- - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)  (อ่าน 165724 ครั้ง)

ออฟไลน์ FOUR EYES

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่40][170659]
«ตอบ #450 เมื่อ23-06-2016 12:14:32 »

ป๋าา มาดแมนที่สู้ดดด รีบๆไปช่วยน้องปูนนะคะ.

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่40][170659]
«ตอบ #451 เมื่อ24-06-2016 05:59:21 »

ลุ้นสุดๆ ปูนอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ รออ่านตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #452 เมื่อ25-06-2016 19:12:02 »


แตกที่ 41

…หวนคืน...







 

ความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบคนรักของคณิตเมื่อตอนเช้าถูกทำลายลงไปง่ายๆเพราะโทรศัพท์จากรัตติกาลเพียงสายเดียว แต่หาใช่เพราะเรื่องของรัตติกาลหรอก แต่เป็นข้อมูลบางอย่างที่ถูกส่งผ่านมาทางคนไกลต่างหาก



“ชาติบอกว่ากล้องวงจรปิดจับภาพรถได้ก่อนเข้ามาทางมอเตอร์เวย์ เพราะฉะนั้นมันก็น่าจะอยู่ในภาคตะวันออกเนี่ยแหละ”



“กว้างไป...คุณชาติพอจะหากล้องวงจรปิดมาเพิ่มอีกได้ไหม เราต้องการข้อมูลที่ชี้ชัดกว่านี้”



ความเครียดทำให้คณิตเผลอเหยียบคันเร่งมากขึ้นจนนิลต้องพูดปราม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เข้าใจหัวอกเพื่อนอยู่เหมือนกัน เพราะความทรงจำของเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปไม่นานยังคงไม่เลือนหายไปง่ายๆ



“มันกำลังพยายามอยู่แต่ก็ทำไม่ได้ง่ายๆ ตอนนี้เราต้องพยายามล้อมกรอบกันเองก่อน ว่าลุงนั่นมันน่าจะพาปูนไปที่ไหนทั้งๆที่รู้อยู่ว่าแถวนี้คือถิ่นมึง”



นั่นคือสิ่งที่คณิตฉุกคิดเหมือนกัน ในตอนแรกที่ได้ยินจากรัตติกาลว่าลุงของปูนเพิ่งพาตัวหลานชายแท้ๆหนีหายไปเขาก็รีบมุ่งตรงเข้ากรุงเทพโดยคิดว่าฝ่ายนั้นคงจะพาปูนไปซ่อนไว้ตามห้องพักที่ไหนสักแห่ง แต่ทันทีที่มาถึงข้อมูลจากกล้องวงจรปิดกลับบอกว่ารถยนต์ที่แผ่นป้ายทะเบียนถูกระบุไว้ว่าเป็นรถของวิทยากำลังขับผ่านเส้นพระรามสองแล้วมุ่งตรงไปยังมอเตอร์เวย์อันถือเป็นประตูสู่ภาคตะวันออกที่เขาเพิ่งขับผ่านมาเมื่อครู่นี่เอง



“ถ้าไม่ใช่ว่าโง่จนลืมคิด หรือว่าบ้าจนไม่ยอมคิดอะไรแล้วลุงนั่นมันก็กล้ามากนะที่พาปูนมาที่นี่ หรือมันอาจจะมีเหตุผลอื่นที่เราคิดไม่ถึงอีกว่ะ”



“ก็คงอย่างนั้น แต่บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าระหว่างพยายามเข้าใจกับตั้นหน้ามันกูอยากทำอย่างหลังมากกว่าเยอะเลย”



แค่คิดก็รู้สึกโกรธ คณิตไม่เข้าใจว่าทำไมวิทยาถึงทำแบบนี้กับหลานชายแท้ๆของตัวเองได้ แม้ว่าคณิตจะล้มกระดานด้วยการประกาศเรื่องของปูนออกสื่อจนอีกฝ่ายไม่สามารถใช้เรื่องของเขามายื้อร่างเล็กไว้ข้างกายได้อีก แต่ชายคนนั้นก็ยังคงยืนยันที่จะทำเหมือนเดิมโดยที่ไม่สนใจใครทั้งนั้น



“แล้วคนในบ้านทางนั้นล่ะ ได้ข้อมูลมาบ้างรึเปล่า”



“คนเป็นแม่บอกอย่างเดียวว่าไม่รู้เรื่อง ส่วนน้องสาวปูนที่ชื่อปิ่นบอกว่าตัวเองเป็นคนพาปูนไปส่งที่ถนนเพื่อให้น้องมันโบกแท็กซี่กลับมาหามึง แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องนี้ขึ้นซะก่อน”



“สรุปไม่มีใครรู้เลยใช่ไหมว่าหมอนั่นมันพาปูนไปไว้ที่ไหน โถ่เว้ย! ทำไมเรื่องทุกอย่างมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยว่ะ”



คณิตเริ่มสติแตกจนนิลต้องบังคับให้เพื่อนจอดตรงข้างทางแล้วเปลี่ยนมาขับแทนให้เองก่อนที่ความร้อนใจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น โดยทันทีที่มือว่างร่างสูงก็จัดการโทรหาคนรู้จักในจังหวัดที่พอจะฝากฝังได้ให้คอยเป็นหูเป็นตาพร้อมกับบอกรูปพรรณสัณฐานของปูนไว้เป็นข้อมูล



“กูรู้สึกเหมือนเรากำลังงมเข็มในมหาสมุทรยังไงก็ไม่รู้ว่ะ ทั้งๆที่น่าจะเป็นฝ่ายเราที่ได้เปรียบเรื่องพื้นที่แต่กลายเป็นว่ามันใกล้จนเรามองไม่เห็น”



“มันอาจจะกะไว้แล้วก็ได้ว่าต้องเป็นแบบนี้ เหมือนมันกำลังปั่นหัวมึงแล้วมันก็เชื่อว่ามึงคงไม่มีวันหาเจอ”



ร่างสูงสบถเสียงดัง เขาพยายามไม่ใช้อารมณ์แต่มันก็ทำได้ยากเกินไป นิลขับรถเขามาเรื่อยๆจนเข้าเขตบางแสนสิ่งที่คณิตรอคอยมาตลอดก็ดังขึ้น นิลรีบกดรับโทรศัพท์แล้วจัดการเปิดสปีกเกอร์โฟนเพื่อไม่ให้ไอ้คนข้างๆมันคลั่งขึ้นมาอีก



“ว่าไงชาติ ได้อะไรเพิ่มเติมบ้างรึเปล่า”



“ผมโทรไปเช็คที่ทำงานเขามาครับ ทางนั้นบอกว่านายวิทยาโทรมาลางานไว้หนึ่งอาทิตย์เมื่อเช้าโดยไม่ได้แจ้งเหตุผลไว้ ทางนายจ้างเห็นว่าโปรเจคใหญ่ที่ทางนั้นรับผิดชอบเพิ่งเสร็จไปเลยอนุมัติให้ลาได้ไม่มีปัญหา”



“แล้วมึงจะบอกกูทำไมวะ กูไม่ได้อยากรู้ว่ามันทำงานได้ดีแค่ไหนนะชาติ!”



“ครับ ตอนแรกผมก็ไม่สนใจมันเหมือนกันจนกระทั่งได้รู้ว่าโปรเจคที่นายวิทยาได้ทำคืออะไร”



คนฟังทั้งสองต่างหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแปลกใจเมื่อได้ยินคำตอบที่ฤทธิชาติบอกมา



“โครงการปรับพื้นที่ของโรงแรม The Pilot ที่สัตหีบครับ โรงแรมคู่แข่งของคุณคณิตไง”




.

.

.

.

.

.

.



กลิ่นเกลือที่คุ้นเคยลอยเข้ามาในการรับรู้ของปูน ร่างเล็กที่ถูกทำให้หมดสติด้วยผ้าเช็ดหน้าซึ่งมันถูกโป๊ะลงบนจมูกของเขาแทบจะทันทีที่พยายามหนี อาการปวดหัวแล่นริ้วขึ้นมา ให้ตายสิ ทำไมถึงพูดคุยกันดีๆไม่ได้ ทำไมลุงถึงชอบทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องใหญ่ ว่าแต่เขาอยู่ที่ไหนเนี่ย



“นี่มัน...”



ภาพวิวที่คุ้นตาปรากฏขึ้น ถึงจะจำไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาเคยมาที่นี่ไม่ผิดแน่ โขดหินแปลกๆตรงนั้นที่พอมองเลยไปจะเห็นร้านอาหารริมทะเลที่ตั้งอยู่ไกลๆ ไม่ผิดแน่ๆ เขากำลังอยู่ที่สัตหีบ!



“ตื่นแล้วหรอ”



เสียงของลุงวิทย์ทำให้ปูนที่กำลังสับสนหลุดออกจากภวังค์ ร่างเล็กหันไปมองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจและไม่ไว้ใจ ใช่ คำขอโทษที่เขาเพิ่งให้ลุงของตนไปก่อนหน้านี้ถูกย่ำยีจนไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว



“ลุงบ้าไปแล้วหรอ จับผมมาทำไม”



“ฉันไม่ได้จับแกมาทำไม่ดีสักหน่อย แค่พามาพักผ่อนเท่านั้นเอง”



พักผ่อนบ้าอะไร มือและเท้าของปูนอยู่ในภาพถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาด้วยเชือกอะไรก็ไม่รู้ที่ทั้งเหนียวและหยาบ บาดผิวของเขาจนแดงหมด



“ผมไม่อยากพัก ผมอยากกลับบ้าน”



“อยากกลับบ้าน หึ ทั้งๆที่แกเพิ่งหนีออกมาจากที่นั่นเนี่ยนะ”



“เปล่า ผมหมายถึงบ้านอีกหลัง...บ้านของผมกับคุณคณิต”



“...”



“ลุงก็ได้อ่านมันแล้วไม่ใช่หรอ ว่าผมกับเขาเรารักกันแค่ไหน ถ้าลุงเป็นห่วงเรื่องที่ใครจะมาหลอกผมก็ไม่ต้องหรอกครับ ปล่อยผมไปได้แล้ว”



ปูนพูดแบบนั้นออกมาทั้งๆที่รู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ ซึ่งดูเหมือนว่าวิทยาก็เข้าใจถึงเนื้อในของสิ่งที่ปูนต้องการจะสื่อ



“ไม่มีใครบนโลกนี้อีกแล้วที่รักแกได้มากเท่าฉัน ข้างนอกนั้น...คนพวกนั้นจะทำร้ายแกสักวันเมื่อแกหมดประโยชน์”



ลุงวิทย์เดินเข้ามาหาปูนช้าๆ ดวงตาที่แสดงความอ่อนล้าออกมาจ้องมองหลานชายของตัวเองด้วยความรักและหวงแหน...แต่มันมากเกินไป มากจนมันสามารถทำลายทั้งตัวเขาและคนรอบข้างได้โดยไม่ทันได้รู้ตัว



“ถ้าแกอยู่กับฉันแกจะไม่มีวันเสียใจ แกจะไม่มีทางถูกทิ้ง ไม่มีทางโดนดูถูกเหมือนที่แกเคยเจออีก”



“ถ้าลุงพูดถึงเรื่องตอนนนั้นทุกอย่างมันจบแล้ว ไม่ว่าจะพี่กาล ไอ้แมน หรือว่าลุง ทุกคนต่างก็ทำร้ายผมไม่มีใครดีกว่าใครทั้งนั้น แต่คุณคณิต...เขาไม่ใช่”



ภาพความทรงจำทุกอย่างที่คณิตสร้างเอาไว้ในใจของปูนถูกถ่ายทอดออกมาเป็นรอยยิ้มที่วิทยาไม่เคยเห็น มันทั้งมีความสุขและอิ่มเอมจนคนมองรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจ แม้แต่ตอนเด็กๆที่ปูนยังเป็นเพียงเด็กน้อยที่วิ่งเอาขนมที่ทำเองมาให้เขาชิม...ปูนยังไม่เคยมีรอยยิ้มที่สดใสขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ



“คุณคณิตเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ดีไปซะทุกอย่าง เขาเคยพลาดทำผมร้องไห้มาหลายครั้งแล้วด้วยซ้ำไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ คือผู้ชายคนนั้นเขาพร้อมที่จะฟังผมเสมอขอแค่ผมเอ่ยปาก...แต่ผมก็ไม่เคยทำ”



ปูนถามตัวเองว่าถ้าหากเขายอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้คณิตฟังตั้งแต่แรกเรื่องระหว่างพวกเขาทั้งสองคนจะลงเอยอย่างไร คณิตอาจจะยอมรับเขาได้หรือว่าอาจจะไม่เพราะแม้แต่ตัวปูนเองก็ยังไม่อยากยอมรับมันเหมือนกัน



“เขาคือคนที่ได้เจอผมในสภาพที่แย่ที่สุด แต่ถึงผมจะทำตัวไม่ดีแค่ไหนเขาก็ยังให้โอกาสและเชื่อเสมอว่าผมจะเป็นคนที่ดีกว่านี้ได้ เขาทำให้ผมได้มีชีวิตของตัวเอง ได้มีชีวิตจริงๆไม่ใช่แค่เปลือกนอกที่หายใจทิ้งไปวันๆ...และมันก็คือโอกาสที่ลุงไม่เคยให้กับผมเลย”



ร่างเล็กสบตาคนที่ดูแลเขามาตลอด แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกเหล่านั้นเริ่มบิดเบี้ยวจนกลายมาเป็นแบบนี้ ปูนไม่อยากเกลียดผู้ชายตรงหน้าพอๆกับที่เขาไม่อยากเกลียดตัวเองเหมือนกัน ปูนอยากจบเรื่องราวทุกอย่างเสียที เรื่องราวความรักที่ทำร้ายทุกคน



“ผมไม่มีทางเป็นเด็กที่ต้องรอให้ลุงปกป้องตลอดไป ผมอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง ได้สุข ได้ทุกข์...ได้รักใครเท่าที่ใจอยากจะรัก ถึงแม้ผมจะต้องร้องไห้ยิ่งกว่าตอนที่ลุงทำร้ายผมก็ตาม แต่ว่าได้โปรดเถอะครับ”



“...”



“ได้โปรดปล่อยให้ผมได้มีชีวิตของตัวเองจริงๆสักที”



ปูนร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้นแต่มันก็เป็นได้แค่ก้อนหินเล็กๆที่ถูกปาเข้าใส่หน้าผาใหญ่ไร้ซึ่งความรู้สึก วิทยาไม่ได้พูดอะไร เขาทำแค่มองดูหลานชายด้วยดวงตาที่อ่านไม่ออกคู่นั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมกับล็อคประตู



“เพราะแกมันโง่แบบนี้ไง ฉันถึงปล่อยแกไปไม่ได้...คนพวกนั้นจะทำร้ายแกยิ่งกว่าที่ฉันทำ คนพวกนั้นไม่มีทางรักแกมากกว่าที่ฉันรักหรอกปูน”



ร่างเล็กไม่มีแม้แต่โอกาสจะโต้เถียง เขาจึงทำแค่ถอนหายใจแล้วภาวนาให้มีใครมาพบเขาเข้าแต่ก็คงยาก ปูนพยายามชะโงกหน้าไปมองด้านนอกเท่าที่ร่างกายเล็กๆของตัวเองจะทำได้ เขาจำได้ว่าที่นี่เป็นที่ดินที่เมษาเตรียมจะนำมาสร้างโรงแรมสาขาใหม่  ถ้าให้ปูนเดาลุงคงพาเขามาพักอยู่ในบังกะโลเล็กๆที่ถูกปลูกไว้ไม่ไกลจากกันนัก แม้จะรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนปัญหาก็คือเขาจะออกไปได้ยังไง



แสงแดดแรงๆข้างนอกที่ส่องเข้ามาทางทิศตะวันตกทำให้ปูนรู้ว่าตอนนี้คงเข้าช่วงบ่ายแล้ว เขาออกจากบ้านมาแต่เช้าการถูกพามาที่นี่คงกินเวลาไปหลายชั่วโมง ความเหนื่อยล้าเริ่มเกาะกุมจิตใจ เช่นเดียวกับความหิวที่เริ่มทำร้ายกะเพราะน้อยๆของปูนอย่างแรง เมื่อสภาพกายและสภาพใจอ่อนแอปูนก็เริ่มโหยหาอ้อมกอดของคนที่บอกว่าจะมารับเขา



“คุณจะรู้บ้างไหมว่าผมอยู่ที่นี่...คุณคณิต”



ก็อก!



เสียงก๊อกแก๊กดังขึ้นจากตรงหน้าต่างบานเดียวในห้องทำให้ปูนรีบหันไปมองก่อนที่จะสะดุ้งสุดแรงเมื่อเขาเห็นชายแปลกหน้าผิวกายดำกร้านคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มเห็นฟันขาวมาแต่ไกล แม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเข้ามาในนี้ได้ปูนก็ยังพยายามเขยิบตัวหนีไปยังอีกฝั่งของเตียง



“คุณชื่อปูนใช่ไหมครับ ที่ถูกเอาตัวมาจริงกรุงเทพ”



สำเนียงการพูดแปลกๆแบบที่ฟังแล้วรู้เลยว่าไม่ใช่คนไทยถูกเอ่ยขึ้น แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา



“คุณรู้!? รู้ได้ยังไงครับ!”



“คุณเมษาบอกว่าให้มาช่วยคุณ รอแปปนึงนะ ผมจะงัดหน้าต่างเข้าไป”



เป็นอีกครั้งที่ปูนรู้สึกแปลกใจเพราะชื่อของเจ้านายเก่าที่ถูกอ้างถึง ทำไมเมษาถึงให้คนมาช่วยเขา ไม่สิ ทำไมหมอนั่นถึงรู้ว่าเขาถูกจับตัวมาที่นี่ สมองที่อ่อนล้าของปูนพยายามประติดประต่อเรื่องราวแต่พอคิดว่าคนที่เกลียดชังเขาอย่างเมษาคงไม่ยอมยื่นมือมาช่วยง่ายๆหากไม่มีเหตุผล...และเหตุผลนั้นก็คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากชายที่เมษารัก...คุณคณิต



ใช้เวลาไม่นานชายแปลกหน้าคนนั้นก็งัดหน้าต่างเข้ามาได้สำเร็จ อีกฝ่ายรีบปีนเข้ามาช่วยแก้มัดเชือกที่พันธนาการปูนไว้แม้ว่าจะลำบากนิดหน่อย ร่างเล็กมองแขนและขาที่เต็มไปด้วยบาดแผลของตัวเองด้วยความโล่งใจ เขากำลังจะกลับไปหาคณิตแล้ว เขาจะกลับบ้านได้แล้ว



“ขอบคุณมากเลยนะครับที่มาช่วยผม ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงจริงๆ”



“ไม่เป็นไรครับ แต่ว่าคุณรีบไปเถอะ ผมเห็นผู้ชายที่พาคุณมาขับรถออกไปข้างนอก เราต้องไปก่อนที่เขาจะกลับ”



ปูนพยักหน้ารับแล้วปีนออกจากหน้าต่างตามชายแปลกหน้าไป พวกเขาวิ่งไปตามชายหาดที่เม็ดทรายอ่อนยวบจนกินพลังงานไปพอสมควรก่อนจะมาถึงถนนที่เริ่มมีผู้คนใช้ชีวิตให้เห็น เด็กหนุ่มมองกลับไปด้านหลังเขาไม่พบร่องรอยว่ามีใครตามมาจึงวางใจ แต่พอหันกลับมาอีกทีก็ต้องชะงัก



“ลุง!”



“ทำไมเป็นเด็กไม่รู้ฟังแบบนี้ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าออกไปไหน”



วิทยาพูดกับปูนด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติ แต่สายตาที่ใช้มองมานั้นไม่ใช่เลย ร่างเล็กหันหลังกลับเตรียมจะวิ่งออกไปจากที่นี่แต่ก็โดนคนที่มีอายุเยอะกว่ามากรั้งตัวไว้จนไม่อาจขยับได้



“ปล่อยคุณเขานะเว้ย!”



“มึงอย่าเสือก ถ้าอยากมีปัญหากับตำรวจก็ลองดู นี่หลานกู การที่มึงบุกเข้าไปพาหลานกูมามึงคิดว่าตำรวจเขาจะจับใคร!”



ข้ออ้างง่ายๆสามารถหยุดการกระทำของชายที่เข้ามาช่วยปูนไว้แทบจะทันที อีกฝ่ายมองวิทยาอย่างไม่ชอบใจก่อนจะหันมาขอโทษปูนทางสายตาเพราะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นร่างเล็กก็ยังคงร้องขอ



“ช่วยผมด้วยครับ ช่วยผมด้วย!”



“หยุดร้อง ไม่อย่างนั้นไอ้ต่างด้าวนี่เดือดร้อนแน่!”



“พอเถอะครับลุง ผมอยากกลับบ้าน ฮึก ผมอยากกลับบ้าน”



“บ้านของแกบนโลกนี้ก็มีแต่ฉัน เราต้องอยู่ด้วยกัน ฉันจะไม่ยอมให้แกไป”



พูดจบวิทยาก็พาปูนเดินมายังรถที่จอดไว้ข้างต้นไม้ไม่ไกลนัก ชายแก่เหยียบคันเร่งจนรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าผ่านทิวทัศน์ที่ปูนเคยเห็นมันมาด้วยตาตัวเองแล้วครั้งหนึ่ง...ลุงกำลังพาเขาไปที่ท่าเรือ



“ฉันไปติดต่อเรือไว้ คิดว่าแกคงจะเบื่อถ้าต้องอยู่ในห้องนานๆ”



“ลุงทำอย่างนี้กับผมไม่ได้นะ พาผมกลับไปเดี๋ยวนี้!”



“อย่าดื้อกับลุงนักเลยปูน ลุงจะพาแกมาเที่ยวไงตอนเด็กๆแกชอบให้ลุงพาไปเที่ยวอย่างนี้บ่อยๆไม่ใช่หรอ”



ดูเหมือนว่าความทรงจำครั้งวัยเยาว์จะทำให้ลุงวิทย์เป็นสุขมากกว่าปัจจุบัน เพราะเมื่อได้คิดถึงนั้นลุงก็ยิ่งเร่งความเร็วมากขึ้นจนใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีปูนก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเรือประมงลำเล็กที่มีแต่คนขับนั่งรออยู่



“อย่าโวยวายออกไปล่ะเข้าใจไหม หมอนั่นก็เป็นพวกต่างด้าวแอบเอาเรือของนายจ้างมาให้ฉันเช่าเหมือนกัน”



คำขู่ถูกยกขึ้นมาเพราะลุงรู้จุดอ่อนของปูนดี ร่างเล็กจึงทำได้เพียงเดินตามแล้วพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้คนที่เขาไม่รู้จักแต่ก็ไม่ได้ผล



“ไปเลยไหมครับคุณ ถ้าหากเย็นกว่านี้จะไม่ดีนะ”



“ออกเรือได้เลย ขับไปไหนก็ได้พวกฉันอยากนั่งเรือเที่ยวนานๆ”



ปูนอยากรู้เหลือเกินว่านานของลุงน่ะมันแค่ไหน แต่สุดท้ายความอยากรู้ของเขาก็ถูกกองทิ้งไว้ตรงท่าเรือที่ไร้ซึ่งผู้คนและความหวังที่จะได้พบเจอกับคณิต ปูนไม่อยากร้องไห้แต่มันก็ทำไม่ได้จริงๆ



“คุณคณิต...ป๋าครับช่วยผมด้วย”



:z6:(ต่อเม้นต์ล่าง) :z6:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #453 เมื่อ25-06-2016 19:13:37 »




รถคันหรูที่มีนิลเป็นคนขับจอดลงตรงท่าเรือที่มีชายต่างด้าวคนหนึ่งกำลังยืนมองมาด้วยทีท่าร้อนใจ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะดับเครื่องคณิตที่นั่งอยู่ข้างๆกันก็รีบพุ่งลงไปหาชายคนนั้นด้วยท่าทางที่ร้อนใจยิ่งกว่า



“ปูนอยู่ไหน ผู้ชายคนนั้นอยู่ไหน!”



“คุณเขาถูกพาขึ้นเรือไปแล้วครับ! สักสิบนาทีได้!”



คณิตสบถอย่างหัวเสีย เวลาแค่สิบนาที ถ้าหากพวกเขาไหวตัวเร็วกว่านี้ปูนคงไม่ถูกพาออกไปข้างนอกนั้น นิลเดินตามลงมาจากรถพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับใครคนหนึ่งไปด้วยซึ่งจากที่ฟังๆแล้วก็คงเป็นนายตำรวจที่ช่วยประสานเรื่องให้อยู่ทางกรุงเทพนั่นแหละ



“เออ เห็นคนบอกว่ามันพาตัวปูนขึ้นเรือไปแล้ว เอายังไงต่อดี”



“ก็ตามไปสิวะ นายพอจะหาเรือให้ฉันได้ไหม”



ไม่ใช่ฤทธิชาติที่เป็นคนพูด หากแต่เป็นคณิตที่ทำสีหน้าแน่วแน่อยู่ข้างๆนิลนั่นแหละ ชายหนุ่มหันไปถามลูกจ้างของเมษา โดยที่อีกฝ่ายก็รับปากว่าจะหาเรือมาให้แต่คงต้องใช้เวลา คณิตจึงค้นเบอร์โทรศัพท์ของเรือประมงที่ครั้งหนึ่งเขาเคยจ้างตอนพาปูนไปเที่ยวยังเกาะขาม และเขาก็โทรติด



“ลุงแกบอกว่ากำลังขับเรือผ่านมาทางนี้พอดี เดี๋ยวลุงเขาจะพาไปให้”



“เรือนำเที่ยวหรอวะ”



“เปล่า เรือตกปลา”



ปลา...มีแต่ปลาจริงๆด้วย นิลแทบจะโก่งคออ้วกเมื่อต้องมายืนอยู่ท่ามกลางกองอาหารทะเลที่ต่างส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งราวกับว่าจะแข่งกัน คือเขาก็ไม่ใช่คนกระเดะอะไรขนาดนั้นแต่พอมาอยู่ในที่แบบนี้นิลสงสัยจริงๆว่าชาวประมงเขาทนกันได้ยังไง นิลจึงหันไปถามชายต่างด้าวคนนั้นที่ขอขึ้นเรือมาด้วย



“น้องไม่เหม็นหรอวะ จมูกพี่จะพังอยู่แล้วเนี่ย”



 “ชินแล้วครับ เหม็นจนเลิกเหม็นไปแล้วพี่ ว่าแต่คุณคนนั้นนี่เก่งมากเลยนะ ดูท่าทางไม่เป็นอะไรเลย”



นิลหันไปมองทางคณิตที่ยืนอยู่แถวหัวเรือ ก็นะ ฝ่ายนั้นก็คงร้อนใจจนไม่ได้กลิ่นอะไรไปแล้วล่ะมั้ง



“ลุงพอจะรู้ไหมครับ ว่ามันน่าจะพาคนของผมออกไปที่ไหนได้บ้าง”



คณิตถามคนขับเรือซึ่งมีน้ำใจมาช่วยเหลือทั้งๆที่ปกติ การนำปลาขึ้นฝั่งต้องทำให้ตรงตามเวลา แต่เอาเถอะในเมื่อเขาเสนอที่จะรับซื้อปลาพวกนี้ไว้เองอีกฝ่ายเลยไม่มีทีท่าอิดออดอะไร



“ตอบยากเลยครับ ทะเลก็ออกจะกว้างผมก็ไม่รู้ว่ามันจะขับไปทางไหน แต่มันคงไปได้ไม่ไกลมากนักหรอกกับเรือลำแค่นี้”



ในระหว่างที่คณิตกับคนขับกำลังปรึกษาหารือกัน เสียงโทรศัพท์รุ่นเก่าของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น ชายผู้มีผิวกร้านแดดกดรับมันก่อนจะพูดกับคนปลายสายด้วยเสียงอันดังขนาดที่ว่าคณิตและคนอื่นๆยังได้ยิน



“เออ มีไรวะ!”



“มึงอยู่ที่ท่าเรือรึเปล่าวะ เห็นเรือลำเล็กของกูไหม!”



“ไม่เห็นๆ ทำไมมีอะไรหรอ!”



“แม่ง ลูกน้องกูแม่งขโมยไปใช้ สงสัยจะเอาไปรับนักท่องเที่ยว!”



“ไอ้ฉิบหาย! เรือลำไหนวะ!”



“ลำสีฟ้า ลำใหม่ที่กูเพิ่งไปทาสีมานั่นแหละ แต่มันคงไปได้ไม่ไกลเพราะกูยังไม่ได้เติมน้ำมัน!”



“เฮ้ยพี่ ลำนั้นเลยๆ!!”



เสียงตะโกนของชายต่างด้าวดังขึ้นทำให้คนอื่นๆหันไปมองเป็นทางเดียว เรือลำประมงสีฟ้าลำเล็กจอดแน่นิ่งอยู่กลางท้องทะเลที่คลื่นทำให้มันโคลงเคลงไปมา หากมันเป็นแค่เรื่องของเรือที่ถูกลูกน้องขโมยมาใช้อย่างที่ได้ยินคณิตคงไม่สนใจอะไร แต่คนที่เขามองเห็นจากไกลๆว่าอยู่บนเรือลำนั้นกำลังทำให้หัวใจของคณิตที่เต้นเร็วอยู่แล้วยิ่งเร็วขึ้นไปอีก



“เรือลำนั้นแหละพี่ ที่มันพาคนที่ชื่อปูนไป ลำนั้นเลย!”



“ปูน!!!!”



ปูนที่นั่งซุกหน้าลงกับเข่าตัวเองได้ยินเหมือนมีใครกำลังเรียกชื่อเขามาจากที่ไกลๆ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาถูกจับมาขึ้นเรือที่ดันจอดสนิทเพราะน้ำหมดทั้งๆที่เพิ่งออกมาจากท่าได้ไม่กี่นาที ปูนดีใจอยู่หรอกที่ตัวเองไม่ถูกพาไปไกลกว่านี้ แต่พอต้องอยู่บนเรือนิ่งๆแล้วรู้สึกถึงเกลียวคลื่นที่กระแทกเข้ามาหลายครั้งต่อนาที เขาก็ชักจะพะอืดพะอมเหมือนกัน



“เมาเรือจนหูแว่วเลยหรอวะ แถมยังได้ยินเหมือนเสียงคุณคณิตอีก”



“ปูน!!!!!!!”



“อีกแล้ว รอบนี้เมาเรือหนักไปไหมเนี่ย”



“ปูน ทางนี้ พี่อยู่ตรงนี้!!!!!!”



“แล้วมันพี่ไหนล่ะวะ!!!!!!”



ร่างเล็กตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิดจนวิทยาและคนขับเรือที่ช่วยกันดูเรื่องน้ำมันอยู่หันมามองด้วยความตกใจก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นเรืออีกลำที่แล่นเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที



“ฉิบหายแล้ว!”



“ไอ้เวรนั่น”



เสียงแรกเป็นเสียงของคนขับเรือที่จำได้ดีว่าเรือลำนั้นเป็นของเพื่อนเจ้านาย และเสียงต่อมาคือเสียงของวิทยาที่สบเข้ากับแววตาเกรี้ยวกราดของคณิตพอดี เขาละมือจากสิ่งที่ทำอยู่ก่อนจะมาฉุดหลานชายที่นั่งมึนอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้นมา ปูนที่แทบจะอ้วกอยู่รอมรอพยายามขืนตัวออกเพราะไม่อยากอยู่ใกล้แต่เพราะการทำอย่างนั้นทำให้เด็กหนุ่มเพิ่งได้สังเกตว่าเรือของเขาที่เคยอยู่โดดเดี่ยวกลางทะเลกำลังถูกเทียบข้างด้วยเรืออีกลำที่มีใครอีกคนอยู่



“คุณคณิต!!!”



อาการเมาเรือแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อปูนได้เห็นคนที่ตัวเองคิดถึงจนต้องร้องไห้ออกมา ร่างเล็กพยายามเดินเข้าไปใกล้ตามที่ใจสั่งหากแต่ความเป็นจริงที่เหนี่ยวรั้งเขาไว้ผ่านฝ่ามือของลุงแท้ๆกลับทำให้ปูนไม่อาจไปถึงคณิตได้



“คุณลุงปล่อยปูนมาเถอะผมจะได้ไม่เอาเรื่อง!!”



คณิตตะโกนขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองรักถูกกระทำยังไง มือขาวๆที่เขาชอบมองเวลาเจ้าของมันทำของอร่อยให้ทานตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยแผลจนคณิตแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ หากไม่ได้นิลที่คอยรั้งไว้รับรองเลยว่าคณิตได้กระโจนไปกระทืบคนบนเรืออีกลำแน่



“มึงจะมาเอาเรื่องอะไรกู นี่หลานกู ครอบครัวกู มึงนั่นแหละคนนอก!”



“คุณยังกล้าเรียกปูนว่าครอบครัวอีกหรอ ทั้งๆที่คุณเป็นคนที่ร้ายเขามาตลอด คุณเห็นไหมว่าตอนนี้ปูนเป็นยังไง!”



เพราะยืนอยู่ข้างหน้าเลยทำให้ปูนไม่อาจเห็นว่าลุงของตนมีสีหน้าเปลี่ยนไปบ้างไหมเมื่อได้ยินคำพูดของคณิต แต่เขารู้สึกว่าตัวของลุงกำลังสั่น



“คนอย่างมึงจะไปรู้อะไร นี่หลานกู กูเลี้ยงของกูมาตั้งแต่เล็ก! ผู้ชายอย่างพวกมึงก็แค่จะมาหลอกหลานกู มาทำให้หลานกูเสียใจ กูจะไม่ยอมให้หลานกูยุ่งกับคนแบบมึงเด็ดขาด!!”



“เฮ้อ น่ารำคาญชะมัดพวกมึงจะตะโกนด่ากันอีกนานไหมวะ”



“...!!”



นิลที่ยืนฟังอยู่นานพูดออกมาด้วยสีหน้าที่แสดงอาการเบื่อเต็มขั้น เขาเปรยตามองคณิตอย่างเซ็งๆ มาถึงขนาดนี้ยังเรียกอีกฝ่ายว่าคุณๆอยู่ได้ ที่ยังไม่ลดสถานะจากวัวมาเป็นคนให้มันก็เพราะแบบนี้นั่นแหละ ส่วนฝ่ายนั้นก็ยึดแต่ความคิดและความรู้สึกของตัวเองไม่ยอมฟังใคร ต่อให้ยืนเถียงกันจนตะวันจมน้ำก็คงยังไม่จบ เอายังไงดีนะ...อ่า เจอแล้ว



“เฮ้ย ไอ้คนขับเรือนั่นนะ เออ มึงนั่นแหละ!”



ลูกจ้างที่ขโมยเรือของนายมาใช้หากินสะดุ้งเมื่อถูกนิลเรียกแล้วพยายามจะหนี แต่จะให้ไปที่ไหนได้ในเมื่อรอบข้างมีแต่ยักษ์มีครามล้อมอยู่



“กูจ้างมึงสามพัน ช่วยกูจับไอ้ลุงนี่ไว้ที ส่วนเรื่องที่มึงเอาเรือนายมาใช้กูจะชวนพูดให้ โอเคไหม”



“อะไรนะ?”



ไม่ใช่แค่คนขับเรือที่อึ้ง ทั้งคณิต ปูน วิทยา ต่างก็ตกใจกับข้อเสนอง่ายๆที่สามารถพลิกเรื่องทุกอย่างให้กลับตาลปัด



“ว่าไงจะทำไม่ทำ ถ้าไม่ก็เตรียมไปนอนคุกก่อนถูกส่งกลับประเทศได้เลย”



ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ คนขับเรือที่อับจนหนทางรีบปรี่เข้าไปจับตัวชายที่มาจ้างตัวเองไว้โดยไม่คิดอะไรอีก วิทยาหันมามองนิลอย่างเคียดแค้นแต่นักเขียนหนุ่มกลับปั้นหน้ายิ้มกลับไปให้อย่างไม่รู้สึกรู้สา พอไร้คนคอยจับตัวคนที่เริ่มจะรู้สึกไม่สบายก็ทรุดฮวบลงกับพื้นท่ามกลางความตกใจของคนที่มองมาโดยเฉพาะคณิต



“ปูน เป็นอะไรไหม!!”



“มะ ไม่เป็นไร ผมแค่เมาเรือ”



ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่หน้าของปูนกลับซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด คณิตรีบมองหาทางจะปีนขึ้นไปบนเรืออีกลำ แต่เพราะเรือที่เขานั่งมานั้นบรรทุกปลาไว้มากทำให้มันลอยต่ำกว่าเรือที่ปูนอยู่ คลื่นในทะเลก็สูงและแรงมากเสียจนร่างสูงหาจังหวะดีๆจะข้ามไปทางนั้นไม่ได้



“นิล กูฝากของหน่อย”



“ของ? มึงคิดจะทำอะไร?”



คณิตไม่ตอบ แต่เริ่มหยิบเอาโทรศัพท์และของมีค่าของตัวเองทั้งหมดออกมาให้นิลถือไว้แล้วทำท่าเหมือนกับจะกระโดดไปบนเรือลำนั้น นิลพอเห็นท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาได้เลยรีบห้ามไว้แทบไม่ทัน



“มึงจะบ้ารึไงไอ้นิด จะกระโดดไปให้ตกน้ำตายรึไง!!”



“ใช่ ไม่ไหวหรอกครับคุณ ถ้าเรือสูงเท่ากันหรือต่ำกว่าก็ว่าไปอย่าง แต่กระโดดขึ้นไปอย่างนี้ต่อให้หุ่นอย่างคุณก็ไม่ไหว”



แม้คนอื่นจะร้องห้าม แต่คณิตจะให้ทิ้งปูนไว้ตรงนั้นจนกว่าจะมีคนมาช่วยก็ไม่ได้ สีหน้าปูนไม่ไหวแล้วรวมถึงความรู้สึกของเขาก็เช่นกัน ทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่น้ำทะเลกั้นกลางแต่ความคิดถึงที่คณิตมีต่อเด็กผู้ชายตัวเล็กคนนี้ก็ไม่ได้บรรเทาลงเลย



“ปูน...ข้ามมาไหวไหม”



“...!!”



“กระโดดมาที่นี่ เดี๋ยวพี่จะคอยรับทำได้ใช่ไหม”



ความทรงจำเมื่อครั้งมาเกาะขามแล่นกลับเข้ามาในหัวที่ปวดหนึบของปูน ความรู้สึกเวลาที่ตัวเองลอยอยู่เหนือพื้นและผืนน้ำมันช่างน่ากลัวจนปูนทำอะไรไม่ได้นอกจากส่ายหน้า เขากลัว โดยเฉพาะการข้ามไปที่นั่นคงเดียวเขายิ่งทำไม่ได้



“ไม่ไหว...ผมทำไม่ได้หรอก”



“ได้สิ ไม่เป็นไรแค่กระโดดมาเดี๋ยวพี่จะคอยรับเอง”



“ไม่เอา ผมกลัว”



ปูนเอาแต่ปฏิเสธในขณะที่คณิตก็ทำอะไรไม่ได้ วิทยาที่ถูกจับไว้ก็ไม่รู้ว่าจะหลุดมาเมื่อไหร่ต่อให้คนที่นิลเสนอเงินให้จะมีแรงมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเวลาของเขาจะมีมากนัก



“คุณคณิตครับเร็วๆเข้าเถอะ น้ำมันก็ของผมก็เหลือไม่มากแล้ว ถ้าไม่เข้าฝั่งตอนนี้ได้จอดนิ่งกันทั้งสองลำแน่”



คำพูดของเจ้าของเรือทำเอาทั้งปูนและคณิตเครียดหนัก โดยเฉพาะร่างเล็กที่เริ่มเกลียดความกลัวไม่เข้าเรื่องของตัวเอง ทั้งที่อยากไปหา ทั้งที่อยากอยู่ใกล้ๆแต่เขากลับเอาชนะความกลัวของตัวเองไม่ได้



“ปูนเชื่อใจพี่ไหม”



เสียงของคณิตดังขึ้นพร้อมกับความแน่วแน่ที่ปูนสัมผัสได้ บรรยากาศรอบตัวคนที่เขารักค่อยๆเปลี่ยนไป มันให้ความรู้สึกที่มั่นคงแบบที่ปูนไม่เคยเห็น



“ถ้ากลัวก็หลับตาลงแล้วกระโดดมาทางนี้ พี่จะรับปูนไว้ให้ได้ พี่จะไม่ทำให้ปูนต้องเจ็บอีก...สัญญา”



“คุณคณิต...”



“กลับบ้านของเรากันนะปูน...พี่มารับแล้ว”



ทั้งปูนและคณิตไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นอีกนอกจากเสียงหัวใจของตัวเองสายลมค่อยๆหยุดลงเช่นเดียวกับแรงกระทบจากคลื่นที่จางไปจนแทบไม่รู้สึก เด็กน้อยขี้กลัวพยายามยันตัวลุกขึ้นยืนแม้จะไร้ซึ่งเรี่ยวแรง



“อย่าไปนะปูน! มันอันตราย!”



“...”



“อยู่กับลุงเถอะนะ ลุงสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายปูนอีก กลับบ้านเรากันเถอะ ปูนจะทำอะไรก็ได้ลุงจะไม่ห้ามปูนอีกแล้ว ขอแค่ยังอยู่กับลุงนะ อย่าทิ้งลุงไป”



ในขณะที่ปูนกำลังรวบรวมความกล้า ลุงของเขาก็พยายามอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่ปูนไม่เคยได้ยินมันมาก่อน ปูนหันไปมองผู้ชายที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก...คนที่พยายามใช้ทุกอย่างเหนี่ยวรั้งเขาไว้ ทั้งคำพูด แววตา และแม้แต่น้ำตา



“ขอโทษนะครับลุง”



แต่สิ่งที่ผมกลัวมากกว่าความเจ็บปวดคือการไม่ได้อยู่กับคนที่ผมรัก...



ทันทีที่ตระหนักถึงความต้องการของตัวเอง ปูนก็หลับตาลงแล้วกระโจนข้ามผืนน้ำไปยังเรืออีกลำโดยที่เขาไม่เห็นเลยว่าเท้าของตัวเองจะได้แตะพื้นหรือไม่ ในหัวของปูนมีแต่ภาพรอยยิ้มของคณิตที่กำลังมองมายังตัวเองพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างกว้างๆ...อ้อมแขนที่เขาคิดถึง...ความอบอุ่นที่เขาห่วงหา และสุดท้ายเท้าของปูนก็ไม่ได้แตะพื้นเพราะร่างกายสูงใหญ่ของคณิตได้โอบรัดเขาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะหลุดมือไป...เด็กหนุ่มร้องไห้ออกมาทันทีที่ได้สัมผัสความรู้สึกนั้น ความรู้สึกของความโหยหาที่เดินทางมาถึงจุดหมาย



“ทำได้แล้วนะ ปูน เราทำได้แล้ว”



“ฮือ ผมกลัว ฮึก กลัวมากเลย”



“ฮ่าๆ เก่งมากเลย ไม่เอาไม่ร้องไห้นะ”



แม้คณิตจะปลอบปูนไปอย่างนั้นแต่ร่างเล็กก็ยังคงร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้นให้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เจอ ทั้งความเสียใจ ผิดหวัง และความโหยหาความรักที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีค่าพอสำหรับใครสักคน...แม้ว่าสุดท้ายในวันที่เขาได้มันมา จะไม่ได้มีแต่ความสุขก็ตาม คณิตใช้มือของตัวเองเกลี่ยน้ำตาที่ไหลออกมาจนนึกกลัวว่ามันจะทำให้ตาดวงเล็กๆนี่เจ็บแต่ก็ไม่เป็นไร...ปูนกลับมาหาเขาแล้ว...ปูนอยู่ในมือเขาแล้ว...และเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ปูนไปที่ไหนอีก



นิลมองภาพของเพื่อนที่เอาแต่กอดคนที่ตัวเองรักไว้ราวกับสิ่งล้ำค่าแล้วหันไปมองอีกคนที่เพิ่งสูญเสียคนสำคัญไปอย่างสมบูรณ์แม้ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ตาม แววตาของวิทยาเต็มไปด้วยความสูญเสีย...มันเป็นแววตาแบบเดียวกันกับที่รัตติกาลเพื่อนของเขาเคยมี แม้ว่านิลจะไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนั้น แต่เขาก็รู้อย่างหนึ่งว่าต่อให้คนพวกนี้จะทำตัวเลวร้ายเท่าไหร่...พวกเขาก็ยังคงมีหัวใจที่ร้องไห้ได้เหมือนกับเราทุกคน









“ร้องไห้ให้พอ แล้วใช้ชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้ให้ได้นะครับ”



----------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

นุ้งปูนกลับมาแล้ว  :mew1:

เห็นปูนเรียกป๋าคุณๆแบบนี้ไม่ชินเลยเนอะ :mew5:


ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #454 เมื่อ25-06-2016 20:00:47 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ปูนได้กลับสู่อ้อมอกป๋าแล้วววว

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #455 เมื่อ25-06-2016 21:56:41 »

เขาเจอกันแล้วววววว ปูนกับป๋ากลับมาแล้ววว :hao5: :mc4:

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #456 เมื่อ25-06-2016 22:29:28 »

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #457 เมื่อ25-06-2016 22:39:39 »


  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #458 เมื่อ25-06-2016 23:25:10 »

ป๋าเก่งที่สุด เจอน้องปูนด้วย  o13

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #459 เมื่อ25-06-2016 23:38:45 »

เย้ เค้ากลับมาเจอกันแล้ว !  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
« ตอบ #459 เมื่อ: 25-06-2016 23:38:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #460 เมื่อ26-06-2016 00:39:05 »

ฮืออออ ปูนกลับมาแล้ววว

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #461 เมื่อ26-06-2016 00:44:56 »

 อีตาลุงนี่เข้าขั้นโรคจิตนะเราว่า - -"
หมดทุกข์หมดโศกนะลูก 
ห่อเหี่ยวมาหลายตอน อินจัด เสียน้ำตาไปเป็นไหๆ
ตอนถัดไปขอพักเบรค รีเควสน้ำตาลหวานๆให้คนอ่านได้ชาร์ตพลังก่อนด่วนๆ 
 :กอด1: :กอด1:

 

ออฟไลน์ FOUR EYES

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #462 เมื่อ26-06-2016 14:58:46 »

อ่าาา น้ำตาจิไหล ได้อยู่ด้วยกันสักที ดีใจด้วยนะน้องปูนนนน

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #463 เมื่อ28-06-2016 19:09:56 »

โฮกกกกก ในที่สุดก็ได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดป๋าซะทีนะ     :เฮ้อ:

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่41][250659]
«ตอบ #464 เมื่อ28-06-2016 20:34:19 »

ดีใจ ปูนจะได้มีความสุขสักที

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่42][060759]
«ตอบ #465 เมื่อ06-07-2016 19:12:29 »



 

แตกที่ 42

…ข้อเสนอ...

 







ความรู้สึกพะอืดพะอมและอาการปวดหัวเล่นงานปูนอยู่ตลอดทั้งคืน แม้ว่าคณิตจะจัดการหายาให้ปูนกินทันทีที่เข้ามาถึงฝั่ง แต่อาจจะเป็นเพราะความเครียดและความเหนื่อยล้าที่สะสมมานานทำให้เด็กน้อยของเขานอนหลับนานกว่าปกติ



“ไปทำอย่างอื่นบ้างก็ได้ค่ะเฮีย น้องเขายังไม่ตื่นง่ายๆหรอก”



หน่อยพูดด้วยความเหนื่อยใจ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดเธอเพิ่งจะเห็นมุมดื้อด้านของพี่ชายเข้าก็วันนี้ ไอ้ที่ว่าชอบขัดป๊ากับม๊านั่นถือว่าเรื่องเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับการที่คณิตไม่ยอมให้ปูนอยู่ห่างกายสักนาทีตั้งแต่ได้ร่างเล็กกลับคืนมา



“แต่นี่มันจะเที่ยงแล้วนะหน่อย ปูนหลับไปเกินสิบสองชั่วโมงแล้วนะ”



“ร่างกายอ่อนแอแบบนี้จะเพลียมากกว่าปกติก็ไม่แปลกหรอกค่ะ ว่าแต่เฮียเถอะได้นอนบ้างรึเปล่าเมื่อคืน”



“ก็ได้นอนไปหน่อยแล้ว แต่เดี๋ยวบ่ายนี้เฮียต้องออกไปประชุมที่โรงแรมคงเลื่อนไม่ได้ ฝากเราดูแลปูนทีนะ”



หญิงสาวยิ้มรับอย่างเห็นใจ ทั้งที่เพิ่งผ่านเรื่องลำบากมาแท้ๆแต่คณิตกลับต้องไปรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองต่อโดยไม่มีการหยุดพัก ซึ่งนั่นก็ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเองกับป๊ากับทีมบริหารคนอื่นเรื่องการทำงานของพี่ชายเธอที่จะไม่เปลี่ยนไปแม้ว่าเพิ่งลงข่าวกับหนังสือพิมพ์ไปแบบนั้น



“เหนื่อยหน่อยนะคะ แต่ว่าเฮียต้องผ่านมันไปให้ได้เนอะ”



คณิตอยู่เฝ้าปูนจนถึงเวลาที่ตัวเองจะต้องไป โดยเขาไม่ลืมที่จะฝากฝังหน่อยและคนในบ้านให้คอยดูแลคนรักของตัวเองอย่างดีอีกครั้งแม้ว่าใจจริงคณิตอยากจะอยู่ดูแลปูนด้วยตัวเองมากกว่า แต่ก็อย่างว่า มันถึงเวลาแล้วที่เขาต้องกลับมารับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองเพื่อไม่ให้มีใครว่าได้



“น้องเป็นไงบ้างคณิต โอเคไหม”



อิงอรรีบวิ่งเข้ามาถามทันทีที่ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในโรงแรม เธอรับรู้เรื่องราวเพียงคร่าวๆจากหน่อยแล้วรู้สึกเป็นห่วงปูนมาก แต่สิ่งที่เธอทำได้ดีที่สุดคือการอยู่รับมือกับสถานการณ์อันเป็นผลพวงจากข่าวของทั้งคู่ที่นี่



“ปลอดภัยแล้วล่ะแต่ก็ยังหลับอยู่ แล้วนี่ความคิดเห็นของทีมเป็นยังไงบ้าง มีใครมีปัญหาอะไรไหม”



“ก็มีบ้างนั่นแหละ แต่ยังไม่มีใครเอ่ยขึ้นในที่ประชุม”



“งั้นคงจะเก็บไว้พูดกันตอนนี้แหละนะ เอาเถอะ มาลุยกันสักตั้ง”



ชายหนุ่มพูดด้วยความมาดมั่นจนอิงอรแอบชื่นชมในใจ ดูเหมือนว่าเรื่องราวคราวนี้คงจะมอบบทเรียนให้กับเพื่อนของเธอไม่น้อยเช่นกัน...



การประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียดในตอนแรก เพราะคนบางกลุ่มที่กลัวว่าการที่คณิตออกมาเปิดตัวเรื่องความสัมพันธ์อย่างโจ่งแจ้งแบบนี้จะกระทบกับภาพลักษณ์ของโรงแรมความพอใจของลูกค้าโดยเฉพาะสาขาใหม่ที่ร่างสูงรับผิดชอบมันโดยตรง แต่เพราะข้อมูลการจองห้องพักที่ไม่ได้ลดน้อยลงและฟี๊ดแบ็คตามอินเตอร์เน็ตที่มีไม่มากอย่างที่กลัวก็ทำให้เรื่องนี้ถูกยกออกไปก่อนอย่างน้อยก็สำหรับตอนนี้ และถึงแม้จะมัวแต่ยุ่งเรื่องของปูนข้อมูลการประชุมต่างๆคณิตก็เตรียมมาอย่างดีชนิดที่ไม่ขาดตกบกพร่อง



“เรื่องโรงแรมสาขาใหม่ท่านประธานได้เซ็นอนุมัติให้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่กว่าที่เราจะเตรียมการกันเสร็จคงได้เริ่มงานกันจริงๆในอีกสามเดือน”



“มันจะไม่ช้าไปหน่อยหรอครับ ผมได้ยินมาว่าโรงแรมของคุณเมษา เริ่มปรับพื้นที่กันแล้ว”



“ครับ เมื่อวานตอนไปสัตหีบผมก็เห็นแล้ว เท่าที่ดูคร่าวๆทางนั้นน่าจะก่อสร้างเสร็จก่อนเราประมานสองเดือน”



“ถ้าอย่างนั้นก็แย่สิครับ”



“ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องแผนเปิดตัวผมคิดไว้เรียบร้อยแล้ว เราแค่ทำตามแผนของเราไป ไม่ต้องเร่งเพื่อจะแข่งกับทางนั้น อย่าลืมสิครับว่างานนี้ทาร์เก็ตของเราเป็นคนละกลุ่มกับ The Pilot ถึงจะเป็นสาขาแรกที่เราสร้างแต่ผมก็เชื่อว่าโรงแรมของเราไม่มีทางแพ้ใครแน่ๆ”



คำพูดของคณิตสร้างกำลังใจให้ที่ประชุมได้อย่างน่าประหลาด โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของบรรพตที่นั่งฟังมันเงียบๆอยู่ข้างๆลูกชาย



“อิง เห็นพ่อผมบ้างไหม”



คณิตเดินมาถามอิงอรเพราะทันทีที่ประชุมเสร็จบรรพตก็หายไป โดยไม่บอกเขาสักคำทั้งๆที่คณิตมีเรื่องราวมากมายอย่างจะพูดด้วย



“เห็นท่านออกไปกับเลขาน่ะคะ แต่วันนี้ก็ไม่น่าจะมีงานที่ไหนอีก”



“งั้นคงจะกลับบ้าน ผมขอตัวก่อนแล้วกันถ้ามีอะไรด่วนอิงโทรหาผมได้ตลอดเลยนะ”



คณิตขอตัวแล้วทำท่าจะเดินไปที่รถด้วยความร้อนใจ ร่างสูงคิดว่าพ่อของตนต้องชิงกลับบ้านก่อนเพื่อพูดคุยกับปูนแน่ๆ ถึงจะเคยรับปากว่าจะรอดูเรื่องของพวกเขาไปก่อนแต่ถึงอย่างนั้นการให้ร่างเล็กเผชิญหน้ากับพ่อโดยไม่มีเขาอยู่ข้างๆมันเร็วเกินไป แต่เพียงแค่คณิตก้าวขาออกไปก้าวแรก น้ำเสียงที่ติดจะเครียดๆของอิงอรก็หยุดเขาไว้



“เดี๋ยวค่ะ คุณยังกลับไม่ได้นะคะเพราะว่าตอนนี้มีแขกมารอพบคุณอยู่”



“...?!”



“เขาเป็นแขกคนสำคัญ...รบกวนมากับอิงด้วยนะคะ”



อิงอรไม่ได้ให้คำตอบกับคณิตเพิ่มเติม เธอทำแค่เดินนำร่างสูงไปยังห้องรับรองบนชั้นสูงสุดซึ่งมีไว้สำหรับการเจรจาธุรกิจ พอมาถึงที่หญิงสาวก็หันมาอวยพรให้คณิตเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไปทิ้งเขาไว้กับความสงสัยและความร้อนใจที่มีต่อคนในบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นคณิตก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเปิดประตูเข้าไป



“ไอ้เมษ”



“ไง ประชุมใหญ่หรอ ช้าชะมัด”



เมษาในชุดเป็นทางการเหมือนทุกครั้งละสายตาจากดอกแมกโนเลียสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าขึ้นมาทักทายเพื่อนสมัยเด็กที่มีหนี้กับเขาอยู่



“อืม มึงมาทำไมวะ มีธุระอะไรกับกูรึเปล่า”



“อะไรกัน เพิ่งผ่านไปแค่วันเดียวลืมหนี้ของกูไปแล้วรึไง”



“เออว่ะ โทษทีๆ พอดีกูเป็นห่วงปูนมากไปหน่อย”



คณิตเกาท้ายทอยของตัวเองแก้เก้อ ก่อนจะเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวข้างๆในตำแหน่งที่ทำให้เขาสามารถเห็นเมษาได้ชัดเจน เพื่อนของเขายังคงดูดีอย่างเคยแต่ความรู้สึกบางอย่างกลับบอกคณิตว่าวันนี้เมษามีบางอย่างเปลี่ยนไป



“เด็กนั่นเป็นไงบ้างล่ะ”



“ก็ดีขึ้นแล้ว แต่ถ้าเมื่อวานไม่ได้มึงส่งคนไปช่วยก่อนกูก็คงแย่”



เมื่อวานหลังจากที่รู้ว่าลุงของปูนทำงานให้กับใคร ความเป็นไปได้ที่คนรักของเขาจะถูกพาไปที่นั่นก็ไต่ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง คณิตรีบโทรหาเมษาขอร้องให้เพื่อนคนนี้ส่งคนไปคอยดูว่าปูนอยู่ที่นั่นจริงไหม แล้วพวกเขาก็คิดถูก



“เอาเถอะ กูไม่อยากให้แถวนั้นมีข่าวลือเสียหายๆหรอกนะ”



“อืม ยังไงก็ขอบใจอีกครั้งนะ รบกวนมึงมากจริงๆ แล้วก็ตามสัญญากูจะให้มึงขออะไรก็ได้หนึ่งอย่าง”



แน่นอนว่าคณิตรู้จักเมษาดี นักธุรกิจไฟแรงที่เก่งกาจยิ่งกว่าใครๆคนนั้นไม่มีทางทำอะไรให้โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน แต่เพื่อแลกกับการช่วยชีวิตปูนคณิตจึงยินยอมที่จะทำข้อแลกเปลี่ยนกับเมษาผ่านโทรศัพท์สายนั้น และมันคงถึงเวลาที่เขาต้องชดใช้หนี้แล้ว



“อะไรก็ได้งั้นหรอ?”



“อืม ตราบใดก็ได้ที่ไม่ใช่ชีวิตกู ฮ่าๆ”



คณิตหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พลางคิดไปว่าคนที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพอย่างเมษาจะยังมีอะไรที่ไม่ได้ครอบครองอีกไหม โดยที่ร่างสูงไม่รู้เลยว่าภายในใจของเมษานั้นได้เกิดคำถามหนึ่งขึ้นมา



“หึ เพ้อเจ้อจริงๆ”



“มึงว่าอะไรนะ?”



“เปล่า กูแค่พูดกับตัวเองน่ะ”



“เออ แล้วตกลงว่าไงมึงอยากขออะไรกู”



คณิตเลิกคิ้วใส่เมษาที่ยังคงไม่พูดอะไรทั้งๆที่ตามมาทวงหนี้เขาถึงที่ แต่แล้วจู่ๆในระหว่างที่เขากำลังรอคำตอบ ใบหน้าของเมษาก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ



“อะ ไอ้เมษ”



ดวงตาคมๆที่เต็มไปด้วยอำนาจจ้องมองเข้ามาในตาของคณิตโดยไม่คิดจะหลบหนี กลิ่นลมหายใจสะอาดๆที่ชวนให้รู้สึกดี แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้ มันใกล้เกินไปแล้ว…คณิตคิดแบบนั้นแต่ความจริงจังของเมษากลับทำให้เขาขยับไม่ได้



“กูอยากจะขอถามอะไรมึงสักอย่าง”



“...?!”



“ทำไมตอนคบกับแก้ม มึงถึงไม่เคยบอกรักเธอเลยวะ”



ชื่อของรักครั้งเก่าถูกเอ่ยออกมาจากปากของเมษา ย้อนความทรงจำเมื่อวันวานให้ร่างสูงได้คิดถึงมันอีกครั้ง



“มึงจะรู้ไปทำไมวะ”



“ก็แค่สงสัยน่ะ ว่าทั้งๆที่มึงเป็นแบบนั้น แล้วทำไม...”



เมษาเลือกที่จะไม่พูดจนจบประโยค เขากลับมานั่งตัวตรงมองดอกแมกโนเลียบนโต๊ะเหมือนเคยทำให้คณิตที่ถอยไปจนหลังชิดโซฟาได้หายใจหายคอบ้าง ชายหนุ่มมองเพื่อนคนนี้อย่างไม่เข้าใจ ทั้งการกระทำที่เปลี่ยนไปของเมษาและคำถามที่มีค่าเท่ากับชีวิตปูนนั้น...เมษาอยากรู้มันไปทำไม



“มึงคงรู้ใช่ไหม เรื่องที่แก้มมาบอกรักกูทั้งๆที่คบกับมึงอยู่”



“อืม รู้...แล้วก็รู้ด้วยว่าวันนั้น มึงตั้งใจทำทุกอย่างให้กูเห็น”



พอนึกย้อนไป ในวันนั้นนอกจากเรื่องที่แก้มโกหกเขาว่าจะไปทำธุระก็มีข้อความจากเมษาที่บอกให้ไปหาหลังเลิกเรียนนั่นแหละที่ถือว่าผิดปกติ แต่ที่เห็นชัดที่สุดก็คงเป็นแววตาคู่นั้นที่จับจ้องมายังเขาแม้ว่าตัวเองกำลังถูกผู้หญิงของเพื่อนกอดและบอกรักอยู่ก็ตาม



“แก้มเคยบอกกับกูว่ามึงไม่เคยบอกรักเขาเลย...แม้ว่าจะแสดงออกแค่ไหน เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่รักเขามากอย่างมึงถึงพูดคำคำนั้นออกมาไม่ได้ จนกระทั่งวันสุดท้ายที่มึงตัดสินใจจบเรื่องทุกอย่าง”



ไม่ใช่เพียงแค่แก้มที่สงสัย เมษาเองก็เช่นกัน ตอนนั้นเขาคิดว่าคณิตคงรักอีกฝ่ายไม่มากพอที่จะเอ่ยคำนั้นออกมาได้ เช่นเดียวกับปูน...เด็กผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างในสายตาของเมษา...ทั้งสกปรกและนำพาเรื่องเดือดร้อนมาให้คณิตเสมอ เขาถึงได้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดหวังให้เด็กนั่นตระหนักถึงสถานะของตัวเอง



แต่เมษาก็คิดผิด...



 ทันทีที่ได้เห็นบทสัมภาษณ์ของคณิต เมษาก็รู้สึกตัวขึ้นมาว่า คนที่ไม่ได้ตระหนักถึงความจริงก็คือตัวเขา...คณิตรักเด็กคนนี้มาก...มากจนสามารถทำร้ายตัวเองเพื่อมันได้ ถึงตอนนี้ผลของการกระทำโง่ๆนั้นจะยังไม่ปรากฏให้เห็นแต่สักวันคณิตจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้ลงไป แต่ทั้งๆที่รักถึงขนาดนั้นแล้วทำไมถึงไม่เคยบอกว่ารัก



ทำไมคณิตถึงต้องทำให้ปูนคิดมาก



และทำไมต้องทำให้เมษาคิดเข้าข้างตัวเองด้วย



“อาจจะเพราะว่าตอนนั้น แก้มเขาไม่ได้ต้องการคำว่ารักจากกูเท่าไหร่มั้ง”



“...!!”



“ต่อให้ไม่มีมึงเข้ามา กูเองก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าสักวันเขาคงจะต้องไป”



ร่างสูงนึกถึงภาพของเพื่อนร่วมชั้นที่ถูกจับให้คู่กับเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร อาจจะเพราะเรื่องฐานะในสังคมโรงเรียนหรือหน้าตาที่ทำให้คณิตและแก้มได้ร่วมงานด้วยกันบ่อยๆ และความใกล้ชิดที่พอกพูนขึ้นทีละน้อยมันก็งอกเงยขึ้นมาเป็นการคบหากัน



“แก้มก็เป็นเหมือนคนอื่น ที่มองว่าคนอย่างกูคงจะเป็นคนที่ทำให้เขาภูมิใจได้หากว่าได้อยู่ใกล้ๆ แต่มันก็ไม่แปลกหรอกนะถ้าเขาจะคิดแบบนั้นเพราะตอนเด็กๆกูเองก็ยังมีความคิดแบบนี้เหมือนกัน จนกระทั่งได้เจอมึง”



“กู?”



“อืม กูเป็นที่หนึ่งอยู่ดีๆมึงก็โผล่มา มึงหล่อกว่า เก่งกว่า รวยกว่า แถมโรงแรมที่บ้านก็ยังดังกว่า ตอนนั้นกูเลยคิดว่ามึงเป็นคู่แข่งที่อยากจะเอาชนะให้ได้ แต่พอนานๆไปมึงกลับเข้ามาทักกูก่อนมันเลยทำให้กูรู้สึกว่าการเป็นเพื่อนกับมึงมันน่าสนุกกว่าการเป็นคู่แข่งกันตั้งเยอะ”



สีหน้าของคณิตดูผ่อนคลายในขณะที่ของเมษากลับเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ คณิตเนี่ยนะเคยมองเขาเป็นคู่แข่ง...คณิตที่หนีเขามาตลอดคนนี้เนี่ยนะ



“ความรู้สึกที่ว่า ‘ช่างมันเถอะ ถึงแพ้ก็ไม่เป็นไร’ มันไม่ใช่อะไรที่ไม่ดีหรอกนะ กูไม่ได้ท้อกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ กูแค่จะอยากเดินให้ช้าลงไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เอาแต่วิ่งเข้าใส่สิ่งที่เคยคิดว่ามันสำคัญ แม้ว่าการที่กูทำแบบนั้นจะทำให้สิ่งที่กูเห็นคือแผ่นหลังของมึงที่ไกลออกไปเรื่อยๆก็ตาม...แต่มันก็ไม่ได้แย่นักหรอก เพราะเมื่อไหร่ที่ระยะห่างระหว่างกูกับมึงมันไกลกันเกินไป ทุกๆครั้งมึงก็จะเป็นคนที่หันกลับมาแล้วหยุดคอยกูเสมอ”



ร่างสูงบอกความในใจของตัวเองออกไปจนหมดก่อนจะโน้มคอของเมษามากอดไว้ โดยไม่เห็นเลยว่าคนที่เงียบไปมีสีหน้ายังไง



 “ส่วนเรื่องที่กูไม่ได้ไปเรียนบริหารตามที่สัญญากันไว้ ก็ไม่เกี่ยวกับมึงหรอกนะ กูแค่ไม่อยากให้แก้มเขาลำบากใจน่ะ อีกอย่างกูคิดว่าเรียนอักษรมันก็เอามาใช้ในงานโรงแรมได้เหมือนกันถึงแม้ตอนนี้กูจะบริหารงานได้ไม่เก่งเท่ามึง แต่ถ้าหากเป็นเรื่องดูแลลูกค้ากูมั่นใจว่ากูไม่แพ้มึงแน่ๆ”



เมษายิ้มขืนแต่ก็ยังคงหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อนึกถึงว่าตัวเขานั้นบ้าบอแค่ไหน ไม่ใช่คณิตหรอกที่วิ่งตามอยู่ข้างหลัง แต่เป็นเขาต่างหากที่ได้แต่ยืนมองคณิตที่มีแต่เดินห่างออกไปเรื่อยโดยตัวเองทำได้แค่นั่งอยู่บนบัลลังค์ที่ก้าวลงมาไม่ได้



“แล้วเด็กคนนั้นล่ะ ทำไมตอนแรกมึงถึงไม่บอกรักมัน”



“ปูนบอกมึงงั้นหรอ”



“อ่าฮะ อย่าลืมสิว่ากูกับปูนเคยมีอะไรด้วยกันมาก่อน”



คณิตฟังแล้วก็ทำหน้ายุ่ง ก่อนที่จะตบหัวเพื่อนตัวดีไปเบาๆ



“ห่า เลิกอำกูได้แล้ว กูรู้หรอกน่าว่าปูนไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น”



“หรอ สาบานไหมล่ะว่าไม่เคยเชื่อ”



เมษายักคิ้วให้อย่างเป็นต่อ ถึงจะไม่เข้าใจคณิตทั้งหมดแต่ไอ้นิสัยขี้หวงของร่างสูงเขารู้จักมันดี ซึ่งนั่นก็เป็นจุดอ่อนแรกที่เมษาตั้งใจหยิบขึ้นมาใช้เพื่อพิสูจน์ให้ทั้งคณิตและปูนเห็นว่าความรักของคนทั้งคู่ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คิด



“มึงนี่มัน...เออๆ โอเค กูเคยหวั่นไหวเหมือนกัน แค่นี้พอใจไหม”



เมษาพยักหน้าแทนการตอบว่าพอใจ แล้วปล่อยให้คณิตพูดต่อ



“สำหรับปูนที่ตอนแรกยังไม่บอกก็ไม่มีอะไรมาก...กูแค่คิดว่าตัวเองกำลังจะจริงจังเลยอยากให้น้องมันไปเจอกับป๊าม๊าก่อนอะไรทำนองนั้น”



ผิวแก้มสีขาวขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อคิดไปถึงความตั้งใจที่ค่อนข้างจะไกลเกินไปของตัวเองจนมันทำให้ปูนเข้าใจผิดมาแล้ว คณิตยังจำได้ดีเลยว่าตอนที่ปูนร้องขอให้เขาพูดมันออกมาตัวเขานั้นรู้สึกผิดแค่ไหน



“ก็นะ แต่สุดท้ายก็บอกไปแล้วล่ะ...แล้วก็คงจะบอกต่อไปเรื่อยๆด้วย”



แค่นี้ก็เพียงพอ...เมื่อได้รับคำตอบที่เกินกว่าตัองการเมษาก็ลุกขึ้นยืนจนคณิตทำหน้างงกับท่าทางที่เปลี่ยนไป ชายหนุ่มที่ไม่เคยแพ้ให้กับใครทั้งนั้นหันมายิ้มให้กับเพื่อนด้วยใบหน้ากวนประสาทเหมือนกับวันแรกที่เจอกัน



“ช่างเรื่องรักๆของมึงเถอะ ส่วนเรื่องโรงแรมใหม่กูไม่ยอมแพ้หรอก”



คณิตนิ่งไปก่อนจะยิ้มให้เมษาจนผิวข้างๆแก้มบุ๋มลง ชายหนุ่มมองรอยยิ้มที่แสนสดใสนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ต่อให้มันจะมีมากเท่าไหร่...ก็คงไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว



“พยายามเข้านะ”



“...!!”



“โรงแรมสาขาใหม่ของเราทั้งคู่ มาพยายามต่อไปด้วยกันนะ”



บ้าบอจริงๆ...เมษาบ่นพึมพำก่อนจะเดินจากมาโดยที่ไม่คิดจะหันกลับไปมองรอยยิ้มที่น่าเจ็บปวดนั่นอีก เขาพาตัวเองเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วกดปิดมันทั้งๆที่เห็นว่าอิงอรกำลังส่งสายตาเห็นใจมาให้จากตรงนั้น แม้รอบกายจะมีแต่ความเงียบทว่าในหัวของเมษามันเต็มไปด้วยคำพูดของคณิตที่ไม่อาจสลัดให้หลุดไปโดยง่าย แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือความรู้สึกบางอย่างที่ถูกเก็บไว้และคงจะไม่มีวันที่คณิตจะได้รับรู้



“ให้ตายสิ...ชอบจริงๆด้วยสินะ”



เมษาใช้เวลาที่มีไม่มากนักในลิฟต์จัดการความคิดของตัวเองให้เรียบร้อยและเมื่อทันทีที่ประตูเหล็กบานนี้เปิดออกเขาก็จะกลับมาเป็นเมษาที่ยิ่งใหญ่กว่าใครทั้งนั้น พนักงานบางคนที่จำเขาได้ต่างทำความเคารพแม้ว่าตามศักดิ์จะเป็นขู่แข่งกัน แต่อาจจะเพราะว่าเป็นแบบนั้นคนพวกนี้เลยต้องเกรงใจเขาก็เป็นพิเศษ



“นายครับ วันนี้จะเข้าไปที่โรงแรมรึเปล่า”



เลขาคนสนิทถามขึ้นเมื่อเมษาเดินกลับมาถึงรถ เขาถอนหายใจเล็กน้อยกับความเหนื่อยอ่อนที่เกิดขึ้นแต่ทว่าก็ยังตอบรับไป



“อืม ว่าจะเข้าไปดูงานกัปตันคนใหม่สักหน่อย แต่ไม่ต้องรีบแล้วกัน”



อีกฝ่ายรับคำก่อนรถยนต์นำเข้าคันงามของเมษาจะแล่นออกไปโดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่โรงแรมของตัวเอง แล้วในจังหวะที่ชายหนุ่มกำลังให้ความสนใจกับหนังสือพิมพ์ธุรกิจในมือรถของเมษาก็ขับสวนกับรถบิ๊กไบค์ของบอยที่กำลังมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลซึ่งมีใครคนหนึ่งรออยู่



:ling1:(ต่อเม้นต์ล่าง) :ling1:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่42][060759]
«ตอบ #466 เมื่อ06-07-2016 19:12:56 »





“สวัสดีครับป้า สบายดีไหมครับ”



ชายหนุ่มในชุดแจ็คเก็ตหนังเหมือนกับทุกครั้งจะมีที่เปลี่ยนไปก็คือทรงผมที่ไม่ได้จัดแต่งมันให้เป็นทรงเหมือนเคย บอยวางตะกร้าผลไม้ในมือของตัวเองลงบนโต๊ะใกล้ๆก่อนจะเดินมานั่งตรงเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยที่มีพรนั่งยิ้มให้อยู่



“ป้าสบายดี แล้วบอยล่ะหายไปนานไม่ยอมมาเยี่ยมป้าเลย”



“ผมติดธุระนิดหน่อยน่ะครับ แต่ว่าวันนี้ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกป้า”



“เรื่องสำคัญ? บอยมีอะไรหรอ?”



ถึงแม้จะเตรียมตัวมาดีแต่พอถึงคราวพูดจริงๆบอยกลับตกประหม่า เขามองหน้าผู้หญิงที่ตนเองเคารพในความเข้มแข็งของเธอและในขณะเดียวกันใบหน้านี้ก็ทำให้เขาคิดถึงคนที่ไมได้เจอกันอีกเลยตั้งแต่วันนั้น



“มีสองเรื่องน่ะครับ ระหว่างข่าวดีกับข่าวร้ายป้าอยากฟังอะไรก่อน”



“ฮ่าๆ อย่าแกล้งคนแก่สิบอย มีอะไรก็พูดมาเถอะ”



“ไม่เอาครับ ป้าเลือกเถอะไม่งั้นผมพูดไม่ออก”



“ถ้าอย่างนั้น...เล่าข่าวร้ายมาก่อนแล้วกัน ป้าจะได้ทำใจได้”



พรยิ้มให้เด็กหนุ่มตรงหน้าเธออย่างอ่อนโยน ใจจริงเธออยากจะเล่าให้บอยฟังก่อนว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอและพลัสกำลังดีขึ้นแล้ว แม้จะยังไม่มากเท่าเมื่อก่อนแต่มันก็ค่อยๆพัฒนาขึ้นโดยมันคงจะเป็นแบบนี้ไม่ได้หากไม่มีบอยคอยช่วย แต่แล้วทันทีที่บอยเอ่ยปากพูดความสุขใจของพรก็ถูกทำลายลงไปในพริบตา



“ผมเคยข่มขืนพลัสครับป้า...ผมเคยทำร้ายน้อง”



เพี้ยะ!!



มันเป็นการกระทำที่ไปไวกว่าสมอง พรฟาดฝ่ามือที่อ่อนแรงของตัวเองเข้าไปเต็มแก้มของเด็กหนุ่มที่เคยไว้ใจและคิดว่าพึ่งพาได้



“บอยว่าอะไรนะ บอยทำอะไรน้อง!”



“ผม...ขื่นใจน้องครับ แล้วผมก็บังคับให้น้องคบกับตัวเอง”



“...!!”



“ขอโทษนะครับ ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัวทั้งนั้น ถ้าหากว่าป้าอยากแจ้งตำรวจจับผม ผมก็จะไม่ขัดขืน หรือว่าถ้าป้า...”



“บอยทำน้องทำไม บอยไม่ได้รักน้องหรอ!!”



“...!!”



“ป้ารู้ว่าบอยรักน้อง รักมาตลอด...ป้าเลยคิดว่าบอยจะปกป้องน้องได้ แล้วทำไมล่ะบอย ทำไมบอยถึงทำร้ายคนที่ตัวเองรักบอกป้ามาสิ!!”



หัวใจของบอยค้างนิ่ง เขาคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่เอาแต่ทำงานตัวเป็นเกลียวคนนี้จะดูออก คนที่พยายามเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ไม่อาจต้านทานมันได้อีกแล้ว บอยก้มหน้าลงปล่อยให้หลังมือตัวเองเปื้อนคราบน้ำตาที่ไม่มีใครเช็ดให้เขาได้



“ผมขอโทษครับ ผมแค่กลัวว่าพลัสจะไปชอบคนอื่น ผมคิดตื้นๆว่าถ้าหากทำอย่างนั้นไปพลัสจะรักผมบ้าง แต่มันก็ผิด...ผิดไปหมดทุกอย่าง ผมแค่คนเห็นแก่ตัวที่เอาแต่ความต้องการของตัวเอง และผมก็ทำร้ายคนที่ผมรักมากที่สุดไปแล้ว”



น้ำเสียงที่สั่นเครือและน้ำตาลูกผู้ชายเป็นหลักฐานถึงความผิดบาปที่บอยกระทำลงไปได้อย่างดี มือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยจึงฟาดลงบนแผ่นหลังของชายหนุ่มซ้ำๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นการลูบมันไปมาอย่างสงสาร



“ทำไมสิ้นคิดแบบนี้ฮะบอย บอยไม่ได้เห็นเรื่องของป้าเป็นตัวอย่างเลยหรอว่าต่อให้เราเจ็บปวดเพราะเขาแค่ไหน เราก็ไม่สมควรทำร้ายคนที่ตัวเองรัก...ทำร้ายน้องแล้วบอยเจ็บไหม...เจ็บใช่ไหมล่ะ...เพราะถ้าไม่เป็นอย่างนั้นป้าคงให้อภัยบอยไม่ได้”



บอยปาดน้ำตาบนหน้าของตัวเองก่อนจะก้มลงกราบไปที่เท้าของพรด้วยความรู้สึกที่ยินยอมหมดทุกอย่าง ไม่ใช่เพื่อการร้องขอโอกาส แต่เป็นการขอขมาโดยที่เขาเองก็ยังไม่อาจให้อภัยตัวเองได้



“ความจริงผมควรทำมันกับพ่อของพลัสด้วย แต่ว่าผม...จะต้องไปแล้ว”



“ไป? ไปไหน บอยจะไปไหน?”



น้ำเสียงของพรเต็มไปด้วยความร้อนใจ ซึ่งมันทำให้บอยรู้สึกดีจริงๆ



“ขอบคุณป้าสำหรับทุกๆอย่างนะครับ รักษาตัวเองให้หายไวๆแล้วคืนดีกับพลัสให้ได้นะครับ...ส่วนข่าวดีที่ผมยังไม่ได้บอก”



“...!!”



“ผมจะไม่กลับมาที่นี่อีกครับ”



พรไม่เข้าใจว่าสิ่งที่บอยพูดมามันเป็นข่าวดีตรงไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้ก็คือการตัดสินใจของบอยครั้งนี้ทั้งหมดมันเป็นไปเพื่อลูกชายของเพื่อนรักที่กำลังปอกผลไม้ที่บอยนำมาฝากใส่จานโดยที่ไม่รู้อะไรสักอย่าง



“ได้แล้วครับน้า อยากได้ผมปอกอะไรให้อีกไหม”



“ไม่เป็นไร ขอบใจมากนะ”



พรทิพย์รับแอปเปิ้ลที่ถูกปอกอย่างสวยงามมาแต่ทว่าเธอไม่ได้กินมัน...จะให้เธอกินลงได้ยังไง ในเมื่อภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตาของบอยที่พรเห็นมันเป็นครั้งแรกยังติดตาอยู่เลย



“ผลไม้เยอะเลยนะครับวันนี้ มีคนมาเยี่ยมน้าหรอครับตอนที่ผมไม่อยู่”



“อืม...มีคนหนึ่งน่ะ”



“ถึงว่า มีแต่ของดีๆทั้งนั้นเลยด้วย”



พลัสจัดการเอาแตงโมที่ตัวเขาชอบกินใส่เข้าไปในตู้เย็นที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้ จะว่าไปพอเห็นเปลือกเขียวๆนี่ทีไรก็คิดถึงตอนนั้นทุกที







 

‘พี่บอย ตอนเด็กๆพี่เคยลองกินเปลือกแตงโมป่ะ”



“ไม่ มึงเคยกินรึไง”



“อืม ตอนนั้นอยากรู้ว่าทำไมกินมันทั้งเปลือกเหมือนแอปเปิ้ลไม่ได้ เลยลองแทะดู แต่เล่นซะฟันหน้าหลุดไปสองซี่เลย”



“...”



“พี่บอย นี่พี่หัวเราะผมหรอ นี่!”



“ฮ่าๆๆๆ มึงนี่มันโง่ตั้งแต่เด็กเลยว่ะ ไหนดูดิ ใส่ฟันปลอมอยู่ใช่ไหม”



“อื้อออ พี่บอยปล่อยนะ ผมเจ็บ!”











เด็กหนุ่มอมยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงมัน แต่พอจะหันไปถามน้าพรด้วยคำถามเดียวกันบ้างสิ่งที่รอพลัสอยู่กลับเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความลำบากใจและคำพูดที่บีบรัดก้อนเนื้อที่เต้นอยู่ในอก



“พลัส...วันนี้คนที่มาเยี่ยมน้าคือบอยนะ”



“...ครับ”



“พี่เขา...มาบอกลา...บอยบอกกับน้าว่า เขาจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว”



หูของพลัสอื้ออึงไปชั่วขณะแต่ไม่นานพลัสที่เสียการควบคุมไปคู่หนึ่งก็กลับมาส่งยิ้มให้คนที่อยู่บนเตียงก่อนจะลุกขึ้นแล้วปิดประตูตู้เย็นที่มีหนึ่งในความทรงจำระหว่างเขากับบอยอยู่ในนั้น



“ครับ...ถ้าเขาตัดสินใจแบบนั้นก็ดีแล้ว”



ตอนเด็กๆพลัสเคยได้ยินเสมอว่าความรักคือการให้อภัย เขาก็เชื่อมันมาตลอดโดยที่ไม่เคยเข้าใจด้วยซ้ำว่าการให้อภัยจริงๆแล้วมันเป็นยังไง มันคือการที่เรายอมรับความผิดที่คนอื่นก่อ หรือคือการยอมรับคนที่ทำร้ายเรากันแน่นะ...



พลัสถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ซ้ำๆในวันที่บอยขอให้เขาให้อภัย เขาควรยอมรับสิ่งที่บอยกระทำต่อเขา หรือยอมรับบอยที่ทำร้ายเขาด้วยวิธีที่โหดร้ายที่สุดกันแน่...แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม พลัสไม่เคยตอบคำถามตัวเองได้ด้วยตัวเลือกเหล่านี้ ดังนั้นสำหรับพลัสการให้อภัยคงไม่ใช่การยอมรับ



หากแต่เป็น...การให้โอกาส



‘ผมคงยอมรับในสิ่งที่พี่ทำไม่ได้ แต่ผมก็อยากให้โอกาสทั้งตัวเองแล้วก็พี่ได้ใช้ชีวิตเพื่อเรียนรู้ชีวิตกันต่อไป...ขอบคุณนะครับสำหรับทุกสิ่งที่เคยทำให้...ผมไม่ได้เสียใจหรอกนะที่รู้จักพี่...ขอให้พี่โชคดี...ถ้าหากเราได้เจอกันอีกคราวนี้อย่าลืมเข้ามาทักผมด้วยนะครับ’



พลัสอ่านข้อความที่เขาพิมพ์ลงในช่องสนทนาแต่ทว่ายังไม่ถูกกดส่งซ้ำๆ เด็กหนุ่มใคร่ครวญถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้น สิ่งที่เป็นอยู่ และสิ่งที่กำลังจะเกิดในวันข้างหน้า เขายิ้มและร้องไห้ให้กับมันเพียงลำพังก่อนที่จะกดลบข้อความทุกอย่างไปด้วยน้ำมือของตัวเอง







ลาก่อนครับ...




.

.

.

.

.

.

.



หลังความฝันอันยาวนานเกี่ยวกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยเสียงคลื่นและกลิ่นน้ำทะเล ตัวเขากำลังบินอยู่บนท้องฟ้าเพื่อข้ามผืนน้ำอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาไปยังเกาะแห่งหนึ่ง ที่นั่นช่างสวยงานและเต็มไปด้วยบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ปูนรู้สึกอุ่นใจ เขาเห็นคณิตตัวเล็กๆ...มีแต่คณิตเต็มไปหมดเลย



แกร็ก!



แต่ใครจะไปคิดว่าคณิตจิ๋วที่กำลังพากันวิ่งกรูมาใส่ตัวเขากลับแตกกระเจิงออกไปเพียงเพราะเสียงเล็กๆนั่น ปูนกระพริบตาอย่างเชื่องช้า ความฝันและการพักผ่อนอันยาวนานทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่คุ้นชินกับแสงไฟสักเท่าไหร่ แต่เขาก็พยายามยันกายลุกขึ้นนั่งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนี้คนเดียวอีกต่อไป



“อื้อ...พี่หน่อยครับ ตอนนี้กี่โมงแล้วหรอ”



“กำลังจะบ่ายสาม ฉันว่ามันถึงเวลาที่เธอควรตื่นได้แล้ว”



ไม่ต้องให้พูดซ้ำแค่ได้ยินว่าเสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงของหน่อยปูนก็แทบกระโดดออกจากเตียงแต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ ปูนที่สติยังกลับมาไม่ครบถ้วนดีมองไปยังคนที่กำลังเดินมานั่งเก้าอี้ที่คนรักของเขาใช้มันต่างที่นอนเมื่อคืน... รูปร่างแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ท่าทางแบบนี้...ไม่ผิดแน่



“ขะ ขอโทษครับ”



ร่างเล็กยกมือไหว้ประมุขของบ้านเจริญวัฒนะด้วยท่าทางตระหนก ส่วนบรรพตที่ใช้ลูกสาวอย่างหน่อยออกไปจัดการธุระอย่างอื่นให้เพื่อที่ตัวเองจะมีโอกาสได้มาพูดคุยกับแขกคนนี้เป็นการส่วนตัวยังคงรักษามาดของตัวเองไว้ได้อย่างดีจนน่าชื่นชม



“คำทักทายแรกที่เธอควรพูดกับคนไม่รู้จักคือสวัสดี ไม่ใช่ขอโทษ”



“ขอโท...ผมหมายถึง สวัสดีครับ”



“อืม สวัสดี”



ให้ตายสิ คุณคณิตไปไหนเนี่ย!!



“ร่างกายเป็นยังไงบ้าง ยังรู้สึกเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า”



หลังจากนั่งเงียบกันมาสักพัก บรรพตก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นก่อน พลางคิดในใจว่าเด็กนี่ไม่เห็นช่างพูดอย่างที่ลูกชายเขาว่า แต่ดูจากหน้าตาและท่าทางเรื่องที่ว่าเป็นตัวแสบก็คงไม่ผิดนัก



“ดีขึ้นมากแล้วครับ ไม่เจ็บตรงไหนแล้ว”



“หรอ ก็ดี งั้นเธอคงพร้อมแล้วใช่ไหม”



“พร้อม? พร้อมอะไรครับ?”



“พร้อมที่จะออกไปจากบ้านหลังนี้ไง”



หัวใจของปูนหล่นลงไปกองกับพื้น ความคาดหวังว่าจะได้รับการต้อนรับกลับถูกปฏิเสธกลับมาด้วยท่าทางที่เรียบนิ่งจนเขาไม่รู้จะทำตัวยังไง ควรโกรธหรอ หรือควรร้องไห้ ปูนไม่รู้จะทำหน้ายังไงกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเจอดี



“ว่าไง เธอพร้อมที่จะไปรึยัง”



“ผม...คือผม...”



“ตอบไม่ได้สินะ”



“...”



“ถ้าหากเธอยังตอบคำถามของฉันไม่ได้ แล้วเธอจะอยู่ข้างกายลูกชายของฉันต่อไปในอนาคตได้ยังไง”



น้ำเสียงของบรรพตฟังดูเหมือนผิดหวังมากกว่าตำหนิ ชายที่เห็นโลกนี้มามากกว่าปูนเดินไปยังชั้นวางของที่มีรูปถ่ายของคณิตตั้งแต่วัยเยาว์เรื่อยมาจนถึงรูปที่ครอบครัวของพวกเขาเพิ่งถ่ายด้วยกันไปเมื่อต้นปี



“คณิตเป็นเด็กไม่ดื้อแต่เขาก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ตั้งแต่เล็กๆฉันก็รู้อยู่แล้วว่าสักวันนิสัยแบบนี้ของเขาจะเป็นปัญหา...เธอรู้ไหมว่าครั้งแรกที่เขาดื้อกับฉันเกิดขึ้นตอนไหน”



“ผม...ไม่รู้ครับ”



ปูนตอบไปตามความจริง และต่อให้รู้เขาก็ไม่คิดจะพูดมันออกไป



“ตอนเขาอยู่มอหกกำลังสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นฉันไม่กังวลเรื่องของเขาเลยสักนิด จนกระทั่งวันหนึ่งคณิตกลับมาที่บ้านพร้อมกับบอกฉันว่าเขาจะไปเรียนคณะที่ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจบแล้วจะไปทำงานอะไร”



“คณะอักษร...”



“ใช่ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ฉันกลัว”



รูปของคณิตในวันที่เริ่มทำงานโรงแรมเป็นครั้งแรกถูกหยิบออกมาดู แน่นอนว่าลูกชายคนนี้หน้าตาไม่เหมือนบรรพตเลยยกเว้นก็แต่นิสัย แต่ไม่รู้ทำไมทุกๆครั้งที่เขาเห็นภาพนี้ บรรพตก็มักจะนึกถึงตอนที่เขาและภรรยาช่วยกันทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อสร้างโรงแรมแห่งนี้ขึ้นมา



“แม้ว่าสุดท้ายสิ่งที่เขาเรียนจะได้ใช้ประโยชน์แต่ฉันก็ไม่เคยลืมเรื่องนั้น ฉันเฝ้าดูเขาแล้วรู้สึกกลัวทุกครั้งเมื่อมีอะไรไม่ดีเข้ามาใกล้ คณิตเป็นคนหัวดีแต่เขาก็มักจะมีวิธีคิดแปลกๆ ไม่ว่าจะการบริหารโรงแรมแบบไม่เน้นเก็บเกี่ยวกำไรมากเกินควร การหยิบของที่มันไม่มีประโยชน์มาใช้ แล้ววันดีคืนดีเขาก็ดันไปเลือกคนที่มองยังไงก็ไม่มีอะไรนอกจากตัวมาอยู่ข้างๆ...เธอรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไง...ต่อให้เป็นลูกชายคนโตฉันก็อยากจะตัดมันออกจากกองมรดกซะให้รู้แล้วรู้รอด”



นั่นเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ใช่แค่คำขู่ที่หวังให้คนที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากตัวอย่างปูนได้เข้าใจถึงความผิดหวังที่หนักอึ้งของครอบครัวนี้ ร่างเล็กมองมือบนตักของตัวเองพยายามสรรหาคำพูดดีๆมาโน้มน้าวความคิดของอีกฝ่ายว่านอกจากตัวและความรักแล้วเขายังมีอะไรที่คู่ควรกับคณิตอีกบ้าง แต่ว่า...



“ไม่มีเลยใช่ไหมคำว่าคู่ควรน่ะ ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอคงจะเป็นคนที่เข้าใจความจริงข้อนี้มากที่สุด”



ปูนไม่ชอบความรู้สึกตอนนี้เลย เขารู้สึกเหมือนกับว่าอีกฝ่ายสามารถมองเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งในขณะที่ตัวเองกลับมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง ปูนเงยหน้าขึ้นหวังจะบอกพ่อของคนรักว่าเขารักคณิตมากขนาดไหน แต่คำพูดทุกอย่างกลับไม่ได้ถูกเอ่ยออกไป เพียงเพราะคำๆเดียวที่ออกมาจากปากของบรรพต



“ฉันเป็นห่วงเขา เธอเข้าใจใช่ไหม”



ใช่...ปูนเข้าใจแต่การยอมเดินถอยไปมันก็ทำได้ยาก ความรู้สึกที่หยั่งรากลึกเข้าไปข้างในไม่ต่างอะไรกับรากไม้ที่ยากจะถอนได้ด้วยการเด็ดมัน



“ผมเข้าใจครับ แต่ก็มีเรื่องบางอย่างที่ไม่เข้าใจเหมือนกัน”



“...”



“ผมไม่เข้าใจว่าการที่คุณมาพูดเรื่องนี้...คุณต้องการบอกอะไรผมกันแน่”



ไม่รู้ว่าปูนตาฟาดหรือเปล่าแต่ในชั่วขณะนั้นเขาเห็นว่าริมฝีปากของบรรพตกำลังยกยิ้มออกมา พร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกถึงความถูกใจแต่มันก็เป็นแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่เขาจะต้องเผชิญกับบรรพตที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งสมชื่อ



“ต้องการทำให้เธอรู้ไง ว่าตัวเองยังขาดอะไรบ้าง”



“...!!”



“ถ้าเธอเป็นผู้หญิงฉันคงไม่คิดเข้าไปก้าวก่าย แต่เพราะว่าเธอเป็นผู้ชาย มันเลยทำให้ทุกสายตาข้างนอกนั่นพุ่งตรงมายังคณิต...ตัวเธอคือตัวเขา การกระทำของเธอไม่ว่าจากอดีตหรือปัจจุบันก็จะถูกมองว่าเป็นการกระทำของเขาเช่นกัน...เธอและสิ่งที่เธอเคยทำจะกลายมาเป็นจุดอ่อนของคณิตโดยที่ไม่อาจปฏิเธได้”



บรรพตคิดถึงเรื่องราวของตัวเองในสมัยก่อนตอนที่ยังทำตัวไม่เอาไหนจนกระทั่งวันที่ได้มาพบกับนันทยา...แม่ของคณิตและหน่อยเข้า เขาไม่ได้รับการยอมรับจากใครแม้แต่โอกาสที่จะได้เข้ามาหลบภัยในบ้านหลังนี้อย่างที่ปูนกำลังทำอยู่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นสักครั้ง เขาต้องใช้ความพยายามมากมายเพื่อที่จะพิสูจนตัวเองต่อพ่อและแม่ของหญิงที่ตนรัก และต่อให้ปัจจุบันสิ่งที่เขาพยายามทำมาตลอดจะเกิดผลแล้ว แต่บรรพตก็ตระหนักเสมอว่าสายตาของทั้งคนในบ้านและข้างนอกนั้นกำลังจับตาดูสิ่งที่เขาทำตลอดไม่ว่าจะไปที่ไหน



“เพราะต้องการคำอนุญาตจากฉันคณิตเลยเล่าเรื่องทุกอย่างของเธอให้ฉันฟังแน่นอนว่าฉันรู้สึกเห็นใจกับปัญหาที่เธอต้องเจอ แต่ว่านะ...ทุกคนบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่แค่เธอหรือฉันเพราะฉะนั้นมันจะยกมาอ้างไม่ได้หรอกว่าเพราะเธอถูกทำร้ายมาเธอเลยสามารถทำร้ายคนอื่นต่อได้...โดยเฉพาะกับคนที่เธอรักและแม้แต่ตัวของเธอเอง”



บรรพตเดินไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาจากแฟ้มที่เลขาคนสนิทเตรียมไว้ให้ตั้งแต่วันที่ลูกชายเดินทางไปรับเด็กคนนี้เข้ามา เขากลับมานั่งลงตรงหน้าปูนที่ได้แต่กัดฟันแล้วนึกถึงความผิดพลาดที่ตัวเองได้กระทำลงไปซึ่งมันตอกย้ำคำพูดของบรรพตได้อย่างชัดเจนว่า สุดท้ายแล้วคนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือปูนเองไม่ใช่ใครอื่น



“อ่านมันให้ดี แล้วให้คำตอบกับฉันซะว่าเธอจะเอายังไงต่อไป...โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นและฉันก็หวังว่าเธอจะไม่เลือกทางผิดอีก




.

.

.

.

.

.





รถของคณิตเลี้ยวเข้ามาจอดในบ้านซึ่งข้างๆกันนั้นคือรถของบิดาที่คงกลับมาถึงนานกว่าเขาอยู่มากโข ร่างสูงรีบเดินลงมาหมายจะขึ้นไปบนห้องนอนของตนตรงชั้นสองเพื่อดูว่าพ่อของเขาได้เข้ามาคุยกับปูนไหม แต่ยังไม่ทันไรคณิตก็เห็นเด็กหนุ่มคนรักที่นอนเป็นผักอยู่ตลอดคืน กำลังพยายามทำความรู้จักกับเจ้าถังแมวตัวอ้วนใหญ่ของหน่อยที่นอนแผ่หราปล่อยให้ปูนเกาพุงให้อย่างสบายอารมณ์



“อ้าว กลับมาแล้วหรอครับ”



เป็นปูนที่เอ่ยทักขึ้นก่อนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคณิตเดินเข้ามาใกล้ๆ แม้จะยังดูขัดเขินอยู่บ้างแต่ปูนก็เดินเข้ามาช่วยคณิตปลดชุดสูทออกจนทำให้คนรักสามารถเห็นดวงตาที่บวกช้ำของเขาได้ถนัดตา



“ร้องไห้ทำไม พ่อของฉันมาพูดอะไรกับเธอใช่รึเปล่า”



แต่คณิตก็ไม่ได้คำตอบ ร่างเล็กเอื้อมมาจับมือของเขาไว้แล้วขอให้คณิตพาไปนั่งคุยกันที่อื่นเพื่อไม่ให้เสียงรบกวนการนอนของเจ้าถัง หากแต่จริงๆร่างสูงรู้ว่าปูนยังคงประหม่ากับสายตาของสาวใช้ที่มองมาอย่างสงสัยในตัวเอง



“ก่อนอื่น...ขอบคุณมากนะครับที่มาช่วยผมไว้ ถ้าไม่ได้คุณเรื่องของผมกับลุงคงจะไม่จบลงแบบนี้”



ปูนพูดขึ้นหลังจากที่พวกเขาทรุดกายลงนั่งบนม้าหินตรงสวนหลังบ้านซึ่งเป็นมุมโปรดของอาม่าที่ยังไม่คุยกับคณิตเลยนับตั้งแต่วันนั้น



“ไม่เป็นไร แต่ถ้าเธออยากตอบแทนก็ช่วยกลับมาคุยกันเหมือนเดิมได้ไหม เรียกกันสุภาพแบบนี้มันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้”



คณิตจะไม่บอกหรอกว่าเขาอยากให้ปูนเรียกตัวเองว่ายังไง แต่ดูเหมือนว่าร่างเล็กจะเข้าในความต้องการของคณิตดี ใบหน้าน่ารักนั้นซับสีก่อนที่ริมฝีปากซึ่งยังมีรอยแตกจากการโดนทำร้ายอยู่จะเอื้อนเอ่ยคำที่ร่างสูงรอคอยออกมา”



“ขอบคุณนะป๋า...ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”



นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่คณิตรู้สึกว่าเขาได้ปูนคนเดิมกลับมาแล้วจริงๆ ชายหนุ่มโอบกอดคนที่ตัวเองรักไว้เขานึกขอบคุณทุกๆอย่างและทุกๆคนที่คอยช่วยเหลือจนเขาสามารถไขว่คว้าคนคนนี้กลับมาอยู่ข้างกายได้ในวันที่ยังไม่สายเกินไป ไม่สิ ไม่ใช่...ครั้งนี้เป็นปูนเองต่างหากที่ยอมก้าวออกมาจากโลกของตัวเองเพื่อที่จะอยู่ข้างกายเขา



“ไม่เป็นไรนะ ไม่มีอะไรจะต้องกลัวแล้ว”



ปูนพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เพราะในใจเขายังคงกังวลเรื่องของลุงวิทยาอยู่มาก รวมถึงเรื่องปิ่น รัตติกาล หรือแม้แต่สิ่งที่เขาเคยทำ...ภาพการทะเลาะกันของทั้งคู่ก่อนวันจากลาหวนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับคำถามที่ว่า



“ป๋าไม่โกรธผมแล้วหรอ เรื่องของพี่กาล”



“ก็...ไม่ได้โกรธหรอก ฉันแค่รู้สึกเจ็บใจน่ะ แต่ช่างเถอะเรื่องทุกอย่างมันก็ผ่านไปแล้ว ทั้งตัวเธอแล้วก็ไอ้กาลมัน”



คณิตไม่ได้บอกปูนว่าเมื่อคืนตอนที่ร่างเล็กกำลังหลับเพราะพิษไข้ มีใครโทรมาหาเขาจากแดนไกล เรื่องราวทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น ทุกความรู้สึกที่เคยก่อตัวเป็นรูปร่างถูกถ่ายทอดออกมาโดย จนทำให้คณิตเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนของเขาถึงต้องทิ้งปูนไปในวันที่เลวร้ายอย่างนั้น



“อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะนะ ทั้งเรื่องของไอ้กาลและทุกๆอย่างที่เคยเกิดขึ้น การสูญเสียเธอไปในช่วงเวลาสั้นๆทำให้รู้แล้วว่าว่าระหว่างสิ่งที่เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วกับมือของเราที่กำลังจับกันอยู่นี้อะไรสำคัญมากกว่า...ขอโทษนะที่เคยปล่อยมือเธอไป ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีก”



“ป๋า...”



“อย่าจากกันไปไหนอีกนะปูน ชีวิตที่ไม่มีเธออยู่ข้างๆมันไม่มีทางทำให้ฉันมีความสุขได้อีกแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...ไม่ว่าพ่อของฉันจะพูดกับเธอว่ายังไง ฉันก็จะไม่ให้เธอต้องแบกรับมันแค่คนเดียวอีก เรามาผ่านมันไปด้วยกันนะ”



คณิตไม่มีทางเห็นน้ำตาที่เต็มไปด้วยความสุขและความเศร้าของปูนในยามนี้ได้ ร่างเล็กมองข้ามไหล่ของร่างสูงไป เขาเห็นเลขาของบรรพตยืนมองอยู่ราวกับการย้ำเตือนว่าข้อเสนอบนกระดาษแผ่นนั้นเขาต้องตัดสินใจเลือกมันเดี๋ยวนี้



“ขอบคุณนะครับที่พยายามปกป้องผม แต่...”



“...?”



“แต่ผมขอโทษที่รับมันไว้ไม่ได้”



ปูนได้ยินเสียงบางอย่างแตกออกจากกัน มันคงเป็นหัวใจของเขาและคณิตนั่นแหละที่กำลังร้องไห้ออกมาราวกับว่ามีใครทำมันให้แตกสลาย



 “หมายความว่ายังไง”



“....”



“พ่อฉันมาพูดอะไรกับเธอใช่ไหมปูน!”



“ไม่ใช่นะครับ…ไม่ใช่แบบนั้น ขอร้องล่ะ ฟังผมก่อนได้ไหม”



ปูนพยายามบอกให้คณิตใจเย็นลง เขาพูดกล่อมคนที่เคยใจเย็นที่ใจร้อนขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่าเรื่องของพวกเขามันคงไม่เป็นอย่างที่คิด คณิตไม่อยากนั่งจมอยู่ตรงนี้ เขาอยากจะเดินไปถามพ่อว่าพูดอะไรออกมาถึงทำให้ปูนคิดจะจากเขาไปอีกครั้ง ไหนบอกว่าจะให้โอกาสพวกเขาไง ไหนบอกว่าจะรอดูจนกว่าจะแน่ใจ...แล้วทำไมถึงทำแบบนี้



ปูนมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจของคนรักแล้วพยายามกลั้นน้ำตาที่ไหลออกมาแทบไม่หยุด ถึงจะยากลำบากแต่เขาต้องทำมันให้ได้...ปูนตีหัวใจของตัวเองเบาๆราวกับว่าต้องการให้มันเป็นเครื่องเตือนใจตัวเองว่าเขาต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้เพื่อคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้า คนที่เขาอยากเห็นหน้าทุกครั้งที่ลืมตา...คนที่ปูนรักหมดหัวใจ



“พ่อของป๋าเขาไม่ได้บอกให้ผมทำแบบนี้ เขาไม่ได้บอกให้ผมเลิกกับป๋าด้วยซ้ำ...แต่เขาทำให้ผมเข้าใจว่าแค่ความรักมันทำให้เราอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ได้ ป๋ายังมีคนอื่นที่ต้องแคร์ ทั้งคนในบ้านและแม้แต่คนข้างนอกนั่นที่ถ้าหากวันหนึ่งเขารู้ว่าผมเคยทำอะไรมา เรื่องพวกนั้นต้องย้อนกลับมาทำร้ายป๋าแน่ๆ”



มันไม่ได้แย่นักหรอกกับสิ่งที่เขากำลังจะทำ ไม่สิ มันดีมากๆด้วยซ้ำกับโอกาสที่พ่อของคณิตยื่นมาให้ เด็กหนุ่มยิ้มให้คนรักแล้วเป็นฝ่ายกอดคณิตไว้พร้อมกับบอกความในใจของตัวเองออกไป



“ผมจะพยายามเพื่อป๋านะ ป๋าเองก็ต้องพยายามเพื่อผมเหมือนกัน”



-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!! :t3:



Bad End ไปเรียบร้อยแล้วหนึ่งคู่ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นตอนจบที่แย่เท่าไหร่นะคับ เช่คิดว่ามันสมเหตุสมผลดีแล้ว สักวันพลัสอาจจะให้อภัยบอยได้ แต่ทั้งสองคนควรจะเรียนรู้ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ผลของมัน และสิ่งที่อยากให้เป็นไปในอนาคตมากกว่านี้ เรื่องต่อจากนี้ในตอนพิเศษอีก2ตอน เช่จะไม่ใบ้ว่ามันจะจบยังไง แต่ก็ตั้งใจว่าอยากให้ตัวละครสองตัวนี้ได้เรียนรู้ชีวิตอย่างที่พลัสตั้งใจไว้ ส่วนจะกลับมารู้สึกเหมือนเดิมไหมนั่นก็เป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งนะคับ

ตอนหน้าก็จบแล้ว เหงาดีเหมือนกัน ตอนพิเศษก็คงเลือกมาลงให้อ่านในเว็บประมาน1-2ตอนนะคับ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอาตอนไหนมาลงบ้าง แต่คงจะเลือกตอนที่ตอบโจทย์ความค้างคาในระดับหนึ่ง เรื่องหนังสือตอนนี้ยังไม่ได้นะคับว่าจะจัดพิมพ์ช่องทางไหน จะเอายังไงเช่จะแจ้งให้ทราบในเพจนะคับ ส่วนตอนพิเศษพี่กาล2ตอนที่เคยติดไว้ จะลงให้อ่านหลังจากป๋าปูนจบ อาทิตย์เว้นอาทิตย์ รวมๆแล้วก็น่าจะก่อนหนังสือรอบรีปริ้นออกนั่นแหละ แล้วเช่ก็จะขอหายตัวไปปั่นตอนพิเศษป๋าปูนให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะหันมาแต่งชาตินิลต่อนะคับ เรื่องนั้นจะพยายามไม่ใช้เวลามาก แต่คิดว่าน่าจะสร้างความบันเทิงให้ไม่น้อยเชียวแหละ

ช่วงนี้เช่งานยุ่งมาก ทั้งเรียนและการเตรียมตัวไปฝึกงานที่น่าจะหนักหน่วงมากเลยคับ (เข้าออฟฟิศ8โมงเช้า-6โมงเย็น ฮือออออออ) คงจะมาได้แค่อาทิตย์ละตอน แต่จะพยายามไม่หายไปนานกว่านั้นนะคับ พูดแล้วเศร้า แต่ก็ช่วยเข้าใจเช่หน่อยเนอะ



ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่42][060759]
«ตอบ #467 เมื่อ06-07-2016 20:16:32 »

พ่อป๋าจะให้ทำไรอีกเนี่ย :ling3:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่42][060759]
«ตอบ #468 เมื่อ06-07-2016 20:32:37 »

ง่าาาาา....ปูนจะทำอะไร 


จะปล่อยมือป๋าอีกแล้วเหรออออออ....อย่าปล่อยนานนะเว้ย เดี๋ยวปั๊ดยุให้เกิดเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อมาแทรกเลย  อิอิ

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่42][060759]
«ตอบ #469 เมื่อ06-07-2016 22:21:17 »

คู่นู้น bad end ไปละ ... รอตอนพิเศษ
คู่นี้ล่ะ จะ sad ending มั้ย? กลัวใจคนเขียนเหลือเกิน
จนถึงตอนนี้ก็ยังชั่งใจว่าจะไปอ่านเรื่องกาลดีมั้ย
กลัวว่าจะทำใจสงสารไม่ลง แบบว่ายิ่งอ่านยิ่งหมั่นไส้ไรงี้ 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่42][060759]
« ตอบ #469 เมื่อ: 06-07-2016 22:21:17 »





ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่42][060759]
«ตอบ #470 เมื่อ07-07-2016 16:07:19 »

ฮือออออ หวังว่าข้อเสนอของพ่อจะดีกับตัวปูนล่ะป๋านะน่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่42][060759]
«ตอบ #471 เมื่อ07-07-2016 22:26:39 »

 อดทนเวลาที่ฝนพรำ ~
คุณพ่อตามีแผนชัวๆ  น่าจะมีเงื่อนไขบางอย่างแน่เลย
แบบส่งปูนไปอัพเกรดการศึกษาให้เรียนบริหารกลับมาจะได้ช่วยป๋าได้
ส่วนป๋าระหว่างรอก็ทำยอดโรงแรมให้ทะลุเป้ากำไร 40%

# มโนล้วนๆ #มโนด้วยจิตวิญญาณทีมป๋าปูน 55555555

ออฟไลน์ FOUR EYES

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่42][060759]
«ตอบ #472 เมื่อ08-07-2016 04:14:14 »

จบไปคู่นึงแล้วว แบบลุ้นต่อว่าบอยกับพลัสจะกลับมาคบกันไหมมม   :o12:
ขอให้ป๋ากะปูน ผ่านอุปสรรคต่างๆไปด้วยกันให้ได้

ขอบคุณนะคะ สู้ๆเน้อ  :L2:

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่42][060759]
«ตอบ #473 เมื่อ08-07-2016 19:25:43 »

แอบเสียดายบอยพลัส :mew6:

อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกัน

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]
«ตอบ #474 เมื่อ16-07-2016 20:25:45 »


 

แตกที่ 43

…เสียงที่ได้ยิน...

 

 

 

 

ปิ่นในชุดนักศึกษาเดินเข้าไปในตึกใหญ่ของโรงพยาบาลที่มีทั้งคนไข้และญาติเข้ามาใช้บริการกันอย่างเนืองแน่น หญิงสาวยิ้มให้กับพยาบาลบางคนที่จำหน้าเธอได้โดยที่ปิ่นเองก็ยิ้มรับกลับไปเช่นกันก่อนที่หญิงสาวจะเดินเข้าไปพบกับคนที่โทรมานัดเธอไว้ตั้งแต่เมื่อวาน

 

 

“พี่โต้งหวัดดีค่ะ คนไข้เยอะเหมือนเดิมเลยนะพี่”

 

 

“ไม่ต้องมาประชดเลยปิ่น มาๆนั่งๆ”

 

 

โต้งที่อยู่ในชุดเสื้อกราวสีขาวเหมือนกับนายแพทย์ท่านอื่นๆแต่ก็คงแตกต่างกันตรงที่งานของเขาไม่ล้นมือมากนัก อย่างที่ปิ่นว่า แผนกจิตเวช ที่โต้งประจำอยู่นั้นไม่ใช่แผนกที่ผู้คนจะแวะเวียนมามากสักเท่าไหร่ บางคนเข้ามาแต่พอถึงคิวตรวจก็หนีหายกลับไปก็ยังมี

 

 

“พี่โต้งโทรตามปิ่นมาทำไมหรอคะ จะคุยเรื่องอาการของพ่อรึเปล่า”

 

 

“เรื่องนั้นก็ด้วย แต่ว่าก่อนอื่น...นี่ ไอ้กาลมันส่งของมาให้”

 

 

กระเป๋าแบรนด์เนมและสมุดภาพที่ปิ่นอยากได้ถูกส่งให้พร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งถูกจ่าหน้าซองด้วยลายมือที่เขียนอย่างสวยงามว่า ‘Rattikarn’

 

 

“ทำไมพี่กาลต้องซื้อของให้ปิ่นด้วยพี่โต้ง มีแต่ของแพงๆทั้งนั้น”

 

 

“รับไว้เถอะน่า มันคงจะอยากตอบแทนปิ่นที่คอยดูแลปูนให้มันนั่นแหละ”

 

 

คำตอบของโต้งจุดรอยยิ้มหวานขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาว เพียงแค่ได้ยินว่าคนที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าใจพี่ชายของเธอผิดมากมายกำลังรู้สึกยังไง

 

 

“จริงๆแค่พี่กาลเลิกเข้าใจพี่ปูนผิดปิ่นก็พอใจแล้วล่ะค่ะ แล้วอีกอย่างพี่ปูนก็เป็นพี่ชายปิ่นนะคะ ยังไงปิ่นก็ต้องดูแลอยู่แล้ว”

 

 

“พี่ก็บอกมันแล้ว แต่ก็ปล่อยให้มันทำไปเถอะ มันคงอึดอัดน่ะเพราะอยู่ทางนั้นเลยเข้ามาช่วยเรื่องนี้ไม่ได้มาก”

 

 

“ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะค่ะ แต่ความจริงพี่กาลก็ช่วยพี่ปูนไว้หลายเรื่องเลยนะคะ โดยเฉพาะตอนที่ปิ่นโทรหาพี่โต้งไม่ติด ถ้าตอนนั้นปิ่นไม่โทรหาพี่กาลปิ่นก็ไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องพ่อยังไง”

 

 

ปิ่นคิดถึงตอนนั้นที่เธอย้อนกลับมาที่ถนนเพื่อจะมอบโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ปูนเคยใช้เมื่อสมัยก่อนให้พี่ชายแต่กลับเห็นภาพพ่อของตัวเองกำลังบังคับให้ปูนขึ้นรถแล้วขับหนีไปต่อหน้าต่อตา ปิ่นไม่รู้จะทำยังไง โทรหาโต้งที่คอยช่วยเหลือกันมาตลอดก็ไม่ติด เธอเลยเลือกที่จะโทรไปหารายชื่อที่ถูกบันทึกไว้ในมือถือเครื่องนั้น

 

 

 

 

ใช่...ปิ่นรู้จักรัตติกาลและรู้เรื่องราวทุกอย่างของปูนมานานแล้ว

 

 

 

 

หลังจากปูนหนีออกจากบ้านไปครั้งแรก ทุกคนที่นี่ก็พาร้อนใจกันไปหมดพ่อของเธอพยายามวิ่งเต้นขอความช่วยเหลือ ในขณะที่ปิ่นเที่ยวสอบถามคนในมหาวิทยาลัยที่เธอกำลังจะไปเป็นนักศึกษา แต่สิ่งที่ปิ่นเจอกลับเป็นข่าวลือแปลกๆของปูนที่เธอไม่คิดจะเชื่อมันสักนิด ปิ่นพยายามตามหาปูนอย่างไม่ย่อท้อ จนกระทั่งเธอได้มาเจอโทรศัพท์มือถือของปูนที่ตกอยู่ในห้องพักในมุมที่ไม่มีใครเคยสังเกตเห็นเช่นเดียวกับเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ในนั้น

 

คำพูดของปูนและพ่อของปิ่นทุกคำหญิงสาวจำมันได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ เสียงของปูนที่พยายามขอความช่วยเหลือแต่กลับไม่เคยมีใครได้ยินมันทำให้ปิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายของเธอจึงเลือกที่จะจากไป ปิ่นพยายามเสาะหาความจริงที่ยังขาดหายแต่สิ่งที่เธอรวบรวมมาได้นั้นมันน้อยนิด จนกระทั่งเธอตัดสินใจโทรไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่พยายามโทรหาปูนอยู่หลายครั้ง แม้ว่ามันจะสายเกินไป

 

 “ตอนแรกปิ่นเกลียดพี่กาลมากเลยนะคะ เพราะถ้าหากพี่กาลไม่ทิ้งพี่ปูนไว้คนเดียว พี่ชายของปิ่นคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่ปิ่นก็คิดถูกจริงๆที่ลองติดต่อพี่กาลไปถึงได้รู้ว่าพี่กาลเองก็มีปัญหามากเหมือนกัน”

 

“แต่ยังไงซะสิ่งที่ไอ้กาลมันทำกับปูนก็ไม่ถูกหรอก โดยเฉพาะที่มันปักใจเชื่อคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองน่าจะเป็นคนที่รู้จักนิสัยปูนดีที่สุด”

 

“ก็เหมือนคนพวกนั้นแหละค่ะ...ถึงพี่กาลจะช่วยจัดการเรื่องคลิปของพ่อกับพี่ปูนไปแล้ว แต่ทุกวันนี้ในมหาลัยก็ยังมีคนพูดถึงพี่ปูนในแง่ไม่ดีอยู่ดี”

 

นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่รัตติกาลพยายามชดใช้ให้กับปูน หลังจากที่ได้คุยกับปิ่นและรับรู้เรื่องราวบางส่วนที่เกิดขึ้น คนที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศก็ใช้เงินตราและอำนาจที่มีอยู่ทางนี้จัดการเก็บคลิปทุกคลิปที่ถูกชายที่ชื่อแมนนำมาปล่อย และจากการกระทำนั้นก็ทำให้ทั้งรัตติกาลและปิ่นได้รู้เรื่องราวส่วนที่เหลือซึ่งมันทั้งตอกย้ำเรื่องราวเลวร้ายที่ปูนเคยเจอและความรู้สึกผิดในใจรัตติกาลให้ฝั่งแน่นเข้าไปอีกแต่ก็อย่างว่า แม้หลักฐานของเหตุการณ์นั้นอย่างคลิปจะถูกกำจัดไปแต่เรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดผ่านปากของมนุษย์ยังคงมีอยู่โดยที่มันไม่มีทางลบออกไปได้

 

“เพราะมันเป็นเรื่องสนุกสำหรับพวกเขาไง บางทีคนเราก็ไม่ได้ใช้เหตุผลในการดำรงชีวิตมากนักหรอกปิ่น”

 

โต้งพูดปลอบทั้งๆที่รู้ดีว่าเด็กสาวคนนี้เข้มแข็งยิ่งพี่ชายอย่างปูนเสียอีก โต้งยังจำได้ดีว่าตอนที่รัตติกาลติดต่อมาหาแล้วแนะนำเด็กคนนี้ให้เขารู้จักพร้อมกับฝากฝังให้โต้งคอยช่วยเหลือดูแลสภาพจิตใจของปิ่นที่ต้องแบกรับทั้งความรู้สึกผิดและความชิงชังต่อคนรอบข้างไว้ ตอนนั้นโต้งคิดภาพไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าปิ่นจะใช้ชีวิตยังไงในสังคมที่มีแต่คนกล่าวโทษพี่ชายของตัวเองตลอดเวลา แต่เธอก็ผ่านมันมาได้จนถึงทุกวันนี้

 

“ช่างเถอะค่ะ เดี๋ยวพอคนปล่อยข่าวอย่างนังก้อยกับไอ้แมนจบไป ทุกคนก็คงจะลืมเรื่องของพี่ปูนไปเอง ไม่สิ อันที่จริงขอแค่มีเรื่องสนุกใหม่ๆให้ได้เมาท์กันทุกคนก็พร้อมจะลืมเรื่องในอดีตไปแล้วมั้ง”

 

“ก็อย่างนี้ล่ะนะ เราก็อย่าไปยุ่งกับสองคนนั้นมากแล้วกัน นี่พี่ยังเสียดายถ้าหากตอนนั้นรู้ว่าไอ้คนที่เข้ามาหาเรื่องปูนกับพี่ที่ผับคือมัน คงจะปล่อยให้คณิตมันยำมันให้เละกว่านี้อีก”

 

“ฮ่าๆ โหดจริงๆพี่เรา ว่าแต่เรื่องของพ่อปิ่นล่ะคะ เป็นยังไงมั้ง”

 

 “ไม่มีอะไรมากหรอก พี่แค่จะให้คำแนะนำเรื่องสภาพจิตใจของพ่อปิ่นเพิ่มเติมเท่านั้นเอง”

 

พอพูดถึงเรื่องนี้ปิ่นก็เริ่มจะเป็นกังวลจนโต้งต้องลูบหัวกลมนั้นเบาๆ เพื่อให้เด็กสาวผ่อนคลายลงบ้าง

 

“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกน่า”

 

“ก็พี่โต้งพูดเหมือน...พ่อปิ่นป่วย”

 

“ถ้าจะตีความว่าป่วยคือการไม่สบายล่ะก็ พี่กับปิ่นเองก็อาจจะถือว่าเป็นคนป่วยอยู่เหมือนกันนะ”

 

โต้งหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นปิ่นที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องสาวทำหน้างงหนัก แต่ก็ไม่แปลกหรอกนะ ในเมื่อยังมีอีกหลายคนที่เข้าใจเรื่องพวกนี้แบบผิดๆ

 

“จิตใจมนุษย์เราก็เหมือนร่างกายแหละปิ่น มีป่วยมีล้าได้เหมือนกัน เพียงแต่จะมีอาการและความรุนแรงแตกต่างกันไป บางคนก็อาจจะแค่เครียด นอนไม่หลับ กินอะไรไม่ลง หรือแม้แต่ร่าเริงเกินไป หรือกินเยอะกว่าปกติ ซึ่งอาการพวกนี้ถ้าเป็นคนเขาก็ไม่ค่อยจะมาพบจิตแพทย์อย่างพี่กันหรอก คนที่เข้ารับการรักษาก็จะเป็นคนที่อาการของเขารุนแรงจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว ทั้งๆที่คนพวกนั้นเป็นแค่หนึ่งในสี่ของผู้ป่วยเป็นโรคจิตเภททั้งหมดเท่านั้นเอง”

 

“เหมือนกับพี่กาลหรอคะ”

 

“ใช่ แต่ว่าเพราะเป็นความเข้าใจผิดๆแบบนั้นด้วยล่ะนะเลยทำให้คนที่อาการยังไม่แสดงออกมามากไม่อยากมาหาจิตแพทย์เพราะเห็นว่าไม่จำเป็น บ้างก็กลัวว่าคนอื่นจะหาว่าเป็นบ้า แล้วพอไม่ได้รับการรักษามันเลยทำให้อาการที่เป็นอยู่หนักขึ้นจนกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้แล้ว”

 

ปิ่นรับฟังแล้วพยายามทำความเข้าใจมันแม้จะขัดแย้งกับความรู้สึกเดิมที่เคยมีมาอยู่บ้าง แม้ลึกๆปิ่นจะเริ่มคิดไปแล้วว่าพฤติกรรมรุนแรงที่พ่อของตนนั้นกระทำต่อปูนมันอาจเกิดจากโรคแบบที่โต้งว่าจริงๆ

 

“กรณีของพ่อปิ่นพี่คงยังไม่สามารถยืนยันได้หรอกนะว่าท่านป่วยรึเปล่าจนกว่าท่านจะยอมมาคุยกับพี่ด้วยตัวเอง แต่พี่เป็นห่วงเพราะเท่าที่ปิ่นมาปรึกษาให้พี่ฟังว่าพ่อมีอาการเครียดแล้วก็นอนไม่หลับตั้งแต่วันที่ปูนจากไป ในเบื้องต้นพี่อยากให้ปิ่นกับแม่พยายามเข้าใจและดูแลสภาพจิตใจของพ่อก่อน พยายามชวนท่านคุยให้มากๆ ลองหากิจกรรมใหม่ๆทำอย่าให้ท่านจมอยู่กับความคิดเดิมๆตลอดเวลา ถ้าหากว่าอาการของพ่อปิ่นดีขึ้นท่านก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยไม่ต้องเข้ารับการรักษา แต่ถ้าไม่ปิ่นก็ควรจะพาท่านมาโรงพยาบาลเพื่อที่แพทย์จะได้ช่วยกันวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไปนะ”

 

โต้งพยายามพูดกับปิ่นด้วยเหตุผลและใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนจนหญิงสาวเริ่มที่จะแสดงอาการเปิดรับให้เห็น ปิ่นครุ่นคิดและเห็นว่าหากสิ่งที่โต้งพูดมันเกิดขึ้นจริงการพาพ่อมาพบแพทย์ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

 

“ปิ่นเข้าใจแล้วค่ะ ปิ่นจะลองไปพูดกับคุณแม่ดูนะคะแต่ก็ไม่รู้ว่าท่านจะเข้าใจสิ่งที่พ่อเป็นรึเปล่า”

 

“อืม ฝากบอกคุณแม่ด้วยว่าไม่ต้องเป็นกังวลนะ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ แม้จะพ่อของปิ่นจะป่วยขึ้นมาจริงๆมันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่ร่วมกับพวกเขาไม่ได้ กลับกันกำลังใจจากครอบครัวต่างหากที่เป็นยาที่ดียิ่งกว่ายาไหนๆ ความรักและความเข้าใจเป็นสิ่งที่ปิ่นต้องมีมันให้มากๆนะ”

 

ปิ่นฟังแล้วพยักหน้ารับและบอกกับตัวเองว่าเธอจะดูแลพ่อให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าครั้งหนึ่งพ่อจะเคยทำสิ่งที่เลวร้ายก็ตาม

 

“ตอนเด็กๆปิ่นจำได้ว่าตอนที่แม่ของพี่ปูนเสีย พ่อปิ่นเสียใจมากที่ช่วยน้องสาวของตัวเองไม่ได้ พ่อเลยตัดสินใจรับพี่ปูนมาเลี้ยงทั้งๆที่บ้านของเรากำลังลำบาก...พ่อเลี้ยงปิ่นกับพี่ปูนมาดีมาก ไม่เคยสักครั้งที่พ่อจะว่าหรือทำให้เราเสียใจ ถึงแม้ว่าสุดท้าย...ความรักที่พ่อมีให้พี่ปูนนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายเราทั้งหมด แต่ปิ่นก็เชื่อว่าพ่อไม่เคยตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น”

 

โต้งได้ฟังแล้วก็ยิ้มได้ อย่างน้อยความพยายามที่จะเข้าใจที่ปิ่นมีให้กับพ่อของตัวเองนี้จะเป็นยาที่จะบรรเทาเรื่องเลวร้ายทุกอย่างได้ เขาให้คำแนะนำปิ่นอีกนิดหน่อยรวมถึงฝากหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสภาพจิตใจเบื้องต้นให้ปิ่นกับแม่ไปอ่าน เด็กสาวบอกขอบคุณเขาพร้อมกับรับปากว่าเจอกันครั้งหน้าจะทำขนมมาให้ทาน เล่นเอาพวกสวีททูธแบบโต้งพอใจเป็นอย่างมาก แต่หลังจากปิ่นเดินออกจากห้องไปไม่ถึงนาที แขกไม่ได้รับเชิญก็โผล่เข้ามา

 

“หื้ม เป็นอย่างนี้เองสินะ”

 

“ไอ้นิล!”

 

นิลที่ไม่แม้แต่จะทักทาย เดินมานั่งบนเก้าอี้ที่เมื่อครู่น้องสาวของปูนนั่งอยู่โดยไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องอนุญาต โต้งทำหน้าเลิกลั่กพยายามเก็บโทรศัพท์มือถือที่ใช้การอยู่แต่ก็ไม่ทัน นิลถือวิสาสะแย่งมันมาก่อนจะแสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าโต้งกำลังคุยอยู่กับใคร

 

“กูเอาของให้ปิ่นเรียบร้อยแล้วนะ ส่วนนี่ก็ไอดีไลน์ใหม่ของปูน”

 

นิลอ่านข้อความที่โต้งเพิ่งพิมพ์ลงไปแต่ยังไม่ทันได้กดส่ง ชายหนุ่มผู้ที่มีจิตใจดีไม่แพ้หน้าตาเลยอาสากดให้โดยที่รูปประจำตัวของคู่สนทนาซึ่งเป็นรูปพระจันทร์ลอยอยู่กลางท้องฟ้ารีบตอบกลับมาว่าขอบคุณแทบจะทันที

 

“กูก็คิดอยู่ว่าทำไมเรื่องของเด็กนั่นมันถึงคลี่คลายได้ง่ายผิดปกติ ทั้งตอนที่มึงเสนอแผนให้ไอ้นิดปลอมตัวเข้าไปในงานเลี้ยงบริษัททั้งๆที่ไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่าปูนจะได้โผล่ไปที่นั่น แล้วก็เรื่องที่ไอ้กาลเป็นคนแรกที่รู้ว่าปูนโดนลุงจับตัวไปทั้งๆที่มันอยู่เมืองนอก ฮ่าๆ มึงนี่ร้ายกว่าที่กูคิดอีกนะไอ้โต้ง”

 

ถึงปากจะชมแต่วแววตาของนิลไม่ได้บอกอย่างนั้นเลยสักนิด โต้งลอบกลืนน้ำลายตัวเองแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้ถอยห่างออกไปเล็กน้อย

 

“กะ กูไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังนะเว้ย แต่ไอ้กาลขอไว้ว่าไม่ให้บอกใคร”

 

“อ่าฮะ เหมือนกับตอนนั้นใช่ไหม ที่มึงช่วยไอ้กาลปิดบังพวกกูว่ามันกำลังป่วยเป็นอะไร”

 

รอยยิ้มและแววตาคมกริบของนิลที่มองมาทำเอาโต้งอยากจะกระโดดหนีออกทางหน้าต่างหากไม่ติดว่าแผนกจิตเวชมันตั้งอยู่บนชั้นห้า จิตแพทย์หนุ่มจึงต้องตียิ้มซื่อแล้วพยายามหาทางเอาตัวรอดให้มันเจ็บตัวน้อยที่สุด

 

"คราวของไอ้กาลมันเป็นความลับของคนไข้ ถ้ามันไม่เต็มใจกูก็ไม่มีสิทธิบอกใครทั้งนั้น ส่วนเรื่องของปูนมันก็มีเหตุผลอยู่นะ ที่ไอ้กาลมันยังไม่เปิดเผยตัวนั่นก็เพราะว่ามันยังรู้สึกผิดกับปูนอยู่”

 

“รู้สึกผิดเลยมาทำตัวเป็นฮีโร่ลับหลังเนี่ยนะ นั่นมันการกระทำของพวกขี้ขลาดไม่ใช่รึไง”

 

แม้จะสนิทกันแต่โต้งก็ไม่ชอบเท่าไหร่ที่นิลพูดถึงสิ่งที่รัตติกาลทำแบบนี้ เขาจึงใช้เสียงที่เข้มขึ้นเพื่ออธิบายความคิดของคนที่ไม่มีโอกาสพูดแก้ตัว”

 

“มึงก็รู้สถานการณ์ของกาลมันดีนะนิล ว่าตอนนี้เพื่อนเรากำลังพยายามแค่ไหนอยู่ที่นั่น มันรู้ตัวว่ามันผิดแล้วมันก็รู้ด้วยว่าปูนคงไม่มีทางให้อภัยมันง่ายๆต่อให้มันบินกลับมาคุกเข่าตรงหน้า ทุกอย่างต้องใช้เวลามึงก็อย่าไปว่ามันนักเลย”

 

“ที่กูพูดก็เพราะว่ากูรู้จักมันดี ไอ้นิสัยชอบหนีปัญหาของมันเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว กูไม่ได้บอกว่าสิ่งที่มันทำอยู่ไม่ดีนะ แต่กูเชื่อว่าตราบใดที่ไอ้กาลไม่ออกมาเผชิญหน้ากับปัญหาตรงๆโดยไม่หวังหลบอยู่ใต้เงาคนอื่น บาดแผลที่มันสร้างไว้ให้ปูนก็จะไม่มีวันหาย ต่อให้เป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่ที่มันไปทำตัวเหี้ยๆกับเขาไว้ก็คือความจริง ไอ้กาลมันยังต้องชดใช้ให้ปูนอีกเยอะ”

 

นิลไม่คิดโกรธโต้งที่พูดปกป้องรัตติกาลเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขาชื่นชมในความอ่อนโยนของมันด้วยซ้ำซึ่งก็หวังว่าเพื่อนคนนี้จะเข้าใจ เสียงถอนหายใจของโต้งดังขึ้นชายหนุ่มพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองแล้วเก็บเหตุผลของนิลเอาไว้ในใจ คนกลางอย่างพวกเขาคงพูดอะไรมากไม่ได้นอกจากคอยดูผลของมันในอนาคตที่กำลังจะมาถึง

 

“แล้วมึงมาหากูมีอะไรรึเปล่า นัดของรพีมันอาทิตย์หน้าไม่ใช่รึไง”

 

“กูเปล่ามาเรื่องของหลาน พอดีไอ้นิดมันโทรมาเมื่อเช้าบอกให้ฝากชวนมึงไปงานเลี้ยงส่งปูนด้วยกันตอนสุดสัปดาห์”

 

“อ้าว จะไปอาทิตย์นี้แล้วหรอ”

 

“อืม เพื่อนมึงนี่แทบไม่เหลือสภาพ เสียงหงอยเป็นหมาเลยว่ะ ฮ่าๆ”

 

นิลหัวเราะอย่างสะใจ จนโต้งเริ่มชักสงสัยอีกครั้งแล้วว่าหมอนี่มันเคยเห็นอกเห็นใจเพื่อนบ้างรึเปล่า เพราะถ้าเป็นเขา หากต้องมาจากคนรักไปแบบนี้ก็คงออกอาการหงอยบ้างไม่ต่างกัน

 

“ฝากมึงบอกไอ้ขิงด้วยแล้วกันนะ กูไปล่ะ นัดกินข้าวกันผัวไว้”

 

“หึ เพื่อนจะเป็นจะตายยังมีกะใจไปเดทได้อีกนะมึง”

 

“ก็ใช่สิ ช่วงนี้ไอ้ชาติไม่ค่อยกลับบ้านต้องเก็บเกี่ยวกันหน่อย กูไปล่ะ”

 

นิลโบกมือลาโต้งแล้วทิ้งเพื่อนที่ทำสีหน้าเหม็นเบื่อออกมาไว้เบื้องหลัง โต้งส่ายหัวเบาๆอย่างอ่อนใจก่อนจะส่งข้อความไปหาขิงตามที่นิลบอก

 

 

.

.

.

.

.

.

.

 

สนามหญ้าหน้าบ้านเจริญวัฒนะถูกตกแต่งให้เป็นงานปาร์ตี้เล็กๆ ด้วยฝีมือของว่าที่ผู้บริหารใหญ่ของโรงแรม The Next ที่ตื่นมาเลือกซื้อวัตถุดิบต่างๆตั้งแต่หัววัน (แน่นอนว่าต้องมีแม่บ้านไปด้วย) โต๊ะที่ยาวที่สุดในบ้านถูกเลือกมาใช้งานเพื่อให้แขกทุกคนได้พูดคุยกันได้สะดวก ผ้าปูโต๊ะสีน้ำเงินถูกปูลงไปพร้อมกับแจกันที่เตรียมไว้เพื่อใส่ดอกไฮเดรนเยียสีฟ้า ซึ่งคณิตเลือกใช้มันเพื่อสื่อถึงจิตใจของใครบางคน

 

“เฮีย อาหารเตรียมเสร็จแล้วนะคะ เหลือแค่ยกออกมาตอนงานเริ่ม”

 

“อืม ขอบใจมาก หน่อยไปพักก่อนเถอะ”

 

ถึงปากจะบอกว่าให้น้องสาวไปพักแต่คนเป็นพี่อย่างคณิตกลับยังคงตั้งหน้าตั้งตา เตรียมดอกไฮเดรนเยียที่ว่าให้อยู่ในสภาพที่สวยที่สุด

 

“เฮียน่าจะพักกว่าหน่อยอีกนะคะ ตั้งแต่เช้าหน่อยเห็นเฮียทำนั่นทำนี่ไม่ยอมหยุดเลย”

 

“แค่ไม่อยากปล่อยตัวเองให้ว่างนะ แต่เฮียยังไหวไม่ต้องห่วงนะ”

 

หน่อยสายหัวเมื่อเห็นว่าสีหน้าของคณิตไม่ได้ไหวอย่างปากพูด รอยคล้ำใต้ดวงตาที่เหมือนกับเธอคู่นั้นบ่งบอกได้อย่างดีว่าคณิตกังวลมากแค่ไหน

 

“เดี๋ยวป๊าก็พาน้องกลับมาแล้ว เฮียไม่ต้องห่วงหรอกค่ะไปกันแค่นี้เอง”

 

“อืม...แต่ว่ามันก็อดเป็นกังวลไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”

 

คณิตว่าแล้วก็หัวเราะ เขารู้ว่าตัวเองคิดมากเกินไปแต่มันจะทำยังไงได้เมื่อในวันพรุ่งนี้ปูนก็จะไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว...

 

“ถ้าคิดแล้วอะไรๆมันดีขึ้นก็คิดไปเถอะค่ะ แต่ถ้าไม่หน่อยว่าเฮียเอาเวลามาทำอย่างอื่นดีกว่านะ อย่างน้อยขึ้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง ทำตัวโทรมๆแบบนี้ถ้าปูนทิ้งไปมีแฟนใหม่นี่หัวเราะไม่ออกแน่ๆ”

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำขู่ของหน่อยรึเปล่า สาวใช้ในบ้านทั้งหลายจึงเห็นคณิตก้มๆเงยๆอยู่ที่โต๊ะไม่นานก่อนจะหายขึ้นไปบนห้องของตัวเอง  จนกระทั่งรถของบรรพตที่ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าขับกลับเข้ามาคณิตก็ยังไม่ลงมาเลย

 

“ขอบคุณนะครับ ที่วันนี้ยอมไปเป็นธุระให้ผม”

 

ปูนพูดกับพ่อของคนรักที่เขาเริ่มจะรู้สึกชินกับอาการพูดน้อยต่อยหนักของคนตรงหน้า ไม่ต้องพูดถึงนิสัยชอบเผด็จการที่เขารู้แล้วว่าคณิตได้มันมาจากใคร

 

“ไม่เป็นไร เธอขึ้นไปพักผ่อนเถอะ แต่อย่าเผลอหลับแล้วกัน เย็นนี้ต้องทำตามใจลูกชายฉันอีกไม่ใช่รึไง”

 

บรรพตว่าพลางหันไปมองสนามหน้าบ้านที่ถูกตกแต่งจนเสร็จเรียบร้อยเหลือแค่รอให้แขกเหรือมากันครบเท่านั้น

 

“ครับ...แต่ผมห้ามเขาแล้วนะครับ”

 

“แก้ตัวทำไม ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

 

“แต่ตาคุณลุงบอกว่ามันไร้สาระ”

 

คำพูดของปูนทำให้บรรพตยิ้มได้ แต่ก็ช่างเป็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกซะเหลือเกิน ร่างเล็กแสร้งทำเป็นไม่กลัวในขณะที่ขาดันถอยออกไปแล้วสองก้าว ให้ตายสิ ทำไมใจกล้าเถียงเขาไปแบบนั้นวะ!

 

“ดูเหมือนว่านอกจากเรื่องที่เราเพิ่งไปจัดการกันเธอยังมีอะไรให้ต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยนะ โดยเฉพาะเรื่องมารยาท”

 

“...”

 

“หึ แต่ว่าเรื่องความกล้าบ้าบิ่นนี่คงไม่ต้องสอน”

 

ปูนกระพริบตาปริบๆ ไม่อยากเชื่อว่าพูดนั้นจะออกมาจากปากของคนที่เพิ่งเดินเข้าไปในห้องทำงานโดยไม่คิดจะสนใจเขาอีก ร่างเล็กอมยิ้ม ถึงแม้แม่และยายของคณิตจะยังไม่ยอมรับเขาแต่ดูเหมือนว่าการเข้าหาทางพ่อคงไม่ยากเท่าไหร่ พอมีเรื่องให้สบายอกสบายใจปูนก็เดินฮัมเพลงขึ้นไปยังห้องที่เขาใช้หลับนอนมานานกว่าสามอาทิตย์แล้ว

 

แน่นอนว่าปูนอยากกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเล็กของคณิตมากกว่า แต่ด้วยเพราะธุระอะไรหลายๆอย่าง และคำสั่งของบรรพตที่ไม่ยอมปล่อยให้พวกเขากลับไปที่นั่นตามลำพังอีก ปูนเลยเรียกร้องอะไรไม่ได้ แม้ว่าจะมีเรื่องให้อึดอัดใจอยู่บ้างอย่างสายตาของคนในบ้านที่มองมา...แต่เขาก็เริ่มชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ขึ้นมาทีละน้อยถึงแม้จะเป็นก่อนที่เขาจะต้องจากไปก็เถอะ

 

“ป๋า...หลับอยู่หรอ”

 

ภาพของคณิตที่กำลังนอนขมวดคิ้วอยู่บนเตียงเป็นภาพแรกที่ปูนเห็นตอนที่เปิดประตูเข้ามา เขาวางกระเป๋าใบเล็กของตนลงบนโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปใกล้โดยระวังไม่ให้เกิดเสียงจนไปรบกวนการนอนของคนรักเข้า ปูนมองใบหน้าที่บ่งบอกความเหนื่อยล้าของร่างสูงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งคิดถึง เป็นห่วง และรัก...จนอดไม่ไหวที่จะจูบเปลือกตาสีอ่อนของคณิตเบาๆด้วยทุกอย่างที่มี

 

“เหนื่อยมากเลยสิท่า บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องจัดๆ”

 

“...”

 

“วันนี้ผมจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะ พรุ่งนี้ก็ต้องไปแล้ว...ต่อไปคงเหงาน่าดูเลยเนอะ”

 

“ถ้าเหงานักก็ไม่ต้องไปสิ”

 

คนที่ปูนเข้าใจว่าหลับอยู่ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับทำสีหน้าออดอ้อนแบบที่ปูนทนไม่ไหวจนต้องซุกกายเข้าหา กลิ่นครีมอาบน้ำอ่อนๆที่คุ้นเคยดีและไออุ่นที่ไม่เคยคิดว่าจะได้รับกลับคืนมาทำให้ปูนรู้สึกสงบลงในขณะที่คณิตยังคงว้าวุ่น

 

“วันนี้ป๋าทำอะไรบ้าง เห็นข้างล่างจัดของไว้เยอะแยะเลย”

 

“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ ตอบมาก่อนว่าถ้าเหงาแล้วยังคิดจะไปอีกหรอ”

 

ปูนยิ้มให้กับน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดที่เขาได้ฟังมันมาตลอดสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นหรือมันเป็นด้านเด็กๆที่มีอยู่ในตัวของคณิตอยู่แล้วชายหนุ่มที่เคยดูเคร่งขรึมและเป็นผู้นำช่วงนี้ถึงได้แสดงท่าทางอ่อนโยนแบบนี่ออกมาจนทำให้ปูนรู้สึกลังเลกับการตัดสินใจของตัวเองทุกครั้งแต่ว่า...เขาคงจะเปลี่ยนใจไม่ได้

 

“เหงาแต่ก็ต้องไป เพราะผมรับปากไว้แล้วว่าจะพยายามเพื่อป๋า”

 

“ฉันไม่ได้ขอร้องให้เธอทำสักหน่อย”

 

“แต่ผมอยากทำให้ ผมอยากให้ป๋าดีใจ...ป๋าไม่ชอบมันหรอครับ”

 

ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ...คณิตรู้สึกดีใจทุกๆครั้งที่เด็กคนนี้พยายามทำสิ่งต่างๆเพื่อเขาไม่ว่ามันจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม หากแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป...

 

“ถ้าแลกกับการที่เธอไม่ไป จะอยู่ขัดใจฉันมากเท่าไหร่ก็ได้นะ”

 

คำตอบของคณิตทำให้ปูนหลุดขำหากแต่ลึกๆแล้วเขารู้ดีว่ามันมีความจริงจังอยู่ในนั้นมากแค่ไหน

 

“ขอโทษนะ แต่ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่านอกจากเรื่องนี้ผมจะเลิกดื้อกับป๋า ป๋าเองก็อย่าดื้อกับผมนะ แค่แปปเดียวเอง”

 



 :mc4:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :mc4:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]
«ตอบ #475 เมื่อ16-07-2016 20:27:04 »





“นั่นสิ แค่สามเดือนนี่มันนานตรงไหนวะ”

 

ขิงที่เพิ่งบึ่งรถมาจากกรุงเทพพูดออกมากลางบทสนทนาที่ทั้งคณิตและปูนต่างถกกันใหญ่เลยว่าเวลาสามเดือนที่ปูนต้องไปเรียนต่อให้จบมันนานตรงไหน

 

“ให้แฟนมึงลองไปอยู่ที่อื่นสามเดือนบ้างเอาไหมล่ะ กูจะได้โทรบอกจิ๊บเขาให้เก็บของลองหนีไปเที่ยวไกลๆตอนนี้เลย”

 

“อย่าพาลดิวะไอ้นิด มันเทียบกันได้ที่ไหนระหว่างไปเที่ยวกับไปเรียนหนังสือ อีกอย่างสามเดือนนี่หายใจแปปเดียวก็พ้นไปแล้ว”

 

ทั้งโต๊ะพยักหน้าเชิงเห็นด้วย เรื่องนี้คงเป็นแค่เรื่องเดียวที่ทุกคนยอมเข้าข้างขิงเพราะตอนนี้คณิตเริ่มไร้เหตุผลจนเข้าขั้นบ้า ปูนถอนหายใจเขาพยายามลูบแขนคนรักให้ใจเย็นลงแต่มันก็ไม่เคยสำเร็จตั้งแต่วันที่ปูนตัดสินใจบอกคณิตว่าตัวเองรับข้อเสนออะไรไป

 

“ครั้งนี้มึงฟังขิงมันไว้บ้างเถอะไอ้นิด ปูนแค่ต้องกลับไปเก็บวิชาบังคับให้หมด เวลาแค่สามเดือนสั้นจะตาย”

 

“ถ้าแค่กลับไปเรียนสามเดือนกูไม่ว่าอะไรหรอกไอ้โต้ง...แต่ที่กูไม่เข้าใจคือป๊าจะให้ปูนตระเวนไปทำงานที่โรงแรมอื่นทำไม”

 

           แค่นึกถึงก็ฉุนคนเป็นพ่อ อย่างที่บอกคณิตเห็นด้วยติดจะยินดีด้วยซ้ำกับการที่ปูนจะได้กลับไปเรียนหนังสือต่อ แต่สิ่งที่เขายอมรับไม่ได้คือการฝึกงานที่พ่อของเขาตัดสินใจเอาเองว่าจะให้ปูนตระเวรไปฝึกงานตามโรงแรมต่างๆซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นของคนที่รู้จักกันดี ฟังดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นห่วงอะไร แต่พอคณิตถามพ่อของตนว่าปูนต้องทำมันไปนานแค่ไหนคำตอบก็คือ

           

 

จนกว่านายบรรพตจะบอกให้หยุด…

 

“ถ้าเกิดว่าป๊าเล่นตุกติกไม่ยอมให้ปูนกลับมาที่นี่ขึ้นมากูจะทำยังไง จริงอยู่ที่เขายอมให้กูติดต่อกับปูนได้ แต่มันมีอะไรรับประกันได้ล่ะ ว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม”

 

ไม่ใช่ว่าคณิตไม่เชื่อใจปูน แต่เพราะเรื่องที่ผ่านมามันสร้างความหวาดระแวงให้เขามากกว่าที่คิด...คณิตกลัวว่าจะมีคนมาพาปูนไป กลัวทุกๆครั้งที่ระยะห่างทำให้เขาไม่สามารถมองตาคนที่รักได้ แค่คิดก็อึดอัดในอกคณิตเอื้อมมือไปโอบไหล่ของปูนไว้อย่างหวงแหน จนทั้งโต้ง ขิง และนิลที่มองมาได้แต่ทำหน้าเอือมระอาในความติดปูนจนเกินเหตุ

 

“กูว่าที่ป๊ามึงทำอย่างนั้นก็เพราว่ามึงเป็นแบบนี้เนี่ยแหละ กูเข้าใจนะว่ามึงอยากเก็บปูนไว้ใกล้ๆจนแทบจะสิงร่าง แต่อย่าลืมสิว่านอกจากคอยรักเด็กนี่แล้วมึงยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำอีก”

 

นิลพูดขึ้นพลางมองออกไปยังบ้านอีกหลังซึ่งปลูกไว้ในเขตรั้วบ้านเดียวกันแต่ตั้งใจแยกออกไปเพราะความรักสงบและความเป็นส่วนตัวอันเป็นนิสัยของประมุขตัวจริงของครอบครัวนี้

 

“ปูน ยังไม่ได้เจออาม่าอีกหรอ”

 

โต้งซึ่งเข้าใจในสิ่งที่นิลต้องการจะสื่อหันมาถามร่างเล็กด้วยความเป็นห่วง เพราะถึงแม้จะเข้มงวดไปบ้างแต่ยายของคณิตก็เป็นมิตรกับแขกของหลานชายเสมอแต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่ใช่

 

“ยังไม่เคยเจอครับ ส่วนแม่ของป๋าผมเคยเจอแล้วแต่ก็ไม่ได้คุยกัน”

 

ปูนตอบกลับมาอย่างสบายๆดูไม่มีท่าทีกังวลอย่างที่โต้งคิด ผิดกับคณิตที่เริ่มทำท่าคิดมากอีกครั้งจนร่างเล็กต้องโอบเอวของคนรักกลับไป

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย อันที่จริงแค่เขายอมให้ผมอยู่ที่นี่ด้วยมันก็เกินคาดไปมากแล้วด้วยซ้ำ”

 

“นั่นก็ใช่ แต่ปูนคงไม่หวังแค่นี้ไปตลอดหรอกใช่ไหม”

 

“ฮ่าๆ ไม่มีทางแน่นอนพี่ เพราะแบบนี้ผมถึงต้องไปไงครับ”

 

การยินยอมให้ปูนอาศัยอยู่ที่นี่อาจจะไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าไมตรีที่เพื่อนมนุษย์จะมอบให้แก่กัน ซึ่งปูนก็คิดแบบนั้นแต่เขาก็ยังคงยิ้มได้ นิลมองหน้าคนที่ครั้งหนึ่งเคยผ่านความทุกข์มามากมาย ทั้งการถูกทำร้ายจากคนรอบข้างและการถูกทรยศหักหลังซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยเมื่อเทียบกับเวลาที่ต้องใช้เยียวยาทุกผลกระทบที่เกิดจากเรื่องนี้

 

“เข้มแข็งขึ้นเยอะเลยนี่ เอามันมาสอนเพื่อนกูบ้างแล้วกัน”

 

ปูนฟังแล้วก็สงสัยว่านิลหมายถึงเพื่อนคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขานี่หรือคนที่ปูนไม่คิดจะพบเจออีกฝ่ายอีกแล้วในชีวิตนี้ นิลเองพอเห็นสีหน้าของปูนก็พอจะเดาออกว่าร่างเล็กคิดไปไกลแค่ไหน เขาจึงถอนหายใจแล้วอธิบายให้ฟัง

 

“กูหมายถึงไอ้คณิตเนี่ยแหละ ส่วนไอ้กาลก็ช่างหัวมันเถอะ มันกับมึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้วไม่ใช่รึไง”

 

นิลว่าพลางเหลือบไปมองโต้งที่สีหน้าเปลี่ยนไปและคณิตที่ดูจะเป็นห่วงความรู้สึกของคนในอ้อมแขนมากกว่ารัตติกาล ในขณะที่ปูนนั้นยังคงมองมาที่นิลนิ่งๆก่อนจะระบายยิ้มสวยออกมาแต่ทุกคนที่เห็นมันกลับรู้สึกเหมือนกันว่ารอยยิ้มของปูนครั้งนี้ดูเด็ดเดี่ยวและไร้ซึ่งความรู้สึกดีๆเหมือนอย่างทุกครั้ง

 

“ครับ ผมกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว พี่นิลสบายใจเถอะ”

 

“มึงจะว่ายังไงมันก็ไม่ช่วยให้กูสบายใจขึ้นหรือทุกข์ใจลงหรอก แต่พูดชัดเจนแบบนี้ก็ดีแล้ว ไอ้คณิตมันจะได้ไม่หึงจนเป็นบ้าขึ้นมาอีก”

 

“กูกับปูนเข้าใจกันแล้วเถอะ มึงอย่ามาชงซะให้ยาก”

 

คณิตแกล้งพูดให้มันเป็นเรื่องตลกไปเพื่อยุติความตึงเครียดที่ปกคลุมไปทั้วโต๊ะอาหาร ซึ่งทุกคนต่างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยเฉพาะปูนที่เอาแต่ใส่ใจคนข้างๆแล้วไม่คิดถึงคนในอดีตคนนั้นอีกแล้ว ค่ำคืนแห่งการอำลาที่ให้ความรู้สึกเหมือนงานฉลองมากกว่าดำเนินต่อไปเรื่อยๆท่ามกลางสายตาของคนในบ้าน ทั้งบรรดาสาวใช้ที่ยังไม่แน่ใจกับสถานะของแขกคนใหม่ หน่อยที่เดินมาคุยกับพวกเพื่อนของคณิตเป็นบางครั้ง บรรพตที่ออกมาดูสักพักก่อนจะกลับไปทำงานต่อ รวมถึงนันทยาที่เพิ่งกลับมาจากบ้านของผู้เป็นแม่ที่ยังคงบอกเล่าถึงความทุกข์ใจที่หลานชายคนโปรดเปลี่ยนไปให้เธอฟัง

 

“ไม่เข้าไปคุยกับเฮียหรอคะม๊า มายืนอยู่ตรงนี้ทำไม”

 

หน่อยพูดกับมารดาของตนผู้ที่เคยมีใบหน้าอิ่มสุขอยู่เสมอแต่บัดนี้กลับซูบผอมและไม่สดใสอย่างเคย นันทยาหันมามองหน้าลูกสาว เธอไม่คิดว่าหน่อยจะสังเกตเห็นเธอที่ยืนมองคณิตเงียบๆอยู่ตรงนี้ เหมือนกับที่ลูกชายเธอไม่เคยเห็น...

 

“ไม่ล่ะ อีกสักพักม๊าก็ไปแล้ว”

 

“แต่หน่อยว่าม๊าเข้าไปทักทุกคนสักหน่อยก็ดีนะคะ พวกพี่ๆเขาบ่นคิดถึงม๊ากันใหญ่ แต่หน่อยว่าคงคิดถึงกับข้าวฝีมือม๊ามากกว่า”

 

คนที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารในบ้านมาตลอดยิ้มอ่อน เพราะวันนี้อาหารที่เสิร์ฟให้แขกทุกอย่างเธอไม่ได้เป็นคนทำ แต่มันกลับเป็นลูกชายที่ไม่แทบจะไม่เคยเข้าครัวอย่างคณิตที่พยายามจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองถึงแม้สุดท้ายจะเหลวไม่เป็นท่าจนพวกแม่บ้านทนไม่ไหวขออาสาทำแทนนั่นแหละ

 

“ม๊าฝากหน่อยไปขอโทษทุกคนแทนด้วยแล้วกันนะที่ไม่ได้ลงมาทำให้ ไว้คราวหน้าม๊าจะดูแลอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่องแน่นอน”

 

“แล้วทำไมต้องรอคราวหน้าด้วยล่ะคะ คราวนี้ไม่ได้หรอ...หรือเป็นเพราะว่าปูนอยู่ด้วยม๊าเลยไม่อยากทำ”

 

หน่อยไม่ได้มีเจตนาจะกระทบกระเทียบมารดาของตัวเองหากแต่เธอรู้สึกว่าอคติที่คนในบ้านกำลังแบกไว้นั้น ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้แต่คนรักของพี่ชายหรือตัวคณิตเองเท่านั้น แต่มันยังส่งผลถึงทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ ซึ่งล้วนแต่เป็นคนที่หน่อยรักและห่วงใย

 

“หน่อยเข้าใจม๊านะว่าม๊าคงทำใจลำบาก แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องคอยดูกันต่อไปใช่ไหมล่ะคะ ว่าเฮียกับเด็กคนนั้นจะไปด้วยกันได้ไกลแค่ไหน”

 

นันทยามองหน้าลูกสาวที่มีความคิดความอ่านไกลไม่ต่างจากพ่อและพี่ชาย แต่ถึงจะเข้าใจมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธออยู่ดี

 

“ขอเวลาให้ม๊ากับอาม่าอีกหน่อยเถอะ เพราะต่อให้มองยังไงม๊าก็ยังไม่เห็นอนาคตของสองคนนั้น พวกเขายังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมาก...แค่คำว่ารักกันมันไม่พอหรอกนะสำหรับวันพรุ่งนี้”

 

 

หน่อยฟังแล้วค่อนข้างแปลกใจกับความคิดของแม่แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงยิ้มออกมาก่อนจะเดินเข้าไปกอดมารดาที่ถึงแม้จะเป็นช้างเท้าหลังของบ้านแต่หากมองดูดีๆแล้วผู้หญิงคนนี้คือเสาหลักที่มั่นคง เข้มแข็งและคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ

 

“ใจแข็งอย่างนี้หน่อยคงต้องเตือนเฮียแล้วว่าให้เร่งทำคะแนนหน่อย ไม่อย่างนั้นปูนแย่แน่ๆ”

 

“นี่ก็พูดไป ม๊าไม่ได้จะทำอะไรเขาสักหน่อย”

 

“ค่ะๆ ไม่ทำเนอะ แค่ม๊ายังไม่ยอมรับไหว้ปูนเท่านั้นเอง ว่าแต่ผิดคาดเหมือนกันนะคะเนี่ย หน่อยคิดว่าถ้าเฮียบอกทุกคนเรื่องนี้ม๊าจะรับได้ก่อนป๊าซะอีก แต่นี่อะไรเดี๋ยวนี้ป๊าตัวติดกับปูนอย่างกับอะไรดี อย่างวันนี้ที่ปูนต้องไปทำเรื่องขอลงทะเบียนเรียนพิเศษกับมหาลัย ป๊าก็อุตส่าห์ไปเป็นธุระให้ทั้งๆที่ความจริงส่งแค่เลขาไปก็พอแล้ว”

 

หน่อยได้ทีก็ฟ้องใหญ่ แต่เธอไม่ได้นึกเกลียดอะไรปูนหรอกนะ หญิงสาวเพียงแค่ออกอาการงอนที่ปูนแย่งเวลาว่างของบรรพตที่ปกติมักจะพาหน่อยไปช็อปปิ้งเสมอไปเท่านั้นเอง

 

“ก็นี่ล่ะนะป๊าเรา เห็นปากร้ายๆแบบนั้นเอาเข้าจริงไม่เคยใจแข็งกับใครเขาหรอก โดยเฉพาะกับเฮียเราน่ะตามใจจะตาย แล้วที่สำคัญ...”

 

 

นันทยายิ้มออกมาขณะที่หันไปมองลูกชายที่กำลังลูบหัวคนรักอย่างอ่อนโยน เธอเห็นแล้วก็คิดถึงอดีตที่เด็กชายคณิตตัวไหม้แดดวิ่งจูงมือน้องสาวที่อยู่ในสภาพพอๆกันมาหาเธอและสามีเพื่ออวดปูลมที่สองพี่น้องช่วยกันจับมาได้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอจำฝังใจไม่ใช่เรื่องนั้น...หากแต่เป็นภาพของปูลมตัวเล็กที่นอนตายอยู่ในฝ่ามือของคณิตที่กำลังยิ้มร่า ในขณะที่หน่อยกำลังร้องไห้ด้วยความสงสารมัน

 

 

เธอจำได้ว่าตอนนั้นเธอรีบปรี่เข้าไปกอดปลอบลูกสาวที่รู้ซึ้งถึงหนึ่งชีวิตที่จากไปไม่เหมือนกับพี่ชายที่มองมันเป็นแค่เรื่องสนุก...นันทยากลัว...กลัวมากว่าลูกชายที่เธอรักจะจดจำความรู้สึกเหล่านี้และเคยชินกับมันไปจนถึงวันข้างหน้า แต่ในขณะที่เธอได้แต่นึกกังวลเกี่ยวกับอนาคตที่ยังไม่มาถึง บรรพตผู้ที่เป็นทั้งพ่อและคู่ชีวิตได้ใช้มือของตัวเองตีลงไปที่มืออีกข้างของคณิตเป็นครั้งแรก

 

 

เพี๊ยะ!

 

 

‘ป๊าไม่เคยสอนตี๋ให้ทำแบบนี้ ตี๋จะรังแกคนที่อ่อนแอกว่าไม่ได้’

 

เด็กชายคณิตที่ถูกตีจนมือชามองใบหน้าเคร่งขรึมของคนเป็นพ่อด้วยดวงตาที่มีน้ำเอ่อคลอ ก่อนที่จะค่อยๆหันกลับมามองปูลมตัวน้อยที่สิ้นลมอยู่บนมือของตัวเองอีกครั้ง

 

‘ตี๋ไม่ได้ตั้งใจ ตี๋แค่จะเล่นด้วยเฉยๆ’

 

‘แต่ตี๋ทำเขาเจ็บ ปูลมตัวเล็กนิดเดียวตี๋จะจับเขาแรงๆแบบนี้ไม่ได้รู้ไหม’

 

บรรพตว่าก่อนจะประคองมือลูกชายข้างที่หนึ่งชีวิตน้อยๆได้จากไปไว้ แล้วค่อยๆจับมือของคณิตที่กำลังสั่นเพื่อเททุกอย่างบนนั้นลงไปในมือของตัวเองอย่างทะนุถนอม ทั้งปูลมตัวเล็กและเม็ดทรายที่โอบล้อมมันไว้

 

‘สัญญากับป๊านะว่าตี๋จะไม่ทำอย่างนี้อีก เราเป็นลูกผู้ชายต้องอ่อนโยนให้มาก...ชีวิตของทุกคนมีค่า ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนตี๋ก็ต้องทะนุถนอมมันไว้เหมือนกับทรายในมือป๊า...ตี๋สัญญากับป๊าได้ไหม’

 

เด็กชายคณิตที่กลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร แต่พร้อมกันนั้นก็ยังพยายามจะพูดในสิ่งที่ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ยิ้มออกมา

 

‘ตี๋สัญญาฮะ ฮึก ตี๋จะไม่ทำอีก ฮึก ตี๋จะเป็นคนดีของป๊ากับม๊า’

 

เด็กชายคณิตที่ร้องไห้ในวันนั้นได้เติบโตเป็นนายคณิตที่อ่อนโยนกับทุกคนตามสัญญาที่เคยให้ไว้ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครมาจากไหนคณิตก็พร้อมที่จะแสดงน้ำใจกับผู้คนเหล่านั้นเสมอ นันทยาดีใจที่ลูกชายเธอเป็นคนแบบนั้นแม้ว่ามันจะสร้างความลำบากใจให้เธอบ้างก็ตาม

 

“แล้วอะไรอีกคะม๊า ม๊าจะพูดว่าอะไรหรอ”

 

หน่อยถามมารดาถึงประโยคที่ยังพูดไม่จบดี เธอเห็นแม่ของตัวเองนิ่งไปแล้วทำหน้าเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนอดที่จะสงสัยไม่ได้ หากแต่เมื่อเธอพูดออกไปแบบนั้นแม่ของเธอก็หันกลับมายิ้มให้เหมือนอย่างที่เคยทำ

 

 

 

“ม๊าจะบอกว่า นอกจากจะรักเฮียเรา ป๊าของหน่อยน่ะยังเป็นคนที่เข้าใจความไม่สมบูรณ์แบบของคณิตได้ดีที่สุดแล้ว”

 

 
:mew1:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2016 20:30:37 โดย vivacestory »

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]
«ตอบ #476 เมื่อ16-07-2016 20:30:56 »




คณิตที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวคู้ตัวลงเล็กน้อยเพราะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ แต่ถึงจะหนาวยังไงเขาก็ไม่ได้ใส่ใจจะหาชุดนอนมาสวมเพราะตอนนี้ดวงตาที่บ่งบอกถึงเชื้อสายกำลังสอดส่ายหาคนที่สมควรนอนรอเขาอยู่ในห้อง

 

 

“ปูน เธออยู่ไหนน่ะ”

 

“ผมอยู่นี่ครับ ตรงระเบียง”

 

เสียงของปูนดังขึ้นตามทิศทางที่เจ้าตัวบอก โดยร่างเล็กที่ยังคงสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิมนั้นกำลังส่งภาพถ่ายในวันนี้ไปให้น้องสาวอย่างปิ่นและชายปริศนาผู้เป็นเพื่อนของโต้งที่เพิ่งแอดไลน์ปูนมาอีกครั้งเมื่อไม่กี่วันมานี้

 

“ทำอะไรอยู่น่ะ ส่งรูปหรอ”

 

“อืม รูปนี้ไง น่ารักไหม”

 

ความน่ารักที่ปูนว่า คือภาพที่ขิงถูกเพื่อนๆจับมัดมือมัดเท้าด้วยเนคไทเพราะแพ้พนันที่ว่าวันนี้คณิตจะร้องไห้เพราะปูนหนีไปเรียนต่อกี่ครั้ง แน่นอนว่าขิงผู้มีหัวใจอ่อนไหวเทคะแนนไปที่สามครั้งเป็นอย่างต่ำ ในขณะที่โต้งและนิลกลับบอกว่าหัวข้อพนันมันปัญญาอ่อนซึ่งก็ใช่ ใครจะร้องไห้เพราะเรื่องแบบนี้กันล่ะ สมน้ำหน้ามันแล้ว!

 

“เอารูปที่มันโดดเอาแครอทยัดจมูกไปด้วยสิ ส่งไปเลย”

 

“ฮ่าๆ ป๋านี่ไม่สงสารเพื่อนเลยนะ ป่านนี้พี่ขิงร้องไห้แย่แล้ว”

 

ปูนพูดออกมาด้วยความห่วงใยโดยหารู้ไม่ว่าคนที่ตีหน้าเศร้าเหมือนกับจะร้องไห้อยู่เมื่อหัวค่ำตอนนี้กำลังนัวกับสาวอยู่ในผับดังของบางแสนพร้อมกับโต้งและนิลที่วันนี้ไม่มีใครมาคุม แต่เชื่อเถอะว่าต่อให้ไม่มีก็ไม่กล้า...

 

“ช่างเรื่องไอ้ขิงมันเถอะน่า ว่าแต่เก็บของเสร็จแล้วหรอ ฉันยังเห็นของบางอย่างเธอยังไม่ได้เก็บเข้ากระเป๋าเลย”

 

ถึงปากจะบอกว่าไม่อยากให้ไป แต่พอถึงเวลาคณิตก็เป็นฝ่ายเตรียมพร้อมต่อการก้าวเดินอีกครั้งของปูนมากที่สุด เสื้อผ้าชุดใหม่ และข้าวของเครื่องใช้ที่ยังขาดร่างสูงก็เป็นคนจัดหามาให้จนปูนอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเห็นเขาเป็นเด็กประถมที่เพิ่งเข้าโรงเรียนเป็นวันแรกรึยังไง

 

“เรียบร้อยแล้วครับ ของพวกนั้นผมตั้งใจทิ้งไว้เอง เพราะยังไงสุดสัปดาห์ก็ต้องกลับมาค้างที่นี่อยู่ดี คุณลุงบอกว่าผมต้องมาช่วยงานที่โรงแรมในช่วงที่ป๋าไปทำงานที่สัตหีบ เหนื่อยหน่อยแต่ก็ต้องทำล่ะนะ”

 

พูดแล้วก็ยิ้มบาง เพราะความจริงต่อให้ปูนไม่ไปเรียนต่อพวกเขาก็ยังคงต้องห่างกันเพราะหน้าที่การงานของร่างสูงที่รุมเข้ามาตามกำหนดการณ์ที่เขียนไว้ โรงแรม The Next สาขาใหม่ที่สัตหีบกำลังจะเริ่มก่อสร้างให้เป็นรูปเป็นร่างภายใต้การควบคุมดูแลของคณิตโดยสมบูรณ์ ซึ่งสาขาหลักอย่างบางแสนจะมีนายบรรพตเข้ามาดูแลให้ชั่วคราวจนกว่าทุกอย่างจะลงตัว

 

“แล้วเรื่องที่มหาลัยไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ป๊าช่วยจัดการให้รึเปล่า”

 

“ครับ ไม่มีปัญหาอะไร คุณลุงช่วยเคลียร์ให้หมดแล้ว”

 

“เรียกคุณลุงๆอยู่ได้ สนิทกันแล้วไม่ใช่รึไง ทำไมไม่เรียกป๊าล่ะ”

 

“ฮ่าๆ สนิทกันที่ไหนล่ะครับ ลองผมเรียกอย่างนั้นสิ คุณลงบรรพตผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นได้เอาผมตาย”

 

แม้จะฟังดูเป็นเรื่องใหญ่แต่ปูนกลับพูดมันออกมาราวกับว่าเป็นเรื่องขบขันซึ่งคณิตที่เป็นห่วงเรื่องการยอมรับของคนในครอบครัวก็สบายใจไปเปราะหนึ่งเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะอย่างน้อยปูนก็ยังคงยิ้มได้

 

“ไม่เป็นไรนะ ฉันเชื่อว่าสักวันพวกเขาจะยอมรับเราได้ ทุกคนใจดีแล้วก็อ่อนโยนมาก เพียงแต่เธอยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสมันเท่านั้นเอง”

 

“ครับผมเข้าใจ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา แต่ถึงผมต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการพิสูจน์มัน ผมก็ไม่ยอมถอยหรอกป๋าวางใจได้”

 

ได้ฟังอย่างนั้นคนที่มีความสุขอยู่แล้วก็อิ่มเอมไปทั้งใจ พลางคิดว่าตั้งแต่เขากับปูนได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งเราก็ต่างพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาตรงๆ ไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย

 

“ถ้ากลับไปเรียนแล้วมีปัญหาอะไรเธอต้องบอกฉันนะ คนชื่อก้อยกับแมนก็ยังเรียนไม่จบ...เธอคงต้องเจอกับพวกเขาอีก”

 

“ผมรู้ครับ แต่ไม่ต้องห่วง พี่นิลสอนผมแล้วว่าต้องรับมือกับคนพวกนั้นยังไง งานนี้รับรองมันไม่กล้ามาแหย่มกับผมอีกแน่”

 

คณิตเห็นปูนกับเพื่อนของเขาเข้ากันได้ก็ดีใจอยู่หรอก...แต่นี่มันจะดีเกินไปไหม ชายหนุ่มที่รู้ฤทธิ์เดชของเพื่อนดีเริ่มรู้สึกระแวงว่านิลจะเอาอะไรแผลงๆมายัดใส่หัวปูนรึเปล่าจนลืมคิดไปเลยว่าคนรักของตัวเองน่ะ...แสบพอกัน

 

พวกเขายืนคุยกันสักพักก่อนที่คณิตจะไล่ปูนไปอาบน้ำ โดยที่ตัวเองก็ใช้เวลาที่เหลือไปกับการเตรียมการบางอย่างซึ่งถือเป็นเซอร์ไพร์สครั้งแรกที่คณิตตั้งใจทำมันให้กับคนที่เขารัก กล่องไม้สีขาวสะอาดเช่นเดียวกับโบว์ที่ผูกมันไว้วางลงตรงข้างหมอนพร้อมกับดอกไฮเดรนเยียแบบเดียวกันกับที่ใช้ประดับโต๊ะอาหารในตอนเย็น ร่างสูงหันมาจุดเทียนหอมกลิ่นวานิลลาแบบที่ปูนชอบโดยไม่ลืมที่จะวางมันลงบนพื้นที่ว่างตรงหัวเตียงอย่างระมัดระวัง...นั่นแหละ...เขยิบเข้าไปอีกนิด

 

“ป๋าทำเซอร์ไพร์สให้ผมหรอ”

 

“เฮ้ย!!!”

 

คณิตที่กำลังเพ่งสมาธิไปกับการจัดเทียนให้ตรงจุดสะดุ้งเฮือกก่อนจะร้องโวยวายเสียงดังจนปูนที่ตัวยังไม่แห้งดีต้องเข้ามาช่วยหุบปากอีกฝ่ายด้วยฝ่ามือนุ่มๆของตัวเอง แต่พอคณิตเริ่มตั้งสติได้เขาก็นึกอยากลองกัดมือของปูนแทนเพราะเด็กนี่มันดันเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งๆที่ไม่ได้ใส่อะไรเลย!

 

“ทำไมเธอถึง…!!”

 

“อย่าเพิ่งด่านะ ผมเผอิญทำผ้าขนหนูตกอ่ะ มันเลยเปียกผืนอื่นก็ไม่มีเลยต้องแอบย่องมาหยิบ แต่ดันเห็นป๋าทำอะไรลับล่อๆเลยเดินเข้ามาดูก่อน”

 

“เธอนี่มัน! โอ้ย! ไปใส่เสื้อเลยไป!”

 

ร่างสูงโวยวายทั้งที่น้ำตาตกในไปแล้วเพราะงานเซอร์ไพร์สของตัวเองดันล่มไม่เป็นท่า แถมคนที่ทำมันพังยังอารมณ์ดีใส่เสื้อผ้าไปหัวเราะไปจนคณิตแค้นหนักอยากจะเดินเข้าไปฟัดแก้มก้นกลมๆนั่นเสียจริง แต่ก็ได้แค่คิด ความเป็นจริงคือคณิตกำลังนั่งคอตกแล้วจัดการดับเทียนหอมเจ้าปัญหาด้วยหัวใจห่อเหี่ยว ให้ตายสิ อุตส่าห์เตรียมมาอย่างดีแท้ๆ

 

“ไหนๆขอดูหน่อย ป๋าเตรียมอะไรไว้ให้ผมบ้างเนี่ย”

 

ปูนที่แต่งตัวเรียบร้อยดีแล้วเดินมาหาคนรักพร้อมกับล้มตัวลงนอนทันทีโดยไม่สนว่าคณิตกำลังทำหน้ายังไง เขามองช่อดอกไฮเดรนเยียที่มีความหมายว่า ‘คุณนั้นช่างเย็นชาเหลือเกิน’ ที่วางอยู่เคียงข้างกับกล่องไม้ใบหนึ่งที่คงเป็นพระเอกของงานนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ผมเปิดเลยได้ไหม ขอเปิดเลยนะๆ”

 

“จะทำอะไรก็ทำ ตามสบายเลย”

 

ชายหนุ่มพูดพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง แต่ก็เมินไม่ได้นานเพราะปูนเลือกที่จะหยิบทั้งดอกไม้และกล่องของขวัญที่แค่ดูก็รู้ว่าคณิตตั้งใจเตรียมมันอย่างมากเพื่อเขามาแล้วพาตัวเองไปนั่งตรงหว่างขาเพื่อให้ร่างสูงสามารถโอบอุ้มเขาไว้ได้ทั้งตัว

 

“เปิดแล้วนะครับ ดูสิ มีอะไรเอ่ย”

 

ปูนค่อยๆบรรจงแกะโบว์อันเป็นปราการเพียงหนึ่งเดียวออกก่อนจะแง้มฝากล่องขึ้นจนเผยให้เห็นนาฬิกาข้อมือตัวเรือนสีเงินสว่างที่เล่นกับแสงไฟทันทีจนปูนรู้สึกตาพร่า แต่นั่นไม่ได้ทำให้ปูนรู้สึกพิเศษมากไปกว่าสีหน้าปัดของมันที่สื่อถึงตัวตนเขาได้อย่างชัดเจน...มันเป็นสีฟ้า

 

“อยากจะหายี่ห้อแพงๆกว่านี้ให้อยู่หรอก แต่คิดไปคิดมาเอายี่ห้อเดียวกันไว้คงดีกว่า นี่ฉันสั่งทำพิเศษให้เธอเชียวนะ เพราะถ้าจะเอาตัวเรือนเหมือนกันแต่หน้าปัดเป็นสีนี้เลยมันไม่มี”

 

คณิตอวดอ้างสรรพคุณของมันทันทีที่มีโอกาส แต่ความจริงเขาแค่อยากพูดอะไรก็ได้ระหว่างที่คนในอ้อมแขนของเขากำลังเสียน้ำตาก็เพราะมัน ตัวของปูนสั่นเล็กน้อยเพราะแรงสะอื้นจนคณิตต้องหยุดพูดแล้วคว้าเอาคนรักมากอดไว้ ความเข็มแข็งที่ปูนเพียรพยายามสร้างมันแทบตายพังทลายลงมา ไม่สิ ปูนแค่ยอมให้คณิตเห็นความอ่อนแอของตัวเองเท่านั้น

 

“อย่าร้องสิ ตอนนี้เข้มแข็งขึ้นแล้วไม่ใช่รึไง”

 

“ก็มันดีใจนิ ฮึก แล้วถึงจะร้องไห้ก็ไม่ได้แปลว่าอ่อนแอลงสักหน่อย”

 

ร่างสูงยิ้มให้กับคำพูดนั้น...นั่นสินะ ปูนของเขาเข้มแข็งขึ้นมากจนบางครั้งคณิตรู้สึกใจหาย คนที่เคยวิ่งตามเขาตลอดเริ่มมีความคิดของตัวเองและพยายามก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความต้องการที่แรงกล้าซึ่งเขาไม่ได้ชี้นำให้...ปูนกำลังเติบโตขึ้นกลายเป็นผู้ใหญ่แบบที่คณิตเคยหวังไว้

 

“แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงผมก็ยังเป็นผม ไม่เปลี่ยนไปหรอกน่า”

 

“...!!”

 

“แล้วอีกอย่างนะ ผมจะเข้มแข็งแค่บางเรื่องเท่านั้นแหละ แต่ถ้าเป็นเรื่องอ้อนป๋าขออ่อนแออย่างเดิมแล้วกัน”

 

ปูนปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเองก่อนจะฉีกยิ้มให้คนที่ถึงแม้จะไม่พูดแต่แค่มองตาก็รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ร่างเล็กหยิบนาฬิกาสีฟ้าของเขามาใส่ก่อนจะยื่นไปให้คนที่ซื้อมันดูว่าสวยแค่ไหน ซึ่งคณิตก็คิดว่ามันสวยจริงๆ...รอยยิ้มที่ปูนมอบให้กับเขาน่ะ...สวยมาก

 

“ผมจะรักษาอย่างดีเลย ฝนตกก็จะไม่เอามาใส่”

 

“ใส่ไปเถอะ มันกันน้ำได้”

 

“ฮ่าๆ รู้แล้วล่ะน่า ล้อเล่นๆ ผมจะใส่มันตลอดเวลาเลย แบบนี้โอเคไหม”

 

คณิตตอบคำถามนั้นด้วยการประทับจูบหวานๆลงไปบนริมฝีปากอุ่นที่จ้อไม่หยุดของปูนจนทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ก่อนที่เสียงครางอื้ออึงของร่างเล็กจะดังขึ้นเบาๆตามแรงอารมณ์ที่คณิตส่งผ่านมาทางบทจูบที่ทั้งลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความรู้สึก

 

“เธอต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ตั้งใจเรียนให้มากๆ...”

 

“อื้อ ป๋าก็เหมือนกันนะ อย่าหักโหมมาก กินข้าวเยอะๆ ไปที่นู้นก็อย่าไปเหล่สาวที่ไหนล่ะ เหล่ผมคนเดียวพอตกลงไหม”

 

“รู้แล้วล่ะน่า เธอนี่นะฉันจะทำซึ้งสักหน่อยนี่ไม่ได้เลยใช่ไหม”

 

“ซึ้งแค่นี้พอแล้ว ขืนซึ้งมากกว่านี้มีหวังผมจับป๋าปล้ำแน่”

 

ไม่พูดเปล่า ปูนโน้มคอของคณิตมาขบกัดเบาๆเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเองซึ่งร่างสูงก็ดูพอใจกับการกระทำนั้น พวกเขาถ่ายทอดสัมผัสให้กันและกันอยู่สักพักก่อนที่คณิตจะเปลี่ยนเป็นล้มตัวลงนอนแล้วปล่อยให้หน้าที่ปิดโคมไฟตรงหัวเตียงเป็นของปูนที่ซุกเข้าหาอกของเขาทันทีที่หลังสัมผัสกับผืนผ้า

 

“พรุ่งนี้ตอนเข้ากรุงเทพป๋าไม่ต้องไปส่งผมนะ พี่โต้งนัดกับผมแล้วว่าเขาจะพาไปส่งที่หอให้ ส่วนของใหญ่ๆ เลขาของคุณลุงจะเอาไปให้ที่หลัง”

 

“เธอจะไปอยู่คอนโดของป๊าฉันใช่ไหม ทำไมไม่ให้ฉันไปส่งล่ะ รบกวนคนอื่นเขาทำไม”

 

“ไม่เอาหรอก ถ้าป๋าไปส่งมันก็เหมือนเราต้องจากกันจริงๆน่ะสิ”

 

“...?”

 

ในความมืดปูนยิ้มให้กับตัวเองและคนข้างๆ เขาคิดทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทั้งดีและร้าย แต่ที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่ได้มาจากมัน

 

“ผมไม่อยากให้มันเป็นการจากลา ผมแค่กลับมาทำในสิ่งที่สมควรทำมานานแล้วเท่านั้น...ผมอยากจะเป็นคนที่ดีขึ้น เป็นคนที่สามารถยืนอยู่เคียงข้างป๋าได้ในอนาคตข้างหน้าไม่ใช่แค่วันนี้ ผมรู้ว่าสำหรับป๋าผมคงดีพอแล้ว แต่สำหรับคนอื่นๆที่เขารักป๋าเหมือนผม...ผมก็ต้องคิดถึงเขาด้วย ป๋ารอผมหน่อยนะ สักวันผมจะกลายมาเป็นคนที่ทำให้ป๋าและทุกคนภูมิใจ”

 

ปูนพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงพร้อมกับกระชับมือของคณิตที่กำลังจับไว้ให้แน่น ซึ่งคนฟังก็เข้าใจมันและดีใจที่วันนี้ปูนมีหัวใจที่เข้มแข็งแล้ว แม้ครั้งหนึ่งมันจะเคยแตกสลายจากการกระทำเลวร้ายของคนรอบข้างและจากตัวของปูนเอง

 

“เราจะต้องผ่านมันไปได้แน่ๆ ฉันเชื่ออย่างนั้น”

 

“อื้อ ว่าแต่ป๋า ผมขออะไรสักอย่างได้ไหม”

 

คณิตเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ยังจะขออะไรอีกเนี่ย นาฬิกาที่ให้ไปยังไม่พอรึไง

 

“ผมอยากให้ป๋าแทนตัวเองว่าพี่เหมือนเดิมได้ไหม แทนตัวเองว่าพี่นิด”

 

“...!!”

 

“ตอนที่ป๋าไปช่วยผมมาจากลุงป๋ายังเรียกตัวเองแบบนั้นอยู่เลย แต่พอผมตื่นขึ้นมาป๋ากลับไม่เรียกอีก แทนตัวว่าฉันๆอยู่ได้ ห่างเหิน

ชะมัดอ่ะ”

 

คำร้องขอของปูนทำเอาคณิตงงหนัก แต่พอเห็นใบหน้าง้ำงอลางๆในความมืดร่างสูงก็รับรู้ถึงความจริงจังในคำพูดนั้นก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

 

“ฮ่าๆ จริงจังขนาดนั้นเลยหรอ ทีเธอยังเรียกฉันว่าป๋าได้เลย”

 

“ก็ป๋าคือป๋าอ่ะ จะให้เรียกพ่อรึไงเล่า!”

 

“ถ้างั้นฉันจะเรียกเธอว่าลูกสาว ไปเปลี่ยนนามสกุลเลยดีไหม”

 

“ลูกสาวอะไรล่ะ ผมผู้ชายนะ ไอ้ป๋าบ้า!!”

 

เสียงโวยวายของปูนและเสียงหัวเราะของคณิตดังไปทั่วทั้งห้องขนาดที่หน่อยซึ่งห้องอยู่ติดกันและบรรพตที่เดินผ่านมายังได้ยิน ร่างเล็กหายใจถี่หอบ ยามที่ฝ่ามืออุ่นร้อนของคณิตไล่ไปตามสีข้างแล้วใช้นิ้วเขี่ยไปเขี่ยมาตามจุดไวต่อสัมผัสจนอาการบ้าจี้ที่แก้ไม่หายของปูนจะทำพิษจนใบหน้าน่ารักแบบที่คณิตชอบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างน่าสงสาร

 

“ฮ่าๆๆๆ พอแล้ว พ่อแล้วป๋า โอ้ย ยอมแล้วๆ”

 

“ยอมแล้วจริงอ่ะ จะบังคับฉันให้เรียกเธออย่างอื่นอีกไหม”

 

“ไม่แล้ว ฮ่าๆ ไม่บังคับแล้ว จะเรียกอะไรก็เรียกไปเลย!”

 

ปูนว่าแล้วยกมือยอมแพ้เพราะทนไม่ไหวแล้ว แต่แล้วจู่ๆลมหายใจหอบๆของเขาก็ต้องชะงักไปเพราะสัมผัสอุ่นวาบบนริมฝีปากที่ถูกประทับลงมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

 

 

 

 

“พี่รักปูนนะ”

 

 

“...!!”

 

 

“แบบนี้พอใจรึยังหื้ม”

 

 

ร่างเล็กยิ้มหวานก่อนจะหลับตาลงโดยมีคนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เขารู้สึกดีใจที่ตัวเองได้อยู่ตรงนี้ และดีใจที่มีคนคนนี้อยู่เคียงข้าง...คนที่สอนความรักยิ่งใหญ่ให้กับเขา

 

 

 

 

“ครับ...ปูนก็รักพี่นิดที่สุดเลย”

 

 

 

 

 

ท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนกันไปมาบนโลกใบนี้

ผม...ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองแล้ว

 

 

 

 

…Never Ending...

 

------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

 

จบกันไปเรียบร้อยแล้วกับป๋าปูนที่ตอนแรกเช่จั่วหัวว่าเป็นนิยายใสๆโนดราม่า 5555555555 สาบานว่าไม่ได้ตั้งใจจะหลอกกันนะคับ มันมือไปหน่อย :hao6:

สำหรับนิยายเรื่องนี้บอกตามตรงว่าไม่ใช่แนวที่ถนัดสักเท่าไหร่ แต่เช่ก็พยายามจะเขียนนิยายที่ทั้งสนุกแล้วก็แฝงข้อคิดดีๆให้คนอ่านทุกคนได้อะไรที่มากกว่าบันเทิงไปหลังจากอ่านจบแล้ว ทั้งเรื่องของครอบครัว การดำเนินชีวิตที่เกิดขึ้นทุกวันแต่เราก็มักจะมองข้าม เรื่องราวของ "ปูน" ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เกิดขึ้นและผ่านไปแล้วแต่ยังคงมีคำถามให้ได้คิดกันต่อไป

เรื่องรวมเล่มหนังสือ ตอนนี้เช่ยังไม่มีคำตอบให้นะคับว่าจะตีพิมพ์เองหรือผ่านสำนักพิมพ์เพราะยังรอการพิจารณาอยู่ แต่ก็คงไม่นานคงได้คำตอบ เก็บตังรอกันไว้ได้เลยคับ สุดท้ายนี้ เช่อยากขอบคุณทุกคนมากๆที่อยู่กับป๋าปูนและเช่มาถึงทุกวันนี้ เช่ดีใจและแปลกใจที่ปูนซึ่งเป็นตัวละครที่มีแต่คนไม่ชอบจากเรื่องพี่กาล กลายมาเป็นตัวละครที่หลายๆคนรักและอวยพรอยากให้มีความสุข ขอเวลาเขียนตอนพิเศษอีกสักพักนะคับ แล้วมาเจอกันใหม่ในเรื่องของฤทธิชาติและนิล

 

ขอบคุณนะคับ :)  :L2: :pig4:

 

ป.ล. ตอนสุดท้ายแล้ว อยากอ่านคอมเม้นต์จังเลย :katai2-1:

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]
«ตอบ #477 เมื่อ16-07-2016 21:11:28 »

ก่อนอื่นขอชมก่อนว่าคุณเช่เขียนได้สนุกอย่างเคยเลยค่ะถึงจะบอกว่าไม่ใช่แนวที่ถนัดแต่ก็ทำเราเสียน้ำตาไปหลายถังเลย

หลงรักน้องปูนอย่างจัง จากที่ชอบอยู่แล้วยิ่งรักเข้าไปอีก รอตอนพิเศษและเล่มอย่างใจจดใจจ่อค่ะ

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]
«ตอบ #478 เมื่อ16-07-2016 21:12:09 »

ขอบคุณนะคธ นิยายสนุกมากกกกกก หวังว่าจะได้อ่านเรื่่องต่อๆไปอีกนะ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]
«ตอบ #479 เมื่อ16-07-2016 23:16:50 »

ป๋ากะปูน ทำไมน่ารักขนาดนี้  เด็ดสุดคือป๊าอะ   ยอมใจ...แกน่ารักมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด