(ต่อค่ะ)
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเรียกสติให้ช่างภาพหนุ่มที่เดินวนไปมารีบวิ่งไปด้านหน้าแล้วเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว...เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใครผมก็รัวคำถามใส่อีกฝ่ายทันที...
“เป็นไงบ้างราชา?...อาวิปลอดภัยไหม?...แล้วอยู่ที่ไหน?...”
“ใจเย็นๆก่อนข้าวจ้าว”ราชาบอกพร้อมกับเอื้อมมือมาตบไหล่ผมเบาๆให้ใจเย็นลง
“แต่อาวิ...”
“เขาไม่เป็นไร...เห็นว่าอาวิบอกอยากจะถ่ายภาพธรรมชาติตอนกลางคืนเลยขอให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยหาเต็นท์พร้อมอุปกรณ์ต่างๆไปให้...ทางเจ้าหน้าที่ก็เป็นห่วงเลยมีการตั้งแคมป์ใหญ่ในป่า...ที่โทรศัพท์ใช้ไม่ได้เพราะแถวนั้นเป็นเขตปลอดสัญญาณ”
“...ค่อยยังชั่ว”สิ้นคำอธิบายร่างของผมก็ทรุดลงหน้าประตูห้องทันที
ความกังวลที่มีหายวับไปกับตา...ค่อยยังชั่วที่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ไม่เป็นไรแล้ว...เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็กลับ”เสียงทุ้มที่ปลอบโยนอยู่ข้างๆทำให้ผมใจชื้นขึ้นเยอะ
“...ขอบคุณนะราชา”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาคมสีน้ำตาลตรงหน้าก่อนจะคลี่ยิ้มส่งไปให้
ถ้าไม่ได้ราชาผมคงเครียดจนไม่เป็นอันนอนแน่
“อืม...มีอะไรก็เรียกได้ผมอยู่ห้องข้างๆนี่เอง”รอยยิ้มของราชาที่ส่งมาพร้อมกับความห่วงใยนั่นทำให้หัวใจที่เครียดเรื่องอาวิมาตลอดเริ่มเต้นแรงขึ้น...
ทำไมชายตรงหน้าถึงชอบทำให้ผมตกหลุมรักนักนะ
หลายวันผ่านไปโดยที่ผมและช่างภาพระดับโปรอย่างอาวิยังคงแยกกับถ่ายรูปแต่มาวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยมารวมตัวกันในช่วงเช้าเพื่อจะออกเรือไปถ่ายรูปใต้น้ำกัน อาวิที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแบบนี้ก็ตื่นเต้นมากจนมาปลุกผมตั้งแต่เช้ามืดทำให้พวกเรามายืนอยู่บนเรือขนาดเล็กที่จุคนได้ประมาณ20คนเป็นกลุ่มแรก
การดำน้ำลึกเป็นสิ่งที่ผมไม่ค่อยถนัดนักแต่ก็พอมีประสบการณ์จากการออกไปถ่ายรูปนอกสถานที่กับอาวิอยู่พอควร...กว่าจะได้รับใบอนุญาตดำน้ำก็ใช้เวลาไปพอสมควรเพราะต้องมีการฟังอธิบายเรื่องกฏและสัญญาณเมื่ออยู่ใต้น้ำ จากนั้นก็มีการฝึกดำน้ำในสระก่อนจะให้สอบได้ แต่เท่านั้นยังไม่พอให้ดำลงน้ำลึกได้...เริ่มแรกของการดำน้ำต้องเริ่มจากที่ตื้นๆก่อนจะค่อยลงไปลึกกว่าเดิม...
ไม่รู้ว่าที่นี่จะให้ดำเป็นคู่หรือเดี่ยว...แต่ถ้าให้ดำเดี่ยวผมก็คงต้องหาคู่ให้ได้สักคนเพราะผมยังไม่เก่งขนาดจะดำคนเดียวได้เหมือนอาวิ
ดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆโผล่พ้นเส้นขอบฟ้ามาดูงดงามจนอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเหล่านั้นเก็บไว้หลายสิบรูป...พอถ่ายจนพอใจกล้องตัวโปรดของผมก็หันไปทางอื่นบ้างเผื่อจะมีอะไรให้ถ่ายและก็เป็นอย่างที่หวังเพราะมีกลุ่มคนกำลังเดินมาทางเรือซึ่งกลุ่มคนเหล่านั้นก็เป็นทีมงานจะลงเรือไปพร้อมกัน
ผมกดถ่ายรูปทีมงานที่พูดคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติเก็บไว้หลายใบจนร่างของราชาเดินเข้ามาในเฟรมกล้องพร้อมกับอ้าปากหาวเล็กน้อย ท่าทางธรรมชาตินั่นไม่รอดมือของช่างภาพหนุ่มบนเรืออยู่แล้ว...เหมือนราชาจะรู้ตัวที่โดนถ่ายดวงตาคมสีน้ำตาลนั่นเลยเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะส่งยิ้มให้กล้อง นิ้วที่คาอยู่ที่ปุ่มชัตเตอร์เหมือนถูกสะกดให้กดรัวรูปพวกนั้นอย่างไม่ตั้งใจ
“รัวไปแล้วจ้าว”เสียงเรียกของอาวิทำให้เจ้าของกล้องรู้สึกตัวก่อนที่ใบหน้าขาวจะแดงขึ้นเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรลงไป...
สตอล์กเกอร์ธรรมดายังไม่กล้ารัวชัตเตอร์เท่าที่ผมทำเลย!
น่าอายจริงๆ
“ขอโทษครับ”ผมหันไปบอกอาวิ
“ไม่เป็นไร...อยากรู้จังว่าอะไรที่ทำให้เรารัวชัตเตอร์ได้ขนาดนั้น”คำตอบของคำถามนั่นผมได้แต่สงยิ้มแหะๆไปให้เท่านั้น
ใครจะกล้าบอกความจริงไปล่ะ...
ไม่มีทาง!
“สวัสดีครับอาวิ...สวัสดีข้าวจ้าว...ตื่นเช้าจังนะ”คำทักทายจากราชาดังขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“สวัสดี...พอดีอาอยากถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นน่ะไม่อยากมาคนเดียวเลยปลุกจ้าวให้มาด้วย”อาวิหันไปทักทายราชาเช่นกัน
“แล้วได้รูปดีๆไหมครับ?”
“ได้เยอะอยู่แต่ไม่เท่าจ้าวหรอก”
“อาวิ...”คำพูดที่พาดพิงทำให้เหงื่อผมเริ่มไหล
“ทำไมครับ?”ราชาถามกลลับอย่างสนใจ
“ก็จ้าวเล่นรัวชัตเตอร์ถ่ายเลยนี่นา”
“รัวชัตเตอร์?”
“ปกติช่างภาพอย่างเราจะไม่รัวชัตเตอร์ถ้าไม่คิดว่าสิ่งที่จะถ่ายตรงหน้าน่าสนใจจริงๆ”ยิ่งอาวิพูดก็เหมือนหน้าผมยิ่งขึ้นสีด้วยความอาย
“หมายความว่ายังไงครับ?”ราชายังคงถามต่อ
พอเถอะทั้งคู่...ได้โปรดเถอะ
คนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนากรีดร้องในใจพร้อมภวนาให้มีอะไรสักอย่างขัดการสนทนานี่สักที
“...อธิบายง่ายๆก็การที่เรารัวชัตเตอร์ก็หมายความว่าเราอยากจะถ่ายทุกการกระทำหรือแม้แต่การเคลื่อนไหวที่เล็กน้อยเอาไว้ไม่ให้พลาดแม้แต่ช๊อตเดียว”
“พะ...พอเถอะอาวิ”ผมรีบกระตุกชายเสื้อของอาเบาๆถ้าขืนพูดมากกว่านี้ผมคงระเหยกลายเป็นไอแน่
“อยากเห็นรูปนั้นจัง...ขอผมดูได้ไหม?”ราชาหันมาถามผมพร้อมกับมองมายังกล้องตัวโปรดที่อยู่ในมือ
รอยยิ้มของอีกฝ่ายเหมือนกำลังกลั่นแกล้งให้ผมเขินเล่น
เขาต้องรู้แน่ว่ารูปที่ว่าก็คือรูปที่ถ่ายตัวเขานั่นแหละ
“...ไม่ได้”
RACHA’s part
“ก็อยากเห็นนี่นา”ผมยังคงตื้อด้วยความอยากรู้ ถึงแม้จะพอเดาได้ก็ตามว่าภาพอะไรที่อีกฝ่ายถึงกลับรัวชัตเตอร์แบบนั้น...
ถ้าให้เดาเข้าข้างตัวเองก็กล้าบอกเลยว่าต้องเป็นรูปที่ผมส่งยิ้มให้กล้องของข้าวจ้าวก่อนขึ้นเรือแบบไม่ต้องสงสัย ตอนแรกอาจไม่รู้แต่ใบหน้าที่ค่อยๆขึ้นสีทีละนิดเมื่ออาวิเริ่มอธิบายนั่นทำให้ผมมั่นใจ
“...คือ...ผม”
อยากรู้จังว่าครั้งนี้จะแก้ตัวยังไง
การได้แหย่หรือแกล้งข้าวจ้าวแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“อะไร?”ผมยังคงถามย้ำ
“ผม...ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ!”เสียงนุ่มของช่างภาพตะโกนขึ้นเสียงดังก่อนจะวิ่งเข้าไปในตัวเรืออย่างรวดเร็วท่ามกลางความงุนงงของคนที่อยู่รอบๆ
“ฮะฮะฮะ...”คนอื่นอาจงงแต่ผมกลับหลุดหัวเราะออกมาแทน
ถึงขนาดต้องหนีไม่เข้าห้องน้ำเลยงั้นเหรอ?
เดาทางไม่ออกจริงๆข้าวจ้าว
“ดูท่าเธอจะสนิทกับจ้าวมากนะ”เสียงทุ้มของช่างภาพมืออาชีพพูดขึ้นก่อนจะคลี่ยิ้มส่งมาให้
“ก็พึ่งได้สนิทกันไม่นานมานี้ครับ...แต่ดูเหมือนเขาจะเลี่ยงๆผมยังไงไม่รู้”ผมบอกไปตามที่คิด
ยิ่งพยายามเข้าใกล้กลับถูกถอยหนี...เหมือนกับจะบอกให้ผมหยุดอยู่ในที่ตรงนี้ของตัวเองอย่าได้ก้าวเข้าไปใกล้มากกว่านี้
“อาไม่ได้มองว่าเป็นแบบนั้นนะ”
“ครับ?”ผมหันไปสบตากับชายตรงหน้าทันทีที่ได้ยิน
“อามองว่าจ้าวอยากสนิทกับเธอมากอาจเป็นเพราะจ้าวเป็นเด็กขี้อายมากกับคนที่อยากสนิทด้วยถ้าเป็นคนปกติเขาจะทักทายและพูดคุยได้ปกติ...อาพึ่งเคยเห็นจ้าวอายขนาดนี้ครั้งแรกเลย”
“อาวิรู้ได้ไงครับ?”ผมอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“พ่อกับแม่ของจ้าวบอกมาน่ะ...พวกเขาเป็นห่วงลูกชายที่ต้องมาทำงานไกลบ้านเลยฝากฝังให้ดูแลหน่อย”คำอธิบายนั่นทำให้ผมรู้จักอีกฝ่ายมากขึ้น
ท่าทางแบบนั้นไม่ได้รำคาญหรืออยากเลี่ยงสินะ
“อ้อ...อามีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย”
“ครับ?”
“เธอเก่งดำน้ำรึเปล่า?”
“ครับ...ผมเรียนมาและเคยดำอยู่หลายครั้ง...ทำไมเหรอครับ?”ผมเอ่ยถาม
“งั้นอาฝากจ้าวหน่อยละกัน”
“ครับ?”ชื่อของบุคคลที่3ทำให้ผมงงหนักกว่าเดิมว่าอาวิต้องการอะไร
“จ้าวดำน้ำไม่เก่งน่ะ”ประโยคสั้นๆที่ดังดังขึ้นทำให้ผมเข้าใจทุกอย่างได้ในทันที
“ถ้าไม่ยังไม่เก่งก็ไม่ควรให้ลงดำน้ำลึกนะครับ”ผมบอกออกไป การดำน้ำอาจดูเหมือนเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายๆแต่ในความจริงต้องมีทั้งการอบรม การฝึกและการสอบกว่าจะได้รับไปอนุญาตในการดำน้ำมา
คนที่ไม่มีใบอนุญาตจะไม่ได้รับการยอมรับให้ดำน้ำได้
และถึงจะมีใบอนุญาตแต่การดำนำก็ควรจะเริ่มตั้งแต่ตื้นๆสักสองสามครั้งก่อนจะเปลี่ยนไปในระดับลึกขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการดำน้ำ
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก...จ้าวดำน้ำครั้งล่าสุดกับอาเมื่อไม่นานมานี้แต่ถึงจะเคยดำมาก่อนแต่ก็ดูยังไม่ค่อยชินเท่าที่ควร...อาเลยอยากให้ช่วยเป็นคู่ดำกับจ้าวหน่อย”อาวิอธิบายให้ฟัง
“เข้าใจแล้วครับ”ถ้ามีประสบการณืมาพอสมควรก็ค่อยโล่งใจหน่อย
เมื่อรับปากแล้วก็ต้องทำให้ได้ ยังไงทีมงานก็ไม่น่าจะให้ดำน้ำเดี่ยวๆอยู่แล้ว...ดังนั้นรอให้ถึงตอนที่หาคู่ผมค่อยเข้าไปหาข้าวจ้าวก็ยังทัน
เรือขนาดกลางเคลื่อนออกจากชายฝั่งจนไปถึงยังสถานที่ดำน้ำขึ้นชื่อในเวลาไม่นาน...ทุกคนที่จะดำลงไปเปลี่ยนชุดกับเรียบร้อยรวมทั้งคนที่ผมได้รับฝากด้วย
“เดี๋ยวเราจะแยกกันไปนะครับ...ทางผมจะถ่ายภาพเคลื่อนไหวใต้น้ำกับผู้ช่วยอีก3คน...คุณวิสุธกับผู้ช่วยก็ตามสบายเลยนะครับ”เสียงของหัวหน้าทีมดังขึ้นก่อนจะหันไปเตรียมพร้อมอุปกรณ์ของตนเอง
ทางทีมงานเล่นให้จัดการตัวเองแบบนี้ผมจะเข้าไปคุยกับข้าวจ้างยังไงดีล่ะ?
ผมหันไปมองข้าวจ้าวในชุดรัดรูปสีดำสำหรับดำน้ำเพื่อรอดูว่าอีกฝ่ายจะขอให้ใครมาเป็นคู่ดำน้ำให้ไหมแต่เท่าที่เห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งปรับกล้องในมืออย่างเชื่องช้าราวกับคุ้นชินกับสิ่งที่กำลังจะทำงั้นแหละหรือข้าวจ้าวคิดว่าตัวเองสามารถดำน้ำลึกได้ด้วยตัวคนเดียว
“...ราชา”ระหว่างที่กำลังสับสนเจ้าของร่างโปร่งของข้าวจ้าวก็มาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเรียกชื่อผมเบาๆ...
“ข้าวจ้าว?”
“...คือ...ดำน้ำเก่งไหม?”
“เก่งสิ...ผมดำบ่อยเลยล่ะ...ทำไมเหรอ?”คำถามที่ได้ยินทำให้คนฟังต้องกลั้นยิ้มเอาไว้พร้อมกับตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งๆ
สุดท้ายข้าวจ้าวก็เดินมาหาเองทั้งๆที่ผมกำลังคิดว่าจะเข้าไปพูดกับอีกฝ่ายยังไงดี
เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
“เอ่อ...ถ้ายังไงช่วย...”
“ช่วย?”ไม่ได้เร่งนะแค่อยากได้ยินคำต่อไปเร็วๆ
“...ช่วยเป็นบัดดี้ผมในการดำน้ำได้ไหม?...ผมดำไม่ค่อยเก่งแต่อยากลงไปถ่ายรูปใต้น้ำน่ะ”
“...”พอได้ยินคำพูดผมก็คลี่ยิ้มกว้างออกมาจนคนตรงหน้าขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ว่าจะกลั้นยิ้มไว้แต่ก็ไม่ไหวจริงๆ
คนอะไรถึงได้ทำตัวน่ารักแบบนี้นะ
“ราชา...”
“ได้สิ...แน่นอนเลย”มันคงไม่แปลกที่ผมจะยิ้มแต่การยิ้มครั้งนี้ดูแตกต่างไปเหมือนได้รับการยอมรับขึ้นมาอีกนิด คำขอของข้าวจ้าวทำให้ผมรีบลากอีกฝ่ายมายังด้านข้างของเรือทันที
“ต้องถอดแว่นออกนะ...ข้าวจ้าวจะมองเห็นไหมเนี่ย?”ผมถามออกไปเมื่อนึกได้ว่าต้องถอดแว่นนี่นา
“ไม่เป็นไร...ผมไม่ได้สายตาสั้นขนาดนั้น”
“งั้นก็ถอดแว่นออกแล้วใส่หน้ากากดำน้ำก่อน”ผมอธิบายพร้อมยื่นหน้ากากดำน้ำไปให้
“ขอบคุณ”ข้าวจ้าวบอกก่อนจะรับจากมือผมไปแล้วหันหลังเดินไปจัดการใส่ให้เรียบร้อย
ผมเองก็จัดการเตรียมตัวอย่างทั้งหน้ากากดำน้ำ ตีนกบ ถังออกซิเจนและพวกไฟฉาย ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย...เพื่อความปลอดภัยผมได้สอนพื้นฐานในการดำน้ำคร่าวๆให้ข้าวจ้าวฟังอีกครั้งซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจก่อนพวกเราจะกระโดดลงไปในทะเล
ผมที่เคยชินกับการดำน้ำหันไปมองคนด้านข้างที่ดูเกร็งตัวเล็กก่อนจะตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆเป็นการบอกว่าไม่เป็นไร ปล่อยเวลาผ่านไปสักพักร่างของข้าวจ้าวก็ลงมาใต้พื้นทะเลด้วยการดึงของผม...เมื่อคนด้านข้างเริ่มคุ้นชินก็หยิบกล้องขึ้นมาก่อนจะถ่ายภาพรอบๆ
ความลึกของการดำน้ำครั้งนี้ไม่ได้มากเท่าไหร่ถือเป็นความลึกที่สามารถดำได้โดยไม่เป็นอันตราย...ผมเคยดำที่ลึกกว่านี้มาก่อนเลยค่อนข้างมีประสบการณ์อยู่พอสมควร
พวกเราใช้เวลาสักพักใหญ่ในการดำลงไปจนเท้าสามารถเหยียบพื้นทรายได้...ข้าวจ้าวดูจะชอบมากเพราะดวงตาสีเขียวปนเทานั่นทอประกายแห่งความสุขอยู่เสมอจนผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไป การดำน้ำเป็นสิ่งที่ผมทำได้และค่อนข้างชอบการที่ได้มองจากใต้ทะเลขึ้นไปยังด้านบนให้ความรู้สึกที่ดีมากและมากขึ้นเมื่อได้เห็นดวงตาคู่สวยของข้าวจ้าวจ้องมองมาเหมือนเด็กๆ
ใต้ท้องทะเลนี้คงทำให้เขาลืมไปละมั้งว่าคนที่กำลังจับแขนตัวเองลากลงมาเป็นคนที่แอบชอบและมักจะเขินอายอยู่ตลอดเวลาที่เข้าใกล้
การดำน้ำสิ้นสุดลงเมื่ออากาศในถังออกซิเจนใกล้หมดแล้ว ร่างของเราทั้งคู่โผล่ขึ้นมาด้านข้างเรือที่มีบันไดให้เกาะขึ้นไปได้...ผมหันไปมองข้าวจ้าวที่หอบเล็กน้อย สองมือของเขาถอดหน้ากากดำน้ำออกก่อนจะสะบัดเส้นผมสีน้ำตาลนั่นไปมา
ผมมองภาพนั้นก่อนจะยิ้มออกมาบางๆแต่ทันทีที่ดวงตาคู่สวยลืมขึ้นโดยไม่มีแว่นหรือหน้ากากปกปิดทำให้ดวงตาคมสีน้ำตาลเบิกกว้างขึ้นด้วยความตะลึงในสิ่งที่เห็น...
ใบหน้าตอนไร้กรอบแว่นทำให้ช่างภาพหนุ่มดูดีขึ้นมากว่าปกติเป็นกอง
“ราชา”เสียงนุ่มที่เรียกชื่อทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย
“อะ...อะไร?”เป็นครั้งแรกที่ตัวเองพูดจาติดขัดแบบนี้
“ขอบคุณนะ”คำพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างของข้าวจ้าวทำให้หัวใจที่สงบนิ่งเต้นเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
คำพูดขอบคุณแสนธรรมดากลับไม่ธรรมดาเมื่อช่างภาพที่ชื่อข้าวจ้าวเป็นคนพูด
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจ้องใบหน้าอีกฝ่ายนานขนาดไหน
รู้แค่ว่าตอนนี้ตัวเองเริ่มผิดปกติเข้าไปทุกที
.........................................................................................
สวัสดีค่ะ
มาอัพต่อแล้วนะ
ตอนนี้เราเปลี่ยนการใช้ภาษาตามคำแนะนำที่ได้มา...ลังเลอยู่ว่าจะใช้เป็นสีหรือเขียนเป็นพาร์ทดีสุดท้ายก็เลือกแบบนี้เพราะเร็วกว่าในการอัพนิยาย(555+)
จากการที่ทำแบบนี้ทำให้รู้จุดอ่อนของการเขียนของตัวเอง...อย่างที่หลายๆคนเห็นว่าตอนนี้สลับกันไปมา...ทำให้อ่านแล้วค่อนข้างงงอยู่พอสมควร ตอนหน้าไม่สลับไปมาแบบตอนนี้แล้วค่ะ(แต่ก็มีสลับอยู่นะ55)
เปลี่ยนเรื่องพูดกันดีกว่า...ในตอนนี้ราชาเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองแปลกไป
เรามารอดูกันว่าครั้งหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
ขอขอบคุณทุกๆคำติชมนะคะ...เราอาจจะไม่ได้ตอบในหลายๆเม้นต์แต่เราอ่านทุกเม้นต์น้าา
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังใจที่มีให้ด้วยค่ะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪