ตอนที่ 7
โมเดลกัดฟัน หงุดหงิดร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้าไปในบ้านโดยไม่มีใครเชิญ เขาไม่เข้าใจ ผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรจากเขากันแน่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ที่แน่ ๆ มันทำให้เขาปวดหัวและสับสนไปหมด
ร่างบางขยี้ศีรษะอย่างแรงก่อนจะก้าวตามเข้าไปในตัวบ้าน พอดีกับที่แม่ของโมเดลเดินลงมาจากบันไดพอดี เธอขมวดคิ้วหน่อย ๆ ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักจักรพรรดิ เพียงแต่ว่าแค่ไม่เข้าใจว่าจักรพรรดิมาทำอะไรที่บ้านของเขาก็เท่านั้นเอง
“เดล”
“แม่” โมเดลเรียกคนเป็นแม่และเดินเข้าไปหา เธอยิ้มอ่อน ๆ ให้ลูกชายก่อนจะเบนสายตาไปที่ร่างสูง จักรพรรดิขยับริมฝีปากส่งยิ้มสุภาพให้ ก้มศีรษะลงด้วยเป็นการสวัสดีแทน เพราะตอนนี้มือเขาไม่วางมีโกลเด้นตัวน้อยอยู่ในอ้อมกอด
“เอ่อ…”
“สวัสดีครับ ผมมาส่งน้องน่ะครับ” จักรพรรดิบอกให้หายสงสัย เธอพยักหน้าเข้าใจแล้วยิ้มให้เป็นการขอบคุณ โมเดลพยายามไม่มองไปที่จักรพรรดิ ไม่อย่างนั้นเขาได้หลุดด่าออกไปอีกแน่
“ขอบคุณมากเลยค่ะ เมื่อวานก็มีคนเอารถของเดลมาส่งให้ที่บ้าน ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่จัดการให้” พอมารดาของเขาพูดออกไปเขาถึงกับหันขวับไปหาจักรพรรดิ เรื่องนี้เขาไม่เห็นรู้เลย และไม่คิดด้วยว่าคนอย่างหมอนี่จะมีน้ำใจขนาดนั้น
เฮอะ! ก็คงแค่เอาหน้าแหละวะ
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ลำบากอะไรเลย”
“ไหน ๆ ก็มาส่งเดลแล้ว อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนมั้ยคะ”
“แม่!!” โมเดลร้องเรียกเสียงดัง อาการปวดหัวแทบจะกลับมา มันใช่เรื่องที่ไหนที่จะให้ผู้ชายคนนี้มาร่วมโต๊ะทานข้าวด้วย อยากเห็นเขาทานไม่ลงใช่มั้ย ใบหน้าสวยมุ่ยลงแบบไม่พอใจ จักรพรรดิที่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นอะไรก็แอบแสยะยิ้มโดยที่ไม่มีใครเห็น ก่อนรอยยิ้มนั่นจะเลือนหายไปเหลือเพียงรอยยิ้มแสนดี
“งั้นผมขอรบกวนด้วยนะครับ”
“บ้านไม่มีข้าวกินไงวะ!” เขาทนไม่ไหวแล้ว และตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่น ที่นี่มันบ้านเขา จะพูดอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ดวงตาเรียวฉายแววไม่พอใจ คนเป็นแม่เห็นลูกชายทำนิสัยไม่น่ารักก็อดที่จะตีไปบนแขนขาว ๆ ของลูกไม่ได้
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะเดล ไม่น่ารักเลย”
โมเดลหน้างอ โดนดุอีกแล้ว จักรพรรดิยิ้มขำทำให้โมเดลต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่
“งั้นเชิญเลยค่ะ ตอนนี้คุณพ่อของเดลรออยู่แล้ว” แม่เขาเชื้อเชิญร่างแกร่งด้วยรอยยิ้มกว้าง เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้ยิ่งนัก จักรพรรดิก้มหัวรับคำ ปล่อยให้เธอเดินไปก่อน จากนั้นก็หมุนตัวมาหาร่างบาง
“กูถามมึงจริง ๆ มึงต้องการอะไร”
“อะไร” คิ้วเข้มสวยเลิกขึ้น แสดงท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ ริมฝีปากขยับยิ้มกวนอารมณ์คนถาม โมเดลก้าวเข้าไปชิดด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าไม่ควรอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้มากเกินไปก็ก้าวถอยออกมาอย่างรวดเร็ว การกระทำที่ทำให้จักรพรรดิหัวเราะในลำคอ
ขนาดหัวเราะยังดูเจ้าเล่ห์เลย
“ฉันว่านายคงไม่อยากรู้หรอก” โมเดลชะงักกึกไปเพราะคำพูดที่เหมือนจะแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้ ดวงตาคมฉายแววถึงความอันตราย เขาลอบกลืนน้ำลายคงคอ…ตอนนี้เขารู้สึกอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริง ๆ แค่เห็นสีหน้าแบบนั้นเขาก็ไม่อยากรู้มันแล้ว
“แล้ว…แล้วมึงจะเอาหมากูกลับบ้านเลยมั้ย อุ้มอยู่ได้” ร่างบางเปลี่ยนเรื่อง
“ก็ดีนะ ถ้านายให้”
“ฝันไปเหอะสัด! จะแดกข้าวก็รีบ ๆ ตามมา แดกเสร็จแล้วก็กลับไปซะ” สะบัดเสียงด้วยความไม่สบอารมณ์แล้วเดินนำไปที่ห้องอาหาร พ่อกับแม่ของเขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว และพอพ่อเขาเห็นร่างแกร่งก็ลุกขึ้นยิ้มให้
“สวัสดีคุณจักรพรรดิ ไม่คิดว่าจะมากับเจ้าหนูนี่นะ”
“มาส่งน่ะครับ รถน้องเขาเสีย”
“ผมขอบคุณมากที่ให้คนเอารถเดลกลับมา แล้วเมื่อคืนทำไมเราไม่กลับบ้าน”
กึก
โมเดลชะงักนิ่งไปในจังหวะที่กำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ ดวงตาเรียวฉายแววตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลือนหายไป เขาเผลอนึกกลัวไปว่าพ่อจะรู้เรื่องของเขากับจักรพรรดิ ก่อนที่เขาจะปัดความคิดนี้ออกจากหัว ไม่มีทาง พ่อเขาไม่มีทางรู้หรอก
“พอดีน้องเขาไม่สบายน่ะครับ ให้รีบกลับบ้านก่อนที่ฝนจะตกก็ไม่เชื่อ สุดท้ายรถเสีย ขึ้นมานั่งบนรถผมก็เผลอหลับไป ผมเองก็ไม่รู้ว่าบ้านน้องเขาอยู่ที่ไหนก็เลยพากลับไปกับผมก่อน พอเขาดีขึ้นผมถึงมาส่งนี่แหละครับ” และก็เป็นจักรพรรดิเองที่เป็นคน…สร้างเรื่องขึ้นมา โมเดลรู้สึกไม่ชอบใจ ไอ้เรื่องที่พูดมาน่ะมันก็มีส่วนจริง แต่เกลียดที่อีกคนโกหกเพิ่มเข้าไปด้วย
แต่ถ้าให้พูดความจริงเขาเองก็ไม่ต้องการเหมือนกัน
“ขอบคุณที่ดูแลลูกชายผม”
“เฮอะ! ก็ไม่ได้ต้องการให้ดูแลสักหน่อย” ใบหน้าสวยเชิดขึ้น ปลายตามองร่างแกร่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แสดงท่าทางไม่พอใจ คนเป็นพ่อขมวดคิ้วตีหน้าดุใส่ลูกชาย
“ไอ้ลูกคนนี้ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ แทนที่จะขอบคุณเขากลับพูดแบบนี้ซะงั้น”
“ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือ” จักรพรรดิเอ่ยบอกก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ร่างบาง ในจังหวะที่โมเดลหันไปสบตา จักรพรรดิก็กระตุกยิ้มเยาะนิด ๆ ทำเอาโมเดลแทบดิ้น
เกลียดมัน!
“แล้วนี่โมเดลทำงานโอเคหรือเปล่า เขาไม่ได้สร้างเรื่องให้ใช่มั้ย” ระหว่างที่ทานข้าว พ่อของเขาก็เอ่ยปากถามจักรพรรดิ ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ โมเดลกรอกตาไปมา แน่นอนล่ะ เขาได้ฟังคนข้าง ๆ นี่เสแสร้งอีกแล้ว
“ไม่เลยครับ น้องน่ารัก ตั้งใจทำงานมากครับ”
“ผมฝากเขาด้วยนะ งานแรกของเขาเลย”
“ไม่จำเป็นหรอกพ่อ ผมดูแลตัวเองได้” ร่างบางปากไวสวนขึ้นมา แล้วก็ได้รับสายตาดุ ๆ จากทั้งทางแม่และทางพ่อ โดนตำหนิแบบนี้ก็สร้างความหงุดหงิดในใจให้เพิ่มขึ้นไปอีก ฟันคมขบกัดริมฝีปากบางของตัวเอง พยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ ระงับอารมณ์ ไม่อย่างนั้นเขาได้โวยวายออกไปแน่
“ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
ตลอดเวลาที่ทานข้าวโมเดลแทบอยากจะลุกออกไปตั้งแต่ที่กินเข้าไปได้ไม่กี่คำ แต่ถ้าทำแบบนั้นรับรองได้เลยว่าเขาต้องโดนพ่อดุอีกแน่ ๆ เลยต้องจำใจนั่งอยู่จนทานกันเสร็จ จักรพรรดิพูดคุยกับพ่อแม่เขาอีกนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกลับ โมเดลแทบจะร้องเยสออกมา
“ว่าง ๆ ก็เข้ามาอีกได้นะ” พ่อของเขาเอ่ยปากบอก โมเดลร้องขัดในใจ จะให้มันมาอีกทำไม แค่นี้ก็เบื่อหน้าจะแย่อยู่แล้ว
“ครับ”
“เดล ไปส่งคุณจักรพรรดิเขาสิ” โดนบังคับมาแบบนี้จะทำอะไรได้นอกจากเดินออกมาส่งจักรพรรดิที่หน้าบ้าน และแทนที่ร่างแกร่งจะรีบ ๆ ขึ้นรถกลับบ้านไป กลับหมุนตัวกลับมาหาเขา ขายาวก้าวเข้ามาหา โมเดลผงะตกใจเผลอถอยหนีโดยอัตโนมัติ
“มีอะไร! รีบ ๆ กลับไปสิวะ”
“หึ! ฉันก็แค่มีอะไรอยากจะพูดกับนายนิดหน่อย”
โมเดลมองคนตรงหน้าแบบไม่ไว้ใจ เรื่องที่จะพูดไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ เขามั่นใจ
“อะ…อะไร”
“แล้วเจอกัน...โมเดล” จักรพรรดิพูดเพียงแค่นั้นแล้วขึ้นรถขับออกไป โมเดลยืนนิ่งค้างอยู่กับที่ มันก็เป็นเพียงคำพูดธรรมดา ๆ ที่ฟังดูไม่น่ากลัวอะไร แต่ทำไมในใจของเขามันกำลังร้องเตือนว่าคำพูดนั่นมันแฝงอะไรบางอย่างไว้ มันไม่เหมือนจะบอกว่าเจอกันอีกในครั้งหน้า มันเหมือนกับ…ให้เขาเตรียมตัวที่จะเจออะไรสักอย่าง
คิด ๆ ไปแล้วเขาก็เริ่มที่จะกลัวผู้ชายอย่างจักรพรรดิซะแล้ว ความคิดของคน ๆ นี้เดาไม่ออกเลยสักนิด
………………………………
วันต่อมา
ร่างบางเดินเข้ามาในบริษัทด้วยใบหน้านิ่งเฉย มีส่งยิ้มทักทายคนที่รู้จักบ้าง เวลาเดินผ่านสายตาหลายคู่ก็จ้องตรงมาที่เขา มองแบบไม่รักษามารยาท ส่วนหนึ่งจะบอกว่ารูปร่างภายนอกเขาน่ามองน่ะมันก็ใช่ แต่ส่วนใหญ่ที่มองก็เพราะ…
…เขาเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทน่ะสิ
ไม่แปลกที่จะถูกมองด้วยสายตาเหยียด ๆ หรือบางทีคำพูดไม่เข้าหูลอยมาให้ได้ยินก็ตาม แต่ก็ต้องทนรับมันไว้ให้ได้ เด็กเส้นคือคำที่ได้ยิน และใช่ เขาเป็นเด็กเส้น
แต่คุณอาก็เป็นคนเลือกเขาเอง ไม่ใช่เพราะพ่อเขาเป็นคนจัดการให้ ไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมคนในบริษัทถึงไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่ เพิ่งจะเรียนจบเข้ามาทำงานก็ได้รับงานเลย แถมได้เป็นคนดูแลทั้งหมดเองด้วย เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะโดนมองแบบนั้น
เด็กเส้นแล้วไง แต่ก็ได้งานมาแล้ว เขาก็พร้อมที่จะทำมันให้ออกมาดีที่สุด ยังไงมันก็เป็นโอกาส จะปล่อยให้หลุดเพียงเพราะเขายังใหม่งั้นเหรอ
นั่นไม่ใช่ตัวเขา
“น้องเดลลล เป็นไงจ๊ะ ไม่ค่อยเห็นเข้ามาเลย”
เดินมาถึงโต๊ะของตัวเอง พี่แอ้ม…พี่ที่ทำงานอยู่ที่นี่ ซึ่งเขารู้จักและสนิทด้วยในระดับหนึ่ง เมื่อก่อนก็เคยเข้ามาที่นี่บ่อย ๆ พี่แอ้มเป็นผู้หญิงตัวสูงรูปร่างดี ออกแนวเซ็กซี่นิด ๆ เธอเดินเข้าไปทักโมเดลที่โต๊ะ ร่างบางนั่งลงแล้วเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้
“ออกไปคุยงานกับคุณอาน่ะครับ”
“หึ!”
กึก
โมเดลชะงักเพราะเสียงที่ดูเหมือนจะเยาะเขาดังมาจากด้านหลัง คนหน้าสวยเอี้ยวตัวกลับไปมองเล็กน้อย ก็เจอเข้ากับผู้ชายที่อายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี และผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน ทั้งคู่ต่างมองเขาด้วยสายตาไม่ชอบใจแบบโจ่งแจ้ง
เอาจริง ๆ เขาพยายามทนแล้ว แต่สองคนนั่นไม่ใช่แค่ไม่พอใจ แต่มันเพิ่มความหมั่นไส้ ไม่ชอบหน้า และอยากจะหาเรื่องเข้ามาด้วย ตัวเขาน่ะอยากจะเคลียร์ให้มันจบ ๆ ไป แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้
เพราะสองคนนั่นก็เป็นคนในทีมสำหรับงานที่เขารับผิดชอบอยู่ ถึงจะอยู่ในทีม โมเดลก็ไม่ค่อยได้คุยด้วยเท่าไหร่ เอาจริง ๆ สองคนนั่นก็ไม่ได้อยากคุยกับเขาอยู่แล้ว
ไม่ได้อยากโชว์เก่งทำงานคนเดียว แต่คนในทีมเป็นซะแบบนี้เลยทำคนเดียวง่ายกว่า
“แล้วเป็นไง ได้ข่าวว่าทำงานกับคุณจักรพรรดิด้วยหนิ” มือเรียวยื่นออกมาเขย่าไหล่บาง โมเดลชะงักไปนิดเมื่อได้ยินชื่อของคนที่ไม่อยากนึกถึง คิ้วสวยขมวดเล็กน้อย
“พี่แอ้มรู้จักเขาด้วยเหรอ”
“โอ้ย ทำไมจะไม่รู้จัก ทางบริษัทเราก็เคยทำงานร่วมกับเขาบ่อย ๆ เขาเป็นคนเก่งมากเลยนะ แถมหล่อมาก ๆ อีกต่างหาก” หญิงสาวทำสีหน้าเพ้อฝัน โมเดลเบ้ปากออกมาทันที จักรพรรดิเป็นคนเก่งมั้ยอันนี้เขายังไม่รู้ แต่ก็คงจะเก่งอยู่หรอก ไม่งั้นคงไม่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ส่วนเรื่องหล่อ…เขาจะไม่พูดถึงแล้วกัน
“น่าอิจฉาเรานะเดล ได้เจอเขาบ่อย ๆ”
“โชคร้ายมากกว่ามั้งพี่แอ้ม” โมเดลแค่นยิ้ม เป็นไปได้ขอไม่เจอผู้ชายคนนั้นเลยยังจะดีกว่า หญิงสาวเลิกคิ้วแปลกใจ
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ มีเรื่องอะไรเหรอ”
“พี่อาจจะเจอด้านที่ดี ๆ ของผู้ชายคนนั้น แต่ไม่ใช่กับผม เขาเป็นพวกชอบเสแสร้ง ที่เห็นทำดีอะไรแบบนั้นน่ะไม่จริงเลยสักนิด เอาหน้ามากกว่า ลับหลังเขาไม่ใช่คนดีหรอกพี่” โมเดลพูดออกไป เพราะเห็นว่าเป็นคนที่พอจะสนิทด้วย คิดว่าพูดออกไปก็คงไม่เป็นอะไร
แต่เขาคิดผิด เธอนิ่งไปหลังจากที่ฟังเขา สายตาที่มองมาเหมือนจะติดไม่พอใจ
“เราอคติหรือเปล่าเดล ใคร ๆ เขาก็รู้ว่าคุณจักรพรรดิสุภาพมากแค่ไหน มีน้ำใจด้วย ไม่ใช่ว่าเราไม่พอใจเขาถึงได้ว่าร้ายเขาหรอกนะ” เธอพูดออกมา แววตาฉายแววตำหนิ โมเดลนิ่งอึ้ง
นี่ไม่เชื่อเขาเลยเหรอ
“พี่แอ้ม มันไม่ใช่แบบนั้น ผมพูดเรื่องจริง”
“พอเถอะเดล ทำงานแล้วนะ อย่าใช้นิสัยเด็ก ๆ สิ” เธอส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง ร่างบางอ้าปากค้าง และพอได้ยินเสียงหัวเราะเยาะที่ด้านหลังก็แทบจะยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ
เขาพลาดอีกแล้ว ลืมไปเลยว่าใครมันนั่งอยู่ข้างหลัง แล้วพวกนั้นก็คงได้ยินที่เขาพูดทั้งหมด
ตอนนี้เขารู้สึกตัวเองหน้าช้า ๆ แบบบอกไม่ถูก ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ทุกครั้ง สรุปจะมีแค่เขาคนเดียวใช่มั้ยที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้นน่ะ จะไม่มีใครเชื่อที่เขาพูดเลยใช่มั้ย
“เฮ้ยมึง เด็กเส้นแม่งนิสัยเด็กว่ะ”
“ว่าคนที่ทำงานด้วยลับหลังแบบนี้ไม่น่าได้เป็นคนดูแลงานนะ”
โมเดลนั่งนิ่ง มือเรียวกำเข้าหากันแน่นบ่งบอกอารมณ์โกรธ เขารู้ พวกนั้นจงใจพูดให้เขาได้ยิน งานนี้เขาผิดเองที่ไม่รู้จักห้ามปากห้ามใจ อยากพูดอะไรก็พูด ลืมไปเลยว่ามีใครนั่งฟังอยู่ด้วย
“งี้แหละ มาด้วยเส้น ไม่ใช่ความสามารถ เฮอะ!” น้ำเสียงเยาะ ๆ จากผู้ชายคนนั้นยังไม่หยุด มีหลายคนเงยหน้าขึ้นมามอง และก็เพียงแค่นั้น แค่มองแล้วกลับไปนั่งทำงานของตัวเองต่อ ไม่รู้หรอกว่าคนที่ได้ยินรู้สึกยังไง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง จะเข้าไปยุ่งทำไม
ผู้ชายคนแรกที่พูดเยาะเขาคือธนา ส่วนอีกคนคือสิงหา สองคนนี้แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบเขา และครั้งนี้ก็ดูจะเริ่มหาเรื่องเขาแล้ว
“เพิ่งเข้ามาแต่ได้งานเลย ไม่ใช่เส้นแล้วมันจะเรียกอะไรวะ” สิงหาเอ่ยออกมาก่อนจะหัวเราะอยู่กับธนา โมเดลกัดฟันกรอด ในใจโมโหอย่างหนัก อยากจะลุกขึ้นไปซัดหน้าพวกนั้นสักทีสองทีเอาให้หายแค้น
เส้นแล้วไง แต่ก็ยังไม่เห็นสักหน่อยว่าเขามีฝีมือหรือเปล่า
พรึ่บ!
ร่างบางผุดลุกขึ้น เขาต้องออกไปสงบสติอารมณ์ตัวเอง นั่งอยู่ตรงนี้ต่อมีหวังได้มีเรื่องกับสองคนนั่นแน่ ๆ แล้วยังไม่ทันที่ขาเรียวจะได้ก้าวออกไปจากโต๊ะ สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตาที่เดินเข้ามา
“มาทำเหี้ยไรวะ”
โมเดลหลุดปากออกมาเสียงเบา แต่คนหูดีด้านหลังสองคนก็ยังได้ยินอยู่ดี มันแสยะยิ้มให้โมเดลเหมือนข่มขู่ ดวงตาสื่อผ่านมาว่าระวังมันเอาคำพูดของเขาไปแฉ
“คุณจักรพรรดิ สวัสดีค่า แหม มาหาคุณรุจเหรอคะ” แอ้มที่เห็นร่างสูงที่ตัวเองปลื้มเดินมาก็รีบลุกไปหาทันที จักรพรรดิส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธอ พร้อมกับยื่นถุงที่ถือมาด้วยให้
“ครับ มันอยู่ในห้องใช่มั้ย แล้วนี่ขนมครับ แบ่ง ๆ กันนะ”
“อุ้ย หล่อแล้วยังใจดีอีกนะคะเนี่ย” เธอยิ้มแก้มแทบแตก โมเดลรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีเลย รับไม่ได้อย่างแรง หมอนี่เนี่ยนะมีน้ำใจ ซื้อขนมมาฝากคนอื่นเขาน่ะ
“น้องเดลก็ทานด้วยล่ะ” มีหันมายิ้มให้เขาอีก
โมเดลยืนนิ่งอยู่กับที่ ร้องถามตัวเองในใจว่าผู้ชายคนนี้มาทำอะไรที่นี่ แต่เมื่อกี้…พี่แอ้มถามว่ามาหาพี่รุจเหรอ จะบอกว่าจักรพรรดิรู้จักกับพี่รุจงั้นเหรอ
พี่รุจ หรือจารุวิทย์ ซึ่งเป็นหัวหน้าของเขาอีกที และก็สนิทกับเขาด้วย เคยไปนั่งเล่นด้วยบ่อย ๆ ในตอนที่เข้าบริษัทมาหาพ่อ พี่เขาเป็นกันเอง แต่ในเวลางานก็เด็ดขาด แต่ก็ยังใจดีกับเขาอยู่
ไม่อยากจะเชื่อว่าจะคบคนแบบนี้
โมเดลยืนมองจักรพรรดิทักทายกับพนักงานหลาย ๆ คน พอเสร็จร่างสูงก็ก้าวมาทางเขา จริ งๆ ไม่ใช่หรอก คงจะเดินไปที่ห้องของพี่รุจที่อยู่ด้านหลังไปอีกต่างหาก และในขณะที่จักรพรรดิเดินมาถึงตัว เขาก็เอ่ยปากกระซิบให้ได้ยินเพียงแค่สองคน
“เก็บขนมมึงไปเหอะ กูไม่ต้องการ”
“ฉันก็พูดไปงั้นแหละ ไม่ได้ต้องการให้นายกินเช่นกัน” พูดจบก็ยักคิ้วให้เขาแบบเร็ว ๆ ไปหนึ่งที สร้างความหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ปิดท้ายด้วยยิ้มให้แบบอ่อนโยนนุ่มนวลอีกครั้งแล้วเดินหายเข้าไปในห้องพี่รุจ
โมเดลสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวเดินออกมา ขืนอยู่นานกว่านี้ได้บ้าตายแน่
ทางด้านจักรพรรดิที่เดินเข้ามาในห้องของเพื่อนตัวเองก็ยิ้มทักทายจารุวิทย์ที่เงยหน้าขึ้นมา เขาสองคนเป็นเพื่อนกันมานาน ปกติก็จะเข้ามาหาบ่อย ๆ เจอกันข้างนอกบ้าง แต่ทุกครั้งเข้ามาก็ไม่เคยเจอโมเดลเลย
“ไง ว่างเหรอคุณจักรพรรดิถึงได้เข้ามาได้”
“ไม่หรอก พอมีเวลานิดหน่อย ผ่านพอดีเลยเข้ามา” ร่างสูงนั่งลงหน้าโต๊ะทำงานของเพื่อน ในหัวก็กำลังนึกไปถึงร่างบางหน้าสวยที่เขาติดใจ ป่านนี้คงกำลังบ้าอยู่ว่าเขามาทำอะไรแน่ ๆ
“นายดูอารมณ์ดีนะ” จักรพรรดิเลิกคิ้วเมื่อโดนทักมาแบบนั้น แต่จะว่าอย่างนั้นก็ได้
“ก็ดี เรื่อย ๆ แหละ”
“เรื่องงานเป็นยังไง อยู่กับโมเดลนายโอเคนะ” จารุวิทย์ถามแบบเป็นห่วง เด็กคนนั้นสนิทกับเขาอยู่พอสมควร ก็ไม่แปลกที่เขาพอจะรู้ว่าเด็กน้อยอารมณ์ร้อนแค่ไหน มีอะไรก็พูดออกไปแบบไม่ค่อยคิด เขาก็เกรงว่าจะสร้างเรื่องให้จักรพรรดิมากกว่าที่จะสร้างงานดี ๆ
“หืม? ทำไมนายถามแบบนั้น น้องเขาก็น่ารักดีนะ นิสัยดี เรื่องงานก็คุยกันง่าย” จักรพรรดิตีหน้าซื่อบอกออกไป แต่ภายในใจกำลังแสยะยิ้มเลวร้าย จารุวิทย์คิ้วขมวดด้วยสีหน้าแปลกใจ
“เขาไม่ได้ดูอารมณ์ร้อนอะไรแบบนี้ใช่มั้ย” ถามเพื่อความแน่ใจ จักรพรรดิเห็นเพื่อนถามแบบนั้นก็เบนหน้าไปมองทางอื่น ริมฝีปากสวยขยับยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อยจนแทบจะมองไม่เห็น
“ไม่เลย”
“งั้นก็ดีแล้ว ขอเตือนนายไว้ก่อนนะ เด็กคนนี้ตั้งใจทำงานมาก เรื่องงานเขาจริงจังตลอด แต่ก็มีข้อเสียคือเก็บอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ จะชอบพูดอะไรโดยที่ไม่คิด” จารุวิทย์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่โมเดลไม่สร้างเรื่องอะไรไว้ ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกชายเจ้าของบริษัท แต่ก็ยังเป็นลูกน้องเขา ถ้าทำงานไม่ดี ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยังไงเขาก็ต้องเรียกมาดุ
“นายมองน้องเขาแย่เกินไปนะ โมเดลไม่เด็กแบบนั้นหรอกน่า” จักรพรรดิแก้ตัวให้
“นายไม่ต้องพูดให้น้องมันเลย รู้ว่าใจดี แต่ก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย” ร่างสูงยิ้มรับคำพูดนั่น คิดเหรอว่าคนอย่างเขาจะพูดแก้ตัวให้โดยที่ไม่ได้คิดอะไร
ท่าทางจารุวิทย์ก็มองโมเดลเป็นเด็กที่นิสัยควบคุมยากอยู่พอควร และนั่นแหละ…มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการล่ะ
มองโมเดลในแง่ที่ไม่ดีเข้าไปเยอะ ๆ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ
นี่มันแค่เริ่มเท่านั้น
________________________________
โอ๊ะโอ้วววววว หายไปหลายวัน มีใครรอเรื่องนี้เค้ามั้ย *มองซ้ายมองขวา* ถถถถถ
อาจจะมาช้าแต่มาชัวร์นะ ไม่ทิ้งงงงงงง~
ปล. ขอบคุณมากเลยค่ะที่เข้ามาอ่าน