TRACK 18
“อย่ากลับดึกมากนักล่ะ เป็นไปได้ก็งดแอลกอฮอล์ แต่ถ้าเมาอย่าขับรถเด็ดขาด อยู่ให้ห่างๆ พวกพ่นควันด้วย เครื่องช็อตไฟฟ้ายังอยู่ใช่ไหม เอาพกติดตัวไว้ซะ พรุ่งนี้เล่นดนตรีเสร็จไม่ต้องมารับนะเดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับเอง แล้วถ้ามีอะไรให้คิดถึงฉันก่อนเป็นคนแรกเสมอ เข้าใจนะ” คุณหมอหนุ่มสั่งยาวเหยียดประหนึ่งพ่อบอกลูกชายวัยหัดเที่ยว เขาหยิบกระเป๋าโน้ตบุ๊คกับแฟ้มขึ้นมาถือก่อนหันไปจุ๊บขมับอลันด์ที่ยังเคี้ยวแซนด์วิชอยู่ในปาก ไม่รออีกคนขานรับร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรก็พรวดพราดออกจากน้องมิ้ลค์ไป
เด็กฝรั่งกลืนซากขนมปังกับแฮมและผักกาดแก้วฝืดๆ ลงคอ คิ้วเรียวโก่งมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย ให้ตายเถอะให้พกของอันตรายแบบนั้นติดตัว ทิวากานต์คิดว่าเขาจะถูกปล้ำอีกหรือไง
เฮลโล... โธมัสกลับมิวนิคไปแล้วเถอะ
แม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่อลันด์ยอมเป็นเด็กดีหย่อนเครื่องช็อตไฟฟ้าใส่กระเป๋ากางเกงระหว่างรอนภมารับ วันนี้คิวไม่ได้ไปด้วยเห็นว่าเจ้าตัวต้องไปงานเลี้ยงกับที่บ้าน เริ่มกลัวขึ้นมานิดหน่อยแต่คิดไปเองว่าเพราะถูกทิวากานต์ไซโคมาต่างหาก
เกือบหกโมงเย็นนักร้องหนุ่มถึงปรากฏตัวขึ้นที่มหาวิทยาลัยพร้อมรถมินิที่อัดหนุ่มไฮโซกับหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นและหนุ่มแปลกหน้าไว้อีกคน แนะนำตัวกันแบบเร็วๆ เก่งกับชิก็ขอย้ายก้นมานั่งน้องมิ้ลค์ให้สบายตัวกว่าไปอัดกันอยู่ในรถคันเล็ก
“เดี๋ยวแสบขับรถตามไอ้นภไปเลยนะ” หนุ่มไฮโซว่าหน้าแฉล้ม วันนี้ลงทุนนั่งเบียดมากับรถคันเล็กจิ๋วของนภเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
“ศุกร์สิ้นเดือนรถท่าจะติดกว่าถึงคงเกือบสองทุ่มได้ เอาหนมหน่อยไหม” ชิ หรือ ซาโตชิหนุ่มครึ่งญี่ปุ่นยื่นถุงขนมขบเคี้ยวที่พกมาให้จากเบาะหลัง อลันด์ปฏิเสธไปทันทีบอกว่ากินเค้กรองท้องมาแล้วขืนกินมากกว่านี้คงยัดอะไรไม่ลงอีก
ขับรถตามตูดนภข้ามมาฝั่งธนฯ ได้ไม่เท่าไหร่เก่งก็ขอเปิดหน้าต่างดูดบุหรี่ จะห้ามก็ไม่กล้าด้วยเคารพอีกฝ่ายอยู่บ้างเลยแค่บอกให้ช่วยพ่นควันไปห่างๆ หน่อย พ่อหนุ่มเองเข้าใจเป็นอย่างดีเลยไม่มีปัญหาผิดใจกัน
พวกเขาคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้กันตลอดทาง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องดนตรีแล้วก็เรื่องวงในของวงการบันเทิงไทย ไม่พ้นเรื่องที่ว่าเก่งเคยคบกับดาราสาวคนไหนมาแล้วบ้างและตอนนี้กำลังจิ๊จ๊ะอิ๊อ๊ะกับใครอยู่ อลันด์รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างจนต้องออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ค่อยเปิดทีวีดูละครสักเท่าไหร่
ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงเต็มเพราะการจราจรอันติดขัดของกรุงเทพพวกเขาจึงถึงร้านเป้าหมายสักที ร้านที่นภพามาเป็นร้านอาหารค่อนไปทางบาร์ มีทั้งส่วนโอเพ่นแอร์และส่วนห้องแอร์ ตอนที่เข้าไปในร้านคนค่อนข้างบางตา วงดนตรีสดยังไม่ขึ้นเล่น มีเพียงเพลงเปิดผ่านลำโพงสร้างบรรยากาศแทนไปก่อน ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการส่วนมากล้วนเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยใกล้ๆ กัน
นภจองโต๊ะไว้ก่อนหน้าแล้วเป็นโต๊ะตรงกลางติดเวทีเรียกได้ว่าดีที่สุดของร้าน เมื่อทุกคนนั่งพนักงานร้านก็ปรี่เข้ามารับออเดอร์อย่างรู้หน้าที่ ชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันห้าคนแยกกันสั่งอาหารเสียงช้งเช้ง ทั้งกับแกล้มห้าอย่าง ข้าวผัดจานใหญ่ ยำวุ้นเส้นทะเล เอ็นหมูทอด ไส้กรอกย่าง ต้มยำน้ำข้นอีกถ้วย เบียร์สดหนึ่งทาวเวอร์ แล้วเปิดแบล็กสองขวดพร้อมน้ำแข็งกับมิกซ์เซอร์
ตาสีซีดกวาดมองรอบๆ ตัวด้วยความตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้าผับในต่างประเทศ ไม่ค่อยต่างจากผับแถวบ้านเขาเท่าไหร่ แต่แค่คิดว่าครั้งนี้เขามาเองได้โดยไม่ต้องมีผู้ปกครองพามาเหมือนตอนอยู่อังกฤษก็ชวนให้ตื่นเต้นไม่น้อย
“ชนกันหน่อย” นภชูแก้วเหล้าขึ้นสูงไล่ชนตั้งแต่เพื่อนตัวเองจนมาถึงน้องรักอย่างอลันด์ “เฮ้ พี่พามาเลี้ยงทั้งทีดื่มน้ำเปล่าได้ไง”
“วาไม่ให้ดื่มนี่นา”
“โหน้อง หมอวาไม่ใช่พ่อนะครับไม่ต้องเชื่อมากก็ได้ ดื่มนิดดื่มหน่อยหมอไม่รู้หรอก มาๆ เดี๋ยวพี่ชงให้ เอาอ่อนๆ เลย” หนุ่มเก่งกุลีกุจอรีบเอื้อมมือไปหยิบแก้วใบใหม่ขึ้นมาชงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้คนเด็กสุด
คืนนี้ต้องเมา ไม่เมาไม่เลิก! “แต่ว่า...” อลันด์ลังเล ใจอยากสนุกไปกับเขาด้วย แต่กลัวโรคหัวใจตัวเองก็กลัว กลัวคุณหมอหน้าดุโกรธก็ใช่
“รีแล็กซ์หน่อยนะครับ นะ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก พี่แอบไปถามหมอคนอื่นมาแล้วเขาให้กินได้นิดๆ หน่อยๆ สนุกกันดีกว่า เราเป็นตัวเด่นนะวันนี้จะมานั่งเงียบๆ ได้ไง”
“ใช่ๆ งานนี้เพื่อนักร้องคนเก่งนะ อย่าเหนียมนักเลย ดื่มกันดีกว่า”
พอถูกยุจากรอบโต๊ะสุดท้ายหนุ่มลูกครึ่งก็ยอมหยิบแก้วเหล้าจากมือเก่งขึ้นดื่ม รสขมปร่าของแอลกอฮอล์กับรสซาบซ่าของโซดาบาดคอจนต้องร้องฮ่าออกมาเสียงดัง นานหลายเดือนเชียวที่เขาไม่ได้แตะอะไรพวกนี้เลย ยังดีหน่อยที่ในห้องแอร์ห้ามสูบบุหรี่ไม่งั้นเขาคงยิ่งรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ตัวเองถูกรมควันหลังหลีกมาได้ตั้งนาน
เด็กหนุ่มห้าคนกินข้าวดื่มเหล้าเบียร์กันเฮฮา ไม่ทันไรนภก็หน้าแดงขอยอมแพ้คนแรกตั้งแต่ยังไม่พ้นชั่วโมงแรกดีด้วยต้องขับรถกลับ อลันด์เองก็หน้าแดงแจ๋เพราะผิวขาวใสกว่าใครแต่เจ้าตัวยังไม่แม้แต่รู้สึกกรึ่มเพราะปริมาณที่ดื่มเข้าไปมีน้อยมาก สามคนที่เหลือเลยจัดการยัดเหล้าเข้าปากกันไม่ยั้ง
สักสามทุ่มวงดนตรีสดประจำวันขึ้นมาบนเวที เป็นวงทรีโอ มีกีตาร์ เชลโล่ และกลอง สองในสามเป็นชาวต่างชาติที่ดูปราดเดียวรู้ได้ทันทีว่ามาจากตะวันตก อีกคนเป็นเอเชียผมดำสนิทแต่ผิวขาวเหมือนสำลี
นักร้องนำพ่วงกีตาร์ตัวสูงมากแม้นั่งบนเก้าอี้ขายังเลยเวทีออกมา ไว้ผมยาวระต้นคอเลี้ยงหนวดจางๆ แผงอกที่โผล่พ้นเสื้อยืดคอกว้างออกมาก็มีแต่ขน ดูผ่านๆ แล้วคล้ายซีเรียส แบล็กเพิ่งออกจากคุกอัซคาบันยังไงยังงั้น ทว่าชายหนุ่มคนนี้กลับดูใจดีเพราะดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใสซื่อไม่มีพิษมีภัย เขาไม่ได้แนะนำตัวอะไรก่อนมาถึงก็เล่นเพลงเลย
‘Honey, you're familiar like my mirror years ago
Idealism sits in prison, chivalry fell on its sword
Innocence died screaming, honey, ask me I should know
I slithered here from Eden just to sit outside your door’1อลันด์โยกตัวตามจังหวะดนตรี แนวเพลงที่วงนี้เล่นเป็นแจ๊ซประยุกต์ฟังได้เรื่อยๆ เหมาะกับไปเล่นในบาร์ชั้นสูงมากกว่าร้านเหล้าที่มีแต่พวกเด็กๆ ส่งเสียงโวยวาย
ยามเสียงเพลงจบลงนภกับเพื่อนๆ ก็ตบมือเป่าปากเสียงดัง ตอนนั้นเด็กลูกครึ่งถึงรู้ว่าเพื่อนคนที่นภว่าคือคนนี้นี่เอง
“สวัสดีครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับค่ำคืนนี้ และขอมอบเพลงนี้ให้แก่หนุ่มน้อยชาวต่างชาติโต๊ะหน้าสุด
To Be Alone” ชายหนุ่มพูดเป็นภาษาไทยไม่ชัดเท่าที่อลันด์พูดแต่ถือว่าชัดที่สุดเท่าที่ชาวต่างชาติคนหนึ่งจะพูดได้
เด็กลูกครึ่งหน้าร้อนผ่าวตอนสายตาอบอุ่นนั้นมองมาที่คนบนเวทีตอนบอกจะเล่นเพลงนี้เพื่อเขา อลันด์นั่งฟังเพลงชื่อน่ากลัวแต่กลับอ่อนหวานเมื่อบอกว่าจะ
‘alone with you’ ต่อให้อยู่ในที่ไม่ชอบแต่ถ้ามีเธออยู่ด้วยมันก็โอเค...
สามหนุ่มบนเวทีเล่นดนตรีต่อเนื่องอีกชั่วโมงเต็มๆ ก่อนลงมาพักที่โต๊ะของนภ นักร้องนำรับแก้วเหล้าจากมือชงอย่างเก่งไปจิบพลางเซย์เฮลโลรอบโต๊ะ
“แสบ นี่แอนดรูว์ คนที่ตีกลองชื่ออเล็กซ์ ส่วนคนนู้นเอลเล่นเชลโล่ ทั้งหมดนี่เพื่อนพี่เอง เรียนเอกดนตรีอยู่ที่ม. ใกล้ๆ นี่แหละ”
“อลันด์ เรียกอัลหรือแสบตามพี่นภก็ได้” เด็กหนุ่มไล่จับมือทักทายทีละคนตามการแนะนำ พูดคุยกันไม่ทันไรก็รู้จักกันหมด แอนดรูว์กับอเล็กซ์เป็นไอริชที่บ้านทำธุรกิจด้วยกัน พอพ่อแม่ย้ายมาขยายธุรกิจที่นี่เลยย้ายตามมาด้วย อยู่เมืองไทยมาแล้วหกปี ส่วนเอลเป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ปักกิ่ง เลือกมาเรียนต่อที่ไทยโดยเฉพาะ
แอนดรูว์เป็นผู้ชายใจดีน่ารักตามคาด แม้จะตัวสูงพอๆ กับโธมัสแต่ตัวผอมบางและพูดจาเสียงเบาดูค่อนข้างขี้อาย แม้แต่ตอนจับแก้วนิ้วเรียวยาวยังค่อยๆ ประคองถือเหมือนกลัวแก้วเหล้าหนาหนักนั่นจะแตก ส่วนอเล็กซ์ไม่ค่อยพูดจาทั้งที่เจ้าตัวดูค่อนข้างซุกซนด้วยสายตาวิบวับเหมือนฝาแฝดจอมป่วนบ้านกริฟฟิธส์ หากคงมีรอยยิ้มประดับใบหน้าให้เพื่อนร่วมโต๊ะตลอดเวลา ผิดกับหนุ่มจีนที่ล้งเล้งกับพวกเก่งเสียงดังลั่น
เขาขอแลกอีเมล์ไว้ติดต่อกันเรื่องดนตรีเรียบร้อย สักพักนักดนตรีทั้งสามคนขอตัวกลับไปทำหน้าที่ต่อ พวกนักดื่มประจำโต๊ะเริ่มดวดกันหนักขึ้น ซาโตชิกับเพื่อนของนภอีกคนที่อลันด์นึกชื่อไม่ออกลากกันไปท้าเล่นพูลกับโต๊ะอื่น เก่งยังตั้งหน้าตั้งตาชงเหล้าคะยั้นคะยอให้เจ้าของงานตัวจริงดื่มไปอีกหลายแก้วจนเริ่มมึนๆ แดงไปทั้งตัว
พอเมาความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวเหมือนไวรัสร้ายเข้าครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์ อลันด์ดูทุกคนมีความสุขสนุกสนาน ส่วนเขากลับเหงาเพราะไม่มีผู้ชายหน้าดุอยู่ใกล้ๆ ผู้ชายคนนั้นช่างร้ายกาจยิ่งกว่าแอลกอฮอล์ที่กำลังทำพิษใส่เขา มาทำให้เขาเสพจนติดจนขาดไม่ได้
เด็กหนุ่มก้มดูเวลาที่ข้อมือตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้วเขายังนั่งอยู่ร้านเหล้าอยู่เลย ถึงทิวากานต์ไม่บีบบังคับให้ต้องกลับก่อนสี่ทุ่มตามที่พูดไว้ก็จริงแต่เขาไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้แล้วเหมือนกัน ถ้าต้องนั่งเบื่อคิดถึงอีกคนเป็นบ้าอยู่นี่สู้กลับไปนอนกอดหมอนข้างดมกลิ่นคุณหมอที่ห้องให้หายอยากดีกว่า
ตกลงกับความคิดตัวเองเสร็จสรรพ นิ้วเรียวรีบยื่นออกไปสะกิดเรียกนภที่กำลังฝอยแตกฟองกับสาวโต๊ะข้างๆ ที่จำนักร้องหนุ่มชื่อดังได้ อลันด์บังคับปากกับลิ้นตัวเองแจ้งความประสงค์ออกไปทั้งเสียงอ้อแอ้หน้าแดงก่ำ “พี่โนบบบ โก โฮมมม”
เผลอแป๊บเดียวเด็กที่รับปากจะดูแลดันเมาแอ๋เสียแล้ว ชายหนุ่มเจ้ามือตกใจหน้าซีดรู้สึกแววเงาหัวขาดมาแต่ไกล จำได้ว่าทิวากานต์บอกห้ามพาน้องกลับเกินสี่ทุ่มแต่ตอนนี้วงดนตรีของแอนดรูว์กำลังทยอยลงจากเวทีเข้าไปเก็บอุปกรณ์หากินหลังร้าน แสดงว่าเลยเวลาเคอร์ฟิวมาตั้งสองชั่วโมง!
ก่อนจะซวยมากกว่านี้เขารีบเรียกเช็คบิล ตะโกนบอกเพื่อนอีกสองคนให้กลับมาที่โต๊ะเตรียมพากันกลับ มือเปิดกระเป๋าเงินออกมาเตรียมควักจ่ายจะได้รีบไปกันเสียที
“เมาแล้วเหรอเนี่ย คออ่อนว่ะ” หนุ่มมือชงเย้ย เป็นเก่งเองนี่แหละที่จงใจเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์ทีละนิดให้เด็กลูกครึ่ง แต่คนชงใช่จะรอด สภาพเหมือนจะแย่กว่าด้วยซ้ำดีแค่ว่าลิ้นยังไม่พันกัน
“ม่ายมาว แค่มึนๆ” เถียงกลับยืนยันว่าตัวเองไม่เมาด้วยการลุกขึ้นยืน ตัวเล็กเซนิดหน่อยแต่กลับมายืนตรงได้เพียงแป๊บเดียว “ข้าวโห้งน้ามแปบ”
“ให้พาไปไหม”
“โน๊ววว ไอ แคน” เด็กหนุ่มปฏิเสธคำช่วยเหลือจากนภก่อนเดินแหงนคอหน้าตั้งไปทางห้องน้ำตามที่ซาโตชิชี้นิ้วบอก
อลันด์หัวเราะเบาๆ เมื่อคิดว่ากลับไปเขาคงต้องทำลายหลักฐานการเมาของตัวเองให้เกลี้ยงห้ามเหลือแม้แต่กลิ่น ทิวากานต์น่ะหูตาไวจมูกดีเหมือนหมาตำรวจ ลองเหลืออะไรติดนิดติดหน่อยเป็นได้ความแตกพอดี
เด็กฝรั่งยืนประจำหน้าโถ รูดซิปปลดกระดุมจัดการตัวเองตามเรื่องตามราว หน้าใสแหงนไปด้านหลังจนคอตั้งหลับตาพริ้ม รู้สึกสบายตัวจนร้องครางออกมาเบาๆ หลังปล่อยแอลกอฮอล์บางส่วนออกเรียบร้อยสติที่เหมือนถูกกดไว้ค่อยๆ คลายออก หัวโล่งตัวโล่งโปร่งสบาย
เก็บอาวุธเรียบร้อยยืนตั้งสติอีกแป๊บก็เดินตาปรือเบี่ยงตัวหลบผู้ชายตัวใหญ่ๆ สองคนเข้าไปล้างมือตรงอ่าง ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังแต่เสียงจูบจ๊วบจ๊าบมันดังเข้ามาในหูจนหน้าแดงเพิ่มสีเข้มกว่าเดิม ให้ตายเถอะ หลบไปจูบกันในห้องน้ำได้ไหม หน้าไม่อายกันจริงๆ ผู้ชายพวกนี้...
เดี๋ยวนะ! ผู้ชายพวกนี้!!! ไอ้ที่ทำท่าเหมือนจะหลับเมื่อกี้กลายเป็นว่าตื่นเต็มตา อลันด์เห็นตัวเองทำหน้าเหรอหราใส่กระจก โคตรตลกแต่ตอนนี้ขำไม่ออกเพราะผู้ชายสองคนที่สะท้อนใส่นัยน์ตาสีซีดกลับคลับคล้ายคลับคลา เหมือนฝรั่งไอริชสองคนบนเวทีเมื่อกี้เดี๊ยะเลย!
“Oh… little kitty” แอนดรูว์ครางเบาๆ ดวงตาที่เคยตัดสินไปว่าใสซื่อเปลี่ยนเป็นดวงตาของหนุ่มแบดบอยหมดจดกวาดมองอลันด์ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนฉีกยิ้มหวานให้
“ขะ ขอโทษ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ไม่รู้ทำไมต้องขอโทษทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนผิด ถ้าเป็นเวลาปกติมีสติเต็มร้อยเด็กหนุ่มคงสบถใส่โทษเกะกะฐานขวางทาง
“จะกลับกันแล้วเหรอ ยังไม่คุยกันเท่าไหร่เลย” อเล็กซ์โผล่หน้ามาจากช่วงไหล่ของเพื่อนซี้ตัวสูง พอมายืนเสมอกันแบบนี้แล้วอลันด์ตระหนักได้อีกอย่างว่าอเล็กซ์เองไม่ได้เตี้ยเลย ดีไม่ดีสูงพอๆ กับทิวากานต์ด้วยซ้ำ มีแต่แอนดรูว์เท่านั้นแหละที่สูงเกินไป พาลโทษมาถึงพ่อตัวเองว่าถ้ามีเชื้อไอริชสักหน่อยเขาคงไม่เตี้ยขาสั้นแบบนี้
“อือ พี่นภเช็คบิลแล้ว” เด็กหนุ่มชกใต้คางตัวเองเบาๆ แก้เก้อ ตาสีซีดเสมองพื้นกระเบื้องดำวับ “เอ่อ...พวกนาย...คบกันเหรอ”
“คิดว่าไงล่ะ” คำถามค่อนข้างเสือกพอสมควรแต่อเล็กซ์กลับฉีกยิ้มช่วยเด็กหนุ่มตัวเล็กหาคำตอบ
แอนดรูว์เบ้ปากบิดคิ้วแสร้งทำเป็นคิด ทันใดนั้นเขาจับตัวเพื่อนวัยเด็กเหวี่ยงให้มายืนข้างกัน “เราคงไม่จูบกับคนที่เรารู้สึกแย่หรอกใช่ไหม”
“พวกนายคบกัน?”
“นายรังเกียจ?”
“ไม่ๆ ไม่ได้หมายความว่างั้น แค่แปลกใจคิดไม่ถึงว่าพวกนายจะมีความสัมพันธ์กันแบบนั้น ฉันเข้าใจพวกนายนะ แบบว่า...บางทีคนที่เรารักอาจจะเกิดมาเพศเดียวกันกับเราอะไรแบบนี้”
“คำตอบเมื่อกี้ทำให้นายดูดีขึ้นอีกสิบเท่า” อเล็กซ์ตบมือเปาะแปะ
“ฉันไม่ได้พูดเอาใจหรือว่าโลกสวยหรอกนะ แต่แบบว่า...ฉันมีแฟนเก่าสาวสวยที่เพิ่งผันตัวไปเป็นไบเซ็กช่วล มีเพื่อนที่ชอบผู้ชาย แล้วที่ประเทศฉันก็มีกฎหมายให้เพศที่สามแต่งงานกันได้” เขามองหน้างงๆ ของสองหนุ่มชาวไอริชที่ฟังเขาพล่ามประโยคอ้อมโลกเมื่อครู่ออกมา เด็กหนุ่มรู้สึกว่าแอลกอฮอล์ในตัวไม่ได้หายไปกับโถฉี่ทั้งหมด ยังมีบางส่วนตกค้างและทำให้เขาประมวลผลช้าและหมดยางอาย “แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังคบกับผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน”
“โอ้ว - มาย - ก็อด เซอร์ไพรส์สุดๆ” แอนดรูว์กระซิบเสียงแหบหน้าตายหากสายตาบอกว่าตกใจ เรียกได้ว่ามีอาการไม่ต่างกันเท่าไหร่นักเมื่อรู้ความลับของกันและกัน อลันด์ดูเหมือนเด็กผู้ชายซนๆ ธรรมดาไม่น่าจะเป็นเกย์ได้
“ฉันไม่ได้เป็นเกย์” อลันด์ท้วงเหมือนรู้ความคิดอีกฝ่าย “ฉันก็เหมือนพวกนาย แค่คนที่ชอบเป็นผู้ชาย ฉันเลยเข้าใจ ส่วนเมื่อกี้ก็แค่ตกใจนิดหน่อย”
“ไอ - ซี” สองหนุ่มไอริชพร้อมใจกันขานรับ ก่อนที่อเล็กซ์จะทำหน้าทะเล้น “แต่ที่นี่ไม่ใช่อังกฤษ ถึงเหมือนจะเสรีเรื่องเพศที่สามแต่ก็แค่เปลือก เพราะงั้นมันจะเป็นความลับระหว่างเรา”
“แน่นอน เราเป็นเพื่อนกันแล้วนิ” อลันด์ฉีกยิ้มให้ทั้งคู่รู้สึกดีก่อนชกกำปั้นกับทั้งสองคนตอกย้ำสัญญาลูกผู้ชาย “แต่ถ้าความลับแตกเพราะพวกนายมายืนจูบกันประเจิดประเจ้อฉันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
“ฉันบอกแอนดรูว์ให้อดทนแล้ว แต่อย่างว่า...พวกเอาแต่ได้มักเอาแต่ใจ”
“ฉันรู้จักคนนึงที่เหมือนเขาเลย” อลันด์หัวเราะคิกเหมือนนึกไปถึงผู้ชายเอาแต่ใจตัวโตที่เพิ่งกลับมิวนิคไปเมื่อคืนวาน
“แต่ไม่เคยโกรธลงจริงๆ จังๆ สักครั้ง”
“แหงล่ะ นายชอบให้ทำจะตาย”
“แสบ! อ้าว แอนดรูว์ อเล็กซ์” หน้าของหนุ่มลูกครึ่งโผล่เข้ามาขัดได้จังหวะยั้งกำปั้นอเล็กซ์ค้างไว้อากาศได้ทันก่อนจะพุ่งไปกระทบหน้ารกหนวดของแอนดรูว์ ชาวต่างชาติสามคนหัวเราะแห้งๆ ใส่กันท่าทางมีพิรุธตอนมองซาโตชิ “ทำอะไรกันอยู่น่ะแสบ ฉันนึกว่านายเมาสลบคาส้วมไปแล้วซะอีก”
“โทษทีครับ พอดีคุยกับสองคนนี้เพลินน่ะ”
“อ้อ งั้นไปกันเถอะ ไอ้นภเช็คบิลเสร็จเป็นชาติแล้ว”
“ครับๆ ไว้คุยกันนะ” ท้ายประโยคหันไปบอกสองเพื่อนใหม่ก่อนร่างเล็กๆ จะรีบเดินตามหลังชิออกไป
นภทำหน้าโล่งใจเมื่อเห็นอลันด์เดินกลับมาจากในห้องน้ำ เขานึกว่าหนุ่มน้อยลูกครึ่งไข่ในหินของคุณหมอจอมโหดจะเมาคอพับคาห้องน้ำไปแล้ว แต่พอได้ยินเจ้าตัวอธิบายว่ายืนคุยกับเพื่อนนักดนตรีของเขาเพลินไปหน่อยก็ไม่ว่าอะไร แถมยังกลับมาพูดได้คล่องปร๋อลิ้นแข็งไม่อ้อแอ้แล้วแสดงว่าไม่เมามากจริงๆ
มือข้างหนึ่งยกขึ้นขยี้หัวอีกฝ่ายเล่นแก้อาการมันเขี้ยวแล้วทิ้งตัวลงมากอดคออีกฝ่ายไว้หลวมๆ อลันด์เล่นน่ารักขนาดนี้พอจะเข้าใจทิวากานต์ที่ทั้งห่วงทั้งหวงอยู่หรอก แต่เด็กผู้ชายถ้าไม่เฮ้วบ้างเสียชาติเกิดกันพอดี
“เส้นนี้ด่านเยอะด้วย แบ่งกันกลับเหมือนขามาแล้วกัน เดี๋ยวคันน้องแสบกูขับเอง ห่าเก่งเมาแล้วช่วยยืนเฉยๆ หน่อย” ซาโตชิที่ดื่มแค่เบียร์ไปสองแก้วว่า อย่างน้อยตอนเจอด่านโดนจับเป่าจะได้รอด แต่ตอนนี้เขาต้องยัดไอ้เพื่อนไฮโซเข้าไปนอนหลังรถก่อน
นักร้องหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย นัดแนะกันว่าเดี๋ยวไปส่งอลันด์ที่คอนโดก่อน จากนั้นถ้าจะไปต่อก็ค่อยว่ากันอีกที
“แสบช่วยดูไอ้เก่งมันหน่อยนะ เดี๋ยวพี่ขับรถให้เอง”
“ครับๆ” เจ้าของรถรับคำอย่างเสียไม่ได้ เขาสอดเข้าไปนั่งเบาะหลังจับเก่งให้นั่งดีๆ ตอนนี้ขออย่างเดียวอย่ามาอ้วกใส่น้องมิ้ลค์แล้วกัน ต่อให้เป็นคนสนิทก็มีเคือง
นิสสันคิวบ์สีขาวค่อยๆ คลานออกจากร้านตามหลังรถมินิของนภไปแบบไม่รีบ ดึกค่อนคืนแล้วทางโปร่งวิ่งสบายซ้ำถนนเส้นนี้ยังไม่ค่อยมีรถวิ่งมากนักนอกจากรถบรรทุกที่มากันเป็นขบวนชวนเสียวตลอดทาง
“อื้อ พี่เก่งนั่งเฉยๆ สิ”
เด็กฝรั่งบ่นอุบเมื่อคนเมาเริ่มเลื้อยตัวจนทับเขาไปทั้งแถบ สองมือพยายามดันอีกคนออกแต่พ่อหนุ่มไฮโซกลับตัวหนักเกินคาด ฉุดกันไปฉุดกันมากลายเป็นว่าเก่งนอนกอดเอวอลันด์เอาซุกหน้ากับตักอีกคนเหมือนหมาตัวโตๆ อลันด์คงยอมให้อีกฝ่ายนอนกอดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงคอนโดถ้าสองมือจะอยู่ไม่สุขเลื้อยเข้ามาใต้เสื้อยืดเขาจนต้องจับไว้ก่อนไปถึงไหนต่อไหน
“เฮ้ยๆ หยุดเลยพี่หยุด พี่ชิ เพื่อนพี่ทำไมเมาแล้วเป็นงี้เนี่ย”
“ไอ้เก่งมันทำอะไรเรอะ”
“ลูบผมจนขนลุกหมดแล้ว เอามือออกไปเลยนะ!” ไอ้ตัวแสบโวยวายเสียงสนั่นมีเสียงหัวเราะของคนขับแทรกเป็นแบคกราวน์เหมือนเป็นเรื่องตลก แต่คนโดนน่ะไม่ตลกด้วย แทนที่จะขนลุกด้วยความสยิวกับเป็นลุกด้วยความสยองแทน มั่นใจสุดๆ ว่าตัวเองไม่ใช่เกย์ก็ตอนนี้เพราะเขาไม่ได้รู้สึกดีกับสัมผัสของผู้ชายด้วยกันสักนิด
“อารายกาน จับนิดจับโหน่ยมาทามเปนหวงตัว” หนุ่มไฮโซผงกหัวขึ้นมาอ้อแอ้ต่อว่า พยายามใช้สองมือลูบผิวขาวนุ่มเนียนมือใต้ร่มผ้าสุดความสามารถ
“เล่นแบบนี้ไม่ตลกนะพี่เก่ง เป็นเกย์หรือไงมาลวนลามผู้ชายเนี่ย เมาแล้วก็นอนเฉยๆ ไปสิ”
“ม่ายด้ายเปนนน แต่อยากด้ายอ่ะ แสบน่าร้ากกก พี่อยากด้ายยย ขอพี่เหอะนะ”
มือขาวรีบดันหน้าอีกคนไว้ได้ทันก่อนริมฝีปากจะแตะกัน หากกลับเป็นการเปิดโอกาสให้อีกคนรวบตัวกดไปนอนกับเบาะและขึ้นคร่อมได้ถนัดขึ้น ลำตัวหนาแทรกเข้ากลางหว่างขากันอีกคนเตะเข้ากล่องดวงใจ อลันด์ชักไม่คิดแล้วว่าเก่งจะเมาจริง คนเมาบ้าอะไรแรงเยอะชิบหายดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุดสักที
“ฮ่าๆๆๆ ทามมายดื้องี้ล่า หรือเพราะพี่ม่ายหล่อล่ำเหมือนผัวฝรั่งผมทองของน้อง หือ?”
“จะบ้าเหรอวะ!!! ใครผัวใครพูดให้มันดีๆ นะพี่เก่ง เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว กับโธมัสนั่นแค่เพื่อนกัน แล้วที่สำคัญผมไม่ได้เป็นเกย์! พี่ชิมาดึงเพื่อนพี่ออกไปเลยนะ”
“มีแฟนเป็นผู้ชายแล้วยังบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์อีกเหรอ อย่าโกหกน่า พี่ได้ยินที่เราพูดกับพวกแอนดรูว์ที่ห้องน้ำนะ ไอ้เก่งมันหล่อเหมือนกันนะเว้ย บ้านก็รวย แถมอยู่ใกล้กว่าผัวน้องอีก ยอมๆ มันไปเถอะคิดซะว่าแก้เหงาตอนที่ผัวไม่อยู่แล้วกัน”
แทนที่จะได้ความช่วยเหลือ อลันด์กลับพบว่าลูกครึ่งญี่ปุ่นคนนี้ก็เข้าใจเขาเรื่องโธมัสผิดเหมือนกัน ซ้ำยังพูดจาหยาบโลนดูถูกตัวเขาอีกต่างหาก
เด็กฝรั่งโกรธจนเลือดขึ้นหน้า พยายามดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดแต่กลับพบเข้ากับความจริงที่ว่าเขาอ่อนแอเกินกว่าจะสู้กับอีกคนได้ นึกโทษแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป โทษที่ลดน้ำหนักจนหมดเรี่ยวหมดแรง โทษไอ้โรคบ้าๆ ที่ทำให้เขาเริ่มเหนื่อยหอบจนหน้ามืด โทษโธมัสที่ทำให้คนพวกนี้เข้าใจผิด โทษแม่ที่ทำให้เขาเกิดมาตัวเล็ก
แต่ที่น่าโมโหสุดคือตัวเองที่ไม่ยอมเชื่อทิวากานต์ตั้งแต่แรก... น้ำตาไหลอาบเมื่อคิดถึงผู้ชายคนนั้น ถ้าเพียงแต่เขาฟังอีกคนพูดเตือนบ้างก็คงดี เขาคงจะไม่ต้องมาเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้
“ร้องห้ายทามมาย เก็บแรงไว้ร้องครางก่าพี่คืนเน้ดีฝ่า”
“เชิญไปร้องหาพ่อมึงคนเดียวเถอะ!”
อลันด์อาศัยช่วงอีกคนเผลอซัดกำปั้นเข้าหน้าเต็มแรง เก่งร้องโอดเอามือกุมหน้าช่วงที่โดนต่อยเลยถูกเด็กฝรั่งตัวแสบเอาเท้ายันเข้ากลางอกอีกที รถทรงสี่เหลี่ยมถึงกับเป๋จนคนขับร้องเหวอเกือบไปสอยตูดรถบรรทุกคันข้างหน้าเข้าแล้วไหม
“โอ๊ย ไอ้เด็กเชี่ยยย!!! อ๊ากกกกกก!!!!!!”
“เฮ้ย มึงทำไรเพื่อนกูวะ” หนุ่มลูกครึ่งหันขวับมองเหตุการณ์ชุลมุนที่เบาะหลัง ตาตี่ๆ เบิกค้างเมื่อเห็นเพื่อนไฮโซนอนแบ่บหมดสภาพ ส่วนไอ้ตัวแสบถือเครื่องช็อตไฟฟ้าจ่ออยู่ที่คอ ซาโตชิกลืนน้ำลายช้าๆ กลัวอลันด์บ้าเอาไอ้วัตถุอันตรายจี้ตัวเขาตอนนี้ได้ตายกันทั้งรถพอดี “พี่ว่า...ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่าไหม เก็บไอ้นั่นไปก่อนเหอะ ได้ไม่คุ้มเสียนะเว้ย”
“จอดรถ”
“ห๊ะ!”
“บอกให้จอดรถไงวะ!”
ขอมาเขาก็จัดให้ ซาโตชิกระทืบเบรกเต็มแรง ตัวรถกระตุกวูบพาไถลลงข้างทาง สองคนที่เบาะหลังไหลมากองกันพื้น โชคดีที่อลันด์ทับเก่งเข้าเต็มท้อง ไอ้คนโดนช็อตที่เริ่มมีสติเลยจุกสลบเหมือดไปอีกรอบ แต่โชคร้ายคือเครื่องช็อตไฟฟ้าดันหลุดมือกลิ้งไปใต้เท้าคนขับนี่สิ!
หายนะโคตรๆ!!! “หนอย...ตัวแค่นี้ แสบนักนะมึง”
“Shit!” ตาสีฟ้าซีดเบิกกว้างตอนเห็นหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นหยิบอาวุธของเขาขึ้นมาถือไว้เอง ร่างเล็กรีบปีนขึ้นกลับเบาะหลัง สองมือลนลานจับประตูรถพยายามเปิดออกไปแต่ติดล็อคในขณะที่ซาโตชิกำลังปีนจากเบาะหน้ามาจัดการเขา
“กูจะสั่งสอนมึงทบต้นทบดอกที่ทำเพื่อนกูเจ็บให้จำจนตายเลยว่าอย่ามาหือกับพวกกูอีก แค่ยอมง่ายๆ แค่เนี๊ยะทำโวยวายจะเป็นจะตายเหมือนพวกผู้หญิง ของมันเคยๆ อยู่แล้วจะหวงทำไมวะ”
“เคยพ่อมึงสิ ถึงกูจะชอบผู้ชายแต่กูก็เลือกเว้ย” หน้าสิ่วหน้าขวานแต่อลันด์ยังปากดีตอบโต้คนที่ดูถูกตน ตาสีซีดพยายามเพิ่งมองในความมืดหาอะไรก็ได้ที่จะใช้มาเป็นอาวุธสู้กับอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เจออะไรที่มีประโยชน์เลยนอกจากกระเป๋าเป้อัดแน่นไปด้วยสมุดหนังสือ
ตอนที่ลังเลว่าจะหยิบกระเป๋ามาปาอัดหน้าไอ้ครึ่งปลาดิบนี่หรือปีนหนีไปหลังรถที่ปกติใช้เก็บกีตาร์แต่วันนี้โล่งมีที่พอให้ยื้อเวลาได้อีกหน่อย มือดันไปลื่นไปกดปลดล็อคประตูได้พอดี อลันด์รีบผลักประตูออกกว้างพาตัวเองพุ่งออกมาล้มลุกคลุกคลานบนถนนเห็นซาโตชิทำท่าจะพุ่งตามออกมาจับเขากลับขึ้นไป อลันด์จึงพยายามลุกขึ้นทั้งที่ขาหมดแรง เหนื่อยแทบขาดใจ ทุกครั้งที่เอาอากาศเข้าปอดเหมือนมีใครมาทุบอกเจ็บร้าวไปหมด
คราวนี้ถ้าโดนจับได้อลันด์คงหมดแรงหนีแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากให้คนชั่วพวกนั้นมาโดนตัวอีก ถ้าเป็นแบบนั้นยอมตายตรงนี้เสียดีกว่าถูกย่ำยีศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
ตอนที่ตัดสินใจได้เด็กหนุ่มรู้สึกตาพร่าไปหมด ไม่ใช่เพราะน้ำตาแต่ด้วยแสงไฟสว่างจ้าพร้อมเสียงบีบแตรของรถบรรทุกดังลั่นไปทั้งถนน
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงชั่วแวบเดียว พอรู้ตัวอีกทีอลันด์ก็นอนกลิ้งอยู่บนทุ่งหญ้าข้างทางมองไฟท้ายน้องมิ้ลค์ค่อยๆ หายไปจากสายตา หัวใจที่กระหน่ำเต้นแรงจนเจ็บอกค่อยๆ เต้นช้าลง ตอนนี้เขาเหนื่อยมาก...เหนื่อยจนอยากหลับตาไปเสียตอนนี้เลย!
.
.
.