me die ?? เพราะคุณ...ทำให้ผมตาย End
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: me die ?? เพราะคุณ...ทำให้ผมตาย End  (อ่าน 33158 ครั้ง)

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
ว่าด้วย

***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


me die    เพราะคุณ...ทำให้ผมตาย



เรื่องย่อ

ผมตายแล้ว?? เรื่องจริง
แต่ทำไมผมยังมีความรู้สึก ยังใช้ชีวิตแบบไม่มีลมหายใจได้อยู่ล่ะ 
หรือว่าเพราะคนคนนั้นกันนะ คนที่ทำให้ผมทรมานอยู่ทุกวันนี้ไง
คนที่ทำให้ผมอยากเจอ คนที่ทำให้ผมนึกถึง คนที่ทำให้ผมอยาก... หึหึหึ

แล้วเราจะได้พบกัน









Intro...

 

 
          ผมตายแล้ว ??  ใช่ๆๆ ผมจำได้  เรื่องจริง ผมสัมผัสได้ (??)

 
   คนตายยยย... ที่ผมเคยได้ยินมา มันต้องไม่มีตัวตน  ไม่มีลมหายใจ  ไม่กิน  ไม่นอน  คนอื่นๆไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้นิ 


 
          แต่ทำไม ?? ผมถึงยังทำได้ทุกอย่างเหมือนเดิมเลยล่ะ!!

 
 ต้องบอกว่าเกือบทุกอย่างสินะ จะยกเว้นก็แต่ ผมต้องย้ายที่อยู่เพราะชีวิตนิสิตของผมจบลงตั้งแต่วันนั้น! เปลี่ยนของใช้ประจำวันบางอย่าง
 
และที่สำคัญที่สุด  อาหาร!!  ผมต้องกินแต่พวกเนื้อดิบหรืออะไรก็ได้ที่ไม่สุก และไม่ใช่อาหารที่คนธรรมดาทั่วไปกินอีกต่อไป       
 
 

          เพราะมัน! มัน! มัน! มันคนเดียว! ไอชั่วนั่น ที่มันขับรถชนผม ถ้าไม่ใช่เพราะมันผมคงไม่ต้องอยู่แบบนี้ มันทรมานกว่าคนตายเยอะ
             


           ผมขอสาบาน ถ้าผมเจอกับมันอีกครั้งละก็ ผมจะทำให้มันทรมานกว่าคนที่ตายแล้วไม่ได้ตายแบบผมเป็นล้านๆเท่าแน่ๆ!!!!



.....
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ยังไงก็เม้นๆกันหน่อยนะ
นามว่า สิมสาม / 13 นะ มาใหม่ :-[
เจอกันตอนใหม่นะค้าาา :bye2:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2017 15:17:25 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
#แก้ไขครั้งที่ 1 7/7/59

Me die

01 : จุดเริ่มต้นของจุดจบ

 





ท่ามกลางแสงไฟหลากสีของเมืองหลวงยามคำคืน ในช่วงเวลาราวๆเกือบเที่ยงคืน สำหรับคนหลายคนคงจะเข้านอนกันแล้ว แต่สำหรับใครอีกหลายคนก็ยังคงโลดแล่นอยู่บนเมืองอันแสนวุ่นวายนี้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ริมฟุตบาตของถนนเส้นหนึ่งที่ยังคงมีผู้คนหลากหลายเดินซื้อของกินกันมากมาย แน่นนอนว่าที่ตรงนี้คือบริเวณที่อยู่ของผู้คนวัยทำงานและยังมีหอพักของนักศึกษาซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับมหาวิทยาของรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเวลานี้ก็ยังคงเห็นผู้คนนั่งกินหรือเลือกซื้อของกินกันไม่หยุดแม้จะเบาบางกว่าช่วงเวลาหัวค่ำก็ตาม

“พี่ครับ จอดตรงนี้แหละครับ นี่ครับเงินไม่ต้องทอน” น้ำเสียงร้อนรนของ รีส เร่งคนขับให้จอด แล้วรีบลงจากรถด้วยความรวดเร็วของเขาดังขึ้นเมื่อเห็นบริเวณที่คุ้นเคยของใครบางคน แล้วรีบเดินกึ่งวิ่งไปยังเป้าหมายที่ตนต้องการในทันที

คอนโดหรูที่ตั้งถัดจากริมฟุตบาตไปอีกซอยทำให้รีสต้องเร่งฝีเท้าเดินไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงก็ขึ้นไปทันทีโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการเข้าออกของคอนโดด้วยความเคยชิน เพราะเขาต้องมาบ่อยๆจนพนักงานทุกคนจำได้หมดและต้องทำคีร์การ์ดสำรองที่ต้องเข้าประจำติดตัวไว้อีกด้วย

วันนี้ก็คงเป็นอีกวันที่ รีเสิร์ซ หรือ  รีส หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยดังกล่าว ต้องนั่งรถออกมาในตอนกลางดึกเพื่อมายังคอนโดของใครบางคนในเวลานี้

 “สวัสดีครับคุณรีเสิร์ซ วันนี้มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”พนักต้อนรับเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันทีที่เจอหน้าของเขา

“สวัสดีครับคุณธนกฤษ พอดีวันนี้มีปัญหาแย่ๆนิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไรครับวันนี้ผมจัดการได้ ขอตัวเลยนะครับผมรีบ”รีสตอบกลับ แล้วรีบเดินกึ่งวิ่งเข้าลิฟท์กดไปชั้นที่ต้องการทันที

คอนโด xx ชั้น 59
ภายในห้องของคอนโดหรูแห่งนี้ยังคงได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังเล็ดรอดผ่านประตูมาให้ได้ยินบ้างเล็กน้อย แต่ถึงจะดังกว่านี้ก็คงไม่มีใครสนใจเพราะชั้นนี้แบ่งโซนออกอย่างหรูหรามีเพียง2ห้องเท่านั้น

“ฮือออ...ฮือ..ฮึก..ฮือ…”

เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเจ้าของห้องดังระงมอย่างน่าสงสารจับใจ พอจะมีใครสักคนไหมที่เขาจะพึ่งพึงได้บ้างในยามนี้

ติ๊ด…

“__ ”

เสียงของประตูเปิดหลังจากที่ทาบคีการ์ดและกดรหัสผ่านเพื่อเข้าห้องดังพร้อมๆกับเสียงของคนที่เขารักอีกคนหนึ่ง

“เตอร์ อยู่รึเปล่า” น้ำเสียงที่ดูร้อนรนดังขึ้นหลังจากเปิดประตูทันที

“รีส...ฮือ…” เสียงเรียกชื่อรีสดังขึ้นจากส่วนของห้องนั่งเล่นพร้อมกับร่างของเจ้าห้องที่ค่อยๆเดินออกมาหาอย่างหมดแรง

“ไม่เป็นไรเตอร์ มานี่มา” น้ำเสียงอ่อนโยนจากผู้ที่มาใหม่ดังขึ้น ทำให้ เตอร์ หรือ ติวเตอร์ เจ้าของห้องที่อยู่ภายในคอนโดหรูห้องนี้เดินเข้ามาหารีสด้วยหน้าตาดูแทบไม่ได้หลังผ่านการร้องไห้อย่างหนัก ตาบวมช้ำ น้ำตายังคงไหลไม่ขาดสาย เสื้อผ้ายังคงอยู่ในชุดเดียวกับเมื่อกลางวัน กับอาการที่แสนอ่อนแรงของคนตรงหน้า ทำให้รีสค่อยๆโน้มร่างบางนั้นมากอดอย่างเบามือ

“ฮือ…รีส แม่เตอร์ เขา  เขา .. ฮึก ไม่อยู่กับเตอร์แล้ว” ติวเตอร์ก้มหน้าซบไหล่ของรีสกับน้ำตาที่ไหลราวกับไม่มีวันหมด

“เตอร์ยังมีรีสนะ คุณพ่ออีก นมอ่อน ไหนจะคนที่บ้านอยู่นะ” รีสกระชับอ้อมกอดเข้าหาติวเตอร์ให้แน่นขึ้นพลางลูบหัวเบาๆอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรนะ รีสยังอยู่ รีสจะดูแลเตอร์เองนะ ไอตัวเล็ก” รีสคายอ้อมกอดแล้วค่อยๆดันหัวไหล่ออกห่างตัวเล็กน้อยให้ติวเตอร์หันมาเผชิญหน้ากับตน

“ไม่ตัวเล็กสักหน่อย ฮึก สูงตั้ง 170 นะ รีสต่างหาก ฮึก ที่สูงเกินไป เมื่อไหร่ ฮึก จะเลิกเรียกว่าตัวเล็ก” เสียงพูดงอนๆปนสะอื่นไห้ พร้อมกับทำปากยื่นแบบไม่ค่อยพอใจดังขึ้นเบาๆ

“ครับๆ ไม่ตัวเล็กก็ได้ อย่างอนนะ แล้วก็เลิกร้องไห้ก่อนเนอะ เตอร์ ฟังรีสดีๆนะ รีส สัญญาว่าต่อไปนี้รีสจะอยู่ดูแลเตอร์ นะ จะไม่ตายจากไปไหนเด็ดขาด” น้ำเสียงมั่นคงและใบหน้าที่พูดออกมาด้วยความจริงจังของรีสทำให้ติวเตอร์พยักหน้าเบาๆอย่างเชื่อใจ เขารู้สึกตื้นตันและดีใจมากที่สุดที่เขามีรีสเป็นเพื่อน

“ขอบใจรีสนะ แล้วขอเลยอย่าพูดเรื่องความตายอีกนะ มันไม่ดี แล้วตอนนี้เตอร์ก็ไม่พร้อมจะฟังมันอีกแล้ว” เขาพูดด้วยยิ้มเหนื่อยๆ ใบหน้าที่แสนเศร้าสร้อยกับมาอีกครั้งเมื่อพูดถึงคำนี้ รีสจึงรีบโอบร่างติวเตอร์มากอดคนตัวเล็กที่กำลังสั่นเทาไปทั้งตัวที่เริ่มร้องไห้น้ำตาไหลอีกครั้งจนต้องคอยปลอบใจเรื่อยๆ

เวลาผ่านไปอีกสักพักใหญ่ๆก็ดีขึ้น แต่ก็ยังมีสะอื้นให้ได้ยินบ่อยๆ

“รีส..ฮึก พ่อ..คุณพ่อละ” เสียงถามขึ้นเบาๆหลังจากที่ทั้งคู่นั่งลงบนโซฟา

“จัดการทางนั้นอยู่ ท่านเป็นห่วงเตอร์มากรู้รึเปล่า ถึงได้โทรตามให้รีสมาช่วยดูอีกแรง ดีขึ้นรึยัง”

“นิดหน่อย ขอบใจรีสมากนะ รีสดีกับเตอร์ตลอด ดีกับเตอร์มาก ทั้งๆที่เตอร์มีแต่สร้างเรื่องให้ตลอดเลย ขอโทษนะรีส” ติวเตอร์พูดกับยิ้มเล็กน้อย

“ฝืนยิ้มแบบนั้นรีสไม่อยากได้เท่าไหร่นะ แต่ไม่เป็นไรก็ยังดีกว่าไม่ยิ้มเลย แล้วอีกอย่างรีสไม่เคยโกรธเตอร์เลยนะ เอาล่ะ งั้นไปพักได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยไปช่วยคุณลุงจัดงานคุณป้านะ”

“อื้ม พรุ่งนี้เช้าเตอร์จะกลับไปช่วยคุณพ่อจัดงานให้คุณแม่เป็นครั้งสุดท้ายอย่างดีที่สุด รีสไปกับเตอร์นะ” ร่างบางพูดด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น

“ได้ครับ” รีสยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ยังคงเปื้อนแก้มของเพื่อนรักของตนออกเบาๆ ดวงตาสีฟ้าของรีสที่แสดงอาการเป็นห่วงออกมามากมายจ้องมองตรงไปสบกับดวงตาของติวเตอร์อยู่นาน

“งะ งั้น เตอร์ไปอาบน้ำก่อนนะ อากาศร้อนๆแล้วล่ะ” ติวเตอร์พูดยิ้มๆ ยกมือเกาท้ายทอยแล้วทำท่าจะลุกขึ้นทันที แต่รีสคว้าแขนไว้ก่อน

“นั่นสิ คงร้อนจริงๆ ดูสิ หน้าเตอร์เริ่มแดงๆเเล้วด้วย ให้เร่งแอร์ให้ไหมครับ รีสยิ่งเป็นห่วงอยู่ด้วย” ดวงตาสีฟ้ามีเสน่ห์ที่ทอประกายแววตาของคนขี้เล่นออกมาหยอกล้อดึงดูดให้น่ามองมากขึ้นกับใบหน้ายิ้มแย้มบวกอมยิ้มนิดๆอย่างหยอกล้อ พาเอาคนถูกมองเขินจนหน้าแดงไปหมด

“บ้ารีส เล่นอะไร เลิกทำหน้าตาแบบนั้นนะ งอนแล้ว บู่” คนตัวเล็กว่าพรางทำปากยื่นอย่างหน้ารักแบบที่ชอบทำเป็นประจำ

“งั้นอาบน้ำเสร็จแล้วออกมาทานโจ๊กรองท้องสักหน่อย เดี๋ยวรีสไปซื้อมาให้” รีสพูด พรางคิดในใจ ว่าไอตัวเล็กมันจะน่ารักเกินไปแล้ว แบบนี้จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง

“อื้ม ขอบใจรีสมากเลยนะ” แล้วร่างบางก็รีบเดินเข้าห้องไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองในทันที

“ต่อไปนี้รีสจะดูแลเตอร์เองนะ รีสสัญญาไว้แล้ว รีสไม่ผิดคำพูดหรอก” รีสพูดด้วยเสียงจริงจังแล้วยิ้มให้กับตนเองเบาๆ

แล้วก็จัดการโทรไปรายงานคุณลุง กิตติศักดิ์ พ่อของเตอร์ทันทีว่าดีขึ้นแล้ว หลังจากโทรเสร็จก็ลุกขึ้นเดินลงไปซื้อโจ๊กให้กับเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเขา
.
.
อีกด้าน ในเวลาเดียวกันนั้น

ตุบ! ผลัก!

“โอ๊ย ปล่อยผมไปเถอะ”

หลังโกดังYYYของเจ้าของธุรกิจชื่อดังแห่งหนึ่ง มีผู้โชคร้ายหนึ่งคนกำลังโดนรุมทำร้ายอย่างสาหัส

“พอ เดี๋ยวมันตายซะก่อน ลากมันมานี่” เสียงเข้มน่ากลัวดังขึ้นสั่งลูกน้องให้หยุดการกระทำนั้น ลูกน้องตัวใหญ่คนหนึ่งลากผู้โชคร้ายมาวางตรงหน้า

“ค คุณวิรัชน์ ขอเวลาผมอีกหน่อยนะครับ ผมไม่มีเงินจริงๆ”  ผู้โชคร้ายว่าพร้อมกับคานมายกมือกราบแทบเท้า ขอความเมตตาจากคนตรงหน้า

“หึ ขอเวลางั้นหรอ ฉันให้แกมากเกินไปแล้ว แล้วอีกอย่าง แกทำรองเท้าฉันเปื้อนเลือดสวะแบบแก” เสียงเข้มน่ากลัวพูดแล้วแสยะยิ้ม ยกมือเป็นสัญญาณให้ลูกน้องคนสนิท แล้วลุกออกจากตรงนั้นทันที

“คุณ คุณวิรัชน์ครับ กรุณาผมเถอะ ผมมีลูกเมียต้องดูแล คุณวิรัชน์ คุณวิรัชน์ เมตตาผมด้วย ขอเวลาผมด้วย คุณวิรัชน์” เสียงพูดขาดๆหายๆรนรานด้วยความกลัวตายดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างโหยหวน ตามหลังของคนที่เพิ่งเดินจากมาขึ้นรถลีมูซีนของตนแล้วออกรถออกไปทันที

ปั้งงงง!!!
.
.
รถลีมูซีนคันดังกล่าวเคลื่อนตัวเข้าภายในบ้าน กิจจาวัฒนาพันธ์ ที่ยิ่งใหญ่ราวๆคฤหาสน์ ความร่ำรวยอันดับต้นๆของประเทศ เป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้ารถหรูจากต่างประเทศ และการเป็นมาเฟียในเบื้องหลังที่หลายๆคนรู้ดีถึงความยากที่เข้าต่อกร แต่ก็ยังคงมีผู้คนที่โลภมากหลายคนหลงเข้ามาเป็นเหยื่อกู้ยืมเงินและอีกหลายๆสาเหตุทำให้ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสมเพช โดยที่ไม่มีใครเอาผิดได้ เพราะหลักฐานทั้งหลายชี้ว่าผู้ตายนั้นฆ่าตัวตายเองทั้งนั้น หรือไม่ก็ยังคงหายสาบสูญ

“ทำไมพ่อจะต้องลากผมมาดูการทำธุรกิจนี้ของพ่อ ก็บอกไปแล้วว่าไม่เอาด้วย” เฟิร์ส

“แกจะบ่นทำไมนักหนาห๊ะ ฉันต้องการให้พวกแกสืบทอดกิจการ การเป็นมาเฟียมันเสียหายตรงไหนกัน อย่าเรื่องมากนักเลยเฟิร์ส” พ่อ

“มันไม่อยากทำก็ไม่ต้องไปบังคับมันสิครับพ่อ” แลมป์

“เรื่องของฉันแลมป์ แกอย่ามายุ่ง” พ่อ

เสียงของลูกชายฝาแฝด เฟิร์ส (มาจากเฟอร์รารี่) และ แลมป์ (มาจากแลมโบกินี่) 2 คนแห่งบ้าน กิจจาวัฒนาพันธ์ 2รถหรูทำจากทองที่ทีค่ามากของบ้านหลังนี้ ยังคงส่งเสียงดังไม่หยุดตั้งแต่บนรถจนเข้ามาภายในบ้านจนคุณวิรัชน์ทนไม่ได้อีกต่อไป

“หยุดพูดกันสักที ฉันเคยบอกพวกแกแล้ว ถึงพวกแกถึงจะชอบหรือไม่ชอบแต่ก็ต้องยอมรับกับธุรกิจนี้ไปจนตาย หนีไปไหนไม่พ้นทั้งนั้น”

“ทำไมผมจะหนีไม่ได้ ดูอย่างแม่สิ” เฟิร์ส

เพี๊ยะ!

“เลิกพูดถึงเรื่องนี้ซะ!”เสียงตบและตวาดดังสนั่นทันที

“พ่อ!” เสียงของแลมป์ดังขึ้นหลังจากที่พ่อของตนนั้นตบลงไปบนหน้าฝาแฝดของเค้าเสียงดัง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“พอเลยทั้งคู่ แยกย้ายกันไปซะ ยังไง แกก็หนีไม่พ้น!” พูดจบก็เดินขึ้นห้องทำงานตนเองทันที เหลือแค่2พี่น้องตามลำพัง

“ฉันว่า พ่อ คงไม่ได้ตั้งใจจะตบแก” ผู้พี่เอ่ยขึ้นเสียงนิ่ง แม้สายตาจะบ่งบอกว่ารู้สึกหลากหลายเช่นไรแต่ก็คงไม่พูดออกมา

“หึ อย่าพูดเลยวะ วันนี้ ฉันจะออกไปข้างนอก ไปนะ” เอ่ยขึ้นเรียบๆแล้วคว้ากุญแจรถเดินออกไปทันที ด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่นัก

“...เฟิร์ส ขับรถดีๆ อย่าใจร้อนล่ะ” เสียงของอีกคนดังขึ้นเบาๆหลังจากคนแรกเดินออกไปไกลพอสมควร

ข้อเสียของคนบ้านนี้ สงสัยจะเป็น รักกันแต่ไม่พูดออกมา คิดอีกอย่างทำอีกอย่าง ก็อย่างว่าบ้านที่ไม่มีผู้หญิงอยู่ดูแล คนในบ้านก็แข็งกระด้างเป็นธรรมดา
.
.
.
เวลาตี2กว่าๆ

หลังจากรีสลงซื้อโจ๊กมาให้ติวเตอร์ทานเรียบร้อย รีสขอตัวกลับมาเก็บของปิดบ้านพักตัวเองให้เรียบร้อยเพราะตอนออกไปรีบจนทิ้งทุกอย่างไว้อย่างนั้นแล้วออกมาเลย ‘ดีที่ไม่ได้ทำไรที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุไว้ เหลือแต่เรื่องล็อกบ้านพักแต่ก็ไม่ต้องห่วงว่าขโมยจะเข้าเพราะไม่มีอะไรให้เอาไป’ รีซคิดพลางถอนหายใจในความโชคร้ายในฐานะของตนไปขณะนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านพัก

เอี๊ยด~~

“เอ้า ไอหนู ลุงส่งได้แค่ตรงนี้นะ ต้องเอารถไปบราๆๆ” คนขับรถจอดรถหน้าตาเฉยแล้วให้รีซลงเดินเข้าไปเอง

“เอ่อ ครับ นี่ค่ารถ” หลังลงรถก็รีบเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งรีสไว้กลับความเงียบของสองข้างทาง

“เห้อ~” รีซถอนหายใจทันทีที่ลงยืน ‘ก็ยังดีที่มาส่งถึงหน้าซอย’ ว่าแล้วก็เดินต่อไปอีกหน่อย เพื่อที่จะเลี้ยวเข้าซอยบ้านพักของตนเองทันที

บ้านพักของรีซนั้นเป็นบ้านเช่าที่เขาเช่าอาศัยอยู่เพียงลำพัง อยู่ห่างไกลออกจากบริเวณมหาวิทยาลัยพอสมควร เพราะบ้านเเถวนี้มันมีค่าเช่าที่ที่เขาพอจะจ่ายไหวยังไงละ ถึงคุณลุงคุณป้าพ่อแม่ของติวเตอร์รวมถึงเจ้าตัวชวนให้ไปอาศัยอยู่ด้วยกันแต่ก็ยังคงปฏิเสธอยู่ร่ำไป ‘ช่วงนี้มีแต่เรื่อง สงสัยต้องคิดทบทวนเรื่องไปอยู่กับไอตัวเล็กใหม่ล่ะมั้ง”คิดแล้วเครียด แต่ก็เดินจ้ำต่อไปไม่หยุด แต่กว่าจะถึง ทางเข้ามันก็เงียบซะจนน่าหวั่น แม้จะมีแสงไฟสว่างตลอดทางก็ตาม

รีส ผู้มีหน้าใบหน้าหล่อเหล่าคมคาย ตาสีฟ้าสวยงามดังชาวต่างชาติ ส่วนสูง185ซม. หนุ่มคณะบริหาร มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง ผู้ที่มีดีกรีเรียนดีด้วยคะแนนที่สอบเข้าสูงสุดและเกียรติบัตรเรียนดี2ปีซ้อนตั้งแต่เข้าเรียนมา มีเพื่อนที่เขารักมากๆชื่อติวเตอร์ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดูดี เหมือนจะเป็นเพอร์เฟกบอยคนหนึ่งก็ว่าได้

แต่ติดตรงที่เขาเป็นเด็กกำพร้าฐานะจนๆ ที่ต้องออกมาส่งเสียเลี้ยงดูตัวเองจนทุกวันนี้ทำงานและเรียนจนไม่มีเวลาเหลืออีก สาวๆหลายคนที่สนใจเขาไม่ว่าจะที่รูปร่างหน้าตาหรือรักเขาจริงมากแค่ไหนก็ต้องถอยห่างออกมาในไม่ช้า เพราะสิ่งที่รีสสนใจมีแค่เรื่องเรียนทำงานและติวเตอร์เท่านั้น
.
.
.
เอี๊ยดดดดดด

เสียงเบรคของรถดังขึ้นสนั่น ซึ่งเกิดขึ้นข้างหน้าเขาห่างไปไม่ถึงเมตร พร้อมกับแสงไฟหน้ารถยนต์คันหรูที่เพิ่งเปิดขึ้นมาสาดส่องไปทั่วบริเวณ สว่างวาบเข้าตาของคนมอง

“เห้ยยยยยยย!!!”

เสียงตะโกนทั้งของคนที่อยู่หลังพวงมาลัยและคนที่อยู่ข้างหน้ารถดังขึ้นพร้อมกัน ท่ามกลางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ ไม่มีใครมีสติหลงเหลือมากพอที่จะหักหลบหรือวิ่งหนี ทำได้เพียงเหยียบเบรกตามสัญชาติญาณที่ใช้บ่อยๆกับอีกคนที่ยืนนิ่งตกตะลึงกับตัวรถที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ในขณะนั้นได้ยินแต่เสียงเบรกของรถดังสนั่นแต่แก้ไขอะไรไม่ทันการซะแล้ว

ปั้งงงง!

ทุกอย่างหมุนคว้าง ราวกับภาพสโลวอย่างที่เห็นละครหลังข่าว หน้ารถด้านข้างขวาชนเข้าช่วงเกือบถึงกลางลำตัว ทำให้ตัวของรีสลอยติดไปกับรถตามแรงเหวี่ยงและกระชากไปไกล หน้าของเขาติดกระจกหน้ารถด้านคนขับ เลือดเริ่มไหลทะลักออกจากปาก จมูก ดวงตาเหลือกโลนเบิกกว้างอย่างตกใจจ้องมองไปที่หน้าคนขับ เป็นที่น่าสยดสยองสำหรับคนที่ได้เห็นอย่างยิ่ง

‘ผมทำผิดอะไร ทำไมผมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทั้งๆที่เป็นเพราะความประมาทของไอหน้าไหนก็ไม่รู้’ จิตสำนึกกู่ก้องตะโกนเรียกรองอยู่ภายในใจ

‘แล้วไหนจะคำสัญญาที่่บอกว่าจะดูแลติวเตอร์เพื่อนรักของผมอีก  ผมยังไม่อยากตาย ผมจะไม่ตาย ผมจะไม่ตาย! เพราะมึง!’ ความคิดของรีสดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกภายในหัวสมองพร้อมกับดวงตาที่จ้องมองคนที่อยู่หลังพวงมาลัยเขม็งไม่ละสายตาไปไหน

เอี๊ยด!! 

 กึก!!

เมื่อรถหยุดหมุนร่างของรีสทั้งร่างก็ล่วงลงไปกองอยู่กับพื้นด้านล่างอย่างแรง ลำตัวกระทบพื้นถนนเสียงดัง ตุบ ส่งผลให้คอของเขาฟาดกับริมฟุตบาตหักเอียง เลือดมากมายไหลทะลักออกจากทุกส่วนของร่างกายที่จะออกได้ ขณะที่ดวงตายังคงเหลือกมองจดจ้องไปที่คนในรถหรูนั้นตลอดเวลา

ขณะเดียวกันคนที่อยู่บนรถก็สติแตกทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ยิ่งเมื่อเหลือบสายตามองเห็นผู้โชคร้ายที่ตนชนนั้นสภาพเป็นเช่นไร ก็ยิ่งตกใจตาเบิกโพรงตามไปด้วย ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าไม่หยุด ขนลุกเกรียวด้วยความกลัว เขาเคยเห็นคนตายแต่ไม่บ่อยนักแล้วก็ทำใจไม่เคยได้เวลาที่พ่อเขาพาไปด้วย

แต่ตอนนี้  ‘เขาฆ่าคน’  นี่คงเป็นคำๆเดียวที่เขาคิดออกตอนนี้ เขาสติแตกไปแล้ว

หลังจากทำอะไรไม่ถูก มีเพียงความคิดเดียวที่สั่งให้เขาทำในตอนนี้คือ  “หนี”  เขารีบขับรถหรูที่เปื้อนเลือดของเขาออกไปทันทีที่คิดได้ โดยจากไปทั้งๆที่มีคนตายเพราะเขา ทั้งๆที่เขาควรลงไปช่วย ทั้งๆที่เขาควรแจ้งตำรวจแล้วมอบตัว แต่ เขาไม่หันกลับมาอีกเลย ขับรถทะยานออกนอกเมืองไปไกลมุ่งสู่ความมืดมิดข้างหน้า
.
.
.
‘เพราะมึง!  มึงฆ่ากู!  กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่ กูจะเอามึงไปอยู่ด้วย!’

น้ำเสียงทุ้มต่ำตวาดดังขึ้น พร้อมกับยื่นมือมาข้างหน้าหมายจะบีบคอให้ตายตามกันไป เนื้อตัวที่มอมแมม แขนขาม่วงคล้ำ รอบลำคอเขียวอมม่วง หน้าตาบูดบวม บาดแผลเต็มตัว กับเลือดที่ไหลไม่หยุดราวเขื่อนแตก แล้ว ยิ่งทะลักออกมามากยิ่งขึ้นเมื่อมีการเอ่ยคำใดออกมา

“ไม่ กูไม่ได้ตั้งใจ” เฟิร์สได้แต่ลนลานถอยหนีจนหลังชิดกำแพง

‘มึงฆ่ากู! กูจะลากมึงมาลงนรกกับกู!! ฮ้าฮ้าฮ้าฮ้า’ เสียงหัวเราะดังก้องพร้อมกับเลือดที่ทะลักออกจะปาก กระเด็นมาโดนเขา มือที่กดบีบที่คอแรงขึ้น ยิ่งเข้าใกล้เลือดยิ่งไหลท่วมตัวเขามากขึ้น คอของมันเอียงหักดวงตาเหลือกมองจ้องด้วยความอาฆาตแค้น

“อ อึก ป ปล่อย ขอร้...อึก” แรงกดบีบที่ลำคอของเฟิร์สแรงขึ้นจนลมหายใจของเขาเริ่มจะหมดลง กับสายตาและแรงบีบของอีกคนที่ยังคงอาฆาตเขาไม่จากหายไป

“เฮือก~~ แฮ่กๆๆ” เขาสะดุ้งตื่น หายใจโกยอากาศเข้าปอดรุนแรง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจเต้นแรง รัวและเร็ว จนเหมือนมันจะหลุดออกมาข้างนอกให้ได้

“เช้าแล้ว..ขอให้ทั้งหมดเป็นแค่ฝัน...” หลังจากโกยอากาศเข้าปอดจนพอมีสติแล้ว เขาก็มองรอบตัวเห็นแต่ทุ่งหญ้าสองข้างทางไม่มีรถวิ่งผ่านไปมาซึ่งดีสำหรับเขาในตอนนี้ แล้วภาวนาให้ทุกอย่างเป็นเพียงฝันไปเท่านั้น

ทั้งๆ ที่ดวงตาสีฟ้าที่เหลือกโลนจ้องเขม็งคู่นั้นยังติดตาเขาอยู่ทุกวินาที
เขาขับเคลื่อนรถตัวเองต่อไปอีกข้างหน้าอย่างระแวงคนรอบตัวเป้าหมายคือบ้านพักต่างจังหวัดของครอบครัวเขานั่นเอง



...

เม้นๆบ้างน้าาา
เจอกันตอนหน้าค้าาาา :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2016 11:07:47 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
#แก้ไขครั้งที่1 7/7/59

medie 


02 : สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ




ย้านกลับไปเมื่อเกิดเหตุ
แสงไฟจากหน้ารถที่สาดส่องไปเบื้องหน้า ไฟจากรถยนต์คันนั้น ดูราวกับจางหายไปเรื่อยๆ แต่ดวงตาจากคนที่ยังคงนอนคอหักพับก็ยังคงจ้องมองตามไปอย่างเหลือกโลน

สิ้นเสียงและแสงไฟจากเหตุการณ์กะทันหันที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัดและวังเวงมากกว่าที่เป็นอยู่ ช่วงเวลานี้คนทั่วไปคนจะนอนหลับกันหมดเเล้ว รีสก็ยังคงนอนอยู่ในสภาพเลือดท่วมตัว ตาเหลือกอย่างน่ากลัว คอหักพับ และกระดูกภายในตัวของเขาก็หักแทบทุกชิ้น ดวงตาคู่นี้อาฆาตแค้นจนน่าขนลุกไปตามๆกัน สภาพแบบนี้ถ้ามีผู้ใดผ่านมาพบเห็น คงจะติดตานอนไม่หลับไปอีกนาน

‘ฉันยังไม่อยากตาย! ฉันจะไม่ตาย! จะไม่ตาย! ไม่ตาย!’

จู่ๆก็เกิดลมกระโชกอย่างรุนแรง จากบรรยากาศเงียบสงัดวังเวง เป็นลมพัดโหมกระหน่ำดูราวกับโมโหอะไรบางสิ่งอย่างน่ากลัวผิดธรรมชาติ เกิดเสียงแปลกๆคล้ายเสียงคนพูดเสียงหัวเราะเสียงร้องไห้หรือเสียงอื่นๆที่ไม่เหมือนคนผสมปนเปมาตามสายลม ไหลวนเวียนไปมาเกิดเป็นลมบ้าหมูสูงเกือบ2เมตร

ลมบ้าหมูลูกนี้หมุนวนเข้าไปหารีสด้วยความเร็วบวกกับความสูงที่เกิดขึ้นอย่างบ้าคลั่ง รอบข้างก็ยังคงมีเสียงต่างๆดังเเข่งกับสายลมนี้ ยิ่งรุนแรงเท่าไหร่เสียงนั้นก็เหมือนจะดังขึ้นตามๆกันไป ลมที่เคลื่อนตัวด้วยความเกี้ยวกราดปะทะเข้ากับร่างของรีสทันที

“อึก!”

เสียงของรีสดังขึ้นเมื่อลมนั้นปะทะเข้ากับตัวของเขา ทุกอย่างในร่างกายชาวาบ ดวงตาลุกวาว แล้วหลับลงไปช้าๆ

พลันทุกอย่างก็หยุดลง นิ่งเสียราวกับเมื่อครู่ไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ไม่เคยมีลมกระโชกรุนแรง ไม่เคยมีเสียงดังเกรียวกราดต่างๆ เหมืิอนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงจิตนาการเท่านั้น บรรยากาศรอบด้านกับไปเงียบและมืดมิด มีเพียงแสงไฟจากหลอดไฟข้างทางเหมือนเดิม

ร่างของรีสกับไปสู่สภาพปกติ เลือดหดหายกลับเข้าร่างกาย คอที่หักและบาดแผลต่างๆหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เหมือนเขาเพียงแค่หลับไปอยู่ข้างถนนตรงนั้นเท่านั้นเอง

.
.

เวลา 9:00 น. ณ วัดxxx
ภาพบรรยากาศของการเตรียมงานศพจันทภาหรือแม่ของติวเตอร์ เป็นไปอย่างเศร้าสร้อย ศพถูกวางไปบนเตียงคลุมด้วยผ้าตั้งแต่เท้ายันอก วางมือไว้ด้านข้าง เตรียมรดน้ำศพสำหรับวันนี้ ทุกสิ่งรอบๆถูกแต่งแต้มอย่างยิ่งใหญ่สวยงาม แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้านี่ไม่ใช่งานที่มีแต่น้ำตา

“เตอร์ รีสยังไม่มาหรอลูก” เสียงของกิตติศักดิ์หรือพ่อของติวเตอร์ ดังขึ้นข้างๆ หน้าตาที่บ่งบอกถึงวัยนั้นดูเศร้าสร้อย อิดโรยลงไป แต่ก็ยังคงน้ำเสียงและหน้าตาที่ใจดีไว้เสมอ

“ยังเลยครับพ่อ แล้วพ่อมีอะไรจะให้เตอร์ทำรึเปล่าครับ” ติวเตอร์หันไปมอง พูดตอบผู้เป็นพ่อ ด้วยหน้าตาที่แสนเศร้าสร้อยเช่นกัน

”ไม่มีอะไรหรอกลูก พ่อแค่เป็นห่วงน่ะ เห็นมายืนชะเง้อมองออกไปด้านนอกนานแล้ว พ่อเลยเดินมาดูหน่อย” ดวงหน้าที่ใจดีของผู้เป็นพ่อมองลงไปมองลูกชายสุดรักสุดหวงด้วยความเป็นห่วงมากมาย

“ขอบคุณครับพ่อ ผมมองหารีสน่ะครับ เห็นบอกว่าจะมา ...ความจริง เมื่อวานรีสบอกจะมาอยู่เป็นเพื่อน ขอกลับไปเช็คความเรียบร้อยที่ห้องก่อนน่ะครับ ผมรอจนเผลอหลับไป คิดว่ารีสเขาน่าจะเข้ามาได้ แต่ตื่นเช้ามาก็ยังไม่เห็นเลยครับ ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรไปอีกคนรึเปล่า” ติวเตอร์พูดด้วยน่ำเสียงเป็นห่วงเพื่อนรักของตนมากมาย ดวงตาดูกังวนและเศร้าลงไปอีก

“ไม่มีอะไรมากหรอกลูกไม่ต้องกังวนไปนะ บางทีพ่อว่ารีสอาจจะผลอหลับไปก็ได้ ก็พ่อเล่นโทรฯไปรบกวนให้ไปช่วยดูเราซะดึกดื่นขนาดนั้น ลองโทรฯหารีสรึยังละลูก” น้ำเสียงและหน้าตายังคงใจดีเหมือนเดิมทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นตามไปด้วย

“อ้อ นั่นสิครับ ทำไมผมไม่ลองโทรหารีซนะ ขอบคุณมากนะครับพ่อ”ติวเตอร์ดีใจ ใบหน้ายิ้มแย้มขึ้นมากระทันหัน แต่ก็ชะงักมือที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อ

“พ่อครับ ...เตอร์ขอโทษนะครับ ที่เมื่อวานช่วยอะไรแม่ไม่ได้ ผมดูแลแม่ไม่ดี เตอร์ผิดเองครับพ่อ เตอร์ขอโทษนะครับ” ติวเตอร์เอ่ยเสียงเบา มองผู้เป็นพ่อดวงตาเริ่มคลอน้ำใสๆ ก่อนที่จะหยดลงมาอีกครั้ง

“เตอร์ไม่ผิดหรอกนะลูก อย่าโทษตัวเองสิ พ่อรักลูกมากนะ รักแม่ด้วย ใครก็รู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุ ลูกไม่ผิดสักหน่อย” กิตติศักดิ์พูดด้วยน่ำเสียงเบาลงตามไปด้วย พร้อมดึงลูกชายสุดรักสุดหวงเข้ามากอด

ลูกชายที่เขาและจันทภาเฝ้าถนอมฟูมฟักมาด้วยความรักตลอด20ปี ลูกชายที่เขาสัญญากับตัวเองว่าจะดูแลอย่างดีไม่ให้อันตรายใดๆมาทำร้ายลูกของเขาได้ ลูกชายที่ถ้าใครมาพรากจากเขาไปโดยไม่ชอบเขาคงทำทุกวิถีทางที่จะขีดขวางไม่ให้ทำสำเร็จแม้เขาจะต้องร้ายเพียงใดก็ตาม

“เตอร์รักพ่อนะครับ รักแม่ด้วย แถมรีสอีกคนนะครับพ่อ”

“ได้สิลูก พ่อตามใจเรา อีกอย่างรีสเป็นเด็กดีพ่อก็รักเหมือนลูกอีกคนเหมือนกัน”
สองพ่อลูกกอดกันกลม น้ำตาใสๆของติวเตอร์ยังคงไหลไม่หยุด พูดพร่ำขอบคุณและรักสลับกันไปมา พาเอาคนที่อยู่ในงานมองและบางคนถึงกลับร้องไห้ตามไปด้วย

เวลาผ่านไปสักพัก สอลพ่อลูกก็ผละออกจากกัน ผู้เป็นพ่อจึงเดินจากไปเพื่อเตรียมงานต่อ ส่วนคนเป็นลูกรีบต่อสายหาเพื่อนรักของตนทันที

ตู๊ดดดดดดด
ตู๊ดดดดดดด

“ทำไมรีสไม่รับสาย”

ตู๊ดดดดดดด
ตู๊ดดดดดดด

“อาจจะหลับอย่างที่พ่อพูดก็ได้ คงจะเพลียมาก ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวค่อยโทรฯไปหาใหม่ก็แล้วกัน” ติวเตอร์พ่นลมหายใจทิ้ง พูดเสียงเบาลงอย่างพยายามปลอบใจตนเองอีกครั้ง แล้วเดินตามผู้เป็นพ่อเข้าไปภายในงาน ไปนั่งอยู่ข้างๆร่างผู้เป็นแม่อีกคน

.
.

บ้านศิระสกุลวงษ์

“ฉันว่าเราควรจะไปแสดงความเสียใจกับคุณกิตติศักดิ์สักหน่อยดีไหม ฉันอุตส่าห์หยุดงานเลยนะเนี่ย หรือแกว่ายังไงเจ้าทาม” นายพงพัทธ์ เอ่ยขึ้น ขณะนั่งจิบกาแฟสบายใจอยู่ในบ้านวันนี้

“ผมว่าก็ดีครับพ่อ บางทีเราอาจจะได้รู้อะไรดีๆเข้าก็ได้ ใครจะไปรู้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุจริงหรือเปล่า อีกอย่างผมก็อยากจะเจอกับลูกชายของคุณกิตติศักดิ์เหมือนกัน”

ทาม ลูกชายคนโตของบ้านนี้ิ ทามผู้มีนิสัยรักสนุก เป็นคาสโนว่า กินเที่ยวใช้ชีวิตกลางคืน แต่ก็เอาการเอางาน เป็นลูกรักของพ่อเลยทีเดียว บ่อยครั้งทั้งผู้หญิงผู้ชายเข้าหาเขาเป็นว่าเล่นแต่เขาก็ไม่พอใจอยู่ดี เขาไม่ชอบคนที่วิ่งเข้าหาถวายตัวให้เขาง่ายๆ เขาชอบคนที่ท้าทายความสามารถไม่ยอมเขา ดื้อแบบลูกชายคุณกิตติศักดิ์ เขาเอ่ยขึ้น ยิ้มมุมปาก คิดถึงเรื่องสนุกๆที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้

“ในฐานะเพื่อนร่วมธุรกิจ คงจะดูดีไม่น้อย ว่าแต่แกเถอะ สนใจลูกชายของมันขนาดนั้นเลยรึไง อยากได้มากขนาดนั้น?” ผู้เป็นพ่อเหล่มองลูกชายของตนอย่างรู้ทัน

“หึ แล้วถ้าผมอยากได้ พ่อจะจัดการให้ผมได้รึเปล่าล่ะครับ” ทามยิ้มตอบพ่อ ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์พรางคิดถึงเรื่องของไอตัวเล็กจอมแสบนั่นทันที ถ้าเขาได้มาละก็ จะทำให้หลงจนลืมไปเลยว่าเคยพูดว่าเกลียดกัน


“หึหึ ถ้าอยากได้ขนาดนั้น ฉันก็ไม่ขัดแก มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกละกัน แต่ถ้าแกพลาดโปรเจคที่จะเสนอบอร์ดบริหารละก็ อย่าว่าแต่เรื่องลูกชายไอ้กิตติศักดิ์เลย บัตรเครดิตแกทุกใบที่ใช้อยู่ฉันจะยึดให้หมด และเงินที่แกใช้ทุกๆวัน แกก็จะไม่ได้เพิ่มแม้แต่บาทเดียว”

“อย่าห่วงเลยพ่อ ผมทำได้อยู่แล้ว ไม่เคยทำให้ผิดหวังหรอก อย่าลืมของขวัญผมเท่านั้นก็พอ งั้นผมออกไปข้างนอกเลยละกัน จะไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่ไปงานสักหน่อย” ทามพูดจบก็ออกไปทันที

“ฮ่าฮ่าฮ่า ให้มันได้อย่างงี้สิลูกชายฉัน ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ” ผู้เป็นนายใหญ่ของบ้านหัวเราะด้วยความชอบใจ มองลูกชายสุดรักเดินออกไป สงสัยเย็นนี้เขาคงต้องกวนประสาทเจ้าของงานไม่แพ้ให้ไอ้ลูกบ้านี่แน่ๆ


บ้านศิระสกุลวงษ์ กับบ้านธนโชติพิมุกข์(พ่อของติวเตอร์) สองตระกูลเป็นเพื่อนทางธุรกิจหรือคู่แข่งทางธุรกิจนั่นเอง ครอบครัวของทามเป็นเจ้าของธุรกิจที่อยู่มานาน แต่ครอบครัวของติวเตอร์เป็นมือใหม่ เเต่ผลงานดี หุ้นส่วนและสปอนเซอร์บางรายที่เคยสนับสนุนบริษัทบ้านศิระสกุลวงษ์เลยหันไปเข้าร่วมกับทางนั้น ทั้งนี้เลยเป็นที่มาทำให้นายพงพัทธ์กับลูกชาย(ทาม)

ที่ร้ายเป็นทุนเดิมกัดอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย จนกว่าจะเห็นอีกฝ่ายล่มจมอย่างที่ตั้งใจไว้ เพื่อหวังว่าธุรกิจของตนจะกลับไปยิ่งใหญ่เช่นแต่ก่อน ไม่มีคู่แข่งที่สูสีกันมาทำให้ปวดหัวอีก

.
.

เวลา 19:00 น. วัดxxx

เวลาเดินไปอย่างเชื่องช้า ทุกอย่างภายในงานมีแต่ความเศร้าสร้อย สำหรับผู้ที่มาใหม่ เดินไปเคารพศพโดยรับธูปจากลูกชายของเธอ ผู้ที่นั่งเงียบ น้ำตายังคงไหลซึมอย่างช้าๆ บางครั้งก็เหม่อลอยซะจนต้องมีคนมาทำหน้าที่แทน เป็นที่น่าหดหู่สำหรับผู้พบเห็นยิ่งนัก

ขณะนี้เป็นเวลาของการสวดมนต์เย็นในงานคืนแรก แขกทุกคนที่มาร่วมงานทั้งที่อยู่ตั้งแต่รดน้ำศพเมื่อช่วง4โมงที่ผ่านมาและแขกที่มาเพิ่มช่วงนี้ต่างก็ใส่ชุดดำหรือสีสุภาพเพื่อให้เกรียติแก่ผู้ที่จากไป นั่งพนมมือฟังพระสวด บรรยากาศแสนเศร้าสร้อยหดหู่ยังคงดำเนินต่อไป หลังพระสวดจบก็มีการบรรเลงดนตรีไทยประกอบงานศพที่ฟังดูวังเวงเศร้าสร้อยจับใจ

“คุณกิติศักดิ์ พวกเราขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ขอโทษนะครับที่ดันมาช้าไปหน่อย แต่ผมก็ตั้งใจที่จะมาแสดงความเสียใจด้วยจริงๆ”

“สวัสดีครับคุณอากิตติศักดิ์”
พงพัทธ์และทามเดินเข้ามาภายในงานด้วยชุดสูทสีดำเนียบทั้งคู่ หน้าตาผมเผ้าเซ็ตมาเรียบร้อย ดูดีจนบางครั้งอาจจะไม่ได้คิดว่ามางานแบบนี้ เดินมาพร้อมนักข่าว2-3คน ยื่นพวงรีดให้กับกิตติศักดิ์แล้วพูดแสดงความเสียใจ

“สวัสดีธนบดินธ์(ทาม)ขอบใจนะที่มา และขอบคุณคุณพงพัทธ์ แต่งานนี้ผมไม่เชิญนักข่าวมาทำข่าว ถ้าคุณจะกรุณาแล้วเสียใจกับผมจริงๆ คุณควรให้เขากลับไปซะแล้วลบภาพที่นี่ออกไปด้วย” กิตติศักดิ์พูดกับทามแล้วหันกับไปบอกนายพงพัทธ์ด้วยสีหน้านิ่งเฉย เสียงเข้มขึ้น

“คุณอาครับ งั้นผมขอตัวไปเคารพศพก่อนดีกว่านะครับ บางทีพ่อกับคุณอาอาจมีธุระต้องคุยกัน” ทามรีบขอตัวแยกออกมา ปล่อยให้พ่อของเขารับมือคุณอากิตหรือกิตติศักดิ์ไปเองคนเดียว เมื่อกิตติศักดิ์พยักหน้า ทามก็รีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที แล้วเดินตรงไปยังเป้าหมายที่ต้องการตรงหน้า

“พี่ขอธูปไปเคารพศพคุณน้าจันทภาหน่อยได้มั้ยครับ น้องติวเตอร์ที่รัก”
ทามเอ่ยขึ้นพร้มนั่งลงตรงหน้าของคนที่ดวงตายังคงเหม่อลอย ใบหน้าฐานะรูปร่างหน้าตาที่หล่อบาดใจ เกินกว่าทุกคนในงาน ดึงดูดสายตาหลายคู่ให้จับจ้องมองเขาไม่ขาด เมื่อทามหันไปสบตาบางคนถึงกับหน้าแดงทำตัวไม่ถูก ทั้งๆที่อยู่ในงานที่มีบรรยากาศแสนเศร้าก็ตาม

“อะ ไอ้... นายทาม” ติวเตอร์สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกวนประสาทคุ้นหูดังขึ้น ดวงหน้าและแววตากลับมาจ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้าไม่วางตา

“เรียกพี่ทามว่าพี่สิครับน้องติวเตอร์ พี่อายุมากกว่าเราตั้ง4ปีนะ”ทามพูดไปยิ้มมุมปากจ้องมองคนตรงหน้า แม้สภาพของคนตรงหน้าอาจจะไม่ได้เรียกว่าคนเลยก็ได้ ตาบวมกับหน้าซีดๆที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักไหนจะคิ้วที่ขมวดติดกันในตอนนี้ ไม่ได้น่ามองเลยสักนิด
“นายมาทำอะไรที่นี่ ฉันว่าพวกนายไม่น่าจะได้รับคำเชิญ เพราะเราเชิญเฉพาะคนที่สนิทเท่านั้น” เสียงของติวเตอร์พูดย้ำน้ำเสียงในตอนท้ายเพื่อให้คนฟังรู้สึกเสียหน้า

“ที่รักจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอครับ พูดเหมือนไล่พี่ทามเลย แต่พี่ไม่ไปหรอกนะ เพราะยังไงอีกหน่อยเราก็ต้องสนิทกัน พี่เลยต้องมาบอกคุณอาจันไว้ก่อนที่จะไม่ทัน ว่าจะมาขอน้องติวเตอร์ไปเป็นเมียไงครับ” พูดด้วยน้ำเสียงและส่งสายตาที่แสนเจ้าเล่ห์มาให้ติวเตอร์

สายตาหลายสิบคู่ที่เผอิญได้ยินบทสนทนาดังกล่าว หันมามองกันเป็นตาเดียว อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แม้ติวเตอร์จะมีผิวขาว เนียน ใบหน้าเรียวสวยหวานได้ทางแม่ซะส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นเกย์ และไม่มีใครเคยเห็นด้านอ่อนแอนอกจากครอบครัวและรีสเท่านั้น ยกเว้นก็แต่เพียงเวลานี้ที่แม่ได้จากเขาไป

“หยุดเรียกฉันว่าที่รักอะไรนั่นซะ ฉันเกลียดนาย แล้วก็อย่ามาพูดอะไรทุเรศๆเเถวนี้ ถ้านายว่างนัก ก็กลับไปนั่งคิดงานของนายนู้น กลับไปคิดอะไรที่มันเป็นประโยชน์ จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับครอบครัวของฉัน”ติวเตอร์พูดกลับไปด้วยความโมโห โมโหที่ถูกเรียกว่าที่รักจากคนที่เกลียด โมโหที่อาจถูกมองว่าเป็นคู่รักกับคนแบบนั้น โมโหที่บอกว่าจะมาขอเขาจากแม่ ทั้งโมโหทั้ง อาย

“มันจะไม่มากไปหน่อยรึไงติวเตอร์” ทามสวนกลับด้วยน้ำเสียงที่เริ่มทนไม่ไหวเช่นกัน ไม่ใช่เพราะครอบครัวนี้หรอที่มาแย่งคู่ค้าทางธุรกิจของเขาไปทำให้ต้องขายหุ้นในราคาที่ถูกลงเสียหายไปหลายสิบล้าน ดีที่เขากลับมาช่วยพ่อบริหารจนดีขึ้น ถึงได้ขึ้นแท่นเป็นลูกรักจนทุกวันนี้

“ก็แล้วทำไม รึมันไม่จริง พวกสร้างแต่ปัญหาให้คนอื่น” ติวเตอร์เริ่มขึ้นเสียง ลุกขึ้นยืนพูดข่ม ทำให้ทามลุกขึ้นยืนประจันหน้าเช่นกัน

“มีอะไรกันลูก ติวเตอร์ ทาม เกิดอะไรขึ้น แขกตกใจหมดแล้ว” กิตติศักดิ์เดินเข้ามาห้ามทัพระหว่างทั้งคู่

“ขอโทษครับพ่อ ไม่มีอะไรหรอก” ติวเตอร์รีบหันไปพูดกับพ่อและขอโทษคนอื่นๆด้วยที่ตนเสียงดัง

“ขอโทษครับคุณอากิต ผมผิดเองที่แหย่น้องติวเอตร์แรงไปหน่อย น้องเขาเลยโมโหนิดๆน่ะครับ” ทามพูดบอกกิตติศักดิ์ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ติวเตอร์ลูกจุดธูปส่งให้พี่เขาไปเคารพแม่สิ คุณพงพัทธ์ด้วย” กิตติศักดิ์มองหน้าลูกชายตนด้วยสายตาที่บ่งบอกอย่างขอให้ยอมลงให้ในเวลานี้

“งั้นผมและลูกชาย ขอตัวกลับเลยดีกว่า ไว้วันหลังถ้าว่าง ผมจะมาร่วมงานอีก ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งนะครับ” พงพันธ์กล่าวขึ้นมาหลังจากไปเคารพศพเรียบร้อย แล้วพากันเดินออกไปนอกงานทันที

“หึ แกไปทำอะไรเขาล่ะ ถึงได้ลุกขึ้นมาโวยวายได้ขนาดนั้น ทั้งๆที่สภาพแบบนั้นจะยืน ยังดูจะไม่ไหวเลย” พงพันธ์ถามลูกชายของตนทนทีที่ขึ้นนั่งบนรถ เหล่มองลูกชายของตนที่นั่งยิ้มมุมปากมองไปยังศาลาวัด

“ก็แค่พูดเล่นนิดๆหน่อยๆทำเป็นโมโห แต่พ่อเห็นสภาพแบบนั้น ปากก็ยังคงดี้หมือนเดิม ตอบกลับมาได้เจ็บแสบเชียว แต่ครั้งนี้ผมอุตส่าห์ช่วยให้มีชีวิตชีวาเลยนะ ยังจะมาไม่พอใจกันอีก เด็กดื้อจริงๆ” ทามหันกลับไปตอบพ่อของตนก่อนหันกลับมาและองไปยังศาลาวัดอีกครั้ง

“ฮ่าฮ่า พอกันทั้งพ่อทั้งลูก นิดๆหน่อยๆทำเป็นขึ้น น่าสนุกขึ้นทุกวัน” พงพัทธ์พูดขึ้นตามองตามทามไปยังศาลาวัดอีกคน

‘หึ อยากจะรู้เร็วๆจัง ว่าจะยังปากดีได้อีกนานแค่ไหน ถ้าได้มานอนอยู่ใต้ร่างฉันนะติวเตอร์’ ทามพูดกับตัวเองเบาๆแต่มีหรอจะเล็ดรอดหูของผู้เป็นพ่อที่ดันคิดแบบเดียวกันพอดี การแก้แค้นแสนหวานที่พวกเขารอคอยมันกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
รถค่อยๆทะยานตัวออกไปสู่ถนนด้านนอก กลับสู่บ้านศิระสกุลวงษ์อีกครั้ง
.
.
7 วันหลังจากเกิดอุบัติเหตุ
บ้าน กิจจาวัฒนาพันธ์

“ไอู้ลกชายตัวดีฉันมันหายหัวไปไหนกันหมด มีใครพอจะตอบฉันได้ไหม
!”น้ำเสียงทรงอำนาจดังขึ้นภายในบ้าน ทำให้แม่บ้านและลูกน้องทั้งหลายยืนกันไม่ติดพื้น ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังโมโหแน่นอน ซึ่งถ้าคนคนนี้โมโหทีไร ก็มีจะมีคนตายไม่ก็บาดเจ็บทุกครั้งไป

“เมื่อตอนเช้าคุณๆโทรมาบอกว่าไปบ้านพักตากอากาศของคุณท่านค่ะ ให้ดิฉันมารายงานคุณท่านด้วย” หนึ่งในคนรับใช้พูดอย่างกล้าๆกลัวๆ

“แล้วทำไมไม่รายงานฉัน!” เสียงเข้มนั้นดังขึ้นอีก

“ฉ ฉัน กำลังจะไปรายงานคุณท่านค่ะ แต่คุณท่านขอรับมื้อเช้าก่อน ฉ ฉันเลยยังไม่ได้รายงานให้คุณท่านทราบค่ะ” คนเดิมพูดเสียงตะกุกตะกัก ลนลานด้วยความกลัวในความผิด

“นี่เธอจะบอกว่าฉันผิดงั้นหรอ?” สายตาคมกริบปาดไปมองยังสาวใช้ผู้โชคร้ายคนเดิมที่เอาแต่สั่นกลัว

“ป เปล่าเลยค่ะ ฉ ฉันผิดเอง ขออภัยด้วยค่ะนายท่าน” พูดรัวเร็วก้มต้มไหว้ผงกหัวแทบจะกราบเสียงทรงอำนาจนั่นทันที

“หึ เดี๋ยวจะหาว่าฉันใจร้าย ฉันให้โอกาสคนเสมอแหละ แต่ถ้ามีคราวหน้าอีก ฉันก็ไม่รับประกันว่าเธอจะเจอกลับอะไร” เสียงเข้มดังขึ้นเรียบๆแต่หนาวจับขั้วใจคนฟังทุกคน

“ข ขอบคุณค่ะท่าน ขอบคุณค่ะ” สาวใช้คนเดิมรีบก้มหัวยกมืิไหว้เป็นการใหญ่ที่วันนี้ตนไม่โดนอะไรเข้า
อย่าถามว่าทำไมคนรับใช้เหล่านี้ถึงยอมเสี่ยงที่จะอยู่ให้เป็นอันตรายต่อตนเอง ก็เพราะพวกเขามีฐานะยากจนมีภาระที่ต้องกินต้องใช้ ซึ่งที่นี่ถึงจะเสี่ยงแต่เงินเดือนที่ได้รับมันมากกว่าแรงงานขั้นตา4-5เท่าต่อเดืีอนยังไงล่ะ






...

เปิดตัวตัวละครใหม่ คงจะเป็นคู่รองของเรา

พี่ทาม พระเอกคู่รองดูนิสัยไม่เหมาะจะเป็นพระเอกนิดหน่อย 555 ใครคิดบ้าง

บางที13ก็คิดนะ ว่าตอนนี้มันเรื่องของพวกพ่อๆเยอะเกินไปรึเปล่า

...

ขอบคุณคนที่ติดตามนะคะ และยินดีต้อนรับคนใหม่ๆเข้ามาเสมอ :3123:
เม้นๆบ้างนะ ติชมกันได้ จะรับฟังด้วยความยินดีเลยค่ะ :impress2:
เจอกันตอนหน้สนะคะ :bye2:

[/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2016 11:26:42 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk



medie



 03 : ทุกสิ่งที่กระทำ



ฝาแฝด มักจะมีพลังงานบางอย่าง ที่เชื่อมพวกเขาเข้าด้วยกันและมีสายใยอันแนบแน่น รวมไปถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเกินคำบรรยายที่ยากจะแยกออกจากกันได้ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต

“หากคุณเป็นฝาแฝด ย่อมไม่มีวันแยกจากกัน... คุณเดินทางมาสู่โลกนี้ด้วยกัน จึงควรอยู่ด้วยกันชั่วชีวิตที่เหลืออยู่” คำกล่าวของคู่แฝด ฟิโลมินา และกลอเรีย ซินิสคัลคี
คงเป็นเครืองยืนยันถึงภาวะแห่งความผูกพันที่แสนจะพิเศษนี้ได้เป็นอย่างดี ฝาแฝดทุกคู่เกิดมาพร้อมกับชะตากรรมที่ต้องยอมรับแบบไม่มีเงื่อนไข เสมือนการได้รับของขวัญล้ำค่าจากธรรมชาติที่น้อยคนนักจะมีโอกาสเช่นนี้ และพวกเขาทั้งสองก็มีสิ่งมหัศจรรย์นี้เช่นกัน

แรมป์ say

3 วันมานี้ผมติดต่อเฟิร์สไม่ได้เลย พยายามตามหาตามที่พักต่างๆแต่ก็ยังไม่พบ ให้คนของตนช่วยตามหาก็แล้วก็ไม่พบ บางทีผมอาจจะลืมอะไรที่ใกล้ตัวไปรึเปล่านะ

ที่ผมพยายามตามหาเฟิร์สมากขนาดนี้ เพราะผมเป็นห่วงมากๆ ผมรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับเฟิร์สแน่ๆ ตั้งแต่คืนนั้นที่เฟิร์สเดินออกจากบ้านไป ทั้งคืนผมนอนไม่หลับเลย
ผมใจเต้นแรงผิดปกติ เหงื่อออกท่วมตัวทั้งๆที่อยู่ในห้องแอร์ ทั้งๆที่นอนอยู่บนเตียงเฉยๆเท่านั้น ผมรู้สึกใจหายกับเรื่องอะไรสักอย่าง

เหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้นเมื่อพวกผมยังเป็นเด็ก เฟิร์สเคยจะจมน้ำตาย แต่ความรู้สึกของผมมันบอกว่าให้ไปช่วย เฟิร์สถึงรอดมาได้ มันเป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมไปช่วยเฟิร์สไม่ทันจนเกิดสูญเสียความทรงจำช่วงนั้นไปซึ่งเป็นช่วงที่เจ็บปวด เฟิร์สเองก็เคยมาช่วยชีวิตผมเหมือนกัน

ทั้งผมและเฟิร์สจะสื่อถึงกันได้แบบนี้ทุกครั้งที่เกิดเหตุแปลกๆ เรามั่นใจว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะผ่านม้นไปได้ถ้าเราช่วยเหลือกัน เรารักกันผูกพันธ์แน่นยิ่งกว่าพี่น้องธรรมดา เพราะเราคือแฝด

เรามีความเหมือนกันในหลายๆอย่าง บางสิ่งที่เกลียดบางสิ่งที่ชอบจะเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างที่รสนิยมเรื่องการแต่งตัว และนิสัยในการแสดงออกบางอย่าง อาจจะแตกต่างกันเยอะ แต่ก็คล้ายๆกันอยู่เหมือนกัน ‘ในความแตกต่างก็มีความเหมือนที่เรารู้กันทุกอย่าง’

ซึ่งความรู้สึกที่ทำให้ใจไม่สงบนั่น มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ครั้งนี้ความรู้สึกมันชั่งรุนแรง ชัดเหลือเกินในอก ทำให้ต้องรีบตามหาเจ้าแฝดนั่นตั้งแต่รุ่งเช้า แต่พอนานเข้าก็หาไม่เจอ ให้คนช่วยกันตามหาเงียบๆไม่ให้พ่อรู้ก็แล้ว แต่ก็ไม่เจอ จนผ่านมาจะเข้าไปวันที่3 ทำให้ต้องคิดใหม่ทำใหม่ บางทีอาจจะมองข้ามอะไรไปรึเปล่า
...แล้วก็เจอจนได้

.
.
.

7 วัน หลังเกิดอุบัติเหตุ

“ที่นี่ที่ไหน’ รีสคิดได้ทันทีที่เริ่มรู้สึกตัว ขยับดวงตาพยายามจะลืมขึ้นอย่างยากลำบาก พร้อมจะขยับร่างกายของตนจะลุกขึ้น ภาพที่เห็นเบื้องหน้า ช่างไม่คุ้นเคยเลย เพดานห้องสีขาว เตียงสีขาว ทุกอย่างเป็นสีขาว แม้กระทั่งผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้างๆเขา ภาพทุกอย่างมันเบลอไปหมด

“เขาฟื้นแล้วค่ะ คุณคะอย่าพึ่งขยับตัวสิคะ” เสียงของผู้หญิงคนนั้นเอ่ยขึ้นแล้วหันไปมองยังชายอีกคนที่ใส่ชุดสีขาวที่ยืนอยู่อีกมุมนึงของห้อง แล้วหันมาดันตัวของเขาให้นอนลงอีกครั้ง

“พ พวก คุณ เป็น ใคร” น้ำเสียงแหบพร่าพูดถามอย่างยากลำบาก พยายามดันกายจะลุกขึ้น แต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะขัดขืนแรงที่กดให้นอนลงเช่นเดิม ทุกอย่างรอบตัวของเขายังคงหมุนวน พาเอามึนไปหมด

“เจสสิกา คุณช่วยเอาน้ำให้เขาดื่มที สวัสดีครับคุณภัทรพล(รีส) ผมชื่อดอม เป็นหมอผู้ดูแลคุณตอนนี้ครับ คุณสงบสติอารมณ์ก่อนนะครับ ใจเย็นๆ พวกเราไม่ทำร้ายคุณแน่นอน” หมอหนุ่มเอ่ยแนะนำตนเอง

“ที่นี่ที่ไหน” หลังจากที่รีสดื่มน้ำ แล้วนอนลงที่เดิมอีกครั้ง ก็เอ่ยถามหมอต่อทันทีี้ ดวงตามองด้วยความสงสัย และยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ยังคิดไม่ออก

“ที่นี่เป็นที่ที่คุณอยู่แล้วปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ พวกเราช่วยคุณมาจากข้างทางนั่น คุณจำได้หรือเปล่าว่าคุณเป็นใคร แล้วก่อนหน้านี้ไปทำอะไรมา?” หมอดอมพูดแล้วหันมองหน้ารีซ ถามเป็นเชิงทดสอบ

“ข้างทาง? ผมไปทำอะไรข้างทาง จำอะไรได้ไม่ได้ หมายความว่ายังไง หรือมันมีเรื่องเกิดขึ้น” รีสพึมพัมกับตัวเอง พยายามที่จะทบทวนตามคำถามที่รับฟังมา

“ผมชื่อรีส แต่ ก่อนหน้านี้ผมทำอะไรมาอย่างงั้นหรอ” รีสถามตนเองเสียงเบาในตอนท้าย คำถามที่เขายังคงตอบตนเองไม่ได้เช่นกัน เขาพยายามคิดทุกอย่าง ปวดหัวไปหมด ทุกสิ่งทุกอย่างในสมองตีกันวุ่นวายไปหมด ใบหน้าเริ่มเครียด หัวคิ้วติดกัน

“คุณภัทรพลคุณใจเย็นๆก่อน ผมไม่ได้ต้องการให้คุณฝืนเพื่อให้จำมันได้ขนาดนั้น คุณยังไม่ต้องรีบคิดตอนนี้ก็ได้ครับ เจสสิกาคุณมาช่วยผมที” หมอดอมหันไปเรียกเจสสิกาให้มาช่วยกันห้ามรีส เพราะตอนนี้เขาทรมานตนเองเต็มที่ เขาพยายามที่จะนึกทุกอย่างให้ออก ค่อยๆยกมือขึ้นกุมหัวทั้งๆที่มันปวดมากมาย เพราะทุกสิ่งตีกันวุ่นวาย ภาพต่างๆที่เห็นไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจริงไหม มันกำลังวิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

“อึก! มันคืออะไร มันคืออะไร! อย่ามายุ่งกับผม! ปล่อย!” รีสพยายามคิด มือกดหัวจิกดึงเส้นผมของตนเพื่อลดอาการปวดหัวที่เขาเผชิญอยู่ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน

“โอ้ยยยยย!!”
รีสร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ทิ้งตัวดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน เหตุการณ์ทุกอย่างไหลทะลักเข้าหาเขาอย่างกับน้ำหลาก ความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น!

ทั้งเรื่องครอบครัวของติวเตอร์ และเรื่องนั้น ที่เขาถูกใครคนนั้นที่ขับรถชนเขาด้วยความเร็ว และเขาจำได้ว่าเขาไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว เขาโดนชนกลางลำตัวอย่างจัง ถลาติดรถตามไปด้วยความเร็วของรถนั่น เมื่อรถหยุดเขาก็ร่วงหัวกระเเทกพื้น เขาจำได้ทุกวินาทีบันทึกภาพทุกอย่างไว้แล้วฉายซ้ำวนไปมาก่อนที่เขาจะฟื้นขึ้นมา เขา...เขาตายแล้วนี่? แต่ทำไม ตอนนี้เขายังอยู่

“หึ หึหึหึ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...นายทำอะไร!” เมื่อความทรงจำทุกอย่างไหลเข้ามาภาพทุกอย่างฉายชัดอยู่ในความทรงจำของเขา ทำให้เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ไม่รู้ว่าดีใจที่เขาไม่ตาย ที่เขายังอยู่ ที่เขายังมีโอกาสทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับติวเตอร์ หรือ ที่สัญญากับตัวเองที่จะได้แก้แค้น

ป๊อก!

เสียงของเข็มฉีดยาขนาดใหญ่หักเสียงดัง หลังจากที่ดอมและเจสสิกาพยายามจะหยุดไม่ให้รีสทำร้ายตัวเอง พยายามที่จะฉีดยาอะไรสักอย่างเข้าแขนของเขา แต่ เข็มดันหัก!

“คุณ! คุณภัทรพล? เอ่อ ไม่น่าเชื่อ เจสสิกาบันทึกผลด่วน” “ค่ะ คุณหมอ” ชายหญิงชุดขาวเมื่อเห็นดังนั้นก็ทำหน้าตกใจดีใจผสมปนเปกันไปหมด พรางรีบบอกให้อีกคนจดบันทึกแล้วตนก็เดินเข้ามาหารีสทันที

“คุณรู้สึกยังไงบ้าง คุณรู้รึเปล่าว่านั่นมันเป็นเข็มฉีดยาที่ทำมาเฉพาะคนแบบพวกคุณ แต่คุณดันใช้มันไม่ได้ เมื่อกี้ที่อารมณ์ของคุณไม่แน่นอน อาจจะเรียกว่าเหมือนแค้นอะไรสักอย่าง” ดอมเดินทำหน้าดีใจกับอะไรสักอย่างเข้ามาหารีส

“จดบันทึกอะไร? เข็มสั่งทำพิเศษบ้าอะไร? พวกคุณดีใจอะไรกัน? พวกคุณเป็นใคร? แล้วนี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันแน่? ใครก็ได้ตอบผมมาเดี๋ยวนี้!!!” รีสมึนงงทันที เข็มเล่มยักษ์ขนาดนั้นทิ่มแขนของเขาไม่เข้าตอนนั้น มันน่าดีใจมากเลยรึไง แล้วอะไรกันเข็มสั่งทำพิเศษสำหรับคนอบบพวกเขา คนแบบพวกเขา?

“หมายความว่ายังไง คนแบบพวกผม อธิบายทุกอย่างให้ผมฟังให้หมดเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน!” รีสจ้องมองทั้งคู่เขม่ง บรรยากาศรอบๆดูตึงเครียดขึ้นมาทันที คล้ายมีรังสีพิฆาตอนุภาพรุนแรงออกมาจากรอบๆตัวของรีส

“เอ่อ งั้นผมจะเล่าให้คุณฟังคร่าวๆนะครับ คือว่า........
.
.
.
เรื่องมันก็ประมาณนี้ครับ จากเหตุการณ์ที่คุณเจอ มันทำให้ตัวตนของคุณเปิดเผยออกมา เอ่อ คุณอย่าทำอะไรพวกเรานะครับ พวกเราเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ที่ได้เข้ามาคอยดูแลพวกคุณเท่านั้น โดยเฉพาะมือใหม่แบบคุณ” ดอมอธิบายยืดยาวให้รีซพยายามเข้าใจ เจสสิกาก็ขยับหลบหลังของดอมมากขึ้น

“...มัน เรื่องบ้าอะไรกัน” รีซกำลังช็อคกับทุกอย่างที่เขาได้รับรู้มา มันใหม่ทากสำหรับเขา มันเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง

“ที่นี่มันที่ไหน บ้ากันไปหมดแล้วรึไง! พวกคุณพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้! อย่ามาโกหก! มันไม่ใช่เรื่องจริง!”
   
โครม!!

รีซโวยวายขึ้นทันทีที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เขาดึงรั้งสายและทำลายโต๊ะทุกอย่างที่อยู่ใกล้ๆตัวอย่างบ้าคั่ง ดวงตาแข็งกร้าวอย่างโมโหยิ่งนีก จะไม่ให้โมโหได้ยังไงก็เรื่องทุกอย่างมันบ้า มันไม่ใช่เรื่องจริง คนพวกนี้โกหกเขาแน่นอน มีจริงที่ไหนกันล่ะ ‘พวกกลายพันธุ์!’

“มันเป็นเรื่องจริง รีส” เสียงของบุคคลปริศนาดังขึ้นในทันที หลังจากเปิดประตูเข้ามาเมื่อรีสลุกขึ้นโวยวายด้วยความโมโห

“ทุกอย่าง มันคือเรื่องจริง” ชายใส่เสื้อกราวด์สีขาวที่ยังดูหนุ่มอยู่เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“คุณเป็นใคร!”

“ใครสักคน ที่ช่วยเหลือคุณได้ ผม ศ.ดร.แม็ทธิว นี่หมอพอลจะเป็นคนดูแลคุณต่อไป” ชายใส่เสื้อกราวด์สวมแว่นตาอีกคนที่ดูมีอายุกว่าเอ่ยขึ้น
.
.
.

บ้าน กิจจาวัฒนาพันธ์
เวลา 20:00 น.

“ไหวมั้ยเฟิร์ส” แลมป์ เอ่ยถามน้องชายฝาแฝดของตนทันทีที่ประคองตัวเดินเข้าประตูบ้านมา เป็นการกลับมาในครั้งแรกตั้งแต่สัปดาห์ก่อนในคืนนั้นที่เขาออกจากบ้านไป

“อืม”เสียงของเฟิร์สเอ่ยตอบอย่างเบาแรง สภาพดูโทรมไปเยอะ ซูบผอมลงเหมือนไม่ค่อยได้รับสารอาหาร เเรงจะเดินยังเหมือนจะหมดลงเช่นกัน จึงได้แต่ต้องพึ่งพาแฝดของเขาพยุงเดินเข้ามา

“เอ่อ คุณๆทั้งสองคะ นายท่านให้แจ้งว่าถ้ากลับมาแล้ว ให้ขึ้นไปหาด้วยค่ะ” หญิงคนใช้เมื่อเห็นทั้งคู่กลับเข้ามาในบ้าน จึงรีบไปรายงานทันที

“ขอบใจ”แลมป์เอ่ยกับสาวใช้ แล้วค่อยๆพยุงพาเฟิร์สขึ้นไปด้านบนทันที บรรดาคนใช้ทั้งหลายเห็นจะเข้ามาช่วยแต่ก็โดนปฏิเสธซะหมด


ก๊อก ก๊อก

“พ่อครับ ผมแลมป์”

“เข้ามา”

เมื่อแลมป์เปิดประตูเข้ามา มองตรงไปยังพ่อของเขา รังสีของความโกรธจากตัวของพ่อไหลล้นออกมา ถ้าเป็นคนอื่นคงจะกลัวแต่สำหรับแลมป์นั้นก็คงเรียกว่าชินแล้ว

“แกกลับมาคนเดียวหรอ” เสียงเข้มดังขึ้น แม้จะพยายามคงน้ำเสียงให้นิ่งไว้ แต่ทำไมคนใกล้ตัวอย่างเเลมป์จะไม่รู้ว่าพ่อของเขาไม่พอใจมาก

“เฟิร์สด้วยครับ แต่เขาไม่ไหว ผมเลยพาไปพักที่ห้อง แล้วมาพบพ่อคนเดียว” แรมป์เอ่ยตอบพ่ออย่างเกรงๆ เวลาที่พ่อของเขาอารมณ์ไม่ดีไม่ว่าใครก็หยุดเขาไม่ได้ทั้งนั้น

“มันเป็นอะไร! แล้วพวกแกหายไปไหนมา! รู้บ้างมั้ยว่าฉันเป็น!”(ห่วง)เกือบจะหลุดออกมาจากปากผู้เป็นพ่อ ด้วยอารมณ์ที่ไม่มั่นคงในตอนนี้ ทำให้หลงลืมตัวตนไปชั่วขณะ

“ขอโทษครับพ่อ ที่่พวกผมหายไปไม่ได้บอกเป็นอาทิตย์ แล้วผมก็จะมาคุยกับพ่อเรื่องของเฟิร์สเหมือนกัน” แลมป์พูดช้าๆหวังให้พ่อของเขาไม่อารมณ์ขึ้นอีก

“ว่ามา ถ้าพวกแกมีเหตุผลที่ดีพอ ฉันจะไม่ลงโทษพวกแกทั้งคู่”

“ครับพ่อ คือ เฟิร์ส ขับรถชนคนตาย”เเรมป์ค่อยๆเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่ได้ฟังมาจากเฟิร์สให้พ่อของเขาฟังโดยละเอียด

...

“มันเลยสติแตก ไม่เป็นอันจะทำอะไร เดือดร้อนแกต้องไปดูแล เสียการเสียงานไปหมดงั้นสินะ” พ่อพูดเยาะ รู้สึกสมเพชลูกชายตัวเองขึ้นมา

“ฉันต้องการให้พวกแกสืบทอดกิจการ แล้วการเห็นคนตายมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในวงการนี้ ทำอย่างกับไม่เคยเห็น ทำไมเฟิร์สมันถึงเป็นบ้าไปขนาดนั้น หึ พวกแกสองพี่น้องนี่มันน่าสมเพชจริงๆ แกควรจะจัดการให้มันหายเร็วๆนี้ ไม่งั้นฉันจะใช้วิธีของฉันเอง ฉันให้เวลา 7 วัน ทำให้มันเข็มแข็งแล้วหายบ้าซะ ถ้าแกไม่อยากให้น้องแกตกนรกทั้งเป็นแบบแก”

ผู้เป็นพ่อกล่าวยิ้มมุมปาก อย่างพอใจ ในแผนการของตน นี่เป็นการดีที่จะทำให้ลูกชายทั้งสองสืบทอดกิจการของเขาทั้งหมด

“7 วัน! มันไม่น้อยไปหน่อยหรอครับ” แลมป์เอ่ยขึ้นเสียงดังอย่างตกใจ เาเพียงแค่นี้เขาจะทำได้จริงหรอ ทั้งๆที่สัปดาห์ที่ผ่านมาเขากว่าจะให้เฟิร์สดีขึ้นจนไว้ใจ พูดเล่าทุกอย่างให้เขาฟังก็กินเวลาไปหลายวันแล้ว

“หรือแกไม่มีปัญญา?”

“ผมทำได้! ผมไม่ยอมให้พ่อบังคับเฟิร์สมันหรอก” พ่อของเขาแผนสูงจริงๆ ถ้าผมทำไม่สำเร็จเจ้าเฟิร์สผู้ไร้เดียงสาคงจะแข็งกร้าวไม่น่ารักอย่างตอนนี้แน่นอน ฝาแฝดของผม ผมรักมัน ผมไม่อยากให้มันเผชิญกับสิ่งเลวร้ายที่พ่อเขาทำอีก

“แกออกไปได้แล้ว” ผู้เป็นพ่อพูดจบก็ไล่ให้ออกไปทันที มือจะจรดปากกาลงบนเอกสารแต่ก็ต้องชะงักมือเมื่อได้ยินคำถาม

“ที่พ่อต้องการให้เฟิร์สมันสืบทอดกิจการทั้งหมดของพ่อนักหนา มันเป็นเพราะผมใช่มั้ยครับ ผมที่เป็นเกย์แต่ผมก็ยอมเลิกกับทุกคนแล้ว ทั้งๆที่ผมก็ยอมทำตามพ่อทุกอย่าง พ่อถึงกับต้องดึงเฟิร์สเข้ามารับหน้าที่ด้วย หรือจะเป็นเพราะเรื่องแม่” แลมป์พูดขึ้นมาเสียงเบา ดวงตาจ้องมองไปยังพ่อของตนที่ตอนนี้นั่งนิ่ง

ปั้ง!!

“ออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน” ผู้เป็นพ่อวางปากกาลงบนโต๊ะเสียงดัง เอ่ยปากไล่แลมป์ออกจากห้องทำงานตนอีกครั้ง ด้วยไปหน้านิ่งเฉย แต่ดวงตานั้นแข็งกร้าว เกร็งมือจนแข็งเส้นเลือดขึ้นไปหมด

“ครับ ผมขอตัว” แลมป์เอ่ยขึ้นแล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานของพ่อ ตรงไปยังห้องตัวเองทันที

‘เมื่อไหร่พ่อจะยอมรับ หรือเราต้องเลือก”

.
.
.

เอี๊ยดดดดด!!

โครมมม!!

‘มึงฆ่ากู กูจะเอามึงไปอยู่ด้วย’

“ไม่ อย่า”

‘ฮ่าฮ่าฮ่า มาสิ มาด้วยกัน มาอยู่กับกู เดินลงนรกไปพร้อมกับกู’


“ไม่!!!!”

ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น กำลังย้อนกลับมาทำร้ายเขาในความฝันครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นราวกับของจริงที่ตั้งให้เห็นอยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งเรื่องใหม่ที่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่เกิดขึ้นต่อๆกันมา ภาพของชายคนนั้นที่เดินเข้ามาหาเขาด้วยสภาพเละเทะดูไม่ได้ ไม่มีความเหมือนคนอีกต่อไป เขายังคงเดินเข้ามาหาเฟิร์สเสมอ เลือดที่ท่วมกาย ดวงตาที่ยังคงเหลือกโลน นัยตาแข็งกร้าวเต็มไปด้วยความแค้น ทุกๆอย่างดูน่ากลัวสมจริงไปซะหมด เขาไม่รู้และไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าทุกอย่างนั้น เป็นเพียงแค่ความฝันเหมือนที่แลมป์ปลอบเขา เขาสติแตก หวาดระเเวงทุกอย่างรอบตัวไปหมด

‘ทุกอย่าง มันน่ากลัวเหลือเกิน’

เฟิร์สได้แต่นอนขดตัว หอบหายใจรัวเเรง เอามือกอดแขนขาตนเองไว้อย่างหนาแน่น คลุมผ้าห่มมิดหัว ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เหงื่อท่วมเต็มตัว อย่างน่าสงสาร

เขาไม่คิดว่าเขาจะเป็นได้ขนาดนี้ เพราะทุกครั้งที่พ่อพาไปดูงานมักจะมีคนตายเกิดขึ้นเสมอ แต่ก็นะ เขาไม่ได้เห็นกับตาทุกครั้งได้ยินแต่เสียงที่ค่อยๆเงียบหายไป

เมื่อเฟิร์สจมอยู่กับความคิดอันหวาดกลัวของเขาเป็นเวลานาน เขาก็เพลียหลับไปในท่านั้นทันที

เขาทรมานแบบนี้ทุกวัน ตั้งแต่คืนนั้น ทุกวันที่หลับฝันจะต้องเกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำไปซ้ำมา ทั้งเรื่องที่เขาขับรถออกมาจากบ้านไปจนถึงตอนที่เขาขับรถชนคนตาย จนไปถึงเหตุการณ์ังจากนั้นที่เขาเห็นชายคนนั้นตามมาหลอกหลอนเขา มาทวงชีวิตเขา จะพาเขาไปอยู่ด้วย เป็นแบบนี้ทุกๆวันทุกลมหายใจ เขาไม่สามารถลบภาพทุกอย่างออกจากหัวได้เลยซักครั้ง จนวันที่แลมป์มาถึงเขาเหมือนได้ที่พึ่ง คอยดูแลเขาสารพัด จนเขาดีขึ้นมากแล้วได้กลับมาที่บ้านในตอนนี้

แต่ยังไง ตอนนี้ เขาก็ยังคงทรมาน และไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่
.
.
.

ความทุกข์ในหลากหลายรูปแบบกำลังหมุนวน ความเจ็บปวดที่ทุกฝ่ายกำลังได้รับ มันจะยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไป อย่างไม่มีบกพร่อง มีแต่จะทวีโหมพัดใส่อย่างรุนแรงขึ้น หรือจะลดน้อยลง เมื่อมีสิ่งขั้นเวลาเรียกว่า ความสุข ก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดของชีวิต ก็ยังคงเจ็บปวด



...ขอบคุณข้อมูลเรื่องแฝดจาก www.vcharkarn.com/varticle/32243



.....

อ่านแล้วเม้นๆบ้างนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2016 11:41:08 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk



medie



04 : ข้อตกลง


 


เคร้ง!!

“อ้วกกกก”

รีสรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันทีหลังจากที่เขากินอาหารไปได้เพียงเล็กน้อย เท่านั้น เขานั่งอ้วกเอาทุกสิ่งทุกอย่างออกมา นั่งก้มหน้าติดกับชักโครก มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขากินมันเข้าไป อาหารธรรมดาที่เขาเคยกินทุกวัน แต่ตอนนี้เขากลับกินมันไม่ได้แล้ว กินเข้าไปทีไรก็เอาออกมาหมดไส้หมดพุง มันเป็นแบบนี้มาสองวันเเล้วที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องของเขา

“อะไรกันวะ! เป็นแบบนี้อีกแล้วหรอ หิวจนตาลายไปหมดแล้ว แต่แม่งก็เสือกกินไม่ได้! เหี้ยเอ้ย!”

“อ้วกกกก” รีสยังคงโก่งคออ้วกอย่างทรมานต่อไป เมื่อกินเข้าไปเท่าไหร่ก็ออกมากว่าที่เข้า ซึ่งแทบไม่มีอะไรจะออกแล้ว ทรมานเกินจะทนแล้ว

รีส : นี่เป็นเช้าวันที่สองหลังจากผมออกมาจากองค์กรบ้าอะไรนั่น ที่ที่ผมไปฟื้นนั่นแหละ ตอนนี้ก็อยู่บ้านเดี่ยวที่น่าจะซื้อมาที่ทางองค์กรนั่นช่วยหาให้อยู่เป็นบ้านที่เหมือนประกาศขายในใบปลิวที่เขาไม่คิดว่าจะมีปัญญาซื้ออยู่เองได้ จัดของใช้จำเป็นต่างๆให้ครบถ้วน เพื่อกันคนที่เขารู้จักไว้ก่อนพวกไม่รู้จักก็ด้วยแหละ เพราะว่าต้องรอดูอาการว่าเขาจะเข้ากับมนุษย์ทั่วไปได้ไหม บ้าสิ้นดี!

แต่ผมก็ดันเชื่อ แต่ก็นะ เพื่อเหตุผลบางประการที่จะเป็นประโยชน์กับผมที่จะสามารถยืมมือพวกนี้มาใช้ได้ในภายภาคหน้า จึงได้ยอมบ้าทำตามข้อตกลงต่างๆ แต่ที่ที่บ้าๆแบบนั้นใครจะไปอยู่กันล่ะ แต่ก็ยังดีที่มันให้ออกมาถึงจะยังติดต่อคนรู้จักไม่ได้แต่ก็ไม่ทำให้ประสาทเสียเท่าอยู่ที่นั่นแน่ๆ แต่มันจะดีกว่านี้มาก ถ้าร่างกายผมมันกลับไปปกติ

“หรือต้องกลับไปพึ่งที่นั่นอีก ไม่ๆ ถามมันก็จบว่าให้เรากินอะไร ไม่ดี ไม่ดีแน่ๆ เดี๋ยวพวกนั้นจะหาว่าเราไม่มีปัญญา” รีสนั่งเถียงตัวเองอยู่ภายในห้องน้ำที่เขาไปนั่งอ้วกนั่น เถียงไปโวยวายไป ทึ้งหัวตังเองไปด้วย เสื้อผ้าที่ใส่ก็ยับยู่ยี่ไปตามๆกัน

“โว้ย หิวโว้ย ออกได้เดินหาไรมากินก็ได้วะ แดดก็ร้อน ตาก็ลายไปหมด เอาวะ! ไปก็ไป” เมื่อคิดได้ดังนั้นรีสก็เดินไปจัดการตัวเองแล้วออกไปข้างนอกบ้านทันที

เขาเดินไปขึ้นแท็กซี่หน้าหมู่บ้าน(มันเป็นหมู่บ้านจัดสรร)ตรงไปยังตลาดสดแถวนั้นทันที

เดินไปเดินมา วนรอบตลาดจนครบรอบ แล้วหยุดยืนอยู่หน้าร้านขายเนื้อสดเจ้าหนึ่ง มองอย่างชั่งใจสักพัก แล้วตัดสินใจซื้อกลับมาหลายกิโลอย่างอดไม่ได้

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาจัดการเทเนื้อพวกนั้นใส่จาน หยิบซ่อมและมีดมาหั่นกินอย่างเอร็ดอร่อย ลืมอะไรไปบางอย่างจนหมดสิ้น

ฟู~~

“เห้อออ~ ต่อชีวิตไปได้อีกหน่อย แดดพวกนั้นสูบพลังงานในตัวไปหมดเลย” เมื่อกินอิ่ม ก็นั่งพิงเก้าอี้หงายหน้าพ่นลมออกมาอย่างโล่งใจ พูดคำที่เคยใช้พูดประจำเวลาไม่ค่อยมีจะกินตอนที่เขาอยู่หอพัก บ่นนู้นบ่นนี่ไปเรื่อย พาลให้คิดถึงชีวิตก่อนหน้านี้ คิดถึงเพื่อนรัก

‘เตอร์จะเป็นยังไงบ้างนะ ถ้าร้องไห้อีก ใครจะปลอบกันล่ะ โทรหาก็ไม่ได้ ไปหาก็ไม่ได้ สัญญาที่เคยให้ไว้ ไม่ได้ลืมหรอกนะแต่เพราะมันเกิดเหตุการณ์บ้าๆแบบนี้ขึ้นซะก่อน เลยยังไม่มีโอกาสได้ทำ ขอโทษนะเตอร์ รีสผิดเอง’

รีสพูดจบก็ก้มหน้าลงมามองจานอาหารของตน ดวงตาจากที่เคยอ่อนโยนเมื่อครู่จ้องเขม่งแข็งกร้าวมองลงไปราวกับตรงนั้นเป็นใบหน้าของใครอีกคนที่ชวนให้คับแค้นใจ

“ใครว่าเราผิด หึ! ไม่ใช่เพราะเราสักหน่อย มันเป็นเพราะไอบ้านั่นต่างหากที่ขับรถมาชนเรา! ทำให้ชีวิตเรากลับไปเป็นเหมืนเดิมไม่ได้อีกต่อไป! เพราะมัน! มันต้องชดใช้!”

เคร้งงง!!

รีสปัดจานอาหารของตนทิ้งทันที คาบเลือดจากเนื้อสดยังคงติดให้เห็นภายในจานและทุกๆที่ที่มันไปสัมผัสโดน กลิ่นคาวของมันยังคงคลุ้งอยู่ในอากาศ ทุกอย่างที่น่าสะอิดสะเอียน เขารับตัวเองไม่ได้ เป็นใครก็คงรับไม่ได้เช่นกัน ที่เขาดันรู้สึกว่ามันอร่อย หวาน มากกว่าอาหารครั้งไหนๆที่เขาเคยได้กินมา ตั้งแต่กลิ่นและสีสันที่เขาถูกมันดึงดูดตั้งแต่ที่ตลาด ทำให้เขาอดใจไม่ไหวที่จะต้องซื้อมันกลับมาในปริมาณที่มากมาย แล้วจัดการกับมันภายในระยะเวลาอันสั้น

เขารู้สึกขยะแขยงตัวเองสุดๆ เขาเกลียดตัวเองในตอนนี้ที่สุด และเขาจะพยายามให้ความเกลียดทั้งหมด ถ่ายทอดไปสู่อีกคน ให้ได้มากที่สุด เช่นกัน
.
.
เวลา 9:00 น.

3 วัน ที่เขาออกมาจากองค์กร

อีกหนึ่งข้อตกลง คือ เขาจะต้องตรวจร่างกายทุกๆ 3 วัน และในวันตรวจร่างกายซึ่งอาจจะต้องมีทดสอบอะไรก็ตามแต่ที่เขาอยากจะรู้ เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ทำให้รีสยอมโดยไม่มีข้อแม้อะไร
ประตูรั้วบ้านเปิดออกต้อนรับ ขณะที่มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งเจ้ามาจอด คนทั้งสองใส่ชุดสีขาวในรูปแบบเหมือนหมอกับพยาบาลทั่วๆไป มือถือกระเป๋าสัมภาระต่างๆของแพทย์ไว้ครบถ้วน

“สวัสดีครับคุณรีส พบกันอีกแล้วนะครับ ผมหมอพอล จำผมได้ไหมครับ” ทันทีที่ลงจากรถ พอลก็พูดขึ้นทันที ใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้รีสนึกหมั่นไส้ในใจ

“จำได้สิครับ พวกคุณเป็นคนแรกๆที่ผมเจอตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาทำไมจะจำไม่ได้” รีสพูดประชดกับไปด้วยความหมั่นไส้นิดหน่อย

“อารมณ์ดีจังนะครับ แสดงว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยดีสินะ”

“อย่ามัวพูดอยู่เลยครับ เข้าไปในบ้านเถอะ”

‘ยิ้ม ยิ้มอยู่นั้นแหละ ยิ้มบ้าอะไรของมัน รำคาญตาจริงๆ’ รีสบ่นในใจอย่างทนไม่ไหว แล้วเดินนำเข้าไปในตัวบ้านทันที

เมื่อเข้ามาภายในตัวบ้านพอลก็จัดการตรวจร่างกาย ดูดเลือดไปเช็คผล ทำต่างๆนาๆอยู่สักพัก เสร็จแล้วก็เก็บเครื่องมือส่วนนี้ลงกระเป๋า พอลหันมามองหน้ารีสแล้วพูดขึ้น

“คุณรีส ก่อนหน้าที่ผมจะมาที่นี่ทางองค์กรได้ทบทวนสิ่งที่คุณขอใหม่ ซึ่งข้อตกลงของคุณจะยังเหมือนเดิม แต่ผมไม่ต้องมาตรวจคุณทุกๆ 3 วันอีกแล้ว”

“ก็ดีสิ หวังว่าคงไม่มี แต่ อะไรนะครับ” รีสยิ้มมุมปากดีใจอย่างอดไม่ได้ เขารำคาญคนพวกนี้จะแย่อยู่แล้ว

“มีครับ เพราะทางองค์กรต้องการให้ผมมาอาศัยอยู่ที่นี่กับคุณ เพื่อเก็บข้อมูล เพราะจากข้อมูลที่ทางเรารับรู้จากเมื่อ3วันที่คุณได้ออกมานั้น มันน่าสนใจ ทางเราจึงต้องขอให้คุณเข้าใจและทำตามด้วยนะครับ” พอลพูดพร้อมกับจ้องรีสด้วยใบหน้านิ่งเฉยบ่งบอกว่าจริงจังไม่มีใบหน้าทะเล้นออกมาเหมือนก่อนหน้านี้เลย แต่ดันยิ้มตบท้ายซะนี้

‘ไอ้หมอนี่ รับมือยากจริงๆ’ นี่คือความคิดแรกที่คิดออกมาได้ทันทีทีที่ได้เห็นปฏิกิริยานั่นในความคิดของรีส

”ผมมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธไหมล่ะ ถ้าผมบอกว่าไม่ พวกคุณก็คงเอาผมไปดองในองค์กรนั่นทันที เพราะถึงผมจะอยู่ไหน ผมก็ขึ้นชื่อว่าตายแล้วอยู่ดี อย่างที่พวกคุณบิดเบือนประวัติผมไง” เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอยู่แล้ว ถึงจะทำอะไรก็แล้วแต่ มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ถึงจะรำคาญไอ้บ้านี่ก็เถอะ แต่ข้อตกลงของผมมันยิ่งใหญ่เกินจะปฏิเสธ

“คุณคิดแบบนั้นก็ดีแล้ว ผมจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ในวันพรุ่งนี้ ส่วนนี่ ประวัติใหม่ของคุณ วันนี้ผมขอตัวก่อน สวัสดีครับ” พอลพูดจบก็เดินออกไปทันที โดยไม่วายที่จะหันมาส่งยิ้มกวนประสาทให้เขาก่อนออกไป

“มันจะปวดหัวไปถึงไหนวะเนี่ย ลำพังเรื่องของตัวเองก็รับมือจะไม่ไหวอยู่แล้ว ยังจะเอาเรื่องไอ้หมอบ้านี่มาให้ต้องคิดระวังตัวอีก หงุดหงิดจริงๆ”  รีสบ่นทิ้งท้ายก่อนจะเดินขึ้นห้องของตัวเองไปทันที
.
.
“เขายอมรับข้อเสนอใหม่ของเราครับดอกเตอร์ ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะพยายามให้เต็มที่”
.
.
.
1 เดือน ผ่านไป

“ฮือออ พ่อครับ พ่อครับ” ติวเตอร์นั่งกอดพ่อร้องไห้อีกครั้ง เมื่อข่าวที่ได้รับยังคงเป็นข่าวร้าย รีสหายไปตั้งแต่วันที่แม่ของเขาจากไป เขาเสียใจมาก แล้วยังจะมาเรื่องของรีสอีก หายไปโดยติดต่ออะไรไม่ได้ เขาใจหายคนสำคัญของเขาหายไปอีกแล้ว

พ่อแนะนำติวเตอร์ให้ไปแจ้งความคนหายไว้ตั้งแต่2วันให้หลัง เพราะไปหาที่หอพักก็ไม่ก็ไม่เจอ ให้ทั้งตำรวจและนักสืบช่วยกันค้นหา แต่ก็หาไม่พบ

จนเมื่อวานนี้ทางตำรวจได้มาแจ้งข่าวว่ารีสเสียชีวิตแล้ว และไม่สามารถรับศพกลับไปได้เพราะต้องชันสูตร เขาเสียใจอย่างมาก ติวเตอร์อ่อนแอลง ตอนนี้เขาแทบจะไม่มีอารมณ์จะทำอะไร เขาสูญเสียคนที่รักถึงสองคน ในเวลาใกล้กัน

“พ่อครับ ฮึก พ่ออย่าจากผมไปอีกคนนะครับ” ติวเตอร์นั่งร้องไห้กอดพ่อของเขาอย่างอ่อนแรง เขาไม่พร้อมรับมือกับปัญหาอื่นๆในเวลาตอนนี้อีกแล้ว

“พ่อรักติวเตอร์นะลูก พ่อไม่จากติวเตอร์ไปไหนครับ พ่อจะอยู่กับติวเตอร์นะ อย่าร้องไห้นะครับ อย่าร้องนะ” กิตติศักดิ์พูดปลอบลูกชาย พยายามอย่างมากที่จะไม่ให้ลูกของเขาเศร้ามากไปกว่านี้ เขาเองก็เสียใจ ที่ภรรยาที่รักหรือแม่ของติวเตอร์ที่เขารักมากเป็นคู่ชีวิตของเขาจากไป และ รีสเขาก็เอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานก็จากไปอีกคนทั้งที่ยังหนุ่มแน่น เขาก็ทำใจยอมรับได้ยากเช่นกัน แต่เขาไม่มีเวลามาอ่อนแอ เพราะลูกของเขาต้องการที่พึ่ง เขาต้องเป็นที่พึ่งให้ลูก เขารักลูกชายคนนี้ที่สุด ‘แก้วตาดวงใจของพ่อกับแม่’ ก้มลงมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยนเปี่ยมด้วยรักและโอบกอดไว้แน่นขึ้น

“โอ๋ๆ เด็กดีของพ่อ ไหนดูสิ ร้องไห้จนหน้าบวมไปหมดแล้วนะ ไม่น่ารักเหมือนแม่แล้วนะ” พ่อของติวเตอร์พยายามพูดหยอกเย้าให้ลูกหายเศร้า

“ฮึก พ่ออ่า เตอร์ เตอร์หล่อหรอก” ติวเตอร์เงยหน้าขึ้นมองพ่อของเขา ใบหน้างอล้ำแบบงอนๆ ทั้งที่หน้าตายยังคงโทรม ตาบวมไปหมด

“ยังจะมาอ้อนนะเรา ครับติวเตอร์ของพ่อหล่อที่สุด ฮ่าฮ่า แต่จะหล่อกว่านี้นะ ลูกชายพ่อต้องเข็มแข็งเร็วๆนะครับ พ่อเป็นกำลังใจให้นะครับ”

“ครับพ่อ ฮืออออ” ด้วยดวงตาที่เป็นห่วงของพ่อที่ส่งมายังเขา เขารับรู้ทั้งหมด น้ำเสียงและใบหน้าทั้งหมดของพ่อที่กำลังทุกข์ใจไปพร้อมกับเขา

“เตอร์รักพ่อนะครับ เตอร์จะเข็มแข็งเร็วๆ ขอเวลาเตอร์อีกนิดนะครับพ่อ เตอร์จะทำใจยอมรับให้ได้ เตอร์รักพ่อมากๆนะครับ ขอบคุณนะครับพ่อที่เป็นห่วงเตอร์ เตอร์ทำให้พ่อทุกข์ใจเพราะเตอร์อีกแล้ว ขอโทษนะครับพ่อ” ติวเตอร์พูดแล้วกอดเข้าไปเต็มรักกับพ่อของเขาอีกครั้ง เขารักพ่อมาก มากเท่ากับแม่ ท่านทั้งสองก็เป็นดวงใจของเขาเช่นกัน เขาจะไม่ทำให้พ่อทุกข์ใจอีก เขาจะตอบแทนพ่อทุกอย่าง เขาจะทำทุกอย่างให้พ่อมีความสุข
.
.
.
บริษัท abs สาขาหลักของ บ้าน ศิระสกุลวงษ์

ก๊อก ก๊อก

“ขออนุญาตครับท่านประธาน” เสียงของทามดังขึ้น เมื่อเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาภายในห้องทำงานของพ่อเขาหลังจากนั้น

“ฉันมีแผนที่จะได้เอาคืนพวกมันแล้ว แกสนใจที่จะฟังมันไหมเจ้าทาม”พงพัทธ์ เงยหน้าขึ้นเอ่ยถามลูกชายของเขาหลังที่เข้ามานั่งเรียบร้อย

“แผน? อย่าบอกนะว่าพ่อจะเล่นพวกนั้นตอนอ่อนแอแบบนี้ ผมว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่” ทามแย้งพ่อนิดหน่อย แต่ดวงตาก็เป็นประการสนุกขึ้นมาเช่นกันกับผู้เป็นพ่อ

“ก็อย่างที่แกคิด ได้ทั้งกำไร ได้ทั้งความสะใจ แถม แกยังได้ลูกชายของไอกิตติศักดิ์มันไง หึหึ หรือแกไม่สนใจ?” พงพัทธ์ยิ้มมุมปาก จ้องหน้าลูกชายอย่างรู้ทัน

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าพ่อจะทำ” ทามยิ้มมากขึ้น ทำหน้าเจ้าเล่ห์คิดไปไกล

”แล้วแผนของพ่อว่ายังไง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้ฉันก็คิดว่าไม่สนใจ แกนี่มันเชื้อไม่ทิ้งแถว ถูกใจฉันจริงๆ ฟังฉันให้ดีๆละ” พงพัทธ์เอ่ยเล่าแผนของตนให้ลูกชายฟังอย่างสบายๆ ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของทั้งสองพ่อลูก พร้อมเสียงหัวเราะดังมาเป็นระยะๆ ตามแผนที่ผู้เป็นพ่อของตนได้วางไว้

“ผมจะตั้งหน้าตั้งตารอวันนั้นเลย หึ อยากจะรู้นักว่าไอ้ตัวแสบนั่นจะทำหน้ายังไง” ทามพูดกับพ่อ แล้วเอ่ยเบาๆกับตัวเอง ลุกเดินออกจากห้องไปด้วยความอารมณ์ดี
.
.
.
บ้าน กิจจาวัฒนาพันธ์

“แกทำตามที่ตกลงกับฉันไม่ได้! แล้วแกจะมาโวยวายทำไม!” เสียงทรงอำนาจของเจ้าของบ้านดังสนั่นห้องทำงานชั้น 2 ของบ้านนี้ ทำเอาคนที่ได้ยินสะดุ้งไปตามๆกัน

“พ พ่อ ขอเวลาผมอีกหน่อย อย่าทำร้ายเฟิร์สแบบนี้” แลมป์พูดตะกุกตะกัก พยายามต่อรองอำนาจของพ่อตนอีกครั้ง

“ฉันให้เวลาแกนานมาจนถึงตอนนี้ แกยังจะมีหน้ามาขอเวลาเพิ่มอีกหรอห๊ะ!!” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นจนตะคอกเสียงดัง
คนฟังได้แต่เงียบ พยายามกลืนน้ำลางคออย่างอยากลำบาก พยายามเก็บอาการสั่นของร่างกายตนได้อย่างยากลำบาก

“แล้วอีกอย่าง ฉันไม่ได้จะทำร้ายพวกแก ฉันจะฝึกให้พวกแกไม่อ่อนต่อโลกแบบนี้ หึหึ พวกแกต้องขอบคุณในน้ำใจของฉันทีหลังแน่นอน” เสียงทรงอำนาจนั่นเบาเสียงลง แต่ยังคงความเข้มไว้ จ้องมองลูกชายของตนเขม็ง เป็นเชิงบังคับให้ยอมรับ

“ล แล้ว พ่อจะ ให้พวกผม ไปทำอะไร ครับ” แลมป์พยายามจะเก็บอาการเกร็ง พูดเป็นปกติ แต่ก็ได้ไม่ดีพอ เพราะตัวเขานั้นไม่กลัวงานอะไรของพ่อแล้ว แต่จะห่วงก็แต่น้องชายที่ไม่ถนัดในงานแบบนี้เลยแม้แต่น้อย

“หึ! แค่นี้ก็กลัว นี่ฉันเลี้ยงลูกได้อ่อนแอขนาดนี้เลยรึไง” วิรัชน์มองหน้าลูกชายของตน ดวงตาที่คาดเดาอะไรไม่ได้นั่นยังคงจ้องมองตรงมาอย่างน่าหวาดกลัว

“พ่อจะ ให้พวกผมไปทำอะไร” แลมป์สูดลมหายใจ แล้วเงยหน้ามองพ่อของตน พูดด้วยเสียงดังและชัดเจนขึ้น

“ดี! ต่อจากนี้ไป พวกแกจะต้องไปเรียนรู้งานทั้งหมดของฉันไม่ว่าจะงานไหนก็ตาม พวกแกมีแต่ต้องทำตาม ห้ามปฏิเสธ และพวกแก จะต้องไม่อ่อนแอให้ฉันอีก” วิรัชน์มองหน้าลูกชายทั้งสองของตนจ้องเขม็งอย่างบีบคั้น ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่ง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

“แลมป์ฉันไหว พ่อครับ ผมจะทำตามที่พ่อบอก ต่อไปผมจะไม่อ่อนแอให้พ่อเห็นอีก” เฟิร์สพูดขึ้น หลังจากเปิดประตูเข้ามา หลังจากฟังพี่ชายตนทนรับแทนมานาน

“เฟิร์ส ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอกนะ” แลมป์พูดขึ้นอย่างตกใจหันหน้าไปพูดกับผู้มาใหม่ทันที

“ฉันไหวแลมป์ ฉันก็ไม่อยากทนอีกแล้ว ฉันอยากกำจัดเรื่องบ้าๆนั่นออกไปซักที” เฟิร์สมองหน้าแฝดของตน ดวงตาแน่วแน่ที่ส่องผ่านไป ทำให้แลมป์นึกหวั่นใจอยู่ลึกๆว่าแฝดเขานั้นจะเจ็บในภายหลังที่ตัดสินใจแบบนี้

สภาพของเฟิร์สตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับแต่ก่อนมากนัก จะมีก็แต่ดวงตาที่คล้ำไปอย่างหน้ากลัวเหมือนอดหลับอดนอนเป็นเวลานาน ใบหน้าที่ซีดเซียว รูปร่างที่ผอมลงไปเล็กน้อย ไม่ต่างจากแต่ก่อน แต่โทรมลงไปเยอะ

“ก็ดี แกอย่ามาพูดต่อรองกับฉันเรื่องนี้อีกเจ้าแลมป์ ในเมื่อเจ้าเฟิร์สมันตกลงที่จะรับข้อเสนอของฉันเอง ดังนั้น พวกแกไปเตรียมตัว ฉันจะพาพวกแกเข้าฝึกงานตั้งแต่เย็นวันนี้”

“ครับ” เสียงลูกชายทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน จะพากันก้าวออกจากห้องทำงานของพ่อตน แต่ก็ต้องชะงักเท้าตามเสียงที่เรียกไว้ แล้วค่อยๆหันไปมองหน้าพ่อของตน

“เดี๋ยว พวกแกต้องไม่เอาอะไรติดตัวไป แม้แต่บัตรปชช.ก็ห้าม ทุกๆอย่าง ห้ามเอาไปเด็ดขาด”


เวลา 22:30 น.

สามพ่อลูกแห่งบ้าน กิจจาวัฒนาพันธ์ นั่งรถลีมูซีนคันโต เคลื่อนตัวออกจากบ้านของตนอย่างช้าๆ ตรงไปยังเป้าหมายทันที

“คาสิโน?” แลมป์พูดขึ้น หลังจากที่รถลีมูซีนคันหรู จอดใกล้กับคาสิโนชื่อดังแห่งหนึ่ง

“ใช่ นี่เงิน 500,000 เอาไป และประวิติใหม่ แกไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเด็ดขาด” วิรัชน์ยื่นเงินตามจำนวนที่ถูกบรรจุอยู่ในกระเป๋าให้กับแลมป์

“500,000? เอาไปทำอะไรครับพ่อ” พ่อของเขาจะให้เขาเอาเงินไปเล่นการพนันรึไงกัน ถึงได้ให้เงินสดตั้งมากมายขนาดนี้มา หรือว่านัดส่งของอะไรกันที่นี่

“แลมป์ นี่งานชิ้นแรกของแก ...แกจะต้องเอาเงินห้าแสนนี่ ไปเพิ่มจำนวนเป็น 20ล้าน ให้ได้ภายในเวลา 1เดือนก่อนเวลาเที่ยงคืน ไม่ว่าจะทำวิธีใดก็ได้แค่เอามาให้ฉันตามกำหนดเวลาก็พอ ...ถ้าแกทำไม่ได้ ฉันมีของขวัญจะมอบให้กับคนที่ไร้ประสิทธิภาพแบบนั้นแน่นอนไอ้ลูกชาย ลงไปได้แล้ว เริ่มได้!” ผู้เป็นพ่อเริ่มกำหนดเวลา ก้มมองนาฬิกาข้อมือของตน

ทุกคนในรถ เมื่อได้ยินดังนั้น ไม่มีใครเอ่ยเสียงใดๆออกมาเลยแม้แต่น้อย เฟิร์สอยู่ในอาการตกใจ แต่แลมป์นิ่งเงียบไม่คิดว่าพ่อจะให้เขาอะไรง่ายแบบนี้ต่างหาก วิรัชน์เงยหน้าขึ้นจากนาฬิกาข้อมือตน นั่งเอนกายพิงเบาะรถอย่างสบายใจ ดวงตาก็เหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือของตนเช่นเดิม

“พ่อ แล้วเฟิร์ส?” เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ มีแต่ปฏิกิริยานั่งเฉย นั่งเหลือบตามองนาฬิกาข้อมือเฉกเช่นเดิม

“แลมป์ไปทำที่พ่อบอก ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น นายดู(แล)ตัวเองดีๆล่ะ” เฟิร์สพูดบอกเเลมป์ โดยที่ไม่เอ่ยคำในวงเล็บ เพราะรู้ดีในอาการของพ่อตนที่เริ่มไม่พใจเมื่ออเห็นแบมป์ห่วงตนเกินไป

“ฉันไปละ พ่อ ผมจะเอาเงิน20ล้านกลับไปคืนครับ” แลมป์เองก็รู้ดีกับอาการที่พ่อของตนนั้นกดดันเขา ยิ่งเขาออกไปช้าเท่าไหร่ พ่อก็จะยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น แต่เขา ห่วง

เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากผู้เป็นพ่อ เฟิร์สก็เพียงมองหน้าแล้วยิ้มน้อยๆให้ แลมป์ก็ก้าวลงจากรถพร้อมหิ้วกระเป๋าใส่เงินนั้นไปด้วยทันที เขาก้าวไปข้างหน้าโดยที่ไม่หันกลับมามองที่รถลีมูซีนคันนั้นอีกเลย
เมื่อแลมป์ก้าวออกจากรถไป รถลีมูซีนก็เคลื่อนตัวออกจากที่บริเวณนั้นทันที ไปยังอีกเป้าหมาย

“พ่อจะให้ผมทำอะไรครับ” ระหว่างทาง เฟิร์ส อดที่จะถามสิ่งที่เขาสงสัยไม่ได้เลย ตั้งแต่ที่พ่อให้พวกเขาไม่พกอะไรติดตัวก่อนออกมา ให้แลมป์ไปเพิ่มเงินจาก5แสนเป็น20ล้านโดยให้เวลา1เดือน แล้วนี่พ่อคิดจะให้เขาทำอะไร เป็นใครใครก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดา

“ถึงเดี๋ยวแกก็รู้เอง นั่นไง ถึงพอดี” พ่อของเขาพูดขึ้น มองออกไปด้านหน้ารถ ทำให้เฟิร์สต้องมองตามไปทันที ทำตาโตขึ้นเล็กน้อยอย่างตกใจ

“โฮสต์คลับ??” เฟิร์สหันหน้ามามองผู้เป็นพ่อด้วยใบหน้าตกใจปนสงสัย
“ใช่ ลงไป นี่เป็นประวัติปลอมของแกและเงิน5,000บาท แกเป็นคนจนที่มาขอสมัครงานเท่านั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเด็ดขาด ฉันต้องการให้แกอยู่ที่นี่และขึ้นเป็นโฮสต์ชายอันดับหนึ่งทำยอดให้ได้20ล้าน กติกาทุกอย่างเหมือนกัน 1 เดือนเท่านั้น” ผู้เป็นพ่อพูดเอ่ยในสิ่งที่เฟิร์สอยากรู้ แล้วนั่งพิงเบาะรถสบายอารมณ์ดวงตาเฉียดมองไปยังนาฬิกาตนเอง

“ครับพ่อ” เฟิร์สรับคำพร้อมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ แต่เขาต้องทำให้ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นมือก็ถือเอกสารของตนและเก็บเงิน5,000บาทลงกระเป๋ากางเกง ก้าวลงจากรถเดินไปโดยที่ไม่หันกลับมามองที่รถของตนเช่นเดียวกับแลมป์
.
.
เจตนาแท้จริงของผู้เป็นพ่อ เขาเพียงแค่อยากให้ลูกของตนเข็มแข็งเท่านั้น อาจจะมีวิธีที่แตกต่างจากคนทั่วไปก็ตาม ก็เพราะพวกเขามันมาเฟีย การเลี้ยงดูลูกเลยต้องสอนแบบไร้หัวใจให้ดิ้นรนกันเอาเอง เพื่อความอยู่รอด แต่เขาก็รักลูกของเขามากเช่นเดียวกับพวกคุณ
หากถามว่าลูกชายของเขาจะไม่มีอันตรายหรอ ตอบได้เลยว่ายาก ยากที่จะไม่มี แต่มันต้องเสี่ยง อีกอย่างเรื่องความปลอดภัยต่างๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน เขาให้ลูกน้องและเส้นสายตามสีต่างๆคอยดูแลความอดภัยจากศัตรูให้อยู่แล้ว บอกแล้วไง ยังไงซะ เขาก็รักลูกของพวกเขาเช่นเดียวกับพวกคุณ





...

เนื้อเรื่องช่วงนี้ดำเนินไปงงๆหน่อยนะคะ ต่อไปจะเริ่มเข้าเนื้อหาเเล้ว



อย่าลืมคอมเมนต์บ้างนะคะ แนะนำติเตือนได้ตลอด

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2016 11:46:07 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ ิิbow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ติดตามๆ มาต่อไวไวนะ  :katai4:

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
 

me die

 

05 : คืนนั้น (ครึ่งแรก)




มหาวิทยาลัย xx

ตอนนี้ ติวเตอร์ เรียนอยู่ปี 3 เทอมแรก ช่วงที่เขาขาดไปเป็นเพียงช่วงปิดเทอมและวัดแรกๆที่เริ่มเรียนจึงยังไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก
วันนี้ก็เป็นอีกวันในชีวิตมหาวิทยาลัยของติวเตอร์ที่เขาขาดเพื่อนสนิทอย่างรีสไป เขามาเรียนอีกครั้ง จากที่ล้มป่วยเพราะความเสียใจไปหลายครั้งก่อนหน้านี้

“เตอร์มาเรียนได้แล้วหรอ มาร์คเป็นห่วงแทบแย่ เป็นยังไงบ้าง” มาร์ค เพื่อนในสาขาเดียวกับเขาเดินเข้ามาหาทันทีที่ติวเตอร์เดินเข้ามาในห้อง

“เราดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบใจมาร์คมาก” ติวเตอร์ยังคงอ่อนแรง เนื่องจากเพิ่งหายป่วย เพิ่งทำใจให้เข็มแข็งแล้วมาเรียนได้ แต่เขาก็ยังคงดวงตาที่เศร้าสร้อย และรูปร่างที่ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด

“ไหวแล้วแน่หรอ หน้ายังซีดๆอยู่เลย” หวานเอ่ยขึ้น

“ไหวสิ ขอบใจมากนะหวาน” หวานและมาร์คเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันที่สาขา รวมรีสด้วยทั้งหมดมี 8 คน ขาดแพรวา เฟิร์น คีน และ ลม กลุ่มเรามีผู้หญิง3คน คือหวาน เฟิร์น และเเพรวา ที่เหลือผู้ชายทั้งหมด

“เดี๋ยวเรียนคาบนี้จบ เอาสรุปเราไปดูนะ เราเอามาพอดี” แพรวาพูดยิ้มหวานกับติวเตอร์

“เอามาพอดีหรือแพรวา ตั้งใจติดมาทุกวันมากกว่ามั้ง” เฟิร์นพูดแซวแพรวาขึ้นมา ทำให้เธอแก้มแดงขึ้นมา

“บ้าหรอ พูดอะไรน่ะเฟิร์น เดี๋ยวติวเตอร์เข้าใจผิดหรอก” แพรวาพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย แก้เธอแดงขึ้นอีกแล้ว

“พูดความจริงไง ฮ่าๆๆ” แล้วทั้งคู่ก็วิ่งไล่ตีกันเข้าไปในห้องเรียน ตามประสา คนแก้เขิน

“น่ารักดีนะ ว่าไหมเตอร์” ลม เอ่ย ถามเพื่อนกลาย

“ก็น่ารักดี แต่ตอนนี้เรายังไม่พร้อมมีเรื่องแบบนี้ พวกนายเข้าใจนะ” ติวเตอร์พูดกับไปเสียงบางเบา มองหน้าเพื่อนๆเป็นเชิงให้เห็นใจ

“ไม่มีใครบังคับนายหรอกติวเตอร์ อย่าไปฟังไอลมมัน” เสียง คีน เทวดาน้อยประจำกลุ่มพูดออกมา แล้วหันไปทำตาดุใส่ลม

“ขอบใจทุกคนมากที่เข้าใจ ไปเข้าเรียนกันเถอะ อาจารย์จะเริ่มแล้ว”ติวเตอร์ชวนเพื่อนๆเดินเข้าห้องทันที

เมื่อเข้ามาในห้องเรียนอาจารย์ก็เริ่มเลกเชอร์ทันที ติวเตอร์เป็นเด็กเรียนเก่งแต่ก็ไม่ได้เก่งมากเท่ารีสที่ไม่ต้องนั่งฟังตลอดแต่ก็ทำข้อสอบได้ดีทุกครั้ง แต่สำหรับติวเตอร์ เป็นคนเข้าใจง่าย ฟังนิดหน่อยก็รู้เรื่องว่าพูดเกี่ยวกับอะไร ที่เหลือก็แค่ไปอ่านสรุปแล้วอ่านเสริมเอาเขาก็ทำข้อสอบได้แล้ว

“ติวเตอร์ รีสหายไปไหนหรอ ที่ติวเตอร์เคยบอกว่าไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างจังหวัดยังไม่กลับมาอีกหรอ ติดต่อก็ไม่ได้น่ะ นานแล้วนะ” เฟิร์นถามขึ้นมาทันที หลังจากจบคาบเรียน ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงวันทุกๆคนกำลังจะไปกินข้าวก็ต้องหยุดชะงัก แล้วรอคอยคำตอบนี้จากติวเตอร์เช่นกัน

“รีส... ฮึก!” จู่ๆน้ำตาที่ว่าเหือดหายไปได้แล้ว ก็กลับมาอีกครั้ง สายน้ำใสๆที่ไหลล่วงหล่นจากดวงตาที่ดูช้ำโทรมอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ดูน่าสงสารยิ่งนัก

“เอ้ย ติวเตอร์เป็นไร เราพูดอะไรผิดรึเปล่า ร้องไห้ทำไม” เฟิร์นร้องถามอย่างตกใจที่จู่ๆติวเตอร์ก็ร้องไห้ออกมา ทุกๆคนต่างก็ตกใจเช่นเดียวกันพากันมองหน้าทำอะไรไม่ถูก

“ทุกคน ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก จริงๆแล้ว รีส...จากพวกเราไปแล้วน่ะ” ติวเตอร์ก้มหน้าพูดเสียงเบาพร้อมกับหยาดน้ำคาที่ล่วงหล่นลงมาช้าๆ

ทุกคนได้ยินดังนั้น ทุกอย่างก็เหมือนจะหยุดทันที แล้วค่อยๆหันไปมองทางติวเตอร์

“วะ ว่า ไงนะ เตอร์ พวกเราไม่ค่อยได้ยิน” มาร์ค ที่ดูจะมีสติดีสุด พูดถามขึ้นมา น้ำเสียงตะกุกตะกัก

“นั่นสิ รีส ไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างจังหวัดไม่ใช่หรอที่ติวเตอร์บอกพวกเราไง”  คีนพูดเสริม

“นั่นสิๆ” ทุกคนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที

“ติวเตอร์ ล้อพวกเราเล่นแน่ๆ ไม่ดีเลยนะล้อเล่นกันแบบนี้” หวานพูดเสียงเบา แม้น้ำตาของเธอจะเริ่มคลอที่ดวงตาก็ตาม

“ได้ยินไม่ผิดหรอก แล้วก็ไม่ได้ล้อเล่นด้วย จริงๆแล้วรีสไม่มีญาติเหลือแล้วล่ะ ขอโทษนะทุกคนที่บอกข่าวช้า เตอร์ ฮึก ขอโทษนะ เตอร์ยังทำใจที่จะพูดไม่ได้น่ะ ทั้งแม่ ทั้งรีส...ฮือ ”

เมื่อติวเตอร์พูดจบ ทุกคนต่างก็เสียใจบางคนถึงกับน้ำตาไหลออกมาตามติวเตอร์ นั่งปลอบ นั่งเศร้ากันอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานพอสมควร มิตรภาพที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมา2ปีกว่า มันไม่ได้สั้นเลยแม้แต่น้อย มิตรภาพไม่เคยตายจากพวกเขาไป เหมือนที่พวกเขาสัญญากันไว้ว่าจะไม่มีวันลืมกัน

   

ห้าง    W ชื่อดังแห่งหนึ่งใกล้มหาลัย
เวลา 17.30 น.

“ดีแล้วนะที่ติวเตอร์ออกมาเที่ยวบ้าง ถือว่าเรามาคลายเครียดกันเนอะ ” แพรวาเอ่ยขึ้นขณะเดินเข้ามานั่งภายในร้านไอศกรีม

“ยิ้มหน่อยสิเตอร์ พวกราพานายมาผ่อนคลายนะ ถึงพวกเราจะเศร้ากัน แต่พวกราก็ไม่อยากให้นายล้มป่วยอีกนะ” ลมพูดเสริมแพรวา

“ใช่ พวกเราทุกคนห่วงเตอร์มากเลยนะ ยิ้มหน่อยสิ เสาร์นี้เราก็จะไปทำบุญให้รีสกันแล้วด้วย” มาร์คเสริมอีกคน  สีหน้าแววตาทุกคนเป็นห่วงมาก หลายคนก็เศร้าตามติวเตอร์ไปอีก

“ขอโทษที่ทำให้เสียบรรยากาศนะ งั้นเราสั่งกันเลยดีว่า เยวจะไม่ทันรอบหนังเอา” ติวเตอร์ยิ้มเล็กๆให้เพื่อนๆ ทำให้บรรยากาศรอบๆดีขึ้นหน่อย ทุกคนได้ยินดังนั้นจึงยิ้มตามกันไป แล้วพากันสั่งเมนู พูดคุยกันสนุกสนาน
   
...

“โลกกลมจังนะครับน้องติวเตอร์” เสียงคุ้นหูดังขึ้นด้านหลังของติวเตอร์ทำให้เขาต้องชะงัก

ทาม หนุ่มหล่อมาดแบดบอยทะเล้นนิดๆ แต่งตัวอย่างนายแบบหลุดมาจาดแม็กกาซีน บวกกับหน้าตาส่วนสูงผิวขาวและฐานะต่างๆทำให้เขาเป็นที่จับตามองของผู้หญิงผู้ชายในสังคมไฮโซ เดินควงมากับผู้หญิงสุดเซ็กซี่คนใหม่ในรอบสัปดาห์ มาหยุดอยู่ตรงโต๊ะนี้ทันทีที่เห็นติวเตอร์

“ขอพี่นั่งด้วยได้ไหมครับน้องติวเตอร์ เห็นมากันหลายคนน่าจะสนุก”
 
“ไม่ได้” ติวเตอร์หันไปตามเสียง ทันทีที่เห็นหน้า ทาม ก็ตอบไปทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรเยอะ หน้าแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาชัดเจน

“ชิ ไม่มีมารยาท น้องเขาไม่ให้ งั้นเราไปนั่งตรงมุมด้านนู้นดีไหมคะทาม เชอร์รี่อยากนั่งกับทามสองคนด้วย” เธอคนนั้นพูดเสียงเบาหันไปทางพวกติวเตอร์ที่นั่งอยู่ แล้วหันไปพูดออดอ้อนทาม ส่งเสียงเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจเล็กๆ

“หึ ครับ ไม่ได้ก็ไม่ได้ พี่ทามไม่รบกวนน้องติวเตอร์กับเพื่อนๆหรอกครับ ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันอีกแน่ๆครับและอีกอย่างไม่แน่นะติวเตอร์อาจจะต้องมาขอให้พี่ช่วยก็ได้นะครับ” ทามพูดอย่างอารมณ์ดี และก้มลงไปกระซิบข้างหูติวเตอร์ในประโยคสุดท้าย

“พูดบ้าอะไร ไม่มีทาง!” ติวเตอร์พูดสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าไม่พอใจทามเป็นอย่างมาก คิ้วขมวดติดกันเป็นปม

“ไปกับครับเชอร์รี่” ทามเดินออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผิดกับติวเตอร์ที่ตอนนี้อารมณ์เสียมากแทบไม่อยากจะอยู่ตรงนี้ต่อแม้แต่วินาทีเดียว

“ใครหรอเตอร์ ดูเตอร์ไม่ค่อยชอบหน้านะ มีปัญหาอะไรกันรึเปล่า” เสียงของมาร์คถามขึ้น เพื่อนคนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย

“เคยมีปัญหากันนิดหน่อยน่ะ แล้วเราก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าหมอนั่นด้วย นิสัยไม่ค่อยโอเค แต่ไม่มีอะไรหรอก ถ้าไม่ยุ่งด้วยก็ไม่มีปัญหา” ติวเตอร์พูดตอบไป พยายามจะทำให้ใจตัวเองเย็นลงไปด้วย

“แน่ใจนะ ดูนายสีหน้าไม่ค่อยโอเคอย่างที่บอก” ลมพูดเสริมขึ้นอีก

“แน่ใจสิ พวกเราไปกันเลยไหม ไปรอนานหน่อยคงไม่เป็นไร 30นาทีเอง” ติวเตอร์พูดแล้วลุกขึ้นทันที เพื่อไม่ให้เพื่อนๆได้ถามต่อ

“เห้ย เตอร์ รอด้วย” เมื่อติวเตอร์ลุกขึ้น คนอื่นๆก็ลุกตามไปทีละคน เหลือลมกับคีน รอเช็คบิลแล้วเดินตามออกไปทีหลัง หลังจากที่เพื่อนคนอื่นๆเดินออกไปรอทั้งสองด้านนอกร้านแล้ว

แน่นอนที่ติวเตอร์ไม่ชอบหน้าทาม อาจจะเป็นเพราะพ่อของเขาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกัน หรืออาจจะเป็นเพราะ คืนนั้น ก็ได้
   


ย้อนกลับไป คืนนั้น

ขณะนี้ติวเตอร์เป็นนิสิตปี 1  ของมหาลัยฯแห่งนี้ คืนนี้เป็นคืนที่สายรหัสของติวเตอร์นัดมาเลี้ยงที่ผับแห่งนี้ และติวเตอร์ไม่เคยเข้าผับ ตอนนี้เขาเพิ่ง18เอง

“น้องติวเตอร์ครับทางนี้ๆ”รุ่นพี่คนหนึ่งออกมายืนรอรับติวเตอร์เข้าไปด้านในของผับเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นรถคุ้นตาและน้องรหัสของเขาก้าวลงมาจากรถ

“สวัสดีครับพี่เฟลม” ทั้งติวเตอร์และคนมาส่งเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

“พี่เฟลมครับ ผมไม่เข้าไปได้ไหมอ่ะ คือ ผมยังไม่พร้อมอ่ะพี่” ติวเตอร์พูดออกมา สีหน้าแสดงความกังวน ไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย

“ได้สิ แต่พวกพี่ไม่รับเข้าสายแค่นั้น” พี่เฟลม พี่รหัสของติวเตอร์พูดขึ้น ปากก็ยิ้มพอใจเมื่อเห็นท่าทางของติวเตอร์พร้อมกับคิดในใจ

‘มันเป็นแบบนี้ล่ะนะ ใครๆถึงอยากแกล้งนัก ไอ้ท่าทางอายไม่มั่นใจกับสีหน้าแบบนี้ ไหนจะตัวขาวๆเล็กดูยังไงก็ไม่ถึง170นั่น มันน่ารักจะตายไป ถึงได้ระวังและกันท่ามันจากผู้ชายที่จะเข้ามาจีบเยอะแยะจนเหนื่อย’

“เข้าไปด้วยกันมั้ยรีส” แล้วหันมาพูดกับรีสที่ขับรถของติวเตอร์มาส่งถึงที่

“ไม่ดีกว่าครับพี่ แค่แวะมาส่งแล้วก็มารับอีกที ผมฝากด้วยนะครับพี่ อย่าให้เตอร์ไปซนโต๊ะอื่นนะพี่ ไอ้นี่มันแสบ เดี๋ยวมีเรื่อง” รีสพูดหยอกล้อติวเตอร์เล่น

“เตอร์ไม่ใช่เด็กนะรีส” ติวเตอร์พูดไปด้วยทำงอนๆปากยื่นไม่พอใจไปด้วย เรียกรอยยิ้มจากคนทั้งคู่ที่มองได้ดี น่ารักแบบนี้จะไม่ให้ห่วงได้ไง       
“ไปนะเตอร์ เดี๋ยวมารับ” รีสพูดตอบเฟลมไป หันไปพูดแล้วโยกหัวติวเตอร์เล่นด้วยความเอ็นดู แล้วขับรถออกไป

“ป่ะ งั้นเราเข้าไปกันไอ้น้องรหัสของพี่ พวกพี่ๆรออยู่ ฮ่าๆๆ แล้วก็นะ ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น พี่เฟลมนะเว้ย มีพี่เฟลมอยู่ แกจะกลัวไร”
เฟลมพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ต่างจากติวเตอร์ที่กังวลมาก แล้วทั้งคู่เดินเข้าไปด้านใน



เมื่อเข้ามาด้านใน
ความรู้สึกของติวเตอร์ตอนนี้คืออยากจะวิ่งออกไปแล้วโทรตามให้รีสกลับมารับเขาโดยทันที แสงสีต่างๆที่สะท้อนจนแสบตา เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม กลิ่นแอลกอฮอล์ต่างๆที่ผสมปนเปไปกับความมืด ทุกๆอย่างพาให้เขาเวียนหัวอย่างมาก เลยต้องขอให้เฟลมจับมือดึงเข้ามาด้วย

“สวัสดีครับ พี่กัซ เจ๊พลอย เฮียปอน” เมื่อเดินตามเฟลมเข้ามาถึงโต๊ะ โซน VIP ชั้น 2 เฟลมก็สะกิดติวเตอร์ ให้ไหว้ลุง ย่า และปู่รหัสของตนทันที

“หวัดดีหลานรหัส นั่งลงก่อนๆ มาช้านะเรา อย่างงี้มันต้องโดนลงโทษใช่ไหมครับเฮียปอน” พี่กัซ หรือลุงรหัส เอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นหน้าติวเตอร์ ท่าทางจะเมานิดๆแล้ว

“ขอโทษครับพวกพี่ๆ แล้วผมจะโดนโทษอะไรล่ะครับ” ติวเตอร์หน้าเสียทันทีที่ได้ยิน คิ้วขมวดมุ่นด้วยความกังวนมองหน้ากัซทันที

“ไอ้กัซอย่าไปแกล้งหลานดิวะ” เจ๊พลอย สาวสวยประจำสายพูดสีหน้ายิ้มๆ

“อะไรอ่าเจ๊ มันเป็นธรรมเนียมไม่ใช่หรอ” พี่กัซพูดแย้งด้วยเสียงยาน

“งั้นเอางี้ เจ๊ลงเอง ติวเตอร์” เจ๊พลอยยิ้มเจ้าเล่ห์มองหน้าติวเตอร์

“ค ครับเจ๊พลอย” ติวเตอร์สะดุ้งเล็กน้อย ค่อยๆเงยหน้ามองเจ๊พลอยช้าๆ เม้มปากด้วยความตื่นเต้น

“ไอ้พลอย อย่าบอกนะว่าจะเล่นแบบที่ลงไอ้กัซ ฮ่าๆๆ” ปอนพูดขึ้นมาจากที่นั่งดื่มมองเหตุการณ์ยิ้มๆมาตลอด

เพราะสิ่งที่กัซโดนเจ๊พลอยลงคือ สั่งให้ไปจูบกับกระเทยควายตัวล่ำๆที่มานั่งอ่อยเหยื่อในผับนี้ จนกัซต้องวิ่งหนีออกนอกผับแทบไม่ทัน เพราะแค่ไปขอชนแก้วเท่านั้น เธอผู้ตัวใหญ่กว่ากัซก็พยายามจะพาไปเข้าห้องน้ำส่วนตัวกันสองคนซะแล้ว แล้วพลาดอีกก็ตรงที่กระเทยที่ว่าดันอยากรุกกัซ เลยต้องวิ่งกันป่าราบกันมาแล้ว แค่คิด กัซก็สยองจนขนลุกซู่

“ยึ๋ยยย สงสารว่ะเตอร์ ที่เจ๊ลง” พี่เฟลมพูดทำท่าแหยงๆเช่นเดียวกับคนที่ถูกพูดถึง

“อย่ารู้ทันดิเฮียปอน ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า ติวเตอร์เจ๊มีให้เลือก 2 ข้อ” เจ๊พลอยพูดช้าๆ ทำให้คนที่ฟังทั้งหมด ลุ้นไปตามๆกัน โดยเฉพาะติวเตอร์ที่เกร็งมือตัวเองด้วความตื่นเต้น

“ก่อนอื่น เห็นโต๊ะนั้นไหม ที่อยู่ห่างจากเราไปสองโต๊ะติดกับระเบียงด้านหน้าที่มองลงไปเห็นโซนกลาง(โซนปกติที่กิน ดื่ม เต้นกัน)ด้านล่างพอดี  เห็นไหมๆ” เมื่อติวเตอร์มองตามและพยักหน้า เจ๊พลอยจึงพูดต่อ

”เตอร์ ข้อแรก จะต้องเดินไปตรงโต๊ะนั้นแล้วไปขอชนแก้วกับผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงกลางคนที่คลุมเสื้อปลดกระดุม2เม็ดด้านบนโชว์แผงอกสุดเซ็กซี่  ท่าทางดูแบดบอยคนนั่นและนั่งอยู่กับเขาจนกว่าเจ๊จะให้กลับมาโต๊ะ พร้อมกับขอไลน์มาให้เจ๊ด้วย กับ ข้อสอง แกจะต้องลงไปเต้นยั่วที่บนโต๊ะกลางฟอล์เต้นนั่น นี่แค่ลงโทษเรื่องที่แกมาสายนะ อย่าลืมแกจะต้องมาให้พวกพี่ๆรับเข้าสายตามธรรมเนียมก่อน” เจ๊พลอยพูดยิ้มเจ้าเล่ห์มองไปทางชายคนนั้นแล้วหันมากดดันติวเตอร์

“โหยยย ไอเจ๊บ้าผู้ชายวะ ยังงี้บังคับให้ทำข้อแรกชัดๆก็รู้ว่าเตอร์มันขี้อายในที่แบบนี้ด้วย” พี่กัซพูดขัดทันทีที่ได้ยินจนจบ คนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย ยกเว้นติวเตอร์ที่กลังนั่งมองผู้ชายคนนั้นกับข้างล่างสลับกันไปมา

“หรือแกจะทำแทน ห๊ะ ไอ้กัซ เดี๋ยวเจ๊ก็ลงให้อีกคน เดี๋ยวเหอะว่าฉันบ้าผู้ชาย”เจ๊พลอยหันไปว่ากัซ เมื่อกัซได้ยินดังนั้นก็หันหน้าหนี ส่ายหัวรัวๆ

“เปล่าเจ๊ ผมแค่กลัวว่าชายในฝันเจ๊จะไม่สนเตอร์มัน แล้วเกิดต่อยมันปากแตกทำไงอ่ะ”

“เชื่อสายตาฉันสิ เรด้าฉันไม่ผิดแน่ แบบนี้ หญิงก็ได้ชายก็ดี ชัวร์” พลอยพูดด้วยท่าทางมั่นใจเต็มร้อย

“สเปกหนิพลอย ชอบนักวะไอ้พวกแบดบอยแปลกๆแบบนี้เนี่ย ร้ายจริงๆสงสารหลานหว่ะ” เฮียปอนพูดยิ้มๆตามแบบฉบับผู้ชายอบอุ่น

“เฮีย...พลอยขอเหอะนะ อยากแกล้งด้วย หรือใครจะขัดกัน” เจ๊พลอยพูดขอเฮียปอนอย่างอ้อนๆ แล้วหันหน้ามาพูดเสียงเข้มกับคนที่เหลือ

“ใครว่า เอาดิ” เฮียปอนยิ้มเล็กๆ เมื่อได้ยิน ส่วนที่เหลือเมื่อได้ฟังก็ส่ายหัวไม่มีใครห้าม ซึ่งเจ้าตัวก็ยังมองไม่เลิก ขี้แกล้งกันทั้งสาย

“เตอร์ เตอร์ แกเอาไง ตัดสินใจได้ยัง ถ้าไม่ทำ แกก็กลับเลยก็ได้นะ แต่อดเข้าสาย น่าเสียดายน้า วันนี้วันสุดท้ายละด้วย” เจ๊พลอยกลั้นขำสุดๆ สีหน้าที่เป็นกังวลสุดๆของติวเตอร์ คิ้วผูกกันเป็นปม กระพริบตาปริบๆ ดูน่าสงสาร และน่ารักน่าแกล้งสุดๆ

“ผม ผมจะทำ ข้อ ข้อแรกครับ เจ๊พลอย” ติวเตอร์พูดออกไปช้าๆ กังวนสุดๆที่ต้องทำอะไรน่าอายแบบนี้ แต่ก็ยังดีกว่าให้ออกไปเต้นยั่วกลางสายตาคนเยอะๆ

“ให้มันได้แบบนี้สิ มานี่มาเจ๊จัดระเบียบให้ก่อนไป เอาแว่นปลอมๆแกออกไว้ก่อน อ่ะเสร็จละ เอาแก้วนี้ไป อ๊ะๆนี่ ห้ามปิดเอาไว้แบบนั้นแหละ ไปๆเจ๊จะรอดูผลงาน อิอิ” พลอยพูดออกมาด้วยสีหน้าดีใจที่ได้แกล้งสุดๆ แล้วบางทีเขาอาจจะได้ของแถมเป็นไลน์หนุ่มในสเปกคนนั้นอีก



ติวเตอร์ในลุคที่พลอยจัดให้ นั้นดูน่ารักขึ้นไปกว่าเดิมอีก ใบหน้าใสๆขึ้นสีแดงน้อยๆดวงตาที่หวานเด่นชัดเพราะไม่มีแว่นปลอมๆบดบังขับให้ใบหน้านั้นน่ามองกว่าเดิม ผมก็ถูกยีและจัดเป็นทรงใหม่เข้ากับเสื้อผ้าที่เป็นเสื้อเชิ๊ตที่ถูกพลอยปลดกระดุมลงให้2เม็ด จากเดิมที่ติดยันคอ ดูเป็นหนุ่มน้อยน่ารักบอบบางสเปคของใครหลายๆคนทันที

“อ เอ่อ” ติวเตอร์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของชายคนดังกล่าว มือที่ถือแก้วนั่นสั่นอยู่ตลอด

“มีอะไรให้พวกพี่ช่วยไหมครับน้อง” ชายคนที่นั่งข้างๆเป้าหมายยิ้มหล่อทันที เก๊กหน้าในแบบที่สาวๆเห็นก็หลงไหลกันทุกราย ยกเว้นที่ติวเตอร์ไม่ได้มองเลยแม้แต่นิดเดียว เอาแต่จ้องไปที่เป้าหมายที่เขาได้รับมา

“เอ่อ พี่ครับ ผ ผม ขอชนแก้ว กับพี่ได้ไหมครับ” ติวเตอร์พูดขัดๆ แล้วเร่งคำพูดในตอนท้ายให้จบๆไป

“เอ้ย! ไอ้ ทาม มึงอีกแล้วหรอวะ กูมากับมึงกูนี่อดของดีๆตลอด เซ็งว่ะ กูไปหาของกูบ้างก็ได้วะ” ชายคนที่แล้วพูดขึ้นอีก

“พี่หรอครับ ได้สิ ว่าแต่น้องชื่ออะไรล่ะครับมานั่งคุยกันข้างๆก่อนมา” พูดจบก็ตบลงที่นั่งว่างๆข้างตัวเบาๆทันที พร้อมกับไล่หญิงสาวที่เกาะกับตนอยู่ก่อนทิ้งไป

“เอ่อ ครับ” ติวเตอร์หันไปมองที่โต๊ะตัวเอง แล้วหันไปตอบตกลง เดินลงไปนั่งเกร็งๆอยู่ข้างๆตัวผู้ชายที่ชื่อ ทาม คนนี้

“พี่ชื่อ ทาม นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักน้อง...” ทามพูดยิ้มๆ ดวงตาจ้องมองไปที่เหยื่อรายใหม่หยาดเยิ้ม พรางยกแก้วขึ้นพร้อมจะทำตามคำขออีกฝ่าย

“ต ติวเตอร์ครับ” ติวเตอร์ได้แต่นั่งเกร็ง พูดตะกุกตะกัก ไม่สบสายตา เอาแต่มองขึ้นไปที่โต๊ะตน

ทั้งสองนั่งคุยกันไปเรื่อยๆโดยส่วนใหญ่ ทาม จะเป็นฝ่ายชวนคุยเสียมากกว่า ด้วยความที่เขาสนใจเด็กคนนี้พอดีเหมือนกัน เขาเห็นตั้งแต่ที่เข้ามาในผับโดยมีผู้ชายอีกคนเดินจับมือพาเข้ามา เขาไม่สนว่าคนนั้นเป็นใครหรอก ในเมื่อตอนนี้เหยื่ออยู่ในมือเขา

ลักษณะที่ดูเด่นของเด็กคนนี้คงไม่พ้นท่าทางน่ารักๆขี้อายไม่เหมาะกับสถานที่นี้อย่างมาก หน้าใสๆภายใต้กรอบแว่น เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนติดกระดุมยันคอทับกับกางเกงสีขาว ผมที่หวีมาเรียบๆ ถึงตอนนั้นเขาจะไม่ได้สนใจในแบบชู้สาว

แต่ในตอนนี้ เขาเห็นเพียงเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ตัวเล็กๆขาวๆ ไม่มีแว่นตาบังเผยให้เห็นดวงตาที่กลมโต เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมเม็ดบน ผมยีๆออกพอดูน่ารัก ไร้เดียงสา สเปคเขาสุดๆ มันทำให้เขาอยากได้
พอเริ่มคุยกันไปได้สักพัก

ทามก็พูดจาล่อลวงเหยื่อแบบที่เขาทำบ่อยๆกับเหยื่อที่ไร้เดียงสาแบบนี้ พยายามลวงและล้วงลวนจับนู้นนิดจับนี่หน่อย ไอ้เจ้าตัวก็เกร็งทุกทีที่ทามเริ่มรุก แล้วก็เอาแต่มองไปที่โต๊ะๆหนึ่งบ่อยๆ เขาชอบจริงๆ แบบนี้มันหลอกง่ายสุดๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเจอในที่แบบนี้

“อ เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมต้องขอตัวก่อน” ติวเตอร์ลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเจ๊พลอยให้สัญลักษณ์ให้พอแล้ว ดีใจจนลุกขึ้นเร็วไปหน่อยลืมคนที่นั่งอยู่ข้างไปสนิท แล้วจะเดินกลับโต๊ะทันที แต่มือของทามก็ดึงเอาไว้เสียก่อน

“รีบไปไหนครับน้องติวเตอร์ ไม่ไปต่อกับพี่หรอครับ”
 
“ม ไม่ครับ ผมขอตัว”   

ทั้งคู่ยื้อกันอยู่สักพักจนทามเริ่มออกแรงดึงให้ติวเตอร์ล้มลงไปนั่งที่เดิม ติวเตอร์ก็ท่าทางอย่างกับจะร้องไห้เพราะเจ็บที่แขนที่ทามกระชาก

“เตอร์ กลับไปโต๊ะได้แล้ว”เสียงเฮียปอนพูดขึ้นข้างหน้าของทั้งคู่

“เฮียปอน...” ติวเตอร์ยิ้มกว้างออกมาทันทีที่เห็นหน้าปอน   

“คุณเป็นใคร”ทามอารมณ์เสียขึ้นมา เมื่อมีคนมาขัดตน

“ผมเป็นพี่ชายเขา และผมมารับน้องกลับ ขออนุญาตครับ เตอร์ป่ะ ปล่อยแขนน้องผมด้วยครับ” ปอนพูดเสียงเข้มขึ้น ทามหันไปมองเตอร์พอเตอร์หลบหน้าก็เลยปล่อยไปก่อน

เขาอารมณ์เสียสุดๆมีที่ไหนพี่ชายมาตามกลับ ไม่ใช่ว่ากลัวจะมีเรื่อง แต่ไม่อยากให้เหยื่อหนีกระเจิงไม่กล้าสมองหน้าเขาอีกต่างหากเลยปล่อยกับไปก่อน ทามเดินออกจากโต๊ะทันที ไปรอเวลาสำหรับอะไรที่เหมาะและสงบสติอารมณ์ที่ด้านนอกสักพัก



โต๊ะ ของติวเตอร์

“เตอร์ หลานรัก เจ๊ขอโทษนะ อย่าโกรธเจ๊เลยนะ ไอหมอนั่นมันเสือไบชัดๆ ร้ายมาก เจ๊ไม่น่าแกล้งเราเลย ไม่คิดว่าจะเหมือนส่งเหยื่อเข้าปากมันแบบนี้” เจ๊พลอยพูดขึ้นเมื่อติวเตอร์เดินมานั่งที่โต๊ะแล้ว


“ชั่งมันเถอะครับเจ๊ ผมไม่เป็นอะไรครับ”ติวเตอร์พูด เบาเสียงในตอนท้าย ทำให้ไม่มีใครได้ยิน

“เฮียว่ากลับกันเลยดีกว่า ค่อยว่ากันใหม่ เฮียรับเราเข้าสาย ใครไม่รับมาบอกเฮีย” เมื่อทุกคนได้ยินเฮียปอนพูดแบบนั้นก็ไม่มีใครกล้าเถียง พยักหน้าเห็นด้วย หมดสนุกไปตามๆกันตั้งแต่เห็นหน้าติวเตอร์แล้ว สงสาร



ทุกคนเดินออกมาด้านนอก ติวเตอร์โทรให้รีสมารับทันที เฮียปอนกับพี่เฟลมไปเอารถ ติวเตอร์ยืนรออยู่กับเจ๊พลอยและพี่กัซที่ท่าทางจะเดินไม่ค่อยจะไหวนัก แล้วพี่กัซดันปวดท้องแล้ววิ่งเซๆเข้าไปห้องน้ำด้านในทันที

เมื่อเฮียปอนกับพี่เฟลมเอารถมาจอดรับ ติวเตอร์ก็ให้เฮียปอนไปส่งเจ๊เลยทันที โดยเฟลมขออยู่เป็นเพื่อนติวเตอร์เองเพราะยังไงก็ต้องรอพาพี่กัซกลับไปด้วย

“พี่ๆ เพื่อนพี่มีเรื่องอยู่ข้างใน ช่วยพากลับไปด้วยครับ” ยืนรออยู่สักพักก็มีพนักงานที่ร้ายวิ่งออกมาตามพวกเขาที่ยืนอยู่ด้วยกันหน้าร้าน

“เตอร์รอนี่แหละ พี่ไปดูพี่กัซเอง แม่งเอ้ย เมาแล้วหาแต่เรื่องนะ” เฟลมหันไปพูดกับตัวเตอร์ แล้วหันหลังวิ่งตามพนักงานคนนั้นเข้าไปทันที พร้อมๆกับบ่นพี่รหัสของตนเองไปด้วย

“พี่กัซ นะ พี่กัซ ให้มันได้แบบนี้สิวะ”

ผ่านไปสักพัก

“เป็นยังไงบ้างนะ” ติวเตอร์ยืนกังวน คอยชะเง้อหน้ามองเข้าไปด้านในและมองไปด้านนอกหารีสอีก

“มีอะไรรึเปล่าครับ น้องติวเตอร์” เสียงคุ้นหูเหมือนเพิ่งเคยได้ยินมาไม่นานนี้กระซิบเสียงขึ้นด้านหลังหู

“พ พี่ทาม ไม่มีอะไรครับ” ติวเตอร์หันไปตอบทาม ถอยหลังก้าวหนึ่งให้ห่างจากพฤติกรรมที่เขาไม่ชอบจากผู้ชายคนนี้

“แต่พี่มี ไปคุยกันหน่อยสิ”

“ไม่ ไม่ พี่ทามปล่อยนะ จะไปไหน ไม่ไปนะ”

เมื่อทามพูดจบก็จับแขนติวเตอร์กระชากขึ้นรถ ขับรถออกไปทันที







 

....
ยังไงก็เม้นๆกันหน่อยนะคะ
ไม่รู้ว่าจะถ่ายทอดออกมาให้ทุกคนเข้าใจกันเหมือนที่ตั้งใจรึเปล่า

ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ++

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2016 11:53:01 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ลากกันไปไหนละนั่น  :hao4:

คนเขียนสู้ๆ เป็นกำลังใจให้ :L2:

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
medie

 

06 : คืนนั้น (ครึ่งหลัง)






“พี่จะพาผมไปไหน”

“ปล่อยผมลงนะ”

“จอดรถสิ”

“อะไรก็ได้ ทำสักอย่างสิ อย่างน้อยก็ช่วยบอกอะไรผมหน่อย พี่ทาม!”

ติวเตอร์ยังคงโวยวายไม่หยุดเมื่อรถเคลื่อนตัวออกมาพ้นบริเวณหน้าผับนั้น แต่อีกฝ่ายยังคงเอาแต่เงียบ จองมองตรงไปยังถนนด้านหน้าเพียงอย่างเดียว จะทำก็เพียงแค่หันหน้ามามองและยิ้มมุมปากบ้างกับบางคำถามที่ได้ยินเท่านั้น

“พี่ทาม ผมบอกให้จอด” ติวเตอร์เริ่มทนไม่ไหวกับปฏิกิริยาที่เอาแต่เลียบของทามจึงโวยวายหนักขึ้น พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปจับพวงมาลัยหักเลี้ยว


เอี๊ยด~~

การกระทำเช่นนั้น ทำให้รถที่ขับมาด้วยความเร็ว เซไถลลงด้านข้าง บาทต้องเบรกรถกะทันหันและหักเลี้ยวกลับมาอีกด้าน ตอนนี้รถก็จอดสนิทอยู่ข้างทาง

“ทำอะไรห๊ะ! อยากตายรึไง!”ทามตะคอกเสียงดังพร้อมหันไปจ้องหน้าติวเตอร์ทันทีที่จอดรถสนิท สีหน้าแสดงความโกรธออกมาชัดเจน

“ อ อึก เฮือก!” ติวเตอร์สะดุ้งเฮือก หน้าซีดมากขึ้น เขายังคงตื่นตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ เพราะเขาเป็นคนทำให้รถเสียหลัก แล้วไหนจะมาโดนทามตะคอกอีก ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ออก พูดไม่ถูก ได้แต่อึกอัก

“ได้! ไม่ตอบสินะ  พี่จัดให้ตามนั้นครับ แต่ในแบบของพี่เท่านั้น!” พูดจบทามก็ถอยรถกลับเข้าสู่ถนน ขับรถด้วยความเร็วที่มากขึ้น มุ่งสู่เป้าหมายที่วางไว้เพื่อลงโทษคนที่คิดจะทำร้ายเขา ‘คิดว่าจะอ่อนโยนด้วยสักหน่อย แต่คิดจะทำให้ตายกันแบบนี้ ต้องสั่งสอนสักหน่อย หึ’ ยิ่งคิดยิ่งอารมณ์เสีย ทำให้ทามเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นอีก

ฝ่ายติวเตอร์ก็ได้นั่งหน้าซีดด้วยความตกใจ คิดอะไรไม่ทัน ทุกอย่างยังหยุดนั่งอยู่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รถกระชากตัวออกอย่างแรง ทำให้ผวาหนักคว้าจับเข็มขัดนิรภัยแน่น

“ลงมา!”

เมื่อรถเคลื่อนตัวเข้าจอดภายในม่านรูดแห่งหนึ่ง(ระยะทางใกล้สุด) ทามก็ขับรถเข้าไปจอดทันที เดินลงจากรถให้ทิปพนักงานหนักและกำชับอย่าให้ใครเข้าไปกวน แล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูและตะคอกติวเตอร์ให้จากรถ

“เฮือก พ พี่ พาผม มาทำอะไรที่นี่ ผมไม่ลง” เมื่อติวเตอร์รู้ตัวว่าที่นี่ที่ไหน ก็พยายามขืนตัวเอาไว้บนรถ มือจัดสายนิรภัยแน่น หน้าตาตื่นตะหนก

“กูบอกให้ลงมา! ดื้อใช่มั้ยมึง ตามกูมานี่!” ทามไม่พูดเปล่า เอื้อมมือกระชากแขนติวเตอร์ทันที อีกมือก็ปลดสายนิรภัยเพื่อให้หลุดออก ก็กระชากตัวของติวเตอร์ปลิวตามแรงของตัวเอง ที่เดินลากเข้าห้องไป

ตุบ!

เมื่อเห็นเตียงสีขาวกลางห้อง ทามก็เหวี่ยงติวเตอร์ลงไปที่เตียงทันที ด้วยความแรงทำให้ติวเตอร์ถึงกลับร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“อ โอ๊ย พี่ทามจะทำอะไรผม ปล่อย ปล่อยนะ”

ติวเตอร์ดิ้นขัดขืนทามอย่างเต็มที่ ทามไม่ฟังอะไรติวเตอร์อีก หลังจากเหวี่ยงที่นอนก็ตามขึ้นไปคร่อม กดแขนขาเล็กๆนั่น ตึงไว้กลับเตียง

“พี่ทาม ปล่อยผม ฮึก ปล่อย”

ทามล็อกแขนติวเตอร์ไว้ด้วยมือข้างเดียว อีกมือก็พยายามปลดกระดุมออก ติวเตอร์ก็ดิ้นขัดขืนมากขึ้น ดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆไหลรินลงมา

“แม่งเอ้ย ชักช้า!” ทามว่าเสร็จก็กระชากเสื้อเชิ้ตของติวเตอร์ออกทันที กระดุมกระเด็นหายไปด้วยความแรงที่ถูกกระทำ เมื่อโดนทำแบบนี้ ติวเตอร์ก็ดิ้นมากขึ้น พยายามจะพลิกตัวหนี เอามือและขาของตนที่ถูกอีกคนทับออก

“อย่าดิ้นสิครับพี่ไม่อยากให้น้องเจ็บตัวนะ” ทามยิ้มมุมปากมองไปยังติวเตอร์

“อื้มมมม อ่อย อ้า” (ปล่อยน้า) ทามกดจูบลงไปที่ปากเล็กของติวเตอร์ด้วยความกระหาย ทั้งรุนแรงและวาบหวาม จนติวเตอร์ทนไม่ไหว หน้าแดงเถือกไปหมด เมื่อตั้งสติได้ก็พยายามดันทามออกจากตนทันที

“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ปล่อยนะ” เมื่อทามปล่อยให้ติวเตอร์ได้หายใจ ติวเตอร์ก็เริ่มดิ้นมากขึ้นอีก

“อย่าดิ้นสิวะ อยากให้พี่ใช้ความรุนแรงหรอครับ น้องติวเตอร์ หึหึหึ”

“ไม่ ปล่อย ไอโรคจิต ปล่อยนะ ฮือ ช่วยด้วย ใครก็ได้”

ทามก้มลงเลียยอดอกของติวเตอร์ ที่ชูชันล่อหน้าล่อตาเขาเหลือเกิน สีชมพูๆนั่น ทำให้เขาคลั่ง ติวเตอร์ก็ได้ร้องห้าม น้ำตาไหลอาบ2แก้ม ดิ้นทุรนทุรายหนีความทุเรศในครั้งนี้

ปั้ก!

“พี่บอกว่าอย่าดิ้นไงครับ ชอบแบบเจ็บตัวรึไง”

“อ อึก”

ทามชกลงไปที่ท้องด้วยความแรง ทำให้ติวเตอร์เจ็บจนร้องไม่ออก มีแค่น้ำตาที่ไหลไม่ขาดสาย

“หึ ก็แค่นี้ ยอมตั้งแต่แรกจะได้ไม่เจ็บตัวไม่ชอบ” ทามเงยหน้าขึ้นมองหน้าติวเตอร์ ยิ้มมุมปากมองอย่างสมเพช ก็ใครใช้ให้ขัดใจเขาล่ะ

ดวงหน้าที่มีแต่น้ำตาไม่ได้เรียกร้องความเห็นใจของทามเลยแม้แต่น้อย กับทำให้ทามตื่นตัวมากขึ้นไปอีก หน้าขาวๆแดงไปหมด  เมื่อเห็นดังนั้นก็ก้มหน้าลงไปดูดดุนยอดออกสีชมพูต่อ มือที่ว่างสองข้างเริ่มลูบคลำ ไล้วนไปทั่วลำตัวขาว ผิวเนียนละเอียดลื่นมือ มือด้านหนึ่งลูบไล้ลงต่ำเริ่มปลดกางเกงออกช้าๆ ขณะที่ปากและมือก็ทำหน้าที่ของมันต่อไป

“ป ปล่อย ผม นะ ฮึก” ติวเตอร์พยายามจะขัดขืนปกป้องร่างกายตังเองอย่างเต็มที่ ด้วยแรงที่มีเหลืออยู่ไม่เพียงพอที่จะขัดขืนทามได้เลย เมื่อทามเริ่มดึงกางเกงของเขาลง ยิ่งทำได้เพียงแค่ร้องไห้หนักขึ้นก็เท่านั้น

“ขอร้อง อย่า ทำผม ปล่อย” ทามยังคงทำแบบนั้นต่อไป เขาเล้าโลมติวเตอร์อย่างเต็มความสามารถ เมื่อปลดกางเกงตัวนอกของติวเตอร์ได้ตามต้องการ ก็พยายามจะปลดปราการด่านสุดท้ายลงอีก ‘เป็นร่างกายที่สวยงามจริงๆ หึ’

“ปากบอกห้าม แต่ตรงนี้...มันแข็งแล้วนะครับ” ทามว่าพลางเอานิ้วไล้วนส่วนปลายของติวเตอร์ที่ตื่นตัว

“อึก ไม่ อย่าพูดถึงมันนะ โกหก ผมไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น ปล่อยได้แล้ว” ยิ่งฟังติวเตอร์ยิ่งเกลียดตัวเองทั้งๆที่ไม่ได้อยากให้มันเกิดอารมณ์แบบนั้นขึ้นมาสักนิดเลย เมื่อฟังแบบนั้นทำให้ติวเตอร์รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายดิ้นให้หลุดออก และถีบทามให้เต็มแรง

“หึ ยังไม่หมดฤทธิ์อีกหรอไง ชอบความเจ็บปวดจริงๆสินะ ถึงได้กล้าที่จะทำร้ายคนอย่างฉัน!” ด้วยความไวกว่าทำให้ทามคว้าข้อเท้าของติวเตอร์ไว้ได้ก่อนที่จะถึงตัว แล้วกระชากให้กลับมาอยู่ใต้ร่างของเขาอีกครั้ง มือกำหมัดขึ้นจะชกไปที่หน้าท้องของติวเตอร์อีกครั้ง

“ไม่ ไม่ ผมขอโทษ อย่าทำผมนะ ฮือ” ติวเตอร์หลับตาปี๋ เมื่อเห็นทามกำหมัดง้างมือขึ้นจะชกลงมาที่ตนอีกครั้ง ความเจ็บครั้งทั้งมันทำให้เขากลัวเกินกว่าจะลืมตามอง


ปั๊ก!

ปึก!

“โอ๊ย หมานี่หว่าเข้าข้างหลัง มึงเป็นใคร! เข้ามาได้ยังไง! ไอ้เหี้ยนั้นปล่อยให้มันเข้ามาได้ไงวะทำงานไม่ได้เรื่อง” ทามโดนถีบตัวปลิวออกมาตกลงข้างเตียงนอนทันที ขณะที่กำลังง้างหมัดจะชกติวเตอร์ จากใครสักคนที่เขาไม่รู้จัก

“กล้าดียังไงมาทำเพื่อนกู”

“รีส!!!”เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นใกล้ๆ ติวเตอร์รีบลืมตามอง น้ำตาแห่งความดีใจไหลพราก

“หึ เพื่อนมึง แต่มันกำลังจะเป็นเมียกู” ทามยิ้มเย้ย หยัดตัวลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับคนมาใหม่เซๆ

ปั๊ก!

ทามโดนรีสต่อยล่วงไปอักครั้ง ด้วยสรีระร่างกายที่สูงใหญ่กว่าชายเอเชียทั่วไป ส่วนสูงเกือบ190 ทำให้เขามีกำลังที่มากกว่า
เขาอัดทามสลบคาปากเน่าๆนั่นกองอยู่ที่พื้นห้อง สภาพสะบักสะบอมเกินทน ด้วยแรงโกรธ

“มันไม่ทางเกิดขึ้นอีกแน่ ถ้ากูยังอยู่ ถุย! มึงมันก็แค่นี้ล่ะวะ” รีสเหลือบสายตามองทามอย่างสมเพช ดวงตาสีฟ้าที่ยามนี้ดุดันน่ากลัวเหลือเกินมองคนที่ตอนนี้อยู่เบื้องล่างยิ่งกว่าเศษขยะที่ควรขจัดทิ้ง ทามสู้เขาไม่ไหวในวันนี้ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ รีสจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแน่นอน

“รีส...” เสียงของติวเตอร์ดังขึ้นเรียกสติของรีสให้กลับสู่ปกติ

“เตอร์ รีสมาช่วยแล้ว ลุกไหวไหม?” แล้วหันมาช่วยพยุงติวเตอร์ทันที สีหน้าและดวงตามีแค่ความเป็นห่วงเป็นใย ใจดีเสมอ ไม่หลงเหลือความดุดันน่ากลัวไว้แม้แต่น้อยกระทั่งแววตาหรือเศษเสี้ยวความคิด เหมือนมันเป็นเพียงสัญชาติญาณที่แสดงออกในยามที่เขาโกรธจัดเพียงเท่านั้น

“ไหว เราไปจากที่นี่กันเถอะ เตอร์ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฮึก” เมื่อรีสได้ยินติวเตอร์พูดดังนั้นก็ถอดเสื้อคลุมของตนมาห่อหุ้มกายของติวเตอร์ไว้ และอุ้มออกไปจากตรงนั้นทันที...



บางที ครั้งนี้อาจจะเป็นสาเหตุของความเกลียดชังที่ติวเตอร์มีให้กับทามก็เป็นได้

แต่หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นติวเตอร์ก็ไม่เคยเจอกับทามอีกเลย จนเมื่อวันที่แม่เขาเสีย ไม่รู้ว่าโชคชะตาหรืออะไรดลบันดาลก็ไม่รู้ ทำให้ติวเตอร์ต้องรู้จักทามในฐานะลูกของนักธุรกิจชื่อดังที่เป็นคู่ค้าคู่แข่งกับพ่อตน ซึ่งในหน้าสังคมเขาก็ต้องทำเป็นดีกัน ทั้งๆที่เขาไม่อยากทำแบบนั้นเลยสักนิด

และยิ่งนับวัน ยิ่งเจอกัน ทามมากวนประสาทติวเตอร์มากขึ้น นั่นมันเพราะ ทามรู้ว่า ข้างกายติวเตอร์ไม่มีผู้ช่วยปีศาจอย่างรีสอยู่แล้วนั่นเอง
ทามติดใจในตัวของติวเตอร์นับจากนั้น วันที่รู้ข่าวว่าติวเตอร์ไม่มีมันอยู่ข้างกาย มันทำให้เขาปลุกความอยากที่จะครอบครองขึ้นมา ให้มันปะทุรอวันระเบิดออกมาในสักวัน ได้ทั้งตัวมาเป็นของเล่น ได้ทั้งเอาคืนที่เพื่อนของติวเตอร์ทำร้ายทามสะบักสะบอมในวันนั้น

.
.
.

กลับมาที่ปัจจุบัน

หลังจากที่ติวเตอร์และเพื่อนๆเดินออกมาจากไอศกรีมนั้น ก็พากันมานั่งรอที่หน้าโรงภาพยนตร์ ใกล้เวลาก็พากันไปซื้อป๊อปคอน น้ำ และขนมขบเคี้ยวต่างๆรอไว้ เมื่อถึงเวลาพวกเขาทั้งหกคนก็เดินเข้าไปนั่งที่นั่งของตัวเองทันที พวกเขาทุกคนเลือกที่นั่งธรรมดา เหตุผลเพียงเพราะว่าพวกเขาจะได้นั่งใกล้กันทุกคน ยิ่งมีเรื่องไม่สบายใจแบบนี้ทำให้กลุ่มเพื่อนของพวกเขาสนิทและรักกันมากขึ้นไปอีก

...

โซน VIP แถวบนสุด
ไม่รู้ว่าเพราะบังเอิญหรือว่าอะไรดลใจ ทามและเชอร์รี่ ก็เข้ามาดูหนังเรื่องเดียวกันอีก พวกเขาคงไม่เห็นกันหรอกมั้งถึงจะดูเรื่องเดียวกันก็ตาม คงจะไม่บังเอิญอะไรขนาดนั้น


ผ่านไปสักพัก

“เชอร์รี่พี่ห้องน้ำเดี๋ยวนะครับ” ทามหันไปบอกหญิงสาว ที่ตอนนี้มือของเธอแทบจะกุมเป้าของเขาอยู่แล้ว

“ให้เชอร์รี่ไปด้วยไหมคะทาม” หญิงสาวชายตามองตามทามขณะที่ลุกขึ้นยืน ส่งสายตายั่วยวนเรียกร้องอะไรบางอย่างกับทาม

“ไม่ครับ พี่ปวดจริงๆ เชอร์รี่นั่งดูไปก่อนนะครับ เรื่องนั้นเราค่อยว่ากัน เดี๋ยวพี่มานะครับ” ทามยิ้มหวานให้หญิงสาว เธอจึงพยักหน้า ยินยอมให้ทามไปด้วยความเต็มใจ ทามจึงเดินออกไปเพื่อจะเข้าห้องน้ำทันที

“ขอเดินนิดนะครับ ผมจะไปห้องน้ำ”

“นาย! มาทำอะไรในนี้”

“ถามได้ พี่ก็เข้ามาดูหนังสิครับ น้องติวเตอร์”

ทามเดินวนจากทางออกด้านหนึ่งเพื่อหลอกเชอร์รี่ว่าเขาออกมาเข้าห้องน้ำจริงๆ แล้วรอเวลาสักพัก เดินเข้ามาอีกด้านบวกกับมีคน2คนเดินเข้ามาพอดี จึงก้มๆอาศัยความมืดเดินตรงมายังแถวที่พวกติวเตอร์นั่งอยู่ แล้วด้วยความบังเอิญติวเตอร์นั่งอยู่ริมแถวของเพื่อนซึ่งมีที่ว่างพอดี

ทามจึงเดินเข้าไปแกล้งถามแบบนั้น เมื่อติวเตอร์ได้เห็นเขา ปฏิกิริยาเหมือนอย่างที่ทามคิดเอาไว้ ไม่มีผิด โวยวายตกใจแล้วเบาเสียงลงกลัวคนอื่นได้ยินเหลือบมองเพื่อนของตนอย่างระเเวง ขู่ฟ่อเป็นเเมว เป็นสิ่งที่เขาชอบจากตัวติวเตอร์ที่สุดจึงได้แกล้งเอาๆติดใจหลายๆอย่าง จนอยากได้มาครอบครองจนตัวสั่น ไม่ว่าจ้องใช้วิธีใดก็ตาม

“หลบหน่อยสิครับขอพี่เดินหน่อย” ทามถามตื้อติวเตอร์ต่อ ดีที่นั่งมันว่างไม่งั้นคงต้องยืนจนเชอร์รี่เห็นอีก เดี๋ยวจะมาโวยวายอีก น่ารำคาญ

“ไม่หลบ นายก็ไปทางอื่นสิ ไม่เห็นหรอว่ามันว่าง ฝั่งนี้มีคนนั่งเต็มไปหมด” ติวเตอร์เอียงหน้าเล็กน้อยพูดกระซิบให้ทามได้ยิน กลัวเพื่อนที่นั่งข้างๆของตนจะได้ยิน ‘ดีนะที่ได้เสียงของหนังที่กำลังดูช่วยไว้’

“หึหึ” ‘อะไรล่ะนั่น’ ทามยิ้มขำกับปฏิกิริยาที่แสดงออกของติวเตอร์ อะไรมันจะกลัวขนาดนั้น

“ขำบ้าอะไร”ติวเตอร์สะบัดหน้าไปตะคอกทามเสียงดังขึ้นอีกนิด ขมวดคิ้วไม่พอใจ

“มีอะไรรึเปล่าติวเตอร์” เสียงของแพรวาที่นั่งข้างๆดังถามขึ้นเมื่อติวเตอร์ไม่ได้มองไปที่จอเมื่อเธอหันมามอง

“ไม่มีอะไรแพรวา ดูต่อเถอะ”ติวเตอร์รีบหันไปตอบ แล้วหันไปมองจอเพื่อไม่ให้แพรวาสงสัยอีก

“ไม่หลบ งั้นพี่ก็นั่งตรงนี้แหละ”

ติวเตอร์สะบัดหน้าไปมองอีกครั้ง สีหน้าไม่พอใจอย่างมาก แตกต่างจากอีกคนที่นั่งเอนสบายใจสบายกายไม่ทุกข์ร้อยกับสายตาคู่ข้างๆที่ส่งความเกลียดชังมายังตนเลยแม้แต่น้อย

“หึ้ย!” ติวเตอร์ได้แต่ส่งเสียงไม่พอใจออกมาในลำคอ พยายามไม่สนใจอีก นั่งมองจออย่างเดียว แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อทามก็กวนบ่อยๆจนติวเตอร์ดูไม่รู้เรื่อง ยิ่งทำให้อารมณ์เสียมากขึ้น ติวเตอร์อยากจะให้ทามจมหายไปตอนนี้จริงๆ


“ติวเตอร์หนังไม่สนุกหรอ หน้าเครียดเชียว”แพรวาถามขึ้นเมื่อทั้งหมดเดินออกมาจากโรงหนัง ทุกคนเมื่อได้ยินแพรวาพูดแบบนั้นก็หันมารอฟังคำตอบจากติวเตอร์ด้วยเช่นกัน

“เอ่อ ไม่หรอก สนุกดี แต่เราคิดถึงเรื่องการบ้านน่ะ หยุดไปตั้งหลายวัน ตามไม่ทันแน่ๆ” ติวเตอร์เอ่ยขึ้น นึกเอาเหตุผลนี้มาอ้างเมื่อนึกขึ้นได้ทันที แล้วทั้งหมดก็ต้องหยุดสนทนากันไปเมื่อได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้นตรงทางออก

“ทาม ทามหายไปไหนมาคะ เชอร์รี่โทรไปก็ไม่รับสาย ทามปล่อยให้เชอร์รี่รอจนหนังจบเรื่อง ทามเพิ่งจะโผล่มา เชอร์รี่ไม่พอใจนะคะ ทามทำแบบนี้กับเชอร์รี่ได้ยังไง” เธอโวยวายเสียงดัง แว๊ดเสียงขึ้นไม่พอใจทันทีที่เห็นหน้าของทาม

“เชอร์รี่หยุดโวยวาย ไปเคลียร์กันที่อื่นนะครับ” ทามพูดเมื่อคนอื่นๆเริ่มหันมาสนใจ

“ทุกคนไปกันเถอะ ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีมารยาทเลยจริงๆ ฉันละไม่ชอบ ถ้าทนไม่ไหวขึ้นมาจริงๆเดี๋ยวได้ไปกระชากมาตบสักฉาด” เฟิร์นพูดขึ้น ทำให้เพื่อนๆทุกคนพยักหน้าแล้วเดินออกไปข้างนอกทันที

“ติวเตอร์ไปไหน” มาร์คทักขึ้นเมื่อเห็นติวเตอร์เดินเข้าไปตรงนั้น

“ไปทักเพื่อนหน่อยน่ะ เดี๋ยวตามไปนะ” ติวเตอร์ยิ้มให้มาร์คแล้วหันเดินเข้าไปยังเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นพอดี

“พี่ทามครับ วันนี้หนังสนุกมากเลยนะครับ ขอบคุณนะครับที่ทำตามสัญญามาดูหนังกับผม” ติวเตอร์เดินไปคล้องแขนทาม พูดเพราะทำน้ำเสียงออดอ้อน

“ทาม ที่มันพูดหมายความว่าไงหมายความว่าไง” เชอร์รี่อารมณ์เสีย แผดเสียงออกมาเสียงดังกว่าเดิม

“เอ่อ” ทามที่ตามไม่ทันได้แต่ใบ้รับประทานเพราะไม่ทันคิดว่าติวเตอร์จะยอมเล่นแบบนี้

“ใครหรอครับพี่ทาม สวัสดีครับผมติวเตอร์เป็นแฟนพี่ทามนะครับ” ติวเตอร์เอียงคอหันไปถามทามอย่างน่าเอ็นดู แล้วหันมาสวัสดีเธอคนนั้นแนะนำว่าตนเองเป็นแฟนเสร็จสับ แล้วดูปฏิกิริยาเธอด้วยความสมเพช

“กรี๊ดดดดด ทาม มันพูดแบบนี้ หมายความว่าไงคะ แก พี่ทามเป็นแฟนของฉัน แก แกเป็นใคร” เธอเก็บอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป ได้แต่กรี๊ดร้องเสียงแหลมออกมาอย่างสุดจะทน ติวเตอร์ก็ยกมือปิดหูทำท่าทางร้ายเดียงสาต่อไป

“เชอร์รี่ เชอร์รี่หยุด”ทามห้ามเสียงเธอไว้แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอม


“หยุดทำไมคะทาม ทามตอบเชอร์รี่มา ไอ้กระเทยนี่มันเป็นอะไรกับทาม แล้วทามหายไปกลับมันมาใช่ไหม” เธอตะโกนโวยวาย หน้าแดงไปหมดเพราะความโกรธเคือง

“หึ เล่นแบบนี้ใช่ไหมครับติวเตอร์” ทามก้มลงไปกระซิบที่หูของติวเตอร์ เมื่อติวเตอร์ได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วทำหน้าไม่เข้าใจ

“ใช่ครับเชอร์รี่ นี่น้องติวเตอร์ตัวจริงของพี่เอง” ทามบอกเชอร์รี่ เอื้อมมือไปกอดกระชับตัวติวเตอร์เข้ามาหาตน ติวเตอร์ก็พยายามขัดขืนนิดๆ แต่ก็ยังคงทำหน้าเศร้าต่อไป

“กรี๊ดดดดดด ทาม ทามทำกับเชอร์รี่แบบนี้ได้ยังไงคะ ไหนทามบอกว่าวันนี้เป็นวันของเชอร์รี่ไงคะ แล้วอะไรกัน ตัวจริง ไอ้กระเทยนี่น่ะหรอ เชอร์รี่ไม่ยอมนะคะ”เธอกรีดร้องโวยวายไม่ยอมรับต่อไป

“พี่ทามครับ พาเธอไปส่งเถอะครับ พี่เชอร์รี่ครับเตอร์ขอโทษนะครับ เตอร์ไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้” ติวเเตอร์ทำหน้าเศร้า ขืนตัวออกจากทาม เดินเข้าไปหาเชอร์รี่พร้อมพนมมือขอโทษเธอ

เพี๊ยะ!

“ไอตอแ_ล อย่ามาแสแสร้งนะ ทาม ทามไปกับเชอร์รี่นะคะ” เธอตบหน้าติวเตอร์ไปฉาดหนึ่งด้วยความเเรง แล้วเดินมาหาทามทันที

“หึ! สมน้ำหน้า เชอร์รี่ทำแบบนี้กับแฟนพี่ได้ยังไงครับ” ทาม พูดเบาๆประโยคแรกให้ติวเตอร์ได้ยิน ติวเตอร์หันมาค้อนใส่ แล้วหันหน้าไปทางหญิงสาวอีกครั้ง

“พี่เชอร์รี่ พี่เชอร์รี่ ผมขอโทษนะครับ ฮึก” ติวเตอร์เอามือกุมหน้าหน้าด้านที่โดนตบ แล้วเดินน้ำตาหยดตามเธอมา

“กรี๊ดดดดด”

“พวกคุณครับ กรุณาเลิกส่งเสียงโวยวายเถอะครับ เพราะถ้าไม่หยุดพวกผมจะให้รปภ.มาเชิญพวกคุณออกไป” ผู้จัดการของโรงภาพยนตร์นี้มาขอเคลียร์ด้วยตังเองทันทีที่ลูกน้องของตนวิ่งมาตาม เพราะพวกนี้มีหน้ามีตาในสังคมทั้งนั้น

“เอ้อ ได้ครับ พวกเราเคลียร์กันแล้วครับ ผู้จัดการครับผมมีอะไรอยากจะขอร้องสักหน่อยได้ไหมครับ” ทามพูดขึ้นเพื่อจบปัญหาทั้งหมด ทุกคนหยุดโวยวายแม้ใบหน้าของเธอจะแสดงออกว่าไม่พอใจอย่างมาก

“ครับ มีเรื่องอะไรครับ” ผู้จัดการเอ่ยถาม

“ช่วยจัดการกับคนที่บันทึกเหตุการณ์เมื้อกี้ด้วยนะครับ เพราะถ้ามันหลุดออกไป พวกผมเสียหายน่ะครับ โดยเฉพาะน้องเขา เดี๋ยวจะหาน้องเขาเป็นเกย์ สังคมรังเกลียดแย่เลยครับ แค่นี้ก็น่าสงสารแล้ว ช่วยหน่อยนะครับ ทุกคนด้วยนะครับ” ทามพูดยิ้มๆ

ทุกคนที่ได้ฟังรู้สึกปลาบปลื้มแทนติวเตอร์ไม่ได้ที่มีผู้ชายที่ดีคอยห่วงใย เข้าใจความรู้สึกของเขาจนต้องออกตัวปกป้องแบบนี้ แต่สำหรับติวเตอร์นี่มันคือการหักหน้ากันชัดๆขายเขากับคนกลุ่มนี้ว่าเขาว่าเป็นเกย์อีก โดยที่ตัวเองกลายเป็นพระเอกของเรื่อง ทั้งๆที่เป็นตัวต้นเหตุแท้ๆ และอีกมุมหนึ่งที่เผยรอยยิ้มร้ายเย้ยหยันของเธอที่ไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์นี้ แล้วเธอก็เดินปึงปังออกไปทันที

“ผมหวังว่าทุกคนคงเข้าใจนะครับ” ทามยิ้มให้ทุกคน ก้มหัวขอบคุณ แสดงความจริงใจออกมาให้ทุกคนเห็นแล้วพาติวเตอร์เดินออกมาจากตรงนั้นทันที


“ปล่อย! เหอะ! คงจะถนัดเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวมากสินะ ถึงได้โกหกทุกคนได้แนบเนียนขนาดนั้น” เมื่อพ้นสายตาคนกลุ่มนั้น ติวเตอร์ก็สะบัดตัวออกจากทามทันที พร้อมถอยห่าง2ก้าว ปากก็พูดว่าทาม หน้างอง้ำไม่พอใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างมาก

“ใครว่าพี่ถนัดคนเดียว น้องติวเตอร์เองก็เปลี่ยนไปเยอะนะครับ จากเด็กไร้เดียงสาในคืนนั้น ร้ายขึ้นนะเรา หึหึ”

“หยุดนะ! อย่าได้พูดถึงมันอีก ฉันขยะแขยง” ติวเตอร์ว่า ทำท่าทางขยะแขยงนักหนา เบะปากไม่พอใจ สีหน้าก็รังเกียจเต็มทน เสร็จแล้วก็หันหลังเดินออกมา

หมับ!

“จะรีบไปไหนครับ เป็นแฟนพี่ไม่ใช่หรอ ทำไมไม่ทำหน้าที่แฟนสักหน่อยล่ะ” ทามคว้าแขนติวเตอร์ไว้ได้ทัน มองติวเตอร์ด้วยสายตาโลมเลีย

“ติวเตอร์ พวกเรามาตามเห็นหายไปนานแล้ว มีปัญหาอะไรกันรึเปล่า” กลุ่มเพื่อนของติวเตอร์เดินออกมาตามแล้วเจอเข้ากับตอนที่ทามคว้าแขนของติวเตอร์ไว้ทันที จึงรีบเดินเข้ามาช่วย หลายสายตาจับจ้องไปที่ทามด้วยความสงสัยบ้างไม่พอใจทันที

“จะปล่อยไปก่อนละกัน เจอกันใหม่นะครับน้องติวเตอร์” ทามก้มลงกระซับข้างหู แล้วหันหลังเดินออกไปทันที

“ไม่มีอะไร ขอบใจทุกคนมากนะที่เป็นห่วง พวกเรากลับดีกว่านะ” ว่าแล้วทุกคนก็กลับกันทันที

‘เฮ้อ ไม่ใช่เพราะแกรึไง ที่ทำให้ฉันต้องร้าย เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ไม่รู้ฉันจะหมดแรงสู้ตอนไหน’ เมื่อพ้นสายตาทุกคนติวเตอร์ถอยหายใจอย่างหนักพลางคิดในใจทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย

.
.

แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องบังเอิญแบบนั้นขึ้นจริง
ไม่ว่าจะเป็น ความบังเอิญ หรือ ตั้งใจ ของใครบางคนก็ตาม แต่มันก็กำลังค่อยๆคุกคามอีกฝ่ายทีละนิดๆไม่รู้ว่าจนสุดท้ายแล้วสงครามประสาทแบบนี้มันจะจบลงแบบไหน ไม่รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ไม่รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายแพ้ ไม่รู้ว่าจะมีใครอ่อนแรงล้มลงไปก่อนไหม หรือจะมีใครตกหลุมพรางตัวเองรึเปล่า
 [size]



....

ยังไงก็คอมเม้นติชมกันได้นะคะ ยังใหม่เลยไม่รู้ว่ามันจะออกมาดีอย่างที่ตั้งใจไว้รึเปล่า

คอมเม้น เป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ เห็นแล้วยิ้มได้

ขอบคุณสำหรับคนที่ติดตามนะ  :3123:
ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะออกมาเหมือนที่ใครๆคาดหวังรึเปล่า
เจอกันตอนหน้านะ :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2016 11:57:03 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
เข้ามาอ่านยาวมากสนุกค่ะ แต่ไอ้พี่ทามนี้เหมือนจะเจ้าชู้นะ กะล่อนซะด้วยซิ  แต่ชอบๆพระเอกกะล่อนไม่น่าเบื่อดี อิ อิ น้องติวเตอร์ก็น่ารัก อันนี้คู่หลักหรือคุ่รองนะ   :hao3:
แล้วรีซละคู่ใคร ? คนที่ขับรถชนหรือเปล่า ?  (รอคู่รีซ มันค้างอะค่ะ ) แต่ก็ชอบคู่น้องติวเตอร์กับพี่ทามนะ มันน่ารักน่าหยิก
มาต่อไวไวนะค่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ  :L2: :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ิิbow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
เข้ามาอ่านยาวมากสนุกค่ะ แต่ไอ้พี่ทามนี้เหมือนจะเจ้าชู้นะ กะล่อนซะด้วยซิ  แต่ชอบๆพระเอกกะล่อนไม่น่าเบื่อดี อิ อิ น้องติวเตอร์ก็น่ารัก อันนี้คู่หลักหรือคุ่รองนะ   :hao3:
แล้วรีซละคู่ใคร ? คนที่ขับรถชนหรือเปล่า ?  (รอคู่รีซ มันค้างอะค่ะ ) แต่ก็ชอบคู่น้องติวเตอร์กับพี่ทามนะ มันน่ารักน่าหยิก
มาต่อไวไวนะค่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ  :L2: :L2: :L2:

คู่พี่ทาม น้องติวเตอร์ เป็นคู่รองนะคะ
ส่วนรีซกำลังจะมาปรากฏในไม่ช้าค่ะ :impress2:

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เห็นคอมเม้นเเล้วยิ้มได้เลย

ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากคุณ  #PFlove  # ิิbow  #|ทพอสูร และทุกทุกๆที่ติดตาม มากๆเลยนะคะ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2015 17:53:26 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
Me die
07 : ชีวิตใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น


Host Cub    

สถานที่ที่บรรจุหนุ่มๆหน้าตาดี หุ่นดี ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดๆหลากหลายอายุขนาดไหน แต่ถ้าสามารถเอาใจใส่ ดูแลลูกค้าได้เป็นอย่างดี สามารถพูดคุยและเชียร์ลูกค้าให้ซื้อดื่ม เทคแคร์ลูกค้าเยี่ยงราชินี ก็จะสามารถทำงานได้ยาวนานและรุ่งเรืองได้ในเวลาไม่นาน

แต่ทุกๆอย่างที่ทำได้ก็ต้องขึ้นอยู่กับคลับและลูกค้าเป็นส่วนใหญ่ รายได้หลักๆของโฮสต์ก็ขึ้นอยู่กับการออดอ้อนกับบรรดาลูกค้าสาวๆที่มาใช้บริการ หมายความว่ารายได้ขึ้นอยู่กับสกิลของแต่ละบุคคลนั่นเอง


เวลาตี2กว่าๆ
เป็นเวลาที่ลูกค้าจะเริ่มเยอะเป็นพิเศษ ลูกค้าเหล่านั้นมาจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่น และลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานบริษัทหรือบุคคลขี้เหงาที่ไม่ค่อยมีเวลาหาความสุข จึงมักจะมาที่นี่ มาซื้อ ‘ความสุขชั่วคราว’

“ถึงเวลาทำงานของเราแล้วสินะ”

เฟิร์สพูดกับตัวเองอยู่หน้ากระจกภายในห้องแต่งตัว หน้าและผมที่ถูกเซ็ตมาอย่างดี สไตล์การแต่งตัวเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุม2-3เห็นหน้าอกเซ็กซี่ื่ทับด้วยเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสีขาว ดูอ่อนโยนและเซ็กซี่ไปในตัว

“ยู ลูกค้าโต๊ะ17 โซน B ต้องการนาย” พนักงานเข้ามาตามตัวออกไปพบลูกค้า ‘ยู’ คือชื่อของเฟิร์สตลอดที่ทำงานที่นี่
“โซน B ?  นายก็รู้ว่าฉันไม่รับลูกค้าผู้ชาย แล้วจะให้ไปโซนนั้นทำไม”ยูหรือเฟิร์สถามขึ้น

“หัวหน้าคุยเรียบร้อยเเล้ว เขาแล้วแต่นายจะรับ แต่ถ้านายไม่ยอม ผู้ชายคนนั้นฝากมาบอกนายว่า ‘ได้เวลากลับบ้าน’ นายเอายังไง แล้วหมอนั่นพูดถึงอะไร”

“ตกลง ฉันจะไป เดี๋ยวตามไปรับออเดอร์ได้เลย”พูดจบเฟิร์สก็เดินออกไปทันที โดยไม่ตอบคำถามกับพนักงานคนดังกล่าว


ท่ามกลางแสงไฟสลัวๆของสถานที่อันคุ้นเคยโซนลูกค้าหญิงและชายกับโฮสต์ทั้งหน้าเก่าใหม่ โซฟา เครื่องดื่มตามโต๊ะ และเสียงพูดคุยที่หลากหลายอารมณ์ ของหลายๆคนยังคงดังปะปนกันภายในร้าน

เฟิร์สยังคงทำงานอยู่ที่โฮสต์อยู่ตั้งแต่วันนั้น วันที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเขาวันที่พ่อตัดสินใจให้เขาเดินลงจากรถ เขาไม่ได้อยากจะทำงานแบบนี้แต่เขาต้องเอาตัวรอด เลยต้องกลายมาเป็นตัวตลกโดนรับน้อง โดนมอมเหล้า โดนต่อว่าต่างๆทั้งจากลูกค้าและพนักงานด้วยกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยจะต้องพบเจอ กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาเรียกได้ว่าสาหัสมากเลยทีเดียว


โซน B
“นาย เป็น ใคร” เฟิร์สพูดขึ้นช้าๆชัดๆ หลังจากที่รีบเดินออกมาจากห้องแต่งตัวตรงมายังโต๊ะ17ในโซนที่เขาไม่เคยเข้ามา เพราะถึงเขาจะเป็นโฮสต์แต่เขาไม่เคยรับลูกค้าผู้ชาย เมื่อมาถึงโต๊ะเขาเจอชายใส่สูทสีดำ สวมหมวกและแว่นตาสีดำนั่งอยู่ที่โซฟา จึงตรงไปนั่งด้านข้างอย่างไม่กลัวอันตราย แน่ล่ะ ระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่เยี่ยมตรวจอาวุธเข้าออกทุกครั้ง

“ฉัน มารับนายกลับบ้าน เฟิร์ส” ชายคนนั้นค่อยๆถอดหมวก ตามด้วยแว่นตา เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือน แล้วพูดขึ้นช้าๆ

อึก!

“แรมป์! น นาย” เฟิร์สตกใจ พูดอะไรไม่ออก ทุกอย่างรอบตัวนิ่งสนิท เขาไม่คิดว่าคนที่จะมารับเขาจะกลายเป็นแฝดผู้พี่ที่โดนพ่อปล่อยแบบเขาเช่นกัน

“หึ แทนที่จะดีใจ เลิกตกใจแล้วไปกันได้แล้ว ฉันอุตส่าห์มารับด้วยตัวเองเลยนะน้องชาย” แรมป์พูดยิ้มมุมปากนิดๆ

“ทำไมเป็นนายล่ะ ไม่สิ นายเป็นยังไงบ้าง ไม่ๆ ฉ ฉันไม่รู้จะถามอะไรนายก่อนดี ฉันคิดว่านายจะไม่น่า...” เฟิร์สทำหน้าไม่ถูก ยังดูตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า สับสนไปหมด

“นายยังรอด แล้วทำไมฉันจะไม่รอด อย่าลืมสิ ว่าฉันเก่งกว่านายนะไอน้องชาย ที่เหลือค่อยว่ากัน เราไปกันได้แล้ว”่ แรมป์พูดสรุป

“ขอเวลา10นาที ฉันมีของสำคัญ”

“ได้ ฉันจะรอตรงนี้ ค่อยออกไปพร้อมกัน”

“โอเค” เฟิร์สรับคำ แล้วเดินออกไปจากโต๊ะทันที


10 นาที ต่อมา
ทั้งคู่เดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที โดยที่เฟิร์สได้ลาออกจากจากเป็น ยู โดยถาวร ออกมาทั้งๆที่ไม่ได้บอกกล่าวใคร แค่ทิ้งกระดาษเล็กๆเขียนว่า ลาออก ไว้เพียงใบเดียว ทั้งคู่มุ่งตรงไปยังเป้าหมาย นั่นคือ บ้าน ของพวกเขานั่นเอง

“เปลี่ยนไปเยอะนะ เฟิร์ส ฉันคิดว่านายจะไม่ไหวซะอีก”่ แรมป์พูดขึ้น ขณะที่ขับรถเคลื่อนออกจากบริเวณคลับ

“แรกๆก็เป็นงั้นแหละ กว่าจะปรับตัวได้ก็ลำบากพอสมควร แต่ดีที่งานแบบนี้มันสบาย แค่ใช้หน้าตากับสกิลส่วนตัวก็ผ่านฉลุย ตอนนี้ฉันเลยเป็นอันดับ1ไงล่ะ แล้วนายล่ะก่อนหน้านี้เป็นยังไงบ้าง”เฟิร์สพูดชิวๆถึงงานโฮสต์

“ของฉัน เรียกได้ว่าลำบากสุดๆเลยก็ได้นะ กว่าฉันจะขึ้นมาอยู่ระดับที่ทำเงินไ่ด้ก็ปาเข้าไปครึ่งเดือน”

“เล่าหน่อยสิ”ด้วยความอยากรู้ของเฟิร์สจึงถามต่อ

“ก็ที่นั่นมีแต่เจ้าถิ่น แรกๆก็กระอักเลือดปางตาย เฉียดคุกครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะมีเส้นสายได้ แต่ฉันก็ทำมันสำเร็จล่ะนะ”แรมป์พูดยิ้มให้กับตัวเองนิดๆ เขาสงสารตัวเอง แต่เพราะความไม่ยอมแพ้ให้กับคำสบประมาทของผู้เป็นพ่อเขาถึงผ่านมาได้

“อะไรกัน พูดแค่นี้อ่ะนะ ฉันอยากรู้รายละเอียดนะแรมป์ ว่านายผ่านมันมาได้ยังไง”

“ไว้ก่อน ว่าแต่เรื่องนั้น ยังเป็นอยู่รึเปล่า”แรมป์ตัดบท แล้วถามถึงเรื่องอื่นต่อ

“พูดน้อยจังนะนาย เรื่องนั้นนี่เรื่องไหนงั้นหรอ อ๋อ หรือว่า จะเรื่องฝันร้ายของฉัน”เฟิร์สเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแล้วหันมองหน้าแรมป์

“ใช่ เรื่องนั้น”แรมป์ยังคงหน้านิ่ง แล้วขับรถต่อไป ไม่ได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปเลย

“ก็เหมือนเดิม แต่ฉันก็ฝันน้อยลงแล้วล่ะ อีกอย่าง เพราะฉันเจอคนเยอะแล้วทำงานตอนกลางคืนด้วยล่ะมั้ง นอนกลางวันแล้วมันไม่เป็นไรน่ะ มันเหมือนไม่ค่อยจะมีอิทธิพลกับฉันเท่าไหร่แล้ว มั้ง”เฟิร์สพูดด้วยท่าทีสบายๆนึกถึงเรื่องฝันร้ายดังกล่าว

“ก็ดี แต่นายนี่พูดมากจังนะ หึ”แรมป์ยิ้มมุมปากนิดๆสีหน้าผ่อนคลายลงเมื่อได้พูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่้ขาอยู่ข้างนอกนั่น เขาไว้ใจใครไม่ได้สักคนเดียว ทุกอย่างตรึงเครียด ต่างจากเฟิร์สที่ดูอะไรๆก็สบายๆสำหรับเขาทั้งนั้น

แล้วทั้งคู่ก็ยังพูดคุยกันไปอีกหลายเรื่องตลอดระยะทาง ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายเฟิร์สพูดซะมากกว่า แรมป์ก็เล่าบ้างแล้วแต่สถานการณ์

.

.

บ้าน กิจจาวัฒนาพันธ์
“ทุกอย่าง ยังคงเหมือนเดิมสินะ”  เฟิร์สเอ่ยขึ้นเมื่อรถเคลื่อนตัวเข้ามาภายในบริเวณบ้าน

“คงงั้น อันที่จริง ฉันมาถึงก่อนนายเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเท่านั้น เพื่อเตรียมตัวไปรับนาย ...ต่างจากฉันแค่เพียงส่งรถไปรับเท่านั้น” แรมป์ตอบกลับ แล้วเอ่ยเบาๆในประโยคท้าย


“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ลูกชายทั้งสองคนของฉัน”เสียงทรงอำนาจดังขึ้น หลังจากลูกชายทั้งสองก้าวเท้าเข้าประตูบ้านมา

“ไปนั่งคุยกันหน่อยสิ ไม่ได้เจอกันตั้ง 1 เดือนเต็มๆ แล้วมาดูกันสิว่าพวกแกทำตามที่ตกลงกันได้รึเปล่า” ผู้เป็นพ่อเดินลงมาจากชั้นสองของตัวบ้านแล้วนำลูกชายไปนั่งที่โซฟาตัวยาวที่ห้องรับแขก

“สวัสดีครับ พ่อ” เฟิร์ส/แรมป์ เอ่ยขึ้นพร้อมกัน หลังจากเดินตามผู้เป็นพ่อ

“เอาหลักฐานมาสิ จำกันได้ใช่มั้ยว่าฉันต้องการอะไรจากพวกแกบ้าง” ผู้เป็นพ่อยิ้มมุมปาก พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทันที
“นี่ของผม” แรมป์

“คาสิโน?” แรมป์พูดขึ้น หลังจากที่รถลีมูซีนคันหรู จอดใกล้กับคาสิโนชื่อดังแห่งหนึ่ง

“ใช่ นี่เงิน 500,000 เอาไป และประวิติใหม่ แกไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเด็ดขาด” วิรัชน์ยื่นเงินตามจำนวนที่ถูกบรรจะอยู่ในกระเป๋าให้กับแรมป์

“500,000? เอาไปทำอะไรครับพ่อ” พ่อของเขาจะให้เขาเอาเงินไปเล่นการพนันรึไงกัน ถึงได้ให้เงินสดตั้งมากมายขนาดนี้มา หรือว่านัดส่งของอะไรกันที่นี่

“แรมป์ นี่งานชิ้นแรกของแก ...แกจะต้องเอาเงินห้าแสนนี่ ไปเพิ่มจำนวนเป็น 20ล้าน ให้ได้ภายในเวลา 1เดือนก่อนเวลาเที่ยงคืน ไม่ว่าจะทำวิธีใดก็ได้แค่เอามาให้ฉันตามกำหนดเวลาก็พอ ...ถ้าแกทำไม่ได้ ฉันมีของขวัญจะมอบให้กับคนที่ไร้ประสิทธิภาพแบบนั้นแน่นอนไอลูกชาย ลงไปได้แล้ว เริ่มได้!” ผู้เป็นพ่อเริ่มกำหนดเวลา ก้มมองนาฬิกาข้อมือของตน



“ส่วนนี่ของผม” เฟิร์ส

“โฮสต์คลับ??” เฟริสหันหน้ามามองผู้เป็นพ่อด้วยใบหน้าตกใจปนสงสัย

“ใช่ ลงไป นี่เป็นประวัติปลอมของแกและเงิน5,000บาท แกเป็นคนจนที่มาขอสมัครงานเท่านั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเด็ดขาด ฉันต้องการให้แกอยู่ที่นี่และขึ้นเป็นโฮสต์ชายอันดับหนึ่งทำยอดให้ได้20ล้าน กติกาทุกอย่างเหมือนกัน 1 เดือนเท่านั้น” ผู้เป็นพ่อพูดเอ่ยในสิ่งที่เฟริสอยากรู้ แล้วนั่งพิงเบาะรถสบายอารมณ์ดวงตาเฉียดมองไปยังนาฬิกาตนเอง

“ครับพ่อ” เฟริสรับคำและถือเอกสารของตนและเก็บเงิน5,000บาทลงกระเป๋ากางเกง ก้าวลงจากรถเดินไปโดยที่ไม่หันกลับมามองที่รถของตนเช่นเดียวกับแรมป์


เฟิร์สและแรมป์วางกระเป๋าลงตรงหน้า พร้อมเปิดออก ข้างในมีสมุดบัญชีธนคาร กุญแจ และรหัสเปิดเซฟของธนาคาร

“สำหรับเงินส่วนที่พ่อกรุณาให้ผมมา ผมไม่ได้ใช้ กุญแจดอกนี้คือเงินส่วนนั้น ส่วนในบัญชีวงเงินทั้งหมดคือเงินส่วนที่พ่อต้องการจากผม” แรมป์พูดบอกพ่อของตนในประโยคยาวรางหยิบกุญแจและบัญชีเงินที่กล่าวให้กับพ่อของตน

“แล้วที่เหลือล่ะ”ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้วสงสัย

“กำไร” แรมป์ตอบสั้นๆุแล้วหันหน้าหนีไปอีกด้าน

“หึหึ ดี! แกล่ะเจ้าเฟิร์ส”ผู้เป็นพ่อยิ้มมุมปาก แล้วหันมากดดันเฟิร์สต่อ

“ทั้งหมดก็คือจำนวนที่พ่ออยากได้ไงล่ะครับ บวกอีกไม่กี่สิบล้านจากความเก่งของผม ซึ่งส่วนนั้นผมก็ต้องขอเก็บไว้เช่นเดียวกัน” เฟิร์สพูดยิ้มๆให้ผู้เป็นพ่อ อันที่จริงเขาเพิ่งจะหายตะลึงจากเหตุการณ์กะทันหันที่เกิดขึ้นก็เมื่อได้ยินพ่อของเขาทวงสัญญูา

“ฮ่าฮ่าฮ่า นิสัยพวกแกเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยรึเนี่ย คนแรกก็กลายเป็นพวกเย็นชา พูดน้อยต่อยหนัก อีกคนก็ดันกลายเป็นพวกรู้มากเจ้าเล่ห์โปรยเสน่ห์หวังผล ล่ะสินะ เดือนเดียวฉันทำให้ลูกชายเข้มแข็งขนาดนี้ ฉันควรดีใจสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า ถูกใจฉันจริงๆ” ผู้เป็นพ่อหัวเราะเสียงดังก้องบ้านมองหน้าลูกชายทั้งสองสลับกันไปมา

“ต่อไปพวกแกต้องเริ่มเรียนรู้ธุรกิจครอบครัวสักที ก่อนฉันจะให้พวกแกเปิดตัวในนามของลูกชายที่น่าภูมิใจของฉันต่อไป ฮ่าฮ่าฮ่า”

.
.
.

สถาบันวิจัยใต้ดินแห่งหนึ่ง
“ดร.ครับ ผมว่า เราควรจะให้ในสิ่งที่เขาขอได้แล้วนะครับ”

“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นนะ แต่ฉันอยากให้นายไปอยู่กับเขาด้วย”

"ได้ครับดร.”

“ดูแลเขาดีๆล่ะ พวกเราติดหนี้เขาครั้งใหญ่ สถาบันเราจะได้พัฒนาต่อไป”

“ครับดร.ผมจะดูแลเขาอย่างดีไม่ให้คาดสายตาเลยครับ”

“นายพาเขาไปพักห้องธรรมดาได้แล้วล่ะพอล วันนี้ทำได้ดีมาก เอ้อ อย่าลืมว่าเขาต้องไม่รู้เรื่องฉัน”

“ครับดร.”

บทสนทนาของคนสองคนดังขึ้นภายในห้องทดลองที่มีชายอีกคนที่มีเพียงผ้าสีขาวปิดบังส่วนนั้นเอาไว้ได้นอนหลับอยู่บนเตียงพร้อมกับเข็มยาที่ปักอยู่บนตัว สายยางที่ห้อยเต็มไปหมด กับอุปกรณ์ทางการแพทย์มากมายที่ใช้ทดสอบกับร่างกายนี้ตลอดระยะเวลาเกือบสองสัปดาห์ ก่อนหน้าที่เขาได้ออกไปอยู่ข้างนอกได้เพียงไม่นานร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงจนต้องเอากลับมาอยู่ภายใต้การทดลองนี้ ซึ่งเขายังคงหลับตลอดการทดลองสองสัปดาห์


“คุณน่าจะฟื้นได้แล้วนะครับ ผมว่าคุณน่าจะออกไปทำตามความตั้งใจได้แล้ว”

เมื่อย้ายรีซเข้ามาอยู่ในห้องพักธรรมดาขององค์กร หมอพอล ก็ย้ายอุปกรณ์แพทย์ฉุกเฉินเข้ามาด้วย แล้วก็ยังเอาตัวเองมาอยู่ในนี้ คอยเช็คอาการต่างๆ แล้วคอยเวียนมาพูดใกล้ๆ

“ผมรู้นะครับว่าคุณให้ผมไปสืบประวัติคนคนนั้นมาทำไม คุณรู้มั้ยครับ ว่าตอนนี้เขากำลังใช้ชีวิตสบายอยู่ข้างนอกนั่น แต่คุณกลับมานอนอยู่ในนี้ตั้งสองสัปดาห์”

อึก!

เมื่อเห็นรีซมีปฏิกิริยาจึงเร่งพูดต่อ ร่างกายของรีซเริ่มเกร็ง บรรยากาศรอบๆตัวเริ่มเย็นลงทั้งๆที่เครื่องปรับอากาศก็ยังทำงานเท่าเดิม

“คุณนี่มันใช้ไม่ได้จริงๆ ที่ไปให้คำสัญญากับใครบางคนเอาไว้ทั้งๆที่ทำไม่ได้ แล้วยังต้องมาทำตัวเองให้ตายจากไปอีก สงสารเขาจริงๆนะคุณว่ามั้ย แต่ผมน่ะ สมเพช คุณจริงๆ”

ปึง!!

“นายรู้ได้ยังไง! บอกมาสิหมอ!” รีซได้ยินทุกคำที่หมอนี่พูดมาสักพัก เขาจึงพยายามลุกขึ้น
“อึก! ป ปล่อยมือสิ”   

เมื่อลุกขึ้นได้ รีซก็ลงจากเตียงกระโจนใส่หมอทันที มือทั้งสองคว้าเข้าที่คอของหมอกดอย่างแรง พร้อมกับตะโกนเสียงดัง จ้องหน้าเขม็ง แล้วปล่อยออกจากที่ได้ยินคำบอกให้ปล่อย

“แรงดีจริงๆนะครับ ผมคิดว่าคุณจะไม่มีแรงจะลุกขึ้นมาซะอีก”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง บอกมา!” รีวตะคอกเสียงดัง ดวงตายังจ้องไปที่หมอหนุ่มอย่างต้องการคำตอบ

“ครับ แต่ก่อนอื่นผมอยากให้คุณอารมณ์เย็นลงกว่านี้สักหน่อย อากาศมันเย็นมากนะครับ แล้วผมก็อยากจะบอกข่าวดีอะไรบางอย่างกับคุณก่อน” หมอพอลพูดยิ้มๆตามบุคลิกของตน ท่าทีที่สบายๆผิดกับบรรยากาศรอบตัว

“ข่าวดีอะไร”

“ทางองค์กรจะทำตามคำขอของคุณทันทีที่คุณร้องขอ แต่ในฐานะที่ผมเป็นเ
จ้าของเคสคุณผมต้องติดตามคุณด้วย หวังว่าคุณคงจะไม่ขัดข้องนะครับ”

“ตามสบาย เอานายไปด้วยก็ดี จะได้ไปเป็นลูกมือให้ฉัน แล้วจะเล่าได้รึยัง นายเปลี่ยนเรื่องเยอะเกินไปแล้ว อย่าทำให้ฉันโมโหจะดีกว่า”

“ครับ เล่าแล้วครับ ใจร้อนจริงๆ”

แล้วหมอก็เล่าเหตุการณ์ที่รีซอยากรู้ให้ฟัง ซึ่งความลับนี้เขารู้กันสองคน หมอให้นักสืบไปสืบมาส่วนตัว ส่วนบางเรื่องที่ลึกซึ้งก็รู้จากเจ้าตัวเองแต่รีซคงไม่รู้ตัว ซึ่งก็เป็นผลดีกับหมอ เขาจึงตกลงเป็นคู่หูชั่วคราว สืบเรื่องคนคนนั้นให้รีซต่อ

.
.

2-3เดือนถัดมา
หลังจากที่ออกมาจากองค์กร หมอและรีซ ก็สนิทกันมากขึ้นตามลำดับ ทั้งคู่อยู่คอนโดหรูที่ชั้นหนึ่งมีเพียงสองห้อง คือเขากับหมอ เท่านั้น

“รีซ ได้เรื่องแล้ว หมอนั่นถูกเปิดตัวในฐานะลูกชายของเจ้าพ่อมาเฟียคนดัง นายจะเริ่มเลยมั้ย”

“ยังก่อน แต่เร็วๆนี้หมอ”

“ผมว่านายเล่นกับพวกคนใหญ่คนโตมากเกินตัวไปรึเปล่า”

“ยังไงซะ ผมก็ไม่ตาย หมอไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกน่า”

“เอาที่คุณสบายใจนะครับ ยังไงผมก็เป็นแค่คนกลาง ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะขัดขวางแค่ทำตามเท่านั้น”

.
.

“หึหึหึ เราจะเจอกันแล้วนะ เฟิร์ส”


 

....Next Time….



....
 :call: :call:ต้องขออภัยที่หายไปนานนะคะ แวะมาลงตอนนี้ให้ แล้วขออนุญาติหายไปอีกประมาณ1สัปดาห์เลยค่า
สัปดาห์สอบบบบบ ขออนุญาตินะคะ :o12:


สำหรับตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ขัดไปก่อนได้มั้ย มันคิดไม่ออกจริงๆค่า  ปั่นตอนนี้2วันเต็ม  :ling2:
ขอแก้ตัวตอนหน้านะคะ :katai4:

เจอกันตอนหน้าค่า :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2015 19:41:38 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ริซใกล้จะได้เจอคู่แล้วใช่ไหมค่ะ...ลุ้นๆ ... :katai1:
แอบสงสารเฟิร์สกับแรมป์ ที่มีพ่อคอยบังคับลูกแบบนี้ ...  :mew6:
เป็นกำลังใจค่ะ ...อย่าหายไปนานนะเขาอยากอ่าน... :katai4:

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
me die


08 : Are You Ready


“ขอเชิญ คุณวิรัชน์ กิจจาวัฒนาพันธ์ ขึ้นมาบนเวทีครับ”

ท่ามกลางบรรยากาศงานเลี้ยงสุดหรูบนโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ที่มีมุมสำหรับตักอาหารและโต๊ะสำหรับนั่งทานสีขาวเข้ากับบรรยากาศของงาน มุมด้านหน้าจะมีเวทีและมีฟอร์สำหรับเต้นรำเบื้องหน้า งานที่ดำเนินมาสักระยะ จนถึงเวลาสำคัญของงานในครั้งนี้ พิธีกรจึงประกาศเรียกเจ้าภาพของงานขึ้นมาบนเวที

“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ทุกท่านมาร่วมงานนี้นะครับ ผมขอเข้ารื่องเลยนะครับ งานในวันนี้ผมจัดขึ้นเพื่อเปิดตัวลูกชายของผม ซึ่งพวกเขาหนึ่งในนั้นจะกลายมาเป็นผู้สืบทอดกิจการสำคัญของผมในอนาคต ขอบคุณครับ” เจ้าภาพของงานเดินขึ้นบนเวทีด้วยท่วงท่าที่สง่าการแต่งกายดูภูมิฐานน่าเกรงขาม เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สุขุมดังบุคคลิก

“คุณวิรัชน์นี่พูดน้อยจังเลยนะครับ งั้นเรามาต่อในขึ้นต่อไปกันเลยดีกว่านะครับ ขอเชิญ คุณ แรมป์ และคุณ เฟิร์ส กิจจาวัฒนาพันธ์ ทายาทของคุณวิรัชน์ แขกคนสำคัญของงานขึ้นมาบนเวทีด้วยนะครับ” พิธีกรเอ่ยหนอกเย้าให้บรรยากาศดูครื้นเครง และดำเนินการในขั้นต่อไป


แสงไฟรอบๆมืดดับลง เหลือเพียงแสงไฟสปอร์ตไลท์สีขาวนวลสอดวงฉายขึ้นทั้งสองข้างเวที เสียงบรรเลงของวงดนตรีดังขึ้นเบาๆขับให้เสียงไวโอลินเด่นไพเราะขึ้น พร้อมๆกับทายาททั้งสองคนในชุดสูท คนหนึ่งสีขาวและอีกคนสีดำ เดินมาอย่างงามสง่าและดูเท่ห์ไปในตัว คนละฝั่งของเวที แล้วมาหยุดขนาบข้างกับคุณวิรัชน์ตรงหน้าเวทีพอดี เสียงปรบมือดังขึ้นสนั่นพร้อมกับเสียงกรีดร้องเบาๆและรอยยิ้มจากหญิงสาวทั้งหลายที่มาร่วมงาน

“แขกทุกๆท่าน ช่วยเงียบเสียงลงนิดหน่อยนะครับ เพื่อที่จะได้ฟังเสียงทายาทสุดหล่อทั้งสองของคุณวิรัชน์เอ่ยอะไรนิดหน่อย เอาล่ะครับเรามาช่วยกันลุ้นนะครับสาวๆว่าทายาททั้งสองน้ำเสียงจะไพเราะเหมือนรูปร่างหน้าตาสุดเพอร์เฟ็คที่ขโมยใจของสาวๆหลายคนไปรึเปล่าครับผม เชิญคุณ แรมป์ ก่อนเลยครับ” พิธีกรผู้อารมณ์ดีเอ่ยทีเล่นทีจริงกับเเขกสาวๆ แล้วส่งต่อให้แขกคนพิเศษของงานเอ่ยแนะนำตนเอง

“สวัสดีครับแขกทุกท่าน ผม แรมป์ กิจจาวัฒนาพันธ์ แฝดพี่ ขอฝากตัวด้วยนะครับ ขอบคุณครับ” แรมป์ ในชุดสูทสีดำ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุขุม ใบหน้านิ่ง แต่บุคคลิสุขุมน่าค้นหาแบบนี้กับทำให้สาวๆหลายคนมองตาไม่กระพริบ

“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณแรมป์นี่พูดน้อยจังนะครับ แต่แค่นี้ก็ทำให้สาวๆหลายคนใจเต้นแรงแล้วนะครับ เชิญคุณ เฟิร์ส พูดต่อได้เลยนะครับ์”

“สวัสดีครับแขกทุกท่าน โดยเฉพาะสาวๆ ผม เฟิร์ส นะครับ ก่อนอื่นต้องขออภัยแทนแฝดผู้พี่ของผมด้วยนะครับพอดีเขาเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งเหมือนกับคุณพ่อนะครับ จริงมั้ยครับคุณพ่อ จริงมั้ยแรมป์ คิกคิก”

“ครับ/ครับ” เสียงพ่อลูกที่ถูกพูดถึงเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าของพ่อยิ้กยิ้มขึ้นน้อยๆตามมารยาท ต่างจากลูกชายคนโตที่หน้ายังคงนิ่งเช่นเดิม

“ต่อกันเลยครับ ผมเป็นแฝดน้อง หรือง่ายๆก็คือ ลูกชายคนเล็กครับ จริงๆผมก็พูดเป็นทางการไม่ค่อยเป็นสักเท่าไหร่นะครับเนี่ย ถนัดแต่พูดกับสาวๆมากกว่า คิกคิก เอาเป็นว่าผมขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกๆท่านด้วยนะครับ ผมจะพยายามทำงานให้เต็มที่ให้สมกับที่พ่อของผมทำไงเป็นแบบอย่างนะครับ ขอบคุณมากครับ” เฟิร์สในชุดสูทสีขาว พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม และดวงหน้ามีความสุข ท่าทางขี้เล่นทำให้แขกทุกคนยิ้มไปตามๆกัน และกลายเป็นที่หมายปองของสาวๆ ด้วยรอยยิ้มที่น่ารักและท่าทางเป็นกันเองนั่นเอง

พิธีกรและเฟิร์สพูดรับส่งกันบนเวที รวมถึงผู้เป็นพ่อบางครั้ง ส่วนแรมป์ก็แค่พูดเล็กน้อยหรือพยักหน้าตามไป เหตุการณ์ดำเนินต่อไปอีกเล็กน้อย เพื่อไม่ให้งานหน้าเบื่อ

“สำหรับวันนี้  ผมรู้สึกขอบคุณแขกทุกท่านมากเลยนะครับ ที่มาร่วมเปิดตัวทายาทของผมทั้งสองคนในวันนี้ ต่อไปพวกเขาจะก้าวเข้ามามีบทบาทแทนที่ตัวผมที่เริ่มแกตัวลง ผมพูดไม่ค่อยเก่งนะครับ เอาเป็นว่าขอให้ทุกท่านสนุกกับงานของเราต่อไปนะครับ” วิรัชน์พูดจบหน้าที่ของตนบนเวที ปล่อยให้การแสดงประกอบงานส่วนอื่นขึ้นมาดำเนินแทนที ส่วนตนก็เดินนำลูกชายทั้งสองลงไปพบกับบรรดาแขกผู้ใหญ่เพื่อฝากเนื้อฝากตัวต่อไป

.

.

อีกมุมหนึ่งของงานมีชายหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดียืนอยู่ในโซนตักอาหา อยู่ในชุดสูทสีดำ สวมถุงมือสีดำถือแก้วไวน์ ยืนมองไปด้านเวทีด้วยใบหน้านิ่งสงบ เมื่อทายาททั้งสองขึ้นเวทีรอยยิ้มก็พุดขึ้นเล็กๆบนใบหน้าทันที
ด้วยบุคลิกและหน้าตาลูกครึ่ง ถึงแม้จะสวมแว่นตาทำให้ให้ใบหน้าดูสุขุมขึ้น แต่ก็ไม่สามรถบดบังความหล่อของเขา รวมถึงส่วนสูงเกือบๆ195ซม.ของเขา ทำให้เขาดูเด่นพอๆกับเจ้าของงาน ทำให้หญิงสาว ลูกสาวของแจกในงานแวะเวียนมาตักอาหารใกล้ตลอดเวลา

“สวัสดีครับ ผม ไมค์ เป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆที่ชื่อ MNU ที่คุณวิรัชน์เพิ่งตกลงเซ็นสัญญาร่วมธุรกิจกับผมเมื่อไม่นานมานี้ครับ” ชายหนุ่มลูกครึ่งเดินออกมาทักทายเจ้าของงาน พร้อมยื่นแก้วไวน์ที่ถือมาอีกแก้วให้เจ้าของงาน

“สวัสดีครับคุณไมค์ ผมจำคุณได้ แล้วอีกอย่างบริษัทของคุณก็ไม่ได้เล็กๆเลยนะครับ ถือว่าเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงที่เก่งมากๆ ผมถึงเลือกบริษัทคุณ” วิรัชน์รับแก้วไวน์มาและยื่นมือออกไปจับทักทายตามมารยาท

“ขอบคุณครับคุณวิรัชน์ก็ชมผมเกินไป วันนี้ผมขอแสดงความยินดีด้วยนะครับคุณวิรัชน์ ลูกชายของคุณดูดีเหมือนคุณจริงๆ”

“ขอบคุณครับคุณไมค์ นี่ลูกชายผม ต่อไปคงต้องฝากคุณไมค์ช่วยส่งเสริมลูกชายทั้งสองผมด้วยนะครับ”

“ได้เลยครับผมจะช่วยส่งเสริมอย่างเต็มที่”

ทั้งคู่ยืนคุยกันสักพัก วิรัชน์จึงขอตัวออกไปคุยกับแขกท่านอื่น แนะนำให้รู้จักกับลูกชายตนก่อนแยกออกไป โดยให้ลูกชายไปทำความรู้จักกับแขกคนๆอื่นๆด้วยตนเอง

“สวัสดีนะครับ คุณแรมป์ และคุณเฟิร์ส ใช่มั้ยครับ” ไมค์เอ่ยทักทายทายาททั้งสองก่อน

“สวัสดีครับคุณไมค์ ผมแรมป์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” แรมป์แนะนำตัวเองพร้อมยื่นมือไปจับทักทาย

“คุณแรมป์คะ รบกวนไปกับดิฉันได้มั้ยคะ คุณพ่อดิฉันให้มาเชิญค่ะ” จู่ๆก็มีหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินมาข้างๆแล้วเอ่ยชวนแรมป์ออกไปอีกด้าน

“ได้ครับ คุณไมค์ผมขอตัวนะครับ เฟิร์สดูแลต่อทีนะ เชิญครับ”แรมป์ หันไปกล่าวลาไมค์ ตกลงกับเฟิร์ส แล้วหันไปเขิญหญิงสาวให้เดินไปพร้อมกัน

“สวัสดีครับ ผมเฟิร์ส ยินดีที่ได้รู้จัก ผมได้ยินเรื่องของคุณมาพอสมควร คุณเป็นคนที่มีความสามารถมากนะครับ” เฟิร์สทักทาย พร้อมยื่นมือออกไปจับทักทาย

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ขอบคุณมากครับ คุณเฟิร์สก็พูดเกินไปนะครับ ผมแค่ทำบริษัทเล็กๆไม่ได้ใหญ่โตอะไร เทียบกับบริษัทของที่บ้านคุณไม่ติดเลยครับ” ไมค์ยืนมือไปจับทักทายบ้าง

“ถ่อมตัวจังนะครับ” เฟิร์สพูดด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” ไมค์ตอบกลับ พร้อมยกมือขึ้นจับขาแว่นตาที่สวมเล็กน้อย

“อะ ขออนุญาติพูดถึงสีของดวงตาคุณได้มั้ยครับเนี่ย”เมื่อมองตามไป เฟิร์สก็ไปสะดุดบางอย่างเข้า

“ได้ครับ ผมไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้” ไมค์อนุญาติด้วยท่าทางสบายๆดังคำพูด ใบหน้าก็ยิ้มน้อยๆตลอดการสนทนา

“ดวงตาคุณดูมีเสน่ห์มากเลยนะครับเนี่ย ข้างหนึ่งสีเทา ส่วนอีกข้างดันออกสีน้ำเงิน จะเป็นการเสียมารยาทมั้ยครับ ถ้าผมจะขอให้คุณช่วยถอดแว่นสักหน่อย”

“ได้สิครับ ถ้าคุณต้องการ”

ไมค์ค่อยๆขยับถอดเเว่นออกจากหน้าของตน แล้วก้มหน้งให้เฟิร์สมองได้ถนัด เมื่อถอดแว่นทำให้ดวงหน้าของเขาเด่นชัดเจนขึ้น ดวงตาสองสีสวยงาม จมูกโด่งสัน ใบหน้าหล่อคม บวกกับส่วนสูงที่สูงเกือบสองร้อยซม.ยิ่งทำให้ดูเด่นขึ้นไปอีก แต่ส่วนนั้นไม่ได้ทำให้เฟิร์สสนใจเท่ากับดวงตาสองสีคู่นั้นเลย

“ว้าว~~ มันดูสวยมากจริงๆนะครับ โดยเฉพาะข้างที่เป็นสีน้ำเงินมันดูแวววาวยังกับอัญมณีเลย” เฟิร์สยังคงยืนจ้องค้างอยู่ที่ดวงตาคู่นั้นด้วยความหลงไหล และอยากรู้

“ส่วนอีกข้างดูเหมือนไม่มีชีวิตเลยใช่มั้ยล่ะครับ”

“ว่าไงนะครับ ผมไม่ทันฟังน่ะ”

“เปล่าครับ ผมขอสวมแว่นนะครับคุณเฟิร์ส คุณอยากได้ไวน์สักแก้วมั้ยครับ เดี๋ยวผมหยิบให้”

“อะแฮ่ม ผมนี่เสียมารยาทจริงๆ ดีเลยครับ แต่เดี๋ยวผมหยิบเองดีกว่า คุยกับคุณไมค์นี่สนุกดีนะครับ ผมขอคุยกับคุณอีกสักพักดีกว่า คุณรีบไปที่อื่นรึเปล่าครับ แขกของคุณพ่อเยอะจริงๆ ผมชักเหนื่อยแล้วสิ” เมื่อรู้สึกตัวว่าจ้องมากเกินไป เฟิร์สจึงหยุด และหยิบแก้วไวน์มายืนคุยกับไมค์อีกสักพัก

“ไม่หรอกครับ ผมก็ใหม่ในวงการ ยังไม่ค่อยมีใครให้รู้จักเหมือนกันครับ”

“งั้น ไว้สักพักคุณไมค์ก็ไปกับผมเลยสิครับ ไปทำความรู้จักกับผู้ใหญ่ท่านอื่นพร้อมกัน จะได้รู้จักกับคนอื่นๆด้วย”

“ดีเลยครับ ขอบคุณคุณเฟิร์สมากนะครับ ทั้งหล่อรวยแถมยังมีน้ำใจแบบนี้ ผมอิจฉาจังเลยนะครับ คุณคงจะมีความสุข’มาก’เลย”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกคร้าบ แต่เรื่องหล่อรวยนี่ ผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงจริงๆนะครับ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ทั้งคู่ยืนหัวเราะอยู่ด้วยกัน ด้วยหน้าตาและฐานะต่างๆ รวมทั้งใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขทั้งสองคน ยิ่งดึงดูดสายตาของคนรอบข้างมากขึ้นอีก โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว สาวๆหลายคนอย่างจะมีส่วนร่วมในบทสนทนาด้วยแต่ก็ทำได้เพียงแค่ยืนมองแล้วยิ้มตามไป

.

.

“แรมป์ บอกพ่อด้วยว่าฉันจะไม่กลับ แล้วก็ขอโทษนายด้วยนะ ที่ต้องให้รับหน้าคนเดียว วันนี้ฉันก็เล่นมากไป ไว้จะกลับไปไถ่โทษละกัน” เมื่องานเลิก บรรดาแขกต่างๆก็เริ่มกลับ เหลือผู้เป็นพ่อยืนส่งแขกคนท้ายๆ เฟิร์สจึกลากเเรมป์ออกมาบอกก่อน

“ได้” แรมป์รับปากสั้นๆแล้วจะเดินออกไป

“แรมป์ นายไม่ถามหน่อยหรอ ว่าฉันจะไปไหน”เป็นฝ่ายเฟิร์สเองที่ดึงไว้

“ถ้านายอยากบอก ฉันก็จะฟัง” แรมป์ตอบกลับหน้านิ่งๆ

“อะไรกัน ไม่ห่วงฉันเลยรึไง”

“ไปเที่ยว??”

“ถูกต้องนะคร้าบ ไว้จะกลับเร็วๆนะครับพี่ชาย” เฟิร์สว่าจบก็เดินปีกตัวออกไปอีกด้าน ไม่ให้พ่อเห็น ไปขึ้นรถของตนที่จอดไว้ด้านนอกเพื่อจะขับออกไป

.

.

เมื่อเดินออกจากห้องจัดงานมา เฟิร์สก็ลงไปชั้นที่จอดรถของตนทันที ซึ่งเป็นชั้นใต้ดินของตึกนี้

“ไฟมีปัญหารึไง ติดๆดับๆมาตลอดทาง บรรยากาศก็เย็นแปลกๆทั้งๆที่เป็นหน้าร้อนเนี่ยนะ สงสัยคงต้องแจ้งให้โรงแรมปรับปรุงชุดใหญ่”

ตึก
ตึก

กึก! เฟิร์สชะงักหยุดเดิน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามชัดเจนขึ้น จริงๆเขาได้ยินมาสักพักแค่คิดว่าคนเดินมาเอารถเหมือนเขา แต่พอหลายๆครั้งเข้าเขาจึงหันไปมองด้านหลังแต่ก็ไม่พบอะไร จึงเดินต่อ

‘อีกนิดเดียวน่า มันไม่มีอะไร ลองเป็นโจรสิ พ่อจะอัดให้ยับ’เฟิร์สพูดเบาๆปลอบใจตัวเองขณะเดิน

ตึก
ตึก

ไฟที่ติดๆดับๆตลอดทางเดิน ที่จอดรถที่ไม่มีรถ ยามหรือใครสักคนไม่เห็น พร้อมๆกับเสียงเดินของใครสักคนที่เขามองไม่เห็น ทำให้บรรยากาศตรงนี้ไม่น่าอยู่นัก

ตึก
ตึก


เสียงเดิน และหยุด ตามจังหวะที่เฟิร์สก้าวเดินทุกก้าว ยังคงดังสะท้อนไปทั่ว ทำให้เฟิร์สเร่งเดินไปที่รถของตน


ปึง!/ปึง!

เมื่อถึงรถเขาก็เปิดรถขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็ว เอื้อมมือดึงประตูรถปิด แต่เสียงปิดประตูรถของเขาเองกับดังขึ้นซ้อนกันพร้อมๆกับแรงสะเทือนจากแรงปิดที่ประตูรถด้านหลังของเขา

ตึก ตัก ตึก ตัก

หัวใจของเฟิร์สเต้นเร็วขึ้นมากระทันหัน ขนแขนเริ่มลุกเกรียว เขาค่อยๆเหลือบตาขึ้นไปมองกระจกมองหลังช้าๆ มือเกร็งไปหมด ลมหายใจติดๆขัดๆอย่างตื่นเต้น

....

“ฟู่~ สงสัยจะคิดไปเอง” เฟิร์ส ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อไม่มีอะไร แล้วขับรถออกจากบริเวณนี้ทันที

.
.
.

เมื่อเกินเหตุการณ์แบบเมื่อกี้ขึ้นทำให้เฟิร์สตัดสินใจไม่ไปเที่ยวผับดังที่ตั้งใจไว้ เขาเลือกที่จะขับรถไปเรื่อยๆเพื่อผ่อนคลายอารมณ์มากกว่า

‘ครืด~ ครืด~’

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋ากางเกงของเขา แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเพราะเป็นเบอร์แปลกโทรฯเข้ามา

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ เฟิร์สพูดครับ ไม่ทราบว่านั่นใครพูด”

ไม่มีเสียงใครตอยกลับมา แต่สายยังต่ออยู่ หลายๆครั้งเข้ากับความเงียบเฟิร์สจึงเริ่มอารมณ์เสีย

“นี่คุณ! ถ้าคุณไม่พูด ผมจะวางผมจะวางแล้วนะครับ”

“Are! You! Ready!” เสียงเข้มๆตอบกลับมาช้าๆเน้นๆทีละคำ เมื่อได้ยินปลายสายตอบ กับยิ่งทำให้เฟิร์สโมโหเพิ่มขึ้นไปอีก

“บ้าอะไรวะ! อะ หะ เห้ย หลบไป!!!”

เอี๊ยด!!

“บ้าเอ้ย อะไรกันวะ ดีนะที่ขับไม่เร็ว” เมื่อหยุดรถได้ เฟิร์สก็ลงจากรถไปดูอีกคนด้วยอารมณ์โมโห

‘นี่ขับรถชนคนอีกแล้วหรอวะ’ เฟิร์สคิดในใจไปด้วย

“คุณ คุณ เป็นอะไรรึเปล่า อย่ามาเป็นลมตรงนี้นะเว้ย ไม่ได้อารมณ์ดีพอจะพาไปส่งโรงบาลฯหรอกนะ”

“คุณ ตอบมาสิวะ มันมาทำอะไรดึกๆแถวนี้วะ ซวยกูด้วยเลย”

“ชะ ช่วย ด ด้ วย”

คู่กรณีของเขานอนนิ่งอยู่ข้างทาง หน้าคว่ำลงกับพื้นทำให้มองไม่เห็นว่าเป็นยังไงบ้าง เฟิร์สยืนนิ่งตัดสินใจอยู่สักพัก จึงค่อยๆเอื้อมมือไปจับแแขนเสื้อของคู่กรณียึดขึ้นให้นอนหงายขึ้นมา

“อึก!”

เมื่อจับหงายหน้าขึ้น กลับเป็นเฟิร์สเองที่ตกใจจนหงายหลังก้นจั้มเบ้าลงกับพื้นข้างๆ ภาพเหตุการณ์เก่าในอดีตที่ยากจะลืมเลือนเด่นชัดขึ้นทันตาเห็น ทับซ้อนกลับภาพข้างหน้า ที่มีเลือดไหลทะลัก บาดแผลถลอกมากมาย เลือดสีแดงฉานที่เริ่มไหลอาบร่างกายคนเจ็บเหม็นคาวชวนจะอ้วก

ภาพต่างๆที่ไหลวนทำให้เฟิร์สเวียนหัวอย่างหนัก เริ่มหายใจไม่ออก อยากจะอ้วกแต่อ้วกไม่ออกได้แต่พะอืดพะอม และพยายามถอยหนีให้ห่างออกมา

“ช ชะ ช่ วย ด ด้ วย” มือของคนเจ็บพยายามจะยื่นออกมาข้างหน้า เพื่อขอความช่วยเหลือจากเฟิร์ส แต่เฟิร์สก็ยังไม่สามารถช่วยใครได้ในตอนนี้ จึงได้แต่กรอกตาไปมาอย่างสับสนแต่ขยับถอยห่างมากขึ้นอีก

“ไม่ ไม่! อย่ามายุ่งกับฉัน! ฉัน แฮ่ก ฉัน ไม่ไม่!”

“ทำไมถึงไม่ช่วยกู!”

ท่ามกลางความสับสนของเฟิร์ส จู่ๆคนบาดเจ็บก็ลุกขึ้นนั่ง แล้วก้มลงค่อยๆคลานเข้ามาหาเขา

“มึงฆ่ากู! มึงจำกูได้มั้ย! มึงขับรถชนกู!”

“ไม่ ไม่”

เลือดที่ไหลออกตามร่างอีกคน ทำให้เฟิร์สแทบไม่หลงเหลือสติเพียงพออยู่แล้ว หัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะหลุด ลมหายใจที่ขาดๆหายๆ แล้วยังตอนนี้ร่างนั้นกำลังกระโจนเข้าหาเฟิร์สอย่างจัง

“มึงฆ่ากู ถึงเวลาที่กูจะต้องเอาคืนมึงแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ไม่!!!!”







....Next time....



....
ตอนใหม่มาแล้วจ้าาาา
หวังว่าคงจะสนุกนะคะ :mew2:

แล้วก็ สำหรับคอมเม้นต่างๆที่ไม่ได้ตอบ คงจะไม่เคืองกันนะค้า เค้ายังใหม่กับเว็บนี้ ไม่เคยลงอ่า เลยตอบไม่เป็น 555 :mew5: :ling2:

ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ติดตามนะคะ :pig4: :pig4:
เจอกันตอนหน้าค่า :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2015 21:07:05 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
เย้มาต่อแล้ว..ตัวเอกกำลังจะเจอกันแล้วใช่ไหมค่ะ...สงสารเฟิร์สนะเขาก็ฝังใจและเสียใจกับการกระทำของเขาในอดีตแต่อีกคนซิกับจำฝังใจว่าเฟิร์สไม่ยอมกันกลับไปดูดำดูดีเขาเลย....จะเกิดศึกอะไรกันขึ้นตอ่ไปนะ
ค้างมากที่สุด....พลีส!!!   :impress3: :impress3:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รีซจะเข้าสู่วังวนของการแก้แค้นแล้วเหรอ ไหนว่าจะอยู่เพื่อดูแลติวเตอร์ไง ทำไมปล่อยให้ติวเตอร์ต้องเจอคนนิสัยไม่ดีอย่างทามล่ะ

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คู่หลักนี่มองไม่ออกเลยแหะว่าใครเป็นพระเอกนายเอก  ส่วนคู่รองนี่ทามรักเตอร์เมื่อไหร่คงขี้หึงมากแน่ๆ
รอตอนต่อไปเน้อ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกครับ ค่อนข้างดาร์ค
ตัวละครแต่ละคนมีปมกันทั้งนั้น
เวลาขมวดปมแต่ละที คงเข้มข้นน่าดู

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
Me die
09 : Start



เมื่อคืนผมฝันร้าย ฝันว่าขับรถชนคน แล้วดันกลายเป็นคนๆเดียวกันที่ผมทำเขาตาย เขาตามมาทวงชีวิตผมในฝันอีกแล้ว เรื่องพวกนี้มันตามมาวนเวียนอยู่รอบๆตัวผมไม่หายไปสักที เมื่อไหร่นะ มันจะดีขึ้น

“อืออ หนาว”

ทำไมรู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆตัวผมมันเย็นเหลือเกิน หนาวจนกัดกินถึงหัวใจ รู้สึกทรมานจนยากจะหลับตานอนต่อได้

 ‘ที่นี่มันที่ไหน ละ แล้ว !!’

 “มะ ไม่ ได้ฝัน!!”   

เมื่อลืมตาตื่น ผมก็พบว่าผมไม่ได้ฝันไป มันเกิดขึ้นจริงๆ มันเกิดจริงๆ ชายคนนั้น มันตามมาทวงชีวิตผม ผมอยู่ที่ไหนสักแห่งเป็นห้องโล่งๆมีแค่ผมคนเดียวในห้องนี้ ผมต้องออกไปจากที่นี่

“นะ นี่มันอะไรวะ”

“เชือก! กูถูกมัดหรอวะเนี่ย เอ้ย! ใครอยู่ข้างนอกบ้าง ปล่อยนะเว้ย! ช่วยด้วย!”

อะไรกันเนี่ย ผมถูกมัดมือไขว้ไปด้านหลัง และมััดเท้าไว้กับเก้าอี้ตัวหนึึ่ง มีสายโซ่คล้องยาวออกไปด้านนอกประตูตรงหน้า  เมื่อมองไปรอบๆห้องไม่มีอะไรเลย ที่นี่ดูจะเก่าด้วยซ้ำ แต่อากาศทีานี่เย็นแบบแปลกๆจนผมขนลุกไปหมด

พรึ่บ!

“เห้ย ไฟดับ”

จู่ๆไฟในห้องก็ดับวูบลง รอบๆตัวเย็นยะเยือก หนาวไปหมดทั่วทุกส่วนของร่างกาย แม้ไม่มีสายลมใดๆพัดผ่าน เสียงหัวใจของผมเต้นรัวและแรงขึ้น ลมหายใจอุ่นร้อน ความรู้สึกทั้งกลัวและสับสนปนกันวุ่นวายไปหมด

“ปล่อยนะเว้ย มึงต้องการอะไร ออกมาสิวะ อย่ามาเล่นแบบนี้ ออกมาเจอซึ่งๆหน้าดิวะ”

คำถามมากมายดังขึ้นในสมอง ลมหายใจติดๆขัดๆ ดวงตาก็มองซ้ายขวาสับสนไปหมด มันต้องการอะไร ทำไมไม่ออกมาล่ะ เล่นสงครามประสาทกันงั้นหรอ หรือว่า มันจะเป็น ผี!!

“ม มึงเป็นตัวอะไรวะ ต้องการอะไร บอกกูมา ถ้า ถ้ากูทำได้ กูจะทำให้”

ถ้ามันเป็น ผี! มันต้องการอะไร ชีวิตผมงั้นหรอ ไม่ ผมไม่พร้อมจะตาย ผมต้องออกไปจากที่นี่

“ออกมาสิ ไม่ๆไม่ต้องมา บอกกู บอกกูสิ กูจะทำให้ แค่มึงปล่อยกูไป กูทำให้ทุกอย่าง แค่มึงไม่เอาชีวิตกู”


คลิ๊ก!

อึก!

ใจของเฟิร์สเต้นเร็วขึ้นอีก เมื่อได้ยินเสียงหมุนลูกบิดประตูที่ดังขึ้นตรงหน้า ‘ผมรู้สึกกลัวเสมอเมื่อได้ยินหรือรู้สึกเกี่ยวกับชายคนนั้น แล้วตอนนี้มันกำลังจะเข้ามาจัดการกับผม’


แอ๊ดดด
เสียงประตูดังขึ้นพร้อมๆกับบานประตูที่ค่อยๆเปิดออกช้าๆ หัวใจเต้นดังสนั่นเพราะความตื่นกลัวตามไปด้วย

ปึง!

พรึ่บ!

เฮือก!!

เมื่อประตูเปิดจนสุดบานประตูกระทบกับฝาผนังดังสนั่น แสงของไฟขนาดใหญ่ฉายรอดเข้ามากระทบตัวของเฟิร์ส พร้อมๆกัน ทำให้เฟิร์สสะดุ้งตกใจ ลมหายใจแทบหยุด หัวใจเต้นเร็วแรง และรู้สึกขนลุกขึ้นมาอีก เมื่อรู้สึกเย็นยะเยือกไล่ตั้งแต่ด้านล่างขึ้นไปยันศรีษะ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า”

จู่ๆก็มีเสียงหัวเราะดังสนั่น ก้องสะท้อนไปทั่วห้อง ได้ยินเสียงนั้นชัดเจนราวกับอยู่ใกล้ๆหูของเฟิร์ส ทำให้เฟิร์สแทบไม่เหลือสติ ความกลัวเริ่มครอบงำมากยิ่งขึ้ิน เขาหันมองด้านไหนก็ไม่เจออะไร ทุกสิ่งรอบด้านน่ากลัว มีแต่ความมืดที่มีเสียงหัวเราะน่าขนลุก

“ตะ ต้อง การ อะ อะไร”

เมื่อเฟิร์สพูดขึ้น เสียงหัวเราะนั่นก็หยุดไป แต่ก็ไม่นานเมื่อมีเสียงๆหนึ่งดังลอดขึ้นมา

‘มันต้องการอะไรจากผม ทำไมต้องทำแบบนี้ ผมจะไม่ไหวแล้ว’

“คิดว่ามึงทำได้งั้นหรอ!!!”

เสียงใหญ่ๆเล็กๆสองเสียงดังซ้อนทับกันดังขึ้นรอบๆตัวอีกครั้ง น้ำเสียงโมโหโกธา ตวาดลั่น จนเฟิร์สสะดุ้งตกใจอีกครั้ง มือเท้าเกร็งไปหมด ลมหายใจขาดช่วง หัวใจเต้นรัว เหงื่อรอบซึมออกจากร่างกายแม้อากาศรอบๆจะเย็นยะเยือก แต่เขาก็ต้องเลือกที่จะถามเพื่อต้องการรู้เจตนาของเจ้าของเสียงที่น่ากลัวนั่น

“เฮือก! ละ ลอง บอกมาสิ ถะ ถ้า ฉันทำได้ ฉันจะทำ”

“กู! ต้องการ ชีวิตมึง!”

“อึก มะ ไม่ ฉันยังไม่อยากตาย ขอร้องเถอะ”

“แล้วกูอยากตายรึไง! ตอนมึงฆ่ากูทำไมมึงไม่คิด! มึงจะต้องตาย!”

“ไม่ ขอร้อง ให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่อย่าฆ่าฉันเลย”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ได้! มึงเลือกเองนะ! มึงเลือกที่จะมีชีวิต! แต่กูขอเตือนมึงไว้ ว่าชีวิตมึงจะไม่มีวันสงบสุขอีกต่อไป! ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ขอบคุณ ขอบคุณที่ไม่ฆ่าฉัน ขอบคุณ เห้ย!! อะไร! เลือด!!”

เลือดจำนวนมากมายค่อยๆไหลเข้ามาหาเฟิร์สทุกทิศทุกทางรอบตัวเขา กลิ่นของมันเหม็นคาวฟุ้งกระจายเต็มห้อง จิตใจของเฟิร์สยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ


เคร้ง! ขืด~ 

เคร้ง! ขืด~

เสียงโซ่เหล็กกระทบพื้นและเสียงลาก ดังขึ้นมาจากทางประตูที่มีเเสงไฟเพียงแสงเดัยวของที่นี่ ดังชัดขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เฟิร์สเกร็งร่างกายโดยอัตโนมัติ ห่อตัวเข้าหากันด้วยความหนาวเย็นที่มีเพิ่มมากขึ้นรอบตัว ความกลัวถาโถมเข้าใส่ จู่โจมซ้ำแล้วซ้ำอีก

เคร้ง!

“เฮือก! นะ นาย เป็น ใคร”

เสียงโซ่หยุดลงเมื่อร่างนั้นเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าไฟฉายใหญ่ ฉายเป็นเงาของร่างอันใหญ่โตเกือบสองเมตร กระทบกับตัวของเฟิร์ส เขาตกใจจนช็อคสลบไปทันที จะจำได้ก็แค่ความสยดสยองที่พบเจอ

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

เสียงหัวเราะของเสียงทั้งใหญ่และเล็กดังซ้อนกันดังสนั่น เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นลมไป ตอนเห็นเขาเดินมาถึง
“หึ คงจะกลัวมากสินะ หวังว่าคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อให้ฉันแก้แค้นให้สาแก่ใจกว่านี้สักหน่อยแล้วกัน ตอนนี้ฉันคงปล่อยให้นายมีความสุขไม่ได้”
.
.
.

“ฉันว่านายทำเกินไปนะ”

“หมออยู่ข้างใครกันแน่?”

“ฉันอยู่ข้างตัวเอง แค่ตอนนี้ฉันต้องช่วยนายเท่านั้น ฉันเตือนด้วยความหวังดี ก็แล้วแต่นายจะพิจารณา”

“แค่นี้มันไม่ตายหรอกน่า หมอก็อยู่ จะกลัวไรนักหนา”

“ไม่ได้กลัวเขาจะตาย แต่กลัวเขาจะเป็นบ้าไปซะก่อนที่นายจะหายแค้น ถ้าถึงตอนนั้น นายทำอะไรเขาไป เขาก็คงไม่รู้สึกอยู่ดี”

“หึ..หมอพอล หมอช่วยเอามันไปทิ้งไว้ข้างรถมันด้วยล่ะ ผมไปละ อย่าลืมเรียกคนมาเก็บกวาดที่นี่"

"ไม่ล่ะ ขอบาย นายพาหมอนั่นมา ก็ควรจะรับผิดชอบ"

"หึ่ย ก็ได้วะ"

“นายนี่น่าสงสารจริงๆนะรีซ”
.
.
.
"ให้จัดการเองงั้นหรอ งั้น...จะเอามันไปส่งเร็วๆทำไมล่ะ หึหึหึ"





>>>35%<<<

...
30% เจ้าคะ ไว้จะมาต่อให้นะ

ขออภัยที่หายไปนานเลยนะคะ แล้วก็ไม่ได้มาต่อให้เลย จริงๆแล้วเค้ามาดูบ่อยๆนะ แต่ไม่ได้ตอบคอมเม้นเลย ขออภัยด้วยนะคะ

สำหรับคนที่เม้น เค้าต้องขอบคุณมากเลย เข้ามาอ่านตั้งหลายครั้งแหน่ะ เห็นแล้วสุขใจจจจ

เนื้อเรื่องก็คงต้องขอให้ติดตามกันต่อไปนะคะ ว่าจะเป็นยังไง

ช่วงนี้เครียดเจ้าค่ะ สอบยังไม่หมดสักทีเหลือตัวนึง งานก็เพิ่งเคลียร์หมดไป แย่เจ้าค่ะ

เม้นๆบ้างนะ เจอกันนะ :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-12-2015 01:00:10 โดย สิบสาม13 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ริชจะแก้แค้นยังไงนะ..ที่บอกว่าต่อไปจะไม่มีความสุข..สัมผัสได้ถึงความดาร์ก..เฟิร์สเองก็เสียใจไม่น้อยที่ขับรถชนริช
แล้วมันจะลงเอ่ยกันยังไงละคู่นี้.... รอตอนต่อไปมาลงอีกนะ... :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ princeofdark

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบแนวนี้อ่ะ รีซแก้แค้นแล้วรู้สึกสะใจ แต่อย่ามากไปล่ะเดี๋ยวเฟิร์สบ้า55

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
Me die

09 : Start



เมื่อคืนผมฝันร้าย ฝันว่าขับรถชนคน แล้วดันกลายเป็นคนๆเดียวกันที่ผมทำเขาตาย เขาตามมาทวงชีวิตผมในฝันอีกแล้ว เรื่องพวกนี้มันตามมาวนเวียนอยู่รอบๆตัวผมไม่หายไปสักที เมื่อไหร่นะ มันจะดีขึ้น

“อืออ หนาว”

ทำไมรู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆตัวผมมันเย็นเหลือเกิน หนาวจนกัดกินถึงหัวใจ รู้สึกทรมานจนยากจะหลับตานอนต่อได้

 ‘ที่นี่มันที่ไหน ละ แล้ว !!’

 “มะ ไม่ ได้ฝัน!!”   

เมื่อลืมตาตื่น ผมก็พบว่าผมไม่ได้ฝันไป มันเกิดขึ้นจริงๆ มันเกิดจริงๆ ชายคนนั้น มันตามมาทวงชีวิตผม ผมอยู่ที่ไหนสักแห่งเป็นห้องโล่งๆมีแค่ผมคนเดียวในห้องนี้ ผมต้องออกไปจากที่นี่

“นะ นี่มันอะไรวะ”

“เชือก! กูถูกมัดหรอวะเนี่ย เอ้ย! ใครอยู่ข้างนอกบ้าง ปล่อยนะเว้ย! ช่วยด้วย!”

อะไรกันเนี่ย ผมถูกมัดมือไขว้ไปด้านหลัง และมััดเท้าไว้กับเก้าอี้ตัวหนึึ่ง มีสายโซ่คล้องยาวออกไปด้านนอกประตูตรงหน้า  เมื่อมองไปรอบๆห้องไม่มีอะไรเลย ที่นี่ดูจะเก่าด้วยซ้ำ แต่อากาศทีานี่เย็นแบบแปลกๆจนผมขนลุกไปหมด

พรึ่บ!

“เห้ย ไฟดับ”

จู่ๆไฟในห้องก็ดับวูบลง รอบๆตัวเย็นยะเยือก หนาวไปหมดทั่วทุกส่วนของร่างกาย แม้ไม่มีสายลมใดๆพัดผ่าน เสียงหัวใจของผมเต้นรัวและแรงขึ้น ลมหายใจอุ่นร้อน ความรู้สึกทั้งกลัวและสับสนปนกันวุ่นวายไปหมด

“ปล่อยนะเว้ย มึงต้องการอะไร ออกมาสิวะ อย่ามาเล่นแบบนี้ ออกมาเจอซึ่งๆหน้าดิวะ”

คำถามมากมายดังขึ้นในสมอง ลมหายใจติดๆขัดๆ ดวงตาก็มองซ้ายขวาสับสนไปหมด มันต้องการอะไร ทำไมไม่ออกมาล่ะ เล่นสงครามประสาทกันงั้นหรอ หรือว่า มันจะเป็น ผี!!

“ม มึงเป็นตัวอะไรวะ ต้องการอะไร บอกกูมา ถ้า ถ้ากูทำได้ กูจะทำให้”

ถ้ามันเป็น ผี! มันต้องการอะไร ชีวิตผมงั้นหรอ ไม่ ผมไม่พร้อมจะตาย ผมต้องออกไปจากที่นี่

“ออกมาสิ ไม่ๆไม่ต้องมา บอกกู บอกกูสิ กูจะทำให้ แค่มึงปล่อยกูไป กูทำให้ทุกอย่าง แค่มึงไม่เอาชีวิตกู”


คลิ๊ก!

อึก!

ใจของเฟิร์สเต้นเร็วขึ้นอีก เมื่อได้ยินเสียงหมุนลูกบิดประตูที่ดังขึ้นตรงหน้า ‘ผมรู้สึกกลัวเสมอเมื่อได้ยินหรือรู้สึกเกี่ยวกับชายคนนั้น แล้วตอนนี้มันกำลังจะเข้ามาจัดการกับผม’


แอ๊ดดด
เสียงประตูดังขึ้นพร้อมๆกับบานประตูที่ค่อยๆเปิดออกช้าๆ หัวใจเต้นดังสนั่นเพราะความตื่นกลัวตามไปด้วย

ปึง!

พรึ่บ!

เฮือก!!

เมื่อประตูเปิดจนสุดบานประตูกระทบกับฝาผนังดังสนั่น แสงของไฟขนาดใหญ่ฉายรอดเข้ามากระทบตัวของเฟิร์ส พร้อมๆกัน ทำให้เฟิร์สสะดุ้งตกใจ ลมหายใจแทบหยุด หัวใจเต้นเร็วแรง และรู้สึกขนลุกขึ้นมาอีก เมื่อรู้สึกเย็นยะเยือกไล่ตั้งแต่ด้านล่างขึ้นไปยันศรีษะ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า”

จู่ๆก็มีเสียงหัวเราะดังสนั่น ก้องสะท้อนไปทั่วห้อง ได้ยินเสียงนั้นชัดเจนราวกับอยู่ใกล้ๆหูของเฟิร์ส ทำให้เฟิร์สแทบไม่เหลือสติ ความกลัวเริ่มครอบงำมากยิ่งขึ้ิน เขาหันมองด้านไหนก็ไม่เจออะไร ทุกสิ่งรอบด้านน่ากลัว มีแต่ความมืดที่มีเสียงหัวเราะน่าขนลุก

“ตะ ต้อง การ อะ อะไร”

เมื่อเฟิร์สพูดขึ้น เสียงหัวเราะนั่นก็หยุดไป แต่ก็ไม่นานเมื่อมีเสียงๆหนึ่งดังลอดขึ้นมา

‘มันต้องการอะไรจากผม ทำไมต้องทำแบบนี้ ผมจะไม่ไหวแล้ว’

“คิดว่ามึงทำได้งั้นหรอ!!!”

เสียงใหญ่ๆเล็กๆสองเสียงดังซ้อนทับกันดังขึ้นรอบๆตัวอีกครั้ง น้ำเสียงโมโหโกธา ตวาดลั่น จนเฟิร์สสะดุ้งตกใจอีกครั้ง มือเท้าเกร็งไปหมด ลมหายใจขาดช่วง หัวใจเต้นรัว เหงื่อรอบซึมออกจากร่างกายแม้อากาศรอบๆจะเย็นยะเยือก แต่เขาก็ต้องเลือกที่จะถามเพื่อต้องการรู้เจตนาของเจ้าของเสียงที่น่ากลัวนั่น

“เฮือก! ละ ลอง บอกมาสิ ถะ ถ้า ฉันทำได้ ฉันจะทำ”

“กู! ต้องการ ชีวิตมึง!”

“อึก มะ ไม่ ฉันยังไม่อยากตาย ขอร้องเถอะ”

“แล้วกูอยากตายรึไง! ตอนมึงฆ่ากูทำไมมึงไม่คิด! มึงจะต้องตาย!”

“ไม่ ขอร้อง ให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่อย่าฆ่าฉันเลย”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ได้! มึงเลือกเองนะ! มึงเลือกที่จะมีชีวิต! แต่กูขอเตือนมึงไว้ ว่าชีวิตมึงจะไม่มีวันสงบสุขอีกต่อไป! ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ขอบคุณ ขอบคุณที่ไม่ฆ่าฉัน ขอบคุณ เห้ย!! อะไร! เลือด!!”

เลือดจำนวนมากมายค่อยๆไหลเข้ามาหาเฟิร์สทุกทิศทุกทางรอบตัวเขา กลิ่นของมันเหม็นคาวฟุ้งกระจายเต็มห้อง จิตใจของเฟิร์สยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ


เคร้ง! ขืด~ 

เคร้ง! ขืด~

เสียงโซ่เหล็กกระทบพื้นและเสียงลาก ดังขึ้นมาจากทางประตูที่มีเเสงไฟเพียงแสงเดัยวของที่นี่ ดังชัดขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เฟิร์สเกร็งร่างกายโดยอัตโนมัติ ห่อตัวเข้าหากันด้วยความหนาวเย็นที่มีเพิ่มมากขึ้นรอบตัว ความกลัวถาโถมเข้าใส่ จู่โจมซ้ำแล้วซ้ำอีก

เคร้ง!

“เฮือก! นะ นาย เป็น ใคร”

เสียงโซ่หยุดลงเมื่อร่างนั้นเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าไฟฉายใหญ่ ฉายเป็นเงาของร่างอันใหญ่โตเกือบสองเมตร กระทบกับตัวของเฟิร์ส เขาตกใจจนช็อคสลบไปทันที จะจำได้ก็แค่ความสยดสยองที่พบเจอ

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

เสียงหัวเราะของเสียงทั้งใหญ่และเล็กดังซ้อนกันดังสนั่น เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นลมไป ตอนเห็นเขาเดินมาถึง
“หึ คงจะกลัวมากสินะ หวังว่าคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อให้ฉันแก้แค้นให้สาแก่ใจกว่านี้สักหน่อยแล้วกัน ตอนนี้ฉันคงปล่อยให้นายมีความสุขไม่ได้”
.
.
.

“ฉันว่านายทำเกินไปนะ”

“หมออยู่ข้างใครกันแน่?”

“ฉันอยู่ข้างตัวเอง แค่ตอนนี้ฉันต้องช่วยนายเท่านั้น ฉันเตือนด้วยความหวังดี ก็แล้วแต่นายจะพิจารณา”

“แค่นี้มันไม่ตายหรอกน่า หมอก็อยู่ จะกลัวไรนักหนา”

“ไม่ได้กลัวเขาจะตาย แต่กลัวเขาจะเป็นบ้าไปซะก่อนที่นายจะหายแค้น ถ้าถึงตอนนั้น นายทำอะไรเขาไป เขาก็คงไม่รู้สึกอยู่ดี”

“หึ..หมอพอล หมอช่วยเอามันไปทิ้งไว้ข้างรถมันด้วยล่ะ ผมไปละ อย่าลืมเรียกคนมาเก็บกวาดที่นี่"

"ไม่ล่ะ ขอบาย นายพาหมอนั่นมา ก็ควรจะรับผิดชอบ"

"หึ่ย ก็ได้วะ"

“นายนี่น่าสงสารจริงๆนะรีซ”
.
.
.
"ให้จัดการเองงั้นหรอ งั้น...จะเอามันไปส่งเร็วๆทำไมล่ะ หึหึหึ"




...




ต่ออออออๆๆๆๆ





"ให้จัดการเองงั้นหรอ งั้น...จะเอามันไปส่งเร็วๆทำไมล่ะ หึหึหึ"

.

.

04:00 น.

“อะ อืม”

เสียงของเฟิร์สดังขึ้น เมื่อรู้สึกตัวตื่นอีกครั้ง

“อะ เมื่อคืนนี้! แล้ว นี่กูอยู่ที่ไหนอีกวะ”

เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ความรู้สึกกลัวก็กลับมาอีกครั้ง เฟิร์สเริ่มมองสำรวจรอบๆด้าน โดยได้แสงจากท้องฟ้าที่เริ่มสว่าง ทำให้เห็นสถานที่ดูคล้ายกับสุสานแบบฝรั่ง ใช่ มันคือ สุสาน!

“อึก!”

ความสยดสยองที่เขาได้พบเจอและความกลัวที่เกิดจากจิตใต้สำนึกพากันไหลเข้ามาหาเขาอย่างมหาศาล เฟิร์สหันมองซ้ายขวาอย่างหวาดกลัว ถอยหลังชนเข้ากับกำแพง แต่เมื่อหันไปมองก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าด้านหลังตนนั้นก็เป็นหลุมศพ มองไปด้านไหนก็หลุมศพ

“เฮือก!”

เฟิร์สตกใจลนลาน หันซ้ายขวา มองไปทางไหนก็มีแต่สุสาน บรรยากาศก็ชวนขนหัวลุก ถึงแม้ท้องฟ้าในยามนี้จะให้แสงนิดๆแต่ก็เป็นแสงสีส้มที่ขับให้บรรยากาศดูสยองขึ้นไปอีก

“โอ้ย!!”

เมื่อดิ้นมากๆเข้า เขาก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาจากบริเวณโคนขาอ่อนด้านใน เมื่อมองลงไปก็ยิ่งตกใจที่เห็นเลือดของเขาไหลเยิ้มออกมา

เฟิร์สค่อยๆยื่นมือลงไปจับทิี่บริเวณแผล ค่อยๆฉีกกางเกงใกล้ๆแผลออกเล็กน้อย เผยให้เห็นแผลชัดเจนยิ่งขึ้น

‘ R ‘

แผลนั่นถูกกีดเป็นรูปตัวอักษรชัดเจน แม้จะมีเลือดของเขาไหลเยิ้มออกมาก็ตาม มันเป็นตราสัญลักษณ์เป็นเหมือนเครื่องหมายที่มันจงใจทำไว้เพื่อไม่ให้ผมลืมมัน


‘ฮึก! ฮือ”

เฟิร์สกอดเข่าก้มหน้าลงสบกับขา สะอื้นไห้ หนีจากความจริงอันน่ากลัว และความน่าสมเพชที่เขาได้รับ น้ำตาไหลริน ตัวสั่น เฟิร์สยิ่งกอดตัวเองแน่นขึ้นอีก เมื่อได้ยินเสียงแมลงหรือแม้แต่กระทั่งตอนลมพัด นั่งอยู่แบบนั้นจนกระทั่งผลอยหลับไปอีกครั้ง


เมื่ออยู่คนเดียว เขาก็เป็นแค่คนอ่อนแอ ไม่ได้เข้มแข็งเหมือนเปลือกภายนอกเลยแม้แต่น้อย เป็นแค่เด็กน้อยที่น่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้น โดยเฉพาะผ่านเรื่องขนหัวลุกแบบคืนนี้มา


.

.

“คุณครับ คุณ เป็นอะไรรึเปล่าครับ”

“อือ ไม่นะ! อย่าเข้ามา!”

เฟิร์สรู้สึกตัวตื่นรู้สึกเหมือนมีใครมาสกิด เขาสะดุ้ง ผวาไม่ไว้ใจใคร มือไม้ปัดป้อง ป้องกันตนเอง

“คุณ! คุณเฟิร์ส ใช่มั้ยครับ ผมไมค์เองครับ ไม่ต้องกลัว”

“คุณไมค์! ฮือ~”

เมื่อลืมตาดูให้แน่ใจว่าเป็นไมค์จริงๆ เฟิร์สก็โผเข้ากอดไมค์ทั้งตัว ร้องไห้สะอื้นอยู่ภายในอ้อมอก

“ดีขึ้นรึยังครับ งั้นเดี๋ยวผมไปส่งนะ ลุกไหวมั้ยครับ”
ผ่านไปสักพัก หลังจากปล่อยให้เฟิร์สร้องไห้ ไมค์ก็พยุงตัวเฟิร์สยืนขึ้น แล้วพากันเดินไปที่รถที่จอดอยู่อีกด้าน


“เอ่อ คุณเฟิร์ส จะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ”

ขึ้นรถมาไมค์ก็เปิดประเด็นถามขึ้นเป็นคนแรก

“คอนโด MN แถว... ครับ”

“คุณเฟิร์สเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ ไปหาหมอก่อนมั้ย็ แผลคุณมัน...”

“ไม่! เอ่อ ผมอยากพักเองมากกว่าครับ ขอบคุณที่คุณไปส่ง”

เฟิร์สเผลอตะคอกออกมาด้วยความตกใจ เอามือเอื้อมลงไปปิดบังแผลเอาไว้ ตอนนี้เขายากไปในที่ของเขา เขาไม่อยากหลับแล้วไปโผล่ที่อื่นอีก เขาอยากพักผ่อน จิตใจเหนื่อยล้ามากแล้วในเวลานี้

“...ครับ”

“ขอโทษด้วยนะครับ ไว้มีโอกาศผมจะตอบแทน”

เฟิร์สพูดยิ้มฝืนๆส่งไปให้ไมค์ แล้วเหม่อมองออกไปนอกรถทันที เขาเหนื่อยอยากพักผ่อนเต็มที

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าคุณคงเจอมาหนัก แต่ก็ดูไม่หนักเท่าที่ควรจะเป็น้พราะคุณยังดูสบายดี”

ไมค์พูดเบาๆกับตัวเองในประโยคท้าย แล้วทำหน้าที่ขับรถต่อไปเรื่อยๆ

.

.

“คุณเฟิร์สครับ ผมส่งคุณได้แค่นี้นะครับ ต้องขอโทษด้วยผมมีงานด่วนเข้ามากระทันหัน จากนี้นั่งรถต่อไปอีกหน่อยก็ถึงแล้วใช่มั้ยครับ ขอโทษจริงๆนะครับ”

“ครับ ผมเข้าใจ ขอบคุณคุณไมค์มากนะครับที่พาผมมาส่ง”

แล้วเฟิร์สก็ลงจากรถ ไมค์ขับรถเลี้ยวออกไปทันที

“เห้อ~  ไม่เป็นไรเฟิร์ส นี่กลางวัน อีกนิดเดียวเอง”

จริงๆแล้วเฟิร์สไม่มีอะไรเหลือติดตัวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว กระเป๋าเงินโทรศัพท์มือถือทุกๆหายไปหมดเกลี้ยง เขาพยายามกลั้นใจพาร่างกายอันอ่อนเพลียเดินไปตามถนนริมฟุตบาทช้าๆ กำมือจิกจนข้อขาว เขาไม่เคยลำบากและทุเรศแบบนี้มาก่อน ไม่เคยกลัวในสิ่งที่ไม่มีจริงที่ตอนนี้มันตามมาหลอกหลอน และไม่เคย!ร้องไห้ให้ใครเห็นมาก่อน

‘ทำไม ความผิดพลาดที่ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น ถึงได้ตามมาหลอกหลอนฉันแบบนี้ ทำให้ฉันอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ทำไมทำให้ฉันดูน่าสมเพชได้ยังไงกัน มันต้องมีทางแก้สิ!’

.

.

เมื่อกลับถึงห้องเฟิร์สก็เข้าอาบน้ำชำระร่างกายทันที เขานอนแช่ในอ่างเปิดน้ำอุ่นเพื่อให้ผ่อนคลาย มือก็ลูบไล้บริเวณแผล ถึงแม้มันจะแสบร้อนแต่ ก็คงไม่เจ็บใจเท่าที่มีมันสัญลักษณ์ตัว R ที่ถึงแม้มันจะหายจนเป็นรอยแผลเป็นและจางหายไปตามกาลเวลา แต่มันคงจะฝั่งลึกสู่จิตใจของเขาเหมือนแผลที่โดนกีดลึกเช่นตอนที่ได้รับมา




....Next Time....


...
มาต่อให้แล้วววค่าาาา :katai2-1:

จะถูกใจรึเปล่านะ กังวลเหลือเกินนนนน มันสั้นๆไงไม่รู้

ยินดีต้อนรับนักอ่านคนใหม่ และขอบคุณสำหรับคอมเม้นให้กำลังใจเสมอนะคะ

ปล.อยากให้เรื่องนี้มี NC มั้ยคะ เม้นๆบอกหน่อยน้าา

เจอกันตอนหน้านะคะ :bye2:
รักทุกคนนะคะ :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2015 00:48:29 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
คำผิดเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :katai1:

ก่อนลงลากเข้าเวิร์ด แก้ตัวแดง และอ่านทวนนะคะ

นิยายคุณสนุก แต่เราอ่านแล้วอารมณ์ร่วมสะดุด เพราะคำผิดบานตะไทค่ะ
 :hao3:

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
คำผิดเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :katai1:

ก่อนลงลากเข้าเวิร์ด แก้ตัวแดง และอ่านทวนนะคะ

นิยายคุณสนุก แต่เราอ่านแล้วอารมณ์ร่วมสะดุด เพราะคำผิดบานตะไทค่ะ
 :hao3:


ต้องอภัยด้วยนะคะ จะรีบแก้ไขโดยด่วนเลยค่ะ
ขอบคุณมากที่แนะนำค่ะ
แต่งในเวิดโทรศัพท์มันไม่ขึ้นเตือนน่ะค่ะ

ขออภัยนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ชอบจริงๆ จะไปรักกันอีท่าไหนเนี่ย?

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ก็เข้าใจริชนะถ้าเฟิร์สลงไปดูเขาตั้งแต่ตอนนั้นก็คงไม่เป็นแบบนี้...นึกไม่ออกว่าจะมารักกันได้ตอนไหนนะ.. :mew2: :mew2:
ปล.มีก็ดีนะค่ะ NC..(อิ อิ สายหื่นค่ะ)  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
มีปัญหาเล็กน้อย จะกลับมาอัพให้ หลังวันที่15นะ
อย่าทิ้งกันไปไหนนะคะ
อย่าลืมกันนะ มีเหตุจำเป็นจริงๆค่ะ
#ขออภัยอย่างสูง  :call: :call: :call:

ทักทาย ทวงนิยาย หรือพูดคุยกันได้ที่เพจนี้นะคะ
https://m.facebook.com/AkumaBK/

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
Re: me die ?? เพราะคุณ...ทำให้ผมตาย 10 :
«ตอบ #28 เมื่อ11-02-2016 14:26:58 »

me die
10 : เช้าที่สงบ ก่อนพายุจะมา
[/color][/size]



‘ฉันจะให้พวกแกสองคนฝึกงานนอกบริษัทอีก 1 สัปดาห์ โดยงานนอกบริษัทพวกแกจะต้องไปเป็นลูกน้องเขา แล้วแต่จะสามารถไปเป็นพนักงานส่วนไหนได้ละกัน และค่อยมาฝึกในบริษัท พวกบอร์ดบริหารถึงจะเห็นด้วยกับที่ฉันจะแต่งตั้งตำแหน่งใหญ่ๆให้’


นั่นเป็นคำพูดของพ่อที่พูดสั่งไว้เมื่อคืนที่ฝ่านมา ทำให้ตอนนี้เฟิร์สต้องตื่นแต่เช้าไปสมัครงาน แต่เขาไม่มีแผนการจะเข้าไปเดินหางานตามบริษัทต่างๆหรอกนะ แต่อาจจะเป็นเพราะความเจ้าเล่ห์ที่ติดมาจากครั้งไปเป็นโฮสต์ละมั้ง ทำให้ตอนนี้เขาขับรถมุ่งหน้าไปที่ที่นึงทันที


บริษัท MNU

ถ้าคุณพอจะคุ้นๆชื่อบริษัทละก็ ใช่เลย นี่เป็นบริษัทของคุณ ไมค์ (อ้างอิงจาก me die 08) นั่นเอง ก็พ่อไม่ได้ห้ามนี่นะว่าจะต้องเป็นบริษัทที่ไม่รู้จัก ไหนๆก็รู้จักกันอยู่แล้ว จะได้ทำงานได้ง่ายๆหน่อย


อย่าหาว่าผมเจ้าเล่ห์เลยนะครับ ก็เพราะว่าถ้าไปทำงานบริษัทที่เราไม่รู้จักละก็เราก็ลำบากเป็นได้แค่ลูกจ้างชั่วคราวไม่ก็เด็กฝึกงานธรรมดาๆนะสิ งานนี้เลยต้องหัวหมอกันหน่อยไม่งั้นลำบาก ส่วนไอ้พี่แรมป์มันจะคิดได้แบบผมรึเปล่านั้นก็อีกเรื่อง


“สวัสดีครับ มาพบคุณไมค์ครับ”เฟิร์สเดินมาถึงก็ตรงไปยังชั้นผู้บริหารทันที


“คุณเฟิร์สใช่มั้ยคะ”เมื่อได้ฟังเฟิร์สก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม เลขาสาวเห็นดังนั้นก็โทรเข้าไปรายงานด้านในทันที


“เชิญเข้าไปด้านในเลยค่ะ ท่านประธานรออยู่” “ขอบคุณครับ”เฟิร์สยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินไปยังประตูทันที


บริษัทMNUอาจจะเรียกได้ว่าเล็กจริงๆนั่นแหละ ถ้าเทียบกับบริษัทของบ้านเขา แต่ก็ไม่ได้เล็กจนขยับขยายไม่ได้ ดูแล้วบริษัทเกิดใหญ่ที่นี่คงจะไปได้ไกลพอสมควร แต่ก็ยังมีเรื่องหน้าสงสัยคือบริษัทนี้จู่ๆก็เกิดขึ้นมาและเติบโตมาได้ขนาดนี้ในเวลาไม่นาน บางทีอาจจะมีเบื้องหลังไม่ดีอยู่ก็ได้ แต่ก็เป็นแค่ข้อสงสัยซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ และเขาก็ไม่ใช่นักสืบหรือตำรวจอะไรที่จะต้องใส่ใจด้วย


“สวัสดีครับคุณเฟิร์ส เชิญครับ”


เสียงกล่าวทักทายของคุณไมค์ดังขัดขึ้นซะก่อน ทำให้เฟิร์สหยุดความคิดไว้แค่นั้น แล้วเดินเข้าไปนั่งตามคำเชิญตรงข้ามกับโต๊ะประธานทันที


“สวัสดีครับคุณไมค์ ไม่ใช่สิ ท่านประธาน ถูกต้องไหมครับผม”เฟิร์สพูดทักทายด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม


“ครับ เชิญเรียกได้ตามสบายเลยครับ แต่อนุญาติเฉพาะที่ทำงานนะครับ แล้วก็งานที่คุณเฟิร์สขอมาถ้าไม่รังเกียจผมจะให้ไปช่วยฝ่่ายการตลาดนะครับ ทางเรากำลังขาดคนพอดี”ไมค์ก็พูดด้วยรอยยิ้มเช่นกัน


“ได้หมดเลยครับ แล้วจะให้ผมเริ่มงานได้วันไหนครับท่านประธาน ผมมีเวลาให้ท่านประธานแค่เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้นนะครับ”


“เริ่มพรุ่งนี้ครับได้เลยครับ งานเอกสารผมจะให้เลขาทำส่งให้ฝ่ายการตลาดวันนี้เลยครับ”


“โอ้ ได้เลยครับท่านประธาน เพียงแต่ผมสงสัยว่าทำไมไม่ให้ผมเริ่มงานวันนี้เลยล่ะครับ”


“เพราะวันนี้คุณต้องไปกับผมไงครับ และห้ามปฏิเสธผมด้วยนะครับ”


“เอ~ ท่านประธานจะพาผมไปเที่ยวหรอครับเนี่ย ผมปฏิเสธไม่ได้ด้วยนี่เนอะ งั้นก็ได้ครับ ผมตกลง ว่าแต่จะพาผมไปไหนครับเนี่ย”


“เดี๋ยวก็รู้ครับ^^” “คุณเฟิร์สครับผมเรียกคุณเฟิร์สว่า เฟิร์ส เฉยๆได้ไหมครับ และคุณก็เรียกผมว่า ไมค์ ไม่ต้องมีคุณหรือประธานได้ไหมครับ”


“ครับ ไมค์”
หลังจากทั้งสองตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย สักพักก็พากันออกไปด้านนอกตามที่ไมค์ได้บอกเอาไว้ตอนต้น
 
.

.

เฟิร์ส : ไม่รู้ทำไมเวลาสบตากับไมค์ทีไร หัวใจผมจะเต้นแรงแปลกๆ ความรู้สึกเย็นวูบวาบตามลำตัวในบางครั้งมันคืออะไร ในบางทีผมก็รู้สึกขนลุกและเกิดความกลัวขึ้นในใจนิดๆ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าผมจะกลัวเขาทำไม และในครั้งนี้ก็เหมือนกันผมรู้สึกหวั่นใจยังไงก็ไม่รู้.

.

.

“เอ่อ ไม่ทราบว่าใกล้ถึงหรือยังครับไมค์”ความรู้สึกหวั่นใจเริ่มก่อตัวขึ้นหลังได้สบตากับไมค์ตอนที่ขอให้เรียกชื่อเล่นของอีกฝ่ายเฉยๆ ทั้งๆที่ไม่ได้แปลกอะไรเลยสำหรับคนเป็นเพื่อนกัน เฟิร์สจึงถามขึ้นหลังออกตัวมาได้สักพักใหญ่ๆ ออกทางเลี่ยงเมืองไปทางอยุธยาแล้ว


“เฟิร์สเป็นอะไรหรือครับ สีหน้าไม่ค่อยดี ถ้าไม่สบายผมไม่ไปแล้วก็ได้นะครับ”ไมค์เห็นสีหน้าผิดปกติของเฟิร์สก็เรื่มกังวลใจ เลี้ยวรถจอดดูอาการข้างทางทันที


“เปล่า เปล่าครับ ผมสบายดี เพียงแค่ผมอยากรู้ว่าคุณ เอ่อ ไมค์จะพาผมไปไหน”สีหน้าวิตกกังวลของเฟิร์สฉายชัดในใบหน้า เหงื่อกาฬเริ่มซึมออกมา ทั้งๆที่ไมค์ไม่ได้แสดงท่าทีที่หน้ากลัวออกมาเลยสักนิด
“เฟิร์สแน่ใจนะว่าไม่เป็นไร” ว่าจบเฟิร์สก็พยักหน้ารับ ทำให์ไมค์ได้แต่ถอนหายใจ


“เห้อ ครับ ไม่เป็นก็ไม่เป็น แล้วก็ตอนนี้น่ะ ผมจะพาเฟิร์สไปวัด พอดีวันนี้วันเกิดผม ผมไม่อยากไปคนเดียวน่ะครับ พอดีผมไม่ค่อยรู้ทางศาสนาพุทธเท่าไหร่ด้วย”เห็นสีหน้าลำบากใจของเฟิร์สทำให้ไมค์ตัดสินใจพูดออกมา


“ว วัด?”เฟิร์สอึ้งที่ได้ยิน หันมาสบตากับไมค์ สีหน้าคลายกังวลไปเปราะนึง


“ครับ วัดทางอยุธยาน่ะครับ เลขาผมเเนะนำมา เธอบอกว่าสวย ผมเลยอยากลองไปดู ตอนนี้เฟิร์สสบายใจขึ้นหรือยังครับ”ไมค์ยิ้มน้อยๆค่อยๆอธิบายให้เฟิรสฟัง


“อ่อ ครับ ผมขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ แล้วก็ผมไม่ได้กังวลอะไรด้วยครับ อีกอย่างไมค์ไม่ทำให้ตกอยู่ในอันตรายหรอก ถึงเราจะรู้จักกันไม่นานแต่ผมรู้ไมค์เป็นคนดี”เมื่อได้ฟังเฟิร์สก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก แต่ก็ปากแข็งบอกปฏิเสธไปว่าไม่ได้เป็นอะไร


“ครับ เฟิร์สนี่เป็นคนแปลกๆดีนะครับ”ไมค์ว่าพลางยิ้มพอใจไปด้วย


“แปลก?”ด้วยความสงสัยว่าไมค์พูดจาแปลกๆเฟิร์สจึงหันไปสบตากับไมค์อีก


“ครับ แต่ผมชอบ”
ว่าจบทั้งคู่ก็สบตากันนิ่งอยู่พักนึง สายตาของไมค์ไม่ได้บ่งบอกเลยว่าคิดอะไรอยู่ ส่วนเฟิร์สก็ได้แต่จ้องมองนิ่งด้วยความสงสัย ‘เอ~ หรือว่า ไมค์จะจีบเรา’


“โอ๊ย”


จู่ๆระหว่างที่สบตากัน เฟิร์สก็รู้สึกเจ็บจี๊ดบริเวณแผลที่โคนขาด้านในจนต้องร้องออกมา รอยแผลที่ได้มาจากเจ้ากรรมนายเวรเขาฝากไว้ให้เมื่อสองคืนก่อน กว่าจะผ่านมาจนวันนี้ได้ เขาประสาทแทบกิน จนแม่บ้านจะจับผมส่งโรงพยาบาลประสาทอีกรอบแล้ว


“เป็นอะไรครับเฟิร์ส”


“เปล่าครับ เราไปกันเถอะ”

.

.

.

เมื่อขับรถเลี้ยวเข้ามาบริเวณวัด เฟิร์สก็พาไมค์ไปไหว้พระพุทธรูปองค์หนึ่งซึ่งตั้งตะง่านสง่างามอยู่ด้านหน้าวัด เมื่อเสร็จก็พากันเดินออกมาเดินเล่นบริเวณรอบๆวัด


“รู้สึกดีจริงๆนะครับ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยรู้อะไรก็เหอะ ขอบคุณนะครับเฟิร์สไม่งั้นผมคงทำอะไรไม่ถูก แค่นี้ก็โดนคนอื่นขำแล้ว”ไมค์เอ่ยขึ้น ขณะพากันเดินออกมา สีหน้ามีความสุข รอยยิ้มถูกประดับไว้กับใบหน้าตลอดเวลา


“ไม่หรอกครับ คนอื่นเขาก็คิดว่าไมค์เป็นชาวต่างชาติแถมยังดีใจซะอีกที่สนใจในศาสนาน่ะ แต่ก็สบายใจจริงๆนะครับ”เฟิร์สยิ้มมีความสุข ตอนนี้เขารู้สึกสบายใจไม่เครียดเลย


“เราเดินไปดูด้านอื่นกันบ้างนะครับ ผมยังไม่อยากกลับน่ะ”เฟิร์สพูดบอกไมค์ อีกฝ่ายก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วพากันเดินไปตามทางดูไปเรื่อยๆ


วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าสมัยอยุธยา เมื่อเดินออกมาด้านนอก สองข้างทางเดินมีต้นหญ้าสีเขียวขจีขึ้น บ้างก็มีต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาขยายให้ร่มเงาเป็นบริเวณกว้าง ทางเดินเป็นอิฐแดงก้อนโตวางเรียงกันอยู่ เงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนก็จะเห็นยอดพระปรางค์ต่างๆ


“สวยจังนะครับ”เฟิร์สเดินดูรอบๆแล้วหันมาพูดกับไมค์บ้างเป็นบางครั้ง เพราะมัวแต่สนใจรอบๆตัว หน้าตาดูมีความสุขสบายใจมาก รอยยิ้มกว้างประดับใบหน้าตลอดเวลา


เมื่อเดินเข้าไปภายในตัวทางเดินก่อนเข้าถึงโบสถ์ก็จะเห็นพระพุทธรูปตั้งแต่สมัยอยุธยาอยู่ข้างๆระหว่างทางเดิน บางรูปก็จะมีส่วนแตกหักเสียหายไปบ้างตามกาลเวลา ทั้งโบสถ์ทั้งทางเดิน ทุกอย่างถูกบรรจงปั้นแต่งขึ้นมาโดยช่างฝีมือที่ใส่ใจทุกรายละเอียด แม้หลายๆอย่างจะค่อยๆจางหายแต่ก็ยังคงหลงเหลือร่องรอยให้ได้ทราบกันว่างานเหล่านั้นถูกใส่ใจเพัยงใด


เมื่อเข้ามาภายในตัวโบสถ์รอบๆด้านก็พบจิตรกรรมฝาผนังที่ถูกขีดเขียนเล่าเรื่องราวในพระพุทธศาสนาด้วยความปรานีต งานทุกส่วนถูกวิจิตรบรรจงถ่ายทอดผ่านปลายพูกันได้เป็นอย่างดี ด้านหน้ามีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่มีอายุเก่าแก่ตามสมัย แต่ก็ได้รับการบูรณะไม่ให้พุพัง ถูกหล่อหลอมรวมเป็นองค์พระที่สวยงาม ให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา


“ที่นี่สวยมากเลยนะครับ นี่เป็นครั้งแรกของผมเลย ผมไม่มีโอกาสมาเที่ยวที่แบบนี้เลย ส่วนใหญ่ก็เจอแต่ตึกและแสงสี ขอบคุณนะครับที่พาผมมาวันนี้ไมค์”เฟิร์สพูดไปยิ้มไป


“ยินดีครับ ผมดีใจที่คุณชอบ ปกติผมก็ชอบเที่ยวโบราณสถานแบบนี้แหละครับ ที่นี่ก็ครั้งแรกของผมเหมือนกันนะ แต่เดี๋ยวนี้ผมก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เที่ยวเหมือนกัน”ไมค์ยิ้มตอบ


“อื้ม~ อากาศบริสุทธิ์ด้วยนะครับ รู้สึกสบายจัง ไม่น่าเชื่อนะครับว่าจะอยู่ใกล้กรุงเทพฯแค่นี้เอง”เฟิร์สว่าพรางยืดตัวตรง หลับตาพริ้ม สูดอากาศเข้าเต็มปอดอย่างสดชื่น


“ผมดีใจนะที่เฟิร์สชอบ คราวหน้าไว้ผมจะพาไปที่อื่นดูบ้างนะครับ”เมื่อได้ฟังไมค์พูด เฟิร์สก็พยักหน้ารัว ทั้งที่ยังหลับตาอยู่


“เฟิร์สรู้ไหมครับ ทำไมผมไม่ให้เฟิร์สเริ่มงานวันนี้เลย...”


“เพราะอะไรล่ะครับ”เฟิร์สยังลืมหลับตาพริ้ม รอยยิ้มประดับใบหน้ามีความสุข


“...เพราะ ผมคิดว่า ถ้าเฟิร์สเริ่มงานช้า ก็จะครบ 1 สัปดาห์ช้า เฟิร์ส..ก็จะอยู่กับผมนานขึ้นน่ะ ฟังดูแปลกๆไหมครับ”ไมค์พูดไปก็ยิ้มไป ดวงตามองตรงไปยังอีกร่างที่ยืนหลับตาพริ้มสบายใจอยู่


“!! ว่าไงนะครับ”เฟิร์สได้ฟังก็สะดุดกึก ยืนนิ่ง ค่อยๆลืมตาขึ้น รอยยิ้มก็ค่อยๆหุบลง แล้วหันมองไปยังอีกคนที่ยืนอยู่ข้างตน


“ผมล้อเล่นน่ะครับ ผมแค่หาเพื่อนมาวัดด้วยเฉยๆแหละ แล้วก็ผมดีใจนะครับที่ผมทำให้เฟิร์สหายเครียดได้บ้าง”ไมค์ยิ้มน้อยๆแล้วพูดขึ้น


“ขอบคุณนะครับ งั้นเรากลับกันเถอะ” ไมค์พยักหน้ารับทันทีที่ได้ยิน แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินกลับไปขึ้นรถ เคลื่อนตัวออกจากวัดแห่งนี้ทันที

.

.

.

“เอ่อ ไมค์จะไปไหนอีกหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีช่วยไปส่งผมที่คอนโดหน่อยนะครับ”หลังจากนั่งรถกลับเข้ามาในกรุงเทพฯแล้วเฟิร์สก็พูดขึ้น


“ไม่กลับไปเอารถที่บริษัทผมก่อนหรอครับ”


“ไม่ครับ ผมให้คนขับรถมาให้ที่คอนโดแล้ว” เมื่อได้ฟังดังนั้น ไมค์ก็ขับรถตรงไปยังคอนโดของเฟิร์สทันที.


“วันนี้ขอบคุณมากนะครับ”ว่าแล้วก็ลากันสักพัก ไมค์ก็ขับรถออกไป เฟิร์สก็เดินเข้าไปด้านใน แตายังไม่มันได้ขึ้นไปห้องของตังเอง พนักงานต้อนรับก็เรียกไง้ แล้วยื่นซองกระดาษสีดำให้


“พนักงานเปืดประตูเอามาฝากไว้น่ะค่ะ บอกว่ามีผู้ชายท่าทางแปลกๆคนนึงเอามาให้ เขาเห็นว่าเป็นแค่ซองกระดาษไม่เป็นอันตรายเลยรับไว้ค่ะ”


“ขอบคุณมากครับ”

.

‘มาเจอฉันที่xxx เวลา22.00 น. (R)’

.

เมื่อเปิดซองอ่านก็รู้ได้ทันทีว่าใครส่งมา คืนนี้เขาต้องไปหามัน หลังจากที่เฟิร์สรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ผีแต่มันเป็นคน เพียงแต่เป็นคนที่แปลกมากๆไม่อย่างงั้นตัวคงไม่เย็นดุจน้ำแข็งขนาดนั้น แต่เฟิร์สก็ไม่รู้ว่าการที่มันเป็นคนมันจะน่ากลัวกว่าหรือเปล่า

.

.

.

เฟิร์ส :
ย้อนกลับไปสองคืนก่อน

ในคืนเดียวกับที่มันมาปรากฎตัววันแรก วันที่มันทำให้เขาเเทบประสาทเสียคิดว่าโดนผีหลอก และนี่เป็นเหตุการณ์ก่อนที่มันจะเอาผมไปทิ้งไว้ที่สุสานที่ไมค์มาเจอผมนั่นแหละ (ไม่อยากเล่าจริงๆผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่วันนั้นประสาทเสียจนหลอนขนาดนั้น)


‘ซ่า!’

“แค่ก แค่ก” หลังจากที่ช็อคจนสลบไปก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกสำลักหายใจไม่ออกเมื่อโดนน้ำอะไรไม่รู้สาดใส่ตัว จนต้องลืมตาขึ้นมองหาต้นตอ


บรรยากาศรอบด้านยังคงเหมือนเดิม หนาวเย็น เหม็นสาบเลือด และมืดมิด ทุกสิ่งยังคงเรียกความกลัวในใจผมให้ตื่นขึ้นตลอดเวลา


“แค่ก ออกมา”หลังจากมองหาไปสักพักไม่เจออะไร จนผมทนไม่ไหว ต้องเรียกมันออกมาอีกครั้ง ความกลัวก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีตลอดเวลา ทำให้ขนตามลำตัวเริ่มลุกเกรียว เหงือกาฬไหลปนอยู่กับน้ำที่เพิ่งโดนสาดใส่มา ประกอบกับความเย็นเยียบรอบๆตัวเมื่อสัมผัสกับผิวหนังที่เปียกทำให้รู้สึกหนาวเข้าไปจนถึงกระดูก


เคร้ง!!


“เฮือก!”


เสียงอะไรสักอย่างหล่นกระทบพื้นเสียงดัง ทำให้ผมสะดุ้งตกใจ ใจหล่นวูบลงไปด้านล่าง นิ้วมือเกร็งเข้าหากันอัตโนมัติ เอ้อ ผมยังโดนมัดติดเก้าอี้อยู่เพียงแต่เพิ่มเติมคือขาถูกมัดติดกับเก้าอี้ข้างละฝั่งจากที่ตอนแรกโดนมัดติดกันไว้ทั้งสองขา


“อยากเจอฉันงั้นหรอ”เสียงเล็กใหญ่ที่ผสมกันฟังดูน่ากลัว ดังขึ้นด้านหลัง ผมได้แต่เกร็งตัว หายใจเข้าออกไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้น


“ช ใช่ ส แสดง แสดงตัวออกมาสิ!”ผมตัดสินใจพูดออกไป แต่เสียงมันดันสั่นติดๆขัดๆจนต้อง สูดลมหายใจเข้าแล้วตัดสินใจตะโกนออกไปในตอนท้าย


พรึ่บ!


“หึ ก็ดีเหมือนกัน”


จู่ๆแสงไฟรอบด้านก็เปิดสว่างขึ้น ผมหลับตาลงอัตโนมัติ แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นมองรอบๆช้าๆ ห้องสี่เหลี่ยมที่ว่างเปล่า ที่พื้นเปียกเปื้อนไปด้วยเลือดและน้ำ


“เฮือก!” ผมตกใจตาโต พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างๆหนึ่งยืนอยู่มุมห้องด้านซ้าย ชายคนนั้นรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว(ชุดคล้ายนักบวชคริสต์สีดำ) ดึงหมวกสีดำขึ้นมาปกปิดใบหน้าอย่างจงใจ
ร่างนั้นค่อยๆเดินเข้ามาหาผมช้าๆ ทีละก้าว ทีละก้าว แล้วมาหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าผม


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


ใจผมเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก มือเกร็งกำจนข้อขาว เหงื่อมากมายพุดขึ้นมาจนเปียกชุ่ม ดวงตาจ้องเขม็งไปยังร่างของอีกคนที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมสีดำ


ร่างใหญ่โตนั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้น จนผมเห็น หน้ากากสีขาว ที่เขาสวมอยู่ภายใต้ฮูทชุดคลุมนั่น กับ ดวงตาสีแดง ที่จ้องมองมายังผม จนรู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาอีกเท่าตัว


“น นายต้องการอะไรจากฉัน”ผมกลัวจนเริ่มลนลาน คิดอะไรได้ก็พูดไปก่อน


“เราตกลงกันไปแล้ว”


“อ๊ะ!! เสียง นายเป็นคน!” เสียงของร่างนั้นดังรอดใต้หน้ากากออกมาช้าๆ เสียงทุ้มใหญ่นั้นบ่งบอกว่านั่นเป็นเสียงของผู้ชายไม่ผิดแน่ จนลืมคำที่พูดคุยกันซะสนิท


“ฉัน จะเริ่มเดี๋ยวนี้”


ชิ้ง!

เสียงมีดด้ามคมที่ถูกดึงออกจากฝักดังขึ้น ประกายวาววับของมันสะท้อนกับแสงไฟเข้าตาผมทันที


“เดี๋ยว! เริ่มอะไร! ไม่นะ! อย่า!”ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เกร็งตัว พยายามจะทอยหนี แต่ทำไม่ได้ เพราะติดเก้าอี้ มันค่อยๆเอามีดตัดกางเกงออกเป็นวง ผมได้แต่ใจหาย หน้าขาวซีดดเวยความตกใจสุดขีด


“โอ้ยยยย~~”ผมทำได้แต่ร้องโหยหวน


มีดด้านคมนั้นค่อยๆบรรจงกรีดลงบนต้นขาด้านในด้วยความประณีต กรีดลึกลงให้คมเส้นแต่ละเส้นชัดเจน เมื่อใดที่ปลายมีดลงสัมผัสกับต้นขาขาวๆของเฟิร์ส เลือดก็จะซึมและไหลเยิ้มจนกระทั้งกระฉูด สีแดงฉานของเลือดชั่งตัดกับเรียวขาขาวๆของเฟิร์ส


ดวงตาสีแดงของมันมองมาอย่างหลงไหล เอื้อมเอามืออีกข้างที่ว่างอยู่มาลูบไล้บริเวณรอบปากแผล จนผมต้องสะดุ้งแผลที่บาดเจ็บร้อนราวกับเปลวไฟแผดเผา แต่เมื่อโดนฝ่ามือขาวซีดเย็นเฉียบนั้นสัมผัส ดังเอาน้ำเเข็งที่เยือกเย็นมาลูบไล้ขาของผมเลยทีเดียว
มันขยับมีดกรีดลึกลงบนเนื้อวนไปวนมา จนกลายเป็นรูปตัว R แล้วลงซ้ำไปที่รอยเดิมอีกครั้ง เพื่อให้บาดแผลนี้ฝังลึกจนผมไม่อาจลบมันออกไปจากหัวใจตลอดกาล





. . . Next Time. . .



. . .
สวัสดีค่า~~~ :laugh:
เค้ากลับมาแล้ว ต้องขออภัยอย่างมากๆเลยนะคะที่หายไปนานเลย :hao5: :hao5:
ไหนๆก็หายไปนานตอนต่อไปจะรีบบบปั่นมาลงเลยนะเจ้าคะ
คงไม่โกรธไม่เคืองกันนะคะ  :call: :call:
แล้วเจอกันน้า :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2016 16:14:33 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk

me die

11 : พายุลูกแรก
[/size][/color]


โรงแรม vv เวลา 21:20 น.


ท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องกับบรรดาแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานเลี้ยงบอร์ดบริหารและแขกผู้ใหญ่ทั้งหลาย เรียกได้ว่างานชุมนุมระดับผู้บริหารก็ว่าได้
เฟิร์สยืนหลบอยู่คนเดียวที่มุมอาหารด้านนึง ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือด้วยสีหน้าวิตกกังวล


“สามทุ่มยี่สิบแล้วหรอวะเนี่ย ถ้าไปไม่ทันกูจะตายมั้ยเนี่ย”เฟิร์สยืนพูดกับตัวเองเบาๆ


“บ่นอะไรของแกเฟิร์ส ไปได้แล้ว พ่อให้มาตาม”แรมป์เดินมาตาม เฟิร์สสะดุ้งเบาๆเมื่อได้ยินเสียง


“เมื่อไหร่งานจะเลิกวะแรมป์ ฉันอยากกลับแล้ว”เฟิร์สถามขึ้น เดินตามหลังแรมป์ไปช้าๆ สีหน้าแสดงออกว่ากังวลตลอดเวลา


“ฉันไม่รู้”แรมป์หยุดแล้วหันมาพูดด้วยสีหน้านิ่งๆแล้วหันหลังเดินนำหน้าไปทางผู้เป็นพ่อ


“หึ่ย! ให้มันได้แบบนี้สิวะ”


เฟิร์สกับแรมป์มาออกงานประชุมระดับผู้บริหารเพื่อผูกมิตรกับพวกผู้หลักผู้ใหญ่ที่ต้องทำธุรกิจร่วมกันในฐานะผู้มีสิทธิสืบทอดกิจการ งานนี้เป็นงานบังคับ ถ้าเขาคนใดคนหนึ่งไม่มา จะต้องมีบทลงโทษอย่าง

สาหัสจากผู้เป็นพ่ออย่างแน่นอน ซึ่งพวกเขาทั้งสองคนก็ขยาดกับบทลงโทษต่างๆของพ่อเต็มทน จึงต้องมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ทั้งคู่ต้องปั้นยิ้ม เดินตามพ่อพูดคุยกับแขกหลายต่อหลายคนเกือบทั้งาน จนเฟิร์สลืมเวลาไปซะสนิท

.

.

โกดังA สถานที่นัดพบ เวลา 22.10 น.


“ทำไมยังไม่มา เลยเวลานัดเเล้วนี่”เสียงของรีซดังขึ้นเมื่อเขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู จริงๆเขามานั่งรอที่มุมมืดๆด้านหนึ่งได้เกือบยี่สิบนาทีแล้ว


“ฉันจะให้เวลาตายแกเพิ่ม ถ้าสี่ทุ่มครึ่งยังไม่มาล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน เฟิร์ส!”


.

.

เวลา 23:01 น .


“พอที! กล้าลองดีกับฉันงั้นหรอ...แกอย่าหาว่าฉันใจร้ายล่ะ ฉันจะเป็นพายุพัดถล่มแกให้พังทั้งชีวิตเลย! เฟิร์ส!”


ดวงตาสีแดงฉานภายใต้หน้ากากขาวข้างหนึ่งประกายออกมาอย่างน่ากลัว ฉายแววความโกรธที่คุกกรุ่น ไอเย็นแผ่ขยายรอบตัวเป็นบริเวณกว้าง


“ทั้งที่ตัดสินใจใหม่ว่าจะไม่เอาชีวิตทั้งชีวิตแกมาล้อเล่นแล้วเชียว แต่หลังจากนี้ไปอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!!”


.

.

ในเวลาเดียวกัน


“ทำไมฉันต้องมาที่นี่ด้วยเนี่ย โง่รึเปล่าวะเรา แล้วนี่เลยเวลามาขนาดนี้ ใครมันจะบ้ามารออยู่วะ”กว่าเฟิร์สจะหนีจากพ่อมาได้สำเร็จก็รีบเหยียบรถถขับออกไปทันที โดยมุ่งหน้าไปสถานที่ที่นัดหมายไว้ เขารู้สึกว่าถึงยังไงเขาก็ต้องไป ถ้าไม่ไปความรู้สึกมันบอกเขาว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงมากๆกับเขาแน่


“อะไรวะเนี่ย! เลยมาตั้งชั่วโมงเลย แล้วมันไปไหนของมันแล้ว มึงก็บ้ารึเปล่าวะเฟิร์ส..จนป่านนี้ใครมันจะไปรอเล่า! แล้วเป็นแบบนี้ชีวิตกูจะเป็นยังไงต่อเนี่ย เดี๋ยวแม่งก็หาว่ากูหนีอีก!”เฟิร์สรู้สึกโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เดินวนไปวนมาเมื่อมาถึงที่หมาย อารมณ์เสียขึ้นทุกนาที เขาบ่นกับตัวเองจนแล้วจนเล่า สุดท้ายก็ตัดสินใจจะเดินออกไปจากโกดังทันที


“อ๊ะ! มึง..ยังอยู่หรอ”เฟิร์สหันหลังจะเดินกลับก็ต้องสะดุ้งตกใจกับชายร่างใหญ่ที่มายืนขวางทางอยู่ ไอเย็นแผ่ออกเป็นวงกว้างจนเฟิร์สเริ่มสั่น ใจหวิวแปลกๆ
ชายคนนั้นไม่พูดอะไร แต่ดวงตาสีแดงฉานภายใต้หน้ากากขาวที่เขาสวมใส่จ้องมองตรงลงมาที่เฟิร์สไม่กระพริบ จู่ๆมือขาวซีดที่เย็นเฉียบของชายคนนั้นก็ยื่นมาตรงเฟิร์ส แล้วรวบตัวของเฟิร์สขึ้นไว้บนบ่าแบกออกไปจากตรงนั้นทันที


“เฮ้ยๆ ทำไรวะ วางลงนะเว้ย~”


เฟิร์สดิ้นไปมาอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีทีท่าว่าจะหลุดแต่อย่างใด ทั้งที่ชายคนนี้แค่เพียงล็อคตัวเขาด้วยท่าทีสบายๆเท่านั้น


ตลอดทางเดินเฟิร์สก็ได้แต่ดิ้นขลุก หัวสั่นไปมาตามแรงเดินเรียกอาการมึนงงได้อย่างดี จนเฟิร์สเริ่มร้อนเพิ่มอาการหงุดหงิดขึ้น แต่ที่น่าเเปลกคือเขากับรู้สึกว่าเหมือนถูกอะไรเย็นๆห่อหุ้มตัวเขาอยู่ รู้สึก...หนาว มากกว่าจะ ร้อน ซะอีก




พลัก!


“ขึ้นไป!”


“โอ้ย! เจ็บนะเว้ย!”


เมื่อมาถึงรถก็จับเฟิร์สทิ้งลงที่พื้นแล้ว ตะคอกเสียงดัง เฟิร์สถูกโยนลงก้นกระเเทกกับพื้น หลังกระแทกโดนรถเจ็บจนต้องโวยวายออกมา แต่อีกฝ่ายดูท่าจะไม่ใส่ใจอะไร


เฟิร์สแสดงสีหน้าไม่พอใจ คิ้วขมวดกันเป็นปม แต่เมื่อมองสบกับดวงตาสีแดงที่มองลงมาอย่างเย็นชา ทำให้เขาต้องยันตัวลุกขึ้น แล้วเข้าไปนั่งในรถ


.

.

“เฮ้ยๆ ขับรถให้มันเบาๆหน่อยสิวะ อยากตายรึไง!”รถเคลื่อนตัวทะยานออกสู่ถนนด้วยความเร็ว กระชากตัวเฟิร์สติดเบาะจนต้องลนลานรีบคว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ


“หึ กล้าพูดนะมึง ไม่ใช่มึงหรอที่ขับรถเร็วจนชนกูตายน่ะห้ะ!”อีกฝ่ายได้แต่ตะโกนสวนกลับมา เหมือนยิ่งห้ามเขากับยิ่งโมโหขึ้นไปอีก ทำให้เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก


“มึงก็ไม่ตายไม่ใช่รึไงห้ะ! ถ้ามึงตาย หมาที่ไหนจะมาเถียงกับกูอยู่แบบนี้กันวะ หยุดรถนะเว้ย!~”เฟิร์สได้แต่นั่งตัวเกร็งมือจับเข็มขัดนิรภัยแน่น ดวงตาตื่นตะหนก มองถนนและคนขับไปมา ปากก็ตะโกนเถียงไม่หยุด


“ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า!”อีกฝ่ายเมื่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะไม่หยุด รถก็ไม่ได้ลดความเร็วลงสักนิดเดียว มีแต่จะเร่งขึ้นๆไปอีก


“หัวเราะบ้าไรวะ! แค่นี้ประสาทเสียไม่พอรึไง หยุดรถเดี๋ยวนี้นะมึง!”



เอี๊ยดดดดด!!

เสียงล้อรถบดไปกับถนนเสียงดังด้วยแรงเบรคกะทันหัน ตัวรถหมุนเคว้งเป็นวงกลม ควันสีขาวพวยพุ่งออกมามากมาย


เฟิร์สได้แต่นั่งหลับตา มือจับเข็มขัดนิรภัยเกร็งไปทั้งตัว ตกใจจนหยุดหายใจไปชั่วขณะ กระทั่งรถได้หยุดสนิทเขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมามอง


“ทำไรของมึงวะ อยากตายมากนักรึไง!”พอรถหยุด สติกลับมา ปากก็ทำงานทันที เฟิร์สด่าทออีกฝ่ายเสียงดังลั่น แต่หัวใจยังคงเต้นโครมครามด้วยความดังกลองรัว สีหน้าตื่นตะหนกไม่จางหาย


“หึ! ฉันชื่อ รีซ จำฉัน...ได้ไหม?”จู่ๆอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา ด้วยท่าทีที่ยังคงนั่งนิ่งหน้ามองตรงไปข้างหน้าในท่าเดิม


“ร รีซ หรือว่า คงไม่ใช่หรอก นั่นมันตายแล้วนี่หว่า”เมื่อเฟิร์สได้ฟัง ดวงตาก็เบิกโพรงด้วยความตกใจ ปากก็พึมพำกับตัวเองไปเบาๆ


“ฉัน...คือคนที่นายขับรถชนจนตาย ยังไงล่ะ”อีกฝ่ายก็พูดสวนขึ้นมาทำลายความคิดที่สับสนของเฟิร์สอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงเย็นชาช้าๆ


“ม มึงพูดบ้าอะไร”เฟิร์สหัวใจเต้นรัวขึ้น สีหน้าหวาดหวั่น ค่อยๆหันหน้ามองไปยังอีกฝ่าย มือกำเข็มขัดนิรภัยเกร็งแน่น


“ไม่เชื่อรึไง ว่า ฉัน! ตาย! แล้ว!”จู่ๆอีกฝ่ายก็ค่อยๆหันหน้ามามองแล้วพูดกับเฟิร์สอย่างช้าๆอีกครั้ง ดวงตาสีแดงฉานมองตรงสบเข้ากับดวงตาของเฟิร์สที่กำลังสั้นระริก


“ม มึงมันบ้า คนตายที่ไหนจะมาคุยกับคนได้ เลิกเล่นละครทำให้กูประสาทเสียสักทีได้ไหมห๊ะ!”ใจที่ยังเต้นแรง สีหน้าที่ยังหวั่นวิตก ยิ่งซีดขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินจากคนข้างๆ แต่ก็ทำใจกล้าตะโกนกลบความกลัวที่ก่อตัวกลับไป


“เดี๋ยวมึงก็พิสูจน์ได้เอง เพราะมึงต้องอยู่กับกู...อีกนาน”รอบยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นที่มุมปากของรีซภายใต้หน้ากากโดยที่เฟิร์สไม่มีทางมองเห็น


“พิสูจน์เหี้ยไร แล้วใครจะไปอยู่กับห้ะ! มึงมันบ้า แม่งเอ้ย กูโดนคนบ้าหลอกหรอวะ”ทำใจกล้าต่อว่ากลับไป ด้วยใจสั่นๆ เมื่อปลอบตัวเองได้ดังนั้น จึงค่อยๆปล่อยมือจากเข็มขัดนิรภัยแล้วก็จะเปิดประตูลงจากรถทันที แต่อีกฝ่ายดันรู้ทัน ใช้มือเย็นเยียบกระชากแขนเฟิร์สกับมาจนสะดุ้งตัวโยน


“ป ปล่อยกู!”ด้วยตากำลังสบกับดวงตาสีแดงฉานราวกับปีศาจ หัวใจของเฟิร์สก็ยิ่งเต้นระส่ำ พูดติดขัด มือก็ขืนให้อีกฝ่ายปล่อย แต่มือที่แข็งแกร่งนั้นไม่แม้จะขยับหลุด เฟิร์สรู้สึกราวโดนคีมเหล็กที่เย็นเยียบล็อคแขนเขาเอาไว้


“กูไม่มีวันปล่อยมึง!”


ยังไม่มันได้ตอบกลับก็โดนรีซตะคอกสวนกลับมาเสียงดังลั่น ทำให้เฟิร์สได้แต่ตกใจทำอะไรไม่ถูก แล้วรีซก็ขับรถออกไปด้วยความเร็วอีกครั้ง

.

.

.

“เดินลงมาแล้วอย่ามีพิรุธ”ทันทีที่มาถึงคอนโดของรีซ รีซก็เข้าจอดรถแล้วเดินอ้อมมาอีกฝั่งอย่างเร็ว เปิดประตูแล้วกระชากตัวของเฟิร์สออกมา


“เหอะ! คนที่มีพิรุธอะ มึงต่างหากล่ะ คนดีๆที่ไหนเขาจะใส่หน้ากากกัน โอ้ย! เจ็บนะเว้ย บอกกูดีๆกูก็เดินแล้วจะกระชากทำไมนักหนา”เฟิร์สเดินตามมาอย่างช่วยไม่ได้ ปากก็ยังต่อปากต่อคำไม่หยุด แต่ใจก็ยังคงเต็นรัว ตัวสั่นไปหมดทั้งกลัวทั้งสับสน


“ขอโทษครับขอตรวจบัตรด้วย”พนักงานชายคนหนึ่งเดินเข้ามายังพวกเขาทันที เฟิร์สเห็นดังนั้นก็เริ่มยิ้มอย่างมีความหวังแอบยิ้มนิดๆ


‘อย่าคิดจะพูดมากนะมึง ไม่งั้นมึงตายแน่’รีซกระซิบข้างหูเฟิร์สจากทางด้านหลัง


“ผมพักอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ใช่ผมก็คงเข้ามาไม่ได้จริงมั้ย แล้วถ้าไม่มั่นใจจะเดินไปดูตอนผมกดเลขห้องเพื่อขึ้นลิฟต์ก็ได้นะครับ มันใช้รหัสผ่านหนิ”รีซตอบกลับพนักงงานไปเสียงเข้มด้วยน่ำเสียงไม่พอใจ แล้วก็ลากเฟิร์สเดินตรงมาที่ลิฟต์ทันที พนักงานก็เดินตามมาดูด้วย ความโมโหยิ่งทำให้รีซโมโหทวีคูณขึ้นไปอีก เมื่อเห็นว่าถูกต้องพนักงานคนนั้นรีบก้มหัวขอโทษเป็นการใหญ่ รีซไม่สนใจกระชากแขนเฟิร์สให้เดินเข้าลิฟต์ตามไปอย่างรวดเร็ว


ไม่ใช่เฟิร์สไม่อยากหนี แต่ข้อมือที่โดนกำไว้ ทำยังไงก็ไม่มีทางที่จะหลุด นอกเสียจากต้องตัดแขนของตัวเองออก เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ

.

.

คลิ๊ก

พลัก!


“โอ้ย! กูคนนะเว้ย จะกระชากอะไรนักหนาวะไอ้บ้า!”ทันทีที่เปิดประตูห้องรีซก็เหวี่ยงเฟิร์สเข้าไปในห้องอย่างแรง


“หึ! เจ็บงั้นหรอ แต่มึงรู้ไหมว่ากูไม่มีความรู้สึกนั้นอยู่แล้ว! และ มันเป็นเพราะมึง!!”รีซก้าวท้าวเข้ามาหาเฟิร์สอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งกระชากคอเสื้อเชิตของเฟิร์สอย่างแรงจนตัวของเฟิร์สลอยขึ้นจากพื้น


“ม มึงมันบ้า! เสียสติ! โรคจิต! หลุดออกมาจากรพ.บ้ารึไงห๊ะ! มึงรู้ไว้นะ ไอ้รีซอะไรนั่นกูชนมันจริง และมันก็ตายห่าไปแล้ว กูเห็นกับตาว่ามันคอหักตายคาที่! มึงไม่ใช่มัน!!”เฟิร์สตะโกนออกไปสุดเสียง มือก็ยื้อยุดให้แขนนั้นปล่อยคอเสื้อตน ใจเต้นรัวเร็วขึ้นมากกว่าเดิม แต่ดวงตากับจ้องสบกับดวงตาสีแดงฉานคู่ตรงหน้าไม่หลบไปไหน


“หึ! ใช่! คอหักตายคนที่! แต่มึง มึงก็ไม่คิดจะลงไปแลเลยสักนิด!”


“อะ”เฟิร์สตกใจผวา หน้าซีดเผือด ปากได้แต่พะงาบๆเถียงไม่ออก


ทันทีที่รีซพูดจบ บรรยากาศรอบด้านเริ่มเย็นเยียบขึ้น ไอความเย็นแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ห้องทั้งห้องหนาวเหน็บทั้งที่ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศเลยแม้แต่น้อย


หนาว...ไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะที่ตัวของรีซ ที่เริ่มเย็นดุจน้ำเเข็ง ดวงตาสีแดงใต้หน้ากากทั้งสองข้างมีข้างหนึ่งที่เปล่งแสงสีแดงวาบขึ้นมาแล้วจางหายไปดังเดิม


“ป ปีศาจ”เสียงแผ่วเบาที่ออกจากปากของเฟิร์สนั่นสั่นเคลือ ดวงตาได้แต่เบิกโตอย่างตกใจกับแสงสีแดงวาบเมื่อครู่ ร่างกายรู้สึกชาวาบ ทำอะไรไม่ถูก
“คนอย่างมึง! ใช้สมองคงไม่ทำให้จำได้มากเท่าไหร่หรอก ว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง คงต้องใช้...ร่างกาย!”ดวงตาสีแดงฉานภายใต้หน้ากากขาว มองอย่างจงใจโลมเลียไปทั่วหน้าของเฟิร์ส


“ม มึง หมายความว่ายังไง โอ๊ย!!”เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด กว่าจะคิดได้ก็ช้าไป มัวแต่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก


แคว่ก!!


เฟิร์สถูกรีซเหวี่ยงแผ่นหลังกระทบผนังห้องอย่างแรงด้วยมือข้างที่จับคอเสื้ออยู่ ทำให้กระดุมเสื้อของเฟิร์สขาดเผยให้เห็นหน้าอกขาวๆด้านหนึ่ง รีซไม่รอช้าใช้มือดึงกระชากเสื้อที่เหลือของเฟิร์สจนหลุดติดมือมา เฟิร์สก็ได้แต่ตาโตตกใจจนนิ่งงันคิดอะไรไม่ทัน


“อ๊ะ! ห เห้ย! ปล่อย!”


กว่าจะรู้สึกตัว ก็เมื่อโดนอีกฝ่ายปลดซิบกางเกงตัวเองออก เฟิร์สใช้มือหยุดมือแกร่งไว้ไม่ให้ถอดกางเกง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจ สองมือแกร่งจับกางเกงในรูดลงมาพร้อมกับกางเกงไปกองที่ข้อเท้าทันที


“อ๊ะ อย่า! ปล่อยกู!”เฟิร์สใช้มือปัดป้องร่างกายที่เปลือยเปล่าของตนไปมา ดิ้นขัดขืนอย่างแรงเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนแกร่งนั่น แต่แรงมหาศาลของอีกคนที่กดทับไว้ทำให้แทบไม่ส่งผลอะไร แผ่นหลังที่กระทบผนังห้องก็เย็นเยือกราวกับทาบอยู่บนน้ำแข็ง จนมือที่ปัดป้องปัดไปโดนหน้ากากจนแทบหลุดร่วงลงมา


“น่ารำคาญ!”เสียงรีซตะคอกดังขึ้นด้วยความโมโห เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ มือเข้าจับที่หน้ากากโดยเร็วก่อนจะร่วงหลุด ลำตัวของรีซเย็นเฉียบ ไอเย็นแผ่กระจายออกมาแม้ยังใส่เสื้อผ้าครบ


“อึก!”เฟิร์สตกใจนิ่งงัน ร่างกายสั่นด้วยความหนาวเหน็บ ดวงหน้าตื่นตะลึง ใจเต้นรัวกระหน่ำราวตีกลอง
‘ปีศาจ ปีศาจชัดๆ ฉันจะตายไหม มันจะฆ่าฉันไหม’ภายในใจก็ได้แต่หวาดกลัว


“ยังงี้สิ แสดงสีหน้าหวาดกลัวฉันออกมาสิ แสดงออกมาซะ!”ดวงตาข้างหนึ่งเปล่งแสงสีแดงวาบออกมาอีกครั้ง


“ปีศาจ มึงมันปีศาจ”คำพูดและแสงสีแดงจากดวงตาของรีซหลอนอยู่ในความคิดของเฟิร์สไม่อาจหยุดได้ ดวงตาเขาเบิกค้าง เหงื่อท่วม หน้าซีดเผือด ความกลัวครอบงำจนปิดไม่มิด


“ฮ่าฮ่าฮ่า!”เสียงหัวเราะของรีซดังไปทั้งห้อง สะท้อนเข้าไปในหัวของเฟิร์สเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า


“อ๊ะ!”รีซกระชากมือทั้งสองข้างของเฟิร์สรวบเข้าหากัน กดไว้ด้านบนด้วยมือข้างเดียว มือน้ำแข็งนั้นเย็นจนเฟิร์สต้องสะดุ้ง


“โอ๊ย! จ เจ็บ! อึก!”รีซใช้มือเย็นเยียบอีกข้างจับขาของเฟิร์สยกขึ้น แล้วแทรกเข้าไปในร่างกายเฟิร์สอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ผ่านการเบิกทางใดๆ เฟิร์สได้แต่แสดงสีหน้าเจ็บปวดทรมาน ถึงแม้จะเข้าไปได้เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น


“หึ! ไม่คิดว่ากูคนแรก อย่าเกร็ง!”รีซพูดข้างหูให้เฟิร์สได้ยินอย่างจงใจ แล้วกระแทกแก่นกายเย็นของตนเข้าในร่างกายที่ร้อนวาบของเฟิร์สด้วยความแรง รีซขยับทันที เข้าสุดออกสุดและหนักหน่วง


“ฮึก เจ็บ! เอาออกไป!”เฟิร์สกระตุกวาบสั่นไหวตามแรงที่โหมกระหน่ำใส่อย่างบ้าคลั่ง ร่างกายท่อนร่างเจ็บแปล๊บ น้ำตาเริ่มไหลออกจากใบหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ


“หึหึ แสดงสีหน้าได้ดีมาก ทำต่อไปล่ะ”รีซมองใบหน้าเฟิร์สด้วยท่าทีที่พอใจสุดๆ แล้วกระแทกฝั่งกายของตนลงอย่างแรง


“อ๊ะ! ไม่! ฮือ เจ็บ!”


“พอ อ๊ะ! พอแล้ว อ๊า! ขอร้อง ฮึก! มันทรมาน”


เฟิร์สได้แต่ร้องไห้น้ำตาไหลท่วม ปากพร่ำขอร้องให้หยุดด้วยสีหน้าแสนทรมาน แรงที่มีหดหาย สติเริ่มจะดับวูบ ร่างกายร้อนวูบแต่กลับขนลุกกับความเย็นที่อีกฝ่ายมอบให้อย่าง...ทรมาน


“อ่า!”ในที่สุดรีซก็ปลดปล่อยออกมา แต่เห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปจึงก้มลงดู เฟิร์สได้สลบไปแล้ว จึงถอนร่างกายของตนออกมา แล้วปล่อยให้ร่างของเฟิร์สร่วงลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น


“หึ! ไม่คิดว่ามึงจะทำให้กูกลับมามีความรู้สึกทางร่างกายได้ มึง...ก็คงมีประโยชน์กับกูอยู่บ้าง งั้นเอาเป็นว่า มึงต้องอยู่กับกูจนกว่ากูจะปล่อยมึงละกัน”รีซค่อยๆลดหน้ากากลง เผยใบหน้าคมสันที่ยกยิ้มมุมปากพอใจ ดวงตาจ้องลงไปยังร่างที่นอนกองอยู่ที่พื้น พูดขึ้นกับตัวเองเบาๆ แล้วเดินออกไปโดยไม่หันมาสนใจอีกร่างเลยแม้แต่น้อย







......
มาแล้วๆ มาเร็วตามที่บอก  :katai4:
ขอโทษที่หายไปนาน ปั่นมาให้อ่าน2เลยทีเดียว ถึงจะลงคนละวันอ่ะนะ :mew2: :mew2:

ตอนนี้ก็...ความจริงพระเอกเราใสๆนะ แต่ทำไมมันคลอดออกมาโรคจิตแบบนี้ก็ไม่รู้  :hao3: :hao4:
 
เอ่อ ถ้าตอนนี้ nc กากๆ ต้องขออภัยด้วยนะ :hao7:

เม้นๆกันบ้างงงงง  :impress2:

แล้วเจอกันตอนหน้า :bye2:

พูดคุยกันได้ตลอดที่เพจนี้นะ :
https://m.facebook.com/AkumaBK/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-02-2016 16:54:30 โดย สิบสาม13 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด