แอบรัก⊰❤⊱วันที่7《ครึ่งแรก》
เวลาหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเร็วมาก...เพียงพริบตาเดียวก็ถึงวันที่ต้องไปทำโปรเจคที่เกาะทางตอนใต้แล้ว วันนี้วรานนท์ตื่นตั้งแต่ตี5เพื่อสำรวจความเรียบร้อยของสัมภาระว่าไม่ได้ขาดตกบกพร่องอะไรไปแต่ถึงจะลืมทางโรงแรมหรูที่เราจะไปพักคงจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้อย่างครบครัน
สัมภาระของผมมีเพียงกระเป๋าลากสีเทาใบเดียวเท่านั้น...เสื้อผ้าที่เตรียมก็คำนวณไว้แล้วว่าสามารถใส่สลับไปมาโดยไม่มีใครจับได้ส่วนชุดนอนก็เตรียมไปแค่ชุดเดียวเท่านั้น
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยมอเตอร์ไซค์คู่ใจก็ขับตรงไปยังร้านของอาวิที่นัดกันให้มาเจอหน้าร้านตอน7โมงแต่เพราะผมตื่นเช้าเกินไปเลยมาถึงเร็วกว่าที่นัดอยู่พอสมควร
ช่วงเช้าที่พระอาทิตย์เริ่มทอแสงทำให้อากาศค่อนข้างเย็นกว่าปกติเล็กน้อย สายหมอกที่มีค่อยๆจางหายไปตามถนนใหญ่...บรรยากาศที่น่ามองทำให้ผมยกกล้องคู่ใจที่คล้องคอไว้ขึ้นก่อนจะถ่ายภาพเหล่านั้นไว้ ถ่ายไปได้แค่ไม่กี่รูปก็มีแสงไฟจากหน้ารถก็ส่องสว่างขึ้น
นั่นทำให้ผมลดกล้องลงเพราะคิดว่ารถเริ่มทยอยออกมาแล้ว...ไม่นานรถคันที่ว่าก็แล่นเข้ามาก่อนจะหยุดลงตรงหน้าร้านหรือตรงหน้าผมนั่นแหละ รถคันสีดำเงาแวววาวทำให้ใบหน้าขาวขมวดคิ้วก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนที่ลงมาจากรถ
“...ราชา”เสียงนุ่มพึมพำอย่างไม่เชื่อสายตาว่าภาพตรงหน้าจะเป็นความจริง
นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม?
หรือความจริงผมกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องของตัวเองกันแน่?
ทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้กัน?
คำถามมากมายดังขึ้นในหัวโดยที่ดวงตาคู่สวยมองตามชายหนุ่มร่างสูงที่เดินเข้ามาหาตนเงียบๆ...รอยยิ้มแรกของราชาคลีออกก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร...
“อรุณสวัสดิ์ข้าวจ้าว...มาเช้าจังเลยนะ”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาทำให้หัวใจที่สงบนิ่งค่อยๆเต้นดังขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ริมฝีปากบางเม้มปากตัวเองแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอยิ้มกว้างด้วยความดีใจออกมา
รอยยิ้มของราชา...ได้เห็นในระยะประชิดขนาดนี้เลย
“...อรุณสวัสดิ์...ราชา”ร่างโปร่งจับกล้องตัวแน่นขึ้นก่อนจะเอ่ยทักทายออกไปอย่างยากลำบาก
ครั้งแรกที่ได้พูดทักทายกับราชา...
ดีใจจัง
“ถ่ายรูปอยู่เหรอ?”
“อืม...ถนนที่มีหมอกลง...สวยดี”ผมบอกพรางหันไปมองถนนที่มีหมอกปกคลุมอยู่เล็กน้อย
“ผมขอดูรูปที่ถ่ายไว้ได้ไหม?”ดวงตาคมสีน้ำตาลมองมายังกล้องที่ผมถืออยู่ก่อนจะถามขึ้น
“...อ่อ”ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไงดี ใจหนึ่งก็ดีใจที่ราชาสนใจรูปที่ตนถ่ายแต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกกลัวว่ารูปถ่ายของตัวเองจะไม่ดีเท่าที่ควร...
ราชาอาจชอบรูปภาพที่ผมถ่ายก็จริงอยู่แต่รูปภาพพวกนั้นได้รับการปรับแต่งทั้งแสง สีและอื่นๆอีกจากในคอมพิวเตอร์ก่อนจะอัดภาพพวกนั้นออกมา...พูดง่ายๆทุกรูปที่ให้อีกฝ่ายไปผมได้คัดเลือกมาอย่างดีแล้วว่าเป็นภาพที่สวยและดูดีที่สุด
“...ไม่ได้ไม่เป็นไรนะผมเข้าว่าช่างภาพทุกคนย่อมหวงกล้องของตัวเองเป็นธรรมดา”ราชาพูดต่อ
“ไม่ใช่นะ...คือผมแค่...”ผมหยุดพูดเมื่อไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรออกไป
“แค่?”
“แค่กลัว...ว่ารูปจะไม่สวยน่ะ”ผมบอกเสียงเบา
“หื้อ?...แค่นั้นเหรอ?”
“...อืม”
“ฮึ...ฮะฮะฮะ”เสียงหัวเราะดังขึ้นทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด
“...”ดวงตาสีเขียวปนเทาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนรุ่นเดียวกันผ่านเลนส์แว่นที่หัวเราะออกมาอย่างไม่สนภาพลักษณ์ด้วยความไม่เข้าใจจนคิ้วของตนขมวดเข้าหากันแน่น
ราชาหัวเราะทำไม?
“ขอโทษๆ...ไม่คิดว่าจะเป็นคนคิดมากแบบนี้นะเนี่ย”เสียงหัวเราะค่อยๆหยุดลงพร้อมกับเอ่ยขอโทษ
“ผมไม่ได้คิดมากสักหน่อย”
ผมดูเป็นคนคิดมากตรงไหน?
แค่เป็นคนคิดอะไรอย่างรอบคอบเท่านั้นเอง
“กังวลในเรื่องที่อีกฝ่ายยังไม่ได้คิดนี่แหละที่เขาเรียกว่าคิดมาก”
“...ผมเปล่า”
“ดื้อนะเนี่ย”
“ผมไม่ได้ดื้อนะ”เสียงค้านดังขึ้นทันทีที่ถูกบอกว่าดื้อ
“โอเค...ไม่ดื้อก็ไม่ดื้อครับ”ถึงราชาจะยอมแพ้แต่สายตาที่มองมาด้วยความขบขันนั่นทำให้ผมได้แต่ยืนเม้มปากตัวแน่น
“...แล้วราชา...มาที่นี่ทำไมล่ะ?”ผมถามกลับบ้าง
“มารับข้าวจ้าวไง”คำตอบที่ได้รับทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นด้วยหัวใจที่เต้นแรงขึ้น
คำพูดธรรมดาที่ไม่ได้สื่อความหมายพิเศษอะไรแต่กลับทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“...อ่อ...”
แกร็ก!
“อ้าว...มาทำอะไรอยู่นอกร้านล่ะทั้งคู่”เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นทำให้พวกเรารีบหันไปทางต้นเสียงก่อนจะเจอเข้ากับอาวิที่เปิดประตูร้านออกมาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่สีน้ำตาล
“สวัสดีครับคุณวิสุธ”ราชาทักทายด้วยรอยยิ้ม
“เรียกอาวิเหมือนจ้าวก็ได้...เข้ามาข้างในก่อนสิยังเหลือของที่ต้องเตรียมไปอีกหน่อย”อาวิบอกและเปิดประตูร้านให้อ้าออกกว้าง
“ขอบคุณครับอาวิ”
“อรุณสวัสดิ์ครับอา...มีอะไรให้ผมช่วยไหม?”ผมเดินเข้าไปหาพร้อมเอ่ยถาม
“ไม่มีหรอกเหลือแค่ไปหยิบกระเป๋ากล้องข้างบนเท่านั้นเอง...แล้วเรากินอะไรมารึยัง?”อาวิหันมาถามเมื่อพวกเราเดินเข้ามาในร้านกันแล้ว
“...ยังครับ”ผมตอบเสียงอ่อย
“ไม่ยอมกินข้าวเช้าทุกทีสิน่า...วันนี้ที่บ้านไม่มีของทำให้ด้วยสิ”
“ไม่ต้องหรอกครับผมกินน้ำมาแล้ว”ผมรีบบอกอาวิ...เรื่องข้าวเช้าผมมักจะโดนบ่นประจำแต่ก็ไม่ค่อยทำตามเท่าไหร่ ก็ตอนเช้าท้องยังไม่หิวนี่นาจะให้ฝืนกินก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
“แค่น้ำมันอิ่มที่ไหนกัน...แล้วคุณรองประธานล่ะกินมื้อเช้ามารึยัง?”อาวิหันไปถามราชาที่มองไปรอบๆร้านด้วยความสนใจ
“ผมยังไม่ได้กินมาเหมือนกันครับ...อาเรียกผมว่าราชาเหมือนที่เรียกข้าวจ้าวก็ได้ครับ”ราชาหันมาบอกด้วยรอยยิ้ม
“ได้เลยราชา...ไหนๆก็ยังไม่ได้กินมื้อเช้าทั้งคู่ก็ออกไปหาอะไรกินด้วยกันเถอะ...จ้าวรู้ใช่ไหมว่าร้านไหนเปิดน่ะ?”
“อ่อ...ก็พอรู้ครับ”ผมขานรับอย่างงงๆ
“รีบไปเลยเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”อาวิพูดพร้อมดันหลังผมและราชาให้ออกจากร้านไปก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้านตามเดิม
“มีร้านไหนแนะนำไหมข้าวจ้าว?”เสียงจากคนด้านข้างทำให้สติที่หายไปเริ่มกลับเข้าร่างอีกครั้ง
อาวิบอกว่าอะไรนะ?
ให้ผมไปกินมื้อเช้ากับราชา?
กินมื้อเช้ากับคนที่ผมแอบชอบมาตลอด11ปี?!
“...อ่อ...”ยิ่งสติกลับเข้าร่างก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก
ถึงจะรู้ว่าราชาคิดกับตัวเองแค่เพื่อนแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ...ผมไม่อาจเลิกชอบอีกฝ่ายได้เพียงเพราะถูกปฏิเสธ ถึงยังไงก็ไม่ได้หวังว่าจะได้รับคำตอบว่าตกลงอยู่แล้ว
การจะให้เลิกชอบอาจต้องใช้เวลาซึ่งอาจนานมากจนอาจถึงทั้งชีวิต
ผมเคยคิดที่จะมองคนอื่นนอกจากเขา...เคยกระทั่งคบกันแต่คนที่คบด้วยเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆน่ารัก...คบกันได้ไม่นานก็เลิกโดยคำสุดท้ายที่เธอทิ้งไว้ทำให้ผมรู้ว่าในหัวใจตัวเองคงไม่พร้อมที่จะมีใครได้นอกจากราชาคนเดียวเท่านั้น
ตอนนี้ผมเป็นเพื่อนของราชา...นี่เป็นฐานะที่ทำให้รู้สึกดีมากพอแล้ว
ได้ยินเสียง
ได้พูดคุย
ได้เห็นรอยยิ้ม
มันมากพอจนมากไปจริงๆ...ทุกอย่างของราชาทำให้ผมทำตัวไม่ถูก
หัวใจมันก็เต้นเอาเต้นเอาอยู่นั่นแหละ
“...ข้าวจ้าว...ข้าวจ้าว...เป็นไรไหมเหม่ออะไรน่ะ?”ราชาเดินมาตรงหน้าก่อนจะโบกมือไปมาตรงหน้าแว่นผม
“อ่อ...ขอโทษ...ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“ไม่เป็นไร...แล้วเราจะไปยังไงล่ะ?...รถผมดีไหม?”ราชาถามต่อ
“รถคันใหญ่จะหาที่จอดลำบากนะ”ผมให้เหตุผล
“งั้นก็มอเตอร์ไซค์ของข้าวจ้าวเป็นเป็นไง?”ข้อเสนอนั่นทำให้รีบส่ายหัวทันที
“ไม่นะ...ไม่ๆ...คือมัน...”
แค่นั่งอยู่ในรถก็ตื่นเต้นจะแย่แล้วถ้าซ้อนมอเตอร์ไซค์ด้วยกันคงได้ขี่พาผมไปโรงพยาบาลเพราะหัวใจล้มเหลวแน่นอน...แค่จินตนาการว่ามีราชาอยู่ในระยะประชิดความตื่นเต้นก็โหมเข้ามาแล้ว
“ไม่มีเวลาแล้วตามนี้แหละ...กุญแจอันนี้สินะ?”อีกฝ่ายไปฟังแถมยังใช้มือล้วงเข้ามาในกระเป๋ากางเกงผมอย่างไม่รู้ตัวก่อนจะชูกุญแจนั้นขึ้นมาแกว่งตรงหน้าผมด้วย
“ทะ...ทำอะไรน่ะ?”คนที่พึ่งรู้สึกตัวรีบถอยหลังด้วยความตกใจการกระทำของอีกฝ่าย
“หยิบกุญแจไง...มาเถอะไปกินมื้อเช้ากัน”พูดจบก็ส่งยิ้มมาให้ก่อนจะเดินไปยังมอเตอร์ไซค์ผมที่จอดอยู่ข้างร้าน
“เดี๋ยวสิ”เสียงเรียกของผมดูจะไม่เข้าหูอีกฝ่ายสักนิด ไม่นานรถมอเตอร์ไซค์ก็ถูกสต๊าทก่อนจะขับออกมาหาผมยังถนนใหญ่หน้าร้าน
“ขึ้นมาเลย”
“...อ่อ...”ให้ขึ้นเหรอ?
ซ้อนท้ายราชาน่ะนะ
นี่มันคือความฝันจริงๆใช่ไหม?
“ไม่ต้องอึกอักแล้ว...ขึ้นมาเร็วข้าวจ้าว”คนขับรถคว้ามือผมก่อนจะดึงให้มาคล่อมท้ายรถมอเตอร์ไซค์อย่างเร็วจนใบหน้าของผมซบอยู่ที่แผ่นหลังของราชาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เพียงแค่ได้กลิ่นหอมอ่อนจากตัวของคนตรงหน้าหัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้นไปอีก...มือทั้งสองข้างที่ไม่รู้จะวางไว้ไหนค่อยๆเอื้อมไปจับชายเสื้อของคนตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ใบหน้ามลก้มลงเล็กน้อยจนหน้าผากชินกับแผ่นหลังของราชาเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเองกับรอยยิ้มกว้างที่สุดตั้งแต่ได้เกิดมา
ถ้ามันเป็นความฝัน...
ผมก็ไม่อยากตื่นเลย
ก็ขอเวลาอีกสักนิดเถอะ
ให้ผมได้มีความสุขอยู่กับความฝันนี่อีกสักหน่อยนะ
..............................................................................................
สวัสดีค่ะ
แอบมาอัพให้คนอ่านตกใจเล่นค่ะ555+
อาจจะสั้นไปนิดเพราะแค่ครึ่งเดียว(ความจริงก็ยังไม่ถึงครึ่งหรอกค่ะ)
แต่งเรื่องนี้แล้วเขินตัวบิดจริงนะคะ...แบบว่าแต่งเองดันเขินเอง เอ๊ะ สรุปว่าใครเป็นนางเอก เอ้ย นายเอก
แบบว่าเป็นเรื่องแรกที่แต่งแล้วดูจะเป็นหนักสุด...อาจเพราะเป็นแนวแอบรักก็ได้ถึงได้มีบรรยากาศแบบนี้
มีหลายคนชมเข้ามาว่าแต่งได้อิน...ขอบคุณมากนะคะ
คนที่มีประสบการณ์รักเป็นศูนย์แบบเราก็ได้แต่จินตนาการไปเองแบบนี้แหละค่ะ
ซึ่งในความจริงคงไม่ได้หวานแววแบบนี้...แต่จะให้แต่แบบดราม่าก็หนักไปสำหรับเราและคนอ่านอาจหนักด้วย
เพราะงั้นมาอ่านสบายๆแบบไม่ต้องใส่ใจอะไรมากมายกันดีกว่าค่ะ-v-
ไว้พบกันครึ่งหลังในวันเดิมๆนะคะ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังใจค่ะ
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪