TRACK 21
อลันด์รู้สึกตัวอีกทีเพราะอาการเจ็บคอ เขาปรือตามองเพดานสีขาวนวลด้วยความมึนงง ตอนกำลังสงสัยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน กี่โมงแล้ว พยาบาลกับหมอก็เดินเข้ามาดูพอดี ถามไถ่อาการว่ามีคลื่นไส้เวียนหัวบ้างไหม หลังจากให้เขาได้จิบน้ำไปอึกใหญ่อาการเจ็บคอจึงค่อยทุเลาจนตอบคำถามได้
“วา...”
“ครับ?” คุณหมอทำหน้าแปลกๆ เหมือนไม่แน่ใจว่าได้ยินที่เด็กฝรั่งพูดถูกหรือเปล่า “ตอนนี้รู้สึกยังไงนะครับ”
“วา... หมอวา” ฤทธิ์ยาสลบคงค้างอยู่ในตัวเยอะไปหน่อยอลันด์จึงดูมึนงงนึกอะไรไม่ออกนอกจากชื่อทิวากานต์และภาพสุดท้ายที่ได้เห็นก่อนหมดสติ
“อ๋อ” วิสัญญีแพทย์หัวเราะในคอก่อนอาศัยจังหวะคนไข้กำลังมึนเฉไฉไปเรื่องอื่น “เหมือนจะซึม เดี๋ยวนอนรอในห้องนี้ให้หมอดูอาการก่อนเนอะแล้วค่อยย้าย ขาข้างนี้อย่าขยับนะครับ ทนรำคาญไว้ก่อน”
เด็กฝรั่งครางฮือเริ่มรู้สึกปวดหัวอยากจะอ้วกหลังจากนั้นก็หมดสติไปอีกรอบ คราวนี้พอตื่นมาเจอหน้าพ่อเลยร้องไห้โฮๆ ครางเรียกแด๊ดท่าทางน่าสงสารพาตกใจกันยกครอบครัว มะรุมมะตุ้มโอ๋น้องกันเสียงขรม ตามหมอเจ้าของไข้มาดูแล้วก็ยังไม่หยุดร้อง เรียกได้ว่าเป็นคนไข้ที่ทำให้อ่อนอกอ่อนใจกันทุกฝ่าย โชคดีว่าคุณหมอถนัดเคสเด็กเล็กอยู่แล้วเลยเอาของเล่นกับของกินมาล่อ ไม่กี่นาทีลูกครึ่งตัวป่วนจึงเลิกงอแงยอมให้หมอตรวจดูแผลแต่โดยดี
ฟังหมออธิบายคร่าวๆ ก็คือแผลเรียบร้อยดี ปิดรูรั่วสนิท หัวใจแข็งแรงเต้นเป็นปกติ ที่งอแงน่าจะเป็นผลต่อเนื่องมาจากอาการมึนยาสลบนิดหน่อย โดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไร้ภาวะแทรกซ้อน ระหว่างนี้จำเป็นต้องเอาถุงทรายดามขาข้างขวาที่ทำการสวนหัวใจไว้อีกสักหกชั่วโมงหรือถ้าให้ดีก็ทั้งคืน งดขยับเขยื้อนโดยเด็ดขาด แล้วถ้าหิวค่อยเรียกพยาบาล มีอาหารอ่อนเตรียมไว้ให้แล้ว
เมื่อคุณหมอกลับออกไปทุกคนในครอบครัวจึงเดินมาถามไถ่อาการคนเจ็บกันอีกรอบ คราวนี้ตอบดีๆ ไม่ร้องไห้แล้วแต่ตากับจมูกยังแดงก่ำท่าทางดูน่าสงสาร พี่สาวพี่ชายถึงกับลูกหัวลูบหางน้องคนเล็กด้วยความเอ็นดู
เหมือนเวลาผ่านไปนานเหลือเกินในความรู้สึกแต่ที่จริงแล้วเพิ่งจะบ่ายสองเท่านั้น คุณลุงบอกว่าเขาเข้าไปในห้องผ่าตัดแค่ชั่วโมงครึ่งแล้วนอนพักฟื้นดูอาการอยู่อีกเกือบสามชั่วโมงเพราะแพ้ยา พอกลับเข้าห้องมาไม่ทันไรก็ตื่นแล้วร้องไห้นี่แหละ กานต์กระเซ้าถามว่าร้องไห้ทำไมก็ไม่ตอบ ปล่อยให้มาดามโอเนลล์เข้าใจไปว่าลูกชายคงเครียดเลยร้องออกมา
“น้องอัลทำคนแก่ตกอกตกใจเสียยกใหญ่ ยายเราจะไปบนกับพระอยู่แล้วดีว่าหมอเข้ามาซะก่อน” อดีตเอกอัครราชทูตถึงกับถอนหายใจยาว เขาเดินมาลูบหัวหลานชาย ว่าแต่ยายในใจเขาเองก็เตรียมของรับขวัญหลานไว้แล้ว ยิ่งเห็นตื่นมาร้องไห้ของที่จะให้ก็ยิ่งต้องมีราคาสมกับค่าน้ำตาที่เสียไป
อลันด์นอนให้ครอบครัวเอาใจอยู่สักพักคนที่อดอาหารตั้งแต่เมื่อคืนก็เริ่มหิว มื้อแรกของวันเป็นโจ๊กรสอ่อนที่มิสเตอร์เอเดลมาร์ลงทุนป้อนด้วยตนเอง มีคุณยายสำทับอยู่ข้างหลังว่ากลับบ้านไปแล้วจะจัดอาหารมื้อใหญ่อีกที กะขุนหลานชายให้กลับมาอ้วนกลมเหมือนเดิมให้ได้
ตอนโจ๊กหมดชามมีคนเข้ามาในห้อง หนแรกอลันด์นึกว่าเป็นทิวากานต์มาหาหากเมื่อไม่ใช่หน้าขาวถึงกับออกอาการเซ็งอย่างเห็นได้ชัดแล้วกลายเป็นหงุดหงิดทันควันเมื่อพบว่าคนที่มาเป็นลูกพี่ลูกน้องคู่กัดอย่างฌาน รวี ได้ข่าวว่าตอนนี้ทำงานอยู่ที่ฮ่องกงไหงโผล่มาอยู่นี่ได้
“หมดสภาพ ดูไม่ได้จริงๆ” ชายหนุ่มว่าอย่างนั้นหลังกราบสวัสดีผู้ใหญ่หมดแล้ว ร่างสูงโปร่งหยุดยืนอยู่ข้างเตียงคนป่วยเพียงคนเดียว ปล่อยให้คนแก่ไปนั่งพักกันที่ส่วนห้องนั่งเล่นหมด ตากลมโตสวยเหมือนหงส์มองใบหน้าขาวซีดเซียวน่าสงสาร คิดในใจจะยอมไม่ชวนตีด้วยสักวันเพราะดูท่าให้ทะเลาะกันตรงนี้เขาชนะอย่างไม่ต้องสืบ
“หึ ไม่ได้อยู่ฮ่องกงหรอกเหรอ”
“พอดีมาทำงานที่นี่เลยแวะมาดูอาการเสียหน่อย เห็นป้าอรบอกว่าเป็นโรคหัวใจ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“อย่างที่เห็น”
“น้องอัล พูดไม่เพราะอีกแล้ว” คำปรามจากห้องนั่งเล่นอีกฝั่งทำเอาหลานรักหน้างอ อลันด์ห่างกับฌานแค่สี่ปี เรียกได้ว่าอายุใกล้เคียงกันที่สุดแล้ว แถมอีกฝ่ายยังเติบโตที่อังกฤษความสนิทจึงมีมากพอให้เป็นคู่กัดตลอดกาลได้ จะให้เรียกพี่ฌาน พี่ชาร์ลบอกตามตรงกระดากปากเหลือเกิน หลังจากนั้นทั้งคู่เลยเลือกจะพูดคุยกันด้วยภาษาอังกฤษแทนเสียจะได้ไม่ต้องมีคำแทนตัวคำลงท้ายให้วุ่นวาย
ลูกพี่ลูกน้องของเขาดูเหมือนจะคล้ำขึ้นเล็กน้อย คุยกันสักพักถึงรู้ว่าเจ้าตัวเพิ่งบินมาจากภูเก็ตเมื่อเช้า พอถึงกำหนดกลับฮ่องกงเลยขออนุญาตเจ้านายแวะมาดูอลันด์เสียหน่อยแล้วค่อยบินกลับพรุ่งนี้เช้า ตอนนี้ท่านประธานก็รออยู่ที่โรงแรมคงจะอยู่คุยด้วยได้ไม่นานนัก
ในระหว่างที่กำลังซาบซึ้งน้ำใจของคู่กัดที่เสียเวลาแวะมาหาเขา เสียงทักทายจากฝั่งห้องนั่งเล่นพร้อมเสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์ของทิวากานต์ก็ดังลอดเข้ามาในหู เด็กฝรั่งตัวแสบตาวาวหูกระดิกดิ๊กๆ สะบัดหางไปมา พยายามชะเง้อหน้าออกไปดูว่าใช้คุณหมอสุดที่รักมาหาแล้วหรือเปล่า ติดแต่ขาขวาที่ถูกจับดามห้อยไว้เหมือนผู้ป่วยกระดูกหักนี่แหละจึงขยับตัวไม่ได้อย่างใจนึก
“เป็นบ้าอะไรน่ะ ใครมาหรือไง”
“ยุ่ง” ปากว่าอย่างนั้นแต่สีหน้าเหมือนอยากอวดให้ศัตรูรู้ คงเป็นเพื่อนสักคนของเจ้าหนูนี่และไม่น่าจะธรรมดา อาจจะรูปหล่อเป็นพิเศษ มีคุณสมบัติครบถ้วนแบบโธมัสกระมัง
หนุ่มลูกครึ่งไทย-ฮ่องกงยักไหล่ทำท่าไม่สนใจ เขามานี่ไม่ได้กะพูดคุยกับใครอยู่แล้ว แค่มาดูเด็กบ้าให้เห็นกับตาเท่านั้นว่ายังสบายดี และเท่าที่ดูก็ออกจะสบายดีเกินไปเพราะต่อปากต่อคำได้เหมือนเดิม ฌานแสร้งยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเตรียมตัวจะขอกลับเป็นจังหวะเดียวกับคนมาใหม่เสนอหน้าเข้ามาในห้อง
ทิวากานต์เดินยิ้มหน้าแป้นมาจากฝั่งห้องนั่งเล่นท่าทางอารมณ์ดี เขาทักอลันด์ก่อนเห็นว่ามีใครคนอื่นอยู่ด้วยซ้ำ “เป็นไงบ้าง ปวดแผลไหม”
เด็กฝรั่งส่ายศีรษะบนหมอนใบโต “ไม่อ่ะ วาไม่ต้องทำงานแล้วหรือไง”
“ยัง แต่แวบมาดูก่อน นี่จำอะไรไม่ได้เลยล่ะสิเนี่ย” คุณหมอหนุ่มเดินมายืนข้างเตียงฝั่งตรงข้ามกับฌาน เอื้อมมือไปลูบผมอีกคนเล่นเบาๆ ก่อนเงยหน้ามองคนไม่รู้จัก พลันทิวากานต์คนกล้าถึงกับชะงักเมื่อมองหน้าอีกฝ่ายเต็มตา เสียงที่เอ่ยออกมาก็ตะกุกตะกักอย่างที่ไม่เคยเป็น “เอ่อ สะ สวัสดีครับ ปะ เป็นเพื่อนอัลเหรอครับ”
“ญาติน่ะครับ ญาติห่างๆ”
“ห่างมากกก” เด็กฝรั่งสวนเสียงเขียว ตาสีซีดจ้องคุณหมอกับญาติตัวเองเขม็ง หนอย...เจอคนหน้าตาดีหน่อยไม่ได้ทิวากานต์มองตาเยิ้มเลย แล้วฌานเนี่ยสเปคตรงกับคู่ควงคนก่อนๆ ของคุณหมอเป๊ะ ทั้งสูง ผอม หุ่นดีและแม้จะเป็นผู้ชายแต่ก็ต้องยอมรับว่าลูกครึ่งไทย-ฮ่องกงคนนี้สวยกว่าผู้หญิงเสียอีก!
“ทิวากานต์ครับ เรียกพี่วาก็ได้ เป็นหมออยู่โรงบาลเครือเดียวกันนี่เอง” เขายื่นมือออกไปตรงหน้า ข้ามตัวอลันด์ที่นอนแบ่บไปเฉย ฌานเหมือนจะลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยื่นมือไปจับตามมารยาท
“ฌานครับ เรียกชาร์ลก็ได้” แก้มอิ่มขึ้นสีแดงเรื่ออย่างน่ารัก ตากลมโตเมียงมองคุณหมอเหมือนไม่แน่ใจจนทิวากานต์เลิกคิ้วเป็นเชิงถามถึงได้เอ่ยปาก “คุณหมอหน้าคุ้นจังเลย เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ”
ถ้าบอกว่าเป็นมุกจีบอลันด์บอกเลยว่าโคตรเชย แต่เพราะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เด็กฝรั่งตัวแสบถึงกับตาเหลือกนอนไม่ติดเตียง เขาลืมไปได้ยังไงกันว่าฌานเป็นแฟนคลับตัวยงของวิคเตอร์ แล้วทิวากานต์น่ะหน้าตาแทบจะถอดแบบพ่อมาเป๊ะๆ จะปล่อยให้สองคนนี้มาสปาร์คกันทั้งที่เขายังนอนป่วยอยู่แบบนี้ไม่ได้นะเฮ้ย! นี่แฟนเขา เขาหวงเขาจะทวงของเขาคืน!!!
“อ๊ะ โอ๊ย!” ร้องออกไปไวเท่าความคิด อลันด์แกล้งตีสีหน้าเจ็บปวดเต็มประดา เท่านั้นทิวากานต์ก็เลิกสนใจหนุ่มหน้าสวย ก้มลงมาถามไถ่อาการคนป่วย
“อัล เป็นอะไร เจ็บตรงไหน”
“จะ เจ็บ...”
เจ็บตรงไหนดีวะ “เจ็บ ไม่รู้อ่ะพี่วา โอ๊ยๆ”
“เดี๋ยวอัล หายใจเข้าลึกๆ นะ อ๊ะ!” ทิวากานต์หลุดร้องเสียงหลงตามคนเจ็บไปติดๆ ก็ตอนก้มหน้าลงไปดูอาการอีกคน มือขาวๆ กลับคว้าหูเขาแน่นไม่พอแถมยังจับบิดเหมือนกะให้หลุดซะงั้น
“อัลเป็นอะไรน่ะ คุณหมอครับ เกิดอะไรขึ้น”
“อะ อัล... อ๊ะ ไม่มี ไม่มีอะไรครับ สงสัยเจ็บแผล โอ๊ะ!” หมอศัลย์รูปหล่อละล่ำละลั่กตอบหน้าแดงก่ำ ตาคมมองไอ้ตัวแสบเขม็ง ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งออกจาก OR เขาจะไล่เตะตูดให้นั่งไม่ได้เลย แม่งเอ๊ย! เขาก็นึกว่าเป็นอะไรที่ไหนได้มารยาหลอกเขาไปทำร้ายร่างกาย แล้วดูอลันด์นะมองเขาตาเขียวปั๊ด ถามจริงเถอะว่าทำผิดอะไรถึงต้องลงโทษกันแบบนี้!!!
“หนอย เห็นคนสวยหน่อยไม่ได้เลยนะวา” “อะไรเล่า ขอมองหน่อยไม่ได้หรือไง” “มองก็แค่มองสิ จับมือทำไม”คู่รักต่างวัยผลัดกันโต้ตอบด้วยเสียงลอดไรฟัน คนนอกฟังแล้วเหมือนเสียงแมวขู่กันมากกว่า ฌาน รวีเห็นท่าไม่ค่อยดีจะเรียกผู้ใหญ่ฝั่งนั้นมาช่วยดูทิวากานต์ดันดึงหัวขึ้นมาเสียก่อน หน้าหล่อเหลาอย่างกับถอดแบบพระเอกหนังในดวงใจแดงก่ำโดยเฉพาะส่วนหู หากยังมีรอยยิ้มกว้างยังประดับเหมือนไม่มีอะไรทั้งที่คิ้วกระตุก
“น้องน่าจะตึงแผลตรงที่โดนเจาะ นอนเฉยๆ เดี๋ยวก็หายครับ แต่ถ้ายังปวดอยู่เดี๋ยวให้พยาบาลเอายาแก้ปวดมาให้”
“เอ่อ... แน่ใจนะครับว่าแค่นั้น” ถามกลับไม่ค่อยจะแน่ใจ เมื่อกี้คุณหมอก้มหน้าลงไปเกือบชิด นึกว่ามีปัญหาอะไรเสียอีก แน่นอนว่าเขาไม่ได้เอะใจเรื่องที่อลันด์เอามือตะบปหน้าอีกฝ่ายสักนิด ติ๊ต่างไปเองว่าน้องเจ็บเลยดิ้นจนมือฟาดหน้าทิวากานต์
“ครับ อัลแข็งแรงดี แข็งแรง
มากกก” ชายหนุ่มจงใจเน้นเสียงท้ายประโยค ไม่แน่ใจว่าย้ำให้ญาติผู้ป่วยเบาใจหรือประชดไอ้ตัวแสบ แต่ดูท่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
“โอเคครับ งั้นผมกลับก่อนดีกว่า ไม่อยากกวนคนป่วย” เห็นเป็นแบบนี้แล้วฌานเลยว่าทำตามความตั้งใจเดิม ขืนอยู่นานกว่านี้แล้วเด็กนี่เป็นอะไรขึ้นมาเขาจะรู้สึกแย่เอาได้
ชายหนุ่มเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายก่อนเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นลาผู้ใหญ่ มีทิวากานต์อาสาไปส่งเพราะมีเคสต้องไปดูต่อพอดีทำเป็นไม่สนใจอาการหน้างอตาเขียวปั๊ดของแฟนเด็ก คิดเสียว่าเอาคืนที่บิดหูเขาเกือบหลุด ตอนนี้ยังเจ็บจี๊ดๆ อยู่เลย เกิดมาสามสิบปีเพิ่งเคยโดนก็วันนี้ ดีว่ารักมากนะ ถ้าไม่รักมีจับเชือดไปแล้ว!
ทิวากานต์เดินเคียงกันออกมากับฌาน บอกผู้ใหญ่ในห้องไว้ว่าเดี๋ยวเย็นๆ จะมาอีกที มีสายตาไม่ต้อนรับจากมิสเตอร์เอเดลมาร์ไล่หลังแต่ who cares? ริจะกินลูกเขาแล้วอย่าได้กลัวว่าที่พ่อตา เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งเคยว่าไว้เช่นนั้น
“น้องฌานตัวสูงจังเลยนะครับ ไม่เหมือนอัลเลย รายนั้นเตี้ยซะอย่างกะไม่ได้มีพ่อเป็นฝรั่ง” เดินออกมาได้หน่อยทิวากานต์ก็ชวนอีกฝ่ายคุย เอาจุดเด่นอย่างส่วนสูงที่เกือบจะเท่าเขามาเป็นประเด็น บอกตรงๆ ถ้าไม่ได้คบกับอัลเขาอาจจะจีบญาติผู้พี่เด็กฝรั่งไปแล้ว หน้าสวย ตัวสูง หุ่นดี สเปคสุดๆ
“สูงเหมือนพ่อน่ะครับ พ่อผมพอจะมีเชื้ออังกฤษอยู่หน่อย แต่เอาจริงก็มีเชื้อจีนมากกว่า”
“เป็นลูกครึ่งเหรอครับ มิน่า หน้ามีเสน่ห์มากเลย”
“ฮ่องกง-ไทยน่ะครับ”
“เหมือนพี่เลย!” ถ้าทิวากานต์มีหางคงเห็นมันส่ายริกๆ ถือโอกาสสร้างความสนิทสนมแทนตัวว่าพี่ซะ “พี่ก็ลูกครึ่งฮ่องกง-ไทย พ่อเป็นฮ่องกงน่ะ แต่พูดจีนไม่ได้สักคำ ได้แค่หนีฮ่าว พี่ออกเสียงถูกไหม”
“ได้อยู่นะครับ คิก จะว่าไปพี่วาก็หน้าเหมือนคนฮ่องกงจริงๆ ด้วย เหมือนวิคเตอร์ที่เป็นดาราน่ะครับ” ชายหนุ่มหัวเราะ
“เอ่อะ เหมือนขนาดนั้นเลยเหรอครับ” คุณหมอหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง เพิ่งจะเคยโดนบอกว่าหน้าเหมือนพ่อก็วันนี้แหละ
“ครับ เหมือนมาก ผมเป็นแฟนคลับวิคเตอร์ตัวยงเลย พอเห็นหน้าพี่วาครั้งแรกยังนึกในใจทำไมผู้ชายคนนี้หน้าเหมือนเขาจังอย่างกับเป็นพ่อลูกกันแน่ะ อ่อ จะว่าไปเหมือนจะเคยมีข่าวว่าวิคเตอร์มีลูกลับๆ อยู่ด้วย ตอนผมรู้ข่าวนะเหมือนหัวใจสลาย อย่างกับโดนหลอกให้รักมาตั้งหลายสิบปี รู้ตัวอีกทีเขามีลูกเมียอยู่แล้ว” พอเป็นเรื่องที่ชอบฌานก็คุยไม่เปิดโอกาสให้อีกคนพูด พาลทำให้ไม่ทันสังเกตสีหน้าอีกคนที่ตึงๆ ไป
ทิวากานต์พยายามระงับอาการแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในใจ ย้ำกับตนเองว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องถึงพูดออกมาแบบนั้น เขาแกล้งเฉไฉไปเรื่องอื่น “เหรอครับ แล้วน้องฌานสนใจผู้ชายที่หน้าเหมือนคนในดวงใจบ้างไหมละครับ”
“ฮ่าๆ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้สักปีสองปีผมอาจจะคิดนะครับ แต่ว่าตอนนี้ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ...ไม่มีสิทธิคิดถึงความรักหรอกครับ” ฌาน รวีหลุบสายตาต่ำซ่อนความรู้สึกไว้ หากน้ำเสียงเบาหวิวทำให้คุณหมอรู้ว่าอีกฝ่ายคงมีเรื่องหนักใจอยู่ไม่น้อย คุณหมอรูปหล่อจึงอดแหย่ให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีไม่ได้
“เสียดายจัง น้องฌานเนี่ยสเปคพี่เลย”
“ฮ่าๆ เหมือนถูกวิคเตอร์สารภาพรักเลยแหะ” แก้มใสแดงจัด ยิ้มตาหยี โดยไม่รู้ว่าประโยคนั้นทำร้ายทิวากานต์อีกครั้ง ตอกย้ำด้วยการบอกว่าเขาเหมือนผู้ชายคนนั้นแค่ไหน ความโด่งดังของผู้เป็นพ่อทำให้ครอบครัวเขาบิดเบี้ยวเพียงใด และไม่ว่าจะหลีกหนีแค่ไหนหลักฐานบนใบหน้าก็บอกว่าเขาเกี่ยวข้องกับวิคเตอร์อย่างไม่มีทางเป็นอื่น
ถ้าเพียงแต่...ถ้าเพียงแต่วิคเตอร์จะไม่ได้เป็นดารา...
เขาส่งหนุ่มน้อยที่ชั้นหนึ่งก่อนขอตัวไปทำงานต่อไม่ใส่ใจหัวใจที่ถูกข่วนเป็นรอยถลอกเลือนราง หนักหนากว่านี้ยังผ่านมาได้กะอีแค่คำพูดของคนเพิ่งเจอกันเขาจะเก็บมาใส่ใจทำไม เรื่องทุกอย่างมันผ่านมานานมากแล้วพอกับอายุของเขา ทุกวันนี้เขาก็มีความสุขดี การเก็บเอาปมขาดพ่อตอนเด็กมาแสดงอาการอ่อนแอมันไม่ใช่เรื่องที่คนอายุสามสิบจะทำกันแล้ว สู้กลับไปตั้งใจทำงานให้สมกับที่อาจารย์หมอจากฝั่งนี้ยอมให้เขาเข้าไปดูการทำเคสของอลันด์ดีกว่า
แม้แผลไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่อย่างไร ในความจริงก็ทำให้เจ็บอยู่ดี....
.
.
“As the clouds roll by, I can see the sunshine mmhm…”
ฟ้าหลังฝนใครก็ว่าสดใส อลันด์เองก็คิดแบบนั้น เด็กฝรั่งตัวแสบฮัมเพลงงุ้งงิ้ง ตาสีซีดจับจ้องหน้าจอแมคบุ๊คแอร์เครื่องใหม่กิ๊กเลื่อนนิ้วดูเสื้อผ้าจากเว็บเซลล์เลอร์ชื่อดังอย่าง Mr. Porter รู้สึกอากาศเมืองไทยเริ่มหนาวขึ้นมานิดๆ ถ้าได้สเว็ตเตอร์สวยๆ สักตัวใส่ตอนไปเรียนคงดีไม่น้อย
ว่าแต่ถ้าของมาส่งทิวากานต์ต้องบ่นว่าเขาฟุ่มเฟือยอีกแหง แค่แมคบุ๊คที่ใช้อยู่ตอนนี้ ไหนจะไอโฟนหกใหม่เอี่ยมข้างตัว ไอแมคจอเรติน่า 5K ในห้องนอน กล้อง DSLR พร้อมเลนส์สามแบบและแอคชั่นคาเมร่าอย่าง GoPro Hero4 ที่ขนกลับคอนโดมา คุณหมอหน้ายักษ์ก็แทบจะกินหัวเขาแล้ว ยังดีนะที่เขาไม่บอกไปว่าได้กระเป๋าหนังจระเข้ฟอกสีขาวของเดลโว (delvaux) มาอีกใบ(แถมยังชอบม้ากมากจนอยากได้อีกใบสองใบให้ครบสามสี) ไม่งั้นมีหวังทิวากานต์ได้เทศน์ยาวจนหมดปีแน่
อยากจะถอนหายใจดังๆ แล้วบอกคนรักสูงวัยว่าเขาไม่เสียเงินสักบาท ทั้งหมดนี่เป็นเงินคุณตาที่ให้เป็นค่าเรียกขวัญหลังผ่าตัดทั้งนั้น เรื่องอะไรเขาจะเสียเงินเป็นล้านกับของที่ใช้บ้างไม่ใช้บ้างล่ะ
เชื่อเถอะว่าวินาทีที่คุณตาถามว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญออกจากโรงพยาบาล ต่อให้บอกไปว่าอยากได้เบนท์ลีย์ มูซานมาใช้เหมือนตอนอยู่อังกฤษคุณตาคงรีบไปหามาให้จริงๆ นี่ยังดีนะที่เขาบอกว่าไม่อยากได้รถคันใหม่เพราะรักน้องมิ้ลค์ม๊ากมาก ไม่เหมือนคนบางคนหรอกที่พอเอารถใหม่มาล่อก็รีบตะครุบไว้
เรื่องแค่นี้ทิวากานต์น่าจะเข้าใจ ไม่รู้จะบ่นไปทำไม หรือว่าเริ่มเข้าใกล้วัยทองแล้วเลยขี้บ่น แต่สามสิบไม่น่าจะวัยทองเร็วขนาดนั้น “อ๊ะ! ยีนส์ตัวนี้สวยจัง เท่าไหร่เนี่ย... สองร้อยเก้าปอนด์ ถูกเว่อร์”
“กางเกงตัวละหมื่นกับอีกสามสิบสองบาท
1ถูกเว่อร์ๆ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังเหนือหัวเรียกให้อลันด์เงยหน้าขึ้นไปส่งยิ้มหวานๆ ให้คุณหมอตัวสูงเหมือนเสาไฟฟ้า
“โอ๊ะ กลับมาแล้วเหรอวา” แทนที่จะตกใจที่ถูกจับได้ว่าแอบช้อปปิ้งเด็กหนุ่มกลับทึ่งกับการคิดเลขในใจได้อย่างรวดเร็วของอีกคนมากกว่า ตอนเด็กๆ แม่ให้กินเครื่องคิดเลขเข้าไปหรือไงนะ
“ยืนหัวโด่อยู่นี่ยังไม่กลับมามั้ง เอาแต่ช้อปอยู่นั่นแหละเดินเข้ามาเสียงดังยังไม่ได้ยิน ถ้าเป็นโจรเข้ามาคงโดนยิงตายไปแล้ว กินข้าวยัง?” ทิวากานต์ใช้มือรูดเนคไทลงพลางปลดกระดุมคอบนสุดแล้วเดินเอาหน้าไปจ่อช่องแอร์ วันนี้อากาศร้อนอย่างกับอยู่กลางเดือนเมษาทั้งที่เข้าหน้าหนาวไปทุกที สงสัยปีนี้กรุงเทพจะไม่หนาวแล้วซะละมัง
“ยังอ่ะ รอกินพร้อมวา”
“ก็บอกให้กินไปเลยไม่ต้องรอ วันนี้กินยาครบหรือเปล่า”
“ครบทุกเม็ด!”
อลันด์ออกจากโรงพยาบาลมาได้สองสัปดาห์แล้วแต่เพิ่งจะกลับคอนโดตอนเย็นวันศุกร์เมื่อวานหลังจากอยู่ให้คนแก่โอ๋จนพอใจพร้อมหอบของขวัญสูงท่วมหัวกลับมาให้ทิวากานต์ตกใจด้วย! ส่วนพ่อแม่เด็กแสบกลับลอนดอนไปตั้งแต่ตอนที่เด็กหนุ่มพักฟื้นที่บ้านคุณตาได้สองวัน
การรักษาผ่านไปด้วยดี หัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติเรียบร้อยไร้เสียงฟู่ๆ ตอนนี้อาจต้องกินยาบางตัวไปสักระยะและพบหมอตามนัด แต่บอกได้เต็มปากเต็มคำว่าไอ้ตัวแสบสามารถกลับมาซ่าได้เหมือนเดิมไม่มีอะไรต้องห่วงอีก
ยืนให้แอร์เป่าจนหายร้อนคุณหมอตัวสูงค่อยเดินเข้าห้องครัว เมื่อเช้าก่อนไปทำงานเขาทำแซนด์วิชกับสลัดเป็นมื้อเช้า แกงจืดหมูสับสาหร่าย ไก่กระเทียม กับไข่ตุ๋นไว้ให้เด็กฝรั่งอุ่นกินมื้อเที่ยงกับมื้อเย็น แต่หลังเปิดตู้เย็นดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะกินไปแค่นิดหน่อย ข้าวในหม้อก็เหลือเกินครึ่ง ไม่ทันรู้ตัวคิ้วหนาเป็นปื้นของทิวากานต์เริ่มขมวดเข้าหากัน
“วันนี้กินข้าวบ้างรึเปล่า ทำไมข้าวเหลือเยอะ หรือฉันทำไม่อร่อยถูกปาก”
“เปล่าน้า วาทำอาหารอร่อยจะตาย” เด็กฝรั่งทำหน้าเชื่อง เอียงคอเอาใจพ่อครัวคนเก่ง “แต่ว่า...มันไม่ค่อยหิวอ่ะเลยกินไปนิดเดียว”
ทิวากานต์เอานิ้วเขี่ยแก้มตอบของแมวอิมพอร์ทที่เดินมาเกาะเอวอ้อนกลัวถูกดุ ใจนึงอยากทำแบบนั้นอยู่หรอกแต่ทำไปใช่ว่าอีกฝ่ายจะกลัวจริงจัง ถ้าไม่ใช่เรื่องที่สนใจหรือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแป๊บๆ เดี๋ยวก็ลืม
“ไปชั่งน้ำหนัก”
“หือ?”
“บอกให้ทำก็ทำเหอะน่า” ทิวากานต์กอดอกตีหน้ายักษ์ขู่ทางอ้อม อลันด์จึงยอมเดินคอตกไปขึ้นตาชั่งหน้าห้องน้ำแต่โดยดี “ห้าสิบจุดสี่ อืม... ตอนอยู่บ้านนู้นก็ไม่ค่อยกินข้าวหรือไง น้ำหนักลงตั้งสองโล”
ก่อนหน้าตรวจเจอเป็นโรคหัวใจคือเจ็ดสิบเก้า ตอนแอดมิทน้ำหนักอยู่ที่ห้าสิบสาม นับเวลาเกือบสามเดือนลดไปได้ประมาณสามสิบกิโลทั้งที่ไม่ได้ออกกำลังกายทำแค่ควบคุมอาหารอย่างเดียว พออนุมานได้ว่าก่อนมีปัญหาเจ้าตัวมีระบบการเผาผลาญที่ดีอยู่แล้ว เมื่อหัวใจกลับมาทำงานได้ปกติระบบต่างๆ ในร่างกายจึงกลับมาทำงานได้มีประสิทธิภาพตามเดิม
จะว่าดีมันก็ดี แต่ถ้ายังเบื่ออาหารอีกแบบนี้ไม่น่าจะไหว ผอมจนเขาแทบจับอุ้มได้แล้ว
“โอ๊ะ น้ำหนักลงอีกแล้วเหรอเนี่ย มิน่าล่ะกางเกงที่อัลเบิร์ตเพิ่งส่งมาให้ใหม่ถึงได้หลวม สงสัยต้องสั่งตัวใหม่ วาไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าผมจะซื้อกางเกงเพิ่มอีกสักหน่อย”
ทิวากานต์แทบจะทึ้งหัวตัวเอง เด็กนี่ก็ไม่ได้คิดอะไรเล้ยยย ถ้าสนใจเรื่องตัวเองพอๆ กับเรื่องกีตาร์หรือช้อปปิ้งคงดีหรอก เขาดีดหน้าผากอีกคนแล้วเรียกมากินข้าว บริการอย่างดีตักข้าวตักกับให้กะขุนน้ำหนักขึ้นอีกหน่อยสักห้าโลกำลังดี แต่เด็กฝรั่งดันกินเท่าแมวดมก่อนวางช้อนส้อมแล้วยกน้ำดื่ม
“อิ่มแล้ว”
“กินไปไม่ถึงครึ่งจานเลย กินอีกหน่อย” ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีวันได้พูดคำนี้กับเด็กที่เคยขดข้าวกินหมดหม้อคนเดียวมาแล้ว
“ไม่เอาแล้ว วากินเหอะ”
ได้ยินแบบนี้แล้วไอ้ที่หิวๆ ก็หมดอารมณ์กินได้เหมือนกัน ทิวากานต์วางช้อนบ้าง “ถ้าอัลไม่กินฉันก็ไม่กิน กินไม่ลงเหมือนกัน”
“ได้ไงอ่ะ วันนี้วาได้กินข้าวบ้างหรือเปล่าเหอะ กินดิ ไม่หิวหรือไง”
“ถ้าอยากให้กินก็กินเป็นเพื่อนกัน ไหนว่ารอกินข้าวเป็นเพื่อนไงทำไมทิ้งกันกลางทาง”
หน้าขาวหงอหน่อยๆ ก่อนยอมหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวกินอีกครั้ง เขารอจนอลันด์เคี้ยวหมดคำแรกถึงตักกินบ้าง พอคำต่อไปก็รอเหมือนเดิม คราวนี้ถึงกินไม่หมดจานแต่ก็มากจนเป็นที่น่าพอใจ
ทีแรกคุณหมอคิดว่าจะเริ่มกลับมาตุนขนมในห้อง แต่เมื่อคิดดีๆ แล้วว่าให้อ้วนเพราะน้ำตาลคงไม่ดีกับสุขภาพเลยหาอย่างอื่นเสริมแทนดีกว่า บางทีเขาคงต้องปรึกษาเรื่องนี้กับอาจารย์เจ้าของไข้อลันด์ตอนนัดครั้งถัดไป
“จะว่าไป...เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันเนอะ อีกไม่เท่าไหร่ก็จะอยู่ที่นี่ครบปีแล้ว” เด็กตัวแสบว่าหลังยกแก้วดื่มนมอุ่นๆ ก่อนนอน คราบขาวเป็นรอยโค้งปรากฏขึ้นเหนือริมฝีปากหยักสีแดงจัดให้คนมองอมยิ้ม
“นั่นสินะ เร็วจริงๆ”
“ตอนมาอยู่ที่นี่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้เหมือนกัน”
“อย่างไหน” ทิวากานต์หันหน้าไปดูคนข้างๆ ตวัดลิ้นเลียคราบนมบนปาก กริยายั่วไม่รู้ตัวกระตุ้นคุณหมอให้ก้มลงไปดูดลิ้นอีกคนในทันที “หือ ว่าไง เป็นอย่างไหน”
“มีแฟนเป็นผู้ชาย แก่กว่า แล้วก็เป็นหมอด้วย”
“หึหึ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ยังอยากให้เป็นอย่างนี้หรือเปล่า”
“ยังไงดีน้า...” ไอ้ตัวแสบแกล้งกรอกตาทำหน้าเจ้าเล่ห์พลางจิบนมในแก้วไปเรื่อย “ไม่รู้ดิ รู้แต่ตอนนี้มีความสุขเป็นบ้า”
“อยากอยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ เนอะ”
“อื้อ” อลันด์วางแก้วนมบนโต๊ะเตี้ยก่อนกอดแขนคนข้างกายแน่น “รักพี่วานะ”
“รู้แล้วน่า รักเหมือนกัน” คุณหมอรวบเอวอีกคนขึ้นมานั่งกอดบนตัก น้ำหนักตัวที่ลดลงไปยังคงทำให้เขาใจหายได้ทุกครั้งที่รู้ กระนั้นกลับอดพอใจกับสภาพนี้ไม่ได้ อลันด์เหมือนเป็นตุ๊กตาตัวเล็กๆ จะจับนั่งจับนอนหรือหิ้วไปที่ไหนก็ได้ น่ารักน่าฟัดเป็นที่สุด คิดแล้วก็ลงมือทำทันที เขาหอมแก้มใสซ้ายทีขวาทีสูดกลิ่นสบู่อ่อนๆ เข้าเต็มปอด อยากกลืนกินอีกฝ่ายเข้าไปทั้งตัวไม่ให้ใครได้เห็นอีก
“อ๊ะๆ พอเลย ให้แค่นี้พอ”
“หา?” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง เขาผละหน้าออกจากซอกคออีกคนเลยถูกฝ่ามือขาวจัดปิดปาก
“รู้หรอกว่าเดี๋ยวก็หยุด เรื่องอะไรจะปล่อยให้นัวเนียจนค้างอีก พอเลยนะ! จะเล่นตัวบ้างแล้ว รู้ไหมว่าหมอบอกให้งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อยหนึ่งเดือน นี่เพิ่งผ่านมาได้แค่สองสัปดาห์เอง เพราะงั้น...รอ - ไป - ก่อน - เถอะ!!!” ได้ยินคนเด็กกว่าพูดพูดเน้นตอกหน้าทีละคำทิวากานต์ก็ทำได้แค่กรอกตาขึ้นฟ้า
เขาจับโยนอีกคนกลับไปนั่งที่เดิม เด็กแสบก็รีบทำตัวเป็นเด็กดีหยิบแก้วนมขึ้นมาจิบต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ซ้ำยังผิวปากอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้
------------------------------------
1 - ค่าเงินปอนด์ ณ ตอนที่เขียนคือประมาณ 48 บาทต่อ 1 ปอนด์