me die ?? เพราะคุณ...ทำให้ผมตาย End
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: me die ?? เพราะคุณ...ทำให้ผมตาย End  (อ่าน 33157 ครั้ง)

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk

Me die

25 : You will be in my heart forever




“โอ้ย!”

เฟิร์สตื่นขึ้นมา มองซ้ายมองขวาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เขาจึงจะลุกขึ้นจากเตียงนอน แต่แผลที่หัวเจ็บจี๊ดขึ้นมาจนต้องยกมือกุมไว้ที่หัว หน้าเหยเกเพราะความเจ็บ เห็นร่างกายตัวเองที่มีแต่รอยฟกช้ำดำเขียวปวดไปหมด มุมปากยังคงเจ็บ หัวก็ปวดตรงที่โดนฟาดเต็มแรง ไหนจะขาที่ไม่รู้จะหักรึเปล่าแต่คงหักเพราะเห็นใส่เฝือกอ่อนไว้ ปวดสุดๆ

“อย่าพึ่งลุกเลยครับเฟิร์ส นอนลงก่อนเถอะ” ไมค์เดินถือถาดน้ำจะเข้ามาเช็ดตัวตามปกติ พอเห็นเฟิร์สฟื้นแล้วก็รีบรุดเอาถาดวางลง แล้วเข้าไปประคองให้เฟิร์สนอนลงที่เตียงอีกครั้ง

“...ไมค์ ที่นี่ที่ไหนครับ” เฟิร์สค่อยๆนอนลง ตามแขนที่เข้าประคองเขาที่หลัง เงยหน้ามองไปที่หน้าของไมค์ เอ่ยถามเสียงแหบ

“บ้านเก่าผมเองครับ เดี๋ยวผมเอาน้ำมาให้รอเดี๋ยวนะ” ไมค์ตอบเฟิร์สโดยไม่ได้มองหน้า แล้วขอตัวออกไปเตรียมน้ำมาให้เฟิร์สกิน เพราะกลัวจะหิว

เฟิร์สนอนมองเพดานนิ่ง มือขยับผ้าห่มขึ้นคลุมกาย นึกย้อนไปก่อนที่เขาจะมานอนอยู่ที่นี่ ภาพน่ารังเกียจและสัมผัสน่าขยะแขยงจากชายชุดดำที่โกดังยังคงติดตา อาการปวดและแผลตามร่างกายยังคงบอกชัดว่ามันคือเรื่องจริง แต่หลังจากนั้นภาพทุกอย่างกับติดๆดับๆไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่คนๆนั้นที่เขาเห็นเป็นรีส ชายที่สวมหน้ากากสีขาวตาสีแดง ที่เข้ามาช่วยเขา ...ไม่ใช่ไมค์ แล้วเขามาเจอกับไมค์ได้ยังไง

“น้ำครับเฟิร์ส” ไมค์เดินเข้ามาซะก่อน เบรกความคิดฟุ้งซ่านของเฟิร์สให้หยุดลง ไมค์วางแก้วน้ำลงที่โต๊ะข้างเตียง เข้ามาประคองร่างกายที่บอบช้ำของเฟิร์สให้นั่งพิงหัวเตียง ดื่มน้ำไม่ให้คอแห้ง

“ขอบคุณครับ ...ไมค์คุณทำแผลให้ผมหรอ” เฟิร์สถามขึ้นหลังดื่มน้ำเสร็จ

“ครับ” ไมค์ได้แต่ตอบสั้นๆ แล้วยิ้มให้ มือหยิบแก้วน้ำมาถือไว้เตรียมออกไป

“แล้วผมมาอยู่กับไมค์ได้” เฟิร์สกำลังจะถามสิ่งที่สงสัย แต่ไมค์กับพูดตัดบทขึ้นอย่างเร็ว

“เฟิร์สจะทานอาหารก่อนหรือจะเช็ดตัวทำแผลก่อนดี งั้น ทานอาหารก่อนดีกว่านะครับ รออีกเดี๋ยวนะ” พูดเสร็จไมค์ก็เดินหันหลังออกไปทันที

“อ่ะ” เฟิร์สได้แต่มองตามไปอย่างช่วยไม่ได้ เขาได้แต่คิดว่าเดี๋ยวไมค์ก็บอกเขาเอง

เฟิร์สนั่งเหม่อคิดถึงเรื่องเมื่อวานอีกครั้ง ‘ชายคนนั้น รีส หายไปไหน เขาไม่ได้ฝันไปแน่ๆเพราะบาดแผลตามร่างกายของเขาก็บ่งบอกได้ว่ามันคือเรื่องจริง แต่...เลือดและเศษซากของบางอย่างที่เหมือนมนุษย์ แขนขาหรือหัวต่างๆ ที่เขาเห็นตอนเบลอๆมันคือเรื่องจริงรึเปล่า มัน น่ากลัวมาก’ ยิ่งคิดยิ่งหนาว กลิ่นคาวเลือดฟุ้งในความคิดให้รู้สึกเหม็นไปจริงๆ เฟิร์สได้แต่ขยับผ้าห่มขึ้นคลุมกาย มืออีกข้างปิดจมูกไว้ รู้สึกหวาดกลัวและสับสน เรื่องไหนคือเรื่องจริง เรื่องไหนคือความฝัน หรือว่าเขาแค่คิดไปเอง

...

กลิ่นของอาหารเช้าที่ไมค์กำลังเตรียม ลอยเข้ามาในห้อง เรียกน้ำย่อยของเฟิร์สให้ทำงาน เฟิร์สกลืนน้ำลายมองหาด้วยความหิว ชะเง้อมองออกไปข้างนอกห้องนอน เห็นไมค์กำลังทำข้าวต้มให้ ได้แต่คิดแล้วยิ้มไปว่าตอนไมค์ใส่ผ้ากันเปื้อนอันนั้นทำไมดูน่ารัก คุ้นๆเหมือนในฝันวันนั้นเลย ยิ่งคิดยิ่งเขินแปลกๆ ยิ่งรู้ว่าไมค์คิดกับตัวเองยังไง ยิ่งเขินมากขึ้นไปอีก ทำให้ลืมคิดเรื่องเครียดๆที่เกิดขึ้นเมื่วานไปสนิท

เมื่อมองไปสักพัก เหมือนไมค์จะเสร็จแล้วจึงได้ถอดผ้ากันเปื้อนวางไว้ แล้วเห็นไมค์เดินมา เฟิร์สก็รีบนั่งนิ่งๆไม่ให้น่าเกลียด แต่ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมๆนั้น ทำให้เฟิร์สท้องร้องเสียงดังพอดีตอนไมค์เดินเข้ามา

“หิวมากเลยหรอครับ” ไมค์หันมามองแล้วยิ้มนิดๆ พูดแซวขึ้น แล้ววางถาดชามข้าวต้มหอมๆลงตรงหน้าเฟิร์ส  เฟิร์สก็ได้แต่หน้าแดงเพราะอาย ไม่พูดอะไร หันหน้าหนีออกไปอีกทาง

“ทานเลยนะครับ โอ้ย ร้อนๆ” เมื่อไมค์ยังมองและยิ้มอยู่ เฟิร์สจึงหันกลับมาแล้วพูดขึ้น มือรีบหยิบช้อนตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว

“ทานช้าๆก็ได้ครับ ผมไม่แย่งหรอก หึหึ” ไมค์เอ่ยแซว แล้วขำในลำคอเบาๆ มือหยิบกระดาษเช็ดชู่มาค่อยๆเช็ดปากให้เบาๆ เฟิร์สก็นิ่งไป แล้วเหมือนจะรู้ตัว สะดุ้งแล้วหยิบผ้าไปเช็ดเอง

“ให้ผมป้อนไหมครับ เป่าให้ด้วย จะได้ไม่ร้อน” ไมค์ยิ้มเบาๆแล้วเอ่ยแซวอีกครั้ง

“ไม่ ไม่เป็นไรครับ ผมทานเองได้” เฟิร์สก็ได้แต่ตาโด รีบบอกปฏิเสธอย่างเร็ว

เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ไมค์ก็ให้เฟิร์สกินยาอีกหลายเม็ด โดยเฉพาะแก้ปวดอักเสบ เพราะร่างกายของเฟิร์สบอบช้ำมาก

“ไมค์จะทำอะไรครับ” เฟิร์สถามขึ้น เมื่อเห็นไมค์ถือกะละมังเล็กๆใส่น้ำแล้วมีผ้าผืนเล็กๆ พาดที่แขนมาด้วย ดูยังไงก็คุ้นๆเหมือนจะเอามาเช็ดตัว ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้ไมค์ทำแน่ ยิ่งคิดมากกว่าเพื่อนด้วย เขินตาย

“เช็ดตัวไงครับ” ไมค์เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย แล้ววางมันลงข้างที่นอน มือขยับตรงไปดึงผ้าห่มออกจากตัวเฟิร์ส ส่วนเฟิร์สก็ได้แต่ตาโต มองตาไม่กระพริบ แต่เมื่อเห็นไมค์ขยับนั่งบนเตียง ยื่นมือออกมาจะถอดเสื้อให้ เฟิร์สก็ตาโตตกใจกว่าเดิม รีบตะครุบจับมือไมค์ไว้ แล้วบอกออกไปอย่างรวดเร็ว

“ไมค์! ผมทำเองได้ อันที่จริงอาบน้ำได้ด้วย”

“แผลเต็มตัวขนาดนี้ อาบไม่ได้หรอกครับ รีบเช็ดตัวดีกว่าจะได้ทำแผลอีกครั้งด้วย” ไมค์บอกปฏิเสธเอามือของเฟิร์สออกไปวางไว้ข้างลำตัว จะยื่นมือไปถอดเสื้ออีกครั้ง แต่เจ้าตัวก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็งกลับมา ด้วยใบหน้าตื่นๆ แก้มแดงเทือกไปหมด ไม่รู้คิดอะไรอยู่

“ผมจะทำเอง ผมเช็ดเองนะไมค์ แล้วก็ไมค์ช่วยไปรอที่อื่นก่อนได้ไหม”

“ได้ครับ เอาแบบนั้นก็ได้ แต่เฟิร์สจะทำลำบาก เดี๋ยวผมช่วยถอดเสื้อผ้าเฟิร์สออกให้ก่อนดีกว่าครับ”

“ไม่!!”

เฟิร์สได้แต่ปฏิเสธ แต่ไมค์ก็ยังคงทำหน้านิ่ง ไม่รู้คิดอะไรอยู่ คว้ามือเฟิร์สออกแล้วจัดการถอกเสื้อผ้าตัวเก่าของเฟิร์สออกจนหมด เหลือแต่ตัวเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่ม เฟิร์สทั้งขัดขืนทั้งปฏิเสธเสียงแทบแห้ง แต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งขัดขืนมากก็ไม่ได้ ร่างกายปวดหนึบไปหมดจนแทบไม่อยากขยับไปไหน สุดท้ายเมื่อทำเสร็จไมค์ก็ออกไปรอด้านนอก ทิ้งไว้แต่เฟิร์สที่นั่งหน้าแดงก่ำอยู่บนเตียง ให้จัดการตัวเองต่อตามที่ขอ



[เฟิร์ส]

ถ้าจะถอดขนาดนี้ เช็ดตัวให้เลยก็ได้มั้ง ไมค์นะไมค์ ไม่รู้ตัวรึไงว่าไม่น่าทำแบบนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะสารภาพว่าคิดยังไงกับเรา ถึงสภาพเรามันจะน่าช่วยเหลือมากก็ตามเถอะ โอย อายสุดๆ ยิ่งคิดยิ่งอาย แล้วเสื้อผ้านี่อีกให้ใส่แต่ชุดคลุมอาบน้ำเนี่ยนะ จะวาบหวิวไปไหน ถึงเราจะผู้ชายทั้งคู่ก็เถอะ อายเว้ย!

“เป็นอะไรครับเฟิร์ส หน้าแดงๆ”

“ปะ เปล่าครับ”

ไมค์มาตอนไหนเนี่ย แล้วมายืนมองเราทำไม หน้าแดงหรอ ก็มันอายนี่นา ถามได้ พอดีกว่าไม่คิดแล้ว ว่าแต่ไมค์มาทำไม

“ผมมาทำแผลให้น่ะ เช็ดตัวเสร็จแล้วใช่ไหมครับ”

ไมค์จะเก่งไปแล้วนะ แค่อ้าปากจะถามก็ดันตอบมาแล้ว แต่เอ...เหมือนเราลืมอะไรไปรึเปล่านะ เมื่อเช้านี้เราสงสัยเรื่องอะไรอยู่

ไมค์เดินเข้ามานั่งข้างเตียง  วางอุปกรณ์ลงข้างๆ ผมในชุดอาบน้ำสีขาว ได้แต่นั่งนิ่งมองไมค์ทำ ไมค์ช่วยจับให้ผมมานั่งอยู่ริมเตียงเพื่อสะดวกในการทำแผลส่วนที่ทำได้ลำบากถ้าหากนอนอยู่ ขาข้างที่ใส่เฝือกอ่อนถูกไมค์ค่อยๆบรรจงวางลงที่พื้นแผ่วเบา ไมค์หยิบสำลีและขวดยาล้างแผลชุบแล้วมาแต้มที่มุมปากผมเบาๆ ดวงตาสีฟ้ากับเทาวาววับมองมาที่ผมนิ่ง

“เจ็บรึเปล่า” น้ำเสียงของไมค์อ่อนโยนมาก ดวงตาข้างที่เป็นสีฟ้าเป็นประกาย บางอย่างบอกผมว่าไมค์เป็นห่วงผมมาก แต่ว่า ไมค์เป็นห่วงผมเรื่องอะไร ในเมื่อคนที่ไปช่วยผมออกมาคือ รีส ใช่สิ!!

“ไม่เจ็บครับ ไมค์ทำต่อเลย …ว่าแต่ ผม มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ผมถามออกไป หวังว่าไมค์จะให้คำตอบได้นะ ผมมาเจอกับไมค์ได้ยังไง

“ผมพามาเอง” ไมค์พูดขึ้นเบาๆ แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง มือหยิบสำลีอันใหม่ชุบยามาทาซ้ำที่มุมปาก ไมค์พาผมมาได้ยังไง ก็ในเมื่อวันนั้นไม่ใช่ไมค์ ผมจำได้นะก่อนจะสลบไป แถมได้ยินเต็มสองหูที่พวกนั้นกรีดร้องด้วยความกลัว อย่าหาว่าผมจู้จี้เลยนะไมค์ ในเมื่อคุณไม่ยอมเล่าให้กระจ่าง ผมก็จะถามต่อไปเรื่อยๆ

“ไมค์พาผมมาหรอ จากไหน โอ้ย!” ผมถามออกไป แต่แรงของไมค์กับลงหนัก กดลงที่มุมปากผมอย่างแรงจนต้องสะดุ้งร้องออกมาเสียงดัง

“เจ็บมากไหมครับ ผมไม่เคยทำแผลให้ใครแบบนี้หลังจาก... เลยไม่รู้ว่ามันแรงหรือเบาไป” ไมค์ทำหน้าเศร้า หลังจากอะไรทำไมไมค์เงียบไปล่ะ แต่ทำไมผมต้องรู้สึกดีใจนิดๆด้วยนะ ที่ไมค์ไม่เคยทำให้ใครเลย

“ไม่เป็นไรครับ ไม่เจ็บมากเท่าไหร่” ผมยิ้มน้อยๆส่งไปให้ ไมค์จึงยิ้มออกมาบ้าง

ดวงตาสองสีของไมค์จ้องมองผมนิ่งงัน ผมก็ไม่กล้าหันหน้าหนีไปไหน จึงได้แต่มองสบกันนิ่งอยู่แบบนั้น ไมค์วางสำลีในมือลง แล้วเอือมมาจับมือของผมไว้ข้างหนึ่งไปกุมไว้ มือของไมค์เย็นจัง ! ทำไมผมเพิ่งสังเกตนะว่าไมค์ถอดถุงมือออก ทั้งๆที่ปกติไม่ว่าเจอตอนไหนก็มักจะใส่มันไว้ตลอดเวลา จนผมคิดว่ามือน่าจะเป็นแผลหรืออะไรสักอย่าง แต่เปล่าเลย มือของไมค์มีรูปร่างปกติ ไม่มีบาดแผล แต่สีของมันกับขาวซีดยังกับกระดาษ แถมยังเย็นๆ ขนาดมือก็ใหญ่...เหมือนมือของใครบางคน

“เฟิร์ส ผมเป็นห่วงเฟิร์สมากนะครับ ผมตามรถตู้คันนั้นไปเพื่อช่วยเฟิร์ส แต่ดันพลาด แต่ผมก็หาเฟิร์สจนเจอ” ดวงตาของไมค์เศร้ามาก ยิ่งมองยิ่งมีเสน่ห์แปลกๆทำให้ไม่สามารถละสายตาไม่ได้ ไมค์ตามมาช่วยผมหรอ ไมค์ขยับกายใหญ่เข้ามาใกล้ผม ไมค์ยกมืออีกข้างช้อนจับมาที่ใบหน้าผม

“เฮือก!” เย็น เย็นมาก ทำไมยิ่งเหมือนสัมผัสนั้น ผมเริ่มสั่นอย่างช่วยไม่ได้ ความกลัวและสับสนกัดกินผมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ได้แต่นิ่งงัน ขยับไปไหนไม่ได้ ไมค์ขยับใบหน้าเข้าหาผมเรื่อยๆ จนจมูกของเราเกือบชิดกัน หัวใจผมเต้นรัวมากราวกับจะหลุดออกมา ลมหายใจของผมเข้าออกอย่างแรง ผิดกับของไมค์ที่ยังคงสงบ สงบเกินไป

“แต่มันก็เกือบสายไปอีก เมื่อเฟิร์สโดนพวกมันรุมทำร้ายหนักจนสลบไป ผมโมโหมาก ยิ่งเห็นพวกมันกำลังลวนลามเฟิร์ส ผมคุมสติเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป จนเข้าไปอาระวาด ยังดีที่ตำรวจไปช่วยพวกเราทัน ผมจึงพาเฟิร์สมาที่นี่” ไมค์พูดจบก็จะโน้มใบหน้าเข้าหาผม เรื่อยๆ จนริมฝีปากเราแทบจะชิดกัน ส่วนผมก็ได้แต่นิ่งงัน สติไม่อยู่กับตัว สมองคิดไปต่างๆนาๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ ไม่มีเหตุผลอะไรเลย เมื่อวานนี้ผมไม่ได้ฝันไปแน่นอน และอีกอย่างตอนที่พวกมันทำร้าย ผมยังไม่สลบ! ถึงจะเลือดออกจนเบลอ แต่ผมจำได้แน่นอนว่าคนที่เข้ามาจัดการทุกอย่าง เป็น รีส ชายรูปร่างสูงใหญ่สวมหน้ากากสีขาวดวงตาสีแดงและเสียงกรีดร้องของพวกชายชุดดำนั่น คือเรื่องจริง แน่นอน

“เดี๋ยว ไมค์ อ๊ะ!!” ผมได้สติ ยกมือทาบหน้าอกไมค์ไว้ทั้งสองข้าง เพื่อดันออกห่าง ไม่ใช่รังเกียจแต่ผมอยากจะรู้เหตุผลว่าทำไมไมค์ต้องโกหก แต่แล้วผมต้องยกมือออก ถอยตัวหนีอย่างตกใจอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าในอกของไมค์นิ่งสงบ ราวกับไม่มีอะไรเต้นอยู่เลย แถมร่างกายของไมค์ยังเย็นซีดขาวเหมือนตรงมือ และไหนจะบรรยากาศรอบๆตัวเริ่มเย็นลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ดูวังเวงคล้ายตอนอยู่กับรีสมาก

“เป็นอะไรรึเปล่า ขอผมดูหน่อย”

“ไม่! อ๊ะ!”

ไมค์ตกใจที่ผมผลักออก คงคิดว่าผมเจ็บมือ ทำหน้าตื่นและรีบร้อนขอดูมือของผม มือเย็นซีดของไมค์จับมือของผมขึ้น ผมได้แต่ตาโตเมื่อเงยมองหน้าไมค์แต่เห็นเป็นใครอีกคนซ้อนทับอยู่ด้านหลัง ด้วยความตกใจและสับสน ผมจึงสะบัดมือออกและปฏิเสธเสียงดัง ขยับกายถอยห่าง ลุกขึ้นยืน แต่ด้วยขาของผมข้างที่ใส่เฝือกอ่อนเอาไว้นั้น ทำให้ยืนไม่ถนัด จึงเซถลาจะล้มลงสู่พื้น ไมค์ตกใจรีบลุกมาจับผม แต่ก็ไม่ทัน

โครม!!

“โอ้ย!!” ผมได้แต่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บที่ก้นกระแทกลงกับพื้น แถมมือยังไปฟาดกับกล่องอะไรสักอย่างที่อยู่ใกล้ๆใต้เตียงจนฝามันกระเด็นหลุดออก และกล่องนั่นคว่ำลงไป

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ อย่า!” ไมค์ก้าวขามาใกล้ แต่กับทำหน้าตกใจเมื่อผมกำลังจะหยิบกล่องนั้นขึ้น แล้วตะโกนเสียงดังจนผมสะดุ้ง

“อะ อะไร! ...หน้ากาก สีขาว” เมื่อยกกล่องนั้นขึ้น สิ่งที่พบอยู่ตรงพื้นนั้น คือหน้ากากสีขาว ที่แสนจะคุ้นตา ผมได้แต่มองมันนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ส่วนไมค์ก็เงียบไป ทำไมไมค์ไม่อธิบาย ถ้าไมค์พูดว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด ผมก็เลือกที่จะเชื่อไมค์ แต่ทำไมไมค์ถึงเงียบ ผมค่อยๆเงยหน้ามองไมค์ช้าๆ ไมค์ดูสงบมากจนน่ากลัว ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นแต่ดวงตานั้นจ้องมาที่ผม บรรยากาศแบบนี้ทำเอาผมขนหัวลุก ผมได้กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอก่อนเอ่ยถามออกไป

“มะ ไมค์ หน้ากากนี่...” ไมค์ซื้อไว้เล่นๆใช่ไหม ไม่ใช่อย่างที่ผมกำลังคิด ไมค์ไม่ใช่คนๆเดียวกับรีสใช่ไหม ไมค์ไม่ใช่ปีศาจ ผมได้แต่คิดแต่ก็พูดออกไปไม่ได้ คำพูดเหล่านั้นถูกกลืนลงคอ เพราะมันมีความรู้สึกบางอย่างกำลังร้องบอกอันตรายแก่ผม ว่าสิ่งเหล่าคือเรื่องจริง สิ่งที่ผมคิดมันเป็นจริง และมันกำลังเกิดขึ้นจริงๆ

บรรยากาศรอบๆเย็นขึ้นอีก หนาวไปหมด หนาวไปจนสุดขั้วหัวใจ รอบๆตัวไมค์มีไอสีขาวจางๆแผ่ออกมา ใบหน้าไมค์ยังคงนิ่งสงบแต่ดูน่ากลัวขึ้น อาจจะเพราะบรรยากาศที่แสนกดดันนี้ ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากของผมและไมค์อีก ใจของผมเต้นระรัว ร่างกายสั่นไหวด้วยความกลัว ลมหายใจติดขัด หน้าผมต้องซีดมากๆแน่ ทำไมมันเป็นแบบนี้ ไมค์อธิบายมาสิ ผมได้แต่นั่งสั่นมองจ้องไปที่ไมค์ที่ยืนอยู่ด้านหน้า เงาสูงใหญ่ทาบทับลงมาราวกับจะกลืนกินผมให้หายไป ทำไมผมถึงรู้สึกว่าไมค์เย็นชาขึ้น น่ากลัวขึ้น นี่ไม่ใช่ไมค์ที่ผมรู้จักอีกแล้ว...ราวกับปีศาจ

“หึ! รู้แล้วก็ดี จะได้เลิกเล่นละครกันสักที” หลังจากนิ่งอยู่นาน ไมค์ก็พูดขึ้น น้ำเสียงแปลกไปเย็นชาขึ้น แววตาเปลี่ยนไป หรือมันไม่เคยมีอยู่แล้ว ผมแค่คิดไปเองงั้นหรอไมค์ ว่าคุณเป็นห่วงผม

“ว่าไงนะ...ไมค์” ผมได้แต่ถามย้ำออกไป มันไม่จริงใช่ไหม ไมค์บอกผมสิว่าล้อผมเล่น ท่าทางเย็นชาเมื่อกี้คืออะไร

“กู คือ รีส” ไมค์หรือรีส ผู้ชายคนนี้ ยืนยันด้วยกันประกาศตนแน่ชัด ให้ผมได้รู้ว่าเขาไม่ได้พูดล้อเล่น และอีกครั้งกลับคำยืนยัน เมื่อชายคนนี้ยกมือขึ้นหยิบคอนเทคเลนส์ด้านสีเทาออก เผยให้เห็นดวงตาสีแดงดังเลือดภายใต้เปลือกตาสีขาวซีดนั่น

“เฮือก!!” ผมได้แต่ตาโตตกใจ ใจเต้นรัวเร็วมากขึ้น ทั้งกลัวทั้งตกใจ คือคนๆเดียวกันจริงๆสินะ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บมากกว่ากลัว  ‘นี่สินะ ความรู้สึกที่โดน หักหลัง จากคนที่ไว้ใจ’ แล้วจู่ๆน้ำตาของผมมันก็ไหลรินลงมาช้าๆ ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาของผมก็ได้แต่มองสบดวงตาสองสีของเขานิ่งงัน ดวงตาที่ทั้งน่ากลัวและมีเสน่ห์ ที่ดึงดูดผมให้จมลงไปในความเชื่อใจที่โกหก ที่ตอนนี้มันกำลังแหลกสลายลง

[เฟิร์ส จบ]



[รีส]

ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ผมตั้งใจจะไม่รุนแรงกับมันแล้ว ตั้งแต่เห็นมันในโกดัง ผมก็รู้ได้ทันทีว่ารู้สึกแบบไหน ผมเป็นห่วงมันมาก หวงมันมาก ถึงจะไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่มีวันปล่อยให้มันหลุดมือผมไป ไม่มีวันให้มันกับคนอื่น แต่ทำไมเรื่องราวกับเลวร้ายลง ผมตั้งใจจะเป็นไมค์ เป็นผู้ชายที่มันอยู่ด้วยแล้วยิ้มให้ ไม่ใช่รีส ปีศาจร้ายที่มันหวาดกลัว รีสกำลังจะตายลงไปอย่างช้าๆ เหลือแค่ไมค์ที่ทำดีกับมัน แต่แล้วทำไม มันถึงต้องมารู้เรื่อง ทำไมผมถึงรู้สึกจุกข้างใน เจ็บร้าวไปหมดที่หัวใจ ทั้งๆที่หัวใจของผมมันตายไปนานแล้ว

“กู คือ รีส” อย่ามองกูแบบนั้นเฟิร์ส กูไม่อยากโกหกแล้ว ไหนๆก็รู้เรืองทั้งหมดแล้ว...มาจบเรื่องนี้กันเถอะ
 
“เฮือก!!” เฟิร์สมันตกใจตาโตมองมาที่ผม แล้วน้ำตามันก็ไหลลงมาช้าๆ แววตาของมันที่มองมา ทำไมมันรู้สึกหน่วงในใจแบบนี้นะ

“ในเมื่อรู้แล้ว...เรา มาทำอะไรที่ถนัดกันดีกว่า กูคิดถึงร่างกายมึงแทบแย่ เฟิร์ส” ผมยกยิ้มมุกปาก แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างหื่นกระหาย ค่อยๆก้มลงจะขยับเข้าไปใกล้มัน

“ไม่! อย่ามายุ่งกับกู กูจะกลับ” เฟิร์สทำหน้ารังเกียจในท่าทีแบบนั้นของผม ก็รีสหยาบคายและใจร้ายกับเฟิร์สเสมอ แตกต่างจากไมค์ที่มันแอบหวั่นไหวด้วย ผมดูออก มันคงเจ็บปวดสินะ ที่ผมใจร้ายด้วยใบหน้าของชายผู้แสนใจดีของมัน

“มึงคิดว่ากูจะปล่อยมึงไปง่ายๆรึไง!” ผมตะคอกเสียงดังทั้งที่ในใจหน่วงๆ จนเฟิร์สสะดุ้ง ผมก้าวขาเดินไปใกล้ แล้วนั่งลงประชิดตัวเฟิร์ส

“อย่ามายุ่งกับกู โอ๊ย!” เฟิร์สมันขยับถอยหนีให้ห่างออก ทำท่าจะลุกขึ้น แต่ติดเฝือกที่ขาทำให้ไม่ถนัด จึงล้มลงไปอีกครั้ง จริงๆแล้วเฟิร์สไม่ได้ขาหักแต่ผมต้องการรั้งตัวมันไว้โดยที่มันจะได้ไม่เจ็บตัวไปมากกว่านี้

“หึ สำออย มึงชอบให้กูเป็นไมค์มากกว่างั้นสินะ ชอบหรอแบบนั้นน่ะ ชอบกูแบบอ่อนโยนสินะ ตอนนี้กูจะเป็นให้ก็แล้วกัน” ผมจะเข้าไปช่วยประคองมัน แต่ก็ต้องฝืนร่างกายไม่ให้ขยับตามใจ ยืนนิ่งใช้สายตาสมเพชแทนที่จะสงสาร พูดจาดูถูกให้เจ็บทั้งผมทั้งผม แล้วอุ้มมันขึ้นจากพื้นในท่าเจ้าสาว

“ปล่อยกูนะ! อย่ามาใช้ใบหน้าของไมค์ ทำตัวเหี้ยๆแบบนี้กับกู ปล่อยกูลง! ไอ้ปีศาจ!” มันดิ้นสุดแรง โดยไม่กลัวว่าจะหล่นลงไปที่พื้น ทั้งที่ส่วนสูงของผมเกือบสองเมตร มันไม่สนที่จะเจ็บตัวเพิ่ม ไม่สนว่าขามันจะหักไปจริงๆ มันแค่ต้องการหนีออกจากอ้อมกอดของปีศาจอย่างผม แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้

“ใช่ กูมันปีศาจ!” กูต้องทำให้มึงเกลียดกูกว่านี้สิ เกลียด ทั้งรีส ทั้งไมค์ เมื่อกูหายไปมึงจะได้ดีใจ แต่กูก็ยังคงติดอยู่ในหัวใจมึง ถึงจะเป็นแค่ฝันร้าย แต่มึงก็ไม่มีวันลืมกู เหมือนที่กู ไม่มีวันลืมมึงเหมือนกัน กูว่านะเฟิร์ส กูคงจะรักมึงแล้ว แต่กูจะไม่พูดมันออกไป เพราะกูไม่อยากได้ยินคำว่าเกลียดจากปากมึงแล้ว

ผมโยนมันลงบนเตียงนอนอย่างแรง แล้วขึ้นคร่อมมันทันที ใบหน้าของมันหวาดกลัวผมมาก น้ำเสียงที่อ่อนแอ ร่างกายสั่นระริกที่อยู่ใต้ร่างผม ยิ่งมองยิ่งเจ็บหน่วงในใจ แต่แล้วก็ไล่ความคิดนั้นออกไป ตอนนี้ผมต้องร้าย ร้ายให้ถึงที่สุด ผมคว้ามือของมันทั้งสองข้างรวบไว้เหนือหัวมันด้วยมือข้างเดียว อีกมือล็อคหน้าของมันไว้แล้วกระแทกปากลงไปจูบอย่างแรง ผมได้กลิ่นคาวเลือดหอมๆของมันฟุ้ง ผมคงทำมันปากแตกเพิ่มอีกแล้ว

“ปล่อยกูนะ! ไม่! อย่าเข้ามานะ! อื้ออออ”

ผมถอนจูบออก ฉีกกระชากเสื้อคลุมอาบน้ำที่มันใส่อยู่ให้หลุดออก เผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าที่มีรอยแดงเป็นจ้ำ แต่แล้วภาพเมื่อวานก็ฉายชัดขึ้นมา ‘สัมผัสจากมือจากปากพวกมันที่ทำให้ร่างกายนี้ต้องแปดเปื้อน กูจะลบมันออกเอง'

“อื้อ อ่า ปล่อยกู ฮือออ”

ผมหยุดมือที่กำลังลูบไล้ ดูดเม้มสร้างรอยรักบนร่างกายมันทันที ที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของมัน น้ำตามันไหลอีกแล้ว ‘กูขอโทษเฟิร์ส’ ผมไม่สนใจน้ำตาของมันโดยการไม่มอง ก้มต่ำลงไปสร้างรอยรัก มือก็ปล่อยจากที่กดมือมันไว้ มานวดเฟ้นตามร่างกายมันอย่างหนักมือ

“อะ โอ๊ย ไม่!”

ผมก้มกัดที่ตุ่มไตสีชมพูของมัน จนมันร้องอย่างเจ็บ ผมจึงเปลี่ยนจากกัดมาไล้เลียไปมา และวนรอบๆเบา มันขนลุกชันขึ้นมา ผมจึงได้ใจ เปลี่ยนไปอีกข้างทั้งดูดเม้มทั้งเลียจนทั้งสองข้างแข็งเป็นไต ขนลุกชันไปด้วยความเสียวซ่าน

ผมลากลิ้นลงต่ำไปเรื่อยๆ ตามหน้าท้องของมัน ให้มันได้เสียวและขนลุกไปทุกที่ที่ผมลากไป มือก็ไม่ได้อยู่เฉยนวดเฟ้นไปทั่วทุกส่วนตามร่างกาย ส่วนอีกมือก็ลากผ่านไผมาตรงน้องชายของมันที่ตั้งชูชัน ล่อหน้าล่อตาผม

“ไม่ ปล่อยกูนะ อือ ตรงนั้นอย่านะ! อื้มมมม!”

ผมเปลี่ยนเป้าหมายไปตรงกลางขาของมัน น้องชายของมันกำลังเรียกร้องปากของผม ผมได้แต่แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง แล้วค่อยๆบรรจงครอบครองลงไปที่ส่วนปลายยันสุดทาง ได้ยินเสียงครางหวานของมันดังสนั่น จนผมทนไม่ไหวอีกต่อไป

“อ๊า!!! จะ เจ็บ ฮือ”

ผมทำกับมันไปจนสุดทาง หลายต่อหลายครั้งจนมันสลบไปในที่สุด อุณหภูมิร่างกายของผมเริ่มกลับมาปกติ แต่ก็ต่ำกว่าคนทั่วไปอยู่ดี ผมควบคุมร่างกายตัวเองยังไม่ได้ ถึงได้ไม่เคยยังแรงที่ทำลงไปกับมัน มันถึงได้เลือดออกทุกครั้ง พละกำลังก็มีมากเกินไป ไหนจะบางอย่างที่มันแปลกไป รวมถึงความคิดที่โรคจิตมากขึ้น ใจร้ายมากขึ้น โหดเหี้ยม มันถึงได้หวาดกลัวผมทุกครั้งแม้ยังไม่เห็นหน้า ไมแปลกที่มันจะเกลียดผม

สายตาของมันที่มองมาช่างน่าสงสาร ผมรู้ว่ามันต้องการได้ยินอะไร มันอยากให้ผมโกหกว่าไม่ใช่ ถึงแม้บางสิ่งบางอย่างจะบอกเป็นนัย ว่ามันเป็นเรื่องจริง ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของมันอีก ร่างกายที่บอบช้ำกว่าเดิมที่เกิดขึ้นจากฝีมือผมที่ไม่รู้ว่าลงแรงไปเท่าไหร่ เพราะผมไม่อาจรู้สึกได้ เสียงร้องไห้คร่ำครวญและดวงตาที่บวมช้ำ แววตาที่มองมาที่ผมช่างเจ็บปวด ผมไม่อยากเห็นแบบนั้น

ไหนจะร่างกายของผมที่เย็นซีดไม่อาจให้ความอบอุ่นมันได้ ไหนจะไอเย็นสีขาวจางๆที่แผ่รอบตัวเมื่อความรู้สึกโกรธและสับสนของผมมีขึ้น ดวงตาสีแดงเลือดที่น่ากลัว ไหนจะผละกำลังและความเหี้ยมโหดที่ฆ่าคนได้ ผมยังกลัวพลังของตัวเอง ผมไม่อยากให้มันมาเสี่ยงตายถ้าผมโมโหอีก ปีศาจไร้หัวใจอย่างผม ไม่คู่ควรกับใครทั้งนั้น ...ผมควรจะหายไป

“ผมขอโทษเฟิร์ส แต่ต่อไปคุณไม่ต้องร้องไห้เพราะผมอีกแล้ว ผมจะหายไปจากชีวิตของคุณเอง” ผมกำลังทำความสะอาดให้มันและหาเสื้อผ้ามาให้ใส่ อุ้มมันขึ้นรถและส่งโรงพยาบาล และบอกกับพ่อมันว่ามันโดนแก๊งคู่อริเล่นงาน จนพ่อมันส่งคนมาเฝ้าถึงโรงพยาบาล และผมก็หลบออกมา และจะหายไปจากชีวิตมันตลอดกาล ผมให้อิสระแก่มัน ตามที่มันต้องการตั้งนานแล้ว

“ลาก่อน เฟิร์ส คุณจะอยู่ในใจผมตลอดไป”



...

จบแล้ววว พระเอกหายไป อิอิ

เชื่อไหม เค้าล้อเล่นนะ  o13


ตอนนี้เป็นไงกันบ้าง nc เล็กๆกับความเจ็บปวด
รู้ความคิดของพระเอกปีศาจเราบ้างแล้วนะคะ ออกจะน่ารักเนอะ

ตอนต่อไป เดี๋ยวจะมาแก้คำผิดตอนเก่าๆก่อน ตอนใหม่ออกนะจ้ะ

เต็มอิ่มเลยครับ

แล้วตอนนี้ล่ะคะ อิ่มเลยมั้ยย 

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-07-2016 20:18:47 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ rosetears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รีสก็รักเฟริส์นี้เองแค่ไม่อยากให้เฟริส์ลืมตัวเอง โธ่ๆ
แอบมาอ่านทีเดียวสองตอนรวด อิอิ #ฟิน  :mew1:

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รีสน่าสงสารคนนะไม่ใช่หนูทดลองถึงตายแล้วก็เถอะ ใจร้ายมากเลยดร.

ออฟไลน์ daboo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
อิ่มมอีกแล้ววว   


แล้วก้เริ่มอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆซะแล้วซิ่ครับ

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk


Me die

 
26 : หลังจากนั้น

 


“อืม.. ขอน้ำหน่อย”

 

“ครับ คุณเฟิร์ส เอ็งไปแจ้งคุณท่านเร็วๆว่าคุณเฟิร์สฟื้นแล้ว”

 

เฟิร์สตื่นขึ้นมาอีกครั้งในโรงพยาบาล ดูเหมือนจะเป็นห้องพิเศษ และพ่อคงรู้เรื่องแล้วลูกน้องถึงมาเฝ้าตนเต็มห้องแบบนี้ เพราะคิดว่าเขาโดนพวกฝ่ายศัตรูที่ไปถล่มมาเมื่อวันก่อนคิดจะตลบหลังไล่ล่าเอาคืนจึงไม่ยอมออกไปไหน โดยอาศัยตอนที่1ในคนที่จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าอ่อนแอ โดยลูกน้องพ่อของเขาที่เอาน้ำให้เล่าให้ฟัง

 

แต่สิ่งที่พ่อรู้มันไม่ถูกต้องสะทีเดียว เขาไม่ได้โดนพวกนั้นทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาลแบบนี้ และคนพวกนั้นก็คาดว่าน่าจะถูกกำจัดไปหมดแล้ว โดยฝีมือของรีสที่มาช่วยเขา ซึ่งภาพที่เห็นพวกนั้นเขาไม่ได้ฝันไป ถึงภาพมันจะโหดร้ายมากก็ตาม

 

รีสกับไมค์เป็นคนๆเดียวกัน...

 

แล้วรีสไปไหน...ทำไมถึงยอมปล่อยเขาออกมา

 

เฟิร์สนอนคิดและพูดคุยกับตัวเองอยู่นาน เขาเอาแต่คิดถึงเรื่องก่อนหน้า คิดถึงคนสองคนที่ไม่เหมือนกันเลย ไม่น่าจะมาเป็นคนๆเดียวกันได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว แต่ก็มีจุดสังเกตหลายอย่างที่เขาไม่เคยคิด รีสก็ใบ้บอกเขาหลายอย่างเหมือนกัน ทั้งคำพูดแปลกๆตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ไหนจะยังขอบพูดเรื่องความตาย ถุงมือและร่างกายของไมค์ที่ต่ำกว่าปกติ ผิวซีดๆที่ไม่ได้เอะใจอะไร ไหนจะดวงตาที่มองไม่เห็นแววอะไรประกายอยู่ในดวงตาเลย ทำไมคิดไม่ออกเลยนะ ไม่คิดว่าจะเล่นแบบนี้ จนพ่อของเขาเดินเข้ามาก็ยังไม่รู้สึกตัว

 

“ฟื้นแล้วหรอ แกต้องขอบคุณคุณไมค์เขาที่ไปช่วยแกออกมาจากไอ้พวกนั้น แล้วแกโดนอะไรบ้าง ทำไมถึงสลบไป” พ่อของเฟิร์สเมื่อเดินเข้ามาถึง ก็ยืนสำรวจลูกชายนิ่ง หน้าตาก็ไม่ได้ฟกช้ำ แต่ทำไมถึงสลบ แถมยังโดนพวกนั้นเอาตัวไปได้ง่ายๆ

 

“อ๊ะ... คือว่า” เฟิร์สสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงของพ่อตน ส่วนพ่อได้จ้องเขาเขม็งราวจับผิด เฟิร์สก็ได้แน่นิ่ง อึ้ง คิดไม่ทันไม่รู้จะตอบอะไร ก็ในเมื่อเรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่พ่อเข้าใจ แต่จะให้พูดไปก็คงไม่เชื่อ 

 

ดวงตาคมของพ่อจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเฟิร์ส ซึ่งเฟิร์สก็ได้แต่อึกอัก เพราะไม่รู้จะโกหกพ่อยังไง เขาไม่ได้เป็นคนคิดแผนนี้ขึ้นมาแต่แรก และไม่รู้จะทำยังไงต่อไป จนชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆพ่อพูดออกมาให้เขา

 

“คือว่า ตามที่ผมเล่าไปนะครับคุณวิรัชน์ คุณเฟิร์สโดนพวกมันโปะยาสลบ แต่ท่านประธานกับผมไปทันซะก่อนเลยพาตัวออกมา แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่าพวกนั้นมันเป็นใคร เพียงแต่ท่านประธานบอกว่าให้ผมช่วยพาคุณเฟิร์สมาส่งโรงพยาบาลก่อน”

 

ชายแปลกหน้านั่นพูดออกมาให้เขาแทน เฟิร์สได้แต่นั่งนิ่ง มองทั้งพ่อและชายคนนั้นสลับกันไปมา ชายคนนี้เป็นใคร เขาไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้า

 

“เดี๋ยวผมจัดการต่อเองครับ ขอบคุณคุณมากที่ช่วยพาลูกชายผมมาส่งที่นี่ และฝากขอบคุณคุณไมค์ที่ช่วยพาลูกผมออกมาได้ทัน ไว้มีโอกาสผมจะหาทางตอบแทนให้”

 

“ยินดีครับ งั้นผมขอตัวก่อนเลยนะครับท่าน”

 

เฟิร์สได้แต่มองทั้งพ่อและชายแปลกหน้าคุยกัน ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ ทำไมถึงพูดเหมือนรู้ทุกอย่าง จนเขาเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ ยกมือข้างหนึ่งห้ามชายแปลกหน้าที่กำลังจะออกไป แล้วเอ่ยเรียกไว้พร้อมถามสิ่งที่ค้างคาในใจ

 

“เดี๋ยวครับ คุณเป็นใคร แล้ว...รีส เอ่อ ไมค์ไปไหน”

 

ทั้งพ่อทั้งชายแปลกหน้าหันมามองเขา ชายคนนั้นนิ่งไป พ่อของเขาก็เบนสายตาไปมองชายแปลกหน้านั่นแทน ชายคนนั้นกับทำท่าทีสบายๆยกมือขึ้นขยับขาแว่นที่ตนสวมไว้ และยกยิ้มขึ้น เดินมายื่นมือออกไปจับกับเฟิร์สพร้อมแนะนำตัว

 

“ขอโทษทีนะครับที่ไม่ได้แนะนำตัวกับคุณเฟิร์สอย่างเป็นทางการ ผม นพภดลครับ เรียก เชน ก็ได้ เป็นเรขาส่วนตัวของท่านประธาน ท่านไมค์น่ะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก พอดีวันนั้นผมกับท่านประธานผ่านไปทางโรงแรมนั้นพอดีแล้วเห็นเหตุการณ์เข้าเลยช่วยเหลือและพาคุณมาส่งที่นี่ เสียใจจังนะครับที่จำได้แค่ท่านไมค์คนเดียวที่ไปช่วย แล้วก็...ไม่มีคนที่ชื่อรีสนะครับ” เชนพูดออกมายาวเหยียดและกระซิบประโยคท้ายเบาๆกับเฟิร์ส ใบหน้าขี้เล่นเจ้าเล่ห์ฉายชัดออกมา แว่นที่สวมไม่ได้ช่วงพรางตาได้เลยว่าเขารู้อะไรบางอย่าง

 

“เรื่องจริงรึเปล่า แลมป์กลับมาเมื่อไหร่ จะให้มันไปตรวจสอบดูอีกที” พ่อของเฟิร์สหันมามองหน้าเฟิร์สเป็นเชิงต้องการคำตอบ เฟิร์สก็ได้แต่พยักหน้างึกงัก พ่อของเฟิร์สจึงพยักหน้ายอมเชื่อ จึงพูดต่อว่าจะให้แลมป์จัดการเอง

 

‘ขอโทษนะแลมป์ ฉันปฏิเสธไม่ได้จริงๆ’ เฟิร์สได้แต่ขอโทษแลป์ในใจ เพราะแบบนี้คือแลมป์ทำงานพลาด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแน่นอน และพ่อของเขาก็คงสงสัย เดี๋ยวจะหาโอกาสพูดกับพ่ออีกครั้งละกัน ไม่งั้นแลมป์เดือดร้อนแทนแน่ๆ

 

พ่อพูดคุยเพิ่มอีกเล็กน้อย พอลูกน้องเดินเข้ามากระซิบบางอย่างก็กลับไป บอกว่ามีงานต่อ เหลือลูกน้องพ่อไว้แค่เฝ้าประตูเท่านั้น ส่วนเฟิร์สก็ได้มีตั้งคำถามกับตัวเองมากมาย โดยเฉพาะ เรื่องที่รีส ปล่อยตนออกมา

 

...

 

เชน ผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์ดังเด็กอายุ17 ดวงตากลมโตสีฟ้า ผมสั้นสีน้ำตาล จมูกสวยรับกับริมฝีปากสีส้มอ่อน สวมแว่นกรอบสีเหลี่ยมเพียงพรางสายตาให้ดูโตขึ้น เขายิ้มกว้างและก้มหัวกล่าวอำลาอีกครั้ง พร้อมกับเดินออกจากห้องนั้นไป ทิ้งไว้แต่คำถามมากมายภายในใจของเฟิร์ส

 

เชน เดินหน้านิ่งมาตลอดทางลงถึงรถแล้วขับออกไป เขารู้ว่ามีคนตามเขาอยู่ อาจจะเป็นคนของพ่อเฟิร์ส แต่พอพ้นจากเขตโรงพยาบาลมาแล้วก็ไม่ตาม

 

เชนได้จอดรถตรงซอกแคบไร้ผู้คน มือต่อสายโทรศัพท์ถึงใครบางคน หยิบหูฟังบลูทูธมาสวมไว้ ปรับกระจกเพื่อมองตัวเอง ยกมือถอดแว่นและคอนเทคเลนส์สีฟ้าออก รวมถึงวิกผมสีน้ำตาล เผยให้เห็นใบหน้าของหนุ่มน้อยผู้มีใบหน้าน่ารัก ผมสีดำหน้าม้า ดวงตาสีดำกลมโตไร้ขอบแว่น  ริวฝีปากสีส้มอ่อน ดูแล้วน่ารักสดใสราวเด็กหนุ่มวัยมัธยมธรรมดา

 

แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ถึงจะเป็นเพียงเด็กมัธยมปลายที่เบื้องหน้าธรรมดาแต่เบื้องหลังเขาคือแฮกเกอร์มืออาชีพที่รับงานจากทุกคนที่จ่ายหนักๆ โดยเฉพาะการอยู่ในทีมเดียวกับแลมป์ แต่อย่างที่บอกเขาไม่ผูกขาดกับใคร เขาทำงานให้ทุกคน แต่จะทำเพียงการนั่งอยู่หน้าคอมเท่านั้น ไม่ออกนอกสนามแต่ครั้งนี้เขายกเว้นเพราะหาคนให้ไม่ทันจริงๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกยกยิ้มขึ้น หลังได้ยินเสียงสัญญาณมือถือจากปลายสายที่กดรับสายแล้ว

 

“งานสำเร็จไหม เชน” เสียงปลายสายพูดมาอย่างร้อนใจ ทำให้เขายิ่งยกยิ้มมากขึ้นไปอีก อยากจะแกล้งตามนิสัยของตน

 

“รับสายก็ถามถึงแต่เป้าหมายที่อยากรู้ ไม่คิดจะถามถึงผมบ้างหรอครับ ว่าจะเป็นอะไรรึเปล่า เพราะถ้าไม่ใช่พี่ผมไม่ออกงานนอกสนามแบบนี้นะครับ” เชนยิ้มขำ เพราะได้ยินเสียงอีกฝ่ายคำราม พ่นลมหายใจและกำลังควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ให้โกรธอยู่

 

“อย่ามาเล่นลิ้น เชน” เสียงจากปลายสายดุขึ้น ส่วนเชนก็ได้แต่ขบขัน ที่ได้แกล้งคนอื่นเล่น

 

“คร้าบๆ สำเร็จสิ เรื่องแค่นี้ ผมส่งคนของพี่สู่มือหมออยากปลอดภัยครับ ทางนั้นเชื่อสนิทใจ”

 

“แล้วหมอล่ะ”

 

“กำลังติดต่อครับ ใกล้แล้วแหละ ว่าแต่ คนๆนี้คือคนพิเศษของพี่หรอครับ ถึงได้ห่วงใยมากขนาดนี้ ไหนว่าปีสาจอย่างพี่ไร้หัวใจไง พี่รีส”

 

ตู๊ดๆๆ

 

“อ่าว วางไปซะแล้ว เขินเป็นด้วยหรอ เพิ่งเคยเห็นปีศาจมีหัวใจแฮะ อิอิอิ”

 

เชนเก็บหูฟังบลูทูธลง ยกยิ้มขำกับรีส เขารู้จักกับรีสจากการเข้าไปสอดแนมทางองค์กรและทำงานลับๆให้กับหมอพอล ด้วยนิสัยที่ชอบอะไรแปลกใหม่เห็นผลงานวิจัยที่ทำกับรีสแล้วเขาเลยยิ่งสนใจ วันที่รีสหลบหนีจากองค์กรออกมาเขาก็ดูเหตุการณ์นั้นผ่านกล้องวงจรปิด และติดต่อไปหารีสโดยตรง และทำงานให้ด้วยความเต็มใจแลกเปลี่ยนกับข้อมูลของการที่ร่างกายนั้นกลายเป็นปีศาจมากกว่าที่องค์กรนั่นรู้ และครั้งนี้เขาก็อาสาที่จะพาเฟิร์สมาส่งและออกงานนอกสนามเอง เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหมอพอลหรือคนอื่นๆที่ทำงานร่วมกันจึงต้องลงมือเอง

 

เขาทำงานให้กับหลายคน แต่ก็ไม่เคยพร่างพรายเรื่องส่วนตัวของใคร ไม่ว่าเรื่องนั้นจะผิดกฎหมายหรือผิดกฎความเป็นมนุษย์แค่ไหน เขาแค่รู้สิ่งที่เขาควรรู้และอยากรู้เท่านั้น นี่เป็นอีกหนึ่งที่ใครๆต่างก็ต้องการทำงานกับเขา ยังไม่รวมฝีมือที่เก่งกาจเทียบชั้นแนวหน้าของหลายๆประเทศ แต่คนที่จะทำงานกับเขาได้นั้น เขาจะต้องมีความชอบส่วนตัวและเขาเป็นคนติดต่อไปเองเท่านั้น เพราะเช่นนี้จึงไม่มีใครจับเขาได้ มือแฮกเกอร์ที่มีนามกระฉ่อนว่า ซี

 

...

 

อีกด้าน

 

เวลา 25:45 น.

 

กลางคืน สำหรับบางคนมันคือสิ่งที่ดำมืดน่ากลัว ทุกสิ่งอย่างมีแต่เงา ไม่น่าพิสมัย มองไปทางใดก็มืดมิดหาสิ่งใดไม่เจอ พบเจอแต่สิ่งที่น่าขนหัวลุกให้พาหัวใจจินตนาการ แต่สิ่งที่น่ากลัวและสยดสยอง

 

แต่สำหรับบางคนความมืดมิดคือเสน่ห์อย่างหนึ่ง ความเงียบสงัด สงบนิ่ง สายลมเย็นที่พัดบางเบาคลายความตึงเครียด พระจันทร์กลมโตส่องสว่างสวยงาม ดวงดาวสุกสกาวโดดเด่นอยู่บนท้องนภาสีนิล

 

“เราขับรถมาถึงที่นี่เลยหรอ”

 

เมื่อดวงตามองสบไปด้านหน้าพบกับสถานที่อันคุ้นเคยเมื่อก่อนอยู่ด้านหน้า เขาก็จอดรถไว้หลังจากขับรถไปเรื่อยอย่างเหม่อลอย เพื่อจะเดินผ่านทางเปลี่ยวไปยังที่ที่เขาชอบมาเป็นประจำเวลาทุกข์ใจเมื่อก่อน

 

ริมฟุตบาทข้างถนนเปลี่ยวยามค่ำคืน แสงไฟหรี่จากเสาที่ห่างกันพอควรต้นไม้พลิ้วไหวลู่ลมเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด สายลมเย็นพัดเอื่อย แมลงกรีดร้องดังระงม มองไปด้านไหนก็มืดมิด บรรยากาศน่าขนหัวลุก ถ้าใครต้องผ่านแถวนี้คงต้องรีบจ้ำอ้าวกลับที่พักเป็นแน่ เพราะกลัวจะเจอกับบางสิ่งที่น่ากลัวเกินจินตนาการได้

 

แต่สำหรับรีส ความมืดมิดที่คุ้นเคยทำให้สองขาแกร่งยังคงก้าวเดินตรงไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

 

“ที่นี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”

 

ดวงตาคมมองสำรวจไปทั่ว หลังเดินมานั่งลงที่ม้านั่งตัวเดิมที่เคยนั่ง ที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มองเห็นใจกลางสวมหย่อมที่เขียวขจีงดงามสบายตายิ่งนักเมื่อก่อน แต่บัดนี้มันเหลือเพียงกิ่งไม้แห้งตายขาดคนดูแล

 

“...เฟิร์ส” รีสนั่งเหม่อ มองออกไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย เรียกชื่อเฟิร์สออกมาเบาๆ

 

มือยกสร้อยข้อมือที่มีจี้ตัวอักษรFอยู่ ตัวอักษรที่เป็นตัวย่อของชื่อเฟิร์ส ที่เขาตั้งใจจะให้เฟิร์สวันที่ขอเฟิร์สเป็นแฟนได้สำเร็จ ขณะที่ตนยังเป็นไมค์อยู่ ดวงจาไร้แววนั้นมองนิ่งแล้วได้แต่ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภายในใจเป็นทุกข์รู้สึกเจ็บปวดแปลกๆทั้งๆ อยากพูดขอโทษอีกคนขนาดไหนก็ทำไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้ก็เพียงแค่สัญญาว่าจะปล่อยไปจริงๆก็เท่านั้น

 

มือนั้นยกสร้อยข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้ง ยกมันขึ้นจูบเบาๆให้ริมฝีปากสัมผัสไปถึงถึงอีกคนที่อยากจะให้ รีสหลับตาลงช้าๆ จูบอยู่เนิ่นนานแล้วลืมตาขึ้น รีสคายมือออกช้าๆปล่อยให้สร้อยข้อมือล่วงหล่นลงที่พื้นข้างม้านั่งตัวนี้ ตามอารมณ์และความรู้สึกต่างๆที่มีต่อเฟิร์สให้จบสิ้นไป

 

รีสเงยหน้ามองดวงจันทร์นิ่ง เขาจะทำอะไรต่อไปดี จบสิ้นความแค้น จบสิ้นสิ่งที่อยากจะทำ ให้อิสระแก่คนๆนั้น แล้วเขาควรทำยังไงต่อไป หรือจะกลลับไปทดลอง ให้ดร.ศึกษาร่างกาย ทิ้งความรู้สึกของตนให้ตายตามหัวใจไป หรือเขาควรจะทำอะไรต่อไปดี… ในเมื่อไม่มีจุดหมาย...ไม่มีคนให้ห่วงใย...ไม่มีคนให้ดูแล...

 

“เตอร์!!”

 

รีสลุกพรวดจากม้านั่ง เมื่อจู่ๆภาพของคนบางคนที่เขารักที่เขาสัญญาว่าจะดูแลลอยเข้ามาในห้วงความคิด แทรกกับใบหน้าของเฟิร์ส เขาลืมสิ่งที่เขาตั้งใจไป สิ่งที่ทำให้เขาไมอยากตาย ไม่ใช่การแก้แค้น แต่เป็นสิ่งสำคัญที่เขาควรต้องดูแล และควรคิดได้ให้นานกว่านี้ คนๆนี้อ่อนแอ ตอนนี้จะร้องไห้ขนาดไหนแล้วนะ

 

“เตอร์ รีสขอโทษ” เขาได้แต่กล่าวขอโทษเบาๆ แล้วลุกจากม้านั่ง เดินออกไปจากสวนสาธารณะนี่ทันที สวนกับชายที่มีท่าทางเมามายที่กลับจากการไปยื่นฉี่หลังต้นไม้ใหญ่ที่หันกลับมามองรีสทำหน้าเสียดาย และเดินกลับไปเข้ากลุ่มของตนที่นั่งสุ่มหัวกันอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้น

 

...

 

รีสตามสืบเรื่องของทามกับติวเตอร์ จนรู้เรื่อง อยากช่วยแต่ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะเรื่องของตัวเองยังไม่รู้จะจัดการยังไง และจะใช้เงินมากมายเหมือนตอนเป็นไมค์แรกๆไม่ได้ เพราะไม่ให้ความร่วมมือกับดร.เต็มที่ จึงแค่ตามช่วยไม่ให้ติวเตอร์โดนรังแกตอนอยู่ในที่สาธารณะเงียบๆ เหมือนวันนี้

 

รีสเดินตามเข้าไปในห้องน้ำสาธารณะที่ทามลากติวเตอร์เข้าไป จากนั้นก็เงียบไป และมีเสียงแปลลกๆดังรอดออกมา แต่เมื่อได้ยินเสียงขอให้ช่วยจากติวเตอร์ รีสก็เดินไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ และเคาะประตูเสียงดัง

 

อีกด้านหนึ่ง


วันนี้ทามกับติวเตอร์ ไปเดินเที่ยว หรือเดทกันเหมือนที่ทามบอกก่อนถึงวันจริง ทามใช้คำพูดที่จะช่วยมาบังคับติวเตอร์และคำนี้ใช้ได้เสมอ จึงยอมตกลงมาด้วย

 

พอมาถึง พวกเขาก็เดินเที่ยวกัน จากที่ติวเตอร์หน้าบูดไม่ยอมพูด ก็เริ่มสนุกขึ้น จนทามยิ้มได้ ทั้งสองคนเล่นเครื่องเล่นอย่างมีความสุข จนลืมตัวไปเพราะติวเตอร์ไม่ได้มาเที่ยวสวนสนุกนานมาก

 

[ทาม]

 

รอยยิ้มของติวเตอร์นั้นสดใส เป็นรอยยิ้มที่ผมชอบมองมัน ตั้งแต่วันแรกที่เห็นที่ผับนั่น รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ดึงดูดให้เขามองตามอย่างห้ามใจไม่ได้ แต่ยิ่งพอเข้าใกล้รอยยิ้มนี่ก็เหมือนจะจางหายไปมากขึ้นเท่านั้น

 

และก็เหมือนจะไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่คิดแบบั้น รอยยิ้มแสนน่ารักของติวเตอร์ก็ยังมีเสน่ห์ต่อคนรอบข้าง ผู้ชายหลายคนเริ่มมองคนของผมอย่างไม่ปิดบัง แต่บางคนก็หลบสายตาไปเพราะผมจ้องพวกนั้นอย่างบอกเป็นนัยๆว่านี่ของผม แต่จนแล้วจนรอดก็ยังมีจนได้ ชายคนหนึ่งเดินมาหาพวกเรา ขณะที่กำลังนั่งพักกินน้ำกันอยู่ สายตามันมองหน้าติวเตอร์อย่างบ่งบอกความต้องการชัดเจน

 

“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าน้องสองคนเป็นแฟนกันรึเปล่า ถ้าไม่ใช่ พี่จะขอเบอร์น้องคนนี้ได้รึเปล่า”

 

ผมหันขวับไปจ้องหน้ามันอย่างไม่พอใจ แต่มันก็ทำหน้ามึนไม่สนใจ เอาแต่มองหน้าติวเตอร์อย่างรอคอยคำตอบ

 

“เอ่อ มะ ไม่ใช่แฟ”

 

“ไม่ได้! เราเป็นแฟนกัน! ถ้ามีเรื่องอะไรสงสัยอีก ถามผมดีกว่า”

 

ผมลุกพรวดขึ้นยืนประจันหน้ากับไอ้หน้าด้านนั่น โมโหเว้ย ที่ของเล่นดันบอกว่าไม่ใช่แฟน เดี๋ยวเราได้เจอดีกันติวเตอร์ ไอ้ตัวเล็กนี่ก็ได้แต่ทำตาปริบๆไม่รู้เรื่องอะไรอีก

 

“ก็น้องคนนั้นบอกว่าไม่ใช่” ไอ้นั่นยังกล้าพูดมาต่อ มันยืดอกยืนตัวตรงหน้าผมอย่างท้าทาย

 

“มึงจะเอาไง!” ผมคว้าคอเสื้อกระชากมันเข้าหา ง้างหมัดหนักๆเตรียมไว้เข้าตั๊นหน้ามัน แต่กลับถูกคนต้นเรื่องห้ามไว้ซะก่อน

 

“หยุดเถอะครับพี่ทาม ต้องขอโทษด้วยนะครับพี่” ติวเตอร์มันทำหน้าดุใส่ผม หลังผมเอามือลง ฟึดฟัดไม่พอใจมันอยู่ แต่มันกับไม่รู้เรื่อง ยังไปก้มหัวขอโทษไอ้หน้าด้านนั่นอีก ผมก็ได้แต่เลือดขึ้นหน้าอีกครั้ง เตรียมจะวิ่งเข้าใส่มัน ส่วนมันก็ตั้งท่ารออยู่ก่อนแล้ว แต่ก็อีกแหละ ติวเตอร์วิ่งเข้ามาขว้างไว้ จนต้องเลิกรากันไป

 

ผมได้แต่โมโหมันมากที่ทำแบบนี้ ผมจึงลากมันมาที่ห้องน้ำสาธารณะเพื่อทำโทษ ส่วนติวเตอร์ก็ได้แต่หน้าบูดไม่พอใจ ปากก็บ่นผมสลับกับโวยวายบ้างเจ็บบ้างให้ปล่อยบ้าง จนมาถึงห้องน้ำ ผมผลักมันเข้าไปข้างในห้องน้ำแล้วเบียดตัวเองแทรกเตามเข้าไป ล็อคกลอนทันที

 

“จะทำอะไร!” ติวเตอร์หน้าเสียครับ น่าแกล้งจังวะ แต่ตอนนี้ น่าโมโหมากกว่า มาให้ลงโทษซะดีๆ

 

“อื้อ อะ อ่อยยย”

 

ผมไม่พูดอะไร เดินตรงไปจับหน้ามันล็อคไว้ แล้วก้มลงชิมริมฝีปากที่เอาแต่โวยวายนั่น ส่งลิ้นร้อนชอนไชชิมน้ำหวานในปากบางอย่างช้าๆจนทั่ว มือเล็กๆนั่นก็เอาแต่ทุบผม และร้องบอกให้ปล่อย สักพักใหญ่ๆผมก็ลพออกมา ใบหน้าของติวเตอร์ขึ้นสีแดง หอบหายใจหนัก น่ารักชะมัด

 

เพี๊ยะ!! เสียงตบจากฝ่ามือเล็กนั่นดังสนั่น

 

“ติวเตอร์!” ผมนิ่งอึ้งไปสักพัก ยกมือจับหน้าตัวเองที่เริ่มชา ตะโกนออกไปด้วยความโมโห จนร่างเล็กนั้นสะดุ้งตกใจ ร่างกายสั่นไหวไม่หยุด

 

“หึ สมน้ำหน้า ตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอว่าจะไม่ทำแบบนี้ แต่นายก็ยัง อ๊ะ ปล่อยนะ เจ็บ ช่วยด้วย” ติวเตอร์ทำใจสู้ ทั้งๆที่ไม่กล้าสบตาด้วยซ้ำ พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ ที่ผมผิดสัญญา ใช่ผมผิดสัญญาแต่ผมก็เคยจะเอามันก่อนวันนั้นจะมาถึง และอีกอย่างของเล่นไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเจ้านาย

 

“ร้องไปเถอะ ไม่อายรึไง ที่อยู่ในห้องน้ำกับผู้ชายในที่สาธารณะ”

ผมยกมือบีบกแขนติวเตอร์กดมันลงกับกำแพงแน่น ติวเตอร์ก็ได้แต่ดิ้นขัดขืน มือที่ว่างก็ทุบหน้าอกผมรัว ปากถูกกัดไว้กั้นเสียงเพราะความอาย มือผมอีกข้างพยายามแหวกเสื้อเพื่อทำสัญลักษณ์ให้เห็นเด่นชัดตรงคอเพื่อกันพวกหมาหิวพวกนั้นอีก

 

แคว่ก!

 

เหมือนผมจะกระชากแรงไปหน่อย เสื้อที่ติวเตอร์ใส่มา กระดุมกระเด็นหลุด ทำให้เสื้อนั้นแหวกกว้างจนเห็นตุ่มไตสีชมพูน่าชิม ผมมองตรงยอดอกนั้นค้าง กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ รวบเอามือของติวเตอร์อีกข้างที่น่ารำคาญเก็บไว้เหนือหัวด้วยกัน เสียงสะอื้นไห้ของคนตัวเล็กไม่ได้เข้าสู่ประสาทผม ผมค่อยๆก้มหน้าลงต่ำเรื่อยๆ ลำคอแห้งผาก อยากลิ้มลองเป็นที่สุด แต่แล้วอารมณ์ก็ต้องสะดุดเมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้องน้ำ

 

ก๊อก ก๊อก

 

“หึ่ย ใครวะ!” ผมได้แต่ถอนหายใจอารมณ์เสียอย่างหนัก ยกนิ้วมือจ่อปากติวเตอร์ไม่ให้ส่งเสียง และตะกอนถามออกไป แต่จนแล้วจนรอดก็เงียบไม่มีเสียงตอบรับ แต่พอผมจะทำต่อก็มีคนมาเคาะประตูอีกหลายครั้ง จนผมทนไม่ไหวออกไปเปิดหาตัวการทีละห้องแต่ก็ไม่เจอใคร แต่ผมก็หมดอารมณ์จะทำต่อ ได้แต่ลากติวเตอร์ออกมาและถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองคลุมคนตัวเล็กที่เอาแต่สะอื้นไปจนถึงรถ
 



...



มาแล้วจ้าาา ^^



ตอนใหม่ พร้อมตัวละครใหม่อีกตัว ที่จะมีความสำคัญในช่วงต่อๆไปค่ะ



ตอนนี้เป็นยังไงกันบ้างค้าา



...มีความรู้สึกอยากเปลี่ยนชือเรื่องเลยค่ะ ยิ่งเขียนยิ่งออกแฟนตาซีมากๆ



....



ขอบคุณทุกๆแรงกำลังใจ และทุกท่านที่ติดตามไม่ทิ้งไปไหนนะคะ

 

...

 

ปล.มีใครจะสนใจอยากให้เค้ารวมเล่มบ้างมั้ยน้ออออ มือใหม่หัดคุย


...

รีสก็รักเฟริส์นี้เองแค่ไม่อยากให้เฟริส์ลืมตัวเอง โธ่ๆ
แอบมาอ่านทีเดียวสองตอนรวด อิอิ #ฟิน  :mew1:

ค่าาา รักหรือไม่รัก แต่ดุเหมือนจะยังไม่รู้ใจตัวเองล่ะมั้งคะ
คิดว่าทิ้งกันไปซะแล้วนะคะเนี่ย ยังกลับมาเม้นให้กันอยู่ ขอบคุณค่า

รีสน่าสงสารคนนะไม่ใช่หนูทดลองถึงตายแล้วก็เถอะ ใจร้ายมากเลยดร.
ใช่ค่า ดร.ใจร้ายมากเลย มาช่วยกันลุ้นนะคะว่าดร.จะดีหรือร้ายกันแน่ แล้วจะมรจุดจบแบบไหน
ขอบคุณที่ติดตามนะค้าา

อิ่มมอีกแล้ววว   


แล้วก้เริ่มอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆซะแล้วซิ่ครับ
มาแล้วค้าาาา ตอนใหม่ ชอบรึเปล่าไม่รู้ :mew2:
แต่ตั้งใจเขียนมาให้อ่านกันนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่า

ออฟไลน์ rosetears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
#ไม่หนีๆแน่นอนค่า
พี่ทามอย่าใจร้ายกะน้องมากนะ
รีสแอบน่าสงสารอ่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk


Me die

 

27 : คำคืนอันยาวนาน

 



สวนสาธารณะแห่งหนึ่งยามค่ำคืน ที่ไม่มีผู้ใดใช้งานมานานแล้ว รอบข้างเงียบสงัด บรรยากาศวังเวงดูน่ากลัว มีดวงไฟสลัวๆตามทางเดินเพียงเท่านั้นที่ส่องแสงอยู่ร่ำไร เสาไฟแต่ละต้นก็ห่างกันไกลพอสมควร

 

พื้นถนนเล็กๆที่เคยขาวสะอาดบัดนี้กลับทั้งดำมีหลุมขรุขระเต็มไปหมด เศษใบไม้แห้งไหวปลิวทั่วบริเวณบ้างก็ทับถมกันเป็นกอง ต้นไม้ดอกไม้เล็กใหญ่ที่เคยใช้ประดับก็เหี่ยวเฉาตายลง เศษดินแห้งเป็นผง กระถางแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย นางฟ้าน้อยในน้ำพุที่เคยสวยงามบัดนี้กลับกระดำกระด่างมองคล้ายว่าเธอจะร้องไห้ดูน่าเวทนา

 

มุมหนึ่งซึ่งก่อนเคยเป็นที่นั่งพักผ่อนมีชายฉกรรจ์ 4-5 คน จับกลุ่มมั่วสุมกันอยู่ในสวนสาธารณะแห่งนี้เป็นประจำทุกคืน บางครั้งชายกลุ่มนี้ก็เอายามามั่วสุมกันจนเมามายคอยดักปล้นและก่อกวนผู้คนที่ผ่านไปมาจนผู้คนหวาดระแวงแทบไม่กล้าผ่านไปมา จนที่แห่งนี้จะกลายเป็นแหล่งมั่วสุมยานรกและของมึนเมาทั้งหลายของกลุ่มชายชั่วพวกนี้เต็มตัว

 

“เห้ย! มีเหยื่อหลงเข้ามาอีกแล้วว่ะพวก” ชายหนึ่งในนั้นเอ่ยบอกแก่พวกที่เหลือด้วยน้ำเสียงมึนเมา เมื่อเห็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายหลงเดินอยู่คนเดียว ห่างจากพวกมันไปพอสมควร

 

“หวานหมูอีกแล้วว่ะพวก แต่เสียดายที่แม่งเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงนะมึง แค่คิดก็เสียวแล้วว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” ชายอีกคนพูดขึ้นน้ำเสียงยานคางและอาการมึนเมา ยกมือขึ้นลูบปากเช็ดน้ำลายเมื่อพูดถึงหญิงสาวด้วยอารมณ์หื่นกาม เรียกเสียงหัวเราะจากพวกที่อยู่ในอาการมึนเมาจากสิ่งเสพติดทั้งหลายเป็นอย่างดี

 

และแล้วพวกมันทั้ง 5 คนก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ในมือหยิบคว้าของใกล้ตัวมาเป็นอาวุธ ยกยิ้มชั่วร้ายมองหน้ากันไปมา แล้วพยักหน้าตกลงกันได้ ก็เดินแบ่งเป็นสองกลุ่มเดินไปหาชายผู้เคราะห์ร้ายที่กำลังก้มๆเงยๆบริเวณม้านั่งข้างหน้าเหมือนกำลังหาอะไรอยู่

 

“น้องชาย มีอะไรให้พวกพี่ช่วยไหม”หนึ่งในสามที่เดินแยกกลุ่มออกไป เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายคนนั้น กระจายตัวกันออกห่างเพื่อกันไม่ให้หนีได้ ยกยิ้มแสยะและทำท่าทางนักเลงผิดกับคำพูดที่พูดถามออกไป

 

“อ่าวเห้ย! พี่อ๊อดเขาถามด้วยความหวังดี ทำไมเอ็งไม่ตอบวะ” ชายมึนเมาที่ยืนอยู่ข้างซ้ายคนที่ชื่ออ๊อดพูดขึ้นด้วยท่าทีที่เริ่มโมโห เมื่อคนที่ถูกถามยังคงก้มหน้าไม่พูดไม่จา แถมยังไม่ยอมเงยหน้าสบตาพวกมัน

 

“ใจเย็น เด็กมันคงไม่ได้ตั้งใจ” ชายที่ชื่ออ๊อดยกมือกันทั้งสองคนที่อยู่ซ้ายขวา ที่ทำท่าจะเข้าไปรุมขายแปลกหน้าคนนั้น

 

“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกแก ถ้าไม่อยากตายไปซะ” ชายคนนั้นยังคงก้มหน้าในความมืดตรงม้านั่งตัวยาวนั้น ไม่เงยไม่หันหน้าไปสบตาพวกมันเช่นเคย ทำแค่เพียงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแสนเย็นชา

 

ถ้าพวกมันอยู่ในสถานะเช่นคนปกติคงจะรู้สึกขนลุกและหวาดกลัวในแรงกดดันจากเสียงนั้นได้ดี เว้นแต่พวกนี้ก็ยังคงมึนเมาในสิ่งเสพติดที่พวกมันเสพเข้าไป ทำให้รู้สึกโมโหมากกว่าที่จะหวาดกลัวและหลีกหนีไป แต่พวกมันกลับพากันเรียกพรรคพวกที่แอบซ่อนอยู่อีกสองคนเพื่อหวังชิงทรัพย์ก่อนหน้าให้ออกมารุมชายแปลกหน้าคนนี้ ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าพวกมันอาจจะจบชีวิตที่บัดซบลงตอนนี้

 

“ไอ้เหี้ยนี่! พูดจาแบบนี้ แสดงว่าเอ็งไม่อยากมีชีวิตอยู่สินะ”

“พวกเราเล่นมันเลยดีมั้ยพี่อ๊อด แล้วเอาของมันไปขายเอาเงินไปซื้อยามาเสพดูดกันดีกว่า ”

 

ชายสี่คนที่ออกมายืนล้อมชายแปลกหน้าที่พูดจ้าท้าทายเจ้าถิ่นอย่างพวกมัน ทำท่าพร้อมจะลุยกันเต็มที่ แค่รอคำสั่งจากพี่ใหญ่ที่ชื่ออ๊อด บ้างยกขวดเหล้าที่พวกกินหมดง้างมือรอฟาดเต็มแรง อีกคนก็พับแขนเสื้อยกมือตั้งการ์ดท่ามวยปลอมๆ อีกคนก็โน้มตัวเตรียมปรี่ใส่หักมือกร๊อบแกร็บแล้วหยิบไม้ที่ตนเหน็บไว้ที่เอวมาถือไว้ อีกคนก็ควงมีดพกเล่มเล็กๆเอียงคอไปมาเตรียมตัวเต็มที่ ส่วนคนที่ชื่ออ๊อดยังคงมองนิ่งๆเหมือนให้โอกาส เมื่อชายแปลกหน้ากำลังยืนขึ้นช้าๆ

 

“อยากตายกันนักรึไง ถึงไม่ไสหัวของพวกแกไปจากตรงนี้กันสักที” ชายแปลกหน้าผู้เคราะห์ร้ายลุกขึ้นยืน แต่ยังคงก้มหน้านิ่ง พูดเสียงน่าขนลุกช้าๆ อย่างไม่เกรงกลัวใส่พวกนั้นที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังจะกลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายแทนซะเอง

 

“ไอ้เหี้ยนี่! พวกเราลุยเลย!” ชายที่ชื่ออ๊อดเลือดขึ้นหน้าด้วยความไม่พอใจอย่างแรง สั่งพวกที่เหลือให้ลงมือเข้ารุม พวกมันทั้ง 5 คนวิ่งกรูเข้าหาชายคนนั้นด้วยความรวดเร็ว ง้างมือที่ถืออาวุธเข้าหา บ้างก็กระโดดถีบ หวังให้ล้มเพื่อรุมกระทืบและเตะซ้ำตามลำตัว

 

แต่หากเป็นพวกมันที่คิดผิด เข้าโจมตีบางสิ่งบางอย่างที่พวกมันไม่สมควรเข้าไปยุ่งด้วยเลยสักนิด หากยังอยากมีชีวิตมีลมหายใจต่อไป

 

ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองหน้าพวกมันนิ่งงัน แล้วยกยิ้มมุมปาก แยกเขี้ยวเห็นฟันแหลมคมสองคู่บนล่าง ดวงตาสีเหลืองเรืองรอง นัยน์ตารีเรียวดังสัตว์ป่า เล็บมือทั้งสิบนิ้วงอกยาวแหลมดังคมมีด ง้างมือกวาดออกไปข้างหน้าโดนชายคนหนึ่งที่กำลังง้างไม้ยาวจะฟาดใส่จนแขนข้างนั้นหลุดกระเด็น ได้ยินแต่เสียงร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด

 

ร่างกายของชายคนนี้ก็เริ่มเปลี่ยนไปด้วยความรวดเร็ว ใบหน้าของเขานั้นขยับไปมาเปลี่ยนรูป จมูกดำใหญ่สีดำ พ่นลมหายใจจนเป็นไอสีขาว รวมช่วงปากยื่นออกไปข้างหน้า หูมนุษย์แปรเปลี่ยนเป็นงอกยาวแหลมขึ้นสองข้างด้านบนศีรษะ มีเขาแหลมยาวสีดำงอกแทรกขึ้นบนหัวสองข้าง แขนขาแปรเปลี่ยนเป็นลำตัวคล้ายหมาป่าตัวมหึมาสูงกว่าหัวพวกชายกลุ่มนั้น ขนยาวสีน้ำตาลหนาปกคลุมทั่วร่างกาย ยาวพองฟูตั้งแต่ช่วงหลังคอไปจนถึงพวงหางที่ยาวใหญ่เป็นพวงบัดป่ายไปมา

 

ปีศาจหมาป่าร่างยักษ์เข้าโจมตีชายกลุ่มนั้นด้วยความรวดเร็ว กงเล็บใหญ่ตะปมฉีกกระชากร่างกายพวกมันออกจากกัน เขาแหลมพุ่งเสียบคายกชายอีกคนลอยและตกลงสู่พื้น ปากหนาที่อ้ากว้างเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมขบงับลงและดึงกระชากให้เนื้อหนังตรงนั้นหลุดออก เลือดของชายพวกนั้นกระจายไปทั่ว เสียงร้องโหยหวนจากพวกนั้นดังขึ้นและหยุดเงียบลงด้วยความรวดเร็ว

 

ภายในเวลาไม่กี่นาที ชายพวกนั้นก็เหลือเพียงแค่ชื่อ และเศษซากของร่างกายที่หลุดกระจายไปตามพื้นหญ้าแห้ง เลือดชั่วสีแดงฉานไหลนองและซึมลงดินเป็นวงกว้าง ปีศาจหมาป่าร่างยักษ์เดินเก็บกินเศษซากเครื่องในพวกนั้นจนหมดเกลี้ยง เหลือไว้แต่เศษเนื้อหนังและกระดูก กับส่วนที่เหลือของร่างกายภายนอกที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ 

 

หมาป่าร่างยักษ์สีน้ำตาลกลับสู่ร่างมนุษย์เช่นเดิม เป็นชายร่างสูงใหญ่ ผิวขาวในร่างเปลือยเปล่า ใบหน้าคล้ายชายชาวยุโรป จมูกโด่งสวย ผมสีน้ำตาล ดวงตาสีอำพัน ริมฝีปากได้รูปมีเขี้ยวเล็กๆและคาบเลือดสีแดงติดมุมปาก แลบลิ้นของตนเลียเก็บเลือดที่เลอะนั้นจนหมดเกลี้ยง จากนั้นก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าของตนที่หลุดออกจากร่างกายตอนกลายร่างมาสวมใส่ เดินไปหยิบของบางสิ่งที่เขาเจอตรงม้านั่งขึ้นมาชูไว้เหนือหัว

 

“ได้ทั้งเบาะแส ได้ทั้งกินอิ่ม หึ! พวกหน้าโง่ อุตส่าห์บอกให้หนีไปง่ายๆแล้วยังไม่ยอมไป โทษฉันไม่ได้นะ แต่ยังไง ฉัน ไมเคิล ก็ต้องขอบใจสำหรับอาหารมื้อนี้”

 

เขายกยิ้มขึ้นเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ แล้วหันกลับไปยืนมองพวกนั้น พูดขึ้นมาเบาๆกับตัวเอง ทำท่าโค้งคำนับให้เกียรติที่ได้รับอาหาร จากนั้นก็เหลือบตามองสิ่งที่อยู่ในมือ ‘สร้อยข้อมือที่มีจี้ตัวษรF’ ที่มีกลิ่นของปีศาจในตำนานที่เขาตามหามานาน  มือนั้นกำมันแล้วยัดลงกระเป๋ากางเกงตนเอง และเดินจากไปในความมืดมิด ทิ้งสิ่งที่น่าสยดสยองไว้ข้างหลัง

 

...

 

อีกด้านหนึ่ง

 

งานเลี้ยงเล็กๆถูกจัดขึ้นที่บ้านของทาม เชิญเฉพาะเพื่อน แขกที่สนิททางธุรกิจและเครือญาติไม่กี่คน ให้อ้างและถูกจัดฉากว่าเป็นงานแสดงความยินดีที่ทั้งสองครอบครัวได้ร่วมทำธุรกิจกัน

 

แต่แท้จริงถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการประกาศงานหมั้นทั้งๆที่ทั้งคู่ก็ไม่ต้องการ แต่พ่อทั้งสองไปตกลงกันลับหลังเมื่อไหร่ยังไงก็ไม่รู้ ทามและติวเตอร์ถึงได้ยอมทำตาม แต่ความลับมักไม่มีในโลกเสมอ แขกหลายคนที่มาได้แต่ซุบซิบและรู้ถึงเจตนาในการจัดงานครั้งนี้ เพียงแค่ร่วมกันยิ้มปกปิดและเล่นไปตามๆกัน

 

ทามในชุดสูทสีขาวยืนเด่นสง่ารับกับหน้าตาและความสูงที่เพอร์เฟคอยู่หน้างานต้อนรับแขกที่มาเข้างาน รวมทั้งเพื่อนๆที่มาร่วมยินดี และสาวๆของเขาที่ไม่รู้ว่าใครเชิญมางานและมายื้อแย่งอยากจะเป็นคู่ควงในคืนนี้ ซึ่งทามเองก็เอาแต่ยิ้มและไม่ได้ปฏิเสธใครปล่อยให้สาวๆยื้อแย่งตนไปมา เอ๊ะอะเสียงดังอยู่หน้าทางเข้างาน แต่สาวๆก็ต้องจำใจปล่อยเมื่อเห็นพ่อของทามที่เดินยิ้มตรงเข้ามา

 

“สวัสดีค่ะคุณพ่อ หนูชื่อเชอร์เอมค่ะ ลูกสาวของคุณแม่มารตีมาแสดงความยินดีแทนคุณแม่ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

 

หญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างซ้ายของทามรีบปล่อยมือออกจากแขนของทาม และเก็บท่าทางให้ดูเรียบร้อย ยิ้มกว้าง และเดินไปหา  ยื่นมือออกไปทำความรู้จักกับพ่อของทามทันที

 

“สวัสดีจ่ะ ฝากขอบคุณคุณหญิงด้วยนะ แต่พ่อขอยืมตัวทามก่อนนะ ทุกคนคงจะไม่ว่าอะไร”

 

พ่อของทามหันไปยิ้มด้วย และยื่นมือออกจับ พรางคิดไม่ค่อยพอใจกับมารยาทการไหว้ของไทยที่เด็กๆพวกนี้หลงลืมกัน และรีบเอ่ยตัดหน้าชิงตัวทามออกมาซะก่อนที่คนอื่นๆจะพูดขึ้นมาอีก ได้ยินแต่เสียงวี๊ดว๊ายว่ากล่าวกันของสาวๆทั้งหลายเบาๆที่อิจฉาไม่ได้ทำความรู้จักกับพ่อของทามผู้ที่ซึ่งวาดหวังอยากจะเกี่ยวดองกัน

 

เมื่อทามเดินตามพ่อของตนห่างออกมาอยู่กันสองคน พ่อของตนก็ชิงพูดขึ้นมา ทำเสียงเข้มแต่กับมีรอยยิ้มประดับหน้าเช่นเดียวกับลูกชาย

 

“มีอะไรกันรึเปล่าทาม เสียงดังไปจนถึงข้างใน แขกท่านอื่นเขาตกใจกันหมด”

 

“ไม่มีอะไรครับ สาวๆเขาแย่งผมเอง ว่าแต่พ่อมีอะไรรึเปล่าถึงได้ออกมาตามเอง”

 

“ใกล้ถึงเวลาแล้ว ไปตามน้องไป แล้วก็เรื่องพวกนี้อย่าให้มีปัญหาตอนนี้”

 

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับพ่อ แล้วอีกอย่างวันนี้ผมมีความสุขเป็นพิเศษ ไม่ให้เสียฤกษ์หรอกครับ”

 

“แกนี่มันโรคจิตเหมือนใครนะ มีความสุขที่ได้เห็นน้ำตาพวกมันซะจริง ฮ่าๆๆ”

 

“หึ พ่อไงครับ”

 

ทามเดินเบี่ยงหลบจากพ่อ เดินล้วงกระเป๋าอารมณ์ดีเข้าไปในงาน และตรงไปยังห้องแต่งตัวทันที แต่ก็เดินสวนกับพ่อของติวเตอร์ที่เดินทำหน้าเครียดๆผ่านมาซะก่อน จึงเอ่ยทักออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

“คุณพ่อเป็นอะไรรึเปล่าครับ หน้าตาดูเครียดๆ ยิ้มหน่อยไม่ดีกว่าหรอครับ เรากำลังจะได้ร่วมธุรกิจกันนี่นะ”

 

“หึ ธุรกิจ ที่พวกแกสองพ่อลูกสร้างสถานการณ์มาบีบบ้านเราน่ะหรอ อย่ามาพูดดีไปหน่อยเลย แล้วถ้าแกล่วงเกินลูกฉันล่ะก็ แกจะต้องเสียใจ”

 

พ่อของติวเตอร์พูดสวนออกมา แค่นี้เขาก็ทนจะไม่ไหวอยู่แล้ว ยิ่งทามมาพูดแบบนี้ยิ่งทำให้เขาอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรเสียงดังแค่พูดเสียงเข้มให้ได้ยินกันสองคน

 

“ใจเย็นๆก่อนครับคุณพ่อ ผมว่าผมไปตามน้องมาหมั้น เอ้ย ทำสัญญาร่วมงานกันดีกว่านะครับ” ทามพูดยิ้มๆไม่ได้รู้สึกผิดหรือทุกข์ร้อนอะไรกับคำขู่นั่นเลยแม้แต่น้อย แต่กลับสบายๆ

 

แล้วเดินเบี่ยงหลบไปยังห้องแต่งตัวเพื่อหาติวเตอร์อีกครั้ง พ่อของติวเตอร์ได้แต่ทำหน้าเครียดโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะข้อผูกมัดที่ติวเตอร์ยอมเพื่อตนเอง ได้แต่แอบร้องไห้อยู่เงียบๆทุกครั้งไป แต่วันนี้ก็ดันถูกบังคับให้มาร่วมงานโดยที่ปฏิเสธไม่ได้ ถึงจะไม่ได้ต้องการจะให้จัดงานแบบนี้ แต่เพราะสัญญาที่พ่อของทามให้ไว้กับเขาที่ว่าจะไม่ทำให้เรื่องที่ติวเตอร์ยอมเข้าไปอยู่กับทามแพร่งพรายออกไป เพื่อตัวของลูกเขาเองจะได้ไม่อายและเป็นที่นินทาของคนอื่น

 

...

 

ก๊อก ก๊อก

 

“ได้เวลาแล้ว มัวทำอะไรอยู่ เปิดประตูให้พี่หน่อยติวเตอร์”

 

ทามเคาะประตูอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ติวเตอร์ที่นั่งเศร้าอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัวสะดุ้งเฮือก แล้วค่อยๆลุกขึ้นไปเปิดประตูให้ทาม

 

ติวเตอร์ค่อยๆเปิดประตูช้าๆ แต่ไม่ทันใจทามจึงคว้าบานประตู แล้วดันตัวเองเข้ามาในห้องแทน ติวเตอร์ในชุดสูทสีขาวเช่นเดียวกับทาม เครื่องสำอางถูกแต่งแต้มบนใบหน้าขาวใสเล็กน้อยดูน่ารัก ทรงผมก็ถูกจัดแต่งให้ดูดีเข้ากับชุด

 

แม้ชุดนี้จะเป็นเพียงแค่ชุดสูทธรรมดาแต่เมื่อมันอยู่บนตัวของติวเตอร์กับดูพิเศษมากกว่าคนทั่วไปในสายตาของทาม จนทามหยุดสายตาที่จะมองติวเตอร์ไม่ได้

 

“เอ่อ พี่ทามครับ ไหนว่าได้เวลา...อ๊ะ! พี่ทามจะทำอะไร!”

 

ติวเตอร์ที่ตัวเล็กกว่ามองขึ้นไปบนใบหน้าของทามที่ขยับเข้ามาชิดตัว ยกมือขึ้นดันให้ทามถอยห่าง พูดให้ทามถอยจากตนเพื่อลีกเลี่ยงแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นดังคิด เมื่อทามขยับตัวให้เบียดชิดติวเตอร์มากขึ้น จนตัวของติวเตอร์ถอยติดผนังหมดทางหนี

 

“เงียบน่า ก็อยากยั่วสายตาพี่ทำไมล่ะ”

 

“ว่าไงนะครั อ๊ะ คะ แค่นี้เองหรอ”

 

ทามยกมือของติวเตอร์ออกจากที่ดันตัวเองอยู่ แล้วก้มลงจุ๊บที่ริมฝีปากบางนั่นแผ่วเบา แล้วยกออก ยกยิ้มกรุ้มกริ่ม ทำสายตาหยอกล้อเป็นประกายมองไปยังอีกคน ที่ตอนนี้ตาโตด้วยความตกใจ จากที่คิดว่าจะโดนทำมากกว่านี้ เพราะแต่ละครั้งมันไม่เคยน้อยกว่าการจูบที่ดูดดื่มเลย แต่มันไม่ใช่ จึงได้แต่นิ่งอึ้งไป พูดกับตัวเองแผ่วเบา ทำหน้าเหวอจนทามอยากแกล้งขึ้นไปอีก

 

“ทำไมครับ อยากให้พี่ทำมากกว่านี้หรอ” ทามยกยิ้มพอใจที่ได้เห็นสีหน้าที่น่ารักนั่น แกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีก จนจมูกแทบชิดกัน แล้วพูดขึ้นแผ่วเบา

 

“ป่ะ เปล่าสักหน่อย” ติวเตอร์หน้าแดงขึ้นมา ไม่กล้าสบตาคนที่ขยับเข้ามาใกล้ เบนหน้าหนีและยกมือดันหน้าอกหนักๆนั้นให้ถอยห่างตน

“เอาไว้...คืนนี้ เราค่อยต่อกัน ฟู่...” ทามรวบมือติวเตอร์มาจับไว้หลวมๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แก้มของคนที่หันหน้าไปข้างๆและค่อยๆไล่ไปที่หู ปากพูดกระซิบเบาๆ และเป่าลมร้อนๆลงไปอย่างแผ่วเบา ติวเตอร์ได้แต่ตัวเกร็ง ขนลุกซู่ หน้าเห่อร้อนขึ้นมากกว่าเดิม อ้าปากตะงาบๆพูดไม่ออก ที่ทามมีท่าทีแปลกๆ มาแกล้งตนแบบนี้ ปกติได้แต่บังคับ จนทามที่เอาแต่ยิ้ม จับมือติวเตอร์ออกไปในงานพร้อมกัน 

 

ทามจูงมือติวเตอร์ออกมานั่งที่โซฟายาวที่จัดงาน เพราะได้ฤกษ์พอดี พ่อของทั้งสองนั่งอยู่คนละฝั่งที่เก้าอี้โซฟาตัวเดี่ยว มีโต๊ะเล็กวางเอกสารซึ่งไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดงานแก่คนทั่วไปวางอยู่ แท้จริงแล้ว นั่นคือ สัญญาที่จะจ่ายค่าเสียหายที่ทำครอบครัวของติวเตอร์ล้มละลาย  แต่จนกว่าติวเตอร์จะอยู่ครบถึงจะคืนให้ทั้งหมด ระหว่างนี้ก็นำมาเข้าหุ้นร่วมกันทำโปรเจคร่วมกันไปก่อน แต่ถ้าติวเตอร์อยู่ไม่ครบกำหนด3เดือน ทั้งคู่จะไม่ได้สมบัติทั้งหมดคืน รวมทั้งจะต้องจ่ายค่าเสียเวลาอีกสามสิบล้านให้ครอบครัวของทาม และทามจะไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับติวเตอร์ได้อีกถ้าติวเตอร์อยู่ครบกำหนดสัญญา

 

ติวเตอร์รู้ดีว่าทางครอบครัวเขาเสียเปรียบ แต่ยังไงก็ต้องทำ แค่ครั้งนี้ เขาแค่ยอมเป็นของเล่นไปเป็นทาสให้กับทาม แค่3เดือน เขากับพ่อจะเป็นอิสระต่อครอบครัวนี้ทั้งหมด ทามจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเขาได้อีก พ่อของเขาจะได้สบาย ส่วนความรู้สึกของเขา ก็แค่...ช่างมัน

 

ติวเตอร์จัดการจรดปากกาลงบนแผ่นเอกสาร เป็นคนสุดท้าย เมื่อเสร็จสิ้นเสียงปรบมือของแขกที่มาร่วมงานทั้งหมดก็ดังขึ้น ติวเตอร์ได้แต่ฝืนยิ้มออกไป เพราะเสียงของทามที่กระซิบข้างหูเมื่อครั้งถ่ายรูป แต่เมื่อเขาหันไปมองหน้าบิดา น้ำตาก็แทบไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

ใบหน้าแสนเศร้าและเจ็บใจที่ไม่อาจช่วยลูกชายได้ ได้แต่มองตามไปเงียบๆเก็บความขมขื่นไว้ภายใน มองตามลูกชายที่ถูกทามจูงมือไปร่วมพูดคุยกับแขกที่อยู่ในช่วงงานเลี้ยง ทางเวทีก็มีนักร้องและวงดนตรีมาร้องคลอในวงต่อไปแทน ส่วนตนก็ลุกจากเก้าอี้ไปแอบร้องไห้อยู่ด้านหลังงานทันที

 

...

 

“เตอร์ รีสขอโทษ” รีสในคราบไมค์มาร่วมงานเลี้ยง เพราะได้รับข้อมูลจากเชน เขารู้ทั้งหมด แต่ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ยิ่งเห็นใบหน้าที่แสนเจ็บปวดของทั้งติวเตอร์ทั้งคุณอาพ่อของติวเตอร์ บุคคลทั้งสองที่เขารักกำลังเดือดร้อน ก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังในตัวเอง เขาได้แต่ยืนมองเหตุการณ์นั้นเงียบๆ

 

“นั่น! รีสหรอ...” ติวเตอร์เห็นชายร่างสูงใหญ่ที่มีใบหน้าคล้ายคนที่เขาเคยรู้จัก ยืนมองเขาอยู่ไกลๆ จึงปล่อยมือทามจะเดินเข้าไปหา

 

“จะไปไหนเตอร์ เราต้องไปคุยกับแขกตรงนั้น” ทามห้ามไว้ และลากติวเตอร์ไปอีกด้าน คนตัวเล็กที่โดนลากก็ได้แต่ชะเง้อมองคนตัวสูงที่ยืนมองตนนิ่งๆในมุมนั้น แต่ก็ต้องหันกลับไปคุยกับแขก แต่พอหันไปมองหาอีกที เขากลับไม่พบใครคนนั้นแล้ว

 

“มองหาใครอยู่ได้ติวเตอร์” ทามทนไม่ไหว ที่ติวเตอร์ไม่มีสมาธิ เอาแต่คอยชะเง้อคอมองหาใครบางคนอยู่ได้

 

“เปล่า” ติวเตอร์ได้แต่ปฏิเสธเสียงแข็ง แล้วเดินไปทำความรู้จักกับคนอื่นๆ แต่ก็เหลือบสายตามองหาคนๆนั้นอยู่เสมอ แต่ก็ไม่เจอ ติวเตอร์ได้แต่ยอมแพ้ เลิกมองหา และคิดแค่ว่าเขาฟุ้งซ่านไปเอง

 

...

 

หลังจากงานเลี้ยงจบลง แขกทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านของตน ปกติเองติวเตอร์และพ่อก็คงต้องกลับไปพักผ่อนที่บ้านของตน แต่แน่นอนว่านี่คือวันแรกที่ติวเตอร์จะต้องเข้าไปอยู่ในบ้านของทาม ซึ่งเป็นเวลาที่เขาและพ่อไม่อยากให้มาถึง

 

ทามพาติวเตอร์กลับมาที่บ้าน ส่วนพ่อของติวเตอร์นั้นถูกกันไม่ให้เข้ามายุ่ง หลังจากไปโวยวายจะฉีกสัญญาอีกครั้ง ติวเตอร์และพ่อได้แต่กอดกันร้องไห้ จนเสื้อสูทนั้นเปื้อนไปด้วยน้ำตา จนตนเองถูกทามลากออกมา และตรงมายังบ้านที่เขาจะต้องใช้ชีวิตจากนนี้อีกสามเดือน บ้านที่เปรียบเสมือนขุมนรกของเขา

 

“นับตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบเข้าไปในบ้าน คือเวลาเริ่มต้นสัญญาของเรา  และ3เดือนหลังจากนี้ ถึงจะเป็นอิสระ เข้าใจนะครับติวเตอร์”

 

ทามพูดขึ้นเมื่ออยู่หน้าประตูบ้าน ยกยิ้มที่ได้ชัยชนะอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปรอในบ้าน หันหน้าออกมาคอยมองคนที่ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตู

 

“เข้ามาสิ” จนทามต้องพูดขึ้นอีกครั้ง ติวเตอร์สะดุ้ง แล้วพยักหน้า ไม่พูดอะไร ติวเตอร์มีสีหน้าลำบากใจ คิ้วขมวดกันเป็นปมแน่น แต่ก็ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ในใจภาวนาให้เวลาเดินเร็วขึ้น ‘แค่3เดือน เขาจะทำตัวเป็นหุ่นยนต์ทำตามคำสั่งของไอ้บ้าทาม แล้วหลังจากนั้น เราจะเป็นอิสระ’ ติวเตอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกขาค่อยๆก้าวเข้าไปในตัวบ้าน

 

“มานี่สิของเล่นของพี่” เมื่อเข้ามาแล้วติวเตอร์ก็ได้แต่ยืนนิ่ง ทั้งหน้าตาท่าทางก็เปลี่ยนไป เอาแต่นิ่งเฉยๆไม่แสดงอาการอะไร เป็นหุ่นยนต์ดังที่ตนต้องการจะทำ  จนทามกวักมือเรียกให้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ทามยิ้มร้าย ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของติวเตอร์แผ่วเบาอย่างเอ็นดูในของเล่นชิ้นใหม่ที่เขาได้มาอยู่ในมือแล้ว

 

“ไปข้างบนกันดีกว่า พี่เตรียมอะไรดีๆไว้รอติวเตอร์เยอะเลยนะครับ” ทามพูดไปยิ้มไป มือโอบไหล่ติวเตอร์เดินขึ้นไปที่ห้องตน ดวงตานั้นมองจ้องของเล่นชิ้นใหม่ ที่จะกลายเป็นของเล่นชิ้นโปรดหรือจะพังตั้งแต่ครั้งแรกที่เล่นไม่วางตา แม้ใบหน้าที่สวยราวตุ๊กตานี้จะนิ่งงัน แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับทาม เพราะอีกไม่นานสีหน้าของติวเตอร์นั้นจะต้องเปลี่ยนไป


 







....



ตัดฉับๆๆๆ เอา NC พี่ทามน้องติวเตอร์ ต่อตอนหน้านะคะ



เปิดตัวตัวละครใหม่อีกตัวแล้วววว น่ากลัว จะมาเป็นฝ่ายร้ายหรือฝ่ายดีกันนะ



ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และให้กำลังใจกันตลอดมาค่า


#ไม่หนีๆแน่นอนค่า
พี่ทามอย่าใจร้ายกะน้องมากนะ
รีสแอบน่าสงสารอ่ะ  :mew1:

ขอบคุณนะคะที่ติดตามตลอด  :กอด1:

พี่ทามไม่ใจร้ายหรอกค่า พี่ทามแค่แอบโรคจิตเบาๆเอง

ออฟไลน์ rosetears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตัวละครใหม่เหมือนจะโหดเสียด้วย ร้ายแน่ๆ 555
พี่ทามระวังเตอร์ช้ำนะ อิอิ  :mew1:
#ด้วยความยินดีค่า

ออฟไลน์ rosetears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แอบแวะมาส่อง อิอิ  :mew1:

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
Me die
28 : คำคืนที่ยาวนาน II




มือหนาของทามยกขึ้นลูบไล้ตามร่างกายขาวของติวเตอร์ที่ถูกดันให้นอนราบลงที่เตียงกว้าง อีกมือก็ปลดกระดุมเสื้อด้านในช้าๆเผยให้เห็นยอดอกสีหวาน รอยยิ้มมุมปากยังคงประดับบนใบหน้าของทาม สายตาแวววาวที่บ่งบอกว่าต้องการจ้องมองคนตัวเล็กที่อยู่ด้านล่างตนไม่วางตา ค่อยๆก้มลงลิ้มเลียผิวละเอียดนั่นช้าๆ ‘หวาน’ ยิ่งชิมยิ่งหยุดไม่ได้ แต่ยิ่งเล้าโลมเท่าไหร่คนด้านล่างก็เอาแต่นอนนิ่ง ทามจึงเริ่มไม่พอใจ

 

‘เดี๋ยวมันก็จบติวเตอร์ ทนไป’ คนตัวเล็กได้แต่นอนนิ่งเฉยปล่อยให้คนด้านบนกระทำสิ่งที่ต้องการ ทำเพียงเบือนหน้าหนีและหลับตาลงยอมรับชะตากรรม พร่ำบอกตัวเองให้อดทนอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“จะนอนนิ่งไปอีกนานแค่ไหน พี่อยากได้คู่นอนที่มีชีวิตนะครับ ไม่ใช่...ตุ๊กตายาง” ทามหยุดการกระทำ แล้วนิ่งมองคนที่อยู่ด้านล่าง เขาไม่พอใจที่คนปากเก่งชอบต่อต้านแบบติวเตอร์กับทำตัวนิ่งเป็นหุ่นใส่เขาแบบนี้ คนแบบทามมีแต่คนอยากเข้าหา ประเคนร่างกายให้ถึงที่ แต่กับคนๆนี้ ทำไมถึงเข้าหายาก พอได้มากับได้แค่ร่างกาย ทั้งๆที่เขาสนใจและอยากได้มากกว่านั้น

 

“ได้! เลือกแบบนี้เองนะ คิดว่าจะอ่อนโยนด้วยเพราะเห็นว่าเป็นครั้งแรก แต่คงไม่ต้องมันแล้ว!” ติวเตอร์ก็เอาแต่นิ่งอยู่แบบเดิม จนทามทนไม่ไหว ตะโกนใส่หน้าติวเตอร์จนสะดุ้งตกใจแต่ยังคงหลับตาแน่น

 

“ฮึก!” ติวเตอร์ได้แต่สะดุ้ง หวาดกลัวจนตัวสั่นไหว แต่ยังคงข่มตาหลับให้แน่นกว่าเดิมเพื่อไม่ให้อีกคนเห็นว่าตนกลัว มือเล็กกำไว้แน่นจนข้อขาว ในใจกับเต้นโครมครามตรงข้ามกับท่าทางนิ่งเฉยที่แสดงออก

 

ทามนิ่งมองคนตัวเล็กยิ่งเห็นท่าทียิ่งคิ้วขมวดไม่พอใจหนักขึ้น เพราะแทนที่จะกลัวจนต้องยอมแต่กลับไม่เป็นเข่นนั้น แต่ทามยังคงนิ่งดูปฏิกิริยาต่อต้านบ้าๆที่ติวเตอร์กำลังทำว่าจะทำได้นานแค่ไหน เวลาผ่านไปสักพักด้วยความเงียบที่ไม่จางหายไป ติวเตอร์ก็ยังคงนิ่งอยู่ท่านั้นไม่เปลี่ยน

 

‘แต่ก็นี่แหละเสน่ห์ของเด็กดื้อ ทำให้เขายิ่งอยากจะเอาชนะมากขึ้นไปอีก’

 

ทามยกยิ้มมุมปาก เมื่อคิดอะไรดีๆได้ จริงๆก็ไม่ได้โมโหอะไร แค่อยากเห็นปฏิกิริยาอย่างอื่นของคนตัวเล็กบ้าง คนอะไรยิ่งโมโหยิ่งน่ารัก เขาถึงได้แกล้งเอาๆ แต่ตอนนี้เขาอยากจะเห็นสีหน้าแบบอื่นมากกว่า ใครจะว่าเขาโรคจิตก็ไม่ปฏิเสธแต่เขาก็เป็นแค่กับคนตัวเล็กนี่คนเดียว เอาแต่นิ่งเฉยหลบสายตาคิดว่าจะพ้นหรอ คิดอะไรตื้นๆ อยากจะรู้จริงๆว่าเวลาคนดื้อด้านแบบนี้มีอารมณ์จะเป็นยังไง

 

“หึ เรามาดูกันว่าจะนิ่งไปอีกนานแค่ไหน ไม่ลืมตาขึ้นบอกเลยว่าจะเสียใจนะครับน้องติวเตอร์” ทามหัวเราะในลำคอ ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากเมื่อจินตนาการถึงสิ่งที่เขาจะทำกับคนตัวเล็กต่อจากนี้

 

ทามลุกออกจากที่คร่อมติวเตอร์อยู่ไปยืนข้างเตียง มือปลดเสื้อผ้าตัวเองออกอย่างรวดเร็ว ดวงตายังคงจ้องคนที่นอนนิ่งไม่วางตา ทามที่เปลือยกายจนหมดค่อยๆคลานขึ้นเตียงไปช้าๆ เตียงยุบตรงไหนติวเตอร์ก็สะดุ้งทุกครั้ง เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากทามได้เป็นอย่างดี เมื่อถึงตัวคนที่นอนนิ่งอยู่มือหนาก็จัดการปลดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้เปลือยทั้งคู่

 

“หึหึหึ พร้อมรึยังครับ...ที่รัก” ทามคุกเข่ายืดตัวตรงอยู่ด้านบนติวเตอร์ ดวงตาเจ้าเล่ห์มองต่ำลง มือข้างหนึ่งจับแขนดึงให้ติวเตอร์ลุกขึ้นมานั่งในตำแหน่งที่เขาต้องการ ติวเตอร์ก็เอาแต่หลับตาปี๋ ส่วนทามก็เอาแต่ยิ้มสนุก จับมือติวเตอร์ไปแตะที่แท่งร้อนของตนที่กำลังสั่นระริก ติวเตอร์ชะงักมือไว้เมื่อสัมผัสได้ว่าตนสัมผัสอะไรอยู่แล้วพยายามดึงมือออก แต่ทามก็กระชากกลับมา พร้อมพูดขู่ แถมให้มือเล็กนั้นจับไว้ให้แน่นและรูดแท่งร้อนของตนขึ้นลงไปเรื่อยๆ

 

แต่ติวเตอร์ก็ยังคงหลับตาแน่นแถมยังเบือนหน้าหนีเหมือนไม่รับรู้ทั้งที่ในใจตนอยากจะหายไปจากตรงนี้ ทามเห็นติวเตอร์ยังคงนิ่งจึงเริ่มแกล้งต่อไป ให้ติวเตอร์ปล่อยมือออกตากแท่งร้อนตนแล้วรูดรั้งเอง พร้ออมๆกับยกมือตนอีกข้างเอื้อมไปจับที่ท้ายทอยติวเตอร์หันหน้ากับมา ค่อยๆโน้มให้ใบหน้าของคนตัวเล็กเข้ามาใกล้เป้าหมายที่ตนต้องการ จับทามน้อยจ่อไว้ตรงปากติวเตอร์แล้วพูดช้าๆ

 

“จัด การ ซะ”

 

แต่ตัวเตอร์ยังคงนิ่งเฉย ทามขมวดคิ้วไม่พอใจ จึงเอ่ยเช่นเดิมอีกครั้ง แต่ปฏิกิริยาของคนตัวเล็กก็เป็นเช่นเดิม เขาจึงเปลี่ยนจากที่จับท้ายทอยมากดบีบปากติวเตอร์ให้อ้าออกอย่างแรงจนติวเตอร์ต้องร้องออกมาอย่างทนความเจ็บไม่ไหว

 

“โอ้ย!! อึก ไม่ ไม่มีทาง” ติวเตอร์ยู่หน้าด้วยความเจ็บ จะอ้าปากด่าเมื่อทามปล่อยปากตน แต่ก็ได้แต่ทำตาโต จ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตนเขม็ง ยิ่งเห็นมันกำลังพองโตใหญ่ขึ้นได้อีกแถมยังกระตุกอยู่ตรงหน้า ก็ได้แต่อึ้งค้าง ทามเห็นติวเตอร์ทำท่าแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะในลำคอภูมิใจในขนดของตน พอติวเตอร์ได้สติจะถอยหนีแต่ก็ไม่ทันเพราะมือทามกดหัวไว้แน่นและโน้มเข้าเรื่อยๆ ได้แต่ยกมือดันไม่ให้มันเข้ามาชิดและพูดปฏิเสธตะกุกตะกัก ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตนเองได้ยินได้เห็น แค่คิดว่าอยู่นิ่งๆเดี๋ยวพายุมันก็ผ่านไป แต่นี่เขาต้องทำมัน ต้องเอาสิ่งนี้เข้ามาในปาก เขาจะไม่ยอมทำเด็ดขาด!   

 

“ไม่ยอมดีๆงั้นหรอ เอ...หรืออยากฉีกสัญญา? เลือกเอาเองนะ พี่ให้เวลาคิด5วินาที” ทามปล่อยมือออก ยกขึ้นทำท่ายอม แล้วเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงมองอีกคนที่ขมวดคิ้วเหมือนไม่แคร์ และเริ่มนับ ทั้งๆที่แท่งร้อนของตนที่อยู่ตรงหว่างขายังคงยืนตรงพองโตชี้หน้าติวเตอร์อยู่แบบนั้น

 

“ห้า สี่ สาม เอาไงครับ  สอง  จะหมดเวลาแล้วนะ ...หน”

 

“ผะ ผม ผมต้องทำยังไง” ติวเตอร์คิดหนัก แต่ก็ไม่อาจฉีกสัญญาได้ จึงได้แค่ทำตามที่คนใจร้ายต้องการตามแผน พูดออกไปอย่างเร็วก่อนหมดเวลา สีหน้าลำบากใจจนแทบร้องไห้ เมื่อทามได้ยินก็ได้แต่หัวเราะ หึหึ ยกยิ้มอย่างพออกพอใจ เอนหลังพิงหัวเตียงอย่างสบายๆ

 

“คลานเข่าเข้ามา แล้วใช้ปากทำให้พี่สิติวเตอร์” ดวงตาคมจ้องมองไปที่ติวเตอร์ที่กำลังค่อยๆคลานเข้ามา ดวงตาคู่เล็กนั่นสั่นไหว เม้มปากไว้แน่น มองลงต่ำบ้างเสไปด้านข้างบ้าง ไม่กล้ามองตรงมาที่ส่วนนั้นของทามที่กำลังชี้หน้าเขาอยู่

 

“อ๊ะ!”

 

“ช้า”

 

ทามกระชากแขนให้ติวเตอร์เข้ามาใกล้ จนหน้าเกือบชนกับแท่งร้อนของตนที่แข็งและกระตุกรับหงึกๆอยู่ตรงหน้าติวเตอร์ ดวงตาติวเตอร์เหลือกโตตกใจจ้องอยู่อย่างนั้นนิ่ง ยิ่งทามเห็นท่าทางตื่นๆแบบนั้นแท่งร้อนของเขาก็ยิ่งพองโตสู้สายตาของติวเตอร์ที่จ้องมาอย่างตื่นเต้น

 

“ทำสิ” ติวเตอร์ยังคงจ้องนิ่ง จนทามต้องพูดเตือนสติ ติวเตอร์จึงสะดุ้งแล้วจะยกหน้าออกห่าง แต่ทามไวกว่าจึงกดท้ายทอยให้ต่ำลง จนส่วนนั้นสัมผัสกับริมฝีปากบาง ทามได้แต่ขนลุกตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนกับคู่นอนคนไหนๆ ส่วนนั้นก็แข็งปั๋งต้องการอย่างมาก

 

ติวเตอร์หลับตาลงปิดบังความจริง อ้าปากออกค่อยๆก้มลงครอบครองส่วนที่แข็งขืนของทามเข้าปากตนอย่างฝืนทน แต่เพราะความที่ไม่เคยทำให้ใครและไม่เคยมีใครทำให้มาก่อน ฟันเล็กๆจึงครูดกับแท่งร้อนของทามเป็นระยะๆเมื่อขยับขึ้นลง แต่ปากเล็กๆที่ร้อนและชุ่มน้ำในปากทำให้ทามครางฮือพอใจออกมาเบาๆเป็นระยะๆ จนน้ำลายใสๆเริ่มไหลรินเยิ้มออกจากริมฝีปากบางเพิ่มความลื่นไหลและสร้างความเสียวซ่านมากขึ้นไปอีก

 

“ไม่ได้เรื่อง” ทามปล่อยมือออกไปวางไว้ข้างลำตัว ใจแข็งเก็บอาการทั้งๆที่ขนลุกซู่ด้วยความเสียวซ่านกับความไม่ประสาของติวเตอร์ แอบกลืนน้ำลายเบาๆแล้วพูดขึ้นช้าๆ จนติวเตอร์ถอนปากออกจ้องมองอย่างงงๆ แต่เขากับไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองตอนนี้เซ็กซี่แค่ไหน ทั้งดวงตาที่จ้องมองมานั้นช่ำเยิ้มนิดๆทำให้ดูยั่วยวน ทั้งน้ำใสๆที่ไหลย้อยมุมปากของติวเตอร์ทามนั้นอยากเข้าไปแลบเลียให้หมด แล้วไหนจะท่าทางที่แขนบางๆนั้นยกขึ้นเช็ดน้ำใสที่ไหลเยิ้มจากมุมปากด้วยร่างกายขาวเปลือยเปล่า ยิ่งเห็นในมุมมองของทามแล้ว ยากมากจริงๆที่จะอดทนไม่ให้เข้าไปขย้ำและสาดสีให้เปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งกาย

 

“ผะ ผม เตอร์ทำไม่เป็นนี่ครับ พี่ทาม” ติวเตอร์นั่งนิ่งมองคนที่ไม่พอใจกับสิ่งที่เขาทำให้ แถมยังโดนดุเรื่องที่ไม่เรียกว่าพี่อีก แล้วเขาต้องทำยังไงก็ในเมื่อเขาทำไม่เป็นจริงๆ มันก็ต้องไม่ได้เรื่องอยู่แล้ว ใช่ไม่ได้เรื่อง ก็แน่สิ เขาไม่เคยทำให้ใคร จะทำเป็นได้ยังไง

 

“มานี่” ทามเรียกติวเตอร์ให้เข้าไปใกล้ ให้นั่งบนขาของเขาและเอนหลังพิงไปบนตัวด้านหนึ่งของทาม ติวเตอร์จะขัดขืนเบี่ยงตัวหลบออกแต่ทามก็พูดขู่จึงได้แต่นิ่งและทำตามไป เมื่อติวเตอร์นั่งซ้อนอยู่บนตัวเองแล้ว ทามยกมือขึ้นไปลูบไล้เบาๆตั้งแต่แขนบาง ลำคอ คาง และไปหยุดอยู่ที่ปากเล็ก ยื่นนิ้วชี้กับนิ้วกลางออกไปจ่อที่ริมฝีปาก ติวเตอร์ก็เอาแต่มองแล้วงง นิ้วจะให้เขาทำเป็นได้ยังไง

 

“อ้าปากออกสิครับเด็กดี” ติวเตอร์ทำตามอย่างว่าง่าย ค่อยๆอ้าปากออกช้าๆ ทามก็ยื่นนิ้วของตนเข้าไปข้างในปากร้อนๆของติวเตอร์ทันที

 

“ดูดมัน ช้าๆ ค่อยๆเลียครับ ใช้ลิ้นด้วย อืม ใช่ แบบนั้นแหละ ง่ายใช่ไหมล่ะ” ทามพูดสอนไปช้าๆ ติวเตอร์ก็ทำตามอย่างว่าง่าย ค่อยๆดูดค่อยๆเลียนิ้วนั้นอย่างตั้งใจจนมันชุ่มไปด้วยน้ำลาย ทามก็ได้แต่อดกลั้น เขาคิดดีแล้วที่ไม่ต้องมองหน้าติวเตอร์ตอนนี้ไม่งั้นเขาทนต่อไปไม่ไหวแน่ๆ

 

“เข้าใจแล้วใช่ไหม ทำมันต่อสิ” ทามถอนนิ้วออกจากปากร้อนช้าๆที่ดูเหมือนจะติดใจดูดมันกับเข้าไปอีกครั้ง แต่ทามก็ขืนดึงออกอย่างเร็ว และพูดขึ้น พร้อมชี้นิ้วลงไปยังส่วนแข็งขืนของตนที่กำลังพองใหญ่จนมีน้ำใสๆไหลออกจากส่วยปลายนิดๆ ติวเตอร์พยักหน้างึกหงักเข้าใจสิ่งที่ทามพูด มองตามนนิ้วมือนั้นจนไปยังแท่งร้อนของทาม จากนั้นก็ก้มลงเอาปากครอบครองแท่งร้อนของทามอีกครั้ง ทามก็ได้แต่ครางฮือ มือขยุ้มกลุ่มผมของติวเตอร์ช้าๆเพื่อคลายความเสียวซ่านที่ตนได้รับจากร่างบางตรงหน้า

 

“อ๊ะ อือ” ทามยื่นมืออีกข้างไปลูบไล้ที่สะโพกมนของคนตัวเล็กที่ก้มโค้งปากต่ำลงทำหน้าที่ แต่สะโพกดันแอ่นขึ้นเพราะเข่าที่ชันไว้กับที่นอน เหมือนจงใจวางท่าทียั่วยวนให้ทามเข้าไปสัมผัส มือหนาค้นคลึงตามแรงอารมณ์ที่กำลังโหมกระพือจนติวเตอร์สะดุ้งตกใจ จะถอนปากออก แต่ทามก็กดหัวลงไปทำหน้าที่ตามเดิม ติวเตอร์ได้แต่เอามือปัดป่ายมือที่เค้นสะโพกตนอยู่แต่ก็ไม่พ้น ทามที่เค้นสะโพกจนขึ้นรอยมือแดงไปทั่วนั้นไล้วนบริเวณปากทางสีชมพูถูวนไปวนมาอยู่นาน แล้วจึงยกออก ติวเตอร์จึงโล่งใจเพราะคิดว่าไม่ทำแล้ว

 

“อ้า! เจ็บ เอาออกไปนะ อึ้ก!” แต่เขาก็คิดผิดจนต้องสะดุ้งตัวโยนร้องตะโกนออกมา ทามเพียงแค่เอานิ้วมือออกมาชโลมน้ำจากปากตนเองจนเปียกชุ่ม แล้วกับไปค่อยๆกดลงตรงช่างทางสีชมพูนั้น จนติวเตอร์สะดุ้งเฮือก เด้งตัวถอยหนี แต่ทามไวกว่าจึงจับกดติวเตอร์จนนอนหงายลงกับที่นอนผสานดวงตากัน ร่างเล็กนั้นเอาแต่ขยับถอยหนีจากสัมผัสจากช่วงล่าง ทามจึงต้องจับขาเล็กข้างหนึ่งดันแนบอกแล้วกดมือบางทั้งสองข้างมาตรึงไว้ด้วยกันตรงอกคนตัวเล็กด้วยความรวดเร็ว ขาอีกข้างที่ว่างก็ขยับไม่ถนัดจึงแทบจะทำอะไรไม่ได้นอกจากวางไว้เฉยๆ

 

“อะ อือ” นิ้วยาวที่อยู่ภายในช่องทางสีสวยเริ่มทำหน้าที่ของตน กดเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไปจนสุดทางก็ขยับไล้วนไปมาอยู่ภายในเพ่อหาจุดของร่างบาง แล้วเริ่มขยับเข้าออกทีช้าๆทันที ติวเตอร์ได้แต่ทำหน้าเหยเกกับสัมผัสแปลกใหม่ แรกๆก็เจ็บ แต่ตอนนี้เขาเริ่มที่มีความรู้สึกเสียวซ่านแปลกๆ ทามเห็นท่าทีนั้นก็ได้แต่ยิ้มพอใจที่เห็นท่าทีของคนตัวเล็กที่ก่อนนี้ยังดื้อรั้น แต่ตอนนี้ดันทำสีหน้ายั่วยวนไม่รู้ตัว เขาเพิ่มนิ้วใส่เข้าไปทีละนิ้วแล้วขยับเข้าออกไปเรื่อยๆจนคนตัวเล็กชิน ได้แต่ครางฮือหอบหายใจขนลุกซู่เสียวซ่านกับความสุขที่เขามอบให้ จนไม่ต้องจับแขนขากดไว้เพราะไร้เรียวแรงต่อต้าน

 

“ฮึ่ม! ทนไม่ไหวแล้วเว้ย ยั่วฉิบหาย” ทามตะโกนออกมาอย่างทนไม่ไหว ยิ่งมองยิ่งอยากเข้าไปในตัวของคนตัวเล็กเร็วๆ ยิ่งมองยั่วสายตาเขาจนทนอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว ทามจึงลุกขึ้นไปคร่อมบนตัวของติวเตอร์ที่ถูกดันให้นอนราบไปกับเตียง แล้วจัดการแยกขาเรียวของตัวเตอร์ออกกว้าง ถอดถอนนิ้วยาวออกแล้วแทรกตัวเข้าไปอย่างรวดเร็วแม้จะไม่ได้รุนแรงมากนักแต่เพราะรู้สึกดีเลยขยับตัวเข้าไปเร็วทั้งที่ไม่อยากทำให้เจ็บ

 

“อ๊า!! อือ จะ เจ็บ อ๊ะ พี่ทาม ปล่อย เอาออกไปนะ อึก....” ติวเตอร์ได้แต่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บเพราะสิ่งที่เข้าไปแทนที่นั้นขนาดต่างจากนิ้วมาก จากที่เสียวซ่านกลับจุกและเจ็บจนแทบพูดไม่ออกเมื่อทามกระแทกเข้ามาจนสุดในทีเดียวจนมิดด้าม

 

“อืม ทนหน่อย อย่าเกร็ง” เมื่อได้เข้าไปในตัวของคนตัวเล็กแล้ว ทามยิ่งละโมบอยากจะได้มากกว่านี้ ช่องทางอุ่นจนร้อนทั้งคับแคบทั้งตอดตุบๆจนเขาเสียวจนอยากจะเสร็จจึงได้แต่แช่ค้างไว้ภายในกัดปากอดกลั้นไว้ ทำไมรู้สึกดีขนาดนี้ ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยเสียวขนาดนี้ ไม่เคยอยากได้ขนาดนี้ ไม่เคยละโมบอยากครอบครองเอาไว้คนเดียวขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ็บแค่ไหนจะมีความสุขเพียงใดขอเพียงแค่เขาพอใจและได้ปลดปล่อย แต่กับคนๆนี้ทำไมอยาก ถะนุถนอม อยากกอดเอาไว้ด้วยสองแขนนี้ไม่ให้คนอื่นได้แตะต้อง อยากถูก...รัก

 

“อ่ะ อืม อื้อ” เมื่อแช่ค้างไว้สักพัก มือของทามก็ยังคงทำหน้าที่ลูบไล้ทั่วร่างกายแถมยังมอบจูบที่แสนหวานดังเช่นคำปลอบประโลม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนติวเตอร์รู้สึกผ่อนคลาย ทามจึงเริ่มขยับกายส่วนล่างช้าๆแล้วค่อยเพิ่มแรงจนโหมกระพือ แม้แรกๆติวเตอร์จะขัดขืน แต่ไปๆมาๆสมองกับขาวโพลนไม่รับรู้อะไรทำเพียงแค่ปลดปล่อยร่างกายให้เป็นไปตามที่ถูกอีกคนชักจูงด้วยท่าทีที่อ่อนโยน ชั่ววูบหนึ่งในความคิด เขากับโหยหา รัก จากคนๆนี้

 

ค่ำคืนที่ยาวนานของทั้งคู่ก็ยังคงดำเนินต่อไป พายุที่ติวเตอร์คิดว่าจะสงบเมื่อรอบแรกผ่านพ้นไป แต่มันกับพัดโหมกระหน่ำใส่เขาตลอดทั้งคืน สายน้ำมากมายไหลหยดเปราะเปื้อนครั้งแล้วครั้งเล่า รอยรักสีกุหลาบบนร่างกายก็มีขึ้นเรื่อยๆแม้รอยเก่ายังไม่จางหายไป เสียงครางหวานของทั้งคู่ดังระงมลั่นห้องดังเพลงขับประสาน และยังคงดังต่อเนื่องแม้เสียงนั้นจะแหบแห้งหรือเวลาหมุนเวียนไปจนเช้ามืดแล้วก็ตาม

 

อีกทั้งเสียงที่ดังแว่วออกไปออกไปด้านนอกห้องให้คนที่ได้ยินหน้าแดงไปตามๆกันอีกด้วย จนใครๆต่างก็พากันถอยห่าง แม้กระทั่งพ่อของทามที่ตอนนี้เพิ่งคิดได้ว่าตนไม่ควรให้คู่บ่าวสาวมาเข้าหอที่บ้านของตนเลย ทำเอาคนในบ้านพลอยเดือดร้อนหน้าหูแดงเขินไปกันหมด ทำรักกันดีแบบนี้สงสัยเขาคงต้องจะต้องแบกหน้าไปขอโทษพ่อของเด็กคนนี้ พร้อมกับสู่ขอกันดีๆแล้วละมั้ง

 



 

อีกด้าน ณ สถานเริงรมณ์แห่งหนึ่ง

 

เฟิร์สที่กำลังนั่งอยู่ที่เคาเตอร์บาร์กระดกแก้วเหล้าดีกลีแรงเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่าตั้งแต่มาถึงช่วงหัวค่ำ แทนที่จะออกไปหาเหยื่อสาวๆอย่างเขาควรจะทำ ตั้งแต่เขาหลุดออกจากขุมนรกจากปีศาจที่ชื่อ รีส นั้นมา เขาพยายามที่จะทำให้ตัวเองเหมือนปกติ ไม่เอาแต่ซึมและหวาดกลัวอยู่ในห้อง ออกมาเที่ยวตามสถานที่เริงรมณ์เป็นผีเสื้อราตรีตามที่เคยเป็น

 

แต่เมื่อมาถึงเขากลับทำตามที่ใจอยากจะทำไม่ได้ มองไปทางไหนมันก็น่าเบื่อ ทั้งๆที่มีทั้งหญิงสาวที่หุ่นเอ็กซ์เซ็กซี่เกินพิกัดไปจนถึงหนุ่มน้อยน่ารักมองมาอย่างมีความหมายที่รู้ๆกันอยู่ แต่เขากับเลือกที่จะเมิน แล้วหลบมานั่งดื่มเหล้าดีกลีแรงๆเพื่อให้ตัวเองเมาแทน

 

“เอามาอีกแก้ว” เฟิร์สที่เริ่มเมา หน้าแดงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ก็ยังคงไม่หยุดดื่ม เอาแต่ร้องสั่งขอเพิ่มมาเรื่อยๆ ดวงหน้าได้แต่เหม่อลอย ในสมองว่างป่าวไม่รู้จะคิดอะไร แต่ภายในใจลึกๆกับคิดถึงแต่ใบหน้าของปีศาจร้ายตนนั้น เพียงแต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงติดอยู่ในใจ กลัว? แค้น? หรืออะไร เพียงแค่ในแวบเล็กๆของเศษเสี้ยวความคิดเขากลับมีความคิดว่า เขา คิดถึง ทั้งๆที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เลยทำให้เขาฟุ้งซ่านยกแก้วเหล้านั้นดื่มเอาๆจนหมดไปอีกหลายแก้ว

 

[เฟิร์ส]

 

“เอามาอีก” ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจตนเอง ทั้งๆที่มันเลิกยุ่งแล้ว เลิกวุ่นวาย เลิกแค้น เลิกก่อกวน จนเราแทบเป็นบ้าตามมันไป อีกอย่างเรื่องมันก็ผ่านมาจะเป็นเดือนแล้ว แต่ทำไมยังคิดถึงแต่เรื่องเดิมๆ ฉันควรจะดีใจสิถึงจะถูกแต่ทำไมถึงสมองว่างเปล่าไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีแบบนี้วะ ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ โว้ย! เครียด เครียดเพราะไม่รู้ว่าเครียดอะไรเนี่ยแหละ

 

“คุณเมาแล้วนะครับ” เสียงใครวะ ไอ้ปีศาจรีส ไม่ใช่ เสียงมันไม่ใช่แบบนี้แน่นอน แถมบรรยากาศก็ไม่ใช่ ผมจึงเงยหน้าไปมองมันทั้งๆที่ตัวเองแทบเมาจนกลิ้งยกหัวไม่ขึ้น อ่อ บริกร พนักงาน เรียกว่าไรวะ ช่างแม่ง เด็กชงเหล้าละกัน

 

“เสือกไรด้วยวะ กูมีเงินจ่าย เอาเหล้ามา!” แม่งวุ่นวายจริงๆ หลังจากผมด่ามันไปมันก็เงียบไม่กวนผมอีก ซึ่งก็ดี อย่าเสือกให้มากจะดีที่สุด ทำหน้าที่ของตัวเองไปพอ ผมก็เอาแต่ยกแก้วเหล้าเข้าปากเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปจนดึก เสียงเพลงรอบด้านจากที่เปิดจังหวะสบายๆตอนนี้กับเป็นจังหวะดนตรีไม่มีเนื้อร้องที่โคตรมันเมื่อก่อน แต่สำหรับผมกับนั่งนิ่งเฉย แถมแทบเรียกได้ว่าเมาเหมือนหมา ยิ่งสมองคิดเรื่องแปลกๆอย่างคิดถึงรสสัมผัสหรืออะไรก็ตามแต่ของไอ้ปีศาจนั่น ผมก็ยกแก้วเหล้าใส่ปากเอาเป็นเอาตาย จนตอนนี้ผมเทเหล้าแทบไม่เข้าปากปล่อยให้พื้นมันกินไปแทน แต่ก็ยังคงสั่งมาเรื่อยๆ สติการรับรู้ด้านร่างกายผมตอนนี้เทียบเท่ากับศูนย์จนล้มฟุบหน้าลงกับโต๊ะที่กิน แต่ทำไมสมองผมยังคงคิดแต่เรื่องเดิมๆ แม้กระทั่งเปลือกตาที่กำลังจะปิดตอนนี้กับมีภาพใบหน้าของปีศาจนั่นฉายชัดขึ้นมา ก่อนที่อะไรๆจะเงียบและมืดสนิท

 

[เฟิร์ส จบ]

 

“หึ ไม่คิดว่าเหยื่อจะมาติดกับซะเองแบบนี้ ฉันจะรอให้นายมาเอาของๆนายคืนไป” จู่ๆบริกรที่ยืนชงเหล้าให้กับเฟิร์สก่อนหน้า ก็ก้มหน้าลงมาจ้องนิ่งๆใกล้หน้าเฟิร์ส ก่อนจะถอยออกมาแล้วพูดเบาๆกับตัวเอง ดวงตาของพนักงานหนุ่มแวบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเรืองรองดังสัตว์ป่าก่อนจะกลับมาดำสนิทเหมือนอย่างเคย รอยยิ้มมุมปากถูกยกยิ้มน้อยๆ แล้วเขาก็เดินอ้อมออกมายกแขนเฟิร์สพาดบ่าตนข้างหนึ่งก่อนจะพาเดินออกมาด้านนอกอย่างไร้คนสงสัย


 
 

 





...

เอา nc มาเสริฟให้อ่านกันนะคะ หวังว่าคงจะชอบกันนะ



ใครที่รู้สึกว่าบางอย่างมันแปลกๆก็มองขข้ามไปนะคะ ยังไม่ได้ทวน เนื่องจากหายไปนาน รีบ กลัวรอนานค่ะ เลยเอามาลงให้ก่อน



ต้องขออภัยที่หายไปนาน จัดการเรื่องเรียนที่แสนวุ่นวายได้เมื่อไม่นานมานี้เองล่ะค่ะ



ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามอ่านกันอยู่นะคะ



ตัวละครใหม่เหมือนจะโหดเสียด้วย ร้ายแน่ๆ 555
พี่ทามระวังเตอร์ช้ำนะ อิอิ  :mew1:
#ด้วยความยินดีค่า

แอบแวะมาส่อง อิอิ  :mew1:

ขอบคุณเช่นเดิมนะคะที่ยังติดตาม และต้องขออถัยที่หายไปนานมาก ขอมอบ nc ให้อ่านชดเชยที่หายไปนานนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rosetears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เค้าก้อแอบหายไปนานเลยพอดีช่วงนี้ยุ่งๆ
ทามแรงส์ 555
#เอาใจช่วยนะไรท์ หลังจากเห็นเม้นก่อนหน้าฮือๆ

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk

Me die
29 : ปีศาจ


เวลา 20.30 น.
บนตึกร้างแห่งหนึ่ง เฟิร์สที่หลับยาวข้ามวันจนเวลาล่วงเลยมาจนมืดจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปจนฟุบหลับไปก่อนหน้า กำลังงัวเงียตื่นขึ้นจากการนอนบนที่นอนที่เขารู้สึกว่าแข็งเหมือนกับพื้นปูน แต่แล้วเขาก็ตกใจตื่นเต็มตา ถอยกรูไปจนหลังชิดกับกำแพงด้วยความตื่นตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า จากแสงของตะเกียงไฟฟ้าสลัวๆใกล้ๆตัวเขา

“ซากพวกนี้...มันอะไรกันวะ อุบ! อ้วก”

เศษซากชิ้นส่วนทั้งที่ยังคงมีเนื้อหนังติดอยู่ เครื่องใน รวมถึงโครงกระดูกมากมายที่กองรวมๆกันที่ไม่รู้ว่าเป็นของมนุษย์หรือสัตว์ แต่ดูจากจำนวนแล้ว น่าจะมีมากกว่า10ชีวิตที่น่าจบลงที่นี่ บางชิ้นก็ยังคงดูสดใหม่มีเลือดไหลเยิ้มออกมา บ้างก็ดูจะเน่าเหวะหวะส่งกลิ่นเหม็นเน่าน่าสะอิดสะเอียดชวนให้อ้วกออกมา

“ตื่นแล้วงั้นหรอ หลับนานจังเลยนะ” จู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนดังออกมาจากอีกมุมมืดๆของซากตึกที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ โดยที่ได้ยินแค่เสียงจากมุมนั้น แต่ยังไม่เห็นแม้แต่หน้าตาหรือตัวตน

“ใคร!!” ด้วยความกลัวเฟิร์สจึงถอยหลังชิดกำแพงแน่นขึ้น มองหาสิ่งของใกล้ตัวเพื่อเป็นอาวุธ แต่ก็เจอเพียงกระดูกท่อนแขนของมนุษย์อยู่ใกล้ๆ เขาลังเลอยู่นานว่าจะหยิบสิ่งนั้นมาหรือไม่ เพราะมันน่าจะเป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียดมากกว่าอาวุธ คนที่กลัวเจ้าสิ่งนี้น่าจะเป็นเขาเองมากกว่า ภายในใจก็คิดโทษโชคชะตาที่ทำให้เขาต้องเข้ามาพัวพันกับสิ่งเร้นลับและปีศาจพวกนี้บ่อยนัก

แต่สายตาที่คอยจ้องเจ้ากระดูกท่อนแขนมนุษย์กับสิ่งเร้นลับที่อยู่มุมมืดของกำแพงที่มันกำลังเคลื่อนไหว ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆกำลังก้าวเดินมาหาเขา และแววตาที่เรืองรองในความมืดมิด แววตาสีเหลืองในตารีเรียวสีดำ แววตาของสัตว์ร้าย ที่กำลังจ้องมอที่เขาเขม็ง ทำให้ไม่ลังเลที่จะหยิบกระดูกมนุษย์มาเป็นอาวุธป้องกัน เพื่อความอุ่นใจทันที แม้ว่าตอนนี้ตัวเขาจะสั่นไหวและหวาดกลัวจนแทบขยับกายไปไหนไม่ได้ ลมหายใจติดขัด หัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นกลัว ได้แต่หันหลังเข้าหากำแพงเพราะคิดว่าปลอดภัย จนตอนนี้เขาไม่แน่ใจว่าจะมีแรงยกขึ้นมาสู้เพื่อป้องกันตัวก็ตามที

“ฮ่าๆๆ กลัวอะไรกัน ก่อนหน้านี้ที่ผับ คุณยังตวาดให้ขผมเอาเหล้าให้อยู่เลย” ชายในมุมมืดก้าวเท้าหนักๆออกมา ดวงตาเรืองรองดังสัตว์ป่าที่เห็นในความมืดนั้น บัดนี้กลับเป็นแค่ดวงตาสีอำพันสวยงาม ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผมสีน้ำตาล คล้ายชาวยุโรป ยิ้มโชว์เขี้ยวเล็กๆ ที่ดูรวมๆแล้วกลับลงตัวอย่างประหลาด ยืนเต็มความสูงถัดจากเฟิร์สไปไม่ไกล

“ไอ้พนักงานชงเหล้า! มึง!” เมื่อเห็นหน้าเต็มตาเฟิร์สก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะกลายเป็นคนคุ้นตาที่ก่อนหน้านี้ยังยืนชงเหล้าตามที่เขาสั่งอยู่ในผับ แต่เวลานี้กลับพาเขามาในที่สยองๆแบบนี้ แล้วยังจะโผล่ออกมาจากมุมมืดๆให้เขาสติแตกอีก หรือเพราะเขามีประสบการณ์แย่ๆแบบนี้จากปีศาจตัวแรกที่เจอในชีวิตก็เป็นได้ ด้วยความกลัวทั้งหมดเลยกลายเป็นความโกรธ เฟิร์สขว้างกระดูกในมือไปหาชายคนนั้นแต่มันดันหลบได้  พร้อมกับลุกขึ้น วิ่งเข้าไปหา หมายจะต่อยหน้าให้คว่ำ โทษฐานที่ทำให้เขากลัว

ปึก!!

“ทำแบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะครับ” เฟิร์สหน้าถอดสี เมื่อหมัดที่ง้างขึ้นหมายจะต่อยลงที่หน้าชายหนุ่มตาสีอำพันคนนี้ กลับถูกจับไว้อย่างง่ายดายด้วยมือเพียงข้างเดียว แถมยังกดมือเขาให้ต่ำลงไปอยู่ระดับอกด้วยท่าทีสบายๆเหมือนไม่ได้ออกแรงทั้งที่เขาเองใช้กำลังที่มีทั้งหมดในการฝืนแล้วดันกลับไป     

“โอ๊ย!”

ชายหนุ่มตาสีอำพัน ยกยิ้มมุมปาก จ้องมองไปที่เฟิร์สที่ทำสีหน้าเจ็บปวดจากการถูกบีบมือที่โดนจับไว้ก่อนหน้า ชายหนุ่มค่อยๆก้มหน้าเข้ามาจนเกือบชิดใบหน้าของเฟิร์ส ใบหน้าปกติเมื่อครู่กับกลายเป็นปีศาจร้าย ตารีเรียวดังสัตว์ป่า จมูกและช่วงปากงอกยาวออกมาพร้อมเขี้ยวที่คมใหญ่ ก่อนจะกลับกายเป็นใบหน้ามนุษย์อีกครั้ง แล้วพูดออกมาด้วยเสียงเย็นๆที่ส่งผลให้คนฟังถึงกับขนลุกเกรียวกับสิ่งเหนือธรรมชาติตรงหน้า

“ถ้าคิดจะทำร้ายร่างกายผม มันยังเร็วไปสิบปี!”

“อึก! มะ มึงต้องการอะไร หรือมึงเป็นพวกเดียวกันกับ...รีส” เฟิร์สใจเต้นโครมคราม ตาเหลือกโตตกใจ ร่างกายเกร็งแข็งไปชั่วขณะ เมื่อสติเริ่มกับมาภาพของรีสกับแวบขึ้นมาในหัว ทำให้เขากล้าที่จะถามคำถามบ้าๆพวกนี้ออกไป

“ไม่! ผมไม่มีทางเป็นพวกเดียวกับมัน! ผมแค่อยากได้บางอย่างเท่านั้น”

“โอ๊ย! จะ เจ็บ ปล่อย”

สิ่งที่ได้กลับกลายเป็นว่าปีศาจอีกตนที่อยู่ตรงหน้าเฟิร์สกับโมโหจนลมออกหู ตะโกนปฏิเสธเสียงดังลั่นรวมถึงเปลี่ยนมากระชากร่างกายเขาแล้วเขย่าไปมาอย่างแรง จากนั้นก็เหวี่ยงเขาจนล้มลงไปบนพื้นปูนทับเศษกระดูกบางชิ้นจนมันแตกแล้วบาดเขาจนเลือดออก

โครม!

“อึก! มึงต้องการอะไร” เฟิร์สยกมือขึ้นกุมบาดแผลของตนที่เลือดกำลังไหลทะลัก แม้แผลที่ได้จะไม่ใหญ่แต่เลือดกับไหลไม่ยอมหยุด นิ่วหน้าด้วยความเจ็บ แต่ก็ยังคงขยับร่างกายของตนถอยหนีปีศาจตัวนี้จนหลังไปชิดกำแพงหมดทางไป เขารู้สึกว่าทำไมชีวิตจะต้องมาถามคำถามซ้ำซากแบบนี้บ่อยๆกับพวกสิ่งผิดปกติพวกนี้กัน

แต่ปีศาจนั้นก็ไม่ได้ตามเขามา มันทำเพียงแค่เหลือบตามองเฟิร์สนิ่งๆ แล้วยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าครั่ง อยู่นานสองนาน ก่อนที่จะเงียบลง แล้วเอ่ยบางอย่างออกมาอีกครั้ง

“ผมจะเล่านิทานให้คุณฟังสักเรื่องแล้วกันนะ ...เมื่อพันปีก่อน โลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิตหลากหลายรูปแบบ รวมถึงปีศาจ บางสิ่งที่มีเวทมนต์อำนาจในการควบคุมสิ่งต่างๆโดยง่าย มนุษย์นั้นก็เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ แต่ก็เพราะความเจ้าเล่ห์เพทุบายที่อ้างข้อสัญญาบางอย่างกับพระเจ้า ขอเข้าร่วมในสงครามการกวาดล้างปีศาจครั้งใหญ่ จนในที่สุดปีศาจก็พ่ายแพ้ให้แก่พระเจ้า ขณะที่พวกมนุษย์กับได้ยึดครองโลกใบนี้อย่างเช่นทุกวันนี้ โดยที่พระเจ้าไม่เข้ามาข้องเกี่ยว พวกขปีศาจก็ได้แต่หลบซ่อน”

“นายเป็นปีศาจ งั้น...นายแค้นมนุษย์หรอ แล้วทำไมถึงเป็นผม” เฟิร์สได้ฟังเรื่องราก็พยายามทำใจให้สงบ แม้จะสงบไม่ได้ เรื่องนี้มันชักจะใหญ่เกินตัวแล้ว ใหญ่เกินไป

“สุภาพเชียวนะครับ แล้วอารมณ์โกรธเกี้ยวก่อนหน้าหายไปไหนกัน ผมอุตส่าห์ชอบมันแท้ๆ หึหึ ผมบอกแล้วว่ามันคือนิทาน คุณพร้อมจะฟังต่อไหม” เฟิร์สได้แต่ถอยชิดกำแพงแน่นขึ้น จนแทบจะเข้าไปอยู่ข้างใน ปีกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอพยักหน้าตอบรับกับปีศาจตรงหน้า ปีศาจที่ดูน่ากลัว สยดสยอง ที่มาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือด แตกต่างจากปีศาจน้ำแข็งอย่างรีส ที่แม้จะหนาวเหน็บร่างกายแต่หัวใจกับร้อนจนแทบละลาย

“อ้อ แล้วผมไม่ได้แค้นมนุษย์หรอกนะ เรื่องพวกนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับผม แม้ผมจะเดือดร้อนอยู่บ้างที่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ แต่ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องของกิน ซึ่งคุณก็เห็น” เฟิร์สมองตามสายตาของปีศาจตนนี้ไป ซึ่งมันไปหยุดอยู่ที่โครงกระดูกและเศษซากที่ถูกกัดกินตนแทบไม่เหลือซาก จนหน้าแทบถอดสี ‘น่ากลัว ปีศาจตรงหน้านี้ช่างหน้ากลัว ไม่เหมือน ไม่เหมือนกัน’ เขาได้เปรียบเทียบกับรีส ซึ่งแม้จะน่ากลัวแต่เขาเชื่อว่าเขาจะไม่ตาย ต่างจากตนนี้ ส่วยชายหนุ่มดวงตาสีอำพันที่ได้เห็นท่าทีของอีกคนที่เริ่มสติแตกก็ยิ่งยิ้มกว้างแล้วเล่าเรื่องของต่อไป

“สิ่งที่ผมต้องการจริงๆแล้ว มันคือการต่อสู้กับใครบางคนในตำนานสงครามครั้งนั้น ปีศาจที่เป็นเจ้าสงครามผู้มีพละกำลังมหาศาลและได้ยืนหยัดต่อสู้กับเหล่าเทวาทั้งหลายตั้งแต่ต้นจนจบ ปีศาจที่ถูกจารึกว่าเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด แม้ว่าหลังจบสงครามปีศาจจะพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่เห็นแม้แต่เงาของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่นั้นเลย ...แม้ว่าตัวผมเองก็หลบหนีออกมาจากสงครามนั้นเหมือนกัน แต่เพื่อความยิ่งใหญ่เหนือปีศาจอื่นทั้งปวง ผมจำเป็นต้องเอาชนะปีศาจสงครามเรื่องชื่อตนนั้นลงให้ได้ซะก่อน”

“นายแค้นพระเจ้า? แล้วปีศาจสงครามที่ว่าหมายถึงใคร มองยังไงเรื่องนี้ก็ไม่เห็นเกี่ยวกับผม นายน่าจะปล่อยผมไปมากกว่า หรือว่าจับผมมาเป็นอาหาร” เฟิร์สที่นั่งฟังอย่างระแวงมาสักพัก เริ่มตรองหาเหตุผลที่มันบ้าพอๆกับนิทานที่ปีศาจตนนี้เล่าให้ฟัง แล้วก็ได้ข้อสรุป ว่าเขาคืออาหาร แต่ปีศาจนี่จะเล่าเรื่องพวกนี้ให้เขาฟังทำไม

“คุณไม่เข้าใจสินะ ก่อนอื่นคงต้องบอกว่าผมไม่ได้แค้นพระเจ้า ตอนนี้พวกเราแยกกันอยู่ พระเจ้า มนุษย์ ปีศาจ ไม่เกี่ยวข้องใดๆกันอีก แล้วคุณก็ไม่ใช่อาหาร ที่ผมต้องการเพียงการขึ้นเป็นเจ้าปีศาจผู้แข็งแกร่ง ผมเพียงอยากสร้างตำนานใหม่ขึ้นมาแทนที่ปีศาจสงครามนั้น โดยผมไล่ล่าและฆ่าฟันปีศาจมามากมาย จนตอนนี้ผมแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็ยังคงลบตำนานนั้นไม่ได้อยู่ดี ผมจึงต้องออกมาตามหาปีศาจสงครามตนนั้น ออกจากโลกของปีศาจมาสู่โลกมนุษย์ จนเวลาผ่านมาเกือบ50ปีมนุษย์ จนในที่สุด ผมก็ได้กลิ่น ปีศาจสงคราม ที่ตอนนี้มีนามว่า รีส ...รู้รึยังว่าทำไมผมถึงพาคุณมา” ปีศาจตนนี้เล่าเรื่องราวไป พร้อมกับแสดงสีหน้าหลากหลายอารมณ์ตามไปด้วย ทั้งภูมิใจ ทั้งกราดเกรี้ยว

“...รีส โกหกน่า อึก แต่ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับผม ถึงจะจับผมมา นายก็ไม่ได้เจอกับรีสหรอกนะ ผมกับเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน” ใบหน้าของรีสลอยขึ้นมาในมโนความคิด เฟิร์สพึมพำกับตัวเอง อย่างไม่เชื่อที่ได้ยิน แต่ก็ยังทำใจแข็งยืนกรานว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน

“ไม่เกี่ยว? คุณรู้ไหมว่าทำไมข้าถึงตามหาปีศาจสงครามเจอ มันเป็นเพราะกลิ่น แม้ว่าก่อนหน้านี้กลิ่นมันจะจางหายไป แต่ตอนนี้กับรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะรอบๆกายคุณ กลิ่นที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของ แล้วคุณยังจะบอกปฏิเสธอีกงั้นหรอว่าเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับมัน!”

“อึก! ปล่อย! ห หายใจ ไม่ออก จะทำอะไรวะ”

ปีศาจตนนี้แสดงท่าทีที่ดูโมโหจนควันออกหู มันตะคอกเสียงดังลั่น ดวงตาสีอำพันกับกลายเป็นรีเรียวดุจสัตว์ป่า เขี้ยวแหลมงอกยาวออกมา มันก้าวเท้าเข้ามาหาเฟิร์สพรางแยกเขี้ยวพร้อมครางขู่ในลำคอ ยกมือหนาใหญ่ขึ้นขยำผมของเฟิร์สไว้แน่นพร้อมอีกข้างกดหัวไหล่เฟิร์สไว้ติดกำแพง

“โฮกกก!” มันค่อยๆใช้มือที่จับกลุ่มผมของเฟิร์สบังคับให้หัวของเฟิร์สเอียงไปด้านข้าง เปิดให้เห็นลำคอขาวกับเส้นเลือดที่เต้นตุบๆตามลำคอ พร้อมๆกับโน้มหน้าลงไป จะฝั่งเขี้ยวยาวนั้นลงลำคอ เฟิร์สได้แต่ปฏิเสธขัดขืนเต็มกำลังและพยายามจะเบี่ยงตัวหลบให้พ้นคมเขี้ยวนั่น

"ปล่อยเฟิร์สเดี๋ยวนี้"

เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นด้านหลังของปีศาจหมาป่าตรงหน้าเฟิร์สที่แทบจะหมดลมหายใจ ปีศาจหมาป่าชะงักกึก ราวกับตกใจกับการมาของรีสที่มันแทบจะไม่ได้ตั้งตัว มันคลายมือที่กอบกุมรอบลำคอเฟิร์สออกช้าๆแต่ยังไม่ละออกจากลำคอ พร้อมกับเงยหน้ายืดตัวมองซ้ายขวาน้อยๆเพื่อหาต้นตอของเสียง

“ร รีส หรอ...”เฟิร์สได้แต่หอบหายใจเข้าปอดยกใหญ่ ดวงตาได้แต่ปรือมองไปด้านหน้ามองหาเจ้าของเสียงอีกคนที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

[ปีศาจหมาป่า]

"หึ มาแล้วงั้นหรอ เก่งเหมือนกันนี่ ที่มาถึงที่แล้วข้าอย่างผมยังไม่รู้ตัวเลย”
ปีศาจสงคราม มันมาตอนไหนกันนะ ทำไมข้าไม่ได้กลิ่นมันก่อนหน้านี้ แล้วนี่มันอยู่ตรงไหนกัน มองหาไปรอบก็ยังไม่เห็นหัว ถึงแม้ที่นี่จะเป็นถิ่นข้าเองก็ตาม ทำไมกัน ข้าทำได้แค่ส่งเสียงร้องเรียกมันให้ออกมาพร้อมๆกับเปลี่ยนสรรพนามใช้แทนเมื่อคุยกับพวกเดียวกัน

“ออกมาเจอกันหน่อยเป็นไง ถ้าไม่อยากให้มนุษย์น่าโง่นี่ตายไป" ข้ายกมือเปลี่ยนจากกดรอบลำคอไอ้มนุษย์น่ารำคาญนี่ มากระชากที่กลุ่มผมของมันแน่น

“โอ๊ย ปล่อยนะเว้ย ปล่อยกู มันเจ็บ” ส่วนมันได้แต่นิ่วหน้ายกมือขึ้นไปแกะให้ข้าปล่อยมือจากจากผมของมัน ทั้งทุบทั้งหยิกทั้งออกแรงยืดยุด น่ารำคาญจริง คิดว่าข้าจะเจ็บรึไง น่าหงุดหงิดซะมากกว่า ข้าจึงได้แต่แยกเขี้ยวใส่มันและจิกผมมันแรงขึ้นไปอีก อุตส่าห์ใจเย็นเล่านิทานสนุกๆให้ฟังตั้งนาน ถ้าไม่ติดว่าใช้ล่อปีศาจสงครามออกมา ข้าจะกินมันเป็นอาหารไปนานแล้ว ว่าแต่ไอ้ปีศาจสงครามนั้นมันตรงส่วนไหนกันวะ

พรึ่บ!

นั้นไง มุมนั้น กลิ่นนี้ไม่ผิดแน่ กลิ่นอายของความตาย ความเย็บเหยียบที่แม้แค่เดินผ่านก็ดอกไม้ก็เหี่ยวเฉา ความวังเวงหดหู่ และสิ้นหวัง ใจของข้าเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มือของข้าจึงดึงทึ้งกลุ่มผมของมนุษย์ในมือแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

"มันเจ็บนะเว้ย ปล่อยสักทีสิวะ” ส่วนมันก็ได้แต่สงเสียงน่ารำคาญทำหน้าปานจะร้องไห้ ข้าไม่กระชากหัวของมันไออกมาก็บุญเท่าไหร่แล้ว หึหึ ในที่สุด เป้าหมายที่ข้าตามหามานานก็อยู่ตรงหน้าข้าแล้ว

"ผมอยู่นี่ ปล่อยเฟิร์สไปเถอะ" ปีศาจสงครามนั่นค่อยๆย่างกายออกมาจากมุมมืดตรงกำแพงถัดจากข้าไปนิดเดียวแล้วออกมายืนประจันหน้ากับข้า อะไรกัน ภัยอยู่แค่ตรงหน้าทำไมข้าถึงสัมผัสถึงกลิ่นอายมันไม่ได้ ที่ได้กลิ่นน่าจะอยู่ไกลกว่าตรงที่มันออกมาไม่ใช่รึไง หึ ข้าจะประมาทไม่ได้จริงๆสินะ

“ข้าปล่อยมันแน่ แค่เจ้ายอมสิโรราบให้แก่ข้า เจ้าแห่งสงคราม” จะว่าข้าใช้กลโกงก็ตามใจ แต่ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ ก็เหลือแค่ทางเลือกเดียว คือ ความตาย

“ผมไม่รู้หรอกนะว่า เจ้าแห่งสงคราม ที่คุณพูดหมายถึงใคร แต่ผมอยากให้คุณ ปล่อย เฟิร์ส ไป และผม แค่มาช่วยเขา” มันพูดออกมาช้าๆเน้นคำว่าปล่อย มนุษย์นี่สำคัญกับมันมากเลยสินะ ท่าทางนั้นเย็นชาเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ใบหน้าก็ไม่ได้แปรเปลี่ยน ยังจะมาทำเป็นไม่รู้เรื่องราว แถมยังเปลี่ยนนามเรียก จนเสียเวลาตามหาตั้งนาน

“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ยอมรับมาซะ ว่าเจ้าคือ ปีศาจที่เป็นเจ้าสงครามเมื่อพันปีก่อนตนนั้น และข้ามาเพื่อชนะเจ้า” ข้าจำใบหน้านี้ได้แม่นยำไม่มีทางจำผิดหรอกน่า ไหนจะกลิ่นของความตายมากมายที่รายล้อมตัวเจ้า

“พูดบ้าอะไร! ปล่อยเฟิร์สเดี๋ยวนี้!” เจ้าสงครามมองหน้าข้าอย่างเหลืออดจนต้องตะโกนออกมาเสียงดัง ทำเอาทั้งข้าทั้งมนุษย์นี่สะดุ้ง มนุษย์ที่ชื่อเฟิร์สตัวสั่นอย่างหวาดกลัว หายใจติดขัด ทั้งยังรนรานจนถอยชิดกำแพงด้านหลัง ทั้งที่ต่อหน้าข้าไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้

“อึก! ไม่! ถ้าเจ้าไม่ยอมรับ ข้าจะฆ่ามันซะ” ข้าเลยปล่อยมือจากกลุ่มผมของมนุษย์นี่แล้วไปกุมคอเช่นก่อนหน้า ผลักดันตัวของของมันออกไปริมขอบตึกที่เปิดกว้างเพื่อใช้ขู่เจ้าสงครามนั่น ถ้ามันไม่ยอมรับชื่อของมันข้าก็จะท้าดวลไม่ได้ นั่นเป็นกฎของโลกปีศาจ

“บอกว่า! ให้ปล่อยเฟิร์สไปเดี๋ยวนี้!!” ดวงตาของมันวาวโรจน์ขึ้นมา ข้างหนึ่งแดงวาบดั่งแต่กาลก่อน ส่วนอีกข้างช่างแปลกที่สีมันกลับทาดูหม่นหมอง กลิ่นอายแห่งความตายของเจ้าปีศาจพุ่งทะยานขึ้น แผ่ไอเย็นจนรอบๆขึ้นเป็นไอขาว แม้แต่หมาป่าอย่างข้าที่อุณหภูมิร่างกายสูงมากยังรู้สึกหนาวเหน็บ

“หึ นั่นก็เพราะเจ้าไม่ยอมรับชื่อของเจ้า เจ้าแห่งสงคราม” แต่ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับ ข้าก็จะเชือดเจ้ามนุษย์นี่ให้ดู ข้าพูดพร้อมๆกับกำรอบคอของมนุษย์นั่นแน่นขึ้นและผลักมันออกไปนอกอาคารจนขาไม่มีที่ยืน มันได้แต่ตาเหลือกโลน ทั้งหวาดกลัวทั้งเจียนตาย จนน้ำตาของมันไหลออกมาจากดวงตาดวงนั้น พร้อมๆกับมือที่ปัดป่ายและหาที่ยึดจับแล้ว อ้าปากก็พะงาบๆเอาอากาศเข้าปอด โอกาสรอดตายอันน้อยนิดทั้งๆที่ข้าไม่คิดจะให้มัน ในเมื่อเจ้าสงครามไม่ยอมรับก็จงดูคู่ชีวิตที่ตรีตราจองเอาไว้ตายไปต่อหน้าต่อตาซะ

ข้าค่อยๆคลายมือออกจากคอของมนุษย์ที่ยึดจับมือข้าไว้แน่น แล้วมองไปยังใบหน้าที่แสนเย็นชาของเจ้าสงคราม แสยะยิ้มอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า

พรึ่บ!

เฮือก! อะไรกัน... ทั้งรวดเร็วทั้งน่าหวาดกลัว ทั้งๆที่ยังไม่ทันตั้งตัวปีศาจสงครามตนนี้ก็เข้ามายืนอยู่ข้างกายข้าทั้งๆที่ข้าไม่ทันรู้ตัว คว้าหมับเข้าที่เอวของมนุษย์นั้นแล้วเอาเข้ามาไว้ข้างกายโดยที่มนุษย์คนนั้นก็โผลกอดมันไว้อย่างกลัวตาย ในขณะเดียวกันมันก็กลับกลายเป็นตัวของข้าเองที่ไม่มีที่ยืนล่วงหล่นจากขอบอาคาร

หมับ!

“ถึงจะไม่รู้ว่าคุณทำแบบนี้ไปทำไม แต่ผมก็ปล่อยให้คุณตายไม่ได้”

ขณะที่ข้ากำลังล่วงหล่น มือเย็นเชียบนั่นก็คว้าจับมือของข้าเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว ดวงตาสีแดงก่ำกลับมาดังปกติไม่วาวโรจน์จนน่ากลัว เว้นเสียแต่ไอเย็นสีขาวที่แผ่ออกมาจางๆรอบลำตัว อีกข้างก็โอบกอดมนุษย์นั่นไว้แน่น ดวงตาสองสีคู่นั้นจับจ้องมาที่ข้า ใบหน้านิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกใดๆทั้งๆที่ตรงข้ากับสิ่งที่พูดออกมา

“ช่วยชีวิตข้าไว้ทำไม ปล่อย!” ข้ามองมือที่ช่วยชีวิตข้าไว้ด้วยแขนข้างเดียวที่มีแรงมหาศาล ข้าได้แต่สมเพชตัวเองที่ได้คนที่คิดจะเอาชีวิตมาช่วยชีวิตตัวเองไว้แทน หึ ตายไปดีกว่า จะมามีบุญคุณ ข้าจึงสะบัดแขนและใช้อีกข้างแกะมือของเจ้าสงครามออก เพราะตึกแค่7ชั้นข้าไม่ทางตายแน่นอนแค่ต้องพักฟื้นและกินมากขึ้นหน่อย แต่มือนั้นกลับจับแน่น และค่อยๆดึงข้าที่ลอยอยู่กลางอากาศขึ้นมายืนบนขอบตึก แรงมหาศาลขนาดนี้ยังคิดจะปฏิเสธอีกรึไงว่าไม่ใช่คนที่ข้าตามหา

“ผมแค่เสียดาย...ที่ไม่ได้ฆ่าคุณด้วยตัวเองเท่านั้น” ว่าเสร็จแล้วมันก็กลับมาเป็นปกติเช่นมนุษย์ทั่วๆไป โอบอุ้มมนุษย์ผู้แสนอ่อนแอที่ตอนนี้สลบไปตั้งแต่มันช่วยออกไปจากมือข้า แล้วหันหลังกลับเดินจากไป

ส่วนข้าก็ได้แต่ยืนนิ่ง กลายเป็นบุญคุณโดยที่ไม่ได้ร้องขอ จนข้าต้องหาทางตอบแทนให้ได้ซะก่อน ที่จะคิดท้าชิงเจ้าปีศาจใหม่ ถึงดูๆไปแล้วข้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าสงครามสักเท่าไหร่ แต่ก่อนอื่น ข้ามีอย่างอื่นที่อยากจะรู้มากกว่า

“ทำไมเจ้าถึงช่วยมนุษย์ผู้แสนอ่อนแอคนนั้น ทำไม...ถึงโอบอุ้ม ทำไมถึงตามหาทั้งๆที่เจ้าก็รู้ว่ามนุษย์นั่นเกลียดชังเจ้า ทำไมถึงตามมาช่วยทั้งๆที่มันเป็นแผนของข้า ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ แต่เจ้าไม่มีความกลัวใดๆหลงเหลืออยู่ เมื่อเจ้าเห็นหน้ามนุษย์คนนี้”

เจ้าสงครามหยุดเท้าไว้ทันที แล้วเอ่ยตอบในสิ่งที่ข้าไม่มีวันเข้าใจ และไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเข้าใจเมื่อไหร่ ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งข้าไว้ตามลำพังกับความมืดมิดที่คุ้นชิน

“เพราะ รัก ไงล่ะ รักคำเดียวเท่านั้น ถึงแม้เฟิร์สจะเกลียดผม แต่ต่อจากนี้ไปผมจะไม่ปล่อยเฟิร์สไปอีกแล้ว”

รัก...งั้นหรอ




...
ตอนนี้ท้ายๆไม่รู้จะมึนกันรึเปล่านะ

ปล. ไม่รู้ว่าจะผิดกฎเล้ามากน้อยขนาดไหน จากตอนที่แล้วที่มีเอ็นซีไว้ ถ้าไอดีโดนลบหรือว่าย้ายไปไว้ทีไว้ที่ไหน ค่อยว่ากันที่เพจเด้อจ้า

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม

เค้าก้อแอบหายไปนานเลยพอดีช่วงนี้ยุ่งๆ
ทามแรงส์ 555
#เอาใจช่วยนะไรท์ หลังจากเห็นเม้นก่อนหน้าฮือๆ
ขอบคุณที่ติดตามค้า ปล่อยเอ็นซีไปผิดกฏเล้าใหม่แน่เลย ถ้านิยายนี้โดนลบหรือยังไง ดุที่เพจได้นะคะ มีลิ้งให้อ่านกัน ขอบคุณหลายๆที่ยังอยู่  :mew1:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
“เพราะ รัก ไงล่ะ รักคำเดียวเท่านั้น" เชรดดดดดดดดดดดดยอมรับหมดซึ่งหัวใจแล้วสิถึงได้พูดคำนี้ออกม๊า อ๊างงง :-[ 5555 //รวดเดียว 29 ตอนยาวๆอ่านตั้งแต่เมื่อวานยันตอนนี้ละค่ะ F5รัวๆ 5555 สนุกกกกมากกกกก เข้ามาเพราะสนใจชื่อเรื่อง me die???อารมณ์ประมาณ กูตายแล้วหรอ?? ยังไม่พร้อมตายอะแต่ก็ต้องมาตายก็เพราะมึ๊งงงงงง 55555 เลยคิดว่าแล้วยังไงต่อว่ะ หัวข้อไม่เห็นมีจำนวนตอน เห็น 3 หน้า คงไม่เยอะตอนมั้ง ไม่ได้เปิดมาหน้าสุดท้ายไง 555 พอเริ่มอ่านไป เฮ้ย!!สนุกกกว่ะ ระดับความสนุกมันค่อยๆเพิ่ม ตอนนี้งอมแงมค่ะ ติด 5555 //ริส เป็นเจ้าปีศาจแห่งสงครามแบบไม่รู้ตัว ปีศาจหลังความตาย ถ้าไม่ตายคงไม่เผยตัวตนออกมา สงสารริสอ่ะ ไร้ซึ่งรับรู้รสสัมผัส กินเนื้อดิบ ถูกจับไปทดลองทรมานอีก แถมยังต้องมารักคนที่ตัวเองแก้แค้นซึ่งก็กลัวตัวเอง ไม่เคยโกรธริสเลยที่ทำร้ายทรมานเฟิร์สทั้งร่างกายและจิตใจ เล่นประสาทสงครามจนจิตหลอน หวาดผวา นอนไม่หลับ ระแวง กลัว บลาๆ แค่หมั่นไส้ริสเองอ่ะ 5555 ก็นะ ชนแล้วหนีแล้วทำให้ตัวเองมาเป็นไรก็ไม่รู้ แต่สงสารเฟิร์สไหม สงสารเหมือนกัน ถูกกดดันจากพ่อไม่พอก็ต้องมารับกรรมแก้แค้นคืนจากริสอีก ก็นะริสมันไม่รู้ว่าลงแรงไปเท่าไหร่ พลังมากขนาดไหน ยังควบคุมไม่ได้ไง เฟิร์สสลบแล้วสลบอี๊ก 555555555555 สุดๆ เฟิร์สสตรองมาก ยอมเลย แล้วยังมาหวั่นไหวกับริสอีก ชอบอ่ะ 55555555555 หวั่นไหวกันทั้งคู่แล้ว ต่างก็โหยหา ชอบบบบมากความรู้สึกนี้ เฟิร์สอย่ามองริสด้วยสายตาแบบนั้นเลยนะ เจ็บปวดใจแทนริส รับตัวตนริสให้ได่นะ งื้ออออออออ!!! ชอบหมอกไอเย็นรอบกายริสที่แผ่ออกมา กลิ่นอายความตาย เท่ห์อ่ะ ชอบบบบบบบบบบ ริสเท่ห์จริงๆนะเออ 5555555 //ดีที่ไม่สู้กันไรมาก ไมเคิลอย่าคิดเป็นเจ้าปีศาจเลยนะ ปล่อยริสไปตามทางเหอะ ลำพังต้องจับไปทดลองก็แย่พอละ จะหลุดออกได้ไหมหรือยังไงต่อนะ //แรมป์กับหมอพอลนี้ยังไง หมอแค่มองหน้ายังวูบวาบ 555555 //ทามมมมมมมมแกได้ติวเตอร์แล้ว ช่วยทำตัวดีๆยอมรับใจตัวเองทีเห๊อะว่ารักว่าหลง ติวเตอร์จะได้ไม่ดื้อด้วย(มั้ง) 5555555 //NC+ ดีทุกคู่ค่ะ มีเท่าไหร่ปล่อยมาค่ะ ไม่ว่ากัน หูยยยยยยยยยยยยยย  :oo1: :haun4: :pighaun: :jul1: ชอบบบบบบ 55555555555 //เฟิร์สตื่นมาจะเป็นยังไงมั้งเนี้ยพอเจอหน้าริส ริสบอกจะไม่ปล่อยไปอีกชะมะ เง้อออออออออออทำให้เฟิร์สรับรักให้ได้นะ เอาใจช่วยว่ะ ต่อไปจะเป็นไงมั้งเนี้ย เพิ่งอ่านจบก็อยากอ่านต่ออีกเลยอะค่ะ 55555 //ขอเป็น FC เรื่องนี้อีกคนนะคะ จะติดตามตลอดเลยทีนี้ถ้าอัพ ชอบอะเพราะมันสนุกกมากกกกก ชอบลุคปีศาจริสจัง ชอบไอความตายเย็นๆ 55555555 แง่งงงอยากเห็นริสเฟิร์สหวาน แค่คิดก็เขินมากแล้วอ่ะ สัส 5555555 //ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาอัพให้ รอตอนต่อไปใจจดจ่อนะค่ะ ร๊อออออออออออออออออออ สู้ๆค่ะไรท์ ฮึบ  :katai4: :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2016 23:16:22 โดย blove »

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk

Me die
30 : ฟื้นสติ


[เฟิร์ส]

“อึก! ที่นี่มัน...” เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นจากฝันร้ายเมื่อวานที่มีสัตว์ประหลาดมาเล่านิทานบ้าๆให้ฟังแล้วยังจะฆ่าผมทิ้ง จนรีสมาช่วย รีส...ผมมองซ้ายขวาเห็นสถานที่คุ้นเคยก็อดสั่นไม่ได้ คอนโดนี้ที่รีสมันจับผมมาทรมานจนเกือบตาย ไหนมันบอกว่าจะปล่อยผมไป แล้วจับมาไว้ที่นี่อีกทำไม

“รีส...รีส! อยู่รึเปล่า” ผมชั่งใจลองเรียกชื่อปีศาจตัวจริงที่ทำให้ผมต้องหวาดกลัวออกไป เฝ้ารอมันตอบกลับมาอยู่นาน ด้วยใจที่เต้นระรัว ถ้ามันอยู่ผมควรทำยังไงต่อไปดี แต่ผมเรียกมันซ้ำอยู่นานแต่มันก็ไม่ตอบกลับมาสักที ผมก็ได้แต่เบาใจ ถอนหายใจทิ้งอย่างโล่งอก ลุกขึ้นขยับตัวจะลงจากเตียงนอน เพราะก่อนหน้าเอาแต่เกร็งจนไม่กล้าขยับไปไหน

“มันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กูด้วยหรอวะ” ผมก้มสำรวจตัวเอง ก็ได้แต่ถอยหายใจอย่างเบื่อหน่าย มันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผม ทั้งๆที่ผมไม่ต้องการ แล้วนี่มันหายไปไหนวะ เงียบไปแบบนี้หมายความว่าถ้าตื่นก็ให้ออกไปได้ใช่มั้ย

เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำทันที แล้วค่อยๆเดินสำรวจภายในห้องว่ามันไม่อยู่จริงมั้ยอย่างรีบร้อน จากนั้นก็ไปหยุดอยู่ที่บานประตูห้องนอนที่ผมกำลังจะเปิดอกไป ถ้าเปิดไปเจอมันจะทำยังไงดีวะ มันจะให้ผมออกไปไหม แล้วมันจะเปิดได้จริงหรอ ประตูบานนี้มันไม่เคยเปิดออกเลยตลอดจนเวลาที่ผมอยู่ตั้งที่คิดจะหนีออกไปครั้งนั้น

ผมค่อยๆเอื้อมมือที่กำลังสั่นเพราะความตื่นเต้นไปจับลูกบิดประตู จับมันค้างไว้อย่างนั้น ชั่งใจตัวเองดูอีกทีว่าจะกล้าเปิดมั้ย สุดท้ายผมก็ยังไม่กล้าเปิด ได้แต่เดินวนอยู่ตรงนั้นอยู่นาน จนในท้ายที่สุดก็ตัดสินใจได้

“เอาวะ!” มือของผมสั่นอย่างเห็นได้ชัด ภายในอกได้แต่ตื่นเต้นจนแทบลืมหายใจไปชั่วขณะ

คลิ๊ก!

เปิดได้! มันเปิดได้ จริงๆด้วย ผมยิ้มดีใจอยู่เงียบๆคนเดียว เพราะกลัวมันได้ยินทั้งที่มันไม่ได้อยู่แถวนี้ ตั้งแต่เจอมันผมกลายเป็นพวกสงบปากสงบคำลงมาก เพราะถ้าเถียงหรือด่าแม้แต่คำเดียว ผมจะโดนลงโทษทุกครั้ง ไม่เจ็บตัวก็จบลงที่เตียง

เมื่อเปิดประตูออกมา ผมยืนพิงประตูห้องนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ยังไม่กล้าขยับไปไหน ผมก็ได้กลิ่นของอาหารบางอย่างทำให้ภายในท้องผมเรียกร้อง ก็แน่สิ ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน แต่จะให้ไปกินก็ใช่เรื่อง มันจะเอาอาหารมาให้ผมกินจริงหรอ ครั้งก่อนยังแทบตายทั้งของดิบทั้งเนื้อวัว หิวไปก่อนดีกว่า แม้จะเวียนหัวจนตาลาย แทบไม่มีแรงเดินก็เถอะ ผมจึงก้าวเท้าออกเดินเพื่อตรงไปยังประตูโดยไม่หันกลับไปสนใจอาหารพวกนั้น แต่ก็ต้องชะงักเท้าไว้ พร้อมกับใจที่ล่วงลงไปที่พื้น ชาดิกไปโดยอัตโนมัติ

“เฟิร์ส” แม้คำเรียกนั้นจะไม่ได้ตะคอก ไม่เสียงดัง ไม่มีแรงกดดันในน้ำเสียง ทำให้หวาดกลัวเหมือนที่ผ่านๆมา แม้เป็นเพียงคำสั้นๆเบาๆที่เอ่ยออกมาเรียกรั้งผมไว้ก็ตาม แต่ผมกลับขยับไปไหนไม่ได้ จะก้าวเดินหรือจะหันกลับไปก็ทำไม่ได้ เพราะผมจำได้ขึ้นใจ ว่าเสียงนี้ คือเสียงของมัน ที่บอกว่ามันเป็นเจ้าของชีวิตผม

“อึก!” ผมใจหายวาบเมื่อจู่ๆมือเย็นๆของมันก็คว้าจับเข้าที่แขนผม ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางชินกับความหนาวเย็นนี้ได้ ผมได้แต่นิ่งงันตัวแข็งค้างยิ่งไม่กล้าขยับเข้าไปใหญ่ กลัว ถ้าต่อต้านผมต้องโดนอีกแน่ ไม่เอาแล้ว มันน่ากลัวเกินไป

“...ไปกินข้าวเถอะ” เมื่อมันเห็นว่าผมเกร็งจนแทบไม่หายใจ มันเลยค่อยๆปล่อยมือออกจากแขนผม แล้วเดินนำไปก่อน ทิ้งระยะห่างพอสมควรแล้วค่อยหันมาบอกให้ผมไปกินข้าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ผมไม่รู้หรอกว่ามันทำหน้ายังไง แต่ผมกลัว กลัวมาก จนมันเดินห่างออกไปนั่นแหละ ถึงได้กลับมาหายใจได้สะดวกอีกครั้ง

ผมยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้นอยู่นานพอสมควร ไม่กล้าเข้าไปตามที่มันบอก แต่ก็ไม่กล้าเดินหนีออกไปนอกห้องเช่นกัน จะมีก็แต่ความกลัวที่เริ่มกัดกินในใจของผมมากขึ้น จนสักพักรีสมันเลยเดินออกมาเรียกผมให้ไปกินอีกครั้งด้วยใบหน้านิ่งๆที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ นิ่งมากเหมือนเซลล์ประสาทหน้ามันตายไปหมด ตั้งแต่ครั้งก่อนแล้วแม้กระทั่งดวงตามันยังไม่เคยกระพริบเลย มีขยับก็อย่างเดียวคือริมฝีปากสีคล้ำนั่น

“เข้าไปกินเถอะ เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอก ผมกลับมาต้องเจอนายอยู่ที่นี่ห้ามออกไปไหน เพราะถ้าหนี นายจะรู้ว่าจะเจอกับอะไร ผมไม่อยากตรึงนายด้วยโซ่หรอกนะเฟิร์ส ...เอ้อ อาหารกินได้ตามสบาย ผมไม่ได้แกล้งอะไรหรอก” ว่าจบแล้วมันก็เดินออกไปเงียบๆ โดยเลี่ยงไม่สบตาผม เดินก็ห่างจากตัวผมไปอีกด้าน เหมือนรู้ว่าผมกลัวมัน จนมันปิดประตูล็อกกลอนแล้วก็หายเงียบไป

เห้อ... โล่งอก! ว่าแต่เมื่อกี้มันอะไรวะ ผมนาย ไม่ มึงกู แล้วแล้วหรอ แถมยังไม่ตะคอก ไม่โกรธ ยอมหนีหายไปเฉยๆทั้งที่เมื่อก่อนผมไม่ยอมทำตามแบบนี้แทบจะกระชากจนแขนหลุดติดมือมันไป ไม่ก็แกล้งจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด หรือจบลงที่เตียงโดยที่ไม่ต้องกินอะไรเหมือนเดิม อะไรกันวะ แล้วไหนจะดวงตาที่ไม่แสงวาววาบออกมาให้น่ากลัว สุภาพเหมือนตอนมันเป็นไมค์ มันดูเศร้ารึเปล่านะ ทำไมถึงรู้สึกว่ามันเศร้าแม้ใบหน้าของมันยังนิ่งเหมือนเดิม... เลิกคิดเถอะ แล้วผมก็เดินไปกินข้าวที่มันเตรียมเอาไว้ให้

แรกๆก็ลังเลที่จะกินทั้งเขี่ยทั้งดูแล้วดูอีกแต่ก็ไม่มีอะไรแปลก อาหารสุกหอมเรียกเสียงในท้องผมให้ทำงานแต่ก็ยังไม่กล้ากิน หรือมันจะใส่อะไรแปลกๆลงไปให้ผมท้องเสียมั้ย ผมลังเลอยู่นาน เขี่ยมันจนเย็นชืด แต่สุดท้ายก็ทนความหิวไม่ไหวจนต้องกินมันลงไป ซึ่งมันก็เป็นเพียงอาหารธรรมดาเท่านั้น มันไม่ได้แกล้งอะไรผม ไม่ได้ท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษแต่อย่างใด

กินเสร็จผมก็ได้แต่เดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูห้องอยู่พักใหญ่ แต่เสียงคำสั่งของมันก็ดังในหัวผมตลอกเวลา จนผมต้องถอยไปนั่งอยู่เงียบๆที่โซฟาห้องนั่งเล่น ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดทีวีดูด้วยซ้ำ กลัวมันโมโหแล้วอยากฆ่าผมตายอีก เห้อ...เอาไงต่อดีวะชีวิต เจ้ากรรมนายเวรเยอะซะจริง หนีก็ไม่ได้ ตายก็ไม่อยาก ยิ่งถ้าทำอะไรผิดไป ผมไม่อยากโดยลงโทษหรอกนะ

[เฟิร์ส จบ]

อีกด้าน

เมื่อรีสที่ยอมออกมมาจากคอนโดเพราะรู้ตัวว่าเฟิร์สนั้นทั้งเกลียดทั้งกลัวตนขนาดไหน ภายในใจของเขารู้สึกเจ็บปวดทั้งที่มันใช้งานไม่ได้มานานมากแล้ว ถ้ากล้ามเนื้อหน้าของเขายังใช้งานได้ ป่านนี้หน้าทั้งหน้าของเขาคงจะย่นยู่ดังคนอมทุกข์ให้เห็นไปแล้ว

เขาตัดสินใจยอมแพ้เฟิร์ส ไม่อยากอยู่ให้อีกคนต้องอึดอัด แล้วมาทำหน้าที่ของเพื่อนแทน ตอนนี้รีสเลยได้แต่ตามติวเตอร์ที่โดนทามลากมากินข้าวข้างนอกจากข่าวสารที่ได้รับจากเชนมือเฮกเกอร์ของเขา เพื่อเป็นข้ออ้างให้เขาโทรตามหมอพอลที่ปรับความเข้าใจกันกันแล้วก่อนหน้าไปช่วยดูแลเฟิร์สแทน แต่เน้นย้ำว่าห้ามพาออกไปไหน เพราะห่วง

“ว่าไงเชน” รีสที่กำลังเดินตามติวเตอร์เพื่อหาช่องทางเข้าไปพูดคุยบางอย่างเมื่อติวเตอร์อยู่คนเดียวอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าจากคนคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาซะก่อน รีสเลยหลบเข้ามุมเพื่อรับสาย เมื่อทามหันมามองทางเขาพอดี

“พอคืนดีกับพี่หมอก็โทรหาแต่พี่หมอนะครับ ไม่โทรมาหาผมบ้างเลยนะเนี่ย” เชนพูดจาทะเล้นตอบกลับให้รุ่นพี่ที่เขายอมรับในความแปลกนั้นโมโหเล่นด้วยรอยยิ้มที่ยียวนประดับใบหน้าของเขาผ่านทางหูฟังบูลธูท ขณะที่มือทั้งสองข้างนั้นกดยิกๆลงบนคีร์บอร์ด ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องบนจอตรงหน้าของตนไม่วางตา

“อย่ามากวนประสาทฉัน มีอะไรว่ามา” แต่รีสกลับไม่เล่นด้วย ได้แต่ถามกลับไปนิ่งๆ เพราะถ้าเชนจะโทรมาหาเขาต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน

“ว้า เล่นมาก จนรุ่นพี่ไม่โมโหผมแล้ว น่าเบื่อจัง ...พี่รีส มีบางอย่างกำลังตามพี่อยู่” เชนทำเสียงเสียดายมากมาย แต่ดวงตาที่มองจอผ่านเลนส์แว่นอยู่นั้นกับจ้องไม่วางตา แล้วว่าด้วยน้ำเสียจริงขึ้นมาทันที

“พวกดร.?” รีสถามกลับด้วยความสงสัย เพราะถ้าแค่พวกของดร.ก็ชั่งมัน พวกนั้นแอบตามเขามาตั้งแต่วันที่เขาหนีออกมาแล้ว แต่แค่ตามอยู่ห่างๆเท่านั้น

“ไม่ใช่ครับ พวกนั้นก็ตามอยู่เหมือนเดิม แต่อันนี้ไม่ใช่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร มันไม่ปรากฏบนจอผมชัดเจน แค่เป็นเหมือนกลุ่มก้อนดำๆอะไรบางอย่าง ถ้าบอกว่าเหมือนคนก็ไม่เชิงเหมือนหมาก็ไม่ใช่” เชนจ้องเขม็งที่จอภาพ อธิบายสิ่งที่เขาเห็นว่าตามรุ่นพี่เขาอยู่ อย่างละเอียด

“หมาหรอ...งั้นติดต่อมาบอกพิกัดมันให้อีกทีเมื่อติดต่อไป ตอนนี้ขอจัดการตรงนี้ก่อน ขอบใจ เชน”    

“ยินดีช่วยครับผม^^”

ว่าจบรีสก็วางสายไปทันที ประจวบเหมาะกับติวเตอร์ที่นั่งอยู่คนเดียวตรงม้านั่ง ส่วนทามก็อยู่ตรงร้านไอศกรีมที่คนกำลังหนาแน่น รีสจึงเดินเข้าไปหาติวเตอร์ทันที

“นั่งด้วยได้มั้ยครับ” รีสไปหยุดยืนอยู่ข้างๆติวเตอร์ พูดขึ้นเบาๆเพื่อเรียกความสนใจจากคนตัวเล็กที่แทบไม่ได้เห็นใกล้ๆมานาน

“เชิญเลยครับ” แต่ติวเตอร์นั้นไม่ได้มองหน้าเขาเลย ได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนเครียดกับอะไรบางอย่างอยู่ ในความคิดรีสก้คงไม่พ้นเรื่องของคนที่ไอ้ตัเล้กของเขากำลังมองอยู่

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” รีสแสร้งถามออกไปอีกครั้ง เพื่อให้ไอ้ตัวเล็กของเขาตอบกลับมา ถ้าเป็นติวเตอร์ที่เขารู้จักมันจะต้องรำคาญแล้วหันมาด่าแน่ๆถ้าเป็นไม่รู้จักแล้วอยากจะไปยุ่งเรื่องของมัน

“ยุ่งไรด้วยวะ รู้จักกันด้วย หรอ ...รีส” แล้วก็ได้ผลเกินคาด ติวเตอร์หันหน้ามาเหวี่ยงใส่เขาแทบจะทันที คิ้วที่ผูกกันแน่นนั้นกับแน่นยิ่งกว่าเดิม แต่พอเห็นหน้ารีสกลับพูดไม่ออกแทน ได้แต่ทำหน้าอึ้งๆไป

“ครับ? คุณรู้จักผมด้วยหรอ หรือรู้จักใครที่หน้าตาเหมือนผม” รีสแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก เพราะตัวเขานั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เขาสามารถทำตามสัญญาได้ ถ้าเขาเป็นอีกคน

“เอ่อ เปล่าครับ ขอโทษนะครับ แต่คุณหน้าตาเหมือนเพื่อนของผมมาก มากเสียจนผมยังอดแปลกใจไม่ได้ จะไม่เหมือนก็คงแค่สีของดวงตา ดวงตาเพื่อนของผมสีฟ้าครับ มองทีไรเป็นละสายตาไปไหนไม่ได้ตลอดเลย” ติวเตอร์พูดพรรณนาถึงรีสเพื่อนสนิทของเขาอย่างมีความความสุข ใบหน้าประดับแต่รอยยิ้ม จนรีสที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่พร่ำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในใจ

“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนหรอครับ ผมอยากเห็นใบหน้าของเขาแล้วสิ” รีสพูดกลับไปสีหน้านิ่งงันทั้งที่ภายในนั้นรู้สึกผิดมหันต์

“คงเจอไม่ได้หรอกครับ เพื่อนของผมไปสวรรค์แล้วแหละ” ใบหน้าของติวเตอร์กลับมาเศร้าหมองจนเห็นได้ชัด

“ผมขอโทษนะครับ ผมลืมแนะนำตัวไป ผมชื่อไมค์ อันที่จริงผมกำลังตามหาญาติ เพราะผมเป็นเด็กกำพร้าแต่ออกมาได้ดี จนกลับไปทดแทนเลยได้รู้ว่าผมมีฝาแฝด ถ้าใบหน้าของเพื่อนคุณเหมือนผมจริงช่วยติดต่อกลับมาหาผมทีหลังหน่อยได้มั้ยครับ คุณ...” รีสรีบพูดรวบรัด เมื่อมองไปยังทามที่ถึงคิวแล้ว และกำลังจะได้ของ ว่าจบก็ยื่นนานบัตร ไมค์ ไปพร้อมอธิบาย ติวเตอร์ก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมทำหน้างงๆไปด้วย

“ผมติวเตอร์ครับ ได้ครับผมจะทักไปคุยนะครับ ถ้าคุณเป็นญาติกับรีสจริงก็ดีสิครับ ถ้ารีสรู้ว่ามีญาติละก็ ดีใจมากๆแน่เลยครับ รีสอยู่คนเดียวมาตลอดเลย” ติวเตอร์ยกยิ้มอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยส่งมาให้กับเขา ท่าทางที่แสดงถึงความห่วงใย และเข้าใจในความเหงาของเขาเมื่อก่อนยิ่งทำให้รีสรู้สึกผิดและอยากจะขอโทษติวเตอร์หลายๆรอบ แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด

“ครับ ผมขอตัวนะครับ” ว่าจบก็หันหลังเดินจากมา ภายในใจก็พูดแต่คำขอโทษส่งไปเผื่อถึงไอ้ตัวเล็กเพื่อนรักของเขา

“เตอร์ คุยกับใคร” ทามเดินกลับมาเห็นหลังของใครบางคนที่ใส่สูทสีดำเดินจากไป ดูก็รู้ว่ามาคุยกับติวเตอร์เขาเลยถามไปด้วยเสียงไม่พอใจอีกครั้ง จากที่ยอมไปซื้อไอศกรีมเพื่อมาง้อที่ลากติวเตอร์ออกมาทั้งที่ไม่เต็มใจแล้วแท้ๆ

“เปล่าครับ แค่มาถามทาง” ติวเตอร์รีบซ่อนนามบัตรนั้นไว้แนบตัวก่อนค่อยๆหย่อนมันลงกระเป๋ากางเกงเมื่อลุกขึ้นคุยกับทามที่เอาไอศกรีมมาให้ แต่ก็ทำเป็นนิ่งเฉยพูดเฉไฉไปว่ามาถามทาง

“ถามทางบ้าไรวะในห้าง มันเข้ามาจีบใช่มั้ย!”

“พี่ทามอย่ามาหาเรื่องผมได้มั้ย”

แต่ทามกลับเข้าใจไปคนละทาง ตั้งแต่คืนแรกของเขาสองคนทามก็หึงหวงติวเตอร์ออกหน้าออกตาแบบไม่มีเหตุผลมากขึ้น ซึ่งทำให้ติวเตอร์รำคาญมาก แต่ตอนนี้มันกลับเข้าทางเขา เขาเลยทำเป็นโมโหกลับไปแทน จนทั้งคู่ก็ยืนเถียงกันในห้างอยู่นาน จนหลายคนมอง ทามจึงลากติวเตอร์กลับบ้าน ท่าทางคืนนี้จะเคลียร์ยาวยันเตียง

ด้านรีสที่เดินเลี่ยงออกมาก็จัดการโทรกลับไปหาทางเชนเพื่อสิ่งที่ต้องการและนัดแนะบางอย่างทันที

...

[เชน]

สวัสดีครับผม ผมคือเด็กเนิร์ดเอ๋อๆติดเรียนเป็นเด็กม.ปลายธรรมดาๆคนหนึ่งเท่าที่หลายๆคนจะรู้จักผมละนะ ทุกคนเรียกผมเชน คุณก็เรียกแบบนั้นละกัน แต่อีกหนึ่งหน้าที่หลังกรอบแว่นของผมคือเป็นโปรแกรมเมอร์มือฉมังที่หากินอิสระแล้วแต่เงินตราเรียกร้องไม่ว่าจะถูกหรือผิดกฎหมายก็ตาม รหัสของผมคือ C แต่นั้นก็เอาไว้ก่อน หลายๆคนน่าจะรู้จักผมบ้างแล้วก่อนหน้านี้

ตอนนี้ผมงานเข้าเป็นครั้งที่สองตั้งแต่รู้จักกับพี่คนนั้นมา รุ่นพี่ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นอำมตะไม่เจ็บไม่ตายดังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ผมชอบดู ผมเลยอยากจะเก็บพี่แกไว้ดูเล่น เผื่อเอาไว้แก้เหงาเอามีดปลักเล่นก็คงสนุกดี ถ้าพี่แกยอมอะนะ

แต่ชั่งเถอะ เอาเป็นว่าวันนี้ผมต้องลงภาคสนามอีกแล้วน่ะสิ นี่แหละสิ่งที่ผมเกลียดจริงๆ ผมน่ะก็แค่นักเลงคีร์บอร์ดที่เก่งแค่หลังไมค์ไม่ชอบออกภาคสนามนะเห้ย มันตื่นเต้น ตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว คิดว่าพ่อคุณเฟิร์สจะจับได้ เห็นบอกว่าเป็นมาเฟียซะด้วย ผมนี่เหงื่อแตกท่วม ถึงจะทำเป็นชิลเพื่อไม่ให้โดนดูถูกก็เถอะ แต่ภายในน่ะเกร็งสุดๆ

แต่ถึงผมจะไม่เก่งภาคสนามแต่ผมก็ชอบอะไรที่มันบันเทิงในสายตาผม ที่บางคนเรียกว่าโรคจิต ชั่งมัน ผมไม่สน ซึ่งผมชอบอะไรแปลกๆ ทั้งเรื่องรุ่นพี่ ของสะสม รวมถึงการปลอมตัวที่ผมมั่นใจว่าจะไม่มีใครจำผมได้ ก็บอกอยู่ว่าผมนักเลงคีร์บอร์ด ออกข้างนอกก็แค่ไอ้เนิร์ดเอ๋อ ยกเว้นเสียแต่ปลอมตัวออกมา โดยเฉพาะปลอมตัวเป็นผู้หญิง ผมนี่ชอบมาก...

หลังจากผมวางสายจากรุ่นพี่ที่ติดต่อกลับมา และขอร้องให้ผมลงภาคสนามเพื่อช่วยกันสกัดสิ่งที่ตามรุ่นพี่มา ซึ่งผมก็ตอบตกลงทันที เพราะอะไรน่ะหรอ ของมันแน่อยู่แล้ว จะเอามาสะสมสิวะ อะไรที่มันแปลกๆขนาดจอภาพลูกรักของผมยังจับไม่ได้ มันต้องเสร็จผม

ผมเลยลุกขึ้นมาจัดการแต่งแต้มหน้าตาและปลอมแปลงเสื้อผ้าของผมซะใหม่ ถอดแว่นตาที่ใส่ไว้หลอกๆตอนเป็นเด็กนักเรียนและนั่งอยู่หน้าคอมออก แล้วทารองพื้นลงแป้งแต่งเติมเครื่องสำอางซะยกใหญ่ รวมถึงติดขนตาปลอมกรีดอายให้ดวงตาของผมดูกลมโตสวยสะพรั่ง มือรวบผมหน้าม้าทรงกะลาครอบของผมขึ้นจนเปิดเหม่งแล้วหยิบวิกผมสีน้ำตาลยาวสวยที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาใส่ จัดทรงเล็กน้อย มือหยิบอายขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะจรดทำจุดบางอย่างที่อยู่เหนือริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปสวมชั้นใน แน่นอนผมใส่จริง พร้อมๆกับเลือกชุดเดรทกระโปรงพอดีเข่ามาสวมใส่ ก่อนที่จะออกไปยังที่ที่นัดหมายกับรุ่นพี่ไว้ทันที

[เชน จบ]

หลังจากวางสายจากเชนรีสก็ออกมาจากห้างที่ตามติวเตอร์ไปทันที เพื่อล่อให้บางสิ่งบางอย่างที่เชนเห็นตามออกมาด้วย ส่วนพวกของดร.ก็พาไปหลงไว้ตรงไหนสักแห่งก่อนหน้า เขาต้องการสถานที่ปลอดคนเพื่อล่อมาออกมา เชนจึงจัดให้โดยเป็นตรอกเล็กๆที่เป็นทางเข้าของโรงงานผลิตเหล้าเถื่อนผิดกฎหมายที่วันนี้ไม่เปิดทำการพอดิบพอดี

รีสลงจากรถแล้วเดินไปเรื่อยๆตามถนนซอยแล้วซอยเล่า เพื่อไปยังเป้าหมายที่เป็นตรอกเล็กๆที่อยู่ด้านหลังของซอยสุดท้าย สิ่งที่ตามเขาอยู่นั้นก็ตามมาใกล้เรื่อยๆ จนรีสรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เขาคุ้นเคย ยิ่งเขาเข้าใกล้ตรอกนั้นมากขึ้น คนรอบๆก็น้อยลงจนแทบไม่เหลือใคร สิ่งนั้นก็เข้าใกล้เขามากขึ้น มากขึ้น จนแทบจะแตะลงที่หัวไหล่เขา แต่แล้วก็จางหายไปโดยไว พลังงานนั้นถอยห่างไกลออกไปเมื่อมีผู้หญิงสวยผมสีน้ำตาลมีไฝเหนือริมฝีปากคนหนึ่งเดินเข้ามาหารีส

“มาคนเดียวหรอคะ” เธอคนนั้นเดินเข้ามาพูดคุยกับรีสพร้อมเข้าประชิดตัว รีสเองก็แปลกใจที่เธอไม่สะดุ้งที่ร่างกายเขาเย็นชืด แต่กลับจับแน่น รีสจะสะบัดออกไปเพราะจะทำให้แผนเขาเสียแต่แล้วเธอคนนั้นก็เข้ามากระซิบข้างหูของเขาให้หายสงสัยซะก่อน

“รุ่นพี่ ผมเอง เชน มันอยู่ไหน” เชนก้มไปกระซิบเบาๆพร้อมกับเหลือบดวงตาไปมาช้าๆหาสิ่งนั้นอย่างไม่ให้เป็นพิรุธ

“แต่งตัวแบบนี้ทำไม?” รีสได้แต่ระอา เขาแค่ให้มันมาเป็นพยานรู้เห็นกับสิ่งที่เขาจะตกลงกับสิ่งนั้นเพราะเขารู้ว่ามันเป็นใคร แล้วทำไมถึงต้องปลอมตัว รีสไม่เคยเข้าใจในความชอบแปลกๆส่วนของเชนเลย แต่เขายังต้องพึ่งพาเชนนั่นเอง

“เอาน่าพี่ ผมสนุกของผมละกัน แล้วมันอยู่ไหนอ่ะ” รีสไม่ตอบแต่เดินนำเข้าไปในตรอกที่ว่านั่น เชนก็ไม่สนแค่เดินเกาะแขนรีสตามไป แม้เขาจะเย็นๆที่จับแต่เขาชอบรู้สึกดีมากเหมือนได้แอร์เคลื่อนที่ แต่ได้ยินจากหมอพอลมาอีกทีว่าเวลาโกรธหนาวยิ่งกว่าอยู่ขั้วโลก

รีสกับเชนเดินเข้าตรอกนั้นไป สิ่งนั้นก็ได้แต่ตามดูอยู่ห่างๆเพราะรีสไม่ได้อยู่คนเดียว จึงไม่รู้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน ทั้งสองนัดแนะกันเพิ่มเติม เชนยื่นถุงบางสิ่งให้แก่รีส ก่อนที่จะเดินนวยนาดเยี่ยงสตรีจากออกมา จนเชนเลี้ยวเข้าตรอกข้างๆกันไปนานพอสมควรสิ่งนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

[ไมเคิล]

“ตามผมมาทำไม” ข้าเดินตามเจ้าสงครามเข้าไปในตรอกเล็กๆหลังจากหญิงสาวมนุษย์เดินจากไป แต่เมื่อปรากฏกายไม่ทันไร ก็พบเจ้าสงครามรออยู่ก่อนหน้า พร้อมเอ่ยถามอย่างสงบ หึ รู้ตัวจริงๆสินะว่าข้าตามอยู่

“ข้าแค่ตามเจ้าเพื่อรอเวลาตอบแทนบุญคุณ” พูดไปก็อายเปล่า ตั้งใจจะมาท้าทายดันเป็นบุญคุณกันแทน ข้าได้แต่ยืนกอดอกพิงกำแพงเงยหน้าขึ้นเพื่อหาที่มองแทนที่จะไปมองหน้าเจ้าสงครามแทน แต่ดันเห็นอะไรแปลกๆกลมๆที่อยู่บนกำแพงด้านเดียวกับที่หญิงสาวนางนั้นเดินเข้าไป ลักษณะมันเหมือนกล้องในยุคนี้ ถ้าก็มาที่นี่นานพอที่จะรู้จัก แต่เหมือนข้าจะจ้องนานเกินไป เจ้าสงครามเลยเดินมาอยู่ตรงหน้าข้าแล้วเอ่ยถามขึ้น

“คุณชื่ออะไร ผมรีส” เจ้าสงครามไปยืนพิงกำแพงอีกข้างตรงข้ามข้าชวนพูดคุยเพื่อเบี่ยงประเด็นทำไมข้าจะไม่รู้ เล่นตุกติกอะไรกัน

“ไมเคิล แล้วก็ให้คนของเจ้าออกมาสักทีพร้อมกับกล้องนั่นด้วย ก่อนที่ข้าจะไปกระชากหัวมันหลุดจากบ่า” ข้าพูดออกมาอย่างรำคาญ คิดว่าข้าโง่รึไง ถึงข้าจะไม่ได้กลิ่นเจ้าสงคราม แต่กลิ่นคนอื่นข้าก็ได้กลิ่น โดยเฉพาะหอมเฉพาะของนางคนเมื่อกี้ ที่มีกลิ่นคล้ายใครบางคนที่ข้าเคยเจอเมื่อสิบปีก่อน แต่นั่นเป็นเด็กผู้ชาย แล้วอีกอย่างข้าตาไม่บอดสักหน่อย

“อืม เชนได้ยินแล้วก็ออกมาสักทีน่ะ” เจ้าสงครามปล่อยมือออกจากที่กอดอกมองข้า ยกมือขึ้นขยับบางอย่างที่หู หูฟังบูลธูทขนาดเล็กงั้นสิ น่าจะเป็นความคิดของมนุษย์นั่นสินะ ไร้ประโยชน์สิ้นดี

“ไฮ ̴  ̴̴  ̴ ” ผู้หญิงตัวเล็กๆผมสีน้ำตาลมีไฝเหนือริมฝีปากหน้าตาจัดว่าน่ารักเข้ากับผิวขาวๆนั่นกับชุดเดรทกระโปรงลายลูกไม้น่ารัก เดินออกมาจากกำแพงด้านที่เพิ่งเดินเข้าไป พร้อมๆกับยกมือขึ้นทักทาย ส่วนอีกข้างก็ยังยกกล้องตัวเมื่อกี้ที่ข้าเห็นอยู่ แล้วค่อยๆย่างเท้าเข้ามา กลิ่นนี้ ยิ่งใกล้ยิ่งเหมือนเด็กคนนั้น

“คุณจะทำอะไรเชน” ข้าชะงักเท้ากึก หลังจากเพิ่งรู้ตัวเข้าไปหาผู้หญิงตรงหน้านี้ที่นางได้ส่งยิ้มมาให้หาได้เกรงกลัวใดๆ ตรงข้ามกับเจ้าสงครามที่พูดเตือนสติข้า เหมือนมาก เจ้าเด็กนั่นเมื่อสิบปีก่อนก็ไม่ได้เกรงกลัวตอนเห็นข้าครั้งแรกเหมือนกัน

“เจ้า เป็นหญิงหรือชาย” ข้าหลงลืมสิ่งที่จะมาพูดคุยกับเจ้าสงครามหมดสิ้น เอาแต่จ้องไปที่นาง หลงไปกับกลิ่นที่คุ้นเคยจากเด็กคนหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน

“ไมเคิล ผมไม่ต้องการอะไรจากคุณ บุญคุณอะไรที่ว่าก็ไม่ต้องตอบแทนผมทั้งนั้น หยุดสะกดรอยตามผมสักที” เจ้าสงครามพูดปฏิเสธสิ่งที่ข้าออกมาเพื่อขัดข้าที่กำลังสนใจคนมาใหม่ คงจะรู้ว่าข้าไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ หลังจากที่ข้าจับตัวคู่ชีวิตเจ้าสงครามไป

“หึ งั้นสินะ เจ้าสงครามอย่างเจ้าคงไม่ต้องการผู้ใดให้มาช่วย ก็คงไม่พลาดพลั้งใดๆ แต่สำหับข้าบุญคุณก็ต้องทดแทน ไม่ว่าเจ้าจะร้องขอ  หรือไม่ ข้าจะตอบแทนเจ้าให้ได้” ว่าจบข้าก็กระโดดออกมาจากตรงนั้นโดยเร็ว ฉุนชะมัด ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้าวันนั้นข้าก็ไม่ต้องแบกหน้าติดตามเจ้าเพื่อหาวิธีตอบแทนแบบนี้หรอกนะ

[ไมเคิล จบ]

“ทำไมรุ่นพี่ไม่เอาเข้ามาไว้ใกล้ตัวละครับ อยากจะตอบแทนขนาดนั้น” เชนว่าออกมาหลังจากที่ไมเคิลกระโดดหนีไป เขามองความเร็วเกินมนุษย์นั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาโดยที่ยังไม่ละสายตาไปยังทางที่ไมเคิลหายวับไป

“อยากรู้ว่าหมอนั่นทำอะไรได้มากกว่าล่ะสิ” รีสพูดสวนออกมา พรางเดินเข้ามาหาเชนพร้อมยื่นมือขอดูวิดีโอที่เอามาก็แทบไม่มีประโยชน์

“ว๊า รู้ทันตลอดนะครับรุ่นพี่ ว่าแต่เขาเป็นตัวอะไรกันแน่ครับ” เชนทำหน้าแอ๊บแบ๊วใส่รีสซึ่งก็ไม่รู้สึกอะไรเช่นเคย

“ไม่ต้องห่วงหรอก หมอนั้นวนเวียนอยู่ใกล้ๆฉันนี่แหละ หมอนั่นก็แค่ หมาบ้านั่นแหละ แต่ถ้าอยากรู้มากกว่านี้...ก็ตามดูเอาสิ” รีสตอบออกไปอย่างรู้ทันเชนอีก พร้อมๆกับแกล้งให้เชนอยากรู้แต่ก็ทำให้หน้ามุ่ยแทน แต่ก็มุ่ยได้แปปเดียว ก่อนจะเดินนำออกจากซอยไป ที่เลือกตรอกเล็กไร้ผู้คนก็แค่เผื่อว่าหมาบ้านั้นจะกลายร่างเท่านั้น

แต่เด็กบ้าอย่างเชนก็คือเด็กบ้าวันยังค่ำ ก็ยังคงยิ้มได้ แถมยังชอบใจมากขึ้นอีกที่จะได้เจอสัตว์ประหลาด ‘หมาบ้าจะเหมือนหมาป่าที่ฉันเจอตอนเด็กๆรึเปล่านะ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นเลยนะที่ทำให้ผมเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ และยังสะสมอะไรแปลกๆอีก’

“แยกย้ายกันตรงนี้เลยก็ได้นะเชน” รีสไปหยุดยืนอยู่ข้างหน้าเชนก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆแล้วกำลังจะก้าวออกไปอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อรอเวลากลับเข้าไปในคอนโดหลังเฟิร์สหลับเพื่อไม่ให้กลัวเขา

“รุ่นพี่ยังกลับไปไม่ได้ไม่ใช่หรอครับ ปานนี้หมอพอลคงไปถึงไม่นานเอง งั้น...ไปเที่ยวกับซีดีกว่ามั้ยคะ” เชนหยุดความคิดนั้นลงพร้อมๆกับยิ้มแป้นแล้วเอ่ยแกล้งรีสด้วยน้ำเสียงที่ดัดให้เล็กเป็นผู้หญิงอีกครั้ง ก่อนจะเดินควงแขนกันออกไปเมื่อเห็นว่ารีสไม่ปฏิเสธ


...
ตอนนี้มาเบาๆก่อนนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะ รักทุกคน  :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
ตอบทู้จ้า


เค้าก้อแอบหายไปนานเลยพอดีช่วงนี้ยุ่งๆ
ทามแรงส์ 555
#เอาใจช่วยนะไรท์ หลังจากเห็นเม้นก่อนหน้าฮือๆ
ตอบใหม่จ้า อันที่แล้วสงสัยจะมึนเอง 555
ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้นะคะ

“เพราะ รัก ไงล่ะ รักคำเดียวเท่านั้น" เชรดดดดดดดดดดดดยอมรับหมดซึ่งหัวใจแล้วสิถึงได้พูดคำนี้ออกม๊า อ๊างงง :-[ 5555 //รวดเดียว 29 ตอนยาวๆอ่านตั้งแต่เมื่อวานยันตอนนี้ละค่ะ F5รัวๆ 5555 สนุกกกกมากกกกก เข้ามาเพราะสนใจชื่อเรื่อง me die???อารมณ์ประมาณ กูตายแล้วหรอ?? ยังไม่พร้อมตายอะแต่ก็ต้องมาตายก็เพราะมึ๊งงงงงง 55555 เลยคิดว่าแล้วยังไงต่อว่ะ หัวข้อไม่เห็นมีจำนวนตอน เห็น 3 หน้า คงไม่เยอะตอนมั้ง ไม่ได้เปิดมาหน้าสุดท้ายไง 555 พอเริ่มอ่านไป เฮ้ย!!สนุกกกว่ะ ระดับความสนุกมันค่อยๆเพิ่ม ตอนนี้งอมแงมค่ะ ติด 5555 //ริส เป็นเจ้าปีศาจแห่งสงครามแบบไม่รู้ตัว ปีศาจหลังความตาย ถ้าไม่ตายคงไม่เผยตัวตนออกมา สงสารริสอ่ะ ไร้ซึ่งรับรู้รสสัมผัส กินเนื้อดิบ ถูกจับไปทดลองทรมานอีก แถมยังต้องมารักคนที่ตัวเองแก้แค้นซึ่งก็กลัวตัวเอง ไม่เคยโกรธริสเลยที่ทำร้ายทรมานเฟิร์สทั้งร่างกายและจิตใจ เล่นประสาทสงครามจนจิตหลอน หวาดผวา นอนไม่หลับ ระแวง กลัว บลาๆ แค่หมั่นไส้ริสเองอ่ะ 5555 ก็นะ ชนแล้วหนีแล้วทำให้ตัวเองมาเป็นไรก็ไม่รู้ แต่สงสารเฟิร์สไหม สงสารเหมือนกัน ถูกกดดันจากพ่อไม่พอก็ต้องมารับกรรมแก้แค้นคืนจากริสอีก ก็นะริสมันไม่รู้ว่าลงแรงไปเท่าไหร่ พลังมากขนาดไหน ยังควบคุมไม่ได้ไง เฟิร์สสลบแล้วสลบอี๊ก 555555555555 สุดๆ เฟิร์สสตรองมาก ยอมเลย แล้วยังมาหวั่นไหวกับริสอีก ชอบอ่ะ 55555555555 หวั่นไหวกันทั้งคู่แล้ว ต่างก็โหยหา ชอบบบบมากความรู้สึกนี้ เฟิร์สอย่ามองริสด้วยสายตาแบบนั้นเลยนะ เจ็บปวดใจแทนริส รับตัวตนริสให้ได่นะ งื้ออออออออ!!! ชอบหมอกไอเย็นรอบกายริสที่แผ่ออกมา กลิ่นอายความตาย เท่ห์อ่ะ ชอบบบบบบบบบบ ริสเท่ห์จริงๆนะเออ 5555555 //ดีที่ไม่สู้กันไรมาก ไมเคิลอย่าคิดเป็นเจ้าปีศาจเลยนะ ปล่อยริสไปตามทางเหอะ ลำพังต้องจับไปทดลองก็แย่พอละ จะหลุดออกได้ไหมหรือยังไงต่อนะ //แรมป์กับหมอพอลนี้ยังไง หมอแค่มองหน้ายังวูบวาบ 555555 //ทามมมมมมมมแกได้ติวเตอร์แล้ว ช่วยทำตัวดีๆยอมรับใจตัวเองทีเห๊อะว่ารักว่าหลง ติวเตอร์จะได้ไม่ดื้อด้วย(มั้ง) 5555555 //NC+ ดีทุกคู่ค่ะ มีเท่าไหร่ปล่อยมาค่ะ ไม่ว่ากัน หูยยยยยยยยยยยยยย  :oo1: :haun4: :pighaun: :jul1: ชอบบบบบบ 55555555555 //เฟิร์สตื่นมาจะเป็นยังไงมั้งเนี้ยพอเจอหน้าริส ริสบอกจะไม่ปล่อยไปอีกชะมะ เง้อออออออออออทำให้เฟิร์สรับรักให้ได้นะ เอาใจช่วยว่ะ ต่อไปจะเป็นไงมั้งเนี้ย เพิ่งอ่านจบก็อยากอ่านต่ออีกเลยอะค่ะ 55555 //ขอเป็น FC เรื่องนี้อีกคนนะคะ จะติดตามตลอดเลยทีนี้ถ้าอัพ ชอบอะเพราะมันสนุกกมากกกกก ชอบลุคปีศาจริสจัง ชอบไอความตายเย็นๆ 55555555 แง่งงงอยากเห็นริสเฟิร์สหวาน แค่คิดก็เขินมากแล้วอ่ะ สัส 5555555 //ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาอัพให้ รอตอนต่อไปใจจดจ่อนะค่ะ ร๊อออออออออออออออออออ สู้ๆค่ะไรท์ ฮึบ  :katai4: :katai2-1:
โหยยย แบบ ไม่รู้จะตอบยังไงเลยค่าาา อ่านแล้วยิ้มไม่หุบเลยล่ะ ดีใจมากกก ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ดีใจที่ชอบน้า //แบบว่ารีสเท่จริงๆแหละ ชอบแบบนี้เหมือนกันค่ะ ฮาาา ไอเย็นๆรอบๆปีศาจที่มีกลิ่นอายความตาย  :mew1:  //เฟิร์สแบบ ก็สตรองจริงๆแหละ ฮา แต่เฟิร์สก็น่าสงสารนะ //ทามกับติวเตอร์คู่นี้แค่เบาๆ พี่ทามมันเจ้าเล่ห์ไปหน่อย อิอิ // คู่แลมป์กับพี่หมอ นี่สงวนนะคะ ไม่ได้เขียนมาก เผื่อไว้บ้าง //สนับสนุนไมเคิล กับเชนกันด้วยนะค้าาา 555 // แบบว่าไม่รู้จะตอบไงอีกอ่ะ เอาเป็นว่าขอบคุณมากๆเลยนะคะ


ทุกท่านที่ติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณมากเลยที่ติดตามกันมาขนาดนี้  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
รีสว่ามาแนวโหดแล้วนะ เจอเชนเข้าไปโรคจิตจริง 5555555 และอ๋ออออ ที่โรคจิตแบบนี้ก็เพราะเห็นหมาป่ากลายร่างแต่เด็กนี่เองเลยเชื่อพวกเหนือธรรมชาติละเริ่มสะสมของแปลก อะไรแปลกแนวจิตๆนี้ เชนชอบบบบ 555555 ว๊ายยยไมเคิลเชนจำกลิ่นได้แต่เด็กเลย เชนกำลังทำให้ไมเคิบสับสนในเพศนะนั่น 555//ไอ้เราก็นึกว่าใครตามมาล่ารีสอี๊ก ไมเคิลนี่เอง ตามมาทดแทนบุญคุณ ตัดแล้วไม่คืนคำจริง  o13 คงตามวอแวอยู่อย่างนี้สินะ 55555 แล้วยังจำกลิ่นเชนได้อีก อิอิรอฟิน ทำให้ไมเคิลเจอคำว่ารัก คำเดียวอย่างที่ริสบอกเถอะ 555// ก็เข้าใจเฟิร์สนะ ยังกลัวอยู่ ทำให้หลอนซะขนาดนั้น จะทำอะไรก็กลัวแต่จะโดนว๊าก 5555 แต่รีสก็พยายามในแบบของรีสละ บอกจะไม่ยอมปล่อยไปชะ เพราะงั้นก่อนออกจากห้อง เลยสั่งอย่างเยือกเย็น ห้ามออกไปไหน ไม่อยากล่ามโซ่นะ 555555 พยายามจะอ่อนโยนแล้วใช่ไหมนี้ ไม่อยากทำให้กลัวเลยนะ  รีสแม่งฮา  555555 คำพูดคำจาก็ดีขึ้น เฟิร์ส ริสพยายามปรับปรุงตัวอยู่นะ อย่ากลัวเลยเจ็บปวดใจไปกับรีส งื้ออออ สู้ๆนะรีส ไรท์ก็เช่นกันค่ะ สู้ๆปั่นตอนต่อไปนะคะ รออ่านอยู่คะ ดีใจที่มาอัพ ชอบบบบบค่ะชอบบบบบ จะเกิดไรขึ้นต่อไปรอลุ้นค่ะ โอ๊ยยยชอบรีสอยู่กับเฟิร์สจัง รีสจะทำตัวให้เฟิร์สงงๆแบบไหนอีก จะปรับปรุงตัวยังไง รอดูค่ะ 555555

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk

Me die

31 : หน่วง

 
หมอพอลรับหน้าที่ไปดูแลเฟิร์สให้ แต่ไม่ได้เข้าไปทักทายในห้องนอน เฟิร์สก็ไม่รู้ตัวว่ามีคนเข้ามาในห้อง หมอพอลได้แค่เตรียมอาหารเที่ยงอาหารเย็นที่ซื้อสำเร็จมาวางไว้และซื้อวัตถุดิบขึ้นมาให้ และออกไปเงียบๆเพราะดันมีงานด่วนจากดร. จากนั้นรีสจึงกลับมาคอนโดแทน
 
หลังจากรีสกลับมาได้สักพักเฟิร์สก็ตื่นขึ้น ทั้งสองคนได้แต่จ้องหน้ากันอยู่นานไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมา เฟิร์สได้แต่อึกอัก จนสุดท้ายก็หลบหน้าไป รีสเห็นดังนั้นก็เดินเลี่ยงไปเพื่อเตรียมอุ่นอาหารให้ จากนั้นก็เดินมาตาม
 
“เฟิร์ส ไปกินข้าวกลางวันสิ” รีสเดินมาหยุดอยู่ห่างๆเฟิร์สที่ยังนิ่งอยู่ที่เตียงเหมือนเดิมไม่ขยับไปไหน แต่เมื่อเฟิร์สได้ยินเสียงรีสกลับสะดุ้งจนตัวโยนแล้วค่อยๆหันหน้ามาหารีสช้าๆ ทำท่าอึกอักอยู่นานจนในที่สุดก็ตัดสินใจพูดออกมา
 
“คะ คือ ยังไม่หิว อ๊ะ อย่า!” พอเฟิร์สพูดจบอย่างกล้าๆกลัวๆ รีสที่ยืนอยู่ก็ขยับตัวจะเดินเข้ามาหาเฟิร์ส ด้วยในอดีตที่มักเจ็บตัวที่ปฏิเสธรีส จึงทำให้เฟิร์สกลัวจนถอยหลังหนีอัตโนมัติ แม้ว่าแท้จริงรีสไม่ได้จะทำอะไรทั้งสิ้น รีสที่เห็นเฟิร์สหวาดกลัวตนแบบนั้น จึงได้แต่นิ่งค้างไม่เคลื่อนไหว ในใจรู้สึกปวดหนึบ ดวงตาได้แต่จ้องมองเฟิร์สนิ่งอย่างท้อใจ จนสักพักก็เดินห่างออกไปพร้อมกับพูดทิ้งท้ายไว้เบาๆ
 
“อาหารวางไว้บนโต๊ะ ผมจะกลับมาอีกทีตอนเย็น”
 
จนเฟิร์สได้ยินเสียงล็อกประตูหน้านั้นแล้ว จึงขยับตัว ถอนหายใจโล่งอีกครั้ง แต่สายตาเฟิร์สนั้นก็ได้แต่มองไปยังทางที่รีสเดินออกไป ภายในใจก็ได้แต่สับสนงุนงงกับท่าทีที่แปรเปลี่ยนไปของรีส เพราะถ้าเขาปฏิเสธสิ่งที่รีสต้องการเฟิร์สเจ็บตัวทุกครั้ง ไม่ว่าจะกระชากเขาไป บังคับต่างๆนาๆ พูดร้ายตะคอกโมโหเขา แต่ครั้งนี้กลับนิ่งเงียบแล้วยอมจากออกไปเอง
 
จากนั้นเวลาที่เหลืออยู่เฟิร์สก็ได้แต่เดินวนอยู่ในห้อง ไม่กล้าจะทำอะไร ออกไปไหนก็ไม่ได้อีก บ้างก็ไปนั่งอยู่เฉยๆ บ้างก็ไปนอนเล่นจนเวลาผ่านไปอย่างน่าเบื่อ แต่ตลอดเวลาเขาจะหยุดคิดเรื่องของรีสไม่ได้ ทั้งท่าทีที่เปลี่ยนไป ทั้งสงบเงียบ ไม่โมโหใส่เขา ไม่รุนแรง แถมยังหนีหน้าไปเพราะรู้ว่าเขากลัว แต่ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยเขาไปสักทีจะขังไว้ทำไมกัน
 
[รีส]
 
ผมขับรถออกไปเรื่อยๆจนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะที่เก่าที่ผมเคยมาเมื่อครั้งทุกข์ใจตอนยังเป็นมนุษย์ จนปัจจุบันที่ตัวของผมนั้นกลายเป็นปีศาจหรือมนุษย์ทดลองที่ดร.ใช้เรียก ที่นี่ดูเก่าและวังเวงขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย
ผมเดินไปนั่งนิ่งที่เก้าอี้ข้างๆที่ยังไม่ผุพังเท่าไหร่ เหม่อมองออกไปรอบๆ สำรวจไปทั่วไม่ได้เจาะจงอยากจะดูอะไร มองไปเรื่อยเปื่อยเพื่อให้เวลามันเดินไปเรื่อยๆ สิ่งต่างๆที่เคยสวยงามเมื่อเวลาพ้นผ่านมันก็ย่อมดับสลายไป แล้วตัวของผมล่ะ ร่างกายที่คุ้นเคยแต่ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป มันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมรึเปล่า ผมไม่อยากเป็นตัวประหลาดแบบนี้หรอกนะ
 
ร่างกายของผมเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ดวงตาที่เคยเป็นสีฟ้าสว่างจนแปรเปลี่ยนมาเป็นสองสีจนบัดนี้กลายเป็นสีแดงดังสัตว์ร้ายไปทั้งสองข้าง มองยังไงก็ไม่คุ้น ผิวที่ขาวอยู่แล้วแต่บัดนี้ซีดเผือดเหมือนซากศพเดินได้ อีกทั้งรอบๆตัวยังมีไอเย็นสีขาวจางๆอยู่รอบตัวตลอดเวลา จากอุณหภูมิร่างกายที่เย็นจัด แม้ไม่สังเกตจะไม่เห็นก็ตาม แต่เมื่อผมรู้สึกโกรธหรือโมโหขึ้นมาเมื่อไหร่ เหมือนบางอย่างในร่างกายมันจะปะทุออกมารอบๆเหมือนจะมีไอเย็นจากตัวผมแผ่ไปปกคลุมจนมันเย็นจัดเหมือนดอกไม้ดอกนี้
มือของผมหยิบดอกหญ้าสีเหลืองขึ้นมาถือไว้ในมือ ดวงตาได้แต่จ้องมองมันนิ่งๆ แต่ความงามของดอกไม้ในมือผมก็มีให้เห็นแค่เพียงแวบเดียว ไอเย็นจากร่างกายผมไหลออกไปเคลือบมันไว้จนทั่วทั้งดอกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งบางๆ
แกรบ!
และแค่เพียงขยับมือจับมันเบาๆ ดอกไม้ในมือผมก็แตกสลายไป เป็นเพียงแค่เศษน้ำแข็งที่ล่วงหล่นลงสู่พื้นดินและละลายหมดไปในที่สุด
นับวันไอเย็นจากร่างกายที่ผมมี เหมือนจะคุมมันได้มากขึ้น เหมือนที่ผมทำให้ดอกไม้เมื่อกี้กลายเป็นน้ำแข็ง แต่บางทีมันก็คุมไม่ได้ ยิ่งเมื่อมีความโกรธ หรืออารมณ์ของผมรุนแรงขึ้นเมื่อไหร่ ความเย็นที่มีมักจะทวีขึ้นตามแรงอารมณ์เท่าตัว ยิ่งคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ผมยิ่งจะกลายเป็นคนเย็นชา และทำลายล้างทุกอย่างให้แตกสลายไปดังแผ่นน้ำแข็งที่เปราะบาง
การที่เฟิร์สปฏิเสธและกลัวผม อารมณ์ของผมก็เริ่มแปรปรวน แต่มันไม่ใช่ความโกรธ แต่มันดันรู้สึกปวดหนึบบางอย่างภายในจิตใจ จนผมต้องปลีกตัวออกห่าง เพราะไม่รู้ว่าถ้าอารมณ์นั้นมันมากขึ้น เฟิร์สจะเป็นอันตรายจากผมอีกรึเปล่า...
 
ส่วนอาหารที่ผมต้องกินนั้นก็ยังเหมือนเดิม เนื้อดิบ เลือดสด อาหารมนุษย์ทั่วไปก็ยังคงกินไม่ได้ ร่างกายของผมจะต่อต้านมันทุกครั้ง ยิ่งฝืนกินเข้าไปเท่าไหร่ยิ่งออกมามากเท่านั้น แถมยังกระหายเลือดเพิ่มขึ้น ผมสะอิดสะเอียนตัวเองจากอาหารจนไม่อยากกิน แต่เมื่อไม่กินร่างกายของผมมันดันทรุด เรี่ยวแรงที่เคยมีมากกว่ามนุษย์กลับไม่มีเหลือแม้แต่แรงพยุงตัวเอง จนร่างกายทนไม่ไหวต่อความหิวที่มี ทำให้ต้อง กิน บางอย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกินมาก่อน
 
เหมือนตอนนั้น ก่อนที่ผม จะไปช่วยเฟิร์สจากปีศาจหมาป่าไมเคิล
 
วันนั้นผมทราบข่าวว่าเฟิร์สหายไป และรู้ตำแหน่งจากเชนว่าอยู่ที่ตึกร้างแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านั้นผมที่ฝืนไม่ยอมกินไม่ยอมนอนจนร่างกายแทบรับไม่ไหว ทั้งๆที่ได้รับคำเตือนจากพี่หมอพอลแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังดันทุรังออกไป
 
ในระหว่างที่ผมกำลังจะถึงเป้าหมาย ลูกน้องของดร.ที่ส่งมาสังเกตการณ์อยู่ห่างๆมาตลอดได้เข้ามาหาเมื่อเห็นว่าผมนั้นแทบหมดแรงเดินและพยายามจะพาตัวผมขึ้นรถตู้ขับออกไปที่ห้องทดลองอีกครั้ง แต่ตอนนั้นสติที่ผมแทบไม่รู้อะไร หิวจนตาลาย ภายในท้องร้องเรียกแต่บางสิ่งที่อยากจะกัดกินให้เต็มอิ่ม ผมแทบไม่รู้ว่าตอนนั้นโดนพวกนั้นลากขึ้นรถหรือทำอะไรไปบ้าง รู้แค่ว่ากลิ่นเลือดเนื้อของพวกนั้นมันหอมจนผมทนไม่ไหว จากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีก ได้ยินแต่เสียงแว่วของใครสักคนในกลุ่มนั้นร้องออกมาอย่างทรมาน และตามมาด้วยอีกหลายๆเสียงที่ร้องขอชีวิตอย่างโหยหวน และเงาจางๆสีขาวที่ปกคลุมกลุ่มคนพวกนั้นภายในรถตู้
 
เมื่อผมฟื้นสติขึ้นมา ผมยังอยู่ในรถตู้คันเดิมที่พวกนั้นจับมาแน่นอน ไอสีขาวที่แผ่ปกคลุมนั้นหายไปจนมองเห็นทุกอย่างชัดเจน ชัดเจนมากจนเกินไป จนผมเองนั้นยังอดตะลึงค้างกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าไม่ได้ ผมเหลือบสายตามองไปรอบๆมองทุกอย่างที่สยดสยองเกินบรรยายตรงหน้า นิ้วมือของผมนั้นยังจิกกำบางอย่างของมนุษย์อยู่ ซึ่งสิ่งนั้นก็คือเศษชิ้นเนื้อมนุษย์!  ผมสะบัดมันออกอย่างตกใจ จากนั้นก็เหลือบมองคนอื่นๆมันสยดสยองเกินกว่าผมจะรับมือไหว ทั้งเลือดทั้งเศษชิ้นส่วนต่างๆกระจัดกระจายอยู่เต็มรถ เหมือนๆกับโดนพวกสัตว์กินเนื้อเข้ามากัดกิน แทะโลมจนเนื้อหนังหลุดลุ่ยกระดูกหลุดเส้นเอ็นเส้นเลือดฉีกขาด แม้กระทั่งหัวและตัวแทบจะอยู่กันคนละที่ ดวงตาในหัวนั้นเหลือกโลนจ้องค้างไม่หลับนิ่ง แต่บางหัวดวงตากลับเหลือแค่เพียงหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็นอนนิ่งอยู่ข้างๆปลายเท้าผม
อึก! ผมได้แต่นิ่งค้าง อารมณ์ไม่คงที่ ทั้งตกใจทั้งสับสนและขยะแขยงในตัวเอง ในหัวของผมนั้นคิดอะไรไม่ออก ได้แต่มองเศษซากส่วนใหญ่ที่กองอยู่ตรงหน้า  เป็นฝีมือของผมไม่ผิดแน่ ราชาติหวานๆจากเลือดของคนกลุ่มนี้ผมยังรู้สึกถึงมันที่อยู่ในลำคอ  ท้องของผมถูกเติมเต็มจนอิ่มโดยเลือดเนื้อมนุษย์ แต่ที่น่าแปลกคือ ร่างกายของผมกลับมีแรงขึ้นมา มีมากกว่าตอนที่กินเลือดกินเนื้อหมูไก่จากตลาดซะอีก แต่ผมกลับไม่ได้ดีใจเลยแม้แต่น้อย ได้แต่รังเกียจร่างกายนี้มากขึ้นไปอีกเท่าตัว
 
ผมมองไปยังเศษซากมนุษย์พวกนี้อย่างชั่งใจจนในที่สุดอารมณ์แปรปรวนของผม  ก็ทำให้ความคิดด้านลบผมชนะ ผมต้องทำลายหลักฐาน! ผมนั่งนิ่งค้างอยู่กับที่ จ้องมองไปยังกองเลือดเนื้อที่กระจัดกระจายอยู่ภายในรถ ไอเย็นสีขาวจางๆไหลออกจากตัวแผ่ปกคลุมจนภายในรถตู้มองไม่เห็นอะไรอีก มากขึ้น แผ่ไอเย็นออกไปอีก ออกไปจนเคลือบเกาะทุกชิ้นส่วน จนมันแตกสลายไปเหมือนดอกไม้ดอกนั้น
ผมค้างอยู่อย่างนั้นไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ จนสติของผมดับวูบไปจนล้มลงกองอยู่ที่พื้นรถ จนเมื่อมีสายเรียกเข้ายืนยันตำแหน่งจากเชนดังเตือนสติ ผมจึงตื่นขึ้นพร้อมกับแรงที่กลับมามากเหมือนก่อน ไอเย็นรอบๆจางหายไป เศษซากชิ้นส่วนต่างๆถูกสต๊าฟไว้จนแข็ง ถ้าเพียงแค่จับต้องก็สลายหายไป ผมจึงทำความสะอาดร่างกายเท่าที่จะทำได้ ปัดแผ่นน้ำแข็งที่เกาะเพื่อทำลายหลักฐานทิ้งจนมันแตกออกเป็นผงน้ำแข็งจางๆแล้วละลายหายไปเมื่อลงสู่พื้น เหมือนๆกับซากอื่นที่เหลือ ในเวลาไม่นานมันก็จะละลายหายไปเองจนหมด
จากนั้นผมก็รุดหน้าออกจากรถไปช่วยเฟิร์สทันทีด้วยร่างกายที่ยังคงกลิ่นคาวความตายและเสียงร้องขอชีวิตที่ยังดังอยู่ในหัว ได้แต่ทิ้งเศษซากพวกนั้นไว้เพื่อรอเวลาละลาย จนเหลือแต่รถตู้เปล่าๆ คนพวกนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย ผมได้แต่พร่ำเตือนสติตัวเอง ว่าผมไม่ควรที่จะละเลยการกินอาหาร แม้ว่าอาหารนั้นจะน่าสะอิดสะเอียดขนาดไหน แต่ถ้าผมไม่อยากจะกิดเลือดเนื้อมนุษย์โดยเฉพาะเฟิร์ส ที่ใกล้ตัวที่สุด เพราะผมไม่อยากจะทำร้ายเฟิร์สมากไปกว่านี้อีกแล้ว ผมควรอยู่ให้ห่างเฟิร์สไว้เมื่อรู้สึกถึงความแปรปรวนที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ
 
ผมได้แต่นั่งมองตรงไปข้างหน้านิ่งงัน จมอยู่กับความคิดที่เตลิดไปไกล ผมยังรังเกียจและหวาดกลัวตัวเอง แล้วทำไมเฟิร์สจะไม่รู้สึก ยิ่งเมื่อก่อนผมทำร้ายเฟิร์สไว้มากขนาดนั้น ผมเข้าใจดีที่เฟิร์สมีสายตาและท่าทางที่หวาดกลัวผม แต่ทำไมมันถึงทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด ภายในใจมันปวดหนึบจนทำให้ผมนึกท้อใจ อยากจะปล่อยเฟิร์สแล้วหายหน้าไป กลายเป็นที่คนที่เฟิร์สไม่เคยรู้จักจะดีรึเปล่า และตัวของผมเองนั้นควรจะไปเป็นมนุษย์ทดลองไร้ความรู้สึกไม่ก็ให้ไมเคิลช่วยฆ่าผมให้ตายเพื่อทดแทนบุญคุณ ยังไงหมอนั้นก็อยากฆ่าผมอยู่แล้ว แต่ที่ยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆเพียงเพราะจะชดใช้ทั้งที่ในใจนั้นไม่ปราถนา
แต่เสียงของพี่หมอที่ยังคอยย้ำไม่ให้ผมปล่อยชีวิตให้เป็นแบบนั้น บอกว่าอย่างน้อยๆควรจะทำให้เฟิร์สหายโกรธ และยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ที่รักเฟิร์สไปแล้ว ไปไถ่โทษ อย่างน้อยๆก็ให้เฟิร์สได้ชีวิตปกติลืมปีศาจอย่างผมไป ไม่เป็นโรคหวาดระแวงกลัวอะไรต่างๆนาๆที่เกิดจากฝีมือของผมทั้งนั้น
 
แต่ถึงผมจะรักเฟิร์ส ผมนั้นก็ไม่ต้องการให้เฟิร์สรักตอบกลับมา และยอมทิ้งตัวตนมาจมอยู่กับตัวประหลาดแบบผม แต่สิ่งที่ผมต้องการ มีเพียงแค่ อยากให้เฟิร์สปลอดภัย และให้อภัยในสิ่งเลวร้ายที่ผ่านมาบ้างสักนิดก็ยังดี เลิกหวาดกลัว ใช้ชีวิตปกติ แต่...เพียงแค่ผมลืมไปแล้วว่าควรจะแสดงท่าทางแบบไหน ควรพูดอะไร ทำได้เพียงแค่ถอยห่างออกมาทั้งที่ในใจนั้นปวดหนึบ ผมไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงต่อไป
 
ผมรู้เฟิร์สได้แต่กลัวและหวาดระแวงในตัวผม ยิ่งเมื่อจะเข้าใกล้เฟิร์สจะขยับตัวถอยห่างออกไปเสมอ การที่เอาเฟิร์สมาไว้ที่นี่จะเป็นความคิดที่ดีรึเปล่า ผมคิดซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอด แต่ผมก็ยังเก็บเฟิร์สไว้ใกล้ตัวทั้งที่ตังอันตรายที่สุดสำหรับเฟิร์สน่าจะเป็นผม ทำไมกันนะ ภายในใจของผมมันเจ็บปวด เจ็บมากเหลือเกินที่เห็นท่าทางหวาดกลัวจนลนลานของเฟิร์ส ทั้งที่แม้แต่หัวใจมันก็ไม่ทำงานมานานมากแล้ว บางครั้งผมอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ร่างกายที่เปลี่ยนไปนั้น กลับทำให้มันไม่มีแม้แต่น้ำตาที่คลอในดวงตา จะมีก็แต่ไอเย็นจางๆสีขาวกับอุณหภูมิร่างกายที่เย็นขึ้นไปอีกเท่าตัว
 
ผมกลับมาถึงคอนโดอีกครั้งของรอบวัน เมื่อเวลาตอนนี้วนมาเกือบเที่ยงคืน ผมเดินเข้ามาในห้อง มองไปยังเฟิร์สที่นอนหลับอยู่บนเตียง ผมจึงหยุดมองใกล้ๆประตูห้องนอนห่างจากเตียงมา ใบหน้าของเฟิร์สแม้ยามหลับก็ดูไม่มีความสุขเอาซะเลย ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าครั้งไหน เฟิร์สมีแต่ความระแวงและกลัวจนลนลาน ผมอยากขอโทษเฟิร์ส อยากให้ใบหน้านี้มีแต่รอยยิ้ม ไม่ใช่ซีดเผือดอย่างหวาดกลัว ผมอยากเป็นคนทำให้เฟิร์สมีความสุขมีรอยยิ้มบ้างสักนิดก็ยังดี
 
“อือ”
ขาผมที่เดินเข้ามาหาเฟิร์สตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เฟิร์สขยับตัวและครางฮือออกมาเบาๆจากไอเย็นของมือผมที่ยังคงมีออกมาอยู่ตลอดเวลานั้นกระทบกับผิวหน้าของเฟิร์สเมื่อผมค่อยๆขยับเข้าใกล้ใบหน้าเฟิร์สช้าๆ ลากนิ้วชี้ผ่านปลายคางขึ้นไปยังผิวแก้มเฟิร์สไล้ไปตามโครงหน้าผ่านหน้าผากเนียนแล้วหยุดลงที่กลางหว่างคิ้ว
เฟิร์สครางฮือออกมาเบาๆอีกครั้งเมื่อนิ้วเย็นๆของผมจิ้มค้างอยู่ตรงหว่างคิ้วนานเกินไป ผมจึงขยับนิ้วมือลากเบาๆไปตามแนวสันคิ้วที่ขมวดมุ่นของเฟิร์สจึงค่อยๆคลายออก ใบหน้าที่ย่นยู่นั้นดูผ่อนคลายลงช้าๆตามสัมผัสที่ผมไล้นิ้วมือผ่าน  ผมค่อยๆลูบไล้ไปตามโครงหน้าสวยของเฟิร์สอย่างเบามือที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ รู้สึกเหมือนผมจะยิ้มออกมายังไงยังงั้นเลยแหะ แต่ก็ไม่หรอกกล้ามเนื้อหน้ามันตายนิ่งสนิทไปนานแล้ว ถ้าทำได้ก็คงจะแค่ขยับปาก แต่ทำไมผมถึงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจมากมายเหลือเกินในตอนนี้
 
‘อุ่น?’ ยิ่งลูบไล้ยิ่งรู้สึกถึงความอบอุ่นบางอย่างจากใบหน้านั้น ทำไมผมถึงรู้สึกถึงความอุ่นของใบหน้าเฟิร์สกัน ผมรีบยกมือขึ้นมามองอย่างสงสัย จากนั้นจะลองลูบไล้เพื่อพิสูจน์ใหม่อีกครั้ง แต่เฟิร์สดันขยับตัวซะก่อน ผมจึงรีบถอยตัวออกมายืนมองใกล้ๆแทน แต่เฟิร์สก็แค่เพียงขยับตัวให้นอนสบายมากขึ้น จากนั้นก็หลับสนิทไป ใบหน้าไม่ย่นยู่ดูผ่อนคลาย ดีแล้ว...แล้วผมก็ยืนดูเฟิร์สอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งคืน
"อ่ะ อึก! ไม่! อย่าเข้ามา!" เฟิร์สละเมอจากฝันร้ายขึ้นมากลางดึก ยกมือปัดป่ายและกอดปกป้องตัวเอง น้ำตาคลอจนขนตาเปียกชุ่มแม้ไม่ได้ลืมขึ้น ร่างกายสั่นไหว ใบหน้าเครียดตึงอย่างหวาดกลัว มือเรียวนั้นขยุ้มผ้าห่มแน่นจับไว้แน่นกกกอดแขนตัวเองกดไว้จนขึ้นข้อขาว ฝันร้ายที่ผมเป็นคนทำ ฝันร้ายจากการที่ถูกสัมผัสมันยังคงตามหลอกหลอนเฟิร์ส
ร่างกายผมขยับเข้าหาเฟิร์สอัตโนมัติ แม้ใจจะปวดหนึบ แทรกกายใหญ่โตเข้าไปนอนข้างๆ ช้อนหัวของเฟิร์สเข้ามาในอ้อมแขน ยกมือเย็นเฉียบกกกอด ลูบไล้เบาๆอย่างปลอบโยน ไม่นานเฟิร์สก็ดูผ่อนคลายขึ้น สงบลงไม่ละเมอตะโกนออกมาอย่างหวาดกลัว เฟิร์สครางฮือเบาๆเมื่อขยับกายชิดผม คงจะเย็น แต่ก็ยังคงเข้ามาแนบชิด สีหน้านั้นดูผ่อนคลาย ผมได้แต่เกร็งนิ่งทำตัวไม่ถูกเมื่อเฟิร์สนั้นขยับเข้ามากอดเอวผมไว้แล้วนิ่งจนหลับสนิทไป แต่พอผมจะขยับตัวเฟิร์สกลับส่งเสียงไม่พอใจและยื้อยุดไว้ จนผมได้แต่นอนนิ่ง ข่มตาหลับไม่ลงนอนจ้องเพดานไปตลอดทั้งคืน รุ่งเช้ามาถึงเฟิร์สคงตกใจแน่นอน
รุ่งเช้า
 
“อ่ะ! ร รีส” เฟิร์สที่ตื่นขึ้นมาเห็นหน้าผมก็ผวาถอยกรูจนชิดกับขอบเตียงอีกด้านมือหยิบยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายไว้แล้วขยำมันจนแน่น มองหน้าผมอย่างตื่นๆ ผมจึงขยับตัวออกมายืนห่างจากเตียงนอนไปเงียบๆแทน ได้แต่มองสบไปยังดวงตาที่ไหวระริกนั้นนิ่งๆ...เฟิร์สกลัวผม แม้ผมจะรู้ว่าเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติทุกครั้งที่เฟิร์สเห็นหน้าผมโดยที่ไม่รู้ตัว แต่ทำไม หัวใจของผมมันเจ็บปวดทุกที
 
แปร๊บ!
 
“อึก!” ในใจของผมปวดหนึบขึ้นมากะทันหัน เจ็บจนผมเองนั้นต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าอกไว้ แต่มันก็เจ็บเพียงแค่แวบเดียว จากนั้นก็กลับไปไร้ความรู้สึกเหมือนเก่า เฟิร์สได้แต่มองมาอย่างงงๆปนหวาดกลัว ทั้งที่ยังกลัวจนเกร็งไปหมด ทำปากพะงาบๆเบาๆเหมือนอยากจะถามบางอย่างแต่ไม่กล้า ผมยืดตัวขึ้นตรงเหมือนเดิมเมื่อหายเจ็บ แล้วถอยห่างออกไปอีกนิด เฟิร์สจึงเลิกเกร็งและค่อยๆลุกขึ้นยืนชิดเตียงอีกด้านพรางถามออกมา
 
“ปะ เป็นอะไร งั้นหรอ... เอ่อ คือว่า คือ หิวแล้วน่ะ” เฟิร์สพูดประโยคแรกออกมาเบาๆพรางมองมาที่ผม ผมที่ได้ยินดังนั้นก็รีบมองตรงไปที่เฟิร์สอย่างแปลกใจ แต่เฟิร์สกับสะดุ้งและรีบลนลานเปลี่ยนท่าทีและพูดอย่างอื่นแทน
 
จากนั้นผมและเฟิร์สก็เงียบไปอีกครั้ง ได้แต่มองหน้ากันไม่มีใครพูดอะไรออกมา ผมได้แต่มองจ้องไปนิ่งๆ เฟิร์สก็จ้องมาบ้างหลบสายตาบ้าง มองไปมองมา จนเฟิร์สเบี่ยงหน้าหลบและพูดว่าหิวออกมาอีกครั้ง ผมจึงหันไปเตรียมอาหารให้เหมือนเคย จากนั้นก็เดินออกมาตามเฟิร์สที่ล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อย แต่เมื่อผมเรียกเฟิร์สก็ดันสะดุ้งและหน้าซีดเผือดกลัวผมเหมือนเคย ผมก็ได้แต่เดินเลี่ยงออกห่างให้เฟิร์สไปกินอาหาร ผมก็เข้าไปจัดการธุระส่วนตัว
 
จนเวลาผ่านไปสักพัก เพราะผมยังคงอยู่ในห้องเฟิร์สเลยได้แต่ระแวง แม้ว่าผมจะแค่ขยับตัวเฟิร์สก็ดูจะผวาไป ผมจึงได้แต่เงียบและจากออกมาข้างนอก เพื่อไปกินอาหารที่ผมสะอิดสะเอียด แอบกลับเข้ามาดูบ้างและออกไปเพราะวันนี้พี่หมอไม่ว่างมาช่วยดู แต่ถึงผมไม่กลับเข้ามาเฟิร์สก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่ดี แต่ผมก็ยังกลับเข้าออกคอนโดอยู่ตลอดเวลา โดยที่ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องซื้อของใช้กลับไปบ้างของกอนบ้างบ้างก็วัตถุดิบอาหารเครื่องใช้เพื่อเป็นข้ออ้างกลับเข้าไปเมื่อเจอหน้าเฟิร์สที่เอาแต่นั่งนิ่งอยู่ที่โซฟา พอผมเปิดประตูเข้าไปเฟิร์สเห็นผมก็จะสะดุ้งไม่ก็หวาดกลัวนิดๆทุกครั้งแต่ผมก็จะพูดแค่ว่าเอาอะไรกลับเข้าไป แล้วก็เดินวนอยู่ในที่เก็บของ มองออกมาเห็นเฟิร์สที่มองมาอยู่เหมือนกัน พอผมขยับตัวเฟิร์สก็ดูตื่นๆทุกครั้งไป ผมจึงเดินออกมาอีก และกลับเข้าไปใหม่ วนเวียนอยู่หลายรอบ
จนช่วงหัวค่ำจนดึกผมไม่ได้กลับเข้าไป ล่าสุดก็เอาอาหารไปให้เฟิร์สแล้วออกมา สายตาที่เฟิร์สมองมาที่ผมพักหลังๆมักจะมีความสงสัยตืดมาด้วย เฟิร์สคงจะแปลกใจว่าทำไมผมเข้าๆออกๆห้องละมั้ง ผมเองก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน
รอบนี้ที่ผมออกมานานก็เป็นเพราะมาเจอกับไมเคิลที่กำลังจะหาออกมาหาอาหารซึ่งเหยื่อก็คือมนุษย์ไร้ญาติพอดี ผมจึงเข้าไปห้ามไว้โดยอัตโนมัติเมื่อเห็นมนุษย์คนนั้นกำลังจะโดนกัดเข้าที่ลำคอเพื่อให้ตายคาที่และหยุดดิ้นโดยเร็ว ไมเคิลมองมาที่ผมอย่างไม่พอใจ แล้วคำรามใส่ จนมนุษย์คนนั้นวิ่งหนีหายไปอย่างสติแตก จากนั้นไมเคิลก็พูดทิ้งท้ายไว้อย่างหัวเสียว่า
"เจ้าทำอาหารของข้าหายไปทั้งที่ข้าไม่ได้กินมานาน ตั้งแต่เจอเจ้ากับเด็กนั่น มันตามติดแถมยังสะกดรอยข้าไม่เว้นวัน จนข้าจะบ้าตายอยู่แล้ว นี่ก็เพิ่งจะหนีได้ พอจะกินอาหารเจ้ากลับมาทำให้อาหารหลุดมือไปอีก เหอะ! ไหนๆจะช่วยชีวิตข้า ตอนนี้ข้าอยากจะให้เจ้าเอาเด็กบ้านั้นออกห่างๆข้ามากกว่า ไม่อยากรู้แล้วว่ามันเป็นเด็กคนเดียวกับเมื่อ10ปีก่อนรึเปล่า กลิ่นอ่ะใช่ แต่นิสัยต่างกันลิบลับ เด็กบ้านี่ทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งโรคจิต ฮึ่ย!" หลังๆไมเคิลก็เอาแต่พูดๆกับตัวเอง เดินวนไปวนมาไม่ได่มองมาที่ผม แล้วกระโดดหนีไปในความมืดมิดอีกครั้ง ผมก็ได้ยืนงงไปสักพัก เด็กที่ว่านั่นหมายถึงเชนสินะ กัดไม่ปล่อยจริงๆ ผมเคยเจอแล้วแหละ จนปฏิเสธไม่ได้เลยเอามาใช้งานแบบนี้ไง มิน่าล่ะช่วงนี้เหมือนไมเคิลจะหายไปไม่ได้ตามผมอีกเลยตั้งแต่วันที่เจอเชน
จากนั้นเกือบเที่ยงคืนผมก็กลับเข้าไปคอนโดอีกครั้งเห็นเฟิร์สหลับอยู่ที่เตียงนอนใบหน้าดูผ่อนคลายไม่เครียดตึงเท่าเมื่อวาน และผมก็ยืนมองอยู่อย่างนั้นตลอดคืน เมื่อเฟิร์สละเมอจากฝันร้ายที่ผมเป็นคนก่อผมก็เข้าไปลูบไล้ปลอบโยนจนสงบ ไม่กล้าขึ้นไปนอนแทรกกลัวจะเป็นดังเช่นคืนแรกที่ได้รับผลตอบแทนคือสายตาที่หวาดกลัวของเฟิร์ส แต่พอจะขยับตัวออกห่างเฟิร์สกับจับมือของเขาไปกุมไว้แน่นจากนั้นค่อยหลับสนิทไป
 
จนกระทั่งเช้ามืดมาเยือน ผมจึงรีบแกะมือเฟิร์สออก กลัวเฟิร์สตื่นมาจะตกใจอีกครั้ง แล้วไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเอง จากนั้นก็ไปเตรียมอาหารและออกไปเช่นเคย เมื่อเฟิร์สตื่น ผมก็โทรตามพี่หมอพอลมาช่วยดูแลเฟิร์สอีกที เพราะอยู่คนเดียวไม่มีอะไรทำคงจะเบื่อ ส่วนผมก็คงจะไปที่ไหนสักแห่งเพื่อรอเวลากลับมาดูเฟิร์สตอนกลางคืนเช่นเคย
 
[รีส จบ]
 

// ตัด //

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
ต่อๆๆๆ


หลังวางสายจากรีสไปไม่นาน หมอพอลก็โทรฯยกเลิกแลมป์ที่กำลังจะชวนกันไปทานข้าวเย็น โดยหาเหตุผลว่ามีงานด่วน แลมป์จึงไม่ได้สงสัยอะไร ก่อนจะเตรียมเก็บข้าวของ เพื่อจะเดินทางไปคอนโดรีสหาใครบางคนที่รีสไหว้วานให้ดูแล
 
หมอพอลได้แต่ยิ้มในใจมาตลอดทาง กับคำตอบที่เขาได้จากรีส ที่ถามถึงความรู้สึกที่มีต่อเฟิร์ส ซึ่งบอกว่า ยังไม่แน่ใจ ทั้งๆที่รู้ตัวเองแน่อยู่แล้วว่ารักเฟิร์ส หมอพอลได้แต่ถอยหายใจแล้วส่ายหน้าเบาๆกับความไร้เดียงสาเรื่องรักใคร่ของปีศาจตนนี้ เพราะเคยเตือนแล้วแท้ๆว่าให้ระวังจะตกหลุมพรางตัวเอง สุดท้ายก็ตกจนได้ จนตัวเองถอนตัวไม่ขึ้นอีกด้วย   
 
เมื่อหมอพอลมาถึงคอนโดก็เดินตรงมายังห้องของรีสที่ตนมีกุญแจอยู่ ไขเปิดเข้าไปทันที สายตาก็สอดส่องมองหาเฟิร์สที่ได้รับฝากมาดูแล ไม่นานหมอพอลก็พลันเหลือบสายตาไปเห็นเฟิร์สที่นอนหลับตะแคงตัวขดขาไว้เกือบชิดอก ใบหน้าก็ยุ่งๆคิ้วชนกันแน่นเหมือนๆกับที่เวลาเฟิร์สชอบฝันร้ายบ่อยๆ เพราะจิดใจไม่สงบ
 
“จะช่วยพูดเท่าที่ทำได้ละกันนะรีส พวกนายจะได้เข้าใจกันบ้างสักนิดก็ยังดี” หมอพอลได้แต่ระบายยิ้มอ่อนๆออกมา พร้อมกับพูดเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปหาเฟิร์สพร้อมกับย่อตัวลงนั่งข้างหน้า วางถุง7-๑๑ที่ตนแวะซื้อมาให้เฟิร์สไว้ข้างๆ เพื่อจะปลุกให้ตื่นขึ้น
 
“เฟิร์สครับ เฟิร์ส...” หมอพอลยกยิ้มอ่อน แล้วเขย่าเบาๆที่แขนซ้ายของเฟิร์ส ด้วยน้ำเสียงนุ่มๆน่าฟังเหมือนที่เขาชอบใช้ปลอบคนไข้ที่ขวัญเสียประจำ
 
‘อืม.. เสียงใครน่ะ ทั้งเพราะทั้งนุ่มฟังสบายจัง คุ้นด้วย แล้วไหนจะแรงเขย่าเบาๆที่แขนของผม... มืออุ่นแหะ ไม่ใช่รีสหรอก งั้นก็คงฝันแน่ๆ ฝันดีเหมือนกับทุกๆคืน มือที่อบอุ่นนั่น’ เฟิร์สได้แต่คิดอยู่เงียบๆ เพราะดันคิดว่าตัวเองนั้นฝันไป ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย แล้วก็ทำหน้าเหมือนโล่งใจ สุดท้ายก็นิ่งไปอีกครั้ง
 
“เฟิร์ส ตื่นสิ พี่ซื้อน้ำผลไม้เย็นๆมาฝาก ถ้าไม่ตื่น โดนนะ” หมอพอลเห็นท่าทางแบบนั้นของเฟิร์สที่แทบจะเหมือนเด็กแล้วก็อดที่จะอยากแกล้งไม่ได้ จึงจัดการหยิบกระป๋องน้ำผลไม้ที่เพิ่งหยิบจากตู้แช่ในร้านสะดวกซื้อมาถือไว้ในมือ
 
‘เสียงใครกัน น่ารำคาญ พูดมากไปแล้วนะ คนจะนอน มือก็ไม่เหมือน ไม่เหมือนคนในฝันทุกคืนที่ตื่นมากี่ครั้งกลับจำหน้าไม่ได้แต่สัมผัสที่มือนั้นอุ่นเสมอ’ เฟิร์สได้แต่ทำยุ่งอีก ทำเสียงจิ๊จ๊ะติดจะรำคาญ จนหมอพอลหลุดขำเบาๆ จากนั้นจึงค่อยๆยื่นกระป๋องน้ำผลไม้ไปแนบที่แก้มซ้ายเฟิร์สเบาๆ
 
“เฮือก!” แต่เฟิร์สกับสะดุ้งตื่นทันทีที่โดนกระป๋องเย็นๆแตะโดนที่แก้ม แล้วยกขาขึ้นกอดไว้แนบอกโดยอัตโนมัติก้มหน้าเอามือกอดตัวเองไว้อัตโนมัติ ด้วยความกลัวที่โดนสัมผัสยังหลงเหลืออยู่ในจิตใจ ในใจเฟิร์สได้แต่กลัว เพระคิดว่าความเย็นนั้นมาจากรีส
 
“ขอโทษครับเฟิร์ส พี่ไม่คิดว่าเราจะตกใจขนาดนั้น” หมอพอลรีบวางกระป๋องน้ำอัดลมลงกับพื้นอย่างเร็ว แล้วเข้ามาปลอบ โดยจับที่ตัวเฟิร์สเบาๆแล้วเอ่ยขอโทษ เฟิร์สนั้นได้แต่สั่นจนหมอพอลรู้สึกผิดในใจ และหนักใจที่เห็นท่าทีแบบนี้
 
 
“พี่หมอ! ตัวจริงใช่มั้ยครับ เฟิร์สดีใจมากเลยครับที่เจอพี่อีก ผมติดต่อพี่ไม่ได้เลย พี่มาช่วยผมอีกแล้วใช่รึเปล่า” เมื่อได้ยินเสียงหมอพอลอีกครั้ง เฟิร์สรีบเงยหน้าขึ้นมองไปหมอพอลที่ไม่รู้มาตอนไหนอย่างตกตะลึง เมื่อได้สติเฟิร์สก็รัวคำถามใส่หมอพอลไม่ยั้ง พรางเอื้อมมือไปจับแขนหมอพอลเขย่าอย่างดีใจ ส่งทั้งรอยยิ้มกว้างและท่าทางที่ดีใจสุดๆไปให้ หมอพอลเลยได้แต่ทำใจลำบาก แล้วค่อยๆพูดอย่างใจเย็น
 
“ใจเย็นๆนะเฟิร์ส พี่...คงพาเฟิร์สหนีไปไม่ได้ คือวันนี้พี่มาดูแลเรา”
 
[เฟิร์ส]
 
“งั้นหรอครับ...” พี่หมอไม่ได้มาช่วย มาดูแลงั้นหรอ รีสสั่งให้พี่หมอมาคุมเราหรอ ทำไมพี่หมอถึงไม่ช่วยล่ะ
 
“กินอะไรมั้ย เที่ยงแล้ว พี่ซื้อของกินมาให้เยอะเลย” ขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ พี่หมอก็ยังพูดมาเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ผมคิดมาก แล้วก็เปลี่ยนเรื่องไปเป็นหาของกินให้ผมเพราะแกคงจะรู้ว่าผมหงอยไปที่แกช่วยอะไรไม่ได้ แม้เดี๋ยวนี้ผมจะไม่ได้กลัวอะไรรีสมากขนาดนั้นแต่อยู่ในนี้มีแต่อึดอัด ผมอยากออกไป รีสแปลกๆจนผมสับสนไปหมด จะดีก็แค่ความอบอุ่นจากฝ่ามือของใครบางคนในความฝันที่มาช่วยปลอบประโลมผมทุกครั้งที่ฝันร้ายในยามหลับ
 
“ผมยังไม่หิวหรอกครับ” ผมยังคงนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จะว่าคิดคงไม่ใช่ เหม่อมากกว่า ผมได้นั่งมองไปนอกหน้าต่างอย่างเบื่อหน่าย ทำไมรีสมันต้องขังผมไว้ในห้องนี้กัน
 
“เฟิร์ส พี่หมอขอโทษนะครับ ที่ช่วยอะไรเราไม่ได้...” พี่หมอที่ยังคงนั่งอยู่ที่พื้นหยุดหยิบของกินในถุง7-๑๑ แล้วหันมาพูดกับผมเสียงอ่อน อย่างรู้สึกผิด
 
“อย่าขอโทษเลยครับ เฟิร์สไม่ได้โกรธอะไรพี่หมอหรอก แค่กำลังคิด ว่าทำไม ผมถึงมาอยู่ที่นี่...เอ๊ะ พี่หมอครับตรงหน้าอกพี่เป็นอะไรน่ะ” ผมตอบกลับไปอย่างเศร้าๆพรางหันหน้าไปมอง จนต้องสะดุดเห็นผ้าพันแผลสีขาวที่โผล่พ้นคอเสื้อเชิ้ตของพี่หมอที่กระดุมเม็ดบนหลุดออกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
 
“เอ่อคือ..ไม่มีอะไรหรอก” พี่หมอตกใจเมื่อผมทักขึ้นรีบรนรานจับคอเสื้อตัวเองตืดกนะดุมเข้าไปใหม่ ทำท่าอึกอัก เหมือนจะเล่าให้ผมฟังแต่แล้วก็ตัดสินใจไม่เล่า กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกอยู่นาน จนผมทนไม่ไหวเอื้อมมือไปยื้อยุดเปิดเสื้อของพี่หมอเพื่อดูแผลด้านในว่ามันกว้างขนาดไหน สุดท้ายพี่หมอก็ยอมให้ปลดเสื้อของตัวเองออกแต่โดยดี
 
อึก! ผ้าก็อตพันแผลที่ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาจนแดงเป็นจุดจางๆที่ไหล่ของพี่หมอพันทบไว้กว้างตั้งแต่โคนแขนด้านในยันใต้หน้าอกเพื่อประคอง ไหนจะรอยช้ำม่วงรอบๆคอที่เหมือนทาบางอย่างปกปิดไว้ ผมจึงเอื้อมมือไปเช็ดมันออกขณะที่พี่หมอก็ขืนตัวหนี แต่ยังไงพี่แกตัวเล็กกว่าผมก็สู้แรงผมไม่ได้อยู่ดี นี่มัน...รอยนิ้วมือ แล้วไหนจะรอยเล็บจิกจนเป็นรอยแผลอยู่ที่ปลายรอยนิ้วมือนั่น น่ากลัว
 
“เรื่องที่พาผมหนีรึเปล่า ...ฝีมือรีสงั้นหรอครับ” ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาพี่หมอ จนสุดท้ายพี่แกก็ถอนหายใจทิ้ง และเงียบอยู่นานเหมือนตัดสินใจ ในที่สุดก็เล่าให้ผมฟัง บอกว่าเป็นฝีมือของรีส เพราะพี่หมอพาผมหนีไป ผมได้แต่รู้สึกผิดเอ่ยขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า และรัสโหดร้ายแม้กระทั่งพี่หมอ แล้วอย่างผมก็เลยเกือบตายขนาดนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมแผลที่แขนพี่หมแยังไม่แห้งสักที คงจะลึกน่าดู พี่หมอที่เห็นท่าทีนั้นของผมก็เลยเล่าบางอย่างที่เกินจะน่าเชื่อให้ผมฟัง
 
“ใช่ครับเรื่องนั้น และนี่เป็นฝีมือรีสจริง เพราะพี่พาเฟิร์สหนีออกไป แต่ที่พี่เจ็บจนได้แผลขนาดนี้เป็นเพราะพี่ไม่ขัดขืนเอง เฟิร์สไม่จำเป็นต้องขอโทษนะครับ แล้วที่รีสทำลงไปเพียงเพราะโกรธที่พี่หักหลังเขา และที่สำคัญรีสเป็นห่วงเฟิร์สมากนะครับ” เป็นห่วงหรอ ห่วงตัวเองที่จะไมได้แก้แค้นมากกว่า และโกรธมากที่ผมขัดคำสั่ง และยังหนีไป ห่วงอะไรนั่นไม่จริงหรอ ทั้งตอนที่ไปช่วยจากพวกเดนมนุษย์พวกนั้น ทั้งที่ไปช่วยจากปีศาจหมาป่านั้น มันเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด แท้จริงแล้วมันก็แค่อยากลงโทษโดยการกักขังผมไว้ที่นี่ใช่มั้ย
 
“เฟิร์สคิดว่ามันไม่จริงใช่มั้ย” อยู่ๆพี่หมอก็พูดขึ้นเมื่อเห็นผมจมอยู่กับความคิดแง่ลบของตัวเอง พี่หมอลุกขึ้นมั่งที่โซฟาข้างๆผม มือนุ่มๆนั้นเอื้อมมาวางบนหัวผมไว้เบาๆพรางปลอบโยนเหมือนผมเป็นเด็กๆ แต่มันกลับได้ผลผมใจเย็นลง จิตใจที่กำลังหวาดกลัวเหมือนได้รับความอบอุ่นจากมือพี่หมอนั้นปลอบโยน ผมได้แต่พยักหน้าน้อยๆกลับไปเท่านั้น
 
“เฟิร์สฟังนะ ครั้งนั้นที่พี่พาเฟิร์สหนีออกมาจากรีส เฟิร์สรู้มั้ยว่าตอนนั้นรีสเป็นยังไง รีสตามหาเฟิร์สไปทั่ว ทั้งๆที่พี่เองก็ห้ามแล้ว แต่หายังไงก็หาไม่พบ รีสไม่ยอมกินอะไรเลยทั้งตอนกลางคืนยังนอนไม่เคยหลับอีกเลย แต่นั่นกลับไม่ทำให้รีสเป็นอะไร เว้นเสียว่าเรี่ยวแรงที่จะพยุงตัวเองนั้นถดถอยไป จนเวลาผ่านไปพวกของดร.ที่ทำการทดลองเกี่ยวกับอาการเหนือมนุษย์ของรีส ก็มาจับเขากลับไปเข้าตู้ทดลองด้วยยาทรมานๆอีกครั้ง จนพี่ช่วยให้หนีออกมาได้” พี่หมอเงียบไปสักขณะที่ผมกำลังอึ้งและงุนงงแล้วเล่าออกมาอีกเรื่อยๆ
 
“แล้วรีสก็รู้ความจริงว่าพี่เป็นคนช่วยเฟิร์สหนีไป รีสคงจะรู้สึกผิดหวังมากและโกรธจนหน้ามืดเลยได้ทำร้ายพี่ แต่เพราะพี่ไม่ขัดขืนและยอมรับผิดเลยได้แผลหนักแต่รีสก็ฆ่าพี่ไม่ลงอยู่ดี รีสเป็นคนใจดีกว่าที่เฟิร์สคิดนะ เพียงแค่อาการแปลกๆจากที่เขาตื่นขึ้นจากความตายมานั้น ทำให้เขาคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ทำอะไรอารมณ์จะทวีความรุนแรงขึ้นเท่าตัว สุดท้ายรีสก็หนีหายไปที่ไหนก็ไม่รู้ จนผ่านไปนานพี่ให้คนสืบหาเขาและพอดีกับที่รีสอยากเจอพี่พอดีจากความช่วยเหลือจากคนๆเดียวกัน เลยได้มาเจอกันในที่สุด รีสเป็นคนปากหนักเรื่องคำขอโทษแต่พี่เข้าใจเลยไม่โกรธจนสุดท้ายรีสก็กลับมาไว้ใจพี่อีกครั้งเพราะเรารู้ว่าอีกฝ่ายมีเหตุผลเสมอ พี่รู้จักกับรีสไม่นานแต่พี่ก็รักรีสพอๆกับเฟิร์สพี่รักมากเหมือนกับคนในครอบครัวที่พี่ไม่มีเหลือแล้ว พี่จึงอยากให้ทั้งรีสและเฟิร์สมีความสุข" พี่หมอพูดไปแล้วมองมาที่ผมไปเรื่อยๆ ผมก็ได้แต่นิ่งอึ้งและฟังต่อไป
"จากนั้นรีสก็คอยตามดูเฟิร์สอยู่ห่างๆตลอดเวลา และคอยกำจัดพวกลูกสมุนแก๊งที่เคยทำร้ายเฟิร์สอยู่เรื่อยๆแม้เฟิร์สจะมีแรงสู้ไหวและมีลูกน้องพ่อตามดูอยู่ห่างๆเสมอ แต่สุดท้ายเฟิร์สดันพลาดเพราะเรื่องรีสที่ทำให้เฟิร์สหวาดระเวงจนโดนจับตัวไป รีสเลยตามไปจัดการพวกมัน รีสก็ลำบากเหมือนกันนะต้องคอยหลบพวกของดร.ที่จะจับเขาไปทดลองเถื่อนเหมือนเขาไม่ใช่มนุษย์ด้วย ถึงพี่จะรู้จักกับรีสผ่านโครงการนั้นแต่รีสน่าสงสารเกินไปดร.ใจดำขึ้นทุกที จนพี่พยายามจะออกจากที่นั่น เหลือเพียงแค่จัดการบางอย่างให้เสร็จสิ้นพี่ก็จะอแกมาพร้อมกับอิสระของรีส  จนกระทั่งเรื่องที่พี่เพิ่งมารู้เรื่องวันนี้นี่เอง ว่ามีปีศาจหมาป่าจับตัวเฟิร์สไป พี่รู้แค่ว่าเมื่อรีสรู้ก็รีบออกไปช่วยเฟิร์สทันทีแม้ตอนนั้นร่างกายของรีสแทบไม่เหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย”
 
พี่หมออธิบายออกมายืดยาว ผมก็ได้แต่แต่อึ้งๆ เรื่องนี้มันใหญ่กว่าที่ผมคิด มันไม่ใช่แค่ผมกับรีสแต่มันกับเชื่อมโยงถึงคนอื่นๆ มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่ ตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่าจะเชื่อมั้ย แล้วเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงรึเปล่า เรื่องจริงหรือโกหกผมก็ไม่รู้ ถึงเรื่องนี้พี่หมอจะเป็นคนเล่าเองก็เถอะ แต่ผมก็เชื่อยากอยู่ ผมยังกลัวอยู่ และสับสน รีสเป็นห่วงผมจริงๆงั้นหรอ มันก็จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ผมไม่มีเรื่องเดือดร้อนเลย ทั้งที่แลมป์ก็ไม่อยู่ด้วย หรือจะเป็นเพราะรีสจริงๆ แต่...ไม่! ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว
 
“พี่ไม่รู้ว่าเฟิร์สจะเชื่อที่พี่พูดมากน้อยแค่ไหน แต่พี่อยากให้เฟิร์สลองทบทวนดูว่าเฟิร์สรู้สึกยังไงบ้างและอยากให้ลองพูดออกมาให้พี่ฟัง” พี่หมอถามผมขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นผมจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ผมค่อยๆเงยหน้ามองออกไปด้านข้างไม่ได้จับจ้องไปที่อะไรแค่มองออกไปเท่านั้น ส่วนปากก็เริ่มพร่ำพรรณนาสิ่งที่สับสนอยู่ในใจออกไปยาวเหยียด
 
“รีสเป็นคนมาช่วยผมทุกครั้งก็จริงอยู่ แต่..ผมไม่รู้ ผมสับสนไปหมด ผมขอเวลาก่อนได้มั้ยครับ พี่หมออย่ามาถามตอนนี้เลยว่ารู้สึกยังไง ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเชื่อเรื่องพวกนี้ได้มากมายขนาดไหน จู่ๆผมก็มารับรู้เรื่องเหนือธรรมชาติ มีทั้งปีศาจ ทั้งพลังเหนือธรรมชาติ ไหนจะวิทยาศาตร์บ้าๆ ที่วนเวียนอยู่กับความเป็นความตายและความทรมานกับความคิดคน มารู้จักกับรีส มาเห็นความโหดร้ายและอีกมายมายที่รีสทำจนผมเกือบตาย แต่แล้วจู่ๆพอผมหนีออกไป ทุกอย่างเงียบสงบราวกับผมไม่เคยรู้จักรีส ทำให้ผมรู้สึกโหวงเหวงและโหยหาบางอย่างแปลกๆทั้งที่ไม่ต้องการมันเลย ...ผมไม่ต้องคอยกังวล ไม่ต้องคอยกลัวจนสติแตก แต่เมื่อเกิดเรื่องร้ายๆตามมาโดยที่ไม่ใช่ฝีมือรีส รีสกลับโผล่ไปช่วยผมแทบทุกครั้ง จนกระทั่งผมได้กลับมาที่คอนโดนี้อีก คอนโดที่เป็นฝันร้ายคอยหลอกหลอนผมทุกครั้งที่ตื่นกับความร้ายกาจในอดีตที่รีสกับผม ฮึก แต่จู่ๆรีสก็เปลี่ยนไปเหมือนคนละคน เงียบ หลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้ผมเมื่อเห็นผมหวาดกลัว ไม่บังคับ ไม่ขู่ ไม่ตะคอก ไม่แกล้งหรือคิดจะเอาชีวิตผม ไม่แตะต้องไม่ล่วงเกินแม้แต่จะโดนตัวผมก็ไม่ทำ แถมยังยอมหนีหน้าไป แล้วไหนจะพี่หมอมาพูดแบบนี้อีก เรื่องพวกนี้มันบ้าอะไรกัน ฮึก ผมจะรับไม่ไหวแล้วนะ ฮือ...” ผมพูดไปสะอื้นร้องไห้ไปอย่างทนไม่ไหว มันอัดอั้นจุกอยู่ภายในอกของผมจนมันจะระเบิดออกมา ผมทนไม่ไหวแล้ว
 
“ใจเย็นครับเฟิร์ส ไม่เป็นอะไรนะ ใจเย็นๆ พี่แค่อยากให้เรารับรู้ไว้เท่านั้นเอง ว่ารีสเป็นห่วงเฟิร์สจริงๆ และอยากจะขอโทษเฟิร์สที่ทำเรื่องโหดร้ายกับเฟิร์สลงไป เพราะรีสเองก็สับสนไม่แพ้เฟิร์สเหมือนกัน พี่ไม่ได้เข้าข้างใครเพียงแค่อยากจะให้ทั้งคู่รู้เรื่องของกันบ้าง พี่หมอขอโทษนะครับที่เอามาพูดให้ฟัง เฟิร์สใจเย็นๆนะครับ” พี่หมอได้แต่กอดปลอบผมอยู่อย่างนั้น มือนุ่มนั้นลูบเบาๆที่หัวผมช้าๆ ส่วนผมก็ได้แต่จมอยู่กับตัวเอง และปล่อยให้น่ำตาไหลนองทั่วหน้า ปลดปล่อยความคิดต่างๆและสิ่งที่ได้รับรู้มาใหม่ทำให้ผมสับสน และยิ่งไม่เข้าใจตัวเองไปตามเวลาที่หมุนผ่านไปเรื่อยๆ
ซึ่งไม่รู้ว่า ที่ผมร้องไห้ เป็นเพราะ ผมอัดอั้นที่รีสทำร้ายผมแล้วรับรู้ความจริง หรือว่า ที่รีสปล่อยผมสุดท้ายก็เอากลับมาไว้แต่ตีตัวออกห่างแล้วผมดันโหยหาเขาแม้ว่าจะกลัว กันแน่
 
[เฟิร์ส จบ]
 
และสุดท้ายหมอพอลก็อยู่ด้วยกันจนดึก หมอพอลพาเฟิร์สเข้านอนเพราะเฟิร์สนั้นร้องไห้จนเพลียหลับไป ดวงตาปูดบวมคราบน้ำตามากมายยังคงเกาะที่ใบหน้าเฟิร์ส หมอพอลกำลังจะดูแลต่อแต่รีสกลับมาพอดี  หมอพอลจึงกลับออกไปและอาสาจะไปบอกแลมป์ให้ว่าเฟิร์สไปเที่ยวต่างจังหวัดจะได้ไม่ต้องตามหากันให้วุ่นวาย จากนั้นรีสก็ทำหน้าที่ดูแลเฟิร์สต่อไปอย่างเบามือที่สุดเท่าที่เขาจะพยายามได้
 

 

...

ขอบคุณที่ติดตามกันตลอดนะค้าาา



รีสว่ามาแนวโหดแล้วนะ เจอเชนเข้าไปโรคจิตจริง 5555555 และอ๋ออออ ที่โรคจิตแบบนี้ก็เพราะเห็นหมาป่ากลายร่างแต่เด็กนี่เองเลยเชื่อพวกเหนือธรรมชาติละเริ่มสะสมของแปลก อะไรแปลกแนวจิตๆนี้ เชนชอบบบบ 555555 ว๊ายยยไมเคิลเชนจำกลิ่นได้แต่เด็กเลย เชนกำลังทำให้ไมเคิบสับสนในเพศนะนั่น 555//ไอ้เราก็นึกว่าใครตามมาล่ารีสอี๊ก ไมเคิลนี่เอง ตามมาทดแทนบุญคุณ ตัดแล้วไม่คืนคำจริง  o13 คงตามวอแวอยู่อย่างนี้สินะ 55555 แล้วยังจำกลิ่นเชนได้อีก อิอิรอฟิน ทำให้ไมเคิลเจอคำว่ารัก คำเดียวอย่างที่ริสบอกเถอะ 555// ก็เข้าใจเฟิร์สนะ ยังกลัวอยู่ ทำให้หลอนซะขนาดนั้น จะทำอะไรก็กลัวแต่จะโดนว๊าก 5555 แต่รีสก็พยายามในแบบของรีสละ บอกจะไม่ยอมปล่อยไปชะ เพราะงั้นก่อนออกจากห้อง เลยสั่งอย่างเยือกเย็น ห้ามออกไปไหน ไม่อยากล่ามโซ่นะ 555555 พยายามจะอ่อนโยนแล้วใช่ไหมนี้ ไม่อยากทำให้กลัวเลยนะ  รีสแม่งฮา  555555 คำพูดคำจาก็ดีขึ้น เฟิร์ส ริสพยายามปรับปรุงตัวอยู่นะ อย่ากลัวเลยเจ็บปวดใจไปกับรีส งื้ออออ สู้ๆนะรีส ไรท์ก็เช่นกันค่ะ สู้ๆปั่นตอนต่อไปนะคะ รออ่านอยู่คะ ดีใจที่มาอัพ ชอบบบบบค่ะชอบบบบบ จะเกิดไรขึ้นต่อไปรอลุ้นค่ะ โอ๊ยยยชอบรีสอยู่กับเฟิร์สจัง รีสจะทำตัวให้เฟิร์สงงๆแบบไหนอีก จะปรับปรุงตัวยังไง รอดูค่ะ 555555

 :mew1: มายาวววอีกแล้ว ชอบค่ะชอบแบบนี้ ขอบคุณนะคะ  // จิตๆแบบเชนนี่ไรท์ชอบมากเลยนะ 555 // ตอนนี้เริ่มสงสารไมเคิลนิดๆแล้วด้วยค่า // ตอนนี้เป็นไงบ้างคะ รีสเริ่มๆทำตัวดีจนเฟิร์สสับสนแล้ว ไม่รู้จะเร็วไปเปล่าด้วย 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2016 12:16:53 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
งื้อออออออ รีสสสสสสสสสสสส :mew2: เอออออออออมันหน่วงจริงงงงง อึดอัด เจ็บแปล๊บ หายใจไม่ออก แบบว่าอินค่ะอิน 555555 //แต่ก็นะ เข้าใจเฟิร์สอะ หวาดกลัวไม่พอ ต้องมาสับสนความรู้สึกตัวเองและรีสเปลี่ยนไปดีแบบนี้อีก ละยังมารู้ความจริงรับรู้เรื่องอะไรหลายๆเรื่อง มันก็นะ อืมมม ดีที่ได้ระบายพูดออกมา ต้องใช้เวลาตั้งสติแพร่บละเฟิร์ส เลิกหายกลัวรีสนะ งื้ออสงสารรีส ทั้งเรื่องตัวเองและเฟิร์ส หน่วงไปอี๊ก แต่ถามว่าชอบไหม ชอบค่ะ 555 เออมันใช่อ่ะที่รีสคิดมา ก็รู้นะว่ากลัวแต่ก็อยากให้ปลอดภัยและอยากขอให้อภัยแล้วค่อยปล่อย แล้วก็นะรีส อย่าอดอาหารนะ เดี๋ยวไม่มีแรงไปปกป้องเฟิร์ส //ตาแดง ผิวซีด มีไอเย็นรอบๆ เท่ห์นะรีสอย่าเกลียดตัวเองเลยเดี๋ยวเฟิร์สก็จะหลงเหมือนเรา เชื่อดิ 5555555 //ตลกไมเคิลเจอไอ้เด็กเชนตามยิกๆ จนไม่มีเวลามาวอแวกับรีส 5555555 //ต้องขอบคุณหมอพอลเลยที่มาช่วยพูด ไม่งั้นไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจกันสักที//โอ๊ยยยชอบบบบบบ แต่งดีแล้วค่ะ แบบนี้แหละแบบนี้ ลุ้นกันต่อไป อ่านอย่างช้า กลัวจบ มันสนุกอะ 555 ขอบคุณนะค่ะที่มาอัพต่อออออ รอทุกตอนต่อไปเลยคะ F5 รัว 5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2016 20:57:47 โดย blove »

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk


Me die

32 : หวั่นไหว

 

เมื่อรุ่งเช้ามาเยือน

รีสออกไปจากห้องก่อนเฟิร์สตื่น และจากไปพร้อมๆกับอาหารเช้ามากมายที่วางบนโต๊ะทุกๆวัน เฟิร์สก็ตื่นมาเจอกับอาหารเช้าแต่ไม่เจอรีสทุกครั้งแม้ว่าเขาจะตื่นเช้าเพียงใด จนเฟิร์สเองนั้นได้แต่สับสนมากขึ้นๆกับท่าทีของรีสที่แปลกไป คำพูดของหมอพอลนั้นคอยวนเวียนอยู่ในหัวให้สับสนอยู่เสมอ

 

กลางวันหมอพอลก็ยังแวะเวียนมาทุกๆวันอยู่กับเฟิร์สตั้งแต่เที่ยงยันเย็นแล้วก็กลับไป ตกกลางคืนดึกๆรีสก็กลับมาและยืนดูเฟิร์สหลับเหมือนเดิมไม่ยอมไปพักผ่อน และเมื่อใดที่เฟิร์สละเมอจากฝันร้ายที่ยังคงวนเวียนไม่ยอมหายไปรีสก็มักจะเข้าไปปลอบโยนให้เฟิร์สสงบลงทุกๆครั้ง

 

ในบางวันที่รีสกลับมาตอนกลางคืนแม้ว่าจะดึกมากแล้วก็ตามแต่รีสก็มักจะเจอเฟิร์สนั่งอยู่ที่โซฟาพร้อมกับเปิดทีวีทิ้งไว้ แต่ไม่นานเท่าไหร่เฟิร์สก็มักจะมองมาที่รีสเงียบๆโดยไม่พูดอะไร แต่คิ้วของเฟิร์สนั้นขมวดติดกันเหมือนในหัวคิดอะไรตลอดเวลา แล้วหันกลับไปมองทีวีต่อ ไม่นานนักก็กลับเข้าห้องปิดไฟนอนเงียบๆไป แต่ในบางทีเมื่อรีสกับมาเฟิร์สยังนั่งอยู่ไม่เข้าไปนอนสักที จะมีบ้างที่ทั้งคู่สบตากันเพราะต่างฝ่ายต่างมองมาพร้อมกัน แต่ก็มักจะเป็นเฟิร์สที่ละใบหน้าหันไปมองทางอื่น และไม่นานก็กลับเข้าห้องนอนด้วยใบหน้าที่ยังคงเหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา 

 

จนคืนหนึ่ง เฟิร์สที่กำลังนอนคิดทบทวนเรื่องของรีสและคำพูดมากมายที่ได้ยินมาจากหมอพอลบนที่นอนที่ปิดไฟมืดหมดแล้ว ในตอนนี้เฟิร์สเริ่มมีความคิดที่ลองคุยกับรีสดีๆบ้าง เลิกระแวง เลิกกลัวที่จะโดนทำร้าย เพราะเท่าที่เห็นรีสไม่ใจร้ายกับเขาเหมือนก่อน แถมยังใจดียอมหลบหน้าหายไปเพราะเขากลัว แต่ยังไงความกลัวที่ยังคงฝังรากลึกในจิตใจนั้นก็ยากที่จะตัดขาด ทำให้ความคิดสองด้านของเฟิร์สตีกันวุ่นวาย สุดท้ายก็ได้แต่คิดไม่ตกและยังคงสับสนเหมือนเดิม

 

จู่ๆเฟิร์สก็ได้ยินเสียงปลดล็อคกลอนประตูที่ได้ยินบ่อยๆยามกลางดึก เขาจึงรีบล้มตัวลงนอนตะแคงข้างหันหลังไปทางปประตู ข่มตาหลับแน่น มือกำชายเสื้อตัวเองแน่นทั้งที่ไม่รู้ว่าเขากลัวอะไร รู้แค่ว่าถ้ารีสไม่เจอเขานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยที่โซฟา ไม่นานก็จะมายืนอยู่ที่ประตู เพราะงั้นจะให้รีสรู้ไม่ได้ว่าเขายังไม่หลับ

 

รีสที่กลับเข้าห้องมาได้สักพัก ก็ทำเหมือนเช่นทุกวัน เขาไปยืนจ้องมองเฟิร์สหลับที่ประตูห้องนอน ไฟในห้องก็ไม่ได้เปิดขึ้น แต่เพราะดวงตาสีแดงของเขานั้นสามารถมองเห็นได้ในที่มืด รีสยืนอยู่อย่างนั้นมานานสองนาน ทั้งที่ในหัวก็ไม่ได้คิดอะไร ว่างเปล่าไปหมด เขารู้เพียงแค่ว่าอย่างจะมองไปที่เฟิร์สอย่างเดียว เขาอยากจะเห็นเฟิร์สปลอดภัย และอยู่ในสายตาของเขา จนมันกลายเป็นเหมือนกิจวัตรที่เขาต้องทำในทุกๆวัน

 

เฟิร์สที่เริ่มทนไม่ไหว เอาแต่เกร็งเพราะไม่คิดว่ารีสจะจ้องตนนานมากขนาดนี้ และยังไม่มีทีท่าว่าจะไปไหน ในหัวก็เอาแต่คิดว่ารีสจะรู้รึเปล่าว่าตนไม่หลับ แล้วจะทำอะไรมั้ย ทั้งที่รีสไม่ได้ทำร้ายตนมานานก็ตาม แต่เขาก็ยังคงจิตตก  และอึดอัดอยู่ในใจ คิ้วของเฟิร์สนั้นขมวดเข้าหากันแน่น มือนั้นยังคงขยำที่ชายเสื้อตน เหงื่อกาฬเริ่มพุดขึ้น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของรีสขยับเข้ามาใกล้ ร่างกายสั่นไหวจนเห็นได้ชัด

 

“ใจเย็นๆนะครับเฟิร์ส ไม่มีอะไรแล้ว ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ตรงนี้ จะอยู่ข้างๆไม่ทิ้งคุณไปไหน ไม่มีใครจะมาทำร้ายคุณได้แน่นอน เชื่อรีสนะครับ...”

 

รีสที่เดินเข้ามาใกล้ นั่งลงบนที่นอนข้างๆเฟิร์สที่ตะแคงข้างหันหลังให้อยู่ ยกมือใหญ่ที่เย็นชืดขึ้นลูบที่ศีรษะเฟิร์สเบาๆ แล้วก้มหน้าพูดกระซิบคำปลอบประโลมแสนอ่อนโยนให้เฟิร์สฟัง เขาทำเช่นนี้ทุกๆวันเมื่อเห็นว่าเฟิร์สนั้นเริ่มละเมอจากฝันร้าย จนกว่าเฟิร์สจะสงบถึงจะผละออกมายืนห่างๆ กันเฟิร์สจะตื่นมากลางดึกแล้วตกใจกลัวที่เห็นเขาอยู่ข้างๆ

 

ในวันนี้รีสนั้นคงจะไม่รู้ว่าเฟิร์สยังคงไม่หลับ และรับรู้การกระทำแสนอ่อนโยนในครั้งนี้ เฟิร์สเอาแต่นิ่งค้าง หยุดลมหายใจไปช่วงหนึ่งเมื่อรีสก้มลงกระซิบข้างหู ใจของเขาเต้นรัวขึ้นมากะทันหัน ใบหน้าขึ้นสีห่อร้อนไปหมด แต่เมื่อได้สติก็ลอบโกยอากาศเข้าปอดเกร็งๆ แต่ก็ยังคงนอนนิ่งๆให้มือเย็นนั้นลูบไล้ศีรษะของตัวเองต่อไป ในใจของเขาเกิดความสงบและผ่อนคลาย เขาเชื่อในคำพูดนั้นของรีส ใบหน้าของเฟิร์สระบายยิ้มอ่อนๆแล้วผล็อยหลับไปอย่างนั้น ทั้งที่เขาก็นึกสงสัยในตัวเองว่าทำไม ถึงไม่ปัดมือนี้ออกไป แล้วทำไม มันถึงได้คุ้นเคย ทำไม มือเย็นๆคู่นี้ทำให้เขารู้สึก อบอุ่นในหัวใจ...

 

อีกวันพ้นผ่านกับกิจวัตรเดิมๆ จนตอนนี้ก็ตกดึกอีกครั้ง และในคืนนี้เฟิร์สก็นอนไม่หลับเช่นเคย เมื่อเขาจะล้มตัวลงนอนเหตุการณ์เมื่อวานก็พลันขึ้นมา เสียงกระซิบคำหวานเหล่านั้นยังดังก้องอยู่ในหู เฟิร์สรู้สึกขนลุกซู่เมื่อนึกถึงคำเหล่านั้น ใบหน้าของเฟิร์สระบายยิ้มออกมาไม่รู้ตัว พร้อมกับแก้มใสที่ห่อร้อนจนขึ้นสีแดง ใจเต้นแรงขึ้นมาจนเฟิร์สต้องยกขึ้นมาก้มมันไว้ พรางพร่ำบอกตัวเองให้สงบสติอารมณ์และทั้งหมดนั้น เขาเพียงฝันไป แม้ฝันนั้นจะยังชัดเจนในความทรงจำตลอดเวลา

 

แต่แล้วไม่นานเสียงปลดล็อคกลอนประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง เฟิร์สที่กำลังฟุ้งซ่านจัดการกับความคิดตนยังไม่เข้าที่ ก็ได้แต่สะดุ้งและรนรานสุดท้ายก็ได้แต่ล้มตัวลงนอน หลับตาเกร็งเบนหน้าไปคนละทางกับประตูห้องนอนอยู่ใต้ผ้าห่มที่คลุมมาถึงคอ ทั้งที่ไฟในห้องนอนนั้นยังเปิดสว่าง

 

รีสที่กลับเข้ามาด้วยสภาพไม่สู้ดีนัก มีแต่ฝุ่นเลอะเต็มตัวก็รีบเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ เฟิร์สเมื่อรู้ว่ารีสนั้นเดินผ่านเตียงไปก็ถอนหายใจทิ้งอย่างโล่งอกที่ไม่โดนจับได้ จากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงมองไปทางรีสอย่างสงสัย เพราะรีสไม่เคยรีบร้อนจะเข้าห้องน้ำขนาดนั้น ทุกครั้งที่กลับเข้ามาก็แค่เอาของที่ซื้อมาไปเก็บ จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ไปนั่งเล่นที่โซฟา จากนั้นก็ปิดไฟนอนไปเงียบๆ แต่เขาก็เพิ่งจะมารู้เมื่อวานที่รีสไม่ได้ปิดไฟนอน แต่มายืนมองเขาทั้งคืนแถมยังมาปลอบเขาอย่างอ่อนโยนแบบนั้นอีก เฟิร์สสะบัดหัวไล่ความคิดตัวเองอีกครั้ง และนึกสงสัยตัวเองว่าเขาไปจำกิจวัตรของรีสตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วจำไปทำไม

 

แต่ไม่นานความคิดนั้นก็ตกหยุดลง เมื่อรีสเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าขนหนูพันกาย ผิวซีดๆทั้งร่ายกายนั้นถูกน้ำชำระร้างจนฝุ่นที่เกาะตามตัวก่อนหน้านี้หายออกหมด เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เรียงตัวเป็นรอนสวย และสัดส่วนที่งดงามดังคนที่ดูแลตัวเองอย่างดีและออกกำลังกายเป็นประจำ แม้ผิวนั้นจะซีดจนขาวแต่มันดันเข้ากับหน้าตาและรูปร่างดังคนยุโรปของรีส ทั้งดวงตาที่กลายเป็นสีแดงแต่ดันขับให้รีสนั้นดูดียิ่งขึ้น ไม่นานหยดน้ำที่เกาะพราวตามตัวของรีสก็ระเหยจนกลายเป็นไอค่อยๆลอยออกจากตัวรีสไปจนแห้งหมด

 

เฟิร์สได้แต่มองตาค้าง และนิ่งจนอึ้งไป ทั้งที่กำลังจะอ้าปากถามบางอย่าง แม้เขาจะเป็นผู้ชายแต่สิ่งที่เขาเห็นตรงหน้าดันดูดีจนละใบหน้าหนีไม่ได้ รีสดูดีดังเทวาที่ปั่นสลักไว้ตามสวนที่โบสถ์ ถึงตัวจริงของเขานั้นจะเป็นปีศาจก็ตาม และถึงแม้ว่าเขาจะเคยมีอะไรกัน แต่เขาก็ไม่เคยมองร่างกายรีสอย่างจริง ใบหน้าของเฟิร์สที่กำลังร้อนขึ้นเมื่อคิดอะไรแปลกๆ แต่แล้วก็ดันซีดลงและตาโตอึ้งเข้าไปอีก ก็เมื่อรีสที่ยังไม่รู้ว่าเฟิร์สนั้นไม่หลับและกำลังจ้องตนอยู่ หันหลังเข้าห้องน้ำไปหยิบเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้ทั้งที่เพิ่งเดินออกมา

 

แผ่นหลังขาวซีดของรีสมีรอยแผลยาวที่เกิดจากของมีคมฟันเข้ากลางหลัง มันยาวตั้งแต่หัวไหล่ซ้ายยันสะโพกขวา แผลทั้งกว้างทั้งแหวะหวะ แถมยังมีรอยแผลอื่นๆให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นเหมือนลอยกระสุนปืนที่ทำให้หลังเป็นรูลึก รอยฟันตามส่วนต่างๆ และรอยฟกช้ำ แผลพวกนี้ไม่มีแม้แต่เลือดที่ไหลออก และพวกมันกำลังสมานตัวเอง! เนื้อเยื่อที่โดนสับเละกำลังหดกลับเข้าที่ของมัน บาดแผลที่เคยเหวอะวะ ใช้เวลาไม่นานมันก็กลับมาเป็นปกติ ที่เป็นรูลึกเหมือนกระสุนยังฝังอยู่ข้างในเนื้อเยื่อก็ดันสิ่งแปลกปลอมออกมาจนมันหล่นลงพื้นดัง ตุบ! และสร้างใหม่ปิดทับไป เหมือนแผ่นหลังใหญ่นี้ไม่เคยได้รับบาดแผลใดๆมาก่อนเลย มันยังคงเนียนใสซีดขาวดูดีเหมือนเดิม   

 

“เฟิร์ส” รีสที่หันกลับมาจะก้มเก็บกระสุนที่หล่นลงพื้น เพราะเขาก็ไม่คิดว่าแผลของเขายิ่งนับวันยิ่งหายเร็วเกินคาด ยิ่งวันนี้มันหายไปในเวลาไม่กี่นาที รีสชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมหยิบค้างไว้กลางอากาศ เมื่อสายตาของรีสนั้นเหลือบมองขึ้นไปบนที่นอน ก็เจอกับใบหน้าของเฟิร์สที่กำลังตกตะลึงจนตาโต จึงได้แต่ครางเรียกชื่อเฟิร์สออกมาเบาๆ และเอาแต่โทษตัวเองอยู่ในใจที่ประมาท ทำให้เฟิร์สเห็นและกลัวตัวเองอีกจนได้

 

“อึก! กะ กลับมาแล้ว งั้นหรอ” เฟิร์สที่ได้สติเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ ก็สะดุ้งและรนรานจนพูดติดขัด เก็บท่าทางหน้าตาและสติที่กำลังเตลิด พยายามทำตัวปกติ ทั้งที่สายตาที่มองมายังรีสนั้นสั่นไหวดูหวาดกลัวและระแวง

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
ต่อๆๆๆๆ



“...เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอก” ในใจของรีสปวดหนึบที่เห็นท่าทางของเฟิร์สทั้งที่พยายามทำให้กลัวมาหลายวัน จนเฟิร์สนั้นสงบลงไม่มีท่าทีที่หวาดกลัวต่อเขา แต่สุดท้ายตัวเขาเองก็ดันประมาทจนเฟิร์สกลับมารู้สึกเหมือนเดิมจนได้ ทั้งคู่เงียบและจ้องกันอยู่นาน จนรีสทนไม่ไหวกับข้างในที่เริ่มปวดหนึบจึงเป็นคนพูดออกมาเอง แล้วกำลังจะหันหลังกลับออกไปทางประตู แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงจับที่ดึงมือเขาไว้เบาๆ

 

“มะ ไม่ต้องหรอก มันดึกมากแล้ว” เฟิร์สที่ในใจก็เอาแต่สับสน ถึงเขาจะรู้ว่ารีสไปเหมือนมนุษย์แต่ก็ไม่เคยเห็นจะๆคาตาตัวเองแบบนี้ พอเห็นเองเขาก็เลยสติแตก แต่กลับไม่ได้หวาดกลัวมากมายดังที่คิดเพราะรู้ว่าที่เห็นตรงหน้านี้คือรีส เฟิร์สได้มองสบไปยังดวงตาสีแดงที่เขารู้สึกว่ามันกำลังสั่นไหวและดูเศร้ามากมาย ทั้งที่ดวงตานั้นยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อนก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้เฟิร์สรู้สึกหดหู่และเศร้าตามไปด้วย ทั้งที่ในหัวยังคิดไม่ตก แต่ร่างกายกับขยับลุกออกไป คว้าเอามือเย็นนั้นเอาไว้เบาๆและพลั้งปากพูดออกมารวดเร็วเมื่อเห็นแผ่นหลังนั้นกำลังจะเดินจากไป ต่างจากรีสที่รีบหันมามองเฟิร์สอย่างตกใจและงุนงงไม่คิดว่าจะได้ยินคำทักท้วงและปฏิกิริยาที่เกิดคาด

 

“เฟิร์ส ไม่กลัวผมหรอ” รีสที่ยืนฟังอยู่ก็ตกใจเมื่อได้ยินเฟิร์สอนุญาตให้อยู่ เลยถามออกไปอย่างแปลกใจ แล้วมองตรงไปยังดวงตาของเฟิร์สที่กำลังสั่นระริก สีหน้าลำบากใจอย่างคนที่ยังคิดไม่ตก มือเรียวที่จับมือเย็นของรีสอยู่นั้นบีบเกร็งอย่างเห็นได้ชัด เฟิร์สขมวดคิ้วคิดหนัก ขบเม้มริมฝีปากแน่นจนมันเป็นเส้นตรง

 

“...กลัวสิ ...แต่ฉันรู้ ว่านายไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ฉันคิดว่า ตอนนี้ฉันสามารถไว้ใจนายได้ ฉันรู้สึกว่านายจะไม่ทำร้ายฉัน ไม่ทำเรื่องโหดร้ายเหมือนก่อน ไม่ทำให้ฉันสติแตกและหวาดกลัว นายอ่อนโยนขึ้น และใจดี นายยอมหลบหน้าหายไปจากคอนโดเมื่อรู้ว่าฉันกลัวทุกครั้ง และฉันรู้ว่านายมามายืนจ้องและปลอบโยนฉันกลางดึก ฉ ฉันก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน ว่าทำไม ที่ฉันเห็นแผลนายสมานตัวอย่างไม่ปกติเมื่อกี้ นั่น ไม่ได้ทำให้ฉันกลัวดังที่คิด ฉันแค่ตะลึง แต่เมื่อมองฉันมันบอกว่านี่คือนาย ความกลัวเหล่านั้นก็แทบจะหายไป ฉันไม่รู้ ทำไมฉันรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกพวกนี้มันแปลก ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน” เฟิร์สพูดออกมาเบาๆ ก้มหน้ามองลงต่ำ มือนั้นก็ยังคงบีบเกร็งแน่นขึ้นไม่ยอมปล่อยออก เฟิร์สคงไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมาบ้าง แต่สำหรับรีสนั้นเขารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มออกมาเกร็งๆที่ใบหน้า แม้ว่ามันจะดูไม่เหมือนคนยิ้มก็ตามที

 

หัวใจของรีสเหมือนได้รับการเติมเต็มบางอย่าง เขารู้สึกมีความสุข ภายในอกรู้สึกเหมือนเหมือนหัวใจของเขาจะกลับมาเต้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

 

รีสค่อยๆยกมืออีกข้างของเขาลูบไปที่ศีรษะของเฟิร์สเบาๆอย่างอ่อนโยนเหมือนทุกๆครั้งที่เขาต้องปลอบประโลมให้เฟิร์สสงบลง ดวงหน้าของเฟิร์สนั้นกลับไปเป็นปกติเหมือนเพิ่งได้สติกลับคืนมา เฟิร์สสะดุ้งรีบปล่อยมือออกและถอยหลังไปยืนห่างๆรีสแทน ดวงหน้าขึ้นสีแดงจางๆอ้าปากพะงาบๆเหมือนอยากจะหาคำแก้ตัว ดวงตาและมือไม้ไม่อยู่กับที่หาที่จับวางไม่ได้ จนสุดท้ายก็หันหลังกลับขึ้นที่นอนสะบัดผ้าห่มคลุมโปงทันที รีสยืนมองเฟิร์สอย่างมีความสุขอยู่ครู่หนึ่ง จนเห็นเฟิร์สที่เลื่อนผ้าห่มลงมามองที่เขาแต่เมื่อเห็นว่ายังไม่ไปก็เลื่อนปิดอย่างไวแล้วออกปากไล่เขาออกมาพร้อมบอกให้ปิดไฟจะนอนแล้ว รีสจึงเดินเลี่ยงออกมานั่งอยู่ที่โซฟาแทน ปากยังคงยกยิ้มเกร็งๆที่ใบหน้าเวลายิ้มดูแปลกๆเหมือนเดิม แต่รีสก็ไม่สนใจ เพราะในใจของเขาตอนนี้รู้สึกดีเหลือเกิน ทำไมกัน เหมือนใจของเขามันจะกับมาเต้นรัวจริงๆ

 .

.

ไม่นานนักหลังจากที่รีสไม่เคยหลับตอนกลางคืนมานานมาก แต่ในวันนี้เขากลับหลับไป หลับลึกมาก จนไม่รู้ตัวเลยว่าเฟิร์สเดินเข้ามาหาพร้อมกับห่มผ้าให้เขา จนกระทั่งรุ่งเช้ามาถึงนั้นเอง

 

“ขอบคุณครับเฟิร์ส สำหรับผ้าห่ม” รีสเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างๆเตียง ย่อตัวลงให้อยู่ระดับเดียวกับที่เฟิร์สนอนหลับอยู่บนเตียง แล้วเอ่ยขอบคุณเบาๆข้างหู จากนั้นก็เดินออกไป โดยที่รีสนั้นก็ไม่รู้ว่าเฟิร์สนั้นตื่นนอนแล้ว แต่แค่หลับตาอยู่เพราะรู้ว่ารีสเดินมาใกล้ตน พอรีสเดินออกไปจากห้องจนได้ยินเสียงกลอนประตูปิดล็อก เฟิร์สได้แต่ถอยหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะตนได้แต่เกร็งอยู่นาน แต่เมื่อนึกถึงคำขอบคุณเมื่อกี้เขาก็ขนลุกซู่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง เฟิร์สเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆทั้งที่เขาเองนั้นก็ไม่รู้ตัว แต่ยิ่งคิดเรื่องคืนก่อนๆก็ยิ่งทำให้เฟิร์สรู้สึกเขินขึ้นมา จนหน้าเริ่มแดงจัด ใจเต้นตูมตาม

 

เช้านี้เฟิร์สเอาแต่จมอยู่กับความคิดและเขินขึ้นมาเองหลายๆครั้ง จนหมอพอลที่ยังคงมาอยู่ด้วยตอนกลางวันเอาแต่รอบยิ้มและบางครั้งก็แกล้งเอ่ยแซวบ้าง เพียงแต่เฟิร์สก็ยังคงบอกปัดว่าไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้นแน่นอน

 

กิจวัตรประจำวันต่างๆก็ยังคงเหมือนเดิมไปอีกหลายวัน เพียงแต่ตกเย็นมารีสก็กลับเข้ามาคอนโดก่อนที่หมอพอลจะกลับซะอีก หมอพอลเห็นหน้ารีสที่มาก่อนเวลาปกติทีไรก็เอาแต่อมยิ้มและรีบเก็บข้าวของออกจากห้องไป ทั้งที่เฟิร์สเรียกท้วงไว้ และสุดท้ายเฟิร์สและรีสก็อยู่ด้วยกันไปสองคน จะมีบ้างที่สบตากันโดยบังเอิญหรือแตะเนื้อต้องตัวกัน เช่นโดนมือบ้างเวลาหยิบของก็รีบผละออกจากกันโดยไว โดยที่ส่วนใหญ่นั้นเฟิร์สจะหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกและลนลานเปลี่ยนเรื่องบ้างก้หนีไปทำอย่างอื่นแทน และเดี๋ยวนี้ก็ชวนพูดชวนคุยกันมากขึ้นไม่ค่อยจะเงียบใส่กันเหมือนก่อน

 

เฟิร์สนั้นอาการก็ดีขึ้นมาก ไม่เกร็งไม่กลัวจนสติแตกและลนลาน พูดคุยกับรีสมากขึ้น แค่มีบางครั้งเท่านั้นที่เขาปรับตัวไม่ทัน เมื่อรีสเข้ามาเงียบๆหรือใกล้เกินไป แต่เมื่ออยู่กับหมอพอลเฟิร์สก็ยิ้มได้จนเป็นปกติ หมอพอลก็ได้แต่แอบยิ้มดีใจ ที่อีกไม่นานเฟิร์สจะให้อภัยรีสจนหมดใจแน่นอน และบางทีอาจจะมีความรู้สึกอย่างอื่นแทรกมาด้วย หมอพอลช่วยๆพูดช่วยๆปลอบใจเฟิร์สไปเรื่อยๆ ทั้งเล่าเรื่องชีววิตรีสบ้าง เล่าเรื่องที่รีสซื้อนู้นนี่ให้เฟิร์สบ้าง ไปช่วยบ้าง เรื่องเป็นปีศาจบ้าง รวมทั้งเชนทั้งไมเคิลรวมถึงดร.และงานทดลองเล็กๆน้อยๆที่พอจะพูดได้ รวมถึงเรื่องเหนือมนุษย์ทั้งหลายให้เฟิร์สฟัง ตอนแรกๆเฟิร์สนั้นดูต่อต้านและไม่อยากฟัง ทั้งตกใจบ้างอึ้งบ้าง บางครั้งก็ดูสนุก จนหลายๆวันให้หลัง เฟิร์สกลับสนใจจนเป็นคนถามออกมาเอง

 

...

 

"รีส เช้านี้ไม่ต้องให้พี่หมอมาก็ได้นะ" จู่ๆเฟิร์สที่วันนี้ตื่นนอนเร็วกว่าปกติก็เดินมาหยุดอยู่ไม่ไกลจากรีสพูดขึ้นมาเบาๆ ทำท่าทางแปลกๆพูดแล้วก็เบี่ยงหน้าหลบมองไปทางอื่นไม่สบตากับรีส

 

"ไม่เบื่อหรอถ้าอยู่คนเดียว" รีสที่กำลังเก็บของอยู่ก็ชะงัก และแปลกใจที่จู่ๆวันนี้เฟิร์สดันตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืดก่อนเขาจะออกไป จึงหันหน้าไปมองเฟิร์สที่หันไปมองอย่างอื่น

 

"เอ่อ...ฉันหมายถึง...นายอยู่ที่นี่ก็ได้ ไม่ต้องให้พี่หมอมาแทน" เฟิร์สยกมือขึ้นเกาท้ายทอยท่าทางเก้อเขิน มองไปทางนู้นทีทางนี้ที เม้มปากแน่นแล้วพูดอ้อมแอ้มเบาๆในลำคอ พวงแก้มขึ้นสีแดงจางๆอย่างอายๆ แล้วทำท่าจะเดินกลับเข้าห้องนอนไป แต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินคำพูดของรีส ได้แต่ยืนนิ่งหันหลังให้อย่างนั้นอยู่นาน โดยที่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไง จะบอกว่าเขาไม่กลัวแล้วก็ดูจะไม่น่าเชื่อเกินไป แล้วเขาจะบอกยังไงดี

 

"เฟิร์สเลิกกลัวที่จะอยู่ผมสองคนแล้วหรอ" รีสเองก็ยืนนิ่งเช่นเดียวกับเฟิร์ส รีสได้มองไปยังแผ่นหลังบางๆของเฟิร์สที่ขยับเบาๆจากการถอนหายใจ เมื่อเฟิร์สตัดสินใจได้ว่าจะพูดแบบไหน

 

"คือ ฉันก็ไม่ได้กลัวขนาดนั้น ฉันรู้ว่านายไม่ทำอะไรฉันหรอกถ้าฉันกลัว  อย่างที่ฉันเคยบอกนายไปเมื่อคืนนั้น...นายไม่ต้องหนีหน้าหลบออกไปทุกๆวันก็ได้ นายจะอยู่ก็อยู่ และฉันก็ ไม่คิดจะหนีถึงกลับให้พี่หมอมาเฝ้าทุกวันหรอกนะ ฉัน...จะอยู่ที่นี่กับนาย...จนกว่านาย...จะให้ฉันออกไปนั่นแหละ" เฟิร์สพูดออกมาแล้วเม้มปากแน่นตัวเองไปด้วยความตื่นเต้นทั้งที่เป็นคำพูดธรรมดาๆ พวงแก้มเฟิร์สกับขึ้นสีแดงจัด มือไม้หาที่วางไม่ถูก ดวงตาก็เหลือบมองนู้นนี่ไปเรื่อยๆ เก้ๆกังๆอยู่นานแล้วก็เดินกลับเข้าห้องนอนไปโดยที่ไม่ได้หันหน้ากลับมามองหน้ารีส ที่ตอนนี้ก็เหมือนจะยกยิ้มจนกล้ามเนื้อหน้านิ่งค้างกับความสุขที่เหมือนจะทำให้ใจของเขานั้นชุ่มชื้นขึ้นมาอีกครั้ง จนเหมือนมันอยากจะกลับมาเต้นเร็วอีกแล้ว

 

...

 

จากนั้นรีสก็อยู่ในห้องไม่ออกไปไหน โทรยกเลิกกับหมอพอลที่ไม่ต้องมาแล้วก็ได้ เขาอยากจะจัดการต่อเอง เพียงแค่ทั้งคู่จะเงียบไปบ้างไม่มีอะไรให้พูดคุยกันมาก เพราะเท่าที่อยู่ด้วยกันมาจะเอาแต่เงียบเข้าใส่ แม้ก่อนหน้าจะดีขึ้น แต่มันก็แค่แปบเดียวก่อนนอน ตอนแรกที่เจอกันก็จะสัมผัสกันผ่านร่างกายเท่านั้น ไม่เคยคุยกันอยู่แล้ว แต่ก็มีบ้างที่ทั้งคู่เหงาๆเบื่อจากการอยู่คนเดียวก็จะมานั่งอยู่ด้วยกันหน้าทีวี ให้เสียงของรายการในทีวีที่เปิดไว้เป็นสื่อกลาง บ้างก็จะชวนคุยกันเรื่องต่างๆเรื่อยเปื่อย แต่ยังไม่มีใครกล้าถามถึงเรื่องส่วนตัวของกันและกันเลย แม้ว่าจะอยากรู้จากปากของอีกฝ่ายมากเหลือเกิน

 

เวลากินอาหารทั้งสองก็จะแยกกันกิน รีสจะหายออกไปช่วงเวลานี้ เพราะรีสกลัวเฟิร์สกินไม่ได้ที่เห็นอาหารของตัวเขาเอง เพราะที่รู้ๆกันอยู่ว่าอาหารของรีสนั้นเกินกว่าคนธรรมดาจะทนเห็นได้ แล้วยิ่งแต่ก่อนรีสก็ดันแกล้งเอาอะไรแปลกๆให้เฟิร์สกินเยอะไป เขาเลยเลิกที่จะผละออกมา เพราะรู้ว่าตอนนี้สิ่งที่เขาได้รับจากเฟิร์สนั้นมากเกินไปอยู่แล้ว เพียงแค่ต่อๆไปเขาต้องหาโอกาสเอ่ยปากขอโทษจากใจสักที

 

จนเวลาผ่านไปเรื่อยๆทั้งคู่ก็เริ่มปรับตัวเข้าหากันมากขึ้น เฟิร์สเป็นคนชวนคุยเรื่องต่างๆบ้าง เปลี่ยนเป็นรีสบ้างคนละประโยคสองประโยค จนนานวันยิ่งพูดคุยกันมากขึ้น  และตอนนี้เฟิร์สกล้าให้รีสมากินข้าวโต๊ะเดียวกัน แม้จะรู้สึกแปลกๆที่เห็นอาหารของรีส ที่คิดว่าแค่ล้อเล่นแต่กลับเป็นเรื่องจริง

 

"...นายกินแบบนี้มาตลอดเลยงั้นหรอรีส" เฟิร์สที่ยังคงนิ่งค้างตั้งแต่เห็นอาหารของเฟิร์สเต็มตา ไม่ยอมตักอาหารตัวเองเข้าปากสักที จนในที่สุดทนไม่ไหวก็ถามออกมา

 

"ผมบอกแล้วเฟิร์สจะกินข้าวไม่ลง" รีสเงยหน้าขึ้นมองสบตาของเฟิร์สที่เอาแต่จ้องอาหารเขาตาไม่กระพริบ ตั้งแต่เขาจัดมันลงจานแล้วเอามาวางบนโต๊ะเดียวกัน ก็แน่ล่ะ เนื้อดิบเลือดเยิ้มๆ มีดตัดลงไปตรงไหนก็ทะลักเยิ้มออกมา ไหนจะมันในไขกระดูก ที่บางทียังเห็นเส้นเลือดฝอยติดมา แล้วก็น้ำดื่มที่เป็นเลือดข้นๆสีแดง ขนาดตัวเขาเองที่ต้องกินทุกๆมื้อยังทนรับไม่ได้เลย รีสพูดเสร็จจึงทำท่าจะลุกขึ้นและยกจานข้าวขึ้นถือ

 

"เดี๋ยว อึก! ฉ ฉันแค่แปลกใจ นายนั่งลงเถอะ ฉันขอโทษ" เฟิร์สเอื้อมมือคว้าหมับเข้าที่แขนรีสแต่ก็ต้องตกใจจนปล่อยออกอัตโนมัติเพราะความเย็นที่แม้ในเวลาปกติจะไม่เย็นมากแต่ตอนนี้ที่รีสรู้สึกหดหู่ก็มันเย็นขึ้นมา มันก็เลยแปลกๆอยู่ดีจนเขาตั้งตัวไม่ทัน จากนั้นก็รีบพูดท้วงให้รีสนั่งลงเหมือนเดิม และเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิดเพราะแทนที่เขาจะประหลาดใจและกลับสมควรต้องเห็นใจและสำนึกผิดมากกว่า เพราะเรื่องทั้งหมดมันเริ่มมาจากเขา

 

จากนั้นทั้งคู่ก็เงียบเข้าใส่กันอีก จมอยู่กับความคิดของตัวเอง เฟิร์สนั่งกินข้าวของเขาไปเงียบๆพร้อมๆกับเหลือบมองไปยังรีสที่ก้มหน้าก้มตาเฉือนเนื้อดิบๆเข้าปากและยกเลือดขึ้นดื่มไปอย่างเร็วเพราะอยากจะให้หมด เฟิร์สจะได้กินอย่างมีความสุข เฟิร์สก็เอาแต่รู้สึกผิดที่พูดมาก บางครั้งรีสก็เงยหน้ามามอหน้าเฟิร์สบ้างเพราะรู้สึกว่าโดนจ้องนานเกินไป จนเมื่อรีสที่กำลังกัดเนื้อก็เงยหน้ามองเฟิร์สที่สบตามาพอดีก็เงียบไปแล้วเคี้ยวต่อด้วยหน้าตาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทั้งคู่

 

หลังกินข้าวทั้งคู่แยกกันไปนั่งเงียบๆ รีสนั่งอยู่ที่โซฟาเปิดทีวีให้เสียงกลบความคิดของเขา เฟิร์สก็แยกไปนั่งเงียบๆอยู่ที่เตียงนอน ไม่นานเฟิร์สที่เงียบไปนาน หลังคิดหนักกับเรื่องก่อนหน้า จนทนไม่ไหว อยากจะรู้ให้แน่ชัดว่าเป็นเพราะตนที่ทำให้รีสเป็นแบบนี้รึเปล่า ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็อยากให้เรื่องทุกอย่างกระจ่างและอยากจะขอโทษ

 

เฟิร์สค่อยๆเดินไปที่โซฟานั่งลงข้างรีสที่นั่งอยู่ก่อนช้าๆ ทำตัวลีบนั่งเงียบๆไปอีกสักพัก จนรีสหันมาถามเฟิร์สเองว่ามีอะไร

 

"รีส นายช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ย ว่าตั้งแต่ที่ฉันฆ่า เอ่อ ขับรถชนนายวันนั้น ร่างกายของนายเปลี่ยนไปยังไงบ้าง" เฟิร์สถอนหายใจทิ้ง แล้วตัดสินใจพูดออกไป ดวงตาสั่นระริกจ้องไปยังตาสีแดงของรีสอย่างเว้าวอน ความรู้สึกที่เห็นอาหารที่รีสต้องกินทำให้ความคิดเขาเริ่มรวน ภายในใจรู้สึกผิด แต่ก็อยากรู้ให้แน่ชัดอีกทีว่าเรื่องพวกนี้เกิดจากฝีมือตนเอง

 

"ก็ได้ครับ ถ้าเฟิร์สอยากรู้ จากวันนั้นผมตื่นขึ้นมาอีกทีที่ห้องทดลองแล้วเจอกลับพี่หมอ........จนตอนนี้ร่างกายของผมก็เป็นอย่างที่เฟิร์สเห็น ตัวของผมเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งเดินได้ มีไอเย็นสีขาวจางๆแผ่ออกมาตลอดเวลาถ้าเฟิร์สลองสังเกตดูดีๆก็จะเห็น แต่ถ้าจะให้ชัดก็คงต้องเป็นเวลาที่ผมอารมณ์แปรปรวนหรือโกรธจัด อาหารก็ต้องกินแบบนั้นมาตลอด กล้ามเนื้อทุกส่วนรวมถึงอวัยวะภายในของผมก็ไม่ทำงาน  รวมถึงหัวใจก็ไม่เต้นแล้วด้วยนะครับ ดวงตาของผมเคยเป็นสีฟ้าเหมือนฝรั่ง จนมันกลายเป็นสีแดงข้างสีเทาข้างเพราะเนื้อเยื่อมันตาย แต่ตอนนี้มันก็เป็นสีแดงแบบนี้แหละครับ แต่ผมว่ามันก็ดูดีไปอีกแบบ เข้ากับผมดีด้วยนะ ...เฟิร์สไม่ต้องกังวลนะ ผมชินกับมันแล้ว ไม่ต้องโทษตัวเอง"

 

รีสเล่าเรื่องต่างๆให้เฟิร์สฟังยาวเหยียดแล้วมาจบท้ายด้วยการอธิบายร่างกายพร้อมชี้ให้เฟิร์สที่เริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆดูตามร่างกายไปเรื่อยๆ เฟิร์สอยากจะสัมผัสดูว่าหัวใจเฟิร์สไม่เต้นจริงมั้ย อยากจะจับร่างกายที่เย็นของรีสจริงๆจังสักที แต่ก็ไม่กล้า ได้แต่มองตามนิ้วที่รีสชี้บอกว่าส่วนไหนเป็นยังไงเท่านั้น และทำหน้ารู้สึกผิดจนรีสต้องเอ่ยบอกไม่ต้องกังวลในตอนท้าย

 

แต่รีสก็เล่าไม่หมดอยู่ดี เขายกเว้นเรื่องที่เขานั้นกัดกินมนุษย์และทำลายโดยการทำให้ทุกอย่างกลายเป็นน้ำแข็งจนแตกเป็นผงและละลายหายไปได้ รวมถึงการควบคุมพลังที่มากมายนั้นได้ดีขึ้นทุกๆวัน

 

"ฉันขอโทษจริงๆนะ มันเป็นเพราะฉันเอง" เฟิร์สที่ฟังจบ แม้ว่ารีสจะเล่าด้วยท่าทีสบายๆ แต่ต่างจากคนฟังที่ตอนนี้รู้สึกผิดซะเต็มประดา เฟิร์สก็ได้แต่โทษตัวเองแล้วเข้าใจรีสทันทีที่โมโหจนแทบจะฆ่าเขาทิ้งแบบนั้น ถ้าเป็นเขาเองเขาอาจจะยิงมันทิ้งไปแล้วก็ได้ไม่ต้องมานั่งใส่ใจถึงความรู้สึกเหมือนที่รีสทำให้เขาในตอนนี้ด้วยซ้ำ

 

"ผมบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดเฟิร์สไง แล้วอีกอย่าง ผมเองก็เชื่อว่าถึงแม้วันนั้นเฟิร์สจะไม่ได้เป็นคนเปลี่ยนผม แต่สักวัน ร่างกายของผมมันก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้อยู่ดี เพราะผมอาจจะเป็นปีศาจจริงๆอย่างที่ไมเคิลบอกมา เพราะฉะนั้นเฟิร์สเลิกรู้สึกผิดและโทษตัวเองได้แล้วครับ ผมเองต่างหากที่ต้องขอโทษเฟิร์สที่ทำเรื่องโหดร้ายมากมายกับเฟิร์สไป" รีสได้แต่พูดไปนิ่งๆดวงตาสีแดงมองสบกับเฟิร์สที่ส่ายหัวดิกปฏิเสธคำที่รีสพูดออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง เมื่อได้เวลาเอ่ยขออภัยจากเฟิร์สที่รีสรอคอยมานาน

 

"ไม่จริงหรอก ถ้าวันนั้นฉันไม่ชนนาย นายอาจจะมีชีวิตปกติเรียนจบมีงานทำแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ไม่ต้องมาเจอกับเรื่องพวกนี้ เพราะถ้าปีศาจในตัวนายไม่ตื่นขึ้น ดร.อะไรนั้นก็จะไม่ทำการทดลองกับนาย แล้วไมเคิลก็จะตามกลิ่นนายไม่เจอเหมือนกัน เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะฉันเป็นต้นเหตุ"

 

“ชู่ว ̴ ”

 

 เฟิร์สชะงักไปไม่พูดต่อ เพราะรีสนั้นยกนิ้วมือเย็นๆมาแนบที่ริมฝีปากเขาเบาๆ ดวงตาสีแดงนั้นจ้องมาที่เฟิร์สเหมือนสะกดให้นิ่งงัน

 

ดวงหน้าของทั้งคู่ๆค่อยๆโน้มเข้าหากันตาสอดประสานบอกความในอย่างโหยหาบางสิ่ง นิ้วของรีสที่ยกขึ้นทาบริมฝีปากเฟิร์สค่อยๆปล่อยออก ดวงตาของเฟิร์สสั่นไหวแต่ก็ยังคงจ้องกับดวงตาสีแดงของรีสไม่ละออก ดวงหน้าของทั้งคู่ขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น เรื่อยๆ ปลายจมูกเย็นๆของรีสแทบจะชนกับของเฟิร์ส แต่เขาก็เบี่ยงหน้าออกเล็กน้อยให้ช่วงหน้าของเขาทั้งสองให้แนบสนิทกันได้ จากนั้นก็ค่อยๆประทับริมฝีปากลงวางเบาๆบนริมฝีปากสีชมพูของเฟิร์ส ทั้งที่ดวงตายังคงไม่ละจากกัน รีสทำเพียงแค่วางปากประกบกันไว้เบาๆไม่ได้ลุกล้ำ ดวงตาของเฟิร์สหลับพริ้มลงอย่างเปี่ยมสุข ริมฝีปากของทั้งคู่ที่ยังทาบทับกันไว้เนิ่นนานบ่งบอกถึงความรู้สึกคิดถึงและโหยหากันและกัน ความรู้สึกใจใจวาบหวามและอ่อนหวานจนไม่อยากละจาก...

 

รีสค่อยๆผละออกมาช้าๆ จ้องมองไปยันดวงหน้าของเฟิร์สที่พวงแก้มใสขึ้นสีแดงจางๆน่าเอ็นดู รีสยกยิ้มมีความสุขแล้วค่อยโน้มตัวเข้ามาจนชิดหูเฟิร์ส ให้ลมที่ออกจากปากเป่ารดและเฉียดริมฝีปากเย็นให้กระทบกับใบหูเฟิร์สเบาๆจนขนลุกชัน พร้อมกระซิบเสียงสั่นเบาๆ

 

"รีส...คิดถึงเฟิร์สมากนะครับ"

 

เฟิร์สตกใจตเบิกโตขึ้นในคำที่ได้ยินและขวยเขินอย่างถึงที่สุด ใจของเขาเต้นแรงและเร็วจนน่ากลัว แก้มใสแดงปลั่งน่ารัก ดวงตาหลุกหลิกหาที่จับไม่ได้ ไม่กล้าสบมองไปยังคนต้นเหตุ ยิ่งรีสยังคงมองมาที่เฟิร์สนิ่งๆด้วยดวงตาสีแดงที่น่าหลงไหล เฟิร์สยิ่งเขินจนทนไม่ได้ในที่สุดก็ลุกหนีวิ่งเข้าไปในห้องนอนปิดประตูเงียบไป เฟิร์สได้ยืนพิงประตูที่ปิดเข้ามาไว้ไม่ได้วิ่งไปไหนต่อ ขาแข้งอ่อนแรงอ่อนยวบดังใจที่กำลังถูกหลอมละลาย พร้อมกับยกมือกุมหัวใจของตัวเองที่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้เต้นรัวขึ้นมาจนมันแทบจะหลุดออกมานอก...

 

ส่วนรีสที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็ได้แต่นิ่งงันทำตัวไม่ถูก ในหัวเห็นแต่ใบหน้าของเฟิร์สที่ขึ้นสีแดงจัดอย่างขวยเขิน รีสยกยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง ภายในอกรู้สึกอบอุ่นกับความสุขที่กำลังเอ่อล้นออกมา จนเหมือนดวงใจที่ตายด้านของเขากำลังอยากจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งเพื่อให้เสียงของมันดังสอดประสานโครมครามแข่งกับของเฟิร์สที่มันยังคงดังก้องอยู่ในหัวเขาตลอดเวลา...

 

ตึกตัก!

 

“อึก!”

 

จู่ๆจังหวะหัวใจที่หยุดเต้นไปนานของรีสก็เกิดเสียงดังขึ้นมาครู่หนึ่งและปวดหนึบจนร่างกายกระตุกวูบ รีสตกใจยกมือกุมหน้าอกไว้แน่นขยำมันไวเพราะรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่ไม่ได้เป็นมานาน แต่มันก็แค่แวบเดียว แล้วความเจ็บปวดและเสียงหัวใจของเขาก็จางหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย


 ...

ตอนนี้มาเร็วหน่อยนะคะ แต่รอบหน้าอาจจะมาช้ามาก เข้าสู่ช่วงสอบแล้ว ไรท์แต่งสดเนอะ รอได้กันได้เปล่าค้า อย่าทิ้งกันเน้อ
ตอนนี้ หวานนิดๆป่าว รีสเฟิร์สเริ่มใจตรงกันแว้วน้าา

...

งื้อออออออ รีสสสสสสสสสสสส :mew2: เอออออออออมันหน่วงจริงงงงง อึดอัด เจ็บแปล๊บ หายใจไม่ออก แบบว่าอินค่ะอิน 555555 //แต่ก็นะ เข้าใจเฟิร์สอะ หวาดกลัวไม่พอ ต้องมาสับสนความรู้สึกตัวเองและรีสเปลี่ยนไปดีแบบนี้อีก ละยังมารู้ความจริงรับรู้เรื่องอะไรหลายๆเรื่อง มันก็นะ อืมมม ดีที่ได้ระบายพูดออกมา ต้องใช้เวลาตั้งสติแพร่บละเฟิร์ส เลิกหายกลัวรีสนะ งื้ออสงสารรีส ทั้งเรื่องตัวเองและเฟิร์ส หน่วงไปอี๊ก แต่ถามว่าชอบไหม ชอบค่ะ 555 เออมันใช่อ่ะที่รีสคิดมา ก็รู้นะว่ากลัวแต่ก็อยากให้ปลอดภัยและอยากขอให้อภัยแล้วค่อยปล่อย แล้วก็นะรีส อย่าอดอาหารนะ เดี๋ยวไม่มีแรงไปปกป้องเฟิร์ส //ตาแดง ผิวซีด มีไอเย็นรอบๆ เท่ห์นะรีสอย่าเกลียดตัวเองเลยเดี๋ยวเฟิร์สก็จะหลงเหมือนเรา เชื่อดิ 5555555 //ตลกไมเคิลเจอไอ้เด็กเชนตามยิกๆ จนไม่มีเวลามาวอแวกับรีส 5555555 //ต้องขอบคุณหมอพอลเลยที่มาช่วยพูด ไม่งั้นไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจกันสักที//โอ๊ยยยชอบบบบบบ แต่งดีแล้วค่ะ แบบนี้แหละแบบนี้ ลุ้นกันต่อไป อ่านอย่างช้า กลัวจบ มันสนุกอะ 555 ขอบคุณนะค่ะที่มาอัพต่อออออ รอทุกตอนต่อไปเลยคะ F5 รัว 5555

ชอบค่ะชอบ หลงค่ะหลง ขอบคุณมากๆเลยนะค้า เม้นยาวตลอดๆๆๆ อิอิ

ไรท์ยังหลงรีสเลย ยิ่งตอนนี้ยิ่งหลง พระเอกจริ๊งงงง 555 

เฟิร์สก็น่าสงสารตอนนี้น่าจู้อะไรมาเพิ่มๆบ้างแล้ว รักเฟิร์สยังค้าา

ชอบไมเคิลเชนมาก เริ่มๆอยากแต่งละ ไรท์จิตนิดๆ(ม้ัง) 55 แต่จริงๆแล้วคู่นี้ฮา

พี่หมอคนนี้เขาคนดีอยู่แล้ว เลยเจอแลมป์ที่โคตรเสียสละทั้งคู่ พระเลยเจอพระเคมีเข้ากันค่า 555
มาต่อแล้วนะค้าา แต่ตอนต่อไปอาจจะช้านิดดดดด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2016 16:49:07 โดย สิบสาม13 »

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เฮ้ยๆๆรีสสสส หัวใจเต้นหว่ะ มีลุ้นจะกลับคืนเป็นคนเหมือนเดิมปะวะ ความรักทำให้ใจเต้นเว้ย เฟิร์สมาอ้อนรีสหน่อยเร็ว ทดลองๆเผื่อใช่จะได้ใช้ใจรักษา เบ้ยส์ 555 ตามจริงเป็นปีศาจก็เท่ห์นะ มากเลยละ แต่อยากให้รับรู้สัมผัสหรือกินปกติได้ไรงี้ //เป็นไงเฟิร์สจ้องหุ่นรีสเคลิ้มเลย หลงแล้วใช่ไหมละ แค่มองยังใจสั่น บอกแล้วรีสอย่างเท่ห์ 555//ปีศาจอมตะชัดๆ ฟันแทงยิงเข้าแต่ไม่ตาย แผลหายเองโคตรเจ๋ง เป็นใครก็เบิกตาค้างอะเจอแบบนั้น ดีที่เฟิร์สไม่กลัวอย่างที่คิด หูยยยยยยยยดีไปอีก //เฟิร์สสับสนอย่างแรง บอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูกเลยทีเดียว แค่อยากรั้งไว้ก่อน แต่พอตอนท้าย เจอ "รีส...คิดถึงเฟิร์สมากนะครับ" โว้ยยยยยยยยยยยยย ไม่ใช่เฟิร์สคนเดียวที่เข่าอ่อน กูนี่มวนตัวอยู่สามตลบ ปากฉีกยิ้มมอย่างกว้างงงงง มือปิดหน้า ไอ่หยา กูอายกูเขินนนนนนหนักกกมากกกกกกกกกกกก สัส!!!!!!! 55555555 ฉากจุ๊บนี้นะมันแบบสองคนเขาโหยหากันมาก เราก็เอ้อ กูก็โหยหาอยากเห็นหวานบ้าง มาเจอฉากนี้แบบ ดีกับใจจริงๆ รีสไอ้บ้า แกเล่นเฟิร์สกับฉันแล้วไหมละ 55555 //เฟิร์สสสน่ารักมากกก เรียบๆเคียงๆทำตัวรีบๆกล้าๆกลัวๆสั่นๆสู้ๆ 555 จนได้คุยปรับความเข้าใจกัน เออดีอ่ะ เคลียร์ให้รู้เรื่อง เริ่มคุ้นชินหวาดหวั่นน้อยลง แต่หวั่นไหวด้วยใจมากขึ้นนน เลิกสับสนนะเฟิร์ส 555555 //เฟิร์สก็รับรู้เรื่องทุกอย่างของรีสแล้ว อยู่กับรีสนะเฟิร์ส เวลาที่เฟิร์สมองตารีสแล้วรู้สึกมันว่างเปล่า ดูเศร้า เราก็ปวดหนึบหน่วงใจไปกับรีส TT //ว่าแต่รีสไปทำไรมา ไปต่อสู้กับใครถึงได้แผลเหวอะแหวะมาแบบนั้น ใครบังอาจมาแหย่ปีศาจว่ะ ไม่เป็นศพแล้วหรอปานนี้ หรือว่าที่แผลหายเร็วเพราะกินคนมา 555555555 โอ๊ยยยยสนุกกอ่ะ รอลุ้นต่อไป #รีสเฟิร์ส จะยังไงอะไรทำไมต่อ รอออออออ กลั้นใจไว้เกือบนานกว่าจะเข้ามาอ่าน กลัวจบเร็ว แล้วจะรอนาน เลยมาอ่านช้า 555555 ตอนนี้ดีจริงๆ เขินประโยคนั้นไม่หาย กระซิบชิดหูบอกคิดถึง กูตาย เฟิร์สยังมีชีวิตอยู่ไหม รีสแม่ง 555555 //เห็นว่ามีสอบขอให้โชคดีนะคะ ว่างๆค่อยมาแต่งและอัพต่อค่ะ ยังไงก็รอ กำลังคิดว่าอยากจะรีรีดอีกรอบ รองานซาก่อน อ่านแน่ๆอ่ะ ชอบรีส 5555555 // :pig4:

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk

Me die



33 : คำหวาน




ทุกๆอย่างยังคงหมุนวนไปเหมือนเดิม ต่างจากเดิมก็คือความรู้สึกของทั้งสองคนที่มีแต่จะใจตรงกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำอะไรก็เอาแต่ลอบมองกันเป็นพักๆแต่เมื่อสบตาก็กันก็ได้แต่ทำตัวไม่ถูกและหลบตามองไปทางอื่น ทั้งสองคนเอาแต่เขินจนไม่ยอมพูดไม่ยอมมองหน้ากันตรงๆ

 

รุ่งเช้าของอีกวันมาเยือนอีกครั้ง รีสออกไปจากห้องตั้งแต่ช่วงตี3กว่าๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เฟิร์สที่ตื่นนอนขึ้นมาไม่เห็นรีสก็เอาแต่มองหาและรอคอยเวลารีสกลับมา แต่จนสายรีสก็ยังไม่มาแถมเช้านี้ก็ไม่มีอาหารเตรียมรอไว้ เฟิร์สจึงล้มเลิกที่จะนั่งคอยมองประตู ไปจัดการหากับข้าวกินเองทั้งที่ก็ไม่เคยทำมาก่อนด้วยความหิว

 

เฟิร์สเดินไปหยุดอยู่ที่ครัว มองนู้นนี่อยู่นาน มือเรียวเปิดตู้เย็นดูของสดที่แช่อยู่เต็มตู้ แต่ก็เอาแต่ถอนหายใจทิ้ง เพราะทำกับข้าวไม่เป็นสักอย่าง สุดท้ายก็หันไปพึ่งบะหมี่สำเร็จรูปที่อยู่ในชั้นเก็บของ นี่เป็นเพียงอย่างเดียวที่เขาคิดว่าน่าจะทำเป็น

 

เฟิร์สหยิบบะหมี่ออกมาจากชั้นวางของ มองไปมองมาจนเจอถ้วยจึงหยิบออกมาวางไว้ข้างๆเพื่อรอใส่ มือเรียวแกะซองมันออก แต่อาจจะออกแรงมากเกินไป ก้อนบะหมี่จึงกระเด็นหลุดออกจากซองไปกลิ้งอยู่ข้างๆถ้วยที่เตรียมไว้ใส่บนโต๊ะแทน เฟิร์สได้แต่กระพริบตาปริบๆมองไปยังบะหมี่ก้อนนั้นแล้วจึงหยิบขึ้นมาใส่ไว้ในถ้วยอย่างเซ็งๆ แต่แล้วไม่นานเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างออกว่าเขาลืมต้มน้ำก่อนแกะซอง เพราะเขาจำได้แค่รางๆเวลาที่เห็นเพื่อนสมัยมหาลัยกินมัน เฟิร์สจึงหยุดกิจกรรมตรงนั้น แล้วหันไปมองหาอะไรบางอย่างที่เขาสามารถใส่น้ำเพื่อต้มได้ ในที่สุดเขาก็เจอ เฟิร์สหยิบหมอใบเล็กขึ้นมากดน้ำใส่แล้วยกขึ้นไปไว้บนเตา ปัญหาสำหรับเขาจึงตามมาอีกเมื่อเขาไม่เคยใช้เตา แต่ไม่นานนักหลังจากที่ก้มๆเงยๆกับเตาไฟฟ้าอยู่นาน เฟิร์สก็จัดการเปิดมันได้สำเร็จ พร้อมๆกับเทบะหมี่ที่แกะออกจากซองไว้แล้วลงไปในหม้อ คิ้วสวยนั้นขมวดเข้าหากันอยู่นานใบหน้าก็เคร่งเครียด แต่ในที่สุดก็ระบายยิ้มออกมาจนได้ เมื่อในเวลาไม่นานนัก บะหมี่ในหม้อที่ต้มเดือดปุดๆก็ปล่อยควันพวยพุ่ง ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายคนหิวอย่างเฟิร์สได้เป็นอย่างดี

 

เฟิร์สได้ยืนยิ้มมองอาหารมื้อแรกที่เขาทำสำเร็จ จนไม่รู้ตัวเลยว่ารีสมายืนมองอยู่เงียบๆตั้งแต่เมื่อไหร่ รีสยกยิ้มอ่อนๆตามเฟิร์ส เขาไม่เคยเห็นใบหน้าเฟิร์สแบบนี้ จนหยุดมองไม่ได้ และไม่อยากจะเข้าไปขัดช่วงเวลาที่เฟิร์สดูสุขใจขนาดนี้ ใบหน้านั้นดูดีใจภูมิใจเหมือนสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจทำมากและในที่สุดเขาก็ทำมันได้สำเร็จ แม้มันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนอื่น แต่สำหรับคนที่ทำอะไรสำเร็จชิ้นแรกนั้นมีความหมายมากมาย เขานั้นเข้าใจดี

 

รีสที่ยืนดูเฟิร์สที่ยังคงอมยิ้มอยู่ แต่คิ้วกับเริ่มขมวดเข้าหากันอย่างทำอะไรไม่ถูก มือเรียวนั้นยกขึ้นแตะลงที่หม้อร้อนๆที่เพิ่งปิดไฟไปไม่นาน จนต้องปล่อยมือออกแล้วจับไปที่ใบหู ซึ่งเฟิร์สก็ไม่รู้ว่ามันจะช่วยให้หายร้อนยังไง จากนั้นจึงเอามือมาเป่าเบาๆ ดวงตายังคงจ้องไปยังหม้อบะหมี่นั้นไม่วางตา สายตาของเฟิร์สมุ่งมั่นอยากจะเอาชนะและกินมันให้หายแค้น

 

“เฟิร์สครับ ให้ผมช่วยมั้ย” รีสเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแอบขำเบาๆในความไร้เดียงสานั่น ไม่นานจึงพูดขึ้นและเดินเข้าไปหา

 

เคร้ง!!

 

“โอ๊ย! ร้อนๆ” แต่เพราะความตกใจ จึงทำให้เฟิร์สที่หันมามองทางรีสนั้น ถอยหลังจนมือนั้นไปปัดโดยหม้อร้อนๆนั้นหล่นลงจากเตาแถมยังหกรดเฟิร์สที่เสียหลักล้มลงพื้นครัว ลวกโดนมือและแขนขวาเฟิร์สเต็มๆ

 

“เฟิร์ส! เป็นอะไรรึเปล่าครับ ขอผมดูหน่อย” รีสเห็นดังนั้นก็ตกใจไปด้วย รีบวิ่งเข้าไปหาเฟิร์ส ปัดป่ายเอาเส้นบะหมี่สำเร็จรูปออกจากเฟิร์ส แล้วพยุงตัวขึ้นจากพื้น ยกแขนขึ้นดู ก็พบว่ามันบวมแดงจนน่ากลัว รีสก็รีบเอาแขนและมือของเฟิร์สไปแช่น้ำเย็นๆที่เปิดให้ไหลทิ้งเพื่อช่วยบรรเทา

 

“อือ เจ็บ มันร้อน...” เฟิร์สน้ำตาคลอ ใบหน้าเหยเกเพราะความแสบร้อนตรงแขนที่มันกำลังทวีขึ้น แม้จะเบาบางลงเมื่อสัมผัสกับน้ำ แต่มันก็ช่วยได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

 

“ขอโทษนะครับเฟิร์ส...รีสทำให้เจ็บตัวอีกแล้ว” รีสเห็นใบหน้าเจ็บปวดของเฟิร์สก็ยิ่งรู้สึกผิด เพราะเขาเข้ามาเงียบๆแท้ๆทำให้เฟิร์สเจ็บตัวอีกแล้ว ดวงตาสีแดงของรีสหมองลง แต่ยังคงจ้องไปที่แขนที่กำลังบวมช้ำนั้นไม่วางตา รีสยกมือเย็นของตนขึ้นมาลูบแขนที่โดนลวกไปมาเบาๆ ไอเย็นจากมือรีสนั้นแผ่ออกมาจนเฟิร์สครางฮือในลำคอ อาการแสบร้อนนั้นเบาบางลงเมื่อถูกมือเย็นนั้นลากผ่าน แม้ว่าสายน้ำจะช่วยบรรเทา แต่ก็ยังแสบร้อน แตกต่างจากมือของรีส ที่แม้แค่ลากผ่านเบาๆก็ยังคงรู้สึกดี มันทั้งเย็นทั้งวาบหวามบ่งบอกถึงความรู้สึกห่วงใยของคนที่สัมผัสจนขนลุกซู่

 

“อือ ไม่เป็นไร” น้ำตาที่คลอหน่วยนั้นหยุดไหลเพราะสัมผัสที่ได้มานั้นมันล้นอยู่ข้างใน ความรู้สึกของรีสถูกส่งผ่านมือเย็นๆนั้นมาอย่างแผ่วเบา แม้น้ำร้อนที่ลวกโดนแขนจะทำให้แสบร้อนจนอยากร้องไห้ แต่เพราะสัมผัสห่วงใยที่ได้มา ทำให้เฟิร์สเอาแต่มองตรงไปที่ดวงหน้าของรีสที่อยู่ใกล้ๆนิ่งงัน

 

“ขอโทษนะครับ... จุ๊บ!” รีสยังคงมองไปที่แขนของเฟิร์ส แขนมันแดงขึ้นเรื่อยๆ บวมจนเริ่มน่ากลัวในเวลาไม่นาน ในใจก็เอาแต่รู้สึกผิด และเป็นห่วง อยากจะให้เฟิร์สหายเจ็บปวดโดยเร็ว มือเย็นนั้นยังคงลูบด้วยสัมผัสที่แผ่วเบาไปเรื่อยๆ ลากไล้ผ่านแขนไปช้าๆให้ความเย็นจากปลายนิ้วทำให้เฟิร์สขนลุกซู่ รีสลากนิ้วเย็นๆไปจนสุดปลายนิ้ว แล้วลากกลับมา พร้อมกอบกุมมือเรียวเอาไว้ ดวงตายังคงมองจ้องไปไม่ลดละ มือที่กุมมือเฟิร์สและใบหน้าของรีสค่อยๆโน้มเข้าหากัน รีสค่อยๆบรรจงจุมพิตลงไปบนหลังฝ่ามือเรียวนั้นอย่างแผ่วเบา แล้วก็ละออกมา

 

“อ๊ะ!” เฟิร์สที่เอาแต่เบิกตากว้าง ร้องออกมาอย่างตกใจ กับสัมผัสเย็นๆแต่อบอุ่นหัวใจที่ได้รับมาจากรีส ไหนจะจุมพิตที่หลังฝ่ามือมันคงยังรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น จนใบหน้าของเฟิร์สนั้นเห่อร้อนขึ้นมา ใจของเขาเต้นโครมคราม ยิ่งเมื่อรีสที่ไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไรอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาสบมองนิ่งๆนัยน์ตาเหมือนจะบ่งบอกความรู้สึกในใจก็ยิ่งพาลให้เฟิร์สรู้สึกร้อนหน้ามากขึ้น เขาจึงรีบดึงมือกลับโดยอัตโนมัติ เบนหน้าออกไปด้านข้าง และยกมืออีกข้างของตนมากุมไว้เบาๆตรงที่โดนสัมผัสที่หลังฝ่ามือ

 

“...เดี๋ยวไปทำแผลกันดีกว่าครับ” ไม่นานรีสก็รู้สึกตัวว่าเผลอไผลทำอะไรตามใจ เขาทำอะไรไม่ถูกไปอีกครั้ง ทำได้แค่เบี่ยงสายตาหลบไปและลอบมองใบหน้าแดงๆที่เบนมามองเขาเป็นระยะๆเช่นกัน รอยยิ้มของรีสปรากฏอีกครั้งพร้อมกับใจที่อยากจะเต้นโครมครามแข่งกับเฟิร์ส

 

รีสเห็นว่าแผลของเฟิร์สดูท่าจะหนัก และเรียกหมอพอลมาไม่ได้ พวกเขาไม่ได้เจอกันมาสักพัก เพราะเหตุผลบางอย่างที่ยังเคลียร์ไม่ได้ รีสไม่มีเวลาให้คิดมากนัก เพราะยิ่งปล่อย อาการบวมแดงก็ยิ่งมากขึ้น แม้จะเอาน้ำแข็งประคบเรื่อยๆก็ตาม จนในที่สุดรีสก็ตัดสินใจพาเฟิร์สไปหาหมอที่ไกลออกไปจากตัวเมืองเพื่อหนีคนบางกลุ่ม แต่สุดท้ายเขาก็หนีไม่พ้นสายตาพวกมันอยู่ดี เมื่อรู้ว่าโดนจับได้รีสก็รีบพาเฟิร์สกลับทันที แม้จะหลอกล่อให้พวกมันหลงทางกัน แต่รีสก็ยังคงวางใจถึงความสามารถของพวกมันที่เขาประมาทมาแล้วไม่ได้ และรีสเอาแต่หนักใจเพราะเขาซ่อนเฟิร์สยังไงก็ยังไม่รอดพ้นจากพวกมันอยู่ดี ถ้าพวกมันรู้ว่าเขามีจุดอ่อนมันจะต้องเล่นงานเฟิร์สแน่นอน เห็นทีเขาจะต้องจัดการให้เด็ดขาด 

 

เมื่อกลับมาถึงห้อง เฟิร์สก็อยากจะอาบน้ำ จึงเอาถุงหุ้มไว้กันเปียก ด้วยความที่มีมือข้างเดียวก็เลยทำไม่สะดวก แถมเขายังเป็นคนถนัดขวาอีกด้วย เฟิร์สจึงได้แต่เก้ๆกังๆอยู่นานสองนาน  จนรีสทนไม่ไหวเดินเข้ามาช่วย แรกๆเฟิร์สก็ปฏิเสธแต่เพราะทำเองไม่ได้จึงต้องยอมโดยดี รีสอาสาจะช่วยถอดเสื้อผ้าให้โดยไม่คิดอะไรคิดแค่เพียงว่าเฟิร์สคงจะลำบากทำเองไม่ได้ แต่เฟิร์สกลับไปได้คิดแบบนั้นรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน แถมยังหน้าขึ้นสีแดงจางๆอีก

 

เฟิร์สที่เดินไปเข้าห้องน้ำ และบอกว่าจะถอดเสื้อข้างใน รีสก็ดันเดินตามมาด้วย และบอกว่าให้แช่น้ำในอ่างแทนการอาบฝักบัวทั้งๆที่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเฟิร์สตรงไหน และห้ามล็อกประตูอีก อ้างว่าเผื่อมีเรื่องฉุกเฉินเฟิร์สไม่เอาด้วยแต่เพราะรีสจะเข้าไปด้วยจึงได้แต่ปฏิเสธและยอมไม่ล็อกประตูแทน

 

เฟิร์สยกมือเจ็บด้านบน แล้วถอดเสื้อผ้า แต่เพราะยังเจ็บเลยติดๆขัดๆจนโดนแผลทำให้ร้องออกมา แต่ก็แค่เล็กน้อย และก็เสียงเบามาก รีสที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ไม่ยอมไปไหน และจะเข้ามาทุกครั้ง จนเฟิร์สถึงกับปาดเหงื่อ 

 

แต่พอคุยกันรู้เรื่อง เฟิร์สก็จัดการกับเสื้อผ้าตัวเองเสร็จและลงไปแช่อ่างเรียบร้อย รีสที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก็เบาใจ และยอมเดินออกไปนั่งรอที่เตียงนอน ซึ่งก็ตรงกับประตูห้องน้ำพอดี

 

“โอ๊ย” เสียงของเฟิร์สดังขึ้นมาอีกครั้ง จากที่เงียบไปนาน รีสที่นั่งอยู่ เด้งตัวเองขึ้นและรีบวิ่งไปดูทันที รีสเปิดประตูเข้าไปไม่ทันได้ถามก่อนเหมือนก่อนหน้า ก็เจอเฟิร์สที่กำลังโป๊เพราะลุกขึ้นยืนเร็วจะไปเพียงเพราะจะเอายาสระผมมาเท่านั้น จึงทำให้มือกระแทกโดนกำแพงจนร้อง รีสตะลึงและพูดไม่ออก ยืนนิ่งค้างอยู่ตรงประตูพร้อมกับมือที่จับลูกบิดเปิดอ้าไว้อย่างนั้น เฟิร์สที่หันมาเห็นรีสพอดีก็อึ้งค้าง

 

แต่ยิ่งนานเข้าเฟิร์สก็เห็นสายตารีสที่มองมามันเหมือนมีอะไรแอบแฝงแปลกๆซะจนเขาสั่นไหวในใจ มันทำให้เขาวูบวาบ รีสไล่สายตามองตั้งแต่บนลงล่างและค้างไว้ที่ต่ำกว่าสะดือ เฟิร์สที่มองตามสายตาที่ไล่มองช้าๆนั้นก็รู้ตัวว่าตัวเองโป๊ รีบยกมือปกปิดร่างกาย และฉวยหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กมาช่วยพรางสายตาแม้จะช่วยไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่เพราะฝืนเกินไป แขนขวาที่เป็นแผลบวมจนขยับเคลื่อนไหวลำบากนั้นตึงจนปวด จึงต้องร้องอีก และซวนเซจะล้มออกมานอกอ่าง

 

รีสเห็นจึงเข้าไปคว้าเอวตะคองกอดไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง ใบหน้าของเฟิร์สเหวออย่างตกใจ ผ้าที่ถือไว้ปกปิดร่างกายถูกปล่อยทิ้งเพื่อจับยึดรีสไม่ให้ตัวเองล้มลง ร่างกายโถมทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงบนตัวรีสที่เข้ามารับพอดี ตอนนี้ภาพของทั้งคู่เลยเหมือนคนที่โอบกอดกันกันและกัน เฟิร์สตัวแข็งค้างตาเบิกโตตกใจ ยิ่งเมื่อรู้สึกว่าน้ำจากตัวเขากำลังซึมผ่านเสื้อผ้ารีส และไอเย็นๆจากตัวรีสก็แผ่ออกมาจางๆ ยิ่งด้านหลังยิ่งรู้สึกถึง ฝ่ามือเย็นใหญ่ทั้งสองข้างที่คว้าหมับเข้าที่เอวและสะโพกเนียน แถมไม่นานมือนั้นก็ยังขยับลูบไล้ไปมาเบาๆ มันยิ่งทำให้สติเฟิร์สเปิดเปิง เฟิร์สดันกายตัวเองออกมาจกรีสโดยเร็ว แล้วนั่งลงในอ่างให้น้ำพรางสายตาพร้อมๆกับหันหลังให้รีสที่ยืนแผ่ไอเย็นอยู่ข้างหลัง เฟิร์สได้แต่ใบหน้าห่อร้อน ใจเต้นโครมครามจนมันแทบหลุดออกมา เขาเชื่อว่าหน้าของเขาตอนนี้คงต้องแดงมากแน่ๆ

 

“...เอ่อ เฟิร์สเป็นอะไรรึเปล่าครับ” รีสที่เงียบไปนาน หลังจากคุมสติไม่ให้เตลิดออกจะเข้าไปสัมผัสเฟิร์สมากกว่านี้ได้ แต่ยิ่งมองเขาก็ยิ่งเตลิด รีสก้มลงนั่งยองๆยื่นหน้าเข้าไปกระซิบถามใกล้ๆหูเฟิร์สอีกครั้ง

 

“เฮือก! มะ ไม่ ไม่เป็น แค่อยากจะสระผม” เฟิร์สตาเบิกกว้างอีกครั้ง ใจเขาเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา รีสเป็นแบบนี้อีกแล้ว จุดอ่อนของเขาคืบในหู ยิ่งโดนแบบนี้ก็ยิ่งเข่าอ่อน เฟิร์สลิ้นพันกันพูดผิดพูดถูก ขนลุกซู่ จนต้องห่อตัว และขยับถอยห่างออกจากรีสโดยไม่หันไปมองหน้าเพราะกลัวรีสจะรู้ว่าเขารู้สึกยังไง

 

“มือเฟิร์สยังเจ็บ งั้น...เดี๋ยวรีสช่วย” รีสพูดขึ้นเบาๆอีกครั้ง เขายังไม่ลุกจากตรงนั้น ซึ่งก็ไม่ได้ห่างจากเฟิร์สไกลเลย น้ำเสียงของรีสแหบพร่าจนเฟิร์สใจสั่น เม้นปากเข้าหากัน นิ้วเกร็งเพราะความวูบไหวในน้ำเสียง

 

“มะ ไม่ ไม่เป็นไร” เฟิร์สพูดปฏิเสธอีกครั้ง แต่ก็ช้าไป รีสลุกขึ้นจากตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถมยังไปเอายาสระผมมาไว้ข้างๆเรียบร้อยแล้ว

   

“เฟิร์สครับ ขยับมานั่งตรงนี้สิ” รีสขึ้นไปนั่งตรงขอบอ่าง เอ่ยเรียกเฟิร์สด้วยน้ำเสียงแบบเดิม ยิ่งทำให้เฟิร์สสยิวเข้าไปใหญ่ เฟิร์สได้แต่นิ่งค้างไม่ยอมขยับไปอย่างที่รีสบอก จนรีสที่กำลังอมยิ้มใบหน้าเปื้อนสุข ก็เอื้อมมือลงไปใต้น้ำและคว้าหมับเข้าที่เอวบางๆของเฟิร์สทันที

 

“อ๊ะ!” เฟิร์สสะดุ้ง แต่ก็ไม่สามารถขัดขืนได้เลย ได้แต่โอนอ่อนตามที่รีสชักนำ ขาแข้งอ่อนแรงยวบยาบยิ่งกว่าขี้ผึ้งรนไฟ แม้ว่ารีสจะไม่ได้ทำอะไรมาก แต่เพราะหัวใจที่หวั่นไหว ยิ่งทำให้เฟิร์สต้านทานความหวาบหวามนี้ไม่ได้เลย

 

“นั่งตรงนี้นะครับ พิงมาที่รีสเลย” รีสยกเอวบางขึ้นเหนือน้ำ แล้วจับให้นั่งลงติดขอบอ่างที่ตนอยู่ ขารีสลงไปแอยู่ในน้ำตั้งแต่ลงไปจับอุ้มเอวบางนั่นขึ้นมา ผิวเนียนลื่นมือและขาวใสของเฟิร์สปรากฏต่อสายตาของรีสเต็มๆ รีสไม่อยากปล่อยมือออกจากตรงเอวคอดนี้เลย เขายังคงไล้วนอยู่อย่างนั้น จนเฟิร์สเริ่มท้วง เพราะรีสที่กำลังเตลิดเริ่มไล้มือลงต่ำเกินไป

 

“ฮึ่ม...สระผม นะครับ” รีสครางฮือในลำคออย่างอดกลั้น รีบปล่อยมือออกจากเอวบางที่ดึงดูดนั่น แล้วขยับเฟิร์สให้นั่งตรงๆอีกครั้ง รีสค่อยๆเหยียดขาออกให้ยาวไปในอ่างน้ำ ขยับเบาๆเพื่อให้ศีรษะของเฟิร์สที่จับพิงมาเอนทับไว้ได้

 

“ ดะ เดี๋ยวเสื้อผ้านายจะเปียก ฉันว่า ฉันสระเองดีกว่านะ” เฟิร์สผงกหัวขึ้นจากขาแกร่ง แล้วพูดเบาๆโดยที่ไม่ได้มองหน้าตรงๆ เพราะทำไม่ได้ หน้าเขาเห่อร้อนจนแทบระเบิดอยู่แล้วในตอนนี้ แล้วยิ่งถ้ารีสสระผมให้อีก เขาก็ต้องเงยหน้ามองหน้ารีส แล้วเขาจะทำหน้ายังไง

 

“ไม่เป็นไรครับ รีสเต็มใจ” รีสระบายยิ้มอ่อนๆ ดวงตามองสบไปยังดวงตาของเฟิร์สที่สู้ไม่ไหวจนต้องหลบสายตาไป รีสประคองศีรษะเฟิร์สให้นอนลงบนขาตัวเองอีกครั้ง เฟิร์สก็ไม่ขัดขืนอีกเอาแต่นอนนิ่งๆ ใบหน้าแดงจนสุก เม้มปากแน่น และเบนสายตาไปมองทางอื่นแทน รีสเห็นแบบนั้นก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น เขาเอื้อมมือไปหยิบฝักบัวมาเปิดน้ำเบาๆแล้วลูบไล้ให้น้ำชโลมลงบนผมของเฟิร์สและคอยกันไม่ให้เข้าตาอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็บีบยาสระผมลงบนฝ่ามือตนเองและชโลมลงที่เส้นผมนิ่มสีดำอย่างเบามือที่สุด รีสค่อยๆนวดคลึงและลูบไล้ยาสระผมไปทั่วศีรษะเฟิร์สอย่างอ่อนโยน จะมีบ้างที่เฟิร์สแอบเหลือบสายตามามองรีสแต่ก็ต้องหลบตาไปทุกครั้งเพราะรีสมองอยู่ตลอดเวลาแถมดวงตาสีแดงคู่นี้ก็ดูร้อนแรงจนทำให้เฟิร์สยิ่งใจเต้นแรงแปลกๆ

 

...

 

หลังจากนั้นไม่กี่วันแขนเฟิร์สก็เริ่มดีขึ้น จะเหลือก็แต่บริเวณฝ่ามือที่คว้าเอาหม้อน้ำเข้าอย่างจังเลยยังบวมแดงและแสบอยู่ แต่เฟิร์สก็สามารถทำเองได้สะดวกขึ้น แต่ก็ยังคงรบกวนรีสตอนเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ เฟิร์สนั้นรู้สึกแปลกๆกับใจตัวเองขึ้นทุกวัน ยิ่งเข้าใกล้รีสเข้ายิ่งใจเต้น หน้าร้อนจนแดง ตื่นเต้นจนสั่นทำอะไรแปลกๆไปหมด และยังไม่กล้าสบตา เวลามองดวงตาสีแดงทรงเสน่ห์นั้นทีไร มันเหมือนจะดึงดูดให้เขาหลงใหลจนเผลอตัวทุกทีไป

 

“เฟิร์สครับ เปลี่ยนผ้าพันแผลครับ” ครั้งนี้ก็เหมือนกัน หลังจากเฟิร์สอาบน้ำเสร็จรีสก็จะมารอเขาที่เตียงพร้อมกับกล่องพยาบาลเพื่อรอเปลี่ยนผ้าพันแผลให้กับเขา ฟิร์สจึงเดินไปหาพร้อมกับนั่งลงข้างๆด้วยความเคยชิน เพราะถึงปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์แถมรีสยังทำให้เขาต้องใจเต้นแปลกๆด้วย เช่นวันก่อนที่เขาไม่ยอมรีสก็เดินดุ่มๆเข้ามาหาตอนแรกคิดว่าโกรธเลยหลับตาปี๋ยอมรับชะตากรรม แต่เปล่าเลย รีสเดินมาอุ้มเขาขึ้นแล้วมาวางยิ่งพอเฟิร์สดิ้น รีสก็แกล้งกระซิบข้างๆหูทุกครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเกร็งไม่ค่อยกลัวเวลาได้อยู่ใกล้ๆแล้วก็เถอะ แต่มันกลับไม่ดีต่อใจกว่าแบบก่อนซะอีก

 

รีสยกมือเฟิร์สขึ้นมาแกะผ้าพันแผลอันเก่าออกหลังจากเปิดกล่องพยาบาลเช็คยาเรียบร้อย เขาค่อยๆปลดผ้าเก่าออกจนหมด จากนั้นก็หยิบยาทาขึ้นมาบีบและนวดคลึงที่แผลบวมแดงเบาๆ

 

“แสบ ร้อนๆ ยาอะไรยิ่งทายิ่งร้อน ฉันไม่ทาแล้วได้มั้ยรีส” เฟิร์สบ่นแสบแผลจากยาทาตัวหนึ่งที่มันทำให้รู้สึกแสบร้อนขึ้น  จนใบหน้าเฟิร์สเหยเก รีบเอ่ยขอรีสอย่างเอาแต่ใจ เวลาเจ็บคือเวลาที่เขาอ่อนแอที่สุด เขาไม่ลังเลเลยสักนิดถ้าเขาจะต้องอ้อนวอน

 

รีสมองหน้าเฟิร์สที่บิดเบี้ยวด้วยความแสบร้อน และท่าทางที่อ้อนเอาแต่ใจที่เขาไม่เคยเห็นของเฟิร์สที่คงจะลืมตัว รีสลอบมองไปยังใบหน้าย่นยู่นั่นแล้วระบายยิ้มออกมาอ่อนๆ รีสวางยาและผ้าลงกับพื้นเตียง จากนั้นก็ค่อยๆช้อนเอามือนั้นขึ้นมากุมไว้ และหันเข้าตัวเอง เฟิร์สที่เพิ่งได้สติและกำลังแปลกใจที่รีสกำลังทำ ก็ได้แต่มองตาม และกังวลจะชักมือกลับ แต่สุดท้ายรีสก็แค่เอามือของเฟิร์สไปวางไว้ที่หน้าอกตัวเองให้มือนั้นแบแล้วทาบทับลงไปบนอกแกร่งรับรู้ความเย็นที่กำลังแผ่ซ่านไหลเวียนอยู่ในกายรีส พร้อมซ้อนทับกุมมือเรียวไว้ด้วยมือของตัวเองอีกชั้นหนึ่ง พร้อมถามเบาๆทั้งที่ดวงตาจ้องมองอย่างมีเลิศนัยน์

 

“ไม่ร้อนแล้วนะครับ…”

 

เฟิร์สก็ได้แต่หน้าห่อร้อนอีกครั้ง หันมองไปทางอื่นอยู่นาน จนรีสเลิกแกล้งเอามือลงมาทำแผลให้อีกครั้ง แต่ก็ไม่วายดวงตาสีแดงคู่นั้นก็ยังมองสบไม่หลบสายตาไปไหน จนเฟิร์สที่รู้สึกร้อนหน้าหนักเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีทุกทีไป

 

...

 

ริงงงงงงง ริงงงงงงง

 

จู่ๆก็มีสายเรียกเข้าดังเข้ามาในเย็นวันหนึ่ง รีสลุกเดินออกไปรับสายที่ระเบียงห้อง ไม่ให้เฟิร์สที่นอนเล่นอยู่ได้ยิน

 

“รีส เมื่อคืนก่อนมีคนรอบทำร้ายนายด้วยใช่มั้ย” เสียงของหมอพอลดังรอดมาด้วยความรีบร้อนเมื่อรีสกดรับสาย

 

“!! พี่รู้ได้ยังไง หรือว่า...” รีสนิ่งอึ้งไปสักพัก เรื่องที่เค้าโดนทำร้ายมาเมื่อคืนก่อนไม่มีใครรู้เรื่อง และเขาก็ไม่คิดว่าจะเป็นพวกของดร.แต่ดูเหมือนเขาจะคาดการณ์ผิดไป ดร.อันตรายกว่าเขาคิดไว้ เพราะพวกที่ทำร้ายเขาคืนนั้น มีอาวุธหนักครบมือแม้แรกๆจะทำท่าทางเหมือนพวกติดยาละแวกนั้น แต่พอเขาเผลอพวกมันกลับแทบจะฆ่าเขาตาย จะเรียกว่าโชคดีรึเปล่าที่เขาคุมพลังไม่ได้แล้วทำลายพวกมันไปเกือบหมด จากนั้นสติก็เรียกร้องให้กลับมาหาเฟิร์สที่คอนโด พอเจอเฟิร์สที่นอนหลับอยู่ถึงได้รีบวิ่งเข้าไปทำความสะอาดร่างกาย แต่ก็เพราะเขาประมาทไม่ได้คิดให้รอบคอบจนทำให้เฟิร์สตกใจกลัว

 

“ใช่! พี่ได้ยินดร.คุยกัน นายระวังตัวไว้ก็ดีนะ หลังจากที่นายทำให้คนของพวกนั้นที่คอยจับตาดูนาย หายสาบสูญ แล้วไหนจะกลุ่มคนที่รอบทำร้ายนายบาดเจ็บสาหัส บ้างคนก็หายไป บางคนถึงกับเสียสติ ดร.ไม่ปล่อยนายไปแน่ ตอนนี้พี่รู้แค่ว่าดร.กำลังทดลองผลิตอะไรขึ้นมาบางอย่างเพื่อใช้จัดการกับนาย เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ระวังตัวดีๆ แล้วก็ช่วงนี้อย่าติดต่อมาหาพี่ดร.เริ่มสงสัยแล้ว ไว้พี่จะติดต่อไปเอง อ๊ะ! แค่นี้ก่อนนะ!” หมอพอลพูดมาอย่างรนๆ น้ำเสียงเหมือนระแวงอะไรบางอย่าง จากนั้นก็เหมือนจะตกใจอะไรแล้วก็วางสายไปอย่างรีบร้อน รีสก็ได้แต่มองมือถือในมือตนนิ่ง ขออย่าให้พี่หมอเป็นอะไรไป อย่าเอาชีวิตมาเสี่ยงเพราะเลือกช่วยปีศาจแบบตนอีก

 

รีสมองตรงเข้าไปที่ห้องนอนเห็นเฟิร์สหลับไปแล้ว แต่ยิ่งมองยิ่งรู้สึกปวดหนึบ เขาไม่อยากให้ใครมาเสี่ยงชีวิตเพราะเค้าอีก โดยเฉพาะเฟิร์ส คนที่เขาห่วงยิ่งกว่าใครในตอนนี้ เขาไม่อยากปล่อยมือไปจากเฟิร์ส แต่ก็ต้องทำเพราะความปลอดภัยในอนาคตข้างหน้า ถ้าเรื่องของดร.ผ่านไปหมดเมื่อไหร่ เขาจะปล่อยเฟิร์สไป และเขาจะหายไปพร้อมกับปีศาจทุกตัว เฟิร์สจะปลอดภัย

 

“อีกไม่นาน ผมจะให้อิสระแก่คุณ ดวงใจของผม”





...



แอบมาแต่งให้อ่าน เว้นว่างจากการอ่านหนังสือเครียดๆ มาเครียดเพราะกลัวเขียนให้ทุกคนไม่ถูกใจ

จริงๆไร้ไม่ถนัดบทหวานๆเลยเหอะ แต่รู้สึกแบบว่า แต่งไปเขินไป ไม่รู้คิดเหมือนเค้าป่าวน้อออ



ตอนท้ายๆตอนนี่ไม่น่ามาอยู่ขัดอารมณืฟินเลยว่ามะ 555 แต่ไรท์เห็นว่ามันสั้น เลยเอาปัญหาใหญ่ในภายภาคหน้ามาให้อ่านกัน


ขอบคุณทุกแรงเชียร์แรงใจ ยิ่งคอมเม้นยิ่งต่อยอดเป็นใจฮึดมากเลย แอบมาแต่ง อิอิ


ตอนต่อไปนี่อาจจะช้าจริง เริ่มสอบแล้ว หวังว่าจะรอกันอยู่น้า

...

เฮ้ยๆๆรีสสสส หัวใจเต้นหว่ะ มีลุ้นจะกลับคืนเป็นคนเหมือนเดิมปะวะ ความรักทำให้ใจเต้นเว้ย เฟิร์สมาอ้อนรีสหน่อยเร็ว ทดลองๆเผื่อใช่จะได้ใช้ใจรักษา เบ้ยส์ 555 ตามจริงเป็นปีศาจก็เท่ห์นะ มากเลยละ แต่อยากให้รับรู้สัมผัสหรือกินปกติได้ไรงี้ //เป็นไงเฟิร์สจ้องหุ่นรีสเคลิ้มเลย หลงแล้วใช่ไหมละ แค่มองยังใจสั่น บอกแล้วรีสอย่างเท่ห์ 555//ปีศาจอมตะชัดๆ ฟันแทงยิงเข้าแต่ไม่ตาย แผลหายเองโคตรเจ๋ง เป็นใครก็เบิกตาค้างอะเจอแบบนั้น ดีที่เฟิร์สไม่กลัวอย่างที่คิด หูยยยยยยยยดีไปอีก //เฟิร์สสับสนอย่างแรง บอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูกเลยทีเดียว แค่อยากรั้งไว้ก่อน แต่พอตอนท้าย เจอ "รีส...คิดถึงเฟิร์สมากนะครับ" โว้ยยยยยยยยยยยยย ไม่ใช่เฟิร์สคนเดียวที่เข่าอ่อน กูนี่มวนตัวอยู่สามตลบ ปากฉีกยิ้มมอย่างกว้างงงงง มือปิดหน้า ไอ่หยา กูอายกูเขินนนนนนหนักกกมากกกกกกกกกกกก สัส!!!!!!! 55555555 ฉากจุ๊บนี้นะมันแบบสองคนเขาโหยหากันมาก เราก็เอ้อ กูก็โหยหาอยากเห็นหวานบ้าง มาเจอฉากนี้แบบ ดีกับใจจริงๆ รีสไอ้บ้า แกเล่นเฟิร์สกับฉันแล้วไหมละ 55555 //เฟิร์สสสน่ารักมากกก เรียบๆเคียงๆทำตัวรีบๆกล้าๆกลัวๆสั่นๆสู้ๆ 555 จนได้คุยปรับความเข้าใจกัน เออดีอ่ะ เคลียร์ให้รู้เรื่อง เริ่มคุ้นชินหวาดหวั่นน้อยลง แต่หวั่นไหวด้วยใจมากขึ้นนน เลิกสับสนนะเฟิร์ส 555555 //เฟิร์สก็รับรู้เรื่องทุกอย่างของรีสแล้ว อยู่กับรีสนะเฟิร์ส เวลาที่เฟิร์สมองตารีสแล้วรู้สึกมันว่างเปล่า ดูเศร้า เราก็ปวดหนึบหน่วงใจไปกับรีส TT //ว่าแต่รีสไปทำไรมา ไปต่อสู้กับใครถึงได้แผลเหวอะแหวะมาแบบนั้น ใครบังอาจมาแหย่ปีศาจว่ะ ไม่เป็นศพแล้วหรอปานนี้ หรือว่าที่แผลหายเร็วเพราะกินคนมา 555555555 โอ๊ยยยยสนุกกอ่ะ รอลุ้นต่อไป #รีสเฟิร์ส จะยังไงอะไรทำไมต่อ รอออออออ กลั้นใจไว้เกือบนานกว่าจะเข้ามาอ่าน กลัวจบเร็ว แล้วจะรอนาน เลยมาอ่านช้า 555555 ตอนนี้ดีจริงๆ เขินประโยคนั้นไม่หาย กระซิบชิดหูบอกคิดถึง กูตาย เฟิร์สยังมีชีวิตอยู่ไหม รีสแม่ง 555555 //เห็นว่ามีสอบขอให้โชคดีนะคะ ว่างๆค่อยมาแต่งและอัพต่อค่ะ ยังไงก็รอ กำลังคิดว่าอยากจะรีรีดอีกรอบ รองานซาก่อน อ่านแน่ๆอ่ะ ชอบรีส 5555555 // :pig4:
ว้าวๆ มายาวอีกแล้ว ชอบจังเลยค่าาาา //แอบคิดว่าหายไปไหน 555 รักน้า :mew1:

แบบว่าอย่าว่าแต่เฟิร์สเขินเลย ไรท์เองก็เขินเขียนไปยิ้มไป คนข้างๆนี่เหล่ถามเลย มันต้องยิ้มขนาดนั้นป่ะวะ บ้าป่าว 555 พวกนี้มันไม่เข้าใจเลย

รีสเท่ห์มากเลยเนอะ ไรท์รักไรท์หลงพอๆกัน 555  เฟิร์สนี่กน่ารักขึ้นทุกวัน

ตอนนี้เลยจัดไปเบาๆ เอาหวานนิดดดดด ไม่ต้องดาร์กมาก แต่ก็ดันตอนจบมาดาร์กอีก 555 จะดาร์กมั้ยถามใจดู เอ้ย ไม่ใช่ รอตอนต่อไปนะค้าา มันจะมาพร้อมปัญหาใหญ่รึเปล่าน้อ

ขอบคุณที่เม้นนะคะ ตอนนี้ยังไม่สอบแอบเอามาลงให้อ่าน แต่รอบหน้านี่จะพยาบาลแอบๆมาแต่งให้อ่านกันนะคะ รอเค้าน้าาาา  :กอด1: :กอด1:



 

 

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
คิดว่าจะปล่อยแล้วหายไปง่ายๆหรอรีส เห๊อะ เฟิร์สไม่ยอมมมหรอกกกกกก ใช่ไหมเฟิร์สสสสส โฮรรรไม่นะ *ส่ายหัวรัวๆ* //ดร.ไอ้บ้านี่ท่าจะกัดไม่ปล่อยง่ายๆหว่ะ เล่นยากด้วย อาวุธยาและคนก็เยอะ ถึงจะราชาปีศาจก็มีพลาดอ่ะ เฮ้ย!! ไมเคิลมาช่วยรีสทีดิ เดี๋ยวช่วยเรื่องเชน (ช่วยให้ได้กันเร็วขึ้นอะสิ 555) //ฉากทำแผลน้ำร้อนลวก อาร๊ายยยอะไรมันจะอ่อนโยนละมุนอบอุ่นเบอร์นั้นรีส *จุ๊บมือ* เขาอ้อนไม่อยากทายา เอามือทาบหน้าอก “ไม่ร้อนแล้วนะครับ…” เชรดดดดดดถึงกับสตั้นไป 3 วิ เหี้ยคิดได้ไง เขินนนหนักมาก555  :o8: //แล้วอะไรในห้องน้ำ อาบน้ำสระผม คือ พวกมึงค่ะ ทนกันได้ไงงงว่ะ เจอไปแบบนั้น กูนี้จะแตกแทนอยู่แล้ววว(ใจแตก) นั่งเลือดกำเดาไหล 555 อารมณ์ต่างคนก็มาแล้วนะ แต่ทนกันจั๊ง 5555 //รีสชอบแกล้งเฟิร์สให้เตลิดตลอด รู้จุดอ่อนเขาอะเด่ กระซิบริมหูไรงี้ 555 ได้ผลดีด้วยนะ หูแดหน้าแดง เขินไปอี๊กเฟิร์ส น่ารักอ่ะ 55 //โอ๊ยๆๆๆ รีสจะเจอไรบ้างเนี้ยจะรอดไหม ต้องรอดดิ(มั้ง) เฮ้ยๆแอบหวัง 555 เครียดแทน ยิ่งดร.ห่านี่ทดลองอะไรใหม่ด้วยก็ไม่รู้ เดี๊ยะๆมึง เจอราชาปีศาจไป Dr.จะกลายเป็น Dog หรอก 55555555 มาแหยมรีสตรู  :z6: //สนุกกกกกกกคร้ามาเท่าไหร่ก็สนุก ยังรอเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคืออ่านวนไปค่ะ 5555  :katai4: :katai2-1: o13 ไฟท์ติ้งกับทุกสิ่งอย่างค่ะ ฮึบ!! 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2016 00:33:27 โดย blove »

ออฟไลน์ rosetears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากให้รีสกับเฟริส์อยู่ด้วยกัน แอบมีความละมุมและมีความหน่วง *-* เริ่มสงสารทั้งคู่
#โชคดีกับการสอบนะคะไรท์

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk

Me die
34 : สารภาพ


คำว่า จะปล่อยมือจากไป พูดง่าย แต่ทำได้ยาก

วันนี้หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จทั้งคู่ก็มานั่งอยู่ด้วยกันที่โซฟาตัวเดิมและเปิดทีวีไว้ทำลายความเงียบ ก่อนเฟิร์สจะเป็นฝ่ายเปิดปากชวนคุย

"รีส ฉันขอออกไปข้างนอกบ้างได้รึเปล่า"จู่ๆเฟิร์สเอ่ยขอแทรกเสียงทีวีที่ทั้งคู่เปิดไว้เฉยๆขึ้นมา ทั้งที่ดวงตาก็เอาแต่จ้องจอทีวีนั้นทั้งที่ไม่ได้ใส่ใจจะดู ใจก็ตื่นเต้นมือไม้อยู่ไม่สุก เพราะรู้ทั้งรู้ว่ารีสไม่ให้ออกไปไหน แต่ก็ยังเสี่ยงที่จะขอ

"ไม่ครับ เดี๋ยวเฟิร์สออกไปแล้วเกินอันตรายขึ้นจะทำยังไง ไมเคิลก็ยังวนเวียนอยู่ เฟิร์สไม่กลัวหรอ" แต่รีสก็ไม่ให้ออกไปอยู่ดีและบอกเรื่องที่เฟิร์สจะเป็นอันตราย โดยอ้างเรื่องไมเคิลมา แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเฟิร์สรู้จากพี่หมอพอลแล้วว่าตอนนี้ไมเคิลไม่มีทางทำอันตรายเขาและรีสถ้ายังไม่ชดใช้บุญคุณแม้จะอยากทำมากก็ตาม

"ฉันรู้เรื่องของไมเคิลแล้ว...จากพี่หมอ" เฟิร์สละจากหน้าจอหันมามองเสี้ยวหน้าของรีสที่ยังคงมองตรงไปที่จอ แล้วพูดออกมาเบาๆอย่างกลัวว่าตนจะโดนว่า ใจก็เต้นไม่เป็นส่ำเพราะการที่เขาพูดเถียงเรื่องนี้ขึ้นมาทำให้รีสเริ่มไม่พอใจ ไอเย็นๆจากตัวของรีสไหลออกมาจางๆจนสังเกตเห็น แล้วเท่าที่เฟิร์สรู้คือตอนนี้รีสกำลังอารมณ์แปรปรวน

"ครับ ผมก็คิดว่าเฟิร์สรู้แล้วว่าเขาไม่มีทางทำร้ายเฟิร์สอีก แต่ยังไงผมก็ยังให้เฟิร์สออกไปไม่ได้" รีสยังคงนั้งนิ่งๆดวงตาจ้องไปที่ทีวีไม่หันมา ไอเย็นจากตัวก็พวยพุ่งออกมามากขึ้น ตามแรงอารมณ์ แม้จะพยายามข่มไว้ แต่รีสนั้นไม่ได้โมโหอย่างที่เฟิร์สเข้าใจ เพียงแค่รู้สึกหนักใจที่จะอธิบายเหตุผลที่ไม่ให้เฟิร์สออกไปข้างนอก เพราะมันยังไม่ปลอดภัย

"ทำไมล่ะ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้ออกไปข้างนอก..." เฟิร์สเริ่มคิ้วขมวดทำหน้าง้ำงอไม่พอใจใส่รีส แต่ก็พลันหายไปแล้วสะดุ้งเบาๆเมื่อจู่ๆรีสก็หันหน้ามาจ้องเฟิร์สนิ่ง ไอเย็นก็พวยพุ่งออกมามากขึ้น ใจเฟิร์สเริ่มเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น รีสจ้องหน้าเฟิร์สนิ่งๆสักพักๆแล้วพูดออกมาท่าทางจังจังจนเฟิร์สนิ่งไป

"ผมเป็นห่วงเฟิร์ส...จนกว่าผมจะแน่ใจว่าเฟิร์สไม่มีอันตราย ถึงไม่มีไมเคิล แต่ผม...ยังมีพวกของดร.ตามอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้พวกนั้นรู้แล้วว่าเฟิร์สอยู่กับผม ผมไม่อยากให้เฟิร์สกลายเป็นเหยื่อล่อผมออกไปอีก รอเวลาอีกนิดนะครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย จากนั้นผมจะปล่อยเฟิร์สให้เป็นอิสระ"

เฟิร์สเงียบไปนานเมื่อได้ยินคำจากรีส สายตาที่จ้องมาดูจริงจังจนน่ากลัว คำว่าอิสระที่เขาอยากได้ยินมานาน แต่เมื่อได้ยินตอนนี้เขากลับไปรู้สึกยินดี ภายในใจรู้สึกหวิวๆ ลำคอแห้งผากจนรู้สึกว่าน้ำตามันอยากจะไหลออกมาระบายความอัดอั้นนั้นออก แล้วค่อยๆถามกลับไปบ้าง

"ปล่อยฉันให้เป็นอิสระ หมายความว่ายังไง นายจะหายไปตลอดกาลงั้นหรอ รีส..." เฟิร์สถามออกมาเสียงสั่น จ้องตรงไปยังดวงตาสีแดงของรีสที่จ้องมานิ่งๆ น้ำใสๆเริ่มคลอในหน่วยตาของเฟิร์สจนมองหน้ารีสแทบไม่ชัด ทั้งที่เขาไม่อยากให้มันออกมา เพราะแทนที่เขาจะดีใจแต่เขากลับรู้สึกเคว้งคว้างจนหายใจผิดจังหวะ
 
"...ครับ ถึงผมจะไม่อยากปล่อยมือจากเฟิร์สไปก็ตาม" รีสพูดมันออกมาช้าๆ แล้วหันหน้ากลับไปมองทีวีนิ่งงัน ไม่อยากจะสบมองไปยังดวงหน้าเฟิร์สที่กำลังเจ็บปวด ดวงตาสั่นระริกมีน้ำใสๆคลอเต็มจนแทบจะล้นออกมาจนดูน่าสงสาร ยิ่งเห็นใบหน้าเฟิร์สแบบนั้นเขาก็ยิ่งเจ็บแปร๊บภายในใจและไม่อยากจะตัดใจจากเฟิร์ส จึงทำได้แค่เบี่ยงหน้าหนีไปมองอย่างอื่น แม้ว่ารีสจะหันมาแต่เขาก็ยังคงเห็นเฟิร์สที่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หยดลงมาทิ้งไปแล้วสะอื้นไห้เงียบๆ

ทั้งคู่เอาแต่เงียบใส่กันไปพักใหญ่ มีแต่เสียงของทีวีดังแว่วมา กับใจของทั้งสองคนที่กำลังเจ็บปวด ใจที่เริ่มหวั่นไหวและความสุขที่หลอมละลายก่อนหน้าหายวาบไปทันทีเมื่อได้ยินคำว่าปล่อยมือทิ้งกันให้ห่างหายจากกันไป

"รีส...นายคิดยังไงกับฉัน" เฟิร์สที่เงียบไปนาน เอาแต่ก้มหน้านั่งมองมือตัวเอง ในหัวมีแต่คำพูดของหมอพอลที่เอาแต่พูดว่ารีสนั้นรู้สึกกับตนแบบไหน แต่เมื่อได้ยินรีสบอกว่าจะปล่อยไป มันทำให้เขาไม่ดีใจเอาซะเลย แถมน้ำตาบ้าๆจากตาของเขามันดันตอบรับดีเกินเหตุจนไหลออกมา จู่ๆเฟิร์สก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ปาดน้ำตาบนหน้าทิ้งกัดปากแน่น แล้วเผยริมฝีปากถามคำถามออกไป

รีสยังคงเงียบไม่พูดออกมา เฟิร์สเอาแต่กำมือแน่นก้มหน้ามองลงพื้นไม่กล้าเงยหน้า ทั้งตื่นเต้นทั้งสับสนและหวาดกลัวในคำตอบที่รีสจะตอบออกมา ไม่รู้ว่าทำไมแค่คำถามง่ายๆแบบนี้เขาถึงอยากจะรู้คำตอบมากกว่าอิสระที่เคยอยากได้

จู่ๆรีสก็ลุกขึ้นจากโซฟาเงียบๆ เฟิร์สใจหาบวูบ หน้าซีดเผือดอย่างผิดหวัง ไมทันได้มองตามไป เอาแต่ก้มหน้ากัดปากแน่นจนเลือดออก กลั้นเสียงและน้ำตาเพราะไม่อยากให้มันดังลอดไปให้รีสฟัง เขาได้แต่โทษตัวเองที่คิดมากไปเองหวั่นไหวไปเองและเอาคำพูดเอาความอ่อนหวานใจดีและเป็นห่วงต่างๆมาคิดมาก จนเกิดความรู้สึกดีๆ ทำให้สับสนแทบบ้า สุดท้ายเขามันก็แค่คิดไปเอง ไม่นานอิสระที่อยากได้ก็จะมาอยู่ตรงหน้า พร้อมกับชีวิตปกติที่ไม่เคยรู้จักผู้ชายที่ชื่อรีส

ไม่นานรีสก็เดินกลับมานั่งคุกเข่าให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกันกับเฟิร์สที่กำลังก้มหน้าจมอยู่กับความคิดตัวเอง รีสจ้องมองเฟิร์สอยู่นานพร้อมๆกับเสียงทีวีที่เงียบไป รีสค่อยๆยกมือเย็นของตนนั้นมาจับมือของเฟิร์สพร้อมบีบเบาๆให้คลายการเกร็ง อีกมือก็ช้อนดวงหน้าของเฟิร์สที่กำลังตกใจขึ้นมองสบ ดวงตาสีแดงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเฟิร์สที่กำลังไหวสั่น ดวงหน้าของเฟิร์สนั้นเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา ดวงตาเริ่มปูดบวม สะอื้นเบาๆ ริมฝีปากผลิแตกจากการที่เฟิร์สขบกัดมันแน่น

รีสไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเวลาที่เฟิร์สร้องไห้นั้นจะน่าสงสารถึงเพียงนี้ แม้ว่านี่จะแค่ร้องไห้เงียบๆก็ตาม เขาเอาแต่นึกถึงเรื่องเมื่อก่อนที่ได้ทำร้ายเฟิร์ส แม้ว่าเฟิร์สจะร้องไห้ ทรมานแทบหยุดหายใจ ร้องขอให้เขาเลิกทำร้ายมากมาย แต่เขาก็เอาแต่ใจร้ายไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของเฟิร์สมาก่อนเลยเอาแต่สะใจที่ได้เอาคืน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าความใจร้ายของตัวเองจะย้อนกลับมาทำให้ตัวเองต้องเจ็บมากมายขนาดนี้ ในใจของรีสนั้นปวดหนึบ อยากจะเอ่ยขอโทษให้มากกว่านี้อีกล้านๆครั้ง อยากจะไถ่โทษให้เฟิร์สอีกหลายๆหน เขาไม่อยากปล่อยมือเฟิร์ส อยากจะทำอะไรหลายๆอย่างไปด้วยกันกับเฟิร์ส ใจของเขานั้นอยากจะผูกมัดอยากจะครอบครองถะนุถนอมและดูแล ไม่อยากจะปล่อยเฟิร์สไปอีกแล้ว เขายอมแล้ว ยอมสิ้นทุกอย่าง เพียงเพื่อได้รักเฟิร์ส เขาจะบอกความในใจออกไปให้เฟิร์สได้ยิน และจะพร่ำบอกทุกครั้งแม้เขาไม่เรียกร้อง แต่ถ้าบอกไปแล้วเฟิร์สไม่ยอมรับมัน เขาก็ยินดี แม้ว่าเฟิร์สอยากให้เขาตายจากไปก็ยอม

“…รีสรักเฟิร์สนะครับ"

ดวงตาที่ไหวสั่นของเฟิร์สรื้นไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง หยาดใสหยดแล้วหยดเล่าไหลลงตามแก้มใสท่วมใบหน้า เฟิร์สรีบยกมือขึ้นปาดมันออกโดยไว เพราะต้องการมองหน้าคนใจร้ายที่บอกรักเขาแต่จะทิ้งเขา เฟิร์สสะบัดมือที่รีสเกาะกุมอยู่ออกแล้วทุบลงที่บ่าเย็นของรีสรัว อีกมือก็ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาทิ้งไปร้องไห้สะอึกสะอื้น ตอนนี้เฟิร์สรู้แล้วว่าหัวใจเขาอยากได้อะไร มันไม่ใช่อิสระ แต่มันคือการถูกผูกมัดโดยผู้ชายคนนี้

"ฮึก! งั้น...ก็ไม่ต้องปล่อยสิ! ไอ้บ้า ไอ้ปีศาจบ้า ไอ้บ้ารีส ฮือ ไม่รู้รึไงว่ามันยากขนาดไหนที่จะยอมรับว่าตัวฉันเองก็ชอบนายเหมือนกัน จะทำแบบนั้นฉันไม่ยอมหรอกนะ ไม่มีทางซะหรอก ฉันไม่ยอมแน่ๆ ฮือ ไอ้บ้าเอ้ย นายทำฉันร้องไห้มาเยอะแล้วนะ นี่จะทำอีกแล้วรึไง"

“เฟิร์ส...ว่าไงนะครับ เฟิร์สก็ชอบผมหรอ” รีสว่าขึ้นอย่างตกตะลึง เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากเฟิร์สไม่เคยคิด รู้แต่เพียงตัวเองทำให้เฟร์สเจ็บปวด แต่ไม่เคยคิดเลย ว่าเฟิร์สจะคิดเหมือนเขา

“ไม่รู้ ฉันไม่พูดแล้ว รู้แค่ว่าฉันไม่ยอมง่ายๆหรอกนะ ถ้านายจะปล่อยมือจากฉันไป ฉันไม่อยากได้แล้วอิสระอะไรนั่น ไอ้บ้า!” เฟิร์สพูดตะโกนร้องไห้ไม่ยอมลืมตา เอาแต่ทุบรัวๆลงบนบ่าเย็นของรีส

“ขอโทษครับเฟิร์ส รีสขอโทษ” รีสที่เอาแต่ปล่อยให้เฟิร์สทุบเอาๆ เอ่ยปากขอโทษทั้งๆที่ยิ้มไม่หุบ ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นมุมนี้ เขาจะไม่ทำให้เฟิร์สร้องไห้อีกแล้ว

รีสยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เฟิร์สอย่างอ่อนโยน และลูบหัวของเขาเบาๆ สัมผัสอ่อนโยนของรีสยิ่งทำให้เฟิร์สร้องไห้หนักขึ้น มือที่ทุบไหลรีสหยุดลงพร้อมๆกับทิ้งตัวลงพื้นระดับเดียวกันแล้วโผเข้าซบที่หัวไหล่แกร่งยกมือโอบกอดรอบคอรีส ให้น้ำตาเปียกชุ่มไปทั่วบริเวณ


...
เนื่องจากมาช้าและมาไม่ครบ ขอโทษคร้าบบ อีก30เปอร์หลัง คือเอนซีนะ เดี๋ยวแวะมาเสริฟให้อ่านหลังจากนี้จ้า
คอมเม้นนี่ก็อ่านวนไป แบบว่าเห้ย นี่กุวทำบุญมาน้อยหรืออย่างไร นิยา นิยายเรื่องไหนก็คนเม้นน้อย
...

คิดว่าจะปล่อยแล้วหายไปง่ายๆหรอรีส เห๊อะ เฟิร์สไม่ยอมมมหรอกกกกกก ใช่ไหมเฟิร์สสสสส โฮรรรไม่นะ *ส่ายหัวรัวๆ* //ดร.ไอ้บ้านี่ท่าจะกัดไม่ปล่อยง่ายๆหว่ะ เล่นยากด้วย อาวุธยาและคนก็เยอะ ถึงจะราชาปีศาจก็มีพลาดอ่ะ เฮ้ย!! ไมเคิลมาช่วยรีสทีดิ เดี๋ยวช่วยเรื่องเชน (ช่วยให้ได้กันเร็วขึ้นอะสิ 555) //ฉากทำแผลน้ำร้อนลวก อาร๊ายยยอะไรมันจะอ่อนโยนละมุนอบอุ่นเบอร์นั้นรีส *จุ๊บมือ* เขาอ้อนไม่อยากทายา เอามือทาบหน้าอก “ไม่ร้อนแล้วนะครับ…” เชรดดดดดดถึงกับสตั้นไป 3 วิ เหี้ยคิดได้ไง เขินนนหนักมาก555  :o8: //แล้วอะไรในห้องน้ำ อาบน้ำสระผม คือ พวกมึงค่ะ ทนกันได้ไงงงว่ะ เจอไปแบบนั้น กูนี้จะแตกแทนอยู่แล้ววว(ใจแตก) นั่งเลือดกำเดาไหล 555 อารมณ์ต่างคนก็มาแล้วนะ แต่ทนกันจั๊ง 5555 //รีสชอบแกล้งเฟิร์สให้เตลิดตลอด รู้จุดอ่อนเขาอะเด่ กระซิบริมหูไรงี้ 555 ได้ผลดีด้วยนะ หูแดหน้าแดง เขินไปอี๊กเฟิร์ส น่ารักอ่ะ 55 //โอ๊ยๆๆๆ รีสจะเจอไรบ้างเนี้ยจะรอดไหม ต้องรอดดิ(มั้ง) เฮ้ยๆแอบหวัง 555 เครียดแทน ยิ่งดร.ห่านี่ทดลองอะไรใหม่ด้วยก็ไม่รู้ เดี๊ยะๆมึง เจอราชาปีศาจไป Dr.จะกลายเป็น Dog หรอก 55555555 มาแหยมรีสตรู  :z6: //สนุกกกกกกกคร้ามาเท่าไหร่ก็สนุก ยังรอเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคืออ่านวนไปค่ะ 5555  :katai4: :katai2-1: o13 ไฟท์ติ้งกับทุกสิ่งอย่างค่ะ ฮึบ!!
ขอโทษอย่างแรงที่หายไปนาน แล้วมาช้ากว่าที่บอก แถมไม่ครบอีก แต่เอามาให้อ่านก่อนกลัวรอนาน ขอบคุณสำหรับคอมเม้นมากเลยค่ะ อ่านวนเหมือนกัน 555
ต่อไปนี้ไม่ดราม่าละ จะพยายาม 555 จัดการดร.เลย เอาถึงตายเลยมะ /นี่ตกลงเชียร์ไมเคิลให้เชนเอาไปเก็บในคอเลคชั่นใช่ป่าว จะได้จัด555
อยากให้รีสกับเฟริส์อยู่ด้วยกัน แอบมีความละมุมและมีความหน่วง *-* เริ่มสงสารทั้งคู่
#โชคดีกับการสอบนะคะไรท์
ขอบคุณที่เม้นๆน้า อ่านวนเป็นกำลังใจเหมือนกันเลย อีก30เปอร์แจกเอนซีน้า
อยากเห็นสองคนอยุ่ด้วยกันใช่มะ เดี๋ยวจัดฉากหวานๆมาเสริฟน้า

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
...ต่อจ้า


รีสยกมือเย็นดันตัวเฟิร์สให้ห่างออก ช้อนใบหน้าที่มีแต่น้ำตาขึ้นมามองสบ โน้มเข้าหาจูบซับน้ำตาที่ไหลออกอย่างแผ่วเบา รีสพรมจูบอ่อนโยนไปทั่วทั้งเปือกตา ไล่ลงไปยังแก้มเนียน รีสค่อยๆกดจูบลงไปช้าๆและย้ำหลายๆครั้งเหมือนหยอกล้อเมื่อใกล้ถึงปาก จูบเบาๆให้เฉียดริมฝีปากบางที่เผยอคล้ายรอคอย เฟิร์สจากที่ร้องไห้น้ำตาท่วมก็กลับกลายเป็นเขินอาย แก้มใสเริ่มแดงปลั่งเมื่อย้อนถึงคำที่ตัวเองเอ่ยปากออกไป แถมยังโดนรีสหยอกล้อจูบเฉียดริมฝีปากตนไปมาจนเคลิ้มอยากจะได้จุมพิษจากริมฝีปากเย็นๆนั้นซะเอง

“ขอจูบได้มั้ยครับ...” เสียงหวานๆที่คล้ายออดอ้อนดังรอดออกมาจากปากรีส แถมไม่พูดเปล่ายังคงโน้มใบหน้าเข้าแนบชิด ให้ปากเย็นๆเบียดเสียดกับแก้มเนียนไปมาพาลให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ

“อะ อือ...” แก้มใสแดงสุก ใจเต้นโครมครามยังไม่เคยเป็น มีทั้งความตื่นเต้นและแปลกใหม่ แปลกใจในท่าทีอ่อนโยนและน้ำเสียงออดอ้อน ทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์นี้จนถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว

รีสยกยิ้มเบาๆแล้วดันหน้าผากของตนให้แนบชิดกับหน้าผากเฟิร์ส ดวงตาสีแดงจ้องมองไปไม่วางตา เสน่ห์แห่งความอ่อนโยนที่รีสมอบให้ทำให้เฟิร์สแทบหลอมละลาย จนมองสบตากันแทบไม่ไหวได้แต่เบียนสายตาออกห่าง แต่ก็ดันขัดใจคนตัวสูงที่ไม่ทันไรก็คว้าใบหน้าบางนั้นหันมามองอีกครั้ง ดวงตานั้นจ้องลึกเข้าไปเพื่อสื่อความหมาย เงาของทั้งคู่ฉายชัดในดวงตาของฝ่ายตรงข้าม บ่งบอกว่าตอนนี้มีแค่เราสอง พาลเอาเขินขึ้นอีกเท่าตัว รีสโน้มหน้าเข้าชิดมากขึ้น จนจมูกชนกัน ตามด้วยริมฝีปากที่แตะกันอย่างแผ่วเบา ความเย็นจากรีสยังคงทำให้เฟิรร์สสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็หาได้ปฏิเสธกับโหยหาที่จะอยากได้

เฟิร์สเผยอริมฝีปากออกเล็กน้อยเพื่อให้รีสดเข้าไปชิมความหวานจากด้านใน แต่รีสกลับเอาแต่หยอกล้อดูดดุนริมฝีปากด้านนอกจนบวมเจ่อ กลายเป็นเฟิร์สเองที่ทนไม่ไหวต่อไป ยกมือขึ้นคว้าหมับรวบลำคอโน้มให้เข้ามาชิดใกล้แล้วมอบจูบอย่างที่รอคอยให้แทน ได้ยินแต่เสียงหัวเราะหึหึในลำคอของคนเจ้าเล่ห์เบาๆ เฟิร์สอ้าปากครอบลงไปบนปากเย็นของรีสแล้วดันลิ้นเข้าไปอย่างเก้ๆกังๆกวาดต้อนลิ้นเย็นของอีกฝ่ายอย่างหวาบหวาม รีสก็ยอมให้เฟิร์สนำแต่โดยดีทำเพียงแค่ดูดดุนลิ้นนั้นกลับจนได้ยินเสียงจ๊วบจ๊าบดังลั่นห้อง

ยิ่งได้ยินยิ่งรู้สึกจั๊กจี๊ เฟิร์สเลยจะถอนจูบออกเมื่อรู้สึกว่าพอใจ แต่คนเจ้าเล่ห์ดันไม่ต้องการเช่นนั้น รีสกลับกลายเป็นฝ่ายนำจูบนั้นอย่างดูดดื่น และเนิ่มนานทำเอาเฟิร์สแทบหายใจไม่ออก มือเรียวทุบที่บ่าเพื่อขออากาศหายใจ

“อะ อืม แฮ่ก...”

รีสปล่อยปากให้เฟิร์สได้หายใจ แต่รสจูบที่หวานหอมอยากที่จะถอนตัวก็ผลักดันทั้งคู่ให้โผเข้าหากันอีก ยิ่งนานรสจูบอ่อนโยนก็ยิ่งรุนแรงและวาบหวามขึ้นตามอารมณ์ที่พวยพุ่ง ไอเย็นๆจากตัวรีสก็เริ่มแผ่กระจาย ไม่ต่างจากเฟิร์สที่ร่างกายร้อนขึ้นๆ เมื่อเครื่องติดทั้งคู่ก็ยากที่ดับลงง่ายๆ มือเย็นเริ่มปัดป่ายลงต่ำ ไล้แกะกระดุมพร้อมๆกับสัมผัสที่ผิวเนียนเป็นระยะๆจนปลดออกหมดในเวลาอันสั้น แขนเรียวของเฟิร์สก็เกาะกุมอยู่ที่ลำคอและขยำกลุ่มผมของรีสเพื่อระบาย มือรีสที่ไล้ลงต่ำปลดตะขอกางเกงเฟิร์สออกอย่างง่ายดายแล้วจับแก่นกายออกมารูดรั้ง มืออีกข้างก็ลูบไล้แผ่นหลังเนียนให้ความเย็นแผ่ซ่านให้เฟิร์สเสียวสันหลังเบาๆ

เมื่อจูบจนพอใจ ก็ถอนริมฝีปากออกจากกัน แต่ก็ไม่ได้ให้ว่างนานก็ขบเม้มลงตามซอกคอเนียนจนเป็นจ้ำหลายๆจุดทุกครั้งที่ลากผ่าน จนมาถึงจุดตุ่มไตที่บัดนี้แข็งสู้มือเป็นที่เรียนร้อย รีสใช้ปากคอบลงที่ตุ่มไตนั้นใช้ลิ้นเลียวนดุนจนมันแข็งเต็มที่ มือข้างล่างรีสก็ไม่ปล่อยให้ว่างงานยังคงรูดรั้งเร็วขึ้นๆตามอารมณ์ของเฟิร์สที่พุ่งสูง เฟิร์สก็เอาแต่ครางฮือเชิดหน้าขึ้นสูง หัวหมุนตาลายทุกอย่างขาวโพลนไปหมด แล้วไม่นานเสียงครางใสก็เปร่งออกมาสุดเสียงพร้อมๆกับร่างกายที่กระตุกเกร็งปลดปล่อยออกมาเต็มมือรีส แล้วซบลงบนบ่าแกร่งหอบหายใจแฮ่กโกยอากาศเข้าปอดพักใหญ่

“อ่ะ อ๊า!”

เมื่อเฟิร์สเสร็จและซบหน้าลงที่ไหล่แกร่งอยู่นาน ก็ไม่มีท่าทีว่ารีสจะทำต่อ ด้วยความสงสัยเฟิร์สจึงช้อนใบหน้าที่หวานหยดดูยั่วยวนอย่างมากในสายตารีสขึ้นมองพรางหอบหายใจ โชว์เลือนร่างท่อนบนที่เปือยเปล่ามีริ้วรอยแดงจ้ำจากการกระทำเมื่อครู่ดูเซ็กซี่ แล้วถามคำถามที่รีสฟังแล้วแทบจะจับเฟิร์สกดลงตรงพื้นนี้และกระทำซ้ำๆย้ำๆให้เฟิร์สเป็นของตัวเองแทบทันที

“มะ ไม่ต่อหรอ ทุกที...ทุกทีนายจะ...ทำอย่างนั้นกับฉะ ฉัน” เฟิร์สถามไปกัดริมฝีปากเขินอายในสิ่งที่ตนพูด แต่หารู้ไม่ว่านั้นเหมือนการยั่วยวนอีกคนที่พยายามสะกดกลั้นอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะตอนนี้เขามีความคิดที่อยากจะทำรุนแรงและป่าเถื่อนกับอีกคน เขาไม่อยากให้เฟิร์สหวาดกลัวต่อการมีเซ็กส์กับเขาอีก เพราะปัญหาที่เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ไม่ดีนัก
“ตะ ตรงนี้ของนายแข็งแล้ว” แต่ดูเหมือนเฟิร์สจะไม่ได้รู้ปัญหานั้น และมันยังกระทบต่อเฟิร์สโดยตรงอีกด้วย เฟิร์สที่เห็นรีสยังคงนิ่ง ทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเอาแต่ยิ้มบางๆมาให้เขาฝ่ายเดียว ด้วยความที่อยากให้อีกคนปลดปล่อยบ้าง มือเรียวเลยคว้าหมับเข้าที่เป้ากางเกงของรีส ที่ตอนนี้มันกำลังแข็งปั๋งเต็มที่สู้มือเขาเต็มที่

“ฮึ่ม! ไม่ทนแล้วเว้ย” รีสคำรามลั่น แล้วยกเฟิร์สขึ้นจับทุ่มลงบนโซฟาด้านหลัง มือจับถอดเสื้อผ้าของตนออกอย่างรวดเร็วจนตอนนี้ร่างกายของรีสเปลือยเปล่า เผยให้เห็นร่างกายที่แข็งแกร่งกล้ามเนื้อเรียงตัวสวยดูสง่าทุกระเบียบนิ้ว แล้วไหนจะไอจางๆสีขาวที่พวยพุ่งออกมาไม่หยุดเป็นตัวขับให้รีสนั้นดูดีขึ้นอีกเท่าตัว เฟิร์สที่เอาแต่เหวอตามอารมณ์ของอีกคนไม่ทัน ปากยังไม่ทันได้พูดปฏิเสธก็ถูกจูบปิดไว้พร้อมๆกับกางเกงด้านล่างที่ถูกดึงกระชากให้ออกจากห่างจากตัว

ร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งคู่โถมเข้าหากันตามแรงอารมณ์ เสียงจูบแลกลิ้นดังขึ้นลั่นห้องอย่างไม่มีใครยอมใคร มือต่างก็ปัดป่ายลูบไล้ไปตามร่างกายของอีกฝ่ายด้วยความเสน่ห์หา หยอกล้อตามจุดอ่อน ขบเม้มสร้างรอยกุหลาบ และเล่นกับตุ่มไตจนคนด้านล่างที่โดนกระทำครางฮือไม่หยุดหย่อน

มือหนาจับรวบกายแกร่งของทั้งคู่เข้าด้วยกันพร้อมรูดรั้งปลุกอารมณ์ให้มากยิ่งขึ้น อีกมือก็ไม่รอช้าจับขาเรียวแยกออก แล้วแทรกนิ้วยาวเข้าไปรวดเดียวสองนิ้วให้อีกฝ่ายกระตุกเกร็ง

“ฮ้า! จะ เจ็บนะ”

“ฮึ่ม! ผ่อนคลายนะครับ..เฟิร์สเชื่อรีสนะ”

น้ำเสียงที่บอกล่าวแม้จะสะกดกลั้นอารมณ์วาบหวาม แต่ฝ่ายที่ได้ฟังกับรู้สึกอบอุ่นและเชื่อคำๆนั้นหมดหัวใจ เฟิร์สคลายอาการเกร็งลง รีสก็รูดรั้งด้านหน้า และสอดนิ้วเข้าออกด้านหลังช้าๆ ปากก็ทำหน้าที่ดูดดุนตามผิวเนียนเพื่อช่วยคลายอารมณ์ของอีกฝ่ายไปด้วย ไม่นานนักนิ้วยาวก็เพิ่มจำนวนจากสองเป็นสาม กดย้ำตรงจุดให้ร่างข้างใต้ครางไม่หยุด มันรู้สึกวาบหวามเสียจนอยากจะปลดปล่อย

คนเจ้าเล่ห์เห็นอีกฝ่ายสุขสมจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ไม่ยอมให้ไปถึงฝั่ง กดปิดปลายกลั้นอารมณ์ไว้ แล้วเอาแก่นกายตัวเองจ่อที่ด้านหลังแล้วกดเข้าไป แล้วไม่รอนาน ดันเข้าออกจากช้าๆ ก็เริ่มรุนแรงขึ้นๆ จนแถบโถมกระหน่ำใส่แรงของตัวเองไปจนแทบหมด คนด้านใต้ก็ได้แต่ร่างกายสั่นไหวตามแรงชักนำของอีกคน ปากก็ครางฮือหยุดไม่ได้ กระตุกสุขสมอารมณ์ไปถึงสองครั้งสองคราทั้งที่คนด้านบนพึ่งมาได้แค่ครึ่งทาง

“ฟ เฟิร์ส เรียกชื่อผม เร็วสิ!”
“อ่ะ รีส รีส.. อ๊า! ฮ้า…”
“อ่า เฟิร์ส อื้ม...รีสรักเฟิร์สนะครับ”

ไม่นานก็ขึ้นถึงสวรรค์ชั้นฟ้าพร้อมๆกัน กายแกร่งของรีสยังคงกระตุกเกร็งปลดปล่อยน้ำกามออกมาไม่หยุด ปากก็พร่ำบอกรักพร้อมๆกับพรมจูบไปตามหน้าของอีกฝ่ายที่น้ำตาไหลออกมาตอนไหนไม่รู้ ด้วยความสุขสม เฟิร์สที่แทบสลบจากการที่ตัวเองปลดปล่อยไปตั้งหลายต่อหลายครั้ง แต่รีสก็ดันไม่ยอมสงบ จนต้องเดือดร้อนคนตัวเล็กรวบรวมแรงขึ้นมาบอกปัดอย่างเสียไม่ได้

“อือ มะ ไม่ไหว พอเถอะนะ...รีส”
“ครับที่รัก”

เมื่อเมียรักเอ่ยขอด้วยท่าทีที่อ่อนแรงขนาดนั้น ก็ต้องยอมทำตามอย่างเสียไม่ได้ เนื่องจากอยากถะนุถนอมเมียรักให้นานและไม่อยากทำร้ายมากไปกว่าที่เคยทำ ถึงแม้ว่าหน้าตาที่เอ่ยขอนั้นจะดูยั่วยวนจนกายของเขากับแข็งขืนได้อีกครั้งก็ตาม รีสทำเพียงยกรวบร่างกายของเฟิร์สที่สลบไสลอย่างเหนื่อยอ่อนขึ้นในท่าเจ้าหญิงแล้วไปวางไว้บนเตียงอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ขอตัวทำร้ายตัวเองด้วยการมองหน้าเมียรักอีกสักหนสองหน ก่อนจะทำความสะอาดร่างกายทั้งคู่ แล้วมาล้มตัวลงนอนกกกอดกันภายใต้ผืนผ้าห่มแห่งรักผืนเดียวกัน


...

มาครบ 100% แล้วจ้า เม้นบ้างน้าต้องการกำลังจาย

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk

Me die 35 : เริ่มต้นด้วยรัก
[/size][/color]

 

เมื่อยามเช้ามาเยือน รีสลืมตาตื่นขึ้น หลังจากหลับไปอย่างเปี่ยมสุขเมื่อคืนนี้ ทั้งที่ไม่เคยแม้แต่จะหลับลงเลยสักครั้งตั้งแต่หลังความตายในครั้งนั้น ดวงตาสีแดงยังคงมองไปตามใบหน้าขาวเนียนของอีกคนที่ยังคงหลับตาพริ้มในอ้อมแขน รอยยิ้มถูกยกขึ้นอย่างอ่อนโยน เอื้อมมือขยับดึงผ้าห่มให้คลุมกายบางอย่างแผ่วเบา แล้วขยับโน้มใบหน้าเข้าใกล้ จุมพิษบางเบาที่หน้าผากมนด้วยความรัก

 

“อ่ะ อือ รีส ตื่นแล้วงั้นหรอ” เฟิร์สรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็พบใบหน้าของรีสในระดับชิดใกล้ ใจของเขาเต้นโครมคราม หน้าแดงงุดทันที ยิ่งเมื่อความทรงจำในฉากรักที่อ่อนโยนและผสมไปด้วยความรัก แม้จะยังคงรุนแรงแต่เขาก็ดันพอใจที่มันเป็นแบบนั้น ของเมื่อวานยังคงเน้นย้ำในความทรงจำชัดเจน

 

“ขอ morning kiss สักครั้งได้มั้ยครับ” รีสพอใจที่ได้เห็นใบหน้านั้นแดงปลั่ง ยกยิ้มพอใจมองไป แล้วเกิดนึกอยากจะแกล้งให้อีกคนเขินอายกว่าเดิมสักหน่อย เลยช้อนปลายคางของอีกคนขึ้นมาจ้องลึกเข้าไปในดวงตานั้นอย่างอ่อนโยน แล้วเอ่ยขอจูบอรุณสวัสดิ์จากคนข้างใต้ดื้อๆ

 

เฟิร์สที่ได้ยินก็ตาโต ทั้งตกใจทั้งเขินอาย ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ทำได้แค่หลบตาก้มงุด ยกผ้าห่มปิดหน้า ซุกตัวลงไปในที่นอนสีขาว ใบหน้านั้นสุกแดง เขินจนไม่รู้จะเขินยังไง รีสไม่เคยทำตัวแบบนี้ แค่เพียงได้รู้ว่าใจตรงกันก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นคนอ่อนโยนทำอะไรชวนใจเต้นแรงแบบนี้เลย แล้วไหนจะฉากรักเมื่อวานที่ทำซะเขาหัวหมุนโล่งไปหมดเพราะอารมณ์วาบหวามและความเสียวซ่านที่รีสมอบให้ แถมบอกให้พอก็พอไม่บังคับอีก

 

 

“ถ้าเฟิร์สไม่ให้ งั้นรีสขอทำเองละกันนะครับ จุ๊บ! จุ๊บ!” รีสพูดขึ้นไม่ว่าเปล่ายังพลิกตัวขึ้นคร่อม แล้วก้มลงจูบไปทั่วผ่านผ้าห่มให้โดนคนข้างล่างอย่างตั้งใจ แล้วคนเจ้าเล่ห์ก็คว้าดึงผ้าห่มที่คลุมกายออก พร้อมกับก้มลงประทับริมฝีปากขอจูบอรุณสวัสดิ์จากอีกคนอย่างแผ่วเบา

 

“อ่ะ อืม พอก่อน” แต่จากที่จะพอเท่านั้น รีสกลับรุกคืบจับดวงหน้าของเฟิร์สขึ้นสบตาแล้วมอบจูบลงไปอีกนับครั้งไม่ถ้วน จากจูบแผ่วเบาปากแตะปากก็เริ่มรุกล้ำมากขึ้นๆ จนกลายเป็นจูบดูดดื่มแลกลิ้นกันเป็นพัลวันจนน้ำใสๆไหลลงจากมุมปาก

 

ดวงตาของเฟิร์สฉ่ำเยิ้ม ปากเผยออ้าค้างจากการถอนจูบดูเชิญชวน เนื้อตัวเปลือยเปล่าที่ประดับไปด้วยรอยกุหลาบมากมายปรากฏต่อสายตารีสทั้งที่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าผ้าห่มที่คลุมกายตนนั้นหลุดออกไปตอนไหน รีสไล่สายตามองไปตามร่างกายที่เซ็กซี่นั่นแล้วโน้มตัวชิดใกล้ลูบไล้พรมจูบไปตามทั่วทุกที่ของร่างกายดูดเม้มสร้างรอยรักขึ้นอีกครั้ง

 

“ดะ เดี๋ยว”

“ชู่ว...เด็กดี รีสขอนะครับ”

 

รีสเอ่ยขึ้นชิดใบหูแล้วแลบลิ้นเลียให้เกิดความเสียวซ่าน เฟิร์สที่โดนกระทำที่จุดอ่อนเช่นนั้น ก็ได้แต่ขนลุกเกรียวทั่วตัว หน้าแดงเป็นตำลึงสุกเขินอายอย่างหนัก รีสอ่อนโยนมาก เสียงที่จะปฏิเสธพอเจอคำพูดที่หวานหูกับการกระทำอ่อนโยน ดวงตาสีแดงมีเสน่ห์ที่สะกดเขานั่งงัน ได้แต่นอนนิ่งปล่อยให้อีกคนทำตามใจ

 

“อ๊ะ อ๊า! อื้อ...”

 

นิ้วยาวที่กดลงไปในช่องทางสีหวานที่เร่งรัดให้จมลงลึกค่อยๆถอดถอนและกระทำเข้าออกอย่างเชื่องช้า เมื่อได้ยินคำขอร้องจากคนข้างใต้ แต่ยิ่งทำยิ่งฝืดเคืองไร้สารหล่อลื่นจนเฟิร์สทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บแต่ดันไม่พูดออกมา รีสถอดถอนนิ้วยาวออกมาอีกครั้ง แล้วจูบซับลงบนเปือกตาที่มีน้ำตาคลอของเฟิร์สอย่างอ่อนโยน เมื่อถอนจูบออกก็จุ่มนิ้วแทรกเข้าปากเฟิร์สไปแทนชักเข้าชักออกให้คนข้างใต้ดูดดุนนิ้วนั้น น้ำใสไหลเยิ้มตามมุมปาก มืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามผิวเนียน ริมฝีปากจูบไล้วนจนตุ่มไตแข็งขืน  ใบหน้าหวานเริ่มฉ่ำปรือ ร่างกายโอนอ่อนไร้เรี่ยวแรงเสียวซ่านไปทั่วร่างกาย

 

“อืม..”

รีสถอนนิ้วมือที่เปียกชุ่มออกจากปาก แล้วจ่อที่ทางเข้าสีหวานอีกครั้ง นิ้วชุ่มนั้นค่อยๆกดลงเชื่องช้า เรียกเสียงครางฮือได้อีกครั้ง มืออีกข้างก็หยิบยกขาเรียวขึ้นสูงจูบไล้เลียที่โคนขาสร้างความวาบหวามขึ้นอีกเท่าตัว

 

“เข้าไปแล้วนะครับ”

เสียงหวานออดอ้อนดังขึ้น รีสถอนมือที่ชุ่มนั้นนอกเมื่อช่องทางขยายได้ดั่งใจ จากนั้นก็จับแก่นกายของตนที่แข็งจนรอแทบไม่ไหวจ่อที่ช่องทางนั้นแล้วกดตัวลงไป

 

“อ้า...ฮ้า”

เสียงหวานครางฮือ การกระทำเชื่องช้า ขยับกายเข้าออกสุดอย่างแผ่วเบานี้ กลับรู้สึกเสียวซ่านมากกว่าเดิม ความอ่อนโยนนี้เติมเต็มหัวใจจนแทบหลอมละลาย สะโพกมนโยกสวนรับแรงกระแทกจากคนด้านบนโดยอัตโนมัติ ความเสียวซ่านยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนใกล้สุดทาง แรงกระแทกเข้าออกเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อใกล้ปลดปล่อย

 

“อ้า.../อืม”

เสียงครางระงมดังสอดประสานกันเมื่อปลดปล่อย น้ำสีขาวพวยพุ่งเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้องของเฟิร์ส รีสถอนกายแกร่งของตัวเองออกมาช้าๆ น้ำรักขาวขุ่นไหลทะลักออกมาทางช่องทางสีหวานที่ยังขมิบตอดไม่ยอมหยุด

 

“รีสรักเฟิร์สนะครับ” ใบหน้าใสแดงสุกเขินอายรับมอบจูบอ่อนโยน ได้ยินคำบอกรักหวานหูอีกครั้ง หัวใจของเฟิร์สพองโตมันเต้นกระหน่ำจจนแทบหลุดออกมา

 

“ฉ ฉันก็เหมือนกันนะ” เฟิร์สพูดตอบกลับไปแล้วหลบสายตาดึงเอาผ้าห่มมาคลุมหน้าปิดบังใบหน้าที่ขึ้นริ้วแดงอย่างเขินจัด รีสมองไปยิ้มไป ความสุขที่ได้รับมันมากมายซะจนคิดว่าเป็นเพียงฝันไป แต่มันคือเรื่องจริง ยิ่งได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามของเฟิร์สดังลั่น เขาก็ยิ่งสุขใจ รอยยิ้มที่แสดงออกจากใบหน้าที่ตายนิ่งสนิทก็เหมือนคนปกติทั่วไปเข้าไปทุกที มันดูจริงใจไม่เสแสร้างพอๆกับหัวใจของทั้งคู่ที่ไม่มีการต่อต้านและเริ่มผูกพันกันจริงๆ

 

ตึกตัก!

เสียงของหัวใจรีสที่ดังสอดประสานขึ้นมากับเสียงของเฟิร์ส มันแทบไม่รู้สึกตัว ใจเขาไม่กระตุกเกร็งจนเจ็บเหมือนครั้งก่อน เพียงแค่ดังขึ้นมาดื้อๆ เสียงของหัวใจของคนตายดังขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งเมื่อได้ยินคำรักและการกระทำที่ตรงกับใจของทั้งคู่ เพียงแค่เขาไม่รู้ตัวเท่านั้น เพราะทุกครั้งที่มันเต้น เสียงหัวใจเฟิร์สก็ดังกระหน่ำเช่นกัน แถมทุกครั้งที่มันดังมันเต้นดัง มันดังขึ้นเพราะมันได้รับความรักมาเติมเต็มหัวใจ ได้แต่เฝ้ารอคอยว่าสักวันมันจะกลับมาเต้นได้ปกติอีกครั้งเมื่อมันได้รับความรักมากพอ หัวใจสีแดงฉานเริ่มผสานกับกล้ามเนื้อสูบฉีดเลือดให้เริ่มไหลเวียนอีกครั้ง มันค่อยๆกระตุก ค่อยๆผสานตัว อวัยวะภายในร่างกายค่อยๆตื่นขึ้นช้าๆจากการที่ตายไปนาน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความรักที่ได้รับมาหล่อเลี้ยงไม่มากพอ หัวใจดวงนี้ก็ตายลงได้อีกเช่นกัน

 

...

 

เฟิร์สตื่นขึ้นมาอีกครั้งของวัน หลังจากหลับลงไปเพราะความเพลียในกิจกรรมช่วงเช้า ขนตายาวกระพริบถี่ไล่ความง่วงงุน ท้องเริ่มประท้วงด้วยความหิว เฟิร์สมองหาคนข้างเตียงไม่เจอก็เรียกหา แต่เมื่อไม่ได้รับเสียงตอบกลับก็จะเดินออกไปหาดู แต่พอลุกขึ้นความเสียวแปร๊บจากด้านล่างก็แล่นริ้วขึ้นมา ใบหน้าเฟิร์สแดงขึ้นมาอีกเมื่อน้ำบางส่วนยังคงไหลย้อนออกมาจากช่องทางด้านล่าง แม้ว่าเขานั้นจะได้รับการทำความสะอาดร่างกายจากอีกคนมาบ้างแล้ว จึงเปลี่ยนความคิดที่จะเดินหาเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำโดยไว

 

เฟิร์สที่เรียกหารีสอยู่นานแต่หาไม่พบก็ได้แต่ถอนหายใจทิ้ง เพราะรู้ว่ารีสออกไปด้านนอก เพียงแค่รู้สึกน้อยใจนิดๆที่ออกไปไหนไม่บอกล้าวกันบ้าง ทั้งๆที่ใจตรงกันแล้วแท้ๆ แต่ความน้อยใจนั้นก็เกิดได้ไม่นาน กลับกลายเป็นแก้มที่แดงจากการขวยเขินอีกครั้ง เมื่อเดินไปถึงห้องครัวเห็นบางสิ่งบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ มือบางยังคงถือโน้ตนั้นไว้ในมือ และอ่านมันซ้ำๆ ใบหน้าก็แดงเขินอายอยู่อย่างนั้น

 

 “รีสไม่รู้ว่าเฟิร์สชอบกินอะไรบ้าง ขอโทษนะครับ เลยเตรียมอาหารง่ายๆไว้ให้ รักเฟิร์สนะครับ”

 

หลังจากกินข้าวนั้นเสร็จ ก็เข้าไปนอนรอในห้องนอนเหมือนเดิม หยิบยกกระดาษใบนั้นขึ้นมาอ่านอีกบ่อยครั้ง มือเรียวลูบไล้ที่นอนแล้วเผลอมองมันอยู่อย่างนั้น จู่ๆใบหน้าก็แดงขึ้นกว่าเดิม เฟิร์สได้แต่สะบัดหัวไล่ความคิดทะลึ่งๆของเขาไปมา เมื่อคิดถึงกิจกรรมเมื่อเช้าที่แสนอ่อนโยน นับวันเขายิ่งรักรีสมากขึ้นจนถอนตัวไม่ได้ เหมือนกับว่าความโหดร้ายป่าเถื่อนที่ได้รับมาก่อนหน้านี้คือสิ่งที่ฝันไป เขาได้แต่หวังว่าต่อจากนี้จะมีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นตลอดไป

 

...

 

ด้านรีส

หมอพอลบอกข่าวผ่านเชนมาถึงรีส เชนมาบอกเองถึงคอนโดเพราะโทรหาอีกคนไม่ได้ ว่า ดร.ให้คนมาเชิญรีสกลับไปห้องทดลอง โชคยังดีที่เฟิร์สนอนหลับไปเพราะความเพลีย รีสเลยลากเชนให้ออกไปคุยกันที่อื่น  ซึ่งก็จบลงที่รังของเชนเอง ตลอดทางเชนก็เอาแต่แซวเขาไม่หยุดปาก ว่าดูมีเลือดฝาดเหมือนมนุษย์มากขึ้นบ้าง ใบหน้ายิ้มตลอดบ้างทั้งๆที่ก่อนหน้านี่หน้าตายตลอด คำพูดการกระทำก็ดูมุ้งมิ้ง(?)ทั้งที่ก่อนหน้าทำไรก็ดุก็โหดตลอดเวลา ดูมีความสุขแตกต่างจากปีศาจไร้หัวใจที่เชนปลาบปลื้ม ซึ่งทั้งหมดก็คงจะเกิดขึ้นเพราะใครบางคนที่นอนอยู่ในคอนโด ซึ่งเชนก็ได้รับสายตาจิกกัดจากรีสกลับไปแทน แต่เชนซะอย่าง เขาไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว แถมยังหัวเราะกวนประสาทรีสไปตลอดทางอีก แค่ในใจเชนแอบเสียดายที่รีสเริ่มหมดความดาร์กในการเป็นปีศาจน้ำแข็งในสายตาของเขาไปบ้างแต่ถึงยังไงมันก็ยังคงน่าสนใจอยู่ดี ความตายไม่ได้ตายที่น่าอิจฉานั่น

 

เมื่อมาถึงรังของเชน เชนก็เล่าข้อมูลที่ได้รับรู้มา และเปิดบางส่วนที่เขาแฮ็กระบบขององค์กรมาได้ให้รีสดู ซึ่งเป็นไปตามที่ได้ยินมาจากหมอพอลว่าดร.พยายามใช้ยาหลายๆอย่างที่วิจัยขึ้นมาเป็นอาวุธในการจับรีสแต่ที่ผ่านมาก็ไม่ประสบผลสำเร็จ และการที่เขาได้เลือดของรีสไปวิจัยในก่อนหน้านั้นทำให้ดร.ผลิตบางอย่างขึ้นมาได้ เพื่อสร้าง ‘มนุษย์ทดลอง’ หรือ ‘อาวุธสังหาร’ แล้วดูเหมือนจะสำเร็จแล้ว ซึ่งขาดการแค่การทดสอบกับมนุษย์เท่านั้น หรืออาจจะทดสอบไปแล้วก็ได้ ซึ่งนั้นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาติดต่อหมอพอลไม่ได้อีกเลย

 

เมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากเชนรีสก็เอาแค่คิดหนัก ดวงตาจ้องไปยังจอมอนิเตอร์ที่ฉายประตูทางเข้าห้องทดลองที่เขาคุ้นเคย เรื่องของหมอพอลก็เป็นความผิดของเขาถ้าหมอไม่มายุ่งก็คงไม่เดือดร้อน แต่ดันช่วยอาจจะเพราะคำๆนั้นที่เคยบอกแก่กัน ว่ารีสนั้นเหมือนครอบครัว ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกผูกพันกับใคร แล้วไหนจะพวกที่คอยตามเขาอยู่บ่อยๆ ซึ่งก่อนหน้าก็เพิ่งจัดการไปกลุ่มหนึ่งที่คอยเฝ้าอยู่ที่หน้าคอนโด หลอกล่อพวกมันให้คิดว่าเขาอยู่ที่อื่นเพื่อให้เฟิร์สปลอดภัย เขาต้องจัดการกับดร.ให้เด็ดขาด

 

“ตัดสินใจได้แล้วสินะครับรุ่นพี่ ต้องการความช่วยเหลืออ้ะป่าว ผมมีคนที่จะช่วยรุ่นพี่ได้นะ” เชนพูดทีเล่นทีจริง เมื่อสังเกตว่ารีสเริ่มยิ้มออกมานิดๆหลังจากที่มองจอนั่นอยู่นาน

 

“ตัวช่วย? ใคร?” รีสหันมาสบมองไปที่เชน ถามอย่างงงๆ จะมีใครอีก นอกจากเขาและเชน หมอพอลก็ติดต่อไม่ได้ หวังว่าคงไม่เกี่ยวกับเฟิร์สไม่งั้นเขาไม่ยอมแน่ๆ

 

“ไม่ต้องหน้าดุขนาดนั้นครับ ไม่เกี่ยวกับหัวใจคนนั้นของรุ่นพี่หรอก ...ไมเคิลออกมาสิครับ” เชนพูดขึ้นขำๆ พรางขยับเข้าไปเล่นไอเย็นๆที่กำลังแผ่ออกมาจากความกังวลที่ว่าจะเกี่ยวของเฟิร์ส ซึ่งไอเย็นและลำตัวดังน้ำแข็งนี่แหละที่เชนชอบ จึงเอาแต่ถูไปถูมา แล้วยิ้มกว้างมองตรงไปยังมุมมืดๆที่อยู่ด้านนอกถัดออกจากหน้าต่างไปไม่ไกล

 

“หึ รู้มาตลอดสินะว่าฉันอยู่ตรงนี้ มิน่าล่ะ ถึงได้ยั่ว..” ไมเคิลที่กระโดดออกมาจากมุมมืดเข้าทางหน้าต่างมายืนจังห้าจ้องหน้าเชนที่เอาแต่ยิ้มขำอย่างเป็นเอาตาย ท่าทางโกรธเคืองที่โดนล้อเล่น เขาคิดว่าตรงที่อยู่รอดพ้นสายตาสัปรดของเชนแล้วแต่ก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี แถมโดนยั่วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว ร้ายกาจนัก แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงตามเชนมาถึงรังลับนี้อาจจะเป็นเพราะความสงสัยเนื่องจากอยู่ๆเชนก็เลิกตามตื้อเลิกติดตามดูเขาจนขั้นสตอกร์เกอร์ดื้อๆ แต่สุดท้ายดันติดกับเด็กรู้มากจนได้

 

“ชั่งเถอะ จะให้ทำไรก็ว่า จะได้หมดบุญคุณกันสักที ยอมเป็นมิตรชั่วคราวเพื่อขัดขวางตัวน่ารำคาญแบบดร.นั่นให้” ไมเคิลเลิกหัวเสียจากการมองหน้าเด็กกวนประสาทอย่างเชน แล้วหันไปหารีส ท่าทางจริงจังที่อยากจะตอบแทนบุญคุณนั้นเต็มแก่ จนยอมเป็นมิตรชั่วคราวด้วย ทำให้รีสนั้นวางใจ และยิ้มออกเมื่อได้แผนดีๆ เพราะเขารู้ว่าปีศาจอย่างไมเคิลไม่ใช่คนกลับกลอกกลืนน้ำลายตัวเองที่พูดออกแล้วก็ตาม รวมถึงเรื่องที่อยากจะสู้กับเขาด้วย แต่นั้นชั่งมันก่อน

 

“ดี งั้นเอาตามนี้...” รีสวางแผนการและแบ่งหน้าที่ให้อีกสองคนรับทราบ แผนในครั้งนี้ทำได้ครั้งเดียว ทุกอย่างต้องรัดกุม ห้ามมีอะไรผิดพลาด เพราะอันตรายถึงชีวิต

 

ติ๊ด! ติ๊ด!

การเข้าระบบถูกยกเลิก! คอมพิวเตอร์จะทำลายตัวเองอัตโนมัติภายใน10วินาที!

 

“อันตรายออกจากที่นี่เร็วเข้า!” เชนตะโกนออกมาเมื่อหันไปมองจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง

10 9 8 7...1 0 ติ๊ดดดด!

ตู้ม!!!

ควันไฟพวยพุ่งออกมาทางหน้าต่างมากมาย แถมด้วยเสียงจากอีกหลายๆอย่างระเบิดตามมานับไม่ถ้วน ไฟก็ลุกไหม้โถมกระหน่ำไปทั่วทั้งตึก เดือดร้อนคนอื่นๆที่อาศัยอยู่วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น ไม่นานรถตำรวจรถดับเพลิงก็มากันมากมายพ่างด้วยนักข่าวอีกหลายสำนักที่ต้องการข่าวเหตุระเบิดไม่ทราบสาเหตุในครั้งนี้

 

ถัดไปจากที่เกิดเหตุไม่ไกล

“มันอะไรกัน” รีสถามขึ้นเมื่อออกได้ ยืนมองนิ่งๆไปยังอีกสองคนที่เพิ่งออกมา ไมเคิลกระโดดหนีแรงระเบิดอย่างแรงออกมาอย่างเร็วแต่ก็ยังคงช้ากว่ารีสที่หนีออกมายืนนิ่งๆข้างล่างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พรางปล่อยมือที่คว้าอุ้มเอาเด็กเจ้าเล่ห์ติดมาด้วยลงที่พื้น เชนก็หอบไปยิ้มไปตามประสาพวกไม่กลัวตายแถมยังน่าปวดหัว

 

“ระเบิดไงครับ ตู้ม! เมื่อโดนจับได้ว่าแฮ็กข้อมูลคนอื่น ผมตั้งระบบทำลายตัวเองไว้ แต่ดันคิดน้อยไปหน่อยว่าแค่10วิเนี่ย คนที่ซวยจะเป็นผมเอง ดีนะครับเนี่ยที่ได้ไมเคิลช่วยไว้” เชนว่ายิ้มๆอธิบายเหตุผลแก่รีส จากนั้นก็หันไปมองเชนแล้วยิ้มอย่างมีเลิศนัย รีสที่พอจะดูออกก็หันหน้าไปทางอื่นอย่างรำคาญ

 

“ไมเคิล...ขอบคุณที่ช่วยนะครับ จุ้บ!”

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ อย่าเข้ามาเด็กบ้านี่”

เชนว่ายิ้มๆ แล้วเดินเข้าหาไมเคิลที่ถอยห่างเรื่อยๆกระโดดคว้าหมับโน้มคอไมเคิลลงต่ำแล้วจุ๊มริมฝีปากบอกขอบคุณ ไมเคิลที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เอาแต่เหวอ เชนก็เอาแต่หัวเราะคิดคัก พอรู้ตัวก็เด้งตัวออกห่างแล้วเอาแต่บ่นแถมยังวนเวียนๆรอบๆเพราะไม่ไว้ใจเชน เป็นหมาขี้ระแวง เด็กเจ้าเล่ห์มีโอกาสเป็นไม่ได้ เข้าถึงตัวเขาตลอด ว่างๆก็ยั่วเอาๆ กวนประสาทจนไมเคิลแทบบ้า

 

“เลิกไร้สาระ แล้วไปกันได้แล้ว เชนพาไปที่ฐานอื่นเร็ว เป็นไปได้พรุ่งนี้เราจะทำตามแผน”

“ว้า...ทำยังไงก็ไม่ให้ไปสินะคอนโดเนี่ยยยย”

 

รีสส่ายหัวระอากับสองคนนี้ เดินนำหน้าไปก่อนแล้วเอ่ยบอกเชน เชนก็เอาแต่บ่นเสียดายที่ไม่ได้เข้าไปดูหน้าเจ้าของหัวใจปีศาจจริงๆสักครั้ง เพราะรีสดันรู้ทันว่าตนไม่ได้มีฐานลับแค่ที่เดียวจริงๆ แต่หลังจากนี้เขาคงทำยากขึ้น เพราะพวกมันรู้แล้วมีคนแฮ็กระบบ คงเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัย แต่เชนซะเอง เรื่องพวกนี้จิ๊บๆ

 

...

 

 “รีสจะจัดการทุกเรื่องให้เรียบร้อย เฟิร์สเชื่อใจและรอรีสอีกหน่อยนะครับ” รีสกลับมาคอนโดในยามดึก เฟิร์สนอนหลับตาพริ้มอยู่บนที่นอน เขาก็ได้แต่เดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วจูบที่หน้าผากแผ่วเบา

 

 “อือ..” เฟิร์สขยับตัวเล็กน้อย มือเรียวคว้ากอดแขนเย็นเอาไว้แนบกาย ยกยิ้มเปี่ยมสุขแล้วหลับพริ้มจมสู่ฝันดีอีกครั้ง

 

“รักเฟิร์สนะครับ แต่รีสคงต้องหายไปสักพัก กลับมาคราวหน้าเฟิร์สจะปลอดภัยจากทุกสิ่ง รีสสัญญา” รีสยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทีที่น่ารักของเฟิร์ส เขามองดวงหน้าของคนรักอยู่นานสองนาน ความรู้สึกที่อยากจะปกป้องอยู่เต็มอก ความรักที่เขาไม่เคยคิดจะให้ใคร เขาได้มอบให้คนๆนี้ไปและสัญญาว่าจะทำให้เขาปลอดภัยจากอันตรายรอบตัวและมีความสุข แม้ว่าทุกสิ่งเหล่านั้นจะต้องแลกมาด้วยอะไร ไม่ว่าจะแลกด้วยชีวิตของใครก็ตาม 

.

.

.

“นายไม่คิดจะบอกอะไรฉันเลยหรอ” เฟิร์สลืมตาขึ้นช้าๆ หลังจากที่รีสเดินจากไปนานแล้ว เขานอนรอรีสอยู่นานจนเผลอหลับไป แต่ก็ไม่คิดว่ารีสจะกลับมาดึกขนาดนี้แถมไม่บอกอะไรเขาเลย แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะรู้ว่าถามก็คงไม่ได้คำตอบ ตอนนี้เขาทำได้แค่เชื่อใจและรอคอยรีสอย่างที่เขาบอกต่อไป

 

 ...

nc นี้ได้แต่ใดมา 555

ปล.ทำไมไรท์แอบคิดว่าการเขียนncของไรท์ เริ่มรู้สึกเสียว(สันหลังว่าจะมีคนเห็น)น้อยลง แก้ยังไงใครช่วยที

...

ชอบกันมั้ย ขอบคุณทุกๆแรงใจจ้า  ง่า หายไปรอบนนี้คนเม้นหายเลย ยู้หูวมีคนอยู่มั้ย

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
สองตอนรวด จุใจ อร๊ายยยยยย NC18+ >.,< โบกมือลาไปสวรรค์ชั้น 7จ๊ะ ฟินแรง อ๊างงงง  :pighaun: 5555 (หื่นกว่ารีสก็meนี้ละ55) //อ่านตอน 34 จบกำลังจะเม้นท์ F5 เห็นอัพ 35 พอดี๊ ยาวเลยทีนี้ 55 //ตลอดตอน 34 ยัน 35 ตอนต้น หุบยิ้มไม่ลงเลย แก้มปริอ่ะ เขินนนนจริง 5555 เฟิร์สน่าร๊ากก อื้ออ ยอมแล้วรีส อ่อยไปอีกยั่วไม่รู้ตัว มีหรือจะทนกดเช้าเย็น สุขใจมากพอสารภาพกันแล้ว 5555 //เอาแล้วววววไอ้ดร.เริ่มล่า มาเลยมามึง!! อยากรู้เหมือนกันมันจะมาท่าไหนว่ะ ยังไงฝั่งนี้ก็มีผู้ช่วยเว้ย ไมเคิลสู้ไหวนะ? ถ้ารอดปลอดภัยยกตำแหน่งราชาปีศาจให้แทนรีสเลยอ่ะ 555555 เพราะรีสดูเหมือนหัวใจเต้นเลือดสูบชีดคล้ายคนฟื้นคืนชีพเข้าไปทุกที ความรักช่วยได้จริงๆ amazinggg!!! 55 //หมั่นนนนนไส้เชนนนนน หน้าตาท่าทางกวนบาทาสุดๆ ความคิดนี้ก็ไม่มีใครเกิ๊น เกือบวางแผนฆ่าตัวตายแล้วไหมนั่น 5555  ตลกเวลาเข้าไปวอแวไมเคิล เจ้าเล่ห์งี้ไมเคิลพลาดตลอดอ่ะ รีสเอือมระอา 555555 มีเสียดายความเป็นปีศาจไร้หัวใจของรีสอีก ไมเคิลดิสืบถอดต่อ เพลียกับเชนหมั่นไส้ แต่ก็นะ ยอมรับฝีมือแฮ็กและวางแผน พอจะไม่ตืบได้ 555555 //เฟิร์ส อย่าเข้าใจรีสผิดนะ รีสมันก็ห่วงละถึงไม่ยอมบอก กลัวว่าจะกังวลไปไรงี้ โดนกดหนักๆก็พักผ่อนก่อนนะ 555 รีสเคลียร์เอง ราชาปีศาจนะเว้ยยยย!!! มาเล้ยยย!! รอออตอนต่อไปเลยค่ะ ลุ้นนนจะเป็นไรเจอไรบ้าง //เออ นาน แต่ก็รอค่ะ ก่อนหน้าเกือบไปตามแล้ว ติดเกรงใจ 555 คิดถึง #เฟิร์สรีส มาก ขอบคุณนะคะที่มาต่อ ยังรอเสมอ ^^ ไฟท์ติ้งงงงงงงตอนต่อไปค่ะ ฮึบๆ โย่วววว!!

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk

ตอนพิเศษ ลอยกระทง + ฮัลโลวีนย้อนหลัง
[/size][/color]



ณ คอนโดหรู



ร่างบางของเฟิร์สที่ยังคงง่วนอยู่กับการจัดข้าวของที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ เพราะวันนี้รีสสัญญากับเขาว่าหลังจากกินข้าวมื้อเย็นในวันนี้เสร็จจะพาเขาไปลอยกระทงขอขมาพระแม่คงคาตามธรรมเนียมไทย และดูSuperMoon ใกล้โลกมากที่สุดในคืนนี้ เห็นบอกว่าจะหามุมเงียบๆสุดโรแมนติกไว้เซอร์ไพร์ซึ่งเฟิร์สก็ไม่รู้ว่ารีสจะบอกทำไม แล้วมันจะเซอร์ไพร์ตรงไหนกัน



เมื่อทุกๆอย่างถูกจัดลงบนโต๊ะอย่างสมบูรณ์แบบ เฟิร์สยืนพิจารณามองผลงานของตนเองอย่างภูมิใจ เชิงเทียนตั้งเด่นอยู่กลางโต๊ะ ประกอบกับอาหารสองสามอย่าง เครื่องจานอีกคนละชุด แก้วน้ำเปล่าและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อีกคนละสอง วางสง่าหรูหราอยู่บนผ้าปูโต๊ะสีขาวมันวาว กับเก้าอี้ที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวมันวาวเช่นเดียวกันเข้าคู่กับความกว้างยาวของโต๊ะที่เป็นสีเหลี่ยมจตุรัส เป็นโต๊ะที่เหมาะสำหรับปาร์ตี้เล็กๆของสองคนเป็นอย่างมาก



"โถ่ ของแค่นี้ ถ้าฉันจะทำก็ทำได้หรอก ดูสิ ใครทำนะ สวยงามมาก"



"ที่รักของผมทำไงครับ เก่งที่สุดเลย ฟอด~" รีสเดินเข้ามาสวมกอดจากด้านหลัง แล้วลักหอมแก้มให้ชื่นใจไปฟอดใหญ่



"รีส ตกใจหมด กลับมาตอนไหนน่ะ นี่แน่ะๆอย่ามาแตะอั๋งนะ" ทำเอาเฟิร์สที่ยืนอยู่สะดุ้งเฮือก แล้วหยิกแขนรีสไปเบาๆแก้เขิน ดวงหน้าขึ้นสีระเรื่อดูน่ารัก



"โอ๊ยๆ รีสเจ็บนะครับ" รีสทำหน้าเจ็บปวด ร้องโอดโอยเรียกคะแนนความสงสาร แต่ที่ได้ทำมากลับกลายเป็นแรงหยิกที่มากขึ้นด้วยความหมั่นไส้



"พูดอย่างกับนายเจ็บเป็นงั้นแหละ อย่ามาเยอะนะ" เฟิร์สพูดแก้เขินแล้วเดินหนีไปเตรียมไฟแช็กเพื่อมาจุดเทียน



"รีสเจ็บเป็นนะครับ เฟิร์สก็รู้ว่าหัวใจของรีสกลับมาเต้นแล้วนี่นา นี่ไงได้ยินเสียงมันมั้ยครับ" รีสเดินตามไป กอดซ้อนข้างหลังอีกครั้ง มือนั้นก็สอดประสานกุมมือของอีกคนไว้ไม่ปล่อย แล้วจับหันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ ดวงตาสบมองไม่วางตา คว้าเอามือนั้นขึ้นมากุมที่ตำแหน่งของหัวใจ ให้ได้ยินทุกสัมผัสของมันที่เต้นตุบตับผ่านฝ่ามือ



"แล้วที่มันเต้นได้เนี่ย ก็เพราะมันได้รับความรักจากเฟิร์สนะ" รีสที่เห็นท่าทีที่เขินอายจนพูดไม่ออกของเฟิร์ส ก็เอาใหญ่ ความอยากแกล้งคนน่ารักก็เพิ่มขึ้นมา เขาเอ่ยเสียงหวานหยด ออดอ้อดข้างใบหูของเฟิร์สอย่างจงใจ ดวงตาก็ยังต้องมองไม่ยอมห่าง



"อือ...อ๊ะ ไอ้คนฉวยโอกาส พอได้แล้ว ฉันหิวแล้วนะ" เฟิร์สที่กำลังจะเคลิบเคลิ้มไปกับการชักนำของปีศาจเจ้าเล่ห์ก็รู้สึกตัวเมื่อมือเย็นนั้นเข้าไปสัมผัสกับตุ่มไตของเขา หน้าเฟิร์สนั้นแดงสุก สะบัดตัวออกจากกรงแขนปีศาจเบาๆ แล้วเดินหนีพรางติดกระดุมเสื้อตัวที่ไม่รู้ว่าหลุดออกไปตอนไหน ได้ยินแต่เสียงหัวเราะ หึ อย่างพอใจดังตามมาให้ได้ยิน



แสงไฟของห้องถูกดับลง ปล่อยให้แสงเทียนสีนวลสว่างทำหน้าที่ ดินเนอร์ที่มีเราสองถูกดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ฝ่ายคนตัวสูงก็เอาแต่พูดหยอกล้อโลมเลียด้วยสายตาและคำพูดจนคนตัวเล็กเขินหน้าแดงไปหมด ทั้งสายตาทั้งมือก็ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนถูก เลยกลับกลายเป็นว่ารีบตักอาหารเข้าปากจนสำลัก คนแกล้งก็ยังไม่วายหัวเราะ แต่ก็ส่งน้ำให้ดื่มอย่างเห็นใจ แต่แก้วที่ส่งดันกลายเป็นแก้วไวน์ จากที่จะหายสำลักเลยพุ่งพลวดออกจากปาก ไอโครกจนน้ำตาซึม คนขี้แกล้งเลยรู้สึกผิดแล้วเอาแต่จอโทษยกใหญ่ กว่าจะหายก็เป็นเวลาของหวานที่รีสแอบซื้อขนมสุดโปรดอย่างเค้กสตอเบอร์รี่กับพุดดิ้งนมสดถ้วยเล็กๆมาวางง้อ แล้วการดินเนอร์ใต้แสงเทียนก็ดำเนินต่อไปจนจบ



"รีสเสื้อผ้าที่ออกไปซื้อมาอยู่ไหนล่ะ ฉันจะไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยไปลอยกระทงกัน" หลังจากกินอาหารเสร็จเฟิร์สก็เดินไปค้นหาถุงเสื้อผ้าที่เขาให้รีสซื้อมาเพื่อให้ให้สุภาพเหมาะกับงานลอยกระทงในปีนี้



"ถุงสีเทาที่วางอยู่ตรงนั้นครับ เฟิร์สไม่รอให้ผมล้างจานเสร็จก่อนหรอ ไว้อาบด้วยกันไง" รีสส่งเสียงมาหยอกล้อให้เฟิร์สหน้าแดงอีกครั้ง มือก็ยังคงล้างจานไม่หยุด เพราะถ้าให้เฟิร์สทำคนไม่เหลือจานไว้ใช้ในครั้งต่อไป แต่ก็ไม่คิดว่าเฟิร์สจะจัดโต๊ะดินเนอร์ออกมาได้ดีเกินคาด



"ไม่ต้องมาทะลึ่งเลยนะ ไอ้บ้า! ฉันไปละ" เฟิร์สเขินจัดอีกตามเคย มือคว้าถุงสีเทาที่มีอยู่ถุงเดียวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว



รีสที่ล้างจานเสร็จก็มายืนอยู่หน้าห้องน้ำ ริมฝีปากก็ยกยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์ กลั้นขำจนตัวสั่น ซึ่งไม่นานเกินรอเขาก็ได้ยินเสียงของเฟิร์สดังลั่นรอดออกมาจากห้องน้ำให้ได้ยินดังที่คาดไว้



"ไอ้บ้ารีส!!! นี่มันชุดอะไรกันห้ะ! เอาชุดบ้าไรมาให้ฉันใส่! แล้วเสื้อผ้าฉันหายไปไหนเนี่ย" เฟิร์สโวยวายลั่นห้องน้ำเมื่อเห็นชุดที่เขาหยิบออกมาจากถุงสีเทาเจ้าปัญหา จะอะไรซะอีก ก็ชุดนี้มัน เอ่อ...ชุดหนังสีดำ ตัวเสื้อเป็นเสื้อกั๊กครั่งตัวผูกโบว์ง่ายต่อการกระตุกอีก แถมกางเกงก็สั้นซะจนแทบมองเห็นข้างใน ถุงเท้าตาข่ายยาวสีดำ ถุงมือสั้น ปอกคอ? ยังมีหูแหลมๆเหมือนปีศาจให้สวมหัวด้วย แล้วไหนจะไอ้ชิ้นสำคัญอย่างกางเกงใน ไอ้บ้ารีส!! อยากจะฆ่าให้ตายซะ จีสตริงแบบเชือกผูก อะไรมันจะต้องการที่จะกระตุกออกง่ายปานนั้น ไม่เอาอุปกรณ์เสริมมาให้เขาด้วยเลยล่ะ จะsmไปไหน แล้วยังแอบเข้ามาเอาเสื้อผ้าเก่าเขาออกไปอีก ส่วนตัวสักนิดมีมั้ย



"หึหึ ก็ชุดฮัลโลวีนไงครับ วันนั้นเราไม่ได้ฉลองกัน ก็เลยซื้อมาใส่ในงานลอยกระทงแทน จะได้ควบคู่ไปเลยสองงานไงครับ" รีสยังคงหัวเราะร่า ยืนยิ้มพอใจอย่างสนุกสนานอยู่หน้าห้องน้ำ ยังไงเขาก็ไม่ยอมถ้าเฟิร์สไม่ใส่ก็อดไปลอย



"จะบ้าหรอ! ฉันไม่มีทางใส่มันแน่!" เฟิร์สที่ทั้งโกรธทั้งอายยังคงโวยวายไม่หยุด



"ถ้าเฟิร์สไม่ใส่ ก็...โป๊ไปลอยกระทงก็แล้วกันนะครับ" รีสก็ยังคงไม่หยุดแกล้ง เอาสิ ใครจะชนะ



"งะ งั้น งั้นฉันใส่ก็ได้ ฮือ ไอ้บ้ารีสเอ้ย อย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะ แล้วแบบนี้จะไปลอยยังไง หาชุดคลุมให้ฉันด้วยนะ แล้วก็#?%7*2;=#98%+..." สุดท้ายคนที่แพ้ก็ยังคงเป็นเฟิร์สจากน้ำเสียงโวยวายแรกๆก็กลับกลายเป็นบ่นอุบไม่เลิกรา



"หึหึ รออยู่นะครับ เร็วๆเข้าล่ะ" เมื่อได้รับชัยชนะ รีสก็เดินไปเตรียมของสำหรับคืนนี้ที่ยังคงอีกยาวไกล แล้วก็ยังคงหัวเราะต่อไป เมื่อคิดถึงสิ่งที่จะตามมาข้างหน้า ซึ่งเขาคิดภาพใบหน้าของเฟิร์สออกเลยว่าจะต้องแดงและโมโหอาจจะมีควันออกหูด้วยนะ หึหึ

.
.
.

"น่ะ นี่ รีส... อย่าหัวเราะนะ" เฟิร์สที่หายเงียบไปนาน ค่อยๆเปิดแง้มประตูออกมาชะโงกมองคนที่นั่งรออยู่ที่เตียงนอนในสภาพชุดคลุมอาบน้ำหลังชั่งใจในการใส่ชุดนี้อยู่นาน



"ไอ้บ้ารีส...อย่าเงียบสิ มันแปลกๆใช่มั้ย ฉันว่าแล้วว่ามันไม่โอเค" เฟิร์สที่ออกมายืนเต็มตัวในสภาพชุดหนังเต็มยศสุดเซ็กซี่ ยืนหมุนไปหมุนมา ดึงตรงนู้นตรงนี้มาปิดบังผิวกายที่โผล่พ้นเพราะความหวาบหวิวของชุด สีหน้าก็มีความกังวลฉายชัด แล้วยิ่งวิตกหนักไปอีก เมื่อรีสที่เห็นเจาใส่ชุดแล้วก็เอาแต่จ้องมาแล้วก็เงียบไป เฟิร์สได้แต่อายที่เขาดูน่าเกลียดจนแทบจะวิ่งไปเปลี่ยนชุดไม่ทัน แต่แค่หมุนตัวกลับไปยังไม่ทันจะเข้าห้องน่ำไปเปลี่ยนเท่านั้น ก็ได้ยินเสียงของรีสพูดกับมาคล้ายละเมอจนต้องตะแคงหูฟังแต่ก็ได้ยินไม่ถนัดอยู่ดี



"ซะ...เซ็กซี่ มากกกกก..." รีสที่พูดออกมาคล้ายละเมอ ดวงตาสีแดงจ้องเอาๆ ไล่มองตั้งแต่หัวยันเท้าเท้ายันหัวเน้นมองจุดสำคัญๆที่แอบหวังว่าเมื่อเฟิร์สขยับตัวมันจะเผยส่วนเล้นลับมาให้เห็นบ้าง ใจจริงรีสนั้นแค่จะแกล้งเฟิร์สเท่านั้น ก็แค่ให้ใส่เล่นๆเดี๋ยวก็ให้เปลี่ยนแล้วพาไปลอยกระทงก่อนจะกลับมาฉลองต่อกันสองคนที่ห้อง แต่เห็นทีเขาต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัว เมื่อความหื่นนั้นจุดประกายขึ้นมาแล้ว



"ว่าไงนะ แล้วนั่นนายทำอะไร เปิดคอมทำไม แล้วทำไมไม่แต่งตัวล่ะ" เฟิร์สที่แทบไม่ได้ยินเสียงรีสพูดเลย ก็เอาแต่ฉงน แต่ยังไม่ได้คำตอบดีเลย ก็ต้องมีเรื่องให้สงสัยต่อ เมื่อเห็นรีสนั้นเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์

"ก็ลอยกระทงไงครับ ลอย ใน...เว็บ" รีสพูดขึ้นช้าๆแล้วหันมามองพร้อมยิ้มหวานให้ เมื่อพูดเสร็จก็เดินเข้าไปประชิดตัวเฟิร์สที่ตั้งท่าจะโวยวาย



"ห๊าาาา??...จะบ้าหรอ แล้วให้ฉันแต่งตัวทำไมห้ะ เหวอๆ จะทำอะไร๊!!" หลังจากเดินไปประชิดตัวคนขี้โวยวายเสร็จ รีสก็ฉกตัวเฟิร์สมาไว้ในอ้อมแขน อุ้มขึ้นพาดบ่า แล้วปล่อยลงเมื่อถึงโต๊ะคอมฯ



"เอาน่าๆ เร็วสิ อธิฐานก่อน แล้วกดปล่อยตรงนี้นะ"
รีสนั่งลงที่เก้าอี้ก่อน แล้วจับคนขี้งอนที่ตอนนี้หน้าง้ำงอไปหมดมานั่งตัก มือกุมซ้อนมือของเฟิร์สที่ให้จับเมาส์แล้วกดปล่อยกระทงใบสวยที่กดเลือกไว้ เฟิร์สที่สีหน้าดีขึ้นมาหน่อย นั่งหลับตาพริ้มอธิฐานอย่างตั้งใจ แม้จะไม่ใช่ของจริงแต่ความตั้งใจเขาไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เรียกรอยยิ้มเล็กๆจากคนตังใหญ่ไม่น้อย



"กดปล่อยพร้อมกันนะ" เฟิร์สพูดยิ้มๆออกมาอย่างเขินอาย รีสก็ทำตามนั้นอย่างว่าง่าย เมื่อกดปล่อยเสร็จก็ยังดูกระทงนั้นลอยอยู่ในหน้าจอสักพัก เฟิร์สก็หันไปยิ้มระบายสุขกับรีสที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้พอดีเหมือนกัน



"เฟิร์สอธิฐานว่าอะไรหรอครับ ของรีส รีสขอบคุณพระแม่คงคาที่ให้เราได้ใช้น้ำ และขอให้เฟิร์สของผมมีความสุขและปลอดภัยจากทุกสิ่ง แล้วก็บอกท่านว่า รีสรักเฟิร์สที่สุด" รีสพูดขึ้นมาเบาๆ มือสวมกอดที่เอวเฟิร์สหลวมๆ แล้วจับหมุนให้เฟิร์สนั่งตะแคงข้างจะได้มองหน้ากันชัดๆ



"ไอ้บ้า ตอนท้ายนี่มันไม่ได้เกี่ยวกันสักหน่อย ...ของฉัน ฉันก็ขอขมาและขอบคุณพระแม่คงคาปกตินั่นแหละ แล้วก็ปล่อยทุกข์โศกที่มีให้ลอยไปกับสายน้ำ แล้วก็...ขอให้ปีหน้าและปีต่อๆไปฉันได้ลอยกระทงพร้อมๆกับนายอีก" เฟิร์สพูดขึ้นอย่างเขินอาย ใบหน้าขึ้นสีแดงเป็นริ้วๆ ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตากับดวงตาสีแดงทรงเสน่ห์คู่นั้นโดยตรง ตอนเอ่ยประโยคถ้ายก็เอาแต่กัดปากเพราะความตื่นเต้น ใจก็เต้นโครมครามจนดังออกมาให้ได้ยินกันลั่นห้อง



"รักเฟิร์สนะครับ จุ๊บ" รีสที่ได้เห็นท่าทีนั้นก็ยิ้มพอใจ ใจของเขาก็เต้นตึกตักแข่งกับของเฟิร์สไม่หยุด รีสยกมือเย็นนั้นคว้าหมับเข้าที่ใบหน้าให้เงยขึ้นสบมองกันนิ่ง แล้วค่อยๆจุ๊บลงไปบนริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา



แต่พอจุ๊บเสร็จก็ไม่ได้ละดวงหน้าออกไปไหนไกล ยังคงคลอเคลียให้ลมหายใจร้อนๆของเฟิร์สผสมกับไอเย็นของรีสมั่วไปหมด แต่เมื่อรีสที่ดูท่าจะต้องการมากกว่านั้นเริ่มก้มหน้าเข้ามาใกล้อีก เฟิร์สก็รีบโผลงออกไปอย่างรู้ทัน แล้วเบือนหน้าพร้อมขนับตัวถอยห่าง ได้ยินแต่เสียง หึ่ม! ไม่พอใจเบาๆจากอีกคนที่โดนขัดใจ



"อ่ะ...ปล่อยได้แล้ว...นี่ ลอยเสร็จแล้วก็ปล่อยสิ แล้วไหนบอกว่าจะหามุมเงียบๆดูพระจันทร์กันไง ไหนล่ะ" เฟิร์สที่เห็นเหมือนรีสกำลังจะหน้ามุ่ยไม่ค่อยพอใจที่ตนหนี ก็รีบเปลี่ยนเรื่อง ท้วงติงสิ่งที่เจารอคอยจากรีสแทน



"นู้นไงครับ ดูSuperMoon อย่างที่เฟิร์สอยากดูไง ระเบียงนี้วิวดีมากเลยนะ ป่ะ ไปกันเถอะ พี้อมหมดแล้วนี่" รีสยกยิ้มเจ้าเล่ห์ทันทีที่ได้ยินคำท้วงติงนั่น เพราะจากที่เฟิร์สจะรอด แต่อาจจะต้องจำอีกนานเลยก็เป็นได้



"วะ ว่าไงนะ นายจะให้ฉันแต่งตัวแบบนี้ออกไปดูพระจันทร์ที่ระเบียงเนี่ยนะ นายคิดได้ไง นี่ถ้าฉันถือแซ่กับเทียนมีกุญแจมือนี่ครบเครื่องมือsmเลยนะไอ้บ้า!" เฟิร์สที่ไม่ได้รู้แผนการอะไรนั่นของรีส ก็เปลี่ยนเป็นอารมณ์จะเสียอีกจนได้ เมื่อนึกได้ว่าถ้าเป็นระเบียง มันคือนนอกห้อง อาจจะมีคนเห็น แล้วเขาดันใส่ชุดหนังแบบนี้อีก

"หึหึ" รีสก็ไม่ได้พูดอะไร เอาแต่หัวเราะหึและยิ้มอย่างมีเลสนัยให้เฟิร์สคอยระแวงเข้าไปใหญ่ ตามประสาคนขี้แกล้ง



"ยะ อย่าบอกนะ ว่าที่ระเบียงมี...แล้ว แล้วนายจะทำมันที่ระเบียง..." เฟิร์สที่เริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ เพิ่งจะมาระวังตัว ทำหน้าตาตื่นตะหนก ไม่ไว้ใจ ขาก้าวถอยหลังหนีอีกคนที่ก้าวตามเข้ามา



"ตามนั้นครับผม" รีสพูดขึ้นแล้วก้าวเท้าทีเดี๋ยวถึงตัวเฟิร์ส คว้าหมับที่เอวบางแล้วอุ้มขึ้นในท่าเจ้าหญิง พาเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อดูพระจันทร์ หรืออาจจะทำกิจกรรมบางอย่างให้พระจันทร์ดูแทน



"ไม่นะ! ไม่!!!!! อ่ะ อ๊า!!"



และแล้วคืนนี้ก็จบลงที่ระเบียง1ที่เตียงอีก2 อาจจะแถมอีกนิดหน่อย พร้อมๆกับเสียงครางระงมของเฟิร์สที่แหบลงๆตามประสาคนเริ่มหมดแรงกับกิจกรรมเข้าจังหวะที่หนักหน่วงและตื่นเต้น





...จบจ้า

สุขสันต์วันลอยกระทง อย่าลืมลอยกันอย่างมีสติ ใช้วิจารณญาณ และความไม่มาทถือถรองสติอยู่กับตัว ขับขี่ปลอดภัย ใส่ใจคนรอบข้าง ระวังอุบัตติเหตุ และระวังตกน้ำด้วยนะคะ

อย่าลืม วันนี้ Super Moon พระจันทร์ใกล้โลกมากที่สุด ดวงใหญ่ที่สุด เห็นชัดที่สุด สว่างที่สุด เอาเป็นว่า สวยและดวงใหญ่เว่อร์จ้า

และสุดท้าย ฮัลโลวีนย้อนหลัง แม้ไม่มี Trick or that อย่างที่ตั้งใจ แต่เอาหวานปนหื่นของรีสในลุคมนุษย์แฟนกันบ้างจ้า

ท้ายนี้หวังว่าคงชอบกันน้าา...บ้ายจ้า เจอกันตามเนื้อเรื่องปกติตอนต่อไป

...
สองตอนรวด จุใจ อร๊ายยยยยย NC18+ >.,< โบกมือลาไปสวรรค์ชั้น 7จ๊ะ ฟินแรง อ๊างงงง  :pighaun: 5555 (หื่นกว่ารีสก็meนี้ละ55) //อ่านตอน 34 จบกำลังจะเม้นท์ F5 เห็นอัพ 35 พอดี๊ ยาวเลยทีนี้ 55 //ตลอดตอน 34 ยัน 35 ตอนต้น หุบยิ้มไม่ลงเลย แก้มปริอ่ะ เขินนนนจริง 5555 เฟิร์สน่าร๊ากก อื้ออ ยอมแล้วรีส อ่อยไปอีกยั่วไม่รู้ตัว มีหรือจะทนกดเช้าเย็น สุขใจมากพอสารภาพกันแล้ว 5555 //เอาแล้วววววไอ้ดร.เริ่มล่า มาเลยมามึง!! อยากรู้เหมือนกันมันจะมาท่าไหนว่ะ ยังไงฝั่งนี้ก็มีผู้ช่วยเว้ย ไมเคิลสู้ไหวนะ? ถ้ารอดปลอดภัยยกตำแหน่งราชาปีศาจให้แทนรีสเลยอ่ะ 555555 เพราะรีสดูเหมือนหัวใจเต้นเลือดสูบชีดคล้ายคนฟื้นคืนชีพเข้าไปทุกที ความรักช่วยได้จริงๆ amazinggg!!! 55 //หมั่นนนนนไส้เชนนนนน หน้าตาท่าทางกวนบาทาสุดๆ ความคิดนี้ก็ไม่มีใครเกิ๊น เกือบวางแผนฆ่าตัวตายแล้วไหมนั่น 5555  ตลกเวลาเข้าไปวอแวไมเคิล เจ้าเล่ห์งี้ไมเคิลพลาดตลอดอ่ะ รีสเอือมระอา 555555 มีเสียดายความเป็นปีศาจไร้หัวใจของรีสอีก ไมเคิลดิสืบถอดต่อ เพลียกับเชนหมั่นไส้ แต่ก็นะ ยอมรับฝีมือแฮ็กและวางแผน พอจะไม่ตืบได้ 555555 //เฟิร์ส อย่าเข้าใจรีสผิดนะ รีสมันก็ห่วงละถึงไม่ยอมบอก กลัวว่าจะกังวลไปไรงี้ โดนกดหนักๆก็พักผ่อนก่อนนะ 555 รีสเคลียร์เอง ราชาปีศาจนะเว้ยยยย!!! มาเล้ยยย!! รอออตอนต่อไปเลยค่ะ ลุ้นนนจะเป็นไรเจอไรบ้าง //เออ นาน แต่ก็รอค่ะ ก่อนหน้าเกือบไปตามแล้ว ติดเกรงใจ 555 คิดถึง #เฟิร์สรีส มาก ขอบคุณนะคะที่มาต่อ ยังรอเสมอ ^^ ไฟท์ติ้งงงงงงงตอนต่อไปค่ะ ฮึบๆ โย่วววว!!
แอร้ย มาแล้วๆ ขอบใจแรงจ้าที่เม้นมา แรงใจพุ่งพรวด 555
ว่าncมันไม่ค่อยเท่าไหร่ว่ามะ ทำงี้ดีให้เขียนได้จุใจกว่านั้น อุอิ
เอาตอนพิเศษมาให้อ่าน เนื่องจากจะลงตั้งแต่หลังฮัลโลวีน สุดท้ายมางานลอยกระทงอีก เลย *2 เลยจ้า ชอบมั้ยนะ  :ling3:

เฟิร์สน่ารักมากเลยเนอะๆ 555 แอบยิ่วปีศาจหื่นกามอย่างรีสจังๆเลย ตอนหน้าเจอกันตอนปกติตามเนื้อเรื่องเนอะ
มาดูกันว่าดร.จะทำไรร้ายแรงสะเทือนชีวิตคนอื่นบ้างมั้ย จะจัดการดร.ไงดีน้าาา
แล้วก็เชน นี่เด็กดีนะ ถึงมันจะบ้าแต่ก็เป็นคนดี ป่าววะ สักวันแหละ อาจจะช่วยคนอื่นจากใจบ้าง เลิกกวนประสาทชาวบ้านบ้าง ไรท์หวังว่าจะให้ไมเคิลช่วยอบรมให้หายกวนประสาทซักหน่อย (ถ้าได้นะ)

รักน้าาา เม้นตลอดเลย ขอบคุณค่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด