SIDE STORY :: ชู้ #3
เคส talk"You don't need to be number one, You just need to be only one."
ผมเกิดมาบนโลกในฐานะของลูกเมียน้อย
ผมเติบโตมากับแม่ พวกเรามีกันแค่สองคนมาตลอด
พ่อที่ไม่เคยเห็นหน้าส่งเงินมาให้ทุกเดือน เดือนละสองแสน ด้วยจำนวนเงินขนาดนี้มากเกินพอสำหรับเราสองแม่ลูก แม่ของผมไม่ต้องทำงานหนัก เธอรับงานบัญชีมาทำที่บ้านรายได้เดือนละสองสามหมื่นต้องเข้าบริษัทอาทิตย์ละครั้ง
ผมเคยถามแม่ว่าจะทำงานไปทำไมในเมื่อเงินก็มีตั้งมากมาย
แม่ยิ้มและบอกกับผมว่าทำเผื่อวันข้างหน้าที่พ่อไม่ส่งเงินมาให้พวกเราจะได้ไม่อดตาย รอยยิ้มของแม่ตอนตอบคำถามของผมแสนเศร้านัก แม่ไม่เชื่อใจพ่อ เพราะความสัมพันธ์ของแม่กับพ่อไม่ได้ดำเนินอยู่บนความถูกต้อง พวกเขาคบกันโดยทรยศความเชื่อใจของภรรยาหลวงจนมีผมออกมา หากสักวันพ่อจะทรยศและทอดทิ้งพวกเราก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ตัวผมในวัยเยาว์ยึดถือความเข้มแข็งของแม่เป็นความภาคภูมิใจ
เพราะมันคือสิ่งเดียวที่เธอทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ
แต่แล้วเธอก็ทำลายมัน
พ่อมาหาพวกเราและชวนไปอยู่ด้วยกัน ไปอยู่ร่วมชายคากับลูกเมียหลวง และแม่ก็ตอบตกลง เพราะหลงไปกับกองเงินกองทองของพ่อ พ่อของผมรวยมาก รวยจนเกิดใหม่สิบชาติก็ใช้ไม่หมด ความรวยนี่แหละคือเหตุผลที่แม่รักพ่อ
รักเขาตรงเงินของเขา
ผมเกลียดความรักแบบนี้
ผมไม่ต้องการรูปแบบความสัมพันธ์แบบนั้น ต่อให้ผู้ชายที่ผมหลงรักจะไม่มีอะไรดีเลยแต่ผมก็ยินดีหลงรักนิสัยแย่ๆของเขา
มากกว่าเงินของเขา
นั่นคือเหตุผลที่ผมตัดสินใจเป็นชู้กับเพื่อนของพี่ชาย
เรื่องนี้ต้องถึงหูแม่แน่นอน
มันคือการประท้วงอันไร้ค่าของเด็กมีปัญหาคนนึงที่ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆจากผู้ปกครอง
จากเดิมแค่แอบชอบ แต่ความสัมพันธ์ลึกซึ้งของผมกับเขาก็ทำให้ผมตกหลุมรักเขาจนโงหัวไม่ขึ้น
ทว่าผู้ชายคนนั้นคงไม่คิดแบบเดียวกับผม...
ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองอย่างเลื่อนลอยมากว่าสิบนาที โดนข้อความจากใครบางคนเล่นงานสมองจนเบลอ
พี่แวนสุดที่รัก : งดคุยกันสามวัน 21.34 น.
พี่แวนสุดที่รัก : รำคาน 21.34 น.
ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆสักคำให้ลึกซึ้ง ไม่ต้องบรรยายอะไรให้สวยเลิศเลอ...น้ำตาจิไหล
“กระซิกๆ”
“เป็นไรแรด”
“พี่ชายจ๋า ช่วยหนูด้วย”
“ใจเย็นๆแรดน้อยของพี่ มีอะไรก็ว่ามาพี่อารมณ์ดีมากพร้อมบุกน้ำลุยไฟเพื่อแรดน้อยเสมอ”พี่ชายผู้สุขสันต์กับความรักที่สมหวังเอ่ยอย่างสบายใจเห็นดังนั้นผมจึงรีบยื่นข้อความที่เพื่อนของพี่ชายส่งมาให้ดูเป็นการฟ้องแบบกลายๆ
“อ่อ ได้ยินว่ามันต้องไปช่วยขายตั๋วคอนเสิร์ตที่มออื่นน่ะ ไม่ไกลหรอกขับรถแค่ยี่สิบนาทีก็ถึงแต่มันคงยุ่งๆไม่อยากให้มึงรอ”ผมหรี่ตาจับสังเกตพี่ครอสอย่างไม่เชื่อถือ เห็นรักเดียวใจเดียวอย่างงี้แต่พี่ชายผมโคตรกะล่อน ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษแค่กับเพลินคน
เดียวจะโกหกอะไรผมบ้างก็ไม่รู้
“หลอกเค้าป่าว ช่วยเพื่อนตัวเองปกปิดอะไรไว้ใช่ไหม”
“มึงนี่น้า อยากเป็นเมียเขาแต่ดันระแวงเขา กูว่านะขืนมึงยังไม่เชื่อใจมันแบบนี้ต่อให้ได้คบกันก็ไม่ยืดว่ะ”
อย่าพูดงั้นดิพูด ผมใจเสียนะ
ที่สำคัญจะให้ผมเชื่อใจพี่แวนอย่างสนิทใจได้ยังไง...ในเมื่อเรื่องของผมกับเขาเริ่มมาจากคำว่า’ชู้’
สีหน้าผมคงแย่มากจนพี่ชายที่เกิดปีเดียวกันเอ่ยออกมาอย่างเห็นใจว่า
“งั้นตอนบ่ายมึงมารอกูหน้าคณะ เดี๋ยวพาไปดูว่าไอ้แวนมันแอบไปทำอะไรลับหลังมึงไหม”
ผมเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าอย่างซาบซึ้ง แม้จะรู้จักกันได้ไม่กี่เดือนแต่พี่ครอสก็ดีกับผมมาก”แล้วพี่ไม่อยากอยู่กับเพลินเหรอ”
แกล้งถามไปงั้นแหละ ถ้าพี่เขาตอบว่าอยากและยกเลิกนัดผมคงเฟลหนักแหง
แต่พี่ชายของผมไม่ใช่คนใจร้าย พี่ครอสยิ้มและลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไร...เพราะเพลินก็ต้องไปช่วยขายตั๋วเหมือนกัน”
สัส!
ขอถอนคำพูดทั้งหมดที่เพิ่งชมไปเมื่อกี้!!
ตกบ่ายวันนี้ผมไปนั่งอยู่ใต้ตึกคณะมนุษยศาสตร์หน้าสลอน มีคนมองผมเยอะเหมือนกันส่วนใหญ่เป็นผู้ชายด้วย ผมรู้ตัวว่าน่ารักและเสน่ห์แรงฝุดๆ อิอิ รอจนรากงอกกว่าคุณพี่ชายตัวดีจะเดินลงมาพร้อมกลุ่มเพื่อน ร่างสูงเจ้าของออร่าเดือนมหาลัยตรงปรี่มาหาผมท่ามกลางสายตาสงสัยของคนรอบข้าง
“ชู้มึงอ่อวะ”เพื่อนพี่ครอสคนนึงแซวขึ้น
“น้องชายโว้ยยย!”สิ้นคำแก้ตัวก็มีเสียงล้อเสียงแซวประมาณจะไปฟ้องเพลินแน่คอยดูตามมาก่อนเพื่อนขโยงใหญ่ของพี่ครอสจะแยกย้ายกันไปตามทาง
“ไปเร็วๆ”ไอ้พี่มันเร่งผมทั้งๆที่คนที่ช้าคือมันแท้ๆ
“แล้วเพลินอ่ะ”
“ไปกับเพื่อนในคณะโน่น นั่งเซ่ออยู่นั่นแหละเดี๋ยวไอ้แวนก็เจอกิ๊กใหม่พอดี เร็ว!”อันนี้ผมว่าพี่นั่นแหละกลัวมีคนมาจีบเพลิน คนเรานี่น๊อ
เราสองพี่น้องขับรถไม่กี่นาทีก็มาถึงมหาลัยเป้าหมาย ผมลงจากรถก่อนด้วยความร้อนใจปล่อยพี่ชายตัวกวนหาที่จอดรถคนเดียว
ผมรู้จุดหมายดีว่าสุดที่รักของผมขายตั๋วอยู่แถวไหนเพราะผมมีเพื่อนอยู่มหาลัยนี้เยอะพอสมควร ถามทางเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
ศาลาไม้เล็กๆข้างทางเดินถูกใช้เป็นสถานที่ขาย ในบริเวณนั้นรายล้อมไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งคนซื้อและคนขาย ผมชะเง้อคอมองหาคนที่ต้องการจนแล้วจนรอดก็ไม่พบจึงตัดสินใจเข้าไปถามกับเพลินที่โดดงานมายืนกินชานมไข่มุกอยู่ใกล้ๆ
“เพลินๆ เห็นพี่แวนป่าว”
“หืม”คนน่ารักของพี่ครอสเอียงคอด้วยความสงสัย”เมื่อกี้เห็นเดินออกไปกับผู้หญิง...เอ่อ แฮ่ๆ...”พูดมาถึงจุดนี้เพลินกลับอึกอัก ความเดือดเนื้อร้อนใจของผมเพิ่มขึ้นสิบเท่า
ไปกับผู้หญิง!?
“ไปกับใคร!? ที่ไหน!? ไปนานรึยัง งื๊ออออ เพลินอย่าปิดบังเรานะ บอกมาๆ”
“เราก็ไม่แน่ใจนะ...แต่แบบว่า...คือ...เขาพาเพื่อนมาด้วย...แล้วก้ออออ...”จะอ้ำอึ้งอีกนานป่ะจะได้แวะเข้าห้องน้ำรอ”แนะนำกับเพื่อนว่า...แวนเป็นแฟนเก่า...”
เปรี้ยงงงง!!
มีสายฟ้าฟาดลงกลางหัวผมอย่างจัง!! ตาลายจนเห็นดาวลอยอยู่รอบหัวเลย แม้ว่าเพลินจะพูดเสียงแผ่วลงเรื่อยๆแต่คำว่าแฟนเก่าก็ดังกึกก้องอยู่ในหัวของผม!! เรื่องซันนี่เพิ่งจบไปผมยังต้องมาเจอด่านมนุษย์แฟนเก่าอีกเรอะ
เคสจะเป็นลม!
“ยะ...อย่าเพิ่งเสียใจนะ คือตอนแรกแวนปฏิเสธไปแล้วว่าไม่อยากไปด้วยแต่เราได้ยินผู้หญิงเขากระซิบบอกแวนว่าถ้าไม่ไปด้วยเขาจะเสียหน้ากับเพื่อน แวนก็เลยต้องไป ตามไปสิ ยังไปไม่ไกลหรอกมั้ง เห็นว่าจะไปห้องสมุดกันนะ!”เพลินรัวมาชุดใหญ่ ผมหันหลังวิ่งตรงไปยังห้องสมุดโดยไม่ต้องถามทางใครทั้งสิ้นเพราะแผนที่ของมหาลัยนี้อยู่ในหัวผมหมดแล้ว
เมื่อมาถึงห้องสมุดผมก็ทำการแลกบัตรและสาวเท้ายาวๆสอดสายตามองหาร่างสูงๆของแวนไปทั่ว
หาไม่เจอ
ทั้งชั้นหนึ่งชั้นสองชั้นสามทุกตรอกซอกซอยผมหาจนทั่วแล้ว เอ...หรือจะอยู่ในห้องส่วนตัว?
ห้องสมุดของที่นี่มีการแบ่งห้องออกเป็นหลายห้องเพื่ออะไรก็ไม่รู้แต่ที่เพื่อนผมเล่าพวกมันใช้เพื่อจับกลุ่มเม้าท์มอยอย่างเป็นไพรเวทกัน จะไปยืนส่องทีละห้องก็น่าเกลียดแต่เพื่อรักผมยอม
ส่อง~
ด้วยความเตี้ยผมจึงต้องเขย่งปลายเท้า ทีละห้อง ทีละห้อง ผมส่องผ่านลายบนประตูเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหูแว่วได้ยินเสียงสนทนาบางอย่าง
“ผัวเก่าอีแพรวาอย่างแซบเลยแก ผู้ชายอะไรออร่าผู้ดี๊ผู้ดี หายเข้าอีกห้องกันสองต่อสองนานมากแล้วไม่รู้แซ่บกันอยู่รึป่าว อิจฉาว่ะแก อยากได้แบบนี้บ้าง”
“ดูหนังหน้าตัวเองก่อนก็ดีนะหล่อน ที่สำคัญแวนเขาผู้ดีแค่มาดเท่านั้นแหละย่ะ อีแพรวาเคยบ่นถึงบ่อยๆว่าเจ้าชู้ ที่เลิกกันก็เพราะเหตุผลนี้แหละ”
“เห แล้วนางจะกลับไปง้อเขาอีกทำไม? เมื่อกี้ตอนเจอหน้าผัวเก่าถึงกับหูตั้งหางกระดิกวิ่งเข้าไปหาเขาเลยไม่ใช่เหรอ”
“ไม่รู้สิ ผู้ชายแบบนั้นมีอะไรดี หึ!”
ปรี๊ดดดดด ผมทนฟังอยู่ได้ยังไงตั้งนาน ตอนนี้อกซ้ายผมแทบระเบิด มันร้อนรนไปหมดพยามส่องตามห้องต่างๆอย่างกระวนกระวายจนกระทั่ง...หาเจอ
พี่แวนกับแฟนเก่าของเขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกันหรอก ก็แค่นั่งคุยกันภายในห้องส่วนตัวเงียบๆ แต่แค่นั้นมันก็บาดหัวใจผมมากเกินพอ
ครืด...
ผมเปิดประตูของห้องนั้นออกโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อนว่าการกระทำนี้สมควรหรือไม่
ผลที่ได้รับคือสายตาฉายแววไม่พอใจยามเห็นผมโผล่เข้าไป
“ใครเหรอแวน”ผู้หญิงสวยมากๆที่นั่งอยู่ข้างแวนเอ่ยถาม...ด้วยคำถามที่คล้ายกับคำถามของซันนี่เมื่อตอนนั้น
ผมกัดฟันและปิดประตูห้องอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้
แวนไม่ยอมพูดอะไร เขาเอาแต่มองหน้าผมนิ่งๆผมจึงต้องแนะนำตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
“เมีย...”
ผมกลัวว่าจะสูญเสียผู้ชายเลวๆคนนี้ไป
“!?”
“กูเป็นเมียแวน!”ผมจิกเล็บจนรู้สึกแสบมือ สายตาตวัดมองผู้หญิงคนนั้นอย่างเกรี้ยวกราด เธอก็รู้ว่าผมกำลังโมโห มือเรียวสวยของเจ้าหล่อนจึงเลื่อนไปกอบกุมแขนแกร่งของพี่แวนอย่างยั่วโมโห
“เมียอะไรล่ะ เมียหลวง..หรือว่าเมียน้อย...”
อีผี!!
“เมียอะไรก็เรื่องของกู! แต่มึงอ่ะเมียเก่า!!”
ทุกคำที่เถียงออกไปหางตาของผมมันร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆเมื่อร่างสูงของคนที่ขึ้นชื่อว่า’ผัว’เอาแต่มองหน้าผมนิ่งๆ
“ฮึก...”
“ต๊าย เขาร้องไห้แล้วล่ะแวน แพรขอโทษ แพรไม่คิดว่าแวนจะคบคนขี้แงแบบนี้ ปกติแวนไม่ชอบแนวนี้นี่”
ตลอดมา...ผมมีความหวัง เพราะคำว่าถ้าจีบติดเขาสัญญาว่าจะไม่มีชู้“ตอนแรกก็คิดว่ามันแรด ทำไปทำมาเสือกกลายเป็นเด็กเอ๋อ”พี่แวนสุดที่รักขยับพระวรกายเล็กน้อยเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ผม ได้ยินดังนั้นสาวเจ้ายิ่งหัวเราะชอบอกชอบใจ จริตมารยาสารถเต็มร้อย
ความรักของผมขับเคลื่อนด้วยลมปากที่ไม่เคยแม้แต่จะให้สัญญาว่าจะรักผม“พี่แวน...”
ที่ผ่านมาทั้งหมดผู้ชายคนนี้แค่เล่นสนุกกับหัวใจของผมเท่านั้นจริงๆ...น่ะเหรอผมมองเพื่อนของพี่ชายด้วยสายตาตัดพ้อ ขาเรียวสั่นจนแทบยืนไม่ไหว อกซ้าบบีบรัดเจ็บแสบจนด้านชา รู้สึกทุรนทุรายราวกับ
จมดิ่งอยู่ใต้ทะเลลึก ควานหาอากาศหายใจในน้ำเย็นเฉียบที่ไม่มีกระทั่งแสงสว่าง
“ที่ผ่านมา...พี่รักผมบ้างไหม”
ผมเกิดมาบนโลกในฐานะของลูกเมียน้อย
เป็นคนที่เกิดมาด้วยเงินตราไม่ใช่หัวใจ
ความปรารถนาชั่วชีวิตของผมคือ...
“ผมก็แค่อยากเป็นที่รักที่สุดของใครสักคน...เท่านั้นเอง...ถ้าไม่รักกัน ทำไมต้องแกล้งกันด้วย ฮึก ทำไมต้องให้ความหวัง เลว...”
น้ำตาผมไหลเอ่อยังกับเขื่อนแตก ความเก็บกดทั้งหมดที่สั่งสมมาตั้งแต่เด็กทะลักออกมาในชั่ววินาทีนี้ ตาผมพร่ามัวจนมองไม่เห็นภาพเบื้องหน้า จิกเล็บมือกับชายเสื้อแน่นเพราะมันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมสามารถยึดเหนี่ยวเป็นหลักได้ แหกปากร้องไห้อย่างน่าเวทนาต่อหน้าผู้ชายที่รักหมดใจกับผู้หญิงที่เป็นแฟนเก่าของเขา
น่าสมเพช
น่าสมเพช
น่าสมเพช!
“พอแล้ว เลิกร้อง ขอโทษ ไม่แกล้งแล้ว ขอโทษ...”สิ้นเสียงทุ้มนุ่มก็มีสัมผัสอุ่นๆเข้ามาสวมกอด
“พี่แวน แง...”ผมแม่งความแค่เขามากอดหน่อยก็กอดตอบเขาซะแน่น ไม่สนสักนิดว่าเมื่อกี้เขาทำอะไรกับตัวเองไว้บ้าง
“เราอยากเป็นคนที่พี่รักที่สุดจริงๆเหรอ หืม”เสียงโคตรนุ่มอ่ะ ชวนเคลิ้มสัสๆยิ่งมือหนาคอยลูบหัวผมอย่างอ่อนโยนตลอดนั่นยิ่งแล้วใหญ่ ผมรีบพยักหน้าหงึกๆรัวๆแทนคำตอบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแทนตัวเองว่าพี่ ทั้งที่ปกติพี่แวนมักด่าผมว่ากระแดะตลอด เพียงเท่านี้หัวใจที่เคยถูกบีบรัดก็กลับมาพองโตอย่างง่ายดาย
“อยากเป็นสิ อยากเป็นคนที่พี่รักที่สุด”ผมเลิกร้องแล้ว แล้วก็เลิกสนใจยัยแฟนเก่าที่นั่งหัวโด่อยู่ในห้องด้วย
“เชื่อพี่สิ
เราไม่อยากเป็นคนที่พี่รักที่สุดหรอก เราอยากเป็นคนเดียวที่พี่รักมากกว่า”
“!?”
“อยากเป็นไหมครับ”
“ยะ...อยาก”
“ได้สิ...พี่ให้เป็น”“เห”ผมอุทานออกมาเมื่อร่างสูงคลายอ้อมกอด คนนิสัยเสียส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ก่อนเพยิดหน้าให้ผมซึ่งปรับอารมณ์ตามไม่ทันให้หันไปมองยังร่างบางของแพรวาซึ่งกำลังนั่งหัวเราะคิกคักชอบใจอยู่
“แวนนิสัยเสียไม่เปลี่ยนเลยนะ แต่ไม่เคยเห็นแวนพูดกับใครแบบนี้สักคน ไม่เคยเห็นแวนมาขอให้เราเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยด้วย ดูสิแฟนตัวเองทำหน้างงใหญ่แล้วแวน เฉลยเขาไปสิว่าทั้งหมดเมื่อกี้คือจัดฉาก”
“เห!!?”ผมหันขวับมองใบหน้าคมที่ยังยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ แวนหัวเราะในลำคอก่อนช่วยเฉลยเพิ่มเติมว่า
“กูแกล้งมึง ตั้งแต่แชทที่ส่งไปว่าไม่ว่าง ไอ้ครอสที่อยู่ดีๆก็ชวนมึงมาตามกูถึงที่นี่ และแพรวาเลสเบี้ยนที่เสือกสวมบทนางร้ายซะ
แนบเนียนจนมึงหน้าสั่น”
“หา!? หมายความว่ายังไง แต่เมื่อกี้ผมได้ยินเพื่อนแพรพูดกันนะว่า...”
“ว๊าย ยัยพวกนั้นก็ร่วมเล่นละครด้วยเหรอเนี่ย คิกๆ มิน่าล่ะ”หัวเราะร่วนกันเลย ผมนี่สิยืนอ้าปากเหวอทำตัวไม่ถูกอยู่คนเดียว
“สรุปคือทั้งหมดที่ผมพบพานตั้งแต่เช้าคือรายการล้อกันเล่นเหรอ? ที่พูดเมื่อกี้ด้วยรึป่าว ทำขนาดนี้เพื่ออะไรเนี่ย”ผมดีใจเก้ออ่ะดิ หน้าจ๋อยเลยกู อยากให้คำพูดเมื่อกี้ของพี่แวนเป็นจริงจัง
“เพื่อขอคบมึงไง แต่มึงเสือกเข้าใจยากไอ้ห่า กูดูท่าแล้วปล่อยให้มึงจีบกูคงไม่รอดกูเลยเลิกเล่นตัว ที่จริงกูเองก็ชอบมึงมานานแล้ว”
“หื๊อออ!?”
“นับจากนี้มึงคือคนเดียวที่กูรัก”
“!!”
“กลับได้แล้ว เห็นไหม เพราะมึงทำให้กูต้องโดดงานอีกละ โดนด่ากูจะโทษมึง ยืนเอ๋ออยู่นั่นแหละ บอกว่ากลับได้แล้วไง บายแพร”
ผมทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะดีใจหรือจะด่าดี
ถ้าคิดจะบอกรักกันทำไมถึงเลือกวิทีนี้!!!
“...”เดือนคณะแพทย์ลากข้อมือผมกลับไปยังซุ้มขายตั๋ว เดินเข้าไปพูดอะไรสักอย่างกับเพื่อนก่อนเพยิดหน้ามาทางผมและหันไปพูดกันต่อ
“พี่แวน...”ผมเอ่ยเสียงอ่อยขณะโดนลากมายังลานจอดรถ
“หืม?”
“ทำไม...ถึงเลือกแผนนี้ล่ะ...”
“อยากเห็นฉากเมื่อกี้ไง ตื่นเต้นดี มึงไม่ชอบเหรอ ประทับใจสัสๆ จำไม่รู้ลืมจนวันตาย หึหึ”โฮ่ยยยยย คิดจะชอบพี่แวนต้องอดทนสิบล้อชนต้องไม่ตาย! ความซาดิสต์แผ่ซ่านมากครับพี่ โชคดีที่ผมเป็นมาโซคิสต์เราเลยไปด้วยกันได้ คิกๆ
“ผมชอบพี่”นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ยังไม่ได้พูด ขอพูดสักหน่อยละกัน
พี่แวนเปิดประตูรถให้ผมก่อนเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ เขาสตาร์ทรถแต่ยังไม่ยอมขับออกไปเหมือนกำลังพิจารณาคำพูดของผมอยู่”ต่อให้กูนิสัยไม่ดี ไม่ซื่อสัตย์ เห็นแก่ตัว สารเลวหรือเจ้าชู้ขนาดไหน ก็ยังชอบหรือ?”
“พี่เป็นคนเดียวที่ผมชอบ และผมก็อยากเป็นคนเดียวในใจดวงนี้เหมือนกัน”ผมว่าพลางเลื่อนมือแตะอกแกร่ง สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่รัวเร็วกว่าปกติของคนข้างกาย
“ผม...ไม่อยากเป็นคนที่พี่รักที่สุด แต่อยากเป็นคนเดียวที่พี่รัก...” “ซึ่งมันเป็นจริงแล้ว”ขอบคุณที่ช่วยต่อประโยคให้นะครับ พี่แวนสุดที่รัก
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
เราชอบคู่นี้มาก (ชอบมากกว่าคู่หลักซะอีก)
ชอบที่ผู้ชายเลวๆกับผู้ชายแรดๆตกหลุมรักซึ่งกันและกัน ช่วยอีกฝ่ายเติมเต็มปมในใจ 
มีอีกหลายๆอย่างที่อยากแต่งเกี่ยวกับสองคนนี้แต่ด้วยความที่เป็นคู่รองถ้ามีจำนวนตอนมากเกินไปมันจะกลายเป็นนิยายที่มีคู่หลักสามคู่ซึ่งมันไม่ใช่เจตนาแรกของเรา
ถึงจะชอบแค่ในแต่ก็ต้องทำให้มันบริบูรณ์ในตัวภายในไม่กี่ตอน (Y__Y)
อารมณ์ประมาณหมาที่เราเลี้ยงกับแมวน้อยที่คนข้างบ้านเลี้ยง เราย่อมให้ความสำคัญกับหมาเรามากกว่า(แม้จะชอบแมวมากกว่าก็ตาม)
#เหมือนจะซึ้ง
#เป็นไรเตอร์นั้นเจ็บปวด

#ตรงไหน
