เล่ห์ · รัก · ร้าย
.
.
.
๑๔
อศวมินทร์เดินตามมาวินไปยังห้องพักซึ่งอยู่ชั้นสิบเอ็ด ระหว่างเดินมาวินก็เล่าให้ฟังว่าเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันได้ติดสอยห้อยตามมาด้วย ที่สำคัญสิ่งที่อศวมินทร์สงสัยคือเพื่อนเหล่านั้นสนิทถึงขั้นชวนกันเที่ยวแล้วหรือ หรือมาวินเป็นคนอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไปถึง เขาก็เห็นเด็กหนุ่มสามคนกำลังฟังเพลงและนั่งคุยกันอยู่ ซึ่งดูท่าคนพวกนี้รู้จักเขาจากการเล่าของมาวินแน่
"ไอ้มิน นี่ไอ้อู๋ ไอ้ปอนด์ ไอ้กัน เพื่อนห้องเดียวกับกู พวกมึง นี่ไอ้มินนะ ส่วนนี่พี่ชายมัน..." มาวินหันไปมองคิมหันต์ ซึ่งทางนี้ก็ยิ้มรับรอแล้ว ด้วยวัยวุฒิที่มีมากกว่าในกลุ่มชายหนุ่มจึงคิดว่าควรกล่าวอะไรบ้างสักหน่อย "พี่ชื่อคิมนะ" ว่าพลางยกมือทักทาย
"กูว่าคนมันเยอะไปว่ะ เดี๋ยวกูแยกไปนอนคนเดียวนะ" คนมาใหม่บอกทั้งสำรวจเตียงสองเตียง ซึ่งบัดนี้เพื่อนใหม่ทั้งสามขยับลากมาแนบชิดกัน และใช้นั่งฟังเพลงกันอยู่ในขณะนี้
"เฮ้ย! ถ้ามึงอยากนอนเตียงมึงก็นอนนะ เดี๋ยวพวกกูนอนโซฟาได้" หนุ่มผิวขาวหน้าตี๋โดดเด่น ซึ่งรู้จักในชื่อกันนั้นหันมาบอกพลางลุกขึ้นยืนยิ้มให้ เห็นแล้วคนมองได้แต่มุ่นคิ้ว "ไม่เอาล่ะ พวกมึงคงอยากสนุกกัน กูมาอยู่แล้วคงจะทำให้บรรยากาศน่าเบื่อ" มินตอบ
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอกมิน มึงคิดมากว่ะไอ้นี่ มาๆ เอาของมาเก็บแล้วมาเล่นไพ่กับพวกกูเถอะน่า" ปอนด์ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม ตบเบาะแปะๆ ขยับพื้นที่ให้นั่ง อีกทั้งร้องเรียกรุ่นพี่ไปด้วย "พี่คิม มาพี่มา..."
"เอ่อ..." คิมหันยิ้มจืด หันมองน้องชายซึ่งยังตีหน้าเซ็งอยู่คนเดียว "จะไปทำธุระก่อนไหมล่ะ เพราะต้องรีบกลับก่อนถึงวันจันทร์"
"มึงรีบก็กลับไปสิ" อศวมินทร์ยักไหล่ ถอดกระเป๋าสะพายเดินไปทิ้งกายนั่งร่วมวงเพื่อนรุ่นเดียวกัน เห็นอย่างนั้นคิมหันต์จึงถอนใจ ใครจะยอมล่าถอยออกมากันเล่า "งั้นพวกนายก็เล่นกันไปนะ เดี๋ยวพี่ไปหาซื้อชุดกับของใช้ส่วนตัวก่อน พอดีรีบเลยไม่ได้เตรียมมา" คนกล่าวมองตาน้องชาย บอกกลายๆ ว่าเพราะเจ้าตัวนั่นแลคือต้นเหตุ
"รีบมานะพี่ พวกผมอยากได้ขาเพิ่ม" คนตัวสูงโย่งที่สุดในกลุ่มร้องตาม ใบหน้าคมคายเหลือบมองเพื่อนซึ่งนั่งข้างกาย ก่อนจะฉีกยิ้มเฉลยว่า "ไอ้มาวินมันเล่นไพ่ไม่เป็น"
"ไอ้อู๋ มึงก็ชวนกันเล่นอันที่กูเป็นหน่อยสิ" มาวินผลักบ่าคนนั่งข้างสีหน้าหงุดหงิด เล่นเอาหัวเราะกันทั้งวงกับสีหน้ายามนี้
เพราะใครก็ทราบดีว่าเด็กคนนี้ถูกเลี้ยงแบบไหน เด็กหนุ่มแบบมาวินจึงกลายเป็นสาวน้อยอ้อนแอ้นที่สุดในกลุ่ม อู๋เห็นดังนั้นแล้ว มองหน้าของเพื่อนที่แสดงถึงความไม่ชอบใจก็นึกทั้งอยากแกล้งอยากโอ๋ไปพร้อมกัน หนุ่มตัวสูงยกแขนกอดคอเพื่อนแสดงความเห็นใจ "เออ งั้นมาเล่นโดมิโน่กันไหมละ คนไหนแต้มเยอะสุดต้องแก้ผ้าเต้นนะโว้ย"
"ไอ้อู๋!"
"อะไรคะน้องวิน อายจู๋เล็กๆ เหรอคะ" คนกอดคอหันมาแสร้งจับคางส่ายไปมาอย่างมันเขี้ยวสาวคนสวยของกลุ่ม เล่นเอาเสียคนถูกแกล้งนึกฉุน "มึงเลิกเรียกกูแบบนี้เลย กูไม่ชอบ! กูเป็นผู้ชายนะมึง" ว่าพลางปัดมือคนแกล้งออก
"โอ๋ๆๆ ไม่แกล้งๆ มึงแมนเต็มร้อย แค่มึงถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนูสวยๆ แค่นั่นเอง"
"ไอ้อู๋! มึงออกจากห้องไปเลยกูรำคาญ" คนไล่ชี้ไปยังประตู เพื่อนๆ จะทราบดีว่ามาวินเป็นคนที่มักโมโหง่ายยามถูกเย้าเรื่องคุณหนูของตัวเอง ทั้งๆ ที่ก็เล่นกันแบบเด็กทั่วไป แต่มักจะมีข้อเล็กๆ น้อยๆ ที่เด็กผู้ชายธรรมดามองเห็นว่าการทำแบบนั้นมันดูน่าตลกเกินไป
มาวินมักเป็นคนคิดในกรอบ มักไม่เจอประสบการณ์ดื้อๆ แบบเด็กผู้ชายคนอื่นได้เจอ มักไม่ทันมุกเสี่ยวๆ ยามเพื่อนเล่น นั่นทำให้เขาดูต่างจนน่าตลกในสายตาคนอื่น โดยเฉพาะอู๋ คนที่มักใช้ถ้อยคำยียวนกวนประสาทแกล้งกันทุกครั้งให้มาวินโมโห
"ถ้ากูไปใครจะคอยถ่ายวิดีโอตอนมึงแก้ผ้าเต้นสวยๆ ละวะ มามาน้องวิน มานั่งนี่" อู๋ยักคิ้วดึงเพื่อนมานั่งข้างๆ สองหนุ่มสู้แรงกันอยู่พักหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสายตาอศวมินทร์ตลอดเวลา เด็กหนุ่มมองสายตาคนทั้งคู่อย่างเงียบเชียบ สำหรับมาวินแล้วไม่มีทางเป็นสาวน้อยตามคำพูดกระเซ้าเย้าแหย่ของเพื่อนแน่
แต่สำหรับคนแกล้ง คงมองเห็นความน่ารักนั้นอยู่จริงกระมัง อศวมินทร์คิดแล้วเพียงยกมุมปากยิ้มน้อยๆ มองแววตาของเพื่อนใหม่ซึ่งกำลังเพ่งมองมาวินด้วยนัยยะบางอย่าง เด็กหนุ่มไม่อยากคาดเดาอะไรทั้งสิ้น เพียงรอแค่ความจริงในนัยน์ตานั้นเผยออกมาเท่านั้นเอง
"มาๆ เพื่อความตื่นเต้น เกมละชิ้นดีกว่า แพ้หนึ่งเกมแก้หนึ่งชิ้นนะ" ปอนด์บอกพลางเรียงโดมิโน่ในมือให้เป็นระเบียบ ส่วนหนุ่มอีกคนก็ส่ายหน้ากับเพื่อน "เฮ้ยพวกมึงเลิกกัดกันได้แล้ว จะเล่นไม่เล่น ไม่เล่นก็ไปสวีทกันมุมโน้น วงนี้มีไว้สำหรับคนใจถึงเท่านั้นโว้ย คนปอดๆ ถอยไปไกลๆ เลยไป มึงเอาไหมมิน"
"เอาๆ กูเล่น" อศวมินทร์ยิ้มกว้างกับเกมพิเรนนี้ ประเด็นไม่ใช่แก้ผ้าแต่เป็นการเต้นต่างหาก ที่นี่มีแต่ผู้ชาย การได้ทำอะไรบ้าๆ ด้วยกันอย่างไม่อายคงรู้สึกดีไม่น้อย คิดแล้วภาพยามใครสักคนแย้มยิ้มก็ผุดขึ้นมาในสมอง ในขณะที่กุมมือกัน
"ไอ้มิน พอชวนเล่นเกมทะลึ่งมึงนี่ชอบจังนะ"
"แน่นนอน เพราะพวกกูจะรวมหัวกันแกล้งให้มึงแก้ผ้าเต้นไง"
"เออ เจ๋ง!" ทุกคนแกล้งเย้ามาวินยกใหญ่ ซึ่งเจ้าตัวถึงกับต้องอ้าปากร้องเหวอ หน้าตาบ่งบอกว่ากำลังตกใจและฉงนไปในคราเดียวกัน "มันทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอวะ"
ได้ยินคำถามนี้จากปากเจ้าตัว คนในกลุ่มก็หัวเราะ
เห็นทุกคนเข้ากันได้ดีแล้วคิมหันต์ทำได้เพียงยืนมองอยู่ห่างๆ จำได้ว่าน้องชายเป็นคนจำพวกมีโลกส่วนตัวสูงจนเข้ากับใครในสังคมมิได้ แต่เอาเข้าจริงแล้วชายหนุ่มหวนมาคิดได้ทีหลังว่า สิ่งที่เขาคิดก็คงเป็นได้เพียงแค่สิ่งที่คิดเองเออเองเท่านั้น เพราะภาพเบื้องหน้าที่เห็นสามารถยืนยันเป็นอย่างดีว่าอศวมินทร์เข้ากับใครก็ได้ยกเว้นเขา ชายหนุ่มส่ายหน้า เลือกหมุนตัวเดินออกมาเปิดประตู
วินาทีนั้นคิมหันต์เบิกตาตกใจ เมื่อบานประตูเผยออกให้เห็นว่าเป็นใครกำลังยืนทำท่าจะเคาะอยู่ด้านนอก ดูเหมือนคนด้านนอกเองก็ตกใจอยู่ไม่แพ้กัน ครั้นใจสงบ สติก็เดินกลับมาสู่ร่างกาย คิมหันต์ชำเลืองตามองภายในห้องซึ่งกำลังหัวเราะกันสนุกสนาน ทุกคนไม่ได้สนที่จะมองมาทางด้านนี้เท่าไรนัก ชายหนุ่มจึงก้าวออกจากประตูแล้วงับมันลง มาเผชิญหน้ากับชายตัวสูงพอๆ กัน
"ฉันได้ยินเสียงหัวเราะข้างใน มินโอเครึเปล่า เข้ากับเพื่อนได้ไหม" คนตรงหน้าถาม ดวงตาพยายามที่จะชำเลืองเข้าไปด้านในก่อนหน้าจะปิดประตู คิมหันต์เห็นแล้วไม่เข้าใจสักนิดว่าหมายความอย่างไรแน่
"โอเคสิครับ คนแบบมินน่ะถึงไม่โอเคก็ทำให้เราเห็นว่าโอเคได้ เขาเก่งจะตาย" คนตอบมองสีหน้าคนอายุมากกว่า เพราะอินทัชเป็นผู้ใหญ่ที่ดูท่าจะเดาทางยากก็ยาก แต่จะง่ายก็ง่าย นั่นแหละต้นเหตุที่คิมหันต์หาข้อสรุปของคำตอบไม่ได้สักที "แล้วนี่คุณขึ้นมา มาคุยธุระกับมินหรือครับ ทิ้งพี่สาวคนสวยคนนั้นมามันไม่เป็นไรเหรอ"
อินทัชชะงักไปชั่วครู่ เมื่อได้เห็นคนตรงหน้ายกมุมปากยิ้มยามกล่าวถึงอลิส ความรู้สึกแปลกที่มีต่อคิมหันต์เพิ่มพูนความใคร่รู้ขึ้นมาอีกหนึ่งระดับจากเดิม ไหนจะท่าทีคล้ายต้องการกีดกันเขากับอศวมินทร์อีกเล่า "อ้อ ใช่...พอดีฉันนึกขึ้นได้ว่ามาวินยังไม่ได้กินอะไรเย็นน่ะ ก็เลยจะมาถามว่าจะกินอะไรไหม บวกกับจำได้ว่ามินอยากจะคุยธุระด้วยก็เลยขึ้นมา"
"ของแค่นี้โทรมาก็ได้นี่ครับ"
คำตอบระคนหยั่งเชิงของคิมหันต์เล่นเอาเขาจุกไปอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนเด็กหนุ่มตรงหน้าจะแสดงออกต่อเขาแล้วว่าตอนนี้เป็นศัตรู เฉกเช่นเดียวกับน้องชาย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นอินทัชก็ล้าเกินกว่าจะแบกรับ
"อ้อ ขอโทษที ก็บอกแล้วนี่ว่าจะมาคุยธุระกับมินน่ะ ก็อย่างที่บอกว่ามันคือทางผ่านที่จะมาพอดีก็เลยต้องเดินขึ้นมา" อินทัชล้วงกระเป๋ากางเกง เมื่อเห็นคนฟังพยักหน้าบอกว่าพอจะเข้าใจ "แต่เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ เรื่องอลิสน่ะฉันทำในสิ่งที่ควรจะทำอยู่แล้ว...อย่ากังวลแทนเลย"
อินทัชตอบเสียงเรียบ มองเด็กหนุ่มตรงหน้า เดาได้จากการสังเกตมานานมากแแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าเด็กคนนี้เป็นคนดี ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตนเองแต่ไม่มากเท่าอศวมินทร์ รายนั้นซื่อสัตย์มากจนกลายเป็นเอาแต่ใจ ส่วนรายนี้ไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน อยู่ในความพอดีอย่างที่คนคนหนึ่งควรจะเป็น แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาสัมผัสถึงความมากจนเกินไปคือท่าทีหวงน้องชายอย่างออกนอกหน้านี้
"มินบอกว่าช่วงที่อยู่ด้วยกัน คุณกับเขาสนิทกันมาก"
"ไม่ล่ะ ไม่สนิทกันเลย"
อินทัชใจหวิวจนต้องเปลี่ยนมากอดอก ทำเมินสีหน้าแห่งความแปลกใจของคิมหันต์เมื่อได้ยินเขาตอบแบบไม่คาดคิดไป ชายหนุ่มตรองไว้แล้วว่าเขาควรปฏิเสธสิ่งนี้อย่างไม่มีเยื่อใย เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเขาอยากให้คนที่เป็นหัวข้อนี้ลืมความรู้สึกก่อนหน้านั้นเสีย "ฉันกับมินเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย นอกจากการให้เงินไปโรงเรียนทุกวัน เราไม่รู้จักนิสัยจริงๆ กันสักนิด"
ดีแล้ว เขาคือพ่อเลี้ยง อีกฝ่ายคือลูกเลี้ยง จะให้ใครรู้ถึงความสัมพันธ์ลับนั่นไม่ได้ ความรู้สึกอบอวลไปด้วยความสุขตอนนั้นมันไม่มีจริงสักนิด
"แต่มินบอกว่า..."
"เธอก็รู้ว่าเด็กคนนั้นจะพูดจะทำอะไรก็ได้ โดยเฉพาะการกุเรื่องหลอกคน"
ชายหนุ่มกัดฟัน ขบกรามเก็บความจริงไว้อย่างพยายามที่สุด ความจริงที่เขารู้มาโดยตลอด ว่าสิ่งที่อศวมินทร์เล่ามาทั้งหมดที่ผ่านมานั้น มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เขาหมั่นโทรถามอาจารย์ที่ปรึกษาอยู่บ่อยครั้ง มาวินเองก็คอยเป็นคนดูแลอศวมินทร์ จับตามองอยู่ห่างๆ ทำไมเขาจะไม่ทราบความจริงว่าสิ่งที่ทนนั่งฟังโดยตลอดเป็นเรื่องโกหก
เขาเพียงมีความสุขที่เห็นรอยยิ้มยามเล่าของเด็กคนนั้น...
"ฉัน...คิดว่าปล่อยเด็กๆ เล่นกันดีกว่า เดี๋ยวจะมาใหม่พรุ่งนี้..."
"อย่ามายุ่งกับมินได้ไหม" ในขณะที่อินทัชกำลังจะเอี้ยวตัวเดินออกมา ถ้อยคำนั้นราวกับมัดเอากล้ามเนื้อลำขาของเขาไปด้วย ไม่มีแรงเอาเสียเลย หรือเขาได้ยินผิดเพี้ยนไป อินทัชกลืนน้ำลายหันกลับไปมองใบหน้าจริงจังของคนด้านหลังอีกครั้ง แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยคำถามว่าเหตุใดคิมหันต์จึงพูดเช่นนั้น
"ว่ายังไงนะ"
"ผมพูดว่าช่วยอย่ามายุ่งกับมินได้ไหม คุณอยากจะทำอะไรก็ทำไป แต่อย่ามายุ่งกับเขา ต่างคนต่างอยู่ได้ไหม" คิมหันต์กำหมัด มองสีหน้าของอินทัชที่สนองตอบ
"พูดเหมือนตอนนี้ฉันกำลังพยายามวิ่งตามน้องชายเธออยู่เลยนะ ฉันว่าเธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าคิมหันต์ ฉันจะบอกให้ ฉันไม่สนใจเขาเลยสักนิดเดียว" อินทัชกัดฟันเล่า จ้องดวงตาที่เบิกกว้างแปลกใจของคนฟัง "สิ่งที่ทำให้ฉันต้องทนแบกรับคือการเป็นพ่อเลี้ยงของเขา ใจจริงๆ ฉันไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับเขาสักนิด เพราะฉันไม่ได้อะไรเลยนอกจากประสาทเสียที่ต้องรับรู้พฤติกรรมแย่ๆ ของเขา"
"นี่คุณ!" เด็กหนุ่มกระชากคอเสื้อคนกล่าวอย่างทนฟังไม่ได้ "ไม่ได้อยากเกี่ยวข้องก็ดีแล้ว คุณควรทำตามในสิ่งที่ผมบอก"
"ฉันทำ แต่ไม่ได้ทำเพราะเธอบอก ฉันทำเพราะฉันคิดว่าต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว" ชายผู้อาวุโสกว่าเอ่ยเสียงเรียบ แม้มือหนาของเด็กหนุ่มด้านหน้าจะกำคอเสื้อเขาข่มขู่แนบแน่นเพียงไหน "ดูแลน้องชายเธอให้ดีเถอะ อย่าให้เขามาระรานฉันอีก"
ชายหนุ่มสะบัดมืออีกฝ่ายออก จัดคอเสื้อให้เขาที่ก่อนจะเลือกหมุนกายเดินออกมากดลิฟต์ มือหนาสั่นไหวกำหมัดแน่น ครั้นประตูลิฟต์ปิดลงแล้วก็ถึงเวลาที่ชายหนุ่มจะระเบิดตัวเอง มือหนาทิ้งหมัดต่อยผนังรัวเพื่อสั่งสอนตัวเองให้เข้มแข็ง หากเลือกทำอย่างนี้แล้วควรเย็นชาให้มากกว่านี้!
ลำขายาวอ่อนปวกเปียก ดวงใจแสบร้อนไร้เรี่ยวแรงราวถูกมือใครสักคนกำลังบีบแน่น อินทัชยกมือเกาะให้ยืนต่อไปอย่างเข้มแข็ง แม้จะแทบไม่มีแรงยืนตรงเสียด้วยซ้ำยามนี้ แต่แบบนี้น่ะดีที่สุดแล้ว
"ไอ้มิน มายืนอะไรอยู่รงนี้ ไหนว่าจะไปตามพี่มึงกลับเข้ามาไง เนี่ย...พวกกูแบ่งออกมาได้คนละชุด สี่ชุดเลยนะเว้ย ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อเลย" มาวินเดินไปจับไหล่เพื่อนที่ยืนพิงประตูหน้าขรึมก็แปลกใจ เจ้าตัวปัดมือเขาออกก่อนจะส่ายหน้าไม่ยอมตอบอะไร เดินเข้าไปภายในห้องรวมกลุ่มกับเพื่อนอีกครั้ง
"อะไรวะ หน้าหงิกหน้างออย่างกับตะขอแหนะ" อู๋เปรย
อศวมินทร์ถอนใจ หางตาลอบมองไปยังฝั่งประตูอีกครั้ง "พวกมึงเก็บชุดไว้ใช้เถอะ พี่กูไม่ใช้หรอก รบกวนพวกมึงเปล่าๆ"
"มาวิน นี่มึงเอาชุดนอนมาด้วยเหรอ"
เพื่อนจอมแกล้งชูชุดลายตาข่ายสีฟ้าอ่อนขึ้นคล้ายตกใจและนึกขันอยู่ในที สิ่งนี้ได้เรียกความสนใจของเพื่อนให้หันไปมอง ก่อนจะหัวเราะในที่สุด "มานอนแบบนี้กูไม่อยากอาบน้ำนะ ชุดนอนอย่าพูดถึงเลย มีกางเกงในตีวเดียวจบงาน ฮ่าๆๆ"
"ก็กูติดชุดนี้นี่หว่า" มาวินยกชุดตัวเองมาถือ ตบหัวเพื่อนที่แกล้งไปที "ไหนๆ ใครว่าจะเล่นเกม เมื่อกี้ใครแพ้ถอดเลย กูชนะ ใครที่แต้มเยอะกว่ากูถอดเลย" มาวินชี้นิ้วสั่ง ทำหน้าเหนือกว่ายามเห็นเพื่อนทุกคนเอื่อยเฉื่อยกลังจากแพ้เกมแรก
แต่ท้ายที่สุด หลังจากนั้นมาวินก็ไม่ชนะอีกเลย เพื่อนอีกสี่คนต่างไล่เรียงชนะกันคนละตาสองตาจนมาวินเหลือกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว "ไอ้อู๋! มึงชนะสองตารวดแล้ว ขี้โกง!"
มาวินอยากเลิกเล่น ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ที่รวมหัวกันแกล้งแล้วนึกโมโห นั่งงอนอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ หากทว่ายิ่งเห็นมาวินแสดงท่าทีอย่างนี้ทุกคนยิ่งชอบใจใหญ่ "เออ มึงเหลือตัวเดียวแล้วใช่ปะ เดี๋ยวกูถอดของกูแทนเองละกัน" คนเพิ่งชนะยกยิ้มพลางถอดเสื้อ ยกมือยีหัวคนกำลังตีหน้ามุ่นข้างกาย
"แหม่ มึงแกล้งมันแล้วมาทำตัวเป็นพระเอกนี่นะไอ้อู๋"
"แค่นี้กูไม่ยกโทษหรอก มึงต้องแกผ้าเต้นด้วย!" มาวินกระโดดตะครุบคนตัวสูงที่สุดในกลุ่ม "จับขามัน กูจะแก้ผ้ามันให้หมด ฮ่าๆๆ"
"ไอ้วิน ไอ้คนอกตัญญู!" คนถูกรุมร้องสุดเสียง เสียงเพื่อนๆ หยอกล้อกันดังก้องห้องพักในโรงแรม เด็กหนุ่มสามสี่คนกึ่งเปลือยกระโดดตะครุบกันไปมาหวังแกล้ง หัวเราะด้วยกันอย่างสนุกสนาน แต่ในความสนุกสนานนั้นเร้นแฝงไปด้วยอะไรบางอย่าง
เห็นแล้ว อศวมินทร์ทำได้เพียงมองอย่างเงียบเชียบเท่านั้น
*******************************
อู๋ชอบมาวิน มาวินกลับไม่ชอบที่ถูกแซวว่าเป็นสาวน้อย หรือถูกแซวว่าเป็นเกย์
เอาไงน้อ... น้องมินได้ยินที่ลุงอ้ายพูดรึเปล่า แล้วต่อไปจะทำอะไรหลังได้ยิน
บอกเลยเกี่ยวกับมาวินนี่แหละค่ะ สปล์อยนิดนึง 5555