เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน:โชตะ}
เสียงสายฝนเทลงมากระหน่ำยังพื้นโลกให้เปียกชื้นแฉะไปทั่วอาณาบริเวณนี้หรือที่อื่นใดก็ไม่อาจจะรู้ได้ ทำให้คนที่นอนฟังอยู่ในที่พำนักของตนเกิดรู้สึกหงอยเหงาขึ้นมาท่ามกลางความหนาวเย็น
อรุณนอนก่ายหน้าผาก เขาไม่เคยรู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไปสักอย่างเช่นนี้มาก่อน ทั้งที่รอบกายนั้นมีทั้งนางฟ้า นางสวรรค์รายล้อม หรือแม้กระทั่งพวกนางไม้ก็มีมาไม่ได้ขาดปาก แต่เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าพวกนางเหล่านั้นกลับมอบความสุขให้แค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็จากไป โดยไม่มีใครที่เขา”อยาก”อยู่ด้วยสักคน
อรุณเสมองนางไม้นางหนึ่งที่เขาได้มากกกอดเมื่อคืนวาน นางมีผิวขาวราวเปลือกไข่ ใบหน้าหวานหยดนั้นใสสะอาด อกอวบอิ่มเต่งตึงรับกับปทุมถันสีอ่อนนอนทอดกายราวกับจะยั่วยวนกิเลสตัณหาให้ลุกโชนอีกรอบ
เขาเมินหน้าไปทางอื่น เพราะตอนนี้ไม่ได้มีอารมณ์ใคร่หรือปรารถนาในตัวนางไม้ตนนี้แล้ว อรุณมักจะเปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น เนื่องจากยังไม่มีใครที่ได้เกาะกุมใจของเขาไว้ได้สักคน
เขาถึงยังโสดและยังไม่มีทายาท ต่างจากใครอีกคนที่อายุน้อยกว่าเขาแต่ดันมีเมียและมีลูกเป็นโขยง
น่าขายหน้านัก!
ความจริงเทพพิทักษ์ป่าก็ไม่ได้อยากอยู่สันโดษไปตลอดชีวิตอมตะนักหรอก เพียงแต่ยังไม่ได้พบใครที่ถูกใจจนอยากจะร่วมใช้ชีวิตด้วย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เสาะหา แต่ส่วนมากที่เจอก็เป็นของคนอื่นมาก่อนทั้งนั้น ไม่มีใครที่บริสุทธิ์ผุดผ่องให้เขาได้เป็นชายคนแรกของนางพวกนั้นเท่านั้นเอง
หากจะว่าทีเขายังสำส่อนได้เหตุใดจึงอยากได้พรหมจรรย์จากคู่ตน เขาก็ไม่เถียง ชายใดจะไม่อยากเป็นคนแรกที่ได้ร่วมรักกับคนที่ตนรักกันเล่า มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวที่พอเขาได้เสพสวาทกับนางใดนางหนึ่งแล้วรู้ว่าผ่านชายอื่นมาก่อนเขาจะไม่กลับไปกินอีกเด็ดขาด
อรุณหลับตาลงอย่างต้องการจะพักผ่อนเมื่อความคิดเริ่มจะฟุ้งซ่านเกินไปเสียแล้ว แต่จู่ๆกลับลืมตาโพลงขึ้นมาท่ามกลางความสว่างจากคบไฟที่ถูกจุดไว้ตามผนังของถ้ำ เมื่อเขาพบว่าทันทีที่ตาปิดลงภาพของใครบางคนก็แวบเข้ามาทันที
ใบหน้าจิ้มลิ้ม ริมฝีปากระเรื่อ สองแก้มแดง ตัวกระจ้อยร่อยเพราะยังเติบโตไม่เต็มที่
เด็กคนนั้น ลูกชายของอมฤทธิ์
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งแล้วสงบสติอารมณ์ที่มันเริ่มจะพุ่งพ่าน ลูบใบหน้าตนแรงๆสองสามทีเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่น ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นเด็กคนนั้นแวบเข้ามาในหัว ยิ่งช่วงนี้ยิ่งเป็นบ่อยนัก หลายวันก่อนมาแค่ภาพแต่ครั้งนี้มีเสียงมาด้วย
“เมื่อไหร่ท่านจะมา ท่านช่างไม่มีความรับผิดชอบเอาเสียเลย” คำพูดตัดพ้อจากริมฝีปากบางนั้นตอกย้ำให้เขานึกถึงถ้อยคำสั่งจากเด็กน้อยคนนั้นขึ้นมาได้ อรุณไม่ได้ลืม แต่แค่ยังไม่ได้ทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอมา ใช่ว่าเขาไม่อยากจะ ”กิน” แต่เพราะมันไม่ใช่จะ ”กิน” กันได้ง่ายๆน่ะสิ
สิ่งที่เขาเคยทำไว้กับอมฤทธิ์นั้นเรียกได้ว่าหยามความเป็นเทพของอีกฝ่ายนัก กับการที่เทพรุ่นน้องตนนั้นละเมิดกฎที่ตั้งไว้ว่าหากเทพพิทักษ์ป่ารุ่นพี่ไม่อนุญาตให้ออกจากป่าก็ห้ามขัดคำสั่ง แต่ในวัยคึกคะนองทำให้อมฤทธิ์กล้าลองดีท้าทายรุ่นพี่อย่างเขา
ผลทีได้คือการลงโทษจากเขาที่สาปให้อมฤทธิ์เป็นครึ่งเทพครึ่งปีศาจ เพราะอมฤทธิ์ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับเทพพิทักษ์ป่าตนอื่นด้วย ไม่ใช่แค่ตนเพียงอย่างเดียว
การสำแดงอิทธิฤทธิ์ของอมฤทธิ์นั้นทำให้พวกมนุษย์พากันแตกตื่นและหวาดกลัว จนมีกลุ่มนักล่าหรือที่เรียกว่าหมอผีนั้นออกตามล่าพวกเทพอย่างเขากันอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่ด้วยฤทธิ์เดชของเทพพิทักษ์ป่าจึงไม่มีใครที่ถูกจับหรือโดนจัดการได้ มีแต่พวกนักล่าเท่านั้นที่ถอยทัพกลับไปเพราะมิอาจมีพลังสู้เทพอย่างพวกตนได้ ความสงบจึงกลับมาสู่ผืนป่าอีกครั้ง
นั่นมันก็นานเป็นร้อยปีมาแล้ว เขาไม่แน่ใจเช่นกันว่าอมฤทธิ์จะยังเคืองโกรธตนเรื่องนั้นอยู่หรือไม่ เพราะเท่าที่ผ่านมาเทพรุ่นน้องนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะยังแค้นตนอยู่ ก็มีแค่เรื่องเดียวที่เห็นได้ชัดคือ
หวงเมีย!
ไม่ใช่แค่หวงธรรมดาแต่อภิมหาหวงเลยเชียวล่ะ แค่เขากล่าวทักทายและกล่าวชมเมียของเทพรุ่นน้องเพียงนิดเดียวเจ้าตัวก็หัวเสียใส่ตนขนาดนั้น แต่นั่นเขาก็พอจะเข้าใจเพราะเมียของอมฤทธิ์นั้นเป็นมนุษย์ที่แสนบอบบางน่าทะนุถนอมไปทั้งตัว
อา...
นั่นยังไม่เท่าใครอีกคนที่ยิ่งกว่าน่าทะนุถนอม แต่น่ากลืนกินไปทั้งตัว
คนตัวเล็กที่หวงแม่ยิ่งกว่าสิ่งใด
อรุณยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าหวานของเด็กชายที่พยายามจะปั้นให้มันดุเพื่อข่มขู่ตน ราวกลัวว่าเทพอย่างเขาจะไปพรากเมียรักของท่านพ่อไปจากอก
เด็กจริงๆ
ทั้งที่หวงท่านแม่ขนาดนั้นแต่เหตุใดถึงได้เสนอตัวให้เขาเช่นนั้นกันนะ เขาไม่คิดว่าแค่การหอมแก้มเพียงแผ่วเดียวจะทำให้เจ้าตัวเล็กร้องขอความรับผิดชอบหรอก แต่อาจเป็นเพราะต้องการ
ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม!
ไม่ผิดแน่ เขามั่นใจ ไม่รู้จะดีใจดีหรือไม่ที่เด็กน้อยต้องการเขาเพียงเพื่อกันเขาออกจากท่านแม่ของตน
ไร้เดียงสาจริงๆ
คงไม่รู้สินะว่าการร้องขอแบบนั้นเท่ากับการชี้โพรงให้กระรอกตัวใหญ่ๆอย่างเขา
หึหึ
ตอนนี้อรุณคิดออกแล้วว่าจักต้องทำเช่นไรจึงจะได้ “กิน” อาหารแสนหวานนั้นอย่างไม่ต้องเปลืองแรง ในเมื่อพ่อลูกคู่นั้นต่างก็หวงในตัวของมนุษย์คนนั้น เขาก็จะใช้ความ “หวง” นั่นแหล่ะเป็นข้อเรียกร้อง
เด็กน้อยจะได้รู้ว่าเทพอย่างเขานั้นรับผิดชอบทุกการกระทำเสมอ และเขาจะแสดงให้เห็นว่า “เอาจริง!” และ “กินจริง!” เป็นอย่างไร
.
.
.
.
.
“ท่านแม่รู้สึกสบายขึ้นหรือไม่?” หมี่ซอที่กำลังใช้มือทั้งสองข้างบีบนวดเท้าของมารดาถามขึ้น
มะเหมี่ยวนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ริมลำธารเฝ้ามองดูการเอาใจใส่ของหมี่ซออย่างมีความสุข ยิ้มให้บุตรที่ยืนอยู่ในน้ำที่สูงถึงช่วงเอวก่อนตอบ
“จ้า แม่รู้สึกดีขึ้นมากเลย”
ดวงหน้าหวานของเด็กน้อยยิ้มรับอย่างดีใจในคำกล่าวนั้น ก่อนจะทำปากยื่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่ทำให้เขาต้องมายืนนวดเท้าให้ท่านแม่อยู่อย่างนี้
“ก็หากท่านพ่อดูแลท่านแม่ดีๆ ท่านแม่ก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้แน่ๆ”
มะเหมี่ยวยิ้มก่อนจะแก้ตัวให้สามี
“หมี่ซออย่าไปว่าพ่อแบบนั้นเลย แม่ซุ่มซ่ามเอง”
เสียงหึดังออกมาจากปากจิ้มลิ้มก่อนจะหยุดนวดแล้วเงยหน้ามองท่านแม่
“ข้ารู้ว่าสำหรับท่านแม่แล้ว ท่านพ่อไม่เคยทำผิดอะไรสักอย่างหรอก” ท่าทางกระเง้ากระงอดนั้นเรียกเสียงหัวเราะเบาๆออกมาจากมารดาได้ดีนักแล
“หมี่ซอลูกแม่..” มะเหมี่ยวตบที่นั่งข้างตัว “มานั่งนี่มา”
หมี่ซอมองตามมือของท่านแม่แล้วลุกขึ้นจากน้ำไปนั่งข้างๆโอบกอดเอวที่มีหน้าท้องนูนขึ้นมาเล็กน้อย
“ทำไมลูกถึงคิดว่าสำหรับแม่แล้ว พ่อไม่เคยทำอะไรผิดเลยล่ะ”
หมี่ซอเงียบเพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร หากจะว่าตามความเป็นจริงแล้วท่านพ่อก็ไม่เคยทำผิดใดๆให้เขาได้เคืองใจ ท่านพ่อออกจะเป็นผู้นำของครอบครัวที่ดีซะด้วยซ้ำ คงจะมีแค่เรื่องเดียวที่เขายังคงต่อต้านและขัดขวางอยู่ตลอดนั่นก็คือ
ท่านพ่อชอบรังแกท่านแม่
เขาไม่ได้เห็นกับตาหรอกว่าท่านพ่อรังแกท่านแม่เช่นไร แต่ที่พอจะเดาได้ก็คือพวกน้องๆของเขายังไงล่ะ มีมากมายจนท่านแม่แทบไม่มีเวลาเป็นของตนเอง เพราะเอาเวลาส่วนใหญ่มาทุ่มให้กับเขาและน้องๆ และไหนจะต้องคอยปรนนิบัติท่านพ่ออีก
“ข้าก็ไม่ได้คิดเช่นนั้นหรอก เพียงแต่ข้าเหนื่อยแทนท่านแม่ที่ต้องเลี้ยงดูพวกข้าตั้งหลายคน..เพราะท่านพ่อ” หมี่ซอไม่อยากเอ่ยต่อเพราะกระดากปากตัวเอง ไม่อยากจะเอ่ยเลยว่าท่านพ่อ ”ขยัน” ทำน้องให้เขาเพียงใด
มะเหมี่ยวลูบหัวของหมี่ซอแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มใจดี
“แม่ดีใจนะที่หมี่ซอเป็นห่วงแม่ แต่ก็อยากให้ลูกเข้าใจว่าวัยเจริญพันธุ์น่ะ” มะเหมี่ยวกระแอม ไม่รู้ว่าพูดไปจะดีหรือเปล่า
“ทำไมรึ?”
“เดี๋ยวพอหมี่ซอมีครอบครัวก็จะรู้เอง”
“แต่ข้าอยากรู้เลยนี่นา”
“ท่านแม่ๆ” เสียงเรียกจากข้างหลัง ทำให้สองแม่ลูกที่กำลังคุยกันอยู่ต้องหันไปมอง ก็เห็นคว่าพูตัวน้อยวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา แก้มน้อยๆนั้นแดงอย่างน่ามอง
“มีอะไรคว่าพู เรียกซะตกอกตกใจ” หมี่ซอตำหนิคนเป็นน้อง
“ข้าแค่จะมาบอกว่าท่านลุงคนนั้นมาที่นี่ แล้วท่านพ่อก็บอกให้ข้ามาตามท่านไปพบด้วย” คว่าพูน้อยตอบรวดเดียวจบ
หมี่ซอเม้มปากแน่นอย่างหงุดหงิด หายไปตั้งเกือบเดือนเพิ่งจะโผล่หน้ามา ทั้งที่เขาเคยสั่งไว้ว่าให้มารับผิดชอบกับการกระทำที่เรียกว่า “ผิดผี” น่าจะใช่นะ เพราะเคยได้ยินท่านยายพูดให้ฟังอยู่ครั้งหนึ่งว่าหากชายหญิงใดที่ยังไม่ได้ผูกแขนหรือแต่งงานกันแต่ล่วงเกินกันแล้วมันผิด
ใช่มันผิด ดังนั้นเทพพิทักษ์ป่าตนนั้นต้องรับผิดชอบเขา แม้ว่าพวกเขาจะเป็นชายด้วยกันทั้งคู่ก็ตาม ดูอย่างท่านแม่กับท่านพ่อสิยังอยู่ด้วยกันได้เลย
“ป่ะ ท่านแม่ข้าไปด้วย” หมี่ซอไม่ได้อยากจะเห็นหน้าเทพตนนั้นหรอกนะ
“อ้อ! พี่หมี่ซอท่านพ่อบอกว่าให้ท่านแม่ไปผู้เดียว พวกพี่ๆและข้าก็เพิ่งโดนไล่ออกมา” คว่าพูบอกเสร็จ พวกน้องๆของเขาทั้งสี่คนก็พากันเดินเรียงแถวกันออกมา
“แต่ข้า..” หมี่ซออยากไปด้วยเพราะไม่ไว้ใจเทพตนนั้น
“เดี๋ยวแม่ก็มาแล้ว ลูกพากันเล่นรอแม่อยู่ที่นี่แล้วกันนะ” มะเหมี่ยวกล่าวตัดบท ค่อยๆลุกขึ้นจากก้อนหินยิ้มให้ลูกคนโตนิดนึงก่อนจะเดินไปยังจุดหมายภายในถ้ำที่เทพพิทักษ์ป่าสองตนกำลังโต้เถียงกันอยู่
.
.
.
.
ราวสักชั่วโมงถัดมาคนทั้งสามก็เดินตรงมายังที่เด็กๆทั้งหกกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
“อ๊ะ! ท่านพ่อกับท่านแม่มาแล้ว” พูแซที่วิดน้ำใส่หน้าพาโลอย่างเมามันร้องบอก เด็กๆทั้งหมดจึงหันไปมองคนมาใหม่ทั้งสามที่มีสีหน้าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
มะเหมี่ยวรู้สึกหงุดหงิดมากที่สุดจนอยากจะทึ้งหัวของอมฤทธิ์ให้เส้นผมทุกเส้นของสามีหลุดออกมาจากหัวนั้นให้หมด
ฮึ่ย! ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
สายตาจับจ้องมาที่ลูกคนโตอย่างคิดหนัก แล้วตวัดตาดุๆใส่สามีจนอมฤทธิ์สะดุ้งโหยงด้วยความเกรงกลัวต่อเมียรัก ยิ้มฝืดเฝื่อนส่งให้ไปอย่างขอลุแก่โทษ แต่มะเหมี่ยวไม่สนใจสะบัดหน้าพรืดหนีอย่างไม่พอใจ
โธ่ เมียจ๋า เข้าใจผัวหน่อยเถอะนะ
อมฤทธิ์ได้แต่กู่ร้องในใจ หากจะพูดออกมาตอนนี้เขาก็อายเทพพิทักษ์ป่าอีกตนแย่น่ะสิ ดีนะที่เขาสามารถปิดกั้นความคิดตนเองไม่ให้อรุณอ่านออก เพราะแค่นี้เขาก็ถูกมองว่ากลัวเมียจนหัวหดไปหมดแล้ว
อรุณไม่ได้สนใจกับท่าทีของสองผัวเมียคู่นี้แล้ว เพราะเขากำลังจะได้สิ่งที่ต้องการในไม่ช้านี้
เด็กคนนั้นที่มีนามว่า หมี่ซอ
“ข้าจะมาในอีกสามวัน” อรุณบอกสองผัวเมียที่ไม่รู้ว่าเมียจะลงมือฆ่าหั่นศพผัวตอนไหน เพราะหน้าตาของมะเหมี่ยวนั้นบ่งบอกว่าไม่ช้าก็เร็วอมฤทธิ์ได้เลือดตกยางออกแน่
“ข้าทำตามสิ่งที่เจ้าขอแล้วนะ..พอข้ามารับอย่าใจเสาะหนีข้าไปเสียล่ะ” อรุณร้องบอกหมี่ซอที่กำลังมองมายังตนด้วยดวงตาใสแจ๋ว
เห็นแล้วมันน่า...นัก!
เมื่ออรุณเดินหายวับไปท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ มะเหมี่ยวก็เดินตรงมาหาบุตรคนโต พูดด้วยน้ำเสียงเครียด
“หมี่ซอ เราต้องคุยกัน”
.
.
.
.
พอครบตามกำหนดอรุณก็มารับหมี่ซออย่างที่ได้กล่าวไว้ ในตอนแรกที่มาถึงเด็กน้อยก็ทำท่าจะไม่ไปกับเขา แต่พอเทพพิทักษ์ป่าท้วงถึงสิ่งที่เด็กชายร้องขอกับเขาเอง เด็กชายจึงต้องไปอยู่กับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อรุณมองเด็กชายที่หากจะคะเนตามสายตาหน้าจะสูงประมาณร้อยห้าสิบเซนติเมตรกำลังยืนมองทิวทัศน์จากบนหน้าผาที่เบื้องล่างคือทุ่งดอกทานตะวันที่กินเนื้อที่หลายร้อยไล่ของพวกมนุษย์ที่ปลูกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นที่ท่องเที่ยวอย่างตื่นตาตื่นใจ
“ข้าเพิ่งเคยเห็นดอกไม้พวกนี้ มันช่างสวยงามจริงๆเลยนะ ท่านว่าไหม?” เด็กชายพูดทั้งที่ตายังจับจ้องไปเบื้องล่าง
อรุณยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนตอบ
“เจ้าอยากได้มาสักดอกหรือไม่ล่ะ?” เขาถาม
“แน่นอน ข้าอยากได้”
หมี่ซอหันมามองอย่างไว ใบหน้าหวานระบายยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะหันไปมองความสวยงามนั้นอีกครั้ง
อรุณยิ้มจางก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ เขายืนทาบอยู่ข้างหลังของเด็กชายแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มกังวาน
“ข้าจะไปเอามาให้เจ้าก็ได้..แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
เด็กชายหันมามองอย่างสงสัยแล้วเอ่ยถาม
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร?”
อรุณยิ้มเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหวานของเด็กน้อยทำให้เขาถูกใจอยู่ไม่ใช่น้อย ขนาดลำตัวที่ต่างกันไม่ใช่ปัญหาถ้าเขาอยากจะ “กลืนกิน” ให้ “เต็มกลืน”
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าเจ้ากับข้าในตอนนี้เป็นอะไรกัน”
หมี่ซอขมวดคิ้วมุ่น เม้มปากแน่น ถอยห่างออกมาจากอรุณเล็กน้อย อย่างไม่ไว้ใจ
“ข้ารู้หรอกน่า ว่าตอนนี้ข้ากับท่านอยู่ในฐานะไหน..แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้อแลกเปลี่ยนกันล่ะ”
“เจ้าต้องทำหน้าที่ของเจ้าก่อน ข้าจึงจะไปเก็บมาให้”
ตากลมโตของเด็กน้อยเบิกกว้างขึ้นมาอย่างวิตก น้ำเสียงนั้นตะกุกตะกักอย่างใจเสีย
“ข้า ข้ายังเด็กอยู่เลย ทำเช่นนั้นไม่ได้หรอก” บอกพร้อมกับก้าวเท้าหนีออกจากหน้าผา
“จะเด็กหรือไม่เด็ก เจ้าก็ต้องทำ เพราะเจ้าเป็นเมียข้าแล้ว” อรุณเดินตาม กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะติดหงุดหงิดเล็กน้อย
ใจเย็นๆ เดี๋ยวเด็กขวัญเสีย
เขาได้แต่เตือนตัวเองในใจว่าอย่าวู่วามมากนัก เดี๋ยวแทนที่จะได้กินเด็ก อาจจะต้องรีบส่งหมี่ซอที่งอแงกลับไปคืนพ่อแม่แทบไม่ทัน
“แล้วที่อยากให้ข้ารับผิดชอบเจ้า ไม่ใช่เพื่อการนี้หรอกหรือ” สิ้นคำเด็กน้อยหันมาตวัดสายตาจิกกัดเต็มที่
“ก็ท่านล่วงเกินข้าก่อน มันก็สมควรแล้วไม่ใช่รึที่ต้องรับผิดชอบ..แล้วข้าจะบอกท่านไว้อย่างนะ..ข้าไม่ได้ปรารถนาในตัวท่านหรอก..ท่านเทพลามก!”
กล่าวเสร็จก็วิ่งแจ้นนำหน้าอรุณไปก่อนทันที
เทพพิทักษ์ป่าสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะยิ้มออกมาแล้วส่ายหัวให้กับความน่ารักของเด็กน้อยที่วิ่งไป กระโดดโหยงเหยงไปด้วย
เห็นท่าว่าต้องปล่อยไปก่อน แต่ไม่นานนักหรอก เขาจะฟาดให้เรียบทั้งตัวเลยคอยดูเถอะ!
ทั้งที่คิดว่าจะปล่อยเด็กน้อยให้ยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่องไปก่อน แต่พอเอาเข้าจริงอรุณแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เพราะกลิ่นกายที่เด็กน้อยนอนข้างๆตนบนเตียงนั้นช่างหอมหวานจนอยากจะลองชิมให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย
“อืม” เด็กน้อยที่นอนละเมอขยับเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ ก่อนจะซุกมาที่อกของอรุณราวกับต้องการไออุ่น แขนขาก่ายเกยเทพพิทักษ์ป่าที่แทบกลั้นหายใจไว้เพราะเกรงว่าคนตัวเล็กจะตื่น เพราะหากตื่นเขาอาจจะไม่ได้เข้าใกล้อีกฝ่ายเช่นนี้แน่
อรุณยกหัวน้อยๆนั้นออกจากอกแล้ววางลงที่แขนแก่รงตนอย่างเบามือ
หอม
หอมไปทั้งตัวเลย อรุณมองแก้มแดงระเรื่อ และปากจิ้มลิ้มนั้นอย่างอยากลิ้มลอง แล้วเขาก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ ใบหน้าคมสันหล่อปานเทพบุตรโน้มไปแตะเบาๆแต่นิ่งค้างไว้นานก่อนจะกดให้มันแนบแน่นขึ้นอีก แล้วถอนปากออกมา
อา..
ช่างหวานเสียเหลือเกิน ขนาดยังไม่ได้ชิมรสน้ำผึ้งในปากน้อยๆนั้นยังทำให้เขาเคลิบเคลิ้มได้ขนาดนี้ ถ้าเขา..
ไม่คิดต่อแล้วชิมเลยดีกว่า
อรุณกดจมูกลงบนแก้มใส ละมาที่ริมฝีปากระเรื่ออีกหน ปลายลิ้นร้อนชื้นดันแยกเปิดปากเด็กน้อยออกอย่างง่ายดาย ไล้ลิ้นสำรวจดูดซับความหวานอย่างย่ามใจก่อนจะสะดุ้งสุดตัว เมื่อความเจ็บลามเลียทั่วทั้งลิ้น ทั้งยังมีรสของเลือดเป็นของแถมมาอีก
อรุณถอนปากออกทันที เด็กน้อยที่ตนคิดว่าหลับลืมตามองด้วยตาเขียวปั้ดก่อนจะลุกขึ้นนั่งใช้หลังมือถูริมฝีปากตนเองอย่างแรง
เทพพิทักษ์ป่าผุดลุกขึ้นนั่งตาม จับมือน้อยๆนั่นออกแล้วกล่าว
“เจ้ารังเกียจสัมผัสของข้ามากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” อรุณไม่ได้อยากจะตัดพ้อกับการกระทำนั่นหรอก แต่เขาแค่ไม่พอใจอยู่ลึกๆที่เด็กชายทำเหมือนขยะแขยงเขาก็ไม่ปาน
หมี่ซอแก้มแดงปลั่ง เขารู้สึกตัวตั้งแต่ที่อรุณแตะปากตั้งแต่ทีแรกแล้ว เด็กชายอยากจะลุกขึ้นมาอาละวาดอยู่หรอกแต่เพราะยังมึนในรสสัมผัสที่ตนเพิ่งเคยได้ลิ้มลองครั้งแรกจึงได้แต่แกล้งหลับต่อไป แต่พอท่านเทพตนนี้ทำอีกรอบแล้วคราวนี้ดันมากกว่าครั้งแรก ดันแทรกซอนลิ้นเข้ามาในปากเขาอีกก็เลยต้องทำโทษเสียให้เข็ดจะได้จำว่าเขาน่ะ
ถึงจะอร่อย แต่ก็เคี้ยวยาก!
ด้วยความที่เป็นเทพ อรุณใช้พลังในการรักษาตัวทำให้ความเจ็บปวดที่ได้รับค่อยๆทุเลาลงจนหายสนิท มองเด็กน้อยแก้มแดงตรงหน้าอย่างประเมินสถานการณ์ว่าจะจัดการอย่างไรดี เพราะเขาก็ไม่ได้อยากเลื่อนเวลา “กิน” ออกไปอีกแล้ว
“ข้าถามเจ้า เหตุใดจึงไม่ตอบ” เสียงทุ้มที่ดัดให้เข้มเอ่ยถาม
“ข้าไม่ได้รังเกียจท่าน แต่ข้าไม่ชอบการกระทำของท่านมากกว่า” เจ้าตัวเล็กตอบกลับมาแทบจะทันที สายตาที่มองมาอย่างเอาเรื่องนั้น ทำให้อรุณถอนใจแล้วเอ่ยด้วยเสียงเรียบ
“มันเป็นธรรมดามิใช่รึ ที่ผัวอยากจะจูบกับเมียของตัวเอง”
“ฮื่อ ข้ายังไม่ได้เป็นเมียของท่าน อย่ามาโมเมเลยท่านเทพลามก!” พูดพร้อมกับสะบัดหน้าหนี
“คำก็ลามกสองคำก็ลามก ข้าลามกตรงไหน เจ้าลองบอกข้ามาซิ”
หมี่ซอหันกลับมาแล้วชี้วนไปทั้งหน้าของอรุณ
“ทั้งตัวท่านนั่นแหล่ะที่ลามก อ๊ะ..” หมี่ซอร้องอย่างตกใจเมื่ออรุณดึงมือของเขาที่ชี้หน้าอีกฝ่ายอยู่เอาไปดูดดังจุ๊บ แล้วถอนออกมาพูดด้วยรอยยิ้มกริ่ม
“แบบนี้ก็เรียกว่าลามกด้วยใช่รึไม่?”
เด็กน้อยแก้มแดงของเขาพูดไม่ออก ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา
“ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่านอกจากข้าจะลามกแล้ว ข้ายัง..” อรุณยิ้ม “กินเก่ง อีกด้วย”
หมี่ซอที่กำลังงงว่าความลามกไปเกี่ยวอะไรกับการกินเก่ง ก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อคนตัวโตที่นั่งอยู่ตรงข้ามโถมกายลงมาทำให้เด็กชายหงายหลังนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงโดยมีอรุณทาบทับอยู่ด้านบนที่มองมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มเลศนัยผุดที่ริมฝีปากหนา
“รู้ตัวไหมว่าเจ้าช่างน่าอร่อยเสียจริง..งั้นข้าขอกินหน่อยนะ” เสียงแหบพร่าดังออกมาจากปากเทพพิทักษ์ป่าก่อนจะก้มลงปิดปากช่างเจรจานั้นทันที
-จบตอน-สวัสดีค่ะ มาอัพตอนดึกอีกแล้ว 555
ตอนนี้อาจทำให้ใครหลายคนผิดหวังเพราะอรุณยังไม่ได้กินเด็กสักที
ด้วยนิสัยของหมี่ซอที่แสบอยู่แล้ว คิดว่าน้องจะให้กินง่ายๆก็กระไรอยู่
แต่ว่าตอนหน้าอรุณจะได้กินเด็กสมใจหรือเปล่าต้องติดตามน้าาา
ปล.เห็นคนอ่านหลายท่านอยากอ่านต่อเรื่อยๆ เราดีใจมากที่มีคนชอบ ดังนั้นถ้าไม่ตันจริงๆ คนเขียนก็จะแต่งต่อไปเรื่อยๆนะค่ะ
หวังว่ายังไม่มีใครเบื่อซะก่อนนะ
ขอตัวไปนอนก่อนนะ ราตรีสวัสจ้า