ตอนที่ 22 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.720ตอนที่ 23 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.750_ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ตอนที่ 24
..ไฟ..07:15 น. : RATIO HOTELเมื่อคืนนี้พี่ธานส่งข้อความรายงานมาว่าไอ้รุ่งและนักมวยที่ค่ายของเราคนอื่น ๆ ชนะการแข่งขัน รูปการจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่ค่ายก็ถูกส่งแนบมาให้ดูด้วย ความคืบหน้าของคนที่มาปองร้ายผมเมื่อวานยังคงเป็นปริศนา ที่ร้านทำสีรถบิ๊กไบท์ที่เป็นพักพวกของคนในวงการบอกว่าลักษณะรถและเลขทะเบียนที่ให้มานั้นไม่ตรงกันกับที่เคยทำรถให้กับลูกค้า ตอนนี้ยังคงมืดแปดด้าน ถามว่าตามตรงแล้วผมอยากรู้ไหมว่าใครเป็นคนจ้างวานมา พูดตามตรงคือไม่ได้อยากรู้
ระหว่างที่อยู่ที่ผับกับไอ้โปรดและไอ้คินเมื่อคืนนี้ ตุลเดินทางมาที่ผับพร้อมกับเพื่อน ๆ ของเขา โดยไอ้คินเป็นคนโทรบอกเรื่องสถานที่ให้อีกฝ่าย เราแยกย้ายกันคนละทางในตอนประมาณตีหนึ่ง ไอ้คินไปกับผู้หญิงของมัน ไอ้โปรดไปกับเพื่อนของตุล ผมเดินทางกลับมาที่โรงแรมของไอ้คินพร้อมกับตุลโดยรถของเขา
"เออ อย่าสายล่ะ" ผมสั่งไอ้เด่นก่อนตัดสายลง ไอ้เด่นจะมารับผมที่โรงแรมพร้อมกับสมุทร ความจริงแล้วผมตั้งใจให้สมุทรมาเห็น ไม่ใช่เพื่อคาดหวังให้อีกฝ่ายหึง แต่เพราะต้องการให้เขารู้ไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าไม่ว่าที่ผ่านมาหรือตอนนี้ “ผมมีรสนิยมแบบนี้” ซึ่งอาจจะเป็นคำตอบที่เขาเคยสงสัยในตัวผมอยู่บ้างก็ได้ ลูกน้องคนสนิทของผมทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว พวกมันแค่ไม่ปริปากเท่านั้น ดังนั้นเพื่อให้คำตอบที่กระจ่างแก่อีกฝ่าย คิดว่าให้เขาเห็นกับตาไปเลยน่าจะเป็นคำตอบที่ดีแบบไม่กระอักกระอ่วนกันทั้งสองฝ่าย
"อาหารมาแล้วนะครับ" ตุลบอก พนักงานนำอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ถึงห้อง อีกฝ่ายเก้ ๆ กัง ๆ หลบสายตาผมในทันที ผมและตุลคงเป็นอะไรที่พนักงานคาดเดาได้ด้วยสายตา คู่ของผมใส่เพียงชุดคลุมอาบน้ำ ส่วนผมนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้น วันนี้เช้าผมต้องเข้าตลาดเพราะเมื่อช่วงค่ำวานนี้พี่สาวได้โทรมาบอกว่าได้นัดพนักงานรักษาความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว โดยทุกคนจะมาสัมภาษณ์งานในช่วงสายของวันนี้
ผมลุกขึ้นหยิบแบงก์ห้าร้อยออกมาหนึ่งใบแล้วนำไปเสียบใส่ในกระเป๋าเสื้อของพนักงาน อีกฝ่ายผงกหัวด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมจนทำให้ผมแทบหลุดยิ้ม
“ขอบคุณ” ผมบอกพร้อมตบเข้าที่กระเป๋าเสื้อเบา ๆ สองสามที พนักงานก้มหน้าก้มตาออกจากห้องไปแล้ว ตุลรีบจัดแจงโต๊ะให้ ผมจึงกลับไปนั่งที่เดิม ตุลเลื่อนรถวางอาหารมาใกล้กับโต๊ะกินอาหารที่ผมนั่งอยู่ ทั้งผมและตุลยังไม่มีใครอาบน้ำแปรงฟันแต่อย่างใด เพียงแค่ล้างหน้าล้างตาอย่างลวก ๆ เท่านั้น
"เช้านี้ผมก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน ต้องรีบเข้าบริษัท..มีประชุม" ตุลพูดขึ้น มือรินกาแฟร้อนใส่ในแก้วของผมด้วย ผมไม่ตอบใด ๆ ได้แต่นั่งมองเงียบ ๆ
"คุณไฟใส่น้ำตาลไหม ?"
"ผมไม่ใส่น้ำตาลครับ" ผมตอบ ตุลอมยิ้มน้อย ๆ ผมเหลือบมองอีกฝ่ายที่หยิบน้ำตาลก้อนใส่เข้าไปในแก้วของตัวเองถึงสี่ก้อน
“ใส่เยอะไปรึเปล่า” ผมทัก
“หึ..คุณไม่กินหวานต่างหาก” ตุลย้อนตอบด้วยใบหน้ายิ้มเขิน ผมอยากแก้ตัวออกไปว่า
“ผมกินหวานนะ” แต่ก็ไม่อยากบอก คนใกล้ตัวจะรู้ว่าผมชอบกิน Honey Toast กับไอศกรีมวนิลามากเลยล่ะ
“ปกติตอนเช้าคุณไฟกินอะไรเหรอครับ”
“ผลไม้” ผมตอบ คำตอบของผมทำให้ตุลหลุดหัวเราะ ผมอมยิ้ม หยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ
"คุณไฟเป็นคนที่ตรงไปตรงมาดีนะครับ" ตุลพูด
"หะ ?" ผมอ้าปากเลิกคิ้ว งงที่อยู่ ๆ ตุลก็เอ่ยเปิดประเด็นโต้ง ๆ แบบนี้ อีกฝ่ายหลุดยิ้ม ผมกวาดตามองอย่างไม่ไว้ใจ มือวางแก้วลงก่อนหยิบขนมปังขึ้นทาเนยไปด้วยอย่างไม่คิดที่จะซักเอาความต่อ
"ผมเป็นนักธุรกิจนะ ที่จริงก็พอจะดูคนออกอยู่บ้าง ก็วงการนี้น่ะ..มันมีแต่คนพลิกลิ้นเก่งตลอดเวลา มีแต่คนเก่ง..ที่โกหกเก่งเป็นไฟ" ตุลเบ้ปากติดตลก ขณะเดียวกันมือของเขาก็คนกาแฟไปพร้อมด้วย
"ยังไง ?" ผมยิ้มถามก่อนกัดขนมปังเข้าปาก
“เดี๋ยวนะครับ” ตุลท้วง ตากลอกมองมาที่ขนมปังในมือของผม
“คุณไฟไม่ดื่มกาแฟใส่น้ำตาล แต่ดันเอาน้ำตาลโรยไปบนขนมปังเนี่ยนะ” เขากระแทกเสียงงง ๆ
“หึ ๆ” ผมยิ้มกว้างไม่ปฏิเสธ
“ไม่ดีเหรอ ความจริงแล้วผมกินอะไรไม่เรื่องมากอยู่นะ” ผมพูดขำ ๆ ตุลได้แต่ยิ้มฟัง
“ถ้าอยู่บนเครื่องจะเสิร์ฟไข่ปลาคาเวียร์หรืออะไรหรูขนาดไหนผมไม่สนหรอก ผมชะเง้อรอแต่ตะกร้าขนมปังที่มันควรจะเป็นของผม บางทีมันก็น่าอายที่จะขอเนยสดกับน้ำตาลเพิ่มน่ะนะ ก็ทน ๆ กับสายตากะหลับกะเหลือกจากพนักงานไป ที่จริงพวกเขาควรจะชอบสิ ผมไม่เรื่องมากสักหน่อย แค่เอามาให้แล้วรบกวนปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว ผมไม่ขออะไรเพิ่มหรอก กินเสร็จผมก็จะนอนแล้ว” ผมเล่าขำ ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ” ตุลหลุดหัวเราะ แล้วผมก็เป็นแบบที่ว่าจริง ๆ ซะด้วย บางครั้งการกระทำนี้มันค่อนข้างน่าอายอยู่นิดหน่อย ครั้งหนึ่งชาวต่างชาติเคยมองเหล่ผมเมื่อเห็นว่าผมโรยน้ำตาลลงไปบนขนมปังแล้วกินสด ๆ อย่างนั้น เป็นการสบตาซึ่งกันและกันแบบที่ต่างคนต่างไม่เข้าใจในอารมณ์
“ผมเดาได้เลยว่าที่จริงแล้วคุณเป็นคนประหยัด” ตุลทำจมูกยู่ใส่ คำพูดเขาทำให้ผมยิ้มได้นิดหน่อย
“ไม่ดีเหรอ ? ความจริงแล้ววัน ๆ นึงคนเราจะกินอะไรสักเท่าไหร่เชียว บางทีผมก็แย่งข้าวลูกน้องกิน แบบนั้นมันอร่อยกว่า อิ่มเร็วกว่าปกติด้วย ดังนั้นใช้คำว่า ‘ใช้เงินเป็น’ ดีกว่าไหมครับ” ผมพูดปนหัวเราะ นึกถึงหน้าไอ้เด่นเวลาที่ตาละห้อยตอนที่ถูกผมแกล้งโดยการแย่งของกินที่มันชอบแล้วรู้สึกสนุกทุกที
“คงสนิทกันมากสินะครับ” ตุลพูดเดา ผมไม่ตอบ
"คุณชอบมองตาคนอื่น..” อีกฝ่ายพูดขึ้นโต้ง ๆ หยิบแอปเปิลเข้าปาก ตากลอกมองมาที่ผมอย่างเจ้าเล่ห์ ผมเหตาลงมองอาหารตรงหน้าพร้อมเท้าข้อศอกลงบนโต๊ะ
“แม้กระทั่งบนเตียงคุณก็ยังมองตลอด" เขาขยายความพร้อมอมยิ้มน้อย ๆ
“มันทำให้.. ยิ่งมีอารมณ์น่ะ” ตุลแสยะยิ้มยั่วยวนหน้าทะเล้น ทำให้ผมหลุดยิ้มกว้างในทันที เราต่างหัวเราะ ผมเบะปาก ผงกหัวไปอย่างยอมรับว่าผมก็ชอบมองจริง ๆ นั่นละ
"เฮ้อ..บางคนสักแต่ว่าสอดใส่แล้วก็ขยับเอวลูกเดียว ทำเอาเสียอารมณ์อยู่เหมือนกัน" ตุลถอนหายใจบ่นหน้าขยาด
"หึ แคะ ๆ" ผมหลุดหัวเราะ แทบสำลักขนมปังที่กำลังกลืนเข้าไป
"หึ ๆ" อีกฝ่ายหัวเราะมองมา ผมนำมือกุมหน้าตัวเองอย่างเหลือเชื่อที่จู่ ๆ ตุลก็พูดในสิ่งที่ผมไม่คาดว่ามันจะออกมาจากปากของเขา
"คู่นอน..ไม่ได้ระบายอารมณ์เพราะอยากได้ไอ้นั่นอย่างเดียวซะเมื่อไหร่ คุณไฟว่ามันจริงไหมละครับ" ตุลยิ้มน้อย ๆ สายตาว่างเปล่าไม่มีความหมายลึกซึ้ง
"ก็จริงมั้งครับ" ผมตอบ ความจริงแล้วก็เห็นด้วยอยู่พอสมควร เราต่างเงียบลงครู่หนึ่ง ตุลหยิบน้ำเปล่าขึ้นจิบ ผมมองตามจนเราหันมาสบตากัน
"คุณชมผมหลายครั้งแล้วนะ หวังอะไรรึเปล่า" ผมแกล้งแซวเล่น ๆ เพราะอยากรู้ในสิ่งที่คิดว่าควรรู้ไว้ก็ดี
"บ้า..ชมไม่ได้เหรอ ก็คิดอย่างนั้นจริง ๆ นี่ฮะ" ตุลยิ้มเขิน
"ตาคุณมีเสน่ห์มาก" เขาพูดอีก ผมหยุดมือที่กำลังจะหยิบขนมปังอีกแผ่นหนึ่งมาทาเนย
"พูดจริง ๆ นะ แววตาคุณไฟเหมือนเด็กเลย ดูอยากรู้อยากเห็น เปลี่ยนอารมณ์ไว แต่เวลาคุณมองสิ่งที่คุณอยากมองคุณกลับมองอย่างตรงไปตรงมา คุณไม่จำเป็นต้องมองผมแบบนั้นบนเตียงก็ได้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า..ขี้อ้อนสุด ๆ" ตุลฉีกยิ้มอธิบายออกมาหมดเปลือก ท่าทางเขินอายเมื่อครู่กลับดูมั่นใจในตัวเองขึ้นมาดื้อ ๆ
“ผมเปล่าอ้อนสักหน่อย” ผมปฏิเสธ ความจริงแล้วผมอาจเผลอทำไปอยู่บ้างละมัง
“ก็ได้ งั้นเปลี่ยนคำใหม่..สายตาคุณมันเจ้าชู้เกินเยียวยาเลย” ตุลย้อนเสียงแข็งอย่างไม่ยอมแพ้ ผมชะงัก เราจ้องตากันยิ้ม ๆ
"ใช้คำว่าอยากรู้อยากเห็นฟังดูเพราะกว่า ก็ผมยังอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นนี่นะ" ผมตอบปัด ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ยอมรับเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นเป็นประเด็นสนุก ๆ ไป และตุลก็หลุดหัวเราะออกมาจริง ๆ เขากลอกตาคล้ายปรามผม ท่าทางเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาผิดหูผิดตาจากที่อยู่บนเตียง
"ไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอครับ" ตุลถามโต้ง ๆ ผมที่กำลังจะหยิบผลไม้ขึ้นกินถึงกับชะงัก
"ไม่มีครับ" ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบทุ้ม
"ยังไม่เจอคนที่ทำให้หลงรักได้สินะ" อีกฝ่ายพูดคล้ายเดา
"หึ..ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ" ผมปัดไปที
"ถ้าผมไม่ได้ชอบคน ๆ นั้นจริง ๆ คิดว่าไม่คบกันคงจะดีกว่า ผมไม่ต้องมีพันธะ อีกฝ่ายก็ไม่ต้องมาเสียใจ เสียเวลาเพราะผมด้วย ผมไม่ได้รู้สึกอยากมีน่ะครับ ที่ผ่านมาก็ยังไม่พร้อมดูแลใคร คงเพราะยังไม่เจอคนที่อยากดูแลมั้ง" ผมอมยิ้มอย่างมีนัยยะ ตุลนิ่งไปครู่ เขาขยับมือหยิบส้อมจิ้มลงในจานสลัด
"คิดดีนี่ครับ ผมว่า..ยังดีกว่าพวกที่อยากมีแฟนจนตัวสั่นแต่หยุดเพื่อใครไม่ได้เป็นไหน ๆ" ตุลเบะปากคล้ายกับประชดสักอย่างอยู่
"พูดถึงแฟนเก่าคุณอยู่งั้นเหรอ" ผมแกล้งถาม ตุลเหลือบมองก่อนยักไหล่น้อย ๆ แทนคำตอบ
"ถ้ามีใครสักคนแล้วไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นกว่าเดิม สำหรับผม..อย่ามีเลยจะดีกว่า ที่จริงแล้ว ความรักไม่ได้ทำให้ชีวิตเพอร์เฟคเสมอไปนี่ครับ ผมคิดงั้นนะ" ตุลพูด
"ซึ่งตอนนี้ผมก็คิดเข้าข้างตัวเองอะนะว่าผมเพอร์เฟคอยู่" ตุลทำหน้าทะเล้น
"ก็ไม่แปลกนี่ครับ ไม่ได้โหยหาอยากได้อะไรอีก..นั่นก็คือเพอร์เฟคแล้ว" ผมเห็นด้วย
"หึ..คุณไฟนี่แปลกคน ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็แบ่งเขตกับตุลแท้ ๆ ยังมาให้กำลังใจกันอีก" ตุลอมยิ้มส่งสายตาเจ้าเล่ห์มา
"รู้ทันซะแล้ว" ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ รับมุกอีกฝ่ายกลับ
เรากินอาหารเช้าโดยเปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องธุรกิจของเขา ตุลเป็นคนเปิดเผยและค่อนข้างตรงไปตรงมา เขาเล่าเรื่องธุรกิจของเขาให้ผมฟังอย่างไม่มีปิดบัง ไม่เหมือนกับพลอยที่ทั้งผมและเธออาจมีหลายครั้งที่ไม่อยากเล่าถึงอาชีพส่วนตัวของกันและกันอยู่บ้าง ผมคิดว่าตุลก็แค่อยากระบายให้คนที่ไม่ใช่สายงานตัวเองได้ฟัง ผมไม่มีปัญหาใด ๆ และพร้อมเป็นผู้ฟังที่ดี การที่คนเราระบายเรื่องใด ๆ ก็ตามอย่างหมดเปลือก ผมถือว่าคน ๆ นั้นกำลังให้ความไว้วางใจในตัวของเราอยู่ ดังนั้นเราก็ควรเคารพอีกฝ่ายที่เขาไว้ใจเราด้วยน่ะนะ
"คุณตุลไปก่อนเลยก็ได้ครับ ไม่ต้องรอผมหรอก" ผมบอก ตอนนี้เรามายืนอยู่ที่ด้านหน้าโรงแรมแล้ว ไอ้เด่นโทรบอกผมว่าใกล้ถึงเต็มที ผมยืนรอมาได้ห้านาทีโดยมีตุลยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย
"ไม่เป็นไรครับ ผมอยากรอเป็นเพื่อนนี่" ตุลพูด ผมได้แต่ยิ้มให้ ผมรู้สึกว่าเราสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม รถยนต์ของที่บ้านขับเข้ามาไว ๆ หลุดจอดที่ด้านหน้าผมพอดิบพอดี ไอ้เด่นกับสมุทรลงมาจากรถ วันนี้ไอ้เด่นเป็นคนขับ ทั้งสองคนมองมาที่ผมไม่วางตา
"งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถ" ผมบอก
"ขอบคุณครับ" ตุลยิ้มเขิน ออกเดินนำผมไปก่อน รถยนต์ของตุลจอดอยู่ไม่ไกลนัก อีกฝ่ายกดเปิดรถผมจึงเปิดประตูฝั่งคนขับให้
"หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะครับ" ตุลพูด ผมยิ้มนิดหน่อย สองจิตสองใจเพราะความจริงแล้วก็อยากจะให้นามบัตรกับเขาไปแต่ยังรู้สึกปนระแวงในความสัมพันธ์อยู่ดี ถ้าอีกฝ่ายไม่พูดออกมาตรง ๆ ผมก็คงไม่กล้าที่จะทำอะไรเกินขอบเขตของตัวเอง
จุ๊บ~ "หึ" ผมหลุดหัวเราะ อยู่ดี ๆ ตุลก็เข้ามาหอมลงที่ปากของผมและคนหอมดูท่าจะเขินเสียเองอีกด้วย
"ไปนะครับ ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดี ๆ"
"ขอบคุณเหมือนกันครับ" ผมบอก ตุลเข้าไปนั่งในรถ ผมขยับประตูเพื่อจะปิดให้
"เออ! ตุลลืมบอกไปเลย" อีกฝ่ายแทบจะชะโงกหน้าออกมา ผมหยุดมือด้วยความแปลกใจ
"ลูกน้องคุณไฟนี่ มีแต่หุ่นดี ๆ ทั้งนั้นเลยนะครับ แบบว่า..ดูดีมากเลย" ตุลยิ้มกว้าง ขยิบตาด้วยท่าทางขี้เล่น
"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะลั่น
"โชคดีครับ" ผมบอกอีกครั้งก่อนปิดประตูให้จริง ๆ และยืนรอจนตุลขับออกไปจึงเดินกลับมาที่รถ ไอ้เด่นก้มหน้าทันทีที่เห็นผม สมุทรเองก็หลบตาหนีทั้งที่เมื่อครู่เขายังมองดูผมอยู่ด้วย ผมเดินไปด้านหลังฝั่งเดียวกับด้านคนขับ ไอ้เด่นจึงรีบเปิดประตูรถให้
"เข้าตลาดนะ" ผมบอก
"ครับนาย" มันพยักหน้ารับ
"มีอะไรคืบหน้าบ้างไหม" ผมถามขึ้นหลังจากที่รถเคลื่อนออกมาได้สักพัก นิ้วนำกดที่เบ้าตาตัวเองเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย
"เห็นว่าไอ้เข้มมีความคืบหน้าของตลาดหนึ่งมิตรที่นายให้ไปสืบน่ะครับ แต่เรื่องมือปืนเมื่อวานยังไม่ได้ความอะไร พี่ธานเลยสั่งให้มันไปตามเรื่องต่อวันนี้" ไอ้เด่นรายงาน
“เหรอ” ผมขานรับ ถอนหายใจน้อย ๆ หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
“แล้ววันนี้ต้องออกมารับฉันตอนเช้า พี่ธานบอกนายรึเปล่าว่าจะสอนขับรถให้ตอนไหน” ผมถามเพราะมีการเปลี่ยนแผน การเปลี่ยนสรรพนามถึงเจ้าตัวที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็คงจะรู้ว่าผมจงใจพูดอยู่กับใคร
“เมื่อวานที่คุณให้ผมกลับมา พี่ธานสอนเรียบร้อยแล้วละครับ สอนก่อนที่ผมจะเข้าค่ายมวย” สมุทรเอี้ยวใบหน้าหันกลับมามอง ผมพยักหน้าน้อย ๆ รับทราบ
“ไอ้หินจัดการเรื่องแอร์ให้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ผมถามอีก ในรถเงียบสนิทอยู่ประมาณหนึ่งวิเห็นจะได้
“เรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณมากครับที่เป็นธุระให้” สมุทรพูด ผมไม่ตอบ อีกฝ่ายจึงหันกลับไป
"แล้ววันนี้พี่ธานไปไหน" ผมถามถึง
"เข้าสนามแข่งครับ แล้วเห็นว่าจะไปดูเรื่องที่ดินที่ชลบุรีให้คุณด้วย คงจะกลับค่ำ ๆ" สมุทรตอบ
“ทำไมทำงานชักช้า ฉันสั่งไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ผมเริ่มบ่น ทั้งคู่ตรงหน้าเงียบสนิท
"แล้วค่ายนายไปถึงไหนแล้ว" ผมซักต่อ
"เสร็จไปประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับ" สมุทรหันหน้ามาตอบ
"ฉันอยากให้นายไปช่วยดูงานก่อสร้างที่ร้านที่ฉันทำกับป๋าจงด้วย แวะเวียนไปดู เดี๋ยวฉันจะเอาแบบจากสถาปนิกให้" ผมบอก
"ได้ครับ" สมุทรขานรับ
"แล้วคุณ เอ่อ..เรื่องเมื่อวานนี้ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ" จู่ ๆ สมุทรก็หันกลับมามองหน้าผมอีกครั้ง ครั้งนี้สีหน้าเปลี่ยนไปจากก่อนหน้า เขาดูเป็นกังวล
"ฉันไม่เป็นไร" ผมตอบ
"พี่ใหญ่หัวเสียใหญ่เลยครับที่นายให้พี่สมุทรกลับ" ไอ้เด่นว่า ผมหลุดยิ้มนิด ๆ เพราะพอจะเข้าใจว่าพี่ธานมักจะบ่นพวกมันให้หลังผมเสมอ
"นายโดนดุงั้นเหรอ" ผมถามสมุทร
"เปล่าหรอกครับ พี่เขาเข้าใจว่าผมต้องกลับมาซ้อม" สมุทรตอบ
"ถึงผมอยู่ ผมคงช่วยอะไรไม่ได้มาก.. ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ" สมุทรพูดเสียงเบา สายตาเขาเหลงต่ำ
"ช่างเถอะ ถึงไอ้เด่นอยู่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรนักหรอก" ผมตอบปัดติดตลกไปที
"โธ่ นายครับ" ไอ้เด่นทำเสียงตัดพ้อทันควันทำให้สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ ออกมา เขาหันกลับไปนั่งเหมือนเดิม ผมสังเกตเห็นว่าขณะเดียวกันก็มีสายเขา สมุทรหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาแอบดู เจ้าตัวจ้องหน้าจออยู่ครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจว่าควรจะกดรับดีหรือไม่ ผ่านไปประมาณหลายวินาทีสุดท้ายเจ้าตัวก็กดรับ
"ครับ" สมุทรทัก ผมเงี่ยหูฟัง ในรถเงียบสนิทจนได้ยินเลยว่าปลายสายเป็นเสียงของผู้หญิง
"น่าจะกลับเวลาเดิมครับ อืม..หยาไปที่บ้านก่อนได้เลย" ผมเหลือบมองสมุทรอยู่ตลอดเวลาที่เขาพูดโทรศัพท์อยู่ ปลายสายพูดต่ออยู่พอสมควรที่ทำให้คนฝั่งนี้ตั้งใจเงียบฟังอย่างเดียว น้ำเสียงที่ปกติก็สุภาพเป็นทุนอยู่แล้วยิ่งฟังดูอ่อนโยนเป็นกันเองมากขึ้นจน น่าหมันไส้เป็นบ้า
"ครับ ผมทำงานอยู่นะ ได้..เดี๋ยวบอกดาวให้ ครับ..สวัสดีครับ" สมุทรตัดบทและรีบร้อนตัดสายทันที
"ฮันแน่~ แฟนเหรอครับ" ปากไอ้เด่นทำหน้าที่อย่างไม่เสียเวลาเปล่า ผมเงียบรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
แล้วนี่เป็นเหี้ยอะไร ในใจแม่งตื่นเต้นไปหมด"เปล่า เพื่อนพี่น่ะ" สมุทรตอบยิ้ม ๆ
"เพื่อนอะไรครับ พูดซะหวาน..เพราะเชียว" ไอ้เด่นกระแทกเสียงใสแซวไม่เลิก
"ก็เขาเป็นคนมีมารยาทไงเขาก็เลยพูดเพราะ! พูดเพราะกับมึงด้วย" ผมกัดฟันสบถอย่างสุดทน เอื้อมมือเข้าไปผลักหัวไอ้เด่นอย่างแรงจนหน้ามันเกือบทิ่มเข้าหาพวงมาลัย
แม่งหงุดหงิดฉิบหาย!"นายฮะ! ผมทำอะไรผิด!!" ไอ้เด่นโวยวายเสียงดังลั่นรถ สมุทรหัวเราะ ผมได้แต่ยิ้มมอง
"หุบปาก!" ผมสบถ เท้าคางเบี่ยงหน้าไปมองถนนที่ด้านนอก นึกหงุดหงิดบ่นกับตัวเองในใจไม่ได้ว่า
"ตกลง..สเปกกูเป็นอย่างนี้นี่งั้นเหรอวะ ?" ใช้เวลาสัมภาษณ์พนักงานรักษาความปลอดภัยเสร็จสิ้นไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ผมตั้งใจว่าจะให้สมุทรและไอ้เด่นมาตรวจดูตลาดเป็นระยะ ๆ เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดกรณีที่พนักงานรักษาความปลอดภัยชุดก่อน ๆ ทำงานอย่างหละหลวม ขี้เกียจและหลายครั้งที่ไม่รอบคอบ ซึ่งผมได้ไล่พนักงานชุดนั้นออกไปนานแล้ว สำหรับบางชุดมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่บ้างซึ่งหลายครั้งที่ผมได้เรียกให้มาปรับทัศนคติอยู่เรื่อย ๆ ผมเข้าใจดีว่างานนี้เป็นงานตากแดดตากลมและในขณะเดียวกันก็ต้องเอาใจลูกค้าที่เข้านอกออกในอยู่เสมอ ลูกค้าที่ต่างพ่อต่างแม่จึงมาในทุกรูปแบบ พนักงานจึงจำเป็นต้องอดทนให้ได้ พวกเราต่างรู้ดีว่าหากยิ่งขยันก็ยิ่งได้เงินดี เพราะทิปส์ที่แต่ละคนได้รับจากลูกค้าผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว ลูกค้าหยิบยื่นเงินให้ใครเพิ่มอันนั้นก็ถือว่าเป็นความโชคดีของคน ๆ นั้นไป ตอบแทนในการทำงานหนักของพวกเขา แต่ในทางเดียวกันผมก็ต้องคอยให้คนลงไปตรวจตราอยู่เสมอ ซึ่งจะให้ผู้หญิงลงไปทำหน้าที่นี้ก็ไม่เหมาะควรนัก บางคนหัวรั้นพอสมควร กลุ่มคนพวกนี้ต้องเจอไม้แข็งถึงจะเอาอยู่ ปกติพนักงานจะเจอพี่ธานหรือผม แต่ผมจะไม่ให้พี่ธานมาทำที่นี่เป็นหลักแล้ว ดังนั้น ผมอาจมอบหน้าที่นี้ให้กับสมุทรเป็นหลักแทน
.. เสร็จจากที่ตลาด ผมสั่งให้ไอ้เด่นขับไปที่ห้างสรรพสินค้า Bangkok Land ใช้เวลาเซ็นเอกสารและดูบัญชีที่นั่นอยู่เกือบ ๆ สองชั่วโมงถึงได้พักเพื่อกินข้าวกลางวัน
"นายครับ ผมขอสั่งอีกจานได้ไหมครับ" ไอ้เด่นขออนุญาตด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ ผมเหลือบมองจานก๋วยเตี๋ยวของมันที่กินใกล้หมดเต็มทีแล้ว
"มึงนี่ชักกินมากเกินแรงที่ทำงานไปแล้วนะ" ผมว่า ไอ้เด่นยิ้มเจื่อนเขิน ๆ
"อยากกินก็ไปสั่ง" ผมไล่ เห็นหน้ามันแล้วก็ห้ามไม่ลง
"ขอบคุณคร้าบ" ไอ้เด่นผงกหัวยิ้มกว้าง
"นายเอาอะไรอีกไหม" ผมถามสมุทรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนเขาจะเรียบร้อยแล้ว
"ไม่แล้วครับ" สมุทรตอบ
"สั่งกวางตุ้งใส่น้ำซุปมาให้กูหน่อย" ผมเอาหลังมือสะกิดแขนไอ้เด่น
"บอกเฮียไปว่า กูขอแบบ..เอากวางตุ้งมาทั้งไร่เลย" ผมสั่ง
"หึ ๆ ได้ครับนาย" ไอ้เด่นหัวเราะ
"เดี๋ยวผมไปสั่งให้ครับ" สมุทรรีบลุกขึ้นก่อนไอ้เด่น
"เด่นจะเอาอะไร" เขาถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"เอาเส้นเล็กน่องไก่ครับ ฝากด้วย..ขอบคุณครับ" ไอ้เด่นยิ้มอย่างดีใจที่มีคนลุกไปแทน มันกำลังติดลมกับอาหารตรงหน้าของมัน สมุทรจัดการสั่งอาหารให้ พอเขาสั่งเสร็จจึงกลับมานั่ง เส้นเล็กแห้งของผมหมดจานไปแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียว ร้านนี้เป็นเจ้าประจำของผมตั้งแต่ที่พ่อเริ่มก่อตั้งที่นี่ ทั้งเส้นเล็ก ทั้งเส้นบะหมี่เหลืองเด้งสู้ลิ้นสุด ๆ แบบว่าอร่อยลืมโลกไปเลย
"โอ้โห่ เจ้าของร้านเขาให้ประชดนายรึเปล่าครับเนี่ย" ไอ้เด่นอ้าปากตาค้างเมื่อชามกวางตุ้งของผมถูกนำมาเสิร์ฟ มันพูนแทบเป็นรูปภูเขา ผมหัวเราะมอง ชอบใจจริง ๆ
"กินผักเข้าไปมึงอะ ไอ้ห่า..เป็นคนป่ายังไงแดกแต่เส้น" ผมบ่น มือคีบผักในชามกวางตุ้งของตัวเองใส่ชามก๋วยเตี๋ยวให้ไอ้เด่น มันกินอิ่มหนำสำราญอย่างกับคนอดยากจนลืมกินผักไปเลย
“นายครับ..” อีกฝ่ายขมวดคิ้วหน้าแดงที่ผมแซวมันอย่างนั้น ผมอมยิ้มก้มหน้าก้มตากินต่อแต่ไอ้เด่นยังคงนิ่งค้างเติ่งอยู่ท่าเดิม
“ทำไม กูแซวไม่ได้ ?” ผมเลิกคิ้วถาม
“เปล่าครับ แต่ว่า..” มันอ้ำอึ้งจะแก้ตัว กลอกตามองไปทางสมุทรเล็กน้อย สมุทรหลบสายตาเหมือนเกรงว่าตนเองจะเสียมารยาทต่อเราทั้งคู่
“ต้องให้กูง้อไหม ?” ผมถามห้วน ๆ คีบตะเกียบทิ่มลงไปบนชามเพื่อตั้งกาดรอ
“ไม่รบกวนดีกว่าครับ” ไอ้เด่นก้มหน้าก้มตาตอบทันที
"หึ.." ผมเหลือบมองไปอีกทาง เนื่องจากได้ยินเสียงคนข้าง ๆ หัวเราะ สมุทรยิ้มกว้างมองมาที่ผมกับไอ้เด่นแต่กลับไม่พูดอะไร พออีกฝ่ายเห็นว่าผมหันไปมองเขา เขาก็หันหน้าหนี หลังกินอาหารกลางวันเสร็จ ผมก็เดินเอ้อระเหยไปที่ร้านเค้ก สั่งไอศกรีมเค้กมาหนึ่งปอนด์และสั่งแบบเป็นชิ้น ๆ เพิ่มอีกสี่ชิ้นด้วย
"ฝากให้เมฆกับดาวด้วย" ผมยื่นกล่องเค้กแบบแบ่งชิ้นส่งไปให้สมุทร
"ขอบคุณครับ" สมุทรรับไปง่าย ๆ ผิดทุกครั้ง ไอ้เด่นรับกล่องที่เป็นเค้กปอนด์ส่วนของผมไปถือไว้
"เดินไปสิวะ" ผมเตะขาไอ้เด่นเบา ๆ เพราะมันอยู่หน้าสุดแต่เสือกไม่เดินออกไปสักที สมุทรยิ้มมองไอ้เด่นที่รีบเร่งฝีเท้าก้าวขานำพวกเราออกไปก่อน
"ปกตินายชอบกินรสอะไร เค้กน่ะ ?" ผมหันไปถามสมุทร
"นอกจากไอติมกะทิของนาย" ผมขยายความถึง
"ใบเตยมั้งครับ" สมุทรตอบ
“กวนตีนอยู่เหรอ” ผมกลอกตาขึ้นมอง อีกฝ่ายกลั้นอมยิ้มไว้น้อย ๆ
“นมสดครับ” สมุทรพูดขึ้น ผมเพียงรับฟังเงียบ ๆ
นมสดงั้นเหรอ ? งั้นรอบหน้าควรจะเป็นนมสดกับช็อกโกแลตงั้นซินะ
"แล้วดาวล่ะ" ผมหันกลับไปถามอีกครั้ง
“ถามถึงน้องผมทำไมครับ” อีกฝ่ายเหล่ตามองมา
“ฉันอยากรู้เกี่ยวกับตัวน้องสาวนายหมดนั่นแหละ” ผมกวนกลับ
“งั้นเกรงว่าผมคงตอบให้ไม่ได้” สมุทรพูดเสียงแข็ง
“งั้นเกรงว่าผมคงจะต้องไปถามเธอด้วยตัวผมเองแล้วละมั้งครับ” ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ สมุทรชะงัก
"สตรอว์เบอร์รีครับ" สมุทรตอบทันที
“ขอบคุณ” ผมยิ้มกว้าง
"คุณนะ.." สมุทรทำท่าเหมือนจะพูดอะไร
"ไอ้เด่นมันจะเดินไปไหนของมัน" ผมพูดแทรกปัดประเด็นในทันที
เราเดินทางกลับบ้านหลังจากเสร็จภารกิจของวันนี้ ไอ้เด่นขอตัวผมออกไปซ้อมสนุกเกอร์ที่โต๊ะประจำ ผมอนุญาตให้มันไปเพราะเห็นว่าอีกไม่ถึงเดือนมันจะมีลงแข่งขันแล้ว และให้สมุทรได้พัก ส่วนผมกลับขึ้นมาล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดสบาย ๆ และตรวจรายการบัญชีของกิจการที่เชียงใหม่ต่อ ผมต้องการเคลียร์งานส่วนนี้ให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้เพราะอาทิตย์หน้าผมจะไม่มีเวลามาทำมันได้ ผ่านไปสองชั่วโมงยังไม่เห็นวี่แววว่างานจะเสร็จจึงออกมาเดินยืดเส้นยืดสายด้านล่าง ตอนนี้ที่บ้านเงียบเป็นพิเศษ เห็นว่าพายุยังไม่กลับจากที่เรียน ส่วนไอ้ดินออกไปเรียนพิเศษ
"คุณไม่ต้องทำหรอกครับ" ผมหันไปตามเสียงที่ทางห้องโถง ซึ่งเป็นทางเข้าไปในครัวใหญ่ด้านหลังบ้าน
"ไม่เป็นไรครับ ผมทำได้" เสียงของสมุทรพูดตอบ ผมจึงรีบเดินตามไปดูว่าเขากำลังทำอะไรกันอยู่
"หลอดไฟมันขาดน่ะครับ ขั้วมันหมดอายุแล้ว" น้ามิ่งพูด ผมหยุดยืนมองสมุทรที่กำลังปีนบันไดขึ้นไปถอดหลอดไฟบนเพดานตรงทางเดินไปห้องครัว ส่วนน้ามิ่งยืนมองอยู่ข้างล่าง
"เดี๋ยวผมเปลี่ยนให้เลยครับ น้าส่งมาเลย" อีกฝ่ายบอก น้ามิ่งจัดการส่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ ผมยืนกอดอกพิงผนังห้องมองเงียบ ๆ สมุทรจัดการเปลี่ยนขั้วหลอดไฟทั้งหมดเสร็จภายในไม่กี่นาที เขาก็ปีนบันไดลงมา
"สมุทร..หนูซ่อมพัดลมเป็นไหมลูก มาดูให้ป้าหน่อยได้ไหม" เสียงของป้าอิ่มเรียกแว่ว ๆ
"ครับป้า" สมุทรขานรับ
"ไปเถอะ เดี๋ยวหลอดอื่นน้าทำเอง พัดลมติดผนังน่ะ..สงสัยมดคงเข้าไปทำรังอีก นี่น้าก็แก้มาหลายรอบแล้ว ไม่รู้ขยันเข้าไปทำไมจริงจัง" น้ามิ่งส่ายหัวบ่นเซ็ง ๆ สมุทรยิ้มน้อย ๆ ตรงเข้าไปในครัว
"อ่าว คุณไฟ" น้ามิ่งทัก
"อันนี้เป็นของที่มีอยู่แล้วใช่ไหมครับ ต้องซื้ออะไรเพิ่มไหม" ผมถาม
"อ๋อ..มีอยู่แล้วครับ คุณพายุให้เงินมาซื้อตั้งแต่เดือนก่อนแล้วครับ" น้าแกตอบ
"ครับ งั้นฝากด้วยนะ" ผมบอกก่อนแอบย่องเข้าไปใกล้ ๆ กับปากประตูห้องครัว ทางนั้นมีกระจก สามารถมองลอดเข้าไปด้านในครัวได้ สมุทรกำลังจัดการปีนขึ้นไปบนเคาน์เตอร์เพื่อถอดชิ้นส่วนของพัดลมออกมาทีละชิ้นเพื่อดูว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ป้าอิ่มและแม่บ้านพากันยืนมอง ครู่หนึ่งก็ทราบสาเหตุที่พัดลมไม่ทำงานเพราะมดเข้าไปทำรังที่สวิตซ์อย่างที่น้ามิ่งว่าเอาไว้ เสียงพวกป้า ๆ พากันบ่นระงมเป็นเสียงเดียวกัน ผมหัวเราะกับภาพตรงหน้าเพราะสมุทรเอาแต่เงียบ เขาซ่อมไปยิ้มไปไม่บ่นอะไรสักคำ