[2]
Rrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นตอนที่เราสองคนกำลังขึ้นลิฟต์เพื่อขึ้นห้องของเราหลังกลับจากดินเนอร์ ผมยิ้มให้คนข้างกายก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูชื่อปลายสาย
แม่ <3ผมอมยิ้มเล็กน้อยตอนที่คิดถึงตัวเล็กๆ ใบหน้าสวยใจดีของคนที่ปลายสาย จะว่าไปก็คิดถึงท่านอยู่เหมือนกัน ผมไม่ได้กลับบ้านไปหลายอาทิตย์แล้ว คณะสถาปัตย์โปรเจคเยอะและยากแค่ไหน ถ้าไม่ได้สัมผัสเองคงเดาไม่ออกกันแน่ๆ เมื่อถึงฤดูโปรเจคแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่นอนบ้านเลย ให้ผมกลับมานอนคอนโดให้ได้ก่อนเถอะ =__=
“ครับแม่” ผมรับสายเสียงนุ่ม โทนเสียงเดียวที่ใช้คุยกับนนท์ มีไม่กี่คนที่ผมจะพูดเสียงแบบนี้ด้วย นอกจากคนในครอบครัว นนท์คงจะเป็นคนเดียว. . . ไม่สิ นนท์ก็คนในครอบครัว นนท์เป็นครอบครัวของผม. . . เพราะงั้นคงจะสรุปง่ายๆ ว่าผมจะพูดเสียงแบบนี้เฉพาะกับคนในครอบครัวเท่านั้น
((พัฒน์ลูก ตอนนี้อยู่ไหนคะ)) แม่ผมเป็นคนพูดเพราะเนื่องจากมีเชื้อสายผู้ดีเก่า จำได้ว่าเคยพูดคำว่า
เหี้ยให้แม่ได้ยินครั้งหนึ่งตอนม.ต้น ผลที่ได้กลับมาคือถูกหยิกจนเนื้อเขียว และหลังจากนั้นผมก็ไม่กล้าพูดคำหยาบ(ในบ้าน)อีกเลย
“อยู่คอนโดครับแม่ แม่โทรหาพัฒน์มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามแม่พอดีกับเสียงสัญญาณเตือนว่าลิฟต์มาถึงชั้นที่ต้องการแล้ว พอประตูลิฟต์เปิดออกผมจูงมือนนท์ออกมาจากลิฟต์ เลี้ยวซ้ายไปยังห้อง 156 . . .ห้องของเรา
((แม่คิดถึงพัฒน์น่ะลูก พัฒน์ไม่กลับมาหาแม่เดือนนึงแล้วนะคะ คืนนี้มาได้รึเปล่า)) แม่พูดเสียงเศร้าๆ ทำให้ผมใจกระตุก ไม่ใช่ว่าไม่อยากกลับบ้าน แต่โปรเจคล่าสุดของผมเพิ่งเสร็จและส่งไปเมื่อวันศุกร์ แล้ววันอาทิตย์ซึ่งก็คือวันนี้เป็นวันครบรอบของผมกับนนท์ ผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่าอาทิตย์หน้าจะพานนท์กลับไปนอนที่บ้าน แต่แม่ก็โทรมาก่อน (พ่อแม่ไม่รู้ว่านนท์เป็นแฟนแค่คิดว่าเป็นเพื่อนรุ่นพี่เฉยๆ)
“แต่พรุ่งนี้พัฒน์มีเรียนเช้านะครับแม่” ผมตอบแม่ไป พอดีกับที่เรามาถึงห้อง พอเข้าห้องมาได้นนท์ก็พูดแบบไม่มีเสียงว่า
‘ไปอาบน้ำก่อนนะ’ ผมพยักหน้าให้ นนท์จึงคว้าผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไป
((โธ่ลูก นะ. . .คืนนี้มานอนกับแม่นะ พรุ่งนี้ค่อยออกไปพร้อมพ่อก็ได้ นะคะลูก แม่คิดถึงพัฒน์. . .นะคะ)) ผมขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก ถ้าผมไปก็เท่ากับว่าผมทิ้งนนท์ให้นอนอยู่ที่ห้องคนเดียวในคืนวันครบรอบของเรา แต่ถ้าผมไม่ไป นั่นเท่ากับว่าผมเมินเฉยต่อคำของร้องของแม่
ถ้าให้เลือกระหว่างครอบครัวผู้ให้กำเนิดกับคนรัก. . .((ว่าไงคะลูก คืนนี้มานอนกับแม่ได้มั้ยคะ แค่คืนนี้นะลูก)) เสียงขอร้องของแม่ยังดังอยู่ข้างหู ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะรับคำแม่ไป
“ครับ เดี๋ยวพัฒน์ไป”
((ค่ะ แม่จะรอนะ)) น้ำเสียงดีใจของแม่ทำให้ผมยิ้มออก ผมกับแม่คุยกันอีกนิดหน่อยก่อนจะวางสายไป ไม่นานนนท์ก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมชุดนอนตัวโปรด ไม่ว่าจะนานแค่ไหนนนท์ก็ยังอายที่จะแต่งตัวต่อหน้าผมเสมอ
ผมเข้าไปกอดจากด้านหลังคนที่กำลังเช็ดผมอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เกยคางไว้ที่ไหล่เล็ก พร้อมจรดปลายจมูกสูดดมความหอมของครีมอาบน้ำตรงซอกคอจนชุ่มปอด
กลิ่นของนนท์. . .หอมเย็นจนใจที่ร้อนรุ่มของผมสงบลงได้เสมอ“นนท์ครับ เดี๋ยวพัฒน์ต้องกลับไปนอนบ้านนะ” พอผมบอกแบบนั้น มือที่กำลังเช็ดผมตัวเองอยู่ก็ชะงักไปแป็บหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิม พร้อมกับริมฝีปากที่แย้มยิ้ม
“ครับ. . .แม่พัฒน์คงจะคิดถึงน่ะ ไม่ได้กลับไปนานเลยหนิ” นนท์บอกยิ้มๆ แต่แววตาของเขาไม่ได้ยิ้มไปด้วย นนท์คงเหมือนกับ
ผม ที่อยากจะอยู่ด้วยกันในวันครบรอบของเรา
ในวันครบรอบปีแรกของเรา. . .เราแค่อยากอยู่ด้วยกัน“ขอโทษนะครับ. . .ทั้งๆ ที่เป็นวันครบรอบแท้ๆ” ผมบอกพร้อมกับซุกหน้าเข้าที่ซอกคอของนนท์อย่างรู้สึกผิดจากใจจริงๆ
“ไม่เป็นไรครับ เรายังได้อยู่ด้วยกันอีกนานนะ คืนนี้กลับไปนอนที่บ้านเถอะ” นนท์หันมาเผชิญหน้ากับผม จับแก้มผมไว้ทั้งสองข้าง ก่อนจะเขย่งแล้วจุ๊บที่ริมฝีปากผมเบาๆ แต่พอเขาผละออก กลับเป็นผมเองที่มอบจุมพิตดูดดื่มให้ ทั้งดูดดื่มและยาวนานจนนนท์หอบอกสะท้านทันทีที่ผละออก
“แล้วพัฒน์จะไปกินข้าวเที่ยงกับนนท์ที่คณะพรุ่งนี้นะครับ” นนท์พยักหน้ากับคำพูดของผม หลังจากนั้นผมก็เข้าไปอาบน้ำต่อ ออกมาก็พบว่านนท์เตรียมชุดนักศึกษาสำหรับใส่พรุ่งนี้ของผมใส่กระเป๋าไว้ให้แล้ว ผมเดินไปหอมแก้มนนท์ทั้งสองข้าง พร้อมพูดขอบคุณ นนท์แค่ยิ้มให้และบอกให้ผมนั่งลงก่อนที่เขาจะเป็นคนเช็ดผมให้ผมจนแห้ง
นนท์เดินออกมาส่งผมที่หน้าห้องหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว “ดูแลตัวเองนะครับ เจอกันพรุ่งนี้” ผมบอก ตอนนี้เราสองคนยืนอยู่ที่หน้าประตู
“ครับ” นนท์รับคำและยิ้มให้
“. . . . .” ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกไม่อยากไปยังไงก็ไม่รู้ แต่สุดท้ายผมก็ทำได้แค่ดึงนนท์มากอดไว้และมอบจูบหวานๆ ให้อีกครั้งก่อนจะผละออก
“รักพัฒน์นะ”
แน่นอนว่าผมไม่ได้ยิน และผมก็ไม่รู้ว่าตอนที่ผมก้าวออกมาจากที่นั่นมีใครบางคนสวนเข้าไป
.
.
.
.
.
“ไอ้พัฒน์ เที่ยงนี้ไปกินข้าวที่ไหนวะ” ไอตี๋เพื่อนสนิทตั้งแต่ ม.ปลายที่อุตส่าห์ตามมาเรียนคณะเดียวกันที่มหา’ลัย จนผมไปไหนไม่ได้ต้องเป็นเพื่อนกับมันต่อเอ่ยถามเมื่อเราเลิกเรียนช่วงเช้าแล้ว แต่มีเรียนช่วงบ่ายอีกที
“กูอยากไปกินคณะบริหารว่ะ” ไอ้เกลเพื่อนที่เพิ่งมารู้จักกันตอนปีหนึ่งแต่สนิทกันเร็วมากประดุจสนิทกันตั้งแต่เกิดพูดขึ้นบ้าง ไอ้นี่กะจะไปม่อเด็กบริหารชัวร์ ผมส่ายหัว
“กูจะไปกินที่คณะแพทย์” ผมบอกเรียบๆ นอกจากกับนนท์และเพื่อนสนิทสองคนนี้ ผมก็ไม่ค่อยพูดกับคนอื่นนักหรอก แต่มันดันกลายเป็นเรื่องที่ทำให้ผมดังกว่าเดิม เห็นไอ้ตี๋บอกว่าสาวๆ ชอบผู้ชายลุคนิ่งๆ แบบผมเพราะมันแลดูแบดบอย ซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหัวปลงๆ ไม่สามารถเข้าใจผู้หญิงได้เลยจริงๆ
“แน่ะๆ ห่างกันไม่ได้เลยน้าาาา กับพี่หมอนนท์เนี่ย” ไอ้ตี๋มันแซวทำหน้ากระลิ้มกระเหลี่ย แต่ผมไม่สนใจ มุ่งหน้าไปที่รถตัวเองทันที ไอ้สองตัวก็รีบวิ่งตามหลังมาอย่างรวดเร็ว
พอไปถึงโรงอาหารคณะแพทย์ ผมก็กดโทรศัพท์หานนท์ทันที เพราะตอนนี้นนท์เองก็เลิกคาบเช้าและน่าจะลงมาถึงโรงอาหารแล้ว แต่เขาไม่รับสาย ไม่ว่าจะกดโทรกี่ครั้งก็ไม่มีเสียงตอบรับจนผมร้อนใจ เพราะนนท์ไม่ใช่คนที่จะไม่รับสายผม ถ้าหากว่าเขาเรียนหรือกำลังทำอะไรอยู่แล้วไม่สะดวกรับสายผม เขาก็จะส่งข้อความมาบอก ไม่ใช่เงียบแบบนี้
“เฮ้ย ไอ้พัฒน์ตรงนั้นเขามุงอะไรกันวะ” ไอ้เกลตาดีสะกิดผมให้ดู ตรงนั้นเหมือนมีกลุ่มนักศึกษากำลังมุงดูอะไรอยู่
“เขาตบกันรึเปล่ามึง มีเสียงด่ากันด้วยว่ะ” ไอ้ตี๋เสริม ปกติแล้วผมไม่ใช่พวกชอบยุ่งเรื่องคนอื่น หรือมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นอะไร แต่ครั้งนี้ขาผมมันเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีก็ไปถึงกลุ่มคนตรงนั้นแล้ว
“ขอโทษนะครับ. . .ขอทางหน่อย” ผมบอกอย่างสุภาพ คนที่มุงดูอยู่บางคนที่เห็นผมก็มองมาอย่างตกใจ แต่ก็ยอมแหวกทางให้ผมง่ายๆ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน จนพอผมเห็นว่าเขามุงดูอะไรกันอยู่นั่นแหละผมถึงได้เข้าใจ จากอารมณ์ปกติเมื่อครู่ถูกแทนด้วยอารมณ์เดือดทันที
“แกมันไม่เหมาะสมกับพัฒน์สักนิด!!”
“หยุดนะ!!” ผมตะโกนเสียงดัง เข้าไปผลักผู้หญิงคนนั้นที่กำลังทึ้งผมนนท์อย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะหาว่าผมหน้าตัวเมียรังแกผู้หญิง ผมจำเป็นต้องใจดีกับคนที่รังแกแฟนผมหรือไง
“พัฒน์. . .” นนท์เรียกผมเสียงแผ่ว ผมคว้าตัวเขาที่มีรอยน้ำก๋วยเตี๋ยวเต็มตัวมากอดไว้
“พัฒน์. . .” ผู้หญิงคนนั้นก็เรียกผมเบาๆ เหมือนกัน ตาเบิกกว้างคงจะตกใจไม่คิดว่าผมจะโผล่มาเห็นตอนที่เธอกำลังรังแกแฟนผมพอดี
“ทำอะไรของเธอ!!” ผมถามเสียงเข้มจนเกือบกลายเป็นตะคอก นนท์ที่อยู่ในอ้อมกอดผมสะดุ้ง คงตกใจ ผมได้สติลูบหลังเขาอย่างต้องการปลอบ
“พัฒน์. . .พี่” เธอลนลานพยายามจะแก้ตัว ผมจำเธอได้แล้ว ถึงจะจำชื่อไม่ได้แต่ก็จำได้ว่าเคยเจอตอนผมเทรนประกวดเดือนมหาลัยเพราะเธอเป็นดาวปีสี่
“ผมถามว่าทำอะไรแฟนผม” ผมถามชัดๆ เสียงเรียบ เธอหน้าซีด คงจะกลัว แน่ล่ะก็พ่อผมเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยนี้นี่นา แต่ถึงไม่ต้องใช้อำนาจของพ่อผมก็จัดการเธอได้เองสบายๆ (อันที่จริงผมก็ไม่ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิดอยู่แล้ว)
“ก็แล้วทำไมพัฒน์ต้องเป็นแฟนกับหมอนี่ล่ะ!!” เธอเชิดหน้าขึ้นถาม พยายามกลบเสียงสั่นๆ ของตัวเองไว้
“แล้วผมจะเป็นแฟนกับนนท์มันเป็นธุระอะไรของใครด้วย” ผมเองก็ถามเสียงเรียบเหมือนเดิม ไม่เข้าใจว่าคนอื่นจะมาเดือดร้อนอะไรกับการที่ผมจะเป็นแฟนกับนนท์ ผมไม่ได้ไปนั่งจีบกันบนหลังคาบ้านใครสักหน่อย!!
“ก็ไอ้นั่นมันขี้เหร่”
“แล้วไง”
“มันมีอะไรดีนักหนาพัฒน์ถึงหลงมันขนาดนี้” เธอยังคงถามต่อไป
“ดีกว่าเธอก็แล้วกัน” พูดจบผมก็พานนท์เดินออกมาจากตรงนั้นแล้วเดินมาที่ห้องน้ำทันที “ฝากมึงสองคนไปเอาเสื้อตัวใหม่ที่รถกูที” ผมบอกไอ้ตี๋กับไอ้เกลที่เหมือนยังงงๆ อยู่พร้อมกับส่งกุญแจรถตัวเองให้มัน
“พัฒน์. . .”
“มันน่าฆ่าให้ตายนัก” ผมสบถพร้อมๆ กับแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาของนนท์ไปด้วย “ทำไมนนท์ต้องยอมให้เขาทำอยู่ฝ่ายเดียวล่ะครับ”
“ก็เขาเป็นผู้หญิง” นนท์บอกเสียงอ่อย ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เฮ้อ. . .นนท์ดีขนาดนี้ทำไมคนพวกนั้นถึงชอบหาเรื่องกันนัก
“ถึงเขาเป็นผู้หญิงนนท์ก็สู้ได้นะครับ นนท์ไม่ได้ไปหาเรื่องไปทำร้ายเขา นนท์แค่ป้องกันตัว” ผมบอก นนท์ก็เป็นซะแบบนี้ ยอมให้คนอื่นทำร้ายตัวเองโดยไม่ตอบโต้อยู่เรื่อย ไม่ใช่สู้ไม่ได้หรืออะไร อย่างที่บอก นนท์เป็นคนดีเกินกว่าที่จะทำร้ายคนอื่น แม้ว่าคนๆ นั้นจะทำร้ายตัวเองก็ตาม มันดูงี่เง่าสำหรับคนที่ไม่ยอมใครอย่างผม แต่ก็นั่นแหละ เพราะนนท์เป็นแบบนี้ผมถึง. . .รัก
“พัฒน์. . .” นนท์เรียกเสียงแผ่ว ดวงตาสั่นๆ คู่นั้นก็เงยหน้ามาสบตาผม ในขณะที่ผมกำลังใช้ผ้าเปียกเช็ดคราบน้ำก๋วยเตี๋ยวออกให้
“ครับ?” ผมขานรับ นนท์เผยอปากขึ้นเหมือนจะพูดอะไร ผมก็รอฟัง แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จนพวกไอ้ตี๋กับไอ้เกลกลับเข้ามา
“อ่ะมึง เสื้อ” ไอ้เกลยื่นเสื้อนักศึกษาที่ผมมักจะมีติดรถไว้เสมอมาให้ ผมรับมาและใส่ให้นนท์ทันที
“นนท์ยังไม่กินข้าวใช่มั้ย ไปกินข้าวก่อนนะครับเดี๋ยวพัฒน์พาไปส่งที่คณะเอง” ผมบอกและทำท่าจะดึงนนท์ออกมาจากห้องน้ำ แต่เขากลับขืนตัวไว้ ไม่ยอมออกมา
“พัฒน์ไปกับเพื่อนเถอะ เดี๋ยวนนท์จะไปกับเพื่อนเหมือนกัน”
“เพื่อน? ใครครับ” ผมรู้จักเพื่อนของนนท์ทุกคน อันที่จริงจะบอกว่าผมสนิทกับเพื่อนของนนท์ทุกคนคงไม่แปลกนัก ด้วยความที่นนท์ค่อนข้างมีเพื่อนน้อย คนที่เห็นสนิทจริงๆ ก็เห็นจะมีแค่พี่น้ำสาวสวยรองดาวคณะแพทย์กับพี่แบมคณะบัญชีที่มาจากโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่ม.ปลาย
“คะ. . .คนนี้พัฒน์ไม่รู้จักหรอก” นนท์บอกเสียงอ้อมแอ้ม
“นนท์มีเพื่อนที่พัฒน์ไม่รู้จักด้วยหรอครับ” จะหาว่าคาดคั้นก็ได้ แต่ท่าทีของนนท์ที่ดูแปลกๆ ทำให้ผมตงิดใจ ไม่ได้คิดว่านนท์จะสวมเขาให้หรืออะไร แต่ผมคิดว่านนท์กำลังมีอะไรที่ปิดบังอยู่
“ก็. . .อื้ม. . .มีสิ เพื่อนที่คณะนั่นแหละ” นนท์ตอบแต่ไม่ยอมสบตาผม
“นนท์แน่ใจนะ” ผมถามย้ำ นนท์เงยหน้ามาสบตากับผมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง. . .
“แน่ใจครับ. . .พัฒน์กลับไปก่อนนะ นนท์ไม่เป็นไร” ผมถอนหายใจออกมา ท่าทีจริงจังของคนรักทำให้ผมต้องยอมแพ้
“ก็ถ้านนท์ว่าอย่างนั้น. . .กลับไปเจอกันที่คอนโดก็ได้ครับ”
“อืม. . .” นนท์พยักหน้ารับคำ ผมถอนหายใจเบาๆ ก้มลงสูดความหอมของพวงแก้มขาวที่ปรากฏเลือดฝาดจางๆ เพราะอากาศร้อน ก่อนจะปล่อยมือเขาแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นก่อน แต่ไม่ทันจะก้าวออกพ้นประตู ก็มีเสียงเรียของคนข้างในดังขึ้นซะก่อน
“พัฒน์. . .” ผมหันไปตามเสียงเรียก ขานรับเบาๆ พร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“นนท์รักพัฒน์นะ. . ." คำบอกรักไม่มีปี่มีขลุ่ยจากคนรักไม่ได้เรียกรอยยิ้มดีใจจากผมอย่างเคย ความรู้สึกใจหายมันก่อขึ้นมาในใจได้ยังไงผมเองก็ไม่รู้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เลือกที่จะก้าวเข้าไปคว้าตัวนนท์มากอดแนบแน่นเหมือนจะไม่ได้กอดอีกและตอบกลับนนท์ไปด้วยคำเดียวกัน
“พัฒน์ก็รักนนท์ครับ”.
.
.
.
.
“มึงจะรีบไปไหนวะพัฒน์ คอนโดมึงไม่หนีไปไหนหรอกน่า” ไอ้เกลแซวขำๆ เมื่อเห็นผมรีบเก็บหนังสือ ปากกา อุปกรณ์การเรียนอื่นๆ เข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็วทันทีที่เลิกเรียนของวันนี้ และจุดหมายของผมที่จะไปทันทีก็คือคอนโดของผมที่บังคับให้นนท์มาอยู่ด้วยกันตั้งแต่คบกันแรกๆ
“เออ เพิ่งห้าโมงเย็นเองนะเว้ย” ไอ้ตี๋บอกอีกคน
“กูจะรีบกลับไปหานนท์” ผมบอกพวกมันสองคน มือก็ปิดกระเป๋าเป้ของตัวเอง สะพายข้างแล้วเดินออกมาจากห้องทันที ไม่ได้ลืมว่าวันนี้กว่านนท์จะเลิกก็ตั้งทุ่มหนึ่ง และเขาก็ไม่ได้เข้าเวร ฉะนั้นช่วงเวลาที่นนท์จะกลับถึงคอนโดก็ราวๆ ทุ่มครึ่ง แต่เพราะอะไรไม่รู้ผมถึงอยากรีบกลับไปรอนนท์ที่ห้องมากกว่ารอเวลานนท์เลิกเรียนอยู่ที่นี่ เพราะเรานัดกันว่าจะเจอกันที่คอนโดเลย เพราะว่าท่าทีแปลกๆ ของนนท์ตอนเที่ยง หรือเพราะว่าความรู้สึกใจหายตอนได้ยินคำบอกรักกันแน่ แต่ไม่ว่าจะอะไรแล้วแต่ ตอนนี้ผมก็อยากกลับไปหาเขาให้เร็วที่สุด
17.27 นาฬิกาดิจิตอลที่หัวเตียงบอกเวลาไว้แบบนี้ตอนที่ผมถึงห้องพอดี ผมเก็บกระเป๋า เข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย พอออกมาแต่งตัวเสร็จก็ส่งข้อความหานนท์
‘กลับมากินข้าวที่ห้องนะครับ เดี๋ยวพัฒน์ทำไว้รอ’ยิ้มกับข้อความที่ส่งไป เดินฮัมเพลงเข้าครัวอย่างอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ไม่บ่อยหรอกที่ผมจะเข้าครัว ส่วนมากจะเป็นนนท์มากกว่า นนท์เป็นคนเก่ง เขาเก่งในหลายๆ เรื่อง ทั้งทำอาหาร ซ่อมนู่น บำรุงนี่ รวมถึงการดูแลคนอื่น เพราะนนท์เป็นเด็กที่มาจากสถานสงเคราะห์ เขาต้องช่วยเหลือและดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก การที่เขาสามารถได้ทุนมาเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยนี้ได้ เป็นสิ่งยืนยันถึงความสามารถและพยายามของคนๆ นี้ได้เป็นอย่างดี
19.00ทำอาหารเสร็จก็กลับมาดูนาฬิกาอีกครั้ง เห็นว่าเป็นเวลาที่นนท์เลิกเรียนแล้ว ผมก็เข้าครัวจัดโต๊ะอาหารนำดอกกุหลาบสีขาวที่นนท์ชอบใส่แจกันวางไว้บนโต๊ะเพื่อเพิ่มบรรยากาศพิเศษของเราสองคนในคืนนี้ อย่างน้อยก็ทดแทนที่ผมปล่อยให้นนท์นอนคนเดียวในคืนวันครบรอบของเรา
19.40ผมดูนาฬิกาอีกครั้ง นนท์ควรจะมาถึงแล้ว สงสัยวันนี้รถคงจะติด ผมเลยลุกขึ้นอุ่นอาหารและส่งข้อความไปบอกอีกครั้ง
20.20ผมเริ่มกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดที่ นี่มันเลยเวลาที่นนท์ควรจะมาถึงร่วมชั่วโมงแล้ว ไม่ได้การ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที แต่แทนที่จะได้ยินเสียงนุ่มๆ ของนนท์ เสียงที่ตอบกลับมาดันเป็นเสียงของโอเปอร์เรเตอร์เครือข่ายโทรศัพท์แทน
‘ขออภัยค่ะ หมายเลขที่คุณเรียก. . .’ผมกดวางแบบไม่รอให้เธอพูดจบ ก่อนจะกดโทรออกไปอีกครั้ง และผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิม ไม่สามารถติดต่อได้
โอเค ใจเย็นๆ พัฒน์ รออีกสักหน่อย นนท์อาจจะกำลังติดอะไรอยู่ที่มหาลัยก็ได้. . .
22.00ผมลุกขึ้นแต่งตัวใหม่หยิบกระเป๋าสตางค์พร้อมทั้งกุญแจรถที่หัวเตียงทันทีเมื่อเห็นว่าเวลามันล่วงเลยจนเกินไปแล้ว แต่ในขณะที่ผมกำลังจะหยิบกุญแจรถมือของผมชะงักอยู่กับที่เพราะอะไรบางอย่างที่เคยวางอยู่ตรงโต๊ะหัวเตียงมันหายไป
รูปของผมกับนนท์. . .
รูปที่ผมเป็นคนใส่กรอบและวางเอาไว้เองตอนที่นนท์ย้ายเข้ามาใหม่ๆ ตอนนี้มันหายไปผมวางกุญแจไว้ที่เดิม มองไปรอบๆ ห้อง ก็พบว่าของในห้องบางส่วนมันหายไป มันจะไม่อะไรเลยถ้าของที่หายไปทั้งหมดนั้นไม่ใช่ของๆ นนท์
ทำไมผมถึงไม่สังเกตตั้งแต่เข้ามาในห้องตอนแรก ทำไมผมถึงไม่รู้. . .ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ลากเท้าที่หนักอึ้งไปทางตู้เสื้อผ้า. . .
ขอร้องกับพระเจ้า อย่าให้สิ่งที่ผมกลัวเป็นจริงเลย.
.
.
TBC
.
.
.
มาแล้วจ้า หายไปนานเลย 55555 เรื่องสั้นค่อนข้างแต่งยากกว่าเรื่องยาวเน๊าะ และอีกอย่างไฟล์นิยายก็ติดไปกับเพื่อนด้วย เพิ่งไปบังคับมันเอาคืนมา ฝากติดตามด้วยจ้า ใกล้จบแล้ว