10 CM ตอนที่ 2.0 : บ้านเพื่อน ตอนนี้พวกผมมาอยู่หน้าปากซอยโรงเรียนแล้ว เพราะว่าพวกเรารีบออกมากัน สองแถวเลยยังไม่แน่นเท่าไรนัก ที่รีบเพราะจได้ไม่ต้องยืน ผมนั่งติดกับเจ แล้วก็ป๋า ไอ้ต้องอยุ่ทางซ้าย เหมือนเวลานั่งเรียนกันในห้องเลย
เสียงรถมันดังกลบเสียงคุยกันหมด ทำให้ทุกคนนั่งเงียบ จะตะโกนทำไมให้เหนื่อยด้วย เมื่อมาถึงหน้าปากซอยโรงเรียน เจ ขอตัวไปโทรบอกที่บ้านก่อน
ส่วนป๋า ไปซื้อน้ำกับขนมเตรียมไว้ไปกินที่บ้านแมค ดูท่าจะไม่ใช่แค่ไปนั่งเล่นๆกันแล้ว ส่วนต้องยืนเฉยๆข้างๆผม มันเป็นคนที่ดูดีในสายตาผมจริงๆ แวบแรกที่ยืนอยู่หน้าห้อง มีมันนี่แหละ ที่ผมรู้สึกสะดุดตาแต่ต้องทำเป็นเฉยเสีย ตอนนี้เวลาอยากจะมองหน้ามันต้องเงยหน้าสูงไปหน่อย แต่ถ้าทำยังงั้นมันก็คงรู้ทันที ว่าผมมองมันอยู่
มาคิดๆดูแล้ว ตกลงมันเป็นอะไรกันแน่ นี่เป็นการเริ่มต้นชีวิตในห้องเรียนใหม่ สิ่งที่ผมทำได้คือ พยายามทำตัวให้กลมกลืนที่สุด เรื่องไม่ดีพวกนั้น มันน่าจะมาถึงหูเด็กห้องนี้อยู่บ้างแหละ มากน้อยแล้วแต่ว่ามันจะใส่ใจแค่ไหน
‘ครูครับ โรงเรียนเรามีผู้หญิงมาเรียนด้วยครับ’
‘คนไหนเหรอ คนนั้นไงครับ ที่นั่งอยุ่’ ต้นเสียงมันชี้มาทางผม
‘ก็ดูปกตินี่ ชอบผู้ชายเหรอเรา’ คราวนี้ครูถามผม
ผมไม่ตอบอะไร มันไม่มีเหตุผลอะไรต้องตอบคำถามบ้าๆนี่
ผมมองกลับไปทางต้นเสียงนั้น
‘ดอ มันใหญ่มากเลยนะครับ มันชอบเที่ยวไล่โชว์คนอื่น’
ผมยิ่งงงในคำพูดของมัน
‘จริงเหรอ งั้นมาถอดให้เพื่อนดูหน้าห้องสิ’
ผมยังนั่งนิ่ง จนกระทั่งครูประจำชั้นเข้ามานั่งหลังห้อง เรื่องจึงเงียบไป
นั้นเป็นอดีต อดีตที่ผมอยากจะลืม แล้วจากเรื่องไร้สาระวันนั้น มันก็แพร่ไปทั่วโรงเรียน
ตอนนี้ผมเป็นเด็ก ม.ปลายแล้ว มานั่งนึกๆดูพวกผม 3 คนไม่นับไอ้ต้อง (ไอ้นี่เวลาเรียนมันดุตั้งใจ) ดูจะเป็นกลุ่มที่ไม่เหมือนเด็กทั่วไปในห้องเรียนนี้เลย ดูเป็นมุมที่มีบรรยากาศร่าเริ่ง สบายๆใช้ชีวิตปกติทั่วไป กลับกันมุมอื่นในห้องดูมืดมนยิ่งนัก
อาจจะเป็นโชคของผมบ้าง
เจ เดินมาแล้ว หน้าบึ้งไปนิดหน่อย ส่วนแมค ขนของมาเยอะจนพวกผมต้องวิ่งไปช่วยถือ
“นี่กะกินแทนข้าวเหรอไง” เจ พูด
“ปกติแกก็กินข้าวแล้วกินขนมพวกนี้คนเดียวไม่ใช่รึไง” ไอ้ป๋า สวน
“เฮ้ยมึง เจ เริ่มมีพุงแล้ว ไรวะ เพิ่งม.4 เอง” คราวนี้ตาต้อง
ทุกคนเลยก้มไปมองกันที่พุงเจเป็นจุดเดียว
ทันใดนั้น ต้อง ก็เอามือไปกระชากเสื้อ เจ ออกเผยผิวขาวๆไม่มีขนเลยแม้แต่น้อย ขอบกางเกงในสีขาว แพลมออกมา
ขอบกางเกงขาวตัดกับกางเกงสีน้ำเงิน เข็มขัดสีดำเป็นอย่างยิ่ง
เจมันมีพุงนิดๆจริงๆด้วย หน้าท้องสีขาวแบนแต่ไม่ราบ ไม่มีซิกแพคสักนิด ส่วนนั้นไม่มีขนเลยสักเส้น พุงมันทั้งขาวและเนียน ปกติผู้ชายพอเริ่มโตมักจะมีขนตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเลยนี่นา ผมเองยังคิดว่าถ้ามีก็คงดี มันออกจะดูมีเสน่ห์
ไอ้เจรีบดึงกลับมาปิดพัลวัน
ผมขำไอ้ต้อง ไอ้นี่มันแกล้งได้ทุกคนจริงๆ
“อารายว้า มึงจะอายทำไม” กลายเป็นป๋าที่พูดขึ้น
“โตป่านนี้ขนไม่ขึ้นเหรอมึง” ต้องหัวเราะ
“สัด จะมีไม่มีมันไปหนักส่วนไหนของพวกมึง” เจ โวยวายหน้าแดง
เวลาเห็นคนท่าทางแบบเจ หน้าแดงแล้วโวยวายนี่น่ารักดีแฮะ แล้วยิ่งต้องสูงๆอย่างนี้ มันเหมือนรุ่นพี่กำลังแกล้งน้องอยู่ แล้วตอนนี้หน้ามันยิ่งแดงขึ้นๆ แดงจนจะไปถึงหูอยู่แล้ว
เจ พยายามจะดึงเสื้อของต้องกลับบ้าง แต่ไม่ได้ผล มันหลบได้ มันเลยหันไปทางป๋า ซึ้งป๋าไม่แสดงท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด ถกเสื้อตัวเองโชว์ก่อนเลยซะยังงั้น ผมกับ เจ ยืนหน้าเหวอไปเลย
“มากูให้ดูเอง อยากดูใช่มั้ย”
“พอแล้วมึง กูไม่ใช่เกย์” เจเอามือปิดตา
“นี่กูหนักแล้วมึง”
“จะกินมั้ย ขนมมึงน่ะ” ป๋าทำท่าจะปล่อยทิ้งไป
“คร้าบกินคร้าบ ท่าน” เจ รีบเข้าไปอ้อนแล้ว
“ถือซะ” ป๋าพูดอย่างผู้ชนะ
ผมกำลังเดินไปช่วยถือ แต่ต้องคว้าของมาไว้ก่อน
“ตัวแค่นี้ เดินเฉยๆให้รอดเหอะ”
“กูไม่ใช่เด็กผู้หญิงนะ” ผมเงยหน้ามองมัน
“อ๋อเหรอ” เสียงยียวนของต้อง
มันเอามือมาผลักผมออก แล้วแย่งที่เหลือไปถือเองหมดเลย
ถึงผมจะตัวเล็กผอมๆ แต่ก็เป็นผู้ชายนะ มันรู้สึกแปลกนิดหน่อยที่ต้องทำผมยังกับเป็นผู้หญิง
... เอาเหอะ ก็สบายดี ขี้เกียจไปแย่งมันกลับ
“ทำไม รีบซื้อจัง แถวบ้านไม่มีเหรอ” ผมจำได้ว่ามันน่าจะมีร้านสะดวกซื้อมั่งนะ
พวกมันมองหน้ากันเลิกลัก
“เออ นั่นดิ มึงจะรีบทำไมวะ” เจ ได้ทีว่าป๋ามันเลย
“กูลืมวะ ฮ่าๆๆๆ ทุกทีลงรถปุ๊บเข้าบ้านไปเลย” ป๋าหัวเราะแก้เขินไป
“เฮ้ย รถมาแล้ว” ป๋าชี้
รถเมล์สายที่จะขึ้นนั้น วันนี้ดูโล่งมาก เมื่อพวกเราทะยอยขึ้นรถไป
ไอ้ต้องนั่งหน้าคู่กับป๋า พวกมันเลือกแถวข้างหน้าผม ป๋าเดินเข้าไปนั่งติดริมหน้าต่างด้านขวา ต้องคงไม่สบายมันเลยยืดขาออกมาริมทางเดิน
“เออ กูนั่งข้างมึงนะ” เจ เดินมาเอากระเป๋ากับของกินวางลงข้างผม
“อือ..” ผมไม่ได้ว่าอะไร
ที่นั่งออกว่างมาเบียดกันทำไม
แปลกดีที่รถเมล์ตอนบ่ายสี่โมงวันนี้มีที่ว่างให้พวกผมได้นั่ง เมื่อกี้ยังจะดูวุ่นวายอยู่เลย แต่ตอนี้ทุกอย่างดูเชื่องช้า เสียงเอะอะ ถูกกลบเงียบด้วยเสียงเน่งเครื่องรถยนต์ เมื่อรถเลี้ยว แสงแดดเปลี่ยนทางส่องจากหน้าต่างด้านขวาเป็นด้านซ้าย แสงพาดผ่านมาโดนขาต้อง
มันขยับขาหลบแดด
รถวิ่งด้วยความเร็วน่ากลัวแบบรถเมล์ไทย
ระหว่างอยุ่บนรถเมล์ ไอ้เจหัวโยกหัวคลอนมาพิงไหล่ผม เอ่อ ไหล่ก็เล็กๆอะนะยังจะพิงหลับได้อีก รถเมล์วิ่งแค่ 20 นาทีมันหลับได้แฮะ ผมออกจะอายๆคนอื่นบนรถ (ช่างมันเหอะ) ผมทำเป็นไม่รู้เอา หูฟังมาเสียบ เปิดเพลงฟังต่อจากเมื่อเช้า
มันจะแปลกมากมั้ยถ้าผมได้เพื่อนใหม่ แล้วไม่ทันไรก็ชวนไปบ้านกันแล้ว สายลมพัดมาเอื่อยๆปะทะหน้าผม ผมเจที่ปลิวตามแรงลมปัดมาโดนหน้าผมเบาๆ ชักจะง่วงด้วยซะแล้วสิ ไอ้ต้องยังมองตรงออกไปทางหน้าต่างด้านซ้ายมือ
แสงแดดที่อ่อนโยนตอนนี้กลายเป็นแยงตาแล้ว เมื่อรถมันเปลี่ยนด้าน
เวลามีคนมาพิงบ่ายามบ่ายๆลมเย็นๆ มันก็สบายไปอีกแบบ
เพลงในหูฟังผมเริ่มกลายเป็นเสียงที่ฟังไม่รู้เรื่อง แมคนั่งมองออกนอกหน้าต่าง สายตาเหม่อลอยไปข้างนอก ส่วนต้องยังนั่งพิงติดทางเดินมองออกหน้าต่างไปอีกด้านนึง ก่อนที่ผมไจะไม่สามารถฝืนความง่วงได้อีกต่อไป ภาพสุดท้ายที่เห็นเป็นหน้าต้องกำลังมองมาทางนี้
ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไร พอลืมตาขึ้นก็เห็น ต้องลุกขึ้นยืน พวกเราจะลงป้ายหน้าแล้ว แมคเดินไปกดออดแจ้งคนขับให้จอดป้ายหน้า เจยังหลับพิงไหล่ผมอยู่ จนไอ้ต้อง กำลังเดินอาดอาดมาตบหัวไอ้เจ
“ปั๊ก” ดังลั่นรถเมลล์เลย
เจสะดุ้งตื่น หน้าตาลนลาน แต่มันก็ไม่พลาดเก๊กหน้าหล่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ตบทำห่าไรวะ” เจ พูดเบาๆ
“หรือมึงจะนั่งไปจนสุดสายละ หือ” ต้องชี้หน้ามัน
“ถึงแล้วเหรอวะ กำลังสบายเลย” เจ ทำท่าหาว
“คราวหน้าเอาอีกนะเก้า” มันกระเซ้าผม
“หื้อ เรื่องไร” ผมยกของแล้วลุกขึ้น
พอลงจากรถ เดินต่อไปอีกหน่อยก็ถึงหน้าบ้านไอ้แมคแล้ว
บ้านแมคเป็นตึกแถว 1 ห้อง 3 ชั้น มีชั้นลอย แล้วที่นั่นเป็นห้องนั่งเล่นของพวกเรา มีแอร์ด้วยซึ่งไม่ค่อยจะเปิดนัก ผมเห็นมันเปิดพัดลมก่อนเลย
พอเข้าห้องวางของเสร็จ ท่าทางเจคงเอาแน่ เดินค้นตู้หาหนังอย่างว่าก่อนเลย สงสัยมันจะไม่เจอ
“บ้านมึงเก็บหนังไว้ไหนวะ” เจ ถาม
“บนตู้ ขวามือมึง” ป๋ามันตอบ
เจ รีบลุกไปชะโงกหา
“ไม่เห็นมีหนังอย่างว่าเลย”
“มาให้กูเตะมา บ้านกูไม่ใช่บ้านมึง”
“บ้านกูพี่ๆมันยังวางไว้หราเลย แล้วเวลา...” เจ พยายามเล่าให้ฟัง
“นั่นบ้านมึง บ้านกูพี่สองคนเป็นผู้หญิง สัดนี่ สันดาน” ป๋าจัดเต็มเลย
“ว่าจะชวนไอ้เก้ามันดูซะหน่อย”
เออ ผมไม่เคยดูวะ
“พวกมันดูกันประจำเหรอ” ผมหันไปทางไอ้แมค
“ประจำ ยิ่งไอ้ต้องนะ ดูไปทำไปเลยด้วย”
“พ่อมึงสิ ใครเคยดุกับมึง”
มันยกขนมห่อนึงป่าใส่หน้าไอ้เจ
เมื่อขนมหล่นมากองอยู่ตรงเป้า เจเลยแกะของในห่อนั้นนั่งกินเป็นอันดับแรก ก่อนเปิดเกมแล้วตามด้วทีวี พอพูดถึงเกม ผมหันไปเห็นในห้องนั่งเล่นมีทีวีจอใหญ่อยู่ แล้วที่มุมห้องก็มีกีต้าร์ วางไว้อยู่ตัวนึง คนละตัวกับที่โรงเรียนนี่หว่า
“อย่าหกบนเก้าอี้นะมึง” ป๋าทัก
“เออๆ ไม่หกบนเก้าอี้มึงหรอก” เจ พูดเสร็จล้มตัวลงนอนเลย
มันนอนบนตักผม
“สบายไปมั้ยมึง” ผมบอกมัน
ก็ดี เนื้อน้อยไปหน่อย
“ลุกเลยมึง”
มันไม่สนใจ
ไม่กี่อึดใจ มันก็กินหมดซอง
“พี่มึงเป็นไงวะ เค้าว่าเข้ามหาลัยแล้วจะสวยขึ้นนะเว้ย” ไอ้เจ พอกินอิ่มก็เริ่มอ้าปากถามอีก
“เฮ้ย นั่นพี่กู เห็นพวกมึงมาตั้งแต่ ขนยังไม่ขึ้น” แมคสวนทันที
แสดงว่ามันรู้ว่าเจ หมายถึงอะไร
“ตอนนี้กูเป็นหนุ่มหล่อแล้วนะ”
“ถุย กูหล่อกว่า” ต้องพูดขึ้นมา
อันนี้ผมเห็นด้วยกับต้อง
“ถามเก้าดิ ใครหล่อกว่า” เจ หันมาทางผม
ผมหันหน้าหนี ห่า มึงสู้ต้องไม่ได้หรอก
“แล้วไง มึงจีบใครติดมั่งมั้ยละ” เจ ถาม
“แล้วรุ้ได้ไงว่าไม่ติด อย่างกูไม่ต้องจีบเองนี่” ต้องย้อน
“ใช่สิ เห็นเดี๋ยวๆก็มีมาให้เลือก แต่ยังไม่เอาใคร” มือเจคว้าขนมห่อใหม่
“หรือมีวเป็นเกย์วะ” เจ เอาขนมชี้หน้าต้อง
“เค้าเรียกว่า ไม่ง่าย ไม่ใช่แบบมึงนี่” ต้องเอาป๊อกกี้ชี้มันกลับ
“พอ!!!! รำคาญ ไปเล่นเกมไป จะตีกันไปตีกันในนั้น” ป๋าเดินไปเปิดเกมต่อสู้ให้พวกมัน
“มาเลย จัดมามึง”
มันสองตัวพร้อมใจกันเดินไปที่จอ
พอพวกมัน ลุกไปเล่นหมดแล้ว
ป๋าเล่าให้ฟังว่า พี่ๆมันเรียนนิเทศ สายเกี่ยวกับการทำหนัง ดังนั้นบ้านมันจะมีหนังแปลกๆให้เลือกเยอะแยะ บางเรื่องก็ติดเรท แต่พวกเราตกลงกันว่าจะไม่ดูหนังแบบนั้น และจะไม่บอกไอ้หื่นเจด้วย ผู้ชายสี่คนนั่งดูหนังเรท ด้วยทีวีจอขนาดนี้ มันคงดูแปลกมากๆ
แล้วม.4 ก็เด็กเกินกว่าจะเข้าใจหนังอารมณ์อาร์ทๆพวกนั้น ดูไปก็ไม่รุ้เรื่อง รอแต่ฉากอย่างว่า
“พวกมันสองคนตตีกันบ่อยมากเหรอ” ผมหันไปถามป๋า
“พวกกูเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ม.ต้น ก็ต้องสนิทกันดิ”
“มึงก็เหมือนกัน ถึงมึงจะเคยเห็นหน้ากูบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้มาอยู่ห้องเดียวกันนี่นะ” ป๋านั่งดูพวกมันเล่นเกม
“ต่อไปมึงก็มาเล่นกับพวกกูก็ได้” มันตบไหล่ผม
“จบการสัมภาษณ์ เล่นเกมกันดีกว่า” ป๋าเดินไล่ไปอ้เจออก
“อ้าว ทำไมกูละ”
“ก็มึงแพ้ไอ้ต้องนี่ กูดูอยู่”
“ไรว้า”
เจมันจึงล้มตัวลงมานั่งข้างๆผม
“บ้านมึงมี PS ป่าวถ้ามีว่างๆ กูจะไปถล่มบ้านมึงมั่งนะ” ไอ้เจถามผม
“ตอบไปดิว่าไม่ ฮ่าๆๆ” ต้องหันมาขำ
“ใครจะเชิญพวกมึงมาบ้านกู” ผมเลยสนองความต้องการต้องมัน
“โห.....”
“เก้า นี่เอาใหญ่เลยนะ”
“เปิดเกมดิ เกมที่มึงเล่นค้างไว้น่ะ” ไอ้เจบอก
“เกมไรวะ” ผมสงสัย
“อ้อ เกมใหม่น่ะ เห็นแมคมันบอกว่าเล่นค้างไว้ยังไม่จบ”
“เหรอๆๆ เกมนี้ เราเองก็ยังเล่นไม่ผ่านเลยเหมือนกัน”
“เก้ามึงเล่นด้วยเหรอ” เจหันมาถาม
“เล่นดิ”
“ไรว้า กูไม่มีอีกแล้ว”
“มึงเคยมีไรเหมือนคนอื่นมั่ง” ไอ้ต้องจัดการ แล้ว
“โหหหหหหหหหหห”
พอไอ้เจ โหเสร็จ มันก็เอาขามาพาดขาผม แล้วเอาหลังพิงเก้าอี้ ผมทำหน้าเหวอๆนิดหน่อย (มั้ง) เกิดมายังไม่เคยเจอใครใช้สิทธิ์เหนือร่างกายผมถี่ขนาดนี้เลย ขามันก็ไม่ใหญ่อะนะ ใหญ่กว่าขาผมแน่ๆ กลายเป็นว่า ผมไม่สามารถลุกได้แล้ว เล่นทับทีสองข้างเลยด้วย
“เปิดเกมดิ ไหนที่มึงบอกว่าเล่นค้างไว้น่ะ” ต้องสั่งไอ้แมค
ป๋าเดินไปเปลี่ยนเกม PS เป็นเกมที่มันเล่นค้างอยู่ ไอ้เจ ดูจะสนใจเกมมากเป็นพิเศษ ท่าทางไอ้ป๋าคงจะไปโม้ไว้เยอะสิท่า ไอ้เจก็ดูจะยุขึ้นง่าย ดูมันเองก็นอนสบายๆ เอนหลังแต่ขามันเนี่ยสิ พาดอย่างเดียวไม่พอ ยังเขย่ายิกๆๆอีก มันหนักนะโว้ย
ส่วน ต้อง มันลุกไปหยิบการ์ตูนมาอ่าน แล้วมานั่งบนโซฟา ตัวเดียวกับที่ไอ้เจนั่งเขย่าขานั่นแหละส่วนผมก็นั่งดู แมค เล่นไปก็พอแล้ว แถมขามันก็ยังทับไว้ทำให้ผมไปไหนไม่ได้ด้วย
“อย่าเขย่าสิวะ” ต้องโวย
มันล้มตัวเอาหลังมาพิงไล่ผม
หนักนะมึงสองตัวอะ
ที่บ้านผมเองก็มี PS อยู่ แต่ไม่มีเกมนี้ เพราะงั้นถึงผมจะสนใจไป ผมก็คงไม่สามารถกลับไปเล่นต่อที่บ้าน หรือ ถ้าชอบค่อยคิดอีกทีว่าจะ ไปซื้อมาเล่นมั้ย แถมผมจะกลายมาเป็นคนติดเกมอีกรอบมั้ยนะ อุตส่าห์เล่นน้อยลงแล้วแท้ๆ
ผมเลยชะโงกหน้าข้ามไหล่ไอ้ต้องไปดูว่ามันอ่านเรื่องอะไร
“เฮ้ย เบาๆดิเก้า อย่าหายใจรดคอกู” ต้องเอามือผลักหน้าผมออก
“ก็ไหล่มึงพอดีคางกูเลยนี่”
“เออๆ งั้นวางไว้แล้วหายใจเบาๆ”
“พวกมึงทำไรกันอะ กูทำด้วย”
ถ้านั่งฟังดูสักพักจะเห็นว่า เจ เป็นคนช่างสังเกตุ ไม่สิช่างเสือก อยากรู้อยากลองตลอด
พอเห็นผมอ่านการ์ตูนที่ต้องอ่าน มันก็ลุกขึ้นมาเอามั่งวางคอไว้อีกข้างของไอ้ต้อง
“หนักมึง” ต้องเอาการ์ตูนตบหัวเจ
“ทำไมเก้าทำได้ มันเล่นเสียวมึงสินะ มากูทำมั่ง”
ไอ้เจจะกัดหูไอ้ต้อง
“พอ กูไม่ใช่เกย์” ไอ้ต้องสะบัดตัวออก ลุกขึ้นมาโวยวาย
ไอ้แมคไม่สนใจ นั่งเล่นเกมส์ต่อไป เกมส์ที่มันเล่นภาพสวยดี น่าสนที่จะหามาเล่นบ้างแฮะ พี่เรียนนิเทศน้องเรียนถาปัตเหรอ บ้านนี้ถ้าทางจะติสๆแฮะ
จู่ๆ น้ำหนักที่ทับขาผมก็เปลี่ยนไป
“เฮ้ย เดี๋ยวมาวะ โทรดัง” เจ ขอตัวออกไปคุยข้างนอก
ไอ้ต้องขยับตัวอยู่บนเก้าอี้แล้วนั่งมองไปทางประตูที่ เจ เดินออกไป
“เก้า เดี๋ยวเจ มันเข้ามาแล้วกลับกันเหอะ อยู่นานแล้ว เกรงใจมั่ง”
อ้าว มันว่าผมทำไมเนี่ย ก็อยู่กันหมดไม่ใช่เหรอ
“อือ เย็นแล้ว”
“หน้ามึงแดงๆนะเก้า” พูดจบมันขยับตัวเข้ามาใกล้ผมอีก
“ปะ ป่าว”
“ดูดีๆ เหมือนมึงเป็นไข้เลยวะ”
ผมเลยเอามือจับคอตัวเอง
“อือ สงสัย อากาศเปลี่ยน”
“มึงเป็นเหมือนน้องกูเลย”
ต้องเอามือมาแตะหน้าผากผม ทีนึงแรงๆ
มันกะแรงไม่เป็นรึไงเนี่ย
“กลับไปกินยาด้วยละ ตัวอุ่นๆแล้ว”
“มึง...“
“เออ น้องกูก็อ่อนแอเหมือนมึงอะ ต้องดูแลตลอด”
“อา...คุณพี่แสนดี”
มันยกขาทำท่าจะถีบผม แต่ ... มันยกขาลงทัน เหมือนมันรู้ นั่งท่านี้แล้วยกขา มุมจะไม่สวยเอา หึหึ
“ให้กูดูแลเหมือนน้องกูเลยเอามั้ยละ เตี้ย”
ต้อง ทำหน้ายิ้มๆ มันพูดจริงหรือพูดเล่นวะ
“บ้า กูเป็นผู้ชาย ต้องหาหญิงสวยๆมาดุแลสิ แล้วจะว่ากูเตี้ยไปถึงเมื่อไหร่”
ต้องหัวเราะ
วันเดียวผมเจอเพื่อนใหม่ สามคน คนนึงที่ดูจะสนิทกับผมเร็วมาก อีกคนที่มีเรื่องให้ว่าผมได้ตลอดเวลา อีกคน เอ่อ ว่ายังไงดี ปกติที่สุดแล้วมั้ง แต่ไอ้พวกที่ปกติๆนี้แหละมักจะมีไรแปลกๆทีหลัง
“ไม่ต้อง ไม่ได้เป็นง่อย” ผมเลยย้ำอีกที
“อ้าว รีบกลับกันทำไมวะ อยู่เล่นก่อนดิ”
“เล่นเหี้ยไรละ มึงเล่นอยู่คนเดียวพวกกูนั่งดู”
“มึงไม่ได้ดูไม่ใช่เหรอ มึงนั่งอ่านการ์ตูน” ผมบอกแมค
“มึงอยากโดนใช่มั้ย เก่งจริงอย่าเงยหน้าคุยกับกูดิ”
เถียงกันได้ไม่นาน
เสียงประตูเปิดขึ้นมา
“ เฮ้ยๆ อย่าแกล้งเด็กกูดิ เด็กใหม่เพิ่งมา” เจพูด แล้วเดินมากอดคอผม
พอเจลงมานั่งที่เดิมคราวนี้มันไม่พาดขาแล้ว แต่มันยังกอดคอผม แล้วหันมายักคิ้วให้ เอ่อ เห็นกูเป็นอะไรกันวะ
“ไปรีบกลับไปเลย เย็นแล้ว” ต้องโวยวาย
“อ้าว ไรวะ ให้อยู่อ้อล้อเด็กกูก่อนดิ”
“เด็กเหี้ยไรครับ” ผมหันไปชูนิ้วกลางใส่หน้าเจ
“สม มึง” ไอ้ต้องกระทืบซ้ำ
“สักวันเหอะมึง”
พวกผมเลยทยอยเก็บของแล้วเดินออกจากบ้านแมค ในเมื่อมันเย็นแล้ว อีกอย่างเดี๋ยวพ่อเจ้าของบ้านมาเข้า พวกผมจะกลายเป็นเด็กเกเร ไม่ยอมกลับบ้านกันไปซะ
หลังจากร่ำลากันแล้ว ตอนนี้เราสามคนกองกันอยู่หน้าบ้านป๋า
พอมองดีๆ บ้านมันทำเครื่องเสียงเหรอเนี่ย เพิ่งเห็นป้ายชัดๆ ตอนมาก็มัวแต่เล่นกันเดินเข้าไปไม่ได้ดูเลย ตึกนี้ผมต้องผ่านก่อนเดินกลับบ้านประจำ แต่ไม่ยักจะสังเกตเ กลายเป็นว่า ป๋าต่างหากที่สังเหตเห็นผมก่อน
“เก้า บ้านมึงไปทางนี้เหรอ”
“อือ”
“อะไรๆๆๆๆ มึงจะไปบ้านเค้ารึไง” ไอ้เจ พูดขัดขึ้นมา
“เปล๊า (เสียงสูง) กูคิดว่าถ้ามันเปลี่ยวจะเดินไปส่งน่ะ กลัวมันโดนฉุด” หน้าตาคนพูดกวนตีนมาก
มึงจะเอาไงกับกู ไอ้ต้อง
“เออๆ ไปๆ แยกย้ายๆ เจอกันที่รร.พรุ่งนี้” ไอ้เจพูดแล้วก็รีบเดินแยกจากไปเรียกแท๊กซี่
บ้านไอ้ต้องไปทางขวาจากบ้านของแมคหน่อยเดียว ส่วนผมไปทางซ้ายแล้วต่อเข้าไปในซอย สำหรับไอ้เจผมเห็นมันเรียกรถแท๊กซี่ บ้านมันคงไกลจากแถวนี้พอควรอยู่
ไม่นานแท๊กซี่ก็มา เห็นมันเปิดประตูหน้าเข้าไปคุยบอกทางกับคนชับ พอคนขับพยักหน้าตกลง มันก็หันมาโบกมือลาทางผมกับต้อง แล้วรถก็แล่นออกไป
คราวนี้ก็คงเป็นตาผม ไอ้ต้องยืนหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ตรงข้างๆ
“งั้นกูไปนะ”
“เออ เก้า เบอร์มึงอะไรวะ”
“อ้อ งั้น.. “ ผมบอกเบอร์มันไป
ผมเดินหันหลังไปตามทาง ขณะที่กำลังเสียบหูฟังนั้น ผมแอบหันไปมองไอ้ต้อง มันยังคงมองมาทางผมอยู่ตรงนั้น มันมองนิ่งมาทางผม ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ความรู้สึกนี้คืออะไรกันนะ ผมโบกมือให้มันหนึ่งที ก่อนผมจะหันหลังแล้วเดินต่อไป
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงเพลงในหัวไม่ได้รบกวนใจผมเท่าความรุ้สึกติดค้างเมื่อกี้ ผมจึงหันหลังกลับมา เห็นหลังยาวๆของไอ้ต้องค่อยๆเดินห่างออกไปๆ บนฟุตบาทจากที่ว่างปล่าวหน้าบ้านแมค ไปสู่ความวุ่นวายของ รถเข็นขายอาหารกับแสงไฟสลัวๆ
บ้านผมต้องเดินไปอีกสัก สิบห้านาที ก็ไม่นานนักหรอกครับ เด็กๆมันแรงดี ตอนนี้เพิ่งหัวค่ำ ผู้คนก็สัญจรไปมา ไม่ได้เปลี่ยวอย่างที่ต้องบอกหรอก
ผมได้แต่คิดว่า พวกเราสนิทเร็วดีเหมือนกัน เราเรียนรร.เดียวกันมาตั้งแต่ ม.ต้นถึงจะไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ก็คงเคยเห็นหน้าบ้าง
คิดว่าคงไม่มีใครในกลุ่มจะมีนิสัยที่ผมไม่ชอบ แล้วก็ไม่มีใครจะคิดทำอะไรกับผมเกินเลยไปกว่าความเป็นเพื่อน เช่นกันผมเองก็ไม่ควนคิดไปกว่านี้ อะไรที่กำลังจะเกิดหยุดเอาไว้ดีกว่า
ผมเพิ่งนึกได้ว่า ไหนไอ้ต้องมันบอกว่า ไม่ไปไง แล้วมันมาทำไรหว่า แล้วทำไมเวลาเจ เดินออกไปคุยโทรศัพท์มันต้องมองแปลกๆด้วย จะไปยุ่งทำไมเรื่องของเค้าสองคนน่ะ ผมปรับเพลงในหูให้ดังขึ้น กลบเสียงของความคิดประหลาดๆออกไปซะ
โทรศัพท์สั่นขึ้นมา
“โหล”
“ถึงบ้านยังละมึง”
“ใครครับ”
“กูเอง ไอ้เตี้ย”
สัด
“ต้องเหรอ”
“มึงคิดว่าใครละ”
“หลงทางเหรอไง” ผมถามมันกลับ
“หลงเหี้ยไรละ ถึงบ้านแล้ว”
“กูจะถามว่ามึงโดนฉุดหรือยัง” มันพูดต่อ
“ยังเว้ย ถึงบ้านเร็วจัง”
“ขากูยาวน่ะ นี่ยังไม่ถึงเหรอ”
“อีกแปีบ”
“อ้อ”
ปลายสายเงียบไปสักพัก
ผมไม่รู้จะชวนมันคุยไรดี
“ต้อง มึงไม่โทรหาแฟนเหรอ” อยู่ๆ ปากก็ถามออกไป
กูจะถามไปเพื่อ?????
“ทำไมคิดงั้นวะ”
“หล่อๆ หน้าตาดีอย่างมึงน่าจะมีคนให้โทรหานะ”
“มึงยอมรับแล้วเหรอว่ากูหล่อ คนหล่อใช่ว่าจะต้องมีใครนะเว้ย” กวนกูอีกแล้ว
“เอ่อ... เอาเหอะ กูถึงบ้านแล้ว”
“แล้วมึงละ ไม่โทรหาใครเหรอ” หือ นี่ก็ไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน
“กูว่าจะโทรหาไอ้เจมันนะ ฮ่าๆๆ” คราวนี้ตาผมเอาคืนมั่งละ
“โทรหาไมวะ”
“กูคงคิดถึงมัน ท่าทางมันจะชอบกู”
“เหรอ... คิดดีๆละกัน”
“เออ สัด กูไปละ” แล้วผมก็กดวางสาย
“เดี๋ยว มีไรโทรหากูได้นะ หึหึ”
ประโยคฟังดูดี แต่เสียงนี่สิ
แม่ง สมเป็นต้องจริงๆ โทรมากวนตีนได้จนนาทีสุดท้ายเป็นไงละ เจอผมเข้าไปมั่ง งานนี้คงพูดไม่ออก
ต่อไปกลายเป็นว่า ผมนี่แหละครับที่พูดไม่ออก

