❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
ตอนที่ 21 ✢ กำเนิด Straw'ry Cafe "นัทอยากได้บ้านแบบไหน เดี๋ยวพี่จะสร้างให้"
คนถูกถามหยุดใช้มีดหั่นเนื้อสเต็กแล้วก็วางมีดกับส้อมลงชั่วคราว ก่อนจะทำท่านึกด้วยแววตาชวนฝัน
"อืม...นัทอยากมีบ้านอยู่ในไร่ ไม่ต้องใหญ่มากหรอก แต่ต้องดูโมเดิร์นๆ หน่อย ไม่เกินสองชั้นเพราะว่านัทขี้เกียจเดินขึ้นหลายชั้น มีหมาซักตัวก็ดีนะ นัทอยากเลี้ยงหมา ถึงมันจะเคยกัดนัทตั้งสองครั้งก็เหอะ มันจะได้อยู่เป็นเพื่อนเราด้วย"
คนพูดยิ้มอย่างอารมณ์ดี แล้วก็ขมวดคิ้วสงสัยเมื่อนึกบางอย่างได้ "ว่าแต่...พี่แฟรงค์มีตังค์เยอะพอจะสร้างบ้านของเราเหรอ นัทมีเก็บไม่ถึงล้านเลย คงซื้อได้แค่เสาไม่กี่ต้น" นัทพูดติดตลกตอนท้าย
ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มชิ้นเนื้อสเต็กเข้าปาก ส่วนนัทก็กลับมาหั่นเนื้อสเต็กกินก่อนจิ้มส่งเข้าปากเช่นกัน
"ก็มีพอสร้างได้อยู่ แต่เราเอาไว้สร้างทีหลังดีกว่า ช่วงนี้...เราคงต้องหาบ้านเช่าอยู่ไปก่อน"
"ไปอยู่บ้านนัทก่อนมั้ย ไม่อยากให้พี่แฟรงค์เปลืองเงินน่ะ นัทเองก็ยังไม่มีรายได้ คงช่วยพี่แฟรงค์ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หรอก กลัวจะเป็นภาระพี่แฟรงค์ด้วยซ้ำ"
"อย่าคิดมากสิ พี่เป็นคนพานัทหนีมาเอง พี่ก็จะรับผิดชอบทุกอย่าง ไม่ให้นัทลำบากหรอก"
"ไม่ได้หรอกพี่แฟรงค์ นัทเกรงใจ อีกอย่าง...เราสองคนก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน เราต้องช่วยกัน ต้องแชร์กัน อย่างน้อยก็ต้องครึ่งต่อครึ่งนั่นแหละถึงจะยุติธรรม"
ฟังแล้วผมก็มองหน้านัทอย่างครุ่นคิดเพราะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย ถ้าผมแต่งงานกับผู้หญิง ผมก็จะถูกคาดหวังให้เป็นฝ่ายดูแล หาเงินและรับผิดชอบทุกอย่างตามบทบาทของผู้ชายโดยทั่วไป แต่คู่ชีวิตชาย-ชายคงมีหลายๆ อย่างแตกต่างจากคู่ชีวิตหนุ่ม-สาวทั่วไปพอสมควร ผมเองก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้ บางทีเราก็อาจจะต้องปรึกษากับคนที่มีประสบการณ์บ้างก็ดี
"ถ้าอย่างงั้น...พี่ว่าเราควรจะเริ่มทำความฝันของเราสองคนให้เป็นจริงให้เร็วที่สุดแล้วล่ะ เราจะได้ช่วยกันทำ มีรายได้เท่าๆ กัน ดีมั้ยล่ะ"
นัทเอียงคอมองอย่างสงสัย "ความฝันอะไรเหรอพี่แฟรงค์"
ผมวางส้อมกับมีดลงแล้วก็ยิ้ม มองหน้าคนที่เพิ่งตกลงเป็นคู่ชีวิตกันอย่างเอ็นดู
"นัทรู้มั้ยว่าทำไมพี่ถึงพานัทหนีมา ไม่ใช่เพราะว่าพี่ถูกบังคับให้แต่งงานอย่างเดียวเท่านั้นหรอกนะ"
นัททำท่านึก แล้วก็หัวเราะแหะๆ "จำไม่ได้"
"โธ่" ผมส่ายหัวช้าๆ แต่ก็ยังยิ้มอยู่ "นัทจำวันที่เราเจอกันครั้งแรกแล้วก็นั่งคุยกันในร้านกาแฟที่รีสอร์ทได้ใช่มั้ย"
นัทพยักหน้า ก่อนจะใช้มีดหั่นสเต็กเบาๆ แล้วส่งเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
"พอพี่ได้ยินว่านัทอยากหาประสบการณ์เอาไปทำรีสอร์ท พี่ก็คิดมาตลอดเลยว่าพี่อยากทำรีสอร์ทด้วยกันกับนัท เป็นรีสอร์ทที่เราสองคนช่วยกันทำ นัทจำได้ใช่มั้ยว่าพี่เคยบอกนัทว่าพี่อยากทำรีสอร์ทบนภูเขา จริงๆ แล้ว...พี่คิดมาตลอดเลยว่าพี่อยากกลับมาทำรีสอร์ทที่เขาค้อ แต่พ่อพี่เค้าไม่ยอม ก็อย่างที่นัทรู้นั่นแหละ ที่สำคัญนะ นัทรู้มั้ย..."
ผมหยุดทุกอย่างแล้วก็จ้องตานัทที่กำลังเคี้ยวอาหารพร้อมกับตั้งใจรอฟังไปด้วย
"เราสองคนมีความฝันร่วมกันมาตั้งนานแล้วนะนัท มีมาก่อนที่เราจะกลับมาเจอกันซะอีก พอพี่รู้ตัวว่าพี่รักนัทแล้ว พี่ก็คิดมาตลอดเลยว่าพี่อยากทำอะไรสักอย่างกับนัท มันเป็นเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้พี่พานัทหนีมาที่นี่ พี่อยากสร้างอะไรที่เป็นของพี่เอง ทำอย่างที่พี่ฝัน แล้วที่สำคัญ พี่อยากพิสูจน์ตัวเองว่าพี่ทำได้ พี่ไม่อยากยืมลมหายใจของปู่หรือพ่อไปตลอดหรอก"
ผมหยุดเว้นจังหวะ หั่นสเต็กในจานกินไปอีกคำสองคำ ก่อนจะยกแก้วไวน์แดงขึ้นมาชนแก้วกับนัท จิบกันคนละจิบสองจิบแล้วก็คุยต่อ
"นัทรู้มั้ย ชีวิตพี่ไม่เคยมีอิสระเลย พี่อยู่ใต้เงาของพ่อมาตั้งแต่พี่เกิด พี่รู้ว่าพ่อรักพี่นะ พี่ก็รักพ่อของพี่ แต่บางอย่างมันก็มากเกินไป พี่ยังเคยอิจฉาคนที่มีชีวิตอย่างนัทเลย พอโตแล้วก็ได้ออกจากบ้านมาใช้ชีวิตของตัวเอง ทำผิดทำถูกบ้าง ไม่ต้องอยู่แต่ในกรอบ แถมยังได้เรียนรู้อะไรอีกตั้งหลายอย่าง ไม่ต้องอยู่แต่กับธุรกิจอย่างพี่ แต่นัทเชื่อมั้ย จากที่พี่เคยกลัวพ่อมาก พอพี่ได้กลับมาเจอนัทอีกครั้ง พี่ก็รู้เลยว่า...พี่จะยอมให้พ่อบังคับจนต้องเสียนัทไปเหมือนตอนนั้นอีกไม่ได้ พี่เสียใจมากนะที่เราสองคนต้องจากกัน ถึงวันนี้พี่ก็ยังเสียใจอยู่ เมื่อก่อนพี่ไม่มีแรงบันดาลใจว่าพี่จะอยากมีอิสรภาพไปทำไม แต่ตอนนี้นัทเป็นแรงบันดาลใจของพี่ ทำให้พี่กล้า ทำให้พี่เห็นปลายทางชีวิตที่พี่ต้องการ ทำให้พี่รู้ว่าต้องลุกขึ้นสู้เพื่ออิสรภาพ สู้เพื่อความรัก แล้วก็สู้เพื่อความฝันของตัวเอง พี่รู้ว่าอยู่กับครอบครัวก็ไม่ลำบากอะไรหรอก แต่พี่แค่ไม่สามารถเป็นอย่างที่พี่อยากเป็น หรือทำอย่างที่พี่ฝันอยากจะทำ เพราะนัทนะ...พี่ถึงกล้าที่จะปลดแอกชีวิตให้เป็นอิสระซะที พี่รู้ว่ามันไม่ถูกหรอกที่พี่ทำแบบนี้ แต่บางที...เหตุการณ์วันนี้อาจจะเป็นแค่โอกาสเดียวในชีวิตของพี่ ถ้าพี่ไม่คว้าไว้แล้วรอให้ทุกอย่างพร้อม พี่ก็อาจจะไม่มีโอกาสอีกเลยตลอดชีวิต พี่ถึงไม่เสี่ยงรอให้นานกว่านี้ไง"
ผมเลื่อนมือไปข้างหน้าแล้วก็กุมมือของนัทที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารไว้ ก่อนจะจับมือกันและบีบเบาๆ
"เรามาสร้างความฝันของเราสองคนด้วยกันนะนัท พอเราสองคนมีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว เราค่อยสร้างบ้านในฝันของเรา นัทรอได้ใช่มั้ย ถ้าเราตั้งใจ...พี่เชื่อว่าไม่นานหรอก"
นัทก้มมองดูมือของเราที่จับกันไว้ ก่อนจะยิ้มอย่างซาบซึ้งใจและพยักหน้าตกลง
"นัทพร้อมอยู่แล้ว ไม่ว่าพี่แฟรงค์จะพานัทไปไหนหรือทำอะไร นัทก็จะอยู่ข้างๆ พี่แฟรงค์ เราจะมีรีสอร์ทในฝันแล้วก็บ้านในฝันด้วยกันให้ได้"
"ขอบคุณที่เชื่อใจกันนะครับที่รักของพี่แฟรงค์"
นัทหัวเราะชอบใจใหญ่เลยคราวนี้ ผมมองหน้าใสสว่างที่อาบด้วยแสงเทียนแล้วก็ยิ้มมีความสุข แม้ว่าในใจยังคงมีความกังวลอยู่หลายเรื่องอยู่ก็ตาม
"พี่ชอบไอเดียนั้นของนัทนะ ที่นัทคุยให้พี่ฟังที่นี่ไง จำได้มั้ย เรื่องรีสอร์ท ไร่สตรอเบอรี่ แล้วก็ร้านกาแฟ"
นัทพยักหน้าไวๆ "จำได้ๆ พี่แฟรงค์ว่าดีมั้ยล่ะ เราอาจจะเริ่มจากทำไร่สตรอเบอรี่ก่อน แล้วก็ทำร้านกาแฟติดๆ กับไร่ ลูกค้าจะได้เดินเข้าไปดูในไร่ได้ ใครอยากซื้อสตรอเบอรี่สดๆ ก็มาซื้อที่ไร่เราได้เลย ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางทุกอย่าง พอเรามีเงินค่อยขยายไปทำรีสอร์ท"
นัทเล่าด้วยสายตาเป็นประกาย ทำให้ผมพอเดาได้ว่าเจ้าตัวคงอยากทำจริงๆ
"พี่ก็คิดว่าดีนะ อีกอย่าง...พี่ว่าเราควรจะมีชื่อที่น่าสนใจด้วย แล้วพี่ก็อยากให้ชื่อมันมีความหมายถึงเราสองคน ทำให้คนอยากรู้เรื่องของเรา หรืออย่างน้อยๆ ก็อยากรู้ที่มาที่ไปของชื่อนี้ นัทว่าดีมั้ย ยังไม่ต้องคิดตอนนี้หรอก ไว้ค่อยคิดก็ได้"
"ได้ๆ เดี๋ยวคืนนี้นัทจะลองคิดชื่อไว้ดูนะ"
"คิดว่าคืนนี้นัทจะมีเวลาได้คิดชื่อเหรอ" ผมถามพลางยักคิ้ว สายตาเป็นประกาย "คืนนี้เอาไว้ทำอะไรพิเศษๆ ดีกว่านะ ชื่อไว้คิดพรุ่งนี้ก็ได้"
นัทหัวเราะหน้าแดง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไวน์หรือความเขินกันแน่
"พี่แฟรงค์ตลกง่ะ"
นัทพูดประโยคที่ชอบพูดบ่อยๆ เวลาที่ผมทำให้หัวเราะมีความสุข จากนั้นเราก็ทานอาหารและไวน์กันต่อ เสร็จจากอาหารคาวก็มีอาหารหวานตามมา ก่อนจะปิดท้ายด้วยไอศครีมฮาเกนดาสที่ผมแช่ตู้เย็นไว้จนมันคืนสภาพคล้ายเดิมอีกครั้ง หลังจากที่เป็นของเหลวมาหลายชั่วโมงระหว่างการเดินทาง อาหารมื้อเย็นใต้แสงเทียนที่แสนพิเศษของเราสองคนจึงยุติลง
"ไปแปรงฟันกันดีกว่า"
ผมบอกนัทหลังจากที่พนักงานมาเก็บจานอาหารและเคลียร์พื้นที่ให้จนเรียบร้อยดีแล้ว
"ไปทั้งชุดนี้เลยเหรอ" นัทหันมาถามอย่างแปลกใจ
"ก็ถอดออกก่อนสิ แต่ว่า...พรุ่งนี้เราต้องใส่ต่ออีกนะ เพราะฉะนั้น เราต้องแขวนไว้ก่อน พี่ซื้อไม้แขวนมาด้วย"
"โห...พี่แฟรงค์เตรียมพร้อมทุกอย่างเลย"
"แน่นอน"
ว่าแล้วผมก็โอบเอวนัทแล้วพาเดินเข้ามาข้างในห้อง ก่อนจะช่วยกันถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่เสื้อกล้ามและชุดชั้นในสีขาวด้วยกันทั้งคู่
อากาศหนาวมากจึงทำให้ไม่มีเหงื่อและเหนียวเหนอะหนะ ผมกับนัทจึงแค่แปรงฟันก็เพียงพอแล้ว เราสองคนยืนแปรงฟันด้วยกันหน้าอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ในขณะที่แปรงก็มองดูกระจกไปด้วย แปรงฟันไปยิ้มไป ปากเป็นฟองขาวๆ ด้วยกันทั้งคู่
สักพักนัทก็เหลือบตาลงมองต่ำ หรี่ตามองอะไรบางอย่างแล้วค่อยๆ หยุดแปรงฟัน ก่อนจะใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือแปรงสีฟันที่วางอยู่ข้างๆ ตัวคว้าหมับเข้าที่เป้าของผมที่ตุงผิดธรรมดา ผมสะดุ้งตกใจเล็กน้อยแล้วก็หันไปหัวเราะแหะๆ โดยไม่เปิดปากอย่างอายๆ กับนัท
"พี่แฟรงค์หื่นนะเนี่ย" นัทพูดด้วยเสียงอู้อี้เพราะเปิดปากพูดไม่ถนัด แล้วก็ค่อยๆ ปล่อยมือจากตรงนั้นของผม
"พี่แฟรงค์มีเมียน่ารักอย่างนี้ จะไม่ให้หื่นได้ยังไง" ผมด้วยเสียงอู้อี้พอกันแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ ส่วนนัทก็ได้แต่ขำเบาๆ
พอแปรงฟันเสร็จแล้วเราก็บ้วนปากพร้อมกัน ก่อนจะยืนมองกันในกระจกตรงหน้า ผมมีความสุขมากเหลือเกินที่เราสองคนได้กลับมายืนคู่กันที่บ้านเกิดของเราอีกครั้ง แต่ก็มีหลายอย่างที่แตกต่างไปเพราะเราไม่ใช่เด็กชายแฟรงค์และเด็กชายนัทเหมือนเมื่อก่อน ตัวเราโตขึ้น หน้าตาเราก็เปลี่ยนไปบ้าง หลายๆ อย่างในชีวิตก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมก็คือความรักและผูกพันของเรา
"นัท...คืนนี้เราเก็บเรื่องวุ่นวายเอาไว้ก่อนนะ พี่อยากให้คืนแต่งงานของเราสองคนเป็นคืนที่พิเศษ ไม่อยากให้มีเรื่องไม่ดีมากวนใจ ตกลงมั้ย"
นัทหันมามองผมแล้วก็พยักหน้าตกลง ผมเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสองตัว ส่งให้นัทใส่แล้วก็ใส่ของตัวเองบ้าง จากนั้นจึงพานัทออกมายืนรับลมหนาวเย็นๆ ด้วยกันที่ระเบียงห้องอีกครั้ง
"นัทได้ชื่อร้านกาแฟแล้วล่ะ เพิ่งนึกได้ตอนแปรงฟัน"
"เหรอ นัทจะตั้งชื่อว่าอะไรล่ะ" ผมถามอย่างตื่นเต้น
"Straw'ry Cafe นัทเอาหลายๆ อย่างมาผสมกันไง คาเฟ่ก็จะเป็นร้านกาแฟ ส่วนสตรอรี่ก็เอาคำสองคำมาผสมกัน ก็คือ...สตรอเบอรี่กับสตอรี่ รวมกันเป็น สตรอรี่ เพราะว่าไร่สตรอเบอรี่และร้านกาแฟของเรามีสตอรี่ไง อ้อ แล้วคำว่าสตรอก็แปลว่าหลอดดูด ก็สื่อถึงเครื่องดื่มหรือกาแฟได้อีก นัทว่าคนจะต้องอยากรู้แน่ๆ เลยว่ามันแปลว่าอะไร หรือหมายถึงอะไร"
ผมพยักหน้ารับรู้ช้าๆ พลางคิดตาม จะว่าไปมันก็ไม่เลวเหมือนกัน "พี่ชอบชื่อนี้นะ สั้นๆ แต่รวมทุกอย่างไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวเลย เมียของพี่เก่งจัง"
ว่าแล้วผมก็กระชับอ้อมกอดนัทไว้จากทางด้านหลัง ก่อนจะซุกจมูกลงสูดหอมตรงซอกคอเบาๆ อย่างรักใคร่ นัทหันมายิ้มให้อย่างชอบใจก่อนจะพูดต่อ
"แล้วนัทก็คิดว่า...คนที่มากินกาแฟหรือมาพักที่รีสอร์ทของเราก็ควรจะมีสตอรี่ด้วยนะ ไม่ใช่แค่มาเฉยๆ แต่นัทก็ยังนึกไม่ออกหรอกว่าจะทำยังไงดี"
"เดี๋ยวค่อยช่วยกันคิดต่อก็ได้ พี่มีเพื่อนๆ ที่พอจะช่วยเราคิดเรื่องแบบนี้ได้อยู่หลายคน แล้วก็มีเพื่อนที่น่าจะช่วยออกแบบร้านกาแฟให้ได้ด้วย พวกมันคิดไม่แพงหรอก"
"ดีเลย นัทก็พอมีเหมือนกัน"
"เอ...ว่าแต่เราจะไปทำร้านกาแฟที่ไหนดี ต้องซื้อที่ใหม่หรือเปล่า"
"ไม่ต้องหรอก" นัทรีบหันมาบอก ก่อนจะหันกลับไปแล้วพูดต่อ "แม่ซื้อที่ไว้ให้แล้ว ไปทำที่นั่นก็ได้ แม่นัทน่ะจะยกร้านขนมจีนให้พี่นิว เค้ารู้ว่านัทคงไม่อยากทำเท่าไหร่ ก็เลยไปหาซื้อที่ไว้ให้นัทเผื่ออยากจะทำรีสอร์ท แม่ก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่นัทจะกลับมาทำซะที จะกู้ธนาคารให้ด้วยนะ"
ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็ครุ่นคิด ความจริงผมก็พอรู้เรื่องนี้จากน้านวลมาบ้าง "อีกสองสามวัน...พี่จะพานัทไปขอขมาน้านวลนะ"
นัทฟังแล้วก็หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับผมตรงๆ แววตาของนัทฉายแววเห็นใจจนผมรู้สึกได้
"พี่แฟรงค์ พี่แฟรงค์เข้มแข็งนะ" แม้จะยิ้ม แต่นัทก็น้ำตาซึมหน่อยๆ
ผมรู้ดีว่านัทหมายถึงอะไร นัทเองก็คงรู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่มีรอยยิ้มของผม ข้างในกลับมีแต่ความวิตกกังวลและความรู้สึกไม่มั่นคงเอาเสียเลย มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่ผมจะทำใจได้ แต่ก็ต้องกัดฟันทนและกลืนเลือดของตัวเองเพื่อความรัก อิสรภาพและความฝัน
"พี่เข้มแข็งอยู่แล้ว" ผมพูดพลางเอามือปัดไรผมให้นัทอย่างเบามือ
นัทกอดผมแล้วก็เอียงแก้มลงซบตรงไหล่ ราวกับรู้ว่าคำพูดเพียงอย่างเดียวไม่พอที่จะให้กำลังใจกัน สัมผัสที่อบอุ่นอย่างนี้ต่างหากที่จะถ่ายทอดพลังจากใจสองใจให้กันได้มากยิ่งกว่า
"ขอบคุณพี่แฟรงค์นะที่ยอมทำถึงขนาดนี้เพื่อนัท ทำให้นัทมาตลอดเลยตั้งแต่เด็กๆ เสียสละให้ทุกอย่างทั้งๆ ที่นัทไม่ใช่น้องแท้ๆ ซะหน่อย แล้ววันนี้...พี่แฟรงค์ก็ยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างหลัง นัทรู้นะว่าพี่แฟรงค์เจ็บปวดมาก แต่ก็ยอมเสียสละเพื่อน้องคนนี้ นัทรักพี่แฟรงค์นะ รักมากที่สุดในชีวิตเลย ต่อไป...นัทจะไม่ทำให้พี่แฟรงค์ต้องเสียใจเพราะนัทอีก แล้วนัทก็หวังว่า...ความรักทั้งหมดที่นัทมีให้พี่แฟรงค์ จะช่วยให้พี่ชายและสามีของน้องคนนี้ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงจนถึงความฝันของเรา"
ผมกอดกระชับอ้อมกอดขึ้นอีกนิด โยกตัวนัทเล่นไปมาเบาๆ ก่อนจะพูดตอบกลับไป
"ขอบคุณมากนะนัทสำหรับกำลังใจดีๆ ที่มีให้พี่ ชีวิตของพี่คงถูกลิขิตมาแล้วว่าต้องอยู่กับนัทเท่านั้น พี่ไม่เคยรู้สึกเหนื่อย ไม่เคยคิดว่านัทเอาเปรียบพี่ ไม่เคยคิดว่านัทไม่ใช่น้อง ไม่เคยคิดว่าพี่ลำบากที่ทำอะไรให้นัท พี่มีความสุขที่ได้ดูแลน้องของพี่ มีความสุขที่เห็นนัทยิ้ม มีความสุขที่เห็นนัทกินไอติมอย่างเอร็ดอร่อย ถึงแม้ว่าพี่จะไม่ได้กินด้วยก็เหอะ พี่คนนี้...มีความสุขที่ได้ทำให้นัทมีความสุข พี่เคยบอกนัทไม่ให้นัทเรียกพี่ว่าพี่ แต่ในใจของพี่แฟรงค์คนนี้ก็รู้ดีเสมอว่านัทเป็นน้องของพี่ เป็นคนที่พี่จะต้องดูแลอย่างไม่มีเงื่อนไขตลอดไป พี่เต็มใจเสมอนะ"
ผมเว้นจังหวะหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามหยอกเล่นอย่างอารมณ์ดี "ว่าแต่นัทจะให้พี่เป็นสามีจริงๆ เหรอ"
"อ้าว ทำไมล่ะ พี่แฟรงค์ไม่อยากเป็นเหรอ" นัทผละตัวออกพลางขมวดคิ้วฉงน
"เปล่า ความจริงพี่ก็อยากจะถามนัทเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว ตกลงว่านัท...โอเคใช่มั้ยกับบทบาทนี้"
นัทยิ่งทำหน้างงเข้าไปใหญ่ "บทบาทอะไรเหรอ"
ผมอดที่จะหัวเราะเบาๆ อีกไม่ได้ "ก็...บทบาทข้างล่างไง พี่ไม่รู้ว่านัทอยากมีบทบาทข้างบนมั่งหรือเปล่า"
"อ๋อ" นัทลากเสียงยาวแล้วก็หัวเราะ "ก็พี่แฟรงค์ชิงทำไปก่อนแล้วนี่ แถมยังชิงเรียกนัทว่าเมียอีก"
"จะเปลี่ยนมั่งก็ได้นะ พี่ไม่ว่าหรอก"
นัทก้มหน้าเขิน สักพักก็เงยหน้าขึ้นมามองผมที่ยังคงหัวเราะเบาๆ อยู่
"พี่แฟรงค์อยากลองเหรอ" นัทถามอย่างอายๆ
"ถ้านัทต้องการ พี่ก็ยินดี มีอะไรมั่งล่ะที่พี่จะทำให้นัทไม่ได้ พี่ก็ยอมนัทมาตลอดอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นเหรอ"
"จะดีเหรอ" นัทยังคงเขินอายอยู่
ผมพยักหน้ายิ้มๆ "อื้ม"
"แต่ยังไงๆ พี่แฟรงค์ก็ต้องเป็นสามีนัทนะ นัทน่ะ...ไม่มีปัญหาหรอกที่จะเป็นเมียพี่แฟรงค์"
"แน่นอนอยู่แล้ว ที่พี่พานัทหนีมาก็เพราะพี่อยากเป็นสามีนัทนี่แหละ"
นัทเอามือโอบรอบคอผมแล้วก็หัวเราะชอบใจ
"ที่นัทยอมตามมาด้วยก็เพราะว่านัทอยากเป็นเมียพี่แฟรงค์เหมือนกัน"
"งั้น...เริ่มเลยมั้ย ถ้าช้า...เดี๋ยวพี่เปลี่ยนใจนะ"
นัทพยักหน้าเร็วๆ ตกลงทันที "เริ่มเลยก็ได้"
"สงสัยคืนนี้พี่คงระบมแน่ๆ เลย"
"นัททำเบาๆ ก็ได้"
เราสองคนหัวเราะให้กันและยิ้มเขินไปด้วย ที่ผมคิดได้อย่างนี้ก็เพราะคำพูดของนัทเมื่อตอนกินอาหารเย็นนั่นเอง ชีวิตคู่ของชายกับชายไม่เหมือนชายกับหญิง การแบ่งบทบาทกันจะใช้เพศเป็นเกณฑ์ไม่ได้ ผมไม่ควรคาดหวังให้นัททำงานบ้าน เฝ้าบ้านแล้วผมก็ออกไปทำงานข้างนอก ตรงกันข้าม ผมกับนัทต้องช่วยกันทำงานบ้าน ต่อไปถ้านัทมีรายได้แล้วเราก็ต้องจ่ายเงินเท่าๆ กัน ได้เงินเท่าๆ กัน แม้กระทั่งเรื่องบทบาทบนเตียงนอน ผมกับนัทก็ควรจะแลกเปลี่ยนแบ่งปันกันบ้างตามสมควร ไม่มีใครเสียเปรียบหรือได้เปรียบกัน
แต่ถึงกระนั้น ผมก็คงต้องยอมให้นัทมากกว่าอยู่ดี เพราะก็ผมดูแลนัทมาอย่างนี้ตลอด เต็มใจที่จะให้นัทได้เปรียบในบางเรื่องอยู่แล้ว
จะว่าไปผมก็ชักจะตื่นเต้นเหมือนกัน จินตนาการไม่ออกเลยว่าการเปลี่ยนบทบาทคืนนี้จะเป็นยังไงบ้าง ถ้าไม่ลองก็คงไม่รู้ ลองแล้วนั่นแหละถึงจะบอกได้!- TBC -[/center]