-ตอนเดียวจบ- ในอีกด้านของความรัก ' แฟนเก่า ' ☼ ♥ 28 nov. 2015
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -ตอนเดียวจบ- ในอีกด้านของความรัก ' แฟนเก่า ' ☼ ♥ 28 nov. 2015  (อ่าน 18804 ครั้ง)

ออฟไลน์ afterday

  • อตด.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1856/-9
    • afterday's twitter

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0






☼  ☼  ☼  ☼  ☼  ☼  ☼  ☼  ☼  ☼




ในอีกด้านของความรัก





☼  ☼  ☼  ☼  ☼  ☼  ☼  ☼  ☼  ☼
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2018 02:40:05 โดย afterday »

ออฟไลน์ afterday

  • อตด.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1856/-9
    • afterday's twitter
ในอีกด้านของความรัก
☼ ♥
'เพื่อน'





   ผมเชื่อว่าชีวิตของเราทุกคนก็เปรียบเสมือนการเดินทาง

   ซึ่งผมเป็นคนคนหนึ่งที่เดินทางด้วยรถยนต์เก่า ๆ คันหนึ่งที่มีอายุใกล้จะยี่สิบเจ็ดปีเข้าไปแล้ว รถคันนี้มันแล่นผ่านเส้นทางที่หลากหลาย พบเจอผู้คนและประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงกิโลเมตร บางครั้งผมก็เปิดประตูเพื่อให้ใครบางคนร่วมทางมาด้วย บางคนเข้ากันได้และไปด้วยกันต่อ แต่บางคนก็เหมือนจะไม่เหมาะกับรถของผม และสุดท้ายเขาก็เปิดประตูเดินจากไป เหลือไว้เพียงไออุ่นที่ยังอยู่ติดเบาะและร่องรอยความทรงจำ

   ในบางครั้งผมก็มองกระจกหลัง และเฝ้ามองคนบางคนยืนอยู่ข้างทาง ใครบางคนที่ขึ้นรถผมมาแล้วตัดสินใจขอลงและรอคันต่อไป หรือเขาอาจจะกำลังคิดที่จะเดินกลับไปขับรถของตัวเอง เพื่อออกเดินทางไปยังถนนอีกเส้นที่ตรงข้ามกันกับผม สักวันผมอาจจะไปเจอกับเขาที่จุดตัดหนึ่งของถนน หรือเราอาจจะจบลงที่เส้นขนานและไม่มีวันบรรจบกันได้อีก

   แต่นอกเหนือจากเรื่องราวของคนหลายคนที่เคยร่วมทางกันมาในช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะแยกจากกันไป ผมยังมีอีกคนหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำระหว่างการเดินทาง

   นั่นคือคนที่ผมไม่กล้าเปิดประตูเพื่อเชิญเขาขึ้นรถมาตลอดหลายปีที่ผ่าน



   ผมในตอนนี้กำลังยืนมองรูปเด็กผู้ชายวัยมัธยมปลายสองคนยืนกอดคอกันที่ถูกใส่อยู่ในกรอบไม้สีดำและวางไว้อย่างดีบนหัวเตียง รอยยิ้มเล็ก ๆ ถูกจุดขึ้นตรงมุมปากอย่างไม่ทันได้รู้ตัว

   พลันความทรงจำที่หลบลึกอยู่ภายในก็ถูกบางสิ่งในใจตีให้ฟุ้งกระจายขึ้นมาจนขุ่นคลักไปด้วยความคิดถึง ผมยังจำเรื่องราวในสมัยนั้นได้ดี ช่วงมัธยมปลายปีที่ห้า ช่วงเวลาก่อนที่ผมจะโตเป็นผู้ใหญ่…และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผมได้เจอ ‘มัน’




   ในเวลาหลังเลิกเรียนของช่วงกีฬาสีผมมักจะมานั่งตากลมเย็น ๆ อยู่บนแสตนเชียร์ที่ถูกสร้างไว้รอวันกีฬาสีในปลายปี ซึ่งผมชอบช่วงเดือนกีฬาสีมาก ๆ  อยู่โรงเรียนซ้อมกันจนฟ้ามืด ได้นั่งมองฟ้าสีส้มอมชมพูในตอนพระอาทิตย์กำลังจะลับตา สูดกลิ่นหญ้า และเคล้าไปด้วยเสียงซ้อมเชียร์


   “เฮ้ย!”

   ผมสะดุ้งเมื่อเสียงตะโกนเรียกดังขึ้นด้านล่างแสตนที่ผมนั่งอยู่ พอมองลอดหว่างขาตัวเองลงไปก็เจอเด็กผู้ชายวัยเดียวกันกำลังมองลอดซี่ไม้ขึ้นมาอยู่

   “หะ?”

   “ว่างอยู่ปะ ช่วยยกฉากการแสดงหน่อยดิ”

   ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “กู”

   “มึงแหละ” มันยิ้ม

   “ว่าง ๆ ” ผมรีบตอบรับแล้วขยับลุกขึ้นยืนแล้วก้าวขายาว ๆ ลงจากสแตนไม้ทันที

   พอก้าวลงที่นั่งขั้นสุดท้ายแล้วอีกคนที่ยืนอยู่ด้านในแสตนก็อ้อมมารอข้างล่างด้านหน้า มองหน้าอีกฝ่ายแล้วก็เลิกคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าหล่อที่กำลังส่งยิ้มเป็นมิตรอยู่ตรงหน้า

   “มึงอยู่สีเขียว แต่ตอนนี้มึงไม่ได้ทำไรใช่ปะ พอดีเพื่อนกูหายไปไหนไม่รู้ ฉากมันเพิ่งขนมาจากบ้านกูอะ หาคนช่วยไม่ได้เลย”

   “อ้อ ช่วยได้ ไม่มีปัญหา ให้ไปขนตรงไหนอะ?”

   “ตรงประตูหน้าเลยอะ ตอนนี้ประตูข้างมันปิดไปแล้ว โคตรลำบาก” อีกคนบ่นอุบแล้วขยับมือปาดเหงื่อบริเวณขมับ ทั้งที่ลมตรงนี้แรงอย่างกับอะไร คงไม่พ้นวิ่งมาจากหน้าโรงเรียน

   “นำไปเลยเดี๋ยวไปช่วย”

   ซึ่งการช่วยครั้งนั้น มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของความทรมาณตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่ในรั้วมัธยม…




   “อ่านหนังสือยังวะไทม์”

   ผมเงยหน้าจากจานข้าวของตัวเองเมื่อเสียงของแสงดังขึ้นพร้อมหนังสือเล่มหนาหลายเล่มถูกวางลงแรง ๆ แล้วเจ้าตัวก็นั่งลงตรงข้าม

   “อ่านไปแล้วเมื่อคืน”

   “กูยังไม่ได้อ่านเลยอะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วมึงติวให้กูหน่อยดิ”

   ผมยิ้ม “ก็เมื่อคืนมึงมัวแต่ทำอะไรไม่นอนล่ะ”

   “คุยกับน้องบีอะดิ งอแงไม่ยอมให้กูอ่านหนังสือ บอกช่วงนี้ไม่มีเวลาให้ พอคบเด็กแล้วก็เด็กจริง ๆ ว่ะ”

   “ไหนบอกน่ารักขี้อ้อนไม่ใช่เหรอไง”

   แสงเบะปากแล้วเริ่มก้มหน้าเปิดหนังสือเรียน ผมถือช้อนส้อมค้างเอาไว้หลวม ๆ แล้วจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าหนังสือ…ใบหน้าของคนที่ผมหลงรัก

   ใบหน้าเดียวกับที่ผมพบตอนมองลอดซี่ไม้แสตนลงไปในตอนเย็นของช่วงซ้อมกีฬาสีเมื่อสองปีที่แล้ว

   “แสง”

   “หืม?”

   “กูอิ่มแล้วล่ะ มาเดี๋ยวติวให้”

   “ยังเหลืออีกตั้งครึ่ง แดกก่อนได้นะ ไม่รีบ ๆ ”

   ผมส่ายหน้า แล้วดันจานข้าวที่ยังเหลืออยู่ปริมาณหนึ่งออกห่าง “ไม่รีบห่าไรล่ะ อีกครึ่งช่วงโมงก็เข้าแถวแล้ว ไปดูห้องสอบมาแล้วใช่ไหม?”

   “เออดิ ไลน์ถามไอ้นิคละ”

   “อือฮึ งั้นมา”

   ผมนั่งทวนสิ่งที่ตัวเองอ่านสรุปไปเมื่อคืนให้มันฟังไปเรื่อย ๆ อย่างไม่เร่งรีบ แต่พยายามจับประเด็นให้มันจำได้ง่ายที่สุด


   สองปีที่ผ่านมาเราสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน สนิทกันในระดับที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ อาจเพราะคุยกันรู้เรื่อง แล้วอีกฝ่ายก็เข้ากับคนง่าย ผมก็เป็นคนสบาย ๆ  พอมาอยู่ด้วยกันก็จูนกันได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

   แสงมันเป็นเด็กกิจกรรม ชอบหานั่นหานี่ทำเสมอ คนเลยรู้จักมันเยอะ แล้วรุ่นน้องผู้หญิงก็มาตามกรี๊ดเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับหน้าที่การงานที่มันทำ อย่างล่าสุดเมื่อตอนขึ้นม.6 เจ้าตัวก็ไปสอยตำแหน่งประธานสีแดงมาเพิ่มอีกหนึ่ง อะเลิร์ทจนบางทีผมก็ยอมใจ

   ถึงจะมีผู้หญิงมาชอบมันเยอะ แต่มันไม่ใช่คนเจ้าชู้ มันคบกับน้องบีตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็เกือบจะหกเดือนเข้าไปแล้ว แม้ว่าจะชอบเอานั่นเอานี่มาบ่นกับผมอยู่เรื่อย แต่ผมก็ดูออกว่ามันมีความสุขดี และดูแลน้องเขาดีมากแค่ไหน
ผมรักมันนั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้ดี แต่สิ่งที่ผมเองก็เข้าใจดีไม่ต่างกันก็คือ…มันเห็นผมเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น

   แอบรักเพื่อนหรือคนใกล้ตัวที่บอกไม่ได้มันก็ยากแล้ว แต่การรักเพื่อนที่เป็นผู้ชายเหมือนตัวเองมันคงยากกว่า ผมไม่ใช่เกย์ และไม่ได้เป็นไบ

   ผมเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เป็นเด็กอายุสิบเจ็ดปีที่เรียนอยู่โรงเรียนรัฐบาลและกำลังเตรียมสอบเข้ามหาลัย

   เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่เพียงแค่มีความรักกับคนที่ตัวเองอยู่ด้วยแล้วสบายใจ

   เป็นคนธรรมดาที่ขอแค่ได้นั่งคุยนั่งยิ้มและเป็นหนึ่งในวงโคจรของอีกคนตรงนี้ก็พอใจแล้ว

   ผมเพียงแค่อยากนั่งมองแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นเหมือนเวลาที่แสงเหลืองอ่อนกำลังแปรเปลี่ยนเป็นส้มเข้มแล้วลอยต่ำลับหายไปในตอนเย็นย่ำ แสงแบบเดียวกับที่ผมหลงรักมาตลอด

   แสงแบบเดียวกับที่ผมรู้สึกได้จากคนข้างกายตอนนี้…





   “ว่าแล้วว่ามึงต้องมาอยู่ตรงนี้”

   เสียงคุ้นหูของใครสักคนที่มักจะแวะเวียนมาเคาะกระจกรถให้ผมได้เปิดเลื่อนลงจนเกิดช่องว่าง หากแต่ไม่เคยกล้าที่จะปลดล็อคแล้วเปิดประตูออกกว้างเพื่อเชิญเขาให้ขึ้นมานั่งร่วมทางไปด้วย

   ผมยิ้มให้อีกฝ่ายที่กำลังก้าวเท้ายาว ๆ ขึ้นขั้นแสตนมาทิ้งตัวลงข้างผม “ซ้อมเชียร์ปล่อยน้องแล้วเหรอ?”

   แสงมันพยักหน้า “ปล่อยแล้ว” เสียงที่แหบลงจากการตะโกนนำเชียร์เด็กมัธยมต้นเอ่ยตอบ

   “เสียงมึงหายหมดแล้ว”

   เจ้าตัวหัวเราะ แล้วนั่นยิ่งทำให้เสียงมันแห้งลงกว่าเดิมอีก “เออ วันนี้ตะโกนโคตรเจ็บคอ แม่งติดกันหลายวันเกินไป พลังหมดเลย”

   “งั้นพรุ่งนี้-”

   “พี่แสง!”

   กูเอาน้ำมะนาวมาให้ไหม…

   ผมเอ่ยคำต่อในใจให้จบโดยไม่ได้พูด เมื่อเสียงแฟนของอีกคนดังมาจากข้างล่างไกล ๆ  คนข้างกายผมยิ้มกว้างด้วยรอยยิ้มแบบที่ผมมักจะแอบมองอยู่เสมอ แล้วหันมาหาจนเกือบหลุดสะดุ้ง

   “กูไปก่อนนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ เอ้อ แข่งวิ่งพยายามเข้านะคัดตัวพรุ่งนี้ใช่ปะ?”

   ผมพยักหน้า “อืม”

   “เดี๋ยวเลิกเรียนกูมาเชียร์ สู้ ๆ ”

   “ใจว่ะ มึงไปเถอะ เดี๋ยวน้องรอ”

   แสงตบบ่าผมเบา ๆ แล้วก้าวลงจากแสตนไปหาแฟนตัวเอง แบบที่ผมก็ได้แต่นั่งมองเจ้าตัวเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าจากมือของแฟนสาวมาถือให้ แล้วเดินเคียงข้างกันออกจากสนามไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ

   ผมไม่ได้อิจฉา ไม่ได้ไม่ชอบน้องบี และไม่ได้อยากทำให้เธอเสียใจ เพียงแต่ผมทำอะไรไม่ได้จริง ๆ 

   ผมเลิกรักแฟนของเธอไม่ได้จริง ๆ




   RRrrRrrrrr
   RRrrrrrrrrr

   ผมที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จรีบคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ตรงราวมาพันรอบเอวแล้ววิ่งออกมาหยิบโทรศัพท์ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องริงโทนคุ้นหู โดยปกติแล้วผมจะปิดเสียงเวลาอยู่โรงเรียน แต่พอกลับมาบ้านผมก็จะเปิดเสียงไว้เสมอ เผื่อว่าเจ้าของเสียงเรียกเข้าที่แปลกหูกว่าคนอื่นจะโทรเข้ามา

   “ว่าไง” ผมพยายามคุมลมหายใจที่ถี่กระชั้นจากการวิ่งให้เป็นปกติแล้วกดรับสาย

   [นอนหรือยัง?] เสียงแหบทุ้มที่เกิดจากการตะเบ็งเสียงดังมาตามสาย ให้ต้องเผลออมยิ้ม

   “ยัง มึงมีอะไรรึเปล่า?”

   [มีมั้ง]

   “หืม? มีไรวะ” ผมเอ่ยถามไป มือก็ขยับสวมกางเกงไปด้วย

   [กูทะเลาะกับน้องเขานิดหน่อย]

   “…”

   [กูก็รู้นะว่าช่วงนี้กูไม่มีเวลาให้น้อง แต่กูก็พยายามที่สุดแล้วจริง ๆ นะเว้ย]

   “กูรู้”

   [กูเสียใจว่ะ]

   “มึงเป็นอะไรหรือเปล่า เสียงมึงดูไม่ดีเลยว่ะ ให้กูไปหาไหม อยู่ไหน?”

   [มาหากูก็ดีนะ]

   “อยู่ไหนล่ะ” ผมขมวดคิ้วแล้วถามเสียงเครียดหยิบเสื้อยืดมาสวมเร็ว ๆ ไม่ให้โทรศัพท์ห่างจากหูนาน

   [หน้าบ้านมึงอะ ลงมาเปิดให้หน่อยดิ ย่ามึงหลับยัง กูมารบกวนรึเปล่า]

   หะ? “มึงอยู่หน้าบ้านกู??” ผมรีบเดินไปที่หน้าต่างห้องนอนแล้วเปิดม่านดู ก็พบอีกฝ่ายในชุดนักเรียนกำลังมองขึ้นมาแล้วโบกมือด้วยอาการเหนื่อยล้า “เชี่ยแสง มึงมาอยู่นานแค่ไหนแล้วเนี่ย”

   [ไม่นานหรอก]

   “เดี๋ยวกูลงไปเปิดให้ มึงรอตรงนั้นนะ”

   รอยยิ้มที่เหมือนจะร้องไห้ของอีกฝ่ายทำให้ผมไม่ได้วางสาย แต่ทำแค่ปิดม่านแล้วรีบวิ่งลงไปหาคนที่ยืนรออยู่หน้ารั้วของบ้านตัวเองโดยมือยังถือโทรศัพท์แนบหูฟังเสียงลมหายใจของมันไปแบบนั้น





   “เสร็จแล้วเหรอ” ผมเอ่ยทักเมื่อคนที่หายเข้าไปอาบน้ำตั้งแต่ขึ้นห้องมาแล้ว เดินออกมาในชุดนอนของผม

   “อืม ใจมากนะที่ให้ยืมชุด”

   “เออ มานั่งนี่มา กูลงไปคั้นน้ำมะนาวให้”

   “ไม่เอาอะ เปรี้ยวว่ะ”

   “เสียงจะได้กลับมาหน่อย พรุ่งนี้ยังต้องใช้อีกเยอะ อย่ามาทำตัวกากน่า กะอีแค่น้ำมะนาว”

   มันหัวเราะเบา ๆ  “เออ แดกก็แดก” แล้วก็เดินมานั่งที่เตียงข้างผม รับน้ำมะนาวไปจิบแล้วหลับตาปี๋

   “ค่อย ๆ จิบไป ไม่ต้องรีบหรอก”

   “อืม”

   ผมมองอีกฝ่ายนั่งจิบน้ำมะนาวไปเรื่อย ๆ  รู้สึกว่าดวงตามันมีน้ำคลอ ๆ  ไม่รู้เพราะเปรี้ยวหรือเพราะอะไรกันแน่

   “ไทม์”

   “หืม?” ผมเลิกคิ้วเมื่อคนข้าง ๆ เรียกชื่อผมขึ้นมาดื้อ ๆ

   “กูรักน้องบี”

   “…อืม กูรู้”

   “กูรักน้องเขามากนะ”

   “อืม”

   “ช่วงนี้กูไม่มีเวลา”

   “กูเห็นแล้ว”

   “กูไม่ค่อยได้คุยโทรศัพท์กับน้องเขาเท่าไหร่ แล้วกูก็ไม่ค่อยได้ไปไหนกับเขาด้วย วันก่อนเขาต้องไปซื้อของหลังเลิกเรียนกูก็ไม่ว่างไปด้วย อาทิตย์ที่ผ่านมาเขาไม่สบายกูก็ติดทำคัทเอาท์”

   “…”

   แสงพูดไปมือก็บีบแก้วน้ำมะนาวแน่น แล้วขยับวางลงที่โต๊ะข้างเตียง ให้ผมกำหมัดอย่างบอกอารมณ์ไม่ถูก

   “กูดูแลแสตนเชียร์ กูดูแลฝ่ายอาร์ท กูดูแลสวัสดิการ กูดูแลภาพรวมสี กูดูแลทั้งหมดได้…แต่กูดูแลแฟนคนเดียวของกูไม่ได้” มันแค่นยิ้ม “วันนี้กูเห็นในมือถือน้อง…ส่งข้อความคุยอยู่กับเด็กม.5คนนึง”

   “…”

   “น้องร้องไห้แล้วก็ขอโทษกู น้องบอกว่ามันส่งมาหาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ส่งมาบ่อยขึ้นเลยได้คุยกันเยอะ แต่ไม่เคยโทรหาหรือไปไหนด้วยกัน”

   “…”

   “กูไม่ได้โทษอะไรเขาหรอก กูบอกกูเข้าใจ กูไปส่งน้องที่บ้าน แล้วกูก็กลับมา กูทำเหมือนก็ไม่เป็นอะไร แต่กู…”

   ผมเงียบแล้วนั่งมองแสงซบหน้าลงกับมือตัวเองนิ่งไป ไหล่ของมันสั่นแบบที่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ผมเอื้อมมือไปใกล้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แตะตัวมันและค้างมือไว้อย่างนั้น รู้สึกเหมือนมือโซ่เส้นใหญ่พันอยู่รอบแขนแล้วออกแรงรั้งดึงไว้ไม่ให้ขยับ

   อยากดึงตัวมันเข้ามากอด อยากช่วยแบกความทุกข์ความเสียใจทั้งหมดไว้ อยากบอกให้มันรู้ว่าผมห่วงและรู้สึกแย่แทนมันมากแค่ไหน ผมขมวดคิ้วแล้วกำมือที่ยื่นออกไปจนแทบถึงตัวมันไว้แน่นจนสั่นไปทั้งแขน รู้สึกปวดในอกอย่างบรรยายออกมาไม่ถูก

   ความรักของผมกำลังแย่ ความรักของผมกำลังร้องไห้…แต่ผมทำอะไรไม่ได้เลย




   .
   .
   .
   .
   .




   “ไทม์!”

   เสียงที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็คุ้นหูส่งเสียงเรียกชื่อผมมาแต่ไกล เอี้ยวตัวกลับไปมองก็เจอเจ้าของเสียงที่อยู่ในชุดนักเรียนแปะสติ๊กเกอร์รูปหัวใจสีแดงสะท้อนแสงแดดวิบวับกระจายเต็มตัว อีกทั้งรอยปากกาขีดเขียนเป็นข้อความจนเนื้อผ้าแทบไร้ช่องว่าง ในแขนหอบดอกกุหลาบหลายสิบดอกไว้ในมือ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นมีอยู่ในตัวผมตอนนี้ทุกข้อเช่นกัน

   “ว่าไงมึง”

   “วันนี้ยังแทบไม่ได้คุยกับมึงเลย”

   ผมยิ้ม “เออ กูก็มัววุ่นอยู่ ทั้งเพื่อนในห้อง ทั้งรุ่นน้องเต็มไปหมด”

   “เรียนจบจนได้เนอะ”

   “อืม จบจนได้”

   มันหัวเราะแล้วยื่นปากกาสีน้ำเงินแท่งใหญ่มาให้ผม พลางหันหลัง “เขียนเสื้อให้กูหน่อย”

   “เออ” ผมว่าแล้วขยับเข้าไปใกล้ เปิดปอกปากกาแล้วนิ่งค้างไปนิด ลังเลตัดสินใจกับตัวอักษรที่ตัวเองกำลังจะเขียนลงไป…

   “เสร็จยังวะ?” คนที่ยืนนิ่งหันแผ่นหลังกว้างให้ผมเอ่ยขึ้นมา “นานจัง มึงหลับปะเนี่ย”

   “เอ้า เสร็จแล้ว”

   แสงหันกลับมามองผมแล้วยิ้มกว้าง “มากูเขียนให้มึงมั่ง” ก่อนจะจับไหล่ให้ผมหันหลัง

   ผมยิ้มแล้วมองไปข้างหน้า กวาดสายตามองบรรยากาศแสดงความยินดีกับเด็กม.6ที่สำเร็จการศึกษา รุ่นน้องมาช่วยกันบูมรุ่นพี่ฟังแล้วครึกครื้นดี

   “แสง”

   “หืม?”

   “มึงจะไปเชียงใหม่แล้วสิ?”

   “อืมมม…น่าจะอาทิตย์หน้าแหละ พ่อกูอยากให้ไปอยู่เลยหลังจบมัธยม”

   “เหรอ” ผมก้มหน้าลงมองมือตัวเอง “อย่าลืมไปดูแพนด้าด้วยล่ะ”

   อีกฝ่ายหัวเราะ ผมรู้สึกถึงปลายปากกาที่จรดอยู่ตรงหลังตัวเอง “ไปดูมันนอนน่ะเหรอ”

   “ถ่ายรูปมาฝากกูไง”

   “ไว้มึงว่างไปเชียงใหม่แล้วกูพาไปดีกว่ามั้ง”

   “หึ” ผมหัวเราะเบา ๆ  เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงปอกปากกาปิดลง

   “เสร็จ!”

   ผมหันหน้ากลับมามองอีกฝ่าย บันทึกภาพสีหน้าแววตารอยยิ้มและน้ำเสียงของเจ้าตัวไว้ในความทรงจำให้ลงลึกและแน่นหนาที่สุด จนมั่นใจว่าจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน…

   “ยินดีที่เรียนจบนะมึง”

   มันพยักหน้า “เหมือนกัน”

   “แล้วไว้เจอกัน”

   แสงยิ้มกว้างแล้วยกมือมาตบบ่าผมสองสามครั้ง “ไม่ได้เจอกันทุกวันแล้ว มึงก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

   “มึงก็เหมือนกัน อย่ามัวแต่ห่วงกิจกรรมจนลืมใส่ใจตัวเอง”

   “รู้แล้วน่า”

   “ทำมาเป็นรู้แล้ว” ผมยิ้มล้อเลียน “มึงอะชอบดูแลคนอื่น แต่ลืมที่จะดูแลตัวเองเสมอ”

   “กูเท่ไง”

   ผมส่ายหน้ายิ้ม ๆ “เวลาเจ็บคอก็อย่ากินน้ำเย็น น้ำมะนาวน่ะกินเข้าไปเถอะดีต่อสุขภาพทั้งนั้น ถ้ามันเปรี้ยวนักก็ผสมน้ำผึ้ง”

   “เออน่า”

   “หัดนอนให้มันเร็ว ๆ บ้าง ใช้ร่างกายมาทั้งวันควรพักผ่อนให้เยอะ ๆ ”

   “รู้แล้ววว”

   “แล้วทำกิจกรรมดึก ๆ อะหัดพกยาหรือสเปรย์กันยุงบ้าง ไม่ใช่เอาแต่อดทน ไม่มีมีกูอยู่จะมีใครพกให้มึงบ้าง”

   แสงยิ้มมุมปาก แล้วสบตาผมด้วยแววตาที่ทำเอารู้สึกร้อน ๆ ในอก “ขอบคุณนะไทม์”

   “อะไรของมึง?”

   “ขอบคุณที่คอยอยู่ช่วยกูตลอดตั้งแต่เมื่อตอนเย็นวันนั้นเมื่อสามปีที่แล้ว”

   “ยังจำได้อีกเหรอวะ”

   “มึงเป็นเพื่อนคนสำคัญที่สุดของกู ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดี ๆ ในโรงเรียนนี้ว่ะ”

   “…ขอบคุณมึงเหมือนกัน”

   “ต่อให้ปีนี้ ปีหน้า อีกสองปีสามปี หรือกี่ปีก็ตามกูจะยังเป็นเพื่อนมึงตลอดนะ”

   ผมพยักหน้า “กูรู้”

   “อย่าทิ้งกูนะสัด”

   “กูไม่มีวันทิ้งมึงหรอก”

   “สัญญา” คนตรงหน้าเลิกคิ้วถาม แล้วกำหมัดยกขึ้นมารอ ให้ต้องยิ้มแล้วยกมือขึ้นกำแล้วชนหมัดกับมันเบา ๆ

   “สัญญา”

   มันหัวเราะแล้วพยักหน้าขึ้นลงอย่างพอใจ “งั้นเดี๋ยวกูไปก่อนนะ”

   “อืม”

   “แล้วไว้เจอกันใหม่นะมึง”

   “อืม”

   “บาย”

   ผมโบกมือ “บาย” ทั้งที่ในใจวูบโหวงเต็มที

   คนตรงหน้าส่งยิ้มให้ผมอีกครั้งแล้วหมุนตัวหันหลังก้าวเท้าเดิน จนเผลอออกปากเรียกชื่อไป

   “แสง!”

   “หืม?”

   เจ้าของชื่อชะงักเท้าแล้วเอี้ยวตัวมาเลิกคิ้วขานรับ ผมเองก็นิ่งไปเพราะไม่รู้ว่าตัวเองเอ่ยเรียกชื่อมันออกมาทำไม ไม่รู้ว่าอยากจะพูดอะไรกันแน่ รู้เพียงแค่กลัวเหลือเกิน…กลัวว่าหากมันหายลับจากสายตาไปแล้วเราจะไม่ได้เจอกันอีก

   “ดูแลตัวเองดี ๆ ” แล้วสุดท้ายสิ่งที่หลุดออกจากปากผมก็มีเพียงแค่ “โชคดี”

   มันยิ้ม ยกมือขึ้นสูงแล้วโบกไปมา “มึงก็เหมือนกัน”

   แล้วผมก็ทำแค่ยิ้มให้กับมัน แล้วยืนมองอีกฝ่ายวิ่งออกห่างไปไกลเรื่อย ๆ  ก่อนที่จะก้มลงมองดอกกุหลาบในมือ แล้วเม้มปากเก็บรอยยิ้มที่เหลือไว้ให้ตัวเอง









   RRrrRrrrrr
   RRrrrrrrrrr

   เฮือก!

   เสียงโทรศัพท์ปลุกผมออกจากความทรงจำเก่าเมื่อสิบปีก่อนที่กรังไปด้วยฝุ่น

   ผมถอนหายใจยาว ขยับวางกรอบรูปที่ถือค้างไว้ในมือนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ลงที่เดิม มองนาฬิกาแล้วก็คิดว่าตัวเองคงกำลังจะสาย แต่ไม่วายเหลือบตามองรูปใบเก่าที่ยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีอีกครั้ง

   ตอนนี้ผมก็ยังคงขับรถคันเดิมอยู่บนถนนของตัวเอง รถคันเก่าที่กำลังมีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของผมมันก็เคลื่อนตัวออกไปไม่ได้หยุด บางครั้งล้อมันก็หมุนช้าลง หรือบางทีมันก็หยุดเพื่อจอดพัก แต่ไม่นานมันก็จะหมุนต่อ และผ่านช่วงถนนที่ขรุขระและยากลำบากไปได้

   จนถึงตอนนี้ผมก็ยังคงเดินทางต่อไป เพราะในใจลึก ๆ แล้วผมยังแอบคาดหวัง ว่าสักวันรถคันนี้ของผมจะวิ่งไปไกล

   ไกลจนได้วนกลับไป ณ ช่วงถนนเส้นเดิม...เส้นที่ผมได้เคยขับผ่านมาแล้ว…





- End -




เอาเรื่องสั้นตอนเดียวจบมาให้อ่านกันค่ะ
เรื่องสั้นเรื่องนี้เกิดขึ้นจากความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกเหงาคิดถึงและโหยหา แบบที่อธิบายออกมาไม่ได้
ความรู้สึกที่กล่าวมาคือแรงบรรดาลใจในการเขียนเรื่องราวของไทม์และแสงค่ะ

เรื่องนี้จบลงที่ตรงนี้ ความจริงแล้วจะมีต่อหรือไม่ยังไม่แน่ใจ แต่คิดว่าแบบนี้สมบูรณ์แล้วสำหรับ ณ ตอนนี้
อยากให้คนที่ได้อ่านรับรู้อีกด้านนึงที่ต่างจากการตัดสินว่าจบแบบมีความสุขหรือไม่มีความสุข
เรื่องราวของไทม์และแสงยังไม่จบลง เพราะจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังคงเดินทางอยู่บนถนนของตัวเอง

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และหวังว่าจะชอบในอีกด้านของความรักเรื่องนี้นะคะ กอดแน่น <3

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2015 17:19:01 โดย afterday »

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
โอ๊ยตายเลย อ่านแล้วรู้สึกถึงความเหงามันพลุ่งพล่านทลวงมาเลย
บีบหัวใจเล็กน้อยพอประมาณ เฟรนด์โซนบางคนว่าดี แต่บางคนมันเป็นเรื่องที่โหดร้ายจริงๆ

ออฟไลน์ ที่เดิมในหัวใจสาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ขอแค่ได้รักก็มีความสุขแล้ว และอย่างน้อยมันก็จะเป็นความทรงจำดีๆที่ทำให้เรายิ้มทุกทีที่นึกถึง :mew6:
เรื่องมันเกือบจะเศร้านะคะ แต่มันก็คือในอีกด้านของความรักอะเนอะ ไม่แน่นะอาจจะกลับมาเจอกันอีกก็ได้
ชอบเรื่องนี้มากๆเลย อ่านแล้วก็นึกถึงความหลังสมัยมัธยมที่ไม่กล้าแม้แต่จะบอกเขาไป แต่นึกถึงทีไรก็มีความสุขทุกที o7

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
มันหน่วงจังเลย แต่แค่ได้รักก็คงพอแล้วเนอะไทม์ :กอด1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
มันเรียลมาก

เรียลจนน่าตกใจ แต่ก็แอบหวังว่าในที่สุดแล้วไทม์จะเจอคนที่ใช้ชีวิตที่เหลือไปด้วยกันได้ (เป็นแสงได้จะดีมาก แต่อันนี้นับเป็นนาโนเปอร์เซ็น)

ออฟไลน์ Janny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
เมื่อเพื่อนรักกลายเป็นว่ารักเพื่อนฟังแล้วดูเหมือนว่าใกล้กัน จริงจริงแล้วคำนั้นมันห่างไกล เมื่อความรักฉันเป็นเหมือนอากาศ ที่คอยเคียงข้างเธอเรื่อยไป แก่เลยทันที แต่เค้าว่าคุณไทม์คงทันยุคนั้น 5555555555 จริงๆเราไม่รู้ว่าแอบรักเพื่อนอยู่แบบนี้คุณไทม์มีความสุขดีรึเปล่า แต่เราเศร้าแทนค่ะ ต้องทนมองเขาอยู่ข้างๆทุกวัน เฮ้ออออออ ตอนนี้คุณไทม์ก็อาจจะไม่ได้รักคุณแสงแล้วก็ได้มั้งคะ ที่เหลือตอนนี้คงเป็ฯความเสียดาย ความคิดถึง กับความเป็นเพื่อนที่ยังอยู่รอบๆตัว แต่นี่ไม่ได้คุยไม่ได้คุยกันเลยเหรอคะ? ติดต่อกันบ้างสิคะ สมัยนี้กาารติดต่อสื่อสารง่ายมากค่ะคุณคะ บางทีคุณแสงอาจจะรออยู่ก็ได้นะคะ บางทีคุณแสงอาจจะมีเรื่องในใจที่ไม่กล้าพูดออกมาเหมือนกันก็ได้ค่ะ อยากให้เขาได้เจอกันอีกครั้งจังค่ะ แล้วคราวนี้คุณไทม์ก็กล้าๆรับเขาขึ้นรถมาด้วยนะคะ บางทีเขาอาจจะรอคุณไทม์มารับอยู่ก็ได้ค่ะ

ขอตอนต่อไปอีกสักตอนเถอะนะคะะคุณเดย์ ขอพาร์ทคุณแสงค่ะ แงงงงงงงงงงงงง  :ling1:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :mew1: มุมนึงของความรู้สึกดีๆ

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
อ่านแล้วเหง้าเหงา
ต่างคนต่างดำเนินชีวิตต่อ
หวังลึกๆให้สักวันวนกลับมาเจอเส้นทางเดียวกัน จะได้ไม่ขับรถไปคนเดียวอีกต่อไป

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อยากรู้ว่าเขียนอะไรให้กันจัง..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
บอกความรู้สึกออกไปก็คงจะ "ทุกข์"

เก็บความรู้สึกเอาไว้ก็ "ทุกข์"

ปล่อยให้เป็นความทรงจำที่ดีและยิ้มได้เสมอเมื่อนึกถึงมันละกัน

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
แม้ไม่ได้พบเจอหรืออยู่เคียงข้างกัน
แต่เธอยังคงชัดเจนในใจเสมอ

เหมือนเศร้าก็สุขลึกๆในใจไทม์เองก็เป็นเช่นนั้นใช่มั้ย

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
มุมนึงของความทรงจำดี ๆ ที่มันอาจจะกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ในปัจจุบันหรือเป็นเพียงความรู้สึกดี ๆ ที่เราเก็บไว้เพื่อให้ได้โหยหาถึงวันคืนในอดีต คงต้องรอติดตามต่อไป  :กอด1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เป็นความทรงจำสีเทาหม่น แค่ได้คิดถึงในบางครั้งจะสุขหรือเศร้าเราก็เคยมีช่วงเวลาร่วมกัน

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
อยากรู้ไทม์เขียนอะไรที่เสื้อของแสง แล้วแสงกับไทม์ไม่ได้ติดต่อกันเลยหลังจบม.6เลยรึงัย อยากให้มีต่อจัง :pig4:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
นี่แหละชีวิต T-T

ออฟไลน์ whitelavenders

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เฟรนด์โซนจะว่าดีมันก็ดีจะว่าไม่ดีมันก็ไม่ดีนะ
ดีตรงที่เราจะมีเขาตลอดไป เพราะคนรักเลิกกันไปมันก็จบ แต่เพื่อนมันอยู่ตลอด
แต่ก็ปวดใจเหมือนกันนะ 555555 เราไม่เคยเจอประสบการณ์แบบนี้
แต่ว่าปวดใจแทนไทม์จัง  :กอด1: จริง ๆ อยากให้แสงรับรู้นะเผื่อจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
แต่ก็เคารพการตัดสินใจของไทม์แหละ

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
น้ำตาซึม

ออฟไลน์ Dreameekitanai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :o12: ปวดใจมาก
ยังไงในความเป็นจริงของผมคงไม่สมหวัง แต่ขอได้ไหม ขอให้ไทป์ได้สมหวังเถอะนะ
จะขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆ รออยู่นะครับ  :กอด1:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
เบาๆ บางๆ จางๆ รู้แต่ว่าเหงา แอบรักเขาแต่เขาไม่รู้ แล้วก็ต้องจากกันไปบนเส้นทางของตัวเอง
แต่คนที่รักก็คงไม่มีวันลืมคนที่ตัวเอวชอบได้หรอก ไม่เจ็บแต่ซึ้มซึมค่ะ

ขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
อ่านแล้วคิดถึงบรรยากาศตอนเรียนเลย ให้อารมณ์เหงาๆ หน่วงๆในอกดี ชอบบบบ

ออฟไลน์ afterday

  • อตด.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1856/-9
    • afterday's twitter
ในอีกด้านของความรัก
☼ ♥
'แฟนเก่า'





   ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินคำว่า ‘คนเราจะเห็นค่าของสิ่ง ๆ หนึ่ง ก็ต่อเมื่อเราได้สูญเสียมันไปแล้ว’

   เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยคิดว่ามันจริงหรือสำคัญอะไร แต่พอวันนี้มาเจอเข้ากับตัวเองจริง ๆ แล้วถึงได้เข้าใจ ว่าแท้จริงประโยคง่าย ๆ ที่หากฟังผ่านไปก็ดูจะไม่มีอะไรประโยคนี้มันจริงและเป็นสัจธรรมแค่ไหน

   เมื่อผมสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดของตัวเองไป

   เมื่อถึงวันที่มือของ ‘มัน’ หลุดออกจากมือผมไปแล้วจริง ๆ



   ย้อนเวลากลับไปสักสองถึงสามปีที่แล้ว ตอนที่ผมเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย สอบเข้าด้วยการสอบตรงโดยไม่พึ่งเกรดหรือคะแนนแอดมิดชัน ผมเจอกับมันในวัน first date ของคณะ มันเป็นผู้ชายผิวขาว ตัวเล็กแต่ท่าทางห้าง ๆ  มองทีก็รู้สึกเหมือนตีนกระตุก การพบกันครั้งแรกของเราไม่ใช่อะไรที่น่าประทับใจนัก เพราะการเดินชนกันแรง ๆ จนน้ำในมืออีกฝ่ายสาดรดเข้าเต็มเสื้อจนเปียกโชกคงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอะไร เนื่องด้วยมันไม่มีการประสานสายตาและตกตะลึงไปกับความน่ารักหรือน่าสนใจของฝ่ายตรงข้าม

   มันจะเป็นไปได้ยังไงละวะ? ในเมื่อมันมันเป็นผู้ชาย! ไอ้ตรงหว่างขาแม่งก็มีเหมือนกัน

   แต่เดี๋ยวก่อน…

   จะออกตัวไปแบบนั้นก็เกินไป เดี๋ยวเล่าไปสักพักจะเข้าตัวเองเสียแทน

   งั้นเอาใหม่…

   เอาเป็นว่าถึงตอนแรก ๆ มันจะน่ากระทืบสักแค่ไหน เห็นหน้าทีไรก็ทำเอาปวดท้อง คุยกันกี่ครั้งก็มีสัตว์ออกมาเพ่นพ่านจนแทบไล่จับกันไม่ทัน แต่ไป ๆ มา ๆ รู้ตัวอีกทีตาก็เอาแต่สอดส่ายมองหาทุกครั้งที่มามหาลัย เจอตอนพักก็ต้องดอดเข้าไปกวนตีนเล่น จะเลิกเรียนหรือวันว่างก็ยังไม่วายเจอกันที่ร้านเหล้าแถวมหาลัย

   สับสนมาจนถึงวันที่ขอมันเป็นแฟนนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วผมมองมันว่าน่ารักขนาดไหน โดนต่อยไปสองที แล้วยังถูกด่าถูกไล่ไปเป็นอาทิตย์กว่าจะได้คบกัน

   ตอนนั้นก็คิดนะว่าก็ไม่ได้ยากอะไรนี่หว่าไอ้การคบกับผู้ชายเนี่ย หรือเพราะอีกฝ่ายมันหน้าตาน่ารัก เลยทำให้การมโนว่ามีนมคงไม่ได้ยากอะไร คบกันมาแบบดิบ ๆ เถื่อน ๆ นี่แหละครับ ไม่ได้ต่างไปจากช่วงที่กัดกันแรก ๆ

   อ้อ มีเพิ่มมาอย่างก็คงเป็น… ‘เอากันได้’ นั่นแหละ


   ความจริงเรื่องของผมกับมันก็ดูจะไม่ได้มีอะไรจากกัดกัน เกลียดกัน สุดท้ายก็มารักกัน ไอ้ตอนนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่าเรารักกันจริง ๆ หรือเปล่า ผู้ชายกับผู้ชายรักกันได้จริงไหมวะ หรืออาจจะเพราะอยากเอาชนะมันรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ

   แต่คบกันแล้วถึงได้รู้ว่ามันก็เป็นแฟนที่ดีได้กว่าที่คิดไว้ มันน่ารักแม้จะไม่ได้ช่างเอาใจเหมือนผู้หญิง ถึงจะไม่ได้หวานอะไรแต่ผมว่ามันก็โอเค เพียงแต่ทุกอย่างไม่ได้เรียบง่ายอย่างนั้น เพราะมีสิ่งหนึ่งที่แม่งเหี้ยอย่างไม่น่าให้อภัย

   นั่นก็คือ…สันดานของผมเอง



   เราทะเลาะกันเพราะเรื่องผู้หญิงของผมอยู่หลายครั้ง และทุกครั้งก็มักจบลงที่ผมเลิกกับผู้หญิงพวกนั้นไป และง้อมันจนอีกฝ่ายใจอ่อน คงเพราะผมเป็นผู้ชายและมันเองก็เป็นผู้ชาย เรื่องแบบนี้คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจได้ เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่ายังไงผมก็เลือกมันอยู่ดี ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่พอรู้ตัวอีกทีคนที่ผมกลับมาหาก็ยังคงเป็นมันทุกครั้งไป…

   ทุกอย่างมันก็วนลูปแบบเดิม จนผมคิดว่าคงจะไม่มีอะไรเลวร้ายจนทำให้เราสองคนต้องเลิกกันหรอก มันกับผมอยู่ด้วยกันมาได้นานขนาดนี้และคงจะตัดกันไม่ขาดแน่นอน

   แต่สุดท้ายแล้วความเหี้ยของผมมันก็นำพาเรื่องราวของเรามาจนถึงจุดแตกหักในที่สุด…



   “เพชร! เดี๋ยวสิเพชร!!”

   “ไอ้สัด! ปล่อยกู!!”

   อีกฝ่ายตะคอกผมเสียงดีงแล้วตวัดสายตามองผมด้วยดวงตาแดงก่ำและคลอไปด้วยน้ำ ผมคบกับมันมาเกือบสามปี ไม่เคยเห็นมันร้องไห้เลยสักครั้ง จนกระทั่งตอนนี้มันก็พยายามกลั้นน้ำตาไว้อย่างสุดความสามารถ

   ผมดึงแขนมันไว้ได้สำเร็จ “ฟังกูก่อน”

   “ฟังเหี้ยอะไรอีก! มึงไม่ต้องมาแตะตัวกู!!” มันกระชากมือออก แล้วผลักผมเต็มแรง แต่ด้วยเราสองคนมีขนาดตัวที่ห่างกันระดับหนึ่ง เลยทำให้คนที่กระเด็นออกไปคือตัวมันเอง มันเซไปจนตู้ด้านหลังจนของหล่นใส่ตัว

   “เพชร!!” ให้ผมร้องแล้วรีบวิ่งเข้าไปหา

   แต่อีกฝ่ายรีบขยับหนีแล้วยกเท้าถีบขาผมแรง ๆ “อย่ามาโดนตัวกู!!”

   ผมนิ่งงันด้วยความตกใจ ผมไม่เคยเห็นมันโกรธขนาดนี้มาก่อน นี่คงเป็นครั้งแรกที่มันระเบิดอารมณ์ออกมาแบบนี้ มันรุนแรงเสียจนผมตกใจกับความรู้สึกที่เจ้าตัวเก็บไว้ข้างในมาตลอด

   “เพชร…”

   มันหอบหายใจจนตัวโยน ก่อนจะค่อย ๆ ควบคุมอารมณ์ตัวเองจนกลับมานิ่งเหมือนปกติ “กูจะออกจากหอ”

   “ไม่!” ผมตะโกนแล้วรุดไปยืนบังประตูไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะขยับหนี “มึงจะไปได้ยังไง นี่มันห้องของเรานะ นี่มันห้องของกูกับมึง”

   “เออไงไอ้เหี้ย!!”

   พลั่ก!!

   คนที่สงบไปเมื่อครู่ตะโกนกลับออกมาด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง แล้วเข้ามาต่อยหน้าผมเต็มแรง

   “นี่มันห้องของกูกับมึง! แต่มึงก็ยังเอาไอ้ควายนั่นมานอนจนมันถ่ายรูปส่งมาให้กู กูไม่ใช่คนโง่หรือผู้หญิงใจดีที่ยอมทนให้ใครมาเอาเปรียบนะไอ้สัด!!”

   “เพชร วันนั้นกูเมา กู…” ผมสะบัดหน้าแล้วจะเข้าไปกอด แต่มันยกนิ้วกลางให้ผมแล้วกัดฟันแน่น

   “อย่าคิดแม้แต่จะแตะตัวกู”

   “กูขอโทษ มึงใจเย็นก่อนนะ มึงคุยกับกูก่อนนะ”

   “กูเย็นกับมึงมาจะสามปีแล้วทัช กูเย็นกับมึงมานานพอแล้ว”

   “กู…”

   “ที่ผ่านมามึงจะเอาผู้หญิงที่ไหนกูไม่เคยอาละวาด แต่คราวนี้มึงเอากับไอ้เด็กเหี้ยนั่น ไอ้เด็กเปรตปีหนึ่งที่แม่งมองว่ากูเป็นเมียโง่ของมึง มันเป็นเกย์ แต่กูไม่ใช่!!!!”

   “เพชร…”

   “กูเป็นผู้ชาย! แต่กูก็ยอมให้มึงเอา!!” มันตะโกนแล้วปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไม่อยู่เริ่มไหล “กูรักมึง อึก...และไม่คิดจะเลิกรักเพราะกูคิดว่ามึงจะรักกูได้อย่างที่เคยทำให้กูรักได้…ฮึกก…ฮือ…แต่คราวนี้กูคิดผิด…กูยอมแล้วจริง ๆ ”

   “เพชร”

   “กูยอมแล้ว…”

   “ไม่” ผมรีบคว้ามือมันมาจับ เมื่อสัมผัสได้ถึงความสูญเสียบางอย่าง “ไม่นะเพชร”

   “เรา…เราเลิกกันเหอะว่ะ”

   “ไม่! กูไม่เลิก!!”

   “ปล่อยกูไปได้แล้ว...ฮึกก…ปล่อยกูไป”

   ผมกัดฟันแน่นเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยคำเสียงสั่นแล้วทำท่าเหมือนหมดแรงจนจะล้มลงไปกองที่พื้น มือที่ผมจับอยู่ไม่ได้ออกแรงสะบัดหรือขืนดึงออก เพชรทำเพียงแค่เอ่ยคำย้ำ ๆ เหมือนขอร้อง ให้ผมต้องพยายามรั้งอีกฝ่ายเข้ามากอด

   รู้สึกเจ็บปวดกับอาการเสียใจจนแทบทนไม่ไหวของคนรักของตัวเอง

   ผมเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าเพชรก็อ่อนแอเป็น ผมเพิ่งเคยเห็นด้านนี้ของมัน และนั่นยิ่งทำให้ผมเสียใจจนร้าวไปหมดทั้งอก

   “เพชร” ผมเรียกชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “กูขอโทษ กูขอโทษเพชร”

   “ปล่อย”

   “เพชร…”

   “กูบอกให้ปล่อย”

   “กูขอโทษ ให้กูกอดมึงนะ มึงยกโทษให้กูนะ”

   “กูบอกให้ปล่อยไง”

   “กูไม่ปล่อย”

   “กูบอกให้มึงปล่อยไงวะ!!!”

   พลั่ก! พลั่ก!!

   ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อคนตรงหน้าตะโกนลั่นอย่างหมดความอดทน หมัดหนัก ๆ ซัดเข้ามาที่ข้างแก้มสองครั้งติดกันจนผมล้มลงไปที่พื้นเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว

   “อย่ามาจับ! แล้วไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก!!”

   “กูทำไม่ได้” ผมส่ายหน้าแล้วยันกายตัวเองขึ้นยืนอีกครั้ง “กูจะเลิกยุ่งกับมึงได้ยังไง”

   “มึงแค่กลับไปทำตัวสำส่อนของมึงต่อ มึงจะไปเอากับใครที่ไหนก็เรื่องของมึง ต่อไปนี้กูกับมึงไม่มีเหี้ยอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว!”

   “เพชร!”

   ผมรีบลุกขึ้นไปกอดมันเอาไว้ เมื่ออีกคนทำท่าจะเปิดประตูออกไป คนในอ้อมกอดผมทั้งดิ้นทั้งทุบทั้งต่อยจนผมเจ็บไปทั้งอกและหลัง แต่ผมไม่สนใจไอ้ความเจ็บปวดร่างกายพวกนี้ ทำแค่ออกแรกรัดตัวคนที่ผมรักไว้แน่น

   ใช่…มันคือคนที่ผมรัก…คนที่ผมไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของมันเลย

   “กูขอโทษ” มันชะงักเมื่อผมพูดขึ้นเสียงพร่า พร้อมน้ำตาที่หยดลงตรงบ่ามัน “ขอโทษ กูขอโทษนะเพชร”

   “…”

   “กูขอโทษ กูขอโทษนะ มึงอย่าทิ้งกู ฮึก…อย่าทิ้งกูเลยนะ” ผมกอดมันแล้วซุกหน้าลงที่บ่า อ้อนวอนขอร้องราวกับว่าตัวเองกำลังจะขาดใจ

   ผมกลัว…กลัวมันออกไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย

   ผมกลัว…กลัวที่จะสูญเสียมันไป

   ผมกลัว…กลัวมันหายไปจากผมตลอดกาล

   “กูขอโทษ อย่าทิ้งกูไปเลยนะ อย่าทิ้งกู…อย่าทิ้งกูนะ”

   “ปล่อยกูไปเหอะทัข”

   “ยกโทษให้กูอีกครั้งเถอะนะเพชร ให้โอกาสกูอีกครั้ง แค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้น”

   มันมองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ  “กูให้โอกาสมึงมาหลายครั้งแล้วทัช ให้มาตลอดแม้มึงจะไม่เคยขอ กูให้มึงเองโดยไม่มีเงื่อนไข”

   “เพชร…”

   “แต่วันนี้กูพอแล้ว กูพอกับมึงแล้วจริง ๆ ”

   “เพชร กูขอโอกาสเถอะนะ กูขอร้องล่ะ กูขอร้อง…”

   “ถ้ามึงจะทำได้จริง มึงคงทำได้ไปตั้งแต่ปีแรกแล้ว มึงไม่ปล่อยเวลามาจนถึงสามปีหรอกทัช มึงยอมรับสักทีเถอะว่ามันเป็นสันดาน และมึงแก้มันไม่ได้”

   “กูแก้ได้ กูจะแก้ให้ได้ กูรักมึงนะเพชร กูรักมึงนะ” ผมเริ่มร้องไห้หนักขึ้นตอนที่รวบตัวมันเข้ามากอด อีกฝ่ายยอมให้ผมรัดตัวมันไว้แน่นโดยไม่ขัดขืน ทั้งยังเอื้อมมือมากอดผมตอบให้รู้สึกอุ่นวาบที่ใจขึ้นมา

   “กู…กูรักมึงนะเพชร”

   “…” มันเงียบแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก “กูก็รักมึงทัช”

   “งั้นมึง…”

   “แต่กูไม่อยากอยู่กับมึงอีกแล้ว”

   ผมตัวชาวาบเมื่อได้ยินประโยคถัดมา รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าแรง ๆ จนชาไปทั้งซีก

   “ปล่อยกูไปเถอะนะ ปล่อยกูไปจากมึงเถอะ” มันเอ่ยปากแล้วกอดหลังผมแน่น “เกือบสามปีที่ผ่านมากูก็มีความสุข กูถึงได้ไม่ไปไหนสักที กูรักมึงตอนที่มึงยิ้มให้กู กูรักมึงตอนที่มึงกอดกูตอนนอน กูรักมึงตอนที่มึงขยี้หัวกูตอนมันเขี้ยว กูรักมึงตอนที่มึงป้อนข้าวกูตอนไม่สบาย รักมึงตอนมึงเช็ดตัวให้ตอนกูมีไข้ รักมึงตอนที่มึงฟังกูเล่าเรื่องแล้วนั่งหัวเราะ กูรักเวลาลืมตามาแล้วเห็นมึงนอนอยู่ข้าง ๆ  รักเวลาที่ได้เข้านอนพร้อมกันแล้วบอกฝันดี กูรัก…” เสียงอีกฝ่ายสั่นพร่ายามเอื้อนเอ่ยประโยคยืดยาวที่ทำให้ผมน้ำตาไหลไม่หยุด ก่อนที่มันจะผละตัวออกช้า ๆ เพื่อสบตากัน “แต่กูเกลียดตัวเองตอนที่รักมึงแบบนี้ รักจนเจ็บไปหมดแบบนี้…”

   ผมมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของอีกฝ่าย ท่าทางหมดแรงที่แสดงออกมาให้เห็นนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังไม่ไหวแล้วแค่ไหน ดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำมองใบหน้าผมนิ่ง ปล่อยให้น้ำตาร่วงผ่านแก้มหยดแล้วหยดเล่าถึงหลับตาลง แล้วก้มหัวลงไหล่สั่นระริก

   “เลิกกับกูเถอะ”

   “…กูรักมึง”

   “อืม กูก็รักมึง ดูแลตัวเองดี ๆ นะ อย่านอนดึก เหล้าก็อย่าแดกให้เยอะมาก อาบน้ำเสร็จก็เช็ดผมบ้างเดี๋ยวจะไม่สบาย ห่มผ้าให้หนา ๆ อย่าเอาแต่เตะออกจากตัว กูรู้มึงฉลาด อ่านหนังสือนิดหน่อยก็ทำได้ แต่อย่าละเลยหน้าที่ตัวเองล่ะ”

   ผมเม้มปากแน่นแล้วยืนมองอีกฝ่าย พลางพยักหน้ารับคำไปเรื่อย ๆ

   “กูไปล่ะ”

   เพชรขยับกายเบี่ยงออกให้พ้นตัวผมแล้วก้าวเท้าจะเดินออกจากประตู แต่ผมคว้ามือมันจับไว้ก่อน เจ้าตัวนิ่งไปไม่ได้ดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่กลับยื่นอีกมือมากุมทับมือผมไว้แล้วแตะเบา ๆ สองสามครั้ง

   “ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา โชคดีนะ”

   สิ้นคำอวยพรที่ไม่ได้น่ายินดีของเพชร มือที่เกาะกุมกันอยู่ก็คลายออกแบบที่ผมก็ไม่มีแม้แต่แรงจะฉุดรั้งไว้ มันเดินออกจากห้องไปทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังของความรัก และรอยร้าวของความสัมพันธ์ หลงเหลือเพียงตัวผมกับความทรงจำที่แบกไว้จนเต็มบ่า

   ความกลัววิ่งพล่านอยู่ในตัว เกาะกินลามมาถึงหัวใจ ให้น้ำตามันไหลไม่ยอมหยุด

   ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อดี ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ต่อไปยังไง

   ผมเสียมันไปแล้ว…

   ผมอยากย้อนเวลากลับไปแล้วแก้ไขบางอย่างให้ดีขึ้น ผมจะไม่ทำตัวเหี้ย ๆ แบบนั้นอีกแล้ว ขอเพียงให้คนที่เพิ่งเดินหายออกไปจากชีวิตผมหันหลังกลับมา

   ผมเป็นคนทำลายความรักครั้งนี้ ผมเป็นคนทำให้มันทลายลงไปด้วยมือของผมเอง

   และไม่ว่าจะยังไง…ความผิดทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับความรักครั้งนี้ มันเกิดขึ้นจากความเหี้ยของผมเอง…





   จากวันนั้นผ่านไปหลายเดือนแล้ว มันเป็นระยะเวลาที่นานพอทำให้ความเจ็บปวดบางอย่างทุเลาลง ผมสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง…แม้จะไม่มีอะไรเหมือนเดิม

   ผมยังคงเจอมันอยู่นาน ๆ ครั้งที่มหาลัย แรก ๆ ก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า แต่ยิ่งนับวันผมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินวนอยู่ที่เดิม ในขณะที่อีกฝ่ายก้าวเดินออกห่างไปไกลจากจุดเดิมมากแล้ว

   เพิ่งได้รู้มาเมื่ออาทิตย์ก่อนว่าเพชรมีแฟนสาวคนใหม่ไปเรียบร้อย มันก็ดูจะรักกับแฟนดี ดูเป็นคู่รักที่สมบูรณ์และมีความสุข…
อย่างน้อยมันก็คงมีความสุขกว่าตอนที่อยู่กับผม

   แต่จนกระทั่งถึงวันนี้ ผมก็ยังคงรักมันอยู่ไม่ได้เปลี่ยนใจ ผมยังคงแอบรักแฟนเก่าของตัวเองไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน

   ผมยังคงกลับไปที่ห้องของเราทุกเย็น นอนบนเตียงของเราทุกคืน อาบน้ำและใช้ชีวิตในที่ของเราอย่างที่เคยทำมาตลอด

   ผมยังเฝ้ารอว่าสักวันหนึ่งประตูห้องจะเปิดออกพร้อมปรากฏใบหน้าของคนในความคิด

   ผมยังเฝ้ารอว่าจะเห็นมันส่งยิ้มมาจากหน้าประตูแล้วเอ่ยคำง่าย ๆ ว่า ‘กูกลับมาแล้ว’

   ผมยังคาดหวังให้มันนึกขึ้นได้ว่ามันลืมของทิ้งไว้ในห้องนี้แล้วกลับมาดูแล

   ผมยังคาดหวังให้มันรู้ว่ามันกำลังทิ้งผมเอาไว้คนเดียว

   ผมยังคาดหวังว่าสักวันเราจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีก

   ผมยังอยากกอดมันตอนนอน อยากจูบขมับมันและบอกฝันดี

   ผมยังอยากให้เรากลับมารักกันอีกครั้งหนึ่ง

   ผมยังคงเฝ้ารอและคาดหวังแม้ว่าตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของผม…มันจะหลุดมือไปนานแล้วก็ตาม





- End -




'ในอีกด้านของความรัก' ความจริงแล้วเป็นเซ็ตเรื่องสั้นสามเรื่องค่ะ
ตอนนี้ผ่านไปแล้วสองตอนคือ เพื่อน และ แฟนเก่า  เหลืออีกหนึ่งตอน ซึ่งอีกสักพักก็จะตามมาาาา
เรื่องสั้นเซ็ตนี้ไม่ใช่เรื่องสั้นฟีลกู๊ด แต่เป็นเรื่องสั้นสะเทือนอารมณ์ และเป็นตอนจบแบบที่เดย์ไม่กล้าแต่งในเรื่องยาว
แต่ก็เป็นตอนจบแบบที่เดย์ก็อยากจะลองเขียนดูสักครั้ง ทางออกเลยมาจบตรงเรื่องสั้นนี่แหละค่ะ

แล้วเจอกันใหม่เรื่องสุดท้ายในเซ็ตค่ะ <3

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2015 20:59:33 โดย afterday »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :hao5:

อันนี้เพราะทัชทำตัวเองแท้ๆ เราโอเคที่เพชรบอกเลิก ถึงแม้ว่าจะต้องเจ็บก็ตาม

ไม่งั้นอนาคต สันดานทัชก็กำเริบอีก วนมาลูปเดิมแน่นอน

********

ดีแล้วค่ะที่เขียนเรื่องสั้น เราว่ามันกระชับ จบไว ไม่ยืด

(ถ้าเรื่องยาวจะร้องไห้แล้วคร่ำครวญ 2 หน้ากระดาษเอสี่เลย สำหรับเรื่องแรก TvT)

รอเรื่องต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
 :sad4: แง้ ทำไมวันนี้มีแต่คนลงเรื่องแฟนเก่าค้าาาาา  :z3: :z3: อ่านไปจุกไป หน่วงดีจริงๆแต่ก็นะทัชทำตัวเองนี่เวลาสามปีไม่ใช่น้อยๆเลยนะที่จะปรับปรุงตัวแต่ก็ไม่คิดจะทำ จนเมื่อเวลามันสายไปถึงได้รู้สึกตัว งือ เศร้าอะ  :hao5:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ Kio

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เศร้าแต่ซึ้ง
ทัชต้องเข้าใจนะ ว่าอารมณ์คนเรามีจุดสิ้นสุด เข้าใจเพชรมากๆ สงสารทัชแต่ไม่สุด เขาทำตัวเองเนอะ
ถ้ายังคงรอคอยอยู่เรื่อยๆ ยังคงเหี้ยอยู่ตลอดๆ ไม่คิดเปลี่ยนตัวเองเลย
นอกจากเดินไปขอเริ่มต้นใหม่กับคนเก่า กับเดินไปเริ่มต้นใหม่กับคนใหม่ๆ อะไรมันก็ไม่เปลี่ยนให้ โอกาสมันไม่มี เราก็แค่ต้องสร้างมันขึ้นมาเอง :hao3:

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
 :hao5: อ่านไปเช็ดน้ำตาไป นี่แหละเค้าถึงว่ากันว่าเราจะเห็นค่าของความรักก็ต่อเมื่อเราได้เสียมันไปแล้ว

ออฟไลน์ ที่เดิมในหัวใจสาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อย่างน้อยครั้งนึงก็ได้รัก ได้มีเคยความสุขด้วยกัน  :o12: :o12: :o12: สะเทือนใจ :o7:

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
มีรักแท้แต่ดูแลไม่ได้  :hao5:

เพชรเองก็เจ็บปวดถ้าไม่รักคงไม่อยู่ด้วยกันมา3 ปี
แต่ทัชหัวใจคนนะรักมากแค่ไหน แต่ก็มีจุดสิ้นสุด

ทัชความเจ็บปวดในวันนี้เป็นบทเรียนราคาแพง
หากมีรักครั้งใหม่ อย่าลืมดูแลหัวใจคนที่รัก


ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด