรดท่านเจ้าสัว ฉันกับเมียก็ไม่สบาย ลูกก็ต้องเข้ามหาลัย ธุรกิจร้านอาหารฉันช่วงนี้ก็ไม่ค่อยจะดี ฮือ ถ้าฉันขายมันให้เสี่ยตอนนี้ เงินต้องไม่พอแน่ๆ"

// ฉันรอมาสามปีแล้ว อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกเอาเงินไปเที่ยวผู้หญิงที่ไหน //

ถึงแม้จะมีเชื้อต่างชาติแต่เจ้าสัวกลับพูดไทยชัดเจน

เสี่ยยกมือขึ้นพนมมือไหว้โลกันต์ตัวสั่นหนักกว่าเดิมเมื่อชนักที่ติดหลังถูกเปิดเผย ใบหน้าอวบเต็มไปด้วยน้ำตาจ้องพยัคฆ์ดำเพื่อขอความเห็นใจ

// ไม่ขายใช่ไหม ตอบมาเดี๋ยวนี้ //

"..." ความหวาดกลัวนั้นเกาะกุมจนพูดอะไรไม่ออก

// งั้นมึงก็เอาแบบเดียวกับเพื่อนมึงแล้วกัน เสี่ย เที่ยวให้สนุกล่ะ //

ปัง

กระสุนเจาะกลางกะโหลกเสี่ยอ้วนโดยไม่ทันได้กรีดร้อง ดวงตาของเสี่ยอ้วนถลนออกมาด้วยความตกใจก่อนที่ร่างทั้งร่างที่เคยนั่งบนเก้าอี้จะล้มลงมากองกับพื้นกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ

โลกันต์เหลือบมองพรรคพวกของเจ้าสัวใหญ่เชิงว่างานของตัวเองนั้นเสร็จแล้วก็แยกตัวออกไปทันที
งานของพยัคฆ์ดำเหมือนจะง่ายก็จริงแต่ก็ไม่ได้ง่ายเพราะเป็นทั้งคนที่หาตำแหน่งเสี่ยอ้วนที่หลบซ่อนตัวอยู่ปลายปีและล่อให้มันออกมาก่อนที่จะปลิดชีวิตมันอย่างเลือดเย็น

ทุกอย่างที่แลกเงินก้อนใหญ่มันไม่เคยง่ายหรอก สิ่งที่โลกันต์ต้องแลกกับงานนี้มีมากมายจนเจ้าตัวหน่ายที่จะใส่ใจเพราะในหัวตอนนี้ปรากฎภาพร่างโปร่งกำลังเล่นเปียโนอย่างเพลิดเพลิน

รู้สึกว่าเปียโนของเกลในห้องโถงจะเป็นสีดำแต่ในบ้านหลังนั้นเป็นสีขาว..

ใบหน้าคมคายยิ้มเมื่อนึกอะไรออก

ถ้าเวสได้เล่นเปียโนสีขาวด้วยก็คงดีไม่หยอก
 
 


หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-03-2017 17:18:55
เวสใช้เวลาซ้อมเพลงในการเล่นร่วมกับวงอยู่สองสามวันก็สามารถเล่นได้อย่างคล่องแคล่วจนนักดนตรีเก่าที่แขนหักและมาช่วยซ้อมเอ่ยปากชม แน่นอนว่าพวกดนตรีไม่รู้ว่าเวสเป็นลูกชายคนโตของเจ้าสัวใหญ่ รู้แค่ว่าเป็นญาติที่เกลหามาได้และเล่นเปียโนเก่งเอามากๆ ซึ่งก็มีนิสัยขี้อายไม่ค่อยพูดแต่กลับไปย้อมผมสีขาวเพราะชื่นชอบศิลปินคนหนึ่งที่พวกเขาไม่รู้จัก

พอมีคนชมว่าเล่นดีเวสก็ยิ้มไม่หุบ ถึงแม้จะอยากพูดคุยกับพวกนักดนตรีแต่ก็ต้องฝืนไม่คุยเพราะเกลสั่งห้ามไว้ ถ้าพูดคุยจะไม่ให้ขึ้นเวทีแสดงทันที เวสจึงยอมทำตามอย่างง่ายดาย

 เวสและนักดนตรีซ้อมใหญ่กันทั้งวันก่อนวันงานในวันพรุ่งนี้ซึ่งวันนี้ก็พิเศษกว่าวันอื่นตรงที่เสือของเวสก็มานั่งดูอีกฝ่ายเล่นด้วย ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ในชุดสูทสีดำส่งยิ้มจางๆ เชิงให้กำลังใจกับร่างโปร่ง 

แน่นอนว่าทุกอย่างไม่พ้นจากสายตาของนักดนตรีและเกล พวกนักดนตรีแอบพูดคุยและแซวอย่างออกนอกหน้าว่าสองคนนี้มีอะไรๆ กันหรือเปล่าเนี่ย ซึ่งโลกันต์ก็ไม่ใช่คนที่เฟรนด์ลีอะไรจึงส่งยิ้มนุ่มๆ แทนคำตอบกับทุกคำถามจนเกลรำคาญออกมาตอบแทนว่าสองคนนี้นอนห้องเดียวกัน ทำเอาพวกนักดนตรีหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่ ส่งรอยยิ้มแซวเวสไม่หยุด

แต่น่าเสียดายเวสไม่เข้าใจความสัมพันธ์ทำนองนั้นสักเท่าไหร่ รู้แค่ว่าตัวเองชอบอยู่กับเสือแล้วก็ฟินด์มากกว่าคนอื่นๆ เท่านั้น

เวสโบกมือให้โลกันต์ก่อนที่จะลงไปในห้วงของเสียงเพลงที่ตัวเองสร้างขึ้นมาในหัว โลกันต์โบกมือกลับมองตามอย่างเพลินตาเมื่อเห็นอีกฝ่ายได้เล่นเพลงเดี่ยวบนเวทีใหญ่ซึ่งเพลงนี้ก็เป็นเพลงสุดท้ายที่ใช้ปิดงาน

เจ้าของฉายาพยัคฆ์ดำเลียริมฝีปากตัวเองขณะที่มองร่างโปร่งที่สามารถเล่นเพลงได้ทรงพลังสะท้านใจคนฟังต่างจากรูปร่างผอมบาง

งานนี้มีนักข่าวแน่นอนว่าเวสต้องดังแน่นอนและเจ้าสัวก็จะรู้เรื่องนี้

นัยน์ตาสีดำด้านทอประกายวาวโรจน์

แต่มันไม่สนหรอกโซ่ตรวนของตระกูลอังศุชวาลน่ะ 

มันไร้สาระ
 
 


"ตื่นเต้นไหม?" โลกันต์ถามเวสเสียงนุ่มนวลขณะที่ย่อตัวลงจัดเนกไทด์สีขาวให้

"อื้อ แต่ แต่ก็น่าสนุก" เวสยิ้มจนตาหยีให้เสือร้าย "หอมแก้มๆ เวลา เวลาเวสเล่นดี แม่จะหอมแก้มเวส"

เสือร้ายโคลงหัวแล้วหัวเราะหึยอมก้มลองไปหอมแก้มคนใจเด็กและทิ้งท้ายด้วยจูบเบาๆ บนริมฝีปาก

โชคดีที่ในห้องเปลี่ยนชุดมีเพียงสามคน เกลจึงสามารถจิกกัดได้อย่างสบายใจ "แหม หวานจังเลย เค้กตรงนั้นจะหวานเท่าตรงนี้ไหมน้า"

โลกันต์ไม่ตอบไม่สนใจเกลด้วยซ้ำ มือหยาบเกลี่ยผมนุ่มที่ชี้ขึ้นมาให้กลายเป็นทรง "ถึงเวลาแล้วนี่เตรียมตัวออกไปได้แล้ว เวส"

เวสลุกพรวดกอดร่างสูงที่นั่งยองๆ อยู่จนเกือบล้ม "เสือ เสือต้องตั้งใจ ตั้งใจฟังเวสนะ" แล้ววิ่งหนีออกจากห้องไปรวมกับพวกนักดนตรีทันทีไม่ต่างกับเด็กซนๆ คนนึง

"คิดว่าจะรับมือเจ้าสัวไหวไหม?" 

เจ้าของฉายาพยัคฆ์ดำหัวเราะในลำคอพูดอย่างหยิ่งผยอง "มีคุณกัญญลักษณ์สนับสนุนอยู่ ผมจะกลัวอะไรอีก ไหนจะพวกนักข่าว ถ้าเจ้าสัวมีปัญหามาก ผมก็คงจะต้องลงไม้ลงมือกับคนสนิทเจ้าสัวบ้าง"

เกลส่ายหัวระอาใจ

"หวังว่าเจ้าสัวจะลืมๆ ลูกตัวเองไปสักวันแล้วกัน"

♪~

"เริ่มแล้ว" โลกันต์พูดออกมาเพื่อเป็นการตัดบทแล้วเดินออกห้องไปนั่งยังที่พิเศษของตัวเองทันที ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในที่นี่ของพวกแขกแต่มันก็ก็พอใจกับที่ตรงนี้ ที่ใกล้ๆ กับเวสซึ่งมันก็อยู่แถวหลังฉากนั่นแหละและมันดีตรงที่เขาสามารถมองเวสได้อย่างชัดเจน

งานวันนี้เป็นงานเลี้ยงเต้นรำของนักการเมืองตำแหน่งใหญ่ที่เชิญแขกผู้เข้าร่วมงานมามากมายทั้งดารานักแสดง ผู้ทรงอิทธิพลหรือแม้แต่เจ้าสัวใหญ่ก็ถูกเชิญแน่นอนว่าลูกชายคนโตอย่างเฟเนกส์ก็ถูกหนีบมาด้วย งานเลี้ยงเป็นไปอย่างเรียบหรูและถูกถ่ายทอดสดและเก็บบรรยากาศแทบจะตลอดเวลา ผู้คนในงานเริ่มทยอยเข้ามาร่วมงานเลี้ยงที่จัดในเวลาค่ำแต่เจ้าสัวใหญ่ยังไม่ได้มา

มีนักข่าวและแขกผู้ร่วมงานหลายคนที่ให้ความสนใจนักดนตรีที่หลับตาพริ้มเล่นเปียโนด้วยความชื่นชม เสียงที่ดังจากเปียโนนั้นนุ่มนวลลื่นหู อีกทั้งคนที่เล่นที่มีรูปลักษณ์น่าสนใจด้วยทำให้เวสถูกเก็บภาพไปลงเพจและในเฟสของดาราดังหลายคนภายใต้แคปชั่น #นักเปียโนน่ากิน

งานเลี้ยงดำเนินค่อนไปครึ่งงานก็มีช่วงที่นักดนตรีให้สัมภาษณ์หรือคุยเล่น มีนักข่าวหลายคนที่พยายามเข้าไปสัมภาษณ์เวสแต่เวสที่ถูกเตี๊ยมให้ไปพักตั้งแต่แรกก็เลยหายตัวไปจนนักข่าวอดไปตามๆ กัน 

ทันทีที่เวสกลับมาอีกครั้งก็ต้องกลับเล่นดนตรีต่อ เวสปฎิเสธผู้คนที่พยายามจะตอบคำถามด้วยรอยยิ้มแล้วก้มหน้าก้มตาเล่นเพลงตามความเคยชินของตัวเอง หากแต่เมื่อเล่นไปด้วยช่วงหนึ่งปลายนิ้วของเวสก็ชะงักค้างแต่ก็เล่นต่อแทบจะทันทีในครั้งนี้เล่นตามสัญชาตญาณเพราะหัวใจอกเต้นไม่เป็นส่ำ

สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เมื่อกี้ขึ้นแน่นอนว่าคือสิ่งที่ทรงอิทธิพลสำหรับเวสมากที่สุด

เจ้าสัวใหญ่แห่งตระกูลอังศุชวาล

นัยน์ตาคมกริบจดจ้องคนที่เล่นเปียโนตาวาวมือที่กำแก้วไวน์กำแน่นจนแก้วแทบตาคามือไม่ต่างจากคนข้างๆ กายเจ้าสัวที่มองเวสตาไม่กระพริบราวกับจะฆ่าทั้งเป็น

พวกเขาจำคนที่ตัวเองเกลียดได้ดี ไม่รู้จะเรียกว่าจุดใต้ตำตอหรืออะไรดีที่คนที่ตามล่าหาตัวแทบพลิกแผ่นดินมาตลอดหลายวันนี้กลับมาปรากฎตัวที่นี้ได้

สายตาเจ้าสัวและลูกชายจึงหันไปมองกดดันเกลที่เดินมาต้อนรับพอดี แน่นอนว่าเธอต้องมีส่วนรู้เห็นอะไรสักอย่างในตัวลูกชังที่เจ้าสัวเกลียดนัก

"ชอบนักเปียโนเหรอคะ เจ้าสัว มองไม่วางตาเชียว" เกลกับเจ้าสัวใหญ่เคยสนิทกันในระดับหนึ่ง สนิทแบบพวกนักธุรกิจวินวินทั้งสองฝ่ายอะไรแบบนั้น

เจ้าสัวกระตุกยิ้มเย็น "ครับ ก็แปลกใจทำไมคนเล่นเปียโนหน้าตาถึงได้คุ้นหน้าคุ้นตาผมนัก"

เกลแสร้งทำสีหน้าประหลาดใจ "จริงเหรอคะเนี่ย อันนี้เป็นนักดนตรีที่เกลรู้จักมาจากเพื่อนค่ะ เจ้าสัว เห็นว่าพ่อแม่ก็เก่งดนตรีเหมือนกัน น่าจะนามสกุลอะไรสักอย่าง เกลก็จำไม่ได้แต่ไม่ใช่อังศุชวาลแน่ๆ " หญิงสาวยิ้มเย็นไม่แพ้กัน

เจ้าสัวเลิกคิ้วครุ่นคิดถึงข้อเสนอที่มาแบบไปทันตั้งตัวสักพักก่อนที่จะยิ้มเป็นมิตรมากขึ้น

ถ้าอยากได้เศษเดนนักก็เอาไปเลย

"ก็คงจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะผมเป็นลูกแค่สองคน ใช่ไหมเฟเนกส์?" ทั้งๆ ที่ประโยคสุดท้ายพูดกับเฟเนกส์แต่กลับจ้องเกลไม่วางตา

"ครับพ่อ"

เกลพอจะอ่านสิ่งที่แฝงอยู่ในคำพูดและแววตาของเจ้าสัวออก

เจ้าสัวยอมยกให้ก็จริงแต่ถ้าหากเปิดโปงเมื่อไหร่ ทั้งเจ้าสัวและตัวเธอเองคงต้องเปิดศึกกัน แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการความวุ่นวายขนาดนั้นในชีวิตจึงพยักหน้าให้เจ้าสัว เป็นอันตกลงในข้อตกลงนี่

"เอาล่ะครับ มาถึงช่วงสุดท้ายที่ทุกคนรอคอย เดี่ยวเปียโนของนักดนตรีรูปหล่อของเราครับ!"

ทุกคนรอ..? หึ ใครมันจะไปอยากฟังเพลงจะเศษสวะ

เจ้าสัวแค่นเสียงหึอย่างดูถูกและต้องเผลอสะดุ้งกับเสียงปรบมือดังลั่น

เสียงปรบมือดังเกรียวกราวก่อนที่ไฟทั้งห้องจะดับลงเหลือเพียงบริเวณแกรนด์เปียโนสีขาวสะอาดตา ร่างโปร่งในชุดสูทสะอาดยิ้มแล้วผงกหัวให้อย่างสุภาพแล้วเริ่มเล่นเพลงโดยทิ้งทุกอย่างที่กังวลไปในหัวและจมลงในห้วงของเสียงเพลงที่ซื่อสัตย์กับเขามากที่สุด

Just the Way You Are - Bruno Mars (Piano/Cello Cover) - The Piano Guys

https://www.youtube.com/watch?v=rIBRcQdzWQs



นิ้วขาวพรมลงบนแป้นอย่างนุ่มนวลไปตามอารมณ์ของคนเล่นส่งผลให้ดนตรีออกมานุ่มมากจนนักดนตรีบางคนที่มาฟังอดอุทานออกมาเบาๆ ไม่ได้ ทุกคนคล้ายกับถูกต้องในมนต์สะกดของเสียงเพลง จดจ้องมองเวสและการเล่นดนตรีไม่วางตา สิ่งที่อยู่ในหัวคล้ายจะถูกชักจูงไปในทางเดียวกันด้วยเสียงเพลงอันเนิบนุ่มแต่ทรงพลัง

เวสเล่นต่อไปเรื่อยๆ จนจบเพลงทุกคนก็ยังไม่ได้สติ ใบหน้าน่ามองตกใจนิดๆ แล้วผลุดลุกขึ้นยืนโค้งขอบคุณตามแบบที่เสือสอน ทุกคนจึงกลับมาได้สติปรบมือเป่าปากกันเสียงดังลั่น 

ร่างโปร่งยิ้มกว้างมองรอบกายอย่างไม่เชื่อสายตาน้ำตาอาบใบหน้า มันเป็นครั้งแรกที่มีคนยอมรับคนที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างเขามากกว่านี้ เวสหันไปยิ้มให้โลกันต์และได้รอยยิ้มกว้างกับสายตาอบอุ่นกลับมา พอหันมองสำรวจคนนั้นคนนี้ต่อก็ต้องมาชะงักกับพ่อของตัวเอง..

เจ้าสัวใหญ่มองลูกตัวเองอย่างไม่พอใจนักและเดินออกจากห้องโถงทันทีโดยให้เหตุผลว่ามีสายด่วนเข้ามาจากต่างประเทศ ส่วนเฟเนกส์ก็ถลึงตามองอย่างกราดเกรี้ยวและตามพ่อไปติดๆ

ครั้งนี้นักข่าวไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปถลาเข้าไปสัมภาษณ์เวสกันทันที

แต่คนที่ไหวตัวทันก่อนก็คือโลกันต์ ส่งซิกส์ให้เกลสั่งให้ปิดไฟ พอไฟดับหมดก็รีบถลาเข้าไปรวบตัวเวสขึ้นมาอุ้มและหนีออกไปในทางลับ

เวสหัวเราะร่วนใบหน้ามีความสุข

"เสือ เสือ เวสดีใจจัง ที่พ่อ พ่อฟังจนจบ"

โลกันต์ยิ้มแต่ไม่ได้ตอบเพราะรู้ว่านั่นคงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของเจ้าสัว

"วันนี้ทำดีมาก"

เวสยิ้มทะเล้นเล่นหูเล่นตา "เสือ เสือจะให้รางวัลใช่ไหม"

แทนคำตอบของเวสโลกันต์ก้มลงจูบจนเวสหอบหายใจไม่ทัน

"แน่นอน"

พยัคฆ์ดำยิ้มร้าย

เขาไม่เคยปล่อยให้เหยื่อรอดจากปากอยู่แล้ว
 
 --------------
ตอนนี้แต่งตั้งแต่สองทุ่มยันเที่ยงคืนสิบนาที  :heaven

สภาพวันนี้ศพเดินได้ 5555
 
 
 
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-03-2017 17:56:21
น่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 16-03-2017 03:45:55
น่ารักมาก   :katai3:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 16-03-2017 04:32:19
ภาคปัจจุบันยิ่งน่ารัก รักคู่นี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-03-2017 09:37:22
พี่เสือจะให้รางวัลอะไรเวสอ่ะ เราอยากรู้ :z1:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-03-2017 21:38:46
สนุกดี
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-03-2017 22:12:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-03-2017 11:01:07
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 17-03-2017 12:41:46
เขินแทนเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 18-03-2017 05:05:50
มีความชอบองค์ชายมากกกกก น่ารักอ่ะ
ปกติจะเหลียดมาดเลยนะพวกงุ้งงิ้ง งี่เง่าติ้งต๊อง
แต่องค์ชายเรายอมมมมมมม น่ารักมากก จะแบ๊วไปไหน 5555
ขอบคุณนักเขียนมากนะค้า....<3
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-03-2017 08:22:41
เสือจัดรางวัลชุดใหญ่ให้เวสเลยสินะ 55555
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: ลูกชายของเจ้าสัวใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-03-2017 11:01:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: เสือพาเที่ยว
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 18-03-2017 16:46:04
ตอนพิเศษ : เสือพาเที่ยว
               
               ตลอดเวลาของชีวิตที่ผ่านมานั้นชีวิตของโลกัสไม่เคยรู้จักคำว่า 'เที่ยว' มาก่อนเพราะตั้งแต่จำความได้ก็สูญเสียพ่อแม่ไปแล้วและใช้ชีวิตอยู่ในป่ากับพยัคฆ์ทมิฬพอหลังจากนั้นอีกก็ใช้ชีวิตอีกค่อนชีวิตในการตามแก้แค้น

ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างอึดอัดพอสมควรสำหรับพยัคฆ์ดำ

"โลกัส ไหนๆ ช่วงนี้ร้านข้าก็หยุดแล้ว เจ้าก็พาเวสเปอร์ไปเที่ยวสิ" เกลพูดขึ้นมาบนโต๊ะอาหารที่ประกอบด้วยเสือร้าย องค์ชาย และฟินด์ในร่างเสือที่กำลังนั่งแทะกระดูก

องค์ชายที่กำลังใช้มีดตัดเนื้อปลาให้โลกัสเลิกคิ้วด้วยความสนใจ 

โลกัสกลืนน้ำลายเอือกนึกก่นด่าสาปแช่งเกลในใจแต่พอเห็นสีหน้าคาดหวังขององค์ชาย พยัคฆ์ร้ายอย่างเขาก็ปฏิเสธอะไรไม่ออกทั้งนั้น "เอาสิ"

เพราะยังไงเขาก็เคยรับปากองค์ชายไว้แล้วว่าจะพาเที่ยว

หญิงงามประจำเมืองเบิกตากว้าง "นี่ข้าหูฝาดรึเปล่า พยัคฆ์ดำผู้โหดเหี้ยมจะพากวางตัวน้อยๆ ออกไปหาทุ่งหญ้า!" แสร้งทำท่าทีตกใจเกินเหตุ 

"ข้าเคยรับปากไว้" โลกัสตอบนิ่งๆ และยิ้มให้กับองค์ชายที่ตักเนื้อใส่จานให้ "อยากไปไหนล่ะ องค์ชาย"

นัยน์ตาสีทองที่มักจะนิ่งเฉยตอนนี้เป็นประกายวาววับ

"ข้าอยากไปน้ำตก"

โลกัสหน้าถมึงทึงทันควัน

ถ้าไปน้ำตกกวางของเขาก็ต้องเล่นน้ำ พอเล่นน้ำก็จะมีคนเห็นกวางของเขา! คิดดูสิแค่คิดก็รู้สึกเลือดในกายร้อนผ่าวๆ จนแทบทนไม่ไหวแล้ว!

"สีหน้าแบบนั้น ข้ารู้นะว่าเจ้ากำลังคิดอะไร" เกลพยายามกลั้นหัวเราะ ช่วยไม่ได้เพราะรู้จักอีกฝ่ายมานานจนเกินไปทำให้รู้ว่าในหัวนั่นต้องกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ 

"ข้าอยากเล่นน้ำ" องค์ชายที่ถูกความดีใจครอบงำสติพูดด้วยรอยยิ้มกว้างโดยไม่ได้สังเกตรังสีทะมึนจากร่างเสือดำสักนิด

"...ได้สิ"

โลกัสกัดฟันพูดกำหมัดแน่นใต้โต๊ะ แน่นอนว่าถ้าถึงเวลาที่เวสเปอร์ลงเล่นน้ำจริงๆ เขาจะไล่ทุกคนออกจากน้ำตกเลยคอยดูหรือถ้ามันขัดขืนก็ฆ่าไม่ก็แทงลูกตามันซะ

ฮื่อ!

ฟินด์กระโจนขึ้นไปเกาะหน้าตักเวสเปอร์คำรามฮื่อๆ ออดอ้อนของเนื้อติดกระดูกอีก

องค์ชายยิ้มไม่ต่างจากเด็กๆ ลูบหัวฟินด์

"ฟินด์ไปเล่นน้ำกัน"

ฮื่อ~

ฟินด์คำรามตอบรับเพื่อเอาใจก่อนที่มันจะเผลอร้องโฮกออกมาเมื่อถูกเหยียบหางอย่างแรง มันกำลังจะหันไปแยกเขี้ยวใส่เจ้านายตัวเองแต่ก็ชะงักกับสีหน้าอำมหิตของเจ้านายเลยผละออกจากองค์ชายแล้วลงไปนอนรอบนพื้นพรมอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว

เวสเปอร์หันไปมองฟินด์งงๆ แต่ไม่ได้เอะใจอะไรเลยโยนเนื้อติดกระดูกอันใหญ่ที่มันต้องการไปให้

"โลกัส ข้าอยากไปลองเล่นดนตรีเปิดหมวกด้วย" องค์ชายพูดอย่างตื่นเต้น ความฝันที่เคยเลือนรางจนคิดว่าไม่มีทางเป็นจริงได้ ผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ เล่นดนตรีเปิดหมวกก็เป็นหนึ่งในนั้น

"..ได้สิ ข้าจะทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการ"

โลกัสพูดด้วยรอยยิ้มลอบลูบขาองค์ชายใต้โต๊ะ ถึงแม้จะรู้สึกหึงหวงจนแทบทนไม่ไหวแต่รอยยิ้มองค์ชายก็คุ้มค่าที่จะพอทำเหมือนกัน

"แหม พวกหลงเด็ก" เกลเหน็บและรีบแย่งเนื้อแย่งชิ้นสุดท้ายจากในจานโลกัสมากิน แน่นอนว่าโลกัสถลึงต่อมองเกลอย่างดุร้ายไม่ต่างจากเสือโฉดสักตัว

"ยังไงถ้าเจ้าอยากกิน เวสเปอร์ก็ทำให้อยู่แล้ว ไม่ต้องมาทำหน้าโหดขนาดนั้นก็ได้" หญิงงามประจำเมืองใช้ส้อมชี้หน้าโลกัส  "อย่าลืมนะ เนื้อนี่ข้าเป็นคนไปซื้อมาจากตลาด"

"เวสเปอร์ตักให้ข้า!" โลกัสขู่แง่ง ความน่ารักของเวสเปอร์เขาไม่มีวันแบ่งให้ใครทั้งนั้น มือที่ลอบลูบขาถูกองค์ชายรวบไปจับและบีบนวดราวกับกำลังบอกกลายๆ ว่าให้ใจเย็นๆ

"งกจริง" เกลกลอกตาหน่ายๆ แล้วหันไปยิ้มให้เวสเปอร์ "ถ้าน้ำตกสวยๆ แถวเมืองเวลล์ก็มีนะแต่อยู่นอกเมืองนิดหน่อย เจ้าไปนั่งรถม้าท้ายตลาดสักชั่วโมงนึงก็ถึงแล้วล่ะ แต่ที่นั่นคนเยอะมากกกกก"

องค์ชายตาเป็นประกายเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นถูกใจ

"ไปสิ ไปเปิดหมวกที่นั่นด้วย!"

ผิดกับโลกัสที่ถลึงตามองเกลอย่างดุร้าย

บัดซบ!!! ทีแรกเขาจะพาองค์ชายไปหาน้ำตกเงียบๆ ไม่มีคนสักที่เพื่อที่จะได้ไม่เปลืองเนื้อเปลืองตัวนักแต่นี้อะไร แผนเขาพังหมดแล้ว!!!



พอลงจากรถม้าได้องค์ชายก็ชะเง้อคอมองหาน้ำตาทันที

"โลกัส คนเยอะมากเลย" องค์ชายพูดอย่างตื่นเต้นเมื่อภาพตรงหน้าคือน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีปลาว่ายอยู่เต็มคลองน้ำและในนั้นก็เต็มไปด้วยทั้งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เป็นจำนวนมาก

โลกัสกระชับมือองค์ชายและมองตามอย่างระเหี่ยใจ 

คนเยอะขนาดนี้เชียว...

"ไปเล่นกันน้ำกัน ข้าว่าน้ำนั่นต้องเย็นมากเหมือนที่หนังสือว่าแน่ๆ "

"อืม" 

โลกัสรับคำไม่เต็มใจนักแต่ก็พาองค์ชายฝ่าหมู่ชนที่เดินกันเต็มไปหมด มีทั้งการตั้งร้านขายของอาหารทั่วไปหรือแม้แต่เล่นดนตรีเปิดหมวกก็มี เวสเปอร์หยุดฟังชายคนหนึ่งหน้าตาหล่อเหลาซึ่งกำลังเป่าขลุ่ยด้วยตาเป็นประกาย

เพราะทำนองที่เน้นความตื่นเต้นเร้าใจและเร่าร้อนทำให้มีคนอยู่มุงชายหนุ่มคนนั้นเป็นจำนวนมากแต่ก็มีอีกส่วนที่หลงใหลในหน้าตาเช่นกัน น่าแปลกที่พอองค์ชายหยุดฟังได้สักพักเพลงของชายหนุ่มก็จบพอดี ใบหน้าคมคายยิ้มแย้มให้ทุกคนที่กล่าวชมและใส่เงินลงไปในหมวกใบใหญ่ก่อนที่จะผิวปากเบาๆ เรียกให้หนูตัวเล็กสีขาวซึ่งซุกตัวอยู่ในอกเสื้อมาทำหน้าที่เก็บเหรียญใส่กระเป๋าออกมาทำงาน

เจ้าหนูสีขาวกระดิกหูแล้วอ้าปากหาวหวอด มันปรือตาปีนออกมาจากเสื้อและวิ่งลงไปเก็บเงินใส่กระเป๋าที่เจ้าของวางไว้ให้อย่างขะมักขเม้น

"เพลงมันเกี่ยวกับอะไรเหรอ?" องค์ชายสาวเท้าเข้าไปใกล้ถามเสียงนุ่มอย่างสนใจซึ่งพอเห็นขลุ่ยที่แกะสลักเป็นลวดลายมังกรไฟก็ยิ่งสนใจเข้าไปใหญ่ มองขลุ่ยในมือชายหนุ่มไม่วางตา

ชายหนุ่มที่นานมากแล้วไม่มีใครถามเกี่ยวกับเพลงยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแม้ว่าผู้ที่ทักตัวเองจะอยู่ในชุดคลุมสีดำก็ตามแต่เพราะนั่งในมุมที่ต่ำกว่าจึงเห็นใบหน้าน่ามองและนัยน์ตาสีทองเป็นประกาย

แปลกที่มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกประหลาด

เขาชอบแววตาหลงใหลเทิดทูนในดนตรีนี่ชะมัด..

"อีรอส ความรักของคู่รักที่เร่าร้อน"

มององค์ชายไม่วางตา

เวสเปอร์ยังคงไม่รู้ตัวตาเป็นประกายมากกว่าเดิม "เจ้าแต่งเองเหรอ ข้าไม่เคยได้ยินทำนองแบบนั้นมาก่อนเลย มันสนุกจนเหมือนไม่ใช่เสียงขลุ่ยเลย"

เพลงที่องค์ชายเล่นส่วนใหญ่มักจะเน้นไปที่จังหวะสนุกไม่ก็ผ่อนคลายซะมากกว่า ถ้าเพลงชวนให้รู้สึกร่างกายร้อนผ่าวแบบนี้องค์ชายไม่เคยเล่นดูสักทีแต่ก็ยอมรับว่าอยากลองดูไม่น้อย

ชายหน่มยิ้มนุ่ม "อืม ข้าแต่งเอง เจ้าอยากลองเล่นไหมล่ะ?" นัยน์ตาแพรวพราว "เดี๋ยวข้าสอนให้ตัวต่อตัวเลย"

หากแต่องค์ชายยังไม่ทันพยักหน้าก็ถูกกระชากตัวไปไว้ข้างหลังโลกัสแทบจะทันที

ใบหน้าคมของชายหนุ่มเลิกคิ้วงงๆ แล้วกลายเป็นสะดุ้งเมื่อสบตาเข้ากับนัยน์ตาสีแดงที่ตอนนี้ถลึงตามองมาราวกับจะจับฆ่าทั้งเป็น!

"โลกัส! ข้ายังคุยไม่จบเลย" องค์ชายโวยวายหน้าบึ้ง "เจ้าพาข้ามาเที่ยวนะ"

ลึกๆ โลกัสจะอยากถลาเข้าไปบีบคอชายหนุ่มที่บังอาจจะล่อลวงกวางของเขาไปแต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดจึงหันไปเอ็ดองค์ชายที่ไม่เคยรู้อะไรเลยเสียงดุ

"ไอ้บัดซบนี่มันชอบเจ้า!" กระซิบเสียงเบา

องค์ชายกลอกตา "งี่เง่าน่า แค่สอนเล่นเพลงเอง"  และชะเง้อหน้าออกจากหลังโลกัส "ข้าพอจะเล่นขลุ่ยเป็นอยู่ เจ้าลองเล่นให้ข้าฟังดูอีกรอบ ข้าก็น่าจะเล่นตามได้แล้ว"

อย่าลืมว่าเวสเปอร์ขลุกอยู่กับเครื่องดนตรีมาตั้งแต่เด็กกับการจำเนื้อเพลงของอีกฝ่ายจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรนัก ถ้าเล่นเพลงนี้ได้ก็คงจะไปต่อยอดเพลงอื่นๆ ได้ ถึงเวลาเขาคงจะไปหายืมเพลงจังหวะแบบนั้นจากเกลมาลองเล่นดู

ชายหนุ่มยิ้มแห้ง "ได้สิ" ด่าชายร่างยักษ์ที่น่ากลัวราวกับพยัคฆ์ในใจไม่หยุด ยกมือขลุ่ยในมือขึ้นมาเป่าอีกครั้งด้วยสภาพจิตใจที่เศร้าสลดนิดๆ

ให้ตายสิ พอเจอคนที่ถูกใจก็ดันมีเจ้าของไปซะแล้วและยังน่ากลัวมากด้วย อะไรกัน เขาแค่มองกับคุยเฉยๆ ยังทำท่าจะเข้ามาฆ่าซะอย่างงั้น

ถึงแม้ในใจจะปั่นป่วนแค่ไหนแต่ชายหนุ่มก็ยังมีความมืออาชีพมากอยู่ดีเล่นเพลงต่อไปอย่างไม่อิดออดโดยเปลี่ยนเป็นเพลงใหม่ที่จังหวะเร่าร้อนมากกว่าเดิม จนคนที่รักดนตรีอย่างองค์ชายแทบอยู่ไม่เป็นสุขจนเจ้าเสือต้องดึงตัวไว้ไม่ให้เข้าไปใกล้ชายหนุ่มนั่นมากกว่านี้

องค์ชายที่ตาเป็นประกายจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทำให้ชายหนุ่มยิ้มกระหย่องในใจอย่างผู้ชนะ อย่างน้อยเขาก็สามารถทำให้คนๆ นี้หลงใหลเขาได้แล้วกัน 

เมื่อบทเพลงเริ่มต้นใหม่คนที่เดินผ่านหน้าใหม่หน้าเก่าก็กลับมายืนมุงกับอีกรอบเพราะตอนที่ชายหนุ่มเล่นดนตรีมันมีสเน่ห์จนปล่อยผ่านไม่ได้
โลกัสสบถหงุดหงิด ยอมรับว่าเพลงเพราะก็จริงแต่หงุดหงิดที่คนของเขาหลงระเริงกับหมอนี่ด้วยมากกว่าจึงตัดสินใจรวบเอวองค์ชายเข้าหาตัวเอง

พอโดนขัดอารมณ์ศิลป์บ่อยๆ เข้าองค์ชายก็เริ่มอารมณ์บูดจริงจัง

"โลกัส.." มองเจ้าเสือไม่สบอารมณ์

คราวนี้โลกัสเถียงไม่ออกมองเวสเปอร์ด้วยสีหน้าหงอยๆ "เจ้าจะเล่นน้ำตกไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวข้าพาไป"

องค์ชายถอนหายใจเฮือกใหญ่ในความหึงหวงเหมือนเด็กหวงของเล่นของโลกัสจึงยืนพิงอกโลกัสเพื่อตัดปัญญาน่ารำคาญ "จบเพลงนี้ก่อน"

โลกัสแสยะยิ้มเหนือกว่าให้ชายหนุ่มแล้วโอบเอวองค์ชายไว้หลวมๆ

เสียงเพลงคล้ายจะขาดช่วงไปช่วงหนึ่งเพราะชายหนุ่มรู้สึกอยากเอาขลุ่ยมาฟาดหัวร่างเสือร้ายให้รู้แล้วรู้รอดซึ่งถ้าเขารู้ว่าบุคคลตรงหน้าคือพยัคฆ์ดำที่ตายไปแล้วคงไม่วายหวาดกลัวในความคิดของตัวเองที่กล้าถึงขนาดนั้น

พอฟังไปครึ่งเพลงองค์ชายก็เริ่มจับจังหวะเพลงได้จนโยกตัวตามเบาๆ นัยน์ตาสีทองเปล่งประกายเปี่ยมสุขเพราะไม่บ่อยนักที่จะได้มาเป็นผู้ฟัง

พยัคฆ์ดำยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนที่อยู่ๆ จะจามถึงสองครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้ว

จามสองครั้งมีคนนินทา..

หัวเราะในลำคออย่างอดไม่ได้

คงจะเป็นฟินด์ล่ะมั้งเพราะขี้เกียจมีก้างขวางคอและเป็นแนวร่วมให้องค์ชาย โลกัสจึงตัดสินใจยัดฟินด์ไว้ในห้องน้ำอันหรูหราของเกล แน่นอนว่าฟินด์ร้องโฮกๆ โหยหวนจะไปด้วยแทบตาย

"ปล่อยก่อน  ข้าจะไปใส่เหรียญ" องค์ชายดึงแขนออกเบาๆ

"อืม" โลกัสยอมปล่อยองค์ชายไปง่ายๆ 

องค์ชายเหลือบมองเจ้าเสือแล้วถอนหายใจอีกรอบ ล้วงหยิบเงินในกระเป๋าตัวเองออกมาจำนวนนึงแล้วเอาใส่หมวกที่วางไว้และหยิบเหรียญนึงยื่นให้เจ้าหนูตัวเล็ก

เจ้าหนูเอื้อมมือเล็กๆ ขึ้นไปรับก่อนที่มันจะใช้หัวไถมือองค์ชายที่ลูบหัวมันอย่างเอ็นดูซึ่งถ้าหากฟินด์อยู่ตรงนี้คงไม่วายจับมันยัดใส่ปากทันทีไม่ต่างจากเจ้านายมันที่เอาแต่ส่งสายตาอำมหิตใส่ชายหนุ่ม

"ขอบคุณนะ" ชายหนุ่มยังไม่ยอมแพ้ยิ้มให้เวสเปอร์ "เจ้าบอกเล่นดนตรีเป็นแล้วเจ้าจะเล่นเปิดหมวกรึเปล่า ข้าอยากลองฟังดูบ้าง"

องค์ชายยิ้มเหลือบไปมองเห็นหน้าบอกบุญไม่รับของโลกัสก็ส่ายหัว

"ข้าอยากนะแต่คงจะไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากฟังจริงๆ ก็ไปฟังที่ร้านเกลก็ได้"

ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างสนใจ "อ๋อ เจ้าเป็นนักดนตรีร้านนั้นงั้นเหรอ เล่นตำแหน่งไหนงั้นเหรอ"

"ขลุ่ยน่ะ" องค์ชายยิ้มนุ่มให้กับสีหน้าตื่นตกใจของชายหนุ่ม

"..กวางระเริงเพลง?"

ชายหนุ่มพูดคล้ายกับเหม่อลอยเพราะไม่เคยมีใครเห็นหน้ากวางระเริงเพลงมาก่อน งั้นก็หมายความว่าเขาอาจจะเป็นคนแรกที่เห็นหน้ากวางระเริงเพลงงั้นสิ! เขาเคยได้ยินว่าเพลงที่กวางระเริงเล่นนั้นเพราะมากแต่ก็ไม่ว่างไปฟังสักที นี่คงจะเป็นโอกาสอันดีที่จะเข้าไปฟัง นัยน์ตาสีดำเป็นประกายวับ

และแย่งกวางระเริงเพลงมาเป็นของเขา!

น่าเสียดายที่ความคิดของเขาถูกทำลายแทบจะทันควันเมื่อชายที่มากับกวางระเริงเพลงดึงตัวไปไม่ให้พูดคุยต่ออีกและจิตสังหารรุนแรงจนสั่นสะท้านไปทั้งวิญญาณ

ชายหนุ่มสั่นเทาไม่หยุดจนเจ้าหนูส่งเสียงจี๊ดๆ อย่างเป็นห่วง

เขาโยนความคิดที่จะแย่งออกอย่างไม่คิดชีวิต

จิตสังหารเมื่อกี้มันของนักฆ่าชัดๆ...
 
 



"โลกัส ถ้าเจ้าไม่ให้ข้าถอดเสื้อคลุมนี่ออกแล้วข้าจะเล่นน้ำยังไง"

องค์ชายที่ถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้วเหลือแต่กางเกงขาสั้นและเสื้อคลุมสีดำที่เจ้าเสือยื้อไม่ให้ถอดสักที

โลกัสไม่รู้จะตอบยังไงสำหรับเขาหวงก็คือหวงนั่นแหละ

"นี่มันจะเย็นแล้วนะ" องค์ชายหน้าบูดตัดสินใจใช้จังหวะที่เจ้าเสือเผลอโยนเสื้อคลุมออกแล้วกระโดดลงน้ำทันที องค์ชายโผล่ขึ้นจากน้ำหัวเราะร่าเริงเมื่อเสือร้ายทำหน้าเหวออยู่ที่เดิม

"ลงมาสิ น้ำเย็นนะ" เวสเปอร์วักน้ำขึ้นมาเล่นหัวเราะเมื่อมีปลาว่ายเข้ามาตอดขา

ครั้งนี้เป็นโลกัสที่ถมึงทึงบ้าง พยัคฆ์ดำหันซ้ายหันขวาสำรวจสิ่งมีชีวิต ดีที่ต่างคนต่างสนใจแต่ตัวเองกับเพื่อนไม่มีใครสนใจเขากับองค์ชายนักจึงยอมลงมายืนข้างๆ น่าแปลกที่ไม่มีปลาสักตัวกล้าตอดโลกัส

องค์ชายยิ้มมองภาพสะท้อนตัวในน้ำที่ตอนนี้กลายเป็นผมสีดำอีกครั้ง ดูแปลกตาดีสำหรับการปลอมตัวแค่สีผม ช่วยไม่ได้ผู้คนส่วนใหญ่รู้แค่องค์ชายเวสเปอร์มีผมสีขาวโพลนเท่านั้นส่วนหน้าตาก็คงจะจำกันไม่ได้แล้วเพราะผ่านมาเกือบปีแล้วสำหรับเหตุการณ์นั้น

"เจ้าอยากไปไหนอีกรึเปล่า?" 

เวสเปอร์หันไปยิ้มให้เจ้าเสือจนตาหยี "อยากสิ เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าเก็บกดแค่ไหนตอนเด็กๆ" 

เพราะจับความเศร้าในประโยคได้โลกัสถึงได้ก้าวเข้าไปลูบหัวเบาๆ

"อยากไปไหนก็บอกข้ามาแล้วกัน เดี๋ยวข้าพาไป" โลกัสลูบผมสีดำที่คราวนี้องค์ชายเป็นคนเปลี่ยนเองอย่างเพลินมือ 

องค์ชายหัวเราะขยับตัวเข้าใกล้โลกัสแล้วกอดแน่น

"อืม"

ทั้งๆ ที่กลับมาเป็นปกติแล้วแต่อุปนิสัยบางอย่างขององค์ชายยังคงเดิม บางทีองค์ชายก็รู้สึกอยากอ้อนเจ้าเสืออยู่เหมือนกันแต่ก็รู้สึกกระดากอายมาตลอดแต่วันนี้คงจะเพราะทั้งบรรยากาศและความใจดีของเจ้าเสือจึงทำให้องค์ชายอดไม่ได้ที่จะกอดแน่นคล้ายกับจะอ้อน

อึก

โลกัสกลืนน้ำลายเอือก

เป็นครั้งแรกที่นึกอยากกดองค์ชายมันซะตรงนี้ ให้ตายสิ... ถึงคราวอ้อนก็อ้อนหนักเกินไปจริงๆ

พอกอดจนพอใจองค์ชายก็ปล่อยและว่ายน้ำเล่นต่อ

"น่าเสียดายที่ฟินด์ไม่สบายวันนี้พอดี" องค์ชายบ่นหน้าเศร้าๆ

โลกัสพยายามไม่หลุดหัวเราะ

ไอ้เสือที่จะกินหัวเขาตอนเช้านั้นน่ะนะที่เรียกว่าไม่สบาย ช่วยไม่ได้ถ้าเอาฟินด์มาด้วย มันต้องขัดขวางความสุขเขาทุกอย่างแน่นอน ไอ้เสือเนรคุณแย่งความรักของเจ้านาย

"มาคนเดียวเหรอ หืม? ให้ข้าพาเที่ยวไหม"

ฉับพลันแววตาของโลกัสก็วาวโรจน์เมื่อมีไอ้หน้าไหนไม่รู้ว่ายมาหาเวสเปอร์

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เขาต้องฆ่าไอ้บัดซบนี่!
 
 
 
 
 --------------------
จะปิดจองแล้วเด้อออ ใครสนใจเจ้าเสือ กดเลยย <3

https://www.facebook.com/YholicBooks/photos/a.605025269691203.1073741828.385300378330361/605025253024538/?type=3&theater



 
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: เสือพาเที่ยว
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 18-03-2017 18:21:12
ีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีมาีอีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีกแล้วีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีี
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ: เสือพาเที่ยว
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-03-2017 18:29:22
สงสัยเจ้าเสือจะได้ออกกำลังกายยามเย็น 5555
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตัวอย่างตอนเล่มพิเศษ [แถมรอบพรีออเดอร์]
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 19-03-2017 22:11:02
เอาตอนพิเศษในเล่มพรีออเดอร์มาให้ดูค่ะ (สนพ. ทำสวยมากกกกกกกก  :hao5: :hao5:)

ตอนพิเศษ : เจ้าเสือหรือเจ้าแมว (?)

https://drive.google.com/file/d/0B-GniUqpABJ3UFIyUndmOFZ5REk/view


หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : งานแข่งขันประกวดดนตรี
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 22-03-2017 20:36:00
ตอนพิเศษ : งานแข่งขันประกวดดนตรี



เพราะเป็นศูนย์กลางการค้าขายเมืองเวลล์จึงต้องจัดหางานกิจกรรมต่างๆ มาจัดบ่อยๆ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เมืองและดึงดูดผู้คนให้มาจับจ่ายใช้สอยที่นี่ี แน่นอนว่าเป้าหมายของการเงินงานนี้ก็คือ เงิน เงิน แล้วก็เงิน  โฮมส์ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของการจัดประกวดครั้งนี้เลยจัดงานแข่งขันประกวดดนตรีทันทีหลังจากที่จัดงานเทศกาลแข่งกินไปหมาดๆ เล่นเอาคนที่เพิ่งมาเที่ยวโอดครวญกันไม่หยุดแต่ถ้าถามว่าจะมาอีกไหม คำตอบเดียวของพวกเขาก็คือมา

ใครใช้ให้นักดนตรีส่วนใหญ่มักจะมีรูปโฉมงดงามล่ะ? ต่อให้มีรูปโฉมไม่งดงามแต่เสียงเพลงที่บรรเลงออกมามันก็ชวนให้เคลิ้มฝันไปถึงดินแดนไหนๆ ราวกับเสพสารเสพติดในรูปของเสียงเพลงยังไงยังงั้น

ซึ่งในครั้งนี้โฮมส์จัดงานแข่งขันประกวดดนตรีแบบที่ยิ่งใหญ่ เพราะหมั่นไส้พยัคฆ์ดำของเวสเปอร์ที่นับวันจะดุร้ายหึงหวงองค์ชายขึ้นทุกวันในขนาดที่ว่าพอเดินเข้าไปใกล้ก็ถลึงตามองจนร่างแทบทะลุเลยจัดงานแบบอลังการงานสร้างเปิดตัวเวสเปอร์ให้หึงตายกันไปข้างนึงเลย

แต่งานครั้งนี้ก็แปลกกว่าครั้งไหนๆ ที่บรรดานักดนตรีที่โด่งดังทั้งในดินแดนมนุษย์และดินแดนอื่นๆ แห่กันมาลงสมัครกันยกใหญ่เพื่อเงินรางวัลจำนวนมหาศาล

แน่นอนว่าเวสเปอร์ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นเช่นกัน

"เวสเปอร์ เจ้าจะลงแข่งงั้นเหรอ?" โลกัสถามเสียงเข้มหน้าบอกบุญไม่รับ

"อืม" องค์ชายคลี่ยิ้มละมุนกรีดจดหมายให้เป็นมุมเรียบร้อยแล้วยื่นให้นกพิราบตัวหนึ่งคาบก่อนที่มันจะบินพึ่บพั่บออกจากหน้าต่างไป

ร่างสูงขบเคี้ยวฟันเมื่อจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นแล้วหน้าบูดยิ่งกว่าเดิม "เจ้าก็รู้ว่าข้าหวงเจ้า"

เวสเปอร์หัวเราะเบาๆ ยิ้มหยอกเย้า "เด็ก"

"โว้ย ข้าจะไปฆ่าเจ้าเมืองบัดซบนั่น" โลกัสยีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิงอย่างหงุดหงิด "มันต้องแค้นข้ามากแน่ๆ ถึงได้จัดงานนี้ขึ้นมา"

องค์ชายหลุดหัวเราะเพราะเจ้าเสือของเขาเดาได้ตรงเผง เรื่องงานประกวดนี้โฮมส์เอามาปรึกษากับเขาแล้วเขาก็ตอบตกลงที่จะลงแข่งด้วยเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์เมืองแต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าโฮมส์เหม็นขึ้หน้าโลกัสขนาดไหน เหม็นในขนาดที่ว่าถ้าฝีมือทั้งสองคนพอๆ กันคงตีกันจนกว่าจะตายไปข้างนึง

"ขำอะไร ข้าไม่ขำนะ"

เวสเปอร์ยังหยุดหัวเราะไม่ได้อยู่ดี สีหน้างอนๆ ที่ไม่เข้ากับหน้าตาหล่อเหลานั่นชวนขำจะตาย แต่ขำไปขำมาไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ใบหน้าชวนขันนั่นถึงมาอยู่ในระยะประชิดได้..

นัยน์ตาสีแดงก่ำจดจ้องตาวาวราวกับสัตว์ป่าสักตัวและมันก็มาพร้อมกับกรงขังที่ทำจากร่างมนุษย์

องค์ชายยิ้มหลับตาลงรับจูบหนักๆ ที่น่าจะเป็นการลงโทษและการแสดงความเป็นเจ้าของของพยัคฆ์ดำ มือที่ทั้งหยาบและอุ่นร้อนสอดเข้าไปในกางเกงและลูบสะโพกของร่างเล็กกว่าอย่างจาบจ้วง องค์ชายปรือตามองหน้าโลกัสแล้วหัวเราะในลำคอ

สภาพในต่างนี้เขาไม่ต่างกับกวางสักตัวที่จะโดนเสือกินสักนิด เสือที่กินเขาจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก.. แต่เขาไม่หนีหรอก เพราะมันไม่มีเหตุผลที่ต้องหนี

ในเมื่อเหยื่ออย่างเขาเต็มใจที่จะถูกกิน

 

เทศกาลงานแข่งขันดนตรีมาถึงไวจนเหมือนโกหก เวทีขนาดใหญ่ที่มักจะถูกใช้ในเทศกาลสำคัญต่างๆ ครั้งนี้ถูกตกแต่งด้วยธีมความดีงามกับความชั่วร้ายทำให้ทั้งเวทีถูกประดับประดาไปด้วยสีดำและสีขาว รูปปั้นของเทพเจ้าในความเชื่อต่างๆ และปีศาจถูกจัดวางไว้รอบงามให้คนได้ตื่นเต้นกัน ทุกอย่างทุกตารางนิ้วเป็นสีขาวสลับดำเพื่อแสดงให้เห็นว่าทุกสิ่งล้วนมีขาวดำ ทุกคนล้วนมีทั้งความดีงามและความชั่วอยู่ในตัวกันทั้งนั้น

แม้กระทั่งผู้เข้าแข่งขันก็ถูกจับฉลากเลือกฝั่งเช่นกัน แต่เหมือนโชคของเวสเปอร์จะเล่นตลกเพราะไปจับได้สีดำที่หมายถึงความชั่วร้ายซะอย่างงั้น ความรู้สึกแรกที่หยิบได้ของเวสเปอร์คือไม่รู้สึกอะไร อย่างไรก็ตามถึงแม้สีขาวจะคือสีประจำตัวกวางระเริงเพลงแต่ถ้าเป็นสีดำดูบ้างก็คงดูไม่เลวร้ายนัก

เพื่อไม่ให้จำนวนผู้แข่งขันมากเกินไปก่อนที่จะเข้ามาแข่งได้จึงมีการคัดเลือกไปแล้วคร่าวๆ จนเหลือแต่ผู้เข้าแข่งขันหลักๆ อยู่สิบคนซึ่งแต่ละคนล้วนมีชื่อเสียงไม่ธรรมดาทั้งนั้น ปีศาจจิ้งจอกเหมันต์ผู้เป็นเลิศด้านการเล่นเครื่องสี ดาฟินัสมนุษย์ที่สามารถทำให้ผู้คนหัวเราะร่ำไห้ได้ปานจะขาดใจจากการเล่นเพลงเพียงแค่ฟังไปไม่ถึงครึ่งเพลง มีแม้กระทั่งเงือกที่ไม่ค่อยคบค้าสมาคมกับใครก็โผล่มาแข่งด้วยซึ่งรูปโฉมของเงือกก็คงจะรู้ๆ กันอยู่ เพียงแค่สบตาก็แทบจะลืมวิธีหายใจ

หลังจากเปิดงานอย่างเป็นทางการพิธีกรที่อยู่ในชุดครึ่งขาวครึ่งด้านหลังมีปีกปีศาจและปีกเทวดาอย่างละครึ่งราวกับเป็นลูกผสมที่เกิดจากความผิดพลาดของคู่รักยังไงยังงั้นแต่อย่างไรก็ตามเพราะใบหน้าที่หล่อเหลาและติดอันดับคนโด่งดังต้นๆ ของเมืองเวลล์ทำให้ไม่มีใครติดใจอะไรนัก

"เริ่มกันแล้วนะขอรับ สำหรับงานแข่งขันดนตรีประจำปีของเรา! เอาล่ะขอรับ ไม่รอช้าเราจะมาแนะนำฝั่งเทพกันก่อนเลย" ร่างสูงพูดพร้อมผายมือไปยังฝั่งขวาที่มีร่างผู้เข้าแข่งขันในชุดสีขาวตามธีมเต็มยศเดินออกมาจากหลังม่าน เกิดเสียงเฮยกใหญ่เมื่อพิธีกรผายมือไปยังคนแรก "คนแรกคือดาฟินัสเป็นมนุษย์ที่ได้รับฉายาว่าเป็นภูติแห่งเสียงเพลง ขอแค่เขาได้เล่นเพลงไม่ว่าจะเป็นใครก็ล้วนยอมตกเป็นทาสของเสียงเพลงที่เขาเล่นขอรับ!!!"

เสียงเฮดังลั่นดังกว่าเดิมราวกับว่ายืนยันในสิ่งที่พิธีกรพูด เจ้าของฉายายิ้มเขินๆ ยกมือทักทายแน่นอนว่าทำเอาเสียงเฮเริ่มขาดหายเพราะความงดงามที่ราวกับไม่ใช่มนุษย์ของดาฟินัส ผมสีทองที่ถูกไว้ยาวถูกไว้ยาวถึงหลัง นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างทอประกายระยับชวนให้หลงใหล ยิ่งอยู่ในชุดสีขาวที่ออกแบบมาอย่างดียิ่งทำให้ดานิฟัสราวกับเป็นภูติแห่งสรวงสวรรค์ที่เปี่ยมไปด้วยความดีงาม

พิธีกรหัวเราะกับปฏิกิริยาที่ดูจะมากเกินของคนดูแต่ละคน "เดี๋ยวเสียงจะหมดเอานะขอรับ เก็บๆ ไว้ตอนแข่งด้วยนะ หึหึ เอาล่ะขอรับ คนโตไปเป็นปีศาจร่างใหญ่ที่มาพร้อมกับการดนตรีอันทรงพลัง--"

ทั้งๆ ที่นี่ไม่ใช่การขึ้นเวทีครั้งแรกของเวสเปอร์แต่เวสเปอร์ก็ยังประหม่าเหมือนทุกครั้ง นัยน์ตาสีทองที่ถูกซ่อนไว้หลังหน้ากากสีดำสอดส่ายไปมาพยายามหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจตัวเอง มือที่เริ่มจะชื้นกำชายเสื้อแน่นเมื่อนึกถึงการตัดสินใจบางอย่างของตัวเองที่แม้แต่โลกัสก็ไม่ล่วงรู้ หาเพียงไม่นานก็เจอร่างนักฆ่านั่งอยู่แถวหน้าสุดและกำลังหยิบกินขนมที่เขาทำให้เคี้ยวตุ่ยๆ ดูน่าเอ็นดู ถึงแม้ว่าใบหน้าครึ่งบนจะถูกซ่อนด้วยหน้ากากเสือสีขาวก็เถอะ..

"เฮ้ เจ้าน่ะ อย่าชะเง้อหน้าออกไปเยอะนักสิ" หนึ่งในผู้ดูแลดุเวสเปอร์เบาๆ ไม่จริงจังนัก

องค์ชายสะดุ้งกลับมายืนนิ่งกระสับกระส่ายเหมือนเดิม เวสเปอร์ก้มลงมองมือตัวเอง

เขาต้องทำได้สิ...

หายใจได้ไม่กี่ทีก็ถึงคิวของเวสเปอร์ที่ต้องออกจากม่าน

ผู้ดูแลคนเดิมชะเง้อหน้ามองข้างนอกแล้วกระพูดเสียงกระซิบ "เจ้าไปได้แล้ว"

"เอาล่ะขอรับมาถึงคนสุดท้ายของเรา กวางระเริงเพลงผู้โด่งดังในตอนนี้ขอรับ!"

องค์ชายพยักหน้ารับสูดหายใจลึกเรียกความกล้าของตัวเองออกมาและเดินออกไปจากหลังม่านด้วยท่าทีทระนงตัวและสง่างามเหมือนที่เคยทำตอนที่ได้ความรับทรงจำกลับมาเป็นครั้งแรก

เสียงเฮคล้ายกับจะมีแต่ก็เหมือนไม่มี ทุกคนพากันแปลกใจเพราะชุดประจำขององค์ชายไม่เหมือนเดิม มันเป็นสีดำทมิฬเช่นเดียวกับหน้ากากเขากวางที่เป็นสีดำจนหมดเช่นกัน

เวสเปอร์ยิ้มเจื่อนกระอักกระอ่วนกับความเงียบจนเกินไป ไม่รู้สิเขาชินกับเสียงแซวเสียงโห่ร้องอะไรอย่างนี้มากกว่า

"โอ้ ไม่น่าเชื่อว่ากวางระเริงเพลงของเราจะได้สีดำนะขอรับ แต่คิดเหมือนข้าใช่ไหมขอรับ เหมาะเป็นบ้า ฮ่าๆ" พิธีกรหยอกเย้าโดยไม่รู้ตัวแม้แต่นิดว่ากำลังโดนหมายหัวจากคนที่นั่งข้างล่าง องค์ชายพยายามส่งสายตาไปปรามแต่ก็ไม่ได้ผลนักเพราะหน้ากากนี่ปิดใบหน้าจนแทบมองไม่เห็นดวงตา

"ไม่ใช่เหมาะ ข้าว่าเปลี่ยนเป็นสีดำไปเลยดีกว่า! ส่วนชุดคราวหน้าข้าของบางๆ กว่านี้"

"โอย เงินข้า นี่คือแผนของร้านใช่ไหม ฮือ ข้าต้องเผลอไปเข้าร้านทุกวันแน่เลย ฮึก"

เพราะคำชมแปลกๆ องค์ชายเลยยิ้มออกนิดๆ แต่ไม่ได้ยกมือทักทายใครเนื่องจากเสือขี้หวงคนเดิม นัยน์ตาสีทองกวาดตามองผู้เข้าแข่งขันอย่างสำรวจและประเมิน จะว่ายังไงดีเพราะนี้เป็นการแข่งแบบจริงๆ จังๆ ครั้งแรกของเวสเปอร์ ทำให้เจ้าตัวไม่รู้สึกมั่นใจในตัวเองสักนิดเดียว อีกทั้งคู่แข่งแต่ละคนก็ดูน่ากลัวทั้งนั้นแต่ถึงจะกลัวยังไงท่าทีที่แสดงออกไปก็คือยิ้มน้อยๆ ดังเดิม

"..!"

องค์ชายสะดุ้งนิดๆ กับความรู้สึกบางอย่างที่แล่นผ่านเมื่อกี้พอหันไปมองสาเหตุก็เห็นสายตาไม่เป็นมิตรของคนที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน

ดาฟินัส...

ใบหน้าสวยนั่นถึงแม้จะยิ้มแย้มแต่แววตาที่มององค์ชายกลับส่อถึงความมาดร้ายและไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด องค์ชายสบตากลับไม่เกรงกลัว สิ่งที่ทำให้องค์ชายหวั่นเกรงคือการแข่งขันแต่ไม่ใช่การข่มขู่ของใครสักคน พอมองไปนานๆ ก็เริ่มรู้สึกรำคาญเลยมองไปดูอย่างอื่นก็เจอเงือกหนุ่มข้างๆ ที่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

"ปกติข้าไม่ชอบมนุษย์นะ แต่ข้าชอบหน้ากากเจ้า สวยดี" ใบหน้าหล่อเหลาพูดด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงกระจ่างใส่ราวกับสายน้ำทะเลที่กระทบกับหาดทราย

องค์ชายยิ้มรับ

"แนะนำตัวกันเสร็จก็ขอเริ่มการแข่งขันเลยแล้วกันขอรับ เชิญพบกับคนแรกเอนเลส!"

ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันต่อการแข่งขันก็ดำเนินต่อไปซึ่งอันดับก็ตามที่จับฉลากได้ไม่รู้ว่าซวยซ้ำซ้อนหรืออะไรยังไงเวสเปอร์ถึงได้คิวสุดท้ายเหมือนเดิม ผู้เข้าแข่งขันที่ยังไม่ถึงคิวก็พากันไปนั่งจับจองที่เดิมและซักซ้อมเพลงของตัวเองกับอากาศหรือถ้าใครเก่งหน่อยก็สร้างอาณาเขตขึ้นมาแล้วเล่นเพลงในนั้นทำให้ไม่มีเสียงเพลงเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินแม้แต่นิดเดียว

ส่วนองค์ชายไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นใช้เวลาไปกับการทบทวนเนื้อเพลงในหัวและพยายามเข้าถึงอารมณ์ของเพลงนั้นให้ได้ เพลงที่เวสเปอร์เลือกไปแข่งไม่ใช่เพลงที่ชายชราให้แต่เป็นเพลงที่องค์ชายชอบมันมากที่สุด

เพลงที่ว่าด้วยการเป็นตัวของตัวเอง

เวสเปอร์หลงใหลเพลงนี้ในตอนเด็กๆ ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจในความหมายอันล้ำลึกของเพลงก็ตามแต่พอหายกลับเป็นปกติก็ทำให้ชอบเพลงนี้มากกว่าเดิม เพราะจังหวะที่เนิบช้าแต่ทรงพลังอย่างประหลาดและความเป็นเอกลักษณ์ของเพลง เพลงนี้เวสเปอร์ไม่เคยเล่นให้ใครฟังเพราะรู้สึกว่าเป็นเพลงที่ตัวเองไม่สมควรเล่นหรือไม่มีค่ามากพอที่จะเล่น

แต่วันนี้องค์ชายตัดสินใจเล่นมันเพราะเขานั่นเปลี่ยนไปแล้ว.. เขาไม่ใช่องค์ชายปัญญาอ่อนแห่งเมืองเอวินด์อีกต่อไปแล้วแต่เป็นเวสเปอร์กวางระเริงผู้โด่งดังแห่งเมืองเวลล์!

"อย่าร้องไห้กลับบ้านแล้วกัน กวางระเริงเพลง"

เสียงพูดขึ้นอย่างยโสดังเหนือหัวเวสเปอร์ทำให้ร่างที่กำลังจมอยู่ในภวังก์เงยหน้าขึ้นมามองด้วยแววตาเฉยชา

กับองค์ชายเวสเปอร์ที่ถูกดูถูกมาค่อนชีวิตกับคำพูดเล็กๆ น้อยๆ นี่ไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ร่างโปร่งพยักหน้ารับรู้ไม่ตอบทำให้คนพูดแค่นเสียงหึแล้วสาวเท้าเร็วๆ ออกไป

องค์ชายกระพริบตาปริบเมื่อเห็นขลุ่ยสีขาวโพลนหรูหราของดาฟินัส

เขาได้ยินพวกนักดนตรีคุยกันว่าดาฟินัสเล่นเครื่องดนตรีได้ทุกชนิด.. ขลุ่ยนี้ก็คงเป็นการจงใจ

แววตาขององค์ชายวูบไหวนิดๆ กับคนที่เจอกันครั้งแรกยังเกลียดกันได้ขนาดนี้เชียว?

♪ ~~~

เสียงเพลงที่ดังลอดเข้ามาข้างในครั้งนี้ทำให้เวสเปอร์เบิกตากว้างสั่นสะท้านไปทั้งตัวกับความทรงพลังของเพลง ไม่น่าเชื่อว่าเสียงที่ออกมานั้นมาจากขลุ่ยเพราะมันเป็นจังหวะที่เร็วจนรู้สึกอยากขึ้นมาขยับร่างกายก่อนที่เนื้อเพลงเนิบช้าชวนให้เศร้าจนหลั่งน้ำตา ความขัดแย้งทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ทำเอาเวสเปอร์ทึ่งนิดๆ และคนที่ทึ่งกว่าคือบรรดาผู้ชมที่ส่งเสียงโหกเหวกโวยวายมีบางคนสะอื้นไห้ด้วยความปิติด้วยซ้ำ

นี่สินะ.. เหนือฟ้ายังมีฟ้า

องค์ชายยิ้มก่อนที่จะหุบยิ้มเมื่อร่างที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้เดินกลับมา

นัยน์ตาสีฟ้าทอประกายวาววับอย่างยโสและแฝงถึงชัยชนะ "แสดงให้ข้าเห็นหน่อยสิ กวางระเริงเพลงที่กล้ามาแย่งตำแหน่งภูติแห่งเสียงเพลงผู้โด่งดังของข้า"

เวสเปอร์มองเมินไม่ได้ตอบสาวเท้าออกไปทันทีในมือกำขลุ่ยที่เจ้าเสือซื้อให้แน่น

"มาจนถึงคนสุดท้ายที่ทุกคนรอคอยเหมือนผม กวางระเริงเพลงขอรับ!" พิธีกรพูดเสียงคึกคัก "หวังว่าคนคุมจะไม่มาด้วยนะขอรับ กวางระเริงเพลง ไม่อย่างงั้นพวกข้าคงโดนฆ่าหมกศพอยู่แถวนี้กันหมดแน่ๆ"

องค์ชายยิ้มแห้งตอบและไปหยุดยืนกลางเวทีอย่างประหม่า หัวใจในอกเต้นรัวสายตาจับจ้องเพียงคนๆ เดียวของตัวเอง เพราะหน้ากากที่ปิดบังสายตาทำให้ทุกคนคิดว่ากวางระเริงเพลงไม่ได้มองใครเป็นพิเศษเลยยังไม่มีใครรู้ตัวว่าผู้คุมที่ว่าตอนนี้มองกวางระเริงเพลงตาวาว

"เพลงที่เล่นเป็นเพลง เอ.. ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย เพลงหวนคืนสู่เสียงเพลง เป็นเพลงเกี่ยวกับการเป็นตัวของตัวเองขอรับ อ่า.. จะเป็นยังไงก็ไปฟังกันเลยแล้วกันขอรับ!"

"ข้าจะเล่นแล้วนะ" เวสเปอร์ขยับปากพูดซึ่งโลกัสก็พยักหน้ารับเชิงรับรู้

องค์ชายจึงหลับตาลงเหมือนทุกครั้ง ดึงจิตใจที่ปั่นป่วนจากหลายๆ เรื่องให้นิ่งสงบก่อนที่จะจรดริมฝีปากบนขลุ่ยและเล่นเพลงออกมาอย่างเนิบช้าด้วยความรู้สึกชัดๆ ของตัวเอง ชัดเจนกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยเล่น

ทำนองเพลงเนิบช้าหากแต่สะท้านไปถึงจิตใจของคนฟัง น่าแปลกที่ขึ้นทำนองแรกก็มีคนหลั่งน้ำตาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่เป็นแผลลึกที่ไม่มีวันหายของกวางระเริง พอเล่นต่อไปได้สักพักทำนองเพลงเปลี่ยนขึ้นมาร่าเริงนิดๆ ทำให้ความรู้สึกที่คล้ายจะจมดิ่งไปในเหวลึกค่อยๆ ปีนขึ้นมาเหยียบบนพื้นดินอีกครั้งแต่ก็ไม่แข็งแรงนัก

คนดูหลายคนอุทานแผ่วเบาเมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มกวางระเริงเพลง

หน้ากากปิดบังใบหน้าก็จริงแต่มันไม่สามารถปิดบังความรู้สึกได้..

เสียงเพลงดำเนินต่อไปในทำนองที่หวานล้ำสำหรับเวสเปอร์มันหมายถึงช่วงที่มีโลกัสเข้ามาในชีวิต มันทำให้ทุกสิ่งในชีวิตเลวร้ายของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

น่าแปลกที่ครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงที่องค์ชายร้องไห้ เสือตัวใหญ่ไร้ใจก็กำมือแน่นหัวใจสั่นเทานึกสบถในใจที่ไม่เจอองค์ชายให้ไวกว่านี้ หวังจะแบ่งเบาความเจ็บปวดนั่นมาที่ตัวเองบ้าง

องค์ชายเผยความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองออกมากับการเล่นเพลงแม้มันจะไม่บอกความจริงว่าเกิดอะไรกับชีวิตของเขาบ้างแต่มันก็เผยความรู้สึกทั้งหมดที่เขาได้รับมาตลอดชีวิต

มีทั้งเสียงร้องไห้รอยยิ้มขมขื่นหรือแม้แต่การนั่งนิ่งๆ ของเหล่าผู้ชม

เสียงเพลงของกวางระเริงเพลงนั่นซื่อตรงจนรู้สึกเหมือนจับต้องได้ยังไงยังงั้นจนต่อให้ผู้ที่เกลียดเสียงเพลงมากที่สุดก็ยังต้องหยุดฟังสักทำนองด้วยความสนใจ

คณะกรรมการที่รวบรวมไว้หลายสายพันธุ์พากันวางปากกาแล้วหันไปสบตากันและพยักหน้าเป็นอันรู้กันว่าใครจะเป็นผู้ชนะในครั้งนี้

เป็นเวลาที่เหมือนนานชั่วกัลป์กว่าเพลงจะจบลงสำหรับองค์ชาย เวสเปอร์ลดขลุ่ยลงและยกมือขึ้นมาแตะใบหน้าของตัวเองอย่างประหลาดใจเพราะไม่คิดว่าจะร้องไห้ออกมาจริงๆ

พิธีกรยิ้มนิดๆ กับผลผู้ชนะที่ออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องคิดแม้แต่นิดเดียว รอจนกระทั่งมีคนสรุปผลคะแนนและวิ่งมาให้เขาบนเวทีจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงรื่นเริง "ถึงเวลาประกาศผลแล้วสินะขอรับ จะเป็นใครน้าาาา ที่จะชนะครั้งนี้"

เหล่าบรรดาผู้ชมต่างตะโกนคนในใจของตัวเองออกมาเสียงดังแต่ที่เสียงดังที่สุดเห็นจะเป็นกวางระเริงเพลงแน่นอนว่าคนนำทีมของโลกัสตะโกนเสียงดังลั่นไม่แพ้กัน

องค์ชายเหลือบมองเดฟินาสที่ยืนข้างตัวเองและพบว่าดวงตาสีฟ้านั่นมองมาอย่างเจ็บใจ

"มองอะไร!"

เวสเปอร์หันหน้าหนีทันทีและรอผลอย่างตั้งใจ

"ครั้งหน้านะ ถ้าเจ้ามาแข่งอีก ข้าไม่มีวันแพ้เจ้าแน่!"

องค์ชายหลุดหัวเราะเบาๆ กับท่าทีของเด็กที่ไม่ได้ดั่งใจ

พิธีกรหนุ่มโคลงตัวไปมา "คนที่ได้ตำแหน่งปีนี้ก็คืออออ" เสียงอันยืดเยื้อทำเอาผู้คนเดาเขากันระงม "กวางระเริงเพลงขอรับ!!!"

เวสเปอร์สะดุ้งเฮือกนิ่งอยู่ท่าเดิมไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

เป็นข้า?

จวบจนกระทั่งถูกยัดรางวัลใส่มือและสัมภาษณ์สติของเวสเปอร์ถึงได้เรียงตัวกลับมาใช้งานได้

"อ่า..." พิธีกรยิ้มเขินนิดๆ "ไหนๆ ก็ชนะแล้วลองถอดหน้ากากดูดีไหมขอรับ ทุกคนอยากเห็นหน้ามากเลย"

เวสเปอร์ยิ้ม "ได้สิ" แล้วค่อยๆ ถอดหน้ากากออกมาเผยให้ใบหน้าและผมสีขาวโพลนนัยน์ตาสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ของบุตรชายคนโตของเมืองเอวินด์

นี่คือสิ่งที่เขาตัดสินใจ... เขาจะเลิกซุกซ่อนตัวเองจากตัวตนของตัวเองสักที ถึงแม้จะชอบชีวิตที่เรียบง่ายแต่ก็ใช่ว่าจะอยากหนีจากตัวตนของตัวเองที่พยายามปฎิเสธมาตลอด

ไม่ว่าจะกวางระเริงเพลง เวสเปอร์ที่ปัญญาอ่อน หรือเขาก็ล้วนเป็นคนเดียวกันทั้งนั้น..

"องค์ชายเวสเปอร์!?" มีเสียงดังฮือฮาขึ้นก่อนที่จะลามไปเรื่อยๆ เหมือนไฟป่า ใครๆ ก็เคยได้ยินเรื่องขององค์ชายอาภัพองค์นี้ทั้งนั้นแต่ข่าวล่าสุดคือเสียชีวิตไปแล้ว

โลกัสขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจเวสเปอร์นักหยุดยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

ในจังหวะที่ทุกคนแตกตื่นเวสเปอร์ก็พูดต่อด้วยรอยยิ้มและสีหน้ามั่นใจ

"ข้าจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว"

แววตาสะท้อนรอยยิ้มของโลกัสที่มองด้วยแววตาล้ำลึก

ใช่.. ข้าจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว อะไรต่อจากนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง ขอแค่มีเจ้าเสือข้าก็พร้อมที่จะเจอกับมันอย่างแน่นอน



---------------

ตอนนี้แต่งเมื่อวานตั้งใจจะใส่ในเล่มหลักแต่ใส่ไม่ทัน เสียดายมากกกกกกกก TWT แง

 ปล. THE MASK SINGGER 5555

 
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : งานแข่งขันประกวดดนตรี
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 22-03-2017 20:46:06
เจ้ากวางงงงง คิดถึงเจ้ากวาง เจ้าเสือ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : งานแข่งขันประกวดดนตรี
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 30-03-2017 00:16:48
อ่านแล้วรู้สึกจะมีตอนต่อใช่มั้ย ใช่มะ  :mew2:

ปล.คิดถึงฟินด์
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : งานแข่งขันประกวดดนตรี
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 02-04-2017 18:00:45
ดีใจด้วยนะเวสเปอร์
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : งานแข่งขันประกวดดนตรี
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 08-04-2017 14:40:04
ขอบคุณนะคะสนุกมากเลย ชอบมาก เจ้าเสือเท่มากองค์ชายก็น่ารัก แต่ชอบฟินด์ที่สุดเลยยย
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน #แจกนิยาย
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 29-04-2017 10:02:58
มีกิจกรรมแจกนิยายเรื่องนี้ในเพจ  :hao7:

ไปเล่นกันได้นะคะ  :กอด1: 

https://www.facebook.com/FoggyTime/photos/a.811652302259667.1073741828.793497584075139/1311288498962709/?type=3&theater
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เสือป่วยย
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 11-05-2017 15:48:40
ตอนพิเศษ : เสือป่วย

วันนี้เป็นวันครบรอบเปิดร้านทำให้เกลตัดสินใจให้เวสเปอร์ไปเล่นเพลงหน้าร้านเป็นการเฉลิมฉลองและเรียกลูกค้า พื้นที่บริเวณหน้าร้านที่ปกติเป็นสนามหญ้าโล่งๆ แต่วันนี้ถูกจับจองด้วยเวทีโต๊ะเก้าอี้มากมาย พวกปีศาจกระต่ายที่เกลจ้างให้เป็นพนักงานต่างหัวหมุนกับการจัดนู่นนี่นั่นอย่างดอกไม้หรือแม้แต่ครัวก็ถูกยกออกมาทำเป็นซุ้มด้านนอกเพื่อสะดวกต่อการทำและเสิร์ฟอาหาร

ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันดีแต่โลกัสกลับรู้สึกว่าเป็นวันที่เลวร้ายที่สุด

"ฮื่อออ"

"นอนๆ ไปเถอะน่า โลกัส" เกลมองเสือร้ายที่พยายามตะกายลงจากเตียงด้วยสายตาสมเพชแกมสงสารนิดๆ "เวสเปอร์ไม่โดนฉุดง่ายๆ หรอก"

"..เจ้าไม่เข้าใจ" โลกัสขู่แง่งเสียงแตกจากอาการหวัด ไข้ที่ขึ้นสูงพรวดๆ ผิดวันทำเอาเสือร้ายตาพร่าจนมองทางแทบไม่เห็น "..พวกมันจะแย่งของๆ ข้า!" แม้แต่เรี่ยวแรงยังตกลงไปกว่าครึ่งทำให้ออกจากเตียงไม่ได้สักที

"ข้าดูแลตัวเองได้น่า เจ้าเสือ"

องค์ชายที่กำลังจัดแจงเสื้อผ้าสีขาวของตัวเองหน้ากระจกเหลือบมามองเจ้าเสือด้วยความรู้สึกสงสารนิดๆ

"..ไม่" โลกัสขบกรามกรอดพยายามตะกายออกจนเกือบตกเตียงก็ถูกเวสเปอร์ผลักกับเข้าที่เดิมอย่างง่ายดายและกระชับผ้าห่มให้อย่างใส่ใจ

"ไว้ใจข้าสิ" องค์ชายพูดพึมพำลูบมือเจ้าเสือที่ร้อนผ่าวกว่าทุกที

ไม่แน่ใจว่าเพราะนานๆ ทีจะป่วยรึเปล่า เสือร้ายของเขาถึงได้อาการหนักขนาดนี้..

"ฮื่อ.. รอข้าหายก่อนไม่ได้เหรอ" โลกัสใช้เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของตัวเองดึงมือองค์ชายมาจูบเบาๆ

"...แต่" องค์ชายเม้มปากแน่นเริ่มลังเล สายตาอ้อนๆ ของเจ้าเสือแบบนี้มีให้เห็นไม่บ่อยนักหรอก แน่นอนว่าทำให้องค์ชายใจอ่อนยวบ

"รอเจ้าหายมันก็เลยวันครบรอบร้านข้าแล้วจ้ะ น้องเสือ" เกลที่เดินมายืนข้างๆ เวสเปอร์จัดการดีดหน้าผากโลกัสด้วยความหมั่นไส้ระดับสิบจนเจ้าตัวขู่ฮื่อๆ ออกมาอย่างดุร้าย

"..เจ้า!" นัยน์ตาของโลกัสแทบลุกเป็นไฟด้วยความโมโห

"เอาล่ะ ล่ำลากันพอแล้วก็ไปกัน เวสเปอร์ นี่ก็จวนจะถึงเวลาแล้ว" เกลดันหลังเวสเปอร์ออกจากเตียงซึ่งก็ไม่วายหันมามองโลกัสอยู่เป็นพักๆ เหมือนเป็นห่วง

"...ข้าจะรีบกลับมานะ" องค์ชายตัดสินใจพูดแล้วรีบเดินออกจากห้อง กลัวว่าตัวเองจะอดใจไม่กลับไปหาเจ้าเสือไม่ได้ ยิ่งงานนี้เป็นงานใหญ่ยิ่งทำให้เวสเปอร์ตื่นเวทีกว่าปกติ ไหนจะโลกัสที่นอนเป็นผักในห้องอีก

งานครั้งนี้จึงเป็นอะไรที่ทำให้เวสเปอร์กังวลพอสมควร ยิ่งกับชื่อเสียงหลังจากไปงานเปิดตัวร้านอาหารยิ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นจนแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ถ้าไม่มีโลกัสไปด้วย

"ไม่ต้องกังวลน่า เจ้าก็แค่เล่นเหมือนเดิมแค่เปลี่ยนสถานที่นิดหน่อย" เกลพูดด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเอื้อมมือไปจัดคอเสื้อที่ยับนิดๆ ของเวสเปอร์และจัดผมที่ปรกใบหน้าเวสเปอร์ออกเพื่อใส่หน้ากากกวาง

"แต่ว่า.."

มือของเวสเปอร์ตอนนี้ชื้นไปด้วยเหงื่อแม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามเช็ดมันกับเสื้อแล้วก็ตาม แววตาสีทองขององค์ชายมีความกังวลอยู่เต็มเปี่ยม "เกล.. ถ้าข้าทำได้ไม่ดี ข้าขอโทษนะ"

ไม่แน่ใจว่าเพราะโลกัสที่เป็นที่พึ่งทางใจของเวสเปอร์ป่วยรึเปล่าถึงทำให้องค์ชายอ่อนไหวง่ายกว่าปกติ บาดแผลลึกที่ในใจที่เหมือนจะหายแต่ก็ไม่มีวันหายจึงถูกสะกิดจนองค์ชายลนลานไปหมด ถึงแม้จะกลับมาเป็นปกติแล้วแต่ความทรงจำเลวร้ายก็ยังคงหลอกหลอนองค์ชายอยู่เนืองๆ ในบางครั้ง

เกลหัวเราะแล้วลูบหัวองค์ชาย "กลัวอะไรของเจ้า องค์ชาย เจ้าเป็นถึงกวางระเริงเพลงนะ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก ข้าเชื่อในตัวเจ้า"

ฮื่อ...

เวสเปอร์ก้มลงไปก็พบว่าฟินด์ในร่างเสือเอาหัวมาถูไถเวสเปอร์อย่างออดอ้อนไม่ต่างอะไรกับตอนที่อยู่ในร่างแมว องค์ชายจึงเผลอยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้และนั่งยองๆ กอดฟินด์แน่น

"เฮ้อออ" เกลถอนหายใจเมื่อร่างของกวางระเริงเพลงยับเยินผมเผ้ายุ่งไปหมดเพราะฟินด์เอาหัวทั้งไถทั้งอ้อน ร่างสาวงามจึงตบหัวฟินด์เบาๆ เชิงเอ็ด "พอได้แล้วน่า เวสเปอร์ต้องขึ้นเวทีแล้ว"

ฟินด์ส่งเสียงฮื่อๆ เลียหน้าเวสเปอร์แผล่บสองแผล่บก็ถอยออกมาเลียขนตัวเองบ้าง วันนี้มันได้รับมอบหมายจากโลกัสให้เป็นองค์รักษ์ให้กับเวสเปอร์ ส่วนองค์ชายก็จัดคอเสื้อชุดตัวเองใหม่และรับหน้ากากกวางครึ่งใบหน้าจากเกลมาสวมด้วยความมั่นใจที่มีมากกว่าเดิมนิดหน่อย

เกลเหลือบมองนาฬิกาที่ติดว่าบนประตูแล้วพยักหน้าให้เวสเปอร์ "ออกไปได้แล้ว ถ้าเจ้ากังวลมากจริงๆ ก็คิดเรื่องเงินก็ได้ รับรองข้าให้เจ้าเยอะแน่ๆ ถ้าคนมาเยอะ" เกลหลุดหัวเราะเมื่อเวสเปอร์มีท่าทีสนใจกับคำว่าเงินเป็นพิเศษ

"..ข้า ฝากดูแลโลกัสด้วย" องค์ชายพูดด้วยสีหน้าเขินนิดๆ ก่อนที่จะเปิดประตูไม้หนักๆ ออกทั้งสองข้าง

น่าแปลกที่เพียงแค่เห็นร่างสีขาวผู้คนที่มาจับจองพื้นที่กันอย่างคับคั่งก็ส่งเสียงฮือฮาตะโกนบอกว่า 'กวางระเริงเพลงมาแล้วๆ ' ซึ่งนั่นก็ทำให้บุคคลที่นั่งตรงพื้นที่พิเศษติดขอบเวทียิ้มอย่างพอใจ นัยน์ตาที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากสีดำวาววับเมื่อเห็นกวางระเริงเพลงเดินด้วยท่าทางเคอะเขินผ่านหน้าตัวเองไป ใบหน้าครึ่งล่างที่ไม่ได้ถูกซ่อนส่งยิ้มเล็กๆ ให้กับผู้คนที่มาชมในวันนี้

"เอาเว้ย วันนี้ไอ้โหดนั่นไม่มา!" ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหนึ่งในคนที่มาร้านเกลเพื่อฟังเวสเปอร์พูดอย่างย่ามใจกับเพื่อนตัวเอง "วันนี้แหละ ดอกกุหลาบข้าต้องถึงมือกวางระเริงเพลง และข้าก็จะเป็นคนแรกที่จะได้เห็นใบหน้านั่น ฮ่าๆ"

แต่หัวเราะไปได้ไม่เท่าไหร่ก็สะดุ้งกับเสือขาวขนาดยักษ์ที่ส่งเสียงขู่แง่งใส่

โฮกก!!

ฟินด์คำรามใส่จนชายคนที่ว่าผงะถอยหลังจึงยอมเดินเชิดหน้าวิ่งตามเวสเปอร์ไปติดๆ

"เสือขาวงั้นเหรอ.." บุคคลในหน้ากากสีดำแสยะยิ้มเคาะนิ้วเบาๆ บนโต๊ะจนเหล้าชั้นดีในเก้าทรงสูงเกิดวงคลื่น "น่ารำคาญ"

ฮื่อ..

หมาป่าขนาดใหญ่กว่าปกติเงยหน้าขึ้นมามองเจ้านายมันและเอียงคอเบาๆ เชิงถาม เพราะถ้าหากมีคำสั่งให้ 'กำจัด' มันก็จะไม่ลังเลที่จะกระโจนเข้าใส่แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงเสือก็ตาม

"ใจเย็นน่า" คนเป็นเจ้านายลูบหัวมันเบาๆ และหัวเราะเสียงต่ำ "เดี๋ยวถึงเวลาเจ้าก็รู้เองว่าต้องกำจัดเสือขาวนั่นตอนไหน" ก่อนที่จะใช้นัยน์ตาสีน้ำเงินมองกวางระเริงเพลงที่ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ไม่วางตา

"เอาล่ะขอรับ ขอเสียงปรบมือให้กวางระเริงเพลงหน่อย" ปีศาจกระต่ายที่ถูกเกลยัดเยียดตำแหน่งพิธีกรพูดด้วยน้ำเสียงคึกคัก พอมีเสียงเฮตอบมันก็กระดิกหูยาวๆ ไปมาอย่างอารมณ์ดีเพราะจำนวนคนตอนนี้เยอะมากจนตาลาย แน่นอนว่าเกลต้องให้เงินพิเศษมันเยอะแน่ๆ ถ้ามีคนมากขนาดนี้ "วันนี้เป็นวันพิเศษนะขอรับ เป็นวันครบรอบเปิดร้านของท่านเกล! เอ้า ขอเสียงเฮให้หญิงงามประจำเมืองเราด้วยขอรับ" มันวาดแขนไปทางเกลที่กำลังยืนยิ้มโบกมือให้กวางระเริงเพลง

ซึ่งพอมันไปหันไปเจอกวางระเริงเพลงมันก็นึกเรื่องบางอย่างออก พอรวมกับเหล้ารสเลิศที่มันแอบจิบมาพอให้กรึ่มๆ พอให้มีความกล้ายิ่งทำให้มันฮึกเหิมตะโกนออกมา "วันนี้เสือของกวางระเริงเพลงป่วยขอรับ! ปลอดภัยหายห่วง ใครอยากทำอะไรก็เต็มที่เลยขอรับ! ฮ่าๆ"

สิ้นเสียงของเจ้ากระต่าย เกลก็ถลึงตามองมันอย่างคาดโทษ ขืนลองปล่อยให้เรื่องอะไรกับเวสเปอร์สิ เสือร้ายที่นอนป่วยเป็นแมวน้อยนั่นคงอกแตกตาย

จากเสียงฮือฮาครั้งแรกตอนนี้ดังลั่นกว่าเดิมมากจนมีบางคนทำท่าจะโถมเข้าไปคว้าตัวกวางระเริงเพลงจากเวทีลงมาชมใกล้ๆ แต่แน่นอนว่ายังมีบางสิ่งทำหน้าที่ของมันได้ดีอยู่

โฮกกกกก

ฟินด์คำรามดังลั่นแยกเขี้ยวขู่อย่างดุร้าย มันจ้องมนุษย์ทุกคนที่เดินเลยอาณาเขตที่เกลกำหนดไว้ของผู้ชมตาขวาง แน่นอนว่าถ้ามีใครกล้าแตะเวสเปอร์มันจะงับคนนั้นให้จมเขี้ยวไม่เช่นนั้นเจ้านายมันที่นอนอยู่บนเตียงคงจะเอามันตายแน่ 

องค์ชายลูบหัวฟินด์เบาๆ เชิงขอบคุณแล้วจรดขลุ่ยที่ริมฝีปาก เริ่มเป่าเพลงออกมาเพื่อตัดบททุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ เสียงเพลงทุ้มนุ่มจากขลุ่ยที่เสริมด้วยเครื่องดนตรีชนิดอื่นจากวงนักดนตรีทำให้บรรยากาศคึกคักเริ่มสงบลง เหล่าลูกค้าเริ่มหาที่นั่งเพื่อจับจองและสั่งอาหารแต่ก็มีบางส่วนที่เอาแต่มองกวางระเริงเพลงนิ่งราวกับจะกลืนกิน น่าเสียดายที่พวกเขาทำได้แค่หลงใหลแต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น

สิ่งทำให้เวสเปอร์โด่งดังไม่ใช่เพียงเพราะรูปลักษณ์ที่ดูลึกลับและเสียงเพลงแต่เป็นทำนองเพลงที่แทบจะสามารถจับต้องได้ถึงความรู้สึกของเวสเปอร์ 

มีผู้คนมากมายที่อยากเห็นใบหน้าใต้หน้ากากของกวางระเริงเพลงและเรียกร้องให้เปิดอยู่บ่อยๆ แต่นอกจากรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้ากวางระเริงเพลง พวกเขาก็ไม่เคยได้รับอะไรมากกว่านั้น

กึก

แก้วไวน์ที่ถูกดื่มจนหมดกระแทกกับโต๊ะก่อนที่เจ้าของแก้วจะผลุดลุกขึ้นแล้วย่างสามขุมเข้าไปหากวางระเริงเพลงโดยไร้ท่าทีเกรงกลัวใดๆ

ฮื่อออ

ฟินด์ที่นอนหมอบอยู่แยกเขี้ยวขู่อย่างดุร้าย

คนโดนขู่ทำเพียงแค่ปรายตามองมันก่อนที่หมาป่าร่างใหญ่ตัวหนึ่งจะกระโจนเข้าไปหาเสือขาวแล้วแยกเขี้ยวขู่ สัตว์ร้ายสองตัวขู่ฮื่อๆ ในลำคอเสียงดังลั่นใส่กัน มีหลายสายตาจับจ้องบุคคลที่อาจหาญบุกเข้าไปด้วยสายตาใคร่รู้ แต่เสียงสัตว์ป่าที่ดังกลบเสียงขลุ่ยและดนตรีกลับไม่ได้ทำให้กวางระเริงเพลงรู้สึกตัวสักนิดแม้ว่าคนอื่นๆ จะหยุดเล่นไปหมดแล้ว

"อะไรกัน..?" เกลขมวดคิ้วมุ่นมองแขกคนที่ว่าด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เธอจำได้ว่ามีแขกมาจองที่ตรงนั้นด้วยราคาสูุงลิ่วแต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ว่าเป็นใครเพราะงานนี้มีแขกตำแหน่งใหญ่ๆ มาร่วมกันเยอะแยะจนตาลาย ไหนจะโฮมส์ที่บอกจะมาร่วมงานช่วงดึกๆ อีกซึ่งตอนนี้ก็เพิ่งทุ่มสองทุ่มเท่านั้น

หากแต่เมื่อเกลกำลังจะเดินเข้าไปกลับถูกชายฉกรรจ์ชุดสีดำทางการเดินเข้ามาขวางทาง ยังไม่ทันโวยวายก็ต้องกลืนน้ำลายเอือกเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์หมาป่ากับพระจันทร์เสี้ยวที่ถูกประทับไว้บนมือ

"มาทำอะไรที่นี่" เกลถามอย่างหงุดหงิด

กลุ่มหมาป่ารัตติกาลที่มีชื่อด้านการค้ามนุษย์และอาวุธ พวกมันกระจายตัวอยู่ทั่วเมืองมนุษย์และมีอิทธิพลมากพอๆ กับเจ้าเมืองหนึ่งเลยทีเดียว ขอเพียงแค่นายของมันออกปากไม่ว่าใครก็ต้องยอมหลีกทางให้อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว

"ท่านดีนอสต้องการกวางไปเลี้ยง" 

เกลสะดุ้งเฮือก "ไม่ได้! ข้าไม่สนใจหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นใคร แต่เจ้าจะมาเอาคนของข้าไปไม่ได้!" แต่โวยวายยังไงชายฉกรรจ์ก็สีหน้าไม่เปลี่ยนอยู่ดีอีกทั้งยังยืนขวางทางเกลไว้เพื่อไม่ให้ขัดขวางนายของมันที่เริ่มดำเนินการแล้ว ซึ่งพอเกลทำท่าจะลงไปตามเสือป่วยก็ถูกมันขวางทางไว้อีก จนทำได้แค่ภาวนาในใจให้แมวน้อยที่ป่วยอยู่รีบๆ ขึ้นมาตามหึงกวางตัวเอง

ในตอนนี้มีเพียงแค่เสียงดนตรีของเวสเปอร์ที่ยังคงดำเนินอยู่ผิดกับทุกอย่างที่เงียบไปหมดแล้ว ดีนอสยืนฮัมเพลงในลำคอเบาๆ อย่างอารมณ์ดีพลางเคาะนิ้วบนไม้เท้ารูปหัวหมาป่าเป็นจังหวะตามเพลง เฝ้ารอให้เล่นจนจบเพลงถึงจะเริ่มทำบางสิ่ง

องค์ชายหลับตาพริ้มเป่าจนจบเพลงและพอลืมตาขึ้นมาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมีชายร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำและปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากสีดำมายืนตรงหน้าตัวเองด้วยท่าทีคุกคาม องค์ชายลดขลุ่ยลงและจับมันแน่น รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวกับสายตามุ่งร้ายของร่างตรงหน้า

ดีนอสโค้งตัวให้เวสเปอร์และถอดหน้ากากออก "สวัสดี ลูกกวาง" เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยอำนาจ ผมสีเทาเข้มคล้ายขนของหมาป่าถูกเสยขึ้นเผยให้เห็นสันกรามชัด

แค่ดีนอสถอดหน้ากากออกคนนอกที่มองด้วยสายตาใคร่รู้ต่างพากันตื่นตระหนกแต่ไม่กล้าส่งเสียงจอแจเพราะลูกน้องของกลุ่มหมาป่ารัตติกาลเริ่มเผยตัวออกมาควบคุมความสงบ

"..ต้องการอะไร" องค์ชายพูดเสียงกร้าว ถึงแม้จะไม่รู้จักชายตรงหน้าก็ตามแต่ก็พอจะรับรู้ถึงจุดประสงค์ที่ไม่ดีแน่ๆ จากอีกฝ่าย

ดีนอสยิ้มมุมปาก "เจ้า"

"ข้าไม่ได้ขายตัว" องค์ชายหรี่ตามองขบกรามกรอด พยายามมองหาฟินด์และพบว่าฟินด์กำลังขู่แง่งใส่หมาป่าสลับกับมองมาที่เขาอย่างเป็นห่วง ทำเอาองค์ชายคิดถึงเสือที่นอนป่วยอยู่ข้างในแต่ก็ทำเพียงแค่คิด องค์ชายหยิกตัวเองให้กลับมาสนใจและรับมือกับชายบัดซบนี่ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามเขาก็เคยเป็นถึงที่องค์ชายมาก่อน

องค์ชายสบตากับดีนอสและพบว่าในดวงตาสีน้ำเงินหมดจดนั่นแทบไม่มีความรู้สึกใดๆ มันว่างเปล่าจนน่าขนลุก

"ข้าไม่ได้ต้องการความเห็นจากเจ้า" ดีนอสยังคงยิ้มและกระแทกไม้เท้าตัวเองกับพื้นเบาๆ จนกลไกภายในทำงานเปลี่ยนจากไม้เท้าเป็นดาบยาวที่มีด้ามจับเป็นหัวหมาป่า

"เจ้าไม่มีสิทธิ์!" เกลตะโกนดังลั่นอย่างเดือดดาลซึ่งมันก็เรียกให้ดีนอสหันไปสนใจได้แค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่หมาป่าแห่งรัตติกาลจะหันมาให้ความสนใจลูกกวางที่โด่งดังจนไปถึงหูสัตว์ร้ายอย่างเขาเข้า

"ไม่ต้องกลัว เจ้ามาอยู่กับข้า ข้ามีที่นอนดีๆ ในกรงให้เจ้าแน่นอน" ดีนอสว่าขณะที่ก้าวขาขึ้นไปบนเวที ตั้งใจจะไปคว้าอีกฝ่ายและนำกลับไปกับตัวเองราวกับว่าเป็นลูกกวางตัวนึงจริงๆ แต่พิเศษหน่อยที่กวางตัวนี้สามารถเป่าขลุ่ยให้เจ้านายที่อารมณ์เสียอยู่เป็นนิจอย่างเขาให้อารมณ์ดีได้อย่างเมื่อกี้

องค์ชายยิ้มอย่างทระนงตัว "ข้าไม่ไป" 

ดีนอสเลิกยิ้มทำเอาใบหน้าหล่อเหลาทะมึนขึ้นจนน่ากลัวและยื่นมือเข้าไปหาเวสเปอร์ตั้งใจจะกระชากเข้าหาตัว "ถ้าขืนเจ้ายังเล่นตัวมาก แม้แต่กรงเจ้าก็จะไม่มีให้นอน" 

โครม!!

ร่างของนายแห่งหมาป่ารัตติกาลถูกลมอันไร้ที่มาพัดเข้าจนไปชนเข้ากับโต๊ะที่ตัวเองเคยนั่ง นัยน์ตาสีน้ำเงินแทบจะกลายเป็นสีแดงก่ำเมื่อดีนอสคำรามออกมาอย่างดุร้าย

"เจ้า!!"

เหล่าลูกน้องของดีนอสพากันตื่นตระหนกเพราะไม่เคยได้ยินข่าวว่ากวางระเริงเพลงสามารถใช้เวทย์ได้มาก่อนแต่พอจะถลาเข้าไปช่วยก็ถูกสายตาดุร้ายของนายปราบเอาไว้ซะก่อน

"ดี.. เจ้าคงไม่ได้เป็นแค่กวางแล้วล่ะ!" ดีนอสคำรามอย่างเดือดดาลกระโจนกลับไปบนเวทีเตรียมจะลากคอเวสเปอร์ลงมากับตัวเองอีกครั้งด้วยความระมัดระวังตัวที่มากกว่าเดิมหลายเท่า

เวสเปอร์ผงะถอยหลังและพูดพึมพำเสียงเบาออกมาอย่างหวาดกลัว "..เจ้าเสือ"

"ชู่ว.. ไม่ต้องกลัว"

องค์ชายสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกเจ้าเสือซึ่งยังอยู่ในชุดนอนเมื่อกี้รวบตัวเข้าไปกอดและดันเอาไปไว้ด้านหลังตัวเอง เนื้อตัวที่ยังร้อนผ่าวแสดงให้เห็นว่าไข้ของเจ้าเสือยังไม่ลดลงสักนิด

"ถอยไป" ดีนอสมองโลกัสด้วยสายตาเหยียดหยามเพราะสภาพโลกัสในตอนนี้หาความน่าเกรงขามได้ยากจริงๆ ทั้งผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงชุดนอนที่ยับเยินที่พอจะดูออกว่ามาปกป้องเวสเปอร์ก็มีเพียงดาบคู่ใจเท่านั้น

"..ไม่!" โลกัสพูดเสียงแหบพร่านึกขอบคุณลางสังหรณ์ของตัวเองที่ทำให้สามารถตะกายร่างออกจากเตียงได้

ดีนอสแสยะยิ้มแล้วกระโจนเข้าใส่โลกัสพร้อมกับแทงดาบไปที่คอซึ่งถ้าหากเป็นโลกัสตอนปกติคงจะรับมันได้สบายๆ 

เคร้ง!

โลกัสยกดาบขึ้นมากันอย่างทุลักทุเลและพุ่งตัวเข้าไปฟันต่อเพื่อความได้เปรียบ ถึงแม้ร่างกายจะต่อต้านการขยับร่างขนาดไหนพยัคฆ์ดำก็ไม่นึกสนใจมัน ออกแรงฟาดฟันดาบอย่างดุร้ายและกราดเกรี้ยว

ซึ่งค่าตอบแทนต่อการต่อสู้ครั้งนี้ก็สูงมากเช่นกัน จากแค่นอนเป็นผักคงนอนเป็นตายขยับร่างไม่ได้รอให้องค์ชายปรนนิบัติทั้งวัน

เสียงดาบหนักๆ ฟาดฟันดังเคร้งคร้างฟังบาดหูพร้อมๆ กับโต๊ะเก้าอี้ที่ล้มกันระเนระนาด

"..เจ้า" ดีนอสเริ่มรู้สึกตึงเครียดเพราะรู้สึกคุ้นเคยกับเพลงดาบนี่มากๆ เพลงดาบที่เกือบจะคร่าชีวิตเขามาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว

โลกัสหัวเราะเสียงต่ำขณะที่ออกแรงกดดาบไปพาดที่คออีกฝ่ายซึ่งมันก็ทำให้ลูกน้องของดีนอสเริ่มขยับตัวเข้ามาล้อมรอบ "ข้ารู้ ว่าเจ้าจำข้าได้ ดีนอส"

สีหน้าที่นิ่งสนิทเสมอถึงกับซีดเผือด

"พยัคฆ์ดำ..?" ดีนอสพึมพำเสียงแผ่ว "เจ้าตายไปแล้วนี่"

เจ้าของฉายาพยัคฆ์ดำออกแรงมากกว่าเดิมจนดาบบาดคอดีนอสจนเลือดซึมออกมาจางๆ "ใช่พยัคฆ์ดำตายไปแล้ว" โลกัสหรี่ตามองและหัวเราะในลำคอ "แต่ข้ายังไม่ตาย"

ดีนอสสบถหยาบคายเหลือบมองกวางระเริงเพลงที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง "งั้นกวางนั้นก็เป็นของเจ้าสินะ"

"อืม ถ้าเจ้ายังไม่อยากเสียคอเจ้า ก็ไปหากวางตัวอื่นเถอะ" โลกัสดึงดาบออกจากคอดีนอสใช้แขนเสื้อยาวๆ เช็ดเลือดที่ติดอยู่ตามดาบออกอย่างไม่ยี่หระ

สีหน้าของดีนอสกลับมาเย็นเยือกและกระแทกด้ามดาบซึ่งเป็นหัวหมาป่าแรงๆ จนมันกลับมาเป็นไม้เท้าดังเดิม "ระวังตัวไว้ให้ดี" 

ทิ้งคำขู่และสาวเท้าออกจากพื้นที่ด้วยความโมโห  ต่อให้เป็นสัตว์ร้ายที่อันตรายขนาดไหนแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านักฆ่าแล้วก็ต้องยอมหลบทางให้ ดีนอสนั้นคุ้นเคยกับการบัญชาคนเก่งๆ มากกว่าลงมือต่อสู้เอง เขาเคยมีความคิดที่จะดึงตัวพยัคฆ์ดำมาเข้าร่วมกลุ่มตัวเองด้วยการบังคับแล้วและผลก็คือเกือบโดนฆ่าตาย 

ถึงแม้มันจะยิ่งทำให้ดีนอสสนใจในตัวโลกัสมากขึ้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นักนอกจากเสียดายและเกลียดพยัคฆ์ดำเข้าไส้ พอได้ยินข่าวใหญ่ที่ว่าพยัคฆ์ดำตายแล้วยิ่งทำให้ดีนอสสะใจจนจัดงานเลี้ยงฉลองลูกน้องหนึ่งวันเต็มๆ

"กลับ" ดีนอสพูดเสียงเรียบเรียกลูกน้องที่ยืนคุมเชิงโลกัสอยู่ให้กลับมาอารักขาตัวเองหัวซุกหัวซุนซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็นหมาป่าตัวใหญ่ที่ขู่แง่งๆ ใส่ฟินด์ทิ้งท้ายแล้วรีบกลับไปอยู่ข้างกายนายของตัวเอง

อย่างไรก็ตามที่ดีนอสมาที่นี้ก็เพียงเพราะสนใจกวางระเริงเพลงนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการครอบครองอะไรมากมายเพราะถ้าเบื่อตอนไหนก็คงจะขายทิ้งด้วยราคาที่สูงลิบลิ่ว

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและจบอย่างรวดเร็ว จนองค์ชายและคนอื่นๆ ค่อนข้างงงเพราะไม่ได้ยินว่าทั้งสองคนพูดคุยอะไรกันรู้เพียงว่าเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดเอามากๆ ก่อนที่จะจบลงที่คนรักของกวางระเริงเพลงเป็นฝ่ายชนะ

ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้กลุ่มคนคลั่งไคล้กวางระเริงเพลงเสียวสันหลังวาบ กับบุคคลที่สามารถไล่กลุ่มหมาป่ารัตติกาลได้นี่คงไม่ใช่บุคคลธรรมดาแล้ว ชายฉกรรจ์หลายคนมองเวสเปอร์ด้วยสายตาเศร้าใจ นี่ก็เท่ากับว่าพวกเขาหมดสิทธิ์ในการเข้าใกล้กวางระเริงเพลงแล้วสินะ 

พอมั่นใจว่ากลุ่มหมาป่ารัตติกาลออกไปจากพื้นที่แน่ๆ แล้ว โลกัสก็เริ่มยืนไม่อยู่ร่างกายเรียกร้องค่าเสียหายจากการออกแรงต่อสู้มากๆ ทันที

"เจ้าเสือ!" องค์ชายรีบถลาเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วงซึ่งแน่นอนว่าแทบโดนเสือทับตาย

"ฮื่ออ" โลกัสวางคางบนไหล่ของเวสเปอร์อย่างอ่อนแอ "ข้าบอกแล้ว มันต้องมีคนมาแย่งข้า.."

เวสเปอร์หลุดหัวเราะเบาๆ "แต่เจ้าเสือก็มาช่วยนี่"

โลกัสยิ้มเหนื่อยๆ หลับตาและเผลอหลับไปจริงๆ ทั้งอย่างนั้นทำเอาองค์ชายตกใจจนลนลานเพราะโดนทิ้งน้ำหนักมาที่ตัวเองเต็มๆ จนยืนแทบไม่อยู่

"มาๆ ข้าช่วยแล้ว" เกลที่หลุดรอดจากลูกน้องดีนอสรีบเข้าไปช่วยเวสเปอร์พยุงเสือร้ายที่หมดมาดกลับเข้าไปที่ห้อง

"ท่านเกลแล้วงาน งานล่ะขอรับ" กระต่ายพิธีกรตัวเดิมถามอย่างตื่นตระหนก

เกลเหลือบมองคนที่ยังเหลืออยู่ค่อนข้างเยอะ "ก็จัดต่อไปนั่นแหละ เอาพวกนักดนตรีเล่นเพลงไปแต่กวางระเริงเพลงยกเลิกไปเลย พอแล้วล่ะวันนี้"

"แต่..ข้าเล่นต่อได้นะ" องค์ชายรีบพูดเพราะรู้สึกเกรงใจ

"ไม่ต้องหรอก" เกลส่ายหน้ายิ้มๆ "แค่ดูแลไอ้เสือนี่ไม่ให้งอแงก็มากเกินพอแล้ว"

เวสเปอร์มองคนที่หลับสนิทไปแล้วด้วยรอยยิ้มนิดๆ

เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเจ้าเสือมาช่วยไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น... 
 
 
"เวสเปอร์.."

องค์ชายที่นั่งสัปหงกอยู่ข้างๆ สะดุ้งตื่นเมื่อถูกคนป่วยเรียกเสียงพร่า "หิวเหรอ เจ้าเสือ?" องค์ชายถามอย่างงุนงงเพราะเพิ่งป้อนให้เมื่อกี้

"หนาว" 

เวสเปอร์ขมวดคิ้ว ผ้าห่มเจ้าเสือตอนนี้นี่สองสามชั้นแล้วเรียกได้ว่าอุ่นจนร้อน "เอาผ้าห่มอีกเหรอ"

โลกัสส่ายหัวดิกแล้วกวักมือเรียกให้เวสเปอร์เข้ามาใกล้ๆ ซึ่งองค์ชายก็ขยับตัวเข้าไปอย่างว่าง่าย

หมับ

"เจ้าเสือ!" เวสเปอร์เรียกเสียงดุเพราะถูกคนป่วยกระชากตัวลงไปนอนด้วยบนเตียงและกอดแน่นจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว

"ง่วงก็นอนกับข้าสิ" โลกัสหัวเราะเบาๆ แล้วซบหน้าที่หลังคอองค์ชายที่เริ่มจะแดง

"เกลบอกว่าห้ามนอนเดี๋ยวจะติดหวัด" องค์ชายพูดเสียงเบา

"ช่างสิ ข้าใกล้หายแล้ว" โลกัสหัวเราะในลำคอแล้วงับคอองค์ชายเบาๆ "ข้าคิดถึงเนื้อกวางจะตายอยู่แล้ว"

 องค์ชายหน้าแดงถอนหายใจอย่างระอายอมให้เจ้าเสืองับๆ ไถๆ อยู่สักพัก เสือร้ายก็หลับไปเพราะพิษไข้ องค์ชายพลิกตัวเข้ามาหาโลกัสแล้วเอาหลังมืออังหน้าผากพบว่าร่างกายของเจ้าเสือยังร้อนจัด ที่ทำไปเมื่อกี้คงจะอยากอ้อนเขาเฉยๆ

แง้ว

เวสเปอร์หลุดขำเมื่ออยู่ๆ ฟินด์ก็มุดมาแทรกกลางไม่ให้กอดเจ้านายตัวเองได้

ฟินด๋ในร่างแมวส่งเสียงแง้วๆ แล้วเกาะตัวองค์ชายแน่นเชิงให้กอดซึ่งองค์ชายก็ยอมกอดฟินด์ไว้หลวมๆ และขยับเข้าไปหาโลกัสและหลับไปตรงนั้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่ากวางอย่างเขาก็คิดถึงเสือจะแย่แล้วเหมือนกัน
 
----------
ตอนนี้อยู่ดีๆ ก็อยากเขียน 555
  :mew3:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เสือป่วยย
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 11-05-2017 22:42:49
หูยยย นี่ขนาดเจ้าเสือป่วยนะเนี่ยย
องค์ชายเพคะ อย่าดื้อสิเจ้าเสือห่วงจะตายแล้ววว
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เสือป่วยย
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-05-2017 23:30:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เสือป่วยย
เริ่มหัวข้อโดย: PJansam ที่ 12-05-2017 13:40:41
สนุกมากเลยค่ะ เสียดายมาเจอช้า ปิดจองหนังสือซะแล้ว YY
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เสือป่วยย
เริ่มหัวข้อโดย: nalovey ที่ 12-05-2017 16:18:36
เรื่องสนุกมากเลยอ่า  เพิ่งตัดสินใจอ่าน ไม่ผิดหวังเลยจ้า  :o8: :-[ ท้ายๆ สงสารฟินน์เลยค่ะ 555 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : หากผมเป็นปีศาจร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 13-05-2017 19:56:09
ตอนพิเศษ : หากผมเป็นปีศาจร้าย

"ได้ตัวมันมาแล้วครับ นายท่าน"

ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดเสียงขึงขังพร้อมเตะชายร่างใหญ่ที่ถูกพันธนาการเอาไว้ให้ไปล้มลงต่อหน้าเจ้านายของตัวเอง ชายคนที่ถูกเตะมีสีหน้าเกรี้ยวกราดสบถด่าคำหยาบคายในใจไม่หยุด

หากแต่เมื่อเงยหน้ามอง 'นายท่าน' ความรู้สึกเดือดดาลในใจกลับหายไปชั่วคราว 

ราวกับว่าตกลงไปในภวังก์อะไรบางอย่างด้วยดวงตาที่ทองลึกลับนั่น ยิ่งผสมรวมกับชุดสูทสีดำที่ตัดกับผมสีขาวโพลนของเจ้าของร่าง ยิ่งทำให้เขามัวเมาในที่สักที่จนคิดอะไรไม่ออกและเอาแต่จดจ้องร่างที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้นวมชั้นดีอย่างไร้สติ

"ดี" น้ำเสียงทุ้มนุ่มหากแต่ฟังแล้วหวั่นเกรงดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบที่กำลังยิ้มเยาะ "นายใช่ไหมที่ชื่อโลกันต์น่ะ"

เจ้าของชื่อกระพริบตาปริบก่อนจะสำเหนียกตัวเองได้ว่ามาอยู่ที่ได้เพราะอะไร ใบหน้าคมคายจึงขบกรามกรอดและมองร่างโปร่งอย่างไม่เป็นมิตร

ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายมีรูปลักษณ์ราวกับทูตสวรรค์แต่สิ่งที่กระทำกลับชั่วร้ายซะเหลือเกิน 

ร่างเล็กๆ ตรงหน้านี้คือ เวส อังศุชวาล หรือเจ้าของธุรกิจดำมืดรายใหญ่ในประเทศไทยทั้งการค้ามนุษย์ อาวุธสงคราม ยาเสพติด หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำเงินได้ ร่างเล็กนี่ล้วนถือครองมันทั้งนั้น

"รู้ใช่ไหม? ว่าผมน่ะเกลียดพวกตำรวจขนาดไหน" เวสหรือนายท่านแห่งอังศุชวาลหรี่ตาลงมองโลกันต์และขยับแก้วไวน์ชั้นดีในมือไปมา "ชอบตามจุ้นเรื่องที่ผมทำอยู่่ได้ เงินก็ได้ไปแล้ว จะมายุ่งกับผมทำไมอีก? ฮึ พลตำรวจเอกโลกันต์"

โลกันต์ตะคอกอย่างเดือดดาล "เพราะสิ่งที่แกทำไง! แกฆ่าเด็กพวกนั้นได้ยังไง?! นั่นมันแค่เด็กนะ"

เวสกลอกตาไปมาจิบไวน์อึกนึงแล้วครุ่นคิด "อ๋อ ผมนึกออกแล้ว เด็กพวกนั้นน่ะนะ" ก่อนที่แววตาสีทองสวยจะฉายแววหงุดหงิดออกมา "ทั้งๆ ที่ผมชุบเลี้ยงพวกมันอย่างดี แต่ก็คาบข่าวของผมไปบอกตำรวจอย่างพวกคุณไง พอไหม? สำหรับเหตุผลนี้ หรือว่าคุณพลตำรวจเอกอยากได้ข้อมูลมากกว่านี้อีก บอกไว้ก่อนเลยว่าคุณไม่มีปัญหาเอาผมขึ้นชั้นศาลหรอกครับ คุณโลกันต์"

ราวกับว่าจะเยาะเย้ย เวสลงจากเก้าอี้แล้วเอามือเชยคางโลกันต์ขึ้นแล้วยิ้มนุ่มนวลให้กับสีหน้าคล้ายอยากจะฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็นของโลกันต์

"ตื่นเถอะ คุณตำรวจ ยอมรับซะเถอะว่าคุณน่ะแพ้ตั้งแต่ก้าวเข้ามายุ่งกับผมแล้ว" 

โลกันต์คำรามตาแดงก่ำ "ฉันจะฆ่าแก!"

เวสผลุดลุกขึ้นแสร้งทำสีหน้าหวาดกลัว "น่ากลัวจัง" และเอียงคอพูดด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน "อ้อ คุณพลเอก ผมจะบอกอะไรอย่างนะครับว่าต่อให้คุณปลอมตัวมากแค่ไหนผมก็รู้อยู่ดี เพราะอะไรงั้นเหรอ? " พูดพร้อมชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้วและหักลงหนึ่งอัน "หนึ่งคือผมฉลาด" และชูที่เหลือเพียงนิ้วเดียวซึ่งคือนิ้วกลางใส่พลตำรวจยศสูงไฟแรงและหัวเราะคิกคัก "สองคือคุณโง่ที่คิดว่าผมโง่ไม่รู้ไงครับ คุณพลตำรวจเอกโลกันต์"

"ฉันจะฆ่าแก" ตำรวจยศพลเอกพึมพำไม่หยุดพยายามทำลายกุญแจมือที่ล่ามข้อมือตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผล มีเพียงเสียงโซ่เคร้งคร้างฟังเสียดหูที่เหมือนจะเยาะเย้ยอยู่กลายๆ 

คนเป็นถึงนายท่านหัวเราะหึแล้วกลับไปนั่งบนเก้าอี้ของตัวเองและวางแก้วไวน์ที่ว่างเปล่าลงบนถาดวาง "แต่ผมก็ชอบคุณนะ ยศก็ใหญ่จะใช้ใครมาจับผมแทนก็ได้แต่ก็ไม่ทำ ยอมลดตัวมาจับผมด้วยตัวเอง"

โลกันต์ฟังคำชมด้วยความรู้สึกหงุดหงิด นึกโกรธตัวเองที่ประมาทอีกฝ่ายจนถูกจับได้แบบนี้ "แล้วจะทำยังไงกับตำรวจอย่างผมที่คุณเกลียดนักหนาต่อ? จะฆ่าเหมือนเด็กพวกนั้นไหม? นายท่านเวสแห่งอังศุชวาล"

เวสหัวเราะคิกคัก "ไม่หรอก คุณไม่ได้ทำผิดร้ายแรง นานๆ ทีจะมีตำรวจไฟแรงอย่างคุณมาจับผม มันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้น" ก่อนที่จะยิ้มน่ารักให้พลตำรวจเอกหนุ่ม "ผมชอบคุณนะ กล้าดี"

น่าแปลกทั้งๆ ที่ควรจะโมโหแต่กลับรู้สึกพอใจอย่างประหลาด

โลกันต์ขมวดคิ้วงุนงงแต่ที่แน่ๆ ก็ยังรู้สึกเกลียดนายท่านตรงหน้านี้เข้าไส้ 

ร่างโปร่งฮัมเพลงอารมณ์ดีแล้วก้มมองนาฬิกาข้อมือแพงระยับของตัวเอง "แย่แล้วๆ ถึงเวลาให้อาหารฟินด์แล้วนี่นา ให้ตายสิ เกือบลืมแน่ะ เจ้าเสือนั่นยิ่งหงุดหงิดง่ายอยู่ด้วย"

ชายคนสนิทในชุดสูทดำบนอกมีตราสัญลักษณ์เป็นกวางสีทองรีบพูดอย่างนอบน้อม "ให้คนเอาไปให้แทนไหมครับ นายท่าน เพราะบ่ายนี้นายท่านมีนัดกับคุณหญิงพรเพชร"

"อ้อ" คนเป็นนายท่านพยักหน้าแล้วเดินอาดๆ ออกจากห้องโดยไม่สนใจเสียงตะโกนโวยวายของโลกันต์ เพราะต้องการจะเตรียมหัวให้โล่งให้พร้อมสำหรับการคุยธุรกิจกับคู่ค้ารายใหญ่หรือก็คือคุณหญิงพรเพชร ภริยาของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติซึ่งมีงานอดิเรกลับๆ อย่างการเลี้ยงเด็กผู้ชายและหาสินค้าให้กับคนที่ต้องการ ซึ่งที่แน่ๆ สินค้าที่ว่าคงไม่ใช่สินค้าที่หาได้ตามท้องตลาดทั่วไปแน่นอน พอคิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้เวสหลุดหัวเราะนิดๆ 

กับคนที่ถวายตัวให้กับความยุติธรรมอย่างโลกันต์กลับไม่รู้เรื่องนี้ซะอย่างนั้น เป็นเรื่องตลกร้ายที่คนที่ตำแหน่งที่สูงกว่าตัวเองกลับเต็มใจข้องเกี่ยวเรื่องทางนี้เพราะผลประโยชน์ ทำให้ความยุติธรรมหรือความดีงามที่โลกันต์ยึดถือนั้นถูกทำลายอย่างสมบูรณ์แบบ 

"โลกใบนี้มันก็โหดร้ายแบบนี้แหละ คุณพลตำรวจเอก" เวสพูดพึมพำแต่ไม่ได้รู้สงสารอะไรนักและรับเอกสารจากเลขาคนสนิทเพื่ออ่านรายละเอียด

"นายท่านแล้วตำรวจนั่นล่ะครับ?"

นายท่านใหญ่ชะงักสายตาที่กลอกตามตัวหนังสือแล้วยิ้ม "เอาไปไว้ที่ห้องฉันแล้วกัน อย่าลืมมัดมันดีๆ ล่ะ ฉันขี้เกียจจะโดนมันกัด"

เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าทำแบบนี้แล้ว คุณพลตำรวจเอกจะอกแตกตายคาห้องเขาไหม?

แปลกที่แค่คิดเวสก็หลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าโมโหร้ายของพลเอกหนุ่มในหัว หมอนั่นต้องโมโหมากแน่ๆ
 
 

"เรื่องมากจริง" ร่างโปร่งสบถอย่างหงุดหงิดขณะที่พาร่างตัวเองกลับมายังห้องพักหรู เขาไม่คิดว่าการพูดคุยจะกินเวลายาวนานขนาดนั้น คุณหญิงพรเพชรนั่นเค็มเป็นบ้า จากชื่อพรเพชรน่าจะเปลี่ยนเป็นพรเกลือแทน งกจนให้เขาออกให้ก่อนทุกอย่างพอได้เงินถึงจ่ายคืน น่ารำคาญจนอยากสั่งให้คนยิงเก็บตั้งแต่ในห้อง

เวสครุ่นคิดเรื่อยเปื่อยและลืมไปซะสนิทว่าตัวเองได้สั่งอะไรกับลูกน้องไว้ก่อนที่จะกลับมายังห้อง พอเปิดประตูเข้าไปและเจอชายฉกรรจ์ที่เพิ่งเจอไปเมื่อตอนสายๆ ก็เผลอสะดุ้งนิดๆ และนั่นก็อยู่ในสายตาโลกันต์ที่หลับไม่ลงตั้งแต่โดนโยนมานอนในห้องนี้

"สวัสดีคุณตำรวจ" เวสชะงักไปสักพักแล้วไปนั่งยองๆ ข้างโลกันต์และฉีกยิ้มให้ "เจอกันอีกแล้วนะครับ"

"จะฆ่าก็ฆ่า!" โลกันต์คำรามใส่

เวสขมวดคิ้ว "ไม่เอาน่า คุณก็รู้นี่ว่าฆ่าคนเป็นเรื่องไม่ดี นี่ผมก็ไม่ฆ่าแล้วไง ไม่ดีเหรอ"

"ตลกมากรึไงวะ!!" พลตำรวจเอกหนุ่มพูดอย่างคับแค้นใจ เขาตอนนี้รู้สึกหงุดหงิดจนแทบบ้า แค่โดนจับเขาก็โมโหมากพอแล้ว นี่อะไรต้องมาอยู่ห้องเดียวกับคนที่เขาหมายหัวจะจับแล้วจับไม่ได้ นี่มันไม่เท่ากับหยาบหน้ากันเลยรึไง! 

เสียงตะคอกของโลกันต์ดังราวกับสัตว์ร้ายกู่ร้อง มันทำให้เวสนึกถึงเสือโคร่งขึ้นมาซะอย่างงั้น เวสมองสำรวจร่างตำรวจหนุ่มอีกครั้งพบว่าร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนออกกำลังกายผิดกับภาพที่ลูกน้องเขาเอามาให้ ซึ่งเป็นภาพของโลกันต์ตอนที่ยังเป็นตำรวจใหม่ๆ กล้ามเนื้อไม่ค่อยเยอะนัก 

"ไม่ตลก ก็บอกอยู่ว่าผมชอบคุณ" นายท่านหนุ่มยิ้มแล้วปลดเนกไทและกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองออกเผยให้เห็นต้นคอขาว

โลกันต์มองการกระทำของเวสอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมอง ทั้งๆ ที่อยากจับอีกฝ่ายมาเขย่าๆ แล้วซักถามถึงสาเหตุที่สามารถทำเรื่องชั่วร้ายได้อย่างหน้าตาเฉยและไม่รู้สึกผิดกับมันสักนิด

ทำไมถึงเฉยชากับของพวกนี้ได้ถึงขนาดนั้น?

"คิดจะทำอะไร"

เวสยิ้ม "ให้อาหารเสือ" นั่งคร่อมโลกันต์วางมือไว้บนไหล่แล้วจู่โจมจูบอย่างนึกสนุก

ตำรวจหนุ่มเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนกเพราะไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในสารบบเลยสักนิด หรือถ้าจะมีก็คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่คิดว่านายท่านแห่งอังศุชวาลคิดจะทำ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาถึงแม้เวสหรือนายท่านให้แห่งอังศุชวาลจะไม่ได้มีคนรักเป็นตัวตนเป็นตน แต่ก็ไม่เคยมีข่าวว่าสนใจผู้ชายเลยสักนิด เพราะฉากหน้าข้างผู้ชายคนนี้ในสังคมคือชายผู้ใจบุญสุุนทานที่มีธุรกิจอหังสาริมทรัพย์ในมือและมีนิสัยกับความสุภาพบุรุษอันดีเยี่ยม ถึงแม้รูปลักษณ์จะไม่เข้มแข็งนักแต่ก็เป็นที่หมายปองของสาวๆ ในวงการธุรกิจ

นัยน์ตาสีแดงก่ำจดจ้องนายท่านที่เอาหัวคลอเคลียตัวเองนิ่ง

"อะไร? ผมว่าผมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ" เวสขมวดคิ้วแล้วถอดสูทนอกออกและโยนมันไปไกลๆ เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตขาวที่ค่อยๆ ถูกปลดกระดุมที่ละเม็ดขณะที่เจ้าตัวพูด "ถึงล่าสุดมันจะนานมากแล้วก็เถอะ คุณตำรวจต้องดีใจนะที่ผมชอบคุณเพราะผมน่ะ เรื่องมาก"

โลกันต์กลอกตาหงุดหงิดแต่ไม่พูดอะไรเพราะร่างตรงหน้านั้นดึงความรู้สึกนึกคิดหายไปจนหมด หน้าอกที่ขาวกระจ่างชวนให้ซุกไซร้นั้นดูเชิญชวนเกินกว่าจะคิดเรื่องอื่น ยิ่งมีเสื้อเชิ้ตบังวับๆ แวมๆ ยิ่งทำให้รู้สึกร้อนรุ่มอย่างประหลาด

เวสหัวเราะในลำคอปีนขึ้นไปนั่งตักแล้วกอดตำรวจหนุ่มแน่นและแนบหน้ากับกล้ามเนื้ออกที่แน่นกว่าที่จินตนาการไว้มาก  "เชื่อไหม ถ้าคุณไม่ตรงสเป็คผม คุณตายตั้งแต่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้แล้วล่ะ คุณตำรวจ"

"ผมควรดีใจใช่ไหม" 

โลกันต์พยายามพูดเสียงเข้มแต่กลิ่นน้ำหอมเย็นๆ ก็ชวนให้ใจเขวอย่างประหลาด มันให้ความรู้สึกเย็นเยียบแต่ก็ชวนให้เร่าร้อนเช่นกัน

"แน่สิ" เวสหัวเราะคิกแล้วจูบคางพลเอกเบาๆ "สนใจสมัครเป็นบอดี้การ์ดผมไหม คุณตำรวจ"

"ไม่"

"คิดหน่อยสิ เงินดีกว่าอาชีพตำรวจอีกนะ" 

"หึ" โลกันต์แค่นเสียงขึ้นจมูก

น้อยคนนักที่จะกล้าปฎิเสธเวสทำให้เจ้าตัวหงุดหงิดนิดหน่อยแต่มือกลับค่อยๆ แกะกระดุมสูทสีควันบุหรี่ที่มีตรากวางทองบนอกของคุณตำรวจ ซึ่งพอเวสเห็นรูปกวางก็แกะไปยิ้มไป

"ผมว่าสูทดำน่าจะเหมาะกับคุณมากกว่านะ"

พลตำรวจเอกหนุ่มไม่ตอบจ้องมองการกระทำของเวสไม่วางตา 

ถึงจะทำตัวเหมือนเชี่ยวชาญยังไงแต่มือที่สั่นน้อยๆ นั่นก็แสดงถึงความไม่สันทัดกับเรื่องที่ทำอยู่ มันดูประหม่าและยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่

"อย่าจ้องขนาดนั้นสิ" เวสบ่นไม่จริงจังนัก รู้สึกเซ็งที่ไม่สามารถอดสูทอีกฝ่ายออกได้เพราะติดกุญแจมือแต่ถ้าแกะมันออกก็อันตรายเกินไปอีก ถึงจะอวดดียังไงเขาก็รู้ตัวดีว่าถ้าสู้กันตัวต่อตัวคงแพ้พลตำรวจเอกไฟแรงนี่แน่นอน "งั้นก็เริ่มเลยแล้วกัน คุณตำรวจ"

"..." โลกันต์พูดอะไรไม่ออกกับสถานการณ์ตัวเองตอนนี้ เขาเคยคิดว่าถ้าตัวเองถูกจับได้ว่าแฝงตัวเข้ามาอย่างร้ายแรงที่สุดก็คือถูกฆ่าอย่างตำรวจคนอื่น แต่นี่ไม่ ไม่ใช่เลยสักนิด แต่เขากำลังจะถูกนายท่านเวสแห่งอังศุชวาลที่อายุน้อยกว่าข่มขืน! ซึ่งถ้าเอาไปเล่าให้คนอื่นฟังคงต้องโดนหัวเราะใส่และด่าว่าเพ้อเจ้อแน่ๆ

แต่เรื่องบ้าๆ กว่านั่นคือเขาไม่รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด

โลกันต์รู้สึกอยากนวดขมับในความผิดปกติของตัวเองแต่มือก็ถูกรั้งไว้ด้วยกุญแจมือที่ทำจากเหล็กชั้นดีและมันก็เป็นยี่ห้อเดียวกับที่เขาเพิ่งสั่งให้ลูกน้องใช้ด้วย

"เอาแบบนี้ ถ้าคุณไม่สนใจเป็นบอดี้การ์ด" เวสฉีกยิ้มการค้าแบบที่ลูกค้าเห็นแล้วตกลงทันที "ผมให้คุณเป็นคนสนิทของผมแล้วกัน สนใจไหม? คุณจะทำอะไรก็ได้ขอแค่ไม่เกินขอบเขตของผมและมันไม่ทำให้ผมโกรธ"

"ไม่"

พลตำรวจเอกหนุ่มแยกเขี้ยวใส่

เวสหุบยิ้มแล้วถอนหายใจออกมาและช้อนตามอง "ข้อเสนอสุดท้ายแล้วกัน"

โลกันต์เลิกคิ้วอย่างสนใจ

"ทำให้ผมกลับมาเป็นมนุษย์"

เวสไม่มีสีหน้าอะไรขณะที่พูด มีแต่ความว่างเปล่าและแววตาที่เหม่อมองไปไกลออกไปมากๆ

"ถ้าคุณทำได้ผมจะเลิกทำธุรกิจมืดพวกนี้ทุกอย่าง"

ก่อนที่แววตาจะกลับมากระจ่างใสและไหวไหล่ไม่ยี่หระ

"แต่อย่างว่ายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้หรอกครับ คุณพลตำรวจเอก"

เวสขยับตัวเข้าไปคล้องคอโลกันต์แล้วจูบตัดบทเมื่อโลกันต์ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างและผละออกมาเมื่อจูบจนพอใจแล้ว

"วันนี้พอแค่นี้นะครับ เสือน้อย" เวสแนบนิ้วชี้แนบริมฝีปากโลกันต์เมินสิ่งที่ทิ่มแทงสะโพกตัวเองอย่างเห็นได้ชัด "เสือที่ตะกละมากๆ มักจะอายุสั้น"

"ถ้าผมบอกว่าผมสนใจข้อเสนอสุดท้ายของคุณล่ะ นายท่านเวส" โลกันต์จ้องนัยน์ตาสีทองน่าลุ่มหลงนั่นตรงๆ "ผมเชื่อว่าผมทำให้คุณกลับมาเป็นมนุษย์ได้"

โลกันต์เห็นแววตานั่นวูบไหวแต่ก็ถูกกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้มไม่ยี่หระ

"งั้นคุณก็ฝันแล้ว โลกันต์"

เวสหัวเราะแล้วลุกขึ้นยืน "มีเพียงปีศาจที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกเน่าๆ นี่ได้อย่างไม่เจ็บปวดนะ คุณตำรวจ และโชคร้ายที่ผมเป็นปีศาจนั่น"

โลกันต์อยากจะพูดอะไรต่ออีกแต่ปีศาจรูปงามก็ชิ่งหนีเข้าห้องน้ำไปแล้ว

"ปีศาจงั้นเหรอ.."

พลตำรวจเอกหนุ่มครางในลำคอมองประตูห้องน้ำนิ่ง

"คุณมันก็แค่มนุษย์เลือดเย็นเท่านั้นเอง เวส"

FIN

------------
เนื่องจากขี้เกียจเปิดเรื่องใหม่เลยจับเวสมาเป็นมาเฟียค่ะ 55555555 อยากเขียนแนวนี้มานานแล้ว น่าจะกิ้วก้าวดี
แต่เวสลุคนี้นี่ไม่ใช่เลยอ่ะ ปกตินางจะนุ่มๆ น่ารัก นี่ออกแนวแรงๆ ข่ม.. ขู่ (?) พี่เสือซะหงอยเลย

ถามว่ามีตอนหน้าไหม ไม่น่ามีค่ะ เขียนลองมือเฉยๆ 5555 ไฟลุกโชน  :fire:
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : หากผมเป็นปีศาจร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-05-2017 20:22:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : หากผมเป็นปีศาจร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: eiweiw ที่ 13-05-2017 23:18:36
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : หากผมเป็นปีศาจร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 16-05-2017 15:08:19
อ่านจบแล้ว  มีคนสปอยว่าเรื่องนีเสนุกเราเลยมาอ่าน ชอบเจ้าเสือหื่น 55555 ทำไมรู้สึกว่าเสือขาวน่ารักเหมือนแมว 55555 ตอนพิเศษจุใจมากๆ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : หากผมเป็นปีศาจร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: sukiraw ที่ 18-05-2017 20:59:44
เห็นชื่อเรื่องแล้วสะดุดตามาก พอเข้ามาอ่านแล้วก็ยิ่งชอบบบบบบบ งื้ออออ >/////<~
ชอบแนวนี้มากๆเลยยยยยย คนเขียนเขียนบรรยายได้ดีสุดๆเลย อินตามตลอด น้ำตาไหลพรากบางตอนจนเพื่อนสงสัยหันมาถามว่าเป็นอะไร #อ่านนิยายค่ะ #เพื่อนตบ :z6: งื้ออออ แล้วยิ่งตอนพิเศษมีหลายๆแนวด้วย ตื่นเต้น+ชอบมากค่ะ งื้อออออ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค๊าาาาา  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : หากผมเป็นปีศาจร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: PJansam ที่ 18-05-2017 23:57:12
งง ตำแหน่งเสือน้อยนิดนึงค่ะ ว่าารุปเป็นตำรวจหรือทหาร มีบรรทัดนึงเขียนว่า อยากเห็นตอนเป็นทหารใหม่ๆ หรือออกจากทหารมาเข้าตำรวจคะ?  แต่ยศพลเอกมันเป็นยศทหารรึป่าวคะ?(เหมือนพลเอกปลาหยุด) ตำรวจจะเรียกพลตำรวจเอก (พล.ต.อ.)
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : มันก็จะดาวเดือนหน่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 20-05-2017 16:47:48
ตอนพิเศษ : 

"อ้าว พี่โลกันต์ พี่เกลมาด้วยเหรอคะ"

ทันทีที่เข้ามาในงานทั้งสองคนก็ถูกรุ่นน้องทักทันที เกลหัวเราะรับแต่โลกันต์นั้นหน้านิ่งหนักกว่าเดิมจนน่ากลัวเพราะไม่ได้อยากจะมาแต่ถูกเกลลากมาเป็นด้วยเหตุผลที่ว่า 'น้องที่ลงสมัครเดือนดุริยางค์หล่อมาก' ซึ่งมันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้นเลยสักนิด

ทำเอาอดีตเดือนมหาลัยเมื่อหลายปีก่อนหน้าหงิกแต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่อาจะปิดบังสเน่ห์ได้อยู่ดี

"แหม ทักเดือนก่อนทักเจ๊เลยนะ" เกลแซวน้องรหัสตัวเองยิ้มๆ

คนโดนแซวหัวเราะคิกและกระซิบกระซาบกับเกล "ช่วยไม่ได้เพื่อนเจ๊หล่อเอง"

//เอาล่ะครับ ต่อไปเป็นคณะวิศวะกรรมศาสตร์ครับ!//

โลกันต์หาวหวอดออกมาอย่างไม่ปิดบังและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมแก้เบื่อเพราะหน้าที่ของเขามีแค่มาเป็นเพื่อนเกลแต่ไม่ได้หมายความว่าต้องดูงานประกวดน่าเบื่อบัดซบพวกนี้ด้วยสักหน่อย แค่ตอนปีหนึ่งที่โดนจับมาประกวดก็ทำเอาเขาเบื่อเต็มทนแล้ว ไม่รู้ว่าเพลงรักง่อยๆ ที่เขาร้องมันเพราะยังไงถึงไปเอาชนะใจกรรมการกับคนดูได้ 

"มึงก็น้าาา มาดูประกวดดาวเดือนแต่เล่นโทรศัพท์" 

โลกันต์แค่นเสียงหึ "น่าเบื่อ คนเยอะ ร้อน"

"แหม อาหารตาอยู่บนเวทีก็ดูสิจ๊ะ ดูแล้วกระชุ่มกระชวยหายเมื่อยหายร้อนแน่นอน"

"ไม่"

"ตายด้านรึไงยะ นู่นน้องนุ่น ส้วยสวย" เกลสะกิดแขนโลกันต์ยิกๆ พยายามชวนให้ดูด้วยกัน

"มีแฟนแล้ว" โลกันต์พูดเสียงเรียบไร้อารมณ์ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ

เกลหน้างอเพราะน้องนุ่นที่ยืนบนเวทีตอนนี้เพิ่งอัพสถานะโสด "ไม่มีโว้ย ไอ้มั่ว" 

//อ้ะ เกิดข้อผิดพลาดกับคณะดุริยางค์นิดหน่อยครับ น้องอัลฟินท้องเสียจากส้มตำเจ๊น้อยตอนเที่ยงครับ แหม่ ก็รู้อยู่นะครับว่าร้านนี้ถ้าไม่ปูปลาร้ามันจะไม่อร่อย เอาล่ะ ไม่ต้องห่วงนะครับทุกคน คณะนี้มีแผนสำรองครับ//

"กรี๊ดไม่นะ น้องอัลฟิน" เกลแทบร้องไห้เมื่อเป้าหมายตัวเองไม่ได้ลงแล้ว

ส่วนโลกันต์หลุดขำทั้งจากสีหน้าของเกลและสาเหตุที่น้องท้องเสีย จนอดไม่ได้ที่จะเก็บโทรศัพท์แล้วมองเวทีด้วยความอยากรู้นิดๆ ว่าคณะดุริยางค์มีแผนสำรองอะไร 

//เปลี่ยนตัวเป็นน้องเวสครับ! เอ้า ออกมาเลยครับ มาโชว์หล่อหน่อย//

โลกันต์เผลอกลืนน้ำลายเอือกเมื่อเห็นน้องเวสที่ว่าเดินออกมาพร้อมกับดาวคณะเดียวกัน ใบหน้าน่ามองกำลังปั้นหน้าขึงขึงหรือพยายามที่จะเคร่งขรึมขัดกับร่างกายเล็กๆ ของน้องที่เตี้ยกว่าดาวข้างๆ ซะอีก ไม่แน่ใจเพราะอะไรที่ทำให้โลกันต์ละสายตาจากน้องไม่ได้เลย 

ถึงจะอ่อนแอแต่ก็เข้มแข็ง.. อาจจะเป็นเพราะความคิดนี้ก็ได้ถึงทำให้เขาในตอนนี้อยากเดินเข้าไปทำความรู้จักกับน้องชะมัด

"อะไร มองน้องเวสฉันเหรอ!" เกลตีแขนโลกัสดังเพียะ

"อะไร!" โลกันต์เผลอตะโกนอย่างลืมตัวจนคนรอบข้างหันมามองกันเป็นแถวรวมถึงน้องเวสด้วย 

อดีตเดือนมหาลัยสบตากับเวสเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่น้องจะรีบก้มหน้างุดเดินต่อ

"น่ารักว่ะ" 

เกลทีที่แรกตั้งใจจะถามว่าตะโกนทำไมต้องเบิกตากว้างเพราะคำพูดบางอย่างที่หลุดจากปากผู้ชายตายด้านไปหลายปีแล้วอย่างโลกันต์  "อะไรน่ารักๆ นะ"

"เวส" 

โลกันต์ยิ้มมุมปากตอบอย่างไม่ปิดบังมองตามน้องที่เดินหลบเข้าหลังเวทีไปแล้วด้วยความรู้สึกเสียดายนิดๆ เพราะสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในงานโดนไปเก็บหลังเวทีแล้ว ซึ่งเด็กคณะอื่นก็ไม่ได้ดึงความสนใจเขาได้มากเท่าไหร่

"กรี๊ด แต่ฉันก็ชอบน้องเหมือนกันนะ น่ารักน่าชังน่าเอ็นดู" เกลพูดอย่างกระตือรือร้นและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพจมหาลัยที่ลงรูปงานรับน้องคณะดุริยางค์ซึ่งได้ลงรูปเวสเปอร์ที่ถูกแกล้งเอาไว้ให้โลกันต์ดู

"ดูรูปนี้ดิ โครตน่ารัก ไม่รู้ว่าใจพวกนั้นทำด้วยอะไรถึงแกล้งน้องได้ลงคอ"

รูปในมือถือเกลนั้นเป็นรูปที่เวสโดนเอาผ้าดำปิดตาผมถูกมัดจุกผูกโบว์สีแดงแต่หน้านั้นเต็มไปด้วยแป้งจนขาววอดและถูกวาดหนวดแมวบนหน้าด้วย

โลกันต์มองรูปน้องแล้วเผลอเลียริมฝีปาก น้องน่ารักมาก..

"มีเฟสไหม"

เกลหรี่ตามองแล้วยิ้มกริ่ม "สรุปว่าชอบ?"

อดีตเดือนเริ่มหน้าหงิกพยายามเบี่ยงเบนไม่ตอบคำถาม "ถ้าไม่ให้จะไปขอเอง"

"มีจ๊ะมี อย่าเพิ่งงอน" เกลหัวเราะคิกแล้วแคปหน้าเฟสน้องและส่งให้โลกันต์

แน่นอนว่าพอได้ข้อมูล โลกันต์ก็กดแอดและเข้าไปส่องเฟสน้องทันทีด้วยความสนใจมากๆ เพราะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีหลังจากเลิกจากแฟนเก่าไปที่เขาจะสนใจใครสักคนและน้องก็เป็นคนที่ว่า

โลกันต์แทบจะเซฟรูปน้องที่มีอยู่ในอัลบั้มเพียงน้อยนิดทุกรูป ดูเหมือนว่าน้องจะไม่เข้าชอบถ่ายรูปตัวเองเท่าไหร่ ในอัลบั้มกับสิ่งที่โพสมีแต่รูปวิว เพื่อน ไม่ก็รูปคียบอร์ดที่ตัวเองเล่นเป็นประจำ

แต่รูปที่ทำให้คนร่างสูงสนใจมากที่สุดคือรูปที่น้องกำลังเกาคอให้กับ 'ฟินด์' แมวดุลายคล้ายเสือโคร่งขาวที่มีงานอดิเรกคือการนานเอกเขนกหน้าเซเว่นหรือไม่ก็ไปยืนร้องเมี้ยวๆ ขออาหารใส่นักศึกษาที่กำลังซัดอาหารอย่างหิวโหย มันดุขนาดที่ว่าหมาเจ้าถิ่นไม่กล้าแหยมมันและแทบไม่มีใครจับมันได้

"หึ" โลกันต์หลุดขำเบาๆ เพราะเจ้าแมวหยิ่งนี่มันยอมให้เขาจับเหมือนกัน สงสัยว่ามันจะถูกชะตากับเขาและน้องเป็นพิเศษสินะ 

ร่างสูงยังคงส่องเฟสน้องอย่างเพลิดเพลิน เห็นตั้งแต่ภาพที่น้องโดนรับน้องยันไปนั่งให้ช่างย้อมผมสีขาวให้ก่อนเข้ามหาลัย แต่ตาสีทองนั่่นน่าจะเป็นของจริงเพราะมันดึงดูดเขามากในขนาดที่ว่าหลับตายังเห็นภาพน้องชัดเจนอยู่ในหัว 

เอาเข้าจริงอาการของเขาตอนนี้มันประหลาดเอามากๆ เหมือนกับกลายเป็นอีกคนนึงที่แม้แต่เขาไม่รู้จัก กับแฟนคนก่อนๆ เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้ มันไม่ได้มีความรู้สึกอยากครอบครองรุนแรงขนาดนี้

ครืด

โลกันต์เบิกตากว้างเมื่อน้องรับแอดแล้วซึ่งพอส่องเฟสน้องใหม่อีกรอบก็พบว่ามีหลายอย่างที่น้องตั้งไว้เฉพาะเพื่อน อย่างพวกสตาตัสที่ออกแนวบ่นเรื่อยเปื่อยน่าเอ็นดูอย่างง่วงหิวอะไรทำนองนั้น ไม่รู้ว่าเพราะรูปน้องยิ้มกว้างในมือถือรึเปล่าที่ทำให้ร่างสูงยิ้มตามก่อนที่มันจะหุบแทบทันทีเมื่อเลื่อนมาเจอรูปคู่

'หงอกกับหงอก'

น่าแปลกที่แค่เห็นหน้าผู้ชายข้างๆ น้องเวสก็ทำให้เขาหงุดหงิดได้ ทั้งๆ ที่เพิ่งเคยเห็นหน้าเป็นครั้งแรก 

"นี่ใคร?" โลกันต์สะกิดเกลเพื่อถาม

ทันทีที่เห็นเกลก็หลุดกรี๊ดเบาๆ

"ก็อัลฟินสุดหล่อไง ทำไมฉันไม่เคยเห็นภาพนี้เนี่ย งานดีมากกก ดีมากโลกันต์ ว่าแต่น้องรับแอดแกแต่ทำไมไม่รับฉันวะเนี่ย"

โลกันต์เลิกคิ้ว

ส่วนเกลหน้าบูด "น้องเวสเขาโลกส่วนตัวสูงมากกก กูเห็นเขาสนิทกับอัลฟินคนเดียว"

"แฟน?" โลกันต์ขู่แง่งเพราะไอ้ภาพย้อมผมเมื่อกี้ถ้าดูดีๆ ก็เห็นเสี้ยวหน้าของอัลฟินที่มาย้อมสีเทาเหมือนกันนั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขามีคู่แข่งแล้วถ้าจะจีบน้องจริงๆ และเขาก็ไม่ชอบยุ่งกับพวกมีแฟนอยู่แล้วซะด้วย

"ไม่รู้ รู้แค่สนิทกันมาก" 

"ช่างแม่ง"

โลกันต์ตัดสินใจไม่สนใจลืมๆ มันไป ส่องเฟสน้องต่อ อย่างน้อยการเห็นหน้าน้องก็ทำให้อะไรๆ ดีขึ้นแต่เลื่อนไปเลื่อนมาก็เริ่มรู้สึกอยากลองทัก ชั่งใจไม่ถึงนาทีโลกันต์ก็ทักไปทันทีเพราะยังไงเจ้าตัวก็ไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว
 
LOGAN : ขอบคุณที่รับแอดนะครับ :)
 
โลกันต์ยืนมองอยู่สักพัก ถ้าน้องไม่ตอบก็แปลว่าเตรียมตัวอยู่เพราะตอนนี้พวกน้องๆ ปีหนึ่งบนเวทีเริ่มออกมาแสดงความสามารถบ้างแล้ว มีทั้งเล่นตลก ร้องเพลง เต้น แสดงละครฮาๆ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่สามารถดึงความสนใจโลกันต์ได้เพราะเจ้าตัวค่อนข้างเป็นคนที่ทื่อและตายด้านมากทีเดียว สิ่งที่สนใจจริงๆ ก็มีแค่เรื่องที่ตัวเองหมกมุ่นอย่างการยิงปืนไม่ก็เขียนโปรแกรมที่สามารถทำได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อและไม่ต้องกินอะไร
 
เวส เวส : //ส่งสติกเกอร์หมีเศร้า
เวส เวส : เดี๋ยวค่อยคุยนะครับ ผมคิวต่อไปแล้ว
 
โลกันต์ยิ้มใส่โทรศัพท์ รู้สึกมีความสุขแปลกๆ
 
"เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งเล่นโทรศัพท์ น้องเวสออกมาแล้ว!" เกลสะกิดโลกันต์ให้มองเวทีที่พิธีกรกำลังบรรยายอยู่อย่างออกรส
 
//คณะดุริยางค์ปีนี้มีการแสดงแบบดุริยางค์ๆ ครับ เล่นดนตรีกับร้องเพลงครับ! น้องดาวของเรา เอ๋? เล่นกีตาร์ไฟฟ้าครับ ส่วนน้องเวสเล่นคียบอร์ดคู่ใจครับ วันนี้เขามากันในเพลงให้ตายสิพับผ่าของแสตมป์ครับ//
 
โลกันต์มองร่างเล็กที่กำลังจัดระเบียบคียบอร์ดอย่างไม่วางตา รู้สึกว่าทุกการกระทำของเวสนั้นดูจะน่าสนใจสำหรับเขาซะเหลือเกิน แต่จะว่าไปเมื่อคิดตามดีๆ ใครจะเป็นคนร้องเพลงล่ะ ในเมื่อทั้งสองนั้นต่างเล่นดนตรีทั้งคู่ อดีตเดือนคิดสักพักก็เลิกคิดเพราะยังไงก็คงเป็นน้องดาวที่ต้องร้องเพลงเพราะเขาเห็นไมค์ลอยเล็กๆ ที่ติดอยู่เสื้อ

พอพิธีกรให้สัญญาณเริ่ม เสียงดีดกีตาร์ไฟฟ้าก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงของน้องดาวที่เป็นเสียงหวานใส จังหวะการดีดที่สนุกสนานตามเนื้อเพลงเมื่อรวมกับเสียงคียบอร์ดยิ่งทำให้เพลงนั้นเพราะขึ้นเป็นเท่าตัว 

โลกันต์มองน้องเวสที่ยิ้มกว้างขณะที่กำลังเล่นคียบอร์ด ดูน้องมีความสุขกับการเล่นดนตรีมากจนทำให้หลายๆ คนใจสั่นได้เลยทีเดียว

บทเพลงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับความสนุกของคนดูจนกระทั่งถึงท่อนฮุค เสียงน้องดาวจึงหยุดลงและแทนที่ด้วยน้องเวสที่หยิบไมค์จากไหนไม่รู้ออกมาร้องเพลงต่อ

โลกันต์เบิกตากว้างกับเหตุการณ์ตรงหน้าเพราะไม่คิดว่าน้องจะร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้ มันเป็นเสียงทุ้มนุ่มนวลจนอยากรู้ว่าเวลาปกติที่น้องพูดน้ำเสียงจะเป็นแบบไหน น้องเวสที่ดูเขินอายตอนนี้หายไปแล้วมีเพียงเวสที่ยิ้มกว้างร้องเพลงและเอนเตอร์เทนคนดู อยู่ๆ น้องเวสยกมือขึ้นแกว่งไปมาให้อารมณ์คล้ายคอนเสิร์ตตอนที่ร้องท่อนฮุคเป็นรอบที่สอง

"น้องร้องเพราะว่ะ" เกลมองน้องแบบปลามปลื้ม "ถ้ากูมีแฟนแล้วร้องเพลงให้แบบนี้มั้งคงฟินน่าดู"

โลกันต์ไม่ตอบเพราะความสนใจอยู่ที่น้องหมดแล้ว ยิ่งพอเห็นน้องเดินมาขอบเวทีก็ยิ่งรู้สึกอยากดูน้องใกล้ๆ จนลากแขนเกลและเบียดคนเข้าไปยืนหน้าเวทีโดยไม่ยากเย็นนักเพราะความเป็นพี่ปีสูงคนดังในคณะและร่างกายที่ใหญ่บึกบึนเหมาะสำหรับเอาไว้ไปกระทืบคน

แต่พอเห็นน้องใกล้ๆ โลกันต์กลับขมวดคิ้วมุ่น เขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวแปลกๆ ของน้อง

หรือว่าจะป่วย..?

โลกันต์คาดคะเนเรื่อยเปื่อยและยิ้มกว้างเมื่อน้องเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเต้นนิดๆ ตามเพลงก่อนที่ใบหน้าน่ามองที่เริ่มชื้นเหงื่อของน้องเชิดขึ้น
 
// ฉันชอบใครเขาก็ไม่ชอบฉัน พอเขามาชอบเราก็ไม่ชอบเขาเหมือนกั--//
 

หากแต่ร้องยังไม่ทันจบเพลงน้องก็ล้มโครมลงมาจากเวที น้องดาวส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นอย่างตื่นตระหนกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่ส่งเสียงฮือฮา

แต่โชคดีที่โลกันต์คว้าตัวน้องได้ทันเลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร

"เวส เวส" โลกันต์พยายามเรียกน้องแต่น้องไม่ตอบ พอเอาหลังมือไปอังหน้าผากก็พบว่าน้องตัวร้อนเหมือนจะเป็นไข้และดูเหมือนว่าน้องจะวูบสลบไปแล้ว

โลกันต์ตวัดสายตามองพิธีกรแล้วตะโกน "น้องเป็นลม! เรียกฝ่ายพยาบาลมา!" ซึ่งพอเห็นท่าทีอึนๆ งงๆ ของพิธีกรก็ทำให้โลกันต์หงุดหงิดจนรวบตัวน้องขึ้นอุ้มแล้วเดินไปหาฝ่ายพยาบาลที่ตั้งซุ้มอยู่ข้างเวทีเอง

"ใจเย็นๆ โลกันต์ น้องยังไม่ตาย" เกลที่วิ่งตามมาติดๆ พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบโลกันต์ที่ทำหน้าเหมือนจะฆ่าคน

"จะเย็นยังไงวะ ก็เห็นๆ อยู่ว่าน้องเป็นลม" 

โลกันต์สบถหยาบคาย นึกดีใจที่ตัวเองมาอยู่หน้าเวทีได้ทันก่อนที่น้องจะเป็นลมไม่อย่างงั้นน้องคงจะอาการหนักกว่านี้เพราะเวทีนั้นไม่ได้เตี้ยเอาซะเลย

พอถึงซุ้มพยาบาลโลกันต์ก็วางน้องบนเตียงสนามปล่อยให้น้องคณะพยาบาลทำหน้าที่ต่อและถอยออกมายืนมองอยู่ห่างๆ 

"เวส เวสเป็นไงบ้าง" ดาวรีบวิ่งมาหาเพื่อนตัวเองถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง เอาเข้าจริงเธอก็สังเกตเห็นแล้วล่ะว่าเวสไม่ค่อยสบายแต่เจ้าตัวก็ดึงดันที่จะลงแทนเพื่อคณะก็เลยปล่อยเลยตามเลย พอเห็นสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขตอนที่เล่นดนตรีก็ทำให้เธอหมดห่วงคิดว่าคงไม่เป็นอะไร

โลกันต์กอดอกยืนนิ่งเหลือบมองเธอก่อนที่จะหันไปมองเวทีที่มีน้องคณะอื่นขึ้นไปแสดงความสามารถต่อแล้ว

"เวสเป็นไงบ้าง?" 

เสียงทุ้มหนักแน่นถามอย่างเป็นห่วงทำเอาโลกันต์หันกลับมามองทันที

อัลฟิน!!

โลกันต์คำรามในใจยิ่งพอเห็นเกลมีสีหน้าดีใจเวอร์ๆ ยิ่งทำให้หงุดหงิด

อัลฟินบ่นเพื่อนเวสงึมงำสองสามคำแล้วหันมายิ้มให้พี่โลกันต์อดีตเดือนมหาลัยคณะวิศวะที่มาปรากฎตัวที่นี้ได้ยังไงไม่รู้ "ขอบคุณพี่มากนะครับ ที่ช่วยเพื่อนผม ผมก็บอกมันแล้วว่าอย่าลงๆ เพราะมันเป็นไข้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว" พูดจบก็หัวเราะฮ่าๆ จนโลกันต์รู้สึกเหมือนมีออร่าวิ้งๆ ประกายคนดีออกมาจากน้องเวรนี่

ไม่รู้ทำไมมันถึงทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองต่ำช้านักที่เกลียดน้อง แต่ยังไงก็ไม่ชอบอยู่ดี

"ไม่เป็นไร" โลกันต์ตอบปัด "เป็นแฟนกัน?"

อัลฟินหลุดหัวเราะแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม "เหมือนเหรอพี่ แต่ก็นะผมก็สนิทกับเวสที่สุดแล้ว สนิทจนมันกล้าแก้ผ้านอนแล้วไม่อายผมอ่ะ" 

หากแต่สิ่งที่อัลฟินพูดนั้นเป็นความจริงกึ่งหนึ่ง เวสแก้ผ้าก็จริงแต่ก็ยังเหลือบ็อกเซอร์อยู่และเขาก็ไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่ารุ่นพี่นี่คิดอะไรกับเวสจนอดที่จะแกล้งไม่ได้

"สรุปเป็นไม่เป็น"

โลกันต์กดเสียงถามด้วยสีหน้าโมโหซึ่งถ้าหากเป็นสมัยม.ปลายคงไม่วายพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อง้างหมัดถามเพราะเขาเกลียดคนที่ลอยหน้าลอยตาใส่ที่สุด เห็นแล้วอยากอัดให้หมอบแต่ด้วยวุฒิภาวะที่เพิ่มมากขึ้นเลยทำอะไรแบบนั้นไม่ได้

"ไม่รู้สิครับ ผมก็ชอบเวสนะ" อัลฟินยิ้มยิงฟันใส่พร้อมๆ กับกลั้นหัวเราะ 

โลกันต์ทำท่าจะพุ่งเข้าไปแต่ก็ถูกเกลรั้งเสื้อเอาไว้ก่อน

"ไอ้โลกันต์ มึงโตแล้วกรุณาอย่าใช้อารมณ์เป็นหลัก" เกลขมวดคิ้วดุเพื่อนตัวเองที่มักจะใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งและใช้กำลังในการทำลายปัญหา

"แม่ง" โลกันต์สบถแล้วสูดหายใจเฮือกใหญ่ๆ เรียกสติ "พี่ถามดีๆ สรุปเป็นแฟนกันไหม ถ้าเป็นจะเลิกยุ่ง" และมองอัลฟินนิ่งด้วยสายตาน่ากลัว

อัลฟินยกมือขึ้นสองข้างเชิงยอมแพ้และยิ้มแหย "ใจเย็นพี่ ผมกับเวสไม่ได้เป็นอะไรกัน รู้จักกันตั้งแต่อนุบาลเฉยๆ "

"..."

อารมณ์หงุดหงิดที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดจึงค่อยๆ สงบลง

"ดี"

โลกันต์ยิ้มเล็กๆ ให้น้องด้วยความเป็นมิตรมากขึ้น

"แต่ถ้าพี่จะจีบมันนะ ผมว่ายาก" อัลฟินหันมองเพื่อนตัวเองที่หลับตาพริ้มหน้าแดงก่ำด้วยพิษไข้ "ผมไม่เคยเห็นมันชอบใครสักที วันๆ สนใจแต่ดนตรีกับตัวมันเอง บางทีมันก็ชอบลืมว่ามีผมอยู่กับมันด้วย พี่ไหวเหรอ?"

โลกันต์ไหวไหล่ไม่ตอบเพราะไม่ใช่เรื่องที่จะตอบไปป่าวประกาศให้ใครฟัง เขากับน้องจะไปด้วยกันได้หรือไม่ได้ มันก็ขึ้นอยู่กับที่ตัวเขาเองทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับใคร

แค่ตอนนี้เขารู้สึกสนใจน้องมากๆ ก็เท่านั้น ยิ่งกว่าตอนมีแฟนคนแรกอีก

"อือ"

เสียงครางเบาๆ ของเวสแทบจะเรียกความสนใจจากคนได้ทั้งซุ้ม โลกันต์กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาน้องที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาและกระพริบตาถี่ๆ เหมือนงุนงง

"อ้าว..?" เวสหลุดเสียงร้องเมื่อมองเวทีและมีเพื่อนคณะอื่นกำลังแสดงความสามารถอยู่แต่ตัวเองกลับนอนอยู่บนเตียง

"มึงเป็นลม เวส" อัลฟินพูดเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของเพื่อนและพยักเพยิดไปทางรุ่นพี่สุดโหด "มึงเกือบตกเวทีแล้ว ถ้าพี่เขารับมึงไว้ไม่ทัน"

เวสเอียงคองงและพอหันไปมองข้างๆ ชัดๆ ก็หน้าแดงเพราะมันเป็นคนที่เขาเพิ่งรับแอดไป!

ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรที่ดลใจให้เขารับแอดคนแปลกหน้าอย่างคนตรงหน้า  ทั้งๆ ที่ปกติแทบไม่รับแอดใครด้วยซ้ำไปเพราะหวงแหนความเป็นส่วนตัว

เวสไล่มองตั้งแต่ใบหน้าหล่อเหลาลงมาเรื่อยๆ พบว่าพี่โลกันต์ที่เคยได้ยินชื่อมาแว่วๆ นั้นตัวใหญ่กว่าที่คิดมากและที่แน่ๆ กำลังมองเขานิ่งราวกับว่าจะกลืนกิน

"ขะ ขอบคุณครับ" เวสพูดงึมงำเขินๆ เขาไม่เคยถูกจ้องตรงๆ แบบนี้มานานแล้ว

"กลับบ้านไหม? เดี๋ยวพาไปส่ง" โลกันต์พยักหน้ารับคำขอบคุณและกอดอกถามเสียงเรียบ

เวสสะดุ้งเริ่มตื่นตระหนกกับการรุกของพี่โลกันต์ หันมองอัลฟินเพื่อขอความเห็นและเพื่อนรักของเขาก็ตอบด้วยการพยักหน้าส่งๆ และไหวไหล่ให้เหมือนกำลังจะบอกว่า 'แล้วแต่มึง'

"เอ่อ.. ก็ได้ครับ"

เวสก้มหน้างุดตอบอย่างประหม่า อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกถูกชะตากับพี่โลกันต์แปลกๆ ทั้งๆ ที่เคยเห็นในเฟสแล้วหลายครั้งแต่พอมาเจอตัวจริงกับเผลอใจสั่นซะอย่างงั้น

คำตอบของเวสเรียกรอยยิ้มของโลกันต์ได้ไม่ยาก เพราะมันทำให้เขารู้บ้านน้องและเผลอๆ อาจจะลามไปขอเบอร์ขอไลน์ได้ด้วยซ้ำ 

"น้องเวส รับแอดพี่หน่อยน้าแล้วพี่จะบอกวิธีรับมือเสือ" 

เวสหลุดหัวเราะแล้วยิ้มให้พี่เกลที่เป็นเพื่อนสนิทพี่โลกันต์จนตาหยี "ครับ"

ไม่ต้องคิดก็พอจะเดาๆ ได้ว่าเสือที่ว่าคือใคร จะว่าไปพี่โลกันต์ก็น่ากลัวเหมือนเสือจริงๆ นั่นแหละเวลาทำหน้านิ่งๆ ยื่นนิ่งๆ แลดูพร้อมที่จะกัดคนทุกเมื่อ 

"พี่จะกัดผมไหม?"

เวสถามพี่โลกันต์ขำๆ และแทบยกมือปิดปากตัวเองไม่ทันเมื่อรู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป 

โลกันต์แสยะยิ้มขยับเข้าไปใกล้น้อง "อยากโดนกัดไหมล่ะครับ พี่กัดตอนนี้เลยก็ได้นะ"

เวสหดคอหนีส่ายหัวเป็นพัลวัน "ไม่ครับๆ" แล้วหันหน้าไปหาอัลฟินที่ทำหน้าซังกะตายใส่ "อัล ขอพาราให้หน่อยสิ"

เจ้าของชื่อมองเพื่อนตัวเองและมองรุ่นพี่ที่ตีหน้ายักษ์ใส่อีกแล้ว "ข้างๆ มึงอ่ะ ยากับน้ำกินได้เลย พี่พยาบาลเขาเตรียมไว้ให้"

เวสพยักหน้าหงึกๆ แล้วหยิบยาเม็ดกับน้ำมากินด้วยความรู้สึกปั่นป่วนเพราะเขาเกลียดยาเม็ดมาก สองสามวันที่ผ่านมาก็พยายามเลี่ยงยาเม็ดหันไปพักผ่อนเยอะๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่และไม่ได้คิดว่ามันจะหนักจนสามารถทำให้เขาเป็นลมได้ แต่พอมันเป็นไปแล้วก็ต้องฝืนกินมันสักที

"ให้พี่ช่วยไหม"

โลกันต์เสนอตัวเมื่อเห็นน้องเอาแต่จ้องยาไม่ยอมกิน จนดูออกง่ายๆ ว่าเจ้าตัวไม่ชอบกินยาเม็ด

เวสส่ายหัวดิกหน้าแดงก่ำเพราะไอ้วิธีช่วยที่ว่ามันคงไม่พ้นเรื่องจูบหรืออะไรทำนองนั้นแน่ๆ 

"ไม่เป็นไรครับ"

เวสจึงโยนยาเม็ดใส่ปากกลืนน้ำตามและหลับตาปี๋เพราะชาไปทั้งลิ้นด้วยรสขม

"พี่ชื่อโลกันต์"

เวสหลุดขำเบาๆ เพราะรู้อยู่แล้ว "ผมเวส"

"น้องมีแฟนยัง? ถ้ายังพี่จะจีบ"

เวสตกใจจนสำลักน้ำลายไอค่อกแค่กพอกลับมาหายใจปกติได้ก็หันไปมองร่างสูงหวาดๆ "พี่พูดจริง?" พอเห็นพี่โลกันต์พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจังก็ยิ่งทำเขาตกใจ เพราะนี่เพิ่งเจอกันครั้งแรกด้วยซ้ำ

เกลที่ยืนเล่นโทรศัพท์และได้ยินมาตั้งแต่ต้นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "น้องไม่ต้องตกใจหรอก โลกันต์มันหน้าด้านอย่างงี้แหละ นานๆ ไปเดี๋ยวก็ชินเอง"

คนโดนเหน็บหันไปขู่แง่งใส่เกลแล้วหันมาถามน้องอีกรอบ

"สรุปจะกลับบ้านเลยไหม เดี๋ยวพี่พาไปส่งหรือจะแวะกินข้าวก่อนก็ได้พี่เลี้ยงเอง"

เวสมองอัลฟิน

"มึงจะไปไหนก็ไปเหอะ กูว่าจะกลับไปนอนละ" 

ร่างเล็กยิ้มแห้งๆ เมื่อโดนถีบหัวส่งแล้วพยักหน้าให้กลับพี่โลกันต์

"กลับครับ"

------------
ครานี้ธีมมหาลัย

สำหรับคนที่รอมาเฟีย รออีกสักพักนะ มีตอนต่อแน่ถ้าสิ่งที่เราเปย์มาถึงแล้ว 555555

มันต้องน่ารักมากแน่ๆ คนเขียนสัมผัสได้  :impress2:

มาเฟียเล่นไวโอลิน คิดภาพแค่นี้ก็  :haun4: ละ
 
 
 
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ผ่าหัวใจปีศาจ
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 23-05-2017 23:11:32
ตอนที่ 2

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงเคาะประตูดังลั่นในขณะที่เจ้าของห้องกำลังขัดสีฉวีวรรณอยู่ในห้องน้ำ โลกันต์ที่ยังคงนอนนิ่งอยู่หน้าประตูเหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจเพราะยังไงแขกที่มาเยือนเวลานี้คงไม่เกี่ยวกับเขาแน่ๆ หรือต่อให้เกี่ยวกับการอยู่ในสภาพแบบนี้คงไม่มีปัญญาที่ไหนไปสู้ด้วยได้

ปัง!

"จะเคาะอะไรนักหนาวะ" พลตำรวจเอกหนุ่มบ่นงึมงำก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูถูกกระแทกเปิดออกมาอย่างไม่คาดคิด

ผัวะ!

ประตูไม้สักเนื้อดีกระแทกเข้ากับผนังดังลั่นก่อนที่จะปรากฎร่างของสาเหตุที่ทำให้ประตูเปิดออกมา เป็นบุรุษร่างใหญ่สัญชาติไทย-เยอรมัน ผมสีบรอนด์ทองผิวสีขาวซีดบอกได้ดีถึงสัญชาติของเจ้าตัว โลกันต์หรี่ตามองขบเคี้ยวฟันหงุดหงิดเมื่อไอ้ร่างตรงหน้าเป็นคนที่อยู่ในหนึ่งในสิบอันดับที่ในชีวิตตำรวจของเขาตั้งใจจะเอาเข้าตารางให้ได้! เขาคนนี้คือ 'เฟเนกส์ อังศุชวาล' น้องชายแท้ๆ ของเวสที่ทำธุรกิจมืดประเภทเดียวกันแต่งานส่วนใหญ่นั้นอยู่ต่างประเทศ แต่สิ่งที่ทำให้พวกตำรวจอย่างพวกเขาปวดหัวจริงๆ ก็คือการค้าอาวุธสงครามยาเสพติดแทบจะซึ่งๆ หน้าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมอง

เฟเนกส์ใช้หางตามองร่างบนพื้นแล้วสบถ "คู่นอน? กลับมาครั้งนี้น่าแขยะแขยงกว่าเดิมอีกว่ะ" นัยน์ตาสีทองส่อประกายมาดร้ายและกระแทกเท้าเข้าไปเคาะประตูห้องน้ำแทบจะพังมันให้พังคามือด้วยซ้ำ

ปัง!

เคาะได้เพียงหนึ่งครั้งเวสก็เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ร่างกายพราวไปด้วยหยดน้ำเพราะยังเช็ดตัวไม่เสร็จดีด้วยซ้ำแต่ดีที่ยังเอาผ้าเช็ดตัวมาพันเอวได้ทันก่อนที่ประตูจะพังด้วยอารมณ์ร้ายของน้องชาย

"มีอะไร?" เวสถามเสียงเรียบเงยหน้ามองน้องชายที่สูงกว่าตัวเองเป็นเท่าตัว

เฟเนกส์แค่นยิ้มส่งเสียงเหอะ "ไอ้ที่เจอเมื่อกี้คู่นอนคนใหม่เหรอ?"

นายท่านแห่งอังศุชวาลหรี่ตามองอย่างไม่เป็นมิตรแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นน้องชายแท้ๆ ของตัวเองก็ตาม "มีอะไร" กดเสียงถามเสียงเข้มจนน่าขนลุกแต่แน่นอนว่ามันไม่ทำให้นายท่านใหญ่อีกคนของตระกูลอังศุชวาลกลัวเลยสักนิด สำหรับคนที่เป็นลูกรักยิ่งกว่าอย่างเฟเนกส์ในโลกนี้ไม่มีอะไรให้กลัวด้วยซ้ำนอกจากความตาย

"ก็แค่มาทักทาย ไม่ได้เหรอครับ คุณพี่ชาย?" เฟเนกส์แค่นเสียงหัวเราะดูถูก "ที่นี้ตอบคำถามผมได้รึยังครับ ว่าผู้ชายที่นอนตรงหน้านั่นมันคืออะไร คนเก่าไม่อร่อยเหรอ"

"ถ้าจะคุยเรื่องผลประกอบการไตรมาสแรก ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัว" เวสพูดเสียงต่ำทำหูทวนลมไม่สนใจคำแซะเพราะการลงไปกัดกับน้องไม่เคยให้ผลดี ทุกครั้งที่พ่อรู้เป็นเขาทุกทีที่เป็นคนผิด!

เฟเนกส์โน้มตัวเข้าหาเวสอย่างคุกคามแล้วยิ้มหวาน "ผมก็บอกแล้วว่า 'ขยะ' อย่างพี่ควรจะไสหัวไปจากตระกูลสักที ยิ่งอยู่อังศุชวาลก็ยิ่ง" เว้นระยะหายใจเพียงนิดและกระซิบเสียงต่ำ "ตกต่ำ" 

น้ำเสียงของเฟเนกส์นั้นเสียดแทงเข้าไปในใจเวสได้อย่างแม่นยำจนแผลที่กลายเป็นบาดแผลฉกรรจ์อยู่แล้วหนักกว่าเดิมหากแต่เวสไม่คิดที่จะใส่ใจนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เฟเนกส์รู้ว่าพูดอะไรแล้วที่ทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด แตยังก็ตามเขาก็จะดันทุรังที่จะสู้กับมันด้วยทิฐิทั้งหมดที่ตัวเองมีอยู่

"ผลประกอบการของนายก็ไม่ต่างกัน เฟเนกส์" เวสกระตุกยิ้มกระชับผ้าเช็ดตัวที่จวนเจียนจะหลุดจากเอวให้แน่นๆ และเชิดหน้าขึ้นอย่างถือตัว "ขาดทุนร้อยล้านเลยไม่ใช่เหรอ หืม?"

แม้นว่าจะสูญสิ้นความเป็นมนุษย์ผิดศีลธรรมไปมากแค่ไหนเขาก็ไม่คิดจะสนใจ เขาเคยยึดถือมันแต่สุดท้ายมันก็ทำลายเขาจนกลายเป็นปีศาจแบบนี้ เขากลายเป็นปีศาจไร้จิตใจเข่นฆ่าทุกสิ่งที่ทำให้เขารำคาญใจ 

เฟเนกส์สะอึกไปนิดเดียวแต่ก็เพียงนิดเดียวเท่านั้นก่อนที่จะถอยหลับแล้วหัวเราะลั่นใส่ "เถียงผมอีกแล้วเหรอครับ คุณพี่ชาย ของผมมันขาดทุนก็จริงแต่หลังจากนั้น" เฟเนกส์ถลึงตามองเวสอย่างดุร้ายนัยน์ตาสีทองขยายกว้างตามอารมณ์ที่ไต่ขึ้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ "หลังจากนั้นมันจะกำไร! คนที่ดีแต่พูดอย่างคุณ ระวังตัวไว้เถอะตำแหน่งที่อยู่ตอนนี้จะโดนผมเบียดตกจนกลายเป็นแค่ขยะที่ไม่ต้องทำอะไรนอกจากนอนเฉยๆ แล้วรอวันตาย!"

ใจของเวสกระตุกอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าชนวนเหตุอะไรที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างน้องกับเขากลายเป็นแบบนี้แต่ถ้าเป็นไปได้เขาไม่อยากให้มันกลายเป็นแบบนี้สักนิด แต่มันเป็นไปแล้วและเขาก็เกลียดน้องมากพอๆ กับที่น้องเกลียดเขาด้วย

"ขอบคุณที่เตือน" เวสยิ้มจนตาหยีรับแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนมาเช็ดตัวราวกับว่าสิ่งที่เฟเนกส์พูดนั้นไร้สาระเกินกว่าที่จะใส่ใจไปมัน "อ้อ แล้วก็นี่ก็ดึกแล้ว จะไปไหนก็ไป"

คนโดนไล่ไหวไหล่หัวเราะ "สู้ๆ แล้วกันครับ อีกไม่นานก็คงจะโดนพ่อดีดลงแล้วล่ะ ขยะอย่างพี่น่ะ" เฟเนกส์ทำสีหน้าเหมือนเป็นห่วงนักหนาขยับเข้าไปใกล้เวสและกระชากผ้าเช็ดตัวที่พาดเอวออกโดยที่เวสไม่ทันตั้งตัว

เวสขบกรามกรอดลนลานหน้าแดงเมื่อเห็นคุณพลตำรวจเอกมองมาที่ตัวเองพอดี

เฟเนกส์แสยะยิ้มร้ายกาจ "ผมไม่ขัดเวลาผัวเมียละ ลาล่ะครับ" กระแทกเท้าเดินกลับออกจากห้องโดยไม่เอ่ยขอโทษเวสใดๆ สักคำหากแต่เมื่อใกล้ร่างของ 'ผู้ชายคนใหม่' ของพี่ น้องชายที่รักของเวสก็บรรจงขว้างผ้าเช็ดตัวใส่หัวโลกันต์และแน่นอนว่าโลกันต์ทำอะไรไม่ได้จากสะบัดหัวแรงๆ เอาผ้าออก

ปัง!!

ขามากับขากลับไม่ต่างกัน ประตูห้องเวสแทบจะพังเป็นเสี่ยงๆ ทุกครั้งที่เฟเนกส์มาเยือน

"แม่ง!" โลกันต์สบถอย่างหงุดหงิดถึงมันจะมีกลิ่นหอมๆ ติดจมูกก็เถอะแต่การโดนทำแบบนี้ใส่ไม่ว่าใครก็หงุดหงิดกันทั้งนั้น หากแต่เมื่อคุณพลตำรวจเอกจะหันไปเอาเรื่องกับเวสก็ชะงัก

โลกันต์มองตาเป็นมันกลืนน้ำลายเอือก เพราะเวสยังคงยืนนิ่งเหมือนคิดอะไรมากมายอยู่ในหัวเล็กๆ นั่น

"อ้ะ!" นายท่านแห่งอังศุชวาลเพิ่งได้สติและรีบปิดประตูทันที

แต่ก็ไม่ทันกาลเพราะคุณพลตำรวจเอกหนุ่มที่มีความจำเป็นเลิศสามารถจดจำได้หมดแล้ว..

ใบหน้าคมเข้มของพลตำรวจเอกขึ้นเค้าแดงนิดๆ นึกเกลียดตัวเองที่สามารถจดจำลักษณะคนร้ายได้ดีก็วันนี้ เนื่องจากมันทำให้เขาไม่สามารถสลัดร่างขาวๆ ที่เปลือยเปล่านั่นออกจากหัวได้เลย เผลอๆ สามารถสเก็ตภาพออกมาได้ด้วยซ้ำ

"ไอ้โลกันต์ มึงแม่ง" พลตำรวจหนุ่มบ่นงึมงำพยายามคิดเรื่องอื่นตั้งแต่ท่องสูตรคูณยันคำนวณหาความน่าจะเป็นที่ตัวเองจะหนีออกจากที่นี้ได้โดยปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน

"คุณ"

"เฮ้ย!" โลกันต์สะดุ้งจนผงะถอยหลังพอเห็นว่าไอ้สิ่งที่พยายามจะโยนจากหัวมายืนตรงหน้าแล้วแบบไม่ให้ซุ้มให้เสียงสักนิด

เวสขมวดคิ้วมุ่นกระชับเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเองให้มิดชิดเพราะรู้สึกแปลกนิดๆ กับสายตาของคุณตำรวจที่ดูจะสนใจร่างกายเขาซะเหลือเกิน ไม่เหมือนกับเมื่อกี้ที่ขัดขืนจนน่ารำคาญ "คุณจะอาบน้ำไหม?"

สติสตังค์ของพลตำรวจเอกยังไม่เข้าที่เข้าทางนักสายตาเผลอจับจ้องที่มือของเวสอย่างเผลอไผล นึกอยากจะกระชากมันออกให้รู้แล้วรู้รอด "หือ..?"

นายท่านหนุ่มถอนหายใจยาวๆ เอาเข้าจริงเขาก็ไม่ได้โง่จนดูอะไรไม่ออกหรอกนะ

ร่างโปร่งของนายท่านหนุ่มจึงปลดเชือกเสื้อคลุมออกมาจนร่างแทบเปลือยเปล่าเพราะข้างในนั้นใส่เพียงบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียว เวสหัวเราะนิดๆ เมื่อคุณพลตำรวจเอกหนุ่มสะดุ้งแล้วถลึงตาใส่เขา

"ผมเห็นคุณมองเยอะ นึกว่าอยากจะต่อจากเมื่อกี้" เวสหัวเราะคิกในลำคอหยอกเย้าแม้ว่าในตอนนี้หัวใจจะหนักอึ้งมากก็ตาม ไม่ว่าครั้งใดที่เขาทะเลาะกับเฟเนกส์ล้วนส่งผลให้เขารู้สึกแย่หนักอึ้งไปหมด มันเกิดขึ้นเป็นร้อยๆ ครั้งแล้วแต่เขาก็ยังคงเจ็บยังคงร้องไห้เหมือนเดิม เขาเกลียดน้องก็จริงแต่ก็อยากให้เขากับน้องมีสัมพันธ์ที่ดีแบบครอบครัวอื่นบ้าง แค่นี้เขาก็มีคนไว้ใจได้น้อยเกินพอแล้ว 

คนไว้ใจที่มีเพียงหนึ่งคนก็คือ ตัวเขาเอง..

นายท่านเวสแห่งอังศุชวาลไม่เคยไว้ใจใครจริงๆ จังๆ เพราะหวาดกลัวการถูกทรยศหักหลัง ทุกการคบหาจะมีการเผื่อใจเพื่อที่ในอนาคตหากความไว้ใจนักถูกทำลาย จะได้สามารถใช้ชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้ได้อย่างไม่เจ็บปวด

นัยน์ตาสีทองหลุบมองคุณตำรวจที่โวยวายหยาบคายใส่เขาแล้วรู้สึกอิจฉานิดๆ คนที่ยึดมั่นในความดีได้มากขนาดนี้ในโลกที่เต็มไปด้วยความโสมมนี้นั้นหายาก กว่าจะหล่อหลอมจนกลายเป็นคนแบบนี้คงเจอคนที่ดีมาก่อนแน่ๆ

ต่างกับเขาที่เป็นปีศาจร้าย.. 

เวสกระพริบตาถี่ๆ กลืนก้อนสะอื้นลงคอแล้วฉีกยิ้มยียวนให้โลกันต์

"ต่อบ้าอะไรของคุณวะ! ปล่อยผมไปสักที" โลกันต์ขู่แง่งๆ สามารถกลับมาเป็นตำรวจผู้ยึดมั่นในคุณธรรมได้อย่างน่าประหลาด

"ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกคุณตำรวจ" นายท่านหนุ่มหัวเราะเบาๆ "คุณเป็นของหายากสำหรับผม ผมจับคุณได้คุณก็ต้องเป็นของผม เข้าใจไหมครับ?" 

โลกันต์ส่ายหัวดิกรู้สึกหงุดหงิดที่คล้ายกับถูกทำให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยง "ไม่เข้าใจและไม่อยากเข้าใจ ปล่อยผม! คุณมีคนนอนด้วยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? จะมาเอาผมทำไมวะ!!"

นัยน์ตาของเวสไหววูบแต่คุณพลตำรวจเอกมองไม่ทัน

สีหน้ายิ้มแย้มของเวสหายไปทันควันเหลือเพียงสีหน้าเย็นชา เวสกระชับเสื้อคลุมอาบน้ำตัวให้คลุมตัวดีๆ และผูกเชือกใหม่เงียบๆ ไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก

"เงียบทำไม? เป็นใบ้เหรอวะ! หรือว่าหิวผู้ชายจัดจนต้องเอากูเป็นผัว!" 

ถ้ามีการจัดอันดับว่าใครเลือดร้อนที่สุดในกรมตำรวจคนที่ครองตำแหน่งคงเป็นพลตำรวจเอกหนุ่มแน่นอน นอกจากจะโมโหง่ายแล้วยังปากไวเป็นที่หนึ่งเรียกได้ว่าปากของโลกันต์นั้นเรียกน้ำโหคนร้ายมานัดต่อนัดแล้ว มีหลายครั้งที่คนร้ายบรรดาโทสะยิงใส่โลกันต์แต่เจ้าตัวก็รอดมาทุกทีโดยไร้รอยขีดข่วนจนเป็นที่กล่าวขานว่าพลเอกมีของดีแต่ไม่แบ่งลูกน้อง แน่นอนว่าความจริงก็คือเจ้าตัวโชคดีเฉยๆ ไม่มีอะไรมาก

แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้ความโชคดีเวอร์ๆ ของพลเอกโลกันต์ใช้ไม่ได้ผลเพราะการตกอยู่ใต้อาณาเขตของอังศุชวาล ไม่ว่าสิ่งใดก็สามารถควบคุมได้ทั้งนั้น

คลิ๊ก

ปืนพกสีดำรุ่นทันสมัยขนาดพกพาที่สุดถูกบรรจุกระสุนเข้าเรียบร้อยจ่อเข้าที่หัวของโลกันต์

ริมฝีปากบางที่เม้มแน่นเมื่อกี้เอ่ยประโยคเตือนเสียงเย็น ถึงแม้ว่าจะสู้กันด้วยพละกำลังไม่ได้หากแต่มีเครื่องทุ่นแรงที่อยู่ในมือแล้วไม่ว่าสิ่งใดก็ล้วนสยบต่อมันทั้งนั้น "ขอโทษในความสัมพันธ์แย่ๆ ระหว่างผมกับน้องแล้วกันนะครับคุณตำรวจ ที่ทำให้คุณรู้อะไรๆ เกี่ยวกับผมมากขึ้น" นัยน์ตาสีทองเป็นประกายกร้าว "แต่ผมไม่เคยนอนกับใคร!"

โลกันต์นั่งเกร็งตัวแข็งแต่ไม่ตื่นตระหนก จะว่าชินแล้วก็ว่าได้เพราะตอนที่ยังตำแหน่งเล็กๆ เขามีงานอดิเรกคือเป็นพวกตัวล่อให้โจรออกมาและมักพลาดพลั้งจนถูกจับเป็นตัวประกัน ครั้งนี้ก็คงจะเป็นอีกครั้งที่เขาโดนแต่ครั้งนี้กลับเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัว

แววตาของนายท่านแห่งอังศุชวาลนั้นนราวกับหมดสิ้นความเป็นมนุษย์ ภายในนั้นไม่หลงเหลือความเห็นใจอะไรใดๆ หลงเหลือแม้แต่นิดเดียวจนโลกันต์กลัว มันน่ากลัวกว่าฆาตกรซะอีกเพราะพวกนั้นยังมีความบ้าคลั่งแต่นี้ไม่มีอะไรสักอย่าง การฆ่าคนคงไม่ต่างกับมดปลวกสำหรับคนที่มีแววตาแบบนี้

แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอมองไปนานๆ กลับรู้สึกสงสารขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คนๆ นึงสามารถกลายเป็นปีศาจไร้หัวใจได้แบบนี้ สิ่งที่เวสเคยประสบมาก่อนมันคงจะร้ายแรง..

"ผมขอโทษที่เข้าใจผิด" พลตำรวจเอกหนุ่มยิ้มไม่แยแสสิ่งที่กำลังจ่อหัวตัวเองอย่างคุกคาม "ถ้าคุณจะฆ่าผมก็เชิญแต่ถ้าคุณไม่ทำ" โลกันต์สบตากับเวส "ผมจะฆ่าปีศาจอย่างคุณเอง"

เวสเลิกคิ้วแล้วหลุดหัวเราะกับความทระนงตัวของโลกันต์ มั่นใจตัวเองมากเกินไปจนไม่เห็นว่าปืนกระบอกเล็กๆ นี้สามารถฆ่าชีวิตตัวเองได้ภายในเสี้ยววินาที

หัวเราะจนเบื่อร่างโปร่งก็หุบยิ้มแล้วเอาปืนออกจากขมับและยื่นมันให้กับพลตำรวจเอกหนุ่ม ทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายถูกพันธนการข้อมือไว้

"ฆ่าผมสิ ถ้าคุณทำได้" เวสพูดยิ้มๆ พยายามซุกซ่อนความร้าวรานในดวงตา อีกสิ่งที่เวสถวิลหาก็คือความตาย อย่างน้อยการไม่มีลมหายใจก็ทำให้เขาไม่เป็นทุกข์อีกต่อไปแต่เขาก็ไม่เคยกล้าทำมันสักที

ครั้งนี้โลกันต์เห็นความร้าวรานนั่นชัดเจน

"ผมจะฆ่าปีศาจในตัวคุณเอง.. เวส" โลกันต์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแววตาฉายความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม "ผมจะทำให้คุณกลับมาเป็นมนุษย์"

นายท่านหนุ่มกลอกตาและถอนหายใจ คำพูดโง่ๆ แค่นี้แปลกที่ทำให้เขาใจอ่อนลงมาซะได้ ทั้งๆ ที่สามารถฆ่าให้จบๆ แล้วเรียกคนให้มาเก็บศพก็ได้

แค่คิดนะ.. เขาไม่เคยคิดจะฆ่าใครในห้องนอนตัวเองหรอก

เวสเดินไปเก็บปืนใส่โต๊ะใกล้ๆ โดยไม่ลืมล็อคชั้นเก็บของเพื่อป้องกันให้คุณตำรวจหยิบมาเล่นกับตัวเอง

"ผมจะถามคุณครั้งสุดท้ายนะ คุณจะอาบน้ำไหม?"

อารมณ์ที่เริ่มกลับมาปกติทำให้นายท่านกลับมาสุขุมถามคำถามเดิมอย่างใจเย็น

โลกันต์พยักหน้าแรงๆ ใครปฏิเสธโอกาสแบบนี้ก็โง่เต็มทีแล้ว "อาบสิ"

เวสกลับมายืนตรงหน้าพลตำรวจหนุ่มแล้วถอนหายใจยาวๆ และนั่งยองๆ เพื่อสามารถสบตาคุณตำรวจได้ชัดๆ "ผมไว้ใจคุณนะ คุณตำรวจ ผมจะไขกุญแจให้คุณ ปล่อยให้คุณเป็นอิสระ"

ดวงตาสีแดงของโลกันต์ฉาบความสงสัยไว้เต็มเปี่ยมเพราะมันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิดกับการที่เวสจะทำแบบนี้กับคนที่เปรียบเสมือนเชลยศึกดีๆ นี่เองอย่างเขา

พอเห็นสีหน้าเหมือนเสืองงเวสก็หลุดหัวเราะเบาๆ แล้วพยักเพยิดไปทางประตู "ประตูห้องผมไม่ได้ล็อก แค่ผมตะโกนขอความช่วยเหลือบอดี้การ์ดข้างนอกก็จะเข้ามาช่วยทันที หรือถ้าคุณคิดจะจับผมเป็นตัวประกัน" เวสหลุบมองพื้นแล้วแค่นยิ้มกับตัวเอง "น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผลเพราะเขาคงไม่สนใจชีวิตผมหรอก"

คำพูดของเวสทำเอาแผนหลบหนีออกจากที่นี้ของโลกันต์แตกเป็นเสี่ยง 

"อย่าร้องไห้" โลกันต์พูดเสียงนุ่ม

เวสสะดุ้งแล้วขมวดคิ้วใส่ "ผมไม่ได้ร้อง! ถ้าขืนคุณพูดมาก ผมจะให้คนลากตัวคุณไปนอนในคุกใต้ดิน"

"ครับๆ" พลตำรวจเอกยิ้มให้นายท่านหนุ่มอย่างจริงใจ "ผมจะไม่หนีไปไหนแน่นอน"

จากการสังเกตหลายๆ ครั้งทำให้โลกันต์พบว่าเวสมีบาดแผลใหญ่ในใจ เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองสามารถทำให้มันหายได้รึเปล่าแต่ก็อยากลองพยายามดูเพราะแค่เห็นใบหน้าน่ามองนั้นทุกข์ก็รู้สึกปวดใจจะแย่แล้ว

เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำถูกไหม เขาที่เป็นถึงพลตำรวจเอกกลับให้ความช่วยเหลือผู้ทรงอิทธิพลในวงการค้ายาและอาวุธสงครามรายใหญ่ที่แสนจะเปราะบาง เป็นนายท่านที่อ่อนแอยิ่งกว่าเด็กตัวเล็กๆ ด้วยซ้ำ 

ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วว่ามันจะจบลงแบบไหน ความสัมพันธ์ที่สวนทางกันโดยสิ้นเชิงระหว่างเขากับเวส เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเวสจะถูกจับเขาตารางรึเปล่าหรือว่าตัวเองจะกลายเป็นอีกคนที่โดนตำรวจหมายหัวไหม

เขาไม่รู้อะไรทั้งนั้น

เหม่อคิดเรื่องเรื่อยเปื่อยได้เพียงชั่วครู่ก็รับรู้ถึงข้อมือที่เป็นอิสระ โลกันต์ยิ้มกว้างขณะที่ลูบข้อมือที่เป็นรอยช้ำจากการขัดขืนจางๆ ยังไงก็ตามตอนนี้เขาไม่ต้องมาปวดหัวกับกุญแจมือนรกแตกแล้ว คิดได้ดังนั้นโลกันต์ก็ผลุดลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับนายท่านแห่งอังศุชวาลที่กำลังยืนทำหน้านิ่งๆ จดจ้องเขาไม่วางตา

โลกันต์ใจกระตุกนิดๆ เมื่อเห็นความหวาดกลัวในตาของเวส ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะพยายามซ่อนอะไรในใจไว้หลายอย่างเลยทีเดียว ซึ่งถ้าไม่ใช่ตำรวจที่เจอผู้คนมามากอย่างเขาคงอ่านแววตาของเวสไม่ออกเพราะการยืนด้วยท่าทีเย่อหยิงนั้นขัดกับแววตาซะเหลือเกิน ถ้าเกิดเป็นคนทั่วไปคนคิดว่ากำลังโดนอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยามอย่างแน่นอน

"ผมหิวแล้ว คุณสั่งอะไรให้ผมกินบ้างก็ดี" พลตำรวจเอกฉีกยิ้มให้เวสและเดินผ่านเจ้าตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำตามที่เวสต้องการ ร่างสูงชะเง้อหน้าออกจากห้องน้ำอย่างนึกขึ้นได้ "อย่าลืมหาเสื้อให้ผมด้วยนะ! เสื้อคลุมอาบน้ำคลุมของคุณผมใส่ไม่ได้หรอก ตัวเล็กซะขนาดนั้น" ซึ่งพอเห็นสีหน้าอึ้งๆ ของคนตัวเล็กก็หลุดขำ

"อะ อืม" 

ร่างโปร่งรับคำมึนๆ แล้วเดินหนีเข้าห้องนอนไป

โลกันต์มองตามหลังด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ

เขาคงจะไม่คุ้นชินกับความจริงใจสินะ..
 
 


กลิ่นหอมๆ ของข้าวผัดที่โชยมาจากห้องรับแขกทำเอาท้องของตำรวจร่างใหญ่ในชุดนอนผู้ชายผ้าสีดำที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จส่งเสียงร้องโครกครากอย่างหน้าไม่อาย ซึ่งเดิมทียางอายของโลกันต์ก็ไม่มีอยู่แล้วเจ้าตัวเลยไม่สนใจอะไรเลย ค่อยๆ เดินอาดๆ ไปนั่งบนโซฟาที่โครตนุ่มและนั่งซัดข้าวผัดที่น่าจะทำจากข้าวหอมมะลิชั้นดีและหมูเกรดเอ เผลอๆ คนที่ทำอาจจะเป็นเชฟภัตตาคารดังเลยด้วยซ้ำเพราะมันอร่อยมากจนคนที่เสพติดข้าวกล่องเซเว่นอย่างโลกันต์แทบพ่นสายรุ้งออกทางปาก

ใจดี..

โลกันต์นิยามคำนี้ให้กับนายท่านเวสแห่งอังศุชวาลขณะที่วางจานเปล่าที่ไร้ข้าวสักเม็ดไว้ที่เดิม ตำรวจหนุ่มหันมองห้องน้ำแล้วชั่งใจนิดๆ ว่าจะกลับไปแปรงฟันดีไหมเพราะขี้เกียจแล้วแต่สุดท้ายก็พาร่างง่วงๆ กลับไปแปรงฟันและตามเข้าไปในห้องของนายท่านใหญ่โดยลืมเคาะประตู

ซึ่งพลตำรวจเอกก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ตอนเข้ามาในห้องนอนแล้ว 

"ฮึก..."

หัวใจของโลกันต์บีบรัดแน่นเมื่อเห็นร่างเล็กๆ ขดตัวกอดตัวเองอยู่กลางเตียงขนาดคิงส์ไซส์ ใบหน้าที่หลับตาพริ้มแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้วแต่กลับสะอื้นออกมา ยิ่งการกอดตัวเองแน่นยิ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวพยายามเข้มแข็งขนาดไหน

"ฝันร้ายสินะ.." โลกันต์พึมพำ

สุดท้ายนายท่านที่แสนจะยิ่งใหญ่แห่งตระกูลอังศุชวาลเมื่อพ้นสายตาผู้คนก็เป็นเพียงมนุษย์ที่น่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้น

โลกันต์เดินไปปิดสวิตซ์ไฟให้เหลือเพียงไฟสลัวๆ จากไฟข้างเตียงก่อนที่จะทิ้งตัวลงข้างๆ เวสและดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นเพราะคิดวิธีปลอบที่ดีกว่านี้ไม่ออก

"ชู่ว ไม่ต้องร้อง" พลตำรวจเอกกระซิบพร้อมๆ กับลูบหัวซึ่งมันก็ได้ผลนิดๆ เมื่อเวสกอดกลับแล้วฝังตัวเข้าหาความอบอุ่น เนื้อตัวที่สั่นเทาจากความฝันเริ่มทุเลา

ความอบอุ่นแปลกประหลาดที่กำลังโอบกอดตัวเองทำให้เวสรู้สึกดีและคิดว่ามันเป็นความฝันจนอดไม่ได้ที่ซุกตัวกลับกอดมันกลับแน่นๆ และคาดหวังลึกๆ ในใจว่าตัวเองจะไม่ตื่น

เพราะสิ่งเหล่านี้คงไม่มีวันเกิดขึ้นกับเขา.
 
 ----------
ลุคนี้เผ็ดลืมโลกจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ผ่าหัวใจปีศาจ
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 30-05-2017 20:48:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ผ่าหัวใจปีศาจ
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 10-06-2017 00:32:54
เวสลุคมาเฟียก็สนุก
ส่วนลุคมหาลัยก็น่ารัก
ชอบทุกแบบเลย
เลือกไม่ถูกเลย
จะมีตอนพิเศษต่อใช่ไหมคะ
รออ่านอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ผ่าหัวใจปีศาจ
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 11-06-2017 11:36:09
สนุกดีค่ะ เวสเปอร์น่ารัก.  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เวลาพักผ่อนของนายท่าน
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 11-07-2017 20:57:38
ตอนที่ 3

"ฮื่อออ"

เสียงครางในลำคออย่างง่วงงุนของร่างสูงทำเอาเจ้าของห้องที่กำลังแต่งตัวหน้ากระจกเหลือบมองแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ และนึกสงสัยในการตัดสินใจของตัวเองที่ดูจะแปลกไปกว่าทุกครั้ง สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือพวกตำรวจแต่พอเห็นหน้าพลตำรวจเอกนี่แล้วกลับใจเขวซะอย่างงั้น ยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้กว่าทุกคนที่เขารู้จัก 

มาในระยะที่ใกล้เกินไปด้วยซ้ำ..

เวสสบถหยิกตัวเองแรงๆ จนแขนขึ้นรอยแดงช้ำเพื่อตักเตือนว่าอย่าเผลอใจให้คนอื่นเชียวเพราะผลตอบแทนมันไม่เคยได้แบบที่คิด ไม่ว่าเขาไว้ใจใครพวกมันก็ทรยศเขาได้ทั้งนั้น ด้วยอำนาจให้เงินตราทำให้คนดีๆ หลายคนกลายเป็นคนชั่วภายในพริบตา 

โลกใบนี้มันตลกร้าย เขาเก็บตำรวจอยู่ข้างตัวและคงจะโดนจับยัดเข้าตารางถ้าไม่ระวัง ไอ้ท่าทางแปลกๆ เหมือนจริงใจนั่นก็คงมีเพื่อลวงให้ปีศาจร้ายอย่างเขาติดกับและรอลงทัณฑ์ในที่สักที่

นัยน์ตาสีทองของนายท่านเป็นประกายวาบอย่างเย็นชาและกระชับเนคไทสีครีมให้ยาวพอดีตัวเนื่องจากในช่วงบ่ายวันนี้มีงานประมูลเพชรการกุศลที่ฉาบหน้าคือทำเพื่อเด็กๆ ในมูลนิธิเด็กกำพร้าหากแต่แท้จริงแล้วกลับเป็นงานพูดคุยธุรกิจการค้ามนุษย์ซึ่งสินค้าก็คงไม่พ้นใครที่ไหนนอกจากเด็กๆ ในมูลนิธิและเวสก็เป็นตัวแทนของตระกูลอังศุชวาลเข้าร่วมงานครั้งนี้

เวสหันซ้ายหันขวาในกระจกเพราะต้องการให้รูปลักษณ์ของเขานั้นไร้ที่ติไม่ให้ใครหน้าไหนมาตำหนิเอาได้ ทั้งจากพวกนักข่าวและคนในครอบครัว..

"..หึ" เวสสบตาตัวเองในกระจกแล้วหัวเราะเบาๆ  เสื้อสูทสีขาวที่สั่งตัดจากร้านดังโดยเฉพาะตรงหน้าอกมีสัญลักษณ์กวางทองซึ่งเป็นโลโก้ที่เขามาทำเองทีหลัง หลังจากได้ขึ้นครองตำแหน่งแทนพ่อที่โยนตำแหน่งมาให้เขาอย่างไม่เต็มใจนักเพราะอาการเจ็บปวดออดๆ แอดๆ

แต่ไม่ว่าดูยังไงเขาก็ไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้สักนิด ผู้นำตระกูลอังศุชวาลที่กำลังจะโดนดีดทิ้งเร็วๆ นี้ เขารู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรแต่ถ้าเขาไม่ทำมันแล้วชีวิตของเขาจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไรล่ะ เขาอยากมีชีวิตเรียบง่ายแต่เมื่อการเติบโตนั้นถูกตีกรอบไว้อย่างแน่นหนาก็ทำให้ความคิดอันอ่อนต่อโลกอย่างการเป็นนักดนตรีนั้นบิดเบี้ยวและแตกสลายไปที่สุด ความฝันนั้นที่เคยเอ่ยถึงด้วยความภาคภูมิใจในตอนนี้กลับไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถึง

เพราะมันเป็นแค่ความฝันโง่ๆ ลมๆ แล้งๆ ที่ไม่มีวันเป็นจริง

เวสสูดหายใจลึกกลืนความขมเฝื่อนในชีวิตลงคอ เขาควรจะชินกับมันได้แล้วแต่ก็ไม่ชินสักที ไม่ว่าตื่นมาสักกี่ครั้งเขาก็ต้องมายืนสงบสติอารมณ์ตลอด เรื่องบางอย่างมันก็เจ็บปวดเกินไปสำหรับเขา

โดยไม่รู้ตัวนายท่านหนุ่มได้เผลอคิดถึงไวโอลีนคู่ใจของตัวเองขึ้นมา มันเป็นไวโอลีนที่เขาเคยเล่นและรักมันมากๆ มันถูกแขวนอยู่ในห้องทำงานชั้นล่าง เขาพยายามที่จะเลิกเล่นมันแต่ก็ทำไม่ได้สักที 

พลตำรวจเอกหนุ่มผลุดลุกขึ้นนั่งแล้วหาวหวอดง่วงๆ "ตื่นเช้าจัง" พอหันมองนาฬิกาแขวนผนังพบว่าเป็นเพิ่งจะตีห้าเท่านั้น ร่างสูงขมวดคิ้วฉับ "นี่เพิ่งตีห้าเองนะ"

เวสหน้านิ่งถอนหายใจกับสิ่งที่โลกันต์พูด

"คุณจะนอนต่อก็เชิญแต่สำหรับผมแล้วเวลาคือสิ่งมีค่า"

ราวกับยืนยันสิ่งที่ตัวเองพูดร่างโปร่งเดินไปนั่งบนโซฟาแล้วยื่นหน้าจอไอแพดที่แสดงกราฟหุ้นให้เห็นก่อนที่จะก้มลงตั้งหน้าตั้งตาเช็คข่าวสารทั้งในอีเมล์และแอพสื่อสาร

โลกันต์ยังขมวดคิ้วไม่หายเพราะการทิ้งระยะห่างที่มากขึ้นจนน่ากลัวของเวสรวมถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของเจ้าตัวด้วย "แต่เมื่อวานคุณก็นอนเกือบเที่ยงคืนนะ"

"มันก็เรื่องของผม" เวสตัดบทเย็นชา สำหรับคนที่เคยถูกเรื่องเวลาทำร้ายชีวิตย่อมรู้ดีถึงอันตรายของมันดี ถ้าหากไม่บริหารมันให้ดีๆ "ส่วนคุณก็ไปเตรียมตัวได้แล้วเพราะบ่ายนี้มีงานและผมจะพาคุณไปด้วย"

ตำรวจหนุ่มแยกเขี้ยว"อะไรของคุณเนี่ย ถ้าบ่ายมันก็อีกชาตินึงเลยนะ งั้นเจ็ดโมงปลุกผมด้วยแล้วกัน" ไม่รอคำห้ามโลกันต์ดึงผ้าห่มมาคลุมโปงนอนต่อ ที่ตื่นขึ้นมาเมื่อกี้ก็สาเหตุมาจากเจ้าของห้องที่ขยันเกินมนุษย์มนาเนี่ยแหละ

"สิบโมง" นายท่านหนุ่มพูดโดยไม่ละสายตาจากจอไอแพดสักนิด "ผมให้เวลาคุณสิบโมงสำหรับเตรียมตัว ชุดสูทของคุณอยู่ในห้องน้ำแล้ว ทีเหลือคุณจะจัดตารางยังไงก็เชิญ ผมไม่สนใจ"

"เดี๋ยวๆๆ" โลกันต์โยนผ้าห่มออกจากตัวอย่างลนลาน "คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย เวส เมื่อวานผมว่าคุณไม่ได้เย็นชากับผมขนาดนี้นะ ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจรึเปล่า?" 

พลตำรวจเอกพยายามสบตาคนที่ทำตัวแปลกไปแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว ราวกับว่าเวสคนเมื่อวานที่ทั้งยียวนและดุดันไม่มีอยู่จริง ไม่รู้เพราะความง่วงงุนรึเปล่าที่ทำให้เขาคล้ายกับเห็นเวสมีเขาแพะบนหัวและปีกค้างคาวแต่พอกระพริบตาครั้งนึงสิ่งนั้นก็หายไป 

ปีศาจ..?

นัยน์ตาของโลกันต์อมทุกข์ นายท่านตัวน้อยๆ นี่กำลังกลายร่างกลับไปเป็นปีศาจร้ายที่เจ้าตัวดูจะตอกย้ำตัวเองซะเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไปแท้ๆ ที่มีทุกข์ สุด เศร้า หรือแม้แต่ความเจ็บปวด 

"เปล่า"

เวสตัดบทอย่างเย็นชาแล้วล้วงหยิบเอาสมารท์โฟนสีดำเคสลายทหารออกมาและโยนมันให้เจ้าของที่แท้จริง โลกันต์รับมันอย่างแม่นยำและจ้องมันตาเป็นประกายและแทบจะหม่นลงทันทีเมื่อเวสพูดประโยคถัดมา

"หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว คุณตำรวจ" 

โลกันต์ขบกรามกรอดมองใบหน้าของเวสที่จ้องมาที่ตัวเองราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้าและสามารถใช้นิ้วโป้งบดขยี้เบาๆ ก็ตายได้ไม่ต่างจากมดตัวนึง

นายท่านหนุ่มกระตุกยิ้มเย็น "ต่อให้คุณเป็นสเป็คผมแต่มันก็เท่านั้น ผมไม่ต้องการให้ใครมายุ่มย่ามกับผมทั้งนั้นโดยเฉพาะกับตำรวจน่าเบื่ออย่างพวกคุณด้วย"

เวสตัดสินใจเลือกจะตัดโลกันต์ออกจากชีวิตตัวเองเพราะไม่มีอะไรสักอย่างที่ได้รับกลับคืนมานอกจากความอันตรายและตารางที่รอให้เขาไปอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เขาถูกใจแต่เขาก็แยกแยะเป็น เขารู้ว่าควรทำอะไรกับความรู้สึกยุ่งๆ ของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะชอบกอดอุ่นๆ ของตำรวจโง่เง่านี่ก็ตาม แต่มันก็เท่านั้นชอบไปแต่สุดท้ายก็มีแต่เขาที่เสีย โลกันต์เป็นถึงพลตำรวจเอกที่สูงส่งด้านคุณธรรมแบบนี้ไม่มีวันลดตัวลงมายุ่มย่ามกับเขาโดยไม่หวังผลอะไรหรอก มันก็เหมือนสำนวนอยากได้ลูกเสือต้องเข้าถ้ำเสือ ตำรวจโง่นี่อยากได้เขาก็เลยมามุดห้องนอนเขาเล่นไงแต่เสียใจ เขาไม่โง่!

ถึงแม้ว่าสิ่งที่กระทำจะขัดกับใจตัวเองก็ตามแต่เวสไม่สนใจ เขาโหยหาความรักแล้วยังไงล่ะ เรื่องแบบนั้นมันไม่มีอยู่จริงหรอก เขาไม่อยากเจ็บปวดเมื่อไปไว้ใจตำรวจนี้แล้ว

แต่ชีวิตของเขาที่มีแต่ธุรกิจบางทีมันก็น่าเบื่อเกินไป เขาจึงเลือกที่จะเล่นเกมสักเกมกับคุณตำรวจแล้วค่อยตัดหางปล่อยวัด ถ้าโชคดีก็รอดถ้าโชคร้ายแม้แต่ศพก็คงหาไม่เจอ

"เวส" โลกันต์เรียกเสียงเข้ม 

เจ้าของชื่อเมินสีหน้าเป็นห่วงและพูดกติกาของเกมต่ออย่างไม่ยี่หระ "ผมให้คุณไปงานการกุศลครั้งนี้ด้วยเพราะผมต้องการบอดี้การ์ดดีๆ สักคนที่ดูดีและคุณก็เขาเกณฑ์นั้น"

"ที่จัดที่โรงแรมแกรนด์พาเลส?" โลกันต์เบิกตากว้างเพราะงานนั้นเป็นงานการกุศลงานใหญ่ที่แทบจะรวบรวมคนระดับบนไว้ทั้งหมดมากองไว้ที่เดียวกัน มันเป็นงานประมูลเพชรที่ยอดประมูลไม่เคยจบที่ยี่สิบล้าน เป็นงานประมูลที่คนทั่วไปฟังแล้วได้แต่อึ้งในความร่ำรวยของเศรษฐีทั้งหลายที่มาร่วมประมูล

เวสพยักหน้านิ่งๆ "ผมจะให้คุณไปด้วยและมันก็ถึงเวลาที่คุณต้องเลือกข้างแล้ว" ยิ้มจางๆ ในประโยคหลังแต่แววตากลับเย็นเยียบ "ระหว่างผมกับตำรวจ"

โลกันต์ก้มมองโทรศัพท์ในมือพอเปิดขึ้นมาก็เห็นไลน์ที่จากลูกน้องทักมาถามไถ่อย่างเป็นห่วงและเบอร์ที่โทรเข้าอีกสิบสายซึ่งถ้าเป็นปกติเขาจะลบประวัติการโทรทิ้งและพูดคุยทิ้งเพื่อป้องกันการถูกล้วงข้อมูลเมื่อถูกจับได้แบบนี้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทันการไปมากๆ แล้ว

"ทำไมผมต้องเลือก" พลตำรวจถามเสียงแข็งมองเวสอย่างไม่เข้าใจ 

เวสหัวเราะหึ "ก็แค่เล่นสนุก ถ้าคุณเลือกฝั่งผมก็ไม่ต้องสวมหน้ากากปิดบัง แต่ถ้าเลือกฝั่งตำรวจคุณก็ใส่หน้ากากและทำหน้าที่บอดี้การ์ดที่ดีซะ พอเลิกงานผมก็ปล่อยคุณไว้แถวนั้นและคุณจะไปไหนก็ไป" นายท่านหรี่ตามองโลกันต์ "เพราะคุณมันไม่มีประโยชน์ต่ออังศุชวาลแล้ว คุณพลตำรวจเอกโลกันต์"

ยิ่งฟังคำอธิบายโลกันต์ยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม "ทำไมคุณถึงไว้ชีวิตผม? ปกติจะฆ่าทิ้งเลยไม่ใช่เหรอ" เพราะเขาลือวงในเขาลือกันจนหนาหูว่า อังศุชวาลโหดเหี้ยมกับบุคคลที่คิดไม่ซื่อเสมอ ไม่ว่าจะเคยทำคุณงามความดีมามากขนาดไหนหากเลือกที่จะทรยศ สิ่งที่ต้องแลกเมื่อถูกจับได้นั้นคือชีวิต

เวสสะอึกไปครู่นึงแล้วพูดต่อนิ่งๆ ไม่สบตาโลกันต์ "ต่อให้คุณรู้ข้อมูลภายในหรืออะไรก็ตามแต่ในเครืออังศุชวาล มันก็ไม่ช่วยให้คุณหยุดพวกผมได้หรอก โลกใบนี้มันไม่ได้สวยงามอย่างที่คุณคิด มันโสมมมันเหม็นเน่า ไม่เคยได้ยินรึไงว่าพวกตำรวจชั้นผู้ใหญ่เขาชอบเลี้ยงเด็กสิบสามสิบสี่ ฟังแค่นี้ก็สะอิดสะเอียนแล้วใช่ไหมล่ะ ตำรวจผู้รักความถูกต้องอย่างคุณน่ะ"

โลกันต์นิ่งฟังไม่ได้ตอบปล่อยให้อีกฝ่ายพูดไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่สายตายังจับจ้องมือขาวที่กำแน่นเหมือนสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่าง

เวสสูดหายใจลึกสบตาพลตำรวจเอก "คุณกลับไปที่ของคุณเถอะ โลกันต์ ที่นี่มันไม่เหมาะสำหรับคุณหรอก"

เอาเข้าจริงเวสก็ใจร้ายกับโลกันต์ไม่ลง สิ่งที่ดีที่สุดที่ปีศาจร้ายอย่างเขาจะให้ได้คือการปล่อยให้มนุษย์กลับไปยังบ้านของตัวเอง ไม่ใช่ฉุดกระชากลงมาอยู่ในนรกกับเขา

อีกเหตุผลใหญ่ๆ ก็คงเป็นอ้อมกอดอุ่นๆ ที่ได้รับมาทั้งคืน มันรู้สึกดีเป็นบ้าจนไม่อยากลุกออกไปไหนเลย เขาเชื่อว่าถ้าอยู่แบบนั้นได้ทั้งวันก็คงอยู่ได้ แต่มันก็คงจะเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับเขาที่โตขนาดนี้แล้ว

เวสมองตำรวจหนุ่มที่มีสีหน้ายุ่งเหยิงเหมือนคิดหนักมากอย่างไม่เข้าใจนักเพราะเขาคิดไว้แล้วว่ายังไงตำรวจนี่ก็ต้องเลือกฝั่งตำรวจอยู่แล้ว จะมีที่ไหนอีกที่ปล่อยให้พลตำรวจเอกอนาคตไกลหลุดออกจากมือไปง่ายๆ แบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเอาใช้ต่อรองกับพวกตำรวจแล้ว แต่กับเขาที่เส้นใหญ่กว่านั้นมันไม่มีความจำเป็นที่จะทำอะไรแบบนั้นสักนิด เพราะแค่ส่งเงินตรงงวดทุกอย่างก็แฮปปี้แล้ว วินวินสองฝ่าย ทุกคนรักกันดี

พลตำรวจเอกโลกันต์ก็แค่โง่มากๆ เท่านั้นที่ไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นเบี้ยบนกระดานใหญ่ที่ไม่ว่าขยับยังไงก็โดนกินอยู่ดีหรือต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถฆ่าคิงของอีกฝั่งได้นอกเสียว่าอีกฝ่ายจะยอมให้กินเอง แต่แน่ละมันไม่มีวันนั้นหรอก

"ไม่มีวัน" เวสพึมพำย้ำเตือนตัวเองแล้วพ่นลมหายใจออกมาเมื่อเป็นเวลาตีห้าครึ่งแล้วซึ่งแน่นอนการนอนน้อยมันทำให้เขาง่วงนิดๆ จนรู้สึกล้าแต่ความหวาดกลัวข้อผิดพลาดนั้นมีมากกว่าเขาจึงเลือกที่จะเมินสิ่งเหล่านั้นไป กับแค่เวลานอนนิดๆ หน่อยๆ มันไม่ทำให้เขาตายหรอก

"ว่าไงคุณตำรวจ ค่อยเลือกทีหลังก็ได้นะเพราะยังไงมันก็ไม่มีผลอะไรกับผมอยู่แล้ว"

แต่พอเห็นใบหน้าพลเอกกระตุกยิ้มเวสกลับรู้สึกใจหายแปลกๆ

"แล้วถ้าผมเลือกคุณล่ะ เวส"

เป็นนายท่านหนุ่มที่ขมวดคิ้วบ้าง "คุณบ้ารึเปล่า โลกันต์ ผมใจดีกับคุณแค่ครั้งเดียวนะ ถ้าหลังจากนี้คุณคิดจะทำอะไรตุกติกกับผม ผมฆ่าคุณแน่"

โลกันต์หลุดขำ "ยังไงผมก็เลือกคุณอยู่ดี ผมบอกคุณแล้วนี่ว่าจะทำให้คุณกลับมาเป็นมนุษย์" ลุกจากเตียงและย่างสามขุมเข้าไปหาเวสเมื่อไปหยุดตรงหน้าคนใจแข็งก็ฉีกยิ้มอ่อนโยน "ผมจะไปก็ต่อเมื่อคุณไล่ผมไป เวส" 

เวสสสบหยาบคายและมองโลกันต์ตาขวางแม้ในใจจะอ่อนยวบยวบด้วยรอยยิ้มโง่ๆ นั่นแล้วก็ตาม "ก็ตามใจ ผมถือว่าผมให้โอกาสคุณแล้ว อย่ามาเสียดายทีหลังแล้วกันมันน่ารำคาญ" พูดจบก็ลุกออกจากโซฟาและกระแทกเท้าเดินผ่านโลกันต์ออกไปอย่างไร้เยื่อใย นึกรำคาญตัวเองที่แอบดีใจอยู่ลึกๆ จนทนเห็นหน้าตำรวจนั่นไม่ได้ กลัวว่าตัวเองจะเผลอใจให้มันจริงๆ

หากแต่ยังไม่ทันก้าวขาออกจากประตูก็ถูกตำรวจหนุ่มกระชากกลับเข้ามาในอ้อมกอด เวสเกือบอุทานดังลั่นอย่างตื่นตระหนกถ้าไม่ติดว่ามีมือหนาๆ เอื้อมมาปิดปากเข้าซะก่อนพอเงยหน้ามองต้นเหตุก็เห็นอีกฝ่ายยิ้มพราวตาเป็นประกายระยับ

"คุณ!" เวสหรี่ตามองเรียกเสียงเย็น นี่มันจะล้ำอาณาเขตเข้ามาเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งเตือนไปไม่ทันขาดคำแท้ๆ 

โลกันต์ยิ้มแล้วดึงหน้านายท่านหนุ่มให้ซุกอกตัวเองแล้วลูบหลังเบาๆ เหมือนกำลังปลอบเด็กที่ขวัญอ่อนถึงแม้ว่าเด็กที่ว่าจะดิ้นสุดชีวิตก็เถอะ "มีแต่คุณที่ถามคำถามผม ทีนี้ถึงตาผมบ้าง"

"ปล่อย!" เวสโวยวาย

"คุณอยากกลับมาเป็นมนุษย์หรือเปล่า?"

น่าแปลกที่พอโลกันต์เอ่ยถามประโยคนี้เวสก็หยุดดิ้นและหลุบตาลงต่ำเม้มปากแน่น

โลกันต์เปลี่ยนจากโอบเป็นรวบเอวร่างโปร่งแน่นแล้วก้มลงไปกระซิบข้างหู "คุณเป็นมนุษย์มาตั้งแต่แรกแล้ว เวส" และขบใบหูเบาๆ "ไม่มีใครที่ไม่เคยเป็นปีศาจร้ายหรอก ขนาดผมยังเคยฆ่าคนเลย"

"ไม่ มันเหมือนกัน" เวสพูดเสียงพร่าไม่ใช่เพราะเกิดอารมณ์แต่เป็นน้ำตาที่จุกขึ้นมาถึงลำคอ "ผมไม่สมควรได้รับการให้อภัยในสิ่งที่ผมทำด้วยซ้ำ"

บางครั้งอารมณ์ของเวสก็มักจะแปรปรวนบ่อยๆ เหมือนโรคสองบุคลิก บางทีก็เย็นชาโหดเหี้ยมบางทีก็เปราะบางจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงเพียงแค่เผลอไปแตะต้องมันเบาๆ

และตอนนี้เวสก็เป็นอย่างหลัง ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าน้ำตาคลอเบ้า ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาในอกจนแทบพยุงตัวให้ยืนไม่อยู่ เวสพยายามดึงความรู้สึกเย็นชาของตัวเองกลับมา ดึงความชั่วร้ายที่ตัวเองสรรสร้างมาเพื่อกลบความเขลาขลาดของตัวเองเพื่อที่จะได้มีชีวิตอยู่ได้ต่อไปโดยสมกับเป็นผู้นำอันไร้เทียมทานของตระกูลอังศุชวาล 

"ถ้าคุณรู้ว่ามันผิด คุณก็เลิกทำซะ" โลกันต์ปลอบอย่างใจเย็น 

คำพูดของโลกันต์เหมือนกระตุ้นอะไรสักอย่างในตัวเวสเลิกดิ้นแล้วถลึงตามองโลกันต์อย่างกราดเกรี้ยว

ในที่สุดนายท่านเวสแห่งอังศชวาลก็สามารถดึงตัวตนผู้นำตระกูลออกมาได้

"ไม่!" เวสตะคอกนัยน์ตาขึ้นสีแดงก่ำ "ถ้าผมไม่ทำแล้วผมจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรล่ะ? ทั้งชีวิตของผมมีแต่สิ่งนี้ จะให้ผมทิ้งมันไปมันก็โง่เต็มทนแล้ว! คุณไม่รู้อะไรก็หุบปากซะ ถ้าผมไม่ทำมันผมก็คงไร้ค่าไม่ต่างไปจากเศษเดนอย่างคุณ!!!"

เสียงตะคอกของเวสนั้นคล้ายกับสัตว์ร้ายสักตัวที่ทั้งดุร้ายและตื่นกลัว มันทำให้โลกันต์ประหลาดใจนิดๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือหูอื้อมากกว่าเพราะเวสตะโกนใส่หูซะเต็มเสียง

โลกันต์ขมวดคิ้วเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง สัตว์ร้ายที่อยู่ในอกกำลังพยศจะรู้สึกอยากปราบให้เชื่องเป็นลูกแมวตัวน้อยๆ เลยทีเดียว

"แต่เศษเดนอย่างผมก็ทำให้คุณกลัวจนตัวสั่นได้นะครับ" นัยน์ตาสีแดงแปลกประหลาดจากคนทั่วไปจ้องเวสด้วยสายตาวาวโรจน์จนเวสเผลอตัวสั่นขึ้นมาจริงๆ

แววตาที่มองมาราวกับฆ่าทั้งเป็น.. ไม่เหมือนปกติที่แววตาของตำรวจนี่จะแฝงความอ่อนโยนเสมอ

เวสเชิดหน้าขึ้นแค่นเสียงเหอะ "ตลก"

"เดี๋ยวคุณก็รู้" โลกันต์ยิ้มพรายแล้วก้มลงจูบนายท่านหนุ่มหนักๆ โดยไร้ซึ่งความอ่อนโยน เวสทั้งชกทั้งต่อยแต่ร่างสูงตรงหน้าก็ไม่สะทกท้านจู่โจมจูบเชี่ยวชาญจนเกิดเสียงน่าอาย เวสพยายามอย่างยิ่งที่จะประคับประคองสติและความโกรธของตัวเองให้อยู่เพราะมันเหมือนจะจางหายไปเรื่อยๆ จนแทบประคองร่างให้ยืนไม่ได้ด้วยซ้ำ

เวสสะดุ้งเฮือกกับมือหยาบกร้านที่นวดคลึงสะโพกตัวเองอย่างจาบจ้วง

พยายามอยู่หลายนาทีถึงจะดันหน้าของโลกันต์ออกไปได้ "หยุด.. ฮื่ออ หยุด" เวสพูดเสียงพร่าหอบหายใจหนักรู้สึกถึงอันตรายของคนตรงหน้า

โลกันต์หัวเราะเสียงต่ำ "ผมจะทำให้คุณรู้.." มือหนาค่อยๆ ปลดกางเกงสีขาวของเวสออกและดึงมันลงให้ไปกองบนพื้นพร้อมๆ กับกางเกงชั้นใน   

นายท่านหนุ่มหน้าแดงก่ำขบเคี้ยวฟัน "ผมจะฆ่าคุณ.."

"อีกเดี๋ยวคุณจะเปลี่ยนคำพูด" โลกันต์ตอบกลับอย่างไม่ยี่หระก้มลงซุกไซร้คอนายท่านหนุ่มต่อจนเจ้าตัวครางฮือถึงจากมือที่พยายามดันอกเขาออกกลายเป็นขยำเสื้อไว้แน่น

"ผมจะฆ่าคุณ.." 

โลกันต์หัวเราะเบาๆ ในลำคอกับน้ำเสียงเบาหวิวของคนพูดเมื่อเขาสอดนิ้วเขาสำรวจด้านในที่ตอดรัดนิ้วเขากลับจนรู้สึกอยากเอามันเข้าไปเร็วๆ

"ไม่.." เวสหลับตาพูดเสียงพร่าตัวสั่น

สุดท้ายเสื้อสูทเนื้อดีสีขาวที่เวสบรรจงใส่เพื่องานในตอนบ่ายก็ยับยู่ยี่เพราะถูกโลกันต์ทั้งกัดทั้งขยำยอดอกที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว

"..อือ"

โลกันต์ยิ้มนิดๆ เมื่อนายท่านที่แสนจะพยศตอนนี้พ่ายแพ้อย่างหมดรูป สองมือขยำไหล่เขาแน่นหอบหายใจหนักจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นลมไปซะก่อนที่ 'อะไรๆ' จะเสร็จสิ้น

"ไม่ว่าจะปฏิเสธให้ตายยังคุณก็คือมนุษย์ เวส" พลตำรวจหนุ่มพูดเสียงนุ่มนวลอารมณ์ที่เดือดพล่านหายไปแล้วเมื่อเห็นท่าทีโอนอ่อนให้ของเวสแต่พร้อมกันนั้นค่อยๆ ดันร่างของเวสให้นอนบนโซฟาส่วนตัวเองก็ขึ้นคร่อม "คุณไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรงั้นก็ลองมีมันเพื่อผมไหมล่ะ? ถ้าคุณไปอยู่กับผม คุณจะทำอะไรก็ได้แล้วแต่คุณ เดี๋ยวผมเลี้ยงคุณเอง"

พอได้ฟังข้อเสนอประหลาดๆ ของโลกันต์เวสก็หัวเราะเยาะ

"คุณพูดเหมือนกับตัวเองรวยมากนะ คุณพลตำรวจเอก" ร่างโปร่งที่กำลังตกเป็นรองเชิดหน้าขึ้นพูดราวกับว่าเป็นตัวเองต่างหากที่เหนือกว่าอีกฝ่าย "คุณทำตัวเหมือนเสี่ยทั้งๆ ที่ในธนาคารคุณมีเงินไม่ถึงล้าน บ้านของคุณก็เช่าอยู่ รถของคุณก็กำลังดาวน์ ไหนจะค่ากินค่าใช้ที่คุณชักไม่ถึงหลังเพราะส่งให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกล่ะ?"

สีหน้าของโลกันต์เจ็บปวดนิดๆ เมื่อถูกนายท่านหนุ่มนี่แทงใจดำเข้าทุกดอก แต่เขาก็ยังคงยิ้มน้อยๆ อย่างใจเย็น เขารู้ดีว่าเวสกำลังทำให้เขาเขว

"มันก็จริงของคุณ" โลกันต์ยิ้มเศร้าๆ ให้เวสทำเอาคนปากร้ายหน้าเสีย "แต่จะให้ผมทิ้งที่นั่นผมก็ทำไม่ได้หรอกนะ ก็เขาเลี้ยงผมอย่างดีนี่นา"

เวสเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเพราะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนหรือจะเรียกว่าไม่ได้ใส่ใจปูมหลังของคุณตำรวจนี่มากกว่า เพราะดูเจ้าตัวจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับการกำจัดความชั่วร้ายในสังคม ถ้าให้คาดเดาเล่นๆ ก็คงจะเกิดในตระกูลตำรวจสักตระกูลหรือไม่ก็ครอบครัวอบอุ่นมากๆ แต่นี่กลับตรงกันข้าม

เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าพลตำรวจเอกโลกันต์เป็นเด็กกำพร้า.. ไม่รู้เลยสักนิด

นัยน์ตาสีทองของเวสสั่นนิดๆ คิดดูสิขนาดสถานเด็กกำพร้ายังมอบความรักดีๆ ให้โลกันต์จนเป็นตำรวจที่ดีได้ขนาดนี้เลย แล้วเขาล่ะ? ทำไมพ่อถึงได้เย็นชากับเขาแบบนี้

"ไม่ต้องร้อง" 

ทั้งๆ ที่ถูกพูดทำร้ายจิตใจไปแต่โลกันต์กลับใช้นิ้วมือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างช้าๆ ของนายท่าน แววตาของเวสในตอนนี้มันดูเจ็บปวดเอามากๆ แทบจะแตกสลายได้ในตอนนี้

"..." เวสเบือนหน้าหนีไม่ยอมรับการปลอบปละโลม "ปล่อยผม ผมต้องทำงาน"

โลกันต์ขมวดคิ้วมุ่น "งานบ้าอะไรเข้าตั้งแต่หกโมง โรงงานนรกเหรอครับ" และไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดรอดไปรีบแทนที่ตัวเองด้วยสิ่งอื่นทันที

"โอ๊ย" เวสจิกไหล่โลกันต์แน่นถลึงตามอง ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเล่นเอาความเศร้าหายไปจนหมด "เอามันออกไป!"

"ไม่ครับ" พลเอกหนุ่มหัวเราะกับสีหน้าของเวส "ผมว่าคุณถามตัวเองดีกว่า ว่าอยากให้ผมหยุดหรือเปล่า"

"หยุดดิวะ!! เอาออกไป! อือ"  ร่างโปร่งตะคอกกลับพยายามทั้งชกทั้งดันโลกันต์ออกแต่ก็เปล่าประโยชน์เหมือนเดิมจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นเขาเองที่อ่อนแอหรือตำรวจนรกนี่แข็งแรงเกินไปกันแน่!

โลกันต์ส่ายหัวยิ้มๆ แล้วก้มลงจูบเวสปิดปากนายท่านหนุ่มที่เอาแต่พยศและอ้างว่าจะทำงานๆ โลกันต์ก้มลงไปกัดใบหูแล้วกระซิบข้างหูเสียงพร่า

"ถึงเวลาพักผ่อนของคุณแล้ว เวส"
 

--------
ลุคนี้มันอร่อยจริงๆ นะ 
 
 
 
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เวลาพักผ่อนของนายท่าน
เริ่มหัวข้อโดย: musiclove ที่ 22-07-2017 00:07:29
สนุกมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เวลาพักผ่อนของนายท่าน
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 13-03-2018 23:51:54
กลับมาอ่านตอนพิเศษ
อื้อหือ คนเขียนชอบแนวนี้สินะ
ทำให้อยากอ่านเรื่องต่อไปเลย
รออ่านเรื่องใหม่อยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-05-2018 16:12:43
แง้ สงสารองค์ชาย :mew6:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : นักดนตรีลึกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-05-2018 17:21:56
 :z1: :m25: 55555  สงสารเจ้แมวนะ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เวลาพักผ่อนของนายท่าน
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-05-2018 17:33:13
จบแล้วววว สนุกดีค่ะ อ่านไปก็ลุ้นไปว่าเวสเปอร์จะหายยังไง

แถมตอนพิเศษก็สนุกมากๆ ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เวลาพักผ่อนของนายท่าน
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-09-2018 17:25:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เวลาพักผ่อนของนายท่าน
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 04-09-2018 16:22:27
 :haun4:นายท่านน่าสงสารโดนคุณโลกันต์พาไปพักผ่อนจนเหนื่อยแน่ๆ :haun4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เวลาพักผ่อนของนายท่าน
เริ่มหัวข้อโดย: หมูอ้วน_เผด็จเกิร์ล ที่ 17-09-2018 16:07:01
เรามีคำถาม ชาร์เลสคือใคร? คือเรื่องนี้เราอ่านจนจบมา2รอบแล้วแต่เรายังไม่รู้เลยว่าชาร์เลสหรือหมอดูคนนี้คือใคร :ruready9
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เวลาพักผ่อนของนายท่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 20-09-2018 12:48:12
กลับมาอ่านอีกรอบ เวสเปอร์ยังน่ารักเหมือนเดิม เจ้าเสือ เจ้าแมว
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : เวลาพักผ่อนของนายท่าน
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 23-09-2018 23:13:43
เรื่องนี้น่ารักจังเลย  เวสเปอร์น่ารักมากกกก. รักเวสเปอร์จัง :L1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 07-06-2019 11:13:09
ตอนพิเศษ : สอนเจ้าเสือเป่าขลุ่ย

หลังจากที่เวสเปอร์อาศัยอยู่กับเกลประมาณปีครึ่งก็มีเงินเก็บมากพอสมควร จากการรับงานบ้างหรือการแสดงเปิดหมวกบ้าง ทำให้ในตอนนี้เวสเปอร์แยกตัวไปอยู่บ้านหลังหนึ่งที่อยู่แถวชนบทของเมืองเวลล์ 

มันเป็นบ้านไม้หลังเล็กราคาไม่แพงมากแต่สิ่งที่โดดเด่นคือธารน้ำไหลเอื่อยที่ไหลผ่านทางด้านหลังบ้าน 

ทันทีที่เห็นมันเวสเปอร์ก็ตกลงซื้อทันทีและปรับปรุงเพิ่มเติมบอกอีกนิดหน่อย จากบ้านหลังเล็กหนึ่งห้องนอนหนึ่งน้ำกลายเป็นบ้านโปร่งสีน้ำตาลขนาดกลางสองห้องนอนสองห้องน้ำ 

เสียงฝีเท้ากุบกับของม้าดังแว่วเมื่อมันวิ่งจากไป ทิ้งให้ผู้โดยสารที่เพิ่งลงจากรถมองปลายทางของตัวเองตาค้าง

"ให้ตายสิ นี่เจ้าจะสร้างคฤหาสน์อยู่กับรึไง?"  ถึงแม้จะเคยมาแล้วหลายครั้งแต่เกลก็อดบ่นไม่ได้เพราะมันดูสวยและโปร่งมากจริงๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเอามากๆ ไหนจะระเบียงที่มีเตียงนอนตัวใหญ่ตั้งไว้อีก ไม่บอกก็รู้ว่าเอาไว้นอนด้วยกันเวลามานอนเล่นริมระเบียงอย่างแน่นอนน

สาเหตุที่เกลมาที่แห่งนี้เพราะคิดถึงทั้งเพื่อนเก่าทั้งองค์ชายไหนจะฟินด์อีก ระยะเวลาที่อยู่ร่วมกันช่วงนึงทำให้รู้สึกผูกพันไม่น้อย เกล ในตอนนี้มองเวสเปอร์เป็นน้องชายของตัวเองไปแล้ว 

หญิงงามประจำเมืองขยับยิ้มจางกระชับกระเป๋าถือในมือที่อัดแน่นไปด้วยของฝาก พยายามก้าวย่างอย่างเงียบเชียบมากที่สุดเพราะเกลไม่ได้บอกเจ้าของบ้านว่าจะมา

ฮื่ออ

ฟินด์เป็นเจ้าบ้านตัวแรกที่รู้ตัวเพราะนอนกลิ้งเล่นอยู่หน้าบ้าน มันตาโตเมื่อเห็นเกลแทบจะกระโจนใส่ด้วยความดีใจ เสือตัวโตที่มีนิสัยไม่ต่างจากแมวบ้านพยายามเอาหัวตัวถูไถเกลอย่างออดอ้อนด้วยความคิดถึง มันส่งเสียงฮือๆ ในลำคอคล้ายกับระบายความอัดอั้นตันใจของมันที่มักจะกลายเป็นแมวหัวเน่าเสมอๆ

"โอ๋ๆ ไม่ต้องร้องน่า ฟินด์ ข้ามีเนื้อมาฝากเจ้าด้วย" เกลหัวเราะในลำคอขณะที่ลูบหัวฟินด์ ล้วงหยิบเอาเนื้อที่ห่อไว้ในกระเป๋าโยนขึ้นไปบนอากาศซึ่งแมวยักษ์ตัวหนึ่งก็กระโดดขึ้นไปงับและเอาไปแทะอย่างสบายใจ

"ถ้าข้าปล้นบ้านพวกเจ้า  พวกเจ้าคงหมดตัว" หญิงงามพูดขำๆ ในเมื่อยามเฝ้าบ้านเป็นฝ่ายเดียวกับโจร ถ้าหากเกลต้องการจริงของสักชิ้นในบ้านคงไม่มีเหลือ

♪~~~

เสียงขลุ่ยนุ่มนวลดังแว่วติดมากับสายลม

เกลเข้าไปในบ้านพลางแอบคิดในใจว่าเวสเปอร์มาอยู่ที่นี่คงจะเอาแต่เป่าขลุ่ยทั้งวัน แต่พอกำลังจะก้าวต่อไปก็ต้องรีบยกมืออุดมือทันที

วี้ดดดด

สีหน้าของเกลแทบไม่เหลือเค้าหญิงงาม บิดเบี้ยวอย่างทรมานเมื่อเสียงอะไรสักอย่างดังเสียดหูไม่หยุด

"บัดซบ นี่มันเสียงบ้าอะไรเนี่ย!" เกลโอดครวญออกมา เสียงที่ได้ยินนี่มันน่าสยดสยองเกินไปแล้ว! เหมือนกับเสียงสัตว์ป่ากำลังกรีดร้องโหยหวนยังไงยังงั้น

"บัดซบ! ข้าไม่เล่นแล้ว!!"

เสียงสบถดังลั่นดังมาจากข้างในห้องก่อนที่จะตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขององค์ชาย

"มันไม่ยากหรอก เจ้าเสือ เจ้าแค่จับผิดนิดหน่อยเท่านั้นเอง เสียงมันถึงเพี้ยน"

"ข้าว่าข้าถนัดฟังมากกว่า ถ้าเจ้ากลัวข้าเบื่อก็ยอมให้ข้าไปงานประลองปีนี้สิ"

"..เจ้าอยากให้ข่าวที่เจ้าปล่อยมันสูญเปล่ารึไง ทำไมผู้คนจะจำไม่ได้ว่าฝีมือเจ้าร้ายกาจขนาดไหน"

"เจ้าอยากให้ข้าลองเป่ามันอีกจริงๆ เหรอ"

"..มันก็ไม่แย่นักหรอกน่า เจ้าก็คิดว่ามันเป็นดาบซะสิ"

ทำไมมันเหมือนบทสนทนาคู่แต่งงานนะ? 

เกลหัวเราะเบาๆ ถึงยังไม่แต่งงานกันแต่ก็เหมือนแต่ง ร่างหญิงงามหยุดยืนหน้าประตูสูดหายใจเฮือกนึงแล้วเปิดเข้าไปทันที

"คิดถึงข้าไหม! เวสเปอรรร์" ไม่ทันคิดอะไรเกลก็ถลาเข้าไปกอดเวสเปอร์ที่นั่งหน้าเหวออยู่บนเก้าอี้นุ่มแต่งุนงงได้สักพักก็กอดตอบด้วยรอยยิ้มน่ารัก

"เกล ทำไมมาถึงไม่ยอมส่งข่าวมาบอกก่อนละ ข้าจะได้ทำอาหารไว้รอ" องค์ชายพูดพร้อมยิ้มจนตาหยีไม่ต่างอะไรกับเมื่อก่อน 

เกลใช้มือยีหัวเวสเปอร์ด้วยความเอ็นดู "ข้าก็แค่อยากแกล้งเล่นให้เจ้าตกใจน่ะ เวสเปอร์" ก่อนที่หันไปส่งยิ้มให้กับโลกัสที่นั่งหน้าหงิกอย่างหึงหวง

"เกล" โลกัสเรียกเสียงต่ำ ถึงแม้จะรู้ว่าเกลไม่ได้คิดอะไรกับเวสเปอร์แต่ก็ยังหึงหวงอยู่ดี 

คนถูกเรียกแค่นเสียงหึ "อะไรกัน นี่ข้าไม่ได้เจอเวสเปอร์มาตั้งนาน กอดแค่นี้ทำหวง อย่างเจ้านี่คงได้กอดทุกวันอยู่แล้ว"

องค์ชายหน้าแดงเมื่อถูกพาดพิงและสิ่งที่กล่าวมานั้นก็เป็นความจริง

"แล้วเจ้าจะทำไมล่ะ ก็เวสเปอร์เป็นของข้านี่" โลกัสขู่แง่ง 

เกลส่ายหน้าอย่างระอาใจ "เฮ้อ เสือในห้วงรักนี่มันแปลกตาข้าจริงๆ แต่เอาเถอะ ข้าซื้อของขวัญมาให้เจ้าด้วย ตอนนี้ใกล้จะขึ้นปีใหม่แล้วนี่" ไม่ว่าเปล่าหยิบกล่องของขวัญสองชิ้นยื่นมันให้กับเวสเปอร์ชิ้นนึง

"ขอบคุณนะ เกล" องค์ชายยิ้มและวางไว้บนตักของตัวเอง มองกล่องของขวัญอีกกล่องที่คาดว่าจะเป็นของเจ้าเสืออย่างงุนงง "แล้วนั่น?"

"ของโลกัสนั่นแหละ ความจริงข้าก็จะให้นะ แต่ข้าขออะไรอย่างนึงสิ" พูดพลางเหลือบมองขลุ่ยสีขาวที่วางอยู่ข้างกายโลกัส 

"ของๆ เจ้ามันสำคัญนักรึไง" โลกัสหน้าบูดเช่นเดิมและทำท่าจะบูดมากขึ้นไปอีกด้วยความไม่สบอารมณ์

"เชื่อข้าสิ เจ้าต้องชอบมัน" เกลยิ้มมีเลศนัยแล้วไหวไหล่ "เอาเถาะ ที่ข้าขอไม่มีอะไรมาก ก็แค่อยากเห็นเจ้าเป่าขลุ่ยด้วยเพลงเพราะๆ สักเพลง"

อดีตนักฆ่าเลิกหน้าบูดแล้วถอนหายใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก "ถ้าเจ้ายังอยากมีสุขภาพหูที่ดี ข้าไม่แนะนำเท่าไหร่"

นอกจากจะเพี้ยนแล้วเสียงยังหวีดแหลมจนน่ากลัว..

โลกัสคิดอย่างท้อแท้ใจแม้ว่าองค์ชายจะขยับเข้ามาใกล้แล้ววางขลุ่ยบนมือหยาบ

"เจ้าก็จำเนื้อเพลงได้แล้วนี่ เจ้าเสือ ลองดูอีกสักรอบไม่เป็นอะไรหรอก"

ไอ้ลองน่ะลองได้ แต่เสียงที่ได้นี่แหละ ที่ย่ำแย่เกินทน

"เกลเจ้าแน่ใจนะว่าจะฟัง ข้าถือว่าข้าเตือนแล้วนะ"

ถึงจะทำท่าเหมือนไม่สนใจของขวัญแต่ความจริงแล้วโลกัสสนใจมาก ลึกๆ ในใจแล้วก็เหมือนกับแมวที่กำลังจะได้ของเล่นใหม่มาเล่น 

"แน่สิ โอกาสที่จะได้ฟังเจ้าเล่นดนตรีนี่หาได้ไม่ง่ายหรอกนะ"

ทั้งๆ ที่มีพรสวรรค์มากในการต่อสู้แต่ในด้านการเล่นดนตรี ร้องเพลงของโลกัสอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์มนุษย์ธรรมดาไปมาก ทำให้โลกัสค่อนข้างเกลียดเครื่องดนตรี

มือหนาถือขลุ่ยอย่างไม่เต็มใจนัก ใบหน้าหล่อเหลาเตึงเครียดขึ้นมานิดๆ เมื่อพยายามจรดปลายนิ้วตามรูต่างๆ ของขลุ่ยที่ดูเหมือนว่ามันจะเล็กไปหน่อยสำหรับโลกัส ทำให้มือนุ่มค่อยๆ จับมือโลกัสวางนิ้วให้ถูกหลักอย่างใจเย็นโดยไม่พูดอะไร จัดนิ้วจนพอใจก็กระซิบเบาๆ ว่าให้ลองเล่นดู

โลกัสหลับตาแน่นรู้สึกคล้ายกับจะร้องไห้แต่ก็ยอมเป่าแต่โดยดี

วี้ดดด

เพียงแค่เริ่มต้นเสียงก็เพี้ยนอย่างรุนแรงจนเกลหน้าเปลี่ยนสีแต่องค์ชายยังคงเดิม มือแตะแขนโลกัสเบาๆ เชิงให้เล่นต่อไปเรื่อยๆ

"ใจเย็นๆ เจ้าเสือ" องค์ชายพูดเสียงนุ่มลูบหลังแกร่งที่เกร็งไปหมดอย่างเห็นได้ชัด

น่าแปลกที่มันทำให้โลกัสใจเย็นลงจริงๆ เสียงขลุ่ยจึงนุ่มนวลลงบ้างไม่เสียดหูเท่าเดิมแต่ก็ยังเสียดหูอยู่ดี

บัดซบ ถ้าจะให้ข้าเล่นขลุ่ยนรกนี่ สู้ให้ข้าไปฆ่าคนยังง่ายกว่า

ภายใต้ใบหน้านิ่งสงบเสือร้ายสบถไม่หยุดในใจ

ให้ตายสิ นี่ข้าต้องเล่นจนจบเพลงจริงๆ เหรอเนี่ย? ทำไมเวสเปอร์เล่นแล้วเพราะมากแต่ข้าเล่นแล้วฟังเหมือนเพลงที่เป่าให้พวกงานศพซะมากกว่า

คล้ายกับล่วงรู้สิ่งที่โลกัสคิดองค์ชายขมวดคิ้วมุ่นพูด "โลกัสเจ้าอย่าเอาแต่คิดเรื่องที่เจ้าเล่นมันได้ไม่ดีสิ คิดว่าเป่าให้ข้าฟังก็ได้"

เสือร้ายหยุดเป่าแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ ออกมาก่อนที่จะหลับตาเป่าอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่มั่นคงขึ้นมาก

เพลงนี้รู้สึกว่าจะเกี่ยวกับความรัก... ฉะนั้นข้าจะนึกถึงความรักแล้วกัน

เสียงขลุ่ยเนิบนาบดังขึ้นอย่างเชื่องช้าซึ่งในครั้งนี้แปลกกว่าทุกครั้งเมื่อมันไม่ได้เสียดหูอย่างที่ควรเป็น แม้ว่ามันจะไม่ได้ฟังลื่นหูอะไรมากแต่ฟังไปฟังมากลับรู้สึกขวยเขินและครั่นเนื้อตัวอย่างประหลาด

องค์ชายเบิกตากว้างหน้าแดงก่ำพูดอะไรไม่ออก

นิ้วหยาบพรมลงตามขลุ่ยอย่างใจเย็น พยายามถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองคิดผ่านเนื้อเพลงให้ได้มากที่สุด

น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่พวกที่มีพรสวรรค์เวลาฟังเพลงไหนแล้วตีความออก ข้าฟังเป็นแค่เพราะไม่เพราะก็เท่านั้น เพลงนี้เนื้อหาเกี่ยวกับชายหนุ่มกับหญิงสาวอะไรสักอย่างที่ดูน้ำเน่าจนข้าแทบอ้วก มีดีก็แค่เวสเปอร์เป่ามันได้เพราะมากและข้าก็ยินดีที่จะฟังมันเวลาที่นอนเอาหัวหนุนตักนุ่มๆ ของเวสเปอร์

มันเป็นความรู้สึกดีจนแทบบ้า ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตของตัวเองจะมาลงเอยแบบนี้ หรือก็คือการออกมาใช้ชีวิตที่ชนบทกับคนรัก ข้าไม่คิดมาก่อนว่าข้าจะมีคนรักเป็นตัวเป็นตนด้วยซ้ำไป เพราะข้าไม่คิดว่าจะมีใครยอมรับนักฆ่าหรอก.. ไม่มีทาง

แต่มันก็เกิดขึ้นกับองค์ชายปัญญาอ่อน ข้าเป็นฝ่ายแรกที่หลงรักหัวปักหัวปำ ตกอยู่ในห้วงความสับสันกับความลุ่มหลง ข้าหลงรักแต่ข้าก็ลังเลที่จะรัก มันเป็นอะไรที่อธิบายยากถ้าหากเจ้าหลงรักใครสักคนที่เจ้าคิดว่าเป็นน้องชาย แต่สุดท้ายข้าก็ยอมรับความจริงว่าข้าหลงรักองค์ชายปัญญาอ่อนนี่เข้าจริงๆ

เวสเปอร์นั่งฟังด้วยความประหม่า สำหรับองค์ชายที่ขลุกอยู่กับเครื่องดนตรีมาทั้งชีวิตย่อมสัมผัสอะไรๆ ที่แฝงมากับเนื้อเพลงได้อย่างง่ายดาย

เกลที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งของโลกัสและเวสเปอร์ยิ้มจาง แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักว่าสิ่งที่โลกัสเป่านั้นแฝงความรูู้สึกอะไรบ้างแต่ก็รับรู้ได้ถึงความรักเต็มเปี่ยมของเสือร้ายที่จับเป็นแต่ดาบพยายามถ่ายทอดออกมา

สีหน้าของโลกัสในตอนนี้เป็นสิ่งที่เกลไม่เคยเห็น มันทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยน

เพียงไม่นานบทเพลงก็จบลง โลกัสวางมันบนตัก ลืมตาสัตว์ร้ายขึ้นมาและสบตากับองค์ชาย ปรากฎรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากเมื่อองค์ชายเบือนหน้าไม่ยอมสบตา เห็นเพียงหูแดงๆ เสือร้ายจึงแกล้งลูบเอวองค์ชายให้สะดุ้งเล่นครั้งหนึ่งแล้วจึงหันมาให้ความสนใจแขกผู้มาเยือนที่แทบจะถูกลืมไปแล้ว

"ไหนรางวัลข้า เอามาสิ" ตาของเสือร้ายวาวอย่างสนใจ 

เกลส่ายหน้าหน่ายๆ แต่ก็ยอมยื่นให้แต่โดยดี "เจ้าก็ไม่ได้เป่าแย่อะไรนี่ โลกัส" 

เมื่อได้รับของขวัญเสือร้ายก็แกะทันที "แต่ถ้าจะให้ข้าเป่าอีกข้าก็ไม่เอาด้วยนะ ถ้าเจ้าอยากฟังอีกก็ฟังเพลงดาบข้าแทนแล้วกัน สนุกถึงใจกว่ากันเยอะ"

ใครมันจะสนุกเวลาเห็นคนถูกฟันเป็นชิ้นๆ ล่ะ?

หญิงงามคิดเซ็งๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นอดีตนักฆ่าอ้าปากค้างแทบจะถลาเข้ามาบีบคอ

"เจ้า!! บัดซบ!" โลกัสคำรามเสียงดังลั่นโยนของในมือทิ้ง

"อะไรกันนี่เจ้าไม่ชอบตะกร้อครอบปากกับไหมพรมเหรอ" หญิงงามขมวดคิ้วมุ่นส่ายหน้าคล้ายกับระอาใจนักหนากับความเรื่องมากของเสือร้าย "หลังๆ มานี้เขี้ยวเจ้าชักจะยาวเกินไป ข้าว่าควรจะมีอะไรมาครอบปากก็ดี ส่วนไหมพรมนั่นถือว่าเอาไว้เล่นกับฟินด์แล้วกัน เวลาเจ้าว่างๆ"

"ข้าไม่ใช่หมา เกล" เสือร้ายส่งเสียงฮึมๆ ในลำคออย่างหงุดหงิดถลึงตามองตะกร้อครอบปากที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น "เป็นของขวัญที่บัดซบที่สุดตั้งแต่ข้าเคยได้รับมาเลย"

เกลไหวไหล่ไม่ยี่หระ "เวสเปอร์ เจ้าก็ลองแกะของขวัญเจ้าดูสิ" พูดพร้อมยิ้มใจดีให้กับเวสเปอร์

องค์ชายพยักหน้าหงึกหงัก ยังเขินๆ โลกัสอยู่จึงไม่ได้กล่าวขอบคุณออกมา มือบางค่อยๆ แกะห่อของขวัญอย่างบรรจงต่างจากโลกัสที่ฉีกทึ้งและเปิดในคราวเดียว 

"อ้ะ"

เวสเปอร์หลุดเสียงร้องออกมาและตาโตกับสิ่งที่อยู่ในมือตัวเองตอนนี้

"สวยไหมล่ะ? ข้าสั่งทำเลยนะ" เกลระบายยิ้มเมื่อเสือขี้หงุดหงิดตอนนี้มองของขวัญของเวสเปอร์อย่างสนใจ

มันเป็นแก้วใสที่ถูกหลอมเป็นรูปกวางที่มีเขาสวยงามและมีสีขาวแตะแต้มตามเนื้อตัวอยู่ประปราย มันกำลังยืนนิ่งใช้หัวถูไถเนื้อตัวของเสือโคร่งที่มีสีดำล้วนที่กำลังเลียทำความขนของมันให้ 

โลกัสมีสีหน้าประหลาดใจเล็กๆ ที่เกลเห็นเวสเปอร์เป็นแบบเดียวตัวเอง

กวางหนุ่มสีขาวเผือกที่แค่ยืนเฉยๆ ก็ยั่วน้ำลายแล้ว

"แล้วนี่?" องค์ชายหยิบกระปุกอะไรสักอย่างที่วางไว้ก้นของขวัญขึ้นมา

"อ้อ ยาทาน่ะ" เกลหัวเราะคิกคักในลำคอ "เอาไว้ทาเวลาที่เป็นแผลขึ้นมาน่ะ มันช่วยทำให้เผลหายเร็วขึ้น" ไม่ว่าเปล่าเหลือบมองช่วงล่างขององค์ชาย

เท่านั้นแหละ องค์ชายหน้าแดงก่ำเกือบทำกระปุกยาหลุดมือ เข้าใจทันทีว่าไอ้ยาที่อยู่ในมือใช้ทาบาดแผลจากอะไร ซึ่งหนีไม่พ้นเรื่องลามกที่เจ้าเสือชอบทำแน่ๆ

"บัดซบ นี่เจ้าซื้อของพรรค์นี้ให้เวสเปอร์เหรอเนี่ย!" โลกัสคำราม

"อย่ามาพูดอย่างงูนอย่างงู้นไปเลยน่า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เคยซื้อให้เวสเปอร์หรอก เนี่ยข้าซื้อให้ก็ดีแล้วไง"

ยิ่งฟังยิ่งทำให้เวสเปอร์หน้าแดง รู้สึกอยากมุดดินให้รู้แล้วรู้รอด

"ข้าดูแลของๆ ข้าเองได้ เจ้าไม่ต้องยุ่ง!"

"ได้ไง เวสเปอร์เป็นน้องชายข้า เดี๋ยวปีหน้าข้าหาซื้ออะไรที่ดีกว่ายานี่มาให้อีก รู้อะไรไหมแค่ยานี้ก็แพงมากแล้วนะ ไอ้เสือโง่"

ยังจะมีของที่ดีกว่านี้อีกเหรอ

เวสเปอร์คิดหวั่นๆ 

"พอแล้ว! กลับบ้านเจ้าไปเกล จะมาเยี่ยมก็มาได้ แต่อย่าซื้อของพรรค์นี้มา เจ้าไม่เห็นรึไงว่าเวสเปอร์หน้าแดงขนาดไหน ฮื่อ ทำไมต้องมาแดงเพราะเจ้าด้วยนะ"

หลังๆ โลกัสขู่ในลำคอบ่น มองเกลตาขวาง

แต่น่าเสียดายที่มันไม่สามารถทำอะไรเกลได้อยู่ดี

เกลหัวเราะเสียงใสยิ้มกริ่ม

"ปีหน้าข้าจะซื้อเตียงให้พวกเจ้าใหม่แล้วกัน"

=========

หมดสัญญาแล้ว เลยเอาตอนที่รวมเล่มมาลงให้อ่านเล่นค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 09-06-2019 14:00:30
ความหวงเจ้าเสือ +100
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 22-07-2019 15:33:42
ขอบคุณครับ​ ชอบเรื่องนี้มาก​ ตอนพิเศษจุใจจจจ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 27-07-2019 13:20:13
องค์ชายน่ารักมากๆเลยค่ะ แม้ว่าต้อนแรกๆเราจะค่อนข้างหงุดหงิดที่ร้องไห้เยอะ แต่พออ่านๆไปก็ชินค่ะ แอบสงสัยมากว่าทำไมเจ้าเสือถึงไม่หงุดหงิดบ้างเลย ใจเย็น เลี้ยงน้องดีมากกกกกกกก เป็นคู่ที่น่ารักเลยค่ะ ยิ่งช่วงท้ายๆที่หายปัญญาอ่อนเราว่าบุคลิกโลกัสค่อยๆเปลี่ยนไปนะ จากที่เหี้ยมมากๆเสือดุ กลายเป็นแมวป่าขี้อ้อนแทน เหมือนทั้งสองคนค่อยๆปรับตัวเข้าหากันทีละน้อยๆ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 18-01-2020 08:57:21
คิดถึงเรื่องนี้​ ขอบคุณ​ครับ​บบบ
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-02-2020 17:45:53
เวสเป้อร์น่าร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : ขนมง้อเจ้าเสือ
เริ่มหัวข้อโดย: kwan2211 ที่ 16-06-2021 15:27:59
ขออนุญาตแปะสารบัญ

ชอบตอนที่องค์ชายอ้อนเจ้าเสือ ดูแล้วน่ารักดีชอบเล่าเรื่องได้ดีมาก

ตอนพิเศษตอนสุดท้ายอยากให้องค์ชายลงโทษเจ้าเสือหนักกว่านี้หน่อยไหนๆก็หายปัญญาอ่อนแล้ว




  บทนำ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3275046#msg3275046)
  1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3275056#msg3275056)
  2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3275063#msg3275063)
  3  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3275073#msg3275073)
  4  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3281622#msg3281622)
  4.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3282453#msg3282453)
  5  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3289748#msg3289748)
  5.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3290514#msg3290514)
  6  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3297821#msg3297821)
  6.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3301045#msg3301045)
  7  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3308250#msg3308250)
  7.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3309046#msg3309046)
  8  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3318823#msg3318823)
  8.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3321745#msg3321745)
  9  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3327541#msg3327541)
  9.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3329294#msg3329294)
  10  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3338263#msg3338263)
  10.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3343834#msg3343834)
  11  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3354669#msg3354669)
  12  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3361391#msg3361391)
  12.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3362755#msg3362755)
  13  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3369936#msg3369936)
  13.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3373148#msg3373148)
  ตอนพิเศษ จูบ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3380802#msg3380802)
  14  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3390935#msg3390935)
  14.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3394416#msg3394416)
  15  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3403054#msg3403054)
  15.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3404767#msg3404767)
  16  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3415517#msg3415517)
  16.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3419455#msg3419455)
  17  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3423289#msg3423289)
  17.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3425500#msg3425500)
  18  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3432908#msg3432908)
  18.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3436160#msg3436160)
  19  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3445122#msg3445122)
  20  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3453676#msg3453676)
  21  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3457420#msg3457420)
  22  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3474136#msg3474136)
  22.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3474914#msg3474914)
  23  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3482427#msg3482427)
  24  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3495052#msg3495052)
  ตอนพิเศษ - นักดนตรีลึกลับ   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3501972#msg3501972)
  ตอนพิเศษ - ขนมง้อเจ้าเสือ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51163.msg3508776#msg3508776)
หัวข้อ: Re: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)
เริ่มหัวข้อโดย: BoJit ที่ 23-08-2021 08:00:53
ดีอะ อ่านรัวๆยาวๆ อ่านจนเก็บเอาไปฝัน 555 ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่าาาา