[เรื่องสั้น] รักหมดใจนายขี้เหร่[จบ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] รักหมดใจนายขี้เหร่[จบ]  (อ่าน 22218 ครั้ง)

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2018 21:51:09 โดย missyaoi »

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1

รักหมดใจนายขี้เหร่
By : missyaoi



เคยมีคนมากมายมาตั้งคำถามกับผม ว่าทำไมนายพัฒน์คนนี้ ที่เป็นถึงเดือนคณะสถาปัตย์แถมยังพ่วงด้วยตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่สองถึงได้ไปหลงรักรุ่นพี่คณะแพทย์ปีสี่ผู้ไม่มีอะไรโดดเด่น ผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นคนขี้เหร่ได้ ผมไม่ได้ตอบพวกเขาเหล่านั้นไป เพราะผมเองก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้. . .

อาจจะเป็นเพราะเขาเคยกางแขนผอมๆ ของตัวเองเพื่อปกป้องผมจากพวกนักเลง ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นผมเองที่ต้องพาเขาวิ่งหนีพวกมัน. . .

อาจจะเป็นเพราะเขามีมืออุ่นๆ ที่คอยปลอบประโลมยามที่ผมร้อนเป็นไฟ. . .

อาจจะเป็นเพราะเขามีรอยยิ้มที่มอบให้ผมเสมอเวลาที่ผมไม่มี. . .

อาจจะเป็นเพราะเขาใจดีคอยตามใจและเอาใจใส่. . .

อาจจะเป็นเพราะเขามีอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น. . .

หรือแท้ที่จริงแล้ว อาจจะเป็นเพราะผมรักทุกอย่างที่เป็นนนท์. . .ผู้ไม่มีอะไรโดดเด่น




!!สวัสดีจ้า ลง intro เช็คกระแสตอบรับก่อน ถ้าดีจะรีบลงนะ เรื่องสั้นไม่กี่ตอนจบจ้า สั้นๆ!!



ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17

ออฟไลน์ ZaRa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ZaRa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
ชอบมากกกก อยากอ่านแนวนี้  :m3:
แบบพระเอกรักนายเอกที่จิตใจที่งดงามไม่ใช่หน้าตา
แค่อินโทรก็ชวนซึ้งแล้วค่ะ อยากอ่านต่อแล้ว
อยากอ่านเป็นเรื่องยาวด้วยค่ะ  แนวแบบนี้ไม่ค่อยมีให้อ่านเลย
รอนะคะ :impress:

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1


[1]


“นนท์. . .พรุ่งนี้ไปเดทกันนะ” ผมพูดพร้อมกับทิ้งตัวลงไปทาบทับคนที่นอนคว่ำอ่านหนังสือคร่ำเครียดอยู่บนเตียง พรุ่งนี้วันอาทิตย์ แน่นอนว่าเป็นวันหยุดแต่มันใช้ไม่ได้กับผู้ชายคนนี้ เพราะว่าเขาเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สี่แล้ว ถึงเป็นวันอาทิตย์ แต่ถ้าตรงกับที่เขาต้องเข้าเวรที่โรงพยาบาล เขาก็ไม่ได้หยุดหรอก ผมเคยไม่เข้าใจ ผมเคยถามเขาว่าทำไมพวกหมอต้องทำอะไรขนาดนั้น มืออุ่นๆ นั่นก็ลูบหัวผมอย่างใจเย็น เสียงทุ้มนุ่มอย่างที่ผมชอบ อธิบายให้ฟังว่า. . . ‘คนป่วยมีทุกวัน การเจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีวันหยุด เมื่อเลือกแล้วว่าจะทำหน้าที่ช่วยเหลือคนเหล่านั้น นั่นหมายถึงว่าจะต้องทำใจกับการมีวันหยุดแค่น้อยนิด เพื่อรักษาให้อีกหลายชีวิตได้มีวันพรุ่งนี้’ . . .  ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมก็ยังไม่เข้าใจในทันที แต่พอผมได้เห็นรอยยิ้มและดวงตาที่เป็นประกายของเขาตอนที่รักษาคนไข้ของตัวเองได้สำเร็จ ผมรู้ตอนนั้นเองว่าคนรักของผมมีความสุขกับการเสียสละนี้จริงๆ และผมเองก็มีความสุขมากจริงๆ ที่ได้เห็นเขามีความสุข

นนท์. . .นั่นคือชื่อของเขา

นนท์เป็นผู้ชายที่ไม่ได้ตัวเล็ก น่าจะซักประมาณร้อยเจ็บสิบปลายๆ แต่กลับมีน้ำหนักที่น้อยนิดเพราะตัวที่ผอมบาง สวมแว่นตาหนาเตอะ ใส่เหล็กจัดฟันสีฟ้าน้ำทะเล ตัวขาวเหมือนจะเรืองแสง หน้าตาไม่โดดเด่น ทุกๆ อย่างที่รวมกันเป็นนนท์มักจะถูกผู้คนเรียกรวมๆ ว่า. . .ขี้เหร่. . .ผมว่ามันไม่จริงเลยสักนิด เพราะนนท์ไม่ได้ขี้เหร่ เขาแค่ไม่โดดเด่น ไม่มีอะไรสะดุดตา แต่คนพวกนั้นไม่รู้ว่าที่จริงแล้วนนท์มีดีมากกว่าที่เขาเห็นขนาดไหน

ผิวนนท์ที่ลื่นมือ. . .
ตานนท์ที่มีสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกาย. . .
นนท์ที่ยิ้มสวย. . .
นนท์ที่ยิ้มเก่ง. . .
นนท์ที่ใจดี. . .
นนท์ที่ใจเย็น. . .
นนท์ที่เสียสละ. . .
นนท์ที่ขยัน. . .
นนท์ที่กล้าหาญ. . .

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คนที่มองนนท์ว่าขี้เหร่ ไม่มีอะไรโดดเด่นไม่เคยได้เห็น ไม่เคยได้รู้. . .แต่ผมได้สัมผัสมัน

เคยมีคนมากมายมาตั้งคำถามกับผม ว่าทำไมนายพัฒน์คนนี้ ที่เป็นถึงเดือนคณะสถาปัตย์แถมยังพ่วงด้วยตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่สองถึงได้ไปหลงรักรุ่นพี่คณะแพทย์ปีสี่ผู้ไม่มีอะไรโดดเด่น ผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นคนขี้เหร่ได้ ผมไม่ได้ตอบพวกเขาเหล่านั้นไป เพราะผมเองก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้. . .

อาจจะเป็นเพราะเขาเคยกางแขนผอมๆ ของตัวเองเพื่อปกป้องผมจากพวกนักเลง ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นผมเองที่ต้องพาเขาวิ่งหนีพวกมัน. . .

อาจจะเป็นเพราะเขามีมืออุ่นๆ ที่คอยปลอบประโลมยามที่ผมร้อนเป็นไฟ. . .

อาจจะเป็นเพราะเขามีรอยยิ้มที่มอบให้ผมเสมอเวลาที่ผมไม่มี. . .

อาจจะเป็นเพราะเขาใจดีคอยตามใจและเอาใจใส่. . .

อาจจะเป็นเพราะเขามีอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น. . .

หรือแท้ที่จริงแล้ว อาจจะเป็นเพราะผมรักทุกอย่างที่เป็นนนท์. . .ผู้ไม่มีอะไรโดดเด่น

“แต่วันจันทร์นนท์มีเทสต์ย่อยนี่นา”  นนท์ปิดหนังสือวางไว้ที่หัวเตียง พลิกตัวนอนหงาย มือก็ลูบหัวผมที่นอนเกยบนอกเขาอยู่ เขาเรียกตัวเองว่านนท์อย่างที่ผมขอให้เรียก ถึงแม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าผมถึงสองปี แต่แล้วยังไง. . .ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากเรียกแฟนตัวเองว่าพี่หรอก

“โธ่นนท์ แค่ไปกินข้าวเย็นด้วยกันก็ได้. . .นะ. . .นะครับ”  ผมอ้อน นนท์แพ้ลูกอ้อนของผม ผมรู้ดีที่สุด เพราะตอนนี้เขากำลังมีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร สอบก็สำคัญ ผมก็สำคัญ เขากำลังคิดหนักว่าจะให้ความสำคัญกับสิ่งไหนก่อน  “นนท์ครับ. . .”  ผมเรียกพร้อมกับขยับขึ้นไปเพื่อสบตา  “นะ. . .”  เพิ่มลูกอ้อนอีกนิดหน่อย ส่งสายตาหมาหงอยไปให้ เชื่อเถอะ เขาทนได้อีกไม่นานหรอก

“ก็ได้ครับ. . .ก็ได้”  เห็นมั้ย. . .

ผมยิ้มกว้างก้มลงไปหอมแก้มเขาดังฟอด แต่เหมือนว่าพอได้แล้วผมก็อยากได้อีก ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา เพราะผมเอื้อมมือไปดึงแว่นออกจากหน้าเขาวางไว้ที่หัวเตียงใกล้ๆ กับหนังสือเล่มที่ถูกวางไว้อยู่ก่อน ก้มหน้าลงไปจนริมฝีปากเกือบชิดกัน

“อ๊ะ. . .พัฒน์ เดี๋ยวพรุ่งนี้นนท์ตื่นไม่ไหวน้าาาา”  เขาว่าเสียงอ้อน ผมก้มลงไปจุ๊บริมฝีปากเขาเร็วๆ

“นิดเดียวเอง ไม่ได้ทำตั้งนานแล้วนะ นนท์ไม่ว่างตลอดเลยอ่ะ พัฒน์คิดถึง”  ผมอ้อนอีก รู้มั้ยครับ ผมไม่ได้กอดเขามาตั้งสองเดือนแล้วน่ะ ขนาดเพิ่งขึ้นปีสี่เทอมแรกเอง เขาก็ไม่ว่างตลอด ทั้งอ่านหนังสือ ทั้งสอบย่อย ทั้งเข้าเวรเข้าแล็ป วอร์ดนู่น ราวน์นี่ ผมจะตายอยู่แล้วววววว แต่ถ้าจะไปหาเอาข้างนอก. . .ไม่มีทางหรอกครับ ผมรักนนท์มากเกินกว่าที่จะทำให้เขาเสียใจได้

“ระ. . .รอบเดียวนะ”  เขาว่า พร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นมากั้นระหว่างปากผมกับปากเขาไปด้วย

“สอง. . .”  ผมต่อรอง

“ง่า. . .”  เขาโอดครวญ

“น่า. . .นะ”

“ก็ได้. . .”  เขาตอบเสียงอ้อมแอ้ม แก้มขึ้นริ้วแดงก่ำ ผมยิ้ม คว้ามือเขาที่ยังยกนิ้วชี้ค้างไว้ให้เปลี่ยนมาคล้องคอผมแทน พอผมทำอย่างนั้นมืออีกข้างของเขาก็คล้องคอผมเองอัตโนมัติ

น่ารักจังเลยน้าาาา แฟนใครเนี่ย

ผมก้มลงจูบปากสีสดเบาๆ ค่อยๆ ขบเนิบนาบไม่ได้เร่งรีบที่จะสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากหวาน อยากจะใช้ลิ้นค่อยๆ ไล้เลียริมฝีปากนุ่มให้พอก่อน นนท์หอบหายใจแรงเพราะอารมณ์วาบหวามที่ผมสร้างขึ้น เขาไม่ได้หลับตาลงเช่นเดียวกับผม เราทั้งสองคนสบตากันอยู่อย่างนั้น จนเมื่อเขาเผยอปากขึ้นเป็นเชิงอนุญาตผมก็สอดลิ้นเข้าไปควานหาความหวานข้างในทันที เริ่มจากจูบที่หวานจนแทบละลายค่อยๆ เปลี่ยนเป็นจูบเร่าร้อนสร้างอารมณ์รักให้โหมกระพือเรียกเสียงครางแผ่วๆ ในลำคอ

ผมถอนจูบออกเพื่อเปลี่ยนองศาให้จูบของเราแนบแน่นกว่าเดิม นอนตะแคงใช้ศอกยันเตียงไว้ มือซ้ายที่ว่างอยู่ค่อยๆ ไล้ไปทั่วสีข้างของเขา ก่อนจะสอดมือเข้าไปในเสื้อเพื่อสัมผัสกับเนื้อของเขาโดยตรง พอมือผมไปปัดโดนหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อนิดหน่อยของเขา นนท์ก็เกร็งหน้าท้องเชิดหน้าขึ้นอัตโนมัติ แต่ผมไม่หยุด สอดมือเข้าไปในกางเกงเขาเพื่อเล่นกับส่วนน่ารัก นนท์ครางอื้ออึงเพราะปากเขาโดนผมจูบอยู่ไม่ปล่อย

ผมลุกขึ้นนั่ง นนท์ก็ลุกขึ้นตามเหมือนกัน ผมดึงเขาขึ้นมานั่งตัก เขาค่อยๆ ใช้มือสั่นๆ ปลดกระดุมชุดนอนของผมช้าๆ โดยที่ผมเองก็ไซ้ซอกคอเขาเขาไปด้วย นนท์ช่างน่ารักขาดใจ เพราะเขาให้ความร่วมมืออย่างดีด้วยการเอียงคอให้ผมสัมผัสเขาง่ายยิ่งขึ้น ผมขบเม้มสร้างรอยรักสีสวยสองสามรอยพอให้ไม่น่าเกลียดเกินไป ก่อนจะเปลี่ยนไปไล้จูบเบาๆ ลงมาที่ลาดไหล่ขาวแทน

พอเสื้อหลุดออกจากตัวเผยให้เห็นกล้ามเนื้อของผมชัดเจน นนท์ก็หน้าแดงซ่านจนผมอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มเขาหนักๆ และเอ่ยแซว

“เห็นทุกวันยังไม่ชินอีกหรอครับ หืม?”  พูดไปก็หอมแก้มไป ได้ยินเขาพึมพำเบาๆ ว่าคงไม่มีวันชิน หึหึ  “จับตรงนี้สิครับ มันต้องการนนท์นะ”  ผมพูดพร้อมกับจับมือของเขาให้สัมผัสกับตัวตนของผมไปด้วย นนท์หน้าแดงกว่าเดิม แต่ก็ยอมใช้มือลูบเบาๆ ผ่านเนื้อผ้าราวกับกลัวว่ามันจะหัก

“ทะ. . .ทำไมแข็งเร็วนักล่ะ”  เขาถามเสียงสั่น

“แข็งตั้งแต่นอนทับนนท์ตอนแรกแล้วครับ”  ผมกระซิบข้างหูเขาพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ นนท์ตีไหล่ผมเบาๆ กลบเกลื่อนความเขิน

“เด็กทะลึ่ง”

“หึหึ ช่วยไม่ได้ ก็นนท์น่ารักนี่นา”  ผมเย้ามือก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เขาชอบใส่นอนไปด้วย แค่ปลดกระดุมเท่านั้น ผมชอบกอดเขาแบบที่เขายังใส่เสื้ออยู่ มันเซ็กซี่จนผมแทบละสายตาไปไม่ได้ ผมก้มลงขบเม้มยอดอกข้างหนึ่งของเขา อีกข้างก็ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางคีบสะกิดไปด้วย นนท์แอ่นอกเชิดหน้าส่งเสียงครางอย่างเผลอไผล นั่นทำให้ผมสัมผัสกับตุ่มสีสวยนี่ง่ายยิ่งขึ้น มืออีกข้างผมก็ไม่ให้มันว่างงาน ผมถอดทั้งกางเกงขาสั้นที่นนท์ชอบใส่นอนพร้อมๆ กับชั้นในสีขาวตัวบาง เขาเองก็ให้ความร่วมมือยกสะโพกขึ้นให้ผมถอดง่ายๆ ก่อนที่ผมจะผละออกจากเขาเพื่อถอดกางเกงนอนของตัวเองออกเหมือนกัน

ผมนั่งลงอีกครั้ง นนท์ก็เข้ามานั่งคร่อมตักทันทีอย่างรู้งาน ผมไล้จูบซุกไซ้ซอกคอเขาอีกครั้ง มือก็รั้งท่อนเนื้อของผมกับเขาเข้าไว้ด้วยกัน ค่อยๆ ชักรูดขึ้นลงอย่างชำนิชำนาญ

“อ่าห์. . .”  เสียงครางต่ำหลุดออกจากลำคอของเรา ผมเร่งมือให้เร็วขึ้นเมื่อใกล้จะถึงจุด นนท์เบียดร่างเขาเข้าหาผมมากกว่าเดิมเมื่อความเสียวมีมากขึ้น มือของเขาที่คล้องคอผมอยู่ก็กดหน้าผมให้สัมผัสเขามากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

“อึ่ก. . .พัฒน์ นนท์จะไป. . .อึ่ก”  นนท์พูดเสียงกระท่อนกระแท่น ผมเร่งมือเร็วขึ้น นนท์แอ่นตัวเชิดหน้าขึ้นเพราะความเสียวซ่าน ผมได้โอกาสเลยไล้ลิ้นรัวตรงเม็ดตุ่มตรงอกสร้างความเสียวท่อนบนให้เขาไปด้วย

“อ่าห์. . .นนท์ พร้อมกัน. . .อึ่ก. . .นะ”  ผมบอก เร่งมือรัวเร็วจนเราทั้งสองคนปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือของผม

“อ่าห์. . .”
“อ่าห์. . .”

ผมหอมแก้มเขาอีกครั้ง ค่อยๆ ดันร่างนนท์ให้นอนลงกับเตียง ใช้หมอนสอดรองใต้สะโพกจนลอยขึ้นมา แยกขาทั้งสองข้างของเขาออกก่อนที่จะแทรกร่างเขาไปแทนโดยไม่ลืมคว้าเจลที่หัวเตียงติดมือมาด้วย โนคอนดอมครับ เพราะเราสองคนผัวเดียวเมียเดียวมาตลอด ก่อนที่จะมีครั้งแรกเราก็ไปตรวจเลือดกันมาเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ไม่ไว้ใจแต่เพื่อความปลอดภัยของเราทั้งสองคน อย่างน้อยก็กันไว้ดีกว่าแก้

“อย่าเกร็งนะครับ”  ผมบอกถึงไม่ใช่ครั้งแรก แต่นนท์ก็ยังไม่เดียงสากับเรื่องพวกนี้อยู่ดี เวลาเมคเลิฟกัน ผมจะใจเย็นเตรียมตัวให้เขาพร้อมที่สุดเสมอ ดังนั้นผมจึงบีบเจลใส่มือจนชุ่ม ปาดที่ช่องทางของเขา ก่อนจะค่อยๆ สอดนิ้วแรกเข้าไป  “ถ้าเจ็บจะข่วนจะกัดพัฒน์ก็ได้นะ” 

“อึ่ก. . .พัฒน์”  นนท์เกร็งตัวทั้งที่นิ้วของผมยังเข้าไปไม่สุดด้วยซ้ำ อาจเพราะห่างหายกันไปพอสมควร นนท์ถึงได้มีอาการเกร็งแบบนี้ ผมยืดตัวขึ้นไปหอมแก้มเขา ก่อนจะไล้ริมฝีปากจากพวงแก้มมาที่ปากนุ่มอีกครั้ง ค่อยๆ จูบปลอบประโลมให้เขาลืมความเจ็บปวดจากด้านล่าง เมื่อเขาผ่อนคลายดีแล้วผมดันนิ้วเข้าไปจนสุด หมุนคว้านข้างในร่างของเขา ก่อนจะเพิ่มนิ้วเข้าไปจนเป็นสามนิ้ว ดึงเข้าดึงออก หมุนควงจนช่องทางตอดรัดชินกับสิ่งแปลกปลอม  นนท์ซุกหน้าเข้ากับซอกคอผมเมื่อถอนจูบออก แขนทั้งสองข้างก็จับไหล่ผมแน่น

“อ่าห์. . .พัฒน์ ตรงนั้น. . .อึ่ก เสียว”  นนท์ร้องลั่นเมื่อนิ้วของผมไปโดนเข้ากับจุดกระสันภายในร่างกาย ผมยิ้ม ก่อนจะย้ำไปที่จุดนั้นซ้ำๆ จนร่างของนนท์บิดเร่า หน้าเหยเกเพราะความเสียว

“จะเข้าแล้วนะครับ”  ผมถอนนิ้วออก นนท์พยักหน้ารับ ผมจึงจ่อแก่นกายของตัวเองไปที่ช่องทางรักของเขา แต่ยังไม่ใส่เข้าไปในทันทีทั้งๆ ที่ตัวเองก็ต้องการจนปวดตุบๆ ไปหมด เหมือนจะระเบิดอยู่รอมร่อ  แต่ความอยากแกล้งมันมีมากกว่าผมหมุนวนที่ปากทางนั่นจนเหมือนเขาทนไม่ไหวส่งค้อนมาให้ผมวงเบอเริ่ม ผมขำในลำคอเบาๆ ก่อนจะสอดร่างเข้าไปในช่องทางของเขา

“เดี๋ยวๆ พัฒน์ๆ”  เขาดันหน้าท้องห้ามผมทั้งๆ ที่ผมยังเข้าไปไม่สุด  “ค่อยๆ”  นนท์บอกพร้อมทั้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ผมหยุดก่อน จนเขาพยักหน้าอนุญาตผมถึงดันกายเข้าไปอีกครั้ง

“อ่าห์. . .สุดแล้ว. . .เข้าไปหมดแล้ว”  ผมครางต่ำเมื่อดันตัวเองเข้าไปได้จนสุด นนท์หน้าแหย ผมก้มลงไปจูบปากเขาครั้งอีกครั้งพร้อมทั้งขยับสะโพกเข้าออกในร่างกายเขาไปด้วย

“อ๊ะ อ๊ะ. . .พัฒน์. . .อึ่ก. . .เสียว”  ยิ่งได้ยินเสียงครางจากเขาผมก็ยิ่งกระแทกเข้าไปถี่แรงกว่าเดิมจนเสียงครางยิ่งดังขึ้น นนท์นอนครางหลังไม่ติดเตียง เล็บก็ข่วนหลังผมจนรู้สึกได้ถึงความแสบ อ่า ไม่อยากจะนึกภาพตอนอาบน้ำเลยไอ้พัฒน์เอ๊ย

ผมยังคงขยับร่างกายให้เข้าออกในช่องทางที่ตอดรัดจนผมแทบคลั่ง ข้างในตัวนนท์ทั้งร้อนทั้งนุ่ม จนผมแทบเสร็จแต่ก็พยายามกลั้นไว้เพราะอยากให้การร่วมรักระหว่างเรายาวนานยิ่งขึ้น มีอะไรกับนนท์กี่ครั้งก็ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนครั้งแรกเสมอ มันตื่นเต้น อยากจะรักเขาแรงๆ แต่ก็อยากจะทะนุถนอมเขาไปด้วย ตัวนนท์ที่ขึ้นสีแดงเรื่อบิดเร่าอยู่ใต้ร่างทำผมแทบตายเสียให้ได้ ผมไม่ใช่คนไม่ประสา แต่ยอมรับเลยว่าทุกครั้งที่ทำกับเขาผมตื่นเต้น อยากจะให้เขาประทับใจ อยากให้เรามีความสุขที่สุดที่ได้ร่วมรักกันแบบนี้

“อ๊ะ. . .พัฒน์. . .แรง. . .อึ่ก. . .แรงๆ”  เมื่อเขาขอมาผมก็จัดให้ ผมจัดการรวบขาทั้งสองข้างของเขามาพาดบ่า ก่อนจะเพิ่มสปีดในการขยับสะโพกจนหัวเขาสั่นคลอนไปหมด นนท์ครางลั่น โชคดีที่คอนโดของผมเก็บเสียง เราสามารถร้องครางเสียงดังเท่าไหร่ก็ได้กับความสุขสมที่เราได้รับจากกันและกัน

“อ๊ะ. . .อ๊ะๆๆ พัฒน์. . .พัฒน์ ไม่ไหว. . .จะ. . .ออก”  ยิ่งเขาพูแบบนี้ผมก็ยิ่งเร่งความเร็ว กระแทกกดย้ำไปที่จุดเสียว จนในที่สุดนนท์ก็ครางลั่นพร้อมกับปลดปล่อยน้ำรักออกมาทั้งๆ ที่ไม่ได้แตะต้องส่วนหน้าของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เมื่อเขาได้ปลดปล่อยแล้ว ช่องทางของเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นผมแทบแตกซะเดี๋ยวนั้น

“อึ่ก. . .อ่าห์”  และไม่นานผมขยับอีกสี่ห้าครั้งก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเต็มช่องทางโดยมีบางส่วนไหลย้อนออกมาตามง่ามขา ยิ่งเพิ่มควาเซ็กซี่เข้าไปใหญ่

 ผมทิ้งตัวลงนอนทับเขาโดยที่ส่วนนั้นยังเชื่อมกันอยู่ เราทั้งคู่ต่างหอบหายใจแรงเมื่อพายุอารมณ์ดับลง นนท์ใช้มือข้างเดียวของเขาลูบหัวผมเล่น เพราะมืออีกข้างของเขาโดนผมกุมไว้ไม่ปล่อย

“รักนนท์นะ. . .”

“รักพัฒน์เหมือนกันครับ”
.
.
.
.
.
“จะกินร้านนี้จริงๆ หรอพัฒน์”  นนท์ถามออกมาเมื่อเรามาถึงร้านอาหารที่ผมจะพาเขามาดินเนอร์ด้วยกัน

“ครับ. . .ก็นานๆ ทีน่า”  ผมบอก นนท์ทำท่าไม่อยากเข้าไป แต่พอผมบอกว่าจองโต๊ะแล้ว ไม่อยากยกเลิก เขาถึงยอม ที่นนท์ไม่อยากเข้าร้านนี้ไม่ใช่อะไรหรอก แต่เพราะร้านนี้ค่อนข้างหรู ซึ่งนนท์จะไม่ค่อยชอบให้ฟุ่มเฟือย แต่เพราะว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ ผมจึงอยากให้เราอยู่ด้วยกันในที่ที่พิเศษ

เมื่อเข้ามาในร้านแล้วเสียงแรกที่ได้ยินก็คือเสียงไวโอลินที่มีนักดนตรีมาเล่นสด พอมานั่งที่โต๊ะอาหารที่ผมสั่งไว้ตั้งแต่จองโต๊ะก็เข้ามาเสิร์ฟทันทีพร้อมไวน์รสชาติเยี่ยมอีกขวด โต๊ะที่ผมจองค่อนข้างเป็นส่วนตัว ห่างไกลจากคนอื่นเพราะผมต้องการให้วันนี้มีแค่เรา

“อร่อยมั้ย”  ผมถามเมื่อเห็นนนท์หั่นสเต็กเนื้อของโปรดเขาเข้าปากเป็นอย่างแรก แต่เอาเข้าจริงอาหารบนโต๊ะนี่ส่วนมากก็ของโปรดนนท์ทั้งนั้น

“อื้อ อร่อยมากเลย”  นนท์ตอบยิ้มๆ แล้วเราสองคนก็ทานอาหารกันไป คุยกันไป เล่าเรื่องนู่นเรื่องนี้ให้ฟังทดแทนช่วงเวลาที่ผ่านมาที่อาจจะขาดหายไปบ้าง แต่เรารู้อยู่แก่ใจว่าถึงแม้เราจะไม่ค่อยมีเวลาตรงกันแต่เราก็ยังคิดถึงกันเสมอ

“นนท์ครับ. . .จำได้รึเปล่าว่าวันนี้วันอะไร”  ผมลองเกริ่นถามเมื่อเรากินข้าวกันเสร็จแล้ว อันที่จริงก็ไม่คาดหวังว่าเขาจะจำได้อยู่แล้ว เพราะนนท์ค่อนข้างมีเรื่องให้คิดเยอะ โดยเฉพาะเรื่องเรียนที่สำคัญกับเขามาก

“หืม?. . .ก็วันอาทิตย์ไงพัฒน์”  เขาตอบหน้าซื่อ ผมก็ว่าอยู่แล้ว

“โธ่นนท์ วันพิเศษสิครับ. . .พิเศษ”  ผมลองกระตุ้นเขาอีก

“วันพิเศษ. . .อ๊ะ. . .พัฒน์”  นนท์เบิกตากว้างเหมือเพิ่งนึกขึ้นได้  “นนท์ลืมไปเลย. . .ขอโทษนะ”  เขาก้มหน้าลงเหมือนรู้สึกผิด ผมยกยิ้มนิดๆ ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาเขา ก่อนจะค่อยๆ นั่งยองๆ ลงให้ตัวเองอยู่ต่ำกว่าเขาเพื่อที่จะได้มองหน้ากันถนัดๆ

“นนท์ครับ ไม่เป็นไรนะ ลืมก็ไม่เป็นไร ต่อให้นนท์ลืมทุกปี พัฒน์ก็จะคอยอยู่เตือนนนท์ทุกปีเลยนะ”  ผมยิ้มให้เขา นนท์เงยหน้าขึ้นสบตาผม ดวงตาคู่นั้นรื้นไปด้วยน้ำตา ก่อนจะไหลลงมาอาบแก้ม ผมใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อตัวเอง พอผมเปิดกล่องออก นนท์ก็ยิ่งร้องหนักกว่าเดิม ข้างในเป็นแหวนคู่เรียบๆ ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากมาย แต่ผมได้มันมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของผมทุกหยด  “ใส่ไว้นะครับ พัฒน์จองนนท์ไว้ก่อนนะ ไว้มีงานทำเมื่อไหร่พัฒน์จะให้แม่ไปขอ”  นนท์พยักหน้ารับ ผมดึงแหวนวงที่เล็กกว่าออกจากกล่อง สวมเข้าไปที่นิ้วกลางข้างขวาของเขา  “นนท์ใส่ให้พัฒน์บ้างนะ”  ผมส่งแหวนให้เขา นนท์พยักหน้ารัวๆ เอื้อมมือสั่นๆ รับแหวนจากผม มือเขาที่จับมือผมไว้สั่นมาก มือที่จับแหวนไว้ก็สั่นไม่แพ้กัน เขาพยายามอยู่นานกว่าจะบังคับมือไม่ให้สั่นและใส่แหวนให้ผมได้

“ขอบคุณนะพัฒน์ ชอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่รักนนท์ทั้งๆ ที่นนท์ไม่มีอะไรดีเลย ขอบคุณ”  นนท์พูดเสียงสั่น

“พัฒน์ไม่ได้ต้องการคนที่ดีที่สุด พัฒน์แค่ต้องการคนที่รักพัฒน์ ถ้านนท์รักพัฒน์ นนท์ก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วรู้มั้ย”

“ฮึก. . .นนท์รักพัฒน์”

“ครับ. . .พัฒน์ก็รักนนท์”

“. . . . .”

“สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งปีครับ. . .
. . .อยู่ให้พัฒน์เตือนวันครบรอบของเราไปทุกๆ ปีเลยนะ”

.
.
.
TBC
.
.
.
ฝากไว้ด้วยค่าาา สำหรับตอนที่ 1 ที่จริงแล้วเป็นคนเขียนที่เขียน nc ไม่ได้เรื่อง แต่ดันเปิดเรื่องมากับ nc  :-[
ฝากทุกคนเอ็นดูน้องพัฒน์กับพี่นนท์กันด้วยน้าาาาา จะทำให้เต็มที่ค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2016 22:09:08 โดย missyaoi »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ทั้งหวาน ทั้งร้อนแรงเลยอ่ะ :-[ :-[

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
อ่าาาา นึกว่าไม่มีคนอ่านซะแล้ว ขอบคุณที่เข้ามาอ่านมาเม้นกันนะคะ :pig4: :pig2: :pig4: :pig2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ละมุนมากกกกกก T^^T จากที่อ่านเราคิดว่าพี่นนท์ก็ไม่ได้ขี้เหร่มากนะ ประมาณว่า.. ไม่ได้หน้าตาดีสุดๆแต่น่ารักในฉบับเด็กเนิร์ด ช๊อบบบชอบบบบบ > <

ออฟไลน์ ZaRa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แง๊ พัฒน์จย๋าาาา มาเป็นของพี่เถอะ จาเอาๆๆๆๆ //ชี้นิ้วกระทืบเท้า

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
หวานจนไม่อยากกินมาม่า

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
ชอบมากกกก เป็นคู่ที่น่ารัก หวานละมุนละไมมากเลย  :m1:
นนท์ เป็นคนจิตใจดีเหลือเกิน มีจิตวิญญาณของแพทย์อยู่เต็มเปี่ยม
อาชีพที่ต้องเสียสละขนาดนี้ ถ้าไม่ได้คนรักที่เข้าใจก็คงแย่
พัฒน์ เป็นคนรักที่ดีมาก ๆ เข้าใจและพร้อมจะปรับตัวเพื่อคนที่รัก
เหมาะสมแล้วกับคนดี ๆ อย่างนนท์
ชอบมาก ๆ จนอยากให้เป็นเรื่องยาวเลยค่ะ
จะมีเล่าย้อน ตอนเขาเจอกันครั้งแรกไหมนะ
อยากรู้ว่า อะไรที่ทำให้ทั้งคู่รักกันได้มากขนาดนี้  :o8:
รอตอนต่อไปจ้า  ขอบคุณคนเขียนนะคะ


ออฟไลน์ GOLDMIND

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ๊ากกกกก  หวานนนนน เลือดไหลๆๆ อ่อกกก :z13:
ตามมาจากคีนฟ่า หุหุ เสิร์ชๆ :hao3:
เราว่าเลือกเลือดได้ค่อนข้างดี ไม่ได้แย่นะ กรุบกริบๆ โฮ๊ะๆ
ต้องรออ่านตอน2ว่าคู่นี้เค้าจะปล่อยท่าไม้ตายอะไร ???

เรื่องสั้นจริงดิ รู้สึกใจง่ายเป็นFCพัฒน์นนท์ อยากจะอ่านย๊าวยาว แต่...ก็ตามแต่คนเขียน  :hao5: (เรื่องสั้นเขียนยาวก็ได้เน้อะ อิอิ)

 :katai4: :katai4: :katai4: รอ~ พิมพ์รัวๆ
 :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
 :mc4: :mc4: :mc4:เข้ามาสวัสดีปีใม่คนอ่านล่วงหน้าก่อนค่าาา ขอให้คนอ่านที่น่ารักของเราน่ารักอย่างนี้ไปตลอด มีความสุขมากๆ สุขภาพกายสุขภาพใจแข็งแรง ที่สำคัญน่ารักกับนิยายของเราอย่างนี้ไปตลอดเลยน้าาา รักนะคะ จุ้บุ้ๆๆๆๆ :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าเช่นกันค่ะ


เอิ่มมม ถ้ามีตอนใหม่ก่อนปีใหม่จะดีมว้ากๆๆๆเลยค่ะ อิอิ

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1


[2]


Rrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นตอนที่เราสองคนกำลังขึ้นลิฟต์เพื่อขึ้นห้องของเราหลังกลับจากดินเนอร์ ผมยิ้มให้คนข้างกายก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูชื่อปลายสาย

แม่ <3


ผมอมยิ้มเล็กน้อยตอนที่คิดถึงตัวเล็กๆ ใบหน้าสวยใจดีของคนที่ปลายสาย  จะว่าไปก็คิดถึงท่านอยู่เหมือนกัน ผมไม่ได้กลับบ้านไปหลายอาทิตย์แล้ว คณะสถาปัตย์โปรเจคเยอะและยากแค่ไหน ถ้าไม่ได้สัมผัสเองคงเดาไม่ออกกันแน่ๆ เมื่อถึงฤดูโปรเจคแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่นอนบ้านเลย ให้ผมกลับมานอนคอนโดให้ได้ก่อนเถอะ =__=

“ครับแม่”  ผมรับสายเสียงนุ่ม โทนเสียงเดียวที่ใช้คุยกับนนท์ มีไม่กี่คนที่ผมจะพูดเสียงแบบนี้ด้วย นอกจากคนในครอบครัว นนท์คงจะเป็นคนเดียว. . . ไม่สิ นนท์ก็คนในครอบครัว นนท์เป็นครอบครัวของผม. . . เพราะงั้นคงจะสรุปง่ายๆ ว่าผมจะพูดเสียงแบบนี้เฉพาะกับคนในครอบครัวเท่านั้น

((พัฒน์ลูก ตอนนี้อยู่ไหนคะ))  แม่ผมเป็นคนพูดเพราะเนื่องจากมีเชื้อสายผู้ดีเก่า จำได้ว่าเคยพูดคำว่าเหี้ยให้แม่ได้ยินครั้งหนึ่งตอนม.ต้น ผลที่ได้กลับมาคือถูกหยิกจนเนื้อเขียว และหลังจากนั้นผมก็ไม่กล้าพูดคำหยาบ(ในบ้าน)อีกเลย

“อยู่คอนโดครับแม่ แม่โทรหาพัฒน์มีอะไรรึเปล่าครับ”  ผมถามแม่พอดีกับเสียงสัญญาณเตือนว่าลิฟต์มาถึงชั้นที่ต้องการแล้ว พอประตูลิฟต์เปิดออกผมจูงมือนนท์ออกมาจากลิฟต์ เลี้ยวซ้ายไปยังห้อง 156 . . .ห้องของเรา

((แม่คิดถึงพัฒน์น่ะลูก พัฒน์ไม่กลับมาหาแม่เดือนนึงแล้วนะคะ คืนนี้มาได้รึเปล่า))  แม่พูดเสียงเศร้าๆ ทำให้ผมใจกระตุก ไม่ใช่ว่าไม่อยากกลับบ้าน แต่โปรเจคล่าสุดของผมเพิ่งเสร็จและส่งไปเมื่อวันศุกร์ แล้ววันอาทิตย์ซึ่งก็คือวันนี้เป็นวันครบรอบของผมกับนนท์ ผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่าอาทิตย์หน้าจะพานนท์กลับไปนอนที่บ้าน แต่แม่ก็โทรมาก่อน (พ่อแม่ไม่รู้ว่านนท์เป็นแฟนแค่คิดว่าเป็นเพื่อนรุ่นพี่เฉยๆ)

“แต่พรุ่งนี้พัฒน์มีเรียนเช้านะครับแม่”  ผมตอบแม่ไป พอดีกับที่เรามาถึงห้อง พอเข้าห้องมาได้นนท์ก็พูดแบบไม่มีเสียงว่า ‘ไปอาบน้ำก่อนนะ’ ผมพยักหน้าให้ นนท์จึงคว้าผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไป

((โธ่ลูก นะ. . .คืนนี้มานอนกับแม่นะ พรุ่งนี้ค่อยออกไปพร้อมพ่อก็ได้ นะคะลูก แม่คิดถึงพัฒน์. . .นะคะ))  ผมขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก ถ้าผมไปก็เท่ากับว่าผมทิ้งนนท์ให้นอนอยู่ที่ห้องคนเดียวในคืนวันครบรอบของเรา แต่ถ้าผมไม่ไป นั่นเท่ากับว่าผมเมินเฉยต่อคำของร้องของแม่

ถ้าให้เลือกระหว่างครอบครัวผู้ให้กำเนิดกับคนรัก. . .

((ว่าไงคะลูก คืนนี้มานอนกับแม่ได้มั้ยคะ แค่คืนนี้นะลูก))  เสียงขอร้องของแม่ยังดังอยู่ข้างหู ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะรับคำแม่ไป

“ครับ เดี๋ยวพัฒน์ไป”

((ค่ะ แม่จะรอนะ))  น้ำเสียงดีใจของแม่ทำให้ผมยิ้มออก ผมกับแม่คุยกันอีกนิดหน่อยก่อนจะวางสายไป ไม่นานนนท์ก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมชุดนอนตัวโปรด ไม่ว่าจะนานแค่ไหนนนท์ก็ยังอายที่จะแต่งตัวต่อหน้าผมเสมอ

ผมเข้าไปกอดจากด้านหลังคนที่กำลังเช็ดผมอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เกยคางไว้ที่ไหล่เล็ก พร้อมจรดปลายจมูกสูดดมความหอมของครีมอาบน้ำตรงซอกคอจนชุ่มปอด

กลิ่นของนนท์. . .หอมเย็นจนใจที่ร้อนรุ่มของผมสงบลงได้เสมอ

“นนท์ครับ เดี๋ยวพัฒน์ต้องกลับไปนอนบ้านนะ”  พอผมบอกแบบนั้น มือที่กำลังเช็ดผมตัวเองอยู่ก็ชะงักไปแป็บหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิม พร้อมกับริมฝีปากที่แย้มยิ้ม

“ครับ. . .แม่พัฒน์คงจะคิดถึงน่ะ ไม่ได้กลับไปนานเลยหนิ”  นนท์บอกยิ้มๆ แต่แววตาของเขาไม่ได้ยิ้มไปด้วย นนท์คงเหมือนกับผม ที่อยากจะอยู่ด้วยกันในวันครบรอบของเรา

ในวันครบรอบปีแรกของเรา. . .เราแค่อยากอยู่ด้วยกัน


“ขอโทษนะครับ. . .ทั้งๆ ที่เป็นวันครบรอบแท้ๆ”  ผมบอกพร้อมกับซุกหน้าเข้าที่ซอกคอของนนท์อย่างรู้สึกผิดจากใจจริงๆ

“ไม่เป็นไรครับ เรายังได้อยู่ด้วยกันอีกนานนะ คืนนี้กลับไปนอนที่บ้านเถอะ”  นนท์หันมาเผชิญหน้ากับผม จับแก้มผมไว้ทั้งสองข้าง ก่อนจะเขย่งแล้วจุ๊บที่ริมฝีปากผมเบาๆ แต่พอเขาผละออก กลับเป็นผมเองที่มอบจุมพิตดูดดื่มให้ ทั้งดูดดื่มและยาวนานจนนนท์หอบอกสะท้านทันทีที่ผละออก

“แล้วพัฒน์จะไปกินข้าวเที่ยงกับนนท์ที่คณะพรุ่งนี้นะครับ”  นนท์พยักหน้ากับคำพูดของผม หลังจากนั้นผมก็เข้าไปอาบน้ำต่อ ออกมาก็พบว่านนท์เตรียมชุดนักศึกษาสำหรับใส่พรุ่งนี้ของผมใส่กระเป๋าไว้ให้แล้ว ผมเดินไปหอมแก้มนนท์ทั้งสองข้าง พร้อมพูดขอบคุณ นนท์แค่ยิ้มให้และบอกให้ผมนั่งลงก่อนที่เขาจะเป็นคนเช็ดผมให้ผมจนแห้ง

นนท์เดินออกมาส่งผมที่หน้าห้องหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว  “ดูแลตัวเองนะครับ เจอกันพรุ่งนี้”  ผมบอก ตอนนี้เราสองคนยืนอยู่ที่หน้าประตู

“ครับ”  นนท์รับคำและยิ้มให้ 

“. . . . .”  ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกไม่อยากไปยังไงก็ไม่รู้ แต่สุดท้ายผมก็ทำได้แค่ดึงนนท์มากอดไว้และมอบจูบหวานๆ ให้อีกครั้งก่อนจะผละออก

“รักพัฒน์นะ”

แน่นอนว่าผมไม่ได้ยิน และผมก็ไม่รู้ว่าตอนที่ผมก้าวออกมาจากที่นั่นมีใครบางคนสวนเข้าไป
.
.
.
.
.
“ไอ้พัฒน์ เที่ยงนี้ไปกินข้าวที่ไหนวะ”  ไอตี๋เพื่อนสนิทตั้งแต่ ม.ปลายที่อุตส่าห์ตามมาเรียนคณะเดียวกันที่มหา’ลัย จนผมไปไหนไม่ได้ต้องเป็นเพื่อนกับมันต่อเอ่ยถามเมื่อเราเลิกเรียนช่วงเช้าแล้ว แต่มีเรียนช่วงบ่ายอีกที

“กูอยากไปกินคณะบริหารว่ะ”  ไอ้เกลเพื่อนที่เพิ่งมารู้จักกันตอนปีหนึ่งแต่สนิทกันเร็วมากประดุจสนิทกันตั้งแต่เกิดพูดขึ้นบ้าง ไอ้นี่กะจะไปม่อเด็กบริหารชัวร์ ผมส่ายหัว

“กูจะไปกินที่คณะแพทย์”  ผมบอกเรียบๆ นอกจากกับนนท์และเพื่อนสนิทสองคนนี้ ผมก็ไม่ค่อยพูดกับคนอื่นนักหรอก แต่มันดันกลายเป็นเรื่องที่ทำให้ผมดังกว่าเดิม เห็นไอ้ตี๋บอกว่าสาวๆ ชอบผู้ชายลุคนิ่งๆ แบบผมเพราะมันแลดูแบดบอย ซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหัวปลงๆ ไม่สามารถเข้าใจผู้หญิงได้เลยจริงๆ

“แน่ะๆ ห่างกันไม่ได้เลยน้าาาา กับพี่หมอนนท์เนี่ย”  ไอ้ตี๋มันแซวทำหน้ากระลิ้มกระเหลี่ย แต่ผมไม่สนใจ มุ่งหน้าไปที่รถตัวเองทันที ไอ้สองตัวก็รีบวิ่งตามหลังมาอย่างรวดเร็ว

พอไปถึงโรงอาหารคณะแพทย์ ผมก็กดโทรศัพท์หานนท์ทันที เพราะตอนนี้นนท์เองก็เลิกคาบเช้าและน่าจะลงมาถึงโรงอาหารแล้ว แต่เขาไม่รับสาย ไม่ว่าจะกดโทรกี่ครั้งก็ไม่มีเสียงตอบรับจนผมร้อนใจ เพราะนนท์ไม่ใช่คนที่จะไม่รับสายผม ถ้าหากว่าเขาเรียนหรือกำลังทำอะไรอยู่แล้วไม่สะดวกรับสายผม เขาก็จะส่งข้อความมาบอก ไม่ใช่เงียบแบบนี้

“เฮ้ย ไอ้พัฒน์ตรงนั้นเขามุงอะไรกันวะ”  ไอ้เกลตาดีสะกิดผมให้ดู ตรงนั้นเหมือนมีกลุ่มนักศึกษากำลังมุงดูอะไรอยู่

“เขาตบกันรึเปล่ามึง มีเสียงด่ากันด้วยว่ะ”  ไอ้ตี๋เสริม ปกติแล้วผมไม่ใช่พวกชอบยุ่งเรื่องคนอื่น หรือมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นอะไร แต่ครั้งนี้ขาผมมันเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีก็ไปถึงกลุ่มคนตรงนั้นแล้ว

“ขอโทษนะครับ. . .ขอทางหน่อย”  ผมบอกอย่างสุภาพ คนที่มุงดูอยู่บางคนที่เห็นผมก็มองมาอย่างตกใจ แต่ก็ยอมแหวกทางให้ผมง่ายๆ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน จนพอผมเห็นว่าเขามุงดูอะไรกันอยู่นั่นแหละผมถึงได้เข้าใจ จากอารมณ์ปกติเมื่อครู่ถูกแทนด้วยอารมณ์เดือดทันที

“แกมันไม่เหมาะสมกับพัฒน์สักนิด!!”

“หยุดนะ!!”  ผมตะโกนเสียงดัง เข้าไปผลักผู้หญิงคนนั้นที่กำลังทึ้งผมนนท์อย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะหาว่าผมหน้าตัวเมียรังแกผู้หญิง ผมจำเป็นต้องใจดีกับคนที่รังแกแฟนผมหรือไง

“พัฒน์. . .”  นนท์เรียกผมเสียงแผ่ว ผมคว้าตัวเขาที่มีรอยน้ำก๋วยเตี๋ยวเต็มตัวมากอดไว้

“พัฒน์. . .”  ผู้หญิงคนนั้นก็เรียกผมเบาๆ เหมือนกัน ตาเบิกกว้างคงจะตกใจไม่คิดว่าผมจะโผล่มาเห็นตอนที่เธอกำลังรังแกแฟนผมพอดี

“ทำอะไรของเธอ!!”  ผมถามเสียงเข้มจนเกือบกลายเป็นตะคอก นนท์ที่อยู่ในอ้อมกอดผมสะดุ้ง คงตกใจ ผมได้สติลูบหลังเขาอย่างต้องการปลอบ

“พัฒน์. . .พี่”  เธอลนลานพยายามจะแก้ตัว ผมจำเธอได้แล้ว ถึงจะจำชื่อไม่ได้แต่ก็จำได้ว่าเคยเจอตอนผมเทรนประกวดเดือนมหาลัยเพราะเธอเป็นดาวปีสี่

“ผมถามว่าทำอะไรแฟนผม”  ผมถามชัดๆ เสียงเรียบ เธอหน้าซีด คงจะกลัว แน่ล่ะก็พ่อผมเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยนี้นี่นา แต่ถึงไม่ต้องใช้อำนาจของพ่อผมก็จัดการเธอได้เองสบายๆ (อันที่จริงผมก็ไม่ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิดอยู่แล้ว)

“ก็แล้วทำไมพัฒน์ต้องเป็นแฟนกับหมอนี่ล่ะ!!”  เธอเชิดหน้าขึ้นถาม พยายามกลบเสียงสั่นๆ ของตัวเองไว้

“แล้วผมจะเป็นแฟนกับนนท์มันเป็นธุระอะไรของใครด้วย”  ผมเองก็ถามเสียงเรียบเหมือนเดิม ไม่เข้าใจว่าคนอื่นจะมาเดือดร้อนอะไรกับการที่ผมจะเป็นแฟนกับนนท์ ผมไม่ได้ไปนั่งจีบกันบนหลังคาบ้านใครสักหน่อย!!

“ก็ไอ้นั่นมันขี้เหร่”

“แล้วไง”

“มันมีอะไรดีนักหนาพัฒน์ถึงหลงมันขนาดนี้”  เธอยังคงถามต่อไป

“ดีกว่าเธอก็แล้วกัน”  พูดจบผมก็พานนท์เดินออกมาจากตรงนั้นแล้วเดินมาที่ห้องน้ำทันที  “ฝากมึงสองคนไปเอาเสื้อตัวใหม่ที่รถกูที”  ผมบอกไอ้ตี๋กับไอ้เกลที่เหมือนยังงงๆ อยู่พร้อมกับส่งกุญแจรถตัวเองให้มัน

“พัฒน์. . .” 

“มันน่าฆ่าให้ตายนัก”  ผมสบถพร้อมๆ กับแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาของนนท์ไปด้วย  “ทำไมนนท์ต้องยอมให้เขาทำอยู่ฝ่ายเดียวล่ะครับ” 

“ก็เขาเป็นผู้หญิง”  นนท์บอกเสียงอ่อย ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เฮ้อ. . .นนท์ดีขนาดนี้ทำไมคนพวกนั้นถึงชอบหาเรื่องกันนัก

“ถึงเขาเป็นผู้หญิงนนท์ก็สู้ได้นะครับ นนท์ไม่ได้ไปหาเรื่องไปทำร้ายเขา นนท์แค่ป้องกันตัว”  ผมบอก นนท์ก็เป็นซะแบบนี้ ยอมให้คนอื่นทำร้ายตัวเองโดยไม่ตอบโต้อยู่เรื่อย ไม่ใช่สู้ไม่ได้หรืออะไร อย่างที่บอก นนท์เป็นคนดีเกินกว่าที่จะทำร้ายคนอื่น แม้ว่าคนๆ นั้นจะทำร้ายตัวเองก็ตาม มันดูงี่เง่าสำหรับคนที่ไม่ยอมใครอย่างผม แต่ก็นั่นแหละ เพราะนนท์เป็นแบบนี้ผมถึง. . .รัก

“พัฒน์. . .”  นนท์เรียกเสียงแผ่ว ดวงตาสั่นๆ คู่นั้นก็เงยหน้ามาสบตาผม ในขณะที่ผมกำลังใช้ผ้าเปียกเช็ดคราบน้ำก๋วยเตี๋ยวออกให้

“ครับ?”  ผมขานรับ นนท์เผยอปากขึ้นเหมือนจะพูดอะไร ผมก็รอฟัง แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จนพวกไอ้ตี๋กับไอ้เกลกลับเข้ามา

“อ่ะมึง เสื้อ”  ไอ้เกลยื่นเสื้อนักศึกษาที่ผมมักจะมีติดรถไว้เสมอมาให้ ผมรับมาและใส่ให้นนท์ทันที

“นนท์ยังไม่กินข้าวใช่มั้ย ไปกินข้าวก่อนนะครับเดี๋ยวพัฒน์พาไปส่งที่คณะเอง”  ผมบอกและทำท่าจะดึงนนท์ออกมาจากห้องน้ำ แต่เขากลับขืนตัวไว้ ไม่ยอมออกมา

“พัฒน์ไปกับเพื่อนเถอะ เดี๋ยวนนท์จะไปกับเพื่อนเหมือนกัน” 

“เพื่อน? ใครครับ”  ผมรู้จักเพื่อนของนนท์ทุกคน อันที่จริงจะบอกว่าผมสนิทกับเพื่อนของนนท์ทุกคนคงไม่แปลกนัก ด้วยความที่นนท์ค่อนข้างมีเพื่อนน้อย คนที่เห็นสนิทจริงๆ ก็เห็นจะมีแค่พี่น้ำสาวสวยรองดาวคณะแพทย์กับพี่แบมคณะบัญชีที่มาจากโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่ม.ปลาย

“คะ. . .คนนี้พัฒน์ไม่รู้จักหรอก”  นนท์บอกเสียงอ้อมแอ้ม

“นนท์มีเพื่อนที่พัฒน์ไม่รู้จักด้วยหรอครับ”  จะหาว่าคาดคั้นก็ได้ แต่ท่าทีของนนท์ที่ดูแปลกๆ ทำให้ผมตงิดใจ ไม่ได้คิดว่านนท์จะสวมเขาให้หรืออะไร แต่ผมคิดว่านนท์กำลังมีอะไรที่ปิดบังอยู่

“ก็. . .อื้ม. . .มีสิ เพื่อนที่คณะนั่นแหละ”  นนท์ตอบแต่ไม่ยอมสบตาผม

“นนท์แน่ใจนะ”  ผมถามย้ำ นนท์เงยหน้ามาสบตากับผมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง. . .

“แน่ใจครับ. . .พัฒน์กลับไปก่อนนะ นนท์ไม่เป็นไร”  ผมถอนหายใจออกมา ท่าทีจริงจังของคนรักทำให้ผมต้องยอมแพ้

“ก็ถ้านนท์ว่าอย่างนั้น. . .กลับไปเจอกันที่คอนโดก็ได้ครับ”

“อืม. . .”  นนท์พยักหน้ารับคำ ผมถอนหายใจเบาๆ ก้มลงสูดความหอมของพวงแก้มขาวที่ปรากฏเลือดฝาดจางๆ เพราะอากาศร้อน  ก่อนจะปล่อยมือเขาแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นก่อน แต่ไม่ทันจะก้าวออกพ้นประตู ก็มีเสียงเรียของคนข้างในดังขึ้นซะก่อน

“พัฒน์. . .”  ผมหันไปตามเสียงเรียก ขานรับเบาๆ พร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม  “นนท์รักพัฒน์นะ. . ."  คำบอกรักไม่มีปี่มีขลุ่ยจากคนรักไม่ได้เรียกรอยยิ้มดีใจจากผมอย่างเคย ความรู้สึกใจหายมันก่อขึ้นมาในใจได้ยังไงผมเองก็ไม่รู้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เลือกที่จะก้าวเข้าไปคว้าตัวนนท์มากอดแนบแน่นเหมือนจะไม่ได้กอดอีกและตอบกลับนนท์ไปด้วยคำเดียวกัน

“พัฒน์ก็รักนนท์ครับ”
.
.
.
.
.
“มึงจะรีบไปไหนวะพัฒน์ คอนโดมึงไม่หนีไปไหนหรอกน่า”  ไอ้เกลแซวขำๆ เมื่อเห็นผมรีบเก็บหนังสือ ปากกา อุปกรณ์การเรียนอื่นๆ เข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็วทันทีที่เลิกเรียนของวันนี้ และจุดหมายของผมที่จะไปทันทีก็คือคอนโดของผมที่บังคับให้นนท์มาอยู่ด้วยกันตั้งแต่คบกันแรกๆ

“เออ เพิ่งห้าโมงเย็นเองนะเว้ย”  ไอ้ตี๋บอกอีกคน

“กูจะรีบกลับไปหานนท์”  ผมบอกพวกมันสองคน มือก็ปิดกระเป๋าเป้ของตัวเอง สะพายข้างแล้วเดินออกมาจากห้องทันที ไม่ได้ลืมว่าวันนี้กว่านนท์จะเลิกก็ตั้งทุ่มหนึ่ง และเขาก็ไม่ได้เข้าเวร ฉะนั้นช่วงเวลาที่นนท์จะกลับถึงคอนโดก็ราวๆ ทุ่มครึ่ง แต่เพราะอะไรไม่รู้ผมถึงอยากรีบกลับไปรอนนท์ที่ห้องมากกว่ารอเวลานนท์เลิกเรียนอยู่ที่นี่ เพราะเรานัดกันว่าจะเจอกันที่คอนโดเลย เพราะว่าท่าทีแปลกๆ ของนนท์ตอนเที่ยง หรือเพราะว่าความรู้สึกใจหายตอนได้ยินคำบอกรักกันแน่ แต่ไม่ว่าจะอะไรแล้วแต่ ตอนนี้ผมก็อยากกลับไปหาเขาให้เร็วที่สุด

17.27

นาฬิกาดิจิตอลที่หัวเตียงบอกเวลาไว้แบบนี้ตอนที่ผมถึงห้องพอดี ผมเก็บกระเป๋า เข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย พอออกมาแต่งตัวเสร็จก็ส่งข้อความหานนท์

‘กลับมากินข้าวที่ห้องนะครับ เดี๋ยวพัฒน์ทำไว้รอ’

ยิ้มกับข้อความที่ส่งไป เดินฮัมเพลงเข้าครัวอย่างอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ไม่บ่อยหรอกที่ผมจะเข้าครัว ส่วนมากจะเป็นนนท์มากกว่า นนท์เป็นคนเก่ง เขาเก่งในหลายๆ เรื่อง ทั้งทำอาหาร ซ่อมนู่น บำรุงนี่ รวมถึงการดูแลคนอื่น เพราะนนท์เป็นเด็กที่มาจากสถานสงเคราะห์ เขาต้องช่วยเหลือและดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก การที่เขาสามารถได้ทุนมาเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยนี้ได้ เป็นสิ่งยืนยันถึงความสามารถและพยายามของคนๆ นี้ได้เป็นอย่างดี

19.00

ทำอาหารเสร็จก็กลับมาดูนาฬิกาอีกครั้ง เห็นว่าเป็นเวลาที่นนท์เลิกเรียนแล้ว ผมก็เข้าครัวจัดโต๊ะอาหารนำดอกกุหลาบสีขาวที่นนท์ชอบใส่แจกันวางไว้บนโต๊ะเพื่อเพิ่มบรรยากาศพิเศษของเราสองคนในคืนนี้ อย่างน้อยก็ทดแทนที่ผมปล่อยให้นนท์นอนคนเดียวในคืนวันครบรอบของเรา

19.40
ผมดูนาฬิกาอีกครั้ง นนท์ควรจะมาถึงแล้ว สงสัยวันนี้รถคงจะติด ผมเลยลุกขึ้นอุ่นอาหารและส่งข้อความไปบอกอีกครั้ง

20.20
ผมเริ่มกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดที่ นี่มันเลยเวลาที่นนท์ควรจะมาถึงร่วมชั่วโมงแล้ว ไม่ได้การ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที แต่แทนที่จะได้ยินเสียงนุ่มๆ ของนนท์ เสียงที่ตอบกลับมาดันเป็นเสียงของโอเปอร์เรเตอร์เครือข่ายโทรศัพท์แทน

‘ขออภัยค่ะ หมายเลขที่คุณเรียก. . .’


ผมกดวางแบบไม่รอให้เธอพูดจบ ก่อนจะกดโทรออกไปอีกครั้ง และผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิม ไม่สามารถติดต่อได้

โอเค ใจเย็นๆ พัฒน์ รออีกสักหน่อย นนท์อาจจะกำลังติดอะไรอยู่ที่มหาลัยก็ได้. . .

22.00
ผมลุกขึ้นแต่งตัวใหม่หยิบกระเป๋าสตางค์พร้อมทั้งกุญแจรถที่หัวเตียงทันทีเมื่อเห็นว่าเวลามันล่วงเลยจนเกินไปแล้ว แต่ในขณะที่ผมกำลังจะหยิบกุญแจรถมือของผมชะงักอยู่กับที่เพราะอะไรบางอย่างที่เคยวางอยู่ตรงโต๊ะหัวเตียงมันหายไป

รูปของผมกับนนท์. . .

รูปที่ผมเป็นคนใส่กรอบและวางเอาไว้เองตอนที่นนท์ย้ายเข้ามาใหม่ๆ ตอนนี้มันหายไป


ผมวางกุญแจไว้ที่เดิม มองไปรอบๆ ห้อง ก็พบว่าของในห้องบางส่วนมันหายไป มันจะไม่อะไรเลยถ้าของที่หายไปทั้งหมดนั้นไม่ใช่ของๆ นนท์

ทำไมผมถึงไม่สังเกตตั้งแต่เข้ามาในห้องตอนแรก ทำไมผมถึงไม่รู้. . .


ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ลากเท้าที่หนักอึ้งไปทางตู้เสื้อผ้า. . .

ขอร้องกับพระเจ้า อย่าให้สิ่งที่ผมกลัวเป็นจริงเลย
.
.
.
TBC
.
.
.
มาแล้วจ้า หายไปนานเลย 55555 เรื่องสั้นค่อนข้างแต่งยากกว่าเรื่องยาวเน๊าะ และอีกอย่างไฟล์นิยายก็ติดไปกับเพื่อนด้วย เพิ่งไปบังคับมันเอาคืนมา  ฝากติดตามด้วยจ้า ใกล้จบแล้ว  :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2016 22:11:07 โดย missyaoi »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
นนท์หายไปไหน มะคืนที่มีคนเดินสวน คือเพื่อนมาช่วยขนของ??

ทำไมนนท์หนีล่ะ T T กลัวที่บ้านพัฒน์รับไม่ได้หรอ??

ออฟไลน์ ZaRa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นนท์ ไปไหนน่ะ หนีไปทำไม เกิดอัไรขึ้นตอนพัฒน์ไม่อยู่รึเปล่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
สงสัยเรื่องแม่พัฒน์ คนที่สวนเข้าไปอาจเป็นคนของแม่ก็ได้

ออฟไลน์ แพรวฐา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
งื้ออออออ ลุ้นๆ นนท์รีบกลับมาน้าาาา

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
นนท์หายไปไหนอ่ะ  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
ไม่ได้อัพนิยายเลยเนอะ ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดค่ะ ยังไม่มีกำหนดกลับ ตอนแรกไม่รู้ว่าจะมานานขนาดไม่มีกำหนดแบบนี้ก็เลยไม่ได้แจ้งคนอ่าน ตอนนี้คงต้องแจ้งแล้วล่ะค่ะ ถ้ารู้ว่าจะมานานขนาดนี้หอบเอาโน๊ตบุ๊คมาด้วยก็ดี :เฮ้อ:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
เกิดไรขึ้น

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1


[3]


“ไอ้พัฒน์วันนี้ไปเรียนเหอะ มึงขาดเรียนหลายวันแล้วนะเว้ย ถ้าพี่นนท์รู้ว่ามึงเป็นแบบนี้พี่เขาคงจะผิดหวังในตัวมึง”  เสียงเดิมๆ ของไอ้ตี๋ที่พยายามบอกให้ผมไปเรียนเป็นวันที่สาม

ใช่. . .ผมไม่ไปเรียนสามวันแล้ว และเช่นกัน. . .นนท์ก็หายไปสามวันแล้วเหมือนกัน

หายไปไหนไม่มีใครรู้ เสื้อผ้าในตู้ก็หายไปหมด ไม่มีอะไรให้ผมดูต่างหน้าเลยสักชิ้น ในวันแรกๆ ผมขับรถตามหาเขาเหมือนคนบ้า ไปทุกที่ที่คิดว่านนท์จะไป ไปทุกที่ที่มีความทรงจำระหว่างเรา ขับไปถึงหัวหิน ที่ที่ผมขอนนท์เป็นแฟน ที่ที่เราเป็นของกันและกันครั้งแรก แต่ก็ว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของนนท์ จนนึกออกว่าควรไปถามที่มหาวิทยาลัยว่านนท์ติดต่ออะไรไว้หรือเปล่า(โดยใช้เส้นพ่อนิดหน่อย) ปรากฏว่าสิ่งที่ผมรู้ทำให้ผมช็อค แทบล้มทั้งยืน

นนท์ลาออกจากมหาวิทยาลัย. . .
 
เป็นไปได้ยังไง อะไรที่ทำให้นนท์ตัดสินใจแบบนั้นทั้งๆ ที่อยู่ปีสี่แล้ว นนท์อยากเป็นหมอ รักและศรัทธาอาชีพนี้แค่ไหนผมรู้ดีที่สุด แต่กลับลาออกไปกลางคันแบบนี้ ผมคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเพราะอะไร. . .

อะไรที่ทำให้นนท์ตัดสินใจทิ้งอนาคตตัวเองกลางคัน. . .


“ถ้าผิดหวังก็กลับมาด่ากูสิวะ นี่เขาหายไปไหนก็ยังไม่รู้เลย”[/b]  ผมนั่งกับพื้นพิงหัวไปที่เตียงเงยหน้ามองเพดานห้องที่มีดาวเรืองแสงของนนท์แปะอยู่ น้ำเสียงที่ใช้พูดกับเพื่อนก็อ่อนระโหยโรยแรง ในมือมีแก้วเหล้าที่กินต่อเนื่องจากเมื่อคืน ผมไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งนั้น ให้ไปเรียนก็ไม่รู้จะเรียนรู้เรื่องหรือเปล่า ไอ้ตี๋กับไอ้เกลก็มาตามผมทุกวัน แต่ก็เท่านั้น ผมไม่ไปซะอย่าง ตอนนี้แม้แต่แรงจะหายใจผมยังไม่มีเลย

มันมืดมนไปทุกทาง นึกไม่ออกจริงๆ ว่านนท์จะหายไปไหน

นนท์หายไปแบบนี้ เหมือนโดนกระชากหัวใจออกจากอกเลยว่ะ

“เฮ้อ. . .ไม่ไปก็ไม่ไป งั้นวันนี้พวกกูจะดื่มเป็นเพื่อนมึงเอง เมาให้ตายกันไปข้างนึงเลย”  ไอ้ตี๋ถอนหายใจเสียงดัง สีหน้ามันดูลำบากใจเหมือนหนักใจกับอะไรสักอย่าง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะถามเท่าไหร่นัก พอมันพูดจบ มันเดินออกจากห้องนอนไป จนผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ไอ้ตี๋เดินเข้ามาพร้อมกับไอ้เกลในมือมันสองคนมีทั้งเหล้า น้ำแข็ง มิกซ์เซอร์ต่างๆ ปริมาณมากพอที่จะให้ผมเมาไปจนถึงพรุ่งนี้ ดีแล้ว. . .ขัดกูไปก็เท่านั้น

เราสามคนนั่งกินเหล้ากัน แต่ไม่มีใครพูดอะไรเท่าไหร่ ตอนแรกพวกมันพยายามจะชวนผมคุยแต่ผมก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง จนพวกมันหันไปคุยกันสองคนแทน ปล่อยให้ผมกระดกเหล้าในมือเงียบๆ คนเดียว อยากจะร้องไห้ แต่สามวันที่ผ่านมาผมร้องไห้จนตอนนี้มี่น้ำตาให้ไหลแล้ว จะว่าตอนนี้ผมเหลือแค่ร่างที่ไร้ชีวิตมันก็ไม่เกินจริงเท่าไหร่นัก ผมก้มลงมองแก้วเหล้าในมือ ส่ายนิ้วหัวแม่มือไปมากับแก้วอย่างไม่อยากให้ตัวเองว่างเกินไปนัก. . .

นนท์. . .

จะรู้มั้ยว่าพัฒน์คิดถึงแค่ไหน

หายไปไหน. . .

พัฒน์ทำอะไรผิด

ทำไมไม่บอกกัน. . .

กลับมาเถอะนะ

กลับมา. . .

จะยอมทุกอย่างเลย

ขอแค่นนท์กลับมา. . .


ไม่รู้ผมหลับไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่บนเตียงแล้ว ผมรู้สึกตัวแต่ยังไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเวียนหัว ไม่รู้เพื่อนผมทั้งสองคนจะยังอยู่ในห้องกันหรือเปล่า แต่ให้ตายเถอะ หนักหัวชะมัด!!

“คุณป้าครับผมขอร้อง. . .ผมสงสารไอ้พัฒน์”

. . .เสียงไอ้ตี๋. . .

มันคุยกับใคร. . .


เสียงที่ได้ยินทำให้ผมตัดสินใจนอนหลับตาอยู่อย่างนั้น แกล้งทำเป็นหลับ ไม่รู้ทำไปทำไม แค่รู้สึกว่าถ้าผมยังหลับตาอยู่ ผมอาจจะได้รู้อะไรดีๆ

“ตอนนี้เมาหลับไปแล้วครับ มันเมาตลอดหลังจากที่ตามหาพี่นนท์ไม่เจอ คุณป้าเป็นแม่ คุณป้าไม่สงสารลูกคุณป้าหรอครับ"  ไม่รู้ว่าปลายสายตอบกลับมาว่าอะไร แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมมีคำตอบหนึ่งให้ตัวเองแล้ว

ไอ้ตี๋คุยกับแม่ผม ที่สำคัญคุยเรื่องที่นนท์หายไป. . .


“ไอ้พัฒน์บอกว่าพี่นนท์ลาออกจากมหาวิทยาลัย คุณป้าต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอครับ”

“. . . . .”

“ผมไม่บังอาจตำหนิคุณป้า แต่ผมแค่สงสารไอ้พัฒน์ อีกอย่างพี่นนท์ก็ไม่ได้ผิดอะไร”

“. . . . .”

“ครับ. . .แล้วแต่คุณป้าเลยครับ ครับ. . .ผมไม่บอกมันหรอก แต่ผมไม่รับประกันว่ามันจะไม่รู้”

“. . . . .”

“ครับ. . .สวัสดีครับ”

ปลายสายวางไปแล้ว. . .แต่สิ่งที่ผมได้รู้ทำให้ผมชาไปทั้งตัว มือทั้งสองข้างบีบแน่น หัวใจเต้นถี่รัว ก่อนจะค่อยๆ ช้าลงๆ เมื่อตีความประโยคสนทนาเมื่อสักครู่ครบถ้วน ทบทวนแล้วทบทวนอีกก็ออกมาเหมือนเดิม

ที่แท้. . .

ที่แท้แม่ผมเอง. . .

แม่ผมเองที่ทำให้นนท์ต้องหายไปจากชีวิตผม

วันนั้นที่โทรตามคะยั้นคะยอให้ผมกลับบ้านไปให้ได้ก็เพราะเหตุนี้สินะ


“หมายความว่ายังไง”  ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียง ถามเสียงเรียบ แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าทั้งหมดหมายความว่าอย่างไร แต่ผมก็อยากรู้อีก อยากรู้อะไรที่มากกว่านั้น มากกว่าที่ได้ยินเองเมื่อสักครู่ ไอ้ตี๋ที่เมื่อกี้หันหลังให้ผมหันมามองผมดวงตาเบิกโพลงเมื่อได้ยินเสียงถามจากคนที่คิดว่าหลับอยู่

“อะ. . .ไอ้พัฒน์”

“กูถามว่าหมายความว่าไง!!”  ผมระเบิดอารมณ์ออกมา ตะครุบตัวมันกระชากคอเสื้อบังคับให้มันบอกสิ่งที่มันรู้ มันรู้. . .มันรู้ทุกอย่าง แต่มันกลับไม่บอกผม ปล่อยให้ผมทรมานตามหานนท์แทบตาย เสียใจเรื่องนนท์ไม่พอ ยังต้องมาเสียใจเรื่องเพื่อนอีกงั้นหรอ

นี่มันเรื่องบัดซบอะไรกันวะ!! 


“เกิดอะไรขึ้น!!”  ไอ้เกลที่คงได้ยินเสียงดังก็วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น พอเห็นว่าผมเหมือนจะทำร้ายไอ้ตี๋อยู่มันก็พยายามดึงผมออกมา แน่นอนว่าผมสู้นักกีฬามวยของมหาลัยอย่างมันไม่ได้อยู่แล้ว สุดท้ายไอ้ตี๋ก็เป็นอิสระจากมือผม

“อะ. . .อะไร”  ไอ้ตี๋ถามเสียงสั่น

“ก็ที่มึงร่วมมือกับแม่กูทำให้นนท์หนีไปจากกูไง!!”  ผมยังไม่หยุดคุกคามเพื่อน บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ผิดหวังล่ะมั้ง ใครจะไปคิดว่าแม่กับเพื่อนรักจะทำกับผมแบบนี้

“ไอ้พัฒน์ คุณป้าท่านหวังดี”  มันพยายามพูด

“หวังดี? หวังดีแล้วทำกับกูแบบนี้เนี่ยนะ ฮะๆ”  ผมหัวเราะออกมา หัวเราะทั้งๆ ที่น้ำตาที่คิดว่าคงจะไม่ไหลอีกแล้วกำลังไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง

“ไอ้พัฒน์. . .”  ไอ้ตี๋เรียกผมเสียงอ่อย

“ทำไม? สมเพชกูหรอ ถ้าสมเพชกูก็ช่วยทำบุญบอกมาเถอะว่านนท์อยู่ที่ไหน ได้มั้ย ห้ะ? ได้มั้ย หรือจะให้กูกราบ ได้นะ. . .กูทำให้ได้”  ผมพูดแต่ไม่รอเสียงตอบรับ ผมทรุดลงนั่งคุกเข่ากับพื้นทำท่าจะก้มลงกราบมันจริงๆ

“เฮ้ย!!”  มันสองคนประสานเสียงร้องออกมา คงจะตกใจไม่คิดว่าผมจะทำได้ขนาดนี้ แต่เชื่อเถอะ ถ้าทำให้ผมได้เจอนนท์อีกครั้ง มากกว่านี้ผมก็ยอม. . .

“ไอ้พัฒน์ มึงใจเย็นนะ ใจเย็น”  ไอ้เกลพยายามดึงผมขึ้นไม่ให้ต้องทำตัวน่าสมเพชไปกว่านี้ ไอ้ตี๋เบือนหน้าหนีเหมือนไม่อยากเห็น  “ไอ้ตี๋. . .ถ้ามึงรู้มึงบอกไอ้พัฒน์ไปเถอะ. . .นะ. . .ถือว่ากูขอร้อง”  ไอ้เกลช่วยพูดอีกคน อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้ว่าไอ้เกลไม่ได้รู้เรื่องด้วย

“กู. . .กูไม่รู้”  ไอ้ตี๋พูดเสียงเบา

“ไอ้ตี๋!! จะให้กูทำยังไงวะ!! มึงบอกมาสิว่าให้กูทำยังไง!! กูจะตายแล้ว มึงรู้มั้ยกูจะตายแล้ว”
ผมพูดไปน้ำตาก็ไหลไป ท้ายประโยคสั่นเครืออย่างช่วยไม่ได้ ไม่อยากจะอ่อนแอแบบนี้เลยว่ะ แต่ทำไงได้ คนรักหายไปทั้งคน

“กูไม่รู้จริงๆ ว่าพี่นนท์ไปไหน เรื่องนี้. . .มีแค่คุณป้าที่รู้”  มันหันมาบอกผมน้ำเสียงจริงจัง และผมก็เชื่อ ผมรู้จักไอ้ตี๋ดี เป็นเพื่อนกับมันตั้งแต่จำความได้ ผมเชื่อว่าตอนนี้มันไม่ได้กำลังโกหกผมอยู่

“มึงทำแบบนี้ทำไมวะ ทำไมมึงถึงช่วยแม่กูทำเรื่องนี้”  ผมถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจที่สุดออกมา ทำไมก็ไม่รู้ที่ผมคิดว่าไอ้ตี๋มันไม่ได้เต็มใจจะทำหรอก ดูจากสีหน้าลำบากใจของมันตอนนี้

“กูขอโทษ. . .แต่มันเป็นเรื่องของบุญคุณ ถ้าไม่มีแม่มึง ป่านนี้ครอบครัวกูล้มละลายไปแล้ว กูเคยสาบานกับท่านว่าถ้ามีอะไรที่ทำให้ท่านได้. . .กูจะทำทุกอย่าง. . .กูไม่ได้ตั้งใจจะหักหลังมึง”  ไอ้ตี๋พูดเสียงแผ่ว แววตาที่มันมองมาที่ผมมีแต่ความรู้สึกผิด

“อืม. . .”  ผมตอบรับ ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรมัน ผมรู้ดีว่าไอ้ตี๋เป็นคนที่กตัญญูยิ่งกว่าอะไร ตอนเด็กๆ มันเล่นกับผมเหมือนผมเป็นเจ้านายแล้วมันเป็นลูกคนรับใช้ทั้งๆ ที่ผมเห็นมันเป็นเพื่อน จนผมต้องยื่นคำขาดว่าถ้ามันยังไม่เลิกทำแบบนั้นผมจะตัดเพื่อนและไม่คบมันอีก มันถึงยอมปฏิบัติตัวกับผมเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันปกติ  “ปล่อยกูไอ้เกล” ผมลุกขึ้นยืน พูดกับไอ้เกลเสียงนิ่ง

“มึงจะไปไหน”  ไอ้เกลถามกลับ

“กูจะไปถามแม่กูให้รู้เรื่อง”  ผมบอกจุดประสงค์ของตัวเอง แต่ไอ้เกลก็ยังจับผมไว้ ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี

“กูว่าวันนี้มึงพักก่อนเหอะ”  ไอ้เกลบอก

“มึงจะให้กูรออีกหรอ ให้กูรออะไร รอให้อนาคตนนท์ดับไปเพราะกูงั้นหรอ!!”  ผมยังไม่ลืมเรื่องที่นนท์ลาออกจากมหาวิทยาลัยหรอกนะ และผมจะไม่ยอมให้อนาคตของนนท์ต้องจบเพราะผมเด็ดขาด

“ไม่ๆ ไอ้พัฒน์พวกกูไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น แต่วันนี้มึงพักก่อน แล้วพรุ่งนี้กูจะเป็นคนพามึงไปหาคุณป้าเอง. . .กูสัญญา
.
.
.
.
.
และไอ้ตี๋ก็รักษาสัญญาที่มันให้ไว้เพราะตอนนี้ผมมายืนอยู่หน้าบ้านตัวเองเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นบ้านของตัวเอง ทั้งๆ ที่ผมเคยรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่ที่นี่ แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกไม่เหมือนเดิม รู้สึกยังไงอันนี้ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะไม่กี่นาทีต่อจากนี้ผมจะต้องเผชิญหน้ากับแม่ตัวเอง ไม่รู้ว่าพอเข้าไปแล้วจะพูดอะไรดี อีกทั้งยังกลัวว่าตัวเองจะเผลอแสดงท่าทางไม่ดีใส่แม่ เพราะสิ่งที่แม่ทำมันทำให้ผมทั้งผิดหวังทั้งเสียใจ

“ใจเย็นๆ นะเว้ย”  ไอ้ตี๋ตบบ่าผมเป็นเชิงเตือนสติ ผมพยักหน้ารับไปแกนๆ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้านช้าๆ

“อ้าวพัฒน์ จะกลับบ้านทำไมไม่บอกแม่ก่อนล่ะคะ แม่จะได้ให้คนเตรียมอะไรไว้ให้ทาน”  เมื่อผมมาถึงห้องรับแขก แม่ที่นั่งอ่านนิตยสารอะไรสักอย่างเงยหน้ามาส่งยิ้มให้ ทั้งยังเก็บนิตยสาร เดินมารับผมพาไปนั่งด้วยกันที่โซฟารับแขก  “ตี๋ด้วย นั่งก่อนสิจ๊ะ”  แม่บอกตี๋หลังจากรับไหว้จากมันแล้ว

“แม่ครับ. . .” 

“หิวอะไรมั้ยพัฒน์ กินอะไรดีคะ ฉู่ฉี่สามรสของโปรดพัฒน์ดีมั้ยคะลูก เดี๋ยวแม่ไปบอกป้านวล(แม่บ้าน)ให้”  ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรแม่ก็ขัดขึ้นมาซะก่อน ไม่ใช่แม่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงกลับบ้านมาปุบปับแบบนี้ แค่เห็นผมมากับไอ้ตี๋แม่ก็รู้แล้ว แค่แกล้งเฉไฉทำเป็นไม่รู้มากกว่า

“แม่ครับ. . .”

“ตี๋ด้วยลูก ทานอะไรดีคะเที่ยงนี้”

“แม่ครับ. . .”

“ตี๋ชอบแกงไตปลาใช่มั้ยล่ะ เดี๋ยวป้าบอกแม่บ้านทำให้นะ”

“แม่ครับ. . .”

“เอ๊ะลูกคนนี้นิ อยากกินอะไรไม่บอกล่ะคะ เรียกแบบนี้แม่ไม่รู้ด้วยหรอกนะ”

ผมทนไม่ไหวแล้ว!!

“แม่ครับ!!  ผมจะไม่กินอะไรทั้งนั้น จนกว่าแม่จะบอกว่านนท์หายไปไหน”
  ผมพยายามแล้ว ผมพยายามระงับอารมณ์ตัวเองแล้ว แต่ท่าทางของแม่มันทำให้ผมทนไม่ไหว

“นนท์ เพื่อนรุ่นพี่ของพัฒน์น่ะหรอ? แม่จะไปรู้ได้ไงล่ะคะ เขาเพื่อนพัฒน์นี่คะไม่ใช่เพื่อนแม่”  แม่ทำเหมือนไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับนนท์ ทั้งๆ ที่รู้ดีแท้ๆ ผมหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกๆ

“แม่ครับ ผมรู้ว่าแม่รู้ว่าผมกับนนท์เป็นอะไรกัน ไม่งั้นนนท์คงไม่หายไปแบบนี้”

“แล้วการที่เพื่อนพัฒน์หายไปมันเกี่ยวอะไรกับแม่ล่ะคะ”  แม่ถามเสียงเรียบ ไม่ได้ฝืนยิ้มเหมือนตอนแรก แล้วหันไปมองไอ้ตี๋เหมือนคาดโทษ ไอ้ตี๋หลุบตาลงทันที

“มันเกี่ยวที่แม่เป็นคนทำให้เขาหายไปไงครับ แม่. . .ถึงขั้นลาออกจากมหาวิทยาลัย มันมากเกินไป แม่ทำลายอนาคตคนๆ หนึ่งเลยนะครับ!!”  ผมเริ่มเสียงดังเมื่อนึกถึงว่านนท์ต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน ทั้งๆ ที่อีกแค่สองปีก็จะเรียนจบอยู่แล้ว ผมนึกไม่ออกเลยว่าตอนที่นนท์ไปทำเรื่องขอลาออก เขาจะเสียใจมากแค่ไหนเมื่อเขาต้องทิ้งสิ่งที่เขาฝันมาทั้งชีวิต

“แล้วไงคะ? แม่ต้องสนใจหรอ”


“แม่. . .”  ผมเรียกแม่อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่คิดเลยว่าประโยคไม่รับผิดชอบพวกนี้จะหลุดออกมาจากปากผู้หญิงที่ใจดีที่สุดในโลกสำหรับผมอย่างแม่ ไม่คิดเลยจริงๆ. . .  “ทำไมแม่พูดแบบนี้ คนทั้งคนนะแม่ ผมรักเขาแม่จะให้ผมนั่งดูเฉยๆ ผมทนไม่ได้หรอก”  ผมพูด ลุกขึ้นจะเดินออกจากบ้านอีกครั้ง ไอ้ตี๋ก็ลุกขึ้นตาม ผมไม่อยากอยู่แล้ว ผมกลัวว่าถ้าผมอยู่ต่อผมจะพูดจาทำร้ายจิตใจแม่เข้า เรื่องตามหานนท์ ผมจะลองพยายามดูอีกทีด้วยตัวเอง

“แล้วที่เด็กคนนั้นกำลังทำลายอนาคตพัฒน์ล่ะคะ จะให้แม่นั่งดูเฉยๆ หรอ!!”  แม่ตรึงขาผมให้หยุดชะงักอยู่กับที่ด้วยประโยคนี้ ประโยคที่ผมไม่เข้าใจเอาซะเลย. . .

“นนท์ทำลายอนาคตผมยังไงครับ ผมไม่เห็นว่านนท์จะทำลายอนาคตผมตรงไหน!!”  เมื่อแม่เสียงดังมา ผมก็เสียงดังเข้าใส่ ครั้งแรกเลยในชีวิตที่ผมเถียงแม่ ขึ้นเสียงใส่แม่แบบนี้

“ก็ตรงที่ทำให้พัฒน์เป็นแบบนี้ไงล่ะคะ เด็กคนนั้นกำลังทำให้พัฒน์เดินทางผิด!!”

“เดินทางผิด? แค่เรารักกันเราผิดตรงไหนครับแม่”  อะไรที่ว่าผมกำลังเดินทางผิด เราแค่รักกัน นนท์ไม่ได้ชวนผมเหลวไหล นนท์ไม่ได้ชวนผมไปติดยา กลับกัน นนท์เอาใจใส่เรื่องเรียนเรื่องการใช้ชีวิตของผมไม่แพ้แม่เลยด้วยซ้ำ

“ผิดที่เป็นผู้ชายทั้งคู่ไงพัฒน์ ลูกก็ผู้ชาย เด็กนั่นก็ผู้ชาย.  . .ผู้ชายกับผู้ชายจะรักกันได้ยังไง!!”

“สำหรับแม่ความรักมันเป็นยังไงหรอครับ ผู้ชายกับผู้หญิงหรือแค่คนสองคนที่มีความรู้สึกรักให้กัน ทำไมแม่ไม่เข้าใจพัฒน์!!”

ทั้งๆ ที่ผมคิดมาตลอดว่าต่อให้คนทั้งโลกไม่เข้าใจผม แม่ก็จะเข้าใจผม แต่วันนี้มันไม่ใช่. . .

“แล้วทำไมพัฒน์ไม่เข้าใจแม่บ้างล่ะคะ”  แม่สวนกลับมาทำให้ผมได้แต่นิ่งเงียบ จะว่าผมไม่เข้าใจมันก็ไม่ถูก ผมเป็นลูกชายคนเดียว . . .ลูกชายคนเดียวย่อมเป็นความหวัง คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมอยากเห็นลูกมีครอบครัวแบบที่คนอื่นเขาเรียกกันว่าปกติ ครอบครัวที่มีพ่อ แม่ ลูก แต่ผมก็ไม่เข้าใจอีกเหมือนกัน ถ้าผมเป็นเกย์แล้วผมไม่ใช่ลูกพ่อกับแม่หรอ ผมไม่ได้ไปฆ่าไปแกงใคร ผมแค่มีความรักเอง แค่รักคนที่มีเพศเดียวกัน แค่นั้นเอง. . .

ผมเดินเข้าไปใกล้แม่ คุกเข่าลงกับพื้น ก้มลงกราบแทบเท้าท่านก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองแม่   “ผมขอโทษครับถ้าทำให้แม่ผิดหวัง ผมขอโทษที่ทำให้แม่เสียใจ แต่ผมแค่อยากให้แม่รู้ไว้ว่าผมกับนนท์เรารักกันจริงๆ ผมขอร้อง แม่บอกผมเถอะนะว่านนท์อยู่ที่ไหน ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา. . .ฮึก. . .นะครับ ผมขอร้อง ผมจะไปรอแม่ข้างนอก ถ้าแม่อยากบอก แม่ไปหาผมนะครับ”  ผมร้องไห้ออกมาอีกแล้ว แม่เองก็ทำหน้าอึ้งๆ กับสิ่งที่ผมพูดออกมา น้ำตาแม่ไหล. . .

ผมเป็นลูกที่เลวมากใช่มั้ย ที่ทำให้แม่ร้องไห้

“อึก. . .พัฒน์”  ผมลุกขึ้นยืน เช็ดน้ำตาให้แม่อย่างเบามือ ก่อนจะเดินออกไปนอกบ้าน

“ไอ้พัฒน์ๆ!! มึงจะทำอะไร”  ไอ้ตี๋วิ่งตามผมออกมา ผมไม่ได้ตอบอะไรมัน แต่กลับเดินดุ่มๆ ไปที่สนามหน้าบ้านที่แดดตอนเที่ยงกำลังสาดใส่ไม่ยั้ง ผมทรุดลงคุกเข่ากลางสนามท่ามกลางแดดร้อนนั่น รู้ดีว่ามันอาจจะเป็นวิธีที่งี่เง่า เหมือนพวกพระเอกนิยายสิ้นคิด แต่ผมก็คิดวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้วจริงๆ เพราะฉะนั้น นี่อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้แม่เห็นถึงความพยายามของผม เห็นว่าผมอยากเจอนนท์ อยากอยู่กับนนท์จริงๆ

“พัฒน์. . .เข้าบ้านเหอะว่ะ อย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวมึงก็ป่วย”  ไอ้ตี๋พยายามกล่อม มันยืนอยู่ตรงหน้าผม ดูเหมือนจะพยายามบังแดดให้ด้วย

“มึงเข้าบ้านไปเหอะ ตรงนี้มันร้อน”  ผมบอกมัน

“ก็ถ้ามึงรู้ว่าร้อนมึงก็เข้าบ้านพร้อมกูสิวะ!!”  ดูเหมือนไอ้ตี๋มันจะเริ่มโมโหที่ผมไม่ยอมง่ายๆ แต่ตอนนี้ผมคงต้องยอมให้มันโกรธผมไปก่อน

“มึงเข้าไปเถอะ กูทนได้”  ผมบอกอีก

“ไอ้พัฒน์!! คุณป้าร้องไห้อยู่ในบ้านเพราะลูกมาทำอะไรบ้าๆ อยู่แบบนี้ มึงไม่สงสารแม่มึงหรอวะ!!”  ไอ้ตี๋ตะคอกออกมาอย่างเหลืออด ผมเองก็เหลืออดเหมือนกัน. . .

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง!! อยู่เฉยๆ รอนนท์กลับมาซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะกลับมามั้ยงั้นหรอ!!. . .เมียกูทั้งคนนะเว้ย”  ผมตะคอกมันกลับ  ก่อนจะพูดเสียงแผ่วตอนท้าย ไอ้ตี๋มองผมอย่างสงสาร ผมเบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นสายตาแบบนั้น

“งั้นก็ตามใจมึง กูไปดูคุณป้าก่อน”  มันพูดออกมาในที่สุด คงจะอ่อนใจกับความดื้อของผมแล้ว

“ฝากดูแม่ด้วยนะ”  ผมพูด อย่างน้อย ผมก็หวังว่าแม่จะหยุดร้องไห้แล้ว. . .

“อืม. . .”  มันรับคำเสียงเบาแล้วเดินเข้าบ้านไป

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม อาจจะหนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง สามชั่วโมง หรือสี่ชั่วโมง แต่ที่รู้ๆ พระอาทิตย์ที่ตรงหัวตอนแรกเริ่มคล้อยลงต่ำ ตอนแรกยังแอบเห็นแม่กับไอ้ตี๋มาแอบดูอยู่บ้าง แต่ตอนนี้สายตาผมเริ่มมองไม่เห็นอะไรรอบข้าง มันมืดไปหมด รู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้น เหงื่อไหลอาบเสื้อจนเปียกไปทั้งร่าง แต่ร่างกายกลับร้อนๆ หนาวๆ วูบๆ ไปหมด อาจเพราะสามวันที่ผ่านมาผมเอาแต่กินเหล้า แช่น้ำ แล้ววันนี้ก็มาตากแดดอีก เพราะงั้นผมรู้แล้วแหละว่าตัวเองเริ่มจะไม่ไหวแล้ว แต่ผมต้องอดทน ผมจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

ไม่ยอม. . .

เด็ดขาด. . .

“ไอ้พัฒน์!!//พัฒน์!!”

แล้วสติผมก็ดับวูบไป. . .
.
.
.
TBC
.
.
.
“ฮึกก. . .แม่ยอมแล้วพัฒน์ แม่ยอมแล้ว ตื่นขึ้นมานะลูก ตื่นเถอะนะคะ แม่ขอร้อง”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2016 22:12:07 โดย missyaoi »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
พัฒน์ทำงี้เด็กเกินไปจริง แต่ก็นะ ตอนนั้นคงคิดอะไรไม่ออกหรอก

คุณแม่คงไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์ของนิยามรักของวัยรุ่นสินะคะ  :hao7:


ที่เหลือก็ต้องผ่านแม่ให้ได้ก่อนค่อยไปหานนท์แล้วล่ะ เพราะตอนนี้คุณแม่ยอมรับเพราะสงสารลูก แต่ไม่ใช่รับนนท์ได้จากใจจริง  :hao3:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด