โคลงที่ ๙
๑๔ กันยายน ๒๕๕x
๑๘.๒๔ น.
มาถึงบ้านแม่ยังเปิดร้านขายของเหมือนเดิม วันนี้ขายได้ปกติแล้วครับ มาถึงเอากระเป๋าวาง แล้วช่วยแม่สับไก่ต่อ มื้อเย็นมีมาเป็นครอบครัวก็มีครับ ไอ้แต๊งถึงมันจะเหนื่อยจากการซ้อมบอล แต่ว่ายังช่วยงานเสมอ มันบอกว่า จะได้มีเงินใช้
ช่วงเย็นน้าหมอนกับน้าชาติ พ่อไอ้แต๊งมานั่งคุยกับแม่ผมและกินมื้อเย็นด้วยกัน มีต้มไส้อ่อนหมู กับต้มยำไก่ อร่อยมากเลยครับ
“เออ แม่ลืมว่าหนูต้องกินอาหารคลีน”แม่ผมฉุกคิดขึ้นมาได้
“ไม่ทันแล้วแม่ จานที่ ๒ แล้ว”กับข้าวอร่อยหมดข้าวไป ๒ จาน ไอ้แต๊งก็เหมือนกัน มันชอบใจมาก
“หมีต้องไปวิ่งกับน้าแล้วนะ ลดๆหน่อย สาวๆจะได้มอง เอ๊ะ หรือว่าหนุ่มๆจะได้มองเหมือนเจ้าแต๊ง”น้าชาติขำให้ลูกชาย
“พ่อพูดแบบนี้เดี๋ยวหนูได้พาแฟนผู้ชายมาเปิดตัวซะหรอก เฮ้อ อะไรก็ไม่รู้”
“เอ้า พามาก็มาสิ ฮ่าๆๆๆ”
“คุณก็ไปยุลูก”น้าหมอนตีไหล่ “เออ ว่าแต่พามาพรุ่งนี้เลยก็ดีนะแต๊ง แม่ไม่เจอเขานานแล้ว”
“แค่กๆๆๆๆ”ถึงกับสำลักข้าวเลยทีเดียว
“เออ ดูพวกนี้ เอ้าๆ ค่อยลูก อ่ะน้ำ”แม่ผมกุลีกุจอเอาน้ำมาให้อย่างรวดเร็ว ส่วนไอ้แต๊งหน้าแดงเลยครับ มันหล่อนะไอ้นี่ เวลายิ้ม แววตาอะไรแบบนี้อ่ะ ใกล้ๆไอ้เฟียสเลย แต่ไอ้เฟียสนี่ จะแนว ตี๋หน่อย ขาว สูง ๑๘๗ หุ่นล่ำ ขาใหญ่ เป้าตุง อะเจ้ย ของเพื่อน อย่าไปแลของเขา มันจะเสียของ หึหึ ไอ้แต๊งนี่สูง ๑๘๒ ตัวก็ขาวๆ คิ้วเข้มนิดหนึ่ง รวมๆ ทั้ง ๒ คนเหมาะกันดีครับ ส่วนผม ถ้ามองจากรูปร่างของเฮีย ผมหล่อกว่าเฮียนะ เคยทำโฟโต้ชอป ลดหุ่นของตัวเองให้อยู่ในสภาพปกติ โหหหหห หล่ออ่ะกู ฮ่าๆๆๆ
กินอิ่มแล้ว ผมก็ไปช่วยแม่ล้างจาน แล้วมานั่งคุยกับน้าชาติ ก็อย่างที่รู้น้าชาติเป็นตำรวจครับ อายุ ๔๘ แล้ว แม่ผม ๕๒ ยังสวยอ่ะแม่ผม วัยรุ่น ใสๆ ส่วนพ่อผม ๕๓ อีก ๗ ปีจะเกษียณแล้ว ผมต้องรีบเรียนให้จบนะเนี่ย จะได้เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ อยากพาพวกท่านไปเที่ยวต่างประเทศ ที่เคยไปก็มีแต่ไปเวียงจันทร์ กับไปเจดีย์ชเวดากอง อยากพาไปหลายๆที่ นี่กำลังฝันใหญ่ แล้วเราต้องไปให้ถึง ไฟติ้งกระดิ่งวัว กระดิ่งแมวมันไม่ค่อยดัง ต้องกระดิ่งวัว ดังสนั่นลั่นทุ่งหนองอีเป็ด
ถึงเวลาพอสมควรไอ้แต๊งไปนอนที่บ้าน ผมก็ขึ้นมาอ่านหนังสือ ดูขยันเนอะ แต่หนังสือที่อ่านนี่มันหนังสือคลายเครียด ฮาๆ ข้ออ้างของเราที่พูดกันบ่อยๆก็คือคำว่า ขอกูพักสมองบ้างเหอะ แต่บางทีพวกมึงก็พักสมองจนสมองมันโล่ง เอ๋อ เบลอ มึน โหวงเหวง พักนานเกิ้นนนนนนนน
๑๔ กันยายน ๒๕๕x
๑๒.๑๔ น.
ผมนั่งจองโต๊ะ ไอ้แต๊งเดินไปซื้อน้ำ รอครู่หนึ่ง น้ำกระเจี๊ยบของผมถูกส่งมา ส่วนเจ้าตัวซื้อน้ำเก๊กฮวย วันนี้ผมกินข้าวราดแกงอย่างเดียวครับ แต่มีขนมมาเพิ่มเล็กน้อย ผลไม้อีกถุงหนึ่ง นั่งกินกับไอ้แต๊ง ๒ คน และก็มองหญิงสาวภายในโรงเรียน สดใสน่ารักดี อีกไม่กี่เดือนเราจะจบจากโรงเรียนนี้แล้ว คิดๆไปก็ใจแป้วนะ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกดี เพราะจะได้ไม่ต้องฟัง ผอ.บ่นกินเวลา ฮ่าๆๆ
“กูไม่สอบแกทแพทดีไหมวะหมี”
“ทำไมอ่ะ”
“ฉันรู้ตัวดี ว่าฉันไม่มีความรู้”แหม่ เอาเพลงที่หนึ่งไม่ไหวมาดัดแปลงซะนะ
“ลองดูก่อน มีกูอยู่ทั้งคน กูจะติวให้”
“อืม ไม่คิดว่ายิ่งโตยิ่งเรื่องเยอะ”
“เป็นโคนันดิ สืบคดีมาเป็นร้อยคดี ห่าแดก ยังไม่จบป.๑ เลยมั้ง”
“หึหึ มีแบบนั้นก็ดีสิวะ เป็นเด็กตลอดกาล”
“แต่เราก็ต้องโต”
“ใช่ แต่ก็อยากโตไวๆเหมือนกันนะ อยากเข้ากรุงเทพ อยากเจอแสงสี”
“อืม ที่เที่ยวเยอะด้วย ถ้างั้นก็ต้องพยายามอ่ะ ทำให้เต็มที่”
“ตกลงนี่เราจะไปเรียนจริงๆใช่ไหมวะ”
“ฮ่าๆๆๆ”
วันนี้เจอไอ้เฟียสมายืนเลียบเคียงไกลๆ แล้วมันเดินออกไปครับ ผมก็เอื่อยๆ คุยกับไอ้แต๊งไปเรื่อยๆ อยู่ๆก็มีใครคนหนึ่งมานั่งร่วมโต๊ะด้วย
“สวัสดีครับ ขอนั่งด้วยคนนะ”ก้มหัวให้ผมเล็กน้อย ผมนี่ตัวชาวูบเลยครับ
“คะครับ”
“.......”ไอ้แต๊งหันไปมองแล้วคงจะคิดว่า กูไปรู้จักกับมึงเมื่อไหร่วะ อีกคนกำลังทำท่าสงสัย ส่วนอีกคนทำท่าจะชีวาบรรลัย มึงโผล่มาทำไมครับ
“ผมมาดี ทำไมต้องมองแบบนั้นด้วยอ่ะพี่แต๊ง”
“รู้จักกูด้วยเหรอ”ไอ้แต๊งชี้หน้าตัวเอง ส่วนผมก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ ถึงจะสั่นแต่หิวครับ ขอโซ้ยเอาแรงก่อน
“ทำไมจะไม่รู้จักอ่ะพี่ ก็พี่เป็นนักบอลโรงเรียน แล้วพี่เฟียสจีบพี่อยู่ไม่ใช่เหรอ”
“กวนตีนละมึง ไม่ได้จีบโว้ย”
“อ่อ”เขาพยักหน้า “พี่หมีเงียบเลย”
“เอ่อ กินข้าวอยู่”ผมพูดไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก ไอ้บ้าเอ๊ย ใครให้มึงโผล่มาเวลานี้วะ
“ขอโทษที่รบกวนพี่”ว่าแล้วเจ้าตัวก็โซ้ยข้าวเงียบๆ เงียบกันทั้งวงครับ
๑๒.๔๑ น.
อิ่มแล้ว แต่แขกที่ไม่ได้รับเชิญยังไม่ไปสักที
“พี่ไม่คุยกับผมหน่อยเหรอ”
“แฮะๆ คุยไม่เก่ง”ผมยิ้มแห้งๆและตอบแบบสิ้นคิด
“อ้าว ก็เห็นแต่งกลอนชั้นเชิงอย่างดี ทำไมถึงคุยไม่เก่งอ่ะพี่”มียักคิ้วหลิ่วตาให้ผมด้วย
“อ้าว ไอ้นี่ ก็คนคุยไม่เก่ง ก็ตรงตัวแล้วป่ะ แล้วนี่มีธุระอะไร กูงง”ไอ้แต๊งโวยวายล่ะครับ
“อ๋อ ก็อยากเจอพี่หมีไง อยากคุย แต่ดูเหมือนพี่ไม่ค่อยอยากคุยกับผมเลย”
“เพื่อนกูก็งี้ แล้วมีอะไรอีกป่ะ จะได้ไปที่อื่นต่อ”
“ไม่มีแล้วพี่ เอ่อ พี่หมี ผมขอเฟซ ขอไลน์พี่หน่อยดิ นะพี่ วันก่อนขอแล้วก็ไม่ให้”
“มันจะดีเหรอ”
“ดีสิพี่ นะๆ ขอคิวอาร์โค้ดหน่อย เฟซพี่ด้วย”น้องมันตื่นเต้นมาก ผมก็ต้องจำใจ เดี๋ยวเขาหาว่าใจร้าย ทั้งไลน์ ทั้งเฟซ เรียบน้อย “ขอบคุณครับ ไม่รบกวนพี่แล้ว ขอตัวนะ”ยิ้มให้แล้วเดินออกไป
“มึงไปรู้จักกับไอ้พีได้ไงวะ”
“เรื่องมันยาว”
“เหรอ เล่าสั้นๆได้ไหม”
“เออ อย่าเพิ่งรู้ตอนนี้เลย เดี๋ยวว่างๆเล่าให้ฟัง แล้วนี่ไอ้เฟียสไปไหนวะ ไม่เห็นหน้าเห็นตา ปกติมันก็มาตะลอนแล้วนี่หว่า”ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องครับ
“เฮอะ สนใจอะไรมันมากวะ ให้มันมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้างเหอะ”
“อือ กูแปลกใจไง ปกติมันต้องมีขนมมีนั่นมีนี่มาให้”
“มึงอยากกินขนมของมันเหรอ กูซื้อให้มึงกินก็ได้นะ”
“เปล่า มันผิดปกติไง เออ ป่ะๆ เข้าห้อง”
ผมเดินแบบคนเหม่อลอยไปยังห้องเรียน ไม่คิดว่าเขาจะมาหา ไม่ต้องสงสัยใดๆทั้งสิ้นแล้วว่าคนที่ตอบโคลงของผมเป็นใคร
พี ภูธเรศ นักเรียนชั้นม.๕ นักบาสของโรงเรียน แก๊งเทวดาซะด้วย เฮ้อ เจอคนหน้าตาธรรมดาก็ไม่ได้ ทำไมต้องเจอคนหน้าตาดีด้วยวะ
ช่วงบ่ายผมเรียนไม่มีสมาธิเลยครับ คิดไปเรื่อยเปื่อยจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เริ่มคิดไปต่างๆนานา เขาจะหาว่าเราบ้าไหมวะ หรือเขาจะแกล้งอะไรเรานะ ถ้าแกล้งผม ผมก็ไม่มีจุดยืนในโรงเรียนนี้แล้วครับ คนไม่ค่อยชอบผมมันก็มีหลายคนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นี่ถ้าโดนซ้ำจากแก๊งเทวดา ไอ้เฟียสก็ช่วยผมไม่ได้ เฮ้อ คิดหนัก
เอ๊ะ จะเครียดไปทำไม เครียดไปก็ไม่ใช่ไอ้หมีอ่ะดิ โด่ว หล่อๆอย่างพีมีดีที่หุ่นเว้ย หึหึ ตอนเย็นเลิกเรียนแล้ว ผมต้องทำเวร เฮ้อ ชะเองเอย ต้องทำกรรม เอ่อ ก็ความสะอาดในห้องอ่ะแหละครับ กวาดๆ อย่างรวดเร็ว ช่วยกันคนละไม้ละมือให้เสร็จไป จากนั้นจึงลงไปด้านล่าง ไอ้แต๊งรอที่สนามแล้ว มันกำลังวอร์มร่างกายอยู่
ผมก็มายืนมองพฤติกรรมของไอ้เฟียส เออ ไอ้นี่ตีบทแตกครับ ไม่แยแสอะไรไอ้แต๊งมากเท่าไหร่นัก แค่ทักไม่กี่คำก็หันไปวอร์มร่างกายของตัวเองเป็นปกติ ถ้าเมื่อก่อนนะ ต้องแต๊งอย่างนั้นอย่างนี้ คุยเอาอกเอาใจไอ้แต๊งก่อน มองตามัน มันก็ยิ้มให้ผม
“กูรู้ว่ากูหล่อไอ้เฟียส ไม่ต้องโปรยเสน่ห์”
“ฮิ้ววววววว”
“เอาจริงๆนะพี่หมี ถ้าพี่หมีไม่อ้วนนะ ผมว่าพี่เฟียสเทียบพี่หมีไม่ติดหรอก”รุ่นน้องคนหนึ่งเอ่ยชม เออ แบบนี้ค่อยมีกำลังใจในการกินต่อ เอ๊ย ในการลดน้ำหนัก
“พูดแบบนี้โดนใจพี่เลย เดี๋ยวเลี้ยงข้าวมันไก่จานหนึ่ง”ผมชูนิ้วโป้งให้
“โหยย พี่หมีสุดหล่อแล้วพวกผมล่ะ”
“ใช่ๆพี่ ทั้งหล่อทั้งใจดี ถึงจะอ้วนแบบนี้ ยังไงก็หล่ออยู่แล้ว”
“เฮ้ยๆ พวกมึงยอมันเกินไปละ มันหล่อตรงไหนวะเนี่ย”ไอ้แต๊งขัดทัพ
“หล่อที่เลี้ยงข้าวมันไก่นี่แหละพี่แต๊ง ฮ่าๆๆๆ”
“ขอบคุณสำหรับคำชม”ผมโค้งให้ จากนั้นในสนามก็เริ่มซ้อมกันตามคำสั่งของโค้ช
นั่งดูเขาเล่นบอลจนลืมไปว่าต้องไปซื้อผักให้แม่ ผมจึงเดินไปที่สวนผักของโรงเรียน วันนี้ไม่มีใครอยู่ดูแลแล้วครับ แต่ผมก็เข้าไปเก็บผักได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเอาเงินมาให้กับชมรม เก็บผักเสร็จแล้วเอาไปล้างน้ำแล้วใส่ถุง เราจะเก็บได้อีกกี่วันวะเนี่ย ต้นโตๆมันใกล้จะหมดแล้ว ที่ปลูกใหม่ก็ยังโตไม่ทัน เก็บผักเสร็จจะเดินกลับไปที่สนามบอล ไอ้ตัวดีมายืนยิ้มแป้นหน้าชื้นด้วยเหงื่อ
“เก็บผักเหรอครับ”จำโฆษณายาสีฟันใกล้ชิดเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้วได้ไหมครับ ที่จะมีประกายวิ๊งๆออกมาจากฟันอ่ะ ปิ๊งๆๆๆ แบบนั้นแหละครับ
“หือ ตกใจ โผล่มาได้ไง”
“ตามพี่มา ทำไมพี่กินผักเยอะจัง”
“เอาไปขาย แล้ว...”คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร
“อะไรเหรอครับ?”
“ไม่กลับบ้านเหรอ”
“ก็ใกล้แล้วครับ แต่แวะมาหาพี่ก่อน”
“แวะมาหา”ผมชี้ที่หน้าตัวเอง น้องมันพยักหน้าหลายที “มีอะไรเหรอ”
“ก็อยากคุยกับพี่ไง”
“อ๋อ”ผมพยักหน้า “พี่มีอะไรน่าคุยด้วยอ่ะ”
“มีสิพี่”
เดินมาเรื่อยๆ น้องถามคำ ผมก็ตอบคำ รู้สึกประหม่าครับ คือ ผมคุยกับคนน้อยมาก นอกจากไอ้แต๊งกับไอ้เฟียส คนอื่นก็ไม่เท่าไหร่ ยิ่งพวกดังๆ ผมไม่ค่อยอยากจะเข้าใกล้ กลัวมีปัญหา อย่างไอ้เฟียสผมก็เคยโดนหางเลขมาเหมือนกันนะครับ หาว่าอ้วนไม่เจียมบ้าง คือบางทีผมก็ไปหยอกล้อไอ้เฟียสขำๆไรงี้ พวกแฟนคลับก็หาว่าผมเป็นตัวฉุดรั้งระดังหน้าตาของไอ้เฟียส เฮ้ย มึงเอ๊ย ถ้ามึงจะจริงจังแบบนี้ กูว่ากูตายซะดีกว่า
“ผมกลับบ้านแล้วนะ เดี๋ยวเย็นนี้ทักเฟซไป คุยกับผมด้วยนะพี่”
“อืม”ผมพยักหน้า น้องมันยิ้ม คนหล่อแม่งหล่อเสมอต้นเสมอปลาย หล่อยังแต่ปลายผมยันเล็บขบ มันทำอะไรน่าดูไปหมดทุกอย่างจริงๆ
“มาด้วยกันได้ไงวะ”ไอ้แต๊งทำหน้าเข้มใส่ผม หงุดหงิดอะไรอีกวะเนี่ย
“ก็...”ไม่รู้จะตอบยังไง “แล้วนี่เป็นไรของมึงเนี่ย ขึ้นเสียงใส่กูทำไม”
“ก็เป็นอย่างงี้ของกูอ่ะ”ผมงงเลยครับ อยู่ๆมาขึ้นเสียงใส่ โดนไอ้เฟียสเตะบอลอัดป่ะวะ
“เออ กูงง”
“แล้วตกลงว่ามาด้วยกันได้ไง”ไม่ยอมปล่อยครับ พ่อกูก็งี้
“กูไปเก็บผัก น้องมันเดินไปทักชะเองเอย เดินไปคุย”
“กูไม่ตลกนะหมี”อารมณ์เสียซะแล้ว ผมส่ายหน้า กูก็ไม่ตลกนะที่มึงมาขึ้นเสียงใส่ ผมเดินไปที่โรงรถไปขับมอไซด์มารับพ่อ แหม่
มาถึงบ้าน ไอ้แต๊งไม่ช่วยทำงานครับ แต่ไม่เป็นไรผมทำคนเดียว วันนี้มันเงียบตั้งแต่กลับมาถึงบ้านจนตอนนี้
๒๑.๑๕ น.
ผมก็ไม่คิดอะไรนะ แต่มานั่งคิดถึงน้องพี ภูธเรศ ไม่รู้ว่าเขาจะยังไง เฮ้อ
ขออภัยปราศรัยน้อย วาจา
ก็ไม่คิดว่าจะมา พบพ้อ
ตั้งตัวไม่ทันอา- รมณ์ซ่าน พล่านพุ่ง
ไม่หยิ่งอยากคุยจ้อ จัดจ้าน สนทนา
ส่งไปขอโทษเขาหน่อยครับ เดี๋ยวเขาเข้าใจผิดหาว่าเราหยิ่งผยองลำพองตน เห็นคนดังมาคุยด้วยก็ทำเป็นหยิ่งอะไรแบบนี้
เขียนใส่โพสต์อิตแล้วถ่ายรูปก่อนจะส่งไปที่กล่องข้อความในเฟส
เอ๊ะ P. Phu นี่มันเฟสน้องพี
ฉิบหาย Thank TC. นี่มันเฟสของไอ้แต๊ง
เหยินฟ้า – มึงส่งอะไรมาให้กูวะหมี