หลังจากที่ทาสีผนังห้องเสร็จ ผมกับพวกมันก็ออกไปสูดอากาศด้านนอก ไอ้ตินมันพาไปตลาดต้นไม้เพราะม๊ามันอยากให้มันไปช่วยจัดสวน ส่วนมากมันจะซื้อจำพวกไม้อวบน้ำ มอสแล้วก็พวกแคคตัสจิ๋ว
“สนใจเอาเด็กๆไปเลี้ยงที่หอไหม”ไอ้ตินชี้ไปที่กระบองเพชรพันธ์แอสโตร มิราเคิล ไม่มีหนามแต่มีจุดสีขาวๆเต็มไปหมด
“มันออกดอกด้วยนะ”ไอ้ตินบรรยายสรรพคุณอยู่ข้างๆ
“กูว่ามันคงตายก่อนได้ออกดอกแน่ๆ”ไอ้ภูก้มมองกระบองเพชรใกล้ๆ ด้วยท่าทางเหมือนคนไม่เคยเห็น เห็นราคาแต่ล่ะพันธ์แล้วก็นะ…ความชอบใครความชอบมัน
“ถ้าขนาดกระบองเพชรยังตาย ก็ไม่ต้องทำอะไรกินแล้ว”ไอ้ตินพึมพำมาให้ได้ยิน
“กูอยากได้อันนี้ว่ะ”ไอ้ภูชี้ไปที่กระบองเพชรสีสันสดใส สดใสจริงๆ มีทั้งสีเหลืองสีชมพู พันธ์ยิมโนหัวสี ก็สวยดีแต่คนขายบอกว่าใช้เวลานานกว่าจะมีดอก คนเลี้ยงต้องอดทน ผมกับไอ้ตินมองหน้าสบตากันทันที คนอย่างไอ้ภูนี่…จะทนเลี้ยงได้นานแค่ไหนกัน
“ผมว่าห้องเรามันอับ เอาพวกพันธ์ไม้ที่ช่วยฟอกอากาศดีไหม”มันเกริ่นๆพอเป็นพิธี แต่สุดท้ายแล้วมันก็เลือกพันธ์ที่มันชอบ ผมกับไอ้ภูก็เออออตามมันไป ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับมันหรอก เห็นมันซื้อต้นลิ้นมังกรกับหางจระเข้มาซะหลายต้น
“แม่กูอยากเลี้ยงหมา กูควรซื้อพันธ์ไหนดี”ไอ้ภูปรึกษาสีหน้าเคร่งเครียดจนผมนึกขำ แต่ก็ดีเหมือนกันมันจะได้ไม่เหงา
“ถ้าพันธ์เล็กๆกูชอบชิวาว่า”ผมว่าน่ารักดี ตาโปนๆหัวเล็กๆ ผมหันไปหาไอ้ภูทันเห็นสีหน้ายี้ของมันเต็มตา
“กูเกลียดหน้ามัน”
“สรุปมึงเลี้ยงเองหรือให้แม่มึงเลี้ยง”ผมสวนกลับ
“เออ เดี๋ยวค่อยคุย”ไอ้ภูผลักให้ผมเดินไปข้างหน้า จนผมเซชนหลังไอ้ตินเต็มเปา
“มาเถียงกันเรื่องหมาๆเนี่ยนะ”ไอ้ตินทำหน้าอ่อนใจ มันซื้อของเยอะแยะไปหมด ซื้อพวกโอ่งดินเผาสำหรับปลูกมอส หินกวด บลาๆ
“เดี๋ยวกูจะไปซ้อมวงก่อนนะ แล้วค่อยเจอกัน”ไอ้ภูรีบบอกเมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้ว ผมรู้ทันความคิดของมันทันที มันคงไม่กล้าไปบ้านไอ้ตินกับพวกผมแน่ๆ
“ไม่เอา ไปด้วยกันดิ”
“กูไม่ชินกับบรรยากาศแบบนั้นว่ะ”ผมกับไอ้ตินมองหน้ากันว่าจะเอายังไง ไอ้ภูคงไม่ชินกับการแสดงความรักของป๊ากับม๊าไอ้ตินล่ะมั้ง ขนาดผมยังเคอะๆเขินๆเลย
“แล้วมึงไปกับใครบ้าง”
“เด็กในคณะนั่นแหละ เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักวันหลัง โอเคไหม”มันรีบพูดดักเมื่อเห็นผมยังไม่เคลียร์
“เออ ถ่ายรูปมาให้กูดูเป็นหลักฐานด้วยนะ”ต้องเนี้ยบไว้ก่อน มันหัวเราะก่อนจะโทรให้เพื่อนมันมารับ
“รอแป๊ปนึงนะ กูขอดูหน้าเพื่อนมันก่อน”ผมกระซิบเบาๆกับไอ้ติน มันหัวเราะเบาๆก่อนจะยกมือยีหัวผม
“เป็นเอามากนะ”
“กูเจ็บมาเยอะ”
“แน่เหรอ”ผมหุบปากฉับเพราะรู้ว่าเถียงไปก็ไม่มีวันชนะมันหรอก ผ่านไปพักใหญ่ผมก็เห็นรถมอ'ไซต์ที่ถูกปาดเบาะโฉบเฉี่ยวมาจอดที่ริมฟุตบาต
“นี่เพื่อนกูชื่อไอ้เปา”เคยได้ยินแต่ชื่อในที่สุดผมก็ได้เห็นหน้ามันสักที ไอ้เปาเป็นคนอวบๆ ท่าทางเหมือนคนมีอารมณ์ขัน
“ส่วนนี่เมียกูชื่อฟิก”มันชี้มาทางผมที่สะดุ้งทันควันเมื่อได้ยินคำพูดที่ไอ้ภูแนะนำผมให้เพื่อนมัน
“เคยได้ยินอยู่”ไอ้เปาพยักหน้าหงึกๆยกมือทักทายอย่างคนอารมณ์ดี
“วานดูมันด้วยนะ ถ้ามันออกนอกทาง ผมฝากตบหัวมันด้วย”ผมเข้าไปฝากฝั่งกับเพื่อนไอ้ภู
“โห...อันหลังไม่รับปากนะ”มันหัวเราะแห้งๆ
“สบายใจแล้วใช่ไหม นู่น ไอ้ตินรอตั้งนานแล้ว เดี๋ยวเด็กๆของมันไม่สบาย”ไอ้ภูหมายถึงเหล่าแคคตัสจิ๋วและพวกไม้อวบน้ำที่ซื้อมา ผมโบกมือไล่มันก่อนจะเดินไปหาไอ้ตินที่รถ
“เคลียร์ยัง”ไอ้ตินยิ้มล้อเลียน ผมชี้ให้มันไปขับรถก่อนจะรีบมุดเข้าไปนั่งด้านในทันที เปิดเพลงกล่อมไปด้วย
“มึงไม่อยากหัดขับรถบ้างเหรอ”ไอ้ตินทักขึ้นมาหลังจากที่ขับออกมาได้สักพักแล้ว
“กูยังไม่กล้าพอ รอกูมั่นใจกว่านี้ก่อนแล้วค่อยหัด”ผมไม่กล้าขับรถใหญ่หรอก เห็นข่าวสยองๆแล้วผมชอบจินตนาการไปไกล อีกอย่างแม่ก็ไม่อยากให้ผมขับรถด้วยเพราะมันอันตราย ผมยิ่งเป็นพวกมักง่ายอยู่ด้วย
“ถ้ากล้าเมื่อไหร่เดี๋ยวกูสอนให้เอง”ไอ้ตินอาสาเป็นคุณครูให้
“ทำไมเบื่อไปรับไปส่งกูแล้วเหรอ”ผมแกล้งหยอกมันเล่น ไอ้ตินหันมายิ้ม
“เปล่า แค่อยากให้ขับเป็น เผื่อได้รถเป็นของรับขวัญวันแต่งงาน”ผมถึงกับสะดุดกึก มันก็รู้นะว่าผมไม่ชอบให้พูดถึงเรื่องทำนองนี้แล้วยังจะมาแกล้งให้ผมจั้กจี้เล่นอีก
“แล้วมึงคิดไว้หรือยังว่าจบแล้วจะทำอะไร”
“อืม...ไม่รู้สิ ก็ล่องๆลอยๆไปก่อนถ้ามีไอเดียอะไรก็ค่อยทำ”ดูมันจะสบายใจมาก ก็แน่ล่ะ ยังไงบ้านมันก็มีเงินอยู่แล้ว ไม่ต้องทำงานก็ยังได้เลย อิจฉาจริงๆพวกคนมีเงินเนี่ย
“แหม คิดถูกจริงๆที่กูคบกับมึง”ไอ้ตินหัวเราะก่อนจะหันมามองหน้าผม
“เพราะ”
“มึงรวย บ้านไอ้ภูก็รวยไง”ทุกวันนี้ผมแทบจะไม่ต้องใช้เงินตัวเองออกค่าข้าวเลย ยกเว้นจ่ายค่าเทอมและค่าของจุกจิกส่วนตัวของผมนอกนั้นพวกมันใจป้ำ ออกให้ผมหมดเลย ขนาดไอ้ภูให้บัตรเครดิตผมไว้ ผมก็ไม่กล้าใช้หรอก เคยรูดไปซื้อน้ำหอมแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ เกรงใจพวกมัน
“แค่นั้นจริงๆเหรอ”มันหันมาทำสายตาหวานซึ้งใส่
“เออ มึงมองทางด้วย”ผมชี้ไปยังถนนโชคไม่ดีที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงพอดี ทำให้มันมีเวลากวนประสาทผมต่อ
“พักหลังๆมานี้มึงไม่เห็นบอกรักกูบ้างเลย”
“กูเคยพูดด้วยเหรอ”มันจงใจกวนผมแน่ๆ
“เคย ต้องให้รื้อฟื้นไหมว่าตอนไหน”ไอ้วอกเอ๊ย
“จำไม่ได้ว่ะ”ผมมองออกไปนอกรถ มองตรงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่หน้ามัน ตอนนี้เงียบไว้ดีที่สุด
“ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเถียงเลยวะ”นี่มึงยังสงสัยอีกเหรอ
“เถียงแล้วไม่ชนะ กูจะเถียงไปทำไม”
“แต่มึงเป็นแบบนี้ก็น่ารักดีนะ”
“มึงกินยาผิดรึเปล่าเนี่ย”ผมมองหน้ามันงงๆ อยู่ๆก็มาพูดจาแปลกๆ
“เดี๋ยวนี้เจอแต่เรื่องเครียดๆก็อยากพูดหวานๆบ้างไง ไม่ชอบเหรอ”
“ไม่”ผมรีบตอบ คือผมไม่ชอบเวลาตัวเองเขินน่ะครับ ถือว่าเป็นโชคดีของผมที่หลังจากนั้นไอ้ตินมันยอมเงียบไปเอง จนเข้าสู่หมู่บ้านจัดสรรที่ผมพอจะคุ้นตาอยู่บ้าง
“ไม่รู้ว่าจะมีคนอยู่บ้านรึเปล่า”ไอ้ตินพึมพำระหว่างที่จอดรถที่ประตูรั้วใหญ่ มันชะโงกหน้าออกไปมองลอดรั้ว เหมือนจะไม่มีคนอยู่จริงๆเพราะด้านในค่อนข้างเงียบ
“ป้าน้อมไม่อยู่เหรอ”ปกติผมจะเห็นแกอยู่ตลอด
“คงออกไปกับป๋าม๊าล่ะมั้ง…อืม ประตูล็อคจริงๆด้วย”ผมชะเง้อมองไปที่ประตูรั้ว สรุปว่าล็อคกุญแจไว้จริงๆ มันลงไปจากรถพร้อมกุญแจ อย่างที่ผมเคยบอกว่าบ้านไอ้ตินไม่ได้ใหญ่เท่าบ้านไอ้ภู แล้วก็ไม่มีรีโมทเปิดแบบในหนังด้วย สงสัยคนงานที่บ้านมันลาหยุดล่ะมั้ง ถึงไม่มีใครอยู่เลยสักคน ผมมองไอ้ตินไขกุญแจรั้วอยู่นานสองนาน ก่อนจะลงไปบ้างเพราะขี้เกียจนั่งรอ มันกำลังเลื่อนประตูรั้วให้พอมีที่ว่างขับเข้าไป
“ลงมาทำไม”
“เดี๋ยวปิดประตูให้ มึงขับเข้าไปก่อนเลยไป”ผมโบกมือไปมาเหมือนเด็กโบกรถ
“รู้หน้าที่เหมือนกันนี่”มันกลับไปที่รถอีกรอบก่อนจะขับเข้ามา มันเหมือนจะจอดรถรับผม แต่ผมโบกมือให้มันขับเข้าไปเลย ทางเข้าบ้านมันไม่ได้ไกลเป็นโยชน์เหมือนบ้านไอ้ภูเสียหน่อย เลื่อนประตูรั้วเสร็จผมก็เดินมองสวนสองข้างทางของบ้านมัน ดูแล้วจะชอบต้นไม้ ดอกไม้กันทั้งบ้าน สวนที่จะจัดใหม่อยู่ทางซ้ายมือ ฝั่งขวาจะเป็นพวกพันธ์ไม้ที่ชอบแสงแดด มากกว่าฝั่งขวา
“ม๊ากูเรื่องมากเหมือนกันเนอะ”ไอ้ตินบ่นพร้อมกับเข็นรถที่บรรจุพวกอุปกรณ์ทำสวนมาด้วย ผมแอบเห็นด้วยนิดหน่อยเพราะเท่าที่ดูสวนก็สวยอยู่แล้ว
“มึงมาช่วยกูทำบ้านให้มอสพวกนี้ดีกว่า”มันเอากล่องพลาสติกที่บรรจุมอสสีเขียวๆออกมา ส่วนมากผมเป็นลูกมือช่วยมันยกของหนักๆให้มันมากกว่า ได้ทีมันก็ใช้ใหญ่เลย
“วานขุดหลุมหน่อยได้ไหม กูต้องทำน้ำตกจำลองด้วย”ผมมองไปยังหลุมกระด่อนกระแด่นที่ถูกขุดไว้ลวกๆ
“ที่แท้มึงก็เอากูมาใช้งาน”ผมทำหน้าบูด ไอ้ภูแม่งรอดตัว ไม่รู้ว่าไหวตัวทันหรือมีซ้อมจริงๆ แต่ผมจำได้ว่าวงดนตรีของมันคนยังไม่ครบเลยนี่ แล้วมันไปซ้อมอะไรของมันวะ
“เปลี่ยนกันไง ทีกูยังช่วยมึงทำห้องเลย จอบกับพลั่วอยู่แถวๆนั้นแหละ หาเองนะ”มันชี้มั่วๆไปแถวๆบ่อที่ขุดไว้ สายตาจับจ้องอยู่กับการทาดินเหนียวบนโอ่งดินเผาเพื่อปลูกมอส ผมเดินไปย่ำๆบนดิน โชคดีที่พื้นที่ตรงนี้เอาไว้ปลูกพวกไม้อวบน้ำอยู่แล้ว ดินเลยไม่แข็งมาก ผมค้นถุงมือมาใส่ ก่อนเริ่มขุดดิน ไม่คิดว่าจะขุดยากขนาดนี้
“แล้วมึงจะให้ขุดแบบไหนวะ”ผมเท้าเอวถามไอ้คนที่นั่งฮัมเพลงใช้เกรียงเกลี่ยดินเหนียวสบายใจเฉิบ
“แบบอยู่ในกระบะอ่ะ ลองหาดู”คือมันไม่ได้สนใจจะตอบผมเลยครับ ผมไปค้นดู เจอแบบบ่อน้ำพุจริงๆ
“มึงออกแบบเองเหรอ”ผมว่ามันก็พอจะมีหัวด้านนี้เหมือนกัน
“เออ เจ๋งใช่ป่ะ”มันหันมายักคิ้วให้ผมที่ทำหน้าบูดใส่
“เอาน่า ทำไปก่อน เดี๋ยวกูปลูกมอสกับจัดตรงนี้เสร็จแล้วจะไปช่วย”มันส่งยิ้มมาให้ ผมถอนหายใจก่อนจะไปขนอิฐมาวางรอบบ่อเพื่อทำเป็นโครงคร่าวๆก่อน อากาศเริ่มร้อน ผมหงุดหงิดก็เลยถอดเสื้อออกซะเลย คุ้ยหาหนังยางมามัดผมหน้าที่ยาวทิ่มตาอยู่
“เออ กูอยากตัดผมว่ะ”ผมกระทืบดินปึกๆระหว่างที่มองไอ้ตินนั่งจัดวางพวกแคคตัส วางแล้ววางอีก
“กูอยากตัดผมว่ะ”ผมลองพูดอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะหมกมุ่นเกินไป
“นี่มึงจะเอาให้เป๊ะเลยเหรอ”สุดท้ายผมก็เริ่มทนไม่ไหว
“ม๊ากูเนี้ยบ”
“อ้างแม่ตลอด”พอกันทั้งไอ้ภู ทั้งไอ้ติน
“กูอยากไว้ผมยาว มึงว่าเวิร์คไหม”คราวนี้ไอ้ตินหันมามองหน้าผมทันที
“พูดใหม่ซิ”
“กูว่าจะไว้ผมยาว”ยังนึกหน้าตัวเองไม่ออกเลย ถ้าไว้แล้วจะเป็นยังไง
“ให้โอกาสพูดใหม่”ผมชะงักไปนิดนึง กำลังคิดว่าจะกวนประสาทมันต่อดีไหม ถ้าผมไม่พูดมันต้องคิดว่าผมกลัวมันแน่ๆ แต่ถ้าผมพูด มันจะทำอะไร อันหลังนี่แหละน่ากลัว …แต่โชคเข้าข้างผมอีกแล้วเพราะโทรศัพท์ของมันร้องเสียงดังอยู่ในรถเข็น
“ฮาโหลครับ อ้อ ผมอยู่บ้าน จัดสวนให้ม๊าอยู่ กลับมาขอรางวัลด้วยนะ ผมขุดดินจนปวดไหล่หมดแล้วเนี่ย”ไอ้ตินหันมาหาผมก่อนจะส่งยิ้มให้ ผมจึงยกนิ้วกลางตอบแทนไป ไม่คิดว่ามันจะกวนประสาทได้ขนาดนี้ ผมหยิบแบบมาดูอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มผสมปูนมาก่อเป็นชั้นน้ำตก เพิ่งรู้ว่าไอ้ตินเป็นคนจุกจิกก็วันนี้แหละเพราะบ่อน้ำตกมันต้องวางตามหลักฮวงจุ้ย บลาๆ กว่าจะถูกใจมันผมก็เฉ่งมันไปหลายรอบ
“มึงนี่เหมือนตาแก่ๆขี้บ่นเลยว่ะ”ผมบ่นระหว่างที่เอาอิฐมาวางเป็นชั้นๆแล้วฉาบปูนตามทีหลัง พยายามทำให้มีรูปร่างเหมือนชั้นน้ำตกให้มากเท่าที่จะทำได้ ส่วนไอ้ตินสวมบทเป็นโฟร์แมนคอยควบคุมและบ่นผม งานใช้แรงงานแบบนี้ผมนึกถึงไอ้ภูเลยว่ะ ว่าแล้วก็โทรหามันซักหน่อย ส่วนไอ้โฟร์แมนจำเป็นก็หายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมกดวิดีโอคอลไปหาไอ้ภู รอเป็นชาติกว่ามันจะรับ
“ทำไร”ผมทักเสียงขุ่น เห็นมันนั่งอยู่บนเก้าอี้ในมือถือแผ่นกระดาษอะไรสักอย่าง
[หน้าเป็นตูด ใครทำอะไรมาล่ะ] ไอ้ภูเหมือนพยายามกลั้นขำ
“มึงมาช่วยกูขุดดินเลย”แล้วผมก็เปิดฉากบ่นไอ้ตินให้มันฟังทันที ไอ้ภูนั่งฟังด้วยสีหน้ายิ้มๆ
[กูว่าแล้ว คราวก่อนมันหลอกกูไปขุดดิน] งั้นไอ้ที่กระด่อนกระแด่นเหมือนโดนตัวตุ่นขุดคือฝีมือไอ้ภูงั้นเหรอ
“แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรกนะ”เอ๊ะ หรือว่ามันเอาแม่มาอ้าง แท้จริงแล้วมันอยากจัดสวนใหม่เองรึเปล่า ไอ้ภูหัวเราะ
[เดี๋ยวคุยเสร็จกูจะไปหานะ] มันยื่นปากมาใกล้ๆกับกล้องก่อนจะทำเสียงจุ๊บๆ
“มึง…ปัญญาอ่อน”ได้ยินเสียงหัวเราะและเสียงแซวจากผองเพื่อนแว่วมา
[เขินก็บอกมา]
ไอ้ตินโผล่เข้ามาในกล้อง ผมหันไปมองก็เห็นว่ามันถือแก้วน้ำส้มมาด้วย
“คั้นมาให้”มันส่งแก้วมาให้ผม
“ห่วงกูด้วยเหรอ ไปดูเด็กๆของมึงนู่นไป”แต่ผมก็รับแก้วน้ำส้มมาอยู่ดี
[ว่าไง มึงใช้งานมันเหรอ] ไอ้ภูชี้นิ้วใส่กล้อง ผมเลยหันโทรศัพท์ไปทางไอ้ตินแทน
“พี่มาช่วยมันด้วยนะ ถ้าไม่อยากเห็นไอ้ฟิกมือด้าน”
[ช่างเถอะ มันด้านอยู่แล้ว] ไอ้ตินหันมามองปฏิกิริยาของผมก่อนจะหัวเราะ ดูเหมือนว่าผมจะพึ่งไอ้ภูไม่ได้เลย!
“มึงรีบๆมาก็แล้วกัน”
[เดี๋ยว อย่าเพิ่งวาง ฟังกูร้องเพลงก่อน] ผมกดวางสายทันทีเพราะรู้ว่ามันจะทำอะไรพิเรนทร์ๆแน่แล้วมันก็ไลน์มาต่อว่าผม
Phupha – งอน
ผมหลุดหัวเราะออกมา ทำไมไอ้ภูมันทำตัวน่ารักจังวะ ผมกระแอมก่อนจะลุกไปทำชั้นน้ำตกให้เสร็จ ไอ้ตินก็มาช่วยหลังจากนั้น สงสัยกลัวผมจะโกรธ
“หิวรึเปล่า”ไอ้ตินเพิ่งมาถาม
“แสบท้องล่ะ”ผมตบพุงตัวเองให้มันดู
“ฝากพี่ภูซื้อลูกชิ้นมาให้แล้ว เดี๋ยวก็มา”มันหยิบแบบมาดูก่อนจะทำบ่อพักน้ำและต่อท่อน้ำเข้าไปเอง ไอ้ภูมาหลังจากที่ผมกับไอ้ตินปูผ้าใบกันน้ำในบ่อเสร็จ
“ไม่มาซะตอนกูทำเสร็จแล้วเลยล่ะ”ผมบ่นก่อนจะปรี่ไปหาลูกชิ้นปิ้งก่อนเป็นอย่างแรก ส่วนไอ้ตินยังทำต่อไป
“มึงวางสายก่อน อดฟังกูร้องเพลงเลย”
“ไม่ได้ขอ”
“ไม่รับมุกกูเลย”ไอ้ภูทำหน้าเอือมก่อนจะไปช่วยไอ้ตินขนหินก้อนใหญ่ๆมาวางรอบบ่อและเริ่มเอาต้นไม้มาปลูก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่ชอบน้ำ อย่างพวกเฟิร์นและมอส ไอ้ภูปรับนู่นปรับนี่เสียววุ่นวาย มันบอกว่าผมทำผิดโครงสร้าง
“ใครจะไปรู้ล่ะ”ตรงไหนฉาบปูนได้ผมก็ฉาบหมดนั่นล่ะ ผมถ่ายรูปตัวเองแบล็คกราวน์มีไอ้สองคนนั่นลงแรงทำงานอยู่ อัพลงเฟสเรียกยอดไลค์สักหน่อย
จอมขวัญ – อย่างกับคุณนายเลยพี่ฟิก
น้ำส้มแทบพุ่งออกจากปาก กำลังจะลบรูปแต่ไม่ทันแล้วเพราะพวกเพื่อนรักทั้งหลายของผมแวะเวียนมาส่งความรักกันไม่ขาด ผมจึงได้แต่ปลง
“ใกล้เสร็จแล้วเหรอ”ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พวกมันทดลองเปิดน้ำแล้ว น้ำไหลลงมาตามชั้นน้ำตกอย่างสวยงาม
“หิว…”ไอ้ตินบ่น ส่งสายตามาที่ลูกชิ้นในมือของผม
“อ้าปาก”ผมจิ้มลูกชิ้นส่งให้มัน ส่วนไอ้ภูมายืนอ้าปากรอเหมือนจระเข้อยู่ใกล้ๆ นับวันมันยิ่งน่ากลัว
“ไม่เอาลูกชิ้นปลา”มันห้ามเมื่อเห็นผมกำลังจะจิ้ม แต่ผมสนเสียที่ไหน
“จะกินหรือไม่กิน”ผมจ่อลูกชิ้นปลาไปตรงหน้ามัน สุดท้ายมันจำต้องเคี้ยวลูกชิ้นปลาที่มันไม่ชอบ
“ป้อนอะไรก็งับ ว่าง่ายกันจริงๆ”
“ไม่ใช่แมว”ไอ้ตินสวนมาทันที เดี๋ยวนี้มันเลเวลอัพแล้วจริงๆ!
ตอนเย็นป๊ากับม๊ามันถึงกับทำกับข้าวมื้อใหญ่เลี้ยงพวกผม ผมไปแอบกระซิบถามมาได้ความว่าไอ้ตินมันอยากทำน้ำตกจำลองเอง ไม่เกี่ยวกับม๊าแต่อย่างใด เนื่องจากผมกับพวกมันเสียแรงไปเยอะ อาหารมื้อนั้นก็เลยเหมือนมีแร้งลง
“ตกลงจะค้างที่ไหน บ้านใครบ้านมันเหรอ”ไอ้ตินถามขึ้นมาระหว่างที่กำลังดูละครหลังข่าวสุดแสนดราม่าอยู่ในห้อง
“กูยังไงก็ได้”ผมไหวไหล่ ก่อนจะหันไปดึงหูไอ้ภู
“แล้วมึงล่ะ ว่าไง”
“ค้างนี่ก็ได้ กูขี้เกียจกลับแล้วเหมือนกัน”มันตอบอย่างว่าง่าย ผมเช็คข่าวในเฟส นอกจากโดนแซวเพราะรูปนั้นก็มีข่าวในกลุ่มของรุ่น
“พรุ่งนี้กูมีประชุม เรื่องแสดงละครนะ”
“มึงยังต้องแสดงอีกเหรอ”ไอ้ตินชะโงกหน้ามาอ่านบ้าง
“อืม รวมพลจิ๊กโก๋รุ่นเก๋า”
“แล้วนี่ใครวะ”ไอ้ภูชี้มาที่เมจเสจที่เด้งมาพอดี ผมกระพริบตามองไอค่อนกลมๆที่เป็นรูปของไอ้เพชรเดือนคณะ ปกติมันไม่เคยจะทักผมมาเลยสักครั้ง
“น้องที่คณะกู”ผมเปิดข้อความอ่าน มันส่งข้อความมาขอให้ผมไปประชุมกิจกรรมในวันพรุ่งนี้ด้วย เมื่อมันสองคนเห็นว่าไม่มีอะไรมันก็เลิกสนใจ
“กูยังมีรูปมึงตอนปีหนึ่งอยู่เลย เดี๋ยวทำป้ายไวนิลไปเชียร์นะ”ไอ้ตินเสนอ
“หยุดคิดอะไรพิลึกๆเดี๋ยวนี้”ผมรีบห้าม คิดจริงทำจริงขึ้นมาเดี๋ยวจะซวยเอา
“กูเริ่มง่วงแล้วว่ะ นอนได้แล้ว ถ้าไม่ฟังระวังกูจะทำอย่างอื่นแทนนะ”ไอ้ภูเข้ามากระซิบพร้อมกับขยำพุงผมเต็มแรง นี่เป็นเพราะคำขู่ของไอ้ภูนะเนี่ย ผมจึงจำต้องเป็นเด็กดีเข้านอนเร็วแต่หัววัน
TBC.
ให้สามหน่อเขาได้กุ๊กกิ๊กกันบ้างเนอะ