“นั่ง” ไอ้เด่นสั่งผู้ชายที่มันจับตัวมาพร้อมเตะเข้าที่ขาพับของอีกฝ่ายจนมันทรุดลงกับพื้นไม่เป็นท่า
“เอาผู้หญิงไปมัด” ผมสั่งสมุทร ชี้มือไปที่กระเป๋าเป้ขนาดกลางที่ไอ้เด่นพกมาด้วย กระเป๋าวางอยู่บนโต๊ะ สมุทรที่จับตัววัยรุ่นผู้หญิงยังคงยืนนิ่งคล้ายกับลังเลที่จะทำตามคำสั่ง ผมหัวเราะขึ้นจมูก ดูดน้ำข้าวโพดอย่างแรงอีกครั้งจนรสหวานอร่อยถูกกลืนลงคอ
“เดี๋ยวผมทำให้ครับ” ไอ้เด่นเอ่ยปากทำท่าจะขยับ
“กูไม่ได้สั่งมึง” ผมเอ่ย มือที่ถือข้าวโพดอยู่ชี้ไปที่ไอ้เด่นโดยที่สายตายังคงจับจ้องสมุทรไม่ไปไหน
“.........” สมุทรหลบตา
“อย่า อย่าทำอะไรหนูเลย” เธอร้องขอ ขยับตัวทำท่าจะหนีแต่ไม่เป็นผล ถูกสมุทรล็อกแขนไว้แน่น สมุทรมองผมตอบอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาที่ไม่ละจากเขาของผมกำลังทำให้ผมรู้สึกไม่แน่ใจว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมทำตามที่สั่ง ผมจะไม่ซัดเขาได้หรือไม่
“มัด..ผู้หญิง เดี๋ยวนี้” ผมย้ำสั่งอีกครั้ง สันกรามของคนที่ถูกรับคำสั่งบูดขึ้นนิดหน่อย น้ำลายถูกกลืนลงคอ สีหน้าลำบากใจเหตาลงต่ำก่อนขยับตัวทำตามที่ผมสั่งแต่โดยดี กระเป๋าเป้ของไอ้เด่นถูกเปิดออก เชือกที่เตรียมมามัดไปที่ผู้หญิงร่างเล็กที่พยายามต่อสู้ให้หยุดนิ่งไปอย่างง่ายดาย ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตามเดิม ลมหายใจถูกพ่นออกมาทางไรฟันด้วยรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับนิสัยของหมอนี่ขึ้นมา
“จะ! จับผมมาทำไม!” วัยรุ่นชายมองเพื่อนของตนก่อนตะโกนถาม ผมไม่ตอบ แทะข้าวโพดต้มต่อมองหน้ามันไปพลาง
“ปล่อยพวกเราไปเถอะ” มันร้อง อยู่ดี ๆ เหงื่อของมันก็ออกมามากผิดปกติ
“กินข้าวโพดไหม ?” ผมถาม อีกฝ่ายขมวดคิ้ว
“จ..จับ ผมมาทำไม” คำถามเดิมถูกถามขึ้นอีกครั้ง แต่น้ำเสียงดูท่าจะไม่แน่ใจว่าควรเอ่ยปากดีไหม
“กูถามว่ากินข้าวโพดไหม ?” ผมถามกลับคำเดิมเช่นกัน
“..อึก” อีกฝ่ายสะอึก ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมตอบ ในห้องเงียบลงอีกครั้งเมื่อหมดคำถาม ข้าวโพดเกลี้ยงฝักแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว แม้แต่น้ำในฝักก็เกลี้ยงเชียว ขาขวาที่ไขว่ห้างอยู่ขยับอ้าออกกว้างลงอย่างช้า ๆ จนเท้าทั้งสองข้างแตะที่พื้น นิ้วหมุนฝักข้าวโพดไปมาวนเป็นวงกลม
ปึก !!!! .. ข้าวโพดถูกเขวี้ยงออกไปที่เป้าหมายตรงเผง ฝ่ายที่ก้มหน้าเมื่อครู่ถูกฝักข้าวโพดกระแทกจนหงายหลังล้มลง ไอ้เด่นตบเข้าที่ท้ายทอยมันอย่างแรงทันควันเพื่อให้มันกลับมานั่งในท่าเดิม เลือดไหลซึมออกที่จมูก ลมหายใจของมันดูเหมือนจะหอบแรงขึ้นทีละน้อย
ผมยิ้มกว้างให้กับสายตาเคียดแค้นที่ถูกส่งมาก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นเดินไปที่กระเป๋าเป้ หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดมืออย่างใจเย็น ขวดน้ำเปล่าที่พกมาด้วยถูกเปิดออก ยกดื่มจนเหลือเพียงครึ่งขวด
น้ำถูกอมไว้ในกระพุ้งแก้มอยู่ครึ่งหนึ่ง ก่อนที่ผมจะละเลียดกลืนลงคออย่างช้า ๆ เพื่อรับรู้ได้ถึงน้ำที่ไหลผ่านคอไปสู่ท้อง เสียงกลืนเสียงสุดท้ายดัง
..อึกกก! ทิ้งท้ายให้ได้ยิน
“ซี๊ด ฮ้าา ~” ปากเผยอออกกว้าง เสียงร้องเปล่งออกมาด้วยความพอใจ “น้ำเปล่า” คือสิ่งสำคัญต่อชีวิตของผมจริง ๆ นั่นละนะ มือจัดการปิดฝาอย่างมิดชิดและก้มลงนำขวดวางไว้ที่เดิม
“ข้าวโพด เห็นว่าบำรุงสายตานะรู้ไหม” ผมยิ้มพูด
“แถมขี้คล่องอีกต่างหาก! หึ ๆ ๆ” ผมกระแทกเสียงบอก มือล้วงกระเป๋าจ้องมอง ปากเม้มเข้าหากันอย่างใช้ความคิด เมื่อขาก้าวเดินเข้าหาวัยรุ่นชาย อีกฝ่ายก็ดันทำหน้าแปลก ๆ แสดงให้เห็น สายตาของผมกำลังมองคนที่มักจะถูกเรียกใช้กับเด็กว่า
“อนาคตของชาติ” ซึ่งมันช่างไม่มีความหมายใดสำหรับผม อนาคตของชาติงั้นเหรอ อนาคตของชาติคือคนดีมีจิตสำนึกต่างหากล่ะ
“กล้าดียังไง ถึงได้มาปล่อยของในที่ของกู” ผมถาม โดยเลือกใช้น้ำเสียงเรียบเฉย
“ผมเปล่า..” มันตอบ เหงื่อไหลย้อยที่ข้างแก้มเห็นชัดเจน
“กูถามว่า
‘มึงกล้าดียังไง ถึงได้มาปล่อยของในที่ของกู’ ..ครับ ?” ผมก้มตัวนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้ามัน อีกฝ่ายหลบตาพร้อมขยับตัวถอยหลัง ผมคว้าคอเสื้อของมันมาอย่างแรง มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงที่ดูท่าจะไม่ได้ซักมาหลายเดือนจนเจ้าของมันดิ้นพล่านพยายามหนี
แกรก ~ .. ถุงพลาสติกที่ห่อสิ่งผิดปกติตกลงบนพื้น เจ้าของมันถึงกับตาเบิกโต
“ผะ..ผม ขอโทษ” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นบอกด้วยสีหน้าร้อนรน มือผมหยิบถุงดังกล่าวกำขึ้นมาช้า ๆ อย่างแทบตามไม่ทันลมหายใจของตัวเองว่ายังหายใจสม่ำเสมอปกติดีรึเปล่า กำปั้นฟาดไปที่ใบหน้าของคนตรงหน้าเต็มแรง
ผลัวะ! “มึง!!” ผลัวะ!! “กล้าดี!!!”ผลัวะ!!! ..
“ยังไงงง! !!” เสียงสะท้อนแว่วหายไป ผมสูดหายใจเข้าปอดเต็มแรงทันทีที่เสียงเงียบลง
“อึก ปล่อย..ปล่อยพวกผมไปเถอะนะครับ ผม..จะ จะไม่มาที่นี่อีกแล้ว” มันขยับตัวโดยเท้าแขนไว้บนพื้น เลือดไหลย้อยออกจากปากกับจมูกเป็นทาง
“เปล่า ฉันกำลังชมต่างหาก..ว่ากล้าดี” การเอ่ยชมออกอักขระเสียงชัดเจน อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองตาค้าง ผมฉีกยิ้มให้ คนตรงหน้าจึงเผยรอยยิ้มน้อย ๆ ขึ้นเช่นกัน แต่แล้วรอยยิ้มที่ผลิออกจากผมก็หุบลงทีละนิด มือกระชากศีรษะของมันมาอย่างแรงจนใบหน้าของเราห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร
“รู้ไหม กูเกลียดเด็กเวรอย่างพวกมึงที่สุด” ผมถลึงตา
“เวร ..โคตรเวร” ผมหัวเราะพูดในลำคอ ลิ้นถูกแลบออกมากัดไปพร้อม ๆ กับที่กำลังมองคนตรงหน้า
“มึงจะทำระยำตำบอนที่ไหนก็ได้ กูไม่สน แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่..ตรงไหนก็ตามที่มึงได้กลิ่นว่าเป็นที่ของกู”
“คะ..ครับ” มันก้มหน้าก้มตาผงกหัวรับทราบ
“ดีแล้ว” ผมบอก ปล่อยมือออกจากหัวก่อนตีแก้มมันเบา ๆ
“ทีนี้..ไหนลองบอกมาหน่อยซิ ว่ารับของมาจากใคร” “คนที่สั่งให้มึงมาส่งของแถวนี้น่ะ มีคนสั่งใช่ไหม” ผมอมยิ้มถาม อีกฝ่ายเบะปากเล็กน้อย ก้มหน้าลงเนื้อตัวเริ่มสั่นเทิ้ม เมื่อเห็นท่าว่าไม่น่าจะได้คำตอบโดยง่ายผมจึงลุกขึ้นยืน
“บอกอนาคตให้เอาไหม..?”
“จะเจ็บตัวหรือไม่เจ็บตัว สุดท้าย มึงก็ต้องบอกออกมาอยู่ดี ..เลือกสิ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงโทนเดิม
“อึก! เอ็ม บอกไปเถอะ กูกลัว” ผู้หญิงออกปากร้องขอ ริมฝีปากที่แห้งผากของเธออย่างกับคนที่ไม่ได้รับเครื่องดื่มมีประโยชน์มานาน
“เธอฉลาดดี” ผมชมยิ้ม ๆ
“ผม..บอก ไม่ได้” มันเงยหน้าขึ้นมอง
“แต่มันจะทรมานนะ”
“ทรมาน..จนยานรกพวกนั้นก็ช่วยให้นายขึ้นสวรรค์ไม่ได้เลย” ผมพูดด้วยความเป็นห่วง
“อึก!” อีกฝ่ายสะอึกหน้าเสีย
“ได้โปรด..ผม ปล่อยผมไปเถอะนะครับ ผมจะไม่มาที่นี่อีก ผมสัญญา ผมสัญญา!” น้ำเสียงร้องขอดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้มันกลับดังกว่าครั้งก่อน ๆ ขาของผมถูกกอดรัดเข้าไปอย่างแรง
“ได้สิ” ผมรับคำโดยง่าย ไอ้เด่นกระชากตัวมันออกจากขาผมทันควันทำให้คนที่รู้ชะตากรรมน้ำตาไหลออกมา ผมกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง เมื่อปืนถูกควักออกมาจากกระเป๋าเป้เสียงร้องไห้จากผู้หญิงก็ดังขึ้นกว่าเดิม กระสุนถูกปลดออกจากลำปืนหนึ่งนัดก่อนนำปืนวางลงข้าง ๆ ขวดน้ำ
“ฮือออ หนูขอโทษ หนูจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว” ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ผู้หญิงที่หน้าซีดเผือกในทีแรก ตอนนี้กลับมีแต่คราบน้ำตาเปื้อนหน้าเธอไปหมด
“ชู่ ~” ผมปราม เพ่งดวงตามองลึกลงไปที่นัยตาของเธอ แต่แล้วปากเธอก็เบะสั่นหนักขึ้นคล้ายกับพยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้
“ใจเย็น ๆ” ผมบอก อีกฝ่ายหุบปากลงตามที่สั่ง
“ไม่ร้องนะครับ อ้าปากสิ”
“อึก..หนู ขอโทษ” เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผมถอนหายใจจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง
“หมอนี่ขี้ใจอ่อนน่ะ” ผมชี้นิ้วไปที่สมุทรที่ยืนทำหน้าอย่างกับญาติเสียอยู่ข้าง ๆ
“ถ้าเธอร้องไห้ไปมากกว่านี้ คนของฉันก็จะแย่ไปด้วย” ผมหัวเราะติดหางเสียงนิดหน่อย
“อึก!” อีกฝ่ายกัดริมฝีปากสะกดกลั้น เข้าใจอะไรง่ายดี แต่อย่างนั้น น้ำตาของเธอยังคงไหลออกมาหนักขึ้น
“บอกให้ใจเย็น ๆ ไง แล้วก็แค่อ้าปากครับ” ผมพูด
“เล่นยารึเปล่า ?” ผมเลิกคิ้วถาม
“อะ..อึก” เธอผงกหัวยอมรับทั้งน้ำตา
“มันจะทำให้ความสวยลดลงนะ” ผมยิ้มน้อย ๆ
“แล้ว พ่อกับแม่ล่ะ ?”
“พ่อ..ตายไปแล้ว” เธอตอบเสียงเครือในลำคอ ตาเพ่งมองลงไปที่ของในมือผม
“แม่ล่ะ” ผมซักต่อ นำมือที่ถือกระสุนอยู่ขึ้นปิดตาของเธอไว้เพื่อเป็นการบอกว่าไม่อนุญาตให้มอง น้ำตาของเธอที่ไหลออกไม่หยุดเปื้อนฝ่ามือผมเล็กน้อย
“แม่..อยู่ อยู่ต่างจังหวัด”
“คิดถึงไหม ?” ผมถาม
“อึก!” เธอสะอึก เบะปากจนมันสั่นไม่ได้รูป
“ฉันก็คิดถึงแม่ฉันเหมือนกัน หึ..แต่เธอเสียไปแล้วน่ะ” ผมกระแทกเสียงบอกปนหัวเราะ
“เอาล่ะ อ้าปากครับ” ผมพูดปนพ่นหายใจออกทางจมูก อีกฝ่ายสะอึกสะอื้นไม่ยอมอ้าปากตามที่สั่ง ครั้งนี้ผมไม่เอ่ยปากพูดอีก นำมือออกจากใบหน้าของเธออย่างเนิบช้าพลางจ้องมอง เธอสบตาผมครู่หนึ่งและสุดท้ายก็ยอมเผยปากออก
“นั่นล่ะ” ผมชมที่เธอยอมรับกระสุนเข้าปากไปโดยดี พร้อมจับปลายเส้นผมที่ติดเข้าไปในปากของเธอออกให้อย่างเบามือ ผมยาวดำถูกนำไปทัดหูจนเห็นใบหน้าได้ชัดมากขึ้น
“อมไว้..เพราะถ้าเธอคายมันออกมาเมื่อไหร่ ฉันจะเอาไอ้นั่นปิดปากกับจมูกของเธอ” ผมมองไปที่แล็คซีนที่วางอยู่ใกล้กับกระบอกปืน ไม่รู้ว่าตามจริงแล้วเธอจะเข้าใจว่าผมหมายถึงแล็คซีนหรือไม่ ผมกับสมุทรสบตากันครู่หนึ่ง เจ้าตัวหลบตาลงต่ำในทันทีคล้ายกับเป็นอาการบอกว่า “ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมจะไม่มอง”
แจ็คเก็ตถูกถอดออก วางพาดไปบนพนักเก้าอี้เป็นระเบียบก่อนนั่งลงพร้อมคว้าขวดน้ำมาเปิดขึ้นดื่มอีกครั้ง นาฬิกาที่ข้อมือยังไม่เดินไปตามเลขตามที่ต้องการ ผมอยากได้เลขคู่ จึงจำเป็นที่จะต้องนั่งรออย่างใจเย็นอีกสักหน่อย
- 12:46 น. - ผมพยักหน้าส่งสัญญาณให้ไอ้เด่นจัดการตามสมควร เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังระงมได้ไม่นานนักมันก็เงียบไป ไอ้เด่นจัดการตามขั้นตอนที่เคยได้สั่งสมมา การทรมานร่างกายไม่ใช่เรื่องน่าสนุก แม้อย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเท่าไหร่นักต่อการกระทำของตนเอง น้ำตานองหน้าผู้หญิงที่มองเพื่อนที่กำลังถูกกระทำอย่างกับหมา ปากของเธอขยับคล้ายกับจะร้องพูดออกมาแต่แล้วก็ไม่ทำ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวแบบนั้นอดเคยสงสัยไม่ได้ว่าในเมื่อกลัวความตายแล้วเดินทางมาทางนี้ทำไม คำถามที่ตอบได้ยาก บางที โชคชะตาก็ทำให้คนเราต้องเดินไปในทางที่คดเคี้ยวละมัง
“อ้ากกกก! ฮื่อ! ฮื่ออ! ฮื่อออ!” เสียงสะท้องดังกังวาน ทำให้สมุทรเหลือบตาขึ้นมองฝีมือของไอ้เด่นบ้างครั้งคราว หันมามองผมบ้างในครั้งคราว ถึงแม้ผมจะไม่มองเขาสักตาแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมสามารถรับรู้ความหมายของสายตาที่ถูกมองมาเป็นอย่างดี พื้นห้องสีขาวเปื้อนไปด้วยสีแดงที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงปัดมือขึ้นกลางอากาศเพื่อให้ไอ้เด่นหยุดการกระทำ มือที่ชุ่มเลือดนั่นจึงหยุดทันที
“จะเอาถึงตายเลยรึไง แล้วใครจะมาเช่าต่อ” ผมบ่นปนถอนหายใจ นำถุงมือยางมาใส่ทั้งสองมือ หยิบผ้าคลุมสีดำกับเชือกที่เตรียมไว้ติดมือขึ้นมา หยุดยืนมองร่างที่นอนหมดสภาพ อีกฝ่ายพยายามลืมตาขึ้นอ่านสถานการณ์ ผมนั่งลงข้าง ๆ กระชากศีรษะมันขึ้นพร้อมนำผ้าคลุมหัวมันในทันที เชือกถูกพันไปรอบคอทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยาดิ้นทุรนทุราย นิ้วมือกรีดเชือกไว้เพียงปลายนิ้วสัมผัสก่อนลุกขึ้นดึงขึงไปจนปลายเชือกผูกติดเข้ากับลูกกรงที่หน้าต่าง
“อึก ฮะ..ปล่อยผม!” มันตะโกน ผ้าที่คลุมหัวอยู่กระพือแรงขึ้นเรื่อย ๆ คงเพราะกำลังหาช่องทางหายใจ ผมขยับเชือกรูดกระตุ้นทำให้ร่างกายเซไถมาตามแรงดึง มือที่สั่นของมันพยายามหาทางจับเชือกที่คอตัวเอง มันพยายามที่จะนำของที่คอตนออก
“ผะ..ผม คะ ผมจะ ฮื่อ ฮื่อออ!”
“ว่าอะไรนะ ?” ผมย้ำถาม หลังพิงลูกกรงประตูหน้าต่าง ยืนตาลอยมองคนที่อาจกำลังจะโกหก มือทำหน้าที่กระตุกเชือกสองสามทีอย่างเร่งเร้าไปพลาง แต่ดูเหมือนมันจะตอบได้ลำบากแล้ว
“เอ็ม!” ผู้หญิงร้องโผงออกมาทำให้ลูกกระสุนที่อยู่ในปากเธอหล่นตกกระทบพื้นดัง
“แกรก” น่าหนวกหู ตาผมช้อนมองขึ้นไปที่เป้าหมายที่ทำให้ไม่สบอารมณ์ทันควัน อีกฝ่ายหน้าถอดสีเมื่อได้สติ ทำท่าจะก้มตัวนั่งลงเพื่อนำของที่เพิ่งตกลงบนพื้นใส่ปากอย่างเดิม แต่คงลืมไปว่าตนเองถูกมัดอยู่
“ฮึก! อย่า หนู ขอโทษ” เสียงร้องแก้ตัวปนไปด้วยความร้อนใจ ฟันที่บดขบไว้ในปากไม่ได้ทำให้รู้สึกหายหงุดหงิดขึ้นได้ เท้าเดินจ้ำเข้าหาไปพร้อม ๆ กับเสียงร้องไห้โฮ
“อย่าทำเธอ” สมุทรออกตัวยืนขวางเธอไว้แทบมิด ผมแสยะหัวเราะที่หมอนี่มันกล้าดี ท่าทางแน่วแน่คล้ายไม่ยอม
“ไม่ได้สั่ง
..อย่าเสือก” ตากลอกขึ้นมอง คิ้วขยับกระตุกขึ้นอย่างไม่ได้บังคับให้เป็น ปากหุบรอยยิ้มลงในทันที
“อะ..เอ็ม ฮื่อออ~”
“ผะ! ผม! จะบอกแล้ว ผมจะบอกจริง ๆ อึก”
“..........” ผมยืนเฉยจ้องสมุทรอยู่ครู่หนึ่ง ผู้หญิงทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรงเมื่อได้ยินอย่างนั้น การที่ผมเงียบยิ่งทำให้มันพยายามเอาตัวรอด มือควานหาผมทั้งที่มองไม่เห็นสิ่งรอบตัว ผมแสยะยิ้มมุมปากให้สมุทรเล็กน้อยที่ดูเหมือนเขาจะรอดตัว ก่อนเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเป้าหมาย นิ้วชี้เคาะลงที่หัวมันสองสามทีเพื่อเป็นการบอกว่าผมอยู่ตรงหน้ามันแล้ว เจ้าตัวสะดุ้ง
“ว่ามาสิ..” ผมนั่งยองลงกระซิบเสียงเย็น
“คะ..คือ ผม รู้แค่” อีกฝ่ายพูดตะกุกตะกักไม่ถนัด ผมพยักหน้าให้ไอ้เด่น มันจึงขยับแก้เชือกออกให้จนเชือกถูกคลายปลดออกจากคอ เมื่อผ้าคลุมถูกเลิกออกจากหัวก็เผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวที่เต็มไปด้วยคราบเลือด น้ำตา น้ำลาย ทุกอย่างที่ไม่น่าพิสมัย
“รับของ..มาจาก อึก!”
“คนของผับ Blackfoot ครับ ไอ้เอก มัน..มันเป็นหลานของป้าน้อย ที่ขายหมู..ตลาดคุณ ฮึก!” ...............(ไฟ)..............