ตอนที่ 2
แกร๊ก
ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำ สายตากวาดมองรอบ ๆ ห้องที่ตอนนี้เสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่ทั่ว ๆ มือหนาคว้ากางเกงของตนเองขึ้นมาสวม ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงพาดไว้กับเก้าอี้
ในขณะที่หยิบกางเกงยีนส์ขึ้นมา มือก็จับไปโดนกระเป๋าสตางค์ คิ้วเข้มเลิกขึ้น ก่อนจะล้วงออกมา หยิบบัตรประชาชนของกวางน้อยขึ้นมาดู
ถึงจะรู้ว่ามันเสียมารยาท แต่ก็ไม่ผิดที่จะขอรู้จักคนที่นอนด้วยกันเมื่อคืนสักหน่อย
นาย ฆนรุจ อธิพัฒน์เดชากร
ดูอายุแล้วก็ยังน้อยกว่าเขา ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มนิด ๆ เก็บของเข้าที่เดิมแล้วพาดกางเกงไว้กับเก้าอี้ เดินไปคว้าไอแพดแล้วขยับขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียง เช็กงานที่ค้างเอาไว้
มือหนายกขึ้นบีบนวดต้นคอ ก่อนจะชะงักไปนิดเมื่อแตะโดนแผลเล็ก ๆ จากเล็บของกวางน้อยแสนสวยข้างกายที่จิกจากแรงอารมณ์เมื่อคืน ดวงตาคมวาววับ หันไปมองคนข้างกาย
ร่างผอมเพรียวนอนคว่ำหน้า แผ่นหลังขาวเนียนเต็มไปด้วยรอยแดงช้ำที่เขาเป็นคนทิ้งมันเอาไว้อย่างตั้งใจ ผ้าห่มผืนหนาคลุมอยู่ที่สะโพกสวย และไม่ต้องคิดอะไร มือหนาจัดการกระชากออกทันที
ยกยิ้มพอใจกับภาพที่น่ามอง แม้แต่ท่อนขาเรียวก็เจอเขาทิ้งรอยเอาไว้
เจ้าตัวตื่นมา คงไม่พอใจแน่ๆ
แต่ใครจะสนกันล่ะ เขาเป็นคนลากเด็กนี่เข้ามาเหรอ? ก็ไม่ อยากเมาเข้าห้องผิดเอง จะโทษใคร ถ้าจะโทษ…ก็โทษความโง่ของตัวเองเถอะ และเขาก็ไม่ใจดีพอที่จะปล่อยให้เหยื่อแสนน่ากินหลุดลอยออกไป
ร่างแกร่งหันกลับมาดูงานอีกครั้ง มีงานใหม่เข้ามา เป็นของคุณอาที่รู้จักกับพ่อเขามานาน บ้านของเขาเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งคุณอามีโปรแกรมที่จะสร้างบ้านพักตากอากาศ เห็นเปรย ๆ เอาไว้หลายครั้งแล้ว บอกเอาไว้ว่าจะให้ลูกของเพื่อนมาเป็นสถาปนิกออกแบบเอง ซึ่งเขาก็โอเค จะใครก็ได้ ขอแค่ทำงานออกมาดีและไม่ทำให้งานเขาเสียก็พอแล้ว
สายตาไล่อ่านรายละเอียดที่คุณอาส่งมา พร้อมกับชื่อของคนที่จะมาร่วมงานด้วย ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรมาก คุณอาเพียงแค่บอกสิ่งที่ต้องการ ก่อนจะนัดวันคุย
แต่ที่สะดุดตาของเขาอย่างจังเลยก็คือ…ชื่อของสถาปนิกที่เป็นลูกของเพื่อนคุณอา
ฆนรุจ อธิพัฒน์เดชากร
ดวงตาคมยิ่งวาววับขึ้น ดูท่าว่าเด็กคนนี้จะหนีเขาไม่พ้นเสียแล้ว
“อื้อ…”
เสียงครางแหบ ๆ ดังออกมาอย่างอ่อนแรง ร่างเพรียวค่อย ๆ ขยับตัว ก่อนที่ใบหน้าสวยจะเบ้ลงเพราะอาการปวดร้าวที่พุ่งเข้ามาจู่โจมทันที ทำให้ต้องงอตัวขดเข้าหากันอย่างเจ็บปวด
ร่างแกร่งเลิกคิ้ว มองดูคนที่กำลังจะตื่นนิ่ง ๆ พอจะรู้อาการอยู่ว่าเป็นอะไร โดนไปซะขนาดนั้นเดินได้ปกติก็ถือว่าเทพเกินไปแล้ว
ดวงตาเรียวสวยค่อย ๆ ปรือขึ้น ฟันคมขบกัดริมฝีปากล่าง กวาดมองไปทั่วห้องเหมือนกับว่าสติยังมาไม่ครบ ขมวดคิ้วกับเสื้อผ้าของตนที่วางพาดอยู่บนเก้าอี้ ก่อนจะหันมาเจอเขา
จ้องหน้าประมวลผลอยู่สักพัก ก่อนที่ใบหน้าสวยของคนท่าทางอ่อนแรงจะฉายแววโกรธแค้น นิ้วเรียวยกขึ้นมาชี้หน้าจักรพรรดิด้วยความโกรธ
“มึง…”
“อะไร” จักรพรรดิเลิกคิ้วกลับไป ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเด็กนี่เป็นอะไร ก็คงจะโมโหเขา โกรธเขาที่ทำแบบนั้นไปเมื่อคืน
“ไอ้เหี้ยเอ้ย!” โมเดลสบถเสียงสั่นแล้วง้างหมัดขึ้นมา หมายจะซัดหน้าไอ้เวรที่นั่งสบายอารมณ์อยู่นี่ ด้วยการฝืนยันกายที่ปวดร้าวขึ้นมา แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างใจ มือหนาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเขาแล้วกำแน่นจนเจ็บ
“จะต่อยฉัน…นายคิดดีแล้วเหรอ”
น้ำเสียงราบเรียบบวกกับท่าทางเหมือนจะขู่กลาย ๆ ไม่ได้ทำให้โมเดลหวั่นใจเลยแม้แต่น้อย เพราะในอกตอนนี้มันเต็มไปด้วยความโกรธ เขาเป็นผู้ชาย และมันก็เป็นผู้ชาย โดนทำแบบนี้ใครมันจะรับได้
โมเดลสะบัดมือออกให้หลุดจากการจับของอีกฝ่าย ซึ่งจักรพรรดิก็ยอมปล่อยง่าย ๆ และทันทีที่ปล่อย โมเดลก็รวบรวมแรงทั้งหมด ปล่อยหมัดเข้าที่ใบหน้าของจักรพรรดิ ร่างแกร่งเพียงแค่หน้าหันเล็กน้อย
แรงของคนที่เพิ่งตื่น…บวกกับโดนแบบนั้นไปทั้งคืน มันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บอะไรเลย
“แรงเหมือนคนใกล้ตาย คิดว่าฉันจะเจ็บเหรอ”
มือหนาลูบมุมปากที่โดนต่อยเมื่อสักครู่ และพูดเหยียดให้อีกฝ่ายเจ็บใจเล่น ๆ คนหน้าสวยกัดฟันกรอด มือเรียวกำแน่น อยากจะซัดเข้าให้อีกสักรอบ แต่ร่างกายมันไม่อำนวยจริงๆ
แค่ขยับตัว…ก็ปวดร้าวไปทุกส่วน
พรึ่บ
ตุบ
“โอ้ย…”
และเพียงแค่ขยับลงไปยืนข้างเตียง ทันทีที่เท้าแตะพื้น ร่างของโมเดลก็ทรุดฮวบลงไป ฟันขาวกัดริมฝีปากของตัวเองแน่นจนเจ็บ ร่างกายปวดร้าวเหมือนจะแหลกให้ได้ ร่างแกร่งบนเตียงมองโมเดลเหมือนกำลังดูเรื่องสนุก ก่อนจะหัวเราะเยาะในลำคอ
“หึๆ”
“ไอ้…เหี้ย” เค้นเสียงด่าอีกฝ่าย
จักรพรรดิยิ้มเยาะอีกครั้ง ก่อนจะหันไปคว้าแว่นที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมาใส่ หันกลับไปมองร่างเพรียวที่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่เขาเป็นคนเก็บและพาดไว้บนเก้าอี้
“ไม่คิดจะอาบน้ำหน่อยเหรอ” ถามออกไป สายตาคมก็จ้องมองอยู่ที่หว่างขาขาวที่ตอนนี้เลอะไปด้วยน้ำบางอย่าง โมเดลหันขวับมาหา แทบจะหยิบของปาใส่
“อย่าเสือก!”
“ฉันก็ถามไปอย่างงั้น นายจะเดินออกไปด้วยสภาพแบบนี้ให้อายใครต่อใคร มันก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว” แต่ละคำพูดมันช่างทำให้โมเดลรู้สึกโมโหยิ่งนัก แต่ก็ดีแล้ว ผิดพลาดแค่ครั้งเดียว และเขาก็ไม่ได้หวังให้ไอ้บ้านั่นมันมาแสดงท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอะไรทั้งนั้น
โมเดลฝืนแต่งตัวทั้ง ๆ ที่อยากจะนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่อยากจะขยับตัวเลยแม้แต่น้อย พอใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย มือเรียวก็ต้องยันเก้าอี้ไว้เมื่อรู้สึกว่าขามันล้า ๆ จนเขาอยากจะทรุดลงกับพื้น
“เดินไหวเหรอ” เสียงเข้มร้องถาม กอดอกมองด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ ริมฝีปากขยับยิ้มเพียงเล็กน้อยเหมือนกำลังสนุกที่ได้เห็นโมเดลเป็นแบบนี้
“ไม่ต้องมาห่วง…”
“เปล่าเลย แค่ถาม ถ้าเดินไหวก็ไป แต่ถ้าเดินไม่ไหว…ก็คลานออกไป” คำพูดคำจาทำร้ายใจคนฟังอย่างร้ายกาจ ริมฝีปากที่ยิ้มเยาะนั่นมันน่าซัดให้คว่ำ โมเดลกัดฟันกรอด จ้องหน้าคนบนเตียงอย่างเคียดแค้น
ใช่ อยากจะต่อย อยากจะทำให้มันเจ็บ แต่ร่างกายเขาตอนนี้มันไม่อำนวยอะไรทั้งนั้น
ปัง!
จักรพรรดิมองตามจนอีกคนเดินออกไปจากห้อง จะคว้าไอแพดขึ้นมาดูงานต่อ แต่ประตูห้องก็ถูกเปิดอีกครั้ง คนที่เดินเข้ามาคือน้องชายเจ้าของผับแห่งนี้
“มีอะไร”
“เมื่อกี้กูเห็นคนเดินออกไป ใครวะ”
“ลูกกวาง” ตอบเพียงแค่นั้นแล้วหันมาสนใจไอแพดในมือแทน ปล่อยให้เป็นใหญ่ยืนเอ๋อกับคำตอบ แทนที่จะตอบอะไรให้หายข้องใจ กลับตอบออกมาเพียงแค่นั้น
“แล้วมาได้ไงวะ เมื่อคืนมึงได้นอนปะเนี่ย กูเห็นสภาพ…”
“ไม่มีอะไร” จักรพรรดิตัดบท เป็นการบอกว่าจะไม่คุยเรื่องนี้ต่อ น้องชายที่รู้จักนิสัยของพี่ชายตนเองเป็นอย่างดีก็หงุดหงิด เดินบ่นออกจากห้องไป
…………………………………..
สามวันต่อมา
ในเวลาบ่ายกว่า ๆ ร่างผอมเพรียวของโมเดลกำลังเดินเข้ามาในตึกสำนักงานของบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ผมยาวระต้นคอสีดำถูกรวบมัดไว้อย่างเรียบร้อย ชุดที่ใส่ดูสุภาพ ถึงแม้ว่างานที่จะมาคุยในวันนี้เป็นของคุณอาที่รู้จักกับพ่อของเขาก็ตาม แต่ก็เรียบร้อยไว้ก่อน
ขาเรียวยาวก้าวเร็ว ๆ แต่พยายามไม่ทิ้งน้ำหนักลงไปมากนัก เพราะมันทำให้สะเทือนถึงช่วงล่างของเขา
ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์บ้า ๆ นั่นก็ยิ่งเจ็บใจ แค้นไอ้เวรนั่นจนอยากจะฆ่าให้ตาย
ขออย่าให้ต้องเจอกับแม่งอีกเลยชาตินี้!
“ขอโทษครับ ผมฆนรุจ มาติดต่อเรื่อง…” เขาแจ้งกับประชาสัมพันธ์สาวแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“อ๋อค่ะ คุณจักรพรรดิแจ้งเอาไว้แล้ว เชิญที่ชั้น 15 ห้องทางซ้ายมือเลยค่ะ” โมเดลก้มหัวขอบคุณ ขึ้นลิฟต์มายังชั้นที่หมาย เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ถึงแม้ว่าจะรู้จักกับคุณอาในระดับหนึ่ง แต่นี่คืองานแรกของเขา มันก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้
โมเดลหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เรียกกำลังให้ตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเคาะประตูสองสามทีแล้วเปิดเข้าไป คุณอาปิยะหันมา แล้วยิ้มให้เขาอย่างเป็นกันเอง โมเดลยกมือไหว้ด้วยท่าทางนอบน้อม แต่พอหันไปหาร่างสูงใหญ่อีกคนที่นั่งอยู่ด้วยก็เป็นอันต้องชะงักค้าง ดวงตาเรียวเบิกกว้าง นิ้วมือยกขึ้นมาชี้หน้าอีกฝ่ายทันที
“ไอ้เหี้ย! มึง…”
“เดล!”
กึก!
เสียงเข้มของคุณอาร้องปราม โมเดลชะงักกึก ค่อย ๆ ลดมือลง จ้องมองร่างสูงที่นั่งยิ้มอ่อน ๆ ดวงตาคมภายใต้กรอบแว่นสวยไม่มีแววขุ่นเคืองเขาแต่อย่างใด
“นี่คุณจักรพรรดิ รู้จักกันไว้ล่ะ เราจะต้องคุยงานกับเขาอีกเยอะ” คุณอาผายมือไปทางร่างแกร่ง จักรพรรดิกดหน้าลงนิด ๆ เป็นการทักทาย รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งออกมา ทำเอาโมเดลถึงกับนิ่งอยู่กับที่
มันช่างต่างจากรอยยิ้มเยาะ ๆ ในวันนั้นยิ่งนัก
เมื่อคิดถึงตรงนี้มือเรียวก็กดแน่น มันเป็นตัวบ่งบอกเลยว่าเขาไม่ลืมเรื่องในวันนั้นง่าย ๆ แถมเขายังจำสัมผัสของผู้ชายคนนี้ได้อยู่เลย มันเป็นเรื่องที่ทำให้ตัวเขาหงุดหงิดตลอดเวลาที่นึกถึง
“ส่วนนี่ฆนรุจ ลูกชายเพื่อนอาเอง เพิ่งจบมาใหม่ ๆ เลย ประเดิมงานแรก” คุณอาแนะนำเขาแล้วหัวเราะชอบใจ โมเดลพยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ ระงับอารมณ์ตัวเอง
ไม่ได้! หลุดไม่ได้เด็ดขาด คุณอาไม่รู้ว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับผู้ชายคนนี้ และจะให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด
“ครับ เด็กใหม่ไฟแรง ผมยินดีและดีใจที่จะได้ร่วมงานกันนะครับ” จักรพรรดิหันมาพูดกับโมเดล แถมยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง ไม่เหลือท่าทีของผู้ชายแสนร้ายกาจคนนั้น ไม่เหมือนกับคนที่เคยพูดจาร้าย ๆ ใส่เขาในวันนั้น
เฮอะ! เสแสร้ง!
“ครับ ยินดีครับ” โมเดลกัดฟันตอบ จำใจเดินไปนั่งลงข้าง ๆ ร่างแกร่ง บังคับตัวเองเป็นอย่างมากไม่ให้ลุกไปซัดหน้าไอ้เวรนี่
ท่องไว้! งาน! งาน!
“เมื่อกี้ผมเห็นคุณอาเรียกคุณฆนรุจว่าเดล…” เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังเอ่ยขึ้นมา ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับงานเลยแม้แต่น้อย โมเดลเผลอตวัดสายตาไม่พอใจใส่ แต่ร่างสูงไม่ถือสา เพียงแต่ยิ้มอ่อน ๆ กลับมาเท่านั้น
“อ๋อ ชื่อเล่นน่ะ…โมเดล เราจะเรียกแบบนั้นก็ได้นะพรรดิ จะได้สนิทกัน เพราะยังไงก็ต้องเจอและคุยงานกันอีกนาน” ด้วยความที่สนิทกับทั้งสองฝ่าย คุณอาปิยะเลยไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ต้องเป็นทางการมากนัก
“ครับ น้องเดล”
หมับ!
โมเดลกำหมัดแน่นเมื่อจักรพรรดิหันมาเรียกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู แววตาอ่อนโยนในแบบที่ใครเห็นก็พาลให้ตกหลุมรัก แต่มันไม่ใช่กับเขา! มันลบภาพผู้ชายปากเสียและทำเรื่องร้ายกาจกับเขาลงไปไม่ได้หรอก
“เข้าเรื่องงานกันดีกว่านะครับ” โมเดลเอ่ยขัด พยายามไม่สนใจคนข้าง ๆ ถึงแม้ว่าวันนี้จะนัดกันเพื่อคุยรายละเอียดคร่าว ๆ ก็ตาม แต่เขาจะตั้งใจและทำให้เต็มที่ และมันต้องออกมาดีที่สุด
จะให้ไอ้เวรแค่ตัวเดียว…ไอ้เวรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มาทำลายไม่ได้เด็ดขาด
“วัยรุ่นใจร้อนจริง ๆ คืองี้ อาอยากจะได้ตัวบ้านแบบ…”
โมเดลเปิดสมุด จดรายละเอียดทั้งหมดที่คุณอาต้องการ พร้อมเน้นไว้ด้วยว่าส่วนไหนสำคัญ มีเสียงของคนข้างตัวเอ่ยความเห็นออกมาบ้างเป็นครั้งคราว
หมับ
กึก!
มือเรียวชะงักค้างและสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อมือหนาของคนข้างตัววางลงมาที่ต้นขาของเขา คุณอาไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ ยังคงพูดต่อไป โมเดลค่อย ๆ ลดมือลงไปใต้โต๊ะ จับมือหนาที่วางอยู่ออก
เหลือบมองจักรพรรดิด้วยแววตาโกรธเคือง ร่างแกร่งเพียงแค่กระตุกยิ้มนิด ๆ อย่างที่คุณอาที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่เห็น ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเร็วจนน่าตกใจ กลับมาเป็นผู้ชายที่สุภาพอ่อนโยนอีกครั้ง
“เราสงสัยตรงไหนมั้ยเดล”
“ออ…ครับ นิดหน่อยครับ เดี๋ยวขอผมทำสรุปแล้วจะแจ้งคุณอาอีกครั้งนะครับ ขอรบกวนด้วย” โมเดลละความสนใจจากคนข้างตัว ก้มหัวให้กับคุณอา ชายสูงวัยหัวเราะอย่างอารมณ์ดี โบกมือไปมาเบาๆ
“ไม่ต้องทางการขนาดนั้น อาไม่อยากให้เรากดดัน สงสัยอะไรก็ถามอาได้ หรือจะถามพรรดิเอาก็ได้” ในอกของเขาแทบจะระเบิด ทำไมต้องมีไอ้เวรนี่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เกลียดฉิบหายแต่จำต้องทนนั่งอยู่อย่างนี้เพราะมันคืองาน
เขาจะไม่ยอมให้ใครมาด่าว่าเป็นเด็กที่ไม่รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานเด็ดขาด
“ยินดีครับ สงสัยอะไรถามผมได้ตลอด ผมยินดีช่วยเต็มที่”
เฮอะ! เสแสร้งได้ดีนี่
“งั้นเราอยู่คุยกันไปก่อนก็ได้ อามีธุระต้องไปอีก ยังไงก็เจอกันอีกทีตอนไปดูสถานที่เลยแล้วกัน ขอบใจมาก” คุณอาลุกขึ้นยืน โมเดลยืนขึ้นแล้วยกมือไหว้อีกครั้ง พอคุณอาเดินออกไป ภายในห้องก็ตกอยู่ภายในความเงียบ มันอึดอัดจนเขาแทบไม่อยากจะอยู่ อยากเดินออกไปเลยด้วยซ้ำ
แต่เพราะงาน…มันยังมีส่วนที่เขาต้องคุยกับผู้ชายคนนี้อยู่
โมเดลนั่งลงอีกครั้ง ขีดเขียนบางส่วนที่เน้นไว้ไม่ให้ลืม เผลอหายใจติดขัดไปเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาคมที่จ้องมองมา ถ้ามองแบบปกติคงไม่เท่าไหร่
แต่นี่…มองแบบที่เขารู้สึกเหมือนตัวเองเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย
“ผมคิดว่าในส่วนของตัวบ้านทางด้านหลัง เราน่าจะ…”
หมับ
“ที่โดนไปเมื่อวันนั้น หายดีแล้วเหรอ”
!!!
โมเดลหันขวับไปมองอย่างเอาเรื่อง เมื่อร่างแกร่งจู่ ๆ ก็ยื่นมือออกมาแตะแก้มเขา พร้อมกับถามในสิ่งที่เขาอยากจะซัดหน้าอีกฝ่ายให้หงาย น้ำเสียงที่ส่งออกมา ไม่ได้มีแววห่วงใยเลยแม้แต่น้อย ถามเหมือนกับว่ากำลังเยาะเย้ยอะไรแบบนั้น
โมเดลปัดมืออีกฝ่ายออกอย่างแรง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ช่วยคุยเรื่องงานกับผมด้วยครับ”
“แข็งแรงดีหนิ โดนไปขนาดนั้นยังเดินได้ปกติ” ริมฝีปากสวยพ่นคำพูดกวน ๆ ออกมาอีกครั้ง โมเดลปิดสมุดอย่างแรง เห็นทีวันนี้คงจะคุยไม่รู้เรื่องซะแล้ว
พรึ่บ
หมับ! ตุบ!
“ไอ้เหี้ย! ปล่อยกู!” โมเดลโวยลั่นเมื่อพอเขาลุกขึ้น อีกฝ่ายก็กระชากตัวเขาอย่างแรงจนเข้าไปอยู่ในอ้อมแขน จ้องหน้าอีกฝ่ายในระยะใกล้ ก่อนจะพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขน
หมับ
“ปล่อยนะเว้ย! มึง…” โมเดลดิ้นหนักกว่าเดิม เมื่อมือหนาวางบนลงสะโพกของเขาก่อนจะออกแรงบีบ ร่างบางตัวสั่นออกมา เขาจดจำสัมผัสของผู้ชายคนนี้ได้ เพียงแค่แตะโดนเล็กน้อย มันก็ทำให้ตัวเขาสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้ ลมหายใจอุ่น ๆ รดรินอยู่ใกล้ใบหู
“ตัวสั่นเชียวนะ กลัวหรือไง หึ”
น้ำเสียงที่กระซิบใกล้ บวกกับริมฝีปากที่เวลาขยับพูดก็แตะโดนใบหูมันกำลังทำให้ร่างกายของเขาร้อนวูบวาบอย่างน่าประหลาด โมเดลกัดฟันกรอดแล้วดิ้นอีกครั้ง
“นายจำสัมผัสของฉันได้ และจะไม่มีทางลืมมันลง เชื่อฉันสิ” พูดอย่างมั่นใจแล้วลากมือไปตามกระดูกสันหลัง โมเดลเกร็งตัวขึ้นทันที ก่อนจะดิ้นอย่างแรง ร่างแกร่งยอมปล่อยเขาให้เป็นอิสระ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นมันกำลังทำให้อารมณ์เสียหนักกว่าเดิม มือเรียวคว้าของ ๆ ตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องอย่างเร็วโดยมีสายตาคมมองตามไป