[ บันทึกพิเศษ ]
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขาเอาแต่มองเพื่อนสนิท อาจจะตั้งแต่เริ่มทำความรู้จักกัน หรืออาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้า พอมารู้ตัวอีกทีก็หยุดมองไม่ได้เสียแล้ว ถึงแม้ว่าเพื่อนคนนี้จะเป็นผู้ชายก็ตามที...
มันเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ไม่อ้วนและไม่ผอม ออกจะพอดีมีกล้ามเนื้อตามประสาผู้ชายแต่ไม่มีกล้ามจากการออกกำลัง ผมมันยาวละต้นคอดูยุ่งเพราะเจ้าตัวไม่คิดจะใส่ใจ จึงถูกเพื่อนตัวเล็กมัดจุกข้างหน้าเป็นน้ำพุเห็นแล้วตลกดี ผิวสีแทน(มันดำกว่าเขาล่ะนะ) ใบหน้าหล่อ ดวงตาคมดูดึงดูด แต่ติดที่มันชอบทำหน้าง่วง และไม่สนใจใครไม่อย่างนั้นมันคงรู้ว่ามีคนชอบมันเยอะแยะ แต่ถึงจะรู้ธนพนธ์ก็ไม่คิดว่ามันจะสานสัมพันธ์ วัน ๆ เห็นเอาแต่นอน เล่นเกม มาเรียนแล้วกลับหอ ไม่เคยจะมีแฟนเสียที ไม่รู้ว่าอินดี้หรืออะไร
"ไอ้หยามมันอยู่คนเดียว มึงลองขอ'เด็ดแม่มึงมาอยู่กับมันดิ" พีรพัฒน์พยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนสนิทอย่างอรรนพ ไอ้เรื่องขอแม่ออกมาอยู่นั้นมันไม่ยากหรอก เพราะตกลงกันแล้ว แต่เจ้าของห้องสิ ไม่เห็นมีปฏิกิริยาตอบรับ นอกจากขยับปลายนิ้วบนหน้าจอทัชสกรีนไปมา
ธนพนธ์กำลังหาหอพักนักศึกษาอยู่ หลังจากดื้อแพ่งจะมาอยู่ข้างนอกอยู่นานในที่สุดครอบครัวก็ยอมใจอ่อนให้ออกมาอยู่หอจนได้ แต่เพราะมันเปิดเทอมมาสักพักแล้ว หอในก็เต็ม หอนอกก็เต็ม อยากจะได้คอนโดกับเขาแม่ก็ไม่ซื้อให้ ส่วนอรรนพมันก็ให้พีรพัฒน์มาอยู่ด้วยเพราะมันสองคนเช่าร่วมกันมีสองห้องนอนพอดี เขาจึงไม่อยากเข้าไปรบกวนพื้นที่ส่วนตัวของพวกมัน
"ว่าไงหยาม ห้องมึงว่างเปล่า" พีรพัฒน์ถามคนที่นั่งเล่นเกมอยู่ข้างๆ
"...ไม่ว่าง มีแค่ห้องเดียว แต่ถ้าจะมาอยู่ด้วยก็ได้" คนเล่นเกมตอบ ก่อนจะละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์สบตาธนพนธ์วูบหนึ่ง "ห้องเล็กนะ"
"ก็ไม่เล็กมากนะ ออกจะกว้างไปเพราะมันอยู่คนเดียว แต่มีห้องแค่หนึ่งห้องนอน" อรรนพเคยไปหอสยามมาแถลงให้ฟัง "เตียงใหญ่อยู่นะ นอนสองคนได้พอดี ไม่อึดอัด"
"ไม่อยากรบกวนว่ะ" ธนพนธ์เอ่ยตามจริง คงต้องหาหออยู่ใหม่เทอมหน้าแทน
"ก็ไม่นี่ ถ้ามึงอยู่ได้ก็อยู่"
พอสยามพูดจบลง เพื่อนทั้งสองคนก็พยักหน้าตาม ความจริงแล้วมันไม่ใช่แค่ความเกรงใจเท่านั้น แต่เพราะยังไม่สนิทกันเท่าไหร่ เกรงว่าสยามอาจจะยังไม่รู้จักเขาดีพอและจะพาลมาไม่ชอบหน้ากันทีหลัง ต่างจากพวกเขาทั้งสาม ธนพนธ์ อรรนพ และพีรพัฒน์ เรียนห้องเดียวกันตอนมัธยมปลาย ส่วนอีกคนนั้นเพิ่งมารู้จักตอนเข้ามหาวิทยาลัย เห็นเดินคนเดียว ทำอะไรคนเดียว เลยชักชวนเข้ากลุ่ม แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาเองหรือเปล่าที่อยากจะเป็นกลุ่มก้อนกับอีกฝ่าย เพราะส่วนมากพวกเขาเป็นคนเข้าหาก่อนตลอด
"มึงลองไปดูก่อนก็ได้" พีรพัฒน์เสนอ
"อยู่แก้ขัดไว้หาหอใหม่ได้ค่อยย้าย" เจ้าของห้องเสริม
"งั้นกูไม่เกรงใจล่ะนะ"
แล้วธนพนธ์ก็ไม่เกรงใจอย่างที่บอก เขารีบกลับไปบอกแม่ และเก็บของมาอยู่ห้องเพื่อนเลยในวันนั้น ถึงคนเป็นแม่เห็นห้องในแมนชั่นเพื่อนผิวเข้มแล้วไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากผิดคำพูดกับลูกชายจึงยอมให้มาอยู่ และให้รถไว้ใช้หนึ่งคัน เพราะแมนชั่นห่างจากมหาวิทยาลัยพอสมควร
อยู่ไปแรกๆ ก็มีมึนตึงใส่กันเล็กน้อย เนื่องจากมันเป็นลูกคนเล็ก เขาเองก็เหมือนกัน ต่างคนต่างเอาแต่ใจ พีรพัฒน์ชอบบอกว่าสยามเป็นคนง่ายๆ เขาขอเถียงขาดใจ เพราะศึกษาเวลาอยู่ด้วยกันมา สยามเป็นคนดื้อเงียบ และเอาแต่ใจในแบบฉบับของตัวเอง ภายนอกอาจจะเห็นว่าง่าย ๆ อะไรก็ได้ แต่ความจริงแล้วเจ้าตัวเรื่องมาก ยามไม่พอใจก็จะนิ่งเงียบแฝงไปด้วยความอึมครึม บอกซ้ายไปขวา บอกให้เดินหน้ากลับเดินถอยหลัง ถ้าไม่ชอบก็จะค้านหัวชนฝา หากถูกขัดใจก็จะทำเหมือนเข้าใจซึ่งมันเป็นแค่การแสดงก็ในเมื่อสยามไม่ฟังซะอย่าง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกชอบใจมากคือ การทำตัวสัปดนทำให้สยามหลุดมาดได้เหมือนกัน เจ้าตัวมักจะบอกเขาด้วยเสียงเข้ม ๆ ชี้นิ้วไปยังบานประตูให้ไปทำในห้องนอน แต่ผิวหน้าที่ไม่ขาวก็ยังพอเห็นริ้วแดงเห่อขึ้นมาจาง ๆ เท่านั้นธนพนธ์ก็ยิ่งทำจนอีกฝ่ายระอาจนไม่รู้จะระอายังไง
.
.
"[อ๊ะ อ๊ะ! อ๊าาาา! ไก-ก๊ะ! อ๊า]""อาาา ซี้ดดดด"
"ไอ้เหี้ยแบงค์! มึงเข้าไปดูในห้องเลยไอ้สัด!" เสียงดังจากด้านหลัง พร้อมปากกาเลเซอร์ลายพร้อยไม่ได้สร้างความสะดุ้งสะเทือน ซ้ำยังทำให้เขายิ่งเพิ่งเสียงกระเส่าจนเจ้าตัวเดินมาปิดหน้าจอโทรทัศน์ LCD ที่กำลังฉายเรือนร่างอรชรบิดเร่าด้วยความเสียวซ่าน ครางดังปานจะขาดใจ
"มึงไปดูในห้องเลย!" นิ้วเรียวชี้ไปยังห้องนอนที่ใช้ร่วมกันทุกวัน
"มันไม่มีทีวี อื้ออ อ๊าาา"
"อะ..ไอ้เหี้ย!!"
ใบหน้าสีแทนกำลังขึ้นสี ทำให้คนขี้แกล้งยิ่งได้ใจ ชักรูดลูกชายตัวเอง แอ่นกายโอ้อวดความแข็งขืนครางเสียงหลงให้อีกคนได้น้ำโหฉวยหยิบหมอนอิงใกล้มือมาปาใส่ไม่ยั้ง
"ไอ้เหี้ยหยาม โอ๊ย!! โดนลูกกู!" โดนเต็ม ๆ เลย จุก! ธนพนธ์เก็บของลับเข้ากางเกงบ๊อกเซอร์ตัวบาง กุมเอาไว้เพราะถูกประทุร้ายจากรูมเมท
"ไอ้สัด ใครใช้ให้มึงมาทำเรื่องเหี้ยๆแบบนี้วะ! ขนโน้ตบุ๊คไปดูในห้องเดี๋ยวนี้เลย!"
"มึงจะซีเรียสทำไมวะ แค่ชักว่าว หรือมึงไม่เคย?" มันเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่มีความต้องการในสันดานดิบ ธนพนธ์ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน เขากับอรรนพทำด้วยกันออกจะบ่อย หมายถึงช่วยตัวเองนะ ไม่มีใครช่วยให้ใคร
"กูไม่มีสมาธิ! ถ้ามึงยังจะอยู่ห้องนี้ก็เอาโน้ตบุ๊คเข้าไปดูในห้อง! หรือไปชักว่าวในห้องน้ำ!!"
ท่าทางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงมันดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวเสียอีก ธนพนธ์อาจจะคิดไปเองคนเดียวก็ได้ว่าสยามน่ารัก... ก็น่ารักน่าแกล้งดี
ร่างสูงเข้ามาในห้องนอนที่พวกเขาใช้ร่วมกันพร้อมกับโน้ตบุ๊คเครื่องเก่ง ก่อนจะปิดล็อคห้องลงกลอนแน่นหนา แต่ทว่าไม่ได้เปิดดูหนังอย่างว่าต่อ ธนพนธ์หยิบหมอนริมฝั่งห้องน้ำซึ่งเป็นของคนที่ทำงานอยู่ด้านนอกมากอด กลิ่นแชมพูอ่อนๆเพราะเจ้าตัวเพิ่งสระเมื่อคืนยังติดอยู่เลย
มือเรียวเริ่มขยับรูดรั้งลูกชายอีกครั้ง จินตนาการถึงเรือนร่างยามตกอยู่ใต้ร่างเขา
เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวว่ากางเกงบอลตัวเก่ามันทั้งย้วย และเปื่อย แถมยังสั้น ขากว้างจนเผยให้เห็นขาเรียวเนียนสีน้ำผึ้ง เสื้อเองก็เหมือนกัน บาง และย้วยทำให้คอเสื้อตกไปยังไหล่อยู่บ่อยๆ บวกกับใบหน้าทั้งโมโหและอายนั่น...
"อาาา สะ..สยาม..."
.
.
.
เขาไม่รู้สิ่งที่เขาคิดกับสยามมันคือความรู้สึกแบบไหน สิ่งหนึ่งที่มั่นใจคือความรู้สึกระหว่างเขากับสยามมันมากกว่าเพื่อนมานานแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าอยากจะลิ้มลองรสบุรุษเพศสักครั้ง หรือชอบเจ้าตัวจริงๆ ธนพนธ์อาจจะดูเจ้าชู้ในสายตามัน เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น หากสังเกตุสักนิดมันจะรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกนั้นจะมีส่วนคล้ายคลึงกับสยามอยู่ไม่มากก็น้อย เขายอมรับว่าเลว เห็นความรักเป็นแค่ที่ระบายความใคร่ ยามที่เขานอนกับใครสักคนใบหน้าเฉยเมยของเพื่อนสนิทก็จะแวบเข้ามาในหัวราวกับว่าคนที่อยู่ใต้ร่างนั้นเป็นคนที่เขาคิดถึง
แล้วอีกเรื่องหนึ่ง ธนพนธ์ก็ได้รู้ว่าสยามไม่ใช่คนที่ไม่สนใจใคร ออกจะเป็นเสือซ่อนเล็บ เก็บความร้ายกาจไว้ภายใต้ความไม่สนโลกนั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีแฟนแต่สยามเลือกจะไม่เปิดเผยกับใครต่างหาก หลายครั้งที่เขากลับเข้าห้องมาผ้าปูเตียงจะถูกเปลี่ยนซึ่งมันเป็นกฎเหล็กที่เราทั้งสองต้องปฏิบัติหากจะพาแฟนมาทำอย่างว่าในห้อง เพราะต้องใช้ร่วมกัน และมีกลิ่นน้ำหอมที่ไม่คุ้นเคยฟุ้งอยู่จาง ๆ บางทีก็มีข้าวของที่ไม่ใช่ของเขาทั้งคู่มาวางประดับในห้อง
"ไอ้หยามมันร้ายลึกจะตาย"
"เออ กูเห็นมันคุยโทรศัพท์บ่อย มึงไม่เห็นเอง"
เพื่อนทั้งสองคนพูดขึ้นหลังจากร่างโปร่งลุกขึ้นไปคุยโทรศัพท์เสียไกล แอบงงเล็กน้อยเพราะเขาไม่เห็นสยามคุยกับใครเลยเวลาอยู่ที่ห้องเห็นเล่นแต่เกม แต่ทำไมพีรพัฒน์ถึงเห็นบ่อยกว่าเขากัน
"มันมีแฟนเหรอวะ"
"คงไม่ใช่ว่ะ ไม่เคยเห็นแฟนมันสักที" พีรพัฒน์ขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะตอบ
"กูเคยเห็นมาสอง-สามคนแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าแฟนมันหรือเปล่า"
ธนพนธ์เงียบเมื่อได้ยินคำตอบของอรรนพ รู้สึกแปลกๆอยู่ในหัวใจ ทำไมเขาถึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสยามเลย ทั้งที่อยู่ในห้องเดียวกันแท้ๆ เข้าขั้นสนิทกันจนมองข้ามเรื่องหยุมหยิมเล็กน้อยไปหมดแล้ว แต่กับเรื่องส่วนตัวธนพนธ์คิดว่าพวกเขาไม่รู้จักกันเท่าไหร่ มีแต่เขาที่เปิดเผยอยู่ฝ่ายเดียวหรือไง
แต่ความลับมันไม่มีในโลก หลังจากจบชั่วโมงเรียนตอนสายตัวเดียว พอบ่ายเขาก็ออกไปกับแฟนคนล่าสุดบอกกับสยามว่าจะค้าง ไม่ก็กลับดึก แต่ไปยังไม่ถึงชั่วโมงเรื่องของสยามมันค้างอยู่ในหัวเต็มไปหมด สุดท้ายธนพนธ์ก็ชิ่งกลับมาที่ห้องก่อน เป็นจังหวะเหมาะพอดีได้เจอสยามอยู่กับผู้ชายหน้าตาน่ารัก...
ผู้ชาย!!
"กูเข้ามาผิดเวลาหรือเปล่าวะ?" ภาพตรงหน้าทำเขาอึ้ง แต่ก็พยายามประคองสติของตัวเองให้มั่นก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
ธนพนธ์ลอบกลืนน้ำลายเมื่อมองสรีระเพื่อนสนิทที่เหลือเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียว เหมือนกับร่างบางขาวที่นั่งคร่อมสยาม กอดคอและซุกใบหน้าลงอย่างเขินอาย
"พี่หยาม" คนตัวเล็กเสียงสั่นเตือนให้ทั้งเขา และสยามรู้ตัว
"ไหนมึงบอกว่าจะไปกับอี๊ฟ"
"ไปมาแล้วว่ะ เบื่อเลยกลับ" ธนพนธ์บอกปัด ก่อนจะถอดรองเท้าเก็บเข้าที่แล้วโบกมือไล่ "มึงไปต่อกันในห้องเลย เดี๋ยวกูดูทีวีรอ"
สยามทำหน้ารังเรอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหาสาบเสื้อของตัวเองคลุมร่างขาวโพลนเอาไว้ แล้วอุ้มไปยังห้องนอน ธนพนธ์มองบานประตูที่ปิดสนิทด้วยความรู้สึกหลากหลาย มือใหญ่กร้านกำแน่นเหมือนกับหัวใจที่กำลังบีบรัดตัวจนรู้สึกเจ็บ
ดีใจที่สยามชอบผู้ชาย แต่มันเจ็บที่คนๆนั้นไม่ใช่เขา!.
.
ข่าวสยามเป็นเกย์แพร่สะพัดในเวลาต่อมา ทำเอาสาวๆเสียใจกันยกใหญ่ ที่เพิ่มขึ้นคือผู้ชายหลายคนที่มักจะมาขายขนมจีบให้เห็นอยู่บ่อยๆ รวมถึงเด็กรุ่นน้องอย่างปัฐวีย์ที่ยังคงไปมาหาสู่เรื่อยๆในฐานะแฟน ถึงแม้สยามมันจะไม่ได้สนใจตังเองไปมากกว่าคนอื่นๆก็ตาม สาบานให้ตายเลยว่าธนพนธ์ไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าว แต่เป็นเพราะเดือนมนุษยฯต่างหากที่มาหาบ่อย และยังแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง ถึงเขาไม่ต้องไปป่าวประกาศคนก็รู้กันทั้งนั้น
บอกตรง! ธนพนธ์รู้สึกหมั่นไส้จนตะโกนแช่งในใจให้เลิกกันไปเสียที!
"มึงสองตัวรอแป๊บ พวกกูจะไปซื้อขนม" คนตัวเล็กบอก ลากตัวสยามที่กำลังนั่งเล่นเกมไปซื้อขนมด้วย ทั้งที่อีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะสอบแล้ว พวกมันยังทำตัวชิล ๆ ราวกับทำข้อสอบเด็กประถม
เมื่อร่างทั้งสองหายไปในฝูงชนแล้ว ธนพนธ์ก็วางหนังสือลง แล้วเอ่ยเสียงจริงจัง
"ไอ้น้ำ...
กูชอบไอ้หยามว่ะ "
คนตรงหน้าไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจหรือ ตกใจอะไร แค่พลิกหนังสือแล้วหัวเราะเหมือนสิ่งที่เขาบอกมันเป็นแค่มุกตลกมากเสียอย่างนั้น
"ไอ้สัด ไม่ขำ"
"ฮ่า ๆ ๆ โทษที ๆ กูไม่คิดว่ามึงจะพูดออกมาเอง" คราวนี้อรรนพละสายตาจากหนังสือเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม นั่นแสดงว่าเพื่อนคนนี้รู้มานานแล้วว่าเขาชอบสยาม ก็อย่างว่า เขาสนิทกับอรรนพมานาน เรื่องแค่นี้มองดูก็รู้
"...กูต้องทำไงวะ"
"ก็ทำที่อยากทำ" พูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย มันไม่ใช่แค่บอกว่า ‘ไอ้สยาม กูชอบมึง’ แล้วผลจะออกมาดี แฮปปี้เอนดิ้งเสียหน่อย
"ถ้ามันเกลียดกู"
"จีบคนมามากมาย เรื่องแค่นี้ไม่รู้หรือไงว่าต้องเข้าหายังไง"
"มันแบบ... พวกกูเป็นเพื่อนกันมานานแล้วอ่ะ สามปีมันนานนะเว้ย มันคิดแค่เพื่อน... คืออยู่ด้วยกันตลอด สันดานเป็นไงก็รู้ ๆ กันอยู่ แล้วมันก็-"
"มึงเข้าประเด็นเลยไอ้แบงค์ ไม่ต้องอ้อมค้อม" ยังไม่ทันพูดจบอีกฝ่ายก็สวนขึ้นมาทำหน้าเหม็นเบื่อ
"กูจะจีบมันยังไงดีวะ คือ.. มันไม่มีฟีลกุ๊กกิ๊กว่ะ ผีเห็นผีกันมาล้วนๆ" นี่แหละคือสิ่งที่ธนพนธ์หนักใจ ตลอดเวลาเขามักจะทำตัวห่าม และพูดจาอ้อล้อกับสยามจนติดเป็นนิสัย รวมถึงมันเองก็ไม่ได้มีท่าทีว่าสนใจเขามากกว่าเพื่อนคนหนึ่ง แถมยังทำท่าเกลียดนิสัยของเขาอยู่บ่อยครั้ง ถ้าจะให้ไปจีบเหมือนผู้หญิงมันคงแปลก ๆ คำว่าสุภาพมันไม่มีให้เห็นนานแล้ว
"มึงก็จัญไรไปตามเรื่องดิ แค่...รุกหนักขึ้น และอย่าเพิ่งให้ไก่ตื่น ต่อให้มันร้ายลึกแค่ไหน สำหรับมึงที่ร้ายกว่าเห็นๆ มันเดามึงไม่ออกคงยากจะรับมือ"
"แล้วไงต่อวะ"
"ไม่รู้โว้ย มึงชอบมันกูไม่ได้ชอบด้วย" เจ้าตัวโวย "ถ้าชอบก็เริ่มทำอะไรสักอย่างได้แล้ว"
"กูไม่รู้จะเริ่มยังไงว่ะ"
"งั้นสอบเสร็จไปแดกเหล้ากัน เดี๋ยวให้ไอ้พีชวน" เพราะถ้าเป็นพีรพัฒน์ชวน สยามจะไม่มีวันขัดใจแน่ๆ
.
.
หลังจากสอบโคตรโหดผ่านไป ร้านเหล้าร้านประจำก็ถูกใช้เป็นสถานที่ย้อมใจ พวกเขาสั่งเหล้า โซดา และกับแกล้มกินเล่น พรางคุยกันเรื่อยเปื่อย โดยมีพีรพัฒน์มือชงคอยส่งแก้วให้ตลอด ธนพนธ์เหลือบมองคนข้างกายเป็นระยะ ๆ สยามเป็นคนคออ่อน อ่อนถึงขนาดกินเบียร์แค่หนึ่งกระป๋องก็เมาแล้ว เจ้าตัวเลยไม่ค่อยดื่ม นั่งคุยเล่นเสียมากกว่า และด้วยความที่เป็นคนหน้าตาดีจึงมีผู้หญิงมาขอเบอร์ หากสวยถูกใจสสยามก็ให้ไป
และข้อสำคัญที่เขายังไม่ลืมก็คือ สยามเป็นไบเซ็กชวล ยิ่งทำให้ธนพนธ์รู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
"แดกเหมือนไม่เคยแดก" เสียงกระซิบข้างหูเรียกความสนใจจากคนตัวสูงได้ดี ธนพนธ์วางแก้วที่เหลือเพียงน้ำแข็งแล้วโน้มตัวกระซิบกลับ จงใจแตะปากเข้าที่ใบหูสีแทน
"ก็อยากแดก"
"ไกล้ไปลละ เมาแล้วไปไกลๆ" ว่าแล้วดันอกออก เมื่อรู้สึกว่าระยะห่างของพวกเขานั้นใกล้เกินความจำเป็น ร้านนี้เป็นร้านอาหารกึ่งผับธรรมดามีเวทีอยู่ด้านหน้า แบ่งโซนให้พอเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง ไม่ใช่สถานที่อึกทึกถึงขนาดต้องกระซิบเสียชิดใบหูขนาดนั้น สยามจึงเข้าใจว่าเพื่อนนิสัยเสียคนนี้กำลังแกล้งตัวเอง
"หึหึ"
เขาหัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างชอบใจเมื่อได้สร้างโลกส่วนตัวกันสอง สยามคงจะไม่รู้ว่าตัวว่าเวลาตัวเองนั้นมันน่าแกล้ง ไม่ต้องให้ถึงเมาหรอก แค่กึ่ม ๆ อย่างที่เป็นอยู่ก็ทำให้ปากอิ่มนั่นกล้าขึ้น จนอยากจะงับสักที หากสยามรู้ว่าเขาแอบฉวยโอกาสยามเจ้าตัวหลับ หรือเผลอบ่อย ๆ มันคงประเคนเท้าใส่เขาบ้างแหละ จะโทษใครล่ะ ก็สยามชอบปล่อยตัวเองนี่หว่า
"พวกมึงสองตัวนี่สร้างโลกส่วนตัวกันอย่างกับผัวเมีย"
"พ่อมึงสิ" สยามว่า แต่ไม่ได้ขยับหนี ส่วนธนพนธ์ที่ชอบในคำแซวเพื่อนเลื่อนมือมาโอบไหล่กว้างแบบผู้ชายไว้หลวม ๆ บอกเสียงดัง
"มึงไม่รู้เหรอวว่ามันเป็นเมียกู"
ค ว ย ปากอิ่มขยับไม่ออกเสียง ก่อนจะกระดกแก้วเหล้าที่วางไว้นานจนหยดน้ำเกาะรอบแก้วเข้าปาก คนทั้งโต๊ะหัวเราะครืน การที่สยามไม่ปฏิเสธเสียงแข็งนั้นยิ่งทำให้ธนพนธ์ยิ่งย่ามใจเลื่อนมือจากไหล่ลงมาวางที่เอวสอบแผ่วเบา
ไอ้คนที่มันมองอย่างสนใจพวกนั้นจะได้รู้ว่า
‘คนนี้ของกู’ นั่งดื่มกันไปสักพัก อาการมึนก็เริ่มเข้าทำงานคนคออ่อนอย่างจัง ร่างโปร่งที่เอนพิงร่างสูงของเพื่อนจึงขอตัวไปห้องน้ำ ธนพนธ์จะตามไปด้วยแต่เจ้าตัวห้ามเอาไว้ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป ถึงจะมึนอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงกับเซ เดินไม่ตรงทางขนาดที่ต้องตามประกบ
"ชงให้ไอ้หยามเข้ม ๆ เลย" อรรนพบอกพีรพัฒน์หลังลับร่างของสยามไปแล้ว
"มันคออ่อนจะตาย จะให้มันรีบเมาไปไหน" เพื่อนตัวเล็กแย้ง
"กูสั่งมึงก็ทำตามสิ"
"มึงเป็นพ่อกูรึไง?"
"เดี๋ยวมึงจะโดน"
"กูชงเอง พวกมึงสองตัวเอาแต่ทะเลาะกันเดี๋ยวแม่งก็กลับมาก่อนพอดี" ธนพนธ์แย่งแก้วจากพีรพัฒน์มาจัดการเอง หากรอให้ทั้งสองคนมันเถียงกันจบ คงไม่ได้ชงกันพอดี
"พวกมึงทำเหมือนจะมอมเหล้ามันเลยว่ะ"
"นั่งแดกไปเงียบ ๆ เถอะ ไหนว่าเซี่ยนเหล้า" พวกเขาไม่ตอบ อรรนพเป็นฝ่ายยกแก้วเหล้าของตัวเองกรอกปากเพื่อนตัวเล็กจนเกือบสำลัก โดยโวยวายใส่ไปยกใหญ่
น้ำสีอำพันถูกเทไปถึงครึ่งแก้ว ตามด้วยโซดาอีกครึ่ง คนคออ่อนอย่างสยามดื่มขนาดนี้ไม่กี่แก้วเดี๋ยวก็เมา ปกติก็ใช่ว่าจะดื่มได้เยอะเสียเมื่อไหร่ ธนพนธ์วางมันไว้ตรงที่เดิมของมัน ไม่นานเจ้าของแก้วก็กลับมานั่งที่ด้วยท่าทางดีขึ้นกว่าเมื่อครู่ ร่างโปร่งดูรอบตัวเรื่อยเปื่อย ไม่มีท่าทีว่าจะแตะ จนทั้งเขา อรรนพ พีรพัฒน์ยกดื่มไปสองแก้วแล้ว เขาเห็นมันสองคนซุบซิบอะไรสักอย่างเหมือนวางแผนกันทั้งที่เพิ่งจะตีกันไปหมาดๆ
"มาๆ ดวดกันเลยดีกว่า ไม่หมดแก้วเป็นหมา" พีรพัฒน์ยกแก้วเหล้าขึ้น พูดด้วยความขี้เล่นแต่เอาจริง ถ้ามันพูดขนาดนี้แล้วล่ะก็ ใครไม่หมดแก้วเดี๋ยวได้โดนจับกรอกแบบที่มันเพิ่งโดนไปเมื่อครู่นี้
ถามว่าสยามจากที่มึนอยู่แล้ว โดนเข้ม ๆ ไปสี่แก้วติด ๆ จะรอดมั้ย?
.
.
.
.
จบบันทึกพิเศษ
สั้นไปนิด ก็พี่แบงค์เขาเป็นคนใจร้อนอ่ะ -3-