รอยชัง ๓
พายุที่โหมกระหน่ำทำให้คนงานต้องเร่งปิดบ่อแล้วเข้าหลบในโรงงานกันจ้าละหวั่น อัศวินมองดูสายฝนที่ซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง ได้ข่าวมาว่าพายุเคลื่อนตัวมาจากฟิลิปปินส์คงจะจริง เขาสั่งให้หัวหน้าคนงานแพ็คของในโกดังให้เรียบร้อย ล็อตใหม่เราอาจจะส่งช้าหน่อยเพราะเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ แต่เป็นเพราะเขากับลูกค้าคบหาค้าขายกันมานาน เรื่องแค่นี้ไม่ถึงกับทำให้มีปัญหา
"ทำไมโทรไม่ติดวะ สงสัยคงต้องให้ทุกเครือข่ายมาตั้งเสาบนนี้ซะแล้วมั้ง" อัศวินกำลังหงุดหงิดใจที่โทรหาลูกน้องคนสนิทไม่ติด น้อยมันทำอะไรอยู่ถึงไม่รับโทรศัพท์ แล้วป่านนี้ไอ้เด็กนั่นไม่ตายเพราะน้ำท่วมปอดไปแล้วรึถ้าต้องตากฝนหนักขนาดนี้
เขาเริ่มกังวลใจโดยที่ไม่รู้สาเหตุ เขายังจำแววตาบริสุทธิ์นั้นได้ บริสุทธิ์เหมือนราวกับว่าทั้งชีวิตไม่เคยเจอเรื่องราวร้ายๆมาก่อน ร่างกายบอบบางที่สั่นเทาเหมือนลูกนกนั่นอีก ทำไมเด็กคนนั้นถึงอยู่บนโลกนี้มาได้อย่างรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกากันนะ แม้จะสงสัยแต่ก็ได้แต่เก็บมันไว้ในใจ อย่างไรมันก็คือลูกคนทรยศ เขาไม่มีสิทธิ์จะไปสงสารคนอย่างมัน
......
"พร! พรเอ้ย" กลับมาถึงบ้านน้อยก็รีบพาร่างเล็กที่สลบไปแล้วเข้ามาหลบฝนที่ชานบ้านเพื่อรอเมียออกมาเปิดประตูให้ ฝนเริ่มตกแรงขึ้นทุกที โชคดีที่บ้านยังทำจากปูนหลังคามุงกระเบื้อง มิเช่นนั้นคงจะได้ปลิวไปทั้งบ้านทั้งคน
"จ้าพี่ .. อุ้ย! ใครกันจ๊ะ" พร เมียของน้อยรีบเปิดบ้านทันทีที่ได้ยินเสียง
"เอ็งอย่าเพิ่งถาม เตรียมเสื้อผ้าของข้ามาให้หน่อย อ่อ ขอผ้าขาวม้าผืนนึงด้วย"
"จ่ะพี่"
น้อยไม่มีเวลาตอบ เขาอุ้มร่างมันเข้ามาด้านในก่อนจะหาเตาถ่านมาจุดไฟแบบที่เคยทำ พอได้ผ้าขาวม้าเขาก็จัดการเช็ดเนื้อตัวที่เปียกปอนออก ก่อนจะถอดเสื้อผ้าให้อย่างไม่รอช้า เขาเองแม้จะเคยทำแบบนี้ให้กับเพื่อนผู้ชายมาเยอะ แต่กับเด็กคนนี้มันอดจะประหม่าไม่ได้เสียทุกคราที่ต้องถูกเนื้อต้องตัว เนื้อตัวสีขาวจาง ร่างกายบอบบางจนเหมือนสตรี หากว่ามีเนินอกมันก็คือผู้หญิงดีๆนี่เอง
"ใครกันจ๊ะพี่ หน้าตาไม่คุ้นเลย" พรถาม มองดูเด็กผู้ชายบอบบางตรงหน้า ผิวพรรณ มือไม้ อย่างกับลูกคนมีสตางค์
"ลูกโสภณมัน คนที่หักหลังนายเรื่องเผาไร่" น้อยบอก ปล่อยมันผิงไฟสักพักค่อยใส่เสื้อผ้าให้
"ตายจริง ทำไมถึงมาอยู่นี่กันล่ะ" พรตกใจเสียงดังจนถูกผัวเอ็ด
"เอ็งนี่เบาๆไม่ได้หรือไง ลูกหลับอยู่ไม่ใช่รึ!" น้อยปราม ลูกชายเขาเวลาได้หลับก็อย่าได้ไปกวนใจ ไม่อย่างนั้นตื่นมาใครก็เอาไม่อยู่
"โทษจ้าพี่ ว่าแต่แล้วทำไมมันถึงเป็นสภาพนี้ แล้วพี่พามันมาได้ไงจ๊ะ" พรถามอย่างสงสัย เก็บเสื้อผ้าเด็กนั่นไปเตรียมซัก
"ไว้ข้าจะเล่าให้ฟัง ว่าแต่เอ็งมีข้าวไหมวะ ข้าหิวจนไส้กิ่วไปหมดแล้ว" น้อยเอ่ย ตั้งแต่กลับมายังไม่มีอะไรตกถึงท้องสักอย่าง ถ้าไม่ได้กินตอนนี้ เขาต้องหมดแรงตายแน่ๆ
หลังจากที่ดูแลคนป่วยจนเสร็จ สองคนผัวเมียก็นั่งล้อมวงกินข้าวพร้อมกับพูดคุยเรื่องราวที่น้อยไปเจอมาที่ลำปาง ตั้งแต่เรื่องไอ้โสภณ เรื่องไร่ที่ถูกเผา ยันเรื่องที่เขาเป็นคนพาเด็กนั่นมาถึงที่นี่ น้อยเล่าให้เมียฟังทั้งหมดแม้กระทั่งวิธีการในการสั่งข้าคนของนายเขา น้อยเองรับใช้คุณอัศวินมาก็หลายปี แต่คราวนี้เป็นครั้งแรกที่น้อยคิดว่าอัศวินใจร้ายที่สุด และเขาไม่เห็นด้วยอย่างแรงกับการตัดสินใจครั้งนี้
"ฉันว่านายเขากำลังสับสน เขากำลังโทษตัวเองว่ากำลังหละหลวมจนทำให้มีลูกน้องกล้าทรยศกัน คราวนี้นายเลยต้องเอาจริงเอาจังโดยไม่สนเหตุผลเพราะคิดว่าพ่อกับลูกก็คงไม่ต่าง" น้อยฟังที่เมียพูดแล้วก็พยักหน้ารับ ที่มันพูดมาก็มีเหตุผล จากปกติที่จะต้องสืบสาวราวเรื่อง แต่คราวนี้แทบจะไม่ปริปากถาม นายที่เขารู้จักไม่ได้ชั่วร้ายถึงขนาดนั้น
"แล้วนี่พี่จะเอาไงต่อจ๊ะ ถ้านายรู้พี่จะซวยไปด้วยนะ" พรเอ่ยอย่างเป็นห่วง แต่พอมองไปยังร่างเล็กก็ทำใจทิ้งมันไม่ลงเช่นกัน
"คงต้องให้มันอยู่ที่นี่สักพัก คืนนี้ถ้าฝนหยุดพี่จะไปหานาย แล้วบอกความจริงซะ" น้อยเอ่ย เขาคิดไว้แล้วว่าอย่างไรก็ต้องบอก โกหกไปก็มีแต่จะทำให้ตัวเองเดือดร้อน และนายจะหมดความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเขา
"ได้จ้ะพี่ ฉันจะดูแลมันเอง ยาต้มก็ยังมี ไข้ป่าแค่นี้ไม่ถึงสองวันก็หาย" พรเอ่ยให้คนตรงข้ามหมดห่วง ไม่ว่าเรื่องจะเป็นอย่างไร แต่พรก็เคารพในการตัดสินใจของน้อยเสมอ
ไม่ถึงสองชั่วโมงฝนที่เคยพัดกระหน่ำก็เริ่มซาลง พรใส่เสื้อผ้าให้เด็กที่นอนสั่นไม่รู้สึกตัวก่อนจะเอาฟืนมาเติมให้ไฟร้อนขึ้นอีกหน่อยเพราะคนป่วยมักจะหนาวกว่าคนปกติหลายเท่า
"จะไปแล้วหรือจ๊ะ" พรถามสามีที่หยิบเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำที่แขวนอยู่ตรงหน้าประตูมาใส่
"เอ้อ ฝากดูมันด้วยนะ ขอบใจเอ็งมาก" น้อยบอกเมียสุดที่รัก นี่ก็ครบเจ็ดปีแล้วที่คบกันมา ตอนนี้ลูกชายเขาก็อายุได้สามขวบแล้ว
"จ้าพี่ ขอให้โชคดีนะ" พรบอกก่อนจะเดินออกมาส่งน้อยที่หน้าบ้าน น้อยกอดเมียรักแน่นๆหนึ่งทีก่อนจะขี่รถคันใหญ่เพื่อมุ่งหน้าไปที่บ้านนาย เขาภาวนาขอแค่นายไม่ได้อยู่ในอารมณ์โกรธาเกรี้ยวกราดก่อนหน้านี้ก็เพียงพอ
ไม่นานนักน้อยก็ขับรถมาถึงบ้านคุณอัศวิน เขาเคาะประตูตามมารยาทก็จะถือวิสาสะเข้าไปเพราะประตูไม่ได้ล็อค
สิ่งแรกที่เห็นคือร่างของเจ้านายที่นั่งพิงเก้าอี้โยกไปมาอย่างสบายใจ น้อยลอบกลืนน้ำลายเล็กน้อยก่อนจะรวบรวมความกล้าเอ่ยออกไป
"นายครับ" น้อยเรียก และคนตรงหน้าทำแค่เพียงหลับตายิ้ม แก้ววิสกี้ในมือทำให้รู้ว่าทำไมคนตรงหน้าถึงมีอารมณ์สุนทรีเช่นนี้
"กูนึกอยู่แล้วว่ามึงต้องมา" อัศวินเอ่ย ยกแก้ววิสกี้ขึ้น เขย่าข้อมือเล็กๆก่อนจะกระดกเข้าปาก
"ผมมีเรื่องอยากบอกนายครับ" น้อยเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้อัศวินค่อยๆลืมตาขึ้นมองหน้าลูกน้อง
"เรื่องเด็กนั่นน่ะหรือ" อัศวินถาม น้ำเสียงติดขันยิ่งทำให้น้อยเสียวสันหลัง
"ผมทิ้งมันไม่ลงจริงๆครับ พอฝนตกผมก็ไม่กล้าทิ้งมันให้ต้องตากฝนตายครับ ผมผิดเอง นายลงโทษผมเถอะนะครับ แล้วอีกอย่าง นายปล่อยมันไปได้ไหม มันป่วยออดออดแอดแอด ไม่ช้ามันก็ต้องตายอยู่ดี ถือว่าทำบุญโปรดสัตว์เถอะนะครับนาย" น้อยพูดรวดเดียวอย่างกล้าหาญ แม้ว่าเขาจะต้องตายที่ทำผิดต่อคนเป็นเจ้านาย แต่เขาก็ภูมิใจที่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
"ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน" อัศวินถามหน้าตาไม่ได้โกรธเคืองเขาสักนิด
"บ .. บ้านผมเองครับ มันตัวร้อนจัด ตอนนี้อิพรดูมันอยู่" น้อยตอบไปตามความจริง
"มึงรู้ใช่ไหมว่ามันเป็นลูกของคนที่กล้าทรยศกู" อัศวินถามคนตรงหน้า
"ทราบครับ" น้อยตอบ ชักกลัวๆขึ้นมาแล้วว่ามันจะต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง
"แล้วมึงคิดว่ากูควรทำอย่างไรกับมันดี ปล่อยมันไปอย่างนั้นน่ะเหรอ" อัศวินเลิกคิ้วขึ้นถามคนตรงหน้า
"เอ่อ .." น้อยตอบไม่ถูก ถ้าเป็นตั้งแต่แรกที่เขาเคยขอ นายเองก็ยอมรับปากแล้วว่าจะปล่อยมัน แต่ตอนนี้มันคนละสถานการณ์ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าปล่อยแล้วมันจะไปอยู่ที่ไหน กับใคร ญาติพี่น้องมันก็ไม่มี ถ้าปล่อยมันไปเผชิญชีวิตคนเดียว คนอย่างมันจะไม่ตายเสียก่อนหรือ
"กูถามก็ตอบสิวะ!" อัศวินขึ้นเสียงเล็กน้อย เขาไม่ชอบคนที่ถามแล้วไม่ยอมตอบ
"ผม .. ผมเองก็ยังไม่ทราบครับ" น้อยเอ่ย ตอนนี้มันก็มีให้เลือกอยู่สองทาง คือ ฆ่ามันซะ กับ ปล่อยมันไป แต่พอเอาเข้าจริงๆเขาก็ทำไม่ได้ทั้งสองอย่าง จะให้ฆ่ามันเขาก็ทำไม่ลง จะให้ปล่อยมันไปเขาก็ยิ่งเป็นห่วง
"ตอนนี้คนงานส่วนไหนขาดบ้าง" อัศวินถาม และน้อยรีบตอบทันที
"ตอนนี้คนงานที่ทำรังนกเต็มหมดครับ จะขาดก็แต่กระชังมุกครับ" น้อยเอ่ย หรือว่าจะยังพอมีหวัง
"ทำมุกมันง่ายไป กูต้องการให้มันชดใช้สิ่งที่พ่อมันทำไว้กับกูให้มากที่สุด เอาให้สาสมกับที่กูต้องเสียไป!" อัศวินว่า และน้อยเองก็ได้แค่ก้มหน้ารับฟัง
"ผมจะให้มันไปขนของลงเรือดีไหมครับ ที่นั่นงานก็หนักใช่ย่อย" น้อยเสนอ แม้จะคาดคะเนจากรูปร่างแล้วความน่าจะเป็นติดลบ แต่ก็ดีกว่าต้องมาตายที่นี่อย่างไร้ความหมาย
"ถ้ามึงว่างั้นกูก็ตกลง ในส่วนของที่พัก มึงไม่ต้องใจดีให้มันไปอยู่ร่วมกับครอบครัวมึง มึงมีลูกมีเมียแล้ว อย่าช่วยใครจนตัวเองลำบาก" อัศวินพูด และน้อยทำเพียงพยักหน้ารับ ในใจเขาตอนนี้เต้นรัวด้วยความดีใจที่นายยังพอมีเมตตาไม่คิดจะฆ่ามันแล้ว ลองให้ไอ้เด็กนั่นไปทำงาน ต่างคนต่างอยู่สักพัก ไม่นานนายก็ยุ่งจนลืมมันไปเองนั่นแหละ
"แล้วนายจะให้มันไปอยู่ที่ไหนครับ ผมจะได้จัดการ" น้อยถาม
"เพิงที่ชายป่ายังว่างอยู่ไม่ใช่ ให้มันไปอยู่ที่นั่นแหละ ไฟฟ้าไม่มี น้ำบ่อตักอาบเองหรือจะน้ำทะเลกูก็ไม่ว่า ข้าวปลาก็ให้มันหาเองตามความสามารถ กูคงให้ได้เพียงเท่านี้" อัศวินสรุปให้ลูกน้องฟังเสร็จสรรพ น้อยถึงกับฝืดในลำคอขึ้นมาทันที ใครๆก็รู้ว่าเพิงชายป่าที่ว่าคือซากไม้เก่าๆดีๆนี่เอง แล้วเด็กอย่างมันที่ป่วยออดออดแอดแอดไปอยู่ในที่แบบนั้นไม่ยิ่งทรุดลงกว่าเดิมรึ
"จัดการตามที่กูบอก ครั้งนี้อย่าให้กูรู้ว่ามึงทำนอกเหนือคำสั่งกูอีก กูเลี้ยงคนที่เชื่อฟังกูเท่านั้น เข้าใจไหมไอ้น้อย" อัศวินย้ำให้กับคนตรงหน้า
และน้อยก็ขานรับอย่างเสียงดังฟังชัด "เข้าใจครับ"
น้อยขี่รถออกมาจากบ้านนายหลังจากคุยจบ สักพักเขาก็มาถึงบ้าน แวบแรกที่มองเห็นร่างเล็ก เขานึกในใจว่ามันต้องตายแน่ๆ ไม่ได้ตายเพราะมีใครฆ่าแกง แต่ตายเพราะทนสภาพแวดล้อมไม่ไหว แต่พอมาคิดอีกทีนายก็ลดลงมาให้มันเยอะมากพอแล้ว จากนี้ก็ขอให้มันหยัดยืนด้วยตัวของมันเอง เพราะเขาก็ทำได้แค่มองมันอยู่ห่างๆแค่นั้นเหมือนกัน
.....
สามวันต่อมา
หลังจากพายุฝนเงียบลง บรรดาคนงานก็กลับมาลุกฮือทำงานกันอย่างขยันขันแข็งอีกครา ตอนนี้ทุกคนล้วนมีงานให้ต้องดูแลกันถ้วนหน้า อัศวินเองถึงจะเป็นเจ้านายแต่เขาก็ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบคนงานทุกวันเหมือนกัน เพราะถ้าหากมีอะไรผิดพลาด เขาจะได้ควบคุมมันได้ทันที น้อยเองตอนนี้เขาก็ต้องตามนายไปดูงานตลอด ไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องไร้สาระอะไรทั้งสิ้น
ไอ้เด็กนั่นที่ชื่อจอมขวัญตอนนี้มันก็ย้ายไปอยู่ที่เพิงเล็กๆนั่นคนเดียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันป่วยหนักแต่พอได้ยาหม้ออาการก็ทุเลาลงเยอะ ตอนนี้น้อยยังไม่ได้สั่งให้มันไปทำงานเพราะมันเพิ่งจะหายดี กับข้าวกับปลาหยูกยาน้อยก็สงสารต้องแอบให้เมียเอามาให้มันอยู่บ่อยๆ ที่เพิงนั่นมดก็เยอะ ยุงก็ชุม เมื่อวานที่เขาเข้าไปหามัน เนื้อตัวมันมอมแมมไปหมด เสื้อผ้าก็มีอยู่แค่สองชุดที่เขาเคยให้ นอกนั้นก็ใส่สลับกันไปมา ดูแล้วช่างน่าสมเพชเวทนาเสียจริง
แต่ในความโชคร้ายยังมีเรื่องดีอยู่หนึ่งอย่าง คือตั้งแต่วันนั้นเจ้านายเขาก็ไม่พูดถึงเด็กนั่นอีกเลย ไม่เคยเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบ หรือรีบเร่งให้มันมาทำงานแม้แต่ครั้งเดียว และน้อยคิดว่านี่คือสิ่งที่น่าจะดีสำหรับทุกฝ่าย ที่เขาไม่ถามก็เพราะว่าเขาไม่ได้ใส่ใจ และนั่นหมายถึงเขาไม่ได้สนใจคนอย่างมันแล้ว
"จอมขวัญ" เสียงพี่พรนี่!
"จ้า" จอมขวัญรีบขานและวิ่งออกมาจากเพิงเก่าๆทันที ทำให้คนที่เห็นถึงกับส่ายหน้าระอา
"ไม่ต้องวิ่งก็ได้ เอ็งนี่พูดไม่รู้ฟัง" พรเอ็ดก่อนจะส่งปิ่นโตอันใหม่ให้แล้วรับปิ่นโตอันเก่ามา
"ก็ขวัญคิดถึง อยู่นี่ไม่มีใคร ขวัญเหงา" จอมขวัญเอ่ยน้ำตาไหลออกมา อยู่นี่เหมือนตายทั้งเป็น ไม่มีความสุข ไม่มีพ่อ เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว กินข้าวคนเดียว นอนร้องไห้จนหลับไปคนเดียว ไม่มีใครคอยกอดปลอบเวลาที่ฝันร้าย ไม่มีเลย
"ทนหน่อยนะเอ็ง โชคดีแค่ไหนแล้วที่นายยังไว้ชีวิต" พรสงสารแต่ก็ช่วยมากกว่านี้ไม่ได้
"ถ้าจะปล่อยให้มาอยู่แบบนี้ สู้ฆ่ากันเสียยังดีกว่า ขวัญคิดถึงพ่อ อยากไปอยู่กับพ่อ!" จอมขวัญตะโกนเสียงสะอื้น ขวัญอยากไปอยู่กับพ่อ พ่อมารับขวัญทีได้ไหมจ๊ะ ฮือออ
"พ่อเขาคงไม่ดีใจถ้าเห็นเอ็งตายเพราะเขา ขวัญ! เอ็งต้องอยู่เพื่อพ่อนะ ที่พ่อชุบเลี้ยงเอ็งมาขนาดนี้เพราะเขาอยากเห็นเอ็งเติบใหญ่อยู่ได้ด้วยตัวเอง เชื่อพี่เถิด พ่อกำลังมองเอ็งจากบนสรรค์" พรคว้าเด็กมอมแมมตรงหน้ามากอด เธอเองก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว เธอเข้าใจความรู้สึกของจอมขวัญดี ว่าการอยู่ตัวคนเดียวมันเหงาขนาดไหน
"พ่อ .. ฮึ่ก .. พ่อไม่ได้ทำนะ พ่อขวัญเป็นคนดี พ่อต้องไม่ทำอะไรแบบนั้น !" จอมขวัญกอดคนตรงหน้าแน่น เขาต้องการความอบอุ่นจากใครสักคนในตอนนี้ ขอแค่ไหล่ให้ซบหน้าร้องไห้ก็พอใจแล้ว
"พี่เชื่อ พี่เชื่อ หยุดร้องซะแล้วเข้าไปกินข้าวอาบน้ำนอน ดึกๆงูเงี้ยวเยอะต้องระวัง พี่ต้องรีบกลับละ ทิ้งเจ้าคุณไว้ เดี๋ยวมันตื่นไม่เจอใครพี่จะซวยเอา" พรบอก ลูบหน้าลูบตาเด็กตรงหน้า
"ขอบคุณพี่พรนะจ๊ะ บุญคุณนี้ขวัญจะไม่ลืมเลย" จอมขวัญสูดน้ำมูก ยกมือไหว้ผู้มีพระคุณคนนี้
"เข้าบ้านซะ พี่ไปล่ะ" พรบอกก่อนจะส่องไฟฉายเดินกลับไปที่รถ ดีหน่อยที่น้อยมาช่วยถางหญ้ารกออกไปบ้างแล้ว ไม่งั้นอาจจะโดนงูฉกตายสักวันเป็นแน่
จอมขวัญเดินหิ้วปิ่นโตเข้าเพิงไม้เก่าๆที่เรียกว่าบ้านมาอย่างหดหู่ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้ถึงต้องเสียพ่อแล้วยังต้องมาอยู่ในที่แบบนี้อีก
เขาค่อยๆเปิดปิ่นโตออก วันนี้พี่พรทำเนื้อแดดเดียวกับต้มฟักมาให้ จอมขวัญนั่งกินข้าวไปร้องไห้ไป เขาคิดถึงพ่อ คิดถึงเวลาที่พ่อกลับมาบ้านมาทำกับข้าวให้ขวัญกิน พ่อมักจะทำหมูหวานกับต้มยำน้ำข้นเพราะรู้ว่าขวัญชอบ และถ้าวันไหนพ่อทำเมนูพวกนี้ล่ะก็ ขวัญจะกินข้าวได้เป็นสามจานอย่างต่ำเลยแหละ
ฮึ่ก
'พ่อจ๋า พ่อไม่ได้ทรมาณใช่ไหมจ๊ะ พ่อไปดีแล้วใช่ไหม'
จอมขวัญสวดมนต์ภาวนาทุกคืนให้พ่อรู้ว่าขวัญคิดถึงพ่อ แม้คนอื่นจะกล่าวหาพ่ออย่างไร แต่ขวัญเชื่อว่าพ่อไม่ผิด พ่อไม่ได้ทำ ไอ้คนใจร้ายที่สั่งฆ่าพ่อเป็นคนไม่ดี ขวัญเกลียด ฮึ่ก เกลียดมัน แม้พ่อจะพร่ำสอนให้ขวัญให้อภัย อโหสิหากมีใครมาทำให้เราเจ็บ แต่ขวัญจะไม่มีวันอโหสิให้เขา คนที่สั่งฆ่าพ่ออย่างเลือดเย็น ขวัญจะสาปแช่ง และภาวนา อย่าให้เขาได้มีความสุขอีกเลยในชีวิตนี้
.....
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
วันนี้เป็นวันหยุดของน้อย เขารอเอาอาหารที่ให้ภรรยาเป็นคนทำไปส่งให้กับมัน ไอ้เด็กจอมขวัญขี้สงสัย เป็นเพราะมันชอบถามไปเสียทุกเรื่อง น้อยจึงตั้งฉายาให้มันแบบนั้น หลังจากที่ต้องไปตกระกำลำบากคนเดียวอยู่เป็นอาทิตย์ ตอนนี้มันเริ่มจะดูแลตัวเองเป็นแล้ว น้ำท่ามันก็รู้จักอาบ เนื้อตัวมันก็สะอาดสะอ้านขึ้นเยอะ พรุ่งนี้เขาว่าจะลองให้มันไปทำงานดู อย่างน้อยได้ทำงานก็มีตังเก็บ พอมีเงินมันอยากจะไปจากที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครห้ามมันไว้หรอก
"ไอ้ขวัญ เปิดประตู" ตอนนี้น้อยอยู่หน้าคฤหาสต์ส่วนตัวของมัน ไอ้ขวัญมันบอกว่าที่นี่คือคฤหสาต์ส่วนตัว ใครจะมาก็ต้องขออนุญาต เขาล่ะปวดหัว พอมันเริ่มอยู่ได้ นิสัยประหลาดๆของมันก็เริ่มผุด
"จ้า มาแล้ว" ไอ้เด็กผมยาวรุงรังรีบลุกมาเปิดประตูให้เขา เขามองหน้ามันแล้วก็ส่ายหัว
"ถ้าเปิดช้ากว่านี้ข้าจะกลับละ" เขาบอกก่อนจะแทรกตัวเข้าไปด้านใน ตอนนี้มันมีทั้งเสื่อ หมอน แล้วก็มุ้งที่เขาเจียดจากที่บ้านมาให้ มันจะมีตะเกียงอยู่อัน ไว้ไปทำธุระหรืออาบน้ำที่นอกป่าไม่ไกลมาก ที่นี่ตอนแรกเคยจ้างยามมานอนเฝ้าตอนกลางวัน พอดึกๆก็กลับบ้านจึงสร้างเป็นแค่เพิงเล็กๆมีห้องน้ำห้องท่าพอเข้าได้ หลังๆมานี่นายเขากั้นรั้วกันขโมยไว้จึงไม่ต้องใช้ยามอีก ที่นี่เลยถูกปิดตายอย่างที่เห็น
"คนแก่ขี้น้อยใจ" ขวัญบ่นก่อนจะโดนมะเหงกกลางหน้าผากลูกเบ้อเริ่ม
"ทำมาพูดดี วันนี้ทำอะไรบ้าง" น้อยถาม ปกติเวลาเขามาเขาก็จะถามมันแบบนี้ วันนี้ทำอะไรไปบ้าง และคำตอบก็เหมือนเคย
"อาบน้ำ ออกไปเดินชายหาด ซักผ้า อ่อ ขวัญไปเก็บตำลึงมาให้พี่พรด้วยนะ ใบอ่อนเต็มเลยจะปล่อยให้แก่ก็เสียดาย" ไอ้เด็กจอมซนยิ้มแฉ่ง น้อยได้แค่เบ้ปากพยักหน้ารับ เริ่มเก่งขึ้นทุกวันแล้วนะเอ็ง
"อื้ม แกะปิ่นโตดูสิ ข้าไม่รู้ว่าเอ็งชอบหรือไง แต่พักนี้นังพรมันทำแต่หมูหวานกับต้มยำน้ำข้น กินจนจะเบื่อตายอยู่แล้ว" น้อยพูดไปหัวเราะไปอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะต้องหยุดขำเพราะคนข้างหน้าไม่ได้มีอารมณ์ร่วมด้วยเลย เขาแค่อยากแซวมันเล่น ไม่คิดว่ามันจะคิดจริงจัง
"อ้าวๆ แซวแค่นี้ถึงกับร้องไห้" เขาว่าให้เด็กตรงหน้า รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้มันร้องไห้คืออะไร แต่เขาไม่อยากเห็นมันร้องไห้อีก แค่นี้ก็สงสารจะแย่
"ไม่เอา ไม่ร้อง กินเข้าไป ข้าจะนั่งเป็นเพื่อนสักพัก วันนี้ได้หยุด ขอยืดเส้นสายหน่อย" น้อยเอ่ยบิดตัวก่อนจะนอนลงทับแขนตัวเอง จอมขวัญเงยหน้าขึ้น ใช้หลังมือปาดน้ำตาก่อนจะพยักหน้าด้วยความดีใจ ดีใจที่วันนี้เขาไม่ต้องนั่งกินข้าวคนเดียวเหมือนทุกวันที่ผ่านมาอีกแล้ว
จอมขวัญกินกับข้าวที่ตนชอบอย่างเอร็ดอร่อย แม้มันจะต่างจากที่พ่อทำ แต่ฝีมือพี่พรก็อร่อยสุดๆเหมือนกัน เขากินข้าวในปิ่นโตจนเกลี้ยงก่อนจะแกะข้าวจากถุงเทใส่เพิ่ม บอกแล้ว ถ้าเป็นกับข้าวที่ขวัญชอบ ขวัญกินได้ไม่มีเบื่อ
ตอนนี้น้อยกลับไปแล้ว จอมขวัญถือตะเกียงเดินเลาะไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันก่อนจะกลับมาในบ้าน บ้านที่ไม่มีแม้แต่หลอดไฟ ความเงียบสงัดในตอนกลางคืนเป็นอะไรที่ขวัญไม่ชอบเลย ยิ่งเงียบขวัญก็ยิ่งกลัว พอกลัวสมองมันก็เริ่มคิดไปต่างๆนาๆ พอหลับไปมันก็เลยฝันร้ายจนสะดุ้งตื่น แล้วก็เป็นแบบนี้ซ้ำอีกจนถึงเช้า สุดท้ายเขาก็แทบจะไม่ได้นอน ถ้าเป็นเมื่อก่อนพ่อจะต้องเข้ามากอดขวัญเพื่อปลอบเวลาที่ขวัญฝันร้าย แต่ตอนนี้มีเพียงผ้าบางๆกับลมเย็นๆที่ช่วยโอบกอด ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้จอมขวัญหายกลัวขึ้นมาสักนิด
รุ่งเช้าจอมขวัญรีบเตรียมตัวให้พร้อมเพราะวันนี้พี่น้อยบอกกับเขาว่าจะมารับไปเริ่มงาน ขวัญอยากทำงานเพราะพี่น้อยบอกว่าถ้ามีเงินตอนนั้นขวัญจะไปที่ไหนก็ได้ ขวัญอยากไปลำปาง เพราะที่นั่นเป็นที่ๆขวัญรู้จักเพียงที่เดียวตั้งแต่เกิด แม้พี่น้อยบอกว่าบ้านจะถูกเผาไปแล้ว แต่ขวัญก็อยากไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง และขวัญจะได้ไปทำบุญให้พ่อ พ่อจะได้อยู่ข้างบนอย่างสบายๆ
"จอมขวัญ!" เสียงตะโกนเรียกทำให้รู้ว่าพี่น้อยมารับแล้ว
"มาแล้วววว" เขารีบวิ่งมาหาคนที่จอดรถรอ ยิ้มกว้างๆแล้วยกมือสวัสดี
"ไอ้เด็กแก่นกระโหลก!" น้อยเขกหัวเด็กดื้อไปที วันนี้มันมัดผมเป็นจุกไว้ด้านหลัง ใส่เสื้อลายสก็อตหลวมๆของเขากับกางเกงผ้าที่พรเย็บให้ใหม่เพราะใส่ไม่ได้ ดีนะที่มันไม่มีหนวด ไม่อย่างนั้นต้องหากระจกกับที่โกนมาให้อีก ก็นะ พอดูได้ เอาไว้มีเงินค่อยพามันไปดูของที่ตลาดท่าเรือ คงจะมีให้ซื้อบ้างละวะ
"ให้ขวัญซ้อนไปเหรอจ๊ะ" จอมขวัญถาม และน้อยเองก็พยักหน้า
"เออสิวะ ขึ้นมา เดี๋ยวสาย" น้อยเร่ง จอมขวัญก้าวขึ้นมอเตอร์ไซด์อย่างชำนาญ เวลาที่พ่อพาขวัญไปหาลุงหมอ ขวัญก็ซ้อนท้ายพ่อไปแบบนี้เหมือนกัน
น้อยขี่ตามทางมาเรื่อยๆ และไอ้เด็กขี้สงสัยมันก็ถามเขามาเรื่อยๆตลอดทางจริงๆ กว่าจะมาถึงกระชังมุก ก็เล่นเอาหูดับพอดี
"พูดมากนะเอ็งเนี่ย" น้อยบ่น ดับรถก่อนจะพามันเดินมาด้านใน
"ก็ขวัญสงสัย ขวัญก็ถาม" จอมขวัญตอบ พ่อสอนว่าเวลาที่เราไม่เข้าใจหรือสงสัยอะไรให้ถามเลยอย่ามัวแต่อมพะนำ
"เออๆ ไม่เถียงเอ็งหรอก เอ้านี่ ไหว้พี่เขาซะ พี่เขาชื่อศักดิ์ดูแลกระชังมุกตรงนี้" น้อยแนะนำให้ขวัญรู้จัก
"สวัสดีครับ" จอมขวัญไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้า
"เอ้อ สวัสดีๆ คนนี้หรือ จะไหวเหรอวะ" น้อยเคยเกริ่นกับศักดิ์ไว้แล้วเรื่องจะพาเด็กมาทำงาน ทุกคนที่นี่ยังไม่มีใครรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นใคร ดีหน่อยจะได้ไม่มีเรื่อง
"มีอะไรเล็กน้อยก็ให้มันทำไป ที่นี่เขาให้เงินรายวันหรืออาทิตย์นะ" น้อยถามให้เด็กคนข้างๆ
"ให้เป็นอาทิตย์ ทุกๆวันจันทร์ตอนหกโมง" ศักดิ์ตอบ เหลือบมองเด็กที่มากับน้อย ตอนแรกนึกว่าเด็กผู้หญิง ผมก็ยาว ผิวก็เนียน แบบนี้จะทำอะไรได้ล่ะวะ
"ฝากด้วยว่ะ อย่าให้ใครแกล้งมันนะมึง สงสารเด็กมัน" น้อยเอ่ยฝากฝังให้เรียบร้อยจะได้วางใจ
"เออๆ กูจะจัดการให้เอง" ศักดิ์ตอบก่อนจะนั่งลงเคลียร์งานต่อ
"จะไปแล้วเหรอ" พอน้อยจะไปจริงๆ จอมขวัญก็เริ่มกลัวขึ้นมา เขาอยากจะร้องไห้เสียตรงนี้แต่ก็ทำไม่ได้
"มึงต้องตั้งใจทำงานนะ หนักนิดเบาหน่อยก็ต้องสู้ อย่าขี้เกียจรู้ไหม" น้อยลูบหัวเด็กตรงหน้า อย่ามาทำหน้าหงอยแบบนี้นะโว้ย ข้ายิ่งขี้สงสารอยู่
จอมขวัญพยักหน้าเข้าใจ จะไม่ขี้เกียจ ตั้งใจทำงาน
"ตอนเที่ยงข้าอาจจะมากินข้าวด้วยไม่ได้ เอาเงินนี่ไว้ เขาเดินไปกินไหนเอ็งก็ตามเขาไป เย็นๆจะมารับ" น้อยบอกก่อนจะส่งแบงค์สีแดงให้มัน
จอมขวัญรับมาก่อนจะกำไว้แน่น เขาเริ่มกลัว กลัวไปหมด กลัวเพื่อนร่วมงาน กลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้ กลัวว่าพี่น้อยจะไม่มารับเขาแล้วเขาจะทำอย่างไร
"ห้ามร้อง! หยุดเลยมึง ไป ทำงานซะ ข้าก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกัน" น้อยสั่งเด็กน้อยที่กำลังจะสะอื้น ก่อนจะไล่มันไปหาศักดิ์ แล้วเดินออกจากห้องไป
มีต่อด้านล่าง