★||| เล่ห์ · รัก · ร้าย ตอนที่ 24 |||★ [30/11/58] ลุงอ้าย-มิน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★||| เล่ห์ · รัก · ร้าย ตอนที่ 24 |||★ [30/11/58] ลุงอ้าย-มิน  (อ่าน 24387 ครั้ง)

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม










***นิยายเรื่องนี้
เรียบเรียงขึ้นมาจากจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น
หากบังเอิญไปตรงกับชื่อผู้ใด คนเขียนขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ผู้เขียนตั้งใจรังสรรค์ผลงานด้วยความสุจริตใจ
ไม่มีเจตนาพาดพิงหรือทำให้เสื่อมเสียใดๆ ทั้งสิ้น
ขอบคุณค่ะ****





เปิดเรื่อง
6/09/58

ปิดเรื่อง
-/--/--


 
 :mew1:
สวัสดีคุณผู้อ่านที่น่ารัก
หนูนานะคะ
เขียนนิยายวายมาหลายเรื่อง
และเรื่องนี้อีกเรื่องที่ภูมิใจนำเสนอ
จะพยายามจัดหน้ากระดาษจะทำให้เรียบร้อยอ่านง่ายนะคะ มากี่รอบก็งงทุกรอบ เง้อออ
 

 
 

ปล. ตกแต่งได้ไม่มากนะคะ
คงไม่มีนักอ่านตัดสินใจอ่านนิยายเพราะไม่ตกแต่งหน้าปกเยอะๆ หรอกใช่ไหม
 


เรื่องโดยย่อ
มิน เป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่นจากครอบครัว  เมื่อบิดาเสียไปเพราะอุบัติเหตุ เขามักมีปัญหากับปรางคณางผู้เป็นมารดาเสมอ เด็กหนุ่มตัดสินใจหนีออกจากบ้านหลังจากทนไม่ได้ เมื่อรู้ข่าวร้ายว่ามารดาคิดมีสามีใหม่ แต่เคราะห์ซ้ำกำซัด เงินที่มีร่อยหรอลงไป ถูกหลอกให้ขายตัวกับเสี่ยเจ้าของบ่อน
 
มินหนีหัวซุกหัวซุนออกมาได้ พยายามซ่อนตัวแต่ก็ถูกตามรังควาน เหตุเพราะเสี่ยแก่ชอบเขามาก ท้ายที่สุดเด็กหนุ่มก็เลือกกลับไปตายรัง กลับไปหาเพื่อนสนิทที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน และขายตัวให้กับลุงของเพื่อน
 
โดยที่ไม่รู้เลยว่า เขาคนนั้นคือพ่อเลี้ยงของตัวเอง...
 
อินทัช หรือคุณอ้าย จำมินได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ จึงยอมช่วยเหลือ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเป็นการตอกย้ำให้มินเกลียดตนเองขึ้นอย่างทวีคูณ
 


ลุงครับ รับเลี้ยงผมไหม(ชื่อยังไม่ทางการ)

เปลี่ยนเป็น เล่ห์ · รัก · ร้าย แล้วนะคะ จะได้เข้ากับเนื้อเรื่อง

นิยายแนวอบอุ่นสำหรับคนขาดความรัก
[/color]
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2015 16:40:44 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
Re: เล่ห์ · รัก · ร้าย ตอนที่ ๑
«ตอบ #1 เมื่อ09-09-2015 22:32:40 »

เล่ห์ · รัก · ร้าย
.
.
.


ยามวิกาลซึ่งความมืดกำลังคืบคลานผ่านอย่างเชื่องช้า รถคันหรูบรรทุกผู้โดยสารร่างสูงนั่งอยู่ด้านหลังเบาะคนขับ นัยน์ตาคมหลุบลงไล่ตามตัวอักษรบนแฟ้มเพื่อฆ่าเวลา หากทว่ายามดึกนี้เขากลับคร่ำเคร่งกับเรื่องหนักอกอยู่หนึ่งอย่างจนแทบข่มตาลงไม่หลับเมื่อถึงยามนอน

อินทัชถอนหายใจรอบที่เท่าไรไม่ทราบ คนขับรถทำได้เพียงชำเลืองตามองผ่านกระจกมองหลัง ทราบว่าเจ้านายกำลังกลุ้มใจจนมิอาจปิดมิด

"คุณอ้ายเป็นกังวลเรื่องคุณปรางค์อยู่เหรอครับ ผมว่านั่นเป็นปัญหาของเธอ คุณอ้ายอย่าเก็บมาคิดให้หนักใจเลย"

อินทัชละสายตาจากแฟ้มบนมือ "ได้เสียที่ไหนล่ะเอก ปรางค์คือคนสำคัญของฉัน ในเมื่อปรางค์กำลังประสบปัญหาแล้วจะให้ฉันเมินเฉยได้ยังไง"

"ลูกชายเขาก็ยังไงกันนะ ทำไมชอบทำร้ายจิตใจแม่ของตัวเอง เขาไม่รู้หรือว่าคุณปรางค์น่ะกำลังจะ..." เอกเงียบเสียงไป หากทว่ายังส่ายหัวระอาเมื่อนึกถึงใบหน้าเด็กหนุ่มวัยย่างสิบแปด สายตาผยองและเย่อหยิ่ง ปรางคณางมักเดินทางมาปรับทุกข์กับเจ้านายเขาเป็นประจำ เอกเห็นรูปเด็กคนนี้จากปรางคณางที่มักเอามาอวด

ต้นเหตุก็เกิดจากฝีมือเด็กคนนี้ อัศวมินทร์ หรือน้องมินของลุงอ้าย ทั้งๆ ที่ไม่ได้พบกัน เอกก็ไม่อาจทราบว่าคุณอ้ายเรียกเด็กนรกคนนั้นว่าน้องมินได้ลงอย่างไร เด็กอะไรขยันสร้างเรื่องให้คนอ่อนแออย่างปรางคณางปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน

"อย่าไปว่าน้องมินอย่างนั้นเลย ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง สองเดือนแล้วนะที่หายไปไม่ยอมติดต่อปรางค์มาสักครั้ง ฉันสงสารทั้งสองฝ่าย" อินทัชบอก

"แต่ถ้าเด็กนั่นไม่เอาแต่ใจทุกอย่างคงไม่เกิดขึ้น คุณปรางค์เธอตกนรกทั้งเป็นเพราะลูกชายหายไป..."

"เราต้องพยายามตามหาให้มากกว่านี้ และถ้าเขากลับมา ฉันจะจัดการไม่ให้เขาทำให้ปรางค์เจ็บปวดอีกต่อไป" อินทัชมองออกไปยังภายนอก มองตึกสูงระฟ้าพลางนึกถึงใบหน้าของเด็กที่กล่าวถึง

เด็กตัวน้อยที่เคยเรียกเขาซ้ำๆ ว่า "ลุงอ้าย..."

เมื่อระบายและพูดคุยปัญหาหนักใจของตนเองกับเอกแล้ว อินทัชเดินทางถึงบ้านพักก็เกือบสองทุ่ม ครอบครัวเขาเล็กแต่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ประกอบด้วยครอบครัวน้องชายและหลานๆ ญาติผู้ใหญ่ที่นับถือได้จากโลกนี้ไปแล้ว คงเหลือเพียงพวกเขาเท่านั้น

นอกจากหลานๆ ที่น่ารักแล้วอินทัชก็สนิทสนมกับปรางคณาง ซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกันมาก่อนในวัยเด็ก ชายหนุ่มอายุย่างสามสิบแปด มากกว่าปรางคณางอยู่หนึ่งปี จากนั้นก็ไม่ได้พบกันอีกเพราะปรางคณางประสบปัญหา เธอท้องลูกชายคนนี้ทั้งที่ยังเรียนไม่จบ

เมื่อตระเตรียมถือข้าวของลงจากรถแล้วนัยน์ตาคมจึงเหลือบเข้าไปในบ้าน ขณะยื่นสัมภาระให้คนใช้ อินทัชเห็นมาวิน หลานชายจอมเอาใจ เด็กหนุ่มวัยย่างสิบแปดกำลังวิ่งออกมาหาเขาหน้าตาตื่นเต้น ท้ายที่สุดก็หยุดเหนื่อยหอบตรงหน้า "ลุงอ้าย ลุงอ้ายมาก็ดีแล้วครับ"

อินทัชเลิกคิ้วมองเจ้าตัวดี มาวินเป็นเด็กช่างจ้อและคุยเก่ง นิสัยมักฉอเลาะขอโน่นขอนี่เป็นประจำ ซึ่งคาดว่าวันนี้น่าจะต้องการอะไรเป็นพิเศษแน่ "ว่าไงไอ้ตัวดี อยากได้อะไรอีก"

"เปล่าครับลุงอ้าย ไม่ใช่แบบนั้น แต่ว่าผมมีเรื่องจะขอร้องลุงอ้ายสักหน่อย"

"แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะมาวิน" คนเป็นลุงถามเย้า

"โธ่ ฟังผมอธิบายก่อนครับ" มาวินเดินตามลุงเข้าไปในบ้าน เด็กย่างสิบแปดนี่พูดอย่างเต็มปากว่าโตแล้ว เรียกได้ว่าตามมาตรฐานชายไทย  แทบจะสูงไล่เลี่ยเขาอยู่แล้ว แถมเรื่องที่จะเล่ามาก็คงเป็นปัญหาใหญ่ไม่น่าจะเด็กแล้วด้วย อินทัชคงต้องเตรียมใจรอรับเรื่องที่หลานชายก่อไว้แต่เนิ่นๆ แล้วกระมัง

"วันนี้เพื่อนผมมาที่บ้านและกะจะค้างคืนด้วย เขามีปัญหาทางบ้าน ลุงอ้ายจะอนุญาตไหมครับ แบบว่ายังไม่มีกำหนดกลับ..." เด็กหนุ่มลากเสียง กลอกตาไปมาเมื่อเห็นนัยน์ตาดุจเหยี่ยวหันไปสบ "ผมหมายถึง เขาไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ ครับลุงอ้าย ลุงอ้ายช่วยอนุญาตรับเลี้ยงเพื่อนผมคนนี้ได้ไหม นะครับ"

อินทัชเดินปั้นหน้าเป็นหลังจากผ่านห้องโถงบ้านมาได้ สีหน้าไม่บ่งบอกความยินดียินร้ายอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มยกมือปลดเนคไทออกจากคอไปพลาง ปลดกระดุมเสื้อที่รัดแน่นไปพลาง ต้นแขนก็ถูกมือของเจ้าหลานชายคอยพินอบพิเทานวดคลึงให้อย่างตั้งใจเอาอกเป็นพิเศษ "นะครับลุงอ้าย เพื่อนผมคนนี้หน้าตาดี นิสัยดี รู้จักบุญคุณคนยิ่งกว่าหมาเสียอีก"

"แล้วทำไมลุงต้องต้องรับเลี้ยงเขาด้วย เขาไม่มีพ่อมีแม่หรือไง ถ้าจะขอทุนเรียนก็พอได้ แต่บ้านเราไม่ใช่บ้านเด็กกำพร้าสักหน่อยนี่ที่จะต้องให้มาอยู่"

มาวินได้ฟังดังนั้นก็คล้ายมีอะไรจุกที่คอ "เขาออกจากบ้านมาเพราะมีปัญหา"

"ลุงเกลียดเด็กหนีปัญหาด้วยการหนีออกจากบ้าน เกลียดมากที่สุด" อินทัชหันไปบอกหลานชายในขณะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง "ลุงว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กที่แย่มาก ไม่สงสารครอบครัวที่ตามหาเหรอ"

"ผมว่าลุงลองไปพบเขาหน่อยไหมครับจะได้เข้าใจใหม่" มาวินผละมือออกจากต้นแขนผู้เป็นลุง เดินนำไปยังทิศที่มีห้องนอนของเขา

ด้วยความแปลกใจ อินทัชจึงเลือกที่จะสาวเท้าเดินตามหลานชายไป มือก็ถอดสูทมาถือไว้พลาง หรือเขาอาจจะอคติกับเด็กที่หนีออกจากบ้านจริงๆ เพราะมาวินหากไม่หนักจริงๆ ก็คงไม่ออกปากขอร้องเขาถึงเพียงนั้น

ครั้นถึง หลานชายเคาะประตูบอกว่าเขามาแล้ว แต่ที่ทำให้อินทัชประหลาดใจไม่ใช่สิ่งที่กำลังจะเผชิญ กลับเป็นชื่อของ 'มิน' ที่มาวินเรียกมากกว่า

นี่มันคงไม่บังเอิญถึงเพียงนั้นหรอก

ประตูถูกเผยกว้างออกตามแรงมาวิน อินทัชเดินเข้าไปด้านใน เห็นเฟอร์นิเจอร์ชุดหนึ่งประกอบด้วยโซฟา โตะเล็กสำหรับวางของจิปาถะ บนเบาะนั่งที่ห่อหุ้มด้วยหนังชั้นดีมีแผ่นหลังของเด็กหนุ่มคนหนึ่งผ่ายผอมซึ่งพิงอยู่ เสื้อที่สวมใส่เก่ามีรอยขาดวิ่นเล็กน้อย ครั้นเห็นแล้วชายหนุ่มจึงสาวเท้าวนไปนั่งตรงกันข้าม เด็กคนนี้คล้ายผ่านอะไรมามากมายหลายอย่างจนแทบไม่น่าเชื่อ

บนเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวเปรอะไปด้วยร่องรอยหลายอย่าง ทั้งคราบเลือด คราบดินโคลน อีกทั้งบนร่างกายไม่ว่าจะเป็นบนใบหน้าหรือแขนที่พ้นจากเนื้อผ้า มีร่องรอยการถูกทำร้าย อินทัชได้แต่มุ่นคิ้วเมื่อเห็นเช่นนั้น เมื่ออีกฝ่ายเงยขึ้นมาสบตา แม้ใบหน้ากำลังเลอะด้วยรอยแผลและความสกปรก หากทว่าดวงตากลมนั้นยังคงตราตรึงเขาไม่รู้ลืม เด็กน้อยตัวเล็กที่เคยวิ่งมากอดขาเขาอ้อนออเซาะ และร้องเรียกว่าลุงอ้ายย้ำซ้ำๆ

เด็กชายอศวมินทร์ของเขา

แม้เติบโตต่างจากตอนนั้นมาก ครั้งล่าสุดที่พบกันก็คงจะอายุเพียงสามขวบเศษ จากนั้นอินทัชก็บินไปเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ ได้ฟังข่าวจากปรางคณางถึงวีรกรรมอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้พบกันสักที จนวันนี้

น้องมิน ในที่สุดโชคชะตาก็ไม่ทำร้ายปรางคณางจนเกินไป ให้ลูกชายคนนี้ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

"นี่ลุงอ้ายของกูนะมิน ลุงอ้ายครับ นี่มินครับ" มาวินหันมาบอก อินทัชทำได้เพียงพยักหน้าอือออตอบรับ หากทว่าสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่อศวมินทร์

"สวัสดีครับ...ลุงอ้าย"

อินทัชรับไหว้เด๋กตรงหน้าเงียบเชียบ มองคนที่นั่งนิ่งไม่ปริปากเอ่ยอะไรต่ออีก นั่นทำให้มาวินต้องรีบทิ้งกายนั่งลงข้างเพื่อนเพื่อเล่า "มินมันไม่มีเงินใช้ก็เลยหลวมตัวเชื่อเพื่อนไปขอยืมเขามาครับลุงอ้าย ทีนี้ไอ้เสี่ยที่มันไปยืมมาน่ะเป็นเกย์ อยากได้มันก็เลยซื้อกับเพื่อนมันราคาแพงมาก แต่เพื่อนมันน่ะดันเอาเงินไปใช้แล้วชิ่งหนี เอามันไปทิ้งให้เขา..."

มาวินหยุดอยู่เพียงแค่นี้เพราะไม่รู้จะเริ่มไหน เมื่อเห็นปมคิ้วของลุงที่นั่งฟัง "ถูกเพื่อนขายให้กับไอ้เสี่ยนั่น แต่มินมันหนีมาได้..."

"ก็ไม่เชิงหนีได้ มันใช้ผมจนคุ้ม" มินเชยตาขึ้นสบกับผู้ฟัง ในขณะนั้นทุกอย่างเงียบไป มาวินเห็นดังนั้นจึงรีบเปลี่ยนสถานการณ์ "นั่นแหละครับ แต่ถึงอย่างนั้นไอ้เสี่ยบ้ากามนั่นยังไม่พอใจ จะเอามินไปขายให้กับคนอื่นต่อๆ ไปด้วย มินมันไม่ยอมก็เลยหนีมา นี่เป็นรอยที่มันโดนคนพวกนั้นซ้อมครับลุงอ้าย" มาวินจับแขนเพื่อนยื่นออกไป

"อยากกลับบ้านไหม" อินทัชยื่นข้อเสนอ

"ไม่ครับ ไม่กลับ"

"ทำไม"

"ผมเกลียดบ้าน..." อศวมินทร์ตอบทั้งก้มหน้าลง มือที่เปื้อนเปรอะกุมหน้าอย่างช่วยไม่ได้ น้ำเสียงคล้ายคนอ่อนล้าหากทว่าทิฐิเกินกว่ากำลัง ก่อนจะเงยขึ้นมามองเขา "คุณชอบผมไหม"

อินทัชถึงกับชะงักกับคำถาม ผนวกกับสีหน้าของคนตรงหน้าเล่นเอาหูผึ่งไปในวินาทีนั้น ยิ่งถามต่อหน้ามาวินยิ่งแล้วไปใหญ่ "ถามแบบนั้นทำไม"

"รับเลี้ยงผมไหม"

ผู้ถามเอ่ยไม่เชิงว่าขอร้องไปเสียทีเดียว แววตาของเด็กหนุ่มตรงหน้าราวกับแฝงเร้นด้วยนัยยะอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายนี้

"ดูแลผมที ผมจะตอบแทนคุณอย่างไม่มีข้อแม้..."



************************

สวัสดีค่ะ ลองเอาตอนที่หนึ่งมาเรียกน้ำย่อย ลองดูว่าจะมีคนชอบแนวนี้มั้ย

เรื่องนี้น้องมินจะแกล้งลุงอ้ายตลอด เพราะเกลียดที่จากคนเคยมีเซ็กส์กัน กลายมาเป็นพ่อเลี้ยงอย่างไม่ตั้งใจ เกลียดที่ลุงอ้ายไม่ยอมบอกว่าเป็นแฟนใหม่ของแม่ แต่ลุงอ้ายเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน คอยดูว่าจะเอาคืนยังไงบ้าง

ไม่ใช่ดราม่านะคะ แนวโรแมนติกเน้นถึงอารมณ์ มีตลกบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่อยู่ในเรท 18+ นะคะเพราะสะท้อนสังคม ถ้าชอบก็รายงานตัวเลย

ปล. ยังไม่เฉลยปมเน้อว่าทำไมน้องมินถึงเกลียดบ้านและทะเลาะกับแม่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2015 13:32:36 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
Re: เล่ห์ · รัก · ร้าย ตอนที่ ๒
«ตอบ #2 เมื่อ09-09-2015 22:51:02 »

เล่ห์ · รัก · ร้าย
.
.
.


อินทัชเดินทางไปเยี่ยมเยียนปรางคณางหลังจากนั้นสองสามวัน เมื่อเห็นสีหน้าทุกข์ใจของเธอแล้ว ชายหนุ่มเองก็วิตกจริตไม่ต่างกันที่ต้องแบกรับความรู้สึกทั้งสองฝ่าย ปรางคณางอยากพบลูกชาย แต่ลูกชายกลับเกลียดที่จะเผชิญหน้าด้วย

แต่อย่างน้อย ดีกว่าอศวมินทร์หนีไปที่อื่นและไม่มีวันกลับมา อินทัชทำได้เพียงแต่บอกให้เธอสบายใจเท่านั้น ว่าลูกชายเธออยู่ในการดูแลของเขา เพียงแต่ยังไม่พร้อมพบหน้า

ชายหนุ่มให้อศวมินทร์อาศัยในคอนโดส่วนตัวที่อินทัชซื้อทิ้งไว้ แน่นอนว่ายังมีคนคอยราวีเด็กคนนี้ไม่เลิก เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงมาเฟียในย่าน เจ้าของบ่อนที่ใครๆ ก็ทราบถึงกิตติศัพท์ แต่มีหรืออินทัชจะกลัว เขาคิดว่าทั้งหลานชายและเพื่อนฉลาดที่มาขอให้เขาออกโรงปกป้อง แน่นอนว่าคนอย่างอินทัชไม่ใช่ไก่กาที่ไหน เขาเองก็เส้นสายเยอะพอตัวเช่นเดียวกัน หรือมากกว่านั้น

ดูท่าอศวมินทร์จะจำเขาไม่ได้ อีกฝ่ายคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกัน แต่อินทัชไม่ใช่คนจอมเซ้าซี้ถึงเพียงนั้นย่อมปล่อยให้ผ่านเลยไป

ผู้อาศัยดูแลตัวเองดีขึ้น เช้าวันถัดมาที่เขาไปเยี่ยมเยียนก็ดูสะอาดสะอ้านหล่อเหลา จวบจนครบหนึ่งอาทิตย์ในความดูแลของอินทัช เขายังแวะไปถามไถ่อยู่อย่างไม่รู้สึกเหนื่อยยาก อศวมินทร์ดูดีขึ้น ผมเผ้าที่เคยยาวเฟิ้มบัดนี้ตัดให้อยู่ทรง ร่างกายจัดว่าผ่ายผอมดูเต็มขึ้นกว่าเดิม และร่องรอยการถูกทำร้ายได้จางลง คงเหลือเพียงเด็กหนุ่มหน้าตาผิวพรรณดีคนหนึ่ง

อินทัชเดินไปทรุดกายนั่งบนโซฟาสุดหรู ดวงตาทอดมองออกไปยังกระจกแบบบิ๊วด์อิน มีคนเปิดผ้าม่านออกจนกว้างให้เห็นทัศนียภาพยามค่ำของย่าน เห็นรถรากำลังแล่นเบียดเสียดไม่ยอมกัน ตึกรามบ้านช่องกำลังเปิดแทบทุกอณูเพื่อทำกิจกรรมครอบครัว นัยน์ตาคมเหลือบไปสบกับเด็กที่กำลังเดินเอาแก้วน้ำเย็นมาให้ ครั้นวางลง อศวมินทร์ก็หย่อนก้นนั่งข้างๆ

"ที่ฉันยอมดูแลเธอ เพราะว่าเธอเป็นเพื่อนของมาวิน ไม่ใช่เพราะว่าฉันเป็นเกย์ที่จะต้องการให้เธอทำแบบนี้หรอกนะ" อินทัชหยั่งเชิง

ชายหนุ่มจำได้ดี ในคืนแรกที่พาเพื่อนหลานชายมาที่นี่ เด็กคนนี้ก็ถลาเข้ามากอดเขา จับเขานอนลงบนโซฟาตัวนี้ ฉกฉวยปากของเขาไปจูบอย่างช่ำชอง อินทัชใช้เวลาอยู่นานเพื่อที่จะเอาอิสระคืน แม้จะบอกว่าน้องมินของเขาคือเด็กน้อยผู้น่ารัก แต่แน่นอนว่าอินทัชเองก็ทราบดีว่าอศวมินทร์โตแล้ว และกำลังร่างกายก็มีพอๆ กัน

เขารอดวันนั้นมาได้ ไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะผ่านอะไรมาบ้างในวันที่หายไป อินทัชคงมองหน้าปรางคณางไม่ติดแน่หากวันนั้นปล่อยเลยตามเลย ยอมทำตามความต้องการของเด็กคนนี้

รู้เพียงว่าจะมองเขาเป็นเด็กหน้าตาน่ารักตากลมแบบเดิมไม่ได้แล้ว

"ลุงอ้ายรังเกียจผมสินะ" เด็กหนุ่มแสร้งหัวเราะ เรียกให้คนข้างกายหันไปมอง

"ที่ฉันมาวันนี้เพราะเอาชุดนักเรียนมาให้"

อศวมินทร์เงยหน้าขึ้น มองแววตาเรียบนิ่งของอินทัช โครงหน้ายาวส่ายไปมาน้อยๆ "ผมไม่ไป ผมไม่ไป!"

"อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉัน ฉันไม่ใช่คนที่จะทนรองรับอารมณ์ใครได้ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่อย่าทำนิสัยชอบมีปัญหา"

เด็กหนุ่มตากร้าวและกัดฟันหันไปส่ายหน้าคนเดียว ในเวลานี้อินทัชหน้าชาที่นึกขึ้นมาได้ว่าไม่ควร ไม่ควรสอนเด็กด้วยวิธีเย็นชาแบบนี้ ถ้าเขาเสียงดังใส่อศวมินทร์ แน่นอนว่าเด็กคนนี้จะตอบมาเสียงดังกว่า และหากเขาอ่อนโยน ผลตอบรับมันก็น่านะเป็นในแบบที่ควรจะเป็น

"มานี่ซิ" บอกพลางจับไหล่อีกฝ่ายให้หันมา อินทัชใช้วิธีใจเย็น มองแววขึงขังเอาแต่ใจที่เด็กทำให้ หากทว่าตนตอบกลับไปด้วยสายตาละไม

"บอกฉันมาซิว่าทำไมไม่อยากไปโรงเรียน ถ้าช่วยได้ฉันก็จะช่วย" ชายหนุ่มเอ่ยถาม ความใจร้อนเพลาลงบ้างแล้ว รอฟังคำตอบของเด็กวัยย่างสิบแปด อศวมินทร์ข่มใจก้มลงมองพื้นขบคิดอยู่ครู่

"ถ้าไปโรงเรียนแม่ก็จะรู้ว่าอยู่ไหน ผมยังไม่อยากเจอหน้า"

"ทำไมถึงไม่อยากเจอ" อินทัชย้อน แสร้งทำเป็นไม่รู้ เพราะคิดว่าหากเขาเป็นคนอื่น เด็กมีปัญหาอย่างน้องมินอาจเต็มใจที่จะเล่าให้ฟังเพื่อระบายอะไรที่มันท่วมท้นออกมาบ้าง

ดูเหมือนเขาจะต้องปรับตัวเข้าหาเด็กคนนี้เสียเองซะแล้วกระมัง เมือคิด มือหนาก็เคลื่อนไปวางบนเรือนผมสีดำขลับอย่างอ่อนแผ่ว "พอจะเล่าให้ฉันฟังได้ไหม"

อศวมินทร์เชยตาสบเจ้าของมือที่ลูบผมตนเอง ยกเคลือนไปกุมมือนั้นไว้ "ผมจะเล่าให้ลุงอ้ายฟังทั้งหมด"

อินทัชเบิกตาเมื่อได้ฟังคนกล่าว น้ำเสียงคล้ายไม่รูสึกรู้สา หากทว่าแฝงเร้นไปด้วยความเจ็บปวด หลังมือเขาร้อนรุมมากขึ้นไปอีก เมื่อคนตรงหน้าจับมันลงมาจูบซ้ำๆ ราวกับกำลังอ้อนวอนร้องขออะไรสักอย่าง ใจของอินทัชหลุดวูบ เมื่อนัยน์ตาของเด็กหนุ่มผู้อ่อนต่อโลกกว่าเขานั้น ได้เชยขึ้นมาสบ

"หลังจากที่ลุงอ้ายเป็นของผม"

เด็กคนนี้ไม่สามารถมองความคิดออกจากรูปลักษณ์ภายนอกได้ ร้ายกว่าที่อินทัชคิด "มิน เธอหนีคนพวกนั้นมาเพราะเขาสกปรกไม่ใช่เหรอ ไม่คิดว่าทำแบบนี้ฉันจะรังเกียจบ้างหรือไง" ชายหนุ่มว่าพลางชักมือกลับ ทอดถอนใจกับนิสัยกู่ไม่กลับของเด็กนี่

"นั่นสินะ ผมก็แค่...แกล้งลุงอ้ายเล่นเฉยๆ" เด็กข้างกายตอบ สิ้นคำ ราวกับถูกใครเอาไม้มาตีกลางแสกหน้า อินทัชนิ่งมองเด็กที่จ้องตาเขาไม่กะพริบ

เด็กคนนี้ตั้งใจจะลองภูมิเขา

"เธอไม่ไปโรงเรียนสองเดือนแเล้ว ฉันกลัวว่าจะไม่ทันการณ์ เดี๋ยวจะเรียนไม่จบ"

"ก็ช่างสิ"

โอ้...เด็กเอ๋ยเด็ก อินทัชยอมรับตรงนี้ว่าตั้งแต่เกิดมาสามสิบแปดปีไม่เคยเจอะเจอเด็ประเภทเอาใจยากเช่นนี้มาก่อน แม้เขาจะมีหลานๆ อยู่หลายคน แต่เด็กพวกนั้นพูดได้ว่าน่ารัก แม้จะซนตามวัยไปบ้างเล็กน้อย ชายหนุ่มได้แต่พยายามข่มใจตนเองให้สงบ หากไม่ใช่ลูกชายของปรางคณางมีหรือจะต้องทนอย่างนี้

"เอาเป็นว่าลองคิดดูก่อนก็ได้ เรื่องแม่ของเธอฉันจะจัดการไม่ให้เขารู้เอง ถ้าเธอกังวลขนาดนั้น"

"ลุงอ้ายทำได้ด้วยเหรอ" เจ้าตัวดีหันมามอง "ถ้ามีพวกของเสี่ยวิชัยตามผมที่โรงเรียนล่ะ ผมจะทำยังไง ถ้าผมถูกจับตัวกลับไป..."

"ไม่ต้องห่วง ฉันยัดเงินคืนพวกมันไปในจำนวนที่พอใจกันแล้ว ตอนนี้เธอก็เป็นอิสระจากพวกนั้นไปแล้ว" คุณลุงอธิบายพลางหยัดกายลุกขึ้นยืน มือหนาเคลื่อนสอดเข้าไปล้วงกระเป๋ามองวิวยามค่ำคืนของวันนี้ ท่ามกลางสายตาของอศวมินทร์ที่เงยมองแววสนเท่

"พรุ่งนี้ฉันจะมาเอาคำตอบ กรุณาตอบในแบบที่ฉันพอใจด้วย" อินทัชเปรยเสียงเรียบ แต่ในเวลานี้เด็กหนุ่มที่นั่งฟังทำเพียงเงยขึ้นมองใบหน้าคมคายของผู้กล่าว

และครุ่นคิดตั้งแต่ได้ยินประโยคก่อนหน้าที่อินทัชเล่า เงินหลายล้านบาทนั่น อินทัชใช้ซื้อเขากลับมาอย่างไม่ปริปากบ่น หมายความว่ายังไงกันแน่...

หลังจากคุยธุระเสร็จสิ้น อินทัชเดินออกมาจากลิฟท์อย่างไม่สบอารมณ์ โดยมีคนถือคีย์การ์ดตามหลังมา เมื่อประตูกระจกสุดท้ายมาถึง ชายหนุ่มหยุดยืนรอให้เจ้าตัวนำบัตรอิเลกทรอนิกส์มาแนบกับโปรแกรมรักษาความปลอดภัย เสียงติ๊ดบอกว่าประตูปลดล็อกสามารถออกไปได้ มือหนาดันประตูออก หากทว่าเมื่อก้าวไปได้ขาเดียวแขนอีกข้างก็ถูกรั้งไว้

"ลุงอ้าย"

"หยุดทำแบบนี้นะมิน" มือหนาดึงกลับทว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอม "ถ้าขืนยังเธอยังเอาแต่ใจและพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ฉันจะลอยแพเธอแน่"

อินทัชเหลือบไปเห็นเอกชะเง้อมองจากล้อบบี้ด้านนอก ชายหนุ่มถอนใจสะกดอารมณ์ตัวเอง หันเดินออกมาหน้านอก ดูท่าเอกจะมีแต่ความสงสัยกับท่าทางยามนี้ของเขา อินทัชพยายามสะบัดเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะลงมาออกไปจากศีรษะ

"เด็กนั่นดูท่าจะเอาเรื่องนะครับคุณอ้าย เป็นไงบ้าง" เอกชำเลืองตามองกระจก เห็นเจ้านายนั่งมุ่นคิ้วอยู่ตลอดเวลา อดที่จะถามไม่ได้

"แสบมาก เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าใครที่ฉันเคยพบเคยเจอ ที่สำคัญเอาแต่ใจและหัวแข็งที่สุด" คนตอบถอนใจ

"สรุปน้องมินยังน่ารักสำหรับคุณอ้ายอยู่ไหมครับ"

อินทัชมองคนถามทั้งผูกปมบนหน้าผาก เขารู้ดีกว่าเพื่อนอย่างเอกเดาใจและท่าทางออกจนหมดสิ้น และที่ถามมานี่เพราะต้องการยั่วและเย้าไปในคราเดียวกัน ยอมรับว่าตัวเขาเองเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีจนเกินไป พอพบกับความเป็นจริงแล้วอินทัชผงะไปหลายครั้ง คิดแล้วใบหน้าแสนเดาใจยากของเด็กคนนั้นก็เลยผุดขึ้นมาในโสตประสาท

หากทว่าอยู่ในระยะแค่คืบ หนำซ้ำตัวเขาเองยังถูกดึงรั้งจนซวนเซไปพิงกับแผ่นกระจก ผนังแบบบิวด์อินที่กำลังมองอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนนั้นเขาทำตัวไม่ถูก ได้แต่มองอศวมินทร์ซึ่งสูงพอๆ กันด้วยแววประหลาดแก่ใจ

'ที่ลุงอ้ายทำให้ผมขนาดนี้ เพียงเพราะผมเป็นเพื่อนของมาวินจริงๆ น่ะเหรอ' มินถามอินทัช ทำราวเดาใจเขาออก มันคงจะจริงที่ใครก็คิดได้ว่าเงินมากมายหลายล้านบาทที่เสียไป เหตุใดจึงไม่รู้สึกเสียดายหากของที่ได้มามันคุ้มค่า

แต่ไม่ใช่เพราะลุ่มหลงแน่นอน แม้ใบหน้าท่าทางจะแลดูหล่อเหลาน่ารักก็เถอะ

'ตอนนี้มาวินไม่อยู่แล้ว ผมรู้หรอกว่าลุงอ้ายชอบผมถึงได้จ่ายไม่อั้นขนาดนั้น ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะไม่บอกหลานลุงหรอก' คนตรงหน้ากระซาบ อินทัชทำได้เพียงเบิกตาโพลงจ้องมอง

'มิน!' ชายหนุ่มตัวชาวาบ ร่างกายราวถูกน้ำแข็งซัดผ่านเมื่อเด็กหนุ่มตะปบมือลงด้านล่าง จมูกรั้นขยับมาคลอเคลียกับจมูกของเขา

'ที่ลุงใจดีกับผมเพราะอยากให้ผมยอมลุงดีๆ ไม่ใช่รึไง อยู่กับผมไม่จำเป็นต้องแสดงเป็นคนเฉยชาก็ได้' เด็กชายอศวมินทร์ที่อินทัชรู้จักหายไปอย่างไม่มีวันกลับมา หลงเหลือเพียงแต่มินคนนี้ที่ยิ้มให้ จองจำเขาไว้ด้วยจูบอันเก่งฉกาจ

หลังจากสัมผัสผ่านเนื้อกางเกงจนพอใจแล้วอศวมินทร์ก็คุกเข่าลง ยกมือพยายามแกะเข็มขัด อินทัชมึนงงกับมือไม้อีกฝ่ายเพียงครู่เดียว นัยน์ตาคมหลุบลงมองเสี้ยวหน้าที่คล้ายปรางคณางพลางสูดลมหายใจเข้าเต็มกำลัง ความคิดตื้อเบลอไปชั่วขณะ

'รักผมได้ไหม ลุงอ้าย ผมรู้หรอกที่ลุงยังไม่แต่งงานจนอายุเท่านี้เพราะอะไร...'

อินทัชเบิกตาโพลง มองคนด้านล่างที่ก้มลงครอบปากปรนเปรอเขาอย่างไม่เชื่อสายตา กายหนุ่มร้อนวาบกับลิ้นสากนั่น กลั้นใจผลักร่างคนกระทำออก 'ฉันมีคนรักอยู่แล้ว แล้วก็อย่าคิดทำแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นฉันจะไล่เธอออกไปจากที่นี่!'

อินทัชจัดแจงเครื่องแต่งกายใหม่ มองคนที่นั่งกับพื้นเงยมาสบ นัยน์ตาชายหยุ่มเผยบอกว่าคราวนี้เขาเอาจริง

'ผมขอโทษ งั้นบอกว่าสิว่าทำไมคุณถึงยอมทำดีกับผม เสียเงินตั้งมากมายขนาดนั้น' อศวมินทร์เงยมองตามแผ่นหลังกว้างในชุดสูทยามเดินละออกไป รีบตะเกียกตะกายลุกมาหยิบคีย์การ์ดก่อน

'คุณมีอะไรปิดบังผมเหรอ'

ยามนั้นอินทัชแม้จะโกรธก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ ไม่อาจบอกได้ว่าเพราะอศวมินทร์เป็นลูกชายของปรางคณาง หากบอกแล้วเด็กคนนั้นอาจหนีไปอีกครั้งก็เป็นได้

แต่พอมาคิดดูแล้ว เขาหลวมตัวปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไงกัน ปล่อยให้น้องมินเข้าถึงได้กระชั้นชิดถึงเพียงนั้น คิดแล้วมือหนาก็ยกขึ้นมากุมหน้าคนเดียวท่ามกลางความเงียบยามรถเคลื่อน

"ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมสำหรับฉัน เพียงแต่ต้องขัดเกลาความน่ารักนั่นให้ไปในทางที่ถูกที่ควรสักหน่อย"

อินทัชตอบเอกในขณะเหม่อมองออกไปนอกรถ ภาพสายตารั้นของอศวมินทร์ยามจับจ้องเขาผุดขึ้น แน่นอนว่าเขากำลังคิดในสิ่งที่ตอบเอกไปเมื่อครู่ ว่าเขากำลังจะกระทำตามคำพูดจริงๆ


*********************

เอาตอนที่สองมาฝากค่าาาาา เป็นไงบ้างเอ่ย

ถ้าชอบก็อย่าลืมคอมเม้น+โหวตให้ด้วยนะคะ

ปล. ไม่รู้เป็นไรชอบหลงเรียกลุงอ้ายว่าอาทุกที ยังไงถ้าเห็นก็อย่าลืมเม้นบอกนะคะ ส่วนเนื้อหาอาจไม่เท่ากันบ้าง

ตัวเอกไม่มีใครตัวเล็กกว่านะคะ ให้จิ้นเอาว่าใครเคะเมะ

ปลล. หนูนามีนิยายวายที่เขียนไว้ในไอดีนี้อยู่หลายเรื่อง ที่จบก็มี
-ปิ๊งรัก คุณพ่อลูกติด ตีพิมพ์กับ สนพ. Hermit
-1 Month รักนี้ใครกำหนด รอตีพิมพ์ที่เดียวกัน
ทุกท่านสามารถไปอ่านรอเพื่อฆ่าเวลาได้นะคะ ขอบคุณจ้าาาา



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2015 13:34:33 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ in_blu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
น่าสนใจ รอติดตามคร่าาาา

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
Re: เล่ห์ · รัก · ร้าย ตอนที่ ๓
«ตอบ #4 เมื่อ10-09-2015 12:49:23 »

เล่ห์ · รัก · ร้าย
.
.
.


อศวมินทร์เดินวนไปมาในห้อง ในความคิดกำลังนึกถึงสีหน้าของมาวินตอนเสนอว่าเขาควรขอความช่วยเหลือจากลุงอินทัช เด็กหนุ่มจำได้ว่าหมอนั่นภาคภูมิใจที่มีชายคนนี้เป็นลุงขนาดไหน อินทัชช่างเป็นคนดี เป็นฮีโร่ของมาวิน ซึ่งนั่นได้ปลุกความรู้สึกบางอย่างของอศวมินทร์ขึ้นมา

อศวมินทร์เป็นคนขี้อิจฉา เขาอยากเห็นคนที่ถูกชมว่าดีนักหนาเปลี่ยนไป เขามันพวกขาดความอบอุ่น อยากลองดูว่าลุงผู้แสนดีที่เพื่อนเล่าให้ฟังนั้น จะดีไปได้สักกี่น้ำ ชีวิตอศวมินทร์นับว่าตาเฒ่าวิชัยคือชายแก่ที่ทุเรศที่สุด น่ารังเกียจที่สุด แต่หากเป็นลุงอินทัชของมาวินแล้วล่ะก้อ เขายอมเสียเวลาเล่นด้วยสักหน่อย มันคงจะสนุกดีพิลึก

แต่ไม่คิดเลยว่าจะยังดูหนุ่มและหล่อเหลาขนาดนี้ แวบแรกที่เห็นนัยน์ตาคมนั่น มินรับรู้ว่าอินทัชใช้สายตาเป็น ในยามมองมาวินกับเขามันรู้สึกแตกต่างกัน แต่ยอมรับว่าอ่อนโยนทีเดียว เด็กหนุ่มรู้สึกสนุกกับการละเล่นครั้งนี้ เขายากลองใจว่าอินทัชจะทนไปถึงเมื่อไร

ยื่งได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีคนรักแล้วยิ่งท้าทายมากขึ้นไปอีก

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร การมีเซ็กส์กับผู้ชายด้วยกันมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาไปแล้ว แต่การได้ลองเอาชนะอินทัชเป็นสิ่งท้าทายที่สุด ร่างกายของคุณลุงยามมีอะไรกันก็เพียงแค่ผลพลอยได้

เสียงออดดังบ่งบอกว่าคุณลุงมาถึงแล้ว วันนี้มาเร็วกว่าทุกวัน อศวมินทร์รีบสาวเท้าไปเอื้อมมือเปิดประตูทันที เห็นว่าอินทัชประหลาดใจที่เขาเปิดเร็วกว่าปกติ เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวให้คุณลุงเดินเข้ามา ลอบมองแผ่นหลังกว้างนั้นในชุดสูทภูมิฐาน ผิวอินทัชติดไปทางน้ำผึ้งเล็กน้อย ใบหน้าสะอ้านได้รับการดูแลอย่างดีจนอ่อนกว่าวัย อันที่จริงในสายตาของเด็กหนุ่มกลับมองว่าชายวัยนี้หล่อที่สุด

"ฉันซื้อของมาฝาก คิดว่าเธอต้องได้ใช้" อินทัชยกกล่องโทรศัพท์ใหม่เอี่ยมวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟา เดินวนถือถุงขนมตามเขาเข้ามาในครัว "แล้วก็มีขนมกินเล่น เผื่อเธออยากจะกิน" พูดพลางเปิดตู้เย็นเก็บของในมือเข้าไป

"ลุงอ้ายหายโกรธผมแล้วเหรอ" อศวมินทร์รินน้ำใส่แก้วไปพลางถามไปพลาง

"ไม่เชิงโกรธ เพียงแต่ฉันไม่ชอบเด็กที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลานตัวเองมาทำอะไรเกินวัยแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เป็นถึงเพื่อนของมาวินอย่างเธอ" คนอาวุโสกว่าตอบทั้งถอนใจ มองคนข้างกายที่ก้มลงมองแก้วน้ำในมือคล้ายรู้สึกผิด

"ผมแค่...ไม่รู้จะตอบสนองยังไงดี ผมทำตัวไม่ถูกที่คุณมาทำดีกับผมแบบไม่มีเหตุผล ไม่มีใครทำแบบนี้กับผมมาก่อน ลุงอ้ายเป็นคนแรกเลย"

อินทัชสบตากับเด็กหนุ่มขณะอศวมินทร์เงยขึ้นมา ชายหนุ่มแย้มโอษฐ์ให้เล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น เคลื่อนมือหนาขึ้นไปโยกหัวอีกฝ่ายแผ่วเบา "ที่จริงเธอก็ดูเป็นเด็กดีนะมิน เธอเคยบอกกับฉันไว้ใช่ไหมว่าหากยอมรับมาดูแล เธอจะยอมเชื่อฟังฉันอย่างไม่มีข้อแม้"

มินยกมุมปากขึ้นคล้ายอยากจะยิ้ม ดูท่าคงจะเอาชนะคนข้างกายได้ยากหากไม่ทำให้วางใจเสียก่อน "จะมาเกลี้ยกล่อมให้ผมไปโรงเรียนใช่ไหม ไม่ต้องหรอก ผมตัดสินใจว่าจะไปอยู่แล้วล่ะครับ ลุงอ้ายไม่ต้องห่วง" คนกล่าวหันไปสบเมื่อเห็นแววพึงพอใจฉายจากอินทัช

"งั้นก็ดี"

"แต่ว่าผมมีข้อแม้นะ..." มินหันไปเลียบเคียง เผยยิ้มออกมายามเห็นปมคิ้วของคุณลุง "แต่ไม่ใช่เรื่องทะลึงตึงตังหรอกครับ ผมแค่อยากขอให้ลุงอ้ายมารับไปกลับโรงเรียนแค่นั้นเอง แล้ว ถ้าไม่ขอมากไป ให้มาวินมาค้างกับผมที่นี่อาทิตย์ละสองสามวันได้ไหม ผมไม่อยากอยู่แบบนี้คนเดียว"

อินทัชหันไปสบมองคนขออยู่ครู่ ข้อแรกอาจทำได้เพราะตนเดินทางไปทำงานทุกวันอยู่แล้ว ที่สำคัญไม่ลำบากแน่เพราะเขาไม่ได้ขับรถเอง แต่การอนุญาตให้หลานจอมดื้ออย่างมาวินออกมานอนนอกบ้านนั้น อินทัชคิดว่ายังไม่สมควร จะดูเป็นการชี้โพรงให้กระรอกจนเกินไป ไม่ใช่เพราะชายหนุ่มไม่ไว้เนื้อเชื่อใจมาวิน แต่เจ้าเด็กที่ยืนข้างข้างเขาตอนนี้ไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิดต่างหาก เทียบจากประสบการณ์ที่อินทัชเจอะมากับตัว

"ฉันคิดว่าพ่อแม่ของมาวินอาจจะไม่อนุญาต" อินทัชตอบ สาวเท้าเดินนำออกจากห้องครัวไปทรุดกายนั่งลงบนโซฟา

"งั้นเหรอครับ"

"ถ้าอยู่คนเดียวแล้วเหงา ฉันยืนยันว่าอยากให้กลับไปหาคนที่บ้าน เพราะไม่มีใครเห็นความสำคัญของเธอเท่ากับครอบครัวหรอก" คุณลุงยังหนุ่มหันไปบอก

อินทัชนึกขึ้นได้ว่าวางโทรศัพท์เครื่องใหม่ทิ้งไว้ คิดว่าต้องได้ใช้ติดต่อกับอศวมินทร์อย่างแน่นอน "อ้อ นี่โทรศัพท์ เผื่อได้ติดต่อ จะได้ไม่ลำบากในอนาคต ฉันใส่ซิมแล้วก็เม็มเบอร์ส่วนตัวไว้ให้แล้ว ต้องการอะไรหรือไม่มีเงินใช้ก็โทร. มาบอก" กล่าวพลางยื่นให้ แม้ดวงตาจะเห็นแววไม่พอใจที่เขากล่าวถึงครอบครัวไปเมื่อครู่ ดูจากสีหน้าของอศวมินทร์ที่แสดง

เขาเอาแต่ใจจนมองออก แต่เรื่องอื่นไม่สามารถเดาใจได้

"งั้นเจอกันเช้าวันจันทร์ ฉันจะกลับแล้วล่ะ"

บอกพลางลุกขึ้นยืน เอื้อมมือไปหยืบแก้วน้ำที่เด็กหนุ่มยกมาเสิร์ฟขึ้นจิบพอเป็นพิธี ครั้นเก็บสัมภาระครบถ้วนแล้วอินทัชก็เดินวนออกไปหน้าประตู ไม่ได้รับรู้ว่าคนด้านหลังมีสีหน้าอย่างไร ชายหนุ่มก้มลงมองนาฬิกา ทราบเวลาว่าเพิ่งหกโมงกว่าเท่านั้น ยามนี้รถกลางกรุงก็ติดเสียด้วย

"ลุงอ้าย..."

อินทัชชะงักกึกขณะเอื้อมมือจะปิดประตูออกไปด้านนอก ความร้อนรุมกระจายทั่วแผ่นหลัง เจ้าของดวงตาคมก้มหน้า หลุบลงมองคู่มือหนึ่งที่เกาะรัดกันไว้แน่นกับร่างเขา จะไม่ตกใจเลยหากลมหายใจของคนเกยคางบนบ่าเขานั้น ไม่ได้พ่นรดแก้มอยู่เนืองๆ ตลอดเช่นนี้ ชายหนุ่มเอี้ยวหน้ามอง สายไฟฟ้าแล่นปราดผ่านตัวเมื่อเห็นใบหน้าคนทำแค่คืบ

"มิน ฉันบอกแล้วไง..."

"ผมก็แค่กอด ขอกอดหน่อยไม่ได้หรือไง ลุงมาหาผมทุกวันก็จริงแต่ก็อยู่ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ" อศวมินทร์ทำสุ้มเสียงจริงจัง ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ ท้ายที่สุดก็ฝังปากลงบนใบหูคนฟัง

"ถ้าเหงาฉันจะซื้อเกมมาให้เล่น" อินทัชแกะมือที่กุมกอดเขาออก หันไปมองอศวมินทร์ เด็กหนุ่มยืนทำสีหน้าขัดเคืองใจคล้ายคราวแรกที่ได้พบ หากทว่าไม่ได้จะพูดเสียงดังโผงผางเอาแต่ใจเหมือนเคย

นั่นทำให้คนเห็นนึกแปลกใจ

"พรุ่งนี้วันหยุด ฉันจะมาหาใหม่" อินทัชอดทนมองสีหน้าเศร้าสร้อยนั้นไม่ได้ แม้อศวมินทร์จะคอยทำหน้าโกรธขึ้งเรียกร้องเอาแต่ใจ แต่อินทัชเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายทำไปเพราะต้องการกลบเกลื่อนสีหน้าและท่าทีอย่างอื่น โดยเฉพาะความอ่อนแอ

มือหนายกขึ้นไปแตะเจ้าเรือนไหมสีดำขลับอ่อนแผ่ว จับศีรษะเด็กตรงหน้าโยกซ้ายขวาคล้ายต้องการประโลมใจ

ดวงตาสุกใสเชยขึ้นมองอินทัช วินาทีที่เด็กหน้าบึ้งฉีกยิ้มกว้างออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก ยอมรับเลยว่าได้ทำให้ชายหนุ่มใจเต้นเป็นระส่ำจนแทบควบคุมไม่ได้ ภาพน้องมินตัวน้อยวิ่งมากอดขาเขาเรียกชื่อซ้ำๆ กำลังผุดขึ้นมา จากเลือนรางแทบมองไม่เห็น มันอาจชัดเจนขึ้นได้มากกว่านี้ หากเขาทำถูกวิธี

อินทัชเดินทางกลับบ้าน มาวินก็วิ่งมาถามความคืบหน้าเรื่องอศวมินทร์ยกใหญ่เพราะเขาไม่อนุญาตให้ไปพบ เมื่อทราบว่าเพื่อนร่วมชั้นดีขึ้นก็วางใจเดินจากไปไม่เซ้าซี้ แม้อินทัชจะฉุกคิดได้ว่ามาวินอาจเดาไปในทิศทางเดียวกับน้องมิน คิดว่าชายหนุ่มช่วยเหลืออศวมินทร์จอมรั้นเพราะพิศวาส แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดให้หลานชายเข้าใจ เพราะอยากกระทำให้เห็นเป็นเยี่ยงอย่างมากกว่า

อินทัชช่วยเหลืออย่างบริสุทธิ์ใจ เขาไม่ใช่คนบ้าตัณหากลับ โดยเฉพาะกับเด็กผู้ชายวัยเดียวกับหลาน

แต่ตลอดทั้งคืน ข้อความที่เขาอ่านกลับมีเพียงผู้ส่งคนเดียวที่ทำได้ เด็กน้อยผู้ร้องขอไออุ่นรักจากเขา พยายามบอกว่าอยากให้คุณลุงไปพบขนาดไหน อินทัชทำได้เพียงยิ้มเมื่ออ่านจบ

แน่นอนว่าเขาตอบกลับข้อความว่าต้องไป ไปแน่นอน


**********************

มาอัพตอนที่สามให้แย้ว สวัสดีคุณผู้อ่านที่น่ารักนะคะ

ตอนนี้น้องมินแสบมาก กำลังหาทางแอ้มลุงอ้าย ซึ่งวันพรุ่งนี้มาคอยดูกันว่าจะทำวิธีไหน
อย่ามาถามนะคะว่าใครรุกใครรับ จิ้นกันเอาเองเน้อ 5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2015 13:36:05 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :mew1: น้องมินเรียกร้องหาความรักตลอด แรกๆอาจไม่คิดตอนหลังจะคิดเปล่านะลุงอ้าย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
เรื่องยังเนิบๆ เพราน้องมินยังไม่ออกสเต็ปร้ายค้าาาา

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
Re: เล่ห์ · รัก · ร้าย ตอนที่ ๔
«ตอบ #8 เมื่อ10-09-2015 19:31:45 »

เล่ห์ · รัก · ร้าย
.
.
.


สิบเอ็ดโมงแล้ว อศวมินทร์เทียวแต่เดินวนเปิดโทรศัพท์มือถืออย่างพะวง อยากทราบว่าอินทัชจะติดต่อมาเมื่อไรเพราะตนก็รอตั้งแต่เช้า เด็กหนุ่มส่งข้อความหาอีกฝ่ายหลายรอบ คิดว่าอินทัชอาจไม่มาตามคำสัญญา แต่เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น หนุ่มวัยย่างสิบแปดก็รีบไปกดรับสายทันที

อินทัชมาถึงแล้วและรออยู่ที่ล้อบบี้ รอให้อศวมินทร์เดินลงไปรับ คอนโดที่นี่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด บุคคลภายนอกไม่สามารถขึ้นมาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ประตูทุกชั้นใส่รหัสความปลอดภัย ต้องใช้คีย์การ์ดทั้งหมดจึงจะขึ้นมาด้านบนได้

ถึงห้องพัก เจ้าบ้านดูท่าไม่พอใจเมื่อเห็นเอกติดสอยห้อยตามมาด้วย สองหนุ่มถือถุงอาหารให้พร้อมจัดมาเสิร์ฟเป็นมื้อเที่ยงราวกับวางแผนกันไว้เป็นอย่างดี จากที่ติดว่าจะได้สานสัมพันธ์กับคุณลุงรูปหล่อทั้งวันก็พลันผิดไปจากที่คาด อศวมินทร์แสดงถึงความไม่ชอบใจออกอย่างชัดเเจ้ง โดยเฉพาะรู้ว่าเอกเดาใจเขาออก

รู้ทันว่าเด็กหนุ่มหวังสิ่งใด เอกรู้ว่าเด็กอย่างอศวมินทร์ร้ายเกินกว่าคนมองโลกในแง่ดีอย่างอินทัชจะตามทัน

น้องมินของคุณอ้ายมักทำตัวติดกันกับเจ้านายเสมอ ไหนที่ว่าดื้อกับตนอย่างนั้น

"ลุงอ้าย มาวินเป็นยังไงบ้างครับ ผมไม่มีเบอร์ของมาวินเลย" อศวมินทร์ทรุดกายบนโซฟาถาม ขณะที่เอกกำลังจัดแจงขนมใส่จานในครัว

"อ้าว งั้นเหรอ" อินทัชยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์หลานชาย กำลังจะบอกหากเสียงคนในครัวที่เเอบมองก็แทรกขึ้นมาอย่างจงใจขัดว่า "คุณอ้ายครับ ขนมนี่ผมว่าแบ่งจัดดีไหม ของชอบน้องมาวินไม่ใช่เหรอ"

เด็กหนุ่มมุ่นคิ้ว เมื่ออินทัชผละไปมองตามเสียงผู้เรียกแทนที่จะตอบคำถามเขา อศวมินทร์กัดฟันเงียบๆ เมื่อท้ายที่สุดคุณลุงยังหล่อก็เลือกลุกเดินไปหาคนในครัว

วันนี้ก้างชิ้นโตกำลังขวางคอ ไม่ว่าจะพยายามกลืนเท่าไรก็ไม่หลุด แต่ในที่สุดอศวมินทร์ก็มีตัวช่วย เสียงโทรศัพท์มือถือของเอกดังขั้นมาขัดจังหวะหนุ่มใหญ่ทั้งสอง เอกแปลกใจและแอบชำเลืองมองแววตาสะใจของคนด้านนอก แต่คนในสายก็สำคัญกว่า

ทราบว่ามาวินที่ไปเรียนพิเศษกำลังมีปัญหารถเสีย และต้องการให้เอกไปรับกลับบ้าน เมื่อรู้เท่านั้น อศวมินทร์ยิ้มหน้าบานโบกมือลาหย็อยๆ ก่อนจะละยิ้มส่งดวงตาที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจลับหลังอินทัช

เอกชวนเจ้านายไปด้วยในคราแรก แต่อินทัชปฏิเสธเพราะอศวมินทร์ยื้อไว้ ดังนั้นเขาจึงต้องทิ้งอินทัชไว้กับแมวจอมขโมยแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก

อินทัชมองตาเพื่อนก็รู้ใจ ชายหนุ่มทำได้เพียงส่ายหน้าให้อย่างนึกตลก

"ผมไปร้านเช่าหนังมา ลุงอ้ายจะดูไหมครับ" เด็กหนุ่มลุกไปคุ้ยถุงของชูขึ้นให้เห็น ดูท่าจะแค่ถามไปอย่างนั้นเพราะเอาเข้าจริงอินทัชก็มิทันได้ตอบด้วยซ้ำ อศวมินทร์ก็ละมาจัดแจงเองเสร็จสรรพ ท่าทางตั้งใจกับสิ่งที่ตนเองกำลังทำมากจนคนมองนึกเอ็นดู ชายหนุ่มนั่งมองอย่างนั้นจนอีกฝ่ายจัดการเสร็จแล้วลุกมานั่งข้างๆ

"หนังอนิเมชันนะ คนแก่ดูรู้เรื่องรึเปล่า" คนถามยกขาขึ้นขัดสมาธิบนโซฟา

"จะดูถูกกันเกินไปแล้ว"

เด็กข้างกายหันมายิ้ม ลอบมองคุณลุงที่ไม่ได้สวมสูทเช่นทุกวัน ชุดลำลองชุดนี้ล้วนแต่เป็นของแบรนด์ดัง อยู่บนกายสูงใหญ่ของอินทัชแล้วดูเหมาะและภูมิฐานไปอีกแบบ ด้านบนเป็นเสื้อเชิ้ตสีโทนเย็น ด้านล่างเป็นกางเกงยีนส์ขายาว มองแล้วดูเข้มคมชวนให้สาวๆ มองตามจนคอเคล็ด

ยิ่งแววตาอบอุ่นประกอบกับรอยยิ้มพิมพ์ใจยามมองตา จี้ใจของคนมองตรงนี้จนโลกหยุดชะงักไปหลายครา อศวมินทร์ไม่ได้ดูหนังเลย เขาสนใจเพียงความหล่อเหลาของลุงอ้ายเท่านั้น จนอีกฝ่ายรู้ตัว หันมาสบตา

"หืม มีอะไรรึเปล่า" อีกฝ่ายเลิกคิ้ว

"ปละ เปล่าครับ ลุงอ้ายกินเบียร์ไหม ผมจะไปเอามาให้"

"กลางวันแสกๆ นี่น่ะเหรอ ไม่เอาหรอก" อินทัชละสายตาไปดูหนังตรงหน้า ไม่สนคนข้างกายที่ถอนหายใจเสียงดัง ดื้อดึงลุกเดินไปในครัว เสียงประตูตู้เย็นเปิดออก ในห้องครัวดังกุกกักไม่ขาดสาย อินทัชหาได้สนใจกับสิ่งที่อศวมินทร์กำลังทำอยู่ ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเบาะมองทีวีอย่างตั้งอกตั้งใจ

ปกติวันนี้เป็นวันพักผ่อนของเขาหลังจากทำงานตลอดทั้งสัปดาห์ ดังนั้นหลังจากทานมื้อเที่ยงแล้วหนังตาก็เริ่มจะหย่อน ผนวกกับผ้าม่านถูกปิดลงจนภายในห้องสลัวอีก อินทัชมุ่นคิ้วหันไปมองเด็กรูปร่างพอๆ กับตัวเองด้วยความสนเท่ "ทำอะไร ปิดม่านทำไม"

"เอ้า ก็ลุงอ้ายบอกว่าจะไม่กินตอนกลางวันแสกๆ นี่ก็มืดแล้วไงครับ เอ้านี่...เบียร์" เด็กแสบยิ้มทั้งเปิดกระป๋องเบียร์ยื่นให้เสร็จสรรพในตอนนั้น ยักคิ้วเป็นต่อ ทำท่าทางทั้งน่าเอ็นดูและน่าหมั่นไส้ไปในคราเดียวกัน

อินทัชจำต้องรับมาถืออย่างเสียไม่ได้ เห็นเด็กอายุยังไม่ถึงสิบแปดกระดกพรวดลงคอราวกับกินน้ำเปล่า ไม่นานก็หมดกระป๋อง หนำซ้ำยังลุกไปหยิบอันใหม่มาเปิดกินอีกต่างหาก ปล่อยให้เขานั่งมองอยู่อย่างนี้ ชายหนุ่มคงต้องพยายามทำใจให้ชินกับสิ่งที่เกิดกับวัยรุ่นชายสมัยนี้แล้วกระมัง ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวเร็วกว่าเขามาก อินทัชเห็นอศวมินทร์แล้วปลงเรื่องมาวินไปได้เยอะทีเดียว เพราะสักวันเขาคงได้เห็นภาพมาวินเป็นแบบนี้

"ปกติวันหยุดลุงอ้ายไปเที่ยวที่ไหนครับ" คนข้างกายถามขั้น ขณะที่อินทัชยกเบียร์ขึ้นดื่ม

"ฉันไม่ได้เที่ยวนานแล้ว แต่ก็มีวางแพลนจะไปผ่อนคลายสักที่ คงจะเป็นทะเลที่ไหนสักแห่ง นอนพัก แล้วก็กินลมชมวิวแบบไม่ต้องห่วงอะไร"

อศวมินทร์พยักหน้ารับเงียบๆ หยิบหมอนมากอด ทั้งเอนหลังพิงพนักมองทีวีที่เปล่งแสงมาสาดใบหน้าคนมองทั้งคู่ ในยามสลัวลุงอ้ายดูมีมิติมากจนเกินไป "ลุงอ้ายคงทำงานหนักมากสินะ งั้น...วันหลังพาผมไปด้วยได้ไหม ผมอยากไป ผมเองก็ชอบทะเลเหมือนกันแต่ไม่เคยไปกับคนสำคัญสักครั้ง"

อินทัชหันไปมองคนบอก เห็นเด็กหนุ่มที่กำลังมองทีวี แม้จะเล่าความขมขื่นของชีวิต แต่เหตุใดบนใบหน้าเรียวยาวนั้นกลับประดับไปด้วยรอยยิ้ม

"ลุงอ้ายเป็นคนสำคัญ เป็นคนที่อยากให้ผมได้รับแต่สิ่งที่ดี"

ชายหนุ่มผละมากะพริบตาถี่ๆ กับตนเองในความสลัวของห้อง ไม่รู้ทำไมใจของเขาเต้นดังโครมครามแทบทะลุออกจากอก อศวมินทร์ทำคล้ายกำลังสารภาพรักกับเขา อินทัชข่มใจหันไปมองด้านอื่นด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าใจเขากำลังกระตุก เพราะน้องมินทร์คนนี้กำลังทำตัวน่ารักจนเกินไป

"ผมชอบลุงอ้าย คุณเป็นคนดี" คนบอกคว้ามือเขาไปกุม อินทัชทำได้เพียงหันไปจ้องตาของเด็กที่นั่งข้างกาย "แล้วคุณก็หล่อมาก ยิ่งเวลามองผมแล้วยิ้มแบบใจดีมาให้ ใจผมสั่นตลอด แต่ก็ชอบมองต่อไป คุณคงแปลกใจที่ทุกครั้งหันมาแล้วเห็นผมผละสายตาออกไปทุกที นั่นแหละ...ผมกำลังจ้องคุณอยู่..."

นิ้วชี้เรียวขยับมาจิ้มแก้มของคุณลุงให้คลี่ยิ้มออก อินทัชหันไปมองทีวี พยักหน้าขึ้นลงบอกว่าตนรับรู้แล้ว "ฉันว่าเธอคงอยู่กับคนสกปรกพวกนั้นมากจนเกินไป"

"เปล่า เพราะผมเป็นแบบนี้แหละ แม่ถึง..." อินทัชเลิกคิ้วหันไปมอง เกือบแล้ว เด็กคนนี้เกือบเปิดใจกับเขาแล้ว หากเขาไม่ปิดกั้นตัวเองกับอศวมินทร์ไปเสียก่อน ชายหนุ่มหันไปวางมือลงบนศีรษะคนข้างกายแผ่วเบา "ฉันรับรองว่าฉันจะไม่เปลียนไป ไม่ว่าเธอจะมองฉันไปอีกแบบหนึ่งก็ตาม"

"ผมจูบลุงได้ไหม" อศวมินทร์หันมาโพล่งถาม เมื่อได้ฟังคำนี้ อินทัชถึงกับผงะไปชั่วครู่

ใบหน้าคมคายหันมามองทีวี ในยามนีคนทั้งคู่เงียบกริบไม่ได้พูดโต้ตอบไปมา มีเพียงเสียงทีวีตรงหน้าคั่นกลาง แม้โสตประสาทจะไม่ได้สนใจเนื้อหาของเรื่องเลยก็ตาม

อศวมินทร์ถอนใจ ยอมรับความจริงว่ามันไม่ง่ายเลยกับการเอาชนะใจอินทัช เขาเชื่อแล้วว่าฮีโร่ของมาวินเป็นคนดีจริงๆ หากลุงอ้ายจะทำ ก็คงเพราะหลงตกหลุมพรางที่เขาหลอกล่อแค่นั้น การเล่นครั้งนี้หมดสนุกแล้ว เขาทนใจสั่นเวลาแอบมองอินทัชไม่ไหว เกรงว่าหากนานกว่านี้ตัวเองจะตกหลุมรักคนดีๆ คนนี้เข้าเสียเอง

เนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ที่คนทั้งคู่ไม่คุยกัน ในความสลัวของห้องพักมีเพียงแสงทีวีขยับขับเคลื่อน อศวมินทร์ระบายยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจของคนข้างกายอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

เด็กหนุ่มหันไปมองใบหน้าคมขณะพ่นลมหายใจสม่ำเสมอ พริ้มตาหลับราวกับเหนื่อยอ่อน ศีรษะเอียงมาทางด้านนี้ อศวมินทร์หมุนตัวช่วยขยับให้เอนตัวนอนบนโซฟาด้วยเกรงจะปวดเมื่อย ลุกไปหยิบผ้านวมมาคลุมให้อย่างอ่อนแผ่ว

ในขณะที่กำลังคุกเข่ากับพื้น ดวงตาก็ยังจับจ้องใบหน้าหล่อเหลายามหลับอย่างไม่ละ เวลานี้ได้สังเกตดีๆ จะเห็นว่าอินทัชหล่อแบบไทยแท้ หน้าคม คิ้วเข้ม ปากกระจับยามปิดสนิทก็สวยได้รูป ที่สำคัญรสชาติดีเกินนึกถึง ครั้นเห็น อศวมินทร์กลืนน้ำลายลงคออย่างชั่งใจ ท้ายที่สุดก็ยกมือไล้เส้นผมของคนหลับ โน้มลงไปขโมยริมฝีปากสีสดด้านหน้ามาชิม

ทั้งอ่อนนุ่ม และหอมหวาน

คนทำผละออกมาเม้มปากละล้าละลัง ฝังลงไปจ้วงชิมใหม่อีกครั้งอย่างเอาแต่ใจ นานเท่าไรไม่ทราบที่เขาลักชิมริมฝีปากคุณลุงยังหล่อ อศวมินทร์พยายามผ่อนลมหายใจยกมือกุมหน้าอก บังคับมิให้ตัวเองตื่นเต้น

รีบลุกเดินหนีไปสูดลมหายใจนอกระเบียง อีกทั้งพยายามยับยั้งชั่งใจตัวเองไม่ให้เอาแต่ใจทำเรื่องผิดต่อคนข้างในไปมากกว่านี้

อินทัชหลับจนเอกโทร. บอกว่ากลับมาแล้ว ทีแรกก็ตกใจตัวเองที่เผลอหลับนานขนาดนั้น ทั้งที่อศวมินทร์ชวนดูหนังด้วยแท้ๆ วันนี้เขาเรียกได้ว่ามาเพียงเกะกะเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้อีกฝ่ายคลายเหงาเลยสักนิด แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่เซ้าซี้เหมือนก่อน เพียงแค่เดินลงมาส่งเขาอย่างไม่ปริปากบ่นเท่านั้น

อินทัชคงกำลังแปลกใจกับท่าทีนี้ อศวมินทร์เพียงถอยออกมา เมินเฉยต่ออีกฝ่ายเหมือนเคย ตลอดทั้งคืนเขาไม่ได้ส่งข้อความหาอินทัช โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเปิดมือถือตัวเองดูกี่คราแล้ว

รุ่งขึ้น เสียงโทรศัพท์ของอศวมินทร์ดังตั้งแต่เช้าตรู่ เด็กหนุ่มรีบวิ่งลงไปด้านล่างทั้งที่เพิ่งตื่นนอนใหม่ๆ ด้วยความตกใจ เห็นคุณลุงยืนรอหน้าประตูกระจกทั้งยิ้มขันกับสภาพนี้ของเขา อศวมินทร์มองซ้ายแลขวาอย่างผิดวิสัย เห็นแล้วอินทัชก็มองตามกับท่าทีนี้ด้วยความสนเท่

อินทัชมาคนเดียวนี่

"ลุงอ้ายรีบไปไหนตั้งแต่เช้าเหรอครับ"

เด็กหนุ่มเกาหัวยุ่ง ตัวสูงๆ สวมเพียงกางเกงนอนตัวยาวเพียงตัวเดียว เพราะตื่นเต้นมากไปจึงลืมหยิบเสื้อมาสวม แล้วก็มาอยู่ในสภาพเช่นนี้แล อินทัชยกยิ้มเมื่อเห็น ชูกุญแจรถให้อีกฝ่ายดู

"ไปทะเลกัน"


*****************************

เกือบแล้วจ้า เกือบได้กันแล้ว 5555

คอมเม้นเป็นกำลังใจด้วยน้า หนูนารออ่านอยู่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2015 13:37:51 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
แนะนำนักเขียนเรื่องนี้นิดหนึ่งค่ะ เด๋วนักเขียนจะโดนพี่โมดุว่าเอา

ตามกฏอ่าจ๊ะ นักเขียนต้องลงกฏของเล้าด้วยนะจ๊ะ แบบนักเขียนท่านอื่นๆอ่ะค่ะ

รอตอนต่อไปจ้า  :pig4:

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
แนะนำนักเขียนเรื่องนี้นิดหนึ่งค่ะ เด๋วนักเขียนจะโดนพี่โมดุว่าเอา

ตามกฏอ่าจ๊ะ นักเขียนต้องลงกฏของเล้าด้วยนะจ๊ะ แบบนักเขียนท่านอื่นๆอ่ะค่ะ

รอตอนต่อไปจ้า  :pig4:

โอ้ ลืมเลย ขอบคุณจ้

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
Re: เล่ห์ · รัก · ร้าย ตอนที่ ๕
«ตอบ #12 เมื่อ11-09-2015 00:21:12 »

เล่ห์ · รัก · ร้าย
.
.
.


อินทัชนั่งรออศวมินทร์อาบน้ำแต่งตัวอยู่ครู่ ชายหนุ่มตระเตรียมข้าวของจำเป็นไปด้วยเพราะรู้ว่าทุกอย่างอยู่มุมไหน ไม่ว่าจะเป็นโลชันป้องกันแดด เสื่อสำหรับปูนั่ง หรือหมวก ที่สำคัญคือชุดสำรองและผ้าเช็ดตัว แม้ไม่ได้ค้างคืนแต่คาดว่าต้องได้เล่นน้ำ

นัยน์ตาประกายน้ำตาลเหลือบไปเห็นโทรศัพท์เจ้าของสถานที่กำลังเปร่งแสง เสียงดังครืดบอกว่ากำลังมีคนส่งข้อความมาให้ แต่นั่นไม่ได้สะกดให้ชายหนุ่มนิ่งจ้องเช่นนั้น กลับเป็นภาพตัวเองยามพริ้มตาหลับบนหน้าจอทัชสกรีนนั่นต่างหาก อินทัชหันมากะพริบตาตัวเองถี่รัวด้วยความแปลกใจ อศวมินทร์ตั้งรูปเขาบนหน้าจอหลักไว้อย่างนั้นหรือ

สิ่งที่เด็กหนุ่มพูดไว้เมื่อวานยังคงสะท้อนก้องในโสตประสาท คำสารภาพแสนน่ารักนั่นทำเอาอินทัชใจเต้นตึกตัก

"เสร็จแล้วครับ ลุงอ้าย"  เสียงคนบอกตื่นเต้นจนชายหนุ่มต้องผละไปมอง "อ้อ งั้นไปเถอะเดี๋ยวกลับดึก พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน"

ว่าพลางเดินนำออกไปด้านนอก คนขานรับน้ำเสียงเข้มแข็งและตื่นเต้นไปในคราเดียวกัน 

ทั้งคู่ใช้เวลาบนรถไม่เสียเปล่าขณะเดินทาง พูดคุยกันมากขึ้น อินทัชเห็นว่าเด็กหนุ่มเป็นคนช่างพูด แต่ก็ออกแนวเจ้าเล่ห์จนมองออก หากอธิบายได้อย่างตรงตัวก็คงเป็นเด็กกะล่อนเกินวัย คิดพูดอะไรก็แฝงนัยสองแง่สองง่ามตลอด เพียงแต่แววตาใสซื่อนั่นทำให้ชายหนุ่มโกรธไม่ลง

 อศวมินทร์เล่าให้เขาฟังว่าเคยเที่ยวทะเลกับครอบครัวตั้งแต่บิดายังอยู่ หลังจากเขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาด้วยอุบัติเหตุแล้ว การไปทะเลของเด็กหนุ่มก็มีเพียงกับเพื่อนๆ เท่านั้น หรือไม่ก็มาทัศนศึกษา

บางมุมอินทัชเห็นความเป็นผู้ใหญ่ของเด็กข้างกาย แต่บางมุมก็คิดว่าอศวมินทร์ตรองน้อยไปหน่อยก่อนจะทำ เช่นการหนีออกจากบ้าน

แต่วันนี้อินทัชจะพยายามลืมเรื่องที่เด็กวัยย่างสิบแปดนี้ทำไปก่อน ชายหนุ่มตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายสบายใจยามอยู่กับเขา ให้อศวมินทร์รู้สึกผ่อนคลายหากเขาทำตามความต้องการ และไม่ระแวงอีก

เดินทางถึงชลบุรีได้ในเวลาหนึ่งชั่วโมง กำลังมุ่งหน้าสู่พัทยาต่อไป อินทัชบอกกับคนนั่งข้างๆ ว่าเขาเคยมาช่วงต้นปีกับครอบครัว ทะเลพัทยาสะอาด บรรยากาศร่มรื่นดี แต่หากมีเวลากว่านี้เขาอยากพาทัวร์จังหวัดจันทบุรีมากกว่า ที่นั่นมีหาดมากมายหลายแหล่งให้เลือก อาหารถูกปากราคาไม่แพง หน้ำซ้ำมีสวนผลไม้เป็นสวนให้ทานแบบไม่อั้น เพียงแค่เล่าให้ฟังอศวมินทร์ก็กระตือรือร้นอยากจะไปอีก

อินทัชถูกออดอ้อนด้วยการหันมาบีบนวดขาให้ อศวมินทร์ขอให้พามาวินกับเขาไปงวดหน้าในขณะขับรถคนนั่งข้างกายหยิบขนมขบเขี้ยวขึ้นมากินไม่หยุดปาก ทำเอาคนมองหลุดยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู อศวมินทร์คลี่ยิ้มเมื่อรู้ตัว หยิบขนมกับน้ำป้อนคนขับบ้าง

รอยยิ้มนี้ละม้ายปรางคณางเหลือเกิน

ถึงทะเลพัทยา อินทัชเลือกเที่ยวหาดแบบธรรมดาสามัญชน ไม่เข้าโรงแรม พาอศวมินทร์จอดรถบนถนนและเดินลงมายังหาด แวบแรกเห็นชาวต่างชาติมากมายหลายคนนอนผ่อนคลายบนเก้าอี้เอนหลัง ไม่มีคนไทยสักคนทั้งที่เป็นวันอาทิตย์ อินทัชถามว่าต้องการเช่าเต๊นท์แบบนั้นไหม เด็กหนุ่มรีบพยักหน้าตอบทันทีอย่างว่าง่าย

ถึงที่แล้วอศวมินทร์ก็รีบถอดเสื้อผ้า ท่าทางตื่นเต้นอยากจะเล่นน้ำเต็มแก่ สาวๆ แถวนั้นหันมามองเด็กหนุ่มเป็นตาเดียว น้องมินของลุงอ้ายเป็นเด็กหน้าตาตามเทรนด์ ตัวสูง ผิวพรรณไม่ขาวเกินชาย ช่วงที่อยู่คอนโดว่างๆ เขามักจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฟิตเนส ตอนนี้จากร่างกายผ่ายผอมก็มีกล้ามเนื้อขึ้นมาได้รูป ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ตัวอินทัชเองก็อึ้งเช่นกันที่เห็น

เด็กนี่ซ่อนรูปชัดๆ แล้วลุงแก่ๆ อย่างเขาจะไปสู้ได้ยังไง

"ลุงอ้าย เล่นน้ำกันครับ" อศวมินทร์เดินวนมาฉุดแขนให้เขาลุก หากทว่าคนถูกชวนโคลงศีรษะตอบ "ไปก่อนเถอะเดี๋ยวฉันสั่งอาหารรอ เล่นเสร็จเหนื่อยๆ จะได้มีของกิน"

"ไม่เป็นไรหรอกครับผมกินน้ำเปล่าก็ได้ ดูโน่นสิ เขาขับเจ็ทสกีกันน่าสนุกเชียว นะครับลุงอ้าย นะ..." เด็กหนุ่มดึงแขน ทำเอาคนถูกอ้อนระบายยิ้มอย่างไม่ได้ตั้งใจ "ลุงอ้ายจะอายอะไร คุณหล่อออกขนาดนี้ แถมสัมภาระบนโต๊ะก็ไม่มีอะไรสำคัญ มองจากหาดก็เห็นอยู่"

"แต่...ฉันอยากงีบสักหน่อย ไว้อีกสองชั่วโมงได้ไหม ไว้ค่อยไปเช่าห้องแล้วเอาของเก็บ จะได้เล่นแบบไม่ต้องห่วง"

"ถ้าให้ผมไปเล่นคนเดียวก็ไม่ต่างจากทุกทีที่มาน่ะสิ นะครับ ไปเช่าเจ็ทสกีขับเล่นกัน"

โดนแทงใจดำแบบนี้อินทัชถึงกับไปไม่ถูกเลยทีเดียว ชายหนุ่มทอดถอนใจพยักหน้ายอมในท้ายที่สุด เมื่อเงยขึ้นมอง เห็นแววดีใจของอศวมินทร์ฉายให้อย่างไม่ปิดกั้น อินทัชถอดเสื้อเหลือเพียงกางเกงยาวเท่าเข่าสีกรมท่า เก็บกุญแจรถซ่อนไว้ใต้เก้าอี้ วันนี้เขาไม่ได้พกกระเป๋าสตางค์มา มีเพียงเงินสดที่ใส่ไว้ในเก๊ะหน้าคอนโซลรถไม่กี่พัน รถยนต์ก็จอดอยู่ใกล้ๆ

"แค่แป็บเดียวนะ"

อศวมินทร์รีบพยักหน้าตอบ เดินตามหลังคุณลุงด้วยความกระตือรือร้นไปหาคนให้เช่า ครั้นได้มาครอบครอง เด็กหนุ่มรีบสวมเสื้อชูชีพวิ่งไปหามันทันที สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าคนมองยามเดินตามไป

อศวมินทร์บังคับขับเจ็ทสกีหน้าตาตื่นเต้น ท่าทางเป็นตัวของตัวเองในสายตาอินทัชนั้นทำให้เขาเอาแต่มองด้วยความเอ็นดู มองเด็กตัวน้อยบัดนี้โตเป็นหนุ่มเต็มตัว ชายหนุ่มขับตามหลัง วันนี้ท้องฟ้าอากาศเป็นใจ เกลียวคลื่นไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป อศวมินทร์โลดแล่นบนผืนน้ำท่วงท่างดงามแข็งแรง

อิทัชระบายยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ยินเสียงคนด้านหน้าแหกปากตะโกนระบายอะไรสักอย่างดังออกมา ทว่าเสียงเครื่องเจ็ทสกีที่เขาขับดังมากจนเกินไป อินทัชได้ยินไม่เป็นประโยค รู้เพียงว่าคนขับนำไปก่อนนั้นได้ผ่อนเครื่อง หันมาส่งยิ้มหวานเปี่ยมสุข รอยยิ้มอศวมินทร์ตราตรึงคนมองทางนี้ยิ่งนัก

ภาพเด็กเอาแต่ใจและขาดตวามอบอุ่นยืนปล่อยมือสองข้างบนเจ็ทสกตีตัวนั้น ยามแสงแดดสาดผ่านร่างอศวมินทร์มา แลดูมีมนต์ขลังอะไรสักอย่างให้ชายหนุ่มหยุดมอง อินทัชขับตามเด็กหนุ่มไปควบคู่ เห็นอีกฝ่ายยกมือหนึ่งข้างเสยผมที่เปียกน้ำ ฉีกยิ้ม หัวเราะให้เขา ก่อนบิดคันเร่งไปยังหาดที่ออกห่างจากผู้คน อินทัชแปลกใจเมื่อเจ็ทสกีของเด็กคนนั้นเทียบหาด อศวมินทร์วิ่งลงไปทิ้งตัวนอนแผ่หอบแฮ่ก หัวเราะราวกับตนเส้นตื้น

ชายหนุ่มทรุดกายนั่งข้างๆ คิดว่าเด็กคนนี้คงเก็บอะไรไว้ในใจเยอะแยะ หลังจากที่ตะโกนประโยคหนึ่งออกมา สีหน้าของอศวมินทร์ดูดีขึ้น

มือคนนอนบนพื้นทรายคว้าหมับที่ข้อมือเขา อินทัชจ้องคนนอนหอบหายใจมองท้องฟ้าด้วยความฉงน เมื่อเห็นว่าเด็กคนนี้กำลังยิ้มอย่างคนบ้า แต่มือสั่นจนเขาสัมผัสได้

"มิน..."

"สนุกเป็นบ้า! หมดแรงเลยลุงอ้าย ตัวสั่นเลยเห็นไหม" อศวมินทร์ยิ้ม ดึงกายตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยการขอแรงอินทัช "ผมไม่เคยทำอะไรสุดเหวี่ยงอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต ตอนแรกผมก็กลัว แต่พอลองทำแล้วมันตื่นเต้นมาก!" คนเล่าเอาแต่ยิ้ม พูดเร็วด้วยความลุกลี้ลุกลน

"ตัวเธอสั่นมาก" อินทัชส่ายหน้า

"เพราะใจผมเต้นเร็วจนเกินไป ผม...ผมสนุกมาก!" อศวมินทร์หันไปสบตาคนนั่งข้างกาย เห็นอินทัชระบายยิ้มออกมาเมื่อได้ฟัง เด็กหนุ่มชะงักรอยยิ้มเมื่อเห็นเช่นนั้น เขาคิดว่าความเหนื่อยจากการสู้คลื่นน้ำลดทอนลงแล้ว เหตุใดจึงใจเต้นแรงอยู่อย่างนี้ไม่ยอมหายสักที คิดแล้วก็หันมาปรับอารมณ์ตนเองครู่หนึ่ง

เพราะรอยยิ้มของลุงอ้ายแน่ๆ

"ขอบคุณนะครับลุงอ้าย ที่สนใจคำขอผม" เด็กหนุ่มคลายมือมาเสยผมตัวเอง ยกยิ้มให้อีกฝ่าย แล้วผละมองเกลียวคลื่นด้านหน้า

"ไม่เป็นไร ฉันทำไปเพราะหวังว่าสักวันเธอจะเปิดใจให้เท่านั้นเอง"

อศวมินทร์หันไปสบกับความหมายที่อินทัชตอบ เด็กหนุ่มเห็นรอยยิ้มใจดีที่ส่งมาให้ ใจที่ว่าดีเต้นดังระรัวขึ้นมาไม่หยุดยั้ง ตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาอินทัชเปียกน้ำ ผมที่เคยถูกเซ็ทเป็นทรงตกมาระใบหน้า ทำไมดูแล้วเซ็กซี่จนไม่อาจละสายตาหนีได้เช่นนี้กัน อศวมินทร์เห็นแล้วหน้าร้อนฉ่า

"ผมเปิดตั้งนานแล้ว"

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของคนฟังอีกครั้ง เด็กหนุ่มนั่งสบนัยน์ตาคมคนอาวุโสกว่า วินาทีนั้นเสียงเกลียวคลื่นหรืออะไรต่อมิอะไรก็ไม่สามารถดึงทั้งสองคนออกมาได้ ราวกับตกอยู่มนต์สะกดจากสายตาแต่ละฝ่าย

ใบหน้ารูปหล่อทั้งสองเคลื่อนเข้าหากันราวถูกแม่เหล็กดูดเข้าไป บรรจบริมฝีปากเข้าไว้ด้วยกันอย่างอ่อนแผ่ว ไม่นานก็ผลัดเปลี่ยนมาเป็นความร้อนแรง ลมหายใจทั้งสองแทบขาดห้วงต่างไม่มีใครยอมใคร ดูดดุนเอาความหอมหวานราวขาดมันมานานนับปี ส่งผลให้เกิดเสียงจุบจับแสดงถึงความต้องการแต่ละฝ่าย

อินทัชสมองตื้อ นำจูบคนอ่อนกว่าอย่างเผ็ดร้อนหิวโหย เสียงเกลียวคลื่นไม่สู้ความพอใจในลำคอของอศวมินทร์ มือไม้ต่างแปะป่ายกันและกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้

"ลุงอ้าย" น้องมินของเขาหอบแฮ่ก ทิ้งตัวนอนลงบนผืนทรายซึ่งชายหนุ่มโน้มตามลงไปติดๆ ก้มลงแนบจูบอย่างไม่ยอมขาดแม้แต่วินาที อารมณ์หนุ่มเพิ่มดีกรีขึ้นกับมืออศวมินทร์ที่เคลื่อนไล้บนร่าง เด็กคนนี้ช่างน่ารัก น่าจับทำอะไรต่อมิอะไรจนพอใจ ชายหนุ่มผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตามองคนนอนใต้ร่างซึ่งกำลังเชยมาสบตาพอดี

"ลุงอ้าย..."

อินทัชลุกขึ้นหันหลังให้ เสียงอศวมินทร์เดินดังสวบสาบมากอดเขาจากด้านหลัง  อินทัชเผลอพ่นลมหายใจ ทำได้เพียงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น นึกต่อว่าตนเองเสียยกใหญ่เมื่อได้ตรองแล้วว่าไม่ควร

"ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"

มือของคนด้านหลังกระชับกอดเขาแน่นกว่าเดิม "ตั้งใจสิ เมื่อกี้เราจูบกัน ลุงอ้ายจูบผมและผมก็จูบคุณ ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อยนี่ครับ ทำไมต้องขอโทษ"

อินทัชแกะมือออกหันไปมองเด็กหนุ่มด้านหลัง อศวมินทร์คงไม่ทราบว่าเขาเก็บงำความจริงอะไรเอาไว้ แต่จะใหัเมินเฉยความน่ารักนี้ก็คงยากเกินไปที่จะทำ "ไปเถอะ ฉันห่วงว่าของที่โต๊ะจะหาย"

อินทัชขับนำกลับมายังโต๊ะซึ่งอยู่หาดใกล้ๆ ตรวจทานดูว่าข้าวของยังอยู่ดีหรือเปล่า แล้วเสร็จก็เดินถือของนำไปห้องน้ำล้างตัวและสระผม ชำระน้ำทะเลออกให้หายเหนียว ออกมาเห็นอศวมินทร์นั่งรออยู่โต๊ะแล้ว เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มราวกับลืมเรื่องเมื่อครู่ไป เหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

หลังทานมื้อเที่ยงเวลาย่ำบ่าย พอขึ้นรถโดนแอร์ไม่นานอศวมินทร์ก็หลับปุ๋ย ทั้งที่เพิ่งคุยกันว่าจะพาขับลัดเลาะริมหาดไปเรื่อย เยี่ยมชมบรรยากาศช่วงเย็นเมืองพัทยาแล้วค่อยกลับ แต่ดูท่าจะผิดคาด ช่วงเย็นรถติดแทบจะไม่ได้เขยื้อน อศวมินทร์รู้สึกตัวตื่นก็เทียวแต่ชวนเขาเดินวอคกิ้งสทรีท หากทว่าอินทัชไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

สองทุ่มเข้าแล้วก็ยังไม่ทันออกจากชลบุรี อินทัชชำเลืองตามองคนนั่งข้างกายที่หันไปมองผ่านกระจกออกไปเงียบๆ บรรยากาศต่างจากขามาลิบลับ อศวมินทร์อาจจะเหนื่อยกระมัง

"จะแวะกินอะไรไหม กลับไปจะได้นอนเลย" ชายหนุ่มถามฝ่าความเงียบ ได้ยินเพียงเสียงขานรับในลำคอ ด้านหน้าเป็นร้านสเต็กพอดี อินทัชจึงหมุนพวงมาลัยบังคับยานพาหนะเคลื่อนเข้าไปจอด

ในขณะกำลังก้มหน้าก้มตาทาน อินทัชมองเด็กหนุ่มวัยกำลังโตตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยก็ยิ้มอิ่มแทน เสียงข้อความที่สนทนาผ่านโซเชียลดังขึ้น ปรากฏใบหน้าของอินทัชกำลังหลับบนหน้าจออีกครั้ง ชายหนุ่มผละรอยยิ้มลงทันทีที่เห็น อศวมินทร์รีบยกมาถือต้องการกลบเกลื่อนเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร

ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่ ฝ่ายอศวมินทร์เป็นคนผละออกไป อินทัชแปลกใจ ปกติเด็กคนนี้จะช่างพูดให้เขาคิด แต่คราวนี้กลับเงียบ หรือเพราะจูบเมื่อตอนกลางวันเป็นต้นเหตุ

"ฉันขอโทษ ที่จูบเธอเพราะฉันกำลังคิดถึงใครสักคน"

คนฟังเงยขึ้นมามอง หน้าผิดสีไปเล็กน้อย "งั้นเหรอครับ ไม่ใช่เพราะว่าลุงอยากจะจูบผมสินะ" คนตอบระบายยิ้มจาง นั่นทำให้กระตุกใจตนมองแทบไม่อาจละสายตาหนีไปไหน ต้นเหตุจากยิ้มนั้น อินทัชเห็นว่ามันและดูเฝื่อนเต็มที คนมองทำได้เพียงกะพริบตาถี่หันไปด้านอื่นไม่รู้ว่าจะพูดคำใดต่อ

"จูบเพราะคิดถึงคนอื่น..." อศวมินทร์หัวเราะในลำคอ "ยังไงก็ขอบคุณที่ทำให้ผมหลงรู้สึกดีตั้งนาน"

"เรื่องอื่นฉันไม่ได้แกล้งทำ" อินทัชแทรก มองคนตรงหน้ากดโทรศัพท์แล้ววางลง ใจเขาหลุดวูบเมื่อเห็นหน้าจอทัชสกรีนนั้นว่างเปล่า "มิน ที่จริงเธอเป็นเด็กน่ารัก ฉันรู้ที่เธอทำอะไรลงไปเพราะมีเหตุผล เธอเป็นเพื่อนมาวิน ฉันบอกแล้วไงว่าจะไม่เปลี่ยนไปไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง"

"ปล่อยให้ผมอยู่แบบเดิมเถอะ อย่ามายุ่งกับผมอีก"

คนฟังราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่หน้า อินทัชนิ่ง มองเด็กหนุ่มลุกเดินจากไป ก่อนสมองจะประมวลผลว่าไม่ควรนั่งทื่ออยู่เช่นนี้ อินทัชวางแบงค์สีเทาลงบนโต๊ะแล้วหมุนตัววิ่งตามออกมา ไม่สนเด็กเสิร์ฟที่ร้องบอกให้รอรับเงินทอนสักนิด

แต่พอตามมาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร ตลอดเส้นทางชายหนุ่มทำได้เพียงชำเลืองตามองคนข้างกาย เห็นว่าอศวมินทร์นั่งกอดอกมองไปอีกด้านหนึ่งนิ่ง หากไม่ได้ยินสียงทอดถอนใจอยู่บ่อยครั้ง อินทัชคิดว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้วเสียอีก เขาเองก็จำต้องถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ ผิดเองที่เผลอไผลไปตามอารมณ์ชั่ววูบคราวนั้น

ใช่หรือ...

หากเป็นเพราะชั่ววูบจริง ทำไมเขาต้องใจเสียที่เด็กคนนี้เอารูปตัวเองออกจากหน้าจอโทรศัพท์กันเล่า อินทัชยกมือยีศีรษะตัวเอง มุ่นคิ้วเอาแต่ลอบมองคนข้างกาย ไม่ให้เขายุ่งงั้นหรือ เรื่องนั้นจะทำได้อย่างไรตนก็ตอบไม่ได้ เมื่อคืนเขาเปิดดูโทรศัพท์กี่รอบเพราะรอข้อความจากเด็กคนนี้ และเป็นฝ่ายมาหาอศวมินทร์เองเพราะรู้สึกหงุดหงิดตั้งแต่เช้า

อินทัชอยากบ้า เขาหลอกตัวเองทำไมทั้งที่แคร์ความรู้สึกเด็กข้างกายมากขนาดนี้

เดินทางถึงคอนโดห้าทุ่ม อศวมินทร์อยู่ในช่วงงัวเงียถือข้าวของเดินขึ้นมาพร้อมกัน ครั้นถึงห้อง เก็บของแล้วเสร็จชายหนุ่มก็ตั้งท่าว่าจะกลับเลยทันที "พรุ่งนี้เจ็ดโมงฉันจะมาถึง แต่งตัวรอให้เรียบร้อยนะ" ว่าพลางจะเอื้อมมือไปยีผมอีกฝ่ายด้วยความเคยชิน ทว่าต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายเบี่ยงหลบ

ลืมไปว่าเขาทำแต่กับมาวินเท่านั้น ไม่ใช่กับเด็กนี่

อินทัชถอนใจ มองตามเด็กตัวสูงเดินไปยังประตูจะเอื้อมมือเปิดเดินลงไปส่ง บอกว่าจะไล่เขากลายๆ คนมองรีบเดินตามหลังด้วยรับรู้ถึงความรู้สึกอีกฝ่ายดีว่ากำลังมองหน้าเขาไม่ติด ในวินาทีที่เด็กหนุ่มกำลังหมุนประตู มือหนาก็ดึงรั้งกลับให้หันมาสบตา อีกข้างก็ผลักอกอศวมินทร์ให้เอนไปชนประตูจนงับปิดใหม่อีกรอบ

คนถูกทำเบิกตาด้วยความงุนงง กำลังประท้วงก็ถูกครอบครองริมฝีปากไว้ อศวมินทร์มึนงงกับการกระทำนี้ แต่เพียงไม่นานเท่านั้นที่เขาดื้อรั้นผลักออก เสียงกระซาบของอินทัชอยู่ข้างหูในยามเคลียคลอชิดใกล้ ได้ทำให้ความรั้นทั้งหมดหยุดลง แทนด้วยการสนองรับอย่างพร้อมใจ


--ละไว้ในฐานที่เข้าใจค่ะ--


********************************

ง่อววววววววว ได้เสียกันแล้ว 5555 แต่ไม่มีหลุดออกมานะคะ
ใบให้ว่าเขาได้กันตรงหน้าประตูนี่แหละ แล้วก็ไปต่อที่ห้อง เรื่องนี้แบบว่าเผ็ดร้อนมาก
แต่ไม่บอกว่าลุงอ้ายกระซิบอะไรให้มินฟังหรอกนะ

วายเรื่องนี้ตัวเอกทั้งคู่ไม่สาว ไม่ตุ้งติ้ง แมนๆ เข้าฟิตเนสนะคะ จิ้นเองว่าใครเมะใครเคะ
กำลังเร่งอัพให้ทันเวบอื่น ตอนนี้เป็นตอนล่าสุดละค่ะ จากนี้ก็อัพช้าลงแล้ว

คอมเม้นเป็นกำลังใจเค้าด้วยเน้อ รักคนอ่านค่ะ จุ้บบบ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2015 13:40:19 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
แนวเรื่องแหวกมาก
อ่านชื่อเรื่องนึกว่าจะเป็นเด็กขี้เล่นมาตื้อรักกับรุ่นใหญ่
แต่นี่กลับดาร์คนิดๆ แถมมีปม
น่าติดตามมากครับ

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
แนวเรื่องแหวกมาก
อ่านชื่อเรื่องนึกว่าจะเป็นเด็กขี้เล่นมาตื้อรักกับรุ่นใหญ่
แต่นี่กลับดาร์คนิดๆ แถมมีปม
น่าติดตามมากครับ

กะว่าจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเหมือนกันค่ะ แต่เป็นคนหัวทึบ
ชื่อเรื่องกับตัวละคร คงต้องคิดหนักอีกที ^^

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
เล่ห์ · รัก · ร้าย
.
.
.


อินทัชสวมเสื้ออยู่ปลายเตียง หางตาเหลือบมองคนนอนใต้ผ้าห่มนวม ภายในห้องนอนแห่งนี้มืดมิดมองไม่ชัดแจ้ง มีเพียงแสงสีส้มนวลจากหน้าต่างลอดผ้าม่านสาดเข้ามา อศวมินทร์คงหลับลงไปแล้ว เหลือเพียงตัวเขาเท่านั้นที่ยังนั่งตัวแข็งทบทวนในสิ่งที่ตนเพิ่งก่อ

มือหนายกลูบใบหน้าตัวเอง เอี้ยวตัวคลานขึ้นเตียงไปพิศมองคนนอนหลับอย่างเงียบเชียบ พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าสิ่งที่ได้ทำลงไปนั้นมันถูกต้องที่สุดแล้ว เด็กคนนี้ไม่ได้ผลักไสเขาออก ตัวชายหนุ่มเองก็ได้รับความสุข เพียงเท่านี้เป็นพอ ถึงแม้ใครจะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ช่าง เพียงแค่เซ็กส์ ก็แค่เซ็กส์ที่แลกความสุขกันบนเตียงกันเท่านั้น เขามอบกอดให้คนที่โหยหาทั้งรับตอบกลับมาอย่างไม่นึกรังเกียจ แค่นี้เป็นพอ

มองนาฬิกาบอกเวลาว่าตีหนึ่งกว่า อินทัชทอดถอนใจ วันนี้เขาเองก็เหนื่อยเพลียไม่แตกต่างจากคนตรงหน้า อีกทั้งเมื่อยตัวจนแทบขยับไม่ไหว คืนนี้คงไปไหนไม่ได้แล้วนอกจากทิ่งกายลงบนเตียงนอนพักเอาแรง

พอทิ้งตัวนอนได้ แรงกระเพื่อมของเตียงก็ปลุกให้คนข้างๆ หันมากกกอด เครื่องปรับอากาศทำงานอย่างเต็มที่ของมันดีแล้ว อินทัชรู้สึกเย็นปลายเท้าจนต้องหันไปสวมกอดอีกฝ่ายตอบ

"มือลุงอ้ายเย็นมากเลยนะ ไม่สบายรึเปล่า"

เปล่าเลย เขาเป็นคนจำพวกทำผิดไม่ขึ้นต่างหาก อินทัชไม่อาจตอบตามตรงออกไปได้ ดวงตามองตามแขนยาวของอศวมินทร์ที่ลุกขึ้นยกผ้าห่มคลุมให้ "ขอบใจ"

คนด้านบนยิ้มเห็นฟันแทบทุกซี่ ทิ้งตัวลงนอน ขยับแขนกอดดึงให้ชายหนุ่มรับความอบอุ่นกับร่างเปลือยเปล่า

"ขอบคุณที่วันนี้นอนเป็นเพื่อนผมนะ ลุงอ้าย ผมมีความสุขที่สุดเลยนะครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันแล้วไม่รู้สึกสะอิดสะเอียน คุณเป็นเหมือนผมไหม"

อินทัชใจเต้นผิดจังหวะ หากเขาปฏิเสธคงเป็นการโกหกที่ไม่น่าทำที่สุด ถ้าเขารู้สึกสะอิดสะเอียนเด็กคนนี้จริงคงไม่น่าทำต่อจนจบ และคงไม่รู้สึกผิดเช่นนี้

"ฉัน...เอ็นดูเธอ เธอเป็นเด็กแปลก" สิ้นคำ คนฟังหัวเราะตามอย่างชอบใจ "ฉันไม่สามารถห้ามความอยากของตัวเองได้ ใจหนึ่งอยากทำให้เธอรู้สึกดี ใจหนึ่งก็ไม่อยากทำให้หลานอย่างมาวินเสียใจ"

"ผมจะไม่ทำให้คุณอายหลานตัวเองเลย มาวินและคนอื่นจะไม่รู้ ขอให้ลุงอ้ายมาหาผม กอดผม จูบผม ผมจะยอมเชื่อฟังทุกอย่าง ไม่เอาแต่ใจไม่ปริปากบ่นสักคำ ผมสัญญา แค่ยอมให้ผมนอนกับคุณเป็นสิ่งตอบแทน จะเงินหรือของมีค่าอะไรก็ไม่อยากได้"

"มิน" อินทัชตื้อในอก เหตุใดเด็กคนนี้ถึงพูดเรื่องน่าเศร้าได้อย่างมีความสุขเช่นนี้เล่า

"นะครับ มาหาผมทุกวันนะ"

"อืม..."

ชายหนุ่มทำได้เพียงขานรับอย่างสุดจะกลืน เขาไม่ได้ฝืนตัวเพราะไม่ชอบอศวมินทร์ แต่ชายหนุ่มกำลังรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำ ใบหน้าปรางคณางลอยเต็มห้วงความคิดของอินทัชยามนี้ "ฉันจะให้ความสุขเธอจนพอใจเลยล่ะ เพราะอย่างนั้นห้ามเบื่อนะ รู้ไหม"

"ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก"

อศวมินทร์เคลื่อนขยับเข้ามาแนบปากลงบนแก้ม จูบซ้ำๆ ย้ำคิดย้ำทำให้ชายหนุ่มเข้าใจ แม้จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาทั้งวัน สองกายที่อิงแอบแนบชิดก็ไม่ยอมหลับนอนพักผ่อนสักที เทียวจูบและกระซาบกระซิบพูดคุยโต้ตอบกันตลอดทั้งคืน รวมถึงจูบรสหวานเองก็เช่นกัน ต่างฝ่ายต่างมอบให้อย่างไม่รู้สึกเสียเปรียบ

จูบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้าใจกันและกัน




รุ่งเช้าของวันใหม่เดินทางมาถึงอย่างเงียบเชียบ แม้จะนอนดึกดื่นถึงเพียงไหนอินทัชก็ตื่นตามเวลา ชายหนุ่มลุกขึ้นบิดขี้เกียจสองสามที หมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย หยิบเสื้อผ้าตัวเองในตู้มาสวม เสียงขลุกขลักจากการกระทำนี้ปลุกให้คนยังหลับรู้สึกตัว อันที่จริงตอนนี้ยังเช้ามากเกินกว่าที่เด็กหนุ่มจะตื่น แต่เมื่อคืดว่าอินทัชกำลังจะไปแล้วก็ชวนให้ตาสว่างขึ้นมาทันที

อาหารเช้าถูกทำขึ้นมาง่ายๆ ในขณะที่อศวมินทร์กำลังเข้าห้องน้ำ เด็กหนุ่มทำท่าตื่นเต้นดีใจเสียยกใหญ่ มองไส้กรอกและไข่ดาวหน้าตาน่าทานตรงหน้าแล้วกอดเขา ให้บรรยากาศคล้ายผัวเมียข้าวใหม่ปลามันดีแท้

คุณลุงยังหนุ่มจะไม่กลับไปที่บ้าน มุ่งหน้าไปที่โรงเรียนอศวมินทร์และจะตรงไปสำนักงานเลย หลังจากอินทัชส่งให้ลงหน้าโรงเรียนแล้วอศวมินทร์จึงเดินเข้าไปในอาคาร แวบแรกรู้สึกถึงสายตาที่หันมามอง เด็กหนุ่มพยายามปัดออกไม่อยากใส่ใจ ย่างเดินขึ้นไปยังชั้นเรียนที่ตัวเองอยู่

เขาอยู่ห้องต้นๆ และไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่สิ่งที่ได้พบมาตลอดทั้งปีหลังบิดาเสียเป็นแรงกดดันให้เลือกทำเช่นนั้น มารดาเสียใจเรื่องบิดาได้ไม่นาน จากนั้นมา ผู้ชายคนใหม่ที่ไหนก็ไม่ทราบก็เข้ามาในชีวิต เพียงไม่กี่เดือนปรางคณางก็มาบอกเขาว่าเธอจะมีสามีใหม่ ที่สำคัญจะพาผู้ชายคนนั้นมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน

อศวมินทร์ไม่อยากจะเชื่อ เขาแย้งไปว่าไม่ควร แต่ปรางคณางก็ดื้อรั้นจะพาผู้ชายเข้าบ้านให้ได้ เด็กหนุ่มโมโห ดูถูกและต่อว่าไอ้แมงดาตัวนั้นให้เธอฟังเสียยกใหญ่ ปรางคณางตบเขามาฉาดหนึ่ง พูดจาเข้าข้างคนหน้าตัวเมียนั่นโดยไม่นึกถึงจิตใจเขาสักนิด ขนาดยังไม่ทันได้เห็นหน้าก็สร้างปัญหาได้ถึงเพียงนี้

เขาเกลียดผู้ชายคนนั้น คนที่หลบใต้ชายกระโปรงมารดาเขาอย่างไม่ใช่ลูกผู้ชาย คนที่จ้องจะเกาะผู้หญิงรวยๆ เพื่อให้ตัวเองอยู่กินสบาย เขาไม่อยากเป็นลูกเลี้ยงของผู้ชายคนนั้น ไม่ว่าอย่างไรอศวมินทร์จะไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด!

ยิ่งคิดย้อนไปแล้วเด็กหนุ่มก็นึกโมโห คาบเรียนวิชาแรกได้เริ่มขึ้นอย่างน่าเบื่อหน่าย หากทว่าอศวมินทร์ก็ทำได้แค่นั่งฟัง เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่นั่งข้างกายปันหนังสือมาให้อ่านด้วยยิ้มเป็นมิตร อาจารย์ประจำวิชาที่เอาแต่ชำเลืองตามามองเขา แม้อึดอัดเด็กหนุ่มก็จำต้องทนนั่งจนจบ เพราะนี่เป็นความต้องการของลุงอ้าย คนที่ส่งเสียเขา

อศวมินทร์ไม่อยากทำให้ลำบากใจ

เสียงเพื่อนหญิงชายในโรงเรียนสนุกสนานกับการหยอกล้อกัน อศวมินทร์คล้ายดินฟ้าอากาศไม่มีตัวตนตรงนั้น ไม่มีใครทัก ไม่มีใครคุยด้วย แต่มีหรือที่คนอย่างเขาจะสน เด็กหนุ่มเอาแต่ก้มหน้าก้มตาส่งข้อความหาอินทัช แม้นานๆ อีกฝ่ายจะตอบกลับมา แต่ถ้อยตำที่ตอบมานั้นน่ารักชวนให้ยิ้มตามเสมอ

ตลอดทั้งวันมาวินกับเพื่อนแวะเวียนมาหาบ้าง อศวมินทร์รู้ถึงความหวังดีของเพื่อนที่สอบถามความเป็นอยู่ แต่มันก็แสดงออกกลายๆ ว่าอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเขามากจนเกินไป เด็กหนุ่มตัดบทด้วยการเงียบไม่เล่าอะไรให้ใครฟังทั้งสิ้น เขาเชื่อใจอินทัชและอยากให้อินทัชเชื่อใจตัวเองกลับบ้าง

อศวมินทร์เป็นเด็กดี อินทัชแวะมาหาเขาแทบทุกวัน มาฟังเด็กหนุ่มเล่าเรื่องเพื่อนๆ ให้ฟัง คนเล่านั้นดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อเห็นคนฟังนั่งยิ้ม ส่งเเววใจดีมาให้

"จากนั้นเขาก็มาชวนผมไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันตลอด ผมพยายามปฏิเสธแล้วนะครับ แต่พวกเขาก็ตื๊อ แล้วก็ชวนเล่นเกมแปลกๆ ตอนกินข้าวด้วย พวกเราเป่ายิงฉุบแลกชามก๊วยเตี๋ยวกัน ผมได้ของเพื่อนผู้หญิงคนนึง เขาติดรสหวานกับเค็มปะแล่ม เรากินรสชาติของคนอื่นไปก็หัวเราะกันไป"

อศวมินทร์ทำตาโตเล่า "มาวินเป็นคนทานไม่เผ็ดลุงอ้ายก็รู้ แต่วันนั้นมันโดนแจ๊คพอตของเพื่อนที่ชอบเผ็ดพอดี มันลนร้องหาน้ำทุกคำที่กินครับ ปากนี่ก็แดงอย่างกับพริก นึกแล้วก็ขำนะ"

อินทัชพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม นั่งกอดอกฟังไม่พูดคั่นกลางคนเล่าให้เสียอารมณ์ ชั่วโมงนี้ชายหนุ่มกำลังปลาบปลื้มกับความสำเร็จของตัวเอง เขาเห็นเด็กคนนี้มีความสุขที่ได้ไปโรงเรียน แค่นี้ก็บรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเองแล้ว

"จากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง พวกเราก็ผลัดกันวิ่งเข้าห้องน้ำคนละสองสามที พอเห็นใครทำท่าขออนุญาตอาจารย์ไปพวกเราก็หัวเราะรอท่าเลย"

"คงเป็นเพราะไปกินรสชาติแปลกจากเดิมละมั้ง ท้องไส้เลยไม่ชินตามไปด้วย" คนฟังออกความเห็น "ใช่ครับ มาวินตลกที่สุดเลยนะ ปวกเปียกฉิบหาย"

คนฟังตีหน้าดุเมื่อได้ยิน เล่นเอาอศวมินทร์ละรอยยิ้มเก้อ เด็กหนุ่มเกาหัวแกรกมองนัยน์ตาคมทั้งระบายยิ้มแห้งๆ รับรู้ว่าตนเองยังไม่ควรพูดคำหยาบอย่างไม่จำเป็น "ขอโทษครับ"

อินทัชมองคนที่ขยับมานั่งข้างกาย มือก็บีบไหล่แสร้งเอาอกเอาใจแต่สีหน้าทะเล้นยียวน "ไหนที่ว่ารู้สึกผิดกัน คนรู้สึกผิดเข้าทำหน้าแบบนี้เหรอ"

"โธ่...ขอโทษครับคุณลุงสุดหล่อ คุณลุงสุดแสนน่ารักของผม" อศวมินทร์กอดออดอ้อน ทำเอาคนฟังหลุดยิ้มในท้ายที่สุด "พอเลย พอ..."

เด็กหนุ่มยิ้มหวานเมื่อรับรู้ว่าอินทัชยิ้มขันกับคำชม ครั้นเห็นดังนั้นก็ทำได้เพียงมองอย่างนึกมีความสุข ต่างฝ่ายต่างเห็นแววตาของกันและกันในระยะใกล้ ความเงียบบังเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ แต่ภายใต้ดวงตาที่ส่งมอบแก่กันนั้นกลับเป็นตรงกันข้าม มันกำลังร้องตะโกนบางอย่างให้กันเสียงอึกทึกจนใจสั่น ท้ายที่สุดอศวมินทร์ก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ เบือนศีรษะหนีไปด้านอื่นด้วยความรู้สึกขัดเขินแปลกๆ

มือหนาเคลื่อนไปโยกหัวของคนตรงข้ามด้วยความเอ็นดู "รู้ไหมมิน การลองแลกก๊วยเตี๋ยวกันกินแบบนี้มันได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทน"

เด็กหนุ่มหันไปหาอินทัช "ก็...ได้ชิมรสชาติใหม่ๆ ไง"

"มันก็ใช่...แต่จะไม่มองให้มันลึกลงไปกว่านี้หน่อยเหรอ" อินทัชย้อน

คนฟังกลอกตาคิดตามในสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการจะสื่อ แค่เพียงเห็นอศวมินทร์กระตือรือร้นจะหาคำตอบเช่นนี้ อินทัชก็นึกเห็นความน่ารักของอีกฝ่าย เคลื่อนใบหน้าคมคายเข้าไปแนบริมฝีปากจูบ แทรกลิ้นเข้าไปพันรัวนัวเนียอยู่ครู่หนึ่งจึงถอนออก

คนถูกทำจ้องกลีบปากสีสดตรงหน้าอย่างนึกเสียดาย พริ้มตารับจมูกโด่งเป็นสันที่เคลื่อนเข้ามาไล้ปลายจมูกรั้นอย่างแผ่วอ่อน อศวมินทร์อยากจะคลั่งตาย เมื่อคนตรงหน้าไม่หยุดยั่วยวนด้วยการกระซิบเสียงหอบพร่าให้ทั้งกายเขาร้อนหวาม "ก็ได้รู้จักตัวตนคนอื่นด้วยลิ้นยังไงเล่า..."

แน่นอนที่สุด "ผมจะทำความรู้จักลุงอ้ายไปทุกที่ ด้วยลิ้น" สิ้นคำ อินทัชถูกผลักให้เอนตัวพิงพนักโซฟาดังผลั่ก! ไม่ทันจะได้ลุกตั้งหลัก ปากหนาก็ถูกบดขยี้จากเด็กเอาแต่ใจที่ลุกขึ้นมาคร่อมทับ ไม่ปล่อยให้ได้ลุกและหายใจสักห้วงวินาที

ภายในห้องมีเพียงเสียงหอบกระหายและเครื่องปรับอากาศ อินทัชเคลื่อนมือกุมประสานกับคนด้านบนที่ยังเอาแต่ใจ นำบทรักด้วยลิ้นสากอย่างช่ำชอง หางตาเหลือบไปเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืด บรรยากาศช่วงใกล้ค่ำก็มืดสลัวไม่แตกต่างจากสภาวะจิตใจเขายามนี้ ชายหนุ่มพริ้มตา แต่ไม่อาจปฏิเสธความสุขที่กำลังเผชิญนี่ได้

ปลายจมูกอศวมินทร์ลากไล้รดลมหายใจไปทั่วทั้งตัว อินทัชหอบสั่น กายหนุ่มที่นั่งนิ่งกระตุกวูบด้วยรสสัมผัสจากลิ้นอุ่นหยอกเย้า จมูกโด่งได้รูปพ่นรดลมหายใจให้ร้อนวาบจนต้องเม้มกัดริมฝีปากแน่นอย่างช่วยไม่ได้

วินาทีนั้นสมองชายหนุ่มตือเบลอและขาวโพลน ร่างอินทัชราวล่องลอยกลางอวกาศทั้งเวิ้งว้าง เหน็บหนาว ชายหนุ่มเคลื่อนมือหนาไล้เส้นผมสลวยคนกระทำ ใบหน้าคมคายมิอาจปิดกั้นความจริง ทำได้เพียงเชิดแหงนมองเพดาน เผยอปากสูดลมหายใจราวกับกำลังใจจะขาด

"มิน..."


--ละไว้ในฐานที่เข้าใจ--
 

อินทัชรู้ตัวเอง เขาอาจไม่แตกต่างจากอศวมินทร์เลยสักนิด โหยหาความสุขและเห็นแก่ตัว กอบโกยเข้าสู่ตัวเองอย่างไม่สำนึกถึงผิดชอบชั่วดี

ใครก็รู้ว่าการทำเลวมันง่ายกว่าการทำดีถึงขนาดไหน

มือหนาเคลื่อนกอดเด็กน้อยตรงหน้าหนักแน่น ไม่มีครั้งไหนเขาที่มีเซ็กส์กับอศวมินทร์แล้วไม่รู้สึกผิด แต่ความสุขของเซ็กส์ก็แสนเลว หลอกล่อให้เขาติดหนึบจนไม่สามารถโงหัวขึ้นมาอีกแล้ว!

อินทัชสัมผัสความจริงอย่างสะเทือนใจที่สุดเกินจะยอมรับ อศวมินทร์ทำให้เขามีความสุขกับการร่วมรักกับผู้ชาย อย่างที่เคยถูกถามเมื่อก่อน



อศวมินทร์เดินวนอยู่หน้าโรงเรียนทั้งมองโทรศัพท์เพราะติดต่ออินทัชไม่ได้ เมื่อคืนเขาเอาแต่ใจเล่นงานคุณลุงหนักไปหน่อย ป่านนี้อีกฝ่ายก็คงจะเคืองยังไม่หาย เมื่อเช้าก็บ่นเขายกใหญ่ว่าที่ต้องตื่นสายเพราะอศวมินทร์เป็นต้นเหตุ เด็กหนุ่มหลุดยิ้มกับต้นเหตุจริงๆ ที่ได้ทำเมื่อคืนอย่างช่วยไม่ได้

คนไม่อยากทำเองที่นอนไม่หลับ เขาก็แค่สนองไปตามสมควร

"ฮัลโหล ลุงอ้ายถึงไหนแล้วครับ" เมื่ออีกฝ่ายรับสาย เด็กหนุ่มใส่อารมณ์กรอกเสียงอย่างลืมตัว "อ๋อ..." แต่ท้ายที่สุดน้ำเสียงแข็งกร้าวก็ยอมอ่อนลงในที่สุด เมื่อได้ฟังเสียงทุ้มอบอุ่นของคนในสาย

"ผมคิดถึงลุงนะ รีบมารับนะครับ" คนกล่าวแอบเกาศีรษะแก้เก้อเขิน รอยยิ้มเจือจางลง บนแก้มทั้งสองข้างระบายเลือดฝาดเมื่อฟังคำตอบรับ

"คิดถึงเหมือนกัน..."

แม้ว่าอินทัชได้วางสายไปแล้วเพราะอยู่ในขณะขับรถ คนฟังยังยืนระบายยิ้มด้วยความเต็มตื้นในอกอย่างไม่อาจเก็บซ่อน เสียงเพื่อนนักเรียนพูดคุยโหวกเหวก เสียงรถเมล์แล่นเคลื่อนผ่าน เสียงลมธรรมชาติพัดใบไม้ริมรั้วกระทบกัน ทุกอย่างที่เขาได้ยินมันเพราะพริ้งน่าฟังไปเสียหมด

อศวมินทร์หมุนตัวไปทั้งรอยยิ้ม หากทว่ารอยยิ้มแสนมีความสุขนั้นอันตรธานหายไปสิ้น เมื่อดวงตาของเขาเงยขึ้นเห็นชายชุดดำยืนอยู่ข้างหลังสีหน้าตึงเคร่ง!

เด็กหนุมหันซ้ายแลขวา ดวงใจที่เพิ่งรื่นรมย์หลุดโหวงเต้นตึกตัก ลมหายใจหอบสั่นร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง ชายชุดดำยืนรุมล้อมทั่วทุกสารทิศ ลำขายาวเลือกจ้ำอ้าวไม่รู้ทิศทาง หูเขาอื้ออึงได้ยินเสียงแตรถดังสนั่น

"ไม่!!!"

เด็กหนุ่มใจหาย มือหนาของชายชุดดำกระชากคอเสื้อกลับเข้ามายืนบนบาทวิถีหวุดหวิด ความตายรอตรงหน้าแต่อศวมินทร์ไม่ทันได้สัมผัสถึง เสียงตะโกนสั่งให้เขาสงบนิ่งดังสะท้อนโสตประสาท เด็กหนุ่มยังไม่ยอมเชื่อ เขาดิ้นสุดแรงเกิดเรียกร้องเอาอิสรภาพคืนกลับอย่างไม่ยินยอม ภาพรอยยิ้มของลุงอ้ายล่องลอยในความทรงจำไม่ขาดหาย

ยอมตายเสียดีกว่าที่จะไม่ได้พบหน้าลุงอ้าย!


****************************

อึมมาก แง้วววววว ใครมาฉุดน้องมินไปเนี่ย!

คือตอนนี้พยายามสื่อว่ามินเป็นเด็กที่ขาดความรักตั้งแต่ไหนแต่ไร
พอได้รับอย่างเต็มที่จากลุงอ้าย นางก็เชื่อมั่น วางใจ มอบให้100%
เพราะตั้งใจปูเรื่องให้รักมาก พอมารู้ทีหลังก็เลยเจ็บมา แค้นมาก

และหลังจากนั้นนางก็จะโขกสับพ่อเลี้ยงแบบไม่หลงเหลือความรักเลย
ซาดิสม์แปป 5555

อย่สงรู้ผลตอบรับค่ะ ยังไงก็คอมเม้นบอกด้วยนะคะว่ามันอึมครึมพอรึยัง




 

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ดูๆแล้วมินเป็นเด็กที่เอาแต่ใจมากๆเลยนะ เราไม่เข้าใจปัญหาที่ว่าขาดความอบอุ่นของมินเท่าไหร่

คงเป็นเพราะผู้แต่งข้ามมันไปเลยทำให้เราไม่เห็นด้วยกับมินที่ทำให้แม่เสียใจไม่ยอมคุยกันดีๆแล้วมาทำตัวแบบนี้อีก

ส่วนลุงอ้าย คือ ตบะอ่อนไป สุดท้ายเสร็จเด็กจนได้ เฮ้อๆๆๆๆ

สรุปคือตอนนี้ยังไม่ปลื้มทั้งมินและลุงอ้ายเท่าไหร่  :เฮ้อ:

รอตอนต่อไปจ้า  :pig4:


ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
ดูๆแล้วมินเป็นเด็กที่เอาแต่ใจมากๆเลยนะ เราไม่เข้าใจปัญหาที่ว่าขาดความอบอุ่นของมินเท่าไหร่

คงเป็นเพราะผู้แต่งข้ามมันไปเลยทำให้เราไม่เห็นด้วยกับมินที่ทำให้แม่เสียใจไม่ยอมคุยกันดีๆแล้วมาทำตัวแบบนี้อีก

ส่วนลุงอ้าย คือ ตบะอ่อนไป สุดท้ายเสร็จเด็กจนได้ เฮ้อๆๆๆๆ

สรุปคือตอนนี้ยังไม่ปลื้มทั้งมินและลุงอ้ายเท่าไหร่  :เฮ้อ:

รอตอนต่อไปจ้า  :pig4:

ตอนที่ ๖ มาแล้วจ้า

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ใครฉุดมินเนี่ย ลุงอ้ายรีบมาช่วยมินเร็วๆ   เฮ้อออ อึดอัดไม่อยากให้ถึงวันที่มินรู้ว่าลุงอ้ายเป็นพ่อเลี้ยงเลย

แล้วแบบนี้จะอยู่กันยังไง แม่ลูกมีคนรักคนเดียวกันเนี่ยนะ เจ็บแปล๊บขึ้นมากลางอกแทนมินยังไงไม่รู้

ที่โดนทรยศหักหลังจากคนที่รักมากและไว้ใจมากที่สุด หึ มินคงได้แค้นหนักแน่งานนี้

จะรอดูว่ามินจะแก้แค้นลุงอ้ายยังไงต่อไป

ปล.รีบมาอัพนะคะ กำลังค้างเลยใครฉุดมินไปเนี่ย

และอยากจะบอกว่าอยากอ่าน พี่ปอกับน้องภีมภาค 2 ต่อไวๆ ด้วยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
ใครฉุดมินเนี่ย ลุงอ้ายรีบมาช่วยมินเร็วๆ   เฮ้อออ อึดอัดไม่อยากให้ถึงวันที่มินรู้ว่าลุงอ้ายเป็นพ่อเลี้ยงเลย

แล้วแบบนี้จะอยู่กันยังไง แม่ลูกมีคนรักคนเดียวกันเนี่ยนะ เจ็บแปล๊บขึ้นมากลางอกแทนมินยังไงไม่รู้

ที่โดนทรยศหักหลังจากคนที่รักมากและไว้ใจมากที่สุด หึ มินคงได้แค้นหนักแน่งานนี้

จะรอดูว่ามินจะแก้แค้นลุงอ้ายยังไงต่อไป

ปล.รีบมาอัพนะคะ กำลังค้างเลยใครฉุดมินไปเนี่ย

และอยากจะบอกว่าอยากอ่าน พี่ปอกับน้องภีมภาค 2 ต่อไวๆ ด้วยค่ะ

ตอนที่เจ็ดนี่จะมีเรื่องให้มินเกลียดลุงอ้ายมากขึ้น
กำลังปั่นนะคะ

ขอบคุณสำหรับการทวงถามพี่ปอน้องภีมเน้อ
ที่จริงก็เปิดภาค 2 แล้วแต่ยังไม่ได้อัพ เพราะรอภาคหนึ่งออกรูปเล่มอยู่ คิวนานมากเลยค่ะ

กำลังคิดว่าจะอัพเลยดีรึเปล่า

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ดาร์คมาก  ลุงอ้ายนี่ใจอ่อนไปกับน้องมินได้ไงแล้วรักกับแม่น้องจริงเหรอ สงสารน้องนะแต่ก็ดื้อไปหน่อย
อ่านไปอ่านมาแอบรู้สึกว่าน้องมินน่าจะกอดลุงอ้าย??

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ใครฉุดมินเนี่ย ลุงอ้ายรีบมาช่วยมินเร็วๆ   เฮ้อออ อึดอัดไม่อยากให้ถึงวันที่มินรู้ว่าลุงอ้ายเป็นพ่อเลี้ยงเลย

แล้วแบบนี้จะอยู่กันยังไง แม่ลูกมีคนรักคนเดียวกันเนี่ยนะ เจ็บแปล๊บขึ้นมากลางอกแทนมินยังไงไม่รู้

ที่โดนทรยศหักหลังจากคนที่รักมากและไว้ใจมากที่สุด หึ มินคงได้แค้นหนักแน่งานนี้

จะรอดูว่ามินจะแก้แค้นลุงอ้ายยังไงต่อไป

ปล.รีบมาอัพนะคะ กำลังค้างเลยใครฉุดมินไปเนี่ย

และอยากจะบอกว่าอยากอ่าน พี่ปอกับน้องภีมภาค 2 ต่อไวๆ ด้วยค่ะ

ตอนที่เจ็ดนี่จะมีเรื่องให้มินเกลียดลุงอ้ายมากขึ้น
กำลังปั่นนะคะ

ขอบคุณสำหรับการทวงถามพี่ปอน้องภีมเน้อ
ที่จริงก็เปิดภาค 2 แล้วแต่ยังไม่ได้อัพ เพราะรอภาคหนึ่งออกรูปเล่มอยู่ คิวนานมากเลยค่ะ

กำลังคิดว่าจะอัพเลยดีรึเปล่า

อัพเลยค่ะอัพเลย อยากอ่านมากๆ อยากรู้ว่าพี่ปอกับน้องพีมจะหวานกันแค่ไหนหลังจากห่างกัน 5 ปีเห็นจะได้

หรือว่าจะมีดราม่าเข้ามาแทรกต่อกันแน่นะแต่หวังมาคงไม่มีเน้อ

ปล.รออย่างใจจดใจจ่อค่ะทั้ง 2 เรื่อง

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
ดาร์คมาก  ลุงอ้ายนี่ใจอ่อนไปกับน้องมินได้ไงแล้วรักกับแม่น้องจริงเหรอ สงสารน้องนะแต่ก็ดื้อไปหน่อย
อ่านไปอ่านมาแอบรู้สึกว่าน้องมินน่าจะกอดลุงอ้าย??

ลองดูยาวๆ ไปค่ะ ไม่แน่อาจสลับกัน  5555

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
รอตอนต่อไปจ้า  :pig4:

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
เล่ห์ · รัก · ร้าย
.
.
.


"ปล่อยกู!"

ชั่วโมงชุลมุน อศวมินตะโกนสุดเสียงและดิ้นสู้ไม่ยอมหยุดภายในรถยนต์ การ์ดสวมชุดดำมัดเขาไว้ทั้งมือและแขน เสียงโหวกเหวกหายผลุบเข้าไปคั่งค้างในลำคอ เมื่อเทปกาวแบบหนาปิดทับริมฝีปากไว้แนบแน่นจนเหม็นหืน หลงเหลือเพียงคำอู้อี้และแรงหอบหายใจอย่างเหนื่อยกับการสู้รบครั้งนี้

คนถูกจับตัวส่ายตัวกระเสือกกระสน ตามองออกนอกกระจกรถท่าทางลนลานอย่างประหวั่นพรั่นพรึงในอก พยายามมองหาทางหนีทีไล่ซึ่งไม่เห็นสักทาง บอดีการ์ดหุ่นยักษ์ใหญ่สองคนขนาบข้างกักขังเอาไว้ คนหนึ่งจับตัวอีกคนก็จับขาไม่ให้ดิ้น

"ได้ตัวมาแล้วครับ"

หนึ่งในนั่นรายงานผู้ออกคำสั่งครั้งนี้ เด็กหนุ่มหอบหายใจฟึดฟัดชำเลืองตามองถนนสองข้างทาง รู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของคำสี่งนี้ อศวมินทร์ตะโกนในลำคอสู้สุดแรง "อย่าดิ้น อย่าดื้อได้ไหมครับ!"

ถนนสายนี้เขาเดินทางไปกลับจากโรงเรียนตลอดห้าปีตั้งแต่ช่วงมัธยมต้น มีหรือจำไม่ได้ ผู้ถูกจับใจหวิวโหวงในอกกับสิ่งที่ตนเผชิญ เด็กหนุ่มจำได้ทุกอย่างก้าวของเส้นทางนี้และรับรู้ว่าในอีกไม่นานจะถึงบ้านตัวเอง

วิทยุสื่อสารอีกฟากฝั่งตอบกลับมาว่าได้เปิดประตูรอแล้ว ดวงตาของอศวมินทร์ชำเลืองมองออกไปด้วยใคร่รู้ เห็นรั้วเหล็กเสียดสูงสีทองอร่ามลวดลายวิจิตรตั้งอยู่รอบบ้าน นั่นเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าสิ้งที่คิดไว้ถูกต้อง อันที่จริงเขารู้ว่าจะมีวันนี้ในอีกไม่ช้า ตั้งแต่ตัดสินใจจะกลับมาเรียนอย่างเดิม คราแรกก็รู้สึกประหลาดใจไม่หายเพราะคิดกังวลว่าจะถูกพบตั้งแต่วันแรก เหตุใดปรางคณางถึงตัดสินใจเอาหนึ่งเดือนให้หลัง มันนานเกินไป

รถเลี้ยวเข้าไปจอดภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ร่มรื่น ยิ่งใหญ่เกินไปเสียจนผู้อยู่อาศัยหนาวเหน็บ สถานที่เเห่งนี้เป็นของบิดาเขามาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่มารดาคิดมีสามีใหม่อศวมินทร์ก็ตั้งท่าจะอยู่รอเป็นมารผจญ หากไม่เกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน

ที่นี่เป็นทรัพย์สมบัติของบิดา ผู้ชายหน้าไหนอย่าหวังจะได้!

เด็กหนุ่มถูกจับหามเข้าไปในบ้าน วินาทีแรกที่เห็นปรางคณางเธอตกใจสภาพตอนนี้ หากทว่ายิ่งเห็นหน้ามารดาแล้วคนถูกมัดก็ดิ้นพล่าน ภาพยามเธอตบหน้าเขาเต็มแรงฉายซ้ำในโสตชวนโมโห อศวมินทร์จำได้อย่างไม่มีวันลืมว่าเธอไม่ได้รักเขา เห็นความสำคัญแมงดาตัวนั้นมากกว่า

เธอไม่รักลูก ไม่หลงเหลือความเป็นแม่อีกแล้ว!

ดังนั้นเขาไม่ควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป อศวมินทร์หนีออกจากบ้านหลังจากวันเกิดเรื่องนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ อยากให้ปรางคณางทบทวนใหม่ว่าเขายังสำคัญกับเธออยู่หรือไม่

เด็กหนุ่มมถูกจับทิ้งลงบนเตียงของตัวเอง ชายตัวสูงนับผ่านตาได้หกคนรุมจับเขา เมื่อเด็กหนุ่มรับรู้ว่าเชือกที่มัดกำลังจะถูกคลายลงในอีกไม่ช้า ครั้นเทปหนาถูกดึงออก อศวมินทร์เว้นระยะสูดลมหายใจเพียงครู่ จากนั้นถ้อยคำหยาบโลนก็ถูกพ่นออกจากปากไม่เว้นวินาทีหายใจ อศวมินทร์โกรธและโมโหทุกคน อยากระบายความเกรี้ยวกราดจากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามความต้องการตัวเอง

"มิน หยุด!"

คนหน้าประตูโพล่งขึ้น นั่นเรียกให้เด็กหนุ่มหันไปมองตามเสียง แม้จะโกรธเคืองก็นิ่งมองคนตัวสูงนั่นไม่วางตา "มึงไม่ต้องมาสั่งกู อย่างมึงมันก็ปลิงเกาะแม่กูเท่านันแหละ แม่กูเป็นพวกหลอกตัวเองเลี้ยงแต่งูเห่า เหลือบริ้น ที่ยังไงก็จ้องจะเอาสมบัติอยู่ดี!"

"พี่เปล่า"

"ไม่ต้องมาใกล้กู มึงเลือกจะทรยศกูก็ทรยศให้ถึงที่สุดสิ ไอ้คิม" มินมองใบหน้าคมคายคนที่พูดด้วย ที่จริงคนตรงหน้ามีอายุที่อาวุโสกว่า เมื่อก่อนเขาเรียกอย่างนับถือมาตลอด

หากแต่มันเปลี่ยนไปแล้วตอนนี้

คิมหันต์หันไปบอกคนที่เหลือให้ออกไปรอข้างนอก ชายหนุ่มทรุดกายลงต่อหน้าแววรู้สึกผิดให้อศวมินทร์เห็น มือขยับแก้เชือกแข็งขึงให้เงียบเชียบไม่อาจตอบโต้กลับ เห็นเช่นนั้นคนมองก็ฉุนขึ้น ปมเชือกหลุดออกตามที่ต้องการแล้วนั้น ลำขายาวก็ยกขึ้นบันดาลโทสะซึ่งอัดอั้นมานาน ถีบยอดยกจนคิมหันต์หงายท้องลงพื้นดังผลั่ก

"ไอ้เหี้ย ไอ้สารเลว!"

เสียงตะคอกดังขึ้นพร้อมเท้าหนักๆ เตะลงช่องท้อง ความร้อนและมวลสารอะไรสักอย่างแล่นพล่านในกาย อศวมินทร์ตาแดงก่ำ ภาพเมื่อก่อนวิ่งสู่สมองให้ตัวของเขาสั่นไหว กระหน่ำบาทาลงไปยังคนบนพื้น

ยิ่งคนตรงหน้าไม่สู้ยิ่งเพิ่มดีกรีของอารมณ์มากไปกว่าเดิม

'นั่นลูกสองคน...'

'เปล่าครับแม่ มินบังคับให้ผมทำ...'

น้ำตาเขาไหล ภาพตัวเองเปลือยเปล่าบนเตียงนอนหัองนี้ฉายราวกับภาพยนต์ชีวิตดราม่าแสนอัปยศ คนสารเลวตีหน้ารู้สึกผิด แสร้งทำตาซื่อพูดความเท็จกับผู้ใหญ่

'มิน เธอเป็นลูกฉันจริงรึเปล่า'

เสียงปรางคณางถามเขาทั้งน้ำตา ยามนั้นสมองเขาตื้อเบลอมองคนที่รักทั้งสองคนร้องไห้ร้องห่ม ซึ่งคนไม่มีน้ำตาบัดนี้กลายเป็นคนผิด หารู้ไม่ว่าหัวใจเขาร้องให้แทบจะทนไม่ไหว ปรางคณางตบเขา ทุบตีเขาทั้งน้ำตาเมื่อเห็นความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องสองคนมันแปลเปลี่ยนไปอย่างบัดสี

เขาแค่อยากให้แม่รัก เหลียวมอง หากเป็นพี่ชายที่เติบโตมาด้วยกันคงเทียบได้บ้าง แม้จะไม่มีสายเลือดเดียวกันเลยก็ตาม ปรางคณางไม่เคยเอะใจเลยสักนิด ที่สองพี่น้องรักกันเมื่อต้นปีทีแล้วอย่างผิดวิสัย

อศวมินทร์มักเอาแต่ใจ ไม่ชอบหน้าหมอนี่มาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว แต่เมื่อเสียพ่อไปทำให้เขารับรู้ว่าคิมหันต์คือที่พึ่ง จากปิดกั้นก็หันมาเปิดใจ ท้ายที่สุดจากเกลียดผันเป็นรักอย่างง่ายดาย

แต่ความเห็นแก่ตัวของคิมหันต์นั่นเองก็ทำให้เด็กหนุ่มแปรรักมาเป็นชัง

นานเท่าไรไม่รู้ อศวมินทร์ได้ยินเสียงสะอื้นของตัวเองขณะทำร้ายคิมหันต์ กายเขาหนักอึ้งเมื่อท้ายที่สุดร่างบอบบางของมารดาวิ่งเข้ามาห้าม การ์ดสองคนจับกุมเขาไว้ไม่ให้ออกฤทธิ์ใส่ใครได้อีก ใจของอศวมินทร์เจ็บปลาบแม้ภาพเบื้องหน้าพร่าเบลอด้วยหยดน้ำ ภาพอ้อมกอดปรางคณางกำลังมอบให้คิมหันต์

อ้อมกอดที่เขาโหยหามานาน

เด็กหนุ่มตะโกนสุดเสียงด้วยความโมโห "มึงทำแบบนี้ทำไม ไอ้เหี้ย"

"มิน หยุดทำแบบนี ทำให้แม่สบายใจสักครั้งได้ไหม!" ปรางคณางกอดลูกนอกไส้ที่ยังตัวสั่น คิมหันต์กอดเธอแน่นร้องไห้สะอื้นใหญ่มองน้องชาย

"พี่ขอโทษ พี่รักมิน พี่รักแม่ แต่...มินก็รู้นอกจากแม่ก็ไม่มีใครรักพี่อีกแล้ว พี่ไม่อยากให้แม่เกลียด อยากให้รักพี่ตลอดไป ขอโทษ...พี่ขอโทษ"

"แล้วกูล่ะ คนอย่างกูล่ะ!"

คนที่ไม่เคยถูกรัก คนที่ไม่เคยถูกกอดด้วยความหวงแหนแบบนั้นสักที ลูกที่เพียงออกมาสร้างแต่ปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน ลูกที่มองยังไงก็คือตัวร้าย หากมองมาทางนี้บ้างเรื่องราวทั้งหมดมันจะไม่เกิดขึ้นเลย!


ชีวิตอศวมินทร์พบเจอแต่เรื่องน่าเศร้า ไม่เป็นเขาไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกนี้เด็ดขาด คนที่ทั้งชีวิตรอคอยให้สักคนมอบความรัก ร้องขออ้อนวอนอย่างไรใครก็ไม่เหลียวแล บิดาหนึ่งเดียวที่พึ่งพิงใจจากไป ไม่มีใครรู้ว่าจากวันนั้นเขาว้าเหว่ขนาดไหน อยากตื่นตั้งแต่เช้ามารดน้ำต้นไม้พรวนดินพร้อมกัน อยากมีใครสักคนแชร์เรื่องราวแสนพิเศษ ซึ่งวันนี้อศวมินทร์ได้พบเขาคนนั้นแล้ว

"แม่ก็รักมินอยู่แล้วนี่..."

สิ้นคำคิมหันต์ เด็กหนุ่มจ้องคนเลือดเปื้อนหน้าทั้งกัดฟันกรอด รักอยู่แล้วงั้นหรือ เมื่อไรกันที่เขาได้รับความรักจากผู้หญิงคนนี้ อศวมินทร์ไม่เคยสัมผัสถึงแม้แต่สักวินาทีเดียว ดวงตาเอ่อด้วยน้ำตาเลื่อนมองปรางคณางนิ่งงัน ใจเต้นถี่รัวสูบฉีดเร็วขึ้นไปทวีคูณ "ออกไป ออกไปให้พ้น!!!"

"มิน ฟังแม่นะลูก..."

"เห็นผมเป็นลูกแล้วเหรอ!" ปรางคณางสะดุ้ง "แม่ขอโทษ ขอร้องละนะ..."

"ออกไป ออกไปให้หมด!!!" เด็กหนุ่มตากร้าวจ้องหญิงต่อหน้า แม้ร่างกายสั่นเทา ปรางคณางยกมือกุมริมฝีปากมิให้เครือไหวขณะร้องไห้มองลูกชาย เธอพยายามเอื้อมมือแตะร่างตรงหน้าแต่ไม่สามารถทำได้ อศวมินทร์ไม่ยอมให้เธอกอดสักครั้ง

"มาสิ แม่จะกอดลูก" ตอนนี้อยากกอด เธออยากกอดเขาไว้แน่นในอก

"ออกไป!"

เด็กหนุ่มหอบหายใจ วิ่งไปหยิบแจกันมาฟาดลงพื้นบันดาลโทสะ เสียงมารดาหวีดร้องด้วยความตกใจนั่นกรีดลงกลางใจ แต่จะไม่สงบนี่งก็เป็นเพราะทิฐาเต็มกำลัง

หากไม่ตามใจมีหวังลูกชายหัวแหวนได้พังบ้านแน่ ปรางคณางมองเด็กตรงหน้าทั้งน้ำตา มีเพียงอ้อมแขนอุ่นของลูกบุญธรรมช่วยประคองเดินออกจากห้องเท่านั้น

เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวลำขาพลันอ่อนแรงทรุดลงพื้น เลือดกำเดาหล่นเผาะลงบนเสื้อจนคิมหันต์ผวา "แม่ แม่ครับ!"

"ไม่ต้องตกใจลูก ชู่..." นิ้วชี้เรียวแตะริมฝีปากลูกชายคนโตทั้งน้ำตา "อย่าให้น้องรู้นะคิม แม่ขอร้อง"

คิมหันต์เอาแต่ส่ายหน้าจะเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งหากทว่ามือบางผ่ายผอมรั้งไว้ "คิม แม่ขอร้องอย่าบอกเรื่องนี้กับน้อง รับปากสิ รับปากแม่สิ แม่ไม่อยากให้น้องกลัว"

กลัวการจากไปของเธอ

ชายหนุ่มมองคนกล่าว เธอเคลื่อนมือสัมผัสแก้มเขาแผ่วเบา สัมผัสที่เขาเรียกร้องอยากได้ตั้งแต่เด็ก ปรางคณางคือแม่ที่แสนดีของเขา ในขณะที่พ่อเลี้ยงเกลียดชังเข้าไส้ เธอทดแทนจุดนั้นได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องสักนิด แต่ไม่น่าเชื่อ อีกไม่นานเขาจะไม่เห็นรอยยิ้มหวานๆ นี้อีกแล้ว

มันเร็วเกินไป

"แม่เชื่อว่าคิมจะดูแลน้องแทนแม่ได้ ฝากมินด้วยนะ"

คิมหันต์ร้องโฮอย่างไม่อับอายใคร ภาพสองแม่ลูกนั่งกอดกันหน้าประตูมองแล้วการ์ดทั้งหลายหดหู่ใจยิ่งนัก หนุ่งในนั้นสะเทือนใจตามจนหยดน้ำตาลูกผู้ชายรินไหลใจของอศวมินทร์ช่างปิดแน่น แน่นเช่นเดียวกันกับประตูบานนี้ ยากนักจะมีคนขอให้เขาเปิดออกมาอีกสักครั้งอย่างเต็มใจ....






อศวมินทร์นั่งปวดหัวตึบภายในห้อง ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วที่เขาขังตัวไว้ไม่เปิดรับโลกภายนอก เด็กหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่างเหม่อลอย เห็นดวงจันทร์สว่างส่องแสง ความเหงาคืบคลานสู่ห้วงความคิดอีกครั้ง

"สบายดีไหมมิน..."

"สบายดีครับพ่อ" เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มจาง ภาพรอยยิ้มของบิดาส่งมาให้ด้วยความอบอุ่นคล้ายใครสักคนในนั้น ลอยละล่องบนฝืนฟ้าเฝ้ามองเขา นึกอยากจะไปหาอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน

"บนนั้นก็คงสบายใช่ไหม ถึงไม่ยอมกลับมา วันนั้นในโรงพยาบาลผมเรียกให้พ่อตื่นตั้งหลายที คงสบายมากจนพ่อไม่อยากมา ใจจริงก็อยากตามไปอยู่ด้วยนะ..." อศวมินทร์ยิ้มตอบ "แต่ก็คิดถึงคนที่นี่เหมือนกัน..."

อินทัช...เขารักคนๆ นั้น เพราะอยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัยตลอดเวลา

อินทัช คิดถึงเหลือเกิน...

เขาพยามยามโทรหา แต่อีกฝ่ายไม่สามารภติดต่อได้ ไม่เข้าใจสักนิดเดียวว่ามันเกิดอะไรขึ้น

"ใคร!"

เจ้าของห้องถามเสียงกร้าว เมื่อได้ยินคนด้านนอกเคาะประตู ภายนอกเงียบไปครู่หนึ่งก่อนปรากฏน้ำเสียงทุ้มนุ่มของใครสักคน "ฉันเอง มิน เปิดประตูให้หน่อย"

อศวมินทร์หูอื้อไปชั่วขณะ เมื่อคิดได้เด็กหนุ่มกุลีกุจอวิ่งไปยังประตูด้วยความดีใจ ความเต็มตื้นในอกมันล้นทะลักออกมายังดวงตา อินทัชเก่ง มีอิทธิพลที่จะทำอะไรก็ได้ เขาคิดอย่างนั้นและไม่ฉุกคิดอะไรเลยสักนิด แค่เพียงได้ยินเสียงของลุงอ้าย ความยินดีที่อยากจะพบหน้ามันบดบังทุกอย่างในหัวไปหมด

ประตูเผยออกให้เห็นโครงหน้ารูปไทยคมเข้มยืนรออยู่ อศวมินทร์ใจเต้นตึกตักด้วยความดีใจ หากมันได้พังทลายไปสิ้น ดวงตาเหลือบไปเห็นร่างบอบบางของมารดากำลังเกาะกุมแขนลุงอ้ายไว้แนบแน่น

สองคนนี้ รู้จักกันด้วยหรือ

"ฉันมีเรื่องจะบอก..."

แววตาอินทัชที่เคยอบอุ่นหายไปแล้ว อศวมินทร์ตัวชา มองคนตรงหน้าสลับกับแววตารู้สึกผิดของมารดานิ่งงัน น้ำตาแห่งความปีติยินดีรินไหลลงอาบแก้ม

มันคงไม่ใช่ความยินดีแล้วสินะ...



*********************************


โอย...เขียนตอนนี้กินยาพาราไปสองรอบ ปวดหัว ปวดใจ

ตอนนี้ก็ใส่เรื่องปมน้องมินแล้วนะคะ แถมเปิดตัวเอกอีกหนึ่งตัว

คิมหันต์เป็นคนรักเก่าที่ทรยศน้องมินค่ะ งื้อออออ นี่ตัวอย่างคนที่ทำให้น้องเจ็บนะ
พี่คิมโดนตื้บ แล้วลุงอ้ายจะโดนอะไร? แฮะๆ ใกล้ได้ฟาดฟันกันแล้ว รอซาดิสม์แปป

หนูนาข้ามมาช่วงลุงอ้ายยอมให้ปรางค์เอาตัวลูกชายมาบ้านเลยนะคะ พรุ่งนี้จะมีเท้าความ อย่าเพิ่งถามเน้อว่าทำไม

ถ้าชอบก็กดแอดเฟบ คอมเม้นโหวตมาเป็นกำลังใจด้วยน้า รักคนอ่านค่า!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-09-2015 00:20:46 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
รอลุ้นว่ามินจะเอาคืนลุงอ้ายยังไง รีบมาอัพต่อเร็วๆ นะคะ

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :z3: ลุ้นกันไปแบบหน่วงๆนี่แระ

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
:z3: ลุ้นกันไปแบบหน่วงๆนี่แระ

ตอนหน้ายังมีอีก หน่วงอีก T T

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ความเห็นแก่ตัว มันชั่งโหดร้ายเนอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด