10 CM : รักที่ส่วนต่าง 10 CM 3/5/2016 จบแล้วครับ + มีเวบตูนแล้วครับ ลิ่งอยู่เม้นสุดท้าย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 10 CM : รักที่ส่วนต่าง 10 CM 3/5/2016 จบแล้วครับ + มีเวบตูนแล้วครับ ลิ่งอยู่เม้นสุดท้าย  (อ่าน 83563 ครั้ง)

ออฟไลน์ diction

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: 10 CM. ตอนที่ 8.2 บนแท๊กซี่ [pg2] 16/9/2015
«ตอบ #60 เมื่อ17-09-2015 21:53:34 »

ทามมายต้องไม่ยอมกลับไปอาบน้ำบ้านเก้า!!!! :ling1:
เก้าอุตส่าชวน!! ชิ  :sad4:

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
10 CM. ตอนที่ 9.0 ห้องน้ำ [pg3] 18/9/2015
«ตอบ #61 เมื่อ18-09-2015 16:56:17 »

10 CM : ตอนที่ 9.0 : ห้องน้ำ   

        ฝนตกหนักไม่ลืมหูลืมตา ตกจนรู้สึกหนาว ผมต้องเอากระเป๋านักเรียนขนาดเท่าตัวกอดเอาไว้ ไม่งั้นได้เปียกไปถึงข้างในแน่ๆ ในกระเป๋ามีโทรศัพท์มือถือกับไอพอดซะด้วย นานๆผมจะเอาไอพอดมาฟังเพลงด้วยซะทีหนึ่ง แล้ววันนี้ยังไม่ได้ใช้เลย

   เสื้อนักเรียนสีขาวที่ตอนนี้บางไม่ต่างจากเสื้อของไอ้ต้องแล้ว เพียงแต่เนื้อหนังที่อยู่ข้างใน ผอมและเล็กกว่า กางเกงนักเรียนสีน้ำเงินเข้มที่ก่อนหน้านี้ราวกับจะมีอะไรบางอย่างดันออกมา ตอนนี้โดนฝนทั้งเปียกและหนาว ทำให้แบนลู่กลับไปที่เดิม

   ขาสั้นๆรีบวิ่งฝ่าสายฝนไปใต้ต้นไม้ วิ่งลัดเลาะไปตามหลังคาบ้านที่อยู่เรียงรายแถวนั้น บ้านใครก็ไม่รู้

   ตอนนี้ผมมายืนอยู่ที่หน้าบ้าน มองเข้าไปเห็นไฟในห้องกินข้าวยังคงมืดมิด ลานจอดรถเล็กๆในบ้านแบบตึกแถวว่างเปล่า รถไม่อยู่... ไม่ต้องสงสัยเลย

    พ่อกับแม่ยังไม่กลับ... คงเป็นอีกวันที่กลับดึก ยิ่งฝนตกหนักๆอย่างนี้แล้ว ท่าทางรถคงจะต้องติดแน่ๆ

   แปลกแฮะ ทางที่ผมมาไม่ติดเลย ดูถนนหนทางจะไม่เป็นใจ ทั้งกับพ่อแม่ผมและตัวผมด้วย

   ผมยืนหอบแฮก อยู่หน้าบ้าน ผลจากการกึ่งเดินกึ่งวิ่งที่ไม่รู้ว่าผมจะลงรถหนีมันมาทำไมให้มันมาส่งซะก็สิ้นเรื่อง

   เสื้อผ้าที่เคยแห้งจากการปกป้องของตัอง ผมก้มลงมองดู พื้นหน้าบ้านนองไปด้วยน้ำ น้ำที่ไหลเป็นทางผ่านชายเสื้อลงไปยังพรมเช็ดเท้าหน้าบ้าน หยดน้ำฝนทำให้พรมสีน้ำเงินอ่อนสีเข้มขึ้น จากเป็นดวง ตอนนี้เริ่มลามไปเต็มผืน

   ดีที่บ้านไม่มีคนอยู่ พอไขประตูบ้านแล้วเปิดประตูหน้าเข้าไป ชะโงกดูให้แน่ใจอีกทีว่าไม่มีใครอยู่ชั้นล่างแน่ๆ

   “เข้าบ้านแบบนี้ โดนด่าแหงๆ”

   ขืนตอนนี้ผมเดินเข้าบ้านไปทั้งตัวเปียกๆ มันคงจะทำให้เละเทะที่พื้นมากๆ แล้วเกิดพ่อแม่กลับมาเดินไม่ระวังจะลื่นเอาได้ ผมไม่อยากเปิดไฟชั้นล่างทิ้งไว้ แล้วก็ขี้เกียจเกินกว่าจะหาผ้ามาถูพื้นด้วย

   ผมจึงจัดแจงถอดเสื้อผ้าตัวเองออก ทีละชิ้น..

   ใจเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเริ่มจากเสื้อนักเรียนสีขาวที่ตอนนี้บางเป็นกระดาษทิชชู่ ผมถอดออกแล้วยื่นมืออกไปบิดที่ชานพักหน้าบ้าน หลบบพรมเช็ดเท้าที่เปียกโชกไปแล้ว

   เสื้อที่ขาวบางเหมือนของต้อง

   กางเกงนักเรียนที่สีเข้มเหมือนพรมเช็ดเท้า ผมลังเลอยุ่นิดหน่อย ใจก็เต้นโครมครามก่อนจะตัดสินใจถอดมันออก กางเกงผ้าหน้าเกินกว่าผมจะบิดแล้วให้แห้งได้ เข็มขัดถูกดึงออก มันทำจากหนัง จะลอกไหมนะ

   ชิ้นสุดท้าย กางเกงในสีฟ้าที่ลู่ติดเจ้าของร่างไม่ต่างจากเสื้อ แค่สีเข้มกว่า ใส่กับไม่ใส่ก็ไม่ต่างกันแล้ว ผมก้มลงมอง เห็นเป็นรูปร่าง เมื่อตัวปราศจากเสื้อผ้า ก็ไม่มีน้ำหยดออกมา เพราะกางเกงชั้นนอกรับน้ำไปหมด พอหันไปดูบั้นท้าย มันก็บางจนเห็นตูดผม ข้างหน้าก็แนบสนิทเป็นรูป

   สองมือผมถอดมันออกแล้วขยำหมาดๆ ก่อนรีบมุดตัวเข้าบ้าน แล้วยื่นมืออกไปบิดที่ชานพักหน้าบ้านอีกที หวังว่าฝนตกยังงี้จะไม่มีใครออกมามองเด็กผู้ชายตัวเล็กๆขาวๆแก้ผ้าเดินไปมานะ (หึหึ)

   ตื่นเต้นสุดๆเป็นครั้งแรกที่ผมโชว์ตัวแก้ผ้า ที่ไม่ใช้ในห้องน้ำหรือห้องนอน

   และมันคือหน้าบ้าน
   
   มองตัวตัวเปลือยเปล่าสีซีดๆของผมในกระจก นอกจากหัวแล้วไม่อีกแค่ส่วนเดียวที่มีผมสีดำปกคุลมอยู่ ผมจึงหันหน้าออกแล้วค่อยๆขยับเอาเสื้อผ้าเปียกปอนไปกองทิ้งไว้ในเครื่องซักผ้า ก่อนผมจะมุ่งหน้าขึ้นบ้าน เดินขึ้นบันไดไป สบายใจเย็นโล่ง

   เมื่อไม่มีเสื้อผ้าที่เปียกอยู่บนตัว ลมที่พัดมาจากหน้าต่างชั้นบนทำให้ผมรู้สึกหนาวกายยิ่งนัก ไม่เว้นแม้แต่ส่วนนั้นที่หดเล็กสั้นเข้า

    ผมเดินตรงเข้าห้อง แทบจะในทันที ผมรีบปิดประตู ล็อคห้อง แล้วเปิดไฟ ถึงตอนนี้บนเนื้อตัวผมยังคงไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น

   โยนกระเป๋านักเรียนชื้นๆ โครมลงบนโซฟา

   ตัวที่เริ่มรู้สึกหนาวเหน็บ ถึงแม้จะยังงั้น การแก้ผ้าหน้าบ้าน มันกระตุ้นอารมณ์อยากผมได้เป็นอย่างดี

   มันชี้นำทางผมมาตลอดตั้งแต่ลงจากจนแท๊กซี่ มันรออีกทีจนผมเข้ามาในห้อง

   ผมรู้สึกหนาวสั่น แต่พอเอามือลูบหน้าอกตัวเอง ในหัวก็สะท้อนภาพหน้าอกขาวของต้องขึ้นมาแทน

   แล้วนึกถึงตอนที่นั่งตักต้อง บางอย่างแข็งๆ ผมรู้สึกได้

   เป็นอะไรไม่รู้

   ไม่รู้ว่ามันคือ หัวเข็มขัด หรือว่า ...

   ‘มึงอะกลับบ้านดีๆ เดี๋ยวเป็นหวัด’

   ประโยคคำพูดนี้ของต้อง ยังลอยอ้อยอิ่งอยู่ในหัว แต่ดูท่ามันจะไม่มีผลต่อผมแล้ว คำเตือนนี้ดูจะใช้กับผมไม่ได้ผล ความอยากมันบังความคิดไปจนหมด

   ป่านนี้มันจะทำอะไรอยู่นะ???

   มันจะแก้ผ้าอยู่เหมือนผมรึเปล่า

   ผมพาตัวเองไปอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ ต้องรีบอาบน้ำเดี๋ยวจะเป็นหวัด ใช้เวลายืนมองตัวเองหน้ากระจกครู่หนึง ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปเปิดก๊อกน้ำเย็น แล้วตามด้วยน้ำร้อนอีกหน่อย น้ำอุ่นถูกปล่อยให้ไหลผ่าน มันไหลเล้าโลมตัวผมตั้งแต่หัวเรื่อยลงมา ไล่ลงไปตามคาง วิ่งผ่านหน้าอก ลงสู่ท้องน้อย ไหลเรื่อยไปจนถึงปลายนิ้วเท้า

   รู้สึกสบายอย่างที่สุด...

   เหมือนมีคนมาลูบไล้

   ไม่น่าลุกจากตักต้องเลย แต่ผมก็ทนไม่ไหวแล้ว

   ตกลงผมชอบผู้ชายจริงๆใช่มั้ย

   ฉากกั้นอาบน้ำถูกเปิดออก ผมอยากเห็นตัวเองในกระจกตอนนี้

   กระจกเงาสะท้อนภาพที่ว่างด้านหลังผม ที่ว่างที่ยังเหลืออยู่

   ส่วนข้างหน้ามีร่างขาวเล็กร่างนึง กับแท่งอะไรสักอย่างที่ชี้ขึ้นประจันหน้ากับผม ผงกหัวให้อย่างเข้าใจ
   
   เจ้าของแท่งนั้นก็รอเวลานี้อยู่เหมือนกัน

   ผมน่าจะลากมันกลับมาบ้านด้วย แล้วชวนมันอาบน้ำ

   แต่ใครจะอาบน้ำก่อนนะ

   เอ... หรือว่าพร้อมกันดี???

   ผมยิ้มน้อยๆออกมา

   ความรู้สึกเสียวแปลกๆเริ่มก่อตัวขึ้นที่ส่วนล่างของร่างกายผม ไม่รุ้ตัวเลยว่า ตั้งแต่มือไหร่ที่มือข้างขวาที่ลูบไล้ไปตามตัวนั้นตอนนี้ไปหยุดอยู่ที่ ตรงนั้นแล้ว นิ้วมือขยับเขี่ยปลายที่ถูกปิดไว้ในตอนแรก เขี่ยวนไปมาจนกระทั่งมันตึงถึงที่สุด ให้หนังบางๆที่ปิดไว้เปิดออก

   แล้วก็... เปลี่ยนเป็นกำมือไว้แน่น ขยับเข้าออกช้าๆ

   มันเป็นไปอย่างเชื่องช้าๆ ใช้อารมณ์ที่ยังค้างจากต้องอยู่ให้คุ้มค่า น้ำอุ่นยังคงถูกเปิดไว้อยู่อย่างนั้น เพียงแค่ขยับตัวถอยออกมาจากสายน้ำเพือที่จะถูสบู่

   ตอนนี้มันเริ่มมีอาการตอบสนองมากขึ้นแล้ว รู้ได้จากบางส่วนที่ผมเว้นไว้เพื่อเน้นถูหลังสุด แต่มันกลับลื่นพอๆกับส่วนอื่นที่ถูไปแล้ว

   ผมจีงใช้สบู่นิดหน่อยถูวนอยู่แถวนั้นสักครุ่ ไม่ต้องใช้สบู่มากแค่ที่ออกๆมาก็ทำให้ลื่นมากไปแล้ว ในหัวจินตนาการไปว่า ถ้าคนที่สัมผัสโดนตัวผมตอนนี้เป็นต้องแล้วละก็.... มันคงจะยืนสูงตระง่านตัวเปลือยเปล่าเหมือนกันอยู่ข้างหลังของผม

   ตรงนั้นของมันน่าจะจ่อมาที่บั้นท้ายพอดี

   ไม่สิ น่าจะเลยขึ้นมาเพราะมันสูง

   อยู่ที่ความยาวของมันสินะ

   ผมหัวเราะคิก

   ผมถอยหลังบดเบียดอากาศ อยากจะขยับเอาตัวไปเบียดกับของมันมาก ขนาดมันจะเป็นอย่างไรนะ

   เฮ้ย กูเป็นผู้ชายนะ แล้วต้อง ก็เป็นเพื่อนมึงนะ!!!
   
   แต่ช่างแม่งเถอะ!!!!!!!.... มันจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ อารมณ์ผมตอนนี้ควบคุมไม่ได้แล้ว ช่วยกูก่อนนะ ต้อง

   กูไม่ไหวแล้ว

   กระจกห้องน้ำที่มีฝ้าเกาะอยู่ทั่วไป ก็ฉายภาพที่มีต้องยืนอยู่ข้างหลัง ต้องที่ค่อยๆเอื้อมมือมากอดเอวผมช้าๆ มันฝังตัวเข้ามาแน่นในตัวผม แล้วค่อยๆเข้าโยกเข้าออก หวังว่าขนาดของมันจะกำลังดีนะ

   มือก็ค่อยๆขยับเข้าออกให้เร็วขึ้นๆ ตามจังหวะที่ผมโดนทำไปด้วย มืออีกข้างที่ว่างอยู่ลูบเอว แล้วถูลงไปที่บั้นท้าย บีบเค้นเอาไว้ให้แน่นเหมือนเวลาต้องทำผม ภาพของต้องกำลังขยับเข้าออก ทำหน้าบิดเบี้ยวมือยาวๆของมันก็ลูบไปตามตัว มือของผมตอนนี้ไม่ใช่มือผม แต่เป็นมือต้อง

   ตัดสลับกันไปมาเป็นฉากๆ กับภาพความเป็นจริงในกระจก

   ส่วนภาพในหัวยังชัดเจน มันไม่ใช่ทั้งในห้องวิทย์ที่เอาตัวเข้ามาใกล้ หรือหน้ามันที่ยื่นเข้ามา กลับเป็นตัวมันเปล่าๆที่ยืนเบียดอยู่กับผม ขยับเข้าออกเร็วๆจากด้านหลัง เอื้อมแขนมากอดผมไว้ กลิ่นตัวอ่อนๆโชยออกมา

   ตอนมันทำเองที่บ้าน มันจะคิดอะไรนะ จะออกเสียงหรือเปล่า

   “เก้าๆ เราจะไม่ไหวแล้ว”    

   เสียงของมันเรียกชื่อผม เสียงในจินตนาการ มือขยับเร็วและรัวขึ้น อีกข้างก็บดเบียดบั้นท้ายให้แรง ราวกับว่าต้องกำลังทำอยู่ข้างหลังจริงๆ

   “พร้อมกันนะต้อง”

   “มาแล้วต้อง”

   มืออีกข้างเปะป่ายไปทั่วตัวกำแพง อารมณ์มันกำลังประทุ ขาเขย่งเกร็ง ความรู้สึกแปร๊บที่ส่วนปลายมายิ่งขึ้น

   มือขวาดึงร่นลงมาให้ตีงที่สุด เพื่อนส่วนปลายจะได้แน่นเกร็ง พร้อมๆกับจุดสุดยอดที่มาถึง

   มีอะไรพุ่งทะลุออกมา

   เท้าจิกแน่น

   “อา..... ต้อง”

   สายน้ำอุ่นที่ออกจากตัวผมพุ่งลงสู่พื้น อุ่นกว่าน้ำที่เปิดเอาไว้ บางส่วนจบลงที่กำแพงห้องน้ำ นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้ทำอย่างนี้ มันเลอะเต็มไปหมด

   ความอยากมันค่อยๆจางจบลงหมือนๆกับคราบน้ำที่โดนชะล้างออกไป

   รวดเร็วแต่เลอะเทอะ

   แล้วก็ทิ้งคราบเอาไว้

   ความรู้สึกอายเข้ามาครอบคลุมแทนที่

   .
   .

   ผมทำห่าอะไรลงไป???

   ทำไมถึงคิดถึงต้องไปได้

   คิดไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์

   เรื่องแบบนี้มันจะไม่มีวันเป็นจริง.... ผมมั่นใจ

   แล้วผมจะไม่ยอมให้มันเป็นด้วย เพราะผมเป็นผู้ชาย

   .
   .
   .

   คืนนั้นผมนึกครึ้มอะไรไม่รู้ ลุกขึ้นมานั่งอ่านหนังสือก่อนนอน

   สงสัยจะอาบน้ำนานไปรู้สึกครั่นเนื้อตัวแปลกๆ หรือแพ้หนังสือกันแน่ ฝนข้างนอกก็ยังไม่หยุดตกดี
   
   ตาเหลือบไปที่โทรศัพท์ ควรจะโทรไปหาต้องดีมั้ยนะ มันอุตส่าห์จะเปียกฝนเพื่อผม (แต่ขากลับเสือกวิ่งตากฝนมาซะงั้น)

   นาฬิกาบนโทรศัพท์แสดงเวลา

   สามทุ่มกว่าแล้ว...

   ป่านนี้พ่อแม่ผมคงน่าจะกลับมาแล้ว แต่ทำไมมันเงียบๆ ไม่ได้ยินเสียงคนคุยกันเลย ถ้ายังไม่กลับก็ดูจะดึกไปพอลองฟังดีๆ ได้ยินแต่เสียงเดินหนักๆขึ้นห้อง

   เฮ้อ ....สงสัยจะทะเลาะกันกลับมาสินะ

   จะไม่ทะเลาะกันสักหน่อยจะเป็นไรไหมเนี่ย

   ทุกทีผมจะได้นอนฟังเสียงโวยวายยาวไปจนดึก บางครั้งเท่านั้นที่นานและดังพอจับได้เลาๆว่าเค้าทะเลาะอะไรกัน

   ส่วนมากเป็นเรื่องงาน คนที่จริงจังเรื่องงานสองคนมาเจอกันเนอะ

   แต่วันนี้เงียบ

   มีแค่เสียงปิดประตูดังๆเฉยๆ

   ผมเลยลุกออกไปเปิดวิทยุ หาเพลงฟังกลบเสียงประตูดีกว่า เผื่อมีเสียงลอดออกมา ผมเองบางทีก็ไม่ได้อยากรู้ว่าเรื่องอะไร จะเปิดดังมากก็ไม่ได้  เดี๋ยวกลายเป็นสองคนนั้นจะมาลงที่ผมแทน

   เอะ หรืออาจจะดีกว่าถ้าเปิดดังๆแล้วให้เค้าสองคนหันมาด่าว่าผมแทน เพื่อเค้าจะเลิกทะเลาะกัน

   อย่างน้อยพอเค้าด่าเสร็จมันก็อาจจะได้ระบาย แล้วอารมณ์อาจจะดีขึ้นก็ได้ คิดไปคิดมาไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่มีทางเลือกดีๆเลย

   ผมจะพยายามทำสมาธิอ่านหนังสือต่อไป แต่ท่าทางจะไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้ว วันนี้ก็คงได้แค่นี้แหละ (ยังไม่ถึงหน้าเลย)

   เฮ้อ....

   ผมเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง มือควานหาโทรศัพท์โทรหาต้องดีมั้ยนะ
   
   หน้าต้องมันลอยออกมาจากโทรศัพท์ เป็นหน้าของต้องที่ผมจินตนาการว่า ทำบางอย่างอยู่ในห้องน้ำกับผม

   อย่าดีกว่า ผมยังรู้สึกผิดอยู่
   
   เออ ใช่ ไอ้เจโทรมานี่นา

   วันนี้มันก็ไม่ได้พูดว่ามีธุระอะไร ผมเองก็ลืมถามมัน

   มีอะไรรึเปล่า???

   ปกติมันไร้สาระอยู่แล้วจะเอาอะไรกับมัน

   ผมกดชื่อ เจ แล้วโทรออก

   “โหล เจ”

   “ว่าไงครับ” เสียงคุ้นปลายสายรับขึ้น

   แต่ทำไมมันพูดเพราะวะ

   “เจ รึเปล่าครับ”

   “ใช่ครับ”

   “กูเอง เก้า”

   “ครับ ว่ายังไงครับ”

   “… มึง สะดวกคุยรึเปล่า”

   “สะดวกครับ คุยได้”

   “แล้วทำไมพูดยังงี้วะ”

   “ก็คุยกับเด็กกู กูก็ต้องสุภาพสิครับ”

   สัส เอ้ย

   สุภาพยังไงใช้กู

   “ค....ย เหอะครับ” ผมจะกดวางแล้ว

   “เฮ้ยๆๆๆ กูล้อเล่นๆๆๆ”

   “ว่าไงมึงมีไร” เจพูดต่อ

   “เออ ค่อยยังชั่ว”

   “วันก่อนมึงโทรมามีอะไรรึเปล่า” ผมถาม

   “กูลืมแล้วมึง โทรไปก็ไม่รับนะ”   

   “อ้าว กูจะรู้มั้ย มึงโทรมากูก็นอนแล้วนี่” ผมไม่อยากจะเถียงด้วย ไม่มีอะไรก็ดี

   “เออ แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่วะ ฝนตกหนักนี่ ตากฝนป่าว” เจถาม

   “ก็กำลังจะนอนแล้วละ ตากฝนน่ะตากเปียกซกเลย”

   “เออ แล้วใครใช้ให้มึงหนีไปทำหอกอะไรละ” ผมถามมั่ง

   “ก็กลับมาบ้านนอนเล่นเกมอะดิ”

   “เออ ใช่สิ มึงเห็นเกมสำคัญกว่านี่” ผมว่ามัน

   “ป่าวหรอก ก็พี่กุมาตามนี่นา” มันทำเสียงอ่อยๆ

   “เออ” ผมกำลังคิดคำถามต่อไป

   ผมว่ามันหนีตามหญิงไปแน่ๆ

   แต่หมดเรื่องคุย ความเงียบกำลังเกาะกุมสาย

   “เออ นี่มึงชอบใครอยู่ป่าววะ” มันถามผมตรงๆ

   “เฮ้ย อยู่ๆมาถามทำไมวะ”

   “ไม่อะ ถึงมีเค้าก็ไม่ชอบกู”  ผมตอบไปตามนั้น ถ้าความรู้สึกที่มีต่อต้องคือชอบอะนะ

   “ดี งั้นงานวันวิทย์ไปเล่นกันมะ”

   “หา ก็ไปกันทุกคนดิ ว่างกันหมดนี่นา มึงไม่คิดชวนคนอื่นเหรอ” ผมถามกลับ

   “ป่าววะ ไอ้ต้องนัดสาว ชัวร์ คนอย่างมัน ไอ้ต่อจัดให้อีกอยู่แล้ว ไอ้แมคก็ไม่ทราบสาเหตุการหายไป”

   “สัสนี่” ขอด่ามันก่อนตอบ กวนได้ตลอด

   “เออ ถ้าว่างๆนะ”

   “ไอ้แมคหายไปไหนวะ” ผมถามมันกลับ

   “ไม่รู้ ถามมันเองดิ” นั่น ดูมันตอบ

   “นี่ กูถามหน่อยดิ เจ มึงเรียนประถมที่นี่ใช่ป่าว” ผมถามกลับมั่ง

   “ใช่ดิวะ ถามทำไม” เจ ตอบ

   “คือ กูอยากรู้ว่า... มึงใช่พีรพล ที่กูรุ้จักป่าววะ”

   “อ้อ ฮ่าๆ คือ...”

   เสียงโวกเวกแทรกมาจากปลายสาย

   “เฮ้ยๆๆๆๆ พี่กูเรียกๆ เดี๋ยวคุยกันนะ”

   “ฝันดี จุบ”

   ก่อนวาง ยังเล่นกูได้นะไอ้เจ สัสเอ้ย

   “….”

   แล้วสายมันก็ตัดไป
   
   เฮ้อ ผมเดินไปปิดไฟแล้วเข้านอน วิทยุยังคงเปิดไว้ สรุปแล้ว ผมก็ยังไม่ได้รุ้ความจริง คิดว่ามันจะต้องใช่แน่ๆ แล้วถ้าใช่ ผมอยากจะถามมันดังๆว่า ตอนนั้น “มึงจะพากูไปทำอะไร” ทำไมไม่ทำซะเลยละ ฮ่าๆๆๆ บ้าใหญ่แล้ว

   ทำตอนนี้ก็ยังทันนะ

   เพ้อเจ้อ

   สงสัยน้ำยังออกไม่พอ

   ถ้าเจมันชวนผม...
   จริงๆถ้าต้องชวนผมจะตอบยังงี้มั้ยนะ หรือว่าผมจะถามต้องเองดี

   ช่างมันเหอะ มันนัดหญิงนี่ งานนี้พวกต่างโรงเรียนก็ชอบมากันซะด้วย ว่างกันจังนะ

   กดปุ่มปิดตัวเองดีกว่า

   พอหลับตาลง ภาพงานวันวิทย์ก็ออกมาให้หัว ผมคิดล่วงหน้าไปแล้ว มันคงจะสนุกนะ ถ้าต้องอยู่กับผมด้วยในวันนั้น

   สมองผมปิดตัวเองเร็วเกิน

   .   
   .
        .

   งานวันวิทย์เหรอ อีกไม่กี่วันแล้วสินะ.......


 :bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2015 11:36:40 โดย Monet »

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ตากฝน [pg3] 18/9/2015
«ตอบ #62 เมื่อ18-09-2015 17:37:17 »

น้องเก้าแรงงงงงง แต่ฟินอะ ฉากในห้องน้ำ อิอิ

ออฟไลน์ lightseeker

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ตากฝน [pg3] 18/9/2015
«ตอบ #63 เมื่อ18-09-2015 20:46:59 »

เชียร์เจ  แต่เก้าเหมือนจะชอบต้องไป  :o12:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ตากฝน [pg3] 18/9/2015
«ตอบ #64 เมื่อ18-09-2015 23:17:06 »

รู้สึกเหมือนโดนหมาหยอกไก่ตลอดเลย

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ตากฝน [pg3] 18/9/2015
«ตอบ #65 เมื่อ18-09-2015 23:43:40 »

เป็นลมกับฉากห้องน้ำ  :jul1:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ตากฝน [pg3] 18/9/2015
«ตอบ #66 เมื่อ19-09-2015 07:22:39 »

ดูจากชื่อเรื่อง น่าจะเป็นน้องเก้ากับน้องต้องแน่เลย :katai2-1:
ตอนที่ทำโจทย์หน้าห้อง แล้วไอ้อ้วนแกล้งอ่ะ พี่เคืองอาจารย์จัง ไม่ห้ามเล้ยยยย  :katai1:
แต่ปริศนาน้องเจกับน้องพี่คนเดียวกันไหมนี่ใช่แน่เลยอ่ะ แต่น้องเก้าห็ไปเรียกเค้าว่าพีเองไม่ใช่เหรอ :laugh:

ออฟไลน์ diction

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ตากฝน [pg3] 18/9/2015
«ตอบ #67 เมื่อ20-09-2015 15:58:12 »

กรี๊ดดดดดดด #เท้าจิกแน่น :hao5: #ฟินค่ะ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ [pg3] 18/9/2015
«ตอบ #68 เมื่อ20-09-2015 23:51:59 »

10 CM ตอนทีื 10.0 : ซ้อมงานวันแม่ 1

   ผลจากการโลดโผนเมื่อคืน วันรุ่งขึ้น ผมตื่นเช้ามาพร้อมกับอาการตัวร้อน ไอ้ไข้สูงๆนี่ มันมาทักทายผมแบบแรงๆแต่เช้ามือ ตอนนี้ยังรู้สึกแสบคอ คอแห้งผาก มิน่าเมื่อคืนนอนหลับสนิท นาฬิกาปลุกบนหัวเตียงยังปลุกผมให้ตื่นไม่ได้เท่านี้เลย

   สงสัยตอนอาบน้ำจะโลดโผนไปหน่อย ดี วันนี้จะได้มีข้ออ้างไม่ต้องไปเรียน

   ไอ้น้องผมก็เงียบสนิทไม่ทักทาย แต่เช้า สงสัยมันเองก็เหนื่อย เมื่อวานมันก็ซ่าเกินตัวเหมือนกันนี่นะ

   นอนต่อไปอีกสักหน่อย ก็ทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ
   
   ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ผมนอนอยุ่บนเตียงตั้งแต่ตื่นมา ยังไม่ยอมลุกไปไหน มีฝืนขึ้นมาเข้าห้องน้ำแล้วก็กินยาไป เสร็จแล้วลงไปนอนต่อ

    วิทยุตอนนี้ยังคงเปิดค้างไว้อยู่ นี่เมื่อคืนเปิดทิ้งไว้จริงเหรอเนี่ย ดีไม่โดนพ่อแม่ด่า

   ข่าวต้นชั่วโมงแว่วมา เก้าโมงเช้าแล้วเหรอ ในห้องคงกำลังเรียนคาบที่สอง

   รวบรวมแรงอยู่สักพัก พยายามเหยียดแขนขาออก ก่อนจะโดดออกจากเตียง เดินตรงไปเปิดทีวีเล่นเกมดีกว่า ไหนๆก็โดดเรียนแล้ว แต่เล่นไปได้สักพักก็เบื่อ เกมเดิมๆ เล่นก็เล่นไม่ผ่านนี่ถ้ามีพวกไอ้เจมาช่วยเล่นด้วยน่าจะสนุกกว่านี้

   ผมล้มตัวลงเอนหลังกับโซฟา แหงนหน้ามามองเพดาน แปลกดี วันนี้น่าจะได้หยุดนอนสบายๆแท้ๆ รร.ที่โคตรจะน่าเบื่อ ที่ๆต้องไปทุกวัน พอวันนึงที่เราไม่ได้ไป มันกลับทำให้คิดถึง ไม่สิมันไม่คุ้นเคยมากกว่า เหมือนอะไรมันขาดไป

   ในขณะที่ทุกคนแต่งชุดนักเรียนออกจากบ้าน พอต้องอยู่เฉยๆคนเดียวมันก็แปลกๆมั้ง

   จริงๆแล้ว ที่อยากไปอาจจะเป็นเพราะเรื่องอื่นมากกว่า

   ไม่เคยรู้เลยแฮะว่า วันธรรมดานอนเฉยๆอยู่กับบเ้านมันน่าเบื่ออย่างนี้เอง
   
   ไม่รู้จะทำอะไร กลิ้งไปมาก็คงจะไม่หลับอีก จะเล่นเกมต่อไป แต่ยังมีไข้อย่างงี้ไม่ไหวแน่ๆ ยิ่งไม่พักด้วยจะทำให้แย่ลงเปล่าๆ คิดไปมาจนกำลังจะหลับ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น

   “เออว่าไงวะ” ผมรับสาย เสียงยังชัดดี

   “ไปไหนวะ ไม่ยอมมาเรียน”

   เสียงคนเดียวกับเมื่อคืน

   “เจ เหรอ เออ กูไม่สบาย”

   “สำออยนะมึง”

   นั่น ว่ากูอีก

   ใครจะไปอึดถึกทนแบบมึงละ ไอ้เจ

   “เดี๋ยวพรุ่งนี้กูก็ไปเรียนแล้ว” ทำไมมันต้องว่าด้วย
   
   “นี่เป็นไงมั่งละมึง มีการบ้านไรมั้ย” ผมถามเผื่อต้องไปลอกงาน

   “ยังวะ บ่ายเห็นว่ามีซ้อมงานวันแม่ ไม่ต้องเรียน” เจ ตอบเรียบๆ

   “โห ดีวะ ไม่น่าป่วยเลยกู”

   “จะวันแม่แล้วนะมึง แม่ทูนหัว หึหึ”

   “ไรวะ มึงก็เตรียมตัวกราบแม่ทูนหัวมึงสิ” ผมแกล้งถาม

   “ไม่เว้ย ยังงั้นเค้าไม่ได้มีไว้กราบ”

   “ทำไมมึงจะว่าเอาไว้ทำไร”

   “เอาไว้มุดตักไงมึง” เสียงมันหื่นมาก

   “ถุย ตลอดอะมึงน่ะ”

   “หรือมึงจะแหกขาให้กูมุดแทน”

   “หือ ว่าไง”

   ผมนึกหน้ามันมุดเข้ามาตรงหว่างขาผมแล้ว มันคงเจอของที่มันไม่อยากเจอซะมากกว่าละมั้ง

   “เออวะ  หือ มึงว่าไรนะ”

   มัวแต่นึกภาพ เมื่อกี้มันว่าไรนะ

   “ก็ให้กูมุดมั้ยไง ฮ่าๆๆ” แม่ง หัวเราะน่าตบกบาล

   “มึงไปชักว่า...ในห้องน้ำก่อนเถอะ” ผมสวนกลับ

   มันยังหัวเราะไม่หยุด

   “หายเร็วๆละมึง กูเข้าเรียนก่อนละ” เจพูดจบแล้วก็วางสายไป

   “จุบๆ”

   แล้วสายก็ตัด แม่งกวนตีนจริง

   ได้เวลาเข้าเรียนแล้วเหรอเนี่ย

   ติ๊ดดดดดดดด

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ยังไม่ทันได้ออกจากมือเลย

   อะไรวะ มีอะไรของมันอีก

   “จุบๆ ว่าไงมึง จะเข้าห้องน้ำช่วยตัวเองเหรอ”

   “….” ปลายสายเงียบไป

   ผมต้องหันหน้าจอมาดู เพื่อความแน่ใจว่าใช่ไอ้เจมั้ย

   “มึงคุยกับใครมาวะเก้า”

   เฮ้ย ฉิบหายแล้ว ไอ้ต้อง ตอนรับแม่งก็ไม่ได้ดู

   “อ้าว ต้องเหรอ พอดีกูคิดว่าเจมันโทรซ้ำมาอีก”

   “กูเลยจะกวนตีนมันน่ะ ไม่มีไรจริงๆมึง คิดมาก ฮ่าๆๆๆ”  ผมรีบแก้ตัว

   ซวยฉิบ

   ปลายสายเงียบไป

   ฉิบหาย ท่าจะไม่ดี

   “เอะ มึงไม่เข้าห้องเหรอ” ผมพยายามทำเสียงร่าเริงกลบเกลื่อน

   ปลายสายยังเงียบอีก

   “แล้ว...ทำไมมึงต้องทำเสียงกระซิบวะ ต้อง”

   ผมพยายามถามมันอีกเรื่อง เพื่อมันจะยอมพูดด้วย

   “กูแอบ มา ช่วย ตัว เอง ระหว่างมานั่ง ขี้ หน่ะ” น้ำเสียงประชดประชันมาก เน้นเป็นคำๆเลย

   เอ่อ

   แม่งโกรธกูแน่ๆ
   
   “เก้ามึงกินไรยัง”

   มึงถามกูต่อจากคำว่า ขี้ไม่ออกเนี่ยนะ แถมมึงว่ามึงนั่งชักไปด้วยเนี่ยนะ

   ไอ้ต้องมึงหล่อมากกกกก (กูประชดในใจ)

   กูดูผิดไปใช่มั้ย คนที่บังฝนให้กูกับตอนนี้เนี่ย

   “มึงถามเรื่องกินจากกูขณะมึงนั่งขี้กับนั่ง เอ่อ....... นั่นแหละ  เนี่ยนะ”

   “เออน่า” เสียงหงุดหงิดมาแล้ว คนอะไร หงุดหงิดง่ายจริง

   “ยังอะ  เอ่อ แต่กินข้าวต้มไปนิดหน่อยก่อนกินยา“

   “เดี๋ยวแล้วมึงคุยกับกูไปด้วยขี้ด้วยเนี่ยนะ”

   “ห่า มึงโง่ป่าววะ กูก็แกล้งไปห้องน้ำไง”

   น้ำเสียงมันขำ แม้คำพูดจะต่อว่าผม แต่ความดังเป็นระดับกระซิบ ตลกเป็นบ้าไอ้ต้องแอบมาคุยโทรศัพท์ในห้องน้ำกับผมเนี่ยนะ

   “อ้อออออออออออออออ”

   ความหล่อมึงค่อยกลับมาหน่อย

   แม่งก็ไม่กลัวฝ่ายปกครองเลย เกิดครูจับได้ทำไงวะ

   “ใครมันจะบ้าโทรหามึงตอนนั้นวะ โรคจิต ไอ้เตี้ย”

   ส่วนผมนอนขำฟังมันด่าไป แล้วเตะขาขึ้นลง อารมณ์ดี๊ด๊าที่สุด

   “กูบอกให้มึงอาบน้ำเลยไง ทำไมไม่สบายได้วะ”

   “ก็อาบแล้วนะมึง เข้าบ้านมาก็อาบ” ก็ตอบความจริงอะนะ แต่ไม่หมด

   “น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นละ” ยังสืบต่ออีก

   “น้ำอุ่นดิ แค่ ... ถูสบู่เน้นนานไปหน่อย”

   ถูเน้นตรง เอ่อ คิดไม่ได้เดี๋ยวของผมมันขึ้น

   แล้วก็คิดไปว่าทำอย่างอื่นกับมึงไปด้วยอะ

   มันเงียบไป   

   ว้าก ผมไปบอกมันทำไม คงไม่ได้เผลอหลุดปากออกไปนะ
   
   “....เสือกอาบซะนานแทนที่จะรีบๆทำตัวให้แห้ง” เสียงแปลกๆแล้ว

   “โตแล้วนะเก้าไม่ใช่เด็ก เล่นน้ำเหรอไง คราวหลังอย่าหนีลงรถยังงั้นอีกละ แล้วนี่นานแค่ไหนกว่าจะถึงบ้านน่ะ”​

   “เออ รุ้แล้ว”

   “กูก็รีบวิ่งแล้วนะ”

   ชิบหายจริง

   “เล่นเป็นเด็กไปได้” ไอ้นี่ก็ย้ำจริง

   มึงไม่ต้องย้ำ มันไม่ใช่กูไม่ทำตัวให้แห้ง หรือกูอยากตากฝน กูอยากทำอย่างอื่นต่างหากกกกกกก

   “ขอบใจนะ มึงรีบไปเรียนเหอะ เดี๋ยวมึงโดนทำโทษอีก”

   “แล้วนี่มึงหิวอีกมั้ย”

   “ยังอะ ยังนอนเล่นอยู่บนโซฟาอยู่เลย”

   “รักษาตัวละมึง เดี๋ยวไม่หายอดมาทำงานกลุ่มกันนะ”

   หือออออ

   “ทำไม มึงอยากทำกับกูเหรอ” เอ่อ ใช้คำถามผิดอีกแล้ว

   “เออ กูอยากทำกับมึง”

   “ห๊า…………..” อะไรนะ

   “เห็นเด็กม.ต้นอย่างมึงทุกวัน วันไหนไม่เห็นมันขัดๆเว้ย”

   “นี่กูม.ปลายนะ”

   “เหรอออ ตัวเท่าน้องกูเลย เวลาอยู่กับมึงนะ ยังกับเลี้ยงน้องกูอยู่เลย” เสียงแม่งเหมือนคุยกับน้องจริงด้วย

   “เออ ฮ่าๆๆ สัสนี่” ผมขำจริงๆนะ ไม่คิดเลยว่าต้องจะทำแบบนี้เป็นด้วย

   “เออ งั้นกูไปนะ”

   “อือ...” ผมกำลังจะวางสาย

   “อย่าลืมหาไรกินละ ไม่งั้นกูจะไปป้อนที่บ้าน”

   ต้องวางสายไป

   อะไรนะ ต้องจะมาหาผมงั้นเหรอ จะมาก็มาเลยสิ หึหึ ไม่กินข้าวดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆ ไม่ๆๆๆกูจะอดอาหารรอแม่งเลย

   เฮ้อ เพ้อเจ้อ

   เจอคำพูดแบบนี้เข้าไป ไข้ลดเลยแฮะ สงสัยบ่ายนี้ผมต้องไปเรียนแล้วละมั้ง  กำลังใจมาแล้วนี่ เดี๋ยวเจอมันจะถามที่มันพูดให้มันพูดต่อหน้าดีกว่า มันจะทำหน้ายังไงนะ   

   ผมลุกจากโซฟาถอดเสื้อผ้าออก ไหนๆก็ตื่นซะขนาดนี้แล้ว ทั้งตัวเลยด้วย หึหึ

   เปลี่ยนชุดไปเรียนดีกว่า

   เป็นอันว่า ผมลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนจริงๆ แล้วไปหาข้าวกินที่โรงเรียนดีกว่า กินพร้อมพวกมัน ไม่อย่างนั้นเกิดมันบ้ามาหาผมจริงๆจะเหนื่อยต้องรับมัน เอ้ย  ไม่ใช่ หมายถึงต้อนรับ ไอ้ต้องคนเดียวน่ะไม่เท่าไร เกิดมายกฝูง ผมจะเหนื่อยกับพวกมัน (จริงๆนะ) ยิ่งไม่สบายด้วย

   ผมโทรไปรายงานแม่

   “แม่ เก้าไปเรียนนะ”

   ผมค่อยๆพูด พยายามทำน้ำเสียงปกติที่สุด

   “ไหวแล้วเหรอ”
   
   เสียงแม่ดูสงสัยผม

   “ก็นอนอยู่บ้านเบื่อๆ กินยาไปแล้วละ”

   ไหวไม่ไหว ผมก็เปลี่ยนชุดไปแล้วละ

   “แม่อะ เมื่อวานโอเคยังอะ เก้าได้ยินเสียงประตูอะ”

   ผมเปลี่ยนเรื่อง แล้วก็พยายามทำตัวอ้อนๆ จะได้ไม่ดูเป็นการซักไซร้ไล่เรียงแม่

   “ก็เหมือนทุกทีแหละลูก”

   แม่ผมทำเสียงเหนื่อยๆ

   “ดีขึ้นแล้วนะแม่ หมายถึงแม่อะ”

   “อืมๆ เก้าไม่สบายยังจะไปเรียนอีกนะ”

   “ไม่เป็นไรหรอก ก็อยู่บ้านมันเบื่อนี่แม่”

   “แล้วขากลับจะซื้อหนมมาฝากนะ”

   ผมพยายามอ้อนอยู่

   “เฮ้อ ตามใจ ดื้อนัก อยากนอนก็นอน อยากจะไปก็ไป” แม่เสียงแข็ง

   สงสัยอ้อนด้วยขนมจะไม่ได้ผล

   “น่าๆๆๆๆนะๆๆๆๆ เย็นนี้จะรีบกลับมา วันนี้ไม่มีทำงานกลุ่มแล้ว”

   รู้สึกผิดเหมือนกันแฮะ

   ผมทำให้แม่ต้องเป็นห่วง

   แต่ก็อยากไปอะ....​อยากเห็นหน้าไอ้ต้องตอนพูดจริงๆ

   มันจะทำหน้ายังไงนะ

   “นั่งแท๊กซี่ไปนะ อย่านั่งรถเมล์เดี๋ยวจะโดนแดด”

   “ครับบบบ เดี๋ยวซื้อหนมมาฝากนะ แม่กลับบ้านเร็วๆนะ”

   “ไปดีๆ ไอ้ตัวแสบ”

   “ครับบบบ”
   
   “แม่อยากกินไรป่าว เก้าแวะซื้อให้มะ”

   “กลับมาให้ได้ก็พอ”

   แม่เสียงแข็ง

   “คร้าบบบ”

   เอาละ ตอนนี้เก้าโมงครึ่งยังมีเวลา ไปถึงรร.ก็น่าจะพอดีไม่เกิน-เกือบสิบเอ็ดโมง พักอาหารกลางวันตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง น่าจะตามไปสมทบทัน ถ้าถึงก่อนไว้แอบไปดักรอแกล้งพวกมันดีกว่า

   วันนี้ฟ้าไม่ครึ้ม เมฆไม่ตั้งเค้า น่าจะสบายๆ ฝนคงไม่ตกอีก ผมก็ไม่ต้องตากฝนกลับบ้าน ยาก็กินไว้แล้ว ผมเดินหลบๆแดดหน่อย สักแป๊บเดี๋ยวก็มาถึงหน้าปากซอยบ้าน

   ยืนโบกมือไม่นานแท๊กซี่ก็มา

   จากนั้นไม่ถึง 20 นาที ก็ถึงหน้าโรงเรียน ผมลงตรงนั้นแหละ

   ก่อนเข้าประตูโรงเรียนแอบแวะไปดูซีดีเพลงที่แผงแถวหน้าโรงเรียนหน่อยว่ามีอะไรออกใหม่มั่ง ร้านการ์ตูนด้วย

   โชคดีวันนี้มีออกมาเล่มนึง ผมกำลังรออ่านเลย ซื้อใส่กระเป๋านักเรียนดีกว่า

   เนื่องจากบ่ายไม่มีเรียน ในกระเป๋านักเรียนจึงมีเพียงการ์ตูนเล่มเดียว กับโทรศัพท์

   อ้อยอิ่งจนตอนนี้เกือบสิบเอ็ดโมง เดินไปสักสิบนาทีน่าจะพอดีทันก่อนเลิกคาบสุดท้ายของครึ่งเช้า

   พอขึ้นมาถึงที่ชั้นสี่ ห้องเรียนผมอยู่ลึกเข้าไปสี่ห้อง จะเดินเข้าไปก็ไม่นาน แต่ไม่ดีกว่า ถ้าเดินไปตอนนี้ทุกคนคงหันมามองผมเป็นทางเดียวกันแน่ๆ เล่นมาซะสายขนาดนี้ เดี๋ยวครูก็จะว่าเอาอีกหาว่าโดดเรียน

   ยืนรอไม่นาน เสียงออดดังขึ้น เด็กเริ่มทยอยออกจากห้องเรียน มันต้องขึ้นไปโรงอาหารทางนี้แน่ๆ ตั้งแต่รู้จักมาพวกมันขึ้นบันไดใหญ่ตลอด เส้นทางหากิน

   ผมหลบอยู่หลังกำแพงห้องน้ำ ก่อนที่จะเป็นทางหักไปเป็นบันไดใหญ่ ถ้าผมหลบอยู่ตรงนี้พวกมันคงเดินผ่านไปไม่มอง เพราะกำแพงห้องน้ำจะมีบอร์ดโรงเรียนประชาสัมพันธ์อะไรจิปาถะไร้สาระ พวกมันไม่เคยคิดจะหยุดอ่านหรอกครับ

   ผู้คนทยอยเดินผ่านไป ไม่นานผมได้ยินเสียงไอ้เจก่อนเลย

   “เย้ บ่ายนี้ไม่ต้องเรียน”

   “ก็มีซ้อมงานวันแม่ละวะ ไม่ใช่ได้นอนนะเว้ย” แมคพูด

   “โห มึง อย่าขัดกูดิ” ไอ้เจ ทำเสียงงอแง

   “เออ วันนี้เก้าไปไหนวะ” แมคถาม

   “กูโทรไปหามันแล้ว มันบอกไม่สบายน่ะ สงสัยนอนถูเจี๊ยวอยู่บ้าน หักโหมไปหน่อย แม่งหน้าตางี้ไม่น่าเชื่อว่าแม่งจะเซ็กจัด”

   “หน้าตาหวานๆงี้ ถ้าจับมันแก้ผ้า คงไม่ต่างกับผู้หญิง คิดแล้วของกูขึ้นเลยวะ” เจยังพูดต่อ

   ปากเหรอนั่น ผมคิด ไอ้ห่านี่ชักเยอะแล้ว

   “หักโหมไรวะ” แมคถาม

   มึงไม่ต้องไปฟังมันก็ได้นะ แมค

   “ก็เมื่อวานกูโทรไป เสียงมันเหนื่อยๆ สงสัยมัน ชักว่า... ในห้องน้ำนานไป”

   “ห่า มึงนี่ทะลึ่งตลอด ไปว่ามันทำไมวะ” แมคว่ามัน

   พวกมันยังไม่รู้ตัวว่าเดินผ่านหน้าผมไป

   มองจากด้านหลังผมไม่เห็นหน้าต้อง ไม่รู้ว่ามันจะทำหน้าอย่างไรอยู่ หลังจากฟังหมาของไอ้เจไป

   “เออ ต้องมึงจะทำไรวะวันงานน่ะ” เจ หันไปถามต้อง

   “งานวิทย์หรือวันแม่”

   “วิทย์สิวะ วันแม่ก็ต้องอยู่กับแม่ดิ” เจว่า

   “ก็ไม่รุ้ เห็นว่าต่อจะมาหานะ”

   “น้องมีงนี่ติดมึงดีนะ” เจ พูดอีก

   อ้อ ต่อ นี่คือน้องชายต้องเหรอ

   “แล้วมึงละเจ” คราวนี้แมคถามมั่ง

   “นัด ญ มาเอาอีกดิมึง”

   “คราวนี้ใครวะ” ไอ้ต้องหันไปถาม

   “ไม่บอก หึหึ”

   “ทำหน้าดีใจนะมึง ไปม่อใครไว้อีกละ” แมคว่า

   “มึงอะ ต้อง ทำเป็นพูดดี ได้ข่าวปีก่อนไอ้ต่อเอา ญ มาถวาย มึงเอาเสร็จก็ทิ้งเลยนี่” เจ หันไปทางต้องมั่ง

   อะไรนะ!!!

   “เสือกไรละ”

   “ก็มึงมันฮอตนี่นะ สาวๆใครอยากรู้จักมึงก็เข้าทางน้องมึงทั้งนั้น ใครๆก็รู้ว่ามึงยอมน้องมึงยังกะอะไรดี น้องมึงก็ออกจะดีนะ อยากให้พี่มีแฟนเป็นผู้หญิง ยัดเยียดให้เอาทุกปี”

   “ตกลงมึงได้ยังอะ คนล่าสุดน่ะ” ไอ้เจถามซ้ำอีก

   รู้สึกเหมือนไข้จะกลับมาแล้วแฮะ เรื่องที่เจว่าผมก็เรื่องหนึ่ง แต่มาฟังเรื่องของต้อง มันรู้สึกใจแป้วยังไงไม่รู้ เหมือนหน้าเหลือนิดเดียว ยิ่งคิดว่า ผมชอบมัน แล้วมันอาจจะมีใจให้ผม โทรศัพท์มันเมื่อเช้า เล่นเอาฝันไปไกล แต่นี่คือความจริง

   ไอ้ต้องแม่งเป็นผู้ชาย เอาผู้หญิงแล้วทิ้งบ่อยๆด้วย

   ดีแล้วที่ผมรู้ก่อน จะได้ไม่ทำลายความเป็นเพื่อน

 :bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2015 11:37:02 โดย Monet »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 1 [pg3] 20/9/2015
«ตอบ #69 เมื่อ21-09-2015 07:41:15 »

น้องเก้าาาาา


เอาใบบัวบกไปกินไหมคะ ยังดีที่ไม่ถลำลึกมาก

โอ๋ๆ /กอดปลอด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 1 [pg3] 20/9/2015
« ตอบ #69 เมื่อ: 21-09-2015 07:41:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 1 [pg3] 20/9/2015
«ตอบ #70 เมื่อ21-09-2015 10:14:50 »

โธ่ ไงเนี่ย ต้องพระเอกจริงใช่ไหมเนี่ย
น่าสงสารเก้า

ออฟไลน์ diction

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 1 [pg3] 20/9/2015
«ตอบ #71 เมื่อ22-09-2015 14:46:29 »

ต้องมันยังไม่ได้บอกว่าฟันละทิ้งเปนว่าเล่นเลยยยย
คิดไปไหนละจ๊ะน้องเก้า! สู้ต่อปายยยย #ทีมต้อง  :hao3:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 1 [pg3] 20/9/2015
«ตอบ #72 เมื่อ22-09-2015 16:53:03 »

ไม่เป็นไรนะน้องเก้า :กอด1:
คนเราอยู่ใกล้กันก็มีหวั่นไหวกันบ้างแหละเนอะ แต่เป็นเพื่อนกันดีที่สุดแล้วล่ะ :กอด1:
แต่ถ้ามีหวังเป็นอย่างอื่นได้ พี่ก็เชียร์นะ :jul3:

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
«ตอบ #73 เมื่อ22-09-2015 17:57:58 »

10 CM ตอนที่ 10.2 ซ้อมงานวันแม่ 2   

       
        ปั๊ก  เสียงไอ้ต้องตบหัว กับไอ้แมคเตะตูดมัน

   “มึงพูดเองเออเองอยู่คนเดียวเลยนะ” แมคผลักเจออกเดินนำไป

   ตอนนี้ผมต้องเดินตามมันแล้ว พวกมันชักเดินไปไกล

   “เออ โทรหาเก้าดีกว่า มันไม่สบายต้องห้ามมันชักว่า.....”  เจ คว้าโทรศัพท์ขึ้นมา

   ไอ้ต้องทำท่าเหมือนจะห้ามไว้

   “ไม่ต้องโทรหรอกกูไม่ชักว่า.. ที่รร.”

   “เฮ้ย ชิบหายแล้ว” แมคตกใจ

   “กูเดินตามพวกมึงมาสักพักแล้วน่ะ” ผมตอบแกนๆ

   “มึง.....นี่แอบฟังได้นะ” เจ เดินมากอดคอผม แต่มันก้มหน้า

   “มึงก็ได้ยินหมดเลยดิ” แมคหันมาทางผมบ้าง

   “แน่นอน งั้นจะเรียกดักฟังเหรอ”

   ผมผลักแขนไอ้เจออก

   เสียงผมน่าจะตึงสุดๆ

   “รีบไปกินเหอะ เดี๋ยวบ่ายมีเข้าห้องประชุม” ผมเดินนำไป

   พวกผมเลยเดินเรียงหน้ากระดานขึ้นบันไดกันไป

   “เฮ้ย เก้าเป็นไงวะหายดีแล้วเหรอ” 

   “ดีพอๆกับที่กูได้ยินอไรเหี้ยๆจากมึงน่ะ” ผมหันไปมองหน้าเจ

   ไอ้เจ ยืนจ๋อยอยู่ห่างไปสองขั้น ปล่อยให้ผมเดินนำขึ้นไป

   “มึงไหวเหรอ” ต้องสะกิดบ่าผม มึงยืนอยู่ต่ำกว่าสองขั้นนะ

   “อือ ไม่เป็นไรแล้วละ”

   รู้สึก ตัวชาๆมากกว่า ยาน่าจะหมดฤทธิ์แล้ว เหมือนรู้สึกตัวลอยๆ

   “ปากมึงนะ เจ ดูหน้าเก้ามัน” แมคตบกบาลเจอีกรอบ

   “ก็กูพูดเล่นเฉยๆ”

   “นะๆๆๆๆ อย่างอนนะเก้า เดี๋ยวกูยอมทุกอย่างเลย”

   “ไปไกลตีนกูไป” ผมมองมันด้วยหายตา

   “เก้ามึงไหวป่าววะ ดูเหนื่อยๆนะ” แมคเดินมาตบไหล่ผม

   “ไหวดิ” จริงๆ

   “เออ งั้นเย็นนี้กูไปส่งบ้านดีมั้ย เดี๋ยวอาบน้ำถูหลังให้เองเป็นการไถ่โทษ”

   ไอ้ต้องผลักไอ้เจออกไป

   “กลับเองได้ กูนอนอยู่บ้านเบื่อๆ กูเลยมานี่ไง หึ เลยได้ยินเรื่องดีๆเลย”

   “อีกอย่างมึงสองตัวเอาเวลาไปม่อหญิงดีกว่ามาแกล้งกูนะ”

   ไอ้เจ หุบยิ้ม
   
   โรงอาหารวันนี้คนแน่นผิดตา เพราะว่าบ่ายมีซ้อมวันแม่ ครูเลยปล่อยนักเรียนบางห้อง บางชั้นที่เกี่ยวข้องกับงานออกมาเตรียมตัวรอก่อน อย่างเช่น เด็กนักเรียนชั้นม.ต้น พวกนักแสดงโชว์ (รร.ชายล้วนมันจะมีอะไรให้ดูได้วะ) หัวหน้านักเรียน ม.6 และอื่นๆ พวกนั้นจึงรีบขึ้นมากินข้าวบางคนก็แอบสมอ้างมาด้วย ดูหน้าตาก็รู้แล้วว่าไม่ได้มีกิจกรรม

   “เฮ้ย คนเยอะมากเลยวะ ย้ายที่มั้ย” เจ เสนอ

   “มึงจะไปกินไหนวะ” แมคถามกลับ

   “ไม่รู้ดิ คนเยอะ รำคาญ”

   “เก้า มึงว่าไงอะ” แมคถามผม

   “ยังไงก็ได้” จริงๆผมยังไม่หิวเลย ผมอยากยามากกว่า

   ไอ้ต้องเดินมาเคาะกบาลผมเบาๆทีนึง

   “กินนี่แหละ เดี๋ยวกูไปจัดการหาโต๊ะเอง เก้ามากับกูมา พวกมึงไปเอาข้าวมาไป”

   หือ..

   “รีบไปดิ มึงชอบว่าเก้าลับหลังนี่ ไปไถ่โทษซะ”

   เจกับแมค มองหน้ากันเลิกลัก แต่ไม่มีใครเถียง

   “เออ ได้ ตามนั้น” แมครีบลากแขนเจเดินไปเอาอาหาร

   “เฮ้ย ไม่เอาาาาาา กูจะอยุ่กับเก้า กูจะไปหาโต๊ะให้ กูจา.......ยู่” เจ โวยวาย

   “บทนี้ต้องนี้เป็นหน้าที่ต้องมัน มึงอย่ายุ่ง” แมคยังลากไปไม่มองหน้ามัน

   “ไม่นะๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงเจโหยหวนมากขึ้น

   คนเริ่มหันมามองแล้ว

   ต้องเดินมาข้างหลังผม แล้วเอาตัวดันให้ออกเดินไป

    อะไรแข็งๆทิ่งหลังน่ะ มึงสูงไปแล้วนะต้อง มันไม่ถูกจุด

   ผมจึงต้องหันกลับไปมอง

   หันไปก็เจอแต่หน้าอกมัน ความสูงที่ต่างกันก็ยังมีปัญหาอยู่นั่นเอง

   “ไปเหอะ มึงจะได้รีบนั่ง” ต้องพูด

   “แล้วมึงจะไปหาโต๊ะไหน คนเยอะแยะ สงสัยต้องยืนรอ”

   “ตามมา กูจัดการเอง”

   จัดการ? ยังไงวะ

   พอขยับเข้าโรงอาหารไป มันใช้ความสูงของมันให้เป็นประโยชน์เด็กม.4 บ้าอะไรวะ สูงตั้ง 180 แค่ม.4 เอง เรียนจบไปจะสูงขนาดไหนนะ

   มันยืนสอดส่ายอยู่พักนึง

   “เจอแล้ว” ต้องออกเดินนำไป

   ผมได้แต่เดินตามคนก็เยอะ

   มันเดินลัดเลาะออกไปทางซ้าย โต๊ะที่ว่างเป็นโต๊ะขาวยาว สำหรับนั่งได้สิบคน ตอนนี้ว่างอยู่สามที่
กลุ่มเด็กที่กินข้าวอยู่ข้างๆเป็นเด็กม.ต้น ท่าทางเรียบร้อย โรงเรียนผมไม่ได้แยกที่นั่งกัน ม.ต้น ม.ปลายนั่งด้วยกันได้หมด

   ไปถึงโต๊ะ ต้องดันๆน้องให้กระเถิบไปชิดกันมากขึ้น

   “เก้ามึงนั่งก่อน” ต้องชี้ไปทางที่ว่าง สองที่ติดกัน

   มันนั่งลงข้างๆผม

   “อ้าว แล้วอีกสองคนละ”

   “ช่างมันน่า”

   “เฮ้ย ก็เพื่อนกันนะ ปล่อยให้มันยืนกินเรอะไง” ผมไม่ยอมนะ

   “เมื่อกี้ที่เจทำมึงโอเคแล้วเหรอ”

   ผมยังจ้องตามัน

   “ก็ได้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ไอ้ต้องดูไม่ค่อยพอใจ

   แม่งเสียงดัง

   “เฮ้ย พวกมึงน่ะ กินเสร็จแล้วลุกสิวะ นั่งเปลืองที่ เกรงใจคนอื่นมั่ง”

   ต้องพูดใส่เด็กม.ต้น ที่นั่งอยู่ติดกัน

   เอ่อ.... ต้องมันนักเลงเหมือนกันแฮะ

   ไม่ใช่แค่พวกน้องๆที่ทำหน้าเหวอ ผมก็ด้วย

   ทำเอาผมนึกถึงไอ้อ้วนแว่นนั่นเลย วันนั้นมันจะซวยแค่ไหนนะ

   วันนี้ไม่มีเมฆฝนแดดส่องลงมาเต็มที่ แสงสว่างแสบตาสาดส่องเข้ามาในโรงอาหาร โรงอาหารเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่กินพื้นที่กว้างครึ่งหนึ่งของชั้น 6 ถ้าเอาห้องเรียนมาเรียงต่อๆกันเรียกว่า เท่ากับ สิบสองห้องเรียนเลยทีเดียว หลายครั้งถูกใช้เป็นห้องประชุมย่อมๆของโรงเรียน

   ด้านซ้ายมือเป็นหน้าต่างเรียงราย ขวามือติดกับทางเดินคั่น แล้วมีห้องเรียนอยู่แค่สี่หน้าห้องอีกฝาก ชั้นนี้ไม่น่าขึ้นมาเรียนนัก กลางวันจะเหม็นกลิ่นอาหาร พอบ่ายก็ของว่างอีก เรียกว่าเรียนไปหิวไปเลยทีเดียว แล้วจะมืดๆทึมๆเพราะห้องอาหารปกติไม่เปิดไฟตลอด เวลาไม่มีใครใช้จึงจะเป็นโซนที่มืดๆ

   ตอนนี้เด็กพวกนั้นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้ว เพราะแสงมันส่องผมจึงเห็นหน้าต้องชัดเลย ใบหน้าเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ผมชอบเวลามันทำหน้าเฉยๆนะ แต่ทำหน้าแบบนี้ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ วันนั้นที่มันไปเล่นงานไอ้อ้วนแว่นนั่น ก็คงทำหน้ายังงี้  นึกๆละอยากไปดูแฮะ

   แต่มันไปโกรธไรไอ้อ้วนวะ จะว่าถ้าแก้แค้นที่มายุ่งกับเพื่อนก็ดูจะเกินเลยไปหน่อยรึเปล่า

   “ต้อง วันนั้นที่ไอ้อ้วนนั่นน่ะ มึงทำไรมันวะ”

   “ก็สั่งสอนมันนิดหน่อย”

   ฟังจากที่แมคเล่า แม่งปากแตกเลยนี่

   “แรงไปป่าววะ”

   ต้องยักไหล่

   “มึงโดนทำโทษเลยนะ”

   ต้องยักไหล่อีก

   ที่เหงื่ออกเพราะโดนวิ่งรอบสนามตั้งหลายรอบนะ แถมทัณฑ์บนอีกหนึ่งใบ

   “กูหมั่นไส้มันมานานแล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอก” ตอบหน้าตาเลย

   “ขอบใจนะมึง”

   “ใครบอกว่ากูทำเพื่อมึงละ”

   โอ้ย

   แม่งเอามืดดีดหูผม

   เฮ้อ เอาเหอะ

   ผมเองก็ยังไม่หายดี มึนๆหัวอยู่เลย

   ตอนนี้ที่ไม่ว่างด้านซ้ายหายหมด พวกน้องๆที่ว่านอนสอนง่าย รีบเก็บจานแล้วลุกออกจากโต๊ะไปพร้อมๆกันทั้งกลุ่ม ปล่อยไว้แค่ผมกับต้องสองคน เห็นแล้วก็สงสาร
   
   แต่เวลาความสุขมักจะอยู่ไม่นาน
   
   ไอ้เจกับแมค ยกจานข้าวเดินมาพอดี มันถือกันมาคนละสองจาน

   “ได้ที่ดีนี่หว่า ทำไงวะ” เจถามต้อง

   “ป๊าว น้องมันลุกให้เอง”

   “โม้ดิ มึงไปทำไรมันละ” แมคพูด

   “ป่าวนะ” ต้องตอบ

   “เออออ เดี๋ยวมันไปฟ้องต่อ มึงก็โดนต่อบ่นอีก” เจ บอกไอ้ต้อง
 
   “ต้องมันกลัวต่อยังงั้นเลยเหรอ” ผมหันไปสะกิดไอ้แมค

   “น้องชายสุดที่รักเลยละ แทบจะทูนหัวเดิน” แมคตอบ

   ฟังดูแล้วยังไงๆอยู่นะ

   “นั่งเหอะ” ผมบอกพวกมัน

   เมื่อมันนั่งลงแล้วแจกข้าวให้กันคนละจาน อาหารวันนี้เป็น ผัดกระเพรา

   เหมาะกับคนป่วยฉิบหายเลย

   “เก้ามึงแดกไหวนะ” เจ ถามผม

   “ก็พอได้อยู่”

   “เออ นี่มึงดูแย่ๆกว่าเมื่อกี้ละนะ” แมค หันมามองหน้า

   “ปล่าวหรอก”

   ผมสั่นหัว

   กูดูแย่ยังไงวะ?

   ตอนนี้ท่าทางพวกมันน่าจะหิวกันแล้ว ตั้งหน้าตั้งตากิน

   ผมเองก็ไม่อยากไปพูดอะไรมาก เวลาไม่สบายนี่ เรื่องเล็กๆบางเรื่องมันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ เหมือนสมองเรากำลังทำงานไม่ปรกติ ประมวลผลผิดพลาด น่าจะฮาดดิสก์เสีย แรมผมก็น้อยๆ ยิ่งช้าไปใหญ่ยิ่งคิดมากยิ่งเละ ไม่ๆๆ ผมนั่นแหละมีปัญหาคิดไรวะ

   นี่ไงเริ่มบ้าแล้ว

   “บ่ายนี้ ห้องประชุมใหญ่เหรอ” ผมถาม

   “ใช่ เปิดแอร์สบายๆ” เจ ตอบ

   “ทำไรมั่งวะ” ผมถามอีก

   “ไม่รู้ นั่งดูพวกเด็กนักเรียนมันแสดงมั้ง”

   พวกมันพอกินเสร็จก็นั่งคุยสัพเพเหระกันไป ผมได้นั่งแต่นั่งฟังมึนๆ  อะไรๆก็ไม่เข้าห้ว

   “ไปเหอะ ได้เวลาละ” แมคลุกขึ้นจะไปเก็บจาน

   “อือ..” ผมจะลุกมั่ง

   “มึงนั่งไปนี่แหละ” ต้องเอาจานผมไป

   “ไม่เป็นไร”

   “นั่งไปเหอะ ... “ ต้องเอามือกดไหล่ผมแล้วเดินจากไป

   “งี้ฝากด้วยนะ พ่อรูปหล่อ” เจ ลุกพรวดวื่งเอาจานไปใส่มือต้อง แล้ววิ่งกลับมาที่โต๊ะ

   ต้องทำหน้างง

   เจ ไม่สนใจต้อง กลับมานั่งตรงข้ามผม

   ตอนนี้ห้องอาหารเริ่มโล่งแล้ว มุมที่แดดส่องมาถึงเหลือแค่ด้านซ้ายของห้อง ในห้องอาหารที่มืดมิด ไปครึ่งหนึ่ง มีแค่แสงจากพระอาทิตย์ตอนเที่ยงที่ให้ความร้อนกับห้องนี้ และในแสงสว่างจากหน้าต่างบานหนึ่งนั้น มีผมกับเจนั่งอยู่

   “เดี๋ยวต้องก็โกรธหรอก” ผมบอกมัน ตอนนี้เอามือท้าวคางมองออกไปข้างนอก เริ่มหนาวๆแฮะ

   บ้านข้างๆที่ติดกับโรงเรียน เห็นหลังคาอยู่ลิบๆ สะท้อนแสงแสบตา วันนี้ไม่มีลม อากาศข้างนอกไม่เคลื่อนไหว ดูสงบ สงบกินไปจนฟ้าสีฟ้าอ่อนนี้ชวนให้รู้สึกอึดอัด อยู่ๆรู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

   เวลานี้พ่อแม่ผมจะคืนดีกันยังนะ

   “ช่างหัวมัน กูอยากมานั่งคุยกับมึง”  เสียงเจ ดึงความคิดผมกลับมา

   “อะไรวะ”

   “ก็เรื่องงานวิทย์”

   “ก็ถ้ากูไม่ทำไรก็ว่างไงมึง”

   “มีใครชวนมึงยังละ” เจ จ้องตาผม

   “รร.ชายล้วน ใครจะชวนกูวะ บ้าป่าว ทำยังกับชวนไปเดท”

   “ก็เผื่อมี” เจ ยังไม่จบ

   “ไม่มีอะ”

   “มึงเหอะ มีใช่มะละ ใครวะบอกหน่อยดิ” ผมเหลือบตาไปมองไอ้เจ แต่หน้ายังมองออกไปทางหน้าต่าง

   “อยากรู้นี่”

   ผมอยากรุ้ครับ ถ้าเจไม่ว่างผมจะได้ชวนต้อง

   “กูชวนใครละ” มันตอบคำถามผมด้วยคำถาม

   “กูจะรู้เหรอ มึงมันหน้าม่อจะตาย” ผมตอบมัน

   “เอามาจากไหนวะ” เสียงเจไม่ค่อยพอใจ

   “ก็กูแอบฟังไง”

   “ยังไม่เลิกเรื่องนี้อีกนะ โกรธที่กูว่ามึงชอบ ชักว่า.... เหรอ”

   เฮ้อ

   “คว.. กู อย่าเสือก หรือมึงจะทำให้”

   เจอึ้ง ไม่สิผมนี่แหละ อึ้งพูดห่าอะไรออกไป

   “มึงเหอะ นัดเดทนี่กูได้ยิน คราวนี้เป็นผู้หญิงที่ไหนละ ระวังๆมั่งนะเดี๋ยวติดโรค ชวนไปทั่วสำส่อนนะเนี่ย” ผมถามแล้วจ้องหน้ามันมั่ง

   “แน่ะ ที่นี้มาเสือกเรื่องคว... กู”

   หือ... มันเอาคืน???

   ‘มึงตกลงว่างป่าววะ’ เจ้าของคำถามยังไม่หันมามองผม แล้วผมก็ยังไม่ตอบมัน

   ปล่อยให้คำถามนี้ลอยเคว้างคว้างอยู่กลางอากาศ

   เราสองคนเลยไม่ได้พูดอะไรอีก นั่งนิ่งอยู่กลางแสงแดดอยู่อย่างนั้น

   “ไปได้แล้ว” แมคมาไล่

   สงสัยจริง วันนี้ผมมาโรงเรียนทำไมวะเนี่ย สงสัยสติผมจะไม่สมประกอบจริงๆ เวลาไม่สบายชอบเป็นยังงี้ทุกที ทำอะไรไม่ค่อยคิด คิดอะไรก็ไม่รอบคอบ ชักเสียดายเวลาที่มาแล้วสิ

   ระหว่างทางเดินไปห้องประชุม ก็เงียบกริบกันหมด มันเป็นความผิดของผมเองครับ ไม่น่าไปพูดแรงๆใส่ไอ้เจเลย ส่วนต้อง ท่าทางมันเคืองๆผมจากที่ผมให้มันไปไล่ที่เพื่อไอ้เจมัน

   ยังไม่สนิทกันสินะ ผมถมที่ว่างเร็วเกินไป   

   ในห้องประชุมขนาดเท่าโรงอาหารที่อยุ่ติดกับห้องวิทย์ ที่ชั้นสี่ เปิดแอร์เย็นฉ่ำ เย็นจนหนาว เด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้มีตั้งแต่ ม.ต้น จนถึงป. ปลาย จำนวนนักเรียนมันค่อนข้างเยอะ ดังนั้นมันจึงไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง เด็กนักเรียนทั้งหมดต้องนั่งเบียดกันบนพื้นพรม

   แล้วพรมเนี่ยตัวเก็บฝุ่นอย่างดี

   ทุกคนเดินเรียงแถวเข้าไปไล่ตามชั้น ม. 1 ตามด้วย 2 แล้วก็ 3 อยู่ฝั่งซ้าย ด้านฝั่งชวา ก็ ม. 4 5 6 เรียงแบบนี้เช่นกัน ผมอยู่ห้องเด็กเรียนดี ซึ่งมาเป็นห้องแรกเลย ดังนั้นเรียงง่ายๆว่าผมอยุ่เกือบจะหน้าเวที

   เซ็งละดิ จะหลับยังไงเนี่ย

   อาจจะเป็นโชคดี ที่ว่างด้านหน้าอยุ่เว้นไปกว้างอยู่ แล้วครูก็มาไล่ให้ถอยลงไป ไม่รุ้ว่าทำไม พวกผมเลยโดนจัดใหม่กลายเป็นอยู่หลังสุดไปซะงั้น

   ทุกคนเดินเข้ามาตามที่เข้าแถวครบแล้วก็นั่งลง ผม แล้วก็ต้อง นั่งติดกันตามเลขที่ จริงๆผมอยากนั่งติดกับไอ้สองตัวนี้มากกว่า ไอ้เจกับแมคดันไปปนกับซอมบี้ที่ไหนไม่รุ้

   งานเริ่มขึ้น ครูเดินมาประกาศกำหนดการบนเวที ฟังๆ ดูแล้ว ผมได้นอนยาวแน่ๆ

   มีครูคนนึงเล่นเป็นประธาน พอเดินเข้ามาทุกคนยืน แล้วพอกำลังจะเริ่มถึงจะได้นั่ง พิธีเริ่มยาวเหยียดตั้งแต่ คำนำ หลักการเหตุผล ไปจนกระทั่ง ร้องเพลง แล้วอ่านอาขยานอะไรไม่รู้

   การแสดงกำลังเริ่มขึ้น หายใจก็ไม่ออก ฝุ่นแม่งไม่รู้จักดูดก่อน แถมยังแอร์เย็นอีก พอเจอเพลงวันแม่เปิดวนๆเข้าไป มันไปซาบซึ้งอะไรหรอกครับ มันน่านอนมากกว่า ไม่เชื่อลองมาฟังเพลงเดิมวนไปมาดูสิ

   นั่นไงรอบใหม่กำลังมาแล้วรอบที่ 20 ได้

   ผมแอบมองไปทางไอ้เจ จริงๆแล้วถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพวกมันแล้วละก็ ผมอาจจะไม่ได้มีชีวิตม.ปลายดีๆ อย่างนี้ก็ได้ ทุกวันนี้ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่มีพวกมันละก็ มันก็คงเป็นเปิดเทอมจืดชืดอย่างทุกที

   ผมจะนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่ว่าจะมุมห้องหน้าห้องหลังห้องสุดแท้แต่ว่าตรงไหนว่างหรือตรงไหนที่เพื่อนอนุญาตให้นั่ง เพื่อนร่วมห้องที่เพียงแค่คนเดินผ่านไปมา ไม่สนใจผม เวลาทำกิจกรรม หรืองานกลุ่มผมก็จะทำคนเดียวไม่ใครอยากได้ตุ๊ดออย่างผมร่วมด้วย

   ตกลงพวกมันล้อจนผมจะเป็นจริงๆแล้วนะ

   ชีวิตตอนนี้ก็คงดีกว่าที่คาดหวังเอาไว้แล้ว จะเอาอะไรอีก เก้า

   ตอนนี้นางรำชั้นม.ต้นกำลังเดินขึ้นเวที ดูไปสักพัก ภาพนางรำเริ่มใช้คาถาแยกร่าง จากหนึ่งเป็นสอง จะสองเป็นสี่ แถมท่ารำก็ดูแปลกๆ

   ดนตรีไทยเริ่มดังขึ้น ฟังแล้วนอนคงไม่ฝันร้ายนะ

   รู้สึกตัวอีกที หัวเริ่มเอนไปทางใครซักคนนึง สงสัยมันจะรำคาญ มันเลยผลักผมไปทางขวา

   เออ กำลังพอดีที่วางหัวเลย

   แม่งหายใจไม่ออก น้ำมูกจะไหล เอาถูหมอนหน่อยดีกว่า

   เหม็นกลิ่นพรมชิบหาย แถมกลิ่นถุงเท้าลอยมาอีก ใครมันเสือกไปเตะบอลตอนเที่ยงวะ

   หมอนแม่งแบนวะวันนี้ แข็งด้วย

   นอนไปนานๆ ก็ชักรู้สึกหนาวแฮะ ถ้ามีอะไรอุ่นๆมากอดก็ดี

   สักพักหนึ่ง พอผมกำลังจะเริ่มหลับลึก ก็รู้สึกเหมือนแผ่นดินไหว

   “หือ มีไร” ผมหันไป

   ภาพแรกที่เห็นคือ หน้าของต้อง ปากเกือบจะอยู่ตรงหน้าผากผม

   นี่ผมนอนซบมันอยู่เหรอเนี่ย

   “ขอโทษ” แย่ละซิกู

   “ไหวป่าว” เสียงต้องถามอย่างแผ่วเบา

   “อือ โทดที”

   “งั้น จะนอนก็ได้นะ แต่อย่ากอดกูแน่น แล้วก็.... อย่าเอาแขนเสื้อกูไปเช็ดขี้มูกด้วย”

   ไอ้ต้อง มึงตั้งใจพูดดังๆแกล้งกูใช่มั้ยเนี่ย

   ไอ้แมคนั่งยิ้มใหญ่เลย นี่กลายเป็นตัวตลกไปแล้วเหรอเนี่ย ขอคิดเป็นรอบที่สอง กูมาที่โรงเรียนทำห่าอะไรวะเนี่ยยยยยย

   พอจะหันไปว่าไอ้แมคแก้เขิน ก็นึกได้ว่า เดี๋ยวจะโดนครูเล่นเอา เลยหันไปเห็นไอ้เจที่นั่งท้าวค้างดูการแสดงอยู่ มันหันมามองด้วยหางตาแต่ไม่แสดงความรุ้สึกอะไร

   ผมสังเกตุเลยมันไปอีกด้าน มีเด็กอีกคนหน้าตาขาวๆ กำลังมองมาทางผมอยู่

   เด็กม.ต้น

   คงไม่ใช่แค่มันหรอก ผมเล่นนอนเกาะแขนไอ้ต้องเป็นหมีโคอาล่าขนาดนี้ ไม่โดนครูด่าออกไมค์ก็บุญแค่ไหนแล้ว แต่ทำไมสายตาไอ้รุ่นน้องคนนั้นมันถึงดูไม่พอใจขนาดนี้วะ
   
   ต้องมันจะโดนคนอื่นเอาไปนินทาทีหลังมั้ย

   จู่ๆ เสียงเพลงเงียบหายไป

   มองไปทางนั้นอีกที เด็กคนนั้นก็ยังจ้องมาทางผมอยู่เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆเอามือสะกิดให้หันกลับไปมองที่ทางเวที ทำไมเพื่อนคนนั้นมันใส่แว่นหนาได้ขนาดนั้น ไม่หนักเหรอ

   ประธานตัวปลอมลุกขึ้น เป็นอันว่างานคงกำลังจะจบแล้ว

   “งานวันจริง ที่นั่งด้านหน้าจะเว้นไว้สำหรับผู้ปกครองของนักเรียนม.4 วันจริงจะมีพิธีมอบเข็มรร.ให้ ซึ่งก็ไม่มีไรมาก แจกไปตามผู้ปกครองก่อนเข้างานแล้ว ให้ลูกๆเดินออกไปเป็นแถว ตามเลขที่ไปหาแม่ของตัวเองซะ”

   “ดังนั้นช่วงนั้นจะค่อยข้างชุลมุนแถวที่นั่งด้านหน้าที่เว้นไว้ให้ผู้ปกครองครูอยากให้อยู่ในความสงบที่สุด อย่าเสียงดัง เด็กที่ไม่เกี่ยวข้องก็ช่วยเงียบเสียงลง”

   เสียงหัวหน้าครูเงียบไป

   “ไม่งั้นรู้นะ ว่าถ้าทำเสียชื่อ จบงานจะเจอกับอะไร”

   ไม่อยากคิดเลยครับ จำได้ว่า งานแบบนี้เคยพลาด เด็กนั่งคุยนั่งเล่นกันเพลิน ครูพูดออกไมค์ส่งสัญญาณก็แล้ว ไม่มีใครสนใจ

   ผลที่ได้น่าชมมากครับ เด็กนักเรียนทั้งรร. วิ่งขึ้นชั้น 6 ไปแบกโต๊ะจากโรงอาหารแล้ววิ่งรอบสนามฟุตบอลสองรอบ แล้วเอากลับขึ้นไปวางที่เดิม

   คงไม่ต้องบอกนะครับว่าสภาพมันน่ากลัวแค่ไหน

   ผมจำเสียงนี้ได้ ครูคนนี้ชื่อ สมชาย (ชื่อโบราณมาก) แล้วแกก็พูดจริงทำจริงด้วย

   เย็นนี้ผมต้องกลับไปบอกให้แม่มาสินะ

   จบการซ้อมก็เลิกเรียนเลย จนป่านนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่า ผมมาโรงเรียนทำไม (ครั้งที่ 3)

   ผมชักรุ้สึกหนาวสั่นขึ้นมาอีกแล้ว แอร์เย็นๆกับฝุ่นสินะ

   พอนึกถึง คำพูดต้องเมื่อเช้าแล้ว มันทำให้ผมมีแรงอยากจะมา ถ้ารุ้ว่ามาแล้วจะเป็นอย่างนี้ สู้นอนเบื่ออยู่บ้านดีกว่า

   หลังเลิกเรียน

   “กลับกันเหอะ” แมคชวน

   ก่อนออกจากโรงเรียน เห็นกลุ่มเด็กยืนรออยู่ที่หน้าประตู เด็กคนนั้นที่มองผมในห้องประชุม

   “พี่ต้องวันนี้กลับกับเพื่อนอีกแล้วเหรอ” เด็กหน้าตาขาวๆ ผมสีดำ ตัวสูงเท่าผมทักขึ้น

   “วันนี้จะไปกับเพื่อนน่ะ”

   “คนนี้ใครอะ ต่อไม่เคยเห็น”

   “เก้า นี่ต่อ”

   ต้องแนะนนำน้องให้รู้จัก ดูดีๆแล้ว มีส่วนคล้ายต้องอยู่มาก แค่ตาโดกว่า กับปากสีแดงสด กินไรมาวะแดงได้ขนาดนี้ ท่าทางดูกวนๆ ถึงไอ้ต้องจะดูเก๊กๆ แต่น้องมันที่ย่อขนาดลงมาหน่อย กลับดูกวนตีนแล้วก็นักเลงเล็กๆแฮะ

   “งั้นต่อไปกับเพื่อนๆนะ”

   กลุ่มเพื่อนต่อแต่ละคนก็ท่าทางจะใช้ได้เลย ดูไม่ใช่เด็กเรียนแน่ๆ ในนั้นมีเด็กใส่แว่นหนาๆคนนั้นอยู่ด้วย หน้าตายังกับตุ๊กตา หน้าขาวอมชมพู ผมตรงดำเส้นเล็ก

   ในมือถือกระเป๋านักเรียน 2 ใบ

   เบ๊ประจำกลุ่มสินะ

   ตอนผมม.ต้นช่วงยังเกเรก็จะมีเบ๊ที่เป็นที่รองรับอารมณ์เหมือนกัน

   “เออ ไปดีๆละ เก้ามึงกลับดีๆนะ สภาพงี้เดี๋ยวโดนใครฉุดเอา” เจพูดจบโบกแท๊กซี่แล้วหายลับไป
มันพูดจริงเหรอวะ คำพูดกับหน้าตานี่ มันยิ่งกว่าโกรธกูอีกนะ

   แล้วมันโกรธอะไรกูวะ งงไปหมดแล้ว แล้วผมอารมณ์เสียอะไร เพราะมาได้ยินเรื่องต้องชอบผู้หญิงเหรอ กูถูกแล้วนี่ จะให้มันชอบผู้ชายเรอะ

   แท๊กซี่อีกคันเลยเหลือผมต้องแล้วก็แมค

   ไอ้แมคนั่งอ่านการ์ตูนอยู่บนรถ พอถึงหน้าบ้านมัน มันทำเหมือนทุกที โยนเงินให้แล้วก็ลงไป มันกำลังเพลิดเพลินกับการ์ตุนอยู่ไม่ได้สนใจพวกผมเลย

   ตอนแรกผมก็ว่าจะลงด้วย แต่นั่งยาวถึงบ้านเลยดีกว่า

   “ต้อง มึงไม่ลงละ” ผมหันไปถามมัน

   “เดี๋ยวกูไปส่งมึงที่บ้าน”

   “มันอ้อมนะ”

   “เออน่า” เสียงมันหงุดหงิด

   ผมพลาดอะไรไปวะ แม่งทุกคนโกรธผมตั้งแต่ขึ้นไปโรงอาหาร อากาศมันก็ร้อนๆหนาวๆ ในห้องประชุมก็ฝุ่นน่าจะเยอะ ผมเริ่มมีอาการแพ้แล้ว ฝุ่นที่พรมเนี่ยตัวดี ท่าทางจะเริ่มเวียนหัวเบลอๆขึ้นเรื่อยๆแล้ว อยากกลับบ้านไปรีบอาบน้ำนอนแล้ว   

   “ตามใจ” ผมยอมมัน

   ไปอีกไม่ไกลก็ถึงหน้าบ้านผม

   “แปลกๆนะมึง เกิดไรจะมาส่งกูวะ”

   “ทำไมเหรอ มึงไม่ชอบรึไง”

   “พี่ครับ งั้นไปที่ซอยตรงนั้นเลย เข้าไปเกือบสุด”

   ผมบอกแท๊กซี่

   “ปล่าว คือ กูแค่สงสัยเลยถามน่ะ” ผมหันหน้ามา

   “อะไรของมึงวะ”

   อะไรบางอย่างมันกำลังทำให้ผมนึกถึงเรื่องตอนม.ต้น เรื่องที่ผมไม่อยากจะนึก

   ต้องทำหน้าเหมือนไม่อยากจะพูด

   แล้วมันก็พูดขึ้นมา

   “มึง อยากไปดูวงที่จะแสดงงานวิทย์มั้ยวะ”

   “หือ วงไรอะ”

   “ไม่รุ้ พวกเด็กๆเล่นสดน่ะ”

   “หือออ เอาดิ โรงเรียนเรามีด้วยเหรอวะ”

   เอะ..... ผมติดนัดไอ้เจนี่นา

   “งั้นวันนั้นเจอกัน”  ต้องตัดบท

   ผมยังไม่ตกปากเลย มันถือว่าผมตกลงไปตอนไหน

   ผมยิ้มตอบ ในใจก็ได้แต่คิด ทำไงดีละเนี่ย มันตั้งใจชวนผมจริงรึเปล่าวะ หน้ามันไม่ยิ้ม แต่ก็ดูไม่โกรธผม แล้วสาวๆมันละ


   “น้องมึงอยู่ม.ไรวะ”

   “2”

   “แม่งสูงเท่ากูเลย”

   “มึงตัวเตี้ยนี่ ไอ้เปี๊ยก”

   ชิ ดูแล้วสงสัยที่เจพูดจะมีเค้าแฮะ ท่าทางต่อก็ไม่เบา มันคงจะทำอย่างที่เจพูดจริงๆนั่นแหละ เดี๋ยวงานวิทย์ปีนี้ก็จะมีใครมาให้ไอ้ต้องมันได้เอาอีกสินะ

   “น้องมึงท่าทางดุนะ”

   “หัวโจกเลย”

   “ไม่เห็นเหมือนพี่เลย ออกจะขี้เก๊ก”

   “ต่อมันเป็นลูกคนละแม่น่ะ มันติดกูมากๆตั้งแต่พ่อกูตายไป กลายเป็นว่ามันเหมือนเป็นลูกชายกูซะมากกว่า” มันเอามือเคาะหัวผม แทนที่ผมว่ามันเมื่อกี้

   “งั้น มึงกลับดีๆอะ”

   ตอนนี้รถมาจอดหน้าบ้านผมแล้ว

   ผมยื่นเงินส่วนของผมให้แล้วจะลง

   “มึงรีบกินยานอนละ”

   “อือ บาย” ผมปิดประตูรถ

   ต้องตบหลังผมสองที

   ??? แปลว่าอะไรวะ

   ตอนที่ไขประตูบ้านผมหันหลังมา เห็นต้องยังคงมองมาทางผม

   จากนั้น มันชี้ไปที่โทรศัพท์ทีหนึ่ง แล้วรถก็ออกไปพอดี

   อะไรของพวกมันวะ .....



   โทรศัพท์สั่น

   ข้อความสว่างวาบขึ้นบนหน้าจอ

   
   “ตอนนอนซบกู รู้สึกดีมั้ย ท่าทางมึงมีความสุขนะ เห็นมึงบ่นหนาวๆ กูเลยปล่อยให้มึงนอนซบกูอย่างนั้นแหละ เกาะแขนกูอีกต่างหาก คราวหลังพกผ้าเช็ดหน้านะ อย่าเอาแขนกูไปป้ายน้ำมูก”



   สัสสสสสสสสสสสสสสเอ้ย

   พลาดอีกแล้ว

   จบวันนี้ ผมควรจะยิ้มดีไหมเนี่ย ไอ้บ้าต้องเอ๊ย เรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้ เอาไงดีละ จะปล่อยความรู้สึกนี้ไปเลยดีมั้ยนะ ถ้ามันจะแกล้งอ่อยกูซะขนาดนี้ไอ้บ้า เกิด.... กูคิดจริงๆมึงจะทำยังไงละ

   ไอ้ต้องเอ้ย
   
   แล้วกูจะไปดีใจทำไมเนี่ย แค่เพื่อนชวนๆ คิดไว้ มึงก็ไม่ได้เป็นเกย์เก้า

        ต้องมันก็ไม่ได้เป็น

 :bye2:


ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 1 [pg3] 20/9/2015
«ตอบ #74 เมื่อ22-09-2015 18:14:49 »

อ๊ะ โชคดีจัง วันนี้ได้อ่านสองตอนเลย :impress2:

ออฟไลน์ diction

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
«ตอบ #75 เมื่อ24-09-2015 12:01:56 »

ไปกะต้องสิลูก!! o13

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
«ตอบ #76 เมื่อ24-09-2015 13:47:08 »

 :ling2:


แอบสนใจน้องต่อกะเบ๊ประจำกลุ่มอ่ะค่ะ แฮ่

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
«ตอบ #77 เมื่อ24-09-2015 14:50:20 »

ต้องขี้อ่อยอะ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
«ตอบ #78 เมื่อ24-09-2015 17:16:09 »

แฮ่ มาถึงตอนที่ 11 แล้วเป็นอย่างไรกันบ้างครับ ช่วยกันทิ้งคอมเม้นไว้เยอะนๆนะครับ อยากรู้ว่าคิดยังไงกับแต่ละตัวละครที่ออกมาบ้าง
อ่านแล้ว ได้ภาพน้องเก้า พี่ต้อ เพื่อนเจ ไอ้แมค แบบเดียวกันหรือเปล่า

ไหนๆเรื่องมาถึงนี่แล้วคงบอกได้แล้วละนะ
ภาค 1 มีทั้งหมด 19 ตอน (ไม่นับซอยย่อยเป็น 0.1 0.2 นะครับ)

รู้สึกว่าจะยาวกว่าที่ตั้งใจไว้มากตอนแรกว่าจะให้จบสัก 40 หน้า (ทำได้ก็เก่งแล้ว) ตอนนี้ในคอมอยู่ที่ 200 กว่าเฉพาะภาคแรก

อย่าเพิ่งเบื่อจะอ่านกันนะครับ

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
«ตอบ #79 เมื่อ25-09-2015 09:01:51 »

ไม่เบื่อๆ
เรื่องนี้เดินเรื่องเนิบๆนะ ไม่ค่อยหวือหวา แต่ก็รู้สึกถึงความกดดันเล็กๆได้นะครับ
หวังว่าตอนท้ายๆจะระเบิดออกมานะ ฮ่าๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
« ตอบ #79 เมื่อ: 25-09-2015 09:01:51 »





ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
10 CM. ตอนที่ 12.0 วันแม่ [pg3] 25/9/2015
«ตอบ #80 เมื่อ25-09-2015 20:51:49 »

10 CM : 12.0 วันแม่

   เช้าวันแม่ก็มาถึงในที่สุด สามคาบเช้าไม่มีเรียน นั่นหมายความว่าครึ่งเช้าผมไม่ต้องเรียนจนถึงเที่ยง (เย้) ผมออกจากบ้านเวลาเดิม เดินทางแบบเดิมๆไปถึงที่โรงเรียนแบบเดิม พ่อกับแม่ก็ไปทำงานอย่างทุกที ผมเข้าใจดี สำหรับพวกเค้าแล้วการทำงานหาเงินเลี้ยงลูกนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ผมเข้าใจดี

   ถึงงั้นในใจผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าตอนเช้าแม่ชวนผมขึ้นรถไปส่งที่โรงเรียนแล้วละก็ผมคงจะรู้สึกดีกว่านี้ ดูน่าจะพอมีความหวังอยู่บ้าง คิดมาถึงความหวัง สิ่งที่ตรงข้ามกันก็มาแทงใจให้ผมรู้สึก

   เก้า โตได้แล้วนะ จะไปทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนทำไม  เราต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ ไม่ใช่อะไรๆก็เรียกหาคนอื่น คำสอนนี้พ่อผมสอนมาตั้งแต่เด็ก บทเรียนต่อมาที่ผมได้คือ ตั๋วเครื่องบินหนึ่งใบกับพาสปอร์ตหนึ่งเล่มให้เดินทางไปต่างประเทศเอง โดยที่พ่อไปรออยู่ก่อนแล้ว ตอนนั้นผม ม.1 ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เรื่อง

   ไม่ๆพอๆ วันนี้วันแม่ ไม่ใช่วันพ่อ หลังจากวันซ้อมวันนั้น เป็นอันว่าผมต้องหยุดนอนอยู่บ้านอีกวันเต็มถึงจะหาย สงสัยเพราะฝืนไปเรียนนี่แหละ แอร์ในห้องก็เย็น แถมฝุ่นก็น่าจะเยอะ กลิ่นพรมผสมถุงเท้านี่ทำเอาผมยังไม่ลืมเลย แถมกลับมาแม่ผมก็ด่าผมซะยับเยิน ผมก็ได้แต่ก้มหน้ารับไป เพราะผมผิดจริงๆนั่นแหละ

   พอโดนว่าเข้า ผมจะรู้สีกผิดยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น ถือคติว่าทำอะไรพ่อแม่ต้องไม่เดือดร้อนไปด้วย
ทุกวันนี้เค้าก็มีเรื่องให้เครียดเยอะอยู่แล้ว

   สรุปแล้วมันก็เหมือนทุกปี ... พ่อกับแม่ไม่เคยจะมาร่วมงาน

   ว่าไปแล้วไอ้โรคป่วยบ่อยของผมนี่ก็ท่าทางจะได้รับมาจากแม่นี่แหละ แม่ผมไปค่อยแข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไร ต่างกับผมตรงที่ว่า ผมจะป่วยหนักไปเลย ไม่ค่อยมีป่วยยิบย่อย แต่เพราะแม่เป็นผู้หญิงจึงป่วยเล็กป่วยน้อยตลอดเวลา

   พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วยิ่งรู้สึกผิด

   ‘เก้าพร้อมจะไปโรงเรียนกับแม่รึยัง เดี่ยวสายนะ’

   ประโยคนี้ไม่มีใครเอ่ยขึ้น ผมได้แต่รอ

    วันที่กลับบ้านมาจากวันซ้อม ผมเองก็บอกแม่ไปตามนั้น ว่าโรงเรียนเราจะมีงาน

   เช้าวันรุ่งขึ้นที่โต๊ะอาหาร

   ‘ทำไมจะต้องไป งานโรงเรียนอะไรนี่ช่วยให้เรียนดีขึ้นรึไง’

   ‘ทำตัวให้เป็นผู้ชายหน่อย เพื่อนพ่อที่มีลูกเค้าบอกดูเก้าแล้วเหมือนไม่ใช่ผุ้ชาย ถ้าไม่ใช่ ก็เสียชาติเกิดนะเก้า พ่อจะไม่ลังเลเลยถ้าลูกจะฆ่าตัวตาย หรือให้พ่อเอาลูกไปทิ้งไหนก็ได้ดีกว่า ทนเห็นลูกเป็นแบบนี้ ตายไปซะเลยอาจจะดีกว่าก็ได้’

   ท่าทางวันนี้พ่อผมก็ยังอารมณ์ไม่ดี

   ผมไม่พูดอะไร ได้แต่นิ่งเงียบกินข้าวไป

   บางทีผมก็คิดว่าพ่อพูดถูก ผมควรจะรีบๆตายไปได้แล้วถ้ายังเลือกเพศตัวเองไม่ได้

   รถในซอยโรงเรียนหนาแน่น ทำเอาการจราจรในซอยเล็กๆแคบๆ แถมต้องวิ่งาสวนกันเกือบจะเรียกว่าไม่ขยับ หลายคนใช้วิธีเดินเข้าไปเอา เกือบยี่สิบนาทีได้มั้งเนี่ย บนรถที่แน่นขนัดนั้นหันไปก็เห็นพ่อแม่ลูกนั่งกันเบียดอยู่บนรถ

   ม. 4 โรงเรียนผมคนเยอะยังงี้เลยเหรอ หรือคนที่มีฐานะมันเยอะวะ

   ประตูหน้าโรงเรียนก็พอกันหนาตาไปด้วยแม่กับลูกมาพร้อมเพรียงกัน เทศกาลแม่ลูกผลิบานเต็มโรงเรียนไปหมด ผมชอบอย่างหนึ่ง เวลาผมเห็นคู่แม่ลูกเดินด้วยกันมักจะแอบมองว่าคนนี้หน้าเหมือนแม่แค่ไหน บางคนนี่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลูกใคร บางคนแม่สวย ลูกไม่รู้เอาเชื้อใครมา

   ไม่เอาดีกว่าอย่าไปเสือกยุ่งเรื่องชาวบ้าน

   ผมยัดหูฟังใส่หู

   เอะ..... เดี๋ยวก่อน วันนี้ผมก็จะได้เห็นหน้าแม่ของไอ้เจ กับไอ้ต้องสินะ หึหึหึ ถ้ารู้ชื่อด้วยนะ จะยิ่งมันส์

   ชื่อพ่อชื่อแม่ เป็นอะไรที่ใช้เรียกได้เด็ดขาดยิ่งนัก

   บางครั้งสับสนกระทั่งเรียกชื่อเพื่อนด้วยชื่อพ่อตลอดก็มี ไม่เข้าใจว่าทำไมบางบ้านต้องตั้งชื่อให้คล้ายกันด้วย

   มีเด็กคนหนึ่งชื่อ สมคิด ครูเรียกผิดเป็น สมศักดิ์คนในห้องฮากันกลิ้ง เพราะสมศักดิ์เป็นชื่อพ่อมัน

   หึหึ เดาว่าตอนนี้ไอ้แมค มันคงจะกำลังคิดเหมือนผมแน่ๆ มันต้องแอบซุ่มอยู่ที่ไหนสักแห่งคอยแอบดูแม่คนอื่นจะได้เอามาล้อแหงๆ

   การที่แม่ผมไม่มาก็ดีไปอย่าง

   บรรยากาศวันนี้ไม่เหมือนวันเรียนปกติเลย มันไม่สนุก เช้าๆอย่างนี้คนพลุกพล่านเดินกันไปมาเหมือนหาอะไรไม่เจอ จัดระเบียบอะไรไม่ได้ ดูไม่เป็นหมวดหมู่ อย่างกับภาพวาดที่วาดสั่วๆไป ไม่ติดต่อเป็นเรื่องราว เห็นจะเป็นอย่างนี้อีกทีจะเป็นงานกีฬาสีละมั้ง

   อาทิตย์ถัดไปก็จะที่มีงานวิทย์ใหญ่ นี่ก็คงพอกัน

   ‘หึหึหึ น่าหนุก’ ปีนี้ได้ร่วมทำกิจกรรมด้วย

   อะ... แย่ละ ผมรับปากทั้งต้องและก็เจเลยนี่นา

   ทำไมมันไม่ไปพร้อมกันเลยวะ จะแยกกันนัดทำไม

   หน้าม่ออย่างมันพอถึงเวลามันก็ลืมเองแหละ เผลอๆไอ้ต้องกับไอ้เจจะไล่จับนมหญิงกันน่ะสิไม่ว่า

   ผมสะบัดหัวแรงๆ ทำยังไงข้ออ้างก็ไม่ออกมา จะไปกับใครดีวะเนี่ย

   หรือจะลากมันไปกันหมดเลยสามคนดี ไอ้ต้องก็อีกตัว สาวเยอะอย่างนั้น สงสัยจะเอาผมไปเป็นข้ออ้างกันน้องชายมันอะดิ ทำไมไม่ไปคุยกันตรงๆเลยวะ ไว้หาโอกาสแอบถามต้องดีกว่า ว่ามันคิดยังไงของมัน

   เมื่อพบว่าตัวผมมายืนนิ่งอยู่หน้าห้องแล้วก็คงต้องหยุดความคิดเอาไว้แค่นั้นก่อน ยังไม่มีข้ออ้างดีๆ แล้วผมก็ยังมีเวลา

   “หายหมด”

   “ห่า เด็กติดแม่เอ้ย”

   ผมพูดกับอากาศ
   
   ที่โต๊ะมีแต่กระเป๋า ตัวคนหายหมด ทั้งสามหน่อเลย

   หึหึ ไปอ้อนแม่กันสินะ ไอ้ลูกแหง่ กลับมาจะล้อพวกมัน

   ผมสิไม่มีใครให้อ้อน...

   ผมวางกระเป๋าเสร็จ ปิดโทรศัพท์ เอาวะ อีกเดี๋ยวก็ได้เวลาแล้ว หันไปมองรอบห้องตอนนี้ ซอมบี้ก็ยังเป็นซอมบี้ นั่งอ่านหนังสือกันแต่เช้า จะขยันไปไหน วันนี้เรียนแค่ครึ่งวันแท้ๆ อาทิตย์หน้าก็งานวิทย์แล้ว หรือ ซอมบี้ไม่ต้องมีแม่ มุดมาจากกระบอกไม้ไผ่วะ

   ผมขำอยู่คนเดียว เออ บ้าเข้าไปกู

   เสียงออดดังขึ้น

   ผมเดินไปรอหน้าห้อง เดี๋ยวพวกนั้นก็คงมา

   วันนี้เค้าจะให้แม่ไปรอที่ห้องประชุมก่อน ส่วนพวกผมจะค่อยๆเข้าไปตามลำดับชั้นปีแล้วก็ห้องเรียน ระหว่างนี้จะทำอะไรได้ นอกจากยืนแถวรอเวลาไป

   สงสัยแฮะว่าพวกครูเค้าจัดการแยกแม่ออกจากลูกแล้วจะเรียงกันถูกยังไง คงไม่มีบ้านไหนไม่รุ้มั้งว่าลูกเรียนห้องไร ชั้นไร เอะ...​หรือจะมี คงได้มีสลับตัวแม่กันมั่งละ


   ยืนนิ่งหัวโด่เด่อยู่หน้าห้อง ไอ้ตัวที่นั่งติดกับผมหายไปไหนกันหมด

   “ไง ไปไหนมาวะมึง พาแม่ไปหลบเหรอ” ผมถามไอ้ต้อง

   มันเดินสูงหัวโด่กว่ามา ไม่ต้องพยายามก็เห็น

   มันเคาะหัว

   “ไข้กลับเหรอไง” ต้องพูด

   สักพักไอ้เจมากับไอ้แมค

   “ไปกับแม่มา กูรู้มึงจะพูดอะไร เก้า” ไอ้แมคชี้หน้าผม

   ผมกับต้องหัวเราะก๊ากเลย

   ผมหันไปหาเจ

   หน้าไอ้เจเฉยเมย ไร้ความสุข อะไรวะ งานวันแม่แท้ๆแม่มันมาก็น่าจะดีใจนะ

   “เออ เก้ามึงมาตอนไหนวะ” แมคถาม

   “ก็เมื่อกี้”

   “อ้าว แล้วไปส่งแม่มายัง” แมคถามต่อ

   ผมสั่นหัว

   “ไม่เป็นไรเหรอ” เจ ถาม

   มึงเองก็ทำหน้าเซ็งอยู่ไม่ใช่เหรอ

   ต้องโอบไหล่ผม โอบแนบแน่นจนไอ้เจต้องมาแกะออกก่อนโดนไล่ให้ไปเข้าแถว

   พอถึงตาห้องผมเดินไปที่ห้องประชุม ตอนนี้อากาศในห้องประชุมเย็นเฉียบ เย็นออกนอกประตูมาเลยยิ่งกว่าวันซ้อม บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นแปลกๆ จะบอกว่าดอกมะลิก็ไม่เชิง กลิ่นมันคล้ายๆแต่แรงกว่ามาก กลิ่นธูป เทียน ผสมกับกลิ่นเสื้อผ้านักเรียน ยังเช้าอยู่ ไม่เหม็นเหงื่อ

   ตำแหน่งที่นั่งยังคงเดิม หลังห้อง

   แต่วันนี้ผมคงไม่หลับ

   งานกำลังเริ่ม ทั้งห้องเงียบกริบ ประธานซึ่งเป็นผู้อำนวยการเดินเข้ามาแล้วก็นั่ง หัวหน้านักเรียนกำลังกล่าวสุนทรพจน์  เนื่องในงานวันแม่ ซึ่งเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาผมเป็นแน่นอน

   ตามมาด้วยกลิ่นธูปและเทียนที่จุดไฟไหว้พระ

   มันกำลังมาเป็นคอมโบ

   เปิดงานด้วย นักเรียนหน้าตาเด็กเรียนแบบที่สุดที่จะหาได้ ออกมากล่าว เริ่มด้วยประโยคภาษาไทยที่ผมฟังแล้วต้องมานั่งแปลไทยเป็นไทยอีกรอบ พวกไอ้ต้องคงไม่มานั่งแปล มันไม่สนใจฟังเลยมากกว่า

   ดีแล้วที่วันซ้อมผมหลับไม่งั้นต้องฟังสองรอบเลย

   ทางขวามือผมพวกซอมบี้ที่ดูเหมือนยาบ้ากำลังจะหมดฤทธิ์  นั่งโยกหัว ไม่ใช่ว่าคนกล่าว พูดได้เพราะนะ แต่ พวกมันเอาแบบฝึกหัดวิชาเลขสำหรับสอบเข้ามหาลัยมานั่งทำด้วย มันจะหยุดทำซะหน่อยจะเป็นอะไรมั้ย

   เดี๋ยวพวกกูก็ได้ไปแบกโต๊ะหรอก

   ผมหันไปมองแล้วได้แต่ส่ายหัว

   อีกเดี๋ยวก็จะมีการแสดงพอจบแล้วก็จะเป็นพิธีมอบเข็มโรงเรียน

   ถ้าแม่ไม่มาแปลว่าผมต้องไปยืนคุยกับอากาศอยู่บนเวทีในขณะที่คนอื่นมีแม่สินะ

   จบการแสดงแล้ว

   เสียงเรียกให้ยืนขึ้นทีละแถวๆ ก็ดังขึ้นมา หน้าสุดไปก่อน

   นั่งรอใจจดจ่อ

   ต่อไปเป็นแถวของผมแล้ว หัวใจก็เต้นแรงอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ขนาดทำใจไว้แล้วนะ เอาเหอะ คนก็คงมองแปลกๆนิดหน่อย ยังไงผมก็แปลกมาทั้งชีวิตแล้วนี่

   ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไมเนอะ เสียงพ่อผมวนกลับมาอีกแล้ว

   ตอนนี้เราเดินเรียงแถวหน้ากระดานไปแล้ว

   พอไปถึงที่ ทุกคนก็ทำตามที่ซ้อมไว้ แม่ผู้ให้ยืนขึ้น

   ผมเดินก้มหน้าก้มตาไปยังตำแหน่งตามวันซ้อม

   “หือ....” 

   หัวใจแทบหยุดเต้น

   ผู้หญิงตัวที่อยู่ตรงหน้า ยิ้มให้อย่างคุ้นเคย

   “ไอ้ตัวแสบ ทำไมไม่บอก” แม่พูดเสียงเบา

   “ก็วันก่อนถามแล้ว แม่ว่าทำงานนี่นา”

   ผมเห็นหน้าแม่ เศร้าลงแวบหนึ่ง

   “ถ้ามีงานสำคัญก็บอก” แม่ผมทำหน้างอน

   “ก็เห็นว่าต้องทำงานไม่อยากกวน เดี๋ยวพ่อก็ด่าอีก”

   ผมก้มหน้ามองพื้น

   “ก็ช่างพ่อเค้าสิลูก”

   แม่เอาฝ่ามือเคาะหัวผมทีนึง

   เสียงพิธีการดำเนินต่อไป แต่ผมไม่ได้ยินแล้วว่าให้อะไร ที่ซ้อมไว้ก็ไม่ได้จะจำอยู่แล้ว ยิ่งทำไรไม่เหมือนชาวบ้านเข้าไปใหญ่ ช่างมันหอะ

   ผมเดินเข้าไปคล้องแขน จับมือ ไม่ได้มองเลยว่าคนข้างๆเค้าทำอะไรกัน ลืมมองหน้าแม่พวกมันไปเลย

   พอให้เข็มเสร็จก็จะให้เวลาลูกกับแม่อยู่ด้วยกัน แต่หลังพิธีนะ ช่างมันเหอะผมไม่สนใจ

   ผมคล้องแขนแล้วเดินวนออกนอกห้องไปตามคนอื่น

   แม่กับลูกต้องวนออกไปแล้วเข้ามาใหม่เพราะว่า แม่จะขยับแถวขึ้นมาเรื่อยๆ ตัวลูกเองก็ต้องเดินเข้าไปหา ถ้าจะแยกกันตรงนั้นเลยน่าจะวุ่นวาย ครูเลยจัดให้วนกลับเข้ามาใหม่

   แต่คู่ผมไม่วน

   ผมคิดว่าแม่น่าจะหิวแล้ว นี่มันสายมากแล้ว พอออกมานอกห้องประชุมได้ผมรีบพาแม่เดินตรงหนีออกจากขบวนไปเลย

   ผมหันไปมองหน้าแม่

   แม่ผมยังยิ้มอ่อนโยนให้ผมอยู่

   “งั้น เดี๋ยวลงไปกินข้าวข่างล่างกันมัน สายแล้วหิวป่าวแม่”

   ถ้าแม่ตอบว่าหิวจะยิ่งดี ผมอยากชดเชยที่ทำให้แม่รู้สึกไม่ดีไปด้วย แถมไม่เคยเลยซักครั้งที่ผมกับแม่จะได้มากินข้าวด้วยกันที่โรงเรียน

   “เก้าหิวเหรอ”

   “งั้นรีบหน่อยนะเดี๋ยวพ่อว่าแม่เอา”

   ผมพยักหน้า

   “เดี๋ยวเก้าไปบอกเพื่อนก่อนนะว่า ไม่ไปกับพวกมัน” ผมบอกแม่

   “แม่ลงไปรอที่สวนข้างล่างเลยนะ เดี๋ยวซื้อข้าวมาให้”

   เอ... วันนี้มีอะไรขายนะ แล้วซื้ออะไรดี

   ผมวิ่งออกไปบอกพวกไอ้ต้องก่อน  เวลาใครถามพวกมันจะได้ช่วยกลบเกลื่อน

   พอกลับเข้าไปถึงที่ขบวนผมหาใครไม่เจอเลย มันชุลมุนนิดหน่อย

   สุดท้ายผมก็หาพวกมันไม่เจอ

   ช่างหัวพวกแม่งเหอะ

   ผมหันหลังกลับ ขาผมก้าวข้ามบันได จะวิ่งลงบันไดก็ไม่ใช่ แต่จะบอกว่าเดินลงเลยก็ไม่ถูกต้องนัก ต้องรีบทำเวลา เดี๋ยวจะไม่ทัน แล้วเกิดช้าแม่จะไปทำงานสายอีก ยิ่งไม่ดีใหญ่

   ขาแตะชั้นล่างสุด ผมวิ่งเต็มเหยียดไปถึงบริเวณสวนด้านล่างที่มีขายอาหารในตอนเช้า พยายามมองซ้ายขวา หาทั้งที่นั่งที่มีคนและที่ยืนอยู่ แต่...

   ผมหาแม่ไม่เจอ

   ผมเดินไปทั่วทุกที่ที่แม่น่าจะไป ในสวน บริเวณร้านอาหาร ที่นั่งหน้าร้าน ร้านขายน้ำ แม้กระทั่งลานจอดรถ

   หาไม่เจอ

   ผู้หญิงตัวเล็กที่ยิ้มให้อย่างอบอุ่นเมื่อกี้หายไปแล้ว

   ผมนึกไปถึงโทรศัพท์ มันถูกทิ้งไว้บนห้อง.. แล้วก็.....   ปิดไว้ด้วย....

   จะกลับขึ้นไปหรือจะหาต่อดี

   ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ผมคิดว่าคงหาไม่เจอแน่แล้ว ผมจึงกลับขึ้นห้อง เดินตรงปรี่ไปที่กระเป๋า

   เปิดโทรศัพท์

   กดชื่อที่คุ้นชินแล้วโทรออก

   สายรับอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่มีเสียงคอยสาย

   “แม่ อยู่ไหนอะ”

   “แม่กลับไปทำงานแล้วเก้า”

   เสียงแม่ดูเศร้าๆนิดหน่อย

   “แม่รออยู่สักพักแต่ไม่เจอ แล้วพ่อเค้าโทรมาตาม”

   “อ้าว เก้าก็รีบลงมาหา”

   ผมเข้าใจ แม่ต้องรีบไปทำงานต่อ แล้วพ่อก็คงทำงานอยู่คนเดียวในตอนนี้

   “แม่โทรหาแล้ว เก้าปิดมือถือ”

   “มันมีงานนี่แม่ เอาเข้าไปได้ที่ไหนละ”

   ผมเลยถามกลับ

   “แม่หิวมั้ย”

   ผมเป็นห่วงว่าแม่ได้ทานอะไรรึยัง

   “ไม่หิว แม่กินเช้ามาแล้ว”

   “อ้อ งั้นเดินทางดีๆละแม่ เดี๋ยวเก้าไปหาไรกินละ”

   ผมทำเสียงให้ร่าเริงที่สุด

   “เย็นนี้เจอกันที่บ้านนะเก้า”

   “ครับแม่”

   ตี๊ด ข้อความเข้า

   ‘ทำไมต้องให้คนอื่นมาเสียเวลาด้วย ทำอะไรคิดบ้าง โตแล้ว อย่าเห็นแก่ตัว ถ้าจะชั่วอย่าพาคนอื่นไปทำชั่วด้วย’

   ทำไมไม่รู้ ผมรู้สึกน้ำตาคลอ  มันไหลออกมาเอง

   ทั้งๆที่เมื่อเช้ายังบอกอยู่ว่า เข้าใจถ้าไม่มา แต่พอเอาเข้าจริงกลับกลายเป็นว่า ผมดีใจอย่างที่สุด แล้วตอนนี้ผมก็เสียใจอย่างที่สุดเช่นกัน

   เฮ้อ... ไม่ร้อง

   กดปิดข้อความจากพ่อ เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แล้วนั่งอยู่ในห้อง ซ้ายขวาผมมีแต่กระเป๋านักเรียนบางจ้อย พวกมันคงไปกินข้าวกับแม่ ส่วนตัวผมยังไม่มีอารมณ์จะกินอะไร
   เสียงออดดังขึ้นแล้ว ผู้คนทะยอยเดินกลับเข้ามา ผมยังคงนั่งนิ่ง

   “เฮ้ย ลูกแหง่ เหงาเหรอ ค่ะ”

   ไอ้อ้วน มันเน้นเสียงที่ ค่ะ ด้วย

   “รีบจูงแม่ออกไปเลยนะ แม่มึงสวยได้แค่นี้เหรอวะ ท่าทางเหมือนกำลังมีปัญหามีน่าลูกถึงเป็นตุ๊ด”

   พอดีเลยกำลังอารมณ์ไม่ดี
   
   ผมเดินเข้าไปกำหมัดขึ้น กำแน่นๆ ขอสักทีเหอะ

   “หายไปไหนมาวะเก้า” แมคขัดจังหวะ

   “มีไรให้ต้องจัดการให้ได้นะ”

   แมคพูดดังๆให้ไอ้อ้วนได้ยิน

   ผมหันไปมองหน้ามัน

   หันกลับมาไอ้อ้วนหายไปแล้ว.. รู้ตัวสินะ

   สัสนี่เจออีกทีจะเล่นให้ยับเลย

   “บ่ายนี้ไม่ต้องเรียนวะ วิชาวิทย์พอดี ครูให้ไปเตรียมงานวิทย์ต่อ เดี๋ยวต้องมีซ้อมย่อย ซ้อมใหญ่อะไรอีก เห็นบอกซ้อมใหญ่จะเอาฉากมาใช้จริงด้วย”

   แมคไม่นั่ง แต่ล้วงกระเป๋าเอากุญแจห้องวิทย์ออกมา

   “งั้นลงไปทำฉากต่อมั้ย” แมคดึงผมขึ้นมาจากเก้าอี้

   “อือ” ผมลุก

   “นี่ เจ กับ ต้องไม่รู้หายไปไหน” แมควิ่งตามมาข้างหลังพูดขึ้น

   ผมไม่ตอบ

   “มีไรเล่าให้กูฟังได้นะมึง”

   “หือ”

   “หน้ามึงแย่ซะขนาดนี้ ไปเจอไรมาวะ ไอ้ต้องแกล้งเหรอ” มันถามผม

   “ป่าว”

   ท่าทางมันเดาออก ยังไงก็ผมก็ไม่เล่า

   มันเลยเอามือตบหัวผมทีนึง

   “เดี๋ยวก็ดีแหละมึง” แล้วขยี้ผม ผมด้วย

   ห้องวิทย์กลับมาเงียบสงบ แล้วก็มืดเหมือนทุกที ถึงจะอยู่ติดกับห้องประชุมแต่เมื่อไม่มีผู้คนหลงเหลืออยู่แล้ว ความรู้สึกสนุกสนานก็หายไปด้วย มีแค่เศษดอกมะลิกับป้ายงานเท่านั้นที่บอกว่าวันนี้เคยมีงานอะไร
   
   ภาพประทับใจมันจางไปแล้ว

   “เฮ้ย เก้า เริ่มเลยมั้ย ท่าทางไอ้เจกับต้องจะหายไปอีกนาน”

   “ได้”

   ผมกับแมค แบ่งกันทาฉากไปคนละแผง สีที่ทาต่างกัน คนหนึ่งสีเขียวสดใส ส่วนของผมเป็นสีน้ำตาล แดง เข้ากับอารมณ์ผมยิ่งหนัก แห้งแล้ง และหดหู่

   “เมื่อเช้าเป็นไงวะ”

   “กูมัวแต่ทำตามที่เค้าซ้อมไว้ ลืมดูหน้าแม่มึงเลย”

   มันชี้แปรงมาทางผม

   “เออ กูก็ลืมหน้าแม่มึง”

   ผมเค้นหัวเราะ

   “มึงดูแย่จริงๆนะ”

   “ยังงั้นเหรอ”

   “เมื่อเช้าไอ้เจ กับ ไอ้ต้องนะ พอจบปุบ มันก็รีบหนีไปเลย กลัวคนเห็นรึไงวะ”

   มันหัวเราะอยู่คนเดียว

   “มึงน่ะออกไปก่อน พาแม่ไปไหนมาเหรอ”

   มันยังถามต่อ
   
   แต่ทำไมไม่รู้ ผมไม่คิดว่า นั่น คือ สิ่งที่มันอยากรู้

   คำถามจริงๆ คือ เกิดอะไรขึ้นวะ

   ผมโยนโทรศัพท์ให้มัน

   เงียบกันไปพักนึง

   “กูอ่านเสร็จแล้ว”

   คราวนี้มันหยุดแล้วเดินมานั่งข้างผม

   “ก็..​กูกะว่าจะได้กินข้าวด้วยกัน ทุกทีเจอกันแค่ตอนเย็นน่ะ ไม่ค่อยได้พูดคุยกันด้วย ปกติอยู่บ้านเหมือนกูไม่อยู่ ไม่ได้มีตัวตน มีแม่คนเดียวที่เหมือนยังเห็นกูอยู่บ้าง”

   “อือๆ”

   แมคพยักหน้าอยู่อย่างนั้น

   มันเอามือลูบหลังผมสองทีแล้วไปทำต่อ

   “อย่าคิดมากมึง กูว่าเค้ามีเหตุผละ”

   เหตุผลไรวะ

   มันมีอีกเรื่องแต่ผมไม่ได้เล่า อย่างเรื่องเมื่อเช้านี้
   
   “นั่นดิ” ผมยิ้มให้มัน

   “ขอบใจนะ” ผมยิ้มให้มันอีกที

   “ยังไงก็เพื่อนกัน อีกไม่นานก็ต้องแยกกันไปแล้ว”

   “ไม่รู้ว่าจะได้อยู่คุยกับพวกมึงยังงี้อีกรึเปล่า ต่อไปอาจจะไม่ได้เจอเพื่อนแบบพวกมึงก็ได้”

   มันพูดแปลกๆจนผมต้องหันไปมองหน้ามัน

   “หมายความว่าไงวะ”

   ถึงผมจะมีเรื่องไม่สบายใจ มันก็ไม่น่าจะพูดขนาดนี้

   “นั่นพระเอกมึงมาแล้ว”

   ผมหันไป ไอ้เจ กำลังเดินเข้ามา

   “เย้ ไม่มีเรียน”

   ทำไมผมไม่ซื้อหวยถูกยังงี้มั่งเนี่ย

   กำลังคิดว่า มันต้องมีคนมาขัดจังหวะแน่ๆ

   “เป็นไรวะเก้า ทำหน้าเศร้าเชียว”

   นี่หน้าผมมันแสดงออกยังงั้นเลย

   “ป่าวไม่มีไรมึง”

   “วันนี้วันแม่นะมึง ทำหน้ายังกับครอบครัวมีปัญหา”

   เจ พูดแหย่ผม

   “เฮ้ย” แมคเดินไปเตะไอ้เจหนึ่งป๊าบ

   “อ้าว มึงไปไหนน่ะเก้า” เจ ร้องมาทางผม
   
   ผมลุกแล้วเดินออกไปเลย

   “ตามไปสิวะ ไอ้ควาย” เสียงแมคเองไล่หลังมา
   
   เหมือนเจ จะถกเถียงกับไอ้แมคอยู่ มันคงงงผมเป็นอะไรไป

   ผมเดินออกจากห้องไปทางขวา แล้วเลี้ยวซ้ายหลบเข้าไปบริเวณซอกด้านหลังห้องประชุม ตรงนั้นเป็นลานยกพื้นไว้สำหรับนักแสดงที่จะขึ้นโชว์เวทีใหญ่ในห้องประชุม

   มันมืดและเงียบมาก ถ้าจะอยู่คนเดียวในโรงเรียน ผมก็นึกไม่ออกถึงที่อื่นแล้ว
   
   “เฮ้ยเป็นไรวะ” ไอ้เจหย่อนตูดลงนั่งข้างๆ

   ผมไม่ตอบอะไร ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องไปตอบมัน ผมรู้ ลึกๆแล้วมันก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่พอเวลาพูดแล้วมันจี้ใจดำ ทำให้สิ่งที่ผมอดทนเก็บเอาไว้บางทีมันก็ไม่อยู่ ผมเองตอนนี้ก็หงุดหงิดตัวเอง จะดราม่าอะไรหนักหนา เรื่องแค่นี้

   “แล้วมึงมาทำไม ไปช่วยไอ้ป๋ามันโน่น” ผมไล่มันไปไกลๆ

   “ก็เห็นมึงมานั่งทำหน้าซึม กูเลยเป็นห่วง”

   “ป่าว ไม่มีไรมึง”

   “กูพูดไรผิดไปเหรอ”

   “ป่าวไง”

   ผมยังนั่งนิ่งเงียบต่อไป

   “โอเค ถ้างั้นกูไปละ ไม่อยากระบายก็ไม่เป็นไร”

   อ้าว

   “เอ้ย เปล่าๆ” สุดท้ายผมก็ต้องยอมมันอยุ่ดี

   ผมเลยต้องเล่าทั้งหมดเหมือนที่เล่าให้ไอ้แมคฟังอีกรอบ แน่นอนว่ายกเว้นเรื่องพ่อกับเรื่องเมื่อเช้า เพราะเล่าไปมันจะเข้าตัวผมด้วย

   “กลายเป็นว่ามึงหาไม่เจอสินะ” เจ พูดสอดขึ้นมา

   “อือ” มันพูดถูก

   “บ่นมาซะยาว” มันเอามือตบหัวผม

   “เจ็บนะมึง”

   “มึงอะคิดมาก”

   เงียบไปอึดใจ

   “บ้านกูไม่มาเลยด้วยซ้ำ” เจ มองไปทางห้องวิทย์

   “ไหนมึงบอกไม่สนใจไง” ผมลุกขึ้นมานั่งตรง   

   “สนไงละ แม่กูแก่เกินกว่าจะมาแล้วมั้ง” มันมองออกไปตรงๆ

   “แล้วใครมาละ”

   มันหันมา ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

   “พี่สะใภ้” เจ พูดช้าๆชัดๆทีละคำ

   “หา”

   “พี่กูแต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว” มันค่อยๆเล่า

   “กูเป็นลูกหลง จะมีใครมาสนใจกูพี่กูไปอยู่เมืองนอกกัน 2 คู่แล้ว ใครจะสนกู พี่สะใภ้ต่างหากที่เลี้ยงกูมา กูประถมพี่กูก็แต่งงานแล้ว กูเลยเหมือนเป็นลูกเค้า พอพี่คนโตกลับมาจากเมืองนอกกูก็โดนเอาไปเลี้ยงเลยทันที”

   สงสัยเรื่องของมันจะหนักกว่าของผมแฮะ

   ผมได้แต่เอามือลูบหลังมัน ทำไรไม่ถูกเลยเจอยังงี้เข้าไป

   “เออ นี่มึงโตขึ้นเยอะเลยนะ”

   “หือ” วันนี้ไอ้นี่เป็นอะไร เล่นคำใบ้รึไง

   “มึงจำกูไม่ได้จริงงะ”

   ผมส่ายหัว ยังชันเข่าอยู่

   “พีไง”

   หือ!!!!

   “พีระพล เพื่อนเก่ามึงน่ะ” มันเน้นคำว่า เก่า

   ผมทำหน้างงกับคำพูดมันชั่วครู่ มันเอาอะไรมาพูดวะ สมองผมทำความเข้าใจไม่ทัน

   “มึงนี่โตขึ้นเยอะเลยนะ”

   “ไหนดูดิ ตรงนั้นโตถึงไหนแล้ว” มันเอามือมาจะแกะกางเกงผม

   “พอๆๆ พีแน่ๆ” นิสัยบ้าบอ นิสัยทะลึ่งแก้ไม่หาย

   “ทำไมมึงเพิ่งมาบอก”

   “อ้าว ก็มึงไม่ถามนิ” มันทำหน้ากวนตีน

   “เออออ” จริงของมัน

   เพื่อเก่าที่หายไปนาน ที่แท้มันอยู่นี่เอง

   “เดี๋ยวนี้มึงก็ยังเหมือนเดิมนี่ ทำตัวโดดเดี่ยว”

   “อ้าว ไอ้นี่”

   มันหัวเราะใหญ่

   “ไหนมึงบอกกูโตขึ้นไง”

   “ก็โตไง ดูดิ มึงนั่งไข่ลอดกกนสีน้ำเงินของมึงอะ ตุงแน่นเลย โตขึ้นแล้วใหญ่เหรอวะ”

   ผมก้มหน้าลงไปมอง จริงของมัน

   “สัส มาดูไรของกู”

   มันหัวเราะ

   “ที่วันนั้นน่ะ มึงชวนกูไปดูรอยลูกปิงปองกูยังจำได้นะ”

   มันหัวเราะไม่พูดอะไร

   ผมคิดว่าผมควรจะถามในสิ่งที่อยากถามมันดีมั้ย

   “มึงให้กูถอดเพื่อจะดูอะไร”

   “อ้าว ก็กูยังจะถอดให้มึงดูก่อนเลย” มันตอบผมด้วย เอ่อ.. ไม่รู้เรียกว่าอะไร

   “ตอบไม่ตรงคำถาม”

   “มึงไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง”

   นี่ก็ไม่ใช่คำตอบ อะไรของแม่งวะ

   “อะไรของมึงวะ”

   “อยากรู้จริงนะ”

   มันหันมาถอดกางเกงลง ยกชายเสื้อขึ้น เหลือแต่กางเกงในสีขาว รัดแน่นให้ผมดู

   แล้วเอามือล้วงเข้าไปข้างในกางเกง เน้นเป้าให้อูมขึ้นมา

   “กูไม่เคยเอาเปรียบมึงแล้วกัน”

   กูบอกรึยังว่าอยากดูกลับน่ะ

   “ไปๆ ป๋ารอนานแล้ว เดี๋ยวมันบ่น” มันใส่กางเกงแล้วเดินนำไป แถมเอามือล้วงเข้าไปตรงไปตรงนั้นอีก

   ผมชูนิ้วกลางให้มัน

   “อ้อ วันงานอะทำตัวให้ว่างนะมึง เป็นค่าตอบแทนที่กูช่วยไว้ตอนโน้นนนนนน”

   ตอนไหนวะ แม่งทวงบุญคุญกันย้อนไปกี่ปี

   ยังไม่ได้รับปากมันเลยว่าจะไป

   แล้วผมจะไปบอกไอ้ต้องยังไงละเนี่ย

   ถึงวันนั้นมันก็คงลืมเองแหละมั้ง ....



   อ้อ เล่นมาล้วงควักให้กูดูซะยังงี้ จะลุกขึ้นเดินไปยังไงละเว้ย

:bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2015 11:37:22 โดย Monet »

ออฟไลน์ diction

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: 10 CM. ตอนที่ 12.0 วันแม่ [pg3] 25/9/2015
«ตอบ #81 เมื่อ27-09-2015 16:40:51 »

กรี๊ดดดดด แอบจิ้นเก่า-เจไปแปบนึง >\\\< ยังไงต้องไปกะน้องต้องนะเคอะ!!! #ทีมต้อง

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: 10 CM. ตอนที่ 12.0 วันแม่ [pg3] 25/9/2015
«ตอบ #82 เมื่อ28-09-2015 14:09:23 »

หลายอารมณ์อะตอนนี้
ไหนจะงานวันแม่ ซึ่ง....เศร้าอะ น่าสงสารเก้า

ส่วนตอนท้ายๆที่เปิดตัวเรื่องเจก็อีกอารมณ์ เบรกหัวทิ่มเลย ฮ่าๆ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
10 CM ภาค 1 : 13.1 งานสัปดาห์วิทย์ 2

   วันนี้ได้ตื่นสายสมใจเลยครับ ผมกะว่าจะออกจากบ้านตอน 8 โมงกว่า เพื่อให้ไปถึงสักเกือบ 10 โมง อาบน้ำเสร็จ จัดการกับผมที่ไม่สั้นไม่ยาวบนหัว หาทางทำให้ดูดีที่สุดให้ได้ แอบใส่เจลมานิดหน่อยคงไม่โดนว่านะ

   ที่หน้าโรงเรียน ผมหนีครูที่อยู่เฝ้าประตูโรงเรียนแทบไม่ทัน ดีว่าวันนี้มีเด็กรร. อื่นมาปนด้วย เลยแทรกๆเข้าไปได้ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนผมมัวเป็นบ้าอะไรอยู่ดันนอนไม่หลับซะงั้น เพราะไอ้พีนี่แหละ พีกับเจนี่เหมือนกันจริงๆ อยากได้อะไรต้องได้ วันนี้มันก็คงหาทางลากผมไปจนได้

   อีกส่วนหนึ่งผมก็ยังคิดไม่ตกด้วยว่าจะทำอย่างไรกับต้อง จะไม่เอามันไปด้วยก็น่าจะมีปัญหา ไม่ต้องเลย มันไม่พอใจแน่ๆ

   แล้วเกิดวันนี้มีผู้หญิงของพวกมันมาด้วย ไม่รู้ใครจะซวยกันละ ลากกันไปเป็นขโยง

   เอาเหอะ

   ผมอาบน้ำแต่งตัว ทำผมนิดหน่อยพอไม่ให้ครูสังเกต วันนี้ก็ต้องหล่อหน่อยละครับ เพราะว่านอกจากจะมีคนนอกรร.มาแล้ว วันนี้ต้องไปกับพวกมันด้วย เดี๋ยวจะหล่อสู้ไม่ได้ ตื่นเต้นแฮะ ทำยังกับจัดในสถานที่อื่น นี่มันรร.ที่พวกเราเรียนมาตั้งแต่ประถมแท้ๆ

   พูดไป ทำไมตอนอยู่ม.ต้นถึงไม่เคยรู้ลเยนะว่า งานรร.เรามันน่าตื่นเต้น น่าสนุกขนาดนี้ พวกม.ต้นจะเป็นแค่พวกผู้เข้าชม ส่วนม.ปลายจะเป็นพวกคนเตรียมงาน ความสนุกมันคงจะต่างกัน

   มาถึงโรงเรียน

   เดินมองซ้ายทีขวาทีผู้คนมากมาย ห้องเรียนส่วนใหญ่น่าจะถูกปิดเอาไว้ หลักฐานคือประตูหน้าห้องหลายห้องเรียนปิดและไฟมืดอยู่ เด็กวิ่งวนกันไปมาอยู่ที่ชั้นล่าง เดินกันเป็นกลุ่มๆไปตามจุดนั้นจุดนี้

   ซุ้มเริ่มมีมาวางตั้งแล้ว ทั้งของคนนอกและพวกเด็กนักเรียน

   โปสเตอร์ไวนิลแขวนยาวอยู่ตามเสา เสียงประกาศดังขึ้นเป็นระยะๆ ตามมาด้วยเสียงเพลง

   หมายกำหนดการที่ติดอยู่ตามบอร์ดในรร. เป็นโปสเตอร์ขนาดใหญ่ ผมเลือกดูเฉพาะหัวข้อที่ผมสนใจ (หรือบางรายการที่แปลกๆ)


8.00 น. เคารพธงชาติ (ผมขำจริงๆนะ มันจะบอกทำไม)

9.00 น. ประธานกล่าวเปิดงาน ณ ห้องประชุมชั้น 4 (ไอ้ห้องใหญ่ที่ติดห้องวิทย์ยังไงครับ)
.
.
.
12.00 น. ทานอาหารกลางวัน

13.00 น. วงดนตรีของนักเรียน ม.ปลาย ที่เวทีกิจกรรม 1.
.
14.00 น. วงดนตรีของนักเรียน ม.ต้น ที่โถงข้างลิฟต์ (อันนี้ใหม่ครับ)

15.00 น. การแสดงของรนักเรียนชั้น ม.4/1
   
      ปิดงาน วิทยาศาสตร์  (เป็นอันว่าพวกผมกลับบ้านได้หลัง 3 โมงเย็นนี่เอง)
.
.
.

   ตามเวลา ตอนนี้ประธานน่าจะกำลังกล่าวอยู่บนห้องประชุม ผมโดดไม่เข้าร่วม ไม่เข้าตั้งแต่เคารพธงชาติแล้วละครับ มาก็สายแล้ว  เลยตัดสินใจว่าจะไปนั่งๆนอนๆ แถวๆบันไดกลางนั่นแหละ ไหนๆก็สายซะขนาดนี้แล้ว

   ไม่รู้จะไปเดินดูอะไร พองานเปิดเสร็จ เดี๋ยวคนก็แย่งกันวิ่งเล่นโน่นนี่เยอะแยะ เสียงพวกคนเฝ้าซุ้มที่เรียกเด็กเข้า บางคนก็ตะโกนแลกของรางวัล บอกรางวัลที่เด็กเล่นได้ หนวกหูจริงๆ

   ระหว่างหลบนั่งอยู่ คราวนี้ผมนั่งระวังตัวแล้วครับไม่ให้กกนออก (ไม่ต้องห่วง วันนี้มันคนเยอะ อาย) เพิ่มเติมหน่อยว่ารร.เราเป็นแนวยาว ด้านขวาทั้งหมดจะเป็นถนนภายในรร. ส่วนทางซ้ายจะเป็นตึกแนวนยาวๆ สองตึก พวกเราเรียกมันว่า ตึก 1 กับ ตึก 2

   ตึก 1 จะเป็นที่ของพวกเด็กประถม พอมาถึงม.ต้น จะได้ย้ายไปตึก 2 มันก็คือตึกที่พวกผมอยู่กันนี่แหละครับ แล้วงานจะมีตั้งแต่ บันไดห้องพยาบาลคือ ส่วนที่ต่อกับ ตึก 1 ยาวไปตามทางเดิน ตรงกลางเป็นสนามบาสในร่มดังนั้นไม่สามารถลงไปจัดได้อยู่แล้ว

   จำได้ว่าเจ้าของรร.หวงหนักหนาห้ามเด็กลงไปเล่นนอกจากมีครูพาลงไป

   พอเริ่มเบื่อผมจึงดูนาฬิกาข้อมือ ยังมีเวลอีกนิดหน่อยเลยเดินไปหาซื้ออะไรกินก่อน มันมีออกร้านขายผัดไทย (เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์วะ) ผมซื้อมากล่องหนึ่ง โค้กขวด (อันนี้เกี่ยวแน่) แล้วหามุมเงียบๆนั่งกินอยู่คนเดียว ไอ้แมคแม่งก็หายหัวไปแต่เช้า ไอ้เจก็ยังไม่เห็น

   หายไปไหนกันหมด

   ป่านนี้ไอ้ต้องมันจะทำอะไรอยู่นะ .....

   สงสัยมันคงจะไปกับต่อแน่ๆ วันนั้นไอ้เจก็พูดมาแล้วนี่นา

   ‘ต่อ มันจะหาหญิงให้ต้องฟันเสมอแหละ’

   คนอื่นผมยังพอเข้าใจได้  ถ้าผมหาไอ้แมคไม่เจอ ผมคงไปดักมันแถวงานดนตรี ส่วนไอ้เจ.. เอ่อ คงไปสนามบอลมั้ง ไอ้นี่มันคงวิ่งไปทั่ว  แต่กับต้องผมเดาไม่ออกเลย ผมเคยเห็นว่ามันจะสนใจอะไรเป็นพิเศษไม่เคยแม้แต่จะเห็นมันสนใจอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอย่างดนตรีเหมือนแมคหรือเกมอย่างไอ้เจเลย

   วันนี้ยิ่งน้องต่อจะพาต้องไปด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะวนไปเล่นกันถึงไหน ผมนั่งอยู่แถวนี้เดี๋ยวพวกมันก็คงเดินผ่านไปเองน่ะแหละ

   ดีเหมือนกันเผื่อจะได้แอบเห็นผู้หญิงที่ต่อหามาให้ด้วย

   ตอนนี้ ผมขึ้นมานั่งอยู่ชั้น 2 ริมระเบียง ผมหนีขึ้นมาชั้น 2 เพราะว่าชั้น 1 วุ่นวายมาก ยิ่งบริเวณที่มีขายของกินเนี่ย คนจะเยอะเป็นพิเศษ เด็กนร.หญิงจากรร.อื่นก็เดินกันไปมา พวกนั้นคงไม่รู้ว่ารร.เราจะไปหาของกินได้ที่ไหน ดังนั้นงานออกร้านนี่แหละที่หากินง่ายที่สุด

   ระหว่างที่ยืนกินน้ำก็ชะโงกหน้าดูเด็กเดินไปมา ไปสะดุดตากับคู่นึง พี่ชายกำลังจูงน้องชายเดินผ่านชั้นล่างพอดี นั่นไง เจอแล้ว ต้องกับน้องชาย

    น้องชายต้อง ขาว จริงๆ ซีดซะมากกว่า แต่ส่วนสูงเนี่ยใช่แน่ๆ เด็กม. 1 ไระวะ กะขนาดจากตรงนี้ดูๆแล้วน่าจะสูงเท่าผมแล้ว เฮ้อ เห็นละยิ่งเศร้า ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมา ดูผมจะไม่สูงขึ้นเลย

   ดูๆแล้ว ต่อน่าจะสนิทกับต้องมาก ไม่เหมือนพี่น้องเลย เดินคุยกันเหมือนเพื่อนซะมากกว่า เหมือนสองคนนั้นกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่

   สงสัยจะหิวข้าวซะละมั้ง

   ไอ้แมคเคยเล่าว่า ต้องเป็นคนที่รักน้องชายมาก น้องชายมันไม่ค่อยแข็งแรง เหมือนๆจะเป็นโรคอะไรสักอย่าง  น้องมันสำคัญขนาดที่ว่าพวกเราเล่นอะไรอยู่ก็แล้วแต่ ถ้าน้องมันต้องการตัวต้องละก็ มันจะรีบออกไปหาทันที มันให้ความสำคัญกับน้องมันก่อนเสมอ

   พอโตมาตรงข้าม มันกลายเป็นเด็กที่เล่นกีฬาได้ทุกอย่าง ต้องขอบคุณหมอที่แนะนำให้น้องมันออกกำลังกาย ตอนนี้เลยเล่นกีฬาเก่งไปเลย

   พี่น้องน่ารักจริงนะ ความรู้สึกของน้องชายที่ได้จูงมือต้องจะเป็นแบบไหนกัน

   ทั้งสองคนหยุดยืนอยู่ตรงทางเดินสักพัก ไม่นานเหมือนจะหาอะไรเจอ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินอายๆเข้ามาหา ตรงมาทางพี่น้องคู่นั่น

   น้องชายทำท่าจะแนะนำผู้หญิงคนนั้นให้รู้จัก เป็นเด็กผู้หญิงกระโปรงน้ำเงิน ผมยาว แต่ผมเห็นหน้าไม่ชัด คนนี้ละมั้งที่เจบอกว่า ต่อจะแนะนำให้รู้จัก  ก็ไอ้ต้องมันก็หล่อนนี่นะ คงมีคนอยากจะรู้จักเยอะอยู่  พอมองดูดีๆแล้วก็ตลก

   ไอ้ต้องท่าทางเก้กังมาก แถมส่วนสูงซะขนาดนี้ ฝ่ายหญิงนี่แทบจะเหมือนคุยอยู่กับต้นไม้เลย ด้วยส่วนสูงขนาดนั้น จากด้านผม มันแทบจะบังผู้หญิงคนนั้นมิด ผมเลยดูไม่ออกเลยว่าตอนนี้ทำหน้ายังไงกัน แต่ต่อยังไม่ยอมปล่อยมือพี่ชายเลย

   เด็กอะไร สนิทกันจริง เอะ ต่อมันชั้นไรแล้วหว่า

   ‘ขอโทษครับ’

   มีเด็กเดินมาชนผม น้ำหกหมดเลย แย่ละ

   ผมก้มลงไปมองก่อนจะเอาแก้วที่เหลือน้ำนิดหน่อยไปทิ้งที่ถังขยะหน้าห้องน้ำ   

   ผมเหลือบมองนาฬิกามันเที่ยงกว่าแล้วนี่นา อีกสองชั่วโมงก่อนจะเริ่มการแสดง ไม่สิชั่วโมงครึ่ง ต้องไปเตรียมพร้อมอีก  พอหันกลับไปมอง ก็เห็น 3 คนนั้นกำลังเดินหายไปแล้ว ผมยืนท้าวคางมองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้  พ่อแม่ลูกเหรอไงเนี่ย ต่อก็ไม่ยอมปล่อยมือซะที
   
   เดี่ยวผมเดินลงไปรอพวกมันดีกว่า ไอ้ต้องคงจะไม่ได้มากับพวกเราแล้วละผมว่า มีใครนัดไอ้แมคมั้ยเนี่ย

   เมื่อผมไปใกล้ถึงบันไดกลาง เสียงเฮก็ดังขึ้น  จากกำหนดการ น่าจะเป็นวงของพวกรุ่นพี่ที่เวที 1 (ที่พวกผมจะใช้ต่อเพื่อแสดงละครน่ะครับ) ท่าทางคอนเสิร์ตกำลังจะเริ่มแล้ว  ลงไปดูดีกว่าว่าพวกพี่จะเล่นออกมาได้ดีแค่ไหน ไอ้แมคต้องอยู่แถวนั้นแน่ๆ

   เมื่อเร่งฝีเท้าลงบันไดมา ผมเจอ เจ ยืนรออยู่แล้ว

   “มาซะหล่อเลยนะมึง” เจ มันทักผม

   “กูว่าดูมึงเหอะ ใส่เจลมาเยอะงี้เดี๋ยวครูก็จับไปล้างออกหรอก”

   ผมเจเรียบแปร้มาเลย ถึงมันจะไม่เยอะมากขนาดเวลาเด็กไปเที่ยวสยามก็เหอะ แต่มันก็เยอะ ผมดูออกเลยว่ามันทำผมมาแบบตั้งใจ

   “เออน่า ขอวันนึง”

   “หลงมั้ยละ”

   “หลงเหี้ยไร ไหนละแฟนมึง” ผมย้อนมัน

   “ใครบอกมึง ไม่มี๊” ทำไมมันต้องทำเสียงสูงวะ

   “ไปกันแค่นี้เหรอ”

   “เออน่า” มันก้าวขึ้นบันไดมาหาผม

   “พร้อมมั้ยมึง วันนี้เหนื่อยนะ”

   “เออ สู้ตาย”

   “แมคไม่มาจริงเหรอ”
   
   “แมคเหรอ อือ.. กูก็ไม่รู้วะ”

   “แล้วต้องละบอกมันยังวะ”
   
   ไอ้เจยังไม่ทันได้ตอบ เสียงเฮ อีกครั้งก็ดังขึ้น เสียงเซ็ทติ้งเครืองดนตรีก็เริ่มดังถี่ขึ้นเช่นกัน   ถึงตรงนี้ไอ้เจเดินขึ้นบันไดมาเร็วๆ คว้าข้อมือผมไว้แล้ววิ่งตรงไปยังเวที 1 

   ทางที่จะไปมันต้องผ่านซุ้มเล่นเกมต่างๆ ฝั่งนี้เป็นของพวก ม.4 และ รุ่นพี่ 5 กับ 6 ไอ้พวกรุ่นเดียวกันผมไม่ค่อยห่วง ไอ้เจมันคนรู้จักเยอะ แต่รุ่นพี่นี่สิ

   “พร้อมยัง” เจหันมาถาม

   “พร้อมไรวะ”
   
   “ด่าน 1 ไง”

   นี่ถ้าจะเล่นเกมไปร่วมงานวิทย์กับคนอื่นก็ได้นะ

   “อะไรของมึงวะ”

   “ตามกูมานะ” มันกำข้อมือผมแน่น แล้ววิ่งออกไป

   “เฮ้ยๆๆ ชนๆ มึงคนเยอะ ช้าหน่อยเดะวะ”

   คนที่มุงอยู่ตามซุ้มต่างๆริมทางรอบสนามบาสน่ะมีเยอะมาก แน่นไปหมด ทั้งผู้หญิงจากโรงเรียนอื่นแล้วก็เด็กผู้ชายโรงเรียนผม

   “ตามกูมานะมึง” ผมหันมายิ้ม

   มันวิ่งตรงดิ่งเข้าไปที่ซุ่มเลยครับ แต่เป็นด้านหลังของซุ้ม บริเวณที่ สตาฟยืนอยู่ มันโบกมือให้แล้ววิ่งทะลุไปเลย  สตาฟตกใจกันใหญ่ บางคนก็ตะโกนด่าไล่หลังพวกเรามาด้วย   

   “เฮ้ย เล่นเหี้ยไรน่ะ กูจะไปฟ้องครู”

   ไอ้เจได้ยินงี้ มันหันกลับมาชูนิ้วกลางให้

   “มึงๆ มองทางด้วย” แม่งจะพาไปชนคนอื่นแล้ว

   มันยังกำข้อมือผมแน่น แน่นจนเจ็บไปหมดแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อ

   บางซุ้มก็หลบให้โดยดีเมื่อหันมาเห็นไอ้บ้าสองตัววิ่งดับเครื่องกันมาซะยังงี้

   คราวนี้ ตรงหน้านี่เป็นอะไรก็ไม่รู้ เห็นคนที่ซุ้มเอาขวดโหลใหญ่ๆมาวาง ให้เป่าเครื่องอะไรซักอย่างทางสายยาง (มันทดลองไรกันวะ) ไอ้เจดึงแขนผมมุดลงไปใต้สายแล้ววิ่ง ทะลุต่อไป

   เหี้ย หัวกูจะเกี่ยวสายยางเอา

   ถัดมาเป็นบริเวณที่มีซุ้มขายของ ข้างหน้ามีคนกำลังยื่นของ จ่ายเงินกันอยู่ เจมันเลยต้องหยุดเป็นจังหวะๆ ไม่ให้ชนมือ เดี๋ยวิ่งเดี๋ยวหยุด มั่วกันไปหมด ทั้งพวกสตาฟแล้วก็คนซื้อต่างมองผ่านหัวเจไป (แน่นอนว่าบางคนก็ด่าออกมาด้วย)

   ข้างหน้าเวทีคนเริ่มแน่นแล้ว

   อีก 2-3 ซุ้มก็จะถึงลานตรงเวที 1 แล้ว

   “ชิบหาย ข้างหน้ามันของพวก ม.6 มันไม่ยอมแน่” ผมพยายามดึงมือมันกลับ

   “เออน่า ตามกูมา”
   
   “เฮ้ยๆ ซุ้มปาบอลๆๆ ลูกบอลมึง เหี้ยยยยยย” ผมร้องลั่น

   ข้างหน้าเป็นซุ้มที่เอาลูกบอลมาปากระป๋อง เพื่อแลกของรางวัล มีแต่ผู้ชายทั้งนั้นเลยที่เล่นตอนนี้ เขียวกลับบ้านแน่กู

   “ก้มหัวลง” 

   พูดจบ เจก็เอามือกดหัวผมไว้กับหน้าอกมัน เสียงเอะอะข้างนอกหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวใจเจที่เต้นอยู่ข้างหู ผมได้แต่มองลงไปที่พื้นกระเบื้องสีส้มของโรงเรียน เมื่อพยามหันไปมองเจมันเอาตัวขวางบอลให้อยู่ พวกเราก็ยังต่อไปไม่หยุดวิ่ง

   “เฮ้ยๆ สองคนที่ตัดไปนั่นอะ”

   “ปาแม่งเลย” ไม่รู้สตาฟซุ้มไหนตะโกน คงแค้นน่าดู

   คราวนี้กว่าจะมุดออกไปได้บอลลอยมาเต็มเลยครับ เจ ผมเห็นเจโดนไปเต็มๆหลายลูกอยู่

   ยิ่งมันกดหัวผมกับหน้าอกมัน เสียงเวลามันร้องก็ยิ่งดังชัดเจนในหัวผม

   มันร้อง โอ้ยๆ บางดีโดนหลังดัง อั๊ก ก็มี มีแค่สองสามลูกที่หลุดมาโดนผมบ้าง

   “แม่งปากูจริงนี่หว่า กะเอาให้ตายเลยรึไง” มันบ่นละครับ

   “อย่าบ่นน่า จะเสือกเล่นงี้เองไม่ใช่เหรอ ค่อยๆเดินก็จบแล้ว ถ้าไอ้ต้องมาด้วยนะมันบังกูมิดแน่ๆ”

   แป๊ก   มันเอาสันมือฟันหัวผมครับ
   
   พอมาถึงซุ้มสุดท้ายติดกับเวที มี 2 คนยื่นน้ำอัดลมให้สองแก้ว (รุ่นพี่ห้องไหนมันขายน้ำอัดลมวะ) ไอ้นี่มันคงจะไปเตี้ยมกันไว้แล้วสินะ
   
   “เย้ ของรางวัลผ่านเควส” เจชูน้ำ 2 แก้ว

   “ของรางวัล พ่อมึง” ผมคว้ามาดื่ม

   “ตอนได้ยินรุ่นพี่บอกปามาทางมึงนี่กูสะใจวะ”

   “อ้าวๆ กูอุตส่าห์เอาตัวบังมึงนะเว้ย”

   “ดันเลือกทางเหี้ยๆ เดินเบียดๆคนหน่อย ตรงทางเดินก็ได้แล้ว”

   “ไม่หนุกดิ เดี๋ยวมึงมาดูไม่ทันหรอก” มันทำหน้ากวนตีน

   “เฮ้ยๆ จะเล่นแล้ว” ผมชี้ไปที่หน้าเวที

   พวกผมเดินเขยิบเข้าไปใกล้ขึ้น แต่คนดูหน้าเวทีก็แน่นอยู่ รุ่นพี่ทั้งนั้นเลย


   เพลงแรก

   
   Tell me your secrets
   And ask me your questions
   Oh let's go back to the start
   Running in circles; coming up tails
   Heads on a science apart
   
   Nobody said it was easy
   It's such a shame for us to part
   Nobody said it was easy
   No one ever said it would be this hard
   Oh take me back to the start

   
   วู้ว เปิดมาก็ cold play เลยครับ

   ผมลองมองหา ต้อง ดูเพื่อจะเจอมันยืนอยู่ตรงไหน  แต่ก็ไม่มี สูงขนาดนั้นจริงๆไม่ต้องมองก็หาก็น่าเห็นนะ ป่านนี้มันจะเดินกันไปไหน พ่อแม่ลูกนั่น ผมเคยได้ยินมาว่า ผู้ชายโรงเรียนเราก็ไม่เบา ไอ้ห้องปิดๆเนี่ย เปิดไปอาจจะเจอ คู่ชายหญิงทำอะไรกันอยู่ในห้องก็ได้ ต้องมันจะพาผู้หญิงคนนั้นไป .... ไม่ทันได้คิดอะไรเพลงต่อมาก็เริ่ม

   
   Watch you step and you might fall
   You act like you are a know it all
   Yeah I used to do that, I used to feel like that
   I am still a bit like that
   
   มาถึงตรงนี้ผมลืมไอ้ต้องไปแล้วครับ ไม่รู้เผลอไปตอนไหน ผมดันยืนร้องไปกับเค้าด้วย ข้างๆผมไอ้เจมันก็เริ่มโยกแล้ว มันคงคิดว่าใส่เจลมาเยอะ มันจะโยกแรงยังไงก็ยังดูดีละมั้ง 

   ว่าแต่ทำไมมันถึงต้องใช้วิธีลากผมมาดูด้วยนะ ถ้าวงมันเล่นดี มันก็น่าจะรู้ว่าผมไม่มีทางพลาดแน่ ไม่เห็นจะต้องลากกันไปเลย แค่ชวนผมก็มาแล้ว สมน้ำหน้าไอ้แมคหายไป อดมาดูด้วยเลย

   ช่างมันเหอะ ตอนนี้ผมไม่คิดอะไรทั้งนั้นแล้ว ปล่อยใจไปตามอารมณ์เพลงดีกว่า 2 เพลงแรก คงถือว่าเป็นการวอร์มเรียกคนละมั้ง พอเพลงที่ 2 จบลง หลังจากนี้เพลงน่าจะยิ่งสนุกขึ้น

   แถวหน้าเวที มีพวกม. 6 ด้วยกันมาให้กำลังใจ จะว่าไปนักร้องนี่ดูไม่น่าเป็นนักร้องได้เลย ตัวดำๆสูงๆ หน้าตาไม่น่าร้องเพลงเก่ง มันน่าแปลกใจพอๆกับถ้ามีวงที่เล่นได้ดียังงี้ในรร. ทำไมพวกผมไม่เคยรู้

   มือกีต้าร์น่าจะดูเด่นสุดแล้ว ไม่สูงมาก แต่ท่าเล่นนี่สุดตีนจริงๆ เบส รุ่นพี่คนนี้ผมเคยเห็นมาบ้าง เป็นคนดังคนนึงในรร.เลยทีเดียว สูง ขาว ขี้เก๊ก ฮ่าๆๆ คล้ายๆใครวะ  กลองนี่ผมมองไม่เห็นหน้า ฉาบบัง (ขอโทษพี่)

   นั่นไงกูว่าแล้ว .....

   มนุษย์แถวหน้าเริ่มโยกแรงขึ้น เริ่มขยับแล้ว

   จำได้ว่าเพลงที่ 3 พวกเค้าเล่น Bent ของ Macthbox ผมชอบเพลงนี้ครับ ยิ่งมันเลยผม ถึงตรงนี้ชักอยากจะไปแจมกับข้างหน้าแล้วสิ ดูเวลาแล้วน่าจะเล่นได้อีกหลายเพลงอยู่ เอายังไงดีนะ ผมยืนลังเลอยู่

   อะไรแข็งๆก็ดันที่ก้นผม

   ผมเอามือไปควาญๆดู

   “อยากจับจู๋กูเหรอ”
   
   แล้วมึงเอามาดันตูดกูทำไม

   จริงๆแล้วเหมือนเจมันจะรู้ใจ มันเอาตัวดันหลังผม ไม่ใช่ด้วยมือนะครับ เอาทั้งตัวเลย ตอนนี้ตัวมันแนบติดกับตัวผม ส่วนสูงที่สูงกว่า 5 เซนได้ ทำให้จมูกมันจึงอยู่เหนือหัวผมพอดี ดังนั้นหัวเข็มขัดมันจึงอยู่เหนือขอบกางเกงผมด้านหลังพอดีด้วย

   ..... เล่นเอาตกใจ

    เอะ ถ้าหัวเข็มขัดมันอยู่เหนือกางเกงผมแล้วที่ก้นเมื่อกี้ละ

   ตัวมันขยับมาใกล้กับผมมาก ถึงแม้เราจะสนิทกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะคุ้นเคยกับการที่มันเอาตัวมันทั้งตัวแนบหลังผมเอาไว้ นี่ถ้าคนไม่เบียดกัน  คนที่มองมาเห็นจะคิดยังไงนะ..... 

   มันออกแรงดันผมขึ้นไปข้างหน้า

   ไม่นานเราสองคนมายืนโดดกันอยู่หน้าเวทีเรียบร้อย ขอบคุณแรงดันไอ้เจ (จะดีถ้ามันไม่ดันผมทั้งตัวรวมถึงตูดผมด้วย)

   สาดกันโครมๆไปหลายเพลง สะใจจริงๆ ไอ้เจที่ดูเหมือนมันจะไม่ชอบเพลงฝรั่งเอาซะเลย มันยังสนุกไปกับงานได้ ดนตรีสดมันคงสามารถสื่ออารมณ์ถึงคนดูไ้ด้ดีกว่าจริงๆ หรือไม่ก็รุ่นพี่ผมเล่นดี คิดๆดูอีกที ผมก็สงสารมันนะ ไม่รู้ว่ามันสนุกจริงมั้ย พวกม.6 นี่ไม่เล่นเพลงไทย กะว่าโชเก๋าละมั้ง

   “สนุกมั้ยมึง” ผมถามมัน

   “ก็ดี มึงอะเหนื่อยยัง” เจ ตะโกนตอบผม

   “ยังไหวๆ”

   “งั้นไปด่านสองนะ”

   “เฮ้ยๆ ด่านสองเหี้ยไรอีก”

   บนเวทีออกไมค์มาว่าจะเล่นเพลงสุดท้ายแล้ว  เพื่อให้เตรียมเวทีสำหรับละครตอน 3 โมงเย็นของห้องผม

   “บ่าย 3 มีละครวิทย์ของน้อง ม.4 ยังไงอย่าลืมมาดูกันนะคร้าบบบบบบบ”

   คนทำอยู่ข้างหน้าตรงนี้ไงพี่

   “ใครยังไม่สะใจ หรือชอบเพลงไทยเชิญได้ที่เวทีข้างลิฟต์นะครับ” พี่บอม นักร้องประกาศบนเวที

   ผมหันไปมองหน้ามัน

   “อย่าบอกนะว่ามึง”
   
   มันยิ้มกว้างกลับมาทางผม แล้วคว้าข้อมือผมอีกแล้ว   (มันเอาจริงเหรอวะเนี่ย)

   คราวนี้มันวิ่งอ้อมสนามบาสตรงกลางไป ใครคิดสร้างสนาบาสในร่มใหญ่ขนาดนี้วะ ทางฝั่งรอบขวาน่าจะเป็นพวก ม.ต้น ลงไป ดูๆแล้วครูประจำชั้นน่าจะมาคุมด้วย รร.ผม ม.ต้นไม่ได้ปล่อยเหมือน ม.ปลาย พวกเด็กๆไม่มีทางทำซุ้มกันเองแน่ๆ
   
   “เหี้ยละ บอส”

   บอสเหี้ยไรวะ อ๋อ ครู

   “มึงก็ใช้สกิลสิวะ อยากนำกูมาดีนัก”

   “สาดดดดด สกิลเหี้ยไรละ แกล้งตายเหรอไง” เจ เริ่มมองซ้ายขวา

   แย่ละ มันลากตรงไปแล้วด้วย ดีงั้นผมแกล้งดันมันไปมั่งดีกว่า

   อย่าหยุดนะมึง

   มีซุ้มที่หนึ่งเป็น เกมตักไข่ (มันเกี่ยวไรกับงานวะเนี่ย) นี่มันลากผมมาฝึกความคล่องตัวเหรอ มันวิ่งคร่อม อ่างน้ำใส่ไข่ไปเลย ขามันน่ะยาว ผมนี่สิ  แม่ง ทำไมมันไวจังวะ  พวกเด็กสตาฟมันก็ได้แต่มอง งงๆ คงไม่กล้าโวยวายอะไร เพราะเห็นพวกผมเป็นม.ปลาย

   ขาผมก้าวข้าวไปทีละอ่างอย่างทุลักทุเล มือเราสองคนก็ยังจับกันไว้ มันเปลี่ยนเป็นจากโดนคว้าแขนเป็นเราจับมือกันไปตอนไหนนะ

   มือเราสองคนพาดคร่อมอ่างอยู่ มันไปเร็วกว่าผมก้าวหนึ่ง

   ต่อมาเป็น สอยดาว (นี่ก็ไม่เห็นเกี่ยวเหี้ยไรกับงานเลย) ผมชักหงุดหงิดแล้วแต่ละด่านนี่ แถมไอ้เจก็จับมือผมแน่นขึ้น สะบัดก็คงไม่หลุดง่ายๆ ถ้าจะโดนทำโทษก็โดนทั้งคู่นี่แหละ ผมอดขำออกมาไม่ได้

    อันนี้บอสโผล่มาเต็มๆเลยครับ ผมเห็นมองมาทางผมสักพักแล้วด้วย

   “นายพีระพล นัยวิทย์ สองคนนั้นน่ะ มานี่สิ” 

   “ขอโทษครับ นัยวิทย์ มันปวดขี้มาก ผมจะรีบพามันไปห้องน้ำครับ”

   “…………!!!!!!!!”

   กูไปปวดตอนไหน...

   สกิลเหี้ยไรของมึง แล้วมึงอ้างกูเหรอ ไอ้ชั่ว สงสารกูมั่งเหอะ คนอื่นมันจะเอาไปโจษจันกันทั้งรร.แน่ ตอนนี้ทั้งครูทั้งนร.แม่งมองมาทางกูหมดแล้ว

   ด่านสุดท้าย หวังว่าคงไม่ใช่น้ำอัดลมอีกนะ ไม่เอาแล้วนะของรางวัลน่ะ ผมเห็นเด็กกำลังเป่าลูกโป่งวิทย์ ลูกโปง่สีใสๆ พอโดนแสงจะมีประกายสีรุ้งขึ้นมา บางอันก็มาจากเครื่องทำฟอง ลูกเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง พอโดนเสื้อผ้าพวกผมมันก็จะแตกตัวออก

   “สวยอะเดะ” เจหันมาถามยิ้มๆ
 
   “อะ ... เออ ดิ” ผมยิ้มตอบ

   ผมเพลอไปมองตามลูกโป่งที่ลอยไม่ได้ เหมือนเราสองคนวิ่งกันอยู่กลางฟองสบู่

   สงสารเด็กๆเหมือนกัน ไอ้ผู้ใหญ่ไม่รู้จักโต 2 ตัวนี้วิ่งตัดหน้า รบกวนความสุขของเด็กๆ ของเล่นแบบนี้มีแต่เด็กม.ต้น แบบต้นๆเลย กับประถมแล้วก็ผู้หญิงเท่านั้นแหละครับ ที่ยังมาเล่นอยู่ 

   ม.ต้นเหรอ.......

   “ท่าทางจะเล่นไปไม่กี่เพลง” เจ หันมามองผม

   แสดงว่าเสียงเพลงที่ได้ยินตอนวิ่งมาจากวงที่นี่สินะ คิดว่าลำโพงซะอีก

    ไม่รู้ว่า2 3 เพลงแรกพวกนั้นเล่นอะไรไป กำหนดการมันเล่นต่อกันเลย กว่าจะฝ่าด่านมาก็เล่นไปแล้วผมกับเจยืนอยู่ด้านหลังๆเพราะมาช้า เจพยายามเบียดเข้าไปใกล้หน่อย วิธีเดิมเลยครับไอ้นี่ ถือว่าตัวใหญ่ดันหลังผมเอาๆ

   ตกลงไอ้แข็งๆที่ดันหลังผมมันอะไรกันแน่

      
   อยู่ไหนรัก ไอ้คำที่ว่าดี ที่เคยซึ้งทุกทีที่บอกกัน
   ฉันเพิ่งรู้ว่ารัก ตัวตนมันไม่มี ที่ฉันทำดีก็เท่านั้น

   มันก็แค่อากาศ

   คำว่ารัก ฟังแล้วเข้าใจ ทำให้เห็นอะไรที่เปลี่ยนผัน
   ไม่ว่าเธอ ฉันหรือใครๆ ก็ต้องเป็นอากาศเข้าสักวัน

   จะไม่คิดพร่ำเพ้อโทษเธอ เมื่อคนอยากจะไป
   จะไม่ขวางทางเธอ แค่เพียงอยากให้รู้ว่าเสียใจ

   อยู่ไหนรัก ไอ้คำที่ว่าดี ที่เคยซึ้งทุกทีที่บอกกัน
   ฉันเพิ่งรู้ว่ารัก ตัวตนมันไม่มี ที่ฉันทำดีก็เท่านั้น   


   ผมแอบเหลือบไปมองหน้าไอ้เจ นั่นพี่ตูนขึ้นมาก็เข้าทางมันอะดิ สงสัยเดี๋ยวอีกสักพักมันจะลืมผมแล้วละครับ ยิ่งเป็นเพลงไทยแนวๆมันด้วย

   พอจบเพลงนี้ ไอ้เจเอามือมาพาดคอผม แล้วโยกซ้ายขวา ยังกับมันรู้ว่าเพลงต่อไปเป็นเพลงอะไร

   “เฮ้ย เพลงยังไม่ขึ้นเลยมึง” ผมปัดมือมันออก

   มันยังหันมายิ้มให้กับผม

   “ก่อนท้องฟ้าจะสดใส ก่อนความอบอุ่นของไอแดด   “ เจร้องใส่หูผม

   อะไรของมันวะ เพลงเก่าอย่างนี้เด็กมันจะเล่นเหรอ

   พอคิดได้ปุ๊บผมรีบมองดูที่เวทีชัดๆอีกที นักร้องเป็นเด็กม.ต้นแน่ๆ หน้าไม่คุ้นเลย พอลองมองออกไปทางซ้ายที่เล่นกีตาร์ไฟฟ้าก็ไม่ใช่   เมื่อหันกลับไปมองที่คนเล่นกีต้าร์โปร่ง นั่นไง ไอ้แมค กูว่าแล้ว เพลงโบราณงี้ต้องมันแน่ๆ

    เอะ แล้วมันไปแทรกวงกับรุ่นน้องยังไงวะ

   ไอ้เจเลยได้ทียืนกอดคอผมร้องเพลง สบายใจไป ไม่รู้ว่าไอ้แมคเองรู้หรือไม่ว่าพวกผมมาดูมันเล่นอยู่ข้างล่าง
   
   “มึงรู้อยู่แล้วใช่มั้ย”

   “ม่ายยยยยบอก หึหึหึ บอสลับไงมึง” ไอ้เจตอบกวนๆ

   “สงสารเด็กวะ พี่แกก็จับเล่นเพลงตามอารมณ์แกซะ” ผมสงสัยเหมือนกันว่าเด็กมันเกิดทันเหรอวะ

   “เพลงนี้ เอ่อ ทนๆกันหน่อยนะครับ ผมโดนรุ่นพี่บังคับมา”  นักร้องพูดออกไมค์

   เสียงคนแถวนั้น ฮา กันตรึม
    
   ผมเห็นเต็มสองตาเลย ไอ้แมคเดินไปเอากีต้าร์เคาะหัวมัน แล้วพูดอะไรสักอย่าง ประมาณห้ามบอกว่ามีรุ่นพี่ในวงละมั้ง

   เสียงกีตาร์ดัง ป้อง กังวาลออกไมค์ชัดเจน
   
   ไอ้แมคเล่นกีต้าร์โปร่ง ตัวเดียวกับที่มันแบกมาที่ห้องวิทย์ ตัวเดียวที่มันเอาฟาดหัวพวกผม แล้วก็เป็นตัวเดียวกันที่กำลังเล่นเพลงนี้อยู่ (ใช้คุ้มมาก) พร้อมๆกันกับที่เสียงอินโทรจบลง เมื่อเสียงนักร้องเริ่มดังขึ้น เป็นเจที่กดหัวผมเข้าไปใกล้ๆมัน

   “เพลงต่อไปมึง”
   
   มัวแต่คิดเลยไม่ได้ฟังเพลงเมื่อกี้เลย

   
   ไม่อยากจะขอ ให้เวลานี้เป็นของเรา
   ไม่อยากจะถาม ว่าเราจะเหมือนเดิมได้ไหม

   แค่อยากให้รู้ ว่าในวันนี้ ฉันเหมือนได้เจอลมหายใจ
   กว่าที่จะรู้ ว่าตัวเธอนั้นสำคัญเท่าไร

   และก็ได้รู้ ในวันที่ฉัน เสียเธอไป
   ไม่อยากจะขอ ให้เวลานี้เป็นของเรา

   ไม่อยากจะถาม ว่าเราจะเหมือนเดิมได้ไหม
   แค่อยากให้รู้ ว่าในวันนี้ ฉันเหมือนได้เจอลมหายใจ

   กว่าที่จะรู้ ว่าตัวเธอนั้นสำคัญเท่าไร
   และก็ได้รู้ ในวันที่ฉัน เสียเธอไป


   ที่เจมันลากผมไปนั่นมานี่ ถ้ามันจะทำถึงขนาดนี้แล้วละก็ มันไม่ใช่บังเอิญแน่ๆ แล้วคงวางแผนมาก่อนแล้ว และที่เด็กมันจะเล่นเพลงเก่าขนาดนั้นได้แล้วก็ละก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญเด็ดขนาด

   ไอ้เจ ผู้ซึ่งไม่ค่อยรู้เรื่องเพลงอะไรกับเขา มันมายืนกอดคอร้องเพลงนี้ใส่หูผม  อยู่ในตอนนี้
      
   อินโทรเพลงถัดมากำลังขึ้น   ฤดูร้อน.... 

   ไอ้แมคหายไปแล้ว ผมเหลือบมองดุนาฬิกา อีกสิบห้านาทีจะเริ่มแล้วนี่หว่า ไอ้มือกีต้าร์ตัวดีมันทิ้งเวทีไปก่อนแล้ว ผมกับเจจึงเดินหันหลังกลับไปสู่เวทีก่อนหน้านี้

   “เหี้ย สายแล้ว” เจหันมามองผม


------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2015 11:37:47 โดย Monet »

ออฟไลน์ lightseeker

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เจ เก้า เขินอ่าาาาาา  :hao7: :hao7:

เนี่ยคนแต่ชอบหลอกให้ฟิน  :-[

ออฟไลน์ diction

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กลับไปอ่าน ตอนที่9 ห้องน้ำ ยังคงฟินอยู่เบยยยยย  :pighaun:

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ตอนนี้เจแม่งเท่อะ ออร่าพระเอกวิ้งเลย

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
10 CM : ตอนที่ 13.2 งานสัปดาห์วิทย์ 2 จบภาค 1

   “เหี้ย สายแล้ว” เจหันมามองผม
   
   ผมหัวเราะให้มัน

   คราวนี้พวกเราไม่วิ่ง ไม่จูงมือ เพียงแค่ออกเดินช้าๆ

   เวลายังพอมี

   เราเดินไปที่เวที1 ด้วยกัน
   
   เมื่อมาถึงที่ข้างเวที ทุกคนดูรอจะอยู่ก่อนแล้ว เวที 1 ค่อนข้างเล็ก นักแสดงจึงต้องไปรอบนชั้น 2 แล้วเดินลงมาเมื่อการแสดงเริ่ม ผมเดินขึ้นไปบนเวที ด้านหลังม่าน ผมเห็นต้องกับแมคมายืนรอแล้วแมคยังดูหอบอยู่
   
   “ไง กูเท่มั้ยมึง” แมคหันมาถามเสียงเหนื่อยๆ

   “เออ สัด ไม่บอกกูก่อนเลยนะ”​ ผมหันไปชูนิ้วกลางให้มัน

   “บอกก็ไม่สนุกเดะ”

   “เฮ้ย เก้ามึงไปไหนมาวะ” ต้องมันรีบเดินเข้ามาถามผม

   “อ้อ กูพาไอ้เก้าไปเดทมา” เจ ตอบแทน
   
   ผมชูนิ้วกลางให้เจ

   “เมื่อกี้ไอ้แมค มันเล่นกีตาร์โชว์มานะเว้ย” ผมยังสนุกอยุ่

   รับเปลี่ยนเรื่องให้พวกมันดีกว่า

   “ไปกับใครวะ กูเดินหามึงตั้งนาน” ต้องถามซ้ำ

   ท่าทางมันจะไม่สนุกด้วย

   ผมสะอึก รู้สึกผิดที่ผิดคำชวนมัน

   แถมไม่บอกมันด้วย

   “ก็.....”

   ผมไม่ตอบ แมคไม่ตอบ ต้องมองออกไปทางแมคเหมือนต้องการคำตอบว่าผมไปทำอะไรมา หายไปไหนมา แล้วไปกับใคร
   
   ตอนนี้ม่านปิดลงแล้ว ไอ้ต้องก็ดูจะอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้การแสดงจะดูเป็นไปได้ด้วยดี สมาธิก็ผมไม่ได้อยู่ที่ฉากตรงหน้าเลยครับ

    เรื่องราวตอนบ่ายนี้ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบเจ แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ ผมกับเจเนี่ยนะ ที่มันทำเนี่ยมันออกจะเกินเพื่อนไปแล้วนะ ถ้าจีบหญิงก็ติดไปแล้วละ

   ใจผมมันเต้นตามจังหวะของเจไปแล้ว

   ทว่าข้อสรุปในหัวผมตอนนี้มีอย่างเดียว คือ ผมคิดไปเองทั้งหมด พวกนั้นไม่ได้คิดอะไรกับผมเลยสักนิด ผมคิดไปเองฝ่ายเดียว แล้วก็ขอให้เป็นอย่างนั้นด้วย ผมไม่กล้าจะเผลอใจไปชอบพวกมันเด็ดขาด เกิดที่มันทำๆมามันไม่ใช่แล้วละก็

   พวกมันต้องเลิกคบผมแน่ๆ

   “เสร็จแล้วไปเจอกูที่ชั้น 4 หน่อยนะ” เจ หันมากระซิบผมก่อนเริ่ม   

   บนเวทีพวกเราไม่สามารถคุยอะไรกันได้ ไม่รู้ว่าเสียงมันจะลอดออกไปมากแค่ไหน ถ้าขืนเล่นกันหรือคุยเสียงดังออกไปนี่ ไอ้เป้ได้อาละวาดห้องเรียนแตก เผลอๆไปฟ้องครูอีกต่างหาก 

   ความมืดกับความเงียบหลังเวลาทีมันเลยชวนให้อึดอัด ผมที่อยู่ข้างต้องตอนนี้ ก็ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น ทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นไปมองทางต้อง เหมือนมันจะหันมาพร้อมกับพยายามจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างกับผม
   แต่ผมไม่สามารถเข้าไปฟังใกล้ๆชัดๆได้

   มาถึงตอนที่ต้องขยับฉาก ม่านปิดลงแล้ว แสงสว่างเข้ามาเหลือน้อย

   ม่านยังไม่เปิดออก มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมาจากลำโพงด้านข้าง

   ตอนนี้ฝนกำลังจะตก อีกเดี๋ยวก็จะถึงจุดที่ครูตั้งใจทำให้คนดูได้ดู

   เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้งแล้วก็เกิดการระเบิดออก

   ปัง

   ลูกโป่งลูกใหญ่ที่อยู่เหนือเวที ระเบิดออก เท กระดาษเงินไปทั่วหลังและหน้าเวที

   แม้เวทีมันจะมืด แต่ผมก็ดูออก เศษกระดาษเงินระยิบระยับ ปลิวว่อนอยู่เหนือหัวและหน้าของพวกเรา ครูใส่ไว้เยอะมาก นานเลยกว่ามันจะตกพิ้นหมด สะท้อนแสงที่มีอยู่น้อยนิดหลังผ้าม่านหน้าสีแดง ให้สาดส่องเป็นแสงสั้นๆพลิ้วไหวออกไปตามจุดต่างๆ

   ต้องหันมามองผม กระดาษสีเงินที่ปลิวไปทั่วพาดผ่านหน้าของพวกเรา สะท้อนแสงไปตกบนหน้าต้องเป็นบางจุด

   มันจ้องหน้าผมนิ่ง 

   ผมรู้อะไรอีกอย่างหนึ่ง... ผมแพ้สายตาของมัน สายตาที่ดูเหมือนจะแข็งกร้าว แต่แผงด้วยความอ่อนโยน

   เจ ยืนจ้องผมอยู่ข้างหลังเช่นกัน

   ม่านถูกรูดออก แสงแดดยามบ่ายส่องเข้ามา เสียงปรบมือดังลั่นบริเวณเวที 1 มีคนมาดูมากมาย ผมเพิ่งจะรู้ว่า คนมากันเยอะอย่างนี้เลย หลังม่านมันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แถมยังต้องถือฉากไม้หนักๆอีก

   เมื่อผู้คนทะยอยกลับกันไป พวกผมทิ้งฉากไว้อย่างนั้นแหละ วางพิงๆกันเอาไว้เพราะว่าต้องยกไปไว้ที่โรงเก็บของอยู่แล้ว (คงไม่เอามาประดับห้องเรียนแน่ๆ) ไอ้เจหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้เร็วมาก ไอ้แมคก็ขอตัวไปเก็บกลับกีต้าร์ของมันที่ฝากรุ่นน้องไว้อยู่

   “เดี๋ยวกูไปหาต่อก่อนนะ มันรอยู่ อย่าเพิ่งไปไหน”

   ต้องเดินลงจากเวที ที่ด้านล่างมีต่อกับเด็กผู้หญิงคนนั้นยืนรออยู่ สามคนคุยกันอย่างสนิทสนม ดูท่าทางแล้ว ต้องคงจะได้แฟนผู้หญิงก็ปีนี้ละนะ

   3 คนนั้นยืนคุยกันอยู่สักพัก ผมมองไปที่สีหน้าของต้องแล้ว ท่าทางกำลังไปได้ดี ถึงหน้าต้องจะไม่ค่อยแสดงออก แต่มันจะรู้มั้ยนะ เวลามันอยู่กับต่อน่ะ หน้าของต้องมันแสดงออกว่ามันกำลังมีความสุข ที่ตรงนี้ของพวกเค้าสามคน มันไม่มีผมอยู่   

   ต่อมองมาทางผมแล้วชี้ๆอะไรสักอย่าง

   ท่าทางกำลังมีปากเสียงกัน

   เห็นยังงั้นแล้วผมจึงออกเดินไป ... ขึ้นบันไดริมไปชั้น 4

   ปล่อยพวกเค้าเอาไว้

   เวลา 4.45 น.ผมกะเอาจากระยะเวลาที่ละครเริ่มจนจบ รวมจัดของ ก็น่าจะประมาณนั้น ระหว่างทางที่เดินขึ้นบันได้มา หัวใจผมบีบอัดมากขึ้น ทุกๆก้าวที่เดิน ยิ่งสูงขึ้นเท่าไร ภาพวันนั้นที่พีชวนผมไปด้านหลังตึกมันก็ยิ่งแจ่มชัด มันเล่นวนอยู่หลายรอบกว่าจะถึงชั้น 4

    วันนี้ เจ ชวนผมมาชั้น 4 ที่ตอนนี้มันทั้งมืดและไม่มีคนเหมือนกัน

   หัวใจผมเต้นแรงยิ่งขึ้น

   ไอ้เจมันจะทำอะไรผม ถึงนัดมาที่นี่ ผมพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง คำตอบอะไรก็ได้ แต่มันไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น มันจะมีอะไรวะ มันอาจจะแค่มีอะไรคุยกับผม หรือไม่ก็จะหาเรื่องทำไรแปลกๆอีกละสิ 

   ไม่ใช่ครับ ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ ไม่มีใครบ้านัดมาถึงที่นี่ ตอนนี้  เพื่อทำไรบ้าๆหรอก ถึงไอ้เจมันจะบ้าก็เหอะ
   
   “วันนี้สนุกมั้ยมึง”   ผมสะดุ้งโหยง

   “เล่นเหี้ยไรอีกละ” ผมหันกลับไปโวย
   
   แต่หลังผมชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ลมหายใจถี่ๆของมันอยุ่เหนือหัว ตัวพวกเราแนบสนิทเหมือนกับตอนที่ไปดูพวกรุ่นพี่เล่นดนตรี หัวเข็มขัดแข็งๆแทงที่ข้างหลังผม แต่ผมคิดว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น ตำแหน่งที่มันชนกับขนาดของของที่ดันก้นผมอยู่มันไม่ใช่เข็มขัดแล้ว

   “กูไขประตูห้องแลปไว้แล้ว เข้าไปกันเถอะ” เจ พูดเสียงสั่นๆ

   “มึงเอาจริงเหรอ เจ”  ผมเองก็ตอบเสียงสั่น
   
   ผมรู้ว่ามันต้องการอะไร

   นานกว่ามันจะส่งเสียงตอบ

   “อือ....”

   “กูขอนะเก้า” มันเอามือมากอดผมจากข้างหลัง ลมหายใจมันเลื่อนจากเหนือหัวลงมาอยู่ที่ต้นคอ

   สั่นไปทั้งตัว มือ และลมหายใจ

   เจที่เคยมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาตลอด

   “วันนี้กูทำเพื่อมึงเลยน้า”  มันทำเสียงอ้อนสุดในชีวิตมันแล้ว

   เสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ

   มันกดหน้าเค้ากับหลังคอ ก่อนจะกดเบาๆทีหนึ่งเป็นสัญญาณ

   “………” ผมไม่พูดอะไร
   
   แรงกอดรัดขอมันหนักหน่วงขึ้น ส่วนล่างที่ทิ่มแทงก็เพิ่งแรงกดมากขึ้นเช่นกัน

   แถมด้วยการดันเข้าออกช้าๆ เหมือนกับจะให้ทะลุผ่านเนื้อผ้ากางเกงเข้าไปยังงั้น

   มันดันผมเข้าไปในห้อง

   มันค่อยๆ กัดลงเบาๆที่หลังต้นคอ จากนั้นเลยวาดลิ้น ไล้ไปเรื่อยๆตามต้นคอขาว ลงไปจนติดปกคอเสื้อ มือสั่นๆของมันเอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อผมออกสองเม็ด กระชากคอเสื้อลงอีก

   เจยังต้องการไม่พอ

   ก่อนจะล้วงมือเข้าไป คว้าเอาหน้าอกข้างขวาเข้าไปบีบเล่นเบาๆ

   “กูรู้สึกดีกับมึงนะ” เจ พูดออกมาเสียงสั่น กว่าเดิม เสียงอาย   

   ทั้งห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจของเราสองคนเท่านั้น

   เมื่อผมไม่ตอบ แรงบีบแรงลิ้นที่คอก็มากขึ้น

   ผมหลับตาลงช้าๆ ไหนๆต้องมันก็คงจะไปกับผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว เย็นวันนี้เด็กผู้หญิงคนนั้นจะชวนต้องไปทำอะไรนะ ไม่สิบ่ายมันก็หายไปแล้ว มันจะทำอย่างนี้ อย่างที่เจทำผมอยู่กับผู้หญิงคนนั้นมั้ย

   มันจะเอามือล้วงเข้ากระโปรงผู้หญิงคนนั้น เหมือนที่ผมกำลังโดนเจทำอยู่นี่มั้ยนะ

   ช่างหัวมันแล้ว

   ผมเอามือที่ตอนนี้สั่นเทาไร้ความรู้สึกแนบนิ่งข้างลำตัวผมข้างหนึ่ง หงายฝ่ามือ ค่อยๆเลื่อนไปด้านหลังของผม เจ ดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย ถอยส่วนล่างออก   ผมเลยสอดมือเข้าไป.... ใช่ เจต้องการจริงๆ ของมันแข็งเกร็งทิ่มมือผม

   คำว่ารู้สึกดีของมัน มันพูดเพื่อเรื่องอย่างอื่นว่า หรือมากกว่านั้น?

   ..... ผมก็ไม่มีทางรู้เช่นกัน
   
   “ตกลง ยอมกูมั้ยอะ” เจยังคงซุกอยู่ที่ต้นคอผม

   “อือ.... ก็ได้”

   เจผลิกตัวผมกลับไปอย่างรวดเร็ว ค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผม ผละจากปาก มันไม่จูบ

    แต่เริ่มจากใต้คางก่อน ค่อยๆไล่ลงไปช้าๆ กัดเบาๆที่คอ แล้วเบี่ยงซ้ายไปไปที่ด้านข้าง

   ผมได้แต่แหงนหน้ามองเพดาน

   มือจับหัวมันกดลงมาที่หน้าอก

   ถ้าจะทำก็เอาเลย เอาให้เต็มที่

   มันเล้าเลียเริ่มจากข้างซ้าย ราวกับโหยหาอะไรบางอย่าง

   “อา...”  แรงดูดนั้นรุนแรงมากขึ้น

   มันรุนแรงจนผมต้องลืมหน้ามามองหน้ามัน สายตาเจเองจ้องหน้าผมนิ่งผ่านแว่นสายตา แขนมันกระชับตัวผมเข้าไปแนบตัวมันแน่นขึ้น  บางส่วนในร่างกายมันที่บ่งบอกว่า อารมณ์มันถึงขีดสุดแล้วทิ่มแทงผมอยู่ แน่นอนว่าผมเองก็ไม่แพ้มันเหมือนกัน

   หน้าตามันหื่นอย่างที่สุด

   “ขอนะเก้า....”  มันยังคงถามผม
 
   ผมไม่รู้จะตอบรับคำขอของเจมันยังไงดี มันไม่มีคำตอบในหัว ถ้ามันพูดเฉยๆผมจะคิดว่ามันพูดเล่น ส่วนการกระทำตอนนี้  เรียกว่าเราปล่อยมันออกไปตามสัญชาติญาณดิบของผู้ชายดีกว่า
   
   “ล็อคห้องแล้วนะ”

   ตอนไหนวะ

   “เงยหน้าขึ้นสิ”

   เจซุกไซร้ลงมาที่คอผม อาการเอียงอายเมื่อกี้หายไปหมดสิ้นแล้ว แววตาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

   “แกะกระดุมเสื้อหน่อยดิเก้า” เจ บอกผม

   “แกะ..​แกะให้เราหน่อยดิ” เสียงผมสั่น

   มือผมยังสั่นอยู่ จับกระดุมอีกสามเม็ดที่เหลือไม่ได้

   เจจัดการอย่างไม่รีรอ

   เม็ดต่อเม็ดค่อยๆเลื่อนออก เผยผิวผมด้านหน้าทั้งหมดออกมา

   “หอมจัง” ผมเอามือกดหัวเลื่อนลงมาที่หน้าอกข้างขวา

   กระชากชายเสื้อที่ขวางอยู่ไปข้างหลัง

   เวลาเดียวกัน ผมเอามือไปแกะหัวเข็มขัด แล้วเอาตะขอกางเกงเจอออก กางเกงนักเรียนสีน้ำเงินกองอยู่ที่ข้อเท้า กางเกงในสีดำตึงแน่นเผยออกมาผ่านชายเสื้อนักเรียน ของที่อยุ่ในนั้นแน่นตึงกางเกง สังเกตดีๆที่ตรงยอดมันเปียกแฉะ มันไม่ได้ฉี่ราดแน่ๆ

   แต่เยอะจนกางเกงในสีดำกลายเป็นสีดำเข้ม เข้มเป็นดวงกว่าส่วนอื่น
   
   “เจ... ดูด แรงๆดิ”

   “ชอบเหรอ”

   “อือ.... ตรงนั้นแหละ”

   มืออีกข้างเจเขี่ยหัวนมข้างซ้ายของผมที่ว่างอยู่

   มือผมก็พยายามไปเขี่ยวนๆตรงนั้นของมัน ยิ่งถูเท่าไร น้ำมันยิ่งซึมออกมาจากกางเกงในเท่านั้น ออกมาเป็นระลอก เมื่อลูบไล้ลงไปข้างล่าง ไข่ 2 ใบมันแน่นตึง

   เสื้อถูกกระชากออก เจ บรรจงดูดตั้งแต่เนินอกไล่มาเรื่องจนถึงนม ไล่ลงไปถึงหน้าท้อง วนเวียนอยุ่แถวนั้น นานแสนนาน

   มันยังไม่อิ่ม

   นานจนกลิ่นสารเคมีในห้องหายไป ผมไม่ได้กลิ่นอีก มันทำนานจนผมรู้สึกดี ดีแบบที่ว่าผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแสงแดดยามเย็นที่ผมชอบมองมันอยู่ด้านไหน

   “ตัวเล็กจังนะมึง เอวจะหักมั้ย”

   “หักเหี้ยไรละ” 

   “ตัวเก้าขาวมาก เนียน อยากกินไปทุกส่วนเลย”

   ไม่รอช้า เจขึ้นคร่อมผมเอากางเกงในสีดำจ่ออยู่ข้างหน้าผมแล้ว ผมรู้ว่ามันจะให้ผมทำอะไร

   ผมตัดสินใจเอานิ้วมือขวาเขี่ยกางเกงในออก แล้วเอามือซ้ายรูดกางเกงลง ส่วนนั้นของเจชี้มาที่หน้าผม

   มันกระตุกหัวให้ทักทาย เปียกชื้นไปด้วยอะไรใสๆลื่นๆ

   เปียกจนไหลหยดลงมาบนตัวผม

   “ครั้งแรก็จะฮาดคอกับกูเลยเหรอ” ผมบอกมัน

   “ค่อยๆก็ได้ มึงจะเลิกคบกูเหรอไง”

   มันแกะกระดุมเสื้อมันออกบ้าง

   ให้ผิวขาวๆ แต่อวบนิดหน่อยของมันออกมาโดนอากาศภายนอก
   
   “งั้นช่วยกูหน่อยนะ”
   
   “.........อือ”   

   ผมล้มลงนอนกับพื้น ให้เจเอาร่างที่เหลือแต่เสื้อนักเรียนไม่ติดกระดุมนอนทับผม แล้วบดขยี้ขึ้นลงอย่างเมามัน

    มันเอาส่วนนั้นถูขึ้นลงไล่จากคอลงไปวนอยู่แถวหน้าอกซ้ายขวา ลงมาที่ท้องขาวๆของผม มันใช้ส่วนนั้นได้ดีพอกับลิ้นเลย

   ตัวผมเปียกลื่นไปหมดจากน้ำใสๆที่เจปล่อยออกมาตลอด

   “อา....” ผมกลั้นเสียงครางไม่อยู่

   “เอาอีกเก้า ร้องอีก เราชอบ”

   “อ้าาาาา”

   5 โมงกว่าแล้ว ช่างมันเหอะ คงกลับกันหมดแล้ว

   “อ้า เอาอีกเจ เอาอีก”

   แสงที่ลอดโปสเตนอร์ในห้องแลป สาดแสงทอลงบนพื้น เหลือน้อยแล้ว

   เรา 2 คนยังคงทำกิจกรรมร่วมกันอยู่   เมื่อผมหันมามองหน้ากระเส่าของเจ มุมที่เคยดูดีหายไปแล้ว ตอนนี้เจหลับตาเคลิ้ม ปล่อยความต้องการไปกับมือผม   เราสองคนบดเบียดร่างกายเข้าด้วยกัน

   “เจ็บมั้ย”

   ผมยืนขึ้นแล้วถอดกางเกงออก เหลือแต่เสื้อนักเรียนไม่ติดกระดุมแบบมัน

   ทันทีที่เจเห็นผมยืนขึ้นในสภาพนี้ ไม่รู้ว่ามันดูตลกหรือไม่  เด็กผู้ชายร่างเล็กแบบผู้หญิงในเสื้อนักเรียนที่เปิดกระดุมออกทุกเม็ดเผยผิวขาวๆไม่มีขนสักเส้นให้เห็น

   เจรีบพุ่งเข้ามาเอาตัวบดขยี้

   มันใช้ส่วนนั้นที่แข็งและร้อนผ่าวราวกับความร้อนในตัวมันทั้งตัวมารวมกันที่ตรงนั้น แล้วกระแทกเข้าออก ขึ้นลงที่ตัวผมเป็นจังหวะ ราวกับว่ามันกำลังจะได้ร่วมรักอยู่กับใครสักคน
   
   ของผมกับของเจ จึงได้ฟาดฟันกัน แข็งและร้อน เปียกและลื่น ถูขึ้นลงราวกับผมเป็นผู้หญิงของมัน ถูจนผมต้องยกขาพาดเอวมันไว้

   เผื่อมันจะเสร็จท่านี้เลย

   เจจับผมพลิกตัวลงไปนอนคว่ำกับพื้น มันนั่งคร่อมแล้วพยายามกดส่วนปลายเข้าก้นผม โยกอยู่อย่างนั้น ถึงมันจะลื่นแค่ไหนแต่ครั้งแรกมันก็ไม่ได้เข้าง่ายๆ

   และผมเองก็ไม่ยอมด้วย

   ผมยกตัวโก้งโค้งให้เจ มันเข้ามากอดผมจากด้านหลัง พยายามเอามือลูบของผมแล้วขยับเข้าออก ช้าๆ ผมก็ทำให้มันเช่นเดียวกัน

   “หยุดๆ หยุดก่อน” ผมร้องขึ้น

   เจที่อยู่ข้างหลังยังเด้งเข้าออกกับก้นผมอย่างนั้น

   “เดี๋ยวกูลงไปนอนเองจะได้ไม่เลอะมึง”

   มันพลิกตัวผมไปอีกด้านอย่างง่ายดาย

   เจนอนอยู่บนพื้นห้องวิทย์เย็นๆ

   “มาพร้อมกันนะเก้า” 

   “อือ....” ผมไม่คำอื่นจะตอบจริงๆ

   คราวนี้กลับกัน ผมลงไปนั่งคร่อมด้านหน้ามัน แล้วเอาของมันขึ้นมาทาบคู่กับของผม แล้วกำมือขยับขึ้นลงไปพร้อมกัน

   ในสองมือนิ่มๆ มีแท่งร้อนๆของเด็กผู้ชายสองคนถูกกำ เสียดสี แล้วรูดขึ้นลงอยู่

   พอมองดูดีๆ ของเจมันแดงจนจะระเบิดอยู่แล้ว ถึงจะจับแน่นก็ไม่เจ็บเพราะอะไรลื่นๆมันออกมาเยอะมาก

   มากจนเกินพอ

   “อะ ...... เก้าๆ เรา เราจะ.... ” เจหายใจหอบหนักขึ้นๆ

   “มองมาที่กูนี่เก้า” เสียงนี้หนักแน่น

   ผมเห็นเจที่ทำหน้าเสียว เสียวจนบิดเบี้ยวไปหมด มือมันเอื้อมมาจับตัวผม

   “เร็วๆ อย่าหยุดๆ”

   เจยกก้นขึ้นลง ลืมความหนักของผมที่นั่งทับมันอยู่ไปเลย

   จากที่หลับตา ผมต้องลืมตามองหน้ามันอย่างช่วยไม่ได้  เจร้องเสียงเบาๆออกมา แต่ลมหายใจถี่หนักอย่างที่สุด   ผมเอง... ก็ชักจะทนไม่ไหว สองมือของผมเคลื่อนไหว เร็วขึ้น และถี่ขึ้น

   “อะ อา...​อา......” เจยังคงมองมาที่ผม

   “เราก็ด้วยเจ..... อ้า” ผมคราง

   “ดีเก้า เอาอีก ดังอีก”

   “อ้าาาาาา” ผมร้องดังเท่าที่มันต้องการ

   “ปล่อยให้หมด เอาออกมาให้หมดเลย เก้า”

   อะไรบางอย่างพุ่งทะลักเต็มตัวเจมันไปหมด ตัวขาวๆที่เลอะไปด้วยของเหลวสีขาวมากมาย

   ของเจพุ่งขึ้นตรงเกือบโดนหน้าผม ก่อนจะโค้งไหลย้อยลงไปบนตัวและมือ

   สิ้นเสียงไม่นานเราสองคนก็ล้มนอนนิ่งลง ลมหายถี่ๆของเจกับผมเจใช้เวลานานกว่าจะสงบลง

    เจยังคงนอนกอดผม ไม่ลุกไปแต่งตัว

   “แต่งตัวแล้วกลับกันมั้ย จะมืดแล้ว”  เจ ถามขึ้น

   “อือ”

   “พอเสร็จแล้วพูด อือ เป็นคำเดียวเหรอไง”
   
   ผมไม่ตอบแต่เดินไปตบหัวมันแทน

   “ทำหน้าได้อารมณ์นะมึงอะ” ผมแหย่มัน

   “ไอ้เหี้ย”

   เจ ยิ้มอายๆ

   เจ แบมือแล้วกวักๆมาทางผม

   “อะไรวะ จะเอาอีกรอบเหรอ”

   “ห่า มือ ขอมือหน่อย”

   “เฮ้อ ก็ได้ แต่พอลงบันได้ไปต้องปล่อยนะ” ผมยื่นมือออกไปโดยดี

   ระหว่างเดินลงหน้าตาเจเหนื่อยอ่อน เห็นได้ชัดว่าเจรอค่อยช่วงเวลานี้มาตลอด  แสงแดดภายนอกยังส่องเข้ามาให้พอเห็นขั้นบันได้บ้าง....

   ไม่รู้เป็นครั้งแรกขอเจหรือไม่ แต่..... นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของผม มันต่างกันทั้งสถานที่และคนที่ทำด้วย

   ผมไม่เคยทำเสร็จต่อหน้าคนอื่นเลย ไม่รู้ว่าเจเป็นยังไง ไม่สิ เคย แต่ไม่รู้ตัว มันเหมือนเป็นครั้งแรกมันตกใจ มัวแต่มองอีกฝ่าย

   แล้วความรู้สึกผิดมันกลับเข้ามา จนลืมเหตุผลที่ทำไปเลย

   ความเสียวหายไปหมด

   ผมคิดว่าจะหยิบหูฟังมาใส่ ..... แต่ไม่ดีกว่า บางทีการเดินกันสองคนเงียบๆอย่างนี้ มันก็อิ่มเอมใจแบบแปลกๆได้เหมือนกัน

   ตอนลงบันไดผมมองไปทางเวทีกิจกรรม มันร้างและไร้ผู้คนหมดแล้ว

   ต้องคงกลับบ้านไปแล้ว หรือ ไปกับผู้หญิงคนนั้นกันนะ

   ช่างมันเถอะ

   .
   .
   .

—————————————————————————————————————————-

   จบภาค 1

:bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2015 11:38:25 โดย Monet »

ออฟไลน์ diction

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
10 CM :ตัวตนและคำสารภาพ : 1.0 กำแพงบันไดริม
   
   ปิดเทอมรร.ผมมันไม่นานครับ คงไม่เกินเดือนครึ่ง สำหรับม.ปลายแล้ว ทางรร.จะรีบสอนให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้หยุดยาวตอนม.6 ให้เด็กไปเรียนพิเศษ แล้วปิดเทอมใหญ่ขึ้น ม.5 ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน

   เพราะไอ้พวกเด็กสอบตรงนี่แหละ ที่เรียกร้องอยากปิดช่วงสุดท้ายให้ยาว เพื่อให้อ่านหนังสือและไปเรียนพิเศษได้มากๆ ไอ้ผมเองเลยกลายเป็นว่าเหมือนไม่ได้ปิดเทอม ต้องมาเรียนก่อนชาวบ้านเค้า

   ผมเองยังไม่รู้เลยว่าจะเข้าคณะไหน สอบตรงนี่มันรับกันน้อยจริงๆ คณะหนึ่งไม่กี่สิบคน มันจะเหลือมาถึงผมไหมเนี่ย ห้องผมสามสิบคนก็เกินแล้ว อย่างผมจะเอาอะไรไปสู้กับคนอื่นเขา บางทีไอ้เจอาจจะพูดถูกก็ได้ ผมน่าจะไปเรียนสายศิลป์มากกว่า แต่ไม่ไหวละ ถ้าต้องไปเจอแบบเก่าๆอีก

   คะแนนสอบปลายภาคยังไม่ออกมา เปิดเทอมก็คงรู้ แต่รู้ไปก็ไม่ช่วยอะไรผม เพราะวิชาหลักสายวิทย์ผมทิ้งหมดอยู่แล้วครับ  ขอแค่ผ่านแบบคาบเส้นก็พอ ถึงคะแนนในห้องเรียนจะมีผลแต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น พวกผมมันก็ทิ้งกันคนละวิชาสองวิชาอยู่แล้ว ไม่มีใครอ่านหมดหรอกครับ เลือกเอาเฉพาะที่จะสอบ

   ส่วนต้องมันเก่งอยู่แล้วมันคงเก็บหมดแน่ๆ

   ต่อไปผมคงได้เห็นเจ เป็นเด็กวิศวะ ส่วนต้องเองเออ... มันจะไปไหนวะ แมคก็คงจะไปถา’ปัตละนะ

   ก่อนปิดเทอมผมขอดูวิชาที่พวกมันลงเรียนช่วงสั้นๆนี้ ไม่มีใครตรงกันเลย

   ต่างคนต่างไปกันหมด

   “เฮ้ย ป๋า มึงทำไรวะปิดเทอม” ตอนนี้เจตั้งฉายาไอ้แมคว่าป๋า ตั้งแต่เห็นมันโชว์ฝีมือบนเวที

   “เรียนความถนัดสิมึง มึงอะทำไร” แมคถามเจกลับ

   “กูเหรอ ก็คงจะเรียนเลขมั้ง กูยังไม่รู้เลยว่าจะเอาไรดี กูเก่งแต่เลขและจะให้เรียนแต่เลขไปเลย หรือจะเรียนวิชาอื่นไปด้วยเพื่อดึงคะแนนขึ้นดี ไอ้พวกอังกฤษนะ กูก็ไม่อยากได้ไปนั่งฟังสอนเท่าไหร่หรอกนะ แม่งน่าเบื่อ กูไม่ชอบท่องศัพท์ด้วย” มันทำท่าจะเริ่มบ่นละ พูดจบมันก็มากอดคอผม

   “เอ่อ กูไม่มีความเห็นวะ กูคิดว่า​.....”

   “มึงจะสอบวิดวะแบบไอ้ห่านี่เหรอวะ เก้า” ต้องหันมาถามผม

   “ป่าว ก็...”

   “เออ.. งั้นก็ให้มันคิดเองสิวะ” ต้องหันไปพูดกับเจ

   “อ้าวๆ เด็กกูออกความเห็นดีๆ”

   “น้อยๆหน่อยมึง ใครเด็กมึง” ผมหันไปพูดใส่เจที่กำลังกอดคอมผมอยู่

   แม่งหนักนะ กูจะไม่ไหวแล้ว

   เจ เอามือบีบบ่าผมเบาๆ เป็นอันรู้กัน... แต่ใจผมละ เป็นของใคร

   จู่ๆ รู้สึกเสียวแปล๊บขึ้นมา
      
   ผมสะดุ้งปล่อยเจร่วงลงพื้น

   “ไอ้ต้องงงงงงง” เจ โวยวาย

   แม่ง เอามือลูบตูดผม สะดุ้งตกใจ เหวี่ยงไอ้เจลงมาเลย

   “สัดนี่ มึงไม่ทะเลาะกันจะเป็นไรมั้ย ไม่นานก็สอบแล้วนะ พวกมึงพร้อมยังเหอะ” แมคถามพวกผม

   “กูเป็นใคร” ต้องพูดชัดเจน พร้อมยักคิ้วให้

   “ไอ้เปรตไง” ผมตอบมัน

   ผมเดินไปใกล้ๆมัน

   “อาราย จะวัดความสูงเหรอ”

   ผมเอามือลูบเป้ามันเบาๆ เป็นการเอาคืน

   มันสะดุ้งโยนตัวไปข้างหลังหน้าแดง

   ส่วนไอ้เจหัวเราะก้ากเลย  ท่าทางมุกนี้จะไปไม่ถึงเลยป๋าของพวกเรา มันส่ายหน้าหนีไปที่หนังสือเรียนแทน

   ช่วงนี้แมคมันดูตั้งใจมากขึ้นแฮะ

   “สรุปว่า ปิดเทอมป๋ากูเรียนความถนัด ไอ้ต้องเรียนแม่งทุกวิชา แล้วมึงอะเก้า”

   เดี๋ยวๆ ไอ้ต้องบอกตอนไหนว่าเรียนทุกวิชา

   “เรียนวาดรูปมั้ง ไหนๆกูก็ว่างอยู่แล้ว อีกอย่างกูยังไม่ได้สมัครเลยซักกะคอร์ส” ผมตอบมัน

   “งี้ปิดเทอมก็แยกย้ายกันหมดเลยดิวะ ว้า เซ็งวะ” เจ พูดมองเพดาน

   “เก้า แล้วมึงจะหาที่เรียนทันเหรอวะ”

   ต้องมันสะกิดผม

   “ไม่รู้จริงๆวะ ปกติเค้าไปที่ไหนกันละ”
   “เอางี้ เดี๋ยวกูดูให้แล้วกัน ปิดเทอมต้องพาต่อไปเรียนด้วยอยู่แล้ว”

   “อือ ขอบใจนะ”

   เสียดายปิดเทอมทั้งที แถมมีเพื่อนสนิทแล้ว อยากว่าจะชวนไปเดินสยาม ดูหนัง หาซื้อเกมส์มาเล่นที่บ้านแมค ตั้งวงกันซักหน่อย อดเลยละสิเนี่ย โตๆแล้วที่บ้านก็น่าจะปล่อยมากขึ้น ว่าจะแอบหนีเที่ยวซะหน่อย

   แต่คิดอีกที อย่าเลยดีกว่า เดี๋ยวจะโดนว่าอีก

   เมื่อก่อน ที่บ้านผมเวลาปิดเทอม พ่อแม่จะส่งผมไปอยู่กับญาติที่ต่างประเทศ ส่วนพ่อแม่จะออกไปทำงานตามปกติ ดังนั้นถ้าให้ผมอยู่บ้านคนเดียวสู้ส่งไปฝากน้าๆไว้ที่โน่นน่าจะเป็นห่วงน้อยกว่า เพราะอยู่นี่ก็ไม่มีใครดูแล หรือจริงๆแล้ว พวกเค้าอาจจะรู้สึกสบายกว่า

   ทุกปิดเทอม ผมจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับเพื่อน ทักษะการเข้าสังคมมันก็เลยน้อย คงเป็นสาเหตุนี้ด้วยละมั้ง ผมเลยเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยกล้าพูดคุยสนิทกับใครเท่าไร พอพูดทีก็เหมือนคนพูดจาไม่เป็น ไม่เข้าหูคนอื่น

   มีปิดเทอมตอน ม. 1 เท่านั้นที่ผมได้อยู่ที่ไทย

   “เฮ้ย เก้าๆคอยรับโทรศัพท์ละ ถ้าเจอคอร์สว่างๆดีๆจะบอก”  ต้องเตือนผมขึ้นมา

   “อือ เอะ ปิดเทอมนี่ว่างอาทิตย์สุดท้ายอาทิตย์เดียวใช่มั้ย”

   “ไว้เจอกันวันสุดท้ายก่อนเปิดละกัน นั่งชิลกัน”  แมคชวน

   “ไม่มีปัญหา เจ มึงอะบ้านไกล ลำบากหน่อย จะมามั้ย” แมคหันไปมองมัน

   “ไม่มีปัญหาด้วย กูมาได้”  เจ พูดทำหน้ากวนตีนสุด

   “นี่มึงไม่คิดจะอ่านจนเปิดเทอมเหรอวะ เวลามีน้อยนะมึง” ต้องถามแมค

   “มึงอะไปเคลียร์กับต่อก่อนเหอะ เดี๋ยวปิดเทอมมึงก็ได้หญิงคนใหม่อีก” นั่นไอ้เจเอ๊ย

   “พอเครียด เฮ้ย เก้ามีเพลงไรแนะนำมั้ย หนังด้วย”  แมคถามผม

   “ก็พอมีนะ กูว่าปิดเทอมจะแวบไปดู.....”

   “มึงเอาเรื่องที่คนอื่นคุยรุ้เรื่องหน่อยดิวะ”  เจทำหน้าไม่สบอารมณ์

   “งั้นเรามาคุยเรื่องเรียนวาดรูปกันดีกว่า” แมคพูดขำๆ

   “นั่นกูก็ไม่รู้เรื่องสัด” เจ โวยวายแล้ว

   “แล้วมึงรู้เรื่องไรมั่งเนี่ย” ผมหันไป แล้วเอามือปิดปาก

   “เก้า ทำไมมึงไม่ดูมัณทนะดูละ น่าจะเหมาะนะ” ต้องพูดกับผม

   เออ ผมไม่เคยคิดถึงคณะนี้เลย คิดแต่ว่าถ้าวิดวะไม่ติดจะทำยังไง (ซึ่งไม่ติดแน่ๆ) ในหัวผมมีแค่วิศวะเท่านั้น พ่อผมกรอกหูทุกวัน ให้เข้าคณะนี้ที่ไหนก็ได้ คณะนี้เท่านั้น ผมเลยคิดว่างั้นก็เข้าเอกชนก็แล้วกัน ไม่ต้องไปแย่งกับใคร ผมไม่ได้อยากเรียน แล้วก็เรียนไม่เก่งด้วย ให้คนที่อยากเรียนเค้าได้ไปเถอะ
   
   “อีกอย่าง ทำไมแกมาเรียนห้องนี้วะ ในเมื่อไม่คิดจะเอาสายวิทย์จ๋าๆอยู่แล้วนี่ มันนะ สายศิลป์ก็เข้าได้”  แมคถาม

   วันนี้มันซักผมเยอะเป็นบ้าเลย ตรงข้ามกับเจ มันไม่เคยถามไรผมเรื่องพวกนี้
   
   “อา... พ่อกูอยากให้เรียนน่ะ” ผมเลี่ยง

   แมคมันเดินมากอดคอผมแน่นๆทีหนึ่ง

   “สู้โว้ยยยยยยย”
   
   มันเข้าใจสินะ

   “ถ้ามึงเข้าได้อยากได้ไร เดี๋ยวกูจัดให้หมดเลย คณะไรก็ได้ขอให้มึงเลือกเหอะ”

   “ขอบใจ เจ”

   ผมกับเจตอนนี้สนิทกันมาก สงสัยวิธีตีสนิทแบบของเจจะได้ผล (เอ่อ ผมก็อายนะที่ต้องเล่าเรื่องนี้)

   แม้เรื่องที่เกิดในห้องวิทย์มันผ่านไปสักพักแล้ว มันก็ยังชอบที่จะทำแบบนั้นอยู่ ในห้องเรียน แรกมันจะชอบเขย่าขาตัวเอง ตั้งแต่วันนั้นทุกครั้งที่ทำมันจะเอาขาผมไปด้วย ตัวผมเลยต้องนั่งเรียนไปทั้งๆที่ตัวสั่นๆอยู่ข้างหนึ่งอย่างนั้นไปตลอด

   บางทีมันก็จะนัดผมขึ้นไปที่ห้องวิทย์ มันแอบไปทำก๊อปปี้กุญแจเอาไว้ก่อนจะคืนครู เวลามันอยากมันก็จะบอกผมให้ขึ้นไปหามัน แต่ไม่ใช่หลังเลิกเรียน ถ้าผมหายไป พวกต้องมันจะสักเกตุ แต่ถ้าเป็นพักเช้า หรือ พักเที่ยง พวกต้องจะไม่ค่อยสงสัย

   เวลาพวกมันถาม ผมก็จะบอกว่าไปกินน้ำบ้าง ไปโทรศัพท์หาแม่บ้าง ส่วนไอ้เจ มันจะบอกว่าไปขี้ มันเป็นการโกหกที่แนบเนียนมาก เพราะทุกครั้งที่เจหายไปเวลานี้ ทุกคนจะเข้าใจว่ามันไปขี้ มีแต่ผมนี่แหละที่ต้องหาข้ออ้างเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

   ความห่ามของไอ้เจมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

   วันหนึ่งห้องวิทย์ไม่ว่าง มีการทำแลปกันของพวกม.ปลาย

   “เจ วันหลังเหอะ” ผมไม่ค่อยสบายใจ

   “กูไม่ไหวแล้วนี่นา นะๆๆๆ”

   ทำไมตอนนั้นผมไม่สงสัยนะว่า แฟนมันหายไปไหน

     เจ มันลากผมไปชั้น 5 ระหว่างแถวๆซอกที่สลัวๆเพราะมันอยู่ทางด้านทิศตะวันตก แสงตอนเช้าเลยมาไม่ถึง อยู่ๆเจเข้ามาจากด้านหลังผม เอามือล้วงไปในกางเกง ผ่านทางขากางเกงจากด้านหลัง

   “เอาตรงนี้เลยมั้ย”

   “เอาห่าไร ไม่ให้เอา แล้วตรงนี้มึงจะบ้าเหรอ”

   “เออน่า ก็อยากทำนะ” มือที่จับก้นผมยังคงขยำก้นผมต่อไป

   กางเกงเปิดตูดหมดแล้ว

   มันยังไม่หยุด

   เจเอาตัวเข้ามาบดบี้ผมจากข้างหลัง ของแข็งๆถูไถอยู่ที่ร่องก้น เจมันค่อยๆเอาของแข็งที่ชี้ออกมานอกกางเกง ทิ่มๆมาเป็นจังหวะ มือมันที่ว่างอยู่ก็ไม่อยู่เฉย   

   ค่อยๆลูบขาผมขึ้นมา จากต้นขา ล้วงหายไปเข้าทางขากางเกง สองนิ้วของมันเขี่ยเบาๆที่ไข่ผมผ่านกางเกงชั้นใน

   มันปลุกความอยากในตัวขึ้นมา

   “งั้นรีบๆนะ”

   “แกะกระดุมเสื้ออกดิ”

   ผมทำอย่างว่าง่าย (มาถึงขั้นนี้แล้ว) แต่แค่สองเม็ดเท่านั้น เจมันคงเห็นผมเป็นอาหาร มันรีบเข้ามาฟัดอย่างหนักหน่วงตั้งแต่คอ ไล่ลงมาจนถึงเนินอก กัดผมเบาๆที่หัวนม แล้วไล่ลิ้นลงมาจนถึงสะดือ มันทำท่าจะแกะกางเกงแต่ผมห้ามไว้ทัน

   “ห่า เดี๋ยวใส่ไม่ทัน”

   เจไม่เถียง ฉับพลันรูดซิบตัวเองแล้วเอาของเจออกมา

   “ทำให้เหมือนเคยนะ”  จนตอนนี้ผมว่า มันคงไม่อายผมแล้ว เสียงสั่นๆ กับอาการตื่นเต้นหายไปหมด มันคือความกระหายชัดๆ มันไม่อายที่ผมจะเห็นของมันเหมือนเมื่อครั้งแรกเสียแล้ว

   ผมใช้มือขวาค่อยๆ หมุนวนเล่นๆที่ตรงปลายแดงๆของมัน แดงและร้อนผ่าว

   เจเริ่มคราง มันเข้ามาครางใกล้ๆหูของผม ตัวมันก็ขยับขึ้นลงไปด้วย บดเบียดถูกันราวกับผมเป็นหมอนข้าง

   มันแกะกระดุมเสื้อตัวเองออก

   ผมรู้งาน

   ก้มลงไปดูดดื่มที่หน้าผมมัน ทั้งซ้ายและขวา ผ่านแผงอกมัน แล้วไล่ขึ้นกลับไปที่คอ ปกติเจที่เป็นฝ่ายทำถ้ามันโดนบ้างจะรู้สึกยังไงนะ

   มันบิดตัวเร่าๆ

   ผมหยุดมือก่อน

   เปลี่ยนใหม่

   สองมือล้วงเข้าผ่านทางหัวเข็มขัดที่ปลดออกหลวมๆ คราวนี้ไม่นี้คลึงเล่นเฉยๆ แต่ขยับขึ้นลงไปด้วย

   มืออีกข้างของผมไม่ว่างเปล่า วนเล่นอยู่แถวก้อนกลมๆน้อยๆสองอันของมัน

   ตัวมันดิ้นแรงขึ้นเบียดเข้าหาผม

   มันดึงกางเกงผมลงไปกองกับพื้นหมด แล้วจับผมหันหลัง

   “ก้มหัวลงสิเก้า แอ่นก้นให้เราหน่อย”

   เจ ใช้ของๆมันที่ทั้งลื่นและร้อน มาถูไถอยู่ที่ก้น สงสัยผมจะเตี้ยไปมันเลยต้องย่อตัวเล็กน้อย มันกระแทกกระทั้นอยู่อย่างนั้น ทั้งๆที่ไม่เข้า

   สองมือมันก็มากำของผมไว้แน่น แล้วขยับเข้าออกตามจังหวะที่มันโยกตัวไปด้วย

   “อุ .. พอก่อนเจ”

   มันหันผมดันชนกับกำแพง จับผมยกขาข้างหนึ่งแล้วกดเข้าแรงๆ

   ส่วนนั้นของมันถูกับส่วนของผมที่ตรงกันพอดี ทั้งร้อนและเปียกแฉะ

   ผมเอาสองมือมากำแล้วเคลื่อนไหวของตัวเองไปพร้อมๆกัน

   “อา..​อย่างนั้นแหละเก้าๆ”  ก่อนที่มันจะพยายามกดหัวผมลงไป

   “ไม่เอา แค่นี้พอ”  ผมขืนตัวไว้ ผมเลยต้องรีบมือแล้ว

   เดี๋ยวผมจะโดนกดอีก

   “อือๆ เร็วๆๆๆ  อา อา ...​อา”

   ผมหันหน้ามาตรงๆแล้วใช้มือให้มัน

   “ขึ้นลงสุดเลยเก้า อย่างนั้นแหละ”

   “จะมาแล้วๆ เก้าเอายัง”

   “อือ เอาเลยๆ”

   “อา ไม่ไหวแล้ว” สิ้นเสียงเจพับมาซบผมที่คอ

   ตัวเกร็งแน่น มันยังกระตุกกันเป็นระยะๆ มือผมที่เหนื่อยแรงจากการทำให้มันเอาไปวางพาดไว้ที่ก้นมัน ทำให้รู้เลยว่า สิ่งที่มันฉีดพุ่งออกมาเป็นระลอกๆ ผมนับได้ 6

   “มึงเพิ่งทำไปไม่ใช่เหรอ”

   “วัยรุ่นนี่มึง”

   “โอเคมั้ยมึง” เจ พูดเสียงหอบๆ

   “มันไปถึงไหนวะ” มันถามผมโดยไม่มองหน้า พลางจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่

   “โดนท้องกูเต็มเลยวะ” ผมป้ายๆออกก่อน ค่อยไปล้างมือทีหลัง
   
   “เดี๋ยวคนจะมาป่าว” ผมถามมัน

   คิดว่าน่าจะใกล้หมดคาบแล้ว

   “เมื่อกี้มึงเสร็จรึเปล่า” พูดจบเจ รัวมือยิก

   ผมสั่นหัว

   “กูเมื่อยมือก่อนน่ะ”

   “งั้นอย่าเพิ่งใส่นะ” เจที่ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วพุ่งเข้ามาล็อคผมจากด้านหลัง

   “เฮ้ย เดี๋ยวไม่ทัน”

   มันใช้มือช้างถนัดรัวเข้าที่ส่วนนั้นของผม มันยังชี้ขึ้นอยู่เลย เพราะความอยากของผมยังไม่จากหาย

   แต่มันไม่ลื่นเหมือนเมื่อกี้แล้ว

   มันเลยลูบขึ้นมาที่ท้อง เอาไอ้คราบที่มันทิ้งไว้เมื่อกี้มาใช้ต่อ

   “เฮ้ย มึง”

   โอ้ย พอลื่นแล้วมัน .... ผมไม่สามารถบอกเป็นคำบรรยายได้ มันเหมือนผมกำลังจะตกจากที่สูงยังไงอย่างงั้น

   สูงจนความรู้สึกบางอย่างมันท่วมท้น ไล่จากท้องน้อยขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุด มันยังเอาตัวกอดผมไว้แล้วใช้ส่วนนั้นของดัน ดันเข้าๆออกๆเป็นจังหวะไปด้วย

   “อะ... มาแล้วๆ อา  อา...​“ 

   มันหันหน้าเข้ากำแพง

   สายน้ำอุ่นหลายสายที่ไม่น่าน้อยกว่ามัน เลอะเต็มกำแพงไปหมด บางส่วนไหลย้อยไปโดนมือมัน

   พอตัวผมเลิกเกร็ง

   มันก็หยุดมือ แล้วเอาที่เลอะๆมาป้ายกางเกงผม

   “เฮ้ย ไอ้นี่ สันดาน”

   “ชองมึงทั้งนั้นอะ ทำเป็น”

   “ของมึงเต็มตัว กูยังไม่ว่าไรเลย”

   ผมเลยต้องเอาเสื้อออกนอกกางเกง เสี่ยงโดนทำโทษฉิบหาย แต่ช่วยไม่ได้กว่ามันจะแห้ง ไม่งั้นผมคงไม่ต้องเดินไปไหน

   “มีขนมึงร่วงติดกูมั้ยเนี่ย” ผมให้เจช่วยดู

   “ไม่มีหรอก ขนกูน้อย”

   แม่งหน้าด้านจริงๆ มันคนเดียวกับไอ้พีที่กล้าๆกลัวๆวันนั้นรึเปล่าวะเนี่ย
   
   นี่คือกิจกรรมครั้งสุดท้ายของผมกับเจก่อนปิดเทอม

   เย็นวันสอบวันสุดท้าย ผมไปนั่งรอเจมันเตะบอลกับห้องอื่นก่อนกลับบ้าน วันนั้นอยู่กันพร้อมหน้า พวกผม ต้อง แมค แต่คนที่ลงไปเตะมีแค่ไอ้เจคนเดียว พวกผมนั่งดูมันวิ่งไล่บอลอยู่ในสนามข้างล่าง

   ตัวมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เสื้อสีขาวแนบติดกับตัวมันเป็นจุดๆ

   “ดูนี่ๆ เก้า กูได้ยิง”เจตะโกนมาจากหน้าโกล

   ทุกครั้งที่มันได้ยิงมันจะมาตะโกนเรียกให้ผมดูมัน

   ผมไม่ตอบไรชูนิ้วกลางให้มัน เอะอะ ทำไรต้องเรียกผมให้ไปมองตลอดไอ้บ้านี่ โตแล้วไม่ใช่เด็กๆ ทำเป็นได้ของเล่นแล้วต้องมาอวด

   จังหวะบังเอิญผมเหลือไปเห็น บูม อดีตเพื่อนผมสมัยม.ต้น ตั้งแต่ผมรู้จักมันชีวิตผมก็ ฉิบหายตามชื่อ บูม ของมัน บูมที่เป็นเสียงระเบิด ไม่ใช่แปลว่าดัง

   “เฮ้ย เก้าปิดเทอมอะ ถ้าว่างมาหากูละกัน เดี๋ยวเอาชีทที่เรียนคราวก่อนๆมาให้” ต้องพูดเรียบไม่มองหน้าผม

   ใบหน้าด้านข้างของต้องยังชวนให้ผมแอบมองเสมอ มันดูวางเฉยจนผมเดาไม่ออกว่ามันคิดอะไร ผมคิดว่ามันเลี่ยงที่จะมองผมตรงๆมากกว่า
   
   “ขอบใจ”  ผมตอบไปเบาๆ

   “เยดดดดดดด กูพลาดดดดดด”    ไอ้เจมันใช้ปากเตะบอลเหรอ โวยวายอีกแล้ว

   “เห่ยเอ้ย” ไอ้ต้องพูดขึ้นมา

   “แค่เห่ยเหรอ โคตรห่วยสิไม่ว่า”

   “นั่น ป๋าก็แหย่แรงไป”  ผมหันไปมองป๋า

   ผมสังเกตเห็นว่า เวลาต้องมันนั่ง มันชอบยกขาข้างนึงขึ้นมาแล้วเอาคางพาดไว้เสมอ ดังนั้นจุดสนใจมันจึงล่อตาผมมาก ขากางเกงมันเองก็กว้าง (ดันมาว่าแต่กูนะ) แล้วแสตนด์ที่นั่งตอนนี้ที่วางขามันสูง มันเลยนกขึ้นสูงมาก

   ตอนนี้ใจผมอยู่ที่ขากางเกงมันซะแล้ว อยากดูก็อยากดู แต่ก็ต้องทำใจไม่ให้มองลงไป ขอบเกงในสีขาวที่โผล่แพลมออกมา (นี่ถ้าเจรู้ว่าผมมองอะไรมันคง เดินมาตบกระโหลกผมแรงๆ)

   ต้องเองมันเป็นผู้ชาย คงไม่สนใจไรมากมั้ง

   แต่ถึงยังงั้นท่านั่งมึงก็ระวังหน่อยเหอะ

   เด็กผู้ชายตัวเล็กหน้าตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน กำลังวิ่งมาทางนี้ หน้าตาขาวๆ ไม่สิออกซีดมากกว่า ดูดีๆแล้วออกจะคล้ายต้องอยู่เหมือนกัน เป็นเวอชั่นเด็กมั้ง (ผมแอบหัวเราะในใจ) แต่ผอมกว่าเยอะ น่าจะผอมกว่าผมอีก เพียงแต่เรื่องส่วนสูงนี่ ผมมองแวบแรกก็อยากจะร้องไห้แล้วครับ เด็กอะไรสูง 170 ตั้งแต่ม. 2 เฮ้อ.......

   “พี่ต้อง กลับบ้านยัง” เด็กพูดเสียงแหลมขึ้น   

   เอ๋ พี่ต้องเหรอ
   
   “งั้นเดี๋ยวกูกลับกับน้องก่อนนะ” ต้องพูด

   มันเอามือตบหลังผมทึหนึ่ง

   “เก้ามึงอ่านหนังสือมั่งละอย่ามัวตามไอ้เจมัน”  ถึงตรงนี้ผมหน้าแดงเล็กๆ

   “ตามเหี้ยไรละ”

   มันแอบสื่อความหมายอะไรป่าววะเนี่ย

   “พี่ต้อง คนนี้เพื่อนพี่เหรอ”  เด็กคนนั้นพูดขึ้น

   “น้องต่อ นี่เก้า เพื่อนพี่ต้องน่ะ”

   “เอ.. แค่เพื่อนรึเปล่านะ” แมคหัวเราะ

   “หวัดดีคับพี่แมค” ต่อทักทายแมค

   “หวัดดีน้องต่อ”

   “อ้าว ไม่ทักพี่เก้าเค้าเหรอ” แมคถาม
   
   “พี่ต้องกลับเหอะ ผมอยากกลับแล้ว” ต่อลากแขนต้องเดินออกไป

   “อ้าว ไอ้นี่ไม่ทักมึงเลย” แมคหันมามองทางผม

   “ช่างมันเหอะ” อะไรของมันวะ ทำไมมันต้องทำหน้าเหมือนไม่พอใจผมด้วย

   “งั้นกูกลับละ ปะต่อ”

   ต้องเดินขึ้นมาเอากระเป๋านักเรียนที่วางไว้ข้างๆ

   “เฮ้ย ไอ้กะปิ มึงตามเก็บบอลด้วย” ต่อตะโกนใส่เพื่อน

   ท่าทางเอาเรื่องอยู่

   เด็กแว่นตัวเล็กๆหงอยๆ ใส่แว่นวิ่งแว่นเขย่าเข้าหาบอล คว้าลูกบอลมากอดอุ้มไว้ โบกมือหยอยๆให้ต่อ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถที่มารับกลับไป

   พวกเรากลับหมดทิ้งไอ้เจไว้ที่สนามนั่นแหละครับ ให้มันโวยวายกับอากาศไป มันยังคุยกับใครไม่รู้อยู่ กว่ามันจะสังเกตุเห็นผมกับไอ้แมคแอบปีนออกหลังแสตนเงียบๆไปแล้ว

   ผมไม่เคยคิดเลยว่า นี่เป็นครั้งสุดท้ายของพวกเราที่จะได้มานั่งคุยกันที่สนามบอลตลอดชีวิตม.ปลายที่เหลือของพวกเรา

   “เก้า อย่าลืมก่อนเปิดเทอมมาบ้านกูนะ”

   “โอเค” ผมบอกแมคก่อนแยกย้ายกันที่หน้าบ้าน

   พรุ่งนี้ก็ปิดเทอมแล้ว

   ที่บ้านผม อาหารมื้อเย็นที่พร้อมหน้าพร้อมตา

   “เก้า ปิดเทอมจะทำอะไร”

   “เรียนพิเศษครับ”

   “เรียนทำไม เสียเงิน คนอื่นเค้าเรียนแล้วสอบได้ ถ้าเราเรียนแล้วสอบได้มันจะมีความหมายอะไร ถ้าต้องลงทุนลงแรงเหมือนกัน ผลลัพท์เท่ากัน นี่เก้าแย่กว่าคนอื่นเหรอ”

   “คุณคะ” แม่ผมมาขัดจังหวะ

   “ให้มันกินข้าวก่อนได้มั้ย”

   แต่แบบนี้ระฆังยกที่ 1 กำลังจะเริ่มขึ้น

   “แล้วถ้าเรียนจะเรียนอะไร”

   “เอ่อ .... ผมกำลังจะ....”

   ผมยังไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี

   “ถ้าจะเรียนให้ได้ก็เลือกพวกวิชาคำณวนเข้าใจมั้ย วิชาอื่นเรียนไปเสียเวลา”

   “สอบเข้ามหาลัยให้ได้ ยิ่งเข้าได้เร็วยิ่งดี จบเร็วกว่าคนอื่นยิ่งเข้าไปใหญ่ ถ้าทำอะไรได้เท่าคนอื่นจะไปมีประโยชน์อะไร”

   เสียงช้อน ส้อมของแม่ดังขึ้น ไม่เหมือนแม่กำลังกินข้าว เหมือนแม่กำลังเคาะจานมากกว่า

   “พ่อให้เรียน เสียตังค์แล้วใช้ให้คุ้มละ”

   “ครับ” ผมก้มหน้าเขี่ยข้าวในจาน

   “วันนี้เป็นไงมั่ง”

   “อย่าไปถามน่า เรื่องของมัน โตแล้วคิดเองดูแลตัวเองไม่ใช่ไปนั่งถาม มันไม่รู้จักโต เก้า ถ้ากินเสร็จแล้วเอาจานไปเก็บด้วย แล้วขึ้นห้องไปอ่านนหนังสือซะ”

   “ครับ”

   อื่มไม่อิ่มก็ต้องเอาจานไปวางแล้วละ

   “ผมขึ้นห้องนะแม่”

   “เก้า” แม่เรียกผม

   “เก้าขึ้นไปซะ พ่อจะคุยงานกับแม่”

   ระฆังกำลังจะดังแล้วแน่ๆ

   ผมเดินก้มหน้าขึ้นห้อง ปิดหูตัวเอง อย่าไปได้ยินอะไรเลย อย่าไปรับรู้อะไร

   พรุ่งนี้ก็ปิดเทอมแล้ว

    :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2015 11:26:00 โดย Monet »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด