พิมพ์หน้านี้ - {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Tonay ที่ 06-08-2015 14:32:53

หัวข้อ: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 06-08-2015 14:32:53
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธ์ุ


        เสียงบางสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่หลังพุ่มไม้  เรียกความสนใจจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเก็บเห็ดโคนดอกใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ต้องหันไปมองอย่างสงสัย บ่าซ้ายที่สะพายย่ามใบใหญ่ซึ่งบรรจุเห็ดโคนไว้จำนวนมาก วางลงกับพื้นดิน ก่อนจะเดินตรงไปเมื่อแน่ใจว่าพุ่มไม้ตรงหน้านี่แหล่ะ ที่น่าจะมีตัวอะไรสักอย่างอยู่

        มะเหมี่ยวมองการสั่นไหวของใบไม้ก่อนจะตัดสินใจเดินอ้อมไปด้านหลังของพุ่มไม้เพื่อที่จะพบเข้ากับคนหนึ่งคนที่ตัวใหญ่มากกำลังกัดคอกระต่ายป่าอย่างบ้าคลั่ง เลือดสีแดงฉานหยดลงบนพื้น ดวงตาของร่างน้อยที่ไร้ชีวิตเบิกกว้างแทบถลนออกมาจากเบ้า มะเหมี่ยวก้าวขาไม่ออกเพราะกำลังตกตะลึงกับภาพที่น่าสะพรึงกลัวตรงหน้า

          ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาพร้อมขู่คำราม ดวงตาสีดำทั้งดวงฉายแววเพชฌฆาต เลือดที่เปื้อนริมฝีปากทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่กลับขาวซีดนั้นช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน มะเหมี่ยวก้าวถอยหลังออกมาเรื่อยๆก่อนจะสะดุดก้อนหินล้ม ในอกในใจหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างเหลือประมาณ เด็กหนุ่มลุกขึ้นแล้วหันหลังวิ่งออกมาด้วยความกลัว


        กลัวว่าเขาอาจจะเป็นอาหารมื้อต่อไปของอมนุษย์นั่นก็เป็นได้
 

        ฟลึบ!


          เด็กหนุ่มวิ่งไปได้ไม่ถึงสามก้าวก็ต้องล้มลงไปกองกับพื้นเพราะแรงกระแทกที่โถมเข้าใส่ร่างของเขาอย่างแรง มีตัวอะไรสักอย่างกดทับอยู่ด้านบน ก่อนที่ร่างนั้นจะลุกออกไป มะเหมี่ยวอาศัยจังหวะนั้นรีบลุกขึ้นแล้วออกวิ่งอีกครั้งทันที

          สองเท้าวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้ทิศรู้ทางเพราะต้องการจะหนีไปให้ไกลจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุด เพราะวิ่งอย่างไม่รู้จุดหมายทำให้เด็กหนุ่มไม่ทันระวังตัวเมื่อเจอน้ำตกที่อยู่ตรงหน้า เขาเบรกเท้าตัวเองไม่อยู่ทำให้หล่นล่วงลงไปในน้ำที่ลึกจนท่วมหัว

        เขาว่ายน้ำไม่เป็นจึงได้แต่ดำผุดดำโผล่ พยายามกวัดแกว่งแขนเพื่อว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง แต่เพราะแรงน้ำที่ไหลเชี่ยวทำให้เขาถูกลากออกจากฝั่งไปเรื่อยๆ

          มะเหมี่ยวรู้สึกหมดแรงและค่อยจมดิ่งลงสู่พื้นน้ำเบื้องล่าง ก่อนสติจะลางเลือนไป เขาเห็นอะไรสักอย่างพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมด้วยสิ่งที่นุ่มนิ่มประกบติดกับปากของเขาไว้  ลมหายใจที่เกือบหมดสิ้นกลับมาอีกครั้ง หัวใจที่เต้นช้าๆจนแทบหยุดกลับมาเต้นตามปกติอีกครั้ง เด็กหนุ่มหลับตาลงเมื่อรู้สึกว่าตนกำลังตกอยู่ในห้วงฝัน


        ฝันว่าเจอเทพยาดา..


   

        มะเหมี่ยวรู้สึกว่ากำลังหัวสั่นหัวคลอน ก่อนจะลืมตาขึ้นก็พบว่าเขาโดนแบกอยู่บนบ่าของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินอยู่ในป่าที่เขาไม่คุ้นเคย เขามองไม่เห็นหน้าว่าเป็นใคร แต่ที่แน่ๆคนๆนี้ตัวใหญ่มากกว่าเขาหลายเท่า เด็กหนุ่มออกแรงดิ้น มือทุบหลังอีกฝ่ายแล้วตะโกนบอก

         “ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้! นายเป็นใครจะพาฉันไปไหน!!?”

เมื่อไม่ได้ยินคำบอกกล่าวหรือปล่อยตัวเขาลงเด็กหนุ่มก็ยิ่งโมโหและใส่อารมณ์ไปบนแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างรุนแรง

       “บอกให้ปล่อย ก็ปล่อยเซ่!” กำปั้นไม่นับจำนวนทุบลงโทษคนที่กล้าดีมาลักพาตัวเขา



        ลักพาตัว?



        “ปล่อยฉันนะไอ้บ้า! เฮ้ย!!!”

        มะเหมี่ยวโดนจับเหวี่ยงลงบนพื้นอย่างแรง เขาคิดว่าหลังหรือกระดูกของเขาต้องหักแน่ แต่ว่า..เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดตรงส่วนไหนเลย มือที่สัมผัสพื้นก็ไม่ได้แข็งกลับนุ่มลื่นมือเหมือนขนสัตว์ เด็กหนุ่มหันไปมองรอบตัวก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่ในป่าแล้ว แต่กลับอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งตรงนี้ที่เขาอยู่นั้นสว่างเพราะคบเพลิงที่ถูกจุดขึ้นมาสามอันตรงเสามุมเตียง


        เตียง?


        มันเป็นเตียงไม้โบราณที่มีสี่เสา ปูรองพื้นด้วยผ้าขนสัตว์หนานุ่ม เด็กหนุ่มเพ่งมองบริเวณอื่นที่นอกจากตรงนี้กลับมืดมิดราวกับที่นี่ถูกปิดกั้นออกจากโลกภายนอก นี่เขามัวแต่โวยวายจนไม่ดูว่าไอ้คนที่จับตัวเขามาถึงไหนเลยหรือนี่

        เด็กหนุ่มรู้สึกขนลุกชันด้วยความหวาดกลัว บรรยากาศที่นี่ช่างวังเวง เขาพยายามมองหาคนที่จับตัวเขามาแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เจอ

        มะเหมี่ยวไม่กล้าลุกเดินออกไปจากจุดนี้ เพราะนอกจากจุดนี้ไม่มีความสว่างเล็ดลอดออกไปเลย ก็ได้แต่นั่งมองฝ่าความมืดออกไปอย่างระแวง
 

        ตุ้บ!


        กระต่ายป่าถูกโยนมาตรงหน้าเขา ก่อนที่มันจะกระโดดหนีหายไปกับความมืด เด็กหนุ่มได้ยินเสียงสบถอย่างฉุนเฉียวดังอยู่ใกล้ๆ

        “นั่นนายใช่ไหมไอ้โจรลักพาตัว?” ส่งเสียงร้องถามไป แต่ไม่ปรากฏเสียงใดตอบกลับมา

        “นายพาฉันมาที่นี่ทำไม..ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันอยากกลับบ้าน” เด็กหนุ่มถึงกับร้องไห้เมื่อนึกถึงคนที่บ้าน ป่านนี้ทุกคนคงจะเป็นห่วงเขามาก

        ได้แต่โทษตัวเองว่าไม่น่าดื้อรั้นเข้าป่ามาเพื่อเก็บเห็ดไปขายคนเดียวเลย แต่หากเขาไม่ทำแบบนี้ก็จะไม่มีเงินไปจ่ายค่าหนังสือให้น้อง เด็กหนุ่มสะอื้นเบาๆ ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

        คนๆเดียวที่กินเลือดกระต่ายเป็นอาหาร มะเหมี่ยวหยุดสะอื้นไห้ในทันทีก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า

        “คุณจับผมมาทำไม? คุณจะกินผมใช่ไหม” เขารู้สึกหวาดกลัวจนต้องลุกขึ้นวิ่งหนีฝ่าความมืดออกไปอย่างลืมตัว ก่อนจะรู้สึกถึงแรงรัดจากด้านหลังที่มีเสียงพูดลอดไรฟันอย่างข่มขวัญ

        “เจ้ากล้าหนีผู้มีพระคุณ รู้ไหมว่าข้าจะตอบแทนเจ้าเช่นไร?”

        “มีบุญคุณอะไรกัน! ผมไม่เห็นจำได้”

        “เจ้านี่นอกจากจะขี้ขลาดตาขาวแล้วยังสติฟั่นเฟือนอีกนะ”

        “คุณก็บอกมาสิว่ามันคืออะไร”

        “ข้าช่วยเจ้าไม่ให้ตายกลายเป็นภูติที่สิงสถิตในน้ำ แต่แล้วเจ้ากลับตอบแทนข้าด้วยการหนีเช่นนี้รึ?”

        “คุณเป็นคนช่วยผมไว้เหรอ” นี่เขาลืมไปได้อย่างไรว่าเขาเกือบจมน้ำตาย นึกว่าฝันเสียอีก

        “เจ้าต้องตอบแทนบุญคุณของข้า” เสียงทรงอำนาจกล่าวสั่ง

        “คุณต้องการอะไร?”

        “ข้าต้องการเจ้า” พูดจบอมนุษย์ตนนั้นก็เริ่มซุกไซ้ซอกคอขาวผ่องของมะเหมี่ยวอย่างหื่นกระหาย ร่างเด็กหนุ่มสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะออกปาก

        “ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ แล้วคุณก็เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ จะมาทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ”สะบัดตัวออกพร้อมกับยืนมองคนตรงหน้าที่เห็นเพียงเงาดำๆเท่านั้น

        มะเหมี่ยวตัดสินใจกลับไปยังแสงสว่างอีกครั้ง เขานั่งลงบนเตียงที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเอามาจากที่ไหน ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามายืนตรงหน้า ใบหน้านั้นยังคงซีดขาวเช่นเดิม แต่แววตากลับมาเป็นมนุษย์ปกติแล้ว

        “เจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นตัวอะไรงั้นสิ” อมนุษย์ตนนั้นเอ่ยปากก่อน

        “ใช่ ผมอยากรู้”

        “แล้วเจ้าจะยอมเป็นของข้า?”

        คำถามนี้ทำเอามะเหมี่ยวคิดหนัก เขาไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกันเสียหน่อย จะให้เขายอมพลีกายให้กับผู้ชายด้วยกันได้อย่างไร แล้วมันก็ไม่ใช่คนเสียด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะตอนนี้เขาคงต้องเอาตัวรอดก่อน

        “อืม”

        “เจ้าโกหก!”

        แรงที่พุ่งเข้ามาทำให้เด็กหนุ่มหงายหลังลงไปนอนก่อนที่ร่างนั้นจะทาบทับจับกุมมือเขาทั้งสองข้างอยู่เหนือศีรษะ

        “มะ ไม่ใช่สักหน่อย คุณคิดไปเองต่างหาก” เด็กหนุ่มละล่ำละลักบอกอย่างตกใจกลัว

        “เจ้าแน่ใจใช่ไหมที่กล่าวอ้างเช่นนั้นกับข้า”

        “ใช่ ผมไม่โกหกคุณหรอก”

        สิ้นคำอมนุษย์ตนนั้นก็ก้มหน้าลงไปบดขยี้ปากสีสดตรงหน้าอย่างดุดันเพื่อลงโทษเจ้าตัวที่ยังกล้าปฏิเสธความคิดของตัวเอง มันได้ยินทุกความคิดที่อีกฝ่ายคิดทุกอย่าง แต่เพราะความรัญจวนที่เกิดขึ้นจากการจุมพิตนั่น ทำให้มันเคลิบเคลิ้ม จนลืมความโกรธแทบหมดสิ้น ลิ้นร้อนดุนดันเข้ามาในปากของคนอ่อนด้อยประสบการณ์อย่างชำนาญ ไล่ลิ้นกระหวัดไปทั่วทั้งโพลงปากอย่างกระสัน ก่อนจะถอนออกมาจูบซับน้ำใสตรงมุมปากของมะเหมี่ยวทุกหยาดหยด

        แววตาของมันที่สบกับเด็กหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความปรารถนา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะคนตรงหน้าที่เคยสิ้นฤทธิ์ตอนนี้เริ่มหาทางเอาตัวรอดอีกครั้งแล้ว

        “คะ คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าเป็นตัวอะไร” มะเหมี่ยวที่เริ่มหายใจหายคอคล่องแล้วเอ่ยปากถาม

        “เจ้านี่ช่างกัดไม่ปล่อยเสียจริง เอาล่ะข้าจะบอกก็ได้ว่าข้าคือเทพพิทักษ์ผืนป่าแห่งนี้ มีชีวิตอมตะ ดื่มโลหิตเพื่อดำรงชีพ และต้องการทายาท” มันบอกพร้อมกับลุกออกจากร่างเด็กหนุ่มไปนั่งข้างๆ

        มะเหมี่ยวสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะลุกขึ้นมานั่งโดยขยับตัวห่างออกมาเล็กน้อยแล้วออกปากถาม

        “คุณเป็นเทพแต่กินเลือดเป็นอาหารนี่นะ?”

        “ข้าเป็นเทพกึ่งปีศาจเพราะโดนเทพผู้พิทักษ์คนก่อนสาปไว้ เพราะข้าหนีไปเที่ยวเล่นนอกผืนป่า และทำให้พวกมนุษย์แตกตื่นตกใจในอิทธิฤทธิ์ของข้า เจ้ายังข้องใจอันใดอีกรึไม่?”

        “แล้วที่คุณต้องการทายาทน่ะ มันต้องทำกับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?”

        “ใครก็ตามที่ข้าต้องการจะเสพสุขด้วย จะสามารถให้ทายาทแก่ข้าได้”

        “คือ..” เด็กหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก เขายอมรับว่ากลัวคนที่นั่งข้างๆมาก

        “แล้วคุณจะกินผมรึเปล่า?”

        เทพพิทักษ์ป่าถึงกับหลุดหัวเราะพรืดออกมา

        “เจ้าคิดว่าข้าจะกินเมียตัวเองรึ? ไม่หรอก..นอกจากจะชวนเจ้าผลิตทายาทวันละหลายเวลาเท่านั้นเอง”

        มะเหมี่ยวถึงกับหน้าซีดเผือดเลยทีเดียว แต่เขาไม่ยอมเสียเปรียบง่ายๆหรอก ของอย่างนี้มันต้องมีข้อแม้ด้วย

        “ถ้าอย่างนั้นผมยอมมีลูกให้คุณก็ได้ แต่คุณต้องพาผมกลับไปที่บ้านก่อน แล้วก็สู่ขอผมกับแม่ด้วย”

        เพราะเขาแน่ใจว่าเทพตนนี้ไม่มีทางออกไปจากผืนป่าแห่งนี้ได้หรอก เขาถึงได้ต่อรองกับอีกฝ่าย ผลออกมาเป็นเขาที่ชนะอยู่แล้ว

        “ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้า แล้วทำตามที่เจ้าเอ่ยปากต่อรอง แต่ถ้าเจ้าตุกติก ข้าจะจับเจ้ามาขังไว้ยังที่แห่งนี้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย”

        ใครจะคิดว่าเทพตนนี้เอาจริง

        “แล้ว..”

        “เจ้าไม่ต้องถามอะไรข้าทั้งสิ้น ข้าพูดคำไหนย่อมเป็นไปตามนั้น”

        มะเหมี่ยวได้แต่นั่งอ้าปากค้างมองตามร่างสูงที่ลุกขึ้นยืนแล้วอย่างพยายามเรียบเรียงความเข้าใจของตนเอง นี่เขาจะต้องตกเป็นเมียและผลิตลูกให้กับเทพตนนี้จริงๆเหรอ เขาจะบอกกับแม่ยังไงดีเรื่องผู้ชายคนนี้ แล้วถ้าเขาต้องมาอยู่ที่นี่จริงๆ ใครจะเลี้ยงดูแม่และน้องสาวของเขาล่ะ

        ร่างสูงได้ยินความคิดของอีกฝ่ายชัดเจนทั้งสองรูหูก่อนจะกล่าว

        “เจ้าไม่ต้องกังวลใจไป ข้าไม่ปล่อยให้แม่และน้องของเจ้าลำบากหรอก” เขาเอ่ยราวรู้ใจ

        มะเหมี่ยวไม่อยากจะคิดอะไรให้มากความอีกแล้วได้แต่พยักหน้าเออออตามอีกฝ่ายไป




        “อ้อ!ลืมถามเลยคุณชื่ออะไรเหรอ?” มะเหมี่ยวถามคนที่ตัวสูงกว่าเขาเกือบสองฟุต

        “อมฤทธิ์”

        เด็กหนุ่มถึงกับหัวเราะออกมาเพราะชื่อนั้น

        “เจ้าขำอะไรของเจ้า” อมฤทธิ์ถาม

        “เปล่าๆ รีบเดินต่อเถอะเดี๋ยวกว่าจะถึงก็ค่ำกันพอดี อ้อ!แวะกลับไปเอาเห็ดโคนที่ผมวางไว้ที่ผมเจอคุณครั้งแรกด้วยล่ะ ผมจะเอาไปขาย” เด็กหนุ่มบอกพร้อมกับเดินนำลิ่วไปข้างหน้า

        อมฤทธิ์มองตามแผ่นหลังบางจนได้ยินความคิดของอีกฝ่ายที่ลอยเข้ามาในหู กรามบดเข้าหากันอย่างโกรธจัด

        ‘คอยดูเถอะ ถ้าฉันกลับไปถึงหมู่บ้านเมื่อไหร่นะ ฉันจะชิ่งนายให้ได้เล๊ยไอ้เทพจอมปีศาจ’

        เทพพิทักษ์ป่ามองพลอยเม็ดสีทับทิมขนาดเท่าเหรียญพดด้วงหลายเม็ดในอุ้งมือก่อนจะใส่ลงไปในถุงผ้าผืนเล็กๆ แล้วเก็บใส่ในกระเป๋ากางเกง เขามองคนที่เดินนำหน้าไปก่อนอย่างหมายมาด

        ‘เดี๋ยวจะได้รู้ว่าเจ้าจะหนีข้าพ้นหรือไม่’

        เสียงหัวเราะหึๆดังออกมาจากเทพพิทักษ์ป่า ก่อนที่จะก้าวเดินตามไป เอ่ยเสียงกระซิบบอกหมู่มวลป่าไพรว่าจักพาเมียตนกลับมาแล้วจักสืบทายาทให้ล้นพงไพรเลยทีเดียว


จบตอน



--------------------------------------------------------------------

  >สารบัญ< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48196.msg3148161#msg3148161)
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 06-08-2015 15:46:57
มาต่ออีกสักตอนได้มั๊ยค่ะ??!!
นางค้างงงงงงงงงงงง :katai1:
อยากรู้ตอนต่อปายยยยยย :sad4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-08-2015 16:03:09
 :z3:
ถนอมเมียด้วยค้า
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 06-08-2015 16:16:33
ขอบคุณค่ะ แต่ว่า...อยากอ่านต่อจังเลย  :mc4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 06-08-2015 17:17:48
ขอเสนอค่ะ ขอเสนออออออออออ
ให้เป็นเรื่องสั้นหลายตอนจบได้มั๊ยค่ะ??!!!!! :mew2:
น๊าาาาาาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พลีสสสสสสสสสสสส :call: :call:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 06-08-2015 20:13:45
ค้างงง ไม่มีฉากเอ็นซีเหรออ
จบอย่างนี้เลยย ขอตอนพิเศษได้มั้ยย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-08-2015 20:44:47
ขออีกตอนได้มั้ย :ling1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 06-08-2015 21:05:09
ท่าทางอมฤทธิ์เก็บกดมากเลยนะคะนั่น ถึงได้ตั้งใจจะมีทายาทให้ล้นป่ากันเลยทีเดียวเชียว :laugh: ขอตอนพิเศษเพิ่มได้ไหมน้อ~ ><
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 06-08-2015 21:08:01
ชอบอ่าาาา
แต่ว่าอยากให้มาแต่งต่ออีกสักตอนสองตอน
ว่าหลังจากไปสู่ขอมะเมี่ยวแล้วเป็นยังไงบ้าง
รอๆๆนะ เผื่อนักเขียนมาเพิ่มตอนให้^^
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-08-2015 21:40:10
น่าจะมีอีกตอนน่ะ ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: s.mosis ที่ 06-08-2015 22:08:11
บอกเลยว่าไม่รู้เรื่องสักอย่าง ตอนจบเป็นอย่างรัยก็ไ่ม่รู้ แม่กับน้องสาวจะยังงัยก็ไม่รู้ เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 06-08-2015 23:46:58
เดี๋ยวสิ แม่พันธุ์ยังไม่ทันสืบพันธุ์เลย จบได้งาาาายยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 07-08-2015 22:12:45
สารบัญ


เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48196.0)
 ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48196.msg3149004#msg3149004)
ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48196.msg3152486#msg3152486)
 ตอนขยายพันธุ์  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48196.msg3156005#msg3156005)
 ตอนออกเรือน : โชตะ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48196.msg3158953#msg3158953)
 ตอนกินเด็ก : โชตะ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48196.msg3165462#msg3165462)
 ตอนเล่ห์รักจ้าวรัตติกาล : โชตะ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48196.msg3173744#msg3173744)
ตอนเล่ห์รักจ้าวรัตติกาล : โชตะ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48196.msg3191982#msg3191982)
ตอนวิหคแสนกล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48196.msg3191982#msg3191982)
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 07-08-2015 22:58:54
รอนะค้า~ :c5:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 07-08-2015 23:07:42
อีกสักหลายๆตอนเถอะนะคะ พลีสสสสสสสสส
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 07-08-2015 23:17:37
แต่งเป็นเรื่องสั้นหลายตอนเลยไม่ได้เหรอค่ะมันสนุกจริงๆนะไม่อยากให้จบแค่นี้แล้วให้คนอ่านไปจิ้นกันเอาเองอ่ะ เสียดาย :hao5:
ปล. ไม่รู้ทำไมพออ่านตอนพระเอกพูดว่า "นอกจากจะชวนเจ้าผลิตทายาทวันละหลายเวลาเท่านั้นเอง" แล้วมันเขิน&ฟินจริงๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเดียวจบ} 06/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomine ที่ 08-08-2015 08:36:31
เนื้อเรื่องนี่ยังไม่ตรงกะชื่อเลยอ่ะ
"เมื่อผมต้องกลายเป็นเเม่พันธ์ุ" ยังไม่ทันได้เป็นเเม่พันธุ์เลย ก็จบเเล้ว อยากอ่านตอนเป็นเเม่พันธ์ุด้วยอ่าาาา >.<
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 08-08-2015 22:24:41
       

เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์  {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์}



        เสียงกล้ามเนื้อกระทบกันดังก้องในที่รโหฐาน สองร่างขาวโพลนกอดก่ายรัดพันกันอย่างเสน่หา บทรักที่เริ่มขึ้นและจบลงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่สามารถทำให้อมฤทธิ์หมดสิ้นความปรารถนาในตัวของเมียรักได้เลย ร่างสูงหยัดตัวขึ้นแล้วกระแทกแท่งร้อนใส่ช่องทางรักอันแสนคับแน่นของมะเหมี่ยวอย่างรุนแรงตามแรงอารมณ์ที่พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

        สองขาเพรียวของเมียรักตวัดเกาะเกี่ยวเอวสอบของเทพพิทักษ์ป่าอย่างเสียวซ่าน สองแขนรั้งคอของคนที่อยู่เบื้องบนลงมาบดจูบอย่างเร่าร้อน ลิ้นกระหวัดเกี่ยวดูดดึงกันอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนจะถอนปากออกมาเพื่อหายใจ เสียงหอบครางกระเส่าสั่นสะท้านดังออกมาจากทั้งคู่

        อมฤทธิ์จงใจกระแทกความปรารถนาที่คับแน่นของตนให้โดนจุดกระสันของมะเหมี่ยวอย่างเอาใจ จนได้ยินเสียงครวญครางดังหนักกว่าเก่าจากเมียรัก ร่างสูงอมยิ้มเมื่อเห็นสายตาที่มีความปรารถนาอย่างเต็มเปี่ยมของคู่ตน แล้วก็ยิ่งลงน้ำหนักกระแทกแก่นกายเข้าไปจนลึกสุดแล้วถอนออก จากนั้นก็สอดเข้าไปใหม่

        มะเหมี่ยวรู้สึกเสียวซ่านในรสรักที่อมฤทธิ์ปรนเปรอให้อย่างเอาแต่ใจ ถึงปากเขาจะบอกปฏิเสธคนที่สถาปนาตนขึ้นเป็นสามีมากแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่าในความเอาแต่ได้ของเทพพิทักษ์ป่านั้นก็ทำให้เขามีความสุขด้วยเช่นกัน เขาชอบรสสวาทที่อีกฝ่ายคอยขอให้เขาร่วมรักด้วย


        แต่เรื่องอะไรเขาจะบอกให้ได้ใจล่ะ แค่นี้เขาก็รับแทบไม่ไหวแล้ว


        “อ๊ะ...อ๊า...” มะเหมี่ยวครางลั่นเมื่อเทพครึ่งปีศาจรัวเจ้าแท่งร้อนลำใหญ่ซัดใส่เขาไม่ยั้ง ความทรมานใกล้ถึงขีดสุดแล้ว เด็กหนุ่มแอ่นสะโพกเด้งรับสัมผัสที่เร่าร้อนนั้น จนในที่สุดมะเหมี่ยวก็ปลดปล่อยน้ำรักที่ใสแจ๋วออกมาก่อน ตามมาด้วยอมฤทธิ์ที่บรรลุจุดสุดยอดปล่อยสายธารรักใส่ช่องทางรักที่บวมแดงนั้นทุกหยาดหยดก่อนจะถอนตัวออกมาล้มตัวลงมานอนข้างๆเมียรัก

        เมื่อพายุรักเริ่มสงบลงแล้วมะเหมี่ยวก็หันหลังให้เทพพิทักษ์ป่าทันที เพราะนึกกระดากอายขึ้นมาทั้งที่ตนคอยปฏิเสธแต่พอเอาเข้าจริงๆกลับให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจเสียอีก


        น่าโมโหตัวเองนัก


        อมฤทธิ์เมื่อเห็นเมียรักหันหลังให้ก็ขยับเข้าไปแนบชิดแผ่นหลังบางแล้วยกหัวคนรักให้นอนหนุนแขนตนต่างหมอน มือหนาอีกข้างเริ่มลูบไล้ไปบนผิวแขนนวลเนียนของอีกฝ่ายอีกรอบอย่างไม่อยากหักห้ามอารมณ์


        เพี๊ยะ!


        ผลที่ได้คือฝ่ามือบางฟาดลงบนมือหนาที่หยุบหยับนั่นอย่างแรง

        “เจ้าตีข้าทำไม?”

        เสียงหึขึ้นจมูกของคนตรงหน้าดังขึ้นมาก่อนที่จะเอ่ยปากบอก

        “ก็คุณมันไม่รู้จักพอสักทีน่ะสิ คุณควรจะปล่อยให้ผมพักผ่อนบ้างนะ”

        “เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่อยากห้ามความปรารถนาที่อยากจะกอดเจ้า..เจ้าน่าจะเข้าใจ”

        “เข้าใจว่าคุณมันหื่นมากขนาดไหนน่ะเหรอ? นี่มันกี่รอบแล้วสำหรับเช้านี้น่ะ แล้วก็เมื่อคืนอีก คุณบอกผมมาซิว่ามันกี่รอบแล้วห๊ะ!” มะเหมี่ยวพูดอย่างหงุดหงิดตอนนี้เขารู้สึกง่วงมากตาจะปิดอยู่แล้ว เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกดื่น เช้ามาก็ยังไม่ทันได้มีอะไรตกถึงท้องก็ต้องมา..นั่นแหล่ะแบบนั้นแหล่ะอีก จะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร

        “เมื่อคืนสี่รอบกับเช้านี้สามรอบและเมื่อครู่อีกหนึ่ง..ข้าจำได้”

        คนถูกกล่าวหาว่าหื่นตอบ เขารู้ว่าเมียรักเหนื่อยจากการร่วมรักมาราธอน แต่เขาก็ยังมีความต้องการอยู่จะให้เขาทำเช่นไรได้

        สิ้นคำที่บอกกล่าวจำนวนนับ เทพพิทักษ์ป่าก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆจากคนตรงหน้า เขาชะโงกหน้าไปดูเพื่อจะเห็นว่ามะเหมี่ยวหลับไปแล้ว ร่างสูงถอนหายใจเฮือกก่อนจะลงมานอนกอดเมียรักอีกรอบ ไม่ใช่ว่าเขาหยุดความอยากของตัวเองไม่ได้ แต่เพราะเขาไม่อยากห้ามความรู้สึกที่อยากร่วมรักกับคนตรงหน้า

        มะเหมี่ยวมาอยู่กับเขาที่ถ้ำแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่กลางป่าลึกได้เกินครึ่งเดือนแล้ว หลังจากที่เขาได้รู้ถึงความคิดของอีกฝ่ายว่าเมื่อใดที่ถึงหมู่บ้านก็จักหนีตนไป อมฤทธิ์จึงติดตามประกบติดไม่ห่าง ทำให้มะเหมี่ยวไม่สามารถหาช่องทางหลีกหนีได้

        เขาบอกกับมะเหมี่ยวว่าเมื่อทำตามที่ร้องขอสำเร็จแล้วเด็กหนุ่มต้องกลับไปในป่าพร้อมกับเขาเย็นนี้เลย ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะโดนลงโทษซ้ำอีกที่ออกมานอกป่า เด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจแต่ก็ยังพยายามจะหนีอีกรอบให้ได้แต่ก็ทำไม่สำเร็จ และก็เพราะทันทีที่โผล่หน้าไปถึงหมู่บ้านก็เจอกับแม่และน้องที่กำลังตามหามะเหมี่ยวอย่างร้อนใจด้วยความเป็นห่วง

        แม่และน้องสาวของมะเหมี่ยวรวมถึงคนที่อยู่ในหมู่บ้านต่างมองตนอย่างสงสัยในความสูงใหญ่จนเกินคนธรรมดา ใบหน้าที่หล่อเหลออย่างเทพและปีศาจปนกันอย่างกลมกลืนทำให้สาวๆมองอย่างลุ่มหลง

        มะเหมี่ยวบอกกับแม่และน้องว่าอมฤทธิ์คือผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือชีวิตเด็กหนุ่มไว้ไม่ให้จมน้ำตาย เขาจึงได้รับคำขอบคุณและการตอบแทนโดยการเชิญไปกินข้าวเย็นที่บ้านของครอบครัวมะเหมี่ยว

        บ้านของมะเหมี่ยวอยู่ท้ายหมู่บ้านจึงดูเงียบเหงาและมีป่ารกทึบล้อมรอบ เป็นบ้านที่ปลูกด้วยขึ้นด้วยไม้ไผ่ยกสูงจากพื้นดินประมาณเมตรมุงหลังคาด้วยหญ้าแฝก บ่งบอกฐานะของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดีว่าขัดสนเพียงใดเมื่อเทียบกับบ้านที่ก่อขึ้นด้วยอิฐฉาบด้วยปูนและทาสีรอบตัวบ้านอย่างสวยงามทั้งหลายหลังที่เขาเดินผ่านมา

        อมฤทธิ์ได้ยินเสียงความคิดของน้องสาวของมะเหมี่ยวที่มีนามว่า มะขิ่น  ที่ชื่นชมว่าเขานั้นช่างหล่อเหลาปานเทพบุตร ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เขาสนใจไปมากกว่าที่เขาไม่สามารถได้ยินความคิดของแม่มะเหมี่ยวได้ นับว่าแปลกมากเพราะถือว่าเป็นคนแรกที่เขาอ่านใจไม่ออก แต่สิ่งที่แม่ม่าเหมี่ยวบอกกับเขา ทำให้สิ่งที่สงสัยอยู่ถูกปลดออกไป

        “คุณกินอะไรได้บ้าง นอกจาก..เลือด” ทันทีเมื่อเขาและนางนั่งบนแคร่หน้าบ้านกันตามลำพังนั่นคือสิ่งที่นางพูดกับเขาเป็นประโยคที่สามหลังจากที่กล่าวขอบคุณและเชิญมากินข้าวที่บ้าน

        “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าดื่มเลือดเป็นอาหาร” เขาถามอย่างสงสัย

        “เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นใคร” นางมองหน้าเขาอย่างจริงจังก่อนเฉลยเสียเอง

        “คุณเป็นเทพครึ่งปีศาจ..ใช่ไหมพ่อหนุ่ม”

        “ท่านรู้ได้อย่างไร..ข้าคิดว่าไม่เคยเล่าให้ผู้ใดฟังนอกจากลูกชายท่าน หรือว่า..”

        “เปล่า มะเหมี่ยวไม่ได้บอกฉันหรอก แต่ที่รู้ก็เพราะว่าฉันมีตาทิพย์” นางกล่าว

        “คุณไม่แปลกใจเหรอที่สามารถอ่านความคิดคนอื่นออก แต่พอเป็นฉันคุณกลับทำไม่ได้”

        อมฤทธิ์คิดตาม มันไม่ได้ผิดแผกไปจากที่แม่ยายตนกล่าวเลย

        “ฉันเป็นคนมีสัมผัสพิเศษนะ..ฉันรู้ว่าความต้องการของคุณคืออะไร แต่อยู่ที่ฉันจะตอบรับรึเปล่าเท่านั้นเอง” นางพูดอย่างเหนือกว่า

        เทพครึ่งปีศาจลุกขึ้นยืนอย่างโกรธจัดเส้นขมับเต้นตุบๆ เขามาที่นี่ก็เพื่อทำตามคำขอของว่าที่เมีย ไม่ใช่เพื่อให้แม่ยายมาข่มขู่เพราะรู้ความปรารถนาของเขาและอาจจะขัดขวางมันเสียด้วย


        ไม่มีทาง เขาไม่มีวันยอม


        “คุณคิดว่าคนเป็นแม่จะยอมปล่อยให้ลูกชายไปเป็นเมียของผู้ชายด้วยกันได้อย่างนั้นรึ..ยิ่งแล้วใหญ่เมื่อผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นได้..คุณว่าจะดีกว่าไหมที่ฉันจะไม่ยอมรับข้อเสนอของคุณ” นางกล่าวพร้อมกับมองกระเป๋ากางเกงของเขาที่มีพลอยสีทับทิมอยู่ข้างใน ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มอีกครั้ง


        เขาแพ้ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม


        “ท่านจะว่าอย่างไรก็ตามแต่ มะเหมี่ยวคือเมียของข้านับตั้งแต่ที่ข้าช่วยชีวิตเขาไว้แล้ว..เพราะฉะนั้นที่ข้าเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อทำตามคำขอของเมียข้าเท่านั้น..”

        อมฤทธิ์คุกเข่าที่พื้นเบื้องหน้าหญิงวัยกลางคน เขายอมทุกอย่างเพื่อที่จะได้มะเหมี่ยวมาครอบครอง แม้ว่าจะต้องแลกด้วยศักดิ์ศรีของเทพพิทักษ์ป่า

        ขะยิ่นตาโตเมื่อไม่คิดว่าคนที่กำลังอารมณ์เดือดปุดๆเพราะนางไปพูดปิดกั้นความต้องการของอีกฝ่ายไว้ จะกล้าทำเช่นนี้

        “ได้โปรดยกบุตรชายของท่านให้แก่ข้าด้วยเถิด..ท่านแม่” อมฤทธิ์เงยหน้ามองแม่ยาย เปล่งรังสีแห่งความปรารถนาอันแรงกล้าว่าต้องการในสิ่งที่พูดไปมากเพียงใด

        “คุณอายุมากกว่าฉันเป็นร้อยปีเชียวนะ..รีบลุกขึ้นเถอะ” นางบอก

        อมฤทธิ์ยอมลุกขึ้นนั่งบนแคร่ตามเดิม ถามย้ำ

        “ท่านจะยกมะเหมี่ยวให้ข้าใช่ไหม?”

        “คุณคิดว่าฉันอยากให้ลูกไปรองรับอารมณ์ทางเพศของคุณอย่างนั้นเหรอ..เฮ้อ..แต่คงทำอะไรไม่ได้สินะ เพราะเบื้องบนกำหนดมาแล้วนี่”
ประโยคหลังนางบ่นพึมพำกับตนเอง

        “ข้าจะดูแลเมียข้าเป็นอย่างดี ท่านอย่าได้กังวลใจไป” พูดพร้อมกับล้วงกระเป๋ากางเกงเอาถุงผ้าที่ใส่พลอยสีทับทิมไว้ออกมายื่นให้คนตรงหน้า

        “ท่านเอาพลอยพวกนี้ไปขายได้ แต่ถ้าจะให้ดีท่านควรกลบพลอยพวกนี้ไว้ใต้ดินที่แสงจันทร์สามารถส่องถึง ในวันรุ่งขึ้นมันจะเกิดเป็นต้นพลอยแสงตามจำนวนที่ท่านกลบไว้ จะมีดอกตูมสีแดงออกมาเจ็ดดอก ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวงให้ท่านมาเด็ดดอกออกไป ภายในดอกที่ตูมนั้นจะมีพลอยอยู่ดอกละเม็ด และไม่ต้องกังวลว่ามันจะไม่มีดอกอีก เมื่อท่านเด็ดดอกออกไปจากต้นเมื่อใด ดอกใหม่จะเกิดขึ้นแทน..ข้าคิดว่านี่คงจะช่วยให้ท่านและลูกสาวของท่านอยู่กันได้อย่างสบาย” คำอธิบายที่แสนยืดยาวนั้นทำให้คนฟังพยักหน้าช้าๆอย่างเข้าใจและยื่นมือไปรับสินสอดจากลูกเขยหมาดๆมาเก็บไว้

        ขะยิ่นยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ตนหนักใจมากไม่อยากทำเหมือนขายลูกกินเลย แต่นางก็ขัดสนจริงๆและไม่คิดจะบอกใครหรือหาผลประโยชน์จากการที่มองเห็นอดีตและอนาคตจากใคร เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในชีวิตอีก

        แต่คงต้องยอมให้มันเป็นไปตามที่เบื้องบนกำหนดมา แล้วก็เพราะตนมองเห็นว่าในอนาคตบุตรชายของตนจะต้องมีความสุขแน่ๆที่ได้อยู่กับคนรักและ..


        ลูกๆทั้งหลายที่นับไม่หวาดไม่ไหว


        และก็เป็นเรื่องของคนสองคนด้วย คงต้องถามเจ้าลูกชายก่อนว่าจะเอาอย่างไรทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่า..


        เสร็จโจร! แน่ๆ


        มะเหมี่ยวหน้าบึ้งสะพายย่ามที่มีเสื้อผ้าหลายชุดอยู่ข้างในออกมาพร้อมน้องสาว แล้วนั่งลงคุกเข่าตรงหน้าแม่พร้อมเงยหน้าไปสบตากับว่าที่สามีอย่างต้องการถามว่า


        ขอเขาจากแม่หรือยัง


        คำตอบที่ได้คือการพยักหน้าและรอยยิ้มบางเบาที่ส่งมา เด็กหนุ่มถอนหายใจ อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมแม่ถึงได้ยอมยกเขาให้กับเทพพิทักษ์ป่าได้ง่ายๆ แต่จะว่าอย่างไรได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องรักษาคำพูดอยู่ดี เพราะบุญคุณที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้ คิดว่าคงหนีเทพครึ่งปีศาจไปไม่พ้นแน่ๆ ก็คนธรรมดาจะรึจะไปสู้ผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์ได้

        “ลูกตัดสินใจดีแล้ว?” ขะยิ่นถามบุตรชายเพียงคนเดียวเพื่อความแน่ใจ

        “ครับ..ก็คงต้องเป็นแบบนั้น เขาช่วยชีวิตผมไว้นี่ แต่แม่ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะกลับมาบ้านทุกวันแล้วเก็บเห็ดโคนที่ในป่ามาให้ด้วย ผมจะมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าถึงเย็นแล้วค่อ..”

        “อย่าลำบากเลยลูก..ไม่ต้องห่วงน้องกับแม่หรอกนะ คุณคนนี้เขาได้ให้ของมีค่าไว้กับแม่..ต่อไปนี้แม่กับน้องก็จะสบายแล้วจ้ะ ห่วงก็แต่ลูก..”


        “เขาให้อะไรเหรอครับ?” มะเหมี่ยวถามอย่างสงสัย

        “ให้พ่อหนุ่มคนนี้เขาบอกแทนแล้วกันนะ..แล้วนี่ลูกจะไปเลยเหรอ? ไม่อยู่กินข้าวเย็นกันก่อนล่ะ” นางถามอย่างเป็นห่วง ยังไม่อยากให้ลูกไปเลย

        “มะเหมี่ยวต้องกลับพร้อมข้าตอนนี้ เพราะข้าออกจากป่ามานานมากแล้ว” อมฤทธิ์ถือโอกาสตอบคำถามแทนและลุกขึ้นยืน

        “ข้าคงต้องขอตัวลากลับเลย..ไว้มีโอกาสข้าจะพามะเหมี่ยวมาเยี่ยมเยียน..ท่านแม่และน้องสาว” ร่างสูงกล่าว

        มะเหมี่ยวยืนล่ำลาแม่กับน้องสาวที่ยังจบต้นชนปลายไม่ถูกอยู่เพียงคนเดียว ก่อนจะออกเดินทางอีกครั้ง

       


ต่อด้านล่างจ้า
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธ์ุ} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 08-08-2015 22:28:00
อ่านต่อเลยจ้า


ในขณะที่ใกล้ถึงถ้ำกลางป่า ตอนฟ้ามืดพอดีทั้งที่เพิ่งเดินทางออกจากหมู่บ้านเมื่อตอนเย็น เป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของเทพพิทักษ์ป่าตนนี้นั่นแหล่ะ ที่สามารถย่นระยะทางจากไกลเป็นใกล้ได้เพียงพริบตา ถึงแม้จะตื่นเต้นและอดพิศวงในอำนาจของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป ได้แต่สงสัยว่าถ้าทำได้ขนาดนี้ทำไมไม่ทำเสียตั้งแต่ทีแรกปล่อยให้เขาเดินจนเมื่อยขาไปหมด

        “มะเหมี่ยว” เสียงเรียกจากด้านหลังดึงให้คนถูกเรียกหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองอย่างสงสัย

        ร่างสูงเดินเข้ามาประชิดและดันคนตรงหน้าเข้ากับต้นไม้ก่อนจะบดจูบลงบนริมฝีปากระเรื่อนั้นอย่างห้ามใจไม่อยู่ เขาดันลิ้นของตนเองเปิดปากคนตรงหน้าออกอย่างง่ายดายเพราะยังมึนงงกับการกระทำที่ตั้งรับไม่ทันนี้ ลิ้นสากกระหวัดทั่วโพลงปากของคนตรงหน้าอย่างกระหาย ไล้ลิ้นดูดซับความหวานก่อนจะยอมถอนจูบออกมาเมื่อมะเหมี่ยวขาอ่อนแทบระทวยไปกองอยู่กับพื้นจนเขาต้องประคองอีกฝ่ายไว้ในอ้อมอก

        “คุณทำบ้าอะไรของคุณ? ผมหายใจไม่ออกเกือบตายแล้วรู้ไหม” เสียงแหบพร่าบ่นต่อว่าคนที่จู่โจมขโมยอากาศหายใจ

        “ข้าต้องการเจ้าเหลือเกิน ขอข้าเถอะนะ” ร่างสูงกัดฟันพูด เพราะความต้องการที่ล้นทะลักทำให้แก่นกายกลางลำตัวแข็งขืนขึ้นมาจนปวดหนึบไปหมด เขาไม่อยากจะรอให้ไปถึงที่หมายแล้ว


        เขาจะทำตอนนี้และที่นี่


        “คะ คุณ อื้อ..” มะเหมี่ยวไม่ทันได้กล่าวจบประโยค ริมฝีปากหนาก็โฉบมาปิดกั้นเสียงไว้ทันที อมฤทธิ์หลอกล่อให้มะเหมี่ยวหลงในจูบที่เขาปรนเปรอให้ ก่อนจะรูดกางเกงผ้าฝ้ายของคนที่กำลังเคลิ้มอยู่ไปกองกับพื้น กายหนาบดเบียดคนตรงหน้าแทบจมไปกับต้นไม้ ดุนดันแก่นกายที่ขยายใหญ่ในกางเกงตนใส่หน้าท้องของมะเหมี่ยวอย่างหยาบโลน

        อมฤทธิ์ดึงรั้งกางเกงตนลงบ้างและสะบัดออกให้พ้นตัว เขาถอนริมฝีปากออกแล้วดึงมะเหมี่ยวออกห่างจากต้นไม้จับให้เอนลงนอนบนพื้นหญ้านุ่มนิ่มที่ตั้งแต่แรกเป็นแค่พื้นดินเท่านั้น ราวกับหญ้าอ่อนสีเขียวขจีพวกนี้ตั้งใจเกิดขึ้นเพื่อรองรับร่างของเขาทั้งสองก็ไม่ปาน

        อมฤทธิ์ถอดเสื้อตนเองออกก่อนแล้วจัดการให้คนด้านล่างด้วยเช่นกัน ตอนนี้ร่างของเขาเปลือยเปล่าแล้วยกเว้นมะเมี่ยวที่ยังเหลือปราการด่านสุดท้ายปิดห่อหุ้มส่วนสงวนอยู่ ชายหนุ่มตัดสินใจรูดออกในทีเดียวก็ปรากฏแท่งร้อนของอีกฝ่ายที่ตั้งชันขึ้นเพราะแรงอารมณ์ มะเหมี่ยวที่ยังสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยกมือปิดของสงวนไว้ด้วยความอายทั้งยังโมโหในความหน้าด้านของอีกฝ่ายด้วย

        “คุณแก้ผ้าผมออกทำไม ผะ ผมหนาว”

        ร่างสูงหัวเราะหึหึ

        “ข้าก็ห่มเจ้าอยู่นี่ไง..เมียข้า”

        “ใครเมียคุณ..อย่ามาพูดแบบนี้นะ”   


        “ก็เจ้าไง” อมฤทธิ์บอกพร้อมจ้องลึกไปในดวงตาของอีกฝ่ายด้วยความกระหายอยากสอดแทรกแท่งร้อนของตนลงไปยังร่างของคนตรงหน้า

        “ผม ผมไม่พร้อม” เด็กหนุ่มหาข้ออ้าง ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าตอนนี้เขารู้สึกหวิวๆแปลกๆในช่องท้อง

        “ข้ารู้ว่าเจ้าชอบพูดไม่ตรงกับใจ..ข้าจะค่อยๆทำนะ..เมียข้า” พูดจบก็จับข้อมือของคนด้านล่างออกจากส่วนอ่อนไหวไปไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะก้มลงไปใช้ปากดูดคลึงยอดอกสีอ่อนจนตั้งเป็นตุ่มไตแข็ง เสียงครวญครางอย่างเสียวซ่านดังมาจากคนด้านล่างทั้งที่พยายามเก็บกดเสียงเอาไว้ แต่มันช่างน่าอายนักที่เด็กหนุ่มไม่สามารถควบคุมเสียงตัวเองได้เลย

        ร่างสูงใช้มือรูดรั้งแก่นกายของอีกฝ่ายอย่างรัวเร็ว ใช้นิ้วบี้คลึงส่วนหัวก่อนจะเร่งมือขยับส่วนไวสัมผัสนั้น จนคนที่เพิ่งมีประสบการณ์ครั้งแรกเสร็จสมอารมณ์หมายไปก่อนล่วงหน้า

        มะเหมี่ยวนอนหอบแฮกอย่างหมดแรง เด็กหนุ่มรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวราวกับจะจับไข้ คนข้างบนปล่อยมือเขาแล้ว


        แค่นี้ใช่ไหม จะได้ลุก


        แต่เด็กหนุ่มคิดผิด อมฤทธิ์ไม่ได้ต้องการแค่นี้ เขายังไม่ได้ปลดปล่อยเลย นิ้วแกร่งลากไล้ไปตามท่อนขานวลที่เขาจับแยกให้อ้าออกก่อนจะเลยไปถึงร่องก้นแล้วแทรกนิ้วเข้าไปยังช่องทางรักด้านหลังทันทีอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง

        “โอ้ย! เจ็บเอาออกไปนะ” เด็กหนุ่มร้องโวยวายเพราะความเจ็บปวด

        “ชู่ว์ เจ้าอย่าเกร็งสิ มันจะได้ไม่เจ็บ” ร่างสูงบอกพร้อมกับเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกนิ้วขยับขยายให้พื้นที่ด้านในพร้อมพรักสำหรับแก่นกายของเขา

        มะเหมี่ยวดิ้นพล่านเพราะความเจ็บปวด แต่ก็ต้องยิ่งเจ็บเป็นเท่าทวีคูณเมื่อสิ่งที่อยู่ในตัวเขาถูกเปลี่ยนจากนิ้วเป็นแท่งร้อนลำใหญ่ที่พยายามสอดแทรกเข้ามาอย่างยากลำบาก

        “อ๊ะ..มะ มันเจ็บ เอาออกไปนะ” เด็กหนุ่มร้องโวยวายเพราะรู้สึกเหมือนร่างแทบฉีกขาดจากสิ่งที่บุกลุกเข้ามา

        อมฤทธิ์พยายามดุนดันแก่นกายร้อนผ่าวของตนเข้าไปในช่องทางรักอันคับแน่นของอีกฝ่ายอย่างยากลำบาก เขาค่อยๆดันทีละนิดๆจนในที่สุดก็มาสามารถเข้าไปจนถึงด้านในสุดแล้วหยุดค้างไว้ ชายหนุ่มหอบหายใจสั่นสะท้าน พยายามบังคับตนเองไม่ให้ระเบิดอารมณ์ตัณหาอันรุนแรงใส่อีกฝ่าย แม้เขาอยากกระแทกกระทั้นให้หนักหน่วงเพียงใดก็ตาม

        “ฮือ..ผมบอกว่ายังไม่พร้อม ทำไมคุณไม่ฟังผมบ้าง” เด็กหนุ่มร้องไห้ออกมาเพราะความเจ็บ ยกมือขึ้นข่วนไปที่หน้าอกแกร่งของอีกฝ่ายจนเป็นรอยมีเลือดซิบออกมา

        อมฤทธิ์ไม่สนคำต่อว่านั่นเลยสักนิด ตอนนี้เขากำลังคิดว่าจะทำเช่นไรให้มะเหมี่ยวมีความสุขร่วมไปกับเขาด้วย

        ร่างสูงจับมือคนที่ตอนนี้แปลงร่างเป็นนางเสือสาวที่ฝากรอยรักซึ่งเป็นรอยเล็บไว้บนอกของตนออก เขาอ้อมแขนไปด้านหลังของคนด้านล่างแล้วยกขึ้นดันหน้าอกของอีกฝ่ายมาติดกับอกของเขา ชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นท่านั่งทั้งที่แก่นกายของเขายังอยู่ในตัวของอีกฝ่ายที่ตอนนี้นั่งอยู่บนตักตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

        “หากทำเช่นนี้ เจ้าจะได้ไม่เจ็บมาก” เขาบอกก่อนจะเริ่มขยับโยกกายเบาๆ

        “อ๊ะ..ใครบอกไม่เจ็บล่ะ อื้อ..ผมเจ็บนะ” มะเหมี่ยวกล่าวโทษไม่ทันไร คนที่เด็กหนุ่มนั่งตักอยู่ก็สวนสะโพกขึ้นอย่างเร็วและแรงราวกับมีพละกำลังมหาศาล

        “อ๊ะ..อ๊ะ..อ๊า..” เด็กหนุ่มร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดสลับกับเสียวซ่านในรสเพศที่เพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรกในชีวิต มะเหมี่ยวโอบรอบคอของอีกฝ่ายไว้เมื่อรู้สึกว่าหากไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวตนอาจจะล้มหงายหลังไปได้

        อมฤทธิ์โอบกอดร่างบางไว้อย่างแน่นหนา กระแทกกระทุ้งยัดเยียดแท่งร้อนผ่าวเข้าไปในกายเด็กหนุ่มอย่างกระสันซ่าน ขยับเด้งสะโพกสวนขึ้นลงอย่างไม่ยอมเหน็ดยอมเหนื่อย ร่างสูงส่งเสียงครางและสบถอย่างหยาบโลน มือหนาบีบเค้นก้นกลมกลึงตามแรงอารมณ์ที่สูงขึ้น จนก้นของมะเหมี่ยวขึ้นสีแดง อมฤทธิ์อยากจะก้มลงไปจูบคนตรงหน้าแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขาสูงเกินไปหากจะจูบก็คงต้องให้อีกฝ่ายเงยหน้ายืดตัวขึ้นมาเขาถึงจะก้มไปจูบได้ แต่จะหวังเช่นนั้นคงเป็นไปได้ยาก เพราะคนตรงหน้าไม่มีทางยอมเป็นแน่


        เดี๋ยวก่อนก็ได้ เขามีเวลาที่จะจูบกับเมียรักอีกนาน


        มะเหมี่ยวรู้สึกว่าตัวเขาใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว ยิ่งแรงกระแทกที่อีกฝ่ายนั้นเน้นไปที่จุดกระสันอย่างถี่รัวก็ทำให้เด็กหนุ่มไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้ ปากบางครางลั่นเมื่อเข้าเส้นชัยไปก่อนล่วงหน้า น้ำรักสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนที่หน้าท้องของเขาและเทพพิทักษ์ป่า เขาเอนกายซบอกอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยล้าทั้งที่ยังรู้สึกเสียวทุกการสอดใส่ของอีกฝ่าย

        เมื่อเห็นมะเหมี่ยวปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งที่สองแล้ว เทพครึ่งปีศาจก็ยิ่งเร่งจังหวะให้เร็วมากยิ่งขึ้น ข้างในของมะเหมี่ยวที่ตอดรัดเขาจนปวดหนึบเป็นตัวช่วยเร่งให้เขาเข้าเส้นชัยตามไปติดๆ เขาปลดปล่อยน้ำรักใส่ช่องทางรักของอีกฝ่ายจนล้นปี่ นิ่งค้างสักพักแล้วเริ่มขยับใหม่อีกครั้ง ก้มหน้ามองคนที่ซบอกของเขาไว้ด้วยความปรารถนาที่ยังไม่มอดดับ

        มะเหมี่ยวเงยหน้ามองอมฤทธิ์อย่างตกใจ เขานึกว่าอีกฝ่ายจะยอมหยุดเมื่อเสร็จกิจ แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เขาละล่ำละลักถาม

        “คะ คุณเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ อ๊ะ..ปล่อยผมสิ ทำอีกทำไม..อ๊ะ..”

        “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอว่าข้าต้องการให้เจ้าผลิตทายาทให้ข้า..เพราะฉะนั้นข้าจะทำจนได้บุตรสมใจข้า” ร่างสูงกล่าวพร้อมกับเริ่มบทรักใหม่อีกรอบอย่างไม่รู้เบื่อ

        สรุปทั้งคืนนั้นเขาทั้งสองร่วมรักกันอยู่ที่เดิมจนกระทั่งตอนใกล้รุ่งเช้าของอีกวันจึงได้กลับเข้าไปพักผ่อนในถ้ำได้เสียที ผลจากการร่วมรักที่กินเป็นเวลานานทำให้มะเหมี่ยวป่วยและปวดเนื้อปวดตัวลุกไม่ได้เป็นเวลาสามวัน เมื่อหายดีแล้วจึงได้ขอสัญญาจากเทพผู้พิทักษ์ป่าว่าห้ามทำรุนแรงและหากจะร่วมรักก็ห้ามเกินวันละสองครั้ง อมฤทธิ์ยอมรับปากแต่โดนดี แต่ก็ยังหาเรื่องเอาเปรียบตนอยู่เรื่อย มะเหมี่ยวจึงไม่อยากจะคิดเชื่อคำพูดของเทพพิทักษ์ป่าตนนี้อีกแล้ว


        หื่น เอาแต่ได้ และหน้าด้าน นั่นคือคำที่มะเหมี่ยวปรามาสด่าคนเอาแต่ใจ
.
.
.
.

        มือหนาเริ่มลูบไล้ไปบนผิวกายของคนที่นอนหันหลังให้อีกครั้ง เพราะเวลานึกถึงบทรักที่เคยร่วมเสพสุขด้วยกันครั้งแรกทีไร อมฤทธิ์มักจะมีอารมณ์ใคร่ขึ้นมาทันที เขาอยากกอดเมียรักอีกแล้ว

        'หึ!' เสียงเล็กๆดังขึ้นใกล้ๆ แต่ไม่ใช่เสียงมะเหมี่ยวแน่เขามั่นใจ

        ร่างสูงหยุดมือปลาหมึกของตนและชะโงกหน้ามองหาที่มาของเสียงลึกลับนั่น ก่อนที่มันจะดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้มาเป็นประโยคเลย

        'ท่านพ่อมองหาข้าไม่เห็นหรอกเพราะข้าอยู่ในท้องของท่านแม่'

        ร่างสูงลุกขึ้นนั่งทันทีก่อนจะลงจากเตียงไม้โบราณเดินอ้อมไปยังอีกด้านที่มะเหมี่ยวกำลังหลับยาวอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่ ใบหน้านวลขาวระเรื่อ ริมฝีปากที่เผยอออกมามีเสียงกรนเบาๆ อมฤทธิ์มองภาพนั้นแล้วกลืนน้ำลายดังเอื้อก เพราะแค่มองหน้าอีกฝ่ายเขาก็เกิดอารมณ์แล้ว

        'ท่านพ่อ!' เสียงเล็กตวาดเรียก ทำให้สติของเขากลับคืนมา

        'นี่ท่านพ่อคิดแต่จะเสพสุขกับท่านแม่ตลอดเวลาเลยรึ? ข้าสงสารท่านแม่นะ'

        ร่างสูงพอจะเข้าใจอะไรสักอย่างแล้ว เขาคิดว่า”ทายาท”ที่เขาต้องการได้ปฏิสนธิเกิดเป็นตัวอ่อนในท้องของมะเหมี่ยวไปเรียบร้อยแล้ว จะสงสัยก็แต่ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหนก็เท่านั้นเอง

        'หึ! ท่านพ่อสงสัยว่าข้ามาอยู่ในท้องของท่านแม่เมื่อใดรึ ข้าจะตอบให้ก็ได้ว่าตอนที่ท่านพ่อเสพสุขกับท่านแม่ครั้งแรกนั่นแหล่ะ แต่เพราะข้ายังเป็นแค่เลือดก้อนน้อยอยู่จึงไม่สามารถบอกใครได้ว่าข้าได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ตอนนี้ข้าเป็นตัวอ่อนข้าจึงพูดกับท่านได้ และข้าจะปกป้องท่านแม่จากความโหดร้ายของท่านพ่อเอง'เสียงเล็กที่ไม่เห็นตัวกล่าวอย่างมั่นใจ

        อมฤทธิ์หลุดขำเจ้าตัวเล็กที่เขายังไม่เห็นหน้าที่ทำได้แค่ได้ยินเสียงความคิดของอีกฝ่ายเท่านั้น ใครจะคิดว่าเจ้าตัวน้อยนี้มีคำพูดคำจาที่ช่างแสบเสียเหลือเกิน เขาไม่วายกระเซ้าอีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี เพราะตอนนี้เขาได้เป็นพ่อคนจริงๆแล้ว

        “ลูกข้า..เจ้าจะช่วยแม่ของเจ้าได้อย่างไร? ในเมื่อเจ้ายังอยู่ในท้องแบบนี้”

        'ข้าช่วยได้แน่ ข้าจะกวนใจท่านยามที่ท่านคิดล่วงเกินท่านแม่อีก'ตัวน้อยตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้

        “แต่แม่เจ้าเป็นเมียของพ่อเจ้านะ พ่อจะทำอันใดกับเขาก็ได้”

        'ไม่ได้!ข้าไม่ยอมอีกแล้ว ท่านไม่ทะนุถนอมท่านแม่เลย ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านแม่เหนื่อยเพียงใดที่ต้องตามใจท่านอยู่เรื่อย'

        อมฤทธิ์ขี้เกียจเถียงกับบุตรตัวน้อยๆที่อยู่ในครรภ์เมียรัก ก็เลยบอกตัดปัญหา

        “ก็ได้ๆ เจ้าลูกรักของข้า..พ่อจะทะนุถนอมแม่ของเจ้าให้มากกว่านี้ก็แล้วกันนะ”

        'จริงรึ?'

        “จริงสิ พ่อไม่โกหกเจ้าหรอก”

        'เย้! ข้าจะได้ไม่ต้องเวียนหัวและกลิ้งไปกลิ้งมาอีกแล้ว..ขอบคุณนะท่านพ่อ' เสียงเล็กๆกล่าวอย่างดีใจ

        อมฤทธิ์ยิ้มด้วยความเอ็นดู ยังไงเด็กก็คือเด็ก ไม่เข้าใจความหมายที่ผู้ใหญ่สื่อออกมาเสียเลย เขาบอกว่าจะทะนุถนอมแสดงว่าเขาจะระวังไม่ทำรุนแรงให้กระทบกระเทือนครรภ์มากต่างหาก

        ร่างสูงสวมเสื้อผ้า ผิวปากหวือออกจากถ้ำเพื่อไปหาของกินและต้องหาของบำรุงครรภ์มาด้วย คิดว่าเมื่อกลับมาจะบอกเมียรักตนว่า..
 

เมียจ๋า..ในท้องของเจ้ามีเด็กแล้วจ้ะ


_____________________________________________________

มาแล้วจ้า ขอบคุณทุกเม้นและขอบคุณคนอ่านทุกท่านนะคะ

เกือบไม่ได้ลงเพราะWiFiหลุดซะแล้ว :serius2:

หวังว่าคนอ่านจะชอบตอนสั้นที่ยาวนี้นะคะ

ไว้เจอกันใหม่นะคะ ไปแล้วจ้า :katai5:

หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 08-08-2015 22:40:37
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ท่านเทพหื่นได้ใจมากเลยค่ะ แฮ่ก  :hao6: //ปาดน้ำลายเบาๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 08-08-2015 23:01:40
        'เย้! ข้าจะได้ไม่ต้องเวียนหัวและกลิ้งไปกลิ้งมาอีกแล้ว..ขอบคุณนะท่านพ่อ' เสียงเล็กๆกล่าวอย่างดีใจ


555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 08-08-2015 23:55:16
ลูกแสบแน่ๆ555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 09-08-2015 00:17:14
อะไรมันจะเร้าร้อนขนาดนี้ :haun4:
ท่านเทพนี่เก่งจริงๆครั้งแรกก็ติดเลย ลูกคนแรกคงแสบไม่เบา :laugh:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-08-2015 00:27:40
ท่าทางเด็กน้อยจะแสบใช่ย่อยนะเนี่ย 555555  แต่งต่อเลย อยากอ่านต่อ สนุกดีอะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: white_destiny ที่ 09-08-2015 00:31:00
ท่าจะแสบ
น่าจะเาลูกแฝดนะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวพฤหัส ที่ 09-08-2015 00:37:17
ผมนี่ยืนขึ้นเลย~~ :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomine ที่ 09-08-2015 00:43:51
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 09-08-2015 06:12:44
ดีนะคะที่น้องเป็นลูกของเทพไม่อย่างนั้นมีหวังได้หลุดออกมาจากท้องของมะเหมี่ยวก่อนเวลาอันควรแน่ๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 09-08-2015 07:22:51
ลูกคนแรกท่าทางจะแสบนะเนี่ย แต่รักแม่มากซะด้วย :impress2:
ลูกคนต่อๆไปจะเป็นยังไงนะ ท่าทางจะมีลูกหลายคน :laugh:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 09-08-2015 10:36:46
ชอบ ชอบๆๆ อิอิ :hao6:
มีลูกเต็มป่าไปเลย
ระยะเวลาตั้งท้องสั้นกว่าคนธรรมดาป่าว
เพราะเดือนกว่าๆก็พูดรู้เรื่องล่ะ
รอตอนต่อปายยย :hao7:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 09-08-2015 11:31:50
 :impress2:
ท่านเทพหื่น
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-08-2015 11:54:57
 เทพปีศาจหื่นได้จนจริงๆๆๆ จนลูกต้องเตือนเลยอ่ะ แต่ก็คงห้ามไม่ได้ สู้ๆๆน่ะมะเหมี่ยว จะท้องกี่เดือน จะมีกี่คน อยากเห็นเด็กๆๆออกมาขัดจังหวะจัง ฮ่าๆๆๆๆ รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 09-08-2015 12:13:14
กรี๊ดดดดดดดดดด
ท่านอมฤทธิ์หื่นมากกกกกกก
มะเมี่ยวโดนซะอ่วมเลยยยยย
ตอนนี้มีทายาทตัวน้อยๆ ในท้องเมียรักแล้ว
ก็เพลาๆๆลงบ้างนะท่านเทพ~~~

ปล...อยากให้มีตอนพิเศษมาเรื่อยๆน้าาา><
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: gatenutcha ที่ 09-08-2015 13:05:18
 :hao7: :hao7:
อ่านแล้วชอบมากเลย  ฟินมากๆ ขอบคุณค่ะ รอติดตามนะค่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 09-08-2015 22:38:59
มีแววว่าเจ้าตัวน้อยจะต้องเวียนหัวอีกบ่อยแน่ๆ :z1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 10-08-2015 03:12:22
ร้อนแรงได้ใจมากเลย>_<
รอตอนต่อไปค่ะสู้ๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 10-08-2015 08:51:52
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-08-2015 09:08:33
สนุกดีค่ะ แต่จะมีตอนต่อไปรึเปล่าน้า!?
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 10-08-2015 20:08:25
อ้างถึง
        'เย้! ข้าจะได้ไม่ต้องเวียนหัวและกลิ้งไปกลิ้งมาอีกแล้ว..ขอบคุณนะท่านพ่อ' เสียงเล็กๆกล่าวอย่างดีใจ
ขำตรงนี้อ่ะ กลิ้งไปกลิ้งมา น่าสงสารเนอะลูกเนอะ พ่อแม่ไม่ระวังเลย 55555555555
มีอีกไหมอ่ะ รอๆๆๆ เนอะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: chard ที่ 11-08-2015 21:17:25
สนุกดีครับ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนหน้าที่ของแม่พันธุ์} 08/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 12-08-2015 11:23:32
อ่าาาาา  ชอบๆๆๆ

มาอีกบ่อยๆเถอะนะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 12-08-2015 22:15:43
เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์  {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์}





        ร่างสูงนั่งกอดอกหันหลังให้เมียรักที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเตียงด้วยใบหน้าบึ้งตึง สายตาคมเหลือบหันไปมองคนที่นั่งก้มหน้าก้มตากินชมพู่ผลสีชมพูอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจตนเลยสักนิด พออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาจ้องตาปริบๆ ตนก็รีบหันกลับมาตามเดิมราวกับเมื่อสักครู่ไม่ได้หันไปมอง

        อมฤทธิ์ไม่เข้าใจอาการที่ตนกำลังเป็นอยู่ แค่รู้สึกขัดใจมากๆถึงมากที่สุดในเวลานี้ สาเหตุที่เป็นก็เพราะตั้งแต่ที่เขาบอกมะเหมี่ยวว่าในท้องของเด็กหนุ่มมีเด็กตัวเล็กๆอาศัยอยู่ อากัปกิริยาที่เมียรักแสดงออกคือประหลาดใจไม่ถึงขั้นตกใจไปซะทีเดียวแต่ที่เห็นได้ชัดคือรอยยิ้มยินดีที่ปรากฏให้เห็นบนหน้าขาวนวลนั้น และมันทำให้เขาพลอยสุขใจตามไปด้วย

        เมียรักคอยแต่ถามว่ารู้ได้อย่างไร แล้วเกิดขึ้นตอนไหน ซึ่งตนก็ค่อยๆเล่ารายละเอียดให้ฟัง พอฟังจบมะเหมี่ยวที่แสนว่าง่ายคอยตามใจตนมาตลอดก็กลับเปลี่ยนไป จากที่เคยได้ร่วมเรียงเคียงหมอนและหลับนอนกันวันละหลายยกกลับกลายเป็นไม่ได้สักยกหรือแม้แค่แตะต้องตัวยังไม่ได้แม้กระผีกริ้นเดียว

        สามวันมาแล้วที่เขาไม่ได้อะไรๆกับเมียรักเลย ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดพาลให้เครียดจนต้องออกไประบายอารมณ์ข้างนอกออกจะบ่อย ไม่ใช่ไปร่วมเสพสุขกับผู้ใด แต่เขาไประบายกับพวกสัตว์ป่าน้อยใหญ่โดยการฉีกทึ้งเนื้อและกัดดูดโลหิตเป็นว่าเล่น จนสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณนี้ต่างหลบลี้หนีภัยกันไปอยู่ที่อื่นด้วยความหวาดกลัวเพราะไม่เคยเห็นเทพพิทักษ์ป่าพิโรธถึงเพียงนี้ และลงความเห็นว่าเขาในตอนนี้ความเป็นปีศาจชักจะอยู่ในสายเลือดมากกว่าเทพเสียแล้ว

        ทั้งที่แต่ก่อนเขาไม่ใช่คนที่โหดร้ายเช่นนี้ การล่าและฆ่าก็เพื่อการอยู่รอดเพราะถึงจะเป็นอมตะแต่เขาก็หิวเป็น แต่ตอนนี้ไม่ใช่เสียแล้ว ราวกับตัวตนที่เป็นอยู่ถูกครอบงำด้วยตัณหาจนหน้ามืดตามัวไปเสียหมด เขามีความต้องการและกระหายมันมากขึ้นทุกที มันเป็นความรู้สึกคล้ายกับของอร่อยที่เพิ่งเคยได้กินแล้วพอกินเข้าบ่อยๆมันยิ่งติดใจจนแทบขาดไม่ได้ พอวันนึงต้องละหรือเว้นจากการกินชั่วคราวมันทำให้เขารู้สึกเหมือนอกจะแตกตายวันละหลายรอบ แม้อีกฝ่ายจะเพียรย้ำว่าการร่วมรักจะเป็นอันตรายต่อบุตรตัวน้อย แต่เขาก็ยังหวังให้มะเหมี่ยวเมตตาเขาสักหนสองหนหรือหลายหน เขาคงจะกลับมาเป็นปกติกว่านี้

        “นี่อมฤทธิ์” เสียงเรียกจากอีกฟาก ทำให้คนที่นั่งคิดเพลินๆหันกลับมามองด้วยสายตาดุ ดวงตาตอนนี้เป็นสีมืดสนิททั้งดวงเพราะอยู่ในสภาพที่เริ่มจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ อยากฉีกทึ้งเสื้อผ้าของคนตรงข้ามแล้วฝังลำอันร้อนผ่าวลงไปแล้วกระแทกกระทั้นให้สมความอยากที่อดทนอดกลั้นมาสามวันเต็มๆ



        คิดแล้วอยากย้อนเวลาไม่น่าจะรีบบอกมะเหมี่ยวเลย



        “.........” อมฤทธิ์ไม่ได้ตอบว่าอะไร นั่งนิ่งจ้องตาอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น

        มะเหมี่ยวถอนหายใจอย่างระอาในตัวของเทพครึ่งปีศาจจอมเอาแต่ใจ เขาเริ่มชินกับอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวและการเผยร่างที่เป็นปีศาจของอมฤทธิ์เสียแล้ว

        มะเหมี่ยวแค่เป็นห่วงลูกที่อยู่ในท้องจึงได้คอยปฏิเสธความปรารถนาของอีกฝ่ายตลอด เพราะรู้ว่าแรงขับเคลื่อนทางเพศของอมฤทธิ์นั้นเรียกได้ว่าจัดจ้านและรุนแรงซึ่งอาจจะทำให้เจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องของเขาเป็นอันตรายได้ ความรู้สึกหวงแหนและเป็นห่วงของคนเป็นแม่นั้นรุนแรงแค่ไหนเขาก็เพิ่งได้รู้ จึงพยายามไม่ใจอ่อนให้อีกฝ่ายได้ใจ เพราะหากมีครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สองที่สามอาจตามมาซึ่งนั่นไม่ดีแน่นอนและ..



        เขาเองก็ต้องห้ามใจด้วยเช่นกัน



        มะเหมี่ยวยื่นผลชมพู่ลูกใหญ่ให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ ผลที่ได้คือฝ่ายนั้นยังนิ่งไม่ขยับส่วนใดของร่างกายไม่แม้แต่กระดิก



        อาการหนักกว่าที่คิด



        ร่างบางของคนอายุน้อยกว่าขยับเข้าไปใกล้ๆแล้วเอาผลไม้จ่อที่ริมฝีปากหนาพร้อมส่งยิ้มหวานๆให้ พยักหน้ายิกๆแล้วบอก

        “อร่อยน้า คุณลองชิมดูสิหว๊านหวาน อร่อยกว่าที่คุณกินอยู่ทุกวันอีกนะผมว่า” เมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาใดตอบรับ มะเหมี่ยวก็เอามากินเสียเอง ฟันขาวกัดกร้วมเคี้ยวให้อีกฝ่ายดูพลางทำหน้าว่าสิ่งที่ตนเองกินอยู่ช่างอร่อยเหาะเสียเหลือเกิน

        “อื้อ..” อมฤทธิ์หมดความยับยั้งช่างใจยื่นมือไปจับหน้าของเมียรักแล้วกดจูบลงบนริมฝีปากระเรื่อนั้นตามแรงอารมณ์ มะเหมี่ยวกลืนสิ่งที่เคี้ยวอยู่แทบไม่ทัน ลิ้นของอีกฝ่ายก็ดุนดันเปิดปากของเด็กหนุ่มอย่างง่ายดาย เพราะถึงแม้จะตกใจที่อีกฝ่ายจูบกะทันหัน แต่มะเหมี่ยวก็ต้องยอมรับว่าคิดถึงรสจูบของอมฤทธิ์ไม่น้อยเลย

        ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดุดันสลับเนิบช้าแล้วเปลี่ยนเป็นดูดดื่ม เสียงดูดปากผสมกับครางออกมาอย่างรัญจวนจนมะเหมี่ยวสติแทบกระเจิงไปกับความต้องการที่อีกฝ่ายปลุกปั่นขึ้นมา มือบางผลักอกแกร่งของอมฤทธิ์ออกอย่างแรงจนริมฝีปากทั้งคู่หลุดออกจากกัน

        มะเหมี่ยวแก้มร้อนผ่าวหอบหายใจเสียงดัง จ้องมองคนที่มีสภาพไม่ต่างกันแล้วบอกด้วยเสียงแหบพร่า   

        “ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าทำแบบนี้..มันจะหยุดยาก..”

        “แค่จูบก็ทำไม่ได้รึ? เจ้าเห็นข้าเป็นก้อนหินแข็งๆที่ไม่รู้สึก ไม่มีความต้องการเลยรึอย่างไร” อมฤทธิ์พูดอย่างหัวเสีย ตอนนี้เขาแทบทนไม่ไหวแล้ว เหตุใดเมียรักถึงไม่เข้าใจเลย เขาทนมาได้ขนาดนี้ถือว่ามันมากเกินไปด้วยซ้ำ แก่นกายของเขาปวดหนึบ และก็ไม่อยากจะหยุดอยู่แค่นี้อีกต่อไปแล้ว

        “ขอข้าแค่สักครั้งก็ไม่ได้รึ? เหตุใดเจ้าจึงใจร้ายเช่นนี้ ข้าใกล้จะตายอยู่แล้วนะ” ร่างสูงโอดครวญ

        มะเหมี่ยวมองเทพครึ่งปีศาจอย่างนึกสงสารเมื่อเห็นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาทั้งยังน้ำเสียงที่แสนตัดพ้อนั่น หรือว่าเขาจะยอมตามใจอีกฝ่ายดูสักครั้ง แต่นี่มันเพิ่งสามวันเองเทพพิทักษ์ป่าก็ทำราวจะลงแดงตาย แล้วอีกหลายเดือนที่เหลือจะทำอย่างไร เด็กหนุ่มคิดอย่างกลุ้มใจ

        “นะ..ขอข้าอีกแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วข้าจะไม่กวนใจเจ้าอีกเลย” อมฤทธิ์ยังคงอ้อนวอนร้องขออย่างไม่ยอมแพ้ และก็ต้องยิ้มกว้างอย่างสมใจเมื่อร่างบางพยักหน้าช้าๆ

        ร่างสูงพุ่งเข้าหาคนตรงหน้าเมื่อได้รับการยินยอม ร่างบางหงายหลังลงบนพรมขนสัตว์โดยมีอมฤทธิ์คร่อมอยู่ด้านบน ดวงตาของมนุษย์กับปีศาจสลับกันไปมาอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาคำรามก้องเสียงสะท้อนไปทั่วทั้งถ้ำก่อนจะก้มลงแนบริมฝีปากกับคนข้างล่างอย่างหมดความอดทน

        มะเหมี่ยวครางฮือเมื่อเทพครึ่งปีศาจกดจูบอย่างหนักหน่วงแทบกลืนลมหายใจของเขา เด็กหนุ่มดุนดันลิ้นหยอกล้อเกี่ยวพันกับอีกฝ่ายอย่างวาบหวามใจ แก่นกายเต้นตุบๆในกางเกงผ้าเนื้อบาง หัวใจเต้นรัวเร็ว เลือดบนหน้าสูบฉีดจนขึ้นสีแดง

        อมฤทธิ์ถอนจูบออกมาถอดเสื้อของตนออกอย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมที่จะถอดแทบกระชากเสื้อของมะเหมี่ยวให้ด้วย แล้วก้มลงจูบบนยอดอกสีเรื่อ ลากไล้ปลายลิ้นวนดูดดุนราวกับทารกดูดนมจากอกมารดาก็ไม่ปาน

        เขาเงยหน้าขึ้นจากอกคนข้างล่างกำลังจะกดจูบบนริมฝีปากสีสดนั่น

        “อึก..อ้วกกก” จู่ๆมะเหมี่ยวรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขาผลักอกของคนด้านบนออกก่อนจะเบี่ยงตัวออกมาลงจากเตียงมาอาเจียน แต่ไม่มีอะไรสักอย่างออกมาเลย ตอนนี้เขารู้สึกเวียนหัวมากและรู้สึกง่วงขึ้นมาจนแทบทรงตัวไม่อยู่ เด็กหนุ่มหลับตานวดขมับก่อนจะลืมตาโพลงเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรดิ้นอยู่ในท้องของเขา



        สิ่งนั้นออกแรงทั้งถีบทั้งเตะ



        มะเหมี่ยวก้มมองท้องของเขาที่ค่อยๆนูนขึ้นมาเล็กน้อยแล้วลูบลงไปเบาๆ หันไปยิ้มให้คนตัวสูงที่นั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าสีซีดขาวนั้นอยู่ในหมวดมึนงงเพราะปรับอารมณ์ไม่ทัน เด็กหนุ่มขึ้นไปนั่งบนเตียงอีกครั้งพร้อมจับมือทั้งสองข้างของอมฤทธิ์มาวางทาบบนหน้าท้องของตนที่เจ้าตัวน้อยยังคงดิ้นอยู่

        “อมฤทธิ์ลูกดิ้นแล้ว เขาถีบท้องผมใหญ่เลย” เด็กหนุ่มพูดอย่างตื่นเต้น นัยน์ตาสะท้อนความรักถึงเด็กน้อยที่อยู่ในครรภ์อย่างมากล้น เขามีความสุขมากจริงๆมันทั้งตื้นตันและดีใจจนอธิบายไม่ถูก มันเป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งบอกว่าลูกของพวกเขาแข็งแรงและคงจะแก่นเซี๊ยวน่าดู

        อมฤทธิ์รับรู้ถึงแรงที่กระทบบนฝ่ามือ เขายิ้มออกมาอย่างยินดีไม่แพ้เมียรักเลย

        ก่อนที่จะแทบหุบยิ้มทันควันเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆเอ่ยเข้ามาในความคิดทั้งที่ไม่ปรากฏเสียงมาสามวันแล้ว

        'ท่านพ่อไม่รักษาคำพูด! ท่านพ่อจะล่วงเกินท่านแม่!' เสียงเล็กๆพูดอย่างไม่พอใจ

        ร่างสูงนิ่งอึ้งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูเมื่อนึกถึงเด็กแสบที่อยู่ในท้องใต้ฝ่ามือตน



        ทำตามที่พูดจริงๆสินะ



        'พ่อไม่ได้ผิดคำพูดเสียหน่อย เจ้าก็รู้ว่าแม่ของเจ้าเต็มใจ..' ร่างสูงตอบกลับทางจิต ลูบหน้าท้องเบาๆ

        'ไม่รู้ล่ะ ข้าจะขัดขวางท่านพ่อทุกอย่างที่ข้าจะทำได้' เจ้าตัวเล็กบอกเจตจำนง

        'หึๆ เจ้าช่างแสบนักลูกของพ่อ แล้วเจ้าคิดว่าทำเช่นนี้จะช่วยแม่ของเจ้าได้รึ?'

        'ได้หรือไม่ได้ ข้าก็ทำให้ท่านพ่อหยุดรังแกท่านแม่ได้แล้วกัน'

        อมฤทธิ์เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะ ยิ้มจนตาปิดทั้งรักและเอ็นดูในความไม่ยอมแพ้ของเจ้าตัวเล็ก

        เด็กหนุ่มมองคนรักอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ทำราวกับถูกใจอะไรนักหนา

        “มีอะไรหรือเปล่าครับ” มะเหมี่ยวถามอย่างข้องใจ

        ร่างสูงส่ายหน้าไปมาก่อนจะตอบ

        “ไม่มีอะไรหรอก เด็กน้อยช่างซนนัก..เจ้าต้องดูแลลูกให้ดีๆนะ เพราะลูกรักเจ้ามากกว่าข้าเสียอีก”

        “รู้แล้วน่า ผมก็รักเขามากที่สุดเหมือนกัน” เด็กหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ

        อมฤทธิ์คิดว่าการพูดคุยกับเจ้าตัวน้อยคงพอจะช่วยทำให้เขาไม่ฟุ้งซ่านมากนัก คงจะดีไม่น้อยถ้าเขาจะทำตามที่ลูกน้อยและเมียรักต้องการ



        พ่อที่ดีของลูกและผัวที่ดี(ไม่หื่น)ของเมีย
.
.
.
.
        สิ่งที่คิดว่าจะทำได้กลับยากเสียเหลือเกิน แต่เทพพิทักษ์ป่าก็ทำได้สำเร็จ เขายอมรับว่ามันช่างทรมานจิตใจเป็นที่สุดกว่าจะพ้นช่วงที่บังคับจิตใจและฝืนตัวเองมาได้ จนใกล้เวลาที่เด็กน้อยจะออกมาอยู่บนโลกภายนอกหลังจากที่อยู่ในครรภ์มะเหมี่ยวได้สี่เดือน

        ท้องที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่กลับทำให้คนที่ตัวเล็กกว่าเขาลำบากพอสมควรเพราะเพศที่ไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อการนี้ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่เคยปริปากบ่นเลย มะเหมี่ยวมักจะยิ้มและพูดคุยกับบุตรที่อยู่ในครรภ์อย่างมีความสุข มือบางจะคอยลูบเบาๆไปบนหน้าท้องของตนเองอย่างรักใคร่

        อมฤทธิ์คอยอยู่ใกล้ๆเพื่อดูแล ใกล้ถึงกำหนดคลอดแล้ว การคลอดเด็กที่เป็นลูกครึ่งเทพปีศาจทั้งยังมีสายเลือดมนุษย์ปนอยู่ด้วยนั้นไม่ได้ทำให้ยุ่งยาก



        เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น



        “อมฤทธิ์ผมรู้สึกแปลกๆ” มะเหมี่ยวบอกคนที่กำลังนวดขาให้เขาอยู่อย่างตื่นๆ

        ร่างสูงละมือจากสิ่งที่ทำอยู่ลุกขึ้นมานั่งเคียงข้างเมียรัก เขาเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากเนียนออกก่อนจะถาม

        “เป็นอย่างไรรึ เจ้าปวดท้อง?”

        “มันก็ปวดไม่มาก แต่รู้สึกว่าลูกไม่ค่อยดิ้นเลยจะเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้” เด็กหนุ่มบอกอย่างกังวลใจ แล้วจู่ๆก็รู้สึกแรงดิ้นที่รุนแรงกว่าทุกครั้งที่ใต้ฝ่ามือของเขาที่กำลังลูบท้องตนเองอยู่ มันรู้สึกเจ็บจนใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นเหยเก

        “อมฤทธิ์ ตอนนี้เขาดิ้นแล้ว แต่ผมเจ็บท้องมากกว่าเมื่อกี้อีก โอ้ย!!!” เด็กหนุ่มรู้สึกว่าอาการปวดมันมากขึ้นทุกที ร้องออกมาอย่างอดกลั้นไม่ไหว

        “เจ้าสูดลมหายใจลึกๆ แล้วผ่อนออกนะ..ข้าคิดว่าเจ้าใกล้จะคลอดแล้วล่ะ” อมฤทธิ์เองก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอหน้าเจ้าตัวน้อยแล้ว แต่ท่าทางที่เมียรักของตนเป็นอยู่กลับทำให้เขารู้สึกสงสาร

        มะเหมี่ยวรู้สึกปวดจนหน้ามืดตาลายไม่มีเรี่ยวแรงจนต้องนอนราบลงบนเตียง ลมหายใจที่ถี่กระชั้นนั้นทำให้เขาหายใจไม่ทัน แต่ก่อนที่เขาจะหมดสติไป เขาเห็นแสงสีฟ้าวูบวาบเปล่งประกายจนแสบตาไปหมด พร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดได้มลายหายไปจนหมดสิ้น

        “ท่านแม่”

        นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่เขาได้ยิน ก่อนหลับตาลงพร้อมรอยยิ้มแม้ไม่ได้เห็นหน้าคนพูดแต่เขากลับรู้สึกผูกพันและรักในเสียงเล็กๆนั้นมากเกินจะพรรณนา

        อมฤทธิ์จ้องมองเด็กน้อยที่ไม่ใช่ทารกแรกเกิด แต่เป็นเด็กที่น่าจะอายุประมาณสองขวบนั่งคุกเข่าก้มหน้ามองเมียรักของตนอย่างสนใจ ร่างสูงเขยิบเข้าไปใกล้ก่อนจะรวบร่างเล็กนั้นมาไว้ในอ้อมกอดแล้วหอมแก้มยุ้ยๆนั้นอย่างรักใคร่

        “อ่า ท่านพ่อข้าตกใจหมดเลย” เสียงเล็กๆของคนตัวเล็กในอ้อมกอดร้องบอก ดวงตากลมโตฉายแววใสซื่อบริสุทธิ์ไม่ต่างไปจากมะเหมี่ยวเลย เทพพิทักษ์ป่ายิ้มกว้างก่อนบอก

        “ก็พ่อดีใจที่ได้เจอหน้าเจ้าเสียที..แล้วเจ้าก็ช่างน่าเกลียดน่าชังเช่นนี้อีก” ร่างสูงกดจมูกสูดดมแก้มกลม

        “อื้อ..ข้าไม่ได้น่าเกลียดเสียหน่อย ข้าหล่อกว่าท่านพ่อตั้งเยอะ” มือน้อยๆดันหน้าของอมฤทธิ์ออกห่าง นิ้วเล็กๆจิ้มจมูกพ่อของตนจึ๊กๆ

        อมฤทธิ์จับมือป้อมๆออกมาแล้วหอมฝ่ามือน้อยๆนั่นอย่างรักใคร่

        “พ่อยอมให้เจ้าก่อนก็ได้ แล้วตอนนี้เจ้าหิวหรือไม่?”

        “ข้ายังไม่หิวเลย ข้าอยากให้ท่านแม่ตื่นเร็วๆจัง”

        “ใจร้อนจริงเชียว เดี๋ยวแม่ของเจ้าก็ตื่นแล้ว”

        “ข้าอยากให้ท่านแม่ตื่นตอนนี้” เสียงเล็กๆพูดอย่างดื้อดึง

        “แม่ของเจ้ายังอ่อนเพลียอยู่ ปล่อยให้พักผ่อนก่อนเถอะนะ เดี๋ยวพ่อจะพาเจ้าไปเดินเล่นข้างนอกดีไหม?”

        “ไม่ ข้าจะรอท่านแม่ตื่นก่อน”



        ช่างเอาแต่ใจเสียเหลือเกิน



        อมฤทธิ์คิดก่อนจะบอกอย่างยอมจำนน

        “ก็ได้ๆ พ่อจะรอเป็นเพื่อนเจ้าเอง”

        “มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว”คนตัวเล็กพูดพร้อมกับซบหัวน้อยๆไปที่อกบิดาแล้วจ้องมองมารดาของตนอย่างรอคอยเวลา ก่อนดวงตาใสแจ๋วคู่นั้นจะคล้อยต่ำและหลับไปด้วยอีกคน
.
.
.
        มะเหมี่ยวรู้สึกตัวอีกทีหลังจากที่หลับไปได้ชั่วโมงกว่าๆ เขาสิ่งมีชีวิตที่อยู่ขั้นกลางระหว่างเขาและอมฤทธิ์กำลังนอนดิ้นขาก่ายเกยไปมา จนคนมองต้องหลุดขำออกมาเบาๆ จ้องมองเจ้าตัวน้อยนั้นตาไม่กระพริบ เด็กหนุ่มส่งยิ้มให้กับร่างสูงก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ

        “นี่ลูกของเราจริงๆใช่ไหมอมฤทธิ์” ปฏิกิริยาตอบกลับคือรอยยิ้มก่อนจะพยักหน้า

        มะเหมี่ยวไม่รอช้าคว้าคนตัวน้อยๆมากอดไว้แนบอกด้วยความรักทั้งหมดของหัวใจ เขาไม่ได้แปลกใจที่เห็นลูกตัวโตแบบนี้แทนที่จะเป็นทารกแรกเกิด เพราะอมฤทธิ์ได้เคยบอกไว้แล้วว่าลูกของเทพนั้นจะมีพัฒนาการที่ไวกว่าเด็กปกติมาก เจริญเติบโตและเรียนรู้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์

        เขายิ้มอย่างตื้นตัน น้ำตาคลอ พูดไม่ออก มันอธิบายไม่ถูก ได้แต่ก้มมองใบหน้ากระจิ๊ดริดนั้นอย่างแสนรัก

        เจ้าตัวเล็กปรือตาขึ้นมา ก่อนจะกระพริบจ้องหน้าคนตรงหน้า

        “ท่านแม่” ร่างเล็กบอกซุกลงไปที่อกบางของมะเหมี่ยวอย่างขี้อ้อน

        “ลูกของแม่” เด็กหนุ่มถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ได้แต่ปล่อยให้มันรินไหลออกมา



        ดีใจที่สุด..ดีใจจริงๆ



-----------------------------------------------------------------------------


สวัสดีวันแม่ค่ะ ตอนนี้ซอฟๆหน่อยนะค่ะ ให้เข้ากับบรรยากาศหน่อยเนอะ

เหลืออีกตอนนึงไม่แน่ใจว่าจะแต่งเสร็จเมื่อไร ขอบคุณทุกเม้นและคนอ่านทุกท่านนะค่ะ

เจอกันตอนหน้าค่ะ   :bye2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 12-08-2015 22:32:12
อยากรู้ชื่อลูกจัง
ป.ล.ลูกคนนี้แสบน่าดู55555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 12-08-2015 22:51:25
ตัวเล็ก~ :กอด1: ช่างออดช่างอ้อนเหลือเกิน น่ารักจริงๆ เลยน้าา..
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-08-2015 23:19:08
คลอดแล้วว่าแต่จะชื่ออะไรน้า?
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-08-2015 23:22:59
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 13-08-2015 11:13:16
ตัวเล็กแสบมากจริงๆ   55555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-08-2015 20:22:24
อมฤทธิ์ ลูกคนโตคลอดแล้ว ตอนนี้ก็ไปทำลูกคนที่สองได้เลย :z1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 13-08-2015 20:33:51
ว้าววววววววว
เจ้าตัวน้อย (ตรงไหน?) ออกมาแล้วววว
แสบไม่เบาเลยนะเนี้ย
อยู่ในท้องก็สกัดดาวรุ่งท่านพ่อขนาดนั้น
นี่ออกมาแล้ว ท่านพ่อจะมีโอกาสรังแกท่านแม่อีกมั้ยหน่อ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 13-08-2015 21:11:24
คลอดแล้ว เจ้าตัวเล็ก ช่างดื้อเอาใจเสียด้วย จนคนเป็นพ่ออดหื่นเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-08-2015 21:24:39
ลูกชายคนโตน่ารักทีเดียว  :mc4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 13-08-2015 22:19:26
เฮ้ย ชอบอ่ะ แหวกแนวดี 555 แม่พันธุ์
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 14-08-2015 03:30:45
ลูกคลอดแล้วท่าทางน่าจะแสบน่าดูเลย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: nam151238 ที่ 14-08-2015 14:27:28
มาต่อเร็วๆนะ อยากรู้ว่าจะมีลูกกี่คน  :mew1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 14-08-2015 21:14:12
สนุกมากค่ะ ลูกแสบมากอ่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 15-08-2015 01:08:35
น่ารักมาก ท่าทางแสบเอาเรื่องเลยคุณลูกคนโต
คุณพ่อท่าทางอัดอั้น คนถัดไปคงอีกไม่นาน :z1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนผลผลิตจากแม่พันธุ์} 12/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 16-08-2015 19:54:26
ตัวเล็กขี้อ้อนจัง
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 1708/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 17-08-2015 03:14:18
เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์   {ตอนขยายพันธุ์}



        “ท่านแม่ข้าอยากไปเดินเล่น”

        “ท่านแม่ข้าอยากไปเล่นน้ำ”

        “ท่านแม่ข้าอยากกินชมพู่”

        “ท่านแม่ข้าง่วงแล้ว”

        “ท่านแม่กอดข้าที”

        “ท่านแม่อยู่กับข้านะ อย่าปล่อยข้าไว้คนเดียวนะ”



        มะเหมี่ยวมองเด็กน้อยที่ตอนนี้นอนตาปรือใกล้จะหลับเต็มที่ในอ้อมกอดอย่างเอ็นดู เด็กหนุ่มรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่บุตรเรียกเขาว่า”ท่านแม่” แม้คำเรียกนั่นอาจจะเหมาะกับผู้หญิงแต่สำหรับเขามันมีความหมายมากกว่าจะมาแยกระหว่างความเป็นชายหญิง เพราะเขาคือคนที่อุ้มท้องและเลี้ยงดู ไม่ได้ทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องตรงส่วนไหน เว้นก็เสียแต่..

        สองอาทิตย์มาแล้วตั้งแต่ที่หมี่ซอเกิด แม่และน้องของมะเหมี่ยวก็มาหาในรุ่งขึ้นของอีกวันโดยนำเสื้อผ้าของเด็กเล็กมาฝากด้วย เด็กหนุ่มประหลาดใจในตอนแรกที่แม่ทำราวกับรู้เรื่องราวความเป็นไปของเขาเป็นอย่างดี แต่พอมารดาเล่าให้ฟังว่าเป็นเพราะอะไร เขาถึงได้เข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้วรอบตัวเขามีแต่คน
 

        พิเศษ


        ใช่ เขาขอเรียกแบบนี้แล้วกัน แม่ที่เขารู้จักมาทั้งชีวิตเป็นผู้ที่มีความพิเศษ คือสามารถมองเห็นอนาคตได้ สิบเจ็ดปีที่ผ่านมาในชีวิตเขาไม่เคยได้รู้เลย เพราะมารดาไม่บอกใครแม้แต่ลูกของตนเอง จนกระทั่งตอนนี้น้องสาวของเขาก็ยังไม่รู้

        เขายังจำสายตาของมะขิ่นได้ดีว่ามึนงงและตกใจขนาดไหนตอนที่เขาบอกว่าหมี่ซอเป็นลูกชายของเขากับอมฤทธิ์ น้องสาวที่แสนอ่อนต่อโลกก็เป็นลมล้มพับไปเลย พอนึกถึงตรงนี้ทีไรก็อดขำไม่ได้ทุกที

        ด้วยกลัวว่าอาจจะสร้างความตกใจและสับสนไปมากกว่านี้ เมื่อมะขิ่นฟื้นเขาจึงบอกว่าล้อเล่น ความจริงแล้วหมี่ซอคือลูกชายของอมฤทธิ์ ส่วนเขาก็อย่างที่เข้าใจนั่นแหล่ะว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นไปในทิศทางไหน เพียงเท่านั้นน้องสาวเขาก็เข้าใจได้อย่างง่ายดาย โดยทิ้งท้ายไว้อีกว่าเดี๋ยวนี้ความรักของชายกับชายนั้นมีให้เห็นออกบ่อย เธอออกจะชื่นชมด้วยซ้ำ เป็นเขาเองที่เหวอบ้างกับความคิดของเด็กสาวอายุสิบห้า แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมันก็ไม่ได้ต่างจากที่น้องสาวว่าเลย

        “ท่านแม่ข้าคิดถึงท่านยาย” หนูน้อยที่เขาคิดว่าหลับพูดขึ้นทั้งที่ตาปิดอยู่ทั้งสองข้าง

        มะเหมี่ยวคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อยเมื่อหมี่ซอเริ่มดิ้นยุกยิกแล้ว

        “เอาไว้วันหลังแม่พาไปหาคุณยายแล้วกันเนาะ ตอนนี้หมี่ซอของแม่นอนก่อนนะครับ”

        “ก็ได้..ข้ารักท่านแม่ที่สุดเลย” ทั้งที่ง่วงขนาดนี้ก็ยังพูดจาออดอ้อนเขาตลอดเลย จะไม่ให้เขารักและหลงลูกคนนี้ได้อย่างไร

        “ครับ แม่ก็รักลูกเหมือนกัน”

        เพียงไม่นานร่างในอ้อมแขนก็เงียบไป มีเพียงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นที่บอกว่าเจ้าตัวเล็กของเขาหลับไปแล้ว

        “มะเหมี่ยว” เสียงเรียกจากฝั่งตรงข้ามทำให้เด็กหนุ่มยืดคอขึ้นเพื่อมองคนที่นอนหันหลังให้อยู่

        “มีอะไรเหรอครับ” เด็กหนุ่มกระซิบถาม

        อมฤทธิ์นอนหมดอาลัยตายอยาก รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังจะตายเสียให้ได้ ทั้งที่อดทนมาได้จนถึงวันที่มะเหมี่ยวคลอดหมี่ซอแล้ว เขากะว่าจะฉลองกับเมียรักให้หายอยาก แต่จนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่ได้ทำอะไรอย่างที่หวังไว้สักอย่าง

        หมี่ซอเจ้าลูกรักเป็นเด็กน่ารักที่ฝากความแสบแสนไว้กับพ่ออย่างเขามากพอดู เพราะตั้งแต่ที่มะเหมี่ยวลืมตาขึ้นมาทั้งสองคนแม่ลูกก็ตัวติดกันโดยผลักเขาออกมาเหมือนเป็นคนนอก ทั้งที่เขาเป็นพ่อและรักลูกไม่ต่างกับมะเหมี่ยวเลย ท่าทางที่หวงแม่มากนั่นเขาพอเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ทำให้ขัดใจก็เพราะเจ้าตัวดีชอบมาทับถมเขาอีกว่า

        “รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ ข้าไม่ปล่อยให้ท่านพ่อรังแกท่านแม่หรอก”

        นั่นคือสิ่งที่บุตรพึงปฏิบัติต่อบิดาเหรอ สรุปแล้วเขาโดนกันออกจากมะเหมี่ยวในทุกๆสถานการณ์


        แต่ในวันนี้เขาจะต้องเผด็จศึกเมียรักให้จงได้


        มะเหมี่ยวเห็นว่าเทพพิทักษ์ป่าไม่ได้ว่าอะไร เขาจึงกลับมานอนตามเดิม เด็กหนุ่มหลับตาลงสักพักก็รู้สึกถึงความนุ่มนิ่มที่เปียกชื้นบนริมฝีปากของตนจนต้องลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นแววตาปีศาจของอมฤทธิ์ที่ทอแสงแห่งความปรารถนาไว้อย่างมากแสน เด็กหนุ่มขยับหน้าออกมาจนปากของทั้งคู่ห่างกันได้หนึ่งเซนต์

        “คุณจะทำอะไร”

        เทพครึ่งปีศาจมองแก้มที่ขึ้นสีเรื่อของมะเหมี่ยวแล้วแตะปากเบาๆอีกรอบก่อนจะถอยหน้าออกมาห่าง

        “ข้าคิดถึงเจ้า” อมฤทธิ์ว่าแล้วหลุบตาลง เขาล้มตัวลงนอนหันหลังให้เมียรักตามเดิม

        “ทั่งที่อยู่ใกล้กัน แต่เหมือนข้าอยู่ตัวคนเดียว..ลูกเมียต่างก็ไม่มีใครเห็นข้าอยู่ในสายตา”

        มะเหมี่ยวฟังคำพูดตัดพ้อนั้นอย่างรู้สึกไม่ค่อยดี ไม่ใช่ว่าเขาไม่ใส่ใจหรือหมางเมินเทพพิทักษ์ป่า แต่เป็นเพราะเขาใช้เวลาที่ผ่านมาทั้งสองอาทิตย์ไปกับลูกน้อยจนไม่มีเวลาให้กับอมฤทธิ์เลย ไม่คิดว่าคนตัวโตจะเก็บไปคิดจนน้อยใจขนาดนี้

        เด็กหนุ่มค่อยๆคลายอ้อมแขนออกจากเด็กน้อยให้เบาที่สุดจัดท่านอนหมี่ซอให้สบายตัว แล้วลุกขึ้นเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียง ยืนมองคนตัวโตขี้น้อยใจ ยื่นมือไปลูบปากหนาเบาๆก่อนบอก

        “คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวสักหน่อย อย่าคิดมากสิ..ผมขอโทษที่ไม่ค่อยได้สนใจคุณเท่าไหร่ เอ่อ..” เด็กหนุ่มลังเลว่าจะพูดต่อดีหรือไม่ แต่พอสบกับสายตาที่น่าสงสารนั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจได้

        “ผมอยากกอดคุณ เพื่อ เอ่อ..ไถ่โทษได้ไหม?” แทนคำตอบเทพครึ่งปีศาจก็ลุกพรวดขึ้นดึงมะเหมี่ยวเข้ามากอดอย่างแนบแน่น ริมฝีปากหนาไล่จูบต้นคอขาวผ่องด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ

        “เดี๋ยวก่อนอมฤทธิ์ ไม่ใช่ตรงนี้นะ ลูกนอนอยู่” เด็กหนุ่มรีบบอกคนใจร้อนที่อยากจะกินเขาอย่างกระอักกระอ่วนใจ

        “ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นตรงไหนดีล่ะ”

        เด็กหนุ่มหันมองรอบกายก่อนจะชี้ไปยังที่แสงสว่างส่องไม่ถึง

        “ตรงนู้นแล้วกันนะ”

        เมื่อเห็นที่หมายอมฤทธิ์ก็สอดแขนไปที่ใต้สะโพกแล้วอุ้มคนตัวเล็กกว่าขึ้นมา มะเหมี่ยวที่ไม่ทันได้เตรียมตัวก็โอบแขนรอบคออมฤทธิ์อย่างกลัวตก ขาเพรียวเกาะเกี่ยวเอวสอบของเทพพิทักษ์ป่าไว้แน่น

        อมฤทธิ์บดจูบริมฝีปากสีสดนั้นอย่างหมดความอดทน ทั้งสองบดเคล้าคลึงปากกัน แลกลิ้นไล้หยอกล้อกันอย่างวาบหวาม สองขาของเทพพิทักษ์ป่าเดินตรงไปยังจุดที่มืดที่สุด ก่อนจะถอนปากออกปล่อยเมียรักลงยืนกับพื้นแล้วถอดเสื้อผ้าให้กันและกันจนเปลือยเปล่ากันทั้งคู่
   
        เทพครึ่งปีศาจไล้มือไปบนผิวเนียนของเมียรัก แต่ก็ถูกดึงออกมา

        “คุณนอนลงไปสิ เดี๋ยวผมทำให้เอง” เสียงเมียรักบอกมาอย่างสั่นๆ

        “เจ้าแน่ใจรึ? ว่าทำเป็น”

        คนฟังถึงกับคิ้วกะตุกเพราะคำดูถูกนั่น

        “มีลูกมาคนนึงแล้ว ทำไมจะทำไม่เป็น ถ้าลีลามากผมไม่ทำให้แล้วก็ได้” พูดพร้อมกับปล่อยมือ

        “โอ๋ เมียรักของข้า..ข้าแค่หยอกเจ้าเล่น อื้อ” ไม่ทันได้กล่าวจบประโยคคนตรงหน้าก็รั้งคอเขาแล้วยืดตัวขึ้นมาจูบซะก่อน

        อมฤทธิ์ถอนปากออกแล้วลงไปนอนบนพื้นเย็นเฉียบอย่างว่าง่าย เมื่อเปรียบเทียบกับอมฤทธิ์แล้วมะเหมี่ยวอาจจะยังไม่ช่ำชองในเชิงรักมากเท่า แต่เขาก็เรียนรู้มาพอสมควรและต้องยอมรับว่าคิดถึงรสสวาทระหว่างกันไม่แพ้เทพครึ่งปีศาจเลย

        เด็กหนุ่มนั่งลงไปยังกึ่งกลางลำตัวของคนรัก สิ่งที่แข็งขืนตั้งตระหง่านไม่แพ้ของตนกำลังสัมผัสผิวเนื้อตรงร่องก้น มะเหมี่ยวโน้มตัวลงไปจูบโดนคางของคนข้างใต้ ไล้ริมฝีปากลงมายังยอดอกเรียกเสียงครางอย่างเสียวซ่านออกมาจากปากของเทพพิทักษ์ป่าได้เป็นอย่างดี

        มะเหมี่ยวลุกขึ้นล่นตัวลงไปนั่งที่ต้นขาของอมฤทธิ์ ใช้มือขวาจับแก่นกายที่ร้อนผ่าวของอมฤทธิ์ขยับเบาๆ เลื่อนตัวมาข้างหน้าแล้วยกตัวขึ้นจ่อสิ่งนั้นตรงช่องทางคับแน่นของตนก่อนจะค่อยๆกดลง

        “อ๊ะ” เด็กหนุ่มครางอย่างเจ็บปวดเพราะช่องทางรักยังไม่พร้อม แต่เขาก็พยายามกดมันลงไปอีก จนในที่สุดก็สามารถกลืนกินแท่งร้อนนั้นได้ทั้งลำ เขานั่งพักสักครู่ก่อนจะเริ่มขยับตัวขึ้นลงเบาๆ

        “อา..ทำเช่นนี้เจ้าไม่เจ็บรึ อา..” อมฤทธิ์นึกห่วงคนที่เร่งร้อนจะทำรักโดยที่ยังไม่เตรียมตัวให้พร้อม ถึงเขาจะมีความสุข แต่เขาก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวขนาดละเลยความสุขของเมียรักนักหรอก

        “อืม..ผมไม่เป็นไร อ๊ะ..อ๊า..” เมื่อรู้สึกเริ่มชินกับสิ่งที่อยู่ในตัว มะเหมี่ยวก็ยิ่งเร่งจังหวะเข้าออกมากยิ่งขึ้น จากตอนแรกที่เจ็บเพราะฝืดเคือง แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มกลับรู้สึกหฤหรรษ์กับสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่

        อมฤทธิ์ตกอยู่ในห้วงตัณหาที่ตนกักเก็บมานาน เขาระบายไปกับการบีบเค้นก้นเมียรักอย่างเมามันจนพอใจแล้วหยุดมือเท้าแขนทั้งสองข้างไปด้านหลัง มองร่างของเมียรักในความมืดด้วยความเสน่หา สวนสะโพกเด้งขึ้นด้วยจังหวะหยาบโลน เสียงหอบหายใจดังออกมาเป็นระยะ จนเขาอดรนทนไม่ไหวโน้มตัวขึ้นมาจับมะเหมี่ยวนั่งบนตักตน ก้มลงดูดดึงยอดอกของเมียรักอย่างกระหาย

        “อื้อ อมฤทธิ์อย่าดูดแรงสิ” มะเหมี่ยวรู้สึกเสียวซี๊ดเมื่ออมฤทธิ์ละเลงลิ้นดูดยอดอกของตนอย่างไม่ปรานี

        อมฤทธิ์หยุดริมฝีปาก โอบกอดเมียรักเข้ามาแนบชิดแผ่นอกแกร่ง แล้วเร่งจังหวะรักให้รัวเร็วยิ่งขึ้นจนคนข้างบนร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่ออมฤทธิ์จงใจยัดเยียดกระแทกกระทั้นแก่นกายอันแสนใหญ่โตโดนจุดกระสันของเมียรัก

        “อ๊ะ อ๊า..อมฤทธิ์ผมจะเสร็จแล้ว” ไม่ทันขาดคำ น้ำรักสีข้นก็พุ่งออกมาจากแก่นกายของมะเหมี่ยวจนเลอะหน้าท้องของคนทั้งคู่ เด็กหนุ่มเอนกายกอดอมฤทธิ์ไว้แน่นเพราะแม้จะปลดปล่อยแล้วแต่เขาก็ยังรู้สึกถึงการสอดใส่ของเทพพิทักษ์ป่าอยู่

        อมฤทธิ์ที่ยังไม่ถึงฝั่งฝันก็ยิ่งซอยจังหวะถี่ยิบจนเสร็จสมตามเมียรัก เขาปล่อยสายธารรักสู่ช่องทางรักอันคับแน่นที่เขาไม่ได้สัมผัสมาสี่เดือนเต็มๆทุกหยาดหยด ปล่อยแช่แก่นกายที่ยังเต้นตุบๆอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถอนออกมา น้ำรักสีขาวข้นแม้จะมองไม่เห็นไหลออกมาเปรอะเปื้อนขาของทั้งคู่

        เมื่อปรับลมหายใจให้กลับคืนมาสู่ปรกติได้ อมฤทธิ์ก็เอ่ยปากขึ้นก่อน

        “เจ้ามีความสุขไหม”

        คำตอบที่ได้คือหัวทุยสวยที่ซบตรงหน้าอกพยักขึ้นลง

        “ข้าก็มีความสุข..ข้าไม่เคยมีความสุขได้มากขนาดนี้มาก่อน เจ้ารู้ไหมว่าเพราะอะไร”

        คนในอ้อมแขนไม่ตอบได้แต่นิ่งรอฟัง

         “ถ้าไม่มีเจ้า ข้าก็คงจะอยู่อย่างที่เคยอยู่ มีชีวิตไปวันๆไม่มีเป้าหมายอะไร..จนเมื่อวันที่ข้าได้เจอกับเจ้า..เมียของข้า” ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกกำลังใจก่อนจะเอ่ย

        “เจ้าได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของข้า ให้บุตรอันเป็นที่รัก ให้ข้ารู้สึกว่าการเป็นอมตะก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร..เพราะหากข้าเป็นแค่คนธรรมดาก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบกับเจ้าหรือไม่..เมียของข้า..” เขาหยุดเมื่อรู้สึกว่าคนในอ้อมแขนนิ่งไป

        “เจ้าฟังข้าอยู่หรือเปล่า”

        “ฟังสิ ผมฟังคุณอยู่” ร่างบางตอบกลับมาเสียงพร่า

        “ข้าอยากจะบอกว่าเจ้าคือผู้ที่มอบความสุข บันดาลสิ่งที่มีค่าที่สุดให้กับข้า อยากจะบอกให้เจ้ารู้ได้ไว้ว่า..” เขานิ่งไปอีกรอบ

        “ข้ารักเจ้า” ท้ายประโยคแม้จะแผ่วเบาแต่กลับหนักแน่นในความรู้สึกของคนพูด มะเหมี่ยวตื้นตันจนน้ำตาคลออย่างมีความสุข เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่อมฤทธิ์ยอมเผยความในใจที่มีต่อเขา

        “แล้วเจ้าล่ะ คิดเช่นไรกับข้า” น้ำเสียงที่เอ่ยถามนั้นเต็มไปด้วยความหวังว่าเมียรักจะคิดเฉกเช่นเดียวกับตน

        มะเหมี่ยวผละออกจากอ้อมกอดของอมฤทธิ์ มือบางกุมหน้าของสามีไว้ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายท่ามกลางความมืด ก่อนตอบ

        “ทุกวันนี้คุณยังมองไม่ออกอีกเหรอว่าทำไมผมถึงได้อยู่กับคุณในป่าแห่งนี้..ถ้าไม่ใช่เพราะรัก” พูดเองก็เขินเอง มะเหมี่ยวปล่อยมือออกจากใบหน้าชายคนรัก แล้วโอบกอดร่างสูงไว้อย่างมีความสุข หลับตาพริ้มก่อนจะลืมตาโพลงเพราะคนที่ตนนั่งทับอยู่บีบก้นของเขาอย่างแรง

        “ทำอะไรของคุณน่ะ ผมเจ็บนะ” เด็กหนุ่มโวยวาย ปรับเปลี่ยนอารมณ์ตามแทบไม่ทัน

        “ก็ข้าอยากจะแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน” อมฤทธิ์แก้ตัวอุบอิบ ฝ่ามือของเมียรักฟาดลงบนแผ่นหลังดังเพี๊ยะ

        “แบบนี้ต่างหากที่จะช่วยยืนยันว่าไม่ใช่ฝันแน่ๆ” ร่างบางกัดฟันพูด ก่อนจะผลักอมฤทธิ์ให้ล้มลงนอนบนพื้นเย็นเฉียบอีกครั้ง

        “แล้วผมจะทำให้คุณตื่นตลอดเวลาเอง จะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นความฝันอีก” ว่าจบก็ก้มลงไปจูบคนข้างใต้เพื่อยืนยันสิ่งที่พูด

        แล้วทั้งสองก็ร่วมกันบรรเลงเพลงรักบทใหม่อย่างไม่รู้เบื่อ ทั้งยังต้องเร่งทำเวลา เพราะหากช้าไม่ใช่แค่พวกเขาที่กำลังตื่นอยู่ แต่จะเป็นอีกชีวิตหนึ่งที่อาจจะตื่นขึ้นมารับรู้เรื่องที่ทั้งสองทำอยู่ก็เป็นได้


        เจ้าเด็กน้อยแสนซน









ต่อข้างล่างจ้า
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 17-08-2015 03:38:17
อ่านต่อเลยจ้า



        สามปีผ่านไป

        ท่ามกลางป่าลึก ณ บริเวณลำธารใหญ่ใกล้กับถ้ำซึ่งเป็นที่พักอาศัยของเทพพิทักษ์ป่าและครอบครัว

        “ท่านแม่ข้าบอกให้อาโปพาข้าไปเล่นซ่อนแอบด้วยก็ไม่ยอม บอกว่าจะไปกับบีซอท่าเดียวเลย” เจ้าตัวจ้อยแก้มแดงกระโดดเหยงๆฟ้องมารดาเสียงดัง

        “ก็เจ้ายังเด็กนะคว่าพู เจ้าจะไปเล่นกับผู้ใหญ่ได้ยังไง” คนที่โดนว่ายังเด็กมองคนที่สูงกว่าตนไม่กี่เซนต์อย่างไม่อยากยอมรับ

        “เจ้าก็ไม่ได้ต่างจากข้าเลยนะ ยังจะกล้ามาพูดอีก” คว่าพูว่ากลับอย่างไม่ยอมแพ้ อาโปดีดนิ้วใส่หน้าผากน้องดังป้อก

        “โอ๊ย! อาโปเจ้ามันนิสัยไม่ดี” คว่าพูชี้หน้าว่า คลำหน้าผากตัวเองป้อยๆ

        “เอาล่ะๆ ข้าว่าเราก็ไปเล่นกันทั้งหมดนี่แหล่ะ พูแซเจ้าเลิกแกล้งพาโลได้แล้ว” ประโยคหลังของพี่คนรองที่มีนามว่าบีซอร้องบอกน้องคนที่สามให้หยุดจี้เอวน้องคนที่สี่ที่กำลังร้องโวยวายเมื่อไม่สามารถจี้เอวอีกฝ่ายกลับไปได้

        มะเหมี่ยวมองเหตุการณ์เบื้องหน้าที่แสนวุ่นวายโดยเจ้าตัวจุ้นทั้งห้าด้วยรอยยิ้ม สามปีกว่าแล้วสินะที่เขาใช้ชีวิตคู่กับอมฤทธิ์มาอย่างมีความสุข พร้อมมีโซ่ทองคล้องใจทั้งหกคน

        บีซอเป็นลูกคนรองที่เกิดหลังจากหมี่ซอมีอายุได้หกเดือน เมื่อบีซออายุได้สี่เดือนเขาก็อุ้มท้องพูแซจนกระทั่งคลอดพูแซได้สามเดือนเขาก็ตั้งท้องอีกหน พาโลเป็นลูกคนที่สี่ หลังจากนั้นเขาก็ตั้งท้องอาโปซึ่งเป็นคนที่ห้าซึ่งอายุห่างจากคว่าพูเพียงสี่เดือน เพราะทันทีที่เขาคลอดได้ไม่นานเขาก็ต้องอุ้มท้องคว่าพูต่อทันที จนกระทั่งตอนนี้เขาก็มีหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องที่มีอายุครรภ์หนึ่งสัปดาห์

        ตอนนี้เขาอายุยี่สิบปีแล้ว การมีและเลี้ยงดูบุตรหลายๆคนนั้นเหนื่อยเขายอมรับ แต่ในความเหนื่อยนั้นเขากลับมีความสุขจึงไม่ได้กะเกณฑ์ว่าจะหยุดอยู่คนที่เท่าไหร่ เพราะเด็กๆเหล่านี้คือผลผลิตของความรักที่อมฤทธิ์และเขามีให้กัน

        ทุกคนจึงสำคัญและมีค่าที่สุด คนเป็นพ่อและแม่อย่างเขาทั้งคู่ก็มีความสุขและยินดีที่จะให้มันเป็นแบบนี้

        “พวกเจ้านี่น่ารำคาญชะมัด รู้ก็รู้อยู่ว่าท่านแม่กำลังจะมีน้องให้พวกเจ้า ยังจะหาเรื่องมากวนใจท่านแม่อยู่ได้” เสียงพี่ชายคนโตตะโกนมาก่อนที่ตัวจะเดินเข้ามาหามะเหมี่ยวอย่างเป็นห่วง

        “ข้าว่าท่านแม่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ เดี๋ยวเจ้าตัวป่วนพวกนี้ข้าจะดูแลเอง”

        มะเหมี่ยวมองเด็กชายที่สูงประมาณช่วงเอวของตนพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีหมี่ซอก็ยังคงเป็นหมี่ซอที่ห่วงใยเขาเสมอไม่เปลี่ยนแปลง

        “ข้าไปเก็บผลชมพู่ป่ามาได้เยอะเลย ท่านแม่กลับไปกินด้วยนะ ข้าล้างให้เรียบร้อยแล้ว” หมี่ซอว่า

        “ครับ เดี๋ยวหมี่ซอดูแลน้องๆดีๆนะลูก แม่ก็ชักจะง่วงแล้วล่ะ” มะเหมี่ยวบอก ก่อนจะหันไปพูดกับอาโป

        “ให้น้องเล่นด้วยนะลูกนะ เล่นด้วยกันหลายคนก็ยิ่งสนุกนะ” อาโปรับคำมองคว่าพูที่ยิ้มแป้นอย่างจำยอม

        “อ้าว นั่นท่านพ่อนี่เดินมากับใครน่ะ” พูแซที่เลิกแกล้งพาโลแล้วชี้ไปยังทิศทางที่อมฤทธิ์เดินคู่มากับใครอีกคนอย่างสงสัย เมื่อเช้าท่านพ่อบอกว่าจะไปทำธุระนอกป่า แต่พอขากลับมาดันพาใครก็ไม่รู้มาด้วย

        อมฤทธิ์ที่เห็นลูกๆและเมียรักอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตารีบสาวเท้าเดินเข้ามาหาด้วยความคิดถึง เพราะแม้จะห่างกันเพียงไม่นานเขากลับรู้สึกโหยหาพะว้าพะวงถึงคนในครอบครัวตลอดเวลา

        วันนี้ชายหนุ่มได้ไปเข้าร่วมชุมนุมกับเทพพิทักษ์ป่าในเขตแดนอื่นมา จึงไม่ได้อยู่เลี้ยงลูกช่วยมะเหมี่ยวดังเช่นทุกวัน เขาเดินตรงไปหาเมียรักแล้วถามอย่างห่วงใย

        “เจ้าได้นอนบ้างหรือยัง แล้ววันนี้กินอะไรไปบ้าง..ข้าขอโทษที่กลับเสียบ่ายเลย”

        “ผมไม่เป็นอะไรหรอก กะว่าจะไปนอนแล้ว คุณเองก็คงเหนื่อยเหมือนกันไปพักผ่อนด้วยกันก่อนไหม..ว่าแต่คนนั้นเป็นใครเหรอ” มะเหมี่ยวมองคนมาใหม่ที่เดินเข้ามาหาอย่างไม่รีบร้อนอย่างสงสัยไม่แพ้เด็กๆ

        “อ่า..นี่ท่านอรุณ เป็นเทพพิทักษ์ป่าของที่นี่คนก่อน”

        ชายร่างสูงใหญ่โตพอๆกับอมฤทธิ์ แต่เปล่งรัศมีของเทพออกมามากกว่าเพราะไม่ได้ผสมปนสายเลือดปีศาจดังเช่นอมฤทธิ์ แต่ถ้าเทียบความหล่อก็คงจะพอสูสีกับสามีตนได้อยู่หรอก

        “นี่หรือคือลูกๆและเมียของเจ้า” เสียงทุ้มกังวานเอื้อนออกมาจากริมฝีปากสีสด รอยยิ้มแย้มให้กับเมียรักของเทพครึ่งปีศาจอย่างเป็นกันเอง อมฤทธิ์กระแอมไอเมื่อรู้สึกหวงรอยยิ้มของเมียรักที่ส่งให้กับอรุณ

        “ใช่นี่แหล่ะเมียของข้า”

        “ดูน่ารักกว่าที่ข้าคิดไว้”

        “เจ้า” อมฤทธิ์ถึงกับพูดไม่ออกกับคำชมที่กวนโมโหนั่น

        อรุณหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทีของคนขี้หวง

        “เจ้าอย่าคิดมากไปเลย มีลูกด้วยกันมากมายขนาดนี้ยังจะต้องหวงอะไรอีก..นอกจากว่าเมียเจ้าจะเบื่อเจ้าแล้ว”

        “เจ้ากลับไปเลยไป ข้าไม่ให้เจ้าพักที่นี่แล้ว” อมฤทธิ์ไล่คนที่อายุมากกว่าอย่างหงุดหงิด

        “เดี๋ยวข้ากลับเลยก็ได้ แค่อยากจะมาให้เห็นกับตาว่าใครเป็นคนสำคัญกับเจ้าเท่านั้นเอง” อรุณว่า มองเด็กๆหลายๆคนที่มองตนอย่างสนใจ



        น่ารักทั้งนั้น



        “หากเช่นนั้นท่านก็จงกลับไปยังที่ของท่านเถอะ..ครอบครัวข้าจะไปพักผ่อนกันแล้ว”
หมี่ซอพูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว เขาก็หวงท่านแม่ไม่ได้น้อยไปกว่าท่านพ่อเลย แล้วคำพูดที่อีกฝ่ายว่ามานั้นราวกับจะจีบท่านแม่ของเขา




        รออีกหลายชาติเถอะถ้าจะมายุ่งกับคนในครอบครัวของหมี่ซอ




        อรุณมองหนุ่มน้อยตรงหน้าที่ก้าวมายืนข้างหน้าท่านแม่ของตนไว้ราวกับจะปกป้อง

        “เอาล่ะ เรากลับเข้าถ้ำกันทั้งหมดนี่แหล่ะ คราวหน้าคงได้พบกันอีกครั้งนะครับคุณอรุณ” มะเหมี่ยวที่เงียบอยู่นานเอ่ยปากพูดบ้าง ยิ้มให้อรุณอย่างเป็นมิตรก่อนจะดึงแขนให้อมฤทธิ์เดินตามตนไปด้วย

        “เด็กๆไปนอนกลางวันกันก่อน แล้วเย็นๆค่อยออกมาเล่นกันใหม่นะลูก” สิ้นคำสั่งจากมารดา เด็กๆทั้งห้าชีวิตก็วิ่งตามหลังไปอย่างว่าง่าย เหลือไว้เพียงแต่หมี่ซอที่ยังยืนจ้องผู้ชายตรงหน้าไม่วางตา

        “เหตุใดเจ้าจึงไม่รีบตามแม่ของเจ้าไป” อรุณเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน

        “ข้าขอเตือนท่านว่าห้ามมายุ่งกับท่านแม่ของข้าอีก” เด็กชายประกาศก้อง

        “นี่เจ้าหวงแม่ของเจ้าขนาดนี้เลยหรือ?”

        “ข้าเป็นลูก ย่อมเป็นธรรมดาที่จะหวงแม่ของตัวเอง..ท่านกลับไปได้แล้ว”

        อรุณไม่สนคำไล่นั่น เพราะกำลังนึกสนุกอยากแกล้งคนขี้หวงแม่ขึ้นมาซะแล้ว

        “ถ้าเช่นนั้น ข้ายุ่งกับเจ้าได้หรือเปล่า”

        หมี่ซอที่มึนงงกับคำขอนั้นอยู่ก็ต้องเบิกตากว้างแล้วดิ้นขลุกขลักเมื่อคนตัวโตอุ้มเขาขึ้นจากพื้น

        “ปล่อยข้านะ! ท่านอุ้มข้าทำไม ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ” ฝ่ามือเด็กชายทุบตีไปที่คนตัวโตอย่างไม่ออมแรง ใบหน้าขึ้นสีเลือดฝาดเพราะใช้แรงอย่างมากเพื่อที่จะให้อรุณปล่อยตนลง

        อรุณแม้จะเจ็บที่อีกฝ่ายทุบตีไม่ยั้งมือแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร มองปากแดงๆและแก้มแดงๆของคนที่อุ้มอยู่อย่างช่างใจ ก่อนจะตัดสินใจทำบางอย่าง



        ฟอด!



        ได้ผล เด็กน้อยหยุดดิ้นพร้อมกับแก้มที่ยิ่งแดงมากกว่าเมื่อสักครู่เสียอีก ตากลมโตนั้นเบิกโพลงอย่างตกใจก่อนจะเขียวปั้ดเมื่อความโกรธเข้ามาแทนที่ ฟันขาวงับลงไปบนไหล่ของคนที่ขโมยหอมตนอย่างแรง

        “โอ๊ย! เจ้ากัดข้าทำไม?” อรุณร้องถามปล่อยเด็กหนุ่มลงพื้นแต่โดยดี

        หมี่ซอชี้หน้าอรุณแล้วพูด

        “ท่านล่วงเกินข้า ท่านต้องรับผิดชอบ”

        เป็นอรุณที่งงบ้าง รับผิดชอบอะไร เขาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องการสื่อถึงอะไรกันแน่

        “ท่านต้องรับผิดชอบข้า มาขอข้ากับท่านพ่อท่านแม่ด้วย” ว่าจบก็วิ่งหนีไปเลย

        อรุณมองเด็กชายที่วิ่งไปยังทิศทางที่เป็นที่พักอาศัยของครอบครัวอมฤทธิ์อย่างครุ่นคิด ถ้าเขาเดาไม่ผิดเด็กนั่นต้องการให้เขารับมาเป็นเมียใช่ไหม? แค่หอมแก้มถึงต้องรับผิดชอบกันขนาดนี้เลยหรือ

        เทพพิทักษ์ป่ายิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องสนุกที่จะตามมา ก็ในเมื่อเด็กมันร้องขอมาเขาก็จะจัดให้


        อยากจะรู้เหมือนกันว่า”กินเด็ก”มันจะอร่อยสักแค่ไหนกันเชียว



         จบ




         สวัสดีค่ะ มาซะเช้าวันใหม่เลย ตอนนี้เป็นตอนจบแล้วนะคะ
         ถ้าคนอ่านรู้สึกว่ามันค้าง(อีกแล้ว) คนเขียนก็จะแต่งตอนพิเศษมาให้อีกตอนนะคะ
         แต่อาจจะช้าหน่อยเพราะปล่อยเรื่องยาวไว้นานแล้วยังไม่ได้แต่งต่อเลย

         ขอขอบคุณคนอ่านที่เม้นเข้ามาให้กำลังใจนะคะ
         ขอบคุณคนอ่านทุกท่านด้วยนะคะที่ยังอ่านเรื่องของเราอยู่

         สุดท้ายนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ง่วง ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ

         หลับฝันดีค่ะ   :t3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: npsp2555 ที่ 17-08-2015 04:03:08
 :pig4: สนุกมากค่ะ น่ารักมากเลย อยากอ่านต่ออีกอะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 17-08-2015 05:24:56
น่ารักจังเลยเด็กๆ   มาต่อตอนพิเศษอีกน้าาา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 17-08-2015 06:37:38
 :pig4: :pig4: o13 o13
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-08-2015 08:29:35
ลูกคนโตขี้อ้อนมาก... ทำพ่ออดไปหลายวัน ฮา
จะว่าไปครอบครัวนี้ลูกดกนะเนี่ย (ชัวร์อยู่แล้ว ฮา)
ว้า...ลูกคนแรก(จำชื่อไม่ได้อ่ะ ชื่อลูกๆแปลกเกินไป อิอิ) โตจนจะออกเรือนแล้วเรอะ
อยากอ่านตอนพิเศษของลูกคนโตกับเพื่อนพ่อจังค่ะ  :mew2:
ขอบคุณคนเขียนมากๆเลย  :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-08-2015 08:45:28
มะเหมี่ยวกันอมฤทธิ์มีลูกเป็นขโยงเลย น่าร๊ากกก~
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 17-08-2015 09:10:30
น้องหมี่ซอน่ารักจังค่ะ ^^ ใช่ค่า~ แค่หอมแก้มก็ถือว่าล่วงเกินแล้วกันแล้วเนอะ เพราะฉะนั้นอรุณต้องรับผิดชอบด้วยการมาสู่ขอกันนั่นล่ะถูกต้องแล้ว~~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 17-08-2015 11:25:47
น่ารักมากเลย ตามอ่านตั้งแต่คู่คุณพ่อคุณแม่ มาจนถึงคู่คุณลูก  :pig4:
เป็ฯกำลังใจให้นักเขียนนะคะ จะรออ่านตอนกินเด็กค่ะ อิอิ  :-[
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: piengtavan ที่ 17-08-2015 19:52:13
รอตอนกินเด็กค่ะ แอร๊ยยยยยยยยนนน
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 17-08-2015 22:38:34
สายโชตะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 17-08-2015 22:47:21
ชอบๆๆๆๆ  o13
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 18-08-2015 07:50:43
กรี๊ดดดดดดดดดดด
ลูก 6 แล้วเหรอเนี้ยยย
ท่านเทพนี่คึกจัง อิอิ
หมี่ซอนี่หวงท่านแม่ตลอดเลยนะ
แล้วท่านอรุณจะมาสู่ขอหมี่ซอมั้ยน้าา
ถ้านักเขียนว่างๆ ก็อยากให้มีตอนพิเศษมาเรื่อย
เราชอบเรื่องนี้มากกกกกกก อ่านแล้วยิ้มตลอดเลย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-08-2015 10:01:39
สนุกอะ หมี่ซอได้นิสัยพ่อมาเต็มๆๆๆๆ 55555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 18-08-2015 14:19:03
กะ กะ กะ กินเด็กกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-08-2015 17:11:34
อร๊ายยยย  :z1: มารอท่านอรุณกินหมี่ซอ กินเด็กเป็นอมตะนะท่านอรุณ :hao6:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 18-08-2015 21:38:09
อยากเห็นตอนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหึงค่าาาา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 18-08-2015 22:22:15
น่ารักมากกกกกกกกกกกกก
บอกรักกันได้หวานสุดๆๆๆ
มีฉากเสียเลือดก่อนด้วย
มันได้ใจน่ะเออ อิอิ
แล้วก็ค้างสุดดดด
อยากอ่านตอน กินเด็ก
รออออออ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนขยายพันธุ์} 17/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 20-08-2015 02:52:29
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 21-08-2015 02:49:32
เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน:โชตะ}



        เสียงสายฝนเทลงมากระหน่ำยังพื้นโลกให้เปียกชื้นแฉะไปทั่วอาณาบริเวณนี้หรือที่อื่นใดก็ไม่อาจจะรู้ได้ ทำให้คนที่นอนฟังอยู่ในที่พำนักของตนเกิดรู้สึกหงอยเหงาขึ้นมาท่ามกลางความหนาวเย็น

        อรุณนอนก่ายหน้าผาก เขาไม่เคยรู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไปสักอย่างเช่นนี้มาก่อน ทั้งที่รอบกายนั้นมีทั้งนางฟ้า นางสวรรค์รายล้อม หรือแม้กระทั่งพวกนางไม้ก็มีมาไม่ได้ขาดปาก แต่เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าพวกนางเหล่านั้นกลับมอบความสุขให้แค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็จากไป โดยไม่มีใครที่เขา”อยาก”อยู่ด้วยสักคน

        อรุณเสมองนางไม้นางหนึ่งที่เขาได้มากกกอดเมื่อคืนวาน นางมีผิวขาวราวเปลือกไข่ ใบหน้าหวานหยดนั้นใสสะอาด อกอวบอิ่มเต่งตึงรับกับปทุมถันสีอ่อนนอนทอดกายราวกับจะยั่วยวนกิเลสตัณหาให้ลุกโชนอีกรอบ

        เขาเมินหน้าไปทางอื่น เพราะตอนนี้ไม่ได้มีอารมณ์ใคร่หรือปรารถนาในตัวนางไม้ตนนี้แล้ว อรุณมักจะเปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น เนื่องจากยังไม่มีใครที่ได้เกาะกุมใจของเขาไว้ได้สักคน

        เขาถึงยังโสดและยังไม่มีทายาท ต่างจากใครอีกคนที่อายุน้อยกว่าเขาแต่ดันมีเมียและมีลูกเป็นโขยง



        น่าขายหน้านัก!



        ความจริงเทพพิทักษ์ป่าก็ไม่ได้อยากอยู่สันโดษไปตลอดชีวิตอมตะนักหรอก เพียงแต่ยังไม่ได้พบใครที่ถูกใจจนอยากจะร่วมใช้ชีวิตด้วย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เสาะหา แต่ส่วนมากที่เจอก็เป็นของคนอื่นมาก่อนทั้งนั้น ไม่มีใครที่บริสุทธิ์ผุดผ่องให้เขาได้เป็นชายคนแรกของนางพวกนั้นเท่านั้นเอง

        หากจะว่าทีเขายังสำส่อนได้เหตุใดจึงอยากได้พรหมจรรย์จากคู่ตน เขาก็ไม่เถียง ชายใดจะไม่อยากเป็นคนแรกที่ได้ร่วมรักกับคนที่ตนรักกันเล่า มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวที่พอเขาได้เสพสวาทกับนางใดนางหนึ่งแล้วรู้ว่าผ่านชายอื่นมาก่อนเขาจะไม่กลับไปกินอีกเด็ดขาด

        อรุณหลับตาลงอย่างต้องการจะพักผ่อนเมื่อความคิดเริ่มจะฟุ้งซ่านเกินไปเสียแล้ว แต่จู่ๆกลับลืมตาโพลงขึ้นมาท่ามกลางความสว่างจากคบไฟที่ถูกจุดไว้ตามผนังของถ้ำ เมื่อเขาพบว่าทันทีที่ตาปิดลงภาพของใครบางคนก็แวบเข้ามาทันที

        ใบหน้าจิ้มลิ้ม ริมฝีปากระเรื่อ สองแก้มแดง ตัวกระจ้อยร่อยเพราะยังเติบโตไม่เต็มที่



        เด็กคนนั้น ลูกชายของอมฤทธิ์



        ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งแล้วสงบสติอารมณ์ที่มันเริ่มจะพุ่งพ่าน ลูบใบหน้าตนแรงๆสองสามทีเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่น ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นเด็กคนนั้นแวบเข้ามาในหัว ยิ่งช่วงนี้ยิ่งเป็นบ่อยนัก หลายวันก่อนมาแค่ภาพแต่ครั้งนี้มีเสียงมาด้วย



        “เมื่อไหร่ท่านจะมา ท่านช่างไม่มีความรับผิดชอบเอาเสียเลย”
 


        คำพูดตัดพ้อจากริมฝีปากบางนั้นตอกย้ำให้เขานึกถึงถ้อยคำสั่งจากเด็กน้อยคนนั้นขึ้นมาได้ อรุณไม่ได้ลืม แต่แค่ยังไม่ได้ทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอมา ใช่ว่าเขาไม่อยากจะ ”กิน” แต่เพราะมันไม่ใช่จะ ”กิน” กันได้ง่ายๆน่ะสิ

        สิ่งที่เขาเคยทำไว้กับอมฤทธิ์นั้นเรียกได้ว่าหยามความเป็นเทพของอีกฝ่ายนัก กับการที่เทพรุ่นน้องตนนั้นละเมิดกฎที่ตั้งไว้ว่าหากเทพพิทักษ์ป่ารุ่นพี่ไม่อนุญาตให้ออกจากป่าก็ห้ามขัดคำสั่ง แต่ในวัยคึกคะนองทำให้อมฤทธิ์กล้าลองดีท้าทายรุ่นพี่อย่างเขา

        ผลทีได้คือการลงโทษจากเขาที่สาปให้อมฤทธิ์เป็นครึ่งเทพครึ่งปีศาจ เพราะอมฤทธิ์ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับเทพพิทักษ์ป่าตนอื่นด้วย ไม่ใช่แค่ตนเพียงอย่างเดียว

        การสำแดงอิทธิฤทธิ์ของอมฤทธิ์นั้นทำให้พวกมนุษย์พากันแตกตื่นและหวาดกลัว จนมีกลุ่มนักล่าหรือที่เรียกว่าหมอผีนั้นออกตามล่าพวกเทพอย่างเขากันอย่างเอาเป็นเอาตาย

        แต่ด้วยฤทธิ์เดชของเทพพิทักษ์ป่าจึงไม่มีใครที่ถูกจับหรือโดนจัดการได้ มีแต่พวกนักล่าเท่านั้นที่ถอยทัพกลับไปเพราะมิอาจมีพลังสู้เทพอย่างพวกตนได้ ความสงบจึงกลับมาสู่ผืนป่าอีกครั้ง

        นั่นมันก็นานเป็นร้อยปีมาแล้ว เขาไม่แน่ใจเช่นกันว่าอมฤทธิ์จะยังเคืองโกรธตนเรื่องนั้นอยู่หรือไม่ เพราะเท่าที่ผ่านมาเทพรุ่นน้องนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะยังแค้นตนอยู่ ก็มีแค่เรื่องเดียวที่เห็นได้ชัดคือ



        หวงเมีย!



        ไม่ใช่แค่หวงธรรมดาแต่อภิมหาหวงเลยเชียวล่ะ แค่เขากล่าวทักทายและกล่าวชมเมียของเทพรุ่นน้องเพียงนิดเดียวเจ้าตัวก็หัวเสียใส่ตนขนาดนั้น แต่นั่นเขาก็พอจะเข้าใจเพราะเมียของอมฤทธิ์นั้นเป็นมนุษย์ที่แสนบอบบางน่าทะนุถนอมไปทั้งตัว



        อา...



        นั่นยังไม่เท่าใครอีกคนที่ยิ่งกว่าน่าทะนุถนอม แต่น่ากลืนกินไปทั้งตัว



        คนตัวเล็กที่หวงแม่ยิ่งกว่าสิ่งใด



        อรุณยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าหวานของเด็กชายที่พยายามจะปั้นให้มันดุเพื่อข่มขู่ตน ราวกลัวว่าเทพอย่างเขาจะไปพรากเมียรักของท่านพ่อไปจากอก



        เด็กจริงๆ



        ทั้งที่หวงท่านแม่ขนาดนั้นแต่เหตุใดถึงได้เสนอตัวให้เขาเช่นนั้นกันนะ เขาไม่คิดว่าแค่การหอมแก้มเพียงแผ่วเดียวจะทำให้เจ้าตัวเล็กร้องขอความรับผิดชอบหรอก แต่อาจเป็นเพราะต้องการ



        ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม!



        ไม่ผิดแน่ เขามั่นใจ ไม่รู้จะดีใจดีหรือไม่ที่เด็กน้อยต้องการเขาเพียงเพื่อกันเขาออกจากท่านแม่ของตน



        ไร้เดียงสาจริงๆ



        คงไม่รู้สินะว่าการร้องขอแบบนั้นเท่ากับการชี้โพรงให้กระรอกตัวใหญ่ๆอย่างเขา



        หึหึ



        ตอนนี้อรุณคิดออกแล้วว่าจักต้องทำเช่นไรจึงจะได้ “กิน” อาหารแสนหวานนั้นอย่างไม่ต้องเปลืองแรง ในเมื่อพ่อลูกคู่นั้นต่างก็หวงในตัวของมนุษย์คนนั้น เขาก็จะใช้ความ “หวง” นั่นแหล่ะเป็นข้อเรียกร้อง

        เด็กน้อยจะได้รู้ว่าเทพอย่างเขานั้นรับผิดชอบทุกการกระทำเสมอ และเขาจะแสดงให้เห็นว่า “เอาจริง!” และ “กินจริง!” เป็นอย่างไร
.
.
.
.
.
        “ท่านแม่รู้สึกสบายขึ้นหรือไม่?” หมี่ซอที่กำลังใช้มือทั้งสองข้างบีบนวดเท้าของมารดาถามขึ้น

        มะเหมี่ยวนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ริมลำธารเฝ้ามองดูการเอาใจใส่ของหมี่ซออย่างมีความสุข ยิ้มให้บุตรที่ยืนอยู่ในน้ำที่สูงถึงช่วงเอวก่อนตอบ

        “จ้า แม่รู้สึกดีขึ้นมากเลย”

        ดวงหน้าหวานของเด็กน้อยยิ้มรับอย่างดีใจในคำกล่าวนั้น ก่อนจะทำปากยื่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่ทำให้เขาต้องมายืนนวดเท้าให้ท่านแม่อยู่อย่างนี้

        “ก็หากท่านพ่อดูแลท่านแม่ดีๆ ท่านแม่ก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้แน่ๆ”

        มะเหมี่ยวยิ้มก่อนจะแก้ตัวให้สามี

        “หมี่ซออย่าไปว่าพ่อแบบนั้นเลย แม่ซุ่มซ่ามเอง”

        เสียงหึดังออกมาจากปากจิ้มลิ้มก่อนจะหยุดนวดแล้วเงยหน้ามองท่านแม่

        “ข้ารู้ว่าสำหรับท่านแม่แล้ว ท่านพ่อไม่เคยทำผิดอะไรสักอย่างหรอก” ท่าทางกระเง้ากระงอดนั้นเรียกเสียงหัวเราะเบาๆออกมาจากมารดาได้ดีนักแล

        “หมี่ซอลูกแม่..” มะเหมี่ยวตบที่นั่งข้างตัว “มานั่งนี่มา”

        หมี่ซอมองตามมือของท่านแม่แล้วลุกขึ้นจากน้ำไปนั่งข้างๆโอบกอดเอวที่มีหน้าท้องนูนขึ้นมาเล็กน้อย

        “ทำไมลูกถึงคิดว่าสำหรับแม่แล้ว พ่อไม่เคยทำอะไรผิดเลยล่ะ”

        หมี่ซอเงียบเพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร หากจะว่าตามความเป็นจริงแล้วท่านพ่อก็ไม่เคยทำผิดใดๆให้เขาได้เคืองใจ ท่านพ่อออกจะเป็นผู้นำของครอบครัวที่ดีซะด้วยซ้ำ คงจะมีแค่เรื่องเดียวที่เขายังคงต่อต้านและขัดขวางอยู่ตลอดนั่นก็คือ



        ท่านพ่อชอบรังแกท่านแม่



        เขาไม่ได้เห็นกับตาหรอกว่าท่านพ่อรังแกท่านแม่เช่นไร แต่ที่พอจะเดาได้ก็คือพวกน้องๆของเขายังไงล่ะ มีมากมายจนท่านแม่แทบไม่มีเวลาเป็นของตนเอง เพราะเอาเวลาส่วนใหญ่มาทุ่มให้กับเขาและน้องๆ และไหนจะต้องคอยปรนนิบัติท่านพ่ออีก

        “ข้าก็ไม่ได้คิดเช่นนั้นหรอก เพียงแต่ข้าเหนื่อยแทนท่านแม่ที่ต้องเลี้ยงดูพวกข้าตั้งหลายคน..เพราะท่านพ่อ” หมี่ซอไม่อยากเอ่ยต่อเพราะกระดากปากตัวเอง ไม่อยากจะเอ่ยเลยว่าท่านพ่อ ”ขยัน” ทำน้องให้เขาเพียงใด

        มะเหมี่ยวลูบหัวของหมี่ซอแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มใจดี

        “แม่ดีใจนะที่หมี่ซอเป็นห่วงแม่ แต่ก็อยากให้ลูกเข้าใจว่าวัยเจริญพันธุ์น่ะ” มะเหมี่ยวกระแอม ไม่รู้ว่าพูดไปจะดีหรือเปล่า

        “ทำไมรึ?”

        “เดี๋ยวพอหมี่ซอมีครอบครัวก็จะรู้เอง”

        “แต่ข้าอยากรู้เลยนี่นา”

        “ท่านแม่ๆ” เสียงเรียกจากข้างหลัง ทำให้สองแม่ลูกที่กำลังคุยกันอยู่ต้องหันไปมอง ก็เห็นคว่าพูตัวน้อยวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา แก้มน้อยๆนั้นแดงอย่างน่ามอง

        “มีอะไรคว่าพู เรียกซะตกอกตกใจ” หมี่ซอตำหนิคนเป็นน้อง

        “ข้าแค่จะมาบอกว่าท่านลุงคนนั้นมาที่นี่ แล้วท่านพ่อก็บอกให้ข้ามาตามท่านไปพบด้วย” คว่าพูน้อยตอบรวดเดียวจบ

        หมี่ซอเม้มปากแน่นอย่างหงุดหงิด หายไปตั้งเกือบเดือนเพิ่งจะโผล่หน้ามา ทั้งที่เขาเคยสั่งไว้ว่าให้มารับผิดชอบกับการกระทำที่เรียกว่า “ผิดผี” น่าจะใช่นะ เพราะเคยได้ยินท่านยายพูดให้ฟังอยู่ครั้งหนึ่งว่าหากชายหญิงใดที่ยังไม่ได้ผูกแขนหรือแต่งงานกันแต่ล่วงเกินกันแล้วมันผิด

        ใช่มันผิด ดังนั้นเทพพิทักษ์ป่าตนนั้นต้องรับผิดชอบเขา แม้ว่าพวกเขาจะเป็นชายด้วยกันทั้งคู่ก็ตาม ดูอย่างท่านแม่กับท่านพ่อสิยังอยู่ด้วยกันได้เลย

        “ป่ะ ท่านแม่ข้าไปด้วย” หมี่ซอไม่ได้อยากจะเห็นหน้าเทพตนนั้นหรอกนะ

        “อ้อ! พี่หมี่ซอท่านพ่อบอกว่าให้ท่านแม่ไปผู้เดียว พวกพี่ๆและข้าก็เพิ่งโดนไล่ออกมา” คว่าพูบอกเสร็จ พวกน้องๆของเขาทั้งสี่คนก็พากันเดินเรียงแถวกันออกมา

        “แต่ข้า..” หมี่ซออยากไปด้วยเพราะไม่ไว้ใจเทพตนนั้น

        “เดี๋ยวแม่ก็มาแล้ว ลูกพากันเล่นรอแม่อยู่ที่นี่แล้วกันนะ” มะเหมี่ยวกล่าวตัดบท ค่อยๆลุกขึ้นจากก้อนหินยิ้มให้ลูกคนโตนิดนึงก่อนจะเดินไปยังจุดหมายภายในถ้ำที่เทพพิทักษ์ป่าสองตนกำลังโต้เถียงกันอยู่
.
.
.
.
        ราวสักชั่วโมงถัดมาคนทั้งสามก็เดินตรงมายังที่เด็กๆทั้งหกกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน

        “อ๊ะ! ท่านพ่อกับท่านแม่มาแล้ว” พูแซที่วิดน้ำใส่หน้าพาโลอย่างเมามันร้องบอก เด็กๆทั้งหมดจึงหันไปมองคนมาใหม่ทั้งสามที่มีสีหน้าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

        มะเหมี่ยวรู้สึกหงุดหงิดมากที่สุดจนอยากจะทึ้งหัวของอมฤทธิ์ให้เส้นผมทุกเส้นของสามีหลุดออกมาจากหัวนั้นให้หมด



        ฮึ่ย! ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห



        สายตาจับจ้องมาที่ลูกคนโตอย่างคิดหนัก แล้วตวัดตาดุๆใส่สามีจนอมฤทธิ์สะดุ้งโหยงด้วยความเกรงกลัวต่อเมียรัก ยิ้มฝืดเฝื่อนส่งให้ไปอย่างขอลุแก่โทษ แต่มะเหมี่ยวไม่สนใจสะบัดหน้าพรืดหนีอย่างไม่พอใจ



        โธ่ เมียจ๋า เข้าใจผัวหน่อยเถอะนะ



        อมฤทธิ์ได้แต่กู่ร้องในใจ หากจะพูดออกมาตอนนี้เขาก็อายเทพพิทักษ์ป่าอีกตนแย่น่ะสิ ดีนะที่เขาสามารถปิดกั้นความคิดตนเองไม่ให้อรุณอ่านออก เพราะแค่นี้เขาก็ถูกมองว่ากลัวเมียจนหัวหดไปหมดแล้ว

        อรุณไม่ได้สนใจกับท่าทีของสองผัวเมียคู่นี้แล้ว เพราะเขากำลังจะได้สิ่งที่ต้องการในไม่ช้านี้



        เด็กคนนั้นที่มีนามว่า หมี่ซอ



        “ข้าจะมาในอีกสามวัน” อรุณบอกสองผัวเมียที่ไม่รู้ว่าเมียจะลงมือฆ่าหั่นศพผัวตอนไหน เพราะหน้าตาของมะเหมี่ยวนั้นบ่งบอกว่าไม่ช้าก็เร็วอมฤทธิ์ได้เลือดตกยางออกแน่

        “ข้าทำตามสิ่งที่เจ้าขอแล้วนะ..พอข้ามารับอย่าใจเสาะหนีข้าไปเสียล่ะ” อรุณร้องบอกหมี่ซอที่กำลังมองมายังตนด้วยดวงตาใสแจ๋ว



        เห็นแล้วมันน่า...นัก!



        เมื่ออรุณเดินหายวับไปท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ มะเหมี่ยวก็เดินตรงมาหาบุตรคนโต พูดด้วยน้ำเสียงเครียด

        “หมี่ซอ เราต้องคุยกัน”
.
.
.
.
        พอครบตามกำหนดอรุณก็มารับหมี่ซออย่างที่ได้กล่าวไว้ ในตอนแรกที่มาถึงเด็กน้อยก็ทำท่าจะไม่ไปกับเขา แต่พอเทพพิทักษ์ป่าท้วงถึงสิ่งที่เด็กชายร้องขอกับเขาเอง เด็กชายจึงต้องไปอยู่กับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

        อรุณมองเด็กชายที่หากจะคะเนตามสายตาหน้าจะสูงประมาณร้อยห้าสิบเซนติเมตรกำลังยืนมองทิวทัศน์จากบนหน้าผาที่เบื้องล่างคือทุ่งดอกทานตะวันที่กินเนื้อที่หลายร้อยไล่ของพวกมนุษย์ที่ปลูกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นที่ท่องเที่ยวอย่างตื่นตาตื่นใจ

        “ข้าเพิ่งเคยเห็นดอกไม้พวกนี้ มันช่างสวยงามจริงๆเลยนะ ท่านว่าไหม?” เด็กชายพูดทั้งที่ตายังจับจ้องไปเบื้องล่าง

        อรุณยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนตอบ

        “เจ้าอยากได้มาสักดอกหรือไม่ล่ะ?” เขาถาม

        “แน่นอน ข้าอยากได้”

        หมี่ซอหันมามองอย่างไว ใบหน้าหวานระบายยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะหันไปมองความสวยงามนั้นอีกครั้ง

        อรุณยิ้มจางก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ เขายืนทาบอยู่ข้างหลังของเด็กชายแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มกังวาน

        “ข้าจะไปเอามาให้เจ้าก็ได้..แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

        เด็กชายหันมามองอย่างสงสัยแล้วเอ่ยถาม

        “ข้อแลกเปลี่ยนอะไร?”

        อรุณยิ้มเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหวานของเด็กน้อยทำให้เขาถูกใจอยู่ไม่ใช่น้อย ขนาดลำตัวที่ต่างกันไม่ใช่ปัญหาถ้าเขาอยากจะ “กลืนกิน” ให้ “เต็มกลืน”

        “เจ้ารู้ใช่ไหมว่าเจ้ากับข้าในตอนนี้เป็นอะไรกัน”

        หมี่ซอขมวดคิ้วมุ่น เม้มปากแน่น ถอยห่างออกมาจากอรุณเล็กน้อย อย่างไม่ไว้ใจ

        “ข้ารู้หรอกน่า ว่าตอนนี้ข้ากับท่านอยู่ในฐานะไหน..แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้อแลกเปลี่ยนกันล่ะ”

        “เจ้าต้องทำหน้าที่ของเจ้าก่อน ข้าจึงจะไปเก็บมาให้”

        ตากลมโตของเด็กน้อยเบิกกว้างขึ้นมาอย่างวิตก น้ำเสียงนั้นตะกุกตะกักอย่างใจเสีย

        “ข้า ข้ายังเด็กอยู่เลย ทำเช่นนั้นไม่ได้หรอก” บอกพร้อมกับก้าวเท้าหนีออกจากหน้าผา

        “จะเด็กหรือไม่เด็ก เจ้าก็ต้องทำ เพราะเจ้าเป็นเมียข้าแล้ว” อรุณเดินตาม กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะติดหงุดหงิดเล็กน้อย



        ใจเย็นๆ เดี๋ยวเด็กขวัญเสีย



        เขาได้แต่เตือนตัวเองในใจว่าอย่าวู่วามมากนัก เดี๋ยวแทนที่จะได้กินเด็ก อาจจะต้องรีบส่งหมี่ซอที่งอแงกลับไปคืนพ่อแม่แทบไม่ทัน

        “แล้วที่อยากให้ข้ารับผิดชอบเจ้า ไม่ใช่เพื่อการนี้หรอกหรือ” สิ้นคำเด็กน้อยหันมาตวัดสายตาจิกกัดเต็มที่

        “ก็ท่านล่วงเกินข้าก่อน มันก็สมควรแล้วไม่ใช่รึที่ต้องรับผิดชอบ..แล้วข้าจะบอกท่านไว้อย่างนะ..ข้าไม่ได้ปรารถนาในตัวท่านหรอก..ท่านเทพลามก!”

        กล่าวเสร็จก็วิ่งแจ้นนำหน้าอรุณไปก่อนทันที

        เทพพิทักษ์ป่าสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะยิ้มออกมาแล้วส่ายหัวให้กับความน่ารักของเด็กน้อยที่วิ่งไป กระโดดโหยงเหยงไปด้วย

        เห็นท่าว่าต้องปล่อยไปก่อน แต่ไม่นานนักหรอก เขาจะฟาดให้เรียบทั้งตัวเลยคอยดูเถอะ!

        ทั้งที่คิดว่าจะปล่อยเด็กน้อยให้ยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่องไปก่อน แต่พอเอาเข้าจริงอรุณแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เพราะกลิ่นกายที่เด็กน้อยนอนข้างๆตนบนเตียงนั้นช่างหอมหวานจนอยากจะลองชิมให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย

        “อืม” เด็กน้อยที่นอนละเมอขยับเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ ก่อนจะซุกมาที่อกของอรุณราวกับต้องการไออุ่น แขนขาก่ายเกยเทพพิทักษ์ป่าที่แทบกลั้นหายใจไว้เพราะเกรงว่าคนตัวเล็กจะตื่น เพราะหากตื่นเขาอาจจะไม่ได้เข้าใกล้อีกฝ่ายเช่นนี้แน่

        อรุณยกหัวน้อยๆนั้นออกจากอกแล้ววางลงที่แขนแก่รงตนอย่างเบามือ



        หอม



        หอมไปทั้งตัวเลย อรุณมองแก้มแดงระเรื่อ และปากจิ้มลิ้มนั้นอย่างอยากลิ้มลอง แล้วเขาก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ ใบหน้าคมสันหล่อปานเทพบุตรโน้มไปแตะเบาๆแต่นิ่งค้างไว้นานก่อนจะกดให้มันแนบแน่นขึ้นอีก แล้วถอนปากออกมา



        อา..



        ช่างหวานเสียเหลือเกิน ขนาดยังไม่ได้ชิมรสน้ำผึ้งในปากน้อยๆนั้นยังทำให้เขาเคลิบเคลิ้มได้ขนาดนี้ ถ้าเขา..



        ไม่คิดต่อแล้วชิมเลยดีกว่า



        อรุณกดจมูกลงบนแก้มใส ละมาที่ริมฝีปากระเรื่ออีกหน ปลายลิ้นร้อนชื้นดันแยกเปิดปากเด็กน้อยออกอย่างง่ายดาย ไล้ลิ้นสำรวจดูดซับความหวานอย่างย่ามใจก่อนจะสะดุ้งสุดตัว เมื่อความเจ็บลามเลียทั่วทั้งลิ้น ทั้งยังมีรสของเลือดเป็นของแถมมาอีก

        อรุณถอนปากออกทันที เด็กน้อยที่ตนคิดว่าหลับลืมตามองด้วยตาเขียวปั้ดก่อนจะลุกขึ้นนั่งใช้หลังมือถูริมฝีปากตนเองอย่างแรง

        เทพพิทักษ์ป่าผุดลุกขึ้นนั่งตาม จับมือน้อยๆนั่นออกแล้วกล่าว

        “เจ้ารังเกียจสัมผัสของข้ามากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” อรุณไม่ได้อยากจะตัดพ้อกับการกระทำนั่นหรอก แต่เขาแค่ไม่พอใจอยู่ลึกๆที่เด็กชายทำเหมือนขยะแขยงเขาก็ไม่ปาน

        หมี่ซอแก้มแดงปลั่ง เขารู้สึกตัวตั้งแต่ที่อรุณแตะปากตั้งแต่ทีแรกแล้ว เด็กชายอยากจะลุกขึ้นมาอาละวาดอยู่หรอกแต่เพราะยังมึนในรสสัมผัสที่ตนเพิ่งเคยได้ลิ้มลองครั้งแรกจึงได้แต่แกล้งหลับต่อไป แต่พอท่านเทพตนนี้ทำอีกรอบแล้วคราวนี้ดันมากกว่าครั้งแรก ดันแทรกซอนลิ้นเข้ามาในปากเขาอีกก็เลยต้องทำโทษเสียให้เข็ดจะได้จำว่าเขาน่ะ



        ถึงจะอร่อย แต่ก็เคี้ยวยาก!



        ด้วยความที่เป็นเทพ อรุณใช้พลังในการรักษาตัวทำให้ความเจ็บปวดที่ได้รับค่อยๆทุเลาลงจนหายสนิท มองเด็กน้อยแก้มแดงตรงหน้าอย่างประเมินสถานการณ์ว่าจะจัดการอย่างไรดี เพราะเขาก็ไม่ได้อยากเลื่อนเวลา “กิน” ออกไปอีกแล้ว

        “ข้าถามเจ้า เหตุใดจึงไม่ตอบ” เสียงทุ้มที่ดัดให้เข้มเอ่ยถาม

        “ข้าไม่ได้รังเกียจท่าน แต่ข้าไม่ชอบการกระทำของท่านมากกว่า” เจ้าตัวเล็กตอบกลับมาแทบจะทันที สายตาที่มองมาอย่างเอาเรื่องนั้น ทำให้อรุณถอนใจแล้วเอ่ยด้วยเสียงเรียบ

        “มันเป็นธรรมดามิใช่รึ ที่ผัวอยากจะจูบกับเมียของตัวเอง”

        “ฮื่อ ข้ายังไม่ได้เป็นเมียของท่าน อย่ามาโมเมเลยท่านเทพลามก!” พูดพร้อมกับสะบัดหน้าหนี

        “คำก็ลามกสองคำก็ลามก ข้าลามกตรงไหน เจ้าลองบอกข้ามาซิ”

        หมี่ซอหันกลับมาแล้วชี้วนไปทั้งหน้าของอรุณ

        “ทั้งตัวท่านนั่นแหล่ะที่ลามก อ๊ะ..” หมี่ซอร้องอย่างตกใจเมื่ออรุณดึงมือของเขาที่ชี้หน้าอีกฝ่ายอยู่เอาไปดูดดังจุ๊บ แล้วถอนออกมาพูดด้วยรอยยิ้มกริ่ม

        “แบบนี้ก็เรียกว่าลามกด้วยใช่รึไม่?”

        เด็กน้อยแก้มแดงของเขาพูดไม่ออก ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา

        “ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่านอกจากข้าจะลามกแล้ว ข้ายัง..” อรุณยิ้ม “กินเก่ง อีกด้วย”

        หมี่ซอที่กำลังงงว่าความลามกไปเกี่ยวอะไรกับการกินเก่ง ก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อคนตัวโตที่นั่งอยู่ตรงข้ามโถมกายลงมาทำให้เด็กชายหงายหลังนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงโดยมีอรุณทาบทับอยู่ด้านบนที่มองมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มเลศนัยผุดที่ริมฝีปากหนา

        “รู้ตัวไหมว่าเจ้าช่างน่าอร่อยเสียจริง..งั้นข้าขอกินหน่อยนะ” เสียงแหบพร่าดังออกมาจากปากเทพพิทักษ์ป่าก่อนจะก้มลงปิดปากช่างเจรจานั้นทันที


-จบตอน-





สวัสดีค่ะ มาอัพตอนดึกอีกแล้ว 555

ตอนนี้อาจทำให้ใครหลายคนผิดหวังเพราะอรุณยังไม่ได้กินเด็กสักที  :ling1:

ด้วยนิสัยของหมี่ซอที่แสบอยู่แล้ว คิดว่าน้องจะให้กินง่ายๆก็กระไรอยู่  :laugh:

แต่ว่าตอนหน้าอรุณจะได้กินเด็กสมใจหรือเปล่าต้องติดตามน้าาา

ปล.เห็นคนอ่านหลายท่านอยากอ่านต่อเรื่อยๆ เราดีใจมากที่มีคนชอบ ดังนั้นถ้าไม่ตันจริงๆ คนเขียนก็จะแต่งต่อไปเรื่อยๆนะค่ะ

หวังว่ายังไม่มีใครเบื่อซะก่อนนะ  :mew2:

ขอตัวไปนอนก่อนนะ ราตรีสวัสจ้า  :katai5:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-08-2015 07:30:13
หมี่ซอเด็กแสบ VS ท่านอรุณจอมหื่น สินะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 21-08-2015 07:37:22
ถึงเวลาที่น้องหมี่ซอต้องถูกอรุณ 'รังแก' เหมือนกับท่านแม่ที่ถูกท่านพ่อรังแกมาตลอดแล้วสินะค้าา~ :-[
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-08-2015 12:55:06
โชตะ!! >///< หมี่ซออย่ายอมเทพแก่ลามกง่ายๆน้า~
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 21-08-2015 15:46:27
เทพนี่หื่นทุกตน
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 21-08-2015 21:47:17
หมี่ซอไม่โดนกินง่ายๆๆหรอก ขนาดพ่อจะกินแม่ยังโดนแกล้งเลย อิอิ เทพอรุณก็แทะๆๆกินไปก่อน ค่อยกินชุดใหญ่ล่ะกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 22-08-2015 00:30:53
 :hao6:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 22-08-2015 01:22:48
มาต่อแล้ว ไม่ได้หายนะครับ แค่ไม่ค่อยว่างเม้น แอบอ่านในเวลางานต้องระวัง แฮะๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 22-08-2015 07:56:54
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
หมี่ซอ ออกเรือนแล้ววว
เทพอรุณนี่คิดจะปล้ำหมี่ซอรึ
ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกกก  :laugh:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 22-08-2015 08:31:33
 :hao3: ท่านเทพนี่หื่นถึงขั้นลูกออกมาประท้วงเลย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 22-08-2015 09:07:47
 :-[
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 22-08-2015 09:44:48
หื่นนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 22-08-2015 10:08:12
เด็กแสบเคี้ยวยาก 555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 22-08-2015 13:00:45
หมี่ซอ แสบ ซึน แต่น่ารัก
อย่างนี้ท่านเทพคงอดไม่ไหวต้องฟัดอย่างแน่นอน
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
 :hao6: :katai2-1: :o8:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 22-08-2015 15:14:24
รอตอนต่อไป 55555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 22-08-2015 15:33:54
 :pig4: :pig4: o13 o13
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-08-2015 00:11:18
เชียร์ให้อรุณได้กินซักทีค่ะ ฮาาา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 23-08-2015 00:38:16
 :o8:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: white_destiny ที่ 23-08-2015 01:28:12
หมี่ซอ
น่ารักมาก
จะมีทายาทไหมนะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 24-08-2015 02:59:30
จะโดนกินแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-08-2015 10:28:28
หมี่ซอจะยอมให้กินง่ายๆมั้ยเนี่ย :z1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: annsa ที่ 24-08-2015 19:00:01
สงสารหมี่ซอ.  :hao5:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนออกเรือน : โชตะ} 21/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 25-08-2015 17:28:43
หมี่ซอคงไม่ให้กินง่ายๆ...ใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ +แจ้งข่าวจ้า+26/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 26-08-2015 13:18:16
สวัสดีคนอ่านทุกท่านนะค่ะ คือตอนนี้คนเขียนไม่ค่อยสบายเลยอาจจะมาอัพช้าหน่อย แต่จะพยายามแต่งให้เสร็จภายในหนึ่งหรือสองวันนี้นะค่ะ  สปอยเล็กน้อยเนอะ


       “เดี๋ยวก่อน!” เสียงใสเอ่ยห้าม มองอรุณด้วยความไม่แน่ใจ

       “ข้าไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรบ้าง ข้า..”

       “ชู่ว์...เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ข้าจะสอนเจ้าเอง” ว่าจบก็จัดการตามที่กล่าวไว้ทันที...



ิอิอิ คนอ่านพอจะเดาได้เนาะว่าใครจะสอนใคร เจอกันเร็วๆนี้ค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ +แจ้งข่าวจ้า+ 26/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: นกกาฝากก่า ที่ 26-08-2015 13:35:54
ไม่อย่าจะคิด :z1: :z1: :z1:
รออออออ :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ +แจ้งข่าวจ้า+ 26/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-08-2015 18:21:23
เข้ามารอ~
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ +แจ้งข่าวจ้า+ 26/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 26-08-2015 18:51:52
ขอให้อาการป่วยทุเลาลงไวๆ นะคะ :กอด1:

รอจ้าา..^^
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ +แจ้งข่าวจ้า+ 26/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 26-08-2015 19:21:06
ขอให้หาย รอจร้า
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ +แจ้งข่าวจ้า+ 26/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 26-08-2015 20:40:06
จะรอนะคะ รักษาสุขภาพด้วย
 :bye2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ +แจ้งข่าวจ้า+ 26/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: maruneko ที่ 27-08-2015 11:19:18
หมี่ซอจะโดนกินแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ +แจ้งข่าวจ้า+ 26/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 29-08-2015 00:39:18
+เป็ด ย้อนหลัง มารอด้วยคน  :-[
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 29-08-2015 16:10:56
เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ}



        อรุณกำก้านดอกไม้สีเหลืองดอกโตทั้งห้าดอกวางไว้บนเตียงไม้โบราณข้างๆคนที่ยังหลับนอนตัวเปลือยเปล่าบนร่างนั้นถูกห่มไว้ด้วยผ้าขนสัตว์สีดำขลับผิวขาวเรียบเนียนของส่วนที่พ้นผ้าออกมาดึงดูดให้อรุณต้องก้มลงไปดอมดมบนไหล่เปลือยอย่างทนไม่ไหว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วถอยห่างจากร่างนั้น

        เทพพิทักษ์ป่าหันหน้าหนีจากภาพเย้ายวนนั้นอย่างข่มอารมณ์ ก้าวเท้าไปนอนลงฝั่งตรงข้าม ตะแคงตัวมองดวงหน้าหวานที่ตาหลับพริ้ม ปากสีสดเผยอน้อยๆนั้นทำให้เขาโน้มหน้าลงไปแตะจูบบางเบาแล้วถอยออกมามองตามเดิม

        เมื่อคืนในขณะที่เขาหลอกล่อเด็กน้อยแสนแสบด้วยประสบการณ์สวาทอันโชกโชนที่สั่งสมมาตลอดหลายร้อยปี มีอันต้องยุติลงอย่างเสียมิได้ เพราะถึงแม้หมี่ซอจะเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้อย่างเอาใจ แต่หมี่ซอก็ยังเป็นเด็กแสบคนเดิมที่ไม่ว่าเขาจะชักจูงไปทางไหน อีกฝ่ายก็จะคอยเบนเลี่ยงหนีไปอีกทางเสมอ

        จนความอดทนที่มีเริ่มหมดไป อรุณตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นอย่างไรในตอนนั้นเขาต้องได้ร่วมรักกับเด็กน้อยจอมรั้นคนนี้ให้ได้

        แต่แล้วเขาก็ต้องยอมรับความจริงว่าตนนั้นได้พ่ายแพ้ให้กับเด็กน้อยที่เกิดมาเพียงไม่กี่ปีอย่างราบคาบเพราะเพียงแค่ตนเริ่มใช้กำลังที่มากกว่าดุนดันแก่นกายที่ใหญ่โตพยายามแทรกเข้าไปยังช่องทางอันอ่อนนุ่มแต่ยังไม่ทันได้เข้าไปดี เด็กที่เคยปัดป้องตัวเองอย่างหวงแหนและกรีดร้องโวยวายด่าทอตนต่างๆนานา กลับเงียบกริบหยุดดิ้นรนขัดขืนมีเพียงแววตาคู่นั้นที่มองมาอย่างกรุ่นโกรธ น้ำใสคลอหน่วยก่อนจะรินไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

        อรุณนิ่งงัน นัยน์ตาสั่นระริกนั่นมองตนราวกับปีศาจร้าย เขาหยุดทุกอย่างลงแค่นั้นเพราะไม่อาจจะทนเห็นความรวดร้าวแกมผิดหวังจากหมี่ซอได้

        เขาแค่ขาดสติและความยับยั้งช่างใจ เขาแค่อยากเอาชนะจนลืมตัว ลืมรับรู้ถึงความรู้สึกของผู้ที่ถูกกระทำจากความเห็นแก่ได้ เขาช่างเป็นเทพที่เห็นแก่ตัวยิ่งนัก

        คนตัวเล็กไม่ได้หันมามองที่เขาอีกแล้ว ตาที่ฉายแววรังเกียจนั้นปิดลงราวกับไม่อยากจะเสียเวลามองหน้าเขา อรุณได้แต่นั่งมองคนที่หลับไปก่อนพร้อมความรู้สึกมากมายที่ประดังประเดเข้ามาอย่างตั้งรับไม่ทัน

        รู้สึกผิดคือสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในตอนนั้น และอีกความรู้สึกที่ไม่อยากเห็นความรังเกียจของหมี่ซอล่ะ หมายความว่าอย่างไร?

        เทพพิทักษ์ป่าที่อยู่มานานอย่างเขากลับกลัวแววตาของเด็กแสบคนนี้น่ะหรือ มันยากนักที่จะยอมรับในสิ่งที่ตนไม่เคยเป็นและรู้สึกมาก่อน

        เขาอยากเห็นรอยยิ้มสดใสของเด็กน้อยอีกครั้งจึงได้ออกไปเก็บดอกไม้ที่เจ้าตัวอยากได้มาเป็นของไถ่โทษที่เขาทำตัวไม่ดีจนเกินไป อรุณได้แต่สัญญาในใจว่าหากหมี่ซอหายโกรธ ตนจะไม่ขัดใจเด็กน้อยอีกแล้ว

        “อืม” ร่างบางส่งเสียงก่อนจะขยับตัวจนผ้าที่ห่มอยู่เลื่อนลงมาจากหน้าอกถึงหน้าท้องเรียบเนียน

        อรุณหันหลังหนีทันที เขาไม่ได้อยากจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับตนเองตอนนี้หรอกนะ เพียงแค่มองไม่ได้จับต้องอย่างที่ใจต้องการเขาก็ทรมานมากพอแล้ว

        หมี่ซอลืมตาตื่น ลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจสองสามที ตาก็เหลือบมาเห็นดอกไม้ดอกโตที่มีสีเหลืองสดใสข้างตัว มือบางหยิบขึ้นมาดอกหนึ่ง พิศมองดูความสวยงามของมันอย่างพอใจ ละสายตามาจ้องหลังกว้างของคนที่ไม่รู้ว่าหลับอยู่หรือเปล่าด้วยรอยยิ้มจาง

        เด็กชายยังรู้สึกขุ่นเคืองในตัวของเทพพิทักษ์ป่าอยู่ แต่ก็ไม่ได้มากเท่าเมื่อคืน อาจจะเป็นเพราะของที่อยู่ในมือนี่กระมังที่ทำให้เขาใจอ่อนยวบอย่างง่ายดาย ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำเหมือนตบหัวแล้วลูบหลัง แต่เด็กชายก็ไม่อยากจะคิดมากให้ปวดหัว ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ย

        “ไหนท่านว่าต้องทำตามข้อแลกเปลี่ยนก่อนไง ท่านจึงจะไปเก็บมันมาให้ข้า..ว่าแต่มันมีชื่อว่าอะไรรึ?” หมี่ซอวางดอกไม้ไว้ที่เดิมแล้วมองหาเสื้อผ้าของตน เมื่อเห็นก็ลุกขึ้นมาเก็บและสวมใส่อย่างไวเพราะเกรงว่าคนที่หันหลังให้อยู่จะหันมาเห็น

        อรุณที่ไม่คิดว่าเด็กน้อยของเขาจะยอมพูดด้วยก็ได้แต่นอนนิ่งตัวแข็งค้างเพียงชั่วครู่ ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มบางที่ริมฝีปากหนาอย่างดีใจที่สามารถทำให้หมี่ซอไม่โกรธตนแล้วจากที่ฟังจากน้ำเสียงธรรมดานั่น

        “ข้าไม่อยากให้เจ้าโกรธและเกียจข้าไปมากกว่านี้..ข้าจึงจะตามใจเจ้าทุกอย่าง เจ้าอยากได้อะไรข้าก็จะไปหามาให้..ขอเพียงแต่..” ร่างสูงลุกขึ้นนั่ง มองคนที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อยๆ

        “เจ้าจะเมตตาข้าสักครั้งได้ไหม” สุดท้ายเขาก็หวังอยากให้เด็กน้อยยอมตนสักหนจนได้



        ไอ้เทพบ้ากาม!



        หมี่ซอก่นด่าอยู่ในใจแต่อีกฝ่ายได้ยิน รอยยิ้มแห้งๆจากคนที่โดนด่าว่าไอ้เทพแก่ลามกจึงส่งกลับมาอย่างเสียไม่ได้



        อยากมีเมียเด็กต้องอดทน!



        “มันชื่อว่าทานตะวัน” อรุณร้องบอกคนที่ก้มลงหยิบดอกไม้พวกนั้นขึ้นมาทั้งหมด

        หมี่ซอยื่นสิ่งที่อยู่ในมือให้อรุณ

        “อืม ชื่อเพราะดีนะ” หมี่ซอว่า

        “งั้นข้าคืนให้ท่านแล้วกัน เพราะคงทำตามที่ท่านต้องการไม่ได้” น้ำเสียงราบเรียบและแววตานิ่งเฉยนั่นทำให้คนฟังใจห่อเหี่ยว

        “ข้าให้เจ้าแล้ว ข้าไม่เอาคืนหรอก..เจ้าเอาไปเถอะ ส่วนเรื่องเมื่อครู่ คิดซะว่าข้าไม่ได้ก็พูดแล้วกัน” คนตัวโตว่า ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนตัวเล็ก

        “ข้าจะออกไปหาอาหารมาให้เจ้า รอข้าอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน” อรุณว่าเดินหงอยๆจากไปอย่างไม่เหลือคราบเทพพิทักษ์ป่าจอมหื่นแม้แต่น้อย

        คนที่มองตามกรอกตากับท่าทางนั้นราวกับผู้ใหญ่ระอาเด็กน้อยจอมเอาแต่ใจ แล้วหันมาสนใจกับดอกไม้ในมือต่อปล่อยให้คนแก่มักมากน้อยใจเสียให้เข็ด



        ชิ! หากอยากมากนักก็ไปทำกับคนอื่นสิ!



        หารู้ไม่ว่าแค่คิดเล่นๆ แต่ดันกลายเป็นจริงขึ้นมา เมื่อเทพพิทักษ์ป่ากลับมายังที่พำนักอีกครั้งโดยที่หมี่ซอนั่งรออยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่าย ร่างสูงใหญ่ยื่นกระทงใบไม้ที่ในนั้นมีเนื้อชนิดหนึ่งซึ่งย่างจนสุกกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ

        หมี่ซอกล่าวขอบคุณและรับมากินอย่างไม่ต้องการเสียเวลา เพราะตอนนี้เด็กชายรู้สึกหิวมากจนแสบไส้ไปหมด

        “ท่านไม่กินรึ?” เสียงใสเอ่ยถาม ทั้งที่ในปากยังเคี้ยวเนื้ออยู่

        “ข้าไม่ค่อยหิวน่ะ เจ้ากินเถอะ” อรุณไม่มีอารมณ์จะกินอะไรทั้งนั้น เพราะของที่อยากกินยังไม่ได้กินสักที

        แว่วหูได้ยินเหมือนใครเดินเข้ามาในถ้ำ อรุณลุกขึ้นอย่างระวังภัย เพราะไม่เคยมีใครย่างกรายเข้ามายังที่แห่งนี้นอกจากว่าเขาจะอนุญาต

        หมี่ซอไม่ได้สนใจท่าทางที่เตรียมพร้อมนั่น เขาตั้งตากินเนื้อแสนอร่อยนั้นอย่างอารมณ์ดี

        รอสักพัก อรุณก็ได้เห็นร่างขาวนวลผ่องที่บนตัวนั้นมีผ้าสีเขียวบางเบาห่อหุ้มอกอวบอิ่มและส่วนกลางลำตัวไว้ ผมสีดำสนิทสยายยาวถึงช่วงเอว เดินตรงมาหาอรุณด้วยรอยยิ้มหวานหยด

        หมี่ซอมองคนมาใหม่อย่างนิ่งงัน วางเนื้อย่างลง หน้าแดงเรื่อเมื่อเห็นหญิงสาวที่เกือบเรียกว่าเปลือยได้เลยด้วยความกระดากอาย แม้ว่าจะเคยเห็นอะไรที่มันโจ่งแจ้งเช่นนี้มาก่อนแต่ก็ไม่ช่วยให้ชินเสียหน่อย ว่าแต่นางไม้ตนนี้เข้ามาที่นี่ทำไม? แล้วเป็นอะไรกับเทพพิทักษ์ป่า?

        นางไม้ตนนี้เป็นตนเดียวกับที่อรุณร่วมเสพสวาทด้วยเมื่อห้าวันก่อน เขานิ่งเมื่อนางเยื้องกายเข้ามาใกล้แล้วตวัดแขนเรียวสวยขึ้นคล้องคอ มองด้วยสายตายั่วยวน ริมฝีปากอวบอิ่มแย้มกล่าว

        “ข้าได้ยินมาว่าท่านไม่ได้พาใครมาร่วมหลับนอนอีกเลยตั้งแต่ที่ท่านได้กับข้า..เป็นเพราะคิดถึงข้าหรือเปล่า ท่านจึงไม่อยากมีใครอีก” นางกล่าวอย่างค่อนข้างมั่นใจ ไม่ได้สนเด็กชายที่มีสามสายเลือดผสมอยู่ในกายซึ่งมองมายังตนและอรุณอย่างสงสัย

        “เปล่า...” อรุณปฏิเสธเสียงเบาหวิว เพราะกลิ่นกายและเต้าเต่งตึงของนางไม้สุดสวยแนบติดกับอกแกร่งของตนราวกับยั่วยวนนั้นทำให้แก่นกายกลางลำตัวของเทพพิทักษ์ป่าเกิดคึกคักขึ้นมาอย่างฉุดไม่อยู่

        นางไม้หัวเราะเสียงหวาน เอ่ยกลั้วหัวเราะ เมื่อรู้สึกถึงสิ่งดุนดันหน้าท้องของตนอยู่

        “ท่านอย่าปฏิเสธข้าเสียให้ยากเลย ข้ารู้ว่าท่านต้องการข้ามากเพียงใด...อย่าช้าเลยข้าพร้อมเป็นของท่านแล้ว” นางยื่นริมฝีปากหมายจะแตะจูบ

        “ช้าก่อน!” เสียงใสที่ผสมมากับความไม่พอใจร้องห้าม จนคนทั้งสองหันไปมองพร้อมเพียงกัน

        อรุณที่เพิ่งนึกขึ้นได้ราวกับสติที่หลุดลอยไปกลับเข้าร่าง ผละออกจากนางไม้ราวกับเจอของร้อน แววตาของรุกขเทวดาสุดสวยฉายแววงงงวย ใบหน้างามงอหงิกเล็กน้อยเมื่อโดนขัดจังหวะ

        หมี่ซอลงจากเตียงพาร่างที่ความสูงถือว่าด้อยกว่าเทพทั้งสองไปยืนกั้นกลางระหว่างทั้งคู่ด้วยความหงุดหงิด

        “ท่านเป็นใคร” หมี่ซอถามนางไม้ แต่สายตาจับจ้องที่อรุณอย่างคาดคั้น

        รุกขเทวดามองท่าทีของเด็กน้อยอย่างประเมิน มีความสงสัยมากมายว่าเหตุใดเจ้าเด็กคนนี้ถึงได้ทำท่าทางข่มเทพพิทักษ์ป่ามากมายเช่นนี้ แล้วยังแววตาเอาเรื่องนั่นอีก

        “ข้าเป็น...”

        “นางเป็นหนึ่งในนางไม้ที่ข้าเคยร่วมหลับนอนด้วย” นางไม้แสนสวยที่กำลังจะตอบแต่อรุณขัดขึ้นมาก่อนและตอบแทนเสร็จสรรพ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว โกหกไปก็ใช่เรื่องสู้บอกความจริงเสียจะได้ไม่ต้องหาเรื่องปิดบังกันต่อไป และเขาก็อยากเห็นปฏิกิริยาของหมี่ซอด้วยเช่นกันว่าจะรู้สึกและทำเช่นใดเมื่อรู้เช่นนี้

        เด็กชายนิ่งอึ้งแม้จะพอรู้ความสัมพันธ์ของเทพทั้งสองอยู่บ้าง เพราะมันมีทั้งคำพูดและการกระทำที่โจ่งแจ้งขนาดนี้ ถึงเขาจะยังเด็กแต่ก็พอเข้าใจความหมายที่นางสื่อออกมาได้เป็นอย่างดี

        คิ้วเรียวขมวด ปากบางเม้มเข้าหากันอย่างพยายามระงับอารมณ์ที่ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร



        หึง?



        ไม่ใช่แน่นอน เด็กชายคิด เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเทพพิทักษ์ป่าเสียหน่อย



        หรือว่าเป็น?



        ใช่! หมี่ซอเพิ่งนึกออกว่าที่ตนเองอยู่ที่นี่กับอรุณนั้นอยู่ในฐานะใด หน้าหวานเชิดขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจราวกับจะตอกย้ำผู้มาใหม่ว่าตนนั้นเหนือกว่า

        “ท่านจะเป็นใครก็ตามข้าไม่สน แต่ตอนนี้ท่านอรุณมีข้าเป็น..เมีย” เด็กชายเน้น “เพราะฉะนั้นไม่ว่าท่านอรุณจะเคยมีผู้ใดมาก่อนไม่ได้สลักสำคัญใดๆเลยสำหรับข้า”

         อรุณมองเด็กน้อยของตนด้วยหัวใจพองโต ยิ้มพรายอย่างยินดีที่เจ้าตัวพูดราวกับยอมรับเขาเป็นสามีแล้ว หากเช่นนั้นเขาก็...

        “หึๆ เด็กน้อย เจ้าคือเมียของท่านอรุณจริงๆหรือ ทำไมข้าถึงสัมผัสไม่ได้ถึงความผูกพันของพวกท่านเลยล่ะ” รุกขเทวดาแสนสวยไม่ยอมแพ้ ยิ้มเยาะเด็กที่ดูอย่างไรก็ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างไม่เชื่อถือ

        “รานีเจ้าจงกลับไปยังที่ของเจ้าเถิด ข้าไม่อยากให้เมียข้าต้องขุ่นข้องหมองใจในตัวข้าไปมากกว่านี้”

        ตาเรียวงามของนางไม้เบิกขึ้นอย่างตกใจในคำกล่าวยอมรับนั่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นไม่พอใจอย่างที่สุด นางอุตส่าห์มาเสนอตัวถึงที่แต่โดนปฏิเสธ แถมยังพ่ายแพ้ให้กับเด็กแสบคนนี้อีก

        “ข้าไม่คิดว่าท่านจะมีความชอบในบุรุษเพศเช่นนี้มาก่อน..แต่เอาเถิดข้าจะไม่มาที่นี่อีกตามประสงค์ของท่าน..ข้าขอลา” นางหันหลังกลับ ก้าวเท้าเปลือยเปล่าออกไปยังทิศทางที่ตนเดินเข้ามาตั้งแต่คราวแรก แต่ก็ไม่วายหันมายิ้มยั่วยวนให้อรุณเสียทีหนึ่ง ยักคิ้วเรียวสวยให้เด็กน้อยราวกับต้องการยั่วโทสะก่อนจะพาร่างของตนเดินจากไป

        เมื่อลับร่างนางไม้แสนงามแล้ว อรุณก็จัดการอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาจากพื้น มองหน้าหวานที่ยังส่อประกายหงุดหงิดอยู่ด้วยรอยยิ้มกว้างแม้คนตัวเล็กจะโวยวายและทุบตีตนอย่างบ้าคลั่งก็ตาม

        “ปล่อยข้าลงนะ ไอ้เทพลามก! มักมาก!” คำด่าว่าเหล่านั้นไม่ได้ทำให้อรุณมีโทสะแม้แต่น้อย เขายิ้มรับราวกับยินดี

        “อยากจะว่าอะไรผัวของเจ้าก็ตามสบายเถิด ข้าไม่ขัดข้อง” เสียงทุ้มเอ่ย

        เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กน้อยก็หยุดดิ้น แก้มนวลขึ้นสีเรื่อ หลุบตาลงอย่างไม่ต้องการมองหน้าอีกฝ่ายให้หัวใจเต้นแรงไปมากกว่านี้

        เพราะแค่นี้หมี่ซอก็อายจะแย่แล้วที่ทำราวกับประกาศความเป็นเจ้าของในตัวเทพพิทักษ์ป่าตนนี้กับผู้อื่น

        “เจ้าเขินข้ารึ?” อรุณแปลกใจในท่าทีของเด็กน้อย เขาคิดว่าคำที่ตนพูดออกไปอาจจะกระตุ้นให้อีกฝ่ายยิ่งทุบตีตนรุนแรงหนักกว่าเดิม แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ หมี่ซอกลับนิ่งคล้ายยอมรับกลายๆ เทพพิทักษ์ป่าอดที่จะกล่าวหยอกในความน่ารักของอีกฝ่ายไม่ได้

        “เจ้ายอมรับแล้วนะว่าเป็นเมียของข้า..เพราะฉะนั้นข้าจะทำอะไรกับเจ้าก็ได้”

        “ไม่ได้!” เสียงแหวดังมาจากคนตัวเล็ก

        “ไหนท่านสัญญากับข้าแล้วว่าจะไม่ยอมขัดใจข้าอีก..ท่านมันเทพสับปลับ! ไม่รักษ..” คำพูดสุดท้ายถูกกลืนเข้าคอ เมื่อเทพพิทักษ์ป่าอดรนทนไม่ไหวกดจูบลงไปบนริมฝีปากของคนปากร้าย

        เสียงอู้อี้ที่ประท้วงของหมี่ซอค่อยๆเงียบลง เมื่อเคลิ้มในรสจุมพิตแสนหวานที่เทพพิทักษ์ป่าค่อยๆละเลียดทีละน้อยอย่างแผ่วเบา ลิ้นสากแทรกเข้าไปยังโพรงปากของเด็กน้อย ไล้เลียทั่วทั้งปากแสนหวานนั้นอย่างนุ่มนวล ก่อนจะถอนออกมามองสบตาคนที่มองเขาตาเยิ้ม ริมฝีปากระเรื่อนั้นเผยอราวกับเชิญชวนให้ตนต้องครอบครองอีกครั้ง

        แต่ไม่ทันได้ทำตามใจ หมี่ซอก็ยื่นหน้าเข้ามาจูบเขาแทน รสสัมผัสเพียงบางเบาแต่กลับตรึงแน่นในหัวใจของเทพพิทักษ์ป่า เด็กน้อยถอนหน้าออกมามองด้วยรอยยิ้มเก้อเขินกับความใจกล้าบ้าบิ่นของตนเอง อาจจะเป็นเพราะกำลังมึนเมากับรสจุมพิตที่แสนหวานนั่นอยู่ก็เป็นได้

        “หมี่ซอ ข้าปรารถนาเจ้าเหลือเกิน..เจ้าจะยอมเป็นเมียของข้าได้หรือไม่?” เสียงวิงวอนขอและสายตาอ้อนวอนนั้นทำให้เด็กน้อยเสหลบตา พวงแก้มแดงๆนั้นน่ามองนักในสายตาอรุณ

        “หากท่านต้องการ..” หมี่ซอหลับตาลง

        “ข้าจะยอมก็ได้ แต่มีข้อแม้” ดวงตาเรียวสวยลืมขึ้นตวัดมองอย่างจริงจัง เสียงใสเอ่ยสั่งความต้องการของตนอย่างแน่วแน่

        “ท่านห้ามมีใครอื่นนอกจากข้าแต่เพียงผู้เดียวในชั่วชีวิตของท่าน..ทำได้หรือไม่?”

        อรุณลังเลเพียงชั่วครู่แต่เป็นเพราะเขาต้องการหมี่ซอมากเหลือเกินจึงพยักหน้าตอบรอยยิ้มสมใจปรากฏบนใบหน้าคมสัน

        “ข้าจะไม่นอกใจเจ้า ข้าสัญญา” อรุณโน้มหน้าหมายจะกดจูบเพื่อย้ำความจริงใจในคำพูดตน

        “เดี๋ยวก่อน!” เสียงใสเอ่ยห้าม มองอรุณด้วยความไม่แน่ใจ

        “ข้าไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรบ้าง ข้า..”

        “ชู่ว์...เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ข้าจะสอนเจ้าเอง”ว่าจบก็จัดการแนบริมฝีปากลงบนความอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายทันที

        อรุณอุ้มเด็กน้อยไปที่เตียงทั้งที่ปากของทั้งคู่ยังประกบติดกันอยู่ ความไร้เดียงสาจากปากจิ้มลิ้มที่จูบตอบกลับมาอย่างงกเงิ่นนั่นทำให้อรุณครางอย่างพึงพอใจ เขาชักจะหลงใหลในตัวของหมี่ซอมากขึ้นทุกทีเสียแล้ว

        เทพพิทักษ์ป่าจับเด็กชายนอนหงาย พรมจูบไปทั่วทั้งหน้านั่นอย่างอ่อนโยน นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่จะได้ลิ้มรสพรหมจรรย์จากคู่ตน เขาควรจะค่อยเป็นค่อยไปและอ่อนโยนต่อหมี่ซอให้มากที่สุดเพราะมันคือครั้งแรกของเด็กน้อยเช่นกัน

        หมี่ซอตัวสั่นสะท้านเมื่อมือหยาบนั้นไล้ไปทั่วทั้งกายเปลือยที่เด็กชายแทบไม่รู้ตัวว่าเสื้อผ้าหลุดไปตั้งแต่ตอนไหน มือบางจับบ่าของคนที่เปลือยเช่นกันไว้ สองลิ้นคลอเคล้ากระหวัดเกี่ยวกันอย่างเสน่หา

        อรุณถอนจูบมองคนแก้มแดงที่หอบหายใจเสียงดัง แววตาสั่นระริกของเด็กน้อยที่เคยใสซื่อตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาเช่นเดียวกันกับเขา

        แก่นกายของอรุณแข็งเสียจนปวดร้าวอยากจะแทรกความร้อนผ่าวนี้ลงไปยังคนตัวเล็กแทบขาดใจ เขาแยกขาของเด็กแสบออกกว้าง นัยน์ตานั้นมีแววของความกังวลและหวาดกลัวขึ้นมาจนเขาต้องเอ่ยปลอบ

        “เจ้าอย่าได้กลัวไปเลย..ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขไม่แพ้ตัวข้า”

        “ข้ายังไม่ได้ว่าอะไรท่านเลยนะ” หมี่ซอหลบตาบอกอุบอิบ

        “จะเป็นเมียข้าแล้วยังปากดีอีกนะ” อรุณเย้าอีกฝ่าย

        ร่างกายของเด็กน้อยนั้นร้อนวูบวาบราวกับจะจับไข้ ปากบางเม้มแน่นเอ่ยปากเร่งเร้า

        “ท่านจะทำอะไรก็รีบทำเสียเถิด...ข้าง่วงแล้ว” ไม่ได้อยากจะรีบหรอก แต่จะเป็นลมเพราะความร้อนที่พุ่งขึ้นสูงอยู่แล้ว

        เทพพิทักษ์ป่าหัวเราะแผ่วเบา มองคนใจกล้าที่เป็นคนเอ่ยปากเร่งราวกับจะรออีกสักหน่อยไม่ไหวเสียแล้ว

        นิ้วเรียวแกร่งของอรุณลากไล้ไปตามท่อนขาเรียวเล็ก จงใจให้เด็กน้อยสยิวเล็กๆ ก่อนจะมาหยุดที่ช่องทางรักน้อยๆของเด็กชายแล้วกดนิ้วแทรกลงไป

        “อื้อ ท่านอรุณข้าเจ็บ” หมี่ซอร้องขึ้นมา ใบหน้าหวานเหยเกอย่างเจ็บปวด จิกเล็บบนบ่าเทพพิทักษ์ป่าจนเลือดซิบ พยายามบ่ายสะโพกหนีเมื่อนิ้วนั้นลุกล้ำเข้ามาจนสุด

        อรุณกดจูบลงบนปากนุ่มนิ่มของคนเจ็บอย่างปลอบขวัญ เพิ่มนิ้วเข้าไปอีกเมื่อเห็นว่าหมี่ซอเริ่มเคลิ้มไปกับจูบของตนแล้วถอนจูบออกมองหน้าหวานซึ้งของเด็กน้อยที่น้ำตาคลออย่างอดสงสารไม่ได้ เสียงนุ่มนวลเอ่ยปลอบประโลมจนหมี่ซอเลิกต่อต้าน พร้อมรับสัมผัสใหม่ที่รุกล้ำมากกว่าเดิม

        เมื่อหมี่ซอเริ่มปรับตัวได้แล้ว อรุณก็ถอนนิ้วออกมาก่อนจะจับแก่นกายที่ตั้งโด่นั้นจ่อที่ปากทางประตูแห่งความปรารถนาค่อยๆกดลงไปช้าๆ ริมฝีปากหนาก็คอยบดจูบปิดกลั้นเสียงร้องของหมี่ซอเอาไว้ จากนั้นก็เลื่อนไปซุกไซ้คอขาวผ่อง ดูดเม้มจนเป็นรอยแดง ลากลิ้นลงมาจูบทั่วหน้าอกที่สะท้อนขึ้นลงของอีกฝ่ายอย่างกระหาย

        เมื่อท่อนลำใหญ่เข้าจนลึกสุดแล้ว อรุณก็แช่ไว้เช่นนั้น มองคนแก้มแดงที่กัดปากตัวเองกลั้นเสียงครางเอาไว้ด้วยรอยยิ้มจาง

        “ข้าจะขยับแล้วนะ” เทพพิทักษ์ป่ากระซิบบอกข้างหูของเด็กน้อย ผลที่ได้คือแรงกดจากเล็บคมของอีกฝ่ายยิ่งกดลึกลงบนบ่าตนมากยิ่งขึ้น

        “ข้าจะตายไหม?” เด็กน้อยร้องถามเสียงพร่า แววตาวูบไหวราวกับกลัวเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

        “ไม่หรอก..อาจจะเป็นข้าก็ได้”

        “ทำไม?” หมี่ซอทำหน้างงจนคนฟังต้องก้มลงไปหอมแก้มแดงปลั่งฟอดใหญ่

        “ข้าเกรงว่าต่อจากนี้ไป..ข้าอาจจะตายคาอกเจ้าก็เป็นได้”

        “หืม?”

        อรุณไม่อยากเสียเวลาอธิบายให้คนช่างสงสัยอีกแล้ว เขาขยับกายเข้าออกช้าๆ พยายามหาจุดกระสันของหมี่ซอ เมื่อพบแล้วเขาก็กระแทกเน้นจุดนั้นเร็วรัว ก้มมองเด็กน้อยที่หลับตาพริ้ม กัดปากกลั้นเสียงครางเอาไว้อย่างลำบาก มือหนารูดรั้งแก่นกายที่น้อยกว่าของเขาอย่างเอาใจ พรมจูบซุกไซ้ทั่วทั้งตัวของหมี่ซออย่างหลงใหล

        อา...เด็กน้อยหอมหวานไปทั้งตัว

        ความอิ่มเอมในตอนนี้ช่างมากเหลือแสน เพียงไม่นานความสุขจนล้นปรี่ก็พุ่งออกมาจนทุกหยาดหยด อรุณล้มตัวนอนกอดคนที่ยังหอบหายใจเสียงดังไม่ต่างจากเขา ริมฝีปากหนาแตะจูบต้นคอขาวด้วยความหลงใหล

        หมี่ซอนอนหอบตัวสั่นสะท้าน แม้จะเจ็บทุกการสอดใส่เพราะแรงกระแทกกระทั้นอย่างไม่ปราณีของอรุณ แต่เด็กชายกลับรับรู้ว่าในความเจ็บนั้นมันปนไปด้วยความสุขสุดยอดที่ตนไม่เคยได้พานพบมาก่อน เพราะแบบนี้เองกระมัง ท่านพ่อถึงได้ชอบรังแกท่านแม่นัก

        เด็กชายหลับตาลงเพราะความเพลีย แม้มือหนาจะยังลูบไล้กายตนอยู่ก็ตาม

        “ข้าขออีกได้ไหม” เสียงแหบพร่าที่กระซิบจากข้างหลัง ทำให้คนถูกขอลืมตาตื่นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเก้อเขิน

        “หากท่านต้องการเช่นนั้น” เด็กชายกัดปาก ตอบเบาๆ “ก็ตามใจท่านสิ”

        อรุณลุกขึ้นคร่อมคนตัวเล็กไว้เมื่อได้รับคำอนุญาต เห็นทีวันนี้ยังอีกยาวไกลเพราะเขาคงจะไม่หยุด ”กิน” จนกว่าจะ ”อิ่ม” เป็นแน่!


        รุ่งเช้าของอีกวันหมี่ซอตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดเนื้อปวดตัว โดยเฉพาะช่องทางด้านหลังนั้นปวดตุบๆ เมื่อก้มลงมองก็พบกับคราบน้ำรักและสีแดงของเลือดที่แห้งกรังติดกับขาของตน

        เด็กชายกัดฟันกรอดมองคนที่นอนหลับสนิทอย่างสบายอารมณ์นั้นอย่างหมั่นไส้ เขาไม่น่าใจอ่อนไปกับสัมผัสที่ชวนลุ่มหลงนั่นเลย เห็นเขาเป็นตัวระบายความใคร่หรืออย่างไรกัน

        เด็กชายน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนทำและสูญเสียไป มันช่างน่าเจ็บใจนักที่ตนทำราวกับเป็นคนใจง่ายเช่นนี้ ทั้งที่ตนเป็นฝ่ายยินยอมเองแท้ๆ แต่ทำไม่ถึงกลับได้รู้สึกไม่ดีราวกลับได้ทำเรื่องที่ไม่สมควรด้วยล่ะ

        อรุณลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้ สองตากวาดมองร่างเปลือยเปล่าที่ตนตีตราเป็นเจ้าของ

        “ตื่นแล้วหรือ เมียข้า” เสียงพร่าเอ่ยขึ้น ลุกนั่งกอดเอวเด็กน้อยไว้หลวมๆ มองหน้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำตานั้นอย่างตกใจ ละล่ำละลักถาม

        “เจ้าร้องไห้ด้วยเรื่องอันใดรึ? ใครทำอะไรเจ้า”

        หมี่ซอมองตาแก่จอมหื่นที่ทำราวกับไม่รู้ว่าใครทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ น้ำเสียงขึ้นจมูกเอ่ยต่อว่า

        “ยังจะถามข้าอีก! ก็ท่านนั่นแหล่ะที่ทำให้ข้าแทบลุกไม่ขึ้น ต่อไปนี้ข้าจะไม่ยอมตามใจท่านอีกแล้ว ไอ้เทพหื่นจอมตะกละ!” น้ำเสียงใสเอ่ยต่อว่าผละตัวออกจะลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องล้มลงตามเดิม เพราะขานั้นอ่อนเปลี้ย แถมตัวยังปวดระบมเช่นนี้อีก ตวัดตาดุๆส่งให้คนที่ยิ้มแห้งๆให้อย่างขุ่นเคือง

        เมื่อรู้ตัวการที่ทำให้หมี่ซอเป็นเช่นนี้ อรุณก็ไม่รู้จะกล่าวแก้ตัวเช่นไร เพราะมันคือความจริงทั้งหมด เขาเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย บทรักที่บรรเลงอย่างเนิบช้าแปลเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนรุนแรงแทบทั้งคืนนั้นคงทำให้เด็กน้อยไม่พอใจ อรุณลุกขึ้นลงจากเตียงแล้วคว้าคนตัวเล็กมาอุ้ม

        “อุ้มข้าทำไม?” หมี่ซอที่อารมณ์ยังไม่ดีเอ่ยถามขึ้นมา กวาดตามองหน้าคมสันที่ยิ้มพร่างพรายด้วยใบหน้าร้อนวูบวาบ

        “จะพาเจ้าไปอาบน้ำนวดตัวให้น่ะสิ”

        “ข้าอาบเองได้ ปล่อยข้าลง”

        อรุณส่ายหน้า

        “แค่จะลุกเดินเจ้ายังทำไม่ได้เลย ให้ข้าอาบให้ดีกว่านะ” สองขาแกร่งออกเดินตรงไปยังแอ่งน้ำที่ใหญ่พอสมควรที่อยู่ในถ้ำ แล้วก้าวลงไปยังน้ำเย็นเฉียบนั้นปล่อยเด็กน้อยที่เมื่อเนื้อตัวสัมผัสน้ำแล้วก็ผละออกจากเขา

        “ข้าจะอาบแล้ว ท่านขึ้นไปเลย” เสียงใสเอ่ยไล่ ไม่อยากอยู่ใกล้อีกฝ่ายนานนัก

        อรุณว่ายเข้าไปใกล้แล้วโอบกอดเด็กน้อยไว้ทั้งตัว  จับแก่นกายน้อยๆนั้นแล้วขยับขึ้นลงเบาๆ มองแก้มแดงของเด็กชายที่ส่งแววตาตื่นๆมาให้ กระซิบบอกเสียงพร่า

        “เจ้าแน่ใจนะ ว่าไม่อยากให้ข้าอาบให้จริงๆ”

        หมี่ซอน้อยที่อยู่ในมือเทพจอมเจ้าเล่ห์ตื่นขึ้นมา เด็กหนุ่มแทบกลั้นกลั้นเสียงครางเมื่อมือหนาพยายามบีบเค้นทำให้เขาดิ้นพล่านเพราะความทรมานอันแสนรัญจวนนั่น หมี่ซอหอบหายใจ กัดฟันพูด

        “โอ..ท่านอรุณอย่าทรมานข้าอีกเลย ปล่อยข้าไปเถิด”

        “เจ้าอยากให้ข้าหยุดไหม?” อรุณกลั้นยิ้มเมื่อเห็นความต้องการที่เด็กชายพยายามกักเก็บไว้อย่างยากลำบาก

        “อื้อ...” เขากดจูบลงไปบนปากเล็กนั่นอย่างวาบหวามใจ ต่อให้หมี่ซออ้อนวอนให้เขาหยุดตอนนี้ก็ทำไม่ได้เสียแล้วล่ะ

        บทรักทุกท่วงทำนองที่ทั้งสองต่างบรรเลงร่วมกันจึงเกิดขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง จนหมี่ซอถึงขั้นสลบไปในอ้อมแขนอรุณในบทรักสุดท้ายพอดิบพอดี

        ร่างสูงมองคนที่นอนในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกอิ่มเอม เขาคงต้องสอนให้หมี่ซออดทนมากกว่านี้เสียแล่วล่ะ เด็กน้อยจะได้ชินและรับมือกับความต้องการของเขาได้



        ก็อยากว่าเขาลามกดีนัก



        หึหึ


-จบตอน-
.....................................................................................

ต่อข้างล่างจ้า
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 29-08-2015 16:17:29

สวัสดีค่ะ กลับมาแล้ว พอดีว่าคำเกินเลยต้องมีต่ออีกรี อิอิ
หลายๆคนอาจด่าว่าอรุณหื่นแถมยังเลวได้อีก  :z3: ซึ่งมันก็จริงเนาะ
ขอบคุณทุกเม้นที่เม้นมาด้วยความเป็นห่วงนะคะ ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ
แต่อาการปวดหัว มึนๆนี่ทำยังไงก็ไม่หายสักที คือมันรู้สึกเบลอๆทั้งวันเลยค่ะ มีใครเคยเป็นบ้างคะ แล้วทำยังไงถึงจะหาย(ถามในนี้ได้รึเปล่า ผิดกฎไหม)

จากที่คิดว่าจะแต่งไปเรื่อยๆ แต่คนเขียนคิดว่าตอนนี้ถือว่าจบแบบสมบูรณ์แล้วในความรู้สึกนะค่ะ เพราะมะเหมี่ยวได้เป็นแม่พันธุ์ ซึ่งต่อไปในอนาคตหมี่ซอก็คงหนีไม่พ้นแม่พันธุ์อย่างแน่นอน ซึ่งถ้าจะให้เขียนต่อก็ทำได้นะค่ะ เพราะตัวละครในเรื่องยังมีอีกเยอะ (ลูกๆของมะเหมี่ยว) แต่คงจะมาเป็นตอนพิเศษซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานไหมกว่าจะแต่งต่อ ไม่ได้จะทิ้งคนอ่านนะค่ะ แต่เพราะเราก็อยากแต่งเรื่องยาวให้จบสักเรื่องก่อน คนอ่านคิดว่ายังไงบ้างคะ เราจะทำโพลสอบถามดูนะค่ะ
 
สุดท้ายนี้ขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากนะคะที่ยังอ่านและติดตาม แล้วพบกันใหม่นะค่ะ

สวัสดีค่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-08-2015 17:02:54
ทีนี้หมี่ซอต้องเข้าใจท่านพ่อนะลูก
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 29-08-2015 17:40:57
มาเต็มๆ มะเมี่ยวจะมีหลานไหมเนี่ยยย  :jul1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-08-2015 18:15:38
ไม่แคล้วต้องอยู่ในสถานะเดียวกับท่านแม่นะหมี่ซอ แต่ดูท่าแล้วหมี่ซอจะเป็นภรรยาที่คุมสามีเกรงใจมากกว่าท่านแม่นะ อิอิ
รออ่านตอนพิเศษ(ต่อๆไป)อยู่นะคะ เอาไว้ถ้าคนเขียนอยากเขียน/มีไอเดียขึ้นมาเมื่อไหร่ คนอ่านพร้อมตะครุบ ฮา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-08-2015 20:49:00
หมี่ซอสลบคาอกไปเลย เทพอรุณหื่นที่สุด ฮ่าๆๆๆ
ว่างเมื่อไรจากตอนยาว ขอตอนพิเศษเรื่องนี้บ้างน่ะ ^^
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-08-2015 21:00:00
 :katai2-1:   ชอบๆๆๆ มาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-08-2015 21:35:16
แล้วแต่คนเขียน
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 29-08-2015 22:16:38
ในที่สุดท่านอรุณก็ได้ กิน หมี่ซอซะที
เย้ๆๆๆๆๆ :mc4:
อีกหน่อยก็จะมีเด็กน้อยหลายคนแน่ๆๆ
เพราะท่านอรุณก็ดูหื่นไม่น้อย 5555+
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 30-08-2015 02:12:05
ตอนอรุณสัญญา เหมือนกับสัญญาส่งๆ เลยงิ แอบกลัวว่าในอนาคตอีตานี่จะนอกลู่นอกทาง จริงๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 30-08-2015 06:39:36
ถึงหมี่ซอน้อยไม่ได้ว่าว่าอรุณลามก ตัวเองก็คงจะไม่หยุดแค่รอบสองรอบอยู่ดีนั่นล่ะค่ะ คนหื่น~ :-[

ปล. รอตอนพิเศษต่อๆ ไปนะค้าา ^^
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-08-2015 08:57:31
หมี่ซอถึงขั้นสลบไปเลยอ่ะ เทพแก่แรงดีจริงๆ >///<
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-08-2015 12:57:34
ท่านอรุณถนอมน้องบ้าง ครั้งแรกก็จัดหนักซะแล้ว :z1: ส่วนเรื่องตอนพิเศษหรือจะแต่งเรื่องยาวยังงัยก็ได้ค่ะ จะติดตามนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ} 29/08/58
เริ่มหัวข้อโดย: Maw ที่ 01-09-2015 21:22:37
 :-[
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {แจ้งข่าวจ้า} 03/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 03-09-2015 23:18:19
สวัสดีคนอ่านทุกท่านนะค่ะ ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านงานเขียนของเราอยู่
วันนี้พูดตรงๆเลยว่ามาดันกระทู้ 555+  :hao7: แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอกจ้า
เราแค่อยากจะมาบอกว่าเราจะแต่งตอนพิเศษต่อไป แต่อาจจะช้าหน่อยขอเคลียร์คิวก่อนนะ
ตอนต่อไปที่จะเขียนจะเป็นเรื่องของน้องคนรองค่ะ นั่นก็คือบีซอนั่นเอง ส่วนจะคู่กับใครหรือตัวอะไรขออุบไว้ก่อนเนาะ
ส่วนเรื่องที่หมี่ซอจะมีทายาทเลยหรือเปล่านั้น ขอตอบว่ายังไม่มีจ้า เพราะเขายังเด็กเกินไป อายุเพิ่งจะสามขวบ(?)แต่ตัวโตแล้ว
รอให้น้องอายุสักสิบห้าถึงจะมีลูกได้จ้า
วันนี้มาบอกแค่นี้ล่ะจ้า เจอกันตอนหน้านะค่ะ  :z13:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {แจ้งข่าวจ้า} 03/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 03-09-2015 23:41:04
เอาเสื่อมาปูนั่งรอเลยยย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {แจ้งข่าวจ้า} 03/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 04-09-2015 14:58:31
รอนะค้า.. :m3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {แจ้งข่าวจ้า} 03/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 05-09-2015 00:02:15
แหม...กินซะอิ่มเลยนะคะท่านอรุณ
อย่าลืมถนอมน้องหมี่ซอด้วยนะคะ น้องยังเด็กอยู่ อิอิ
 :jul1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {แจ้งข่าวจ้า} 03/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 05-09-2015 03:04:41
 :oo1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {แจ้งข่าวจ้า} 03/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-09-2015 15:05:52
รอใจจ่อแล้วจร้าาาาาาาา
ดันๆๆๆๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {แจ้งข่าวจ้า} 03/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 05-09-2015 15:35:30
รอๆๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {แจ้งข่าวจ้า} 03/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomine ที่ 06-09-2015 12:18:41
ชอบๆๆ เอาอีกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {แจ้งข่าวจ้า} 03/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 06-09-2015 16:00:59
 :m25: รอๆๆ ตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 09-09-2015 12:53:32
เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนเล่ห์รักจ้าวรัตติกาล:โชตะ 1} 

        ร้อน!!!



        ดึกดื่นเที่ยงคืนเช่นนี้น่าจะเป็นเวลาของการนิทราที่แสนสุข แต่ร่างบางกลับรู้สึกกระสับกระส่าย ครั่นเนื้อครั่นตัวกับความรู้สึกร้อนอบอ้าว เหงื่อไคลไหลย้อยสร้างความหงุดหงิดใจจนพาลให้นอนไม่หลับ ดวงตาเรียวเบิกขึ้นท่ามกลางแสงไฟที่ถูกจุดไว้ตั้งแต่หัวค่ำที่เริ่มริบหรี่ลงแล้วอย่างช่างใจ มองพี่น้องที่นอนเรียงรายหลับกันอย่างสบายราวกับไม่ได้พบปัญหาอย่างที่ตนเจอ



        เฮ้อ...



        คงต้องออกไปอาบน้ำดับความร้อนเสียแล้ว บีซอลุกขึ้นนั่งมองท่านแม่ที่นอนอยู่ในอ้อมแขนท่านพ่อโดยมีเจ้าตัวเล็กที่เป็นน้องคนสุดท้องขั้นกลางระหว่างทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม เห็นแบบนี้แล้วไม่กล้าปลุกให้ใครไปเป็นเพื่อนเลย

        เด็กชายตัดสินใจลงจากเตียง ก้าวเท้าเปลือยเปล่าออกจากถ้ำโดยมีแสงไฟที่ถูกจุดไว้ระหว่างทางเป็นตัวช่วยนำทาง

        บีซอกระโดดตูมลงน้ำเมื่อร่างทั้งร่างนั้นเปลือยเปล่า เด็กชายโผล่พ้นเหนือน้ำแล้วว่ายเล่นท่ามกลางแสงจันทราของคืนเดือนหงาย น้ำเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายตัวแล้วคลายอารมณ์หงุดหงิดลงได้อยู่มากโข



        พรึบพลับ!



        แว่วเสียงคล้ายการกระพือปีกของอะไรสักอย่าง ที่มีแรงสั่นไหวจนทำให้ต้นไม้ใบไม้บริเวณนี้กระเพื่อมไหว โบกสะบัดกิ่งและใบอย่างรุนแรง ใบไม้และฝุ่นที่ปลิวว่อนกลางอากาศนั้นทำให้บีซอต้องยกมือขึ้นปิดหน้าเอาไว้กันฝุ่นเข้าตา

        บุรุษผู้ชื่นชอบและใช้ชีวิตยามราตรีมากกว่าตอนฟ้าแจ้ง ลืมตาขึ้นเมื่อลงมายังพื้นดินด้วยความสวัสดิภาพ ปีกสีดำที่สยายใหญ่ตรงกลางแผ่นหลังกว้างนั้นลู่ลงแล้วค่อยๆหดหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน ร่างสูงใหญ่นัยต์ตาแดงเพลิง จมูกโด่งเป็นสันรองรับกับริมฝีปากหนาที่ตอนนี้แย้มพรายเมื่อเจอสิ่งที่ถูกใจอยู่ตรงหน้า

        แสงจันทร์สะท้อนผิวขาวนวลที่ช่วงหน้าอกโผล่พ้นผืนน้ำขึ้นมาอย่างชวนมอง แม้ไม่ได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเพราะฝ่ามือน้อยนั้นบดบังไว้ แต่เขาก็มั่นใจว่าภายใต้มือคู่นั้นต้องมีสิ่งสวยงามรอตนพิศอยู่อย่างแน่นอน

        เมื่อสดับรับฟังว่ารอบกายนั้นเงียบสงบลงแล้ว บีซอก็ลดมือลงเพื่อมองดูต้นเหตุของเสียงนั้น เด็กชายตาเบิกกว้างก่อนจะกระพริบปริบๆเมื่อภาพตรงหน้าที่เขาเห็นคือ ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่แทบเรียกว่าเปลือยเปล่าได้เลยถ้าไม่มีผ้าหนังสีดำเงาปิดตรงช่วงกลางลำตัวไว้ ร่างนั้นตรงเข้ามายังริมลำธารเรื่อยๆ ในขณะที่บีซอก็ก้าวถอยหลังด้วยความกลัวและไม่ไว้ใจ

        “ท่านเป็นใคร? เหตุใดถึงได้มายังที่แห่งนี้ในยามวิกาล” เสียงใสเอ่ยทักอย่างสั่นๆ

        ใบหน้าคมนั้นแต้มไปด้วยรอยยิ้มอย่างพึงใจเมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน อนธการก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตายิ่งนัก ตัวยังเป็นเด็กแต่เปล่งรัศมีเสน่หามาล่อลวงให้ตนหลงใหลได้อย่างไม่ยาก
   
        “เจ้าช่างงดงามนัก” อนธการไม่ได้ตอบคำถามจากเด็กน้อย แต่กลับกล่าวชมด้วยแววตาวิบวับปนเจ้าชู้

        เด็กชายหน้าแดงซ่านกับคำชมจากชายแปลกหน้า หยุดก้าวถอยหลังเมื่อน้ำเริ่มสูงถึงปาก หากยังก้าวต่อไปเกรงว่าเขาคงต้องจมน้ำตายเป็นแน่แท้

        “ทะ...ท่าน” เด็กชายกล่าวเสียงตะกุกตะกัก ในอกสั่นรัวอย่างหวาดกลัว เมื่อชายผู้นั้นก้าวลงมาในน้ำตรงเข้ามาหาตน

        “ข้าชอบเด็กๆ และยิ่งเป็นเจ้าข้าก็ยิ่งชอบ” เสียงทุ้มนั้นช่างน่าฟังราวกับขับกล่อมให้เคลิบเคลิ้ม เด็กชายยืนนิ่งแม้อีกฝ่ายจะเข้ามาใกล้แล้วจับตนขึ้นมาอุ้มแนบอกโดยไม่มีการปัดป้องใดๆทั้งสิ้น บีซอตกอยู่ในมนตร์สะกดที่อนธการสร้างขึ้น ดวงหน้าหวานเผยอปากขึ้นอย่างยั่วยวน จนจ้าวรัตติกาลต้องก้มลงไปชิมความหอมหวานนั้นอย่างอดไม่อยู่



        อืม..นุ่มลิ้น



        อนธการพาเด็กน้อยที่หลับตาพริ้มในอ้อมแขนขึ้นมาบนฝั่ง แปลงกายเป็นค้างคาวตัวใหญ่ กางปีกสีดำขึ้นสะบัดเล็กน้อยก่อนจะโผบินขึ้นไปบนท้องนภาที่ยามนี้ได้รับแสงจากจันทราสาดส่องให้เห็นหมู่มวลดาวที่อยู่กันอย่างประปราย

        เด็กในอ้อมแขนตนนั้นหลับไปเสียแล้ว ผิวขาวเปลือยเปล่าผุดผ่องแห้งเหือดลงแล้วจากกระแสลมที่พัดโบกอย่างแรงจนคนตัวน้อยห่อไหล่ด้วยความหนาวเย็น

        อนธการเพิ่มแรงกอดรัดร่างน้อยนั้นเข้าไปอีก หวังให้กายอุ่นจนแทบร้อนของตนทำให้เจ้าตัวเล็กคลายหนาวได้สักเพียงน้อยก็ยังดี

        จ้าวรัตติกาลบินโฉบลงตรงระเบียงปราสาทชั้นสองซึ่งเป็นห้องนอนของตนพอดี อนธการกลายร่างเป็นมนุษย์วางร่างเปลือยเปล่าลงบนเตียงใหญ่ที่ปูรองพื้นไว้ด้วยผ้าขนแกะหนานุ่ม จัดการห่มผ้าให้กับคนตัวเล็กแล้วสอดกายเข้าไปกอดจนร่างเล็กแทบจมเข้าไปในอก

รอยยิ้มแย้มที่มุมปากเมื่อคนที่อยู่ในอ้อมแขนช่างถูกใจตนเหลือเกิน เขาก้มสูดดมลงบนแก้มเย็นที่แดงปลั่งนั้นอย่างเผลอไผล ความรุ่มร้อนในกายเพรียกหาอยากให้เขาจัดการเด็กน้อยคนนี้ให้ครวญครางใต้ร่างตน แต่ก็ต้องอดใจไว้ เขาไม่อยากลักหลับเด็กคนนี้ รอให้ตื่นก่อนเถอะ เขาจะทำให้ยิ่งกว่าร้องครางเสียอีก



        รีบตื่นนะเด็กน้อย...



        บีซอปรือเปลือกตาเมื่อรู้สึกว่าเนื้อตัวนั้นโดนลูบไล้อย่างจาบจ้วงจากมือปริศนา เด็กชายรู้สึกเหมือนกับจะหายใจไม่ออกเหมือนโดนอะไรสักอย่างรัดกายไว้ เมื่อสายตาชินกับความมืด บีซอก็พบว่าตนไม่ได้อยู่ในถ้ำ ครั้งสุดท้ายที่จำได้คือตนกำลังเล่นน้ำอยู่ แล้วจู่ๆก็มีผู้ชายแปลกหน้าโผล่มา



        ใช่!



จำได้แล้ว เด็กชายมองแขนกำยำที่กอดรัดตนไว้อย่างตกใจ น้ำเสียงสั่นพร่าเอ่ยถาม

        “ท่านเป็นใคร แล้วที่นี่คือที่ไหน ท่านจับข้ามาทำไม ท่าน...”

        “จุ๊ๆ เด็กน้อย” เสียงทุ้มนุ่มลึกที่ดังขึ้นเหนือหัวผู้ที่เป็นเจ้าของอ้อมแขนแกร่งกล่าวก่อนจะคลายกอดและหยุดมือหนึบหนับนั้นลง

        บีซออาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายคลายอ้อมแขนเหวี่ยงตัวเองออกมาแทบตกเตียงแล้วรีบลุกขึ้นยืนฝั่งตรงข้าม เขาจ้องหน้าคนที่นอนเท้าแขนมองมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างหวาดๆ

        “เหตุใดเจ้าถึงได้ทำท่าราวกับกลัวข้าเช่นนั้นด้วย รู้ไหมว่ามันทำให้ข้าน้อยใจนะ” ใบหน้าที่พยายามปั้นแต่งให้น่าสงสารนั้นช่างขัดสายตาบีซอเหลือเกิน

        “ได้โปรดพาข้ากลับไปยังที่เดิมเถิด หากพ่อแม่และพี่น้องของข้าตื่นมาแล้วไม่เจอข้า พวกเขาจะเป็นห่วง”

        “เจ้ามีพ่อแม่และพี่น้องด้วยรึ?” คำถามที่ไม่น่าจะถามดังออกมาจากริมฝีปากหนา แววตาที่สงสัยใคร่รู้อย่างจริงจังนั้นทำให้บีซอชักจะสงสัยว่าชายผู้นี้ไม่รู้หรือว่าแกล้งถามกัน



        ถ้าไม่มีพ่อแม่แล้วเขาจะเกิดมาได้อย่างไร ไม่น่าถาม!



        “ใช่ และข้าคิดว่าท่านควรพาข้ากลับไปส่งได้แล้ว”

        “อืม..ข้าไม่รู้มาก่อนเลยนะว่านอกจากตัวข้าแล้วยังมีพ่อแม่ของข้าอีก แล้วพี่น้องของข้าจะหน้าตาเป็นเช่นไรนะ”

        เสียงพึมพำจากร่างสูงเรียกความสนใจจากบีซอได้เป็นอย่างดี ตกลงว่าบุรุษตรงหน้าบ้าหรือดีกันแน่ที่กล่าวราวกับว่าเรื่องที่เขาพูดกลายเป็นเรื่องของอีกฝ่ายไปเสียอย่างนั้น

        “ท่านพูดราวกับว่าท่านอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด...ท่านไม่รู้จักใครเลยรึ?”

        ใบหน้าคมดูสลดลง อนธการยิ้มขืนเมื่อคำพูดของเด็กน้อยมันกระแทกใจ เขาอยู่อย่างเหงาๆมานานหลายร้อยปีแล้ว ไม่มีใครหรือผู้ใดอยู่เคียงข้างสักคน อย่าว่าแต่พี่น้องเลย พ่อแม่เขาก็ยังไม่เคยได้เห็นหน้าหรือว่าเคยก็จำไม่ได้เสียแล้ว

        อนธการอยู่ปราสาทแห่งนี้ตั้งแต่จำความได้ ส่วนมากเขาใช้ชีวิตในเวลากลางคืน กลางวันนั้นแทบไม่ได้ออกจากห้องเลยเพราะมันเป็นเวลานอนของเขา ส่วนมากเขาจะออกหาเหยื่อ



        หึหึ



        เหยื่อที่พบส่วนมากก็เป็นพวกอมนุษย์ที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ พอผ่านชั่วโมงแห่งความเร่าร้อนในกามก็ต่างก็แยกย้ายกลับคืนสู่ถิ่นตน ความเปล่าเปลี่ยวจึงเป็นสิ่งอยู่คู่กับเขามาช้านาน และมันชักจะชินเสียแล้ว

        อนธการไม่คิดว่าการออกตามล่าหาเหยื่อในคืนนี้เขาจะได้พบกับเนื้ออันโอชะที่แสนน่าสวาปามเช่นนี้ เส้นเลือดตรงคอที่เต้นตุบๆปลุกสัญชาตญาณนักล่าอย่างเขาให้กระหายใคร่ฝังเขี้ยวลงบนต้นคองามระหงนั่น

        ผิวกายผุดผ่องที่เปลือยเปล่าเป็นสิ่งเร้าให้แก่นกายนั้นแข็งขืนชูชัน จ้าวรัตติกาลผ่อนลมหายใจแล้วสูดเข้าลึกๆเมื่อความปรารถนาเริ่มเกาะกิน เพราะแค่มองคนตัวเล็กข้างหน้าเขาก็แทบจะบรรลุสู่กามารมณ์

        บีซอที่เฝ้ารอคำตอบจากคนบนเตียงที่ไม่มีทีท่าว่าจะกล่าวอะไรเลย มีแต่ตาสีแดงเพลิงมองมายังเขาด้วยสายตาแปลกๆจนเด็กชายรู้สึกประหม่า ความกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจ มือชื้นเหงื่อจนต้องยกขึ้นมาถูกัน แล้วกล่าวถามต่อด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายโกรธที่ตนอาจถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม


        “คือ...ท่านไม่ต้องตอบข้าก็ได้ เพียงแต่ช่วยพาข้ากลับคืนถิ่นเถิดนะ...นะ” แววอ้อนวอนปรากฏขึ้นทั้งน้ำเสียงและแววตาทำให้คนมองอดจะยิ้มในความพยายามเอาตัวรอดของอีกฝ่าย

        อนธการหัวเราะเบาๆ แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย เสียงทุ้มกล่าว

        “ข้าว่าเจ้าอย่าห่วงเรื่องจะได้กลับหรือไม่กลับดีกว่า ตอนนี้เจ้าไม่หนาวหรือ...อ่า..ข้าว่ายามใกล้รุ่งเช่นนี้อากาศกำลังเย็นสบายเลยนะ หรือเจ้าว่าอย่างไร” สายตาวิบวับและประโยคคำถามที่แสนธรรมดานั้นกลับสร้างความสงสัยให้คนฟังไม่น้อย

        เด็กชายมุ่นคิ้วคิดตาม อากาศก็เย็นดี ถ้าได้นอนสักงีบก็คงจะดีไม่น้อย

        หมี่ซอยกมือขึ้นลูบแขนตั้งแต่ศอกขึ้นมาจนถึงหัวไหล่ ความสงสัยยิ่งจู่โจมเมื่อสัมผัสไม่ได้ถึงความนุ่มของเสื้อแขนสั้นที่ตนมักใส่เสมอ ก้มมองดูร่างกายก็แทบกรีดร้องออกมาด้วยความอายเมื่อพบว่า...



        ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า!



        ไม่มีอะไรที่ห่อหุ้มบนกาย เนื้อตัวล่อนจ้อน เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยิ้มล้อๆ ด้วยใบหน้าร้อนผ่าวทั้งอับอายที่มายืนเปลือยต่อหน้าคนแปลกหน้า ทั้งยังรู้สึกโกรธใบหน้าระรื่นนั่นราวกับอีกฝ่ายได้ชมสิ่งที่น่าอภิรมย์ก็ไม่ปาน



        อายๆๆ



        เด็กชายก่นร้องอยู่ในใจ กระวีกระวาดดึงผ้าแพรผืนบางที่ชายคนนั้นห่มอยู่มาห่อตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า เหลือเพียงลูกกระตาสองข้างที่โผล่ออกมา น้ำเสียงห้วนเอ่ยออกมาอย่างด้วยอารมณ์

        “เหตุใดท่านจึงไม่เตือนหรือบอกข้าสักนิด ว่าข้ามิได้สวมสิ่งใดบนกายเลย ท่านต้องการแกล้งให้ข้าต้องอับอายใช่หรือไม่...ท่านช่าง..”

        “นี่เจ้าโกรธข้าเพราะเพียงว่าข้ามิได้หาเครื่องนุ่งห่มให้เจ้ารึ? ทั้งที่ตอนข้าเจอเจ้าก็ไม่มีสิ่งใดบดบังเรือนกายสวยงามของเจ้าเลยนะ...ข้าผิดรึ” แม้จะพยายามทำหน้าให้ดูราวกับน้อยเนื้อต่ำใจ แต่แววตากลับหาเป็นเช่นนั้นไม่



        นัยต์ตาระริก ราวกลั้นขำนั่นช่างน่าโมโหยิ่งนัก



        “หากท่านจะกล่าวเช่นนั้นคงไม่ผิด ข้าไม่ถือโทษ...แต่ช่วยหาอะไรก็ได้ให้ข้าใส่ทีเถอะนะ”

        “เจ้าจะใส่ไปทำไม? ในเมื่อ...” สายตากรุ้มกริ่มที่ทอดมองมาอย่างโจ่งแจ้ง เรือนกายใหญ่โตลงจากเตียงสาวเท้ามาหาคนตัวเล็กที่ก้าวเท้าถอยหลังจนไปชนผนังห้อง อนธการย่อตัวลงแล้วเท้าแขนกันเด็กน้อยไว้ บอกด้วยใบหน้าระบายยิ้มกว้าง

        “ไม่ต้องใส่อะไรทั้งสิ้น เพราะว่าข้าก็จะไม่ใส่เช่นกัน” ว่าจบอนธการก็ยืดตัวขึ้นแล้วรั้งผ้าหนังสีดำมะเมื่อมที่ปกปิดตรงส่วนกลางลำตัวไว้และสลัดออกจากตัว สิ่งที่เคยอัดแน่นปวดตุบๆ ชี้ตั้งแตะโดนตรงไหล่เด็กน้อยพอดี

        บีซอกลืนน้ำลายดังอึก ก้มมองความใหญ่โตของท่อนเนื้อตรงหน้าอย่างอกสั่นขวัญหาย เขาตกตะลึงรู้สึกว่าลิ้นของตนหายไป อึกๆอักๆพูดอะไรไม่ออกสักคำ มีแค่ตาที่เบิ่งค้างที่บ่งบอกว่าเด็กน้อยสติหลุดไปแล้ว

        ตาโตๆ แก้มแดงๆ ปากเป็นกระจับที่ตอนนี้อ้าค้าง เงยหน้าขึ้นมามองอนธการเพียงแวบเดียวก่อนจะทรุดฮวบไปกองกับพื้น

        จ้าวรัตติกาลตกใจที่จู่ๆ เด็กน้อยก็ล้มไปจุ้มปุ๊กอยู่กับพื้น เขารีบย่อตัวไปประคองแล้วสอดแขนที่เอวบาง อุ้มบีซอขึ้นมาแล้วเดินไปวางลงบนเตียง น้ำเสียงเอ่ยถามอย่างห่วงใย

        “เจ้าเป็นอะไรไปรึ? จู่ๆทำไมถึง..”

        “พาข้ากลับบ้าน!” เด็กน้อยที่ตอนนี้หายจากอาการตกใจหรืออะไรก็แล้วแต่ตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

        อนธการส่ายหน้าอย่างระอา อุตส่าห์เป็นห่วงที่แท้ก็หาเรื่องอยากกลับบ้านสินะ จ้าวรัตติกาลขึ้นคร่อมคนตัวเล็กอย่างไวเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะลุกลงจากเตียง

        “ข้าไม่เคยพาใครกลับทั้งที่ยังไม่ได้...”

        “หยุดนะ!” เสียงห้ามของเด็กน้อยดังขึ้นราวกับรู้ว่าประโยคต่อไปคืออะไร บีซอฮึดฮัดอยู่ในผ้าห่มอย่างหัวเสีย

        “ไม่ว่าท่านจะว่าเช่นไร ไม่ว่าท่านจะพาใครมาที่นี่แล้วทำกิจอะไรกัน มันไม่เกี่ยวกับข้า เพราะข้าไม่ได้เต็มใจมา และข้าก็จะไม่ทำดังเช่นคนพวกนั้นด้วย! ข้าไม่รู้จักท่าน ข้าไม่ปรารถนาที่จะรู้จักบุรุษที่น่ากลัวเช่นท่าน พาข้ากลับบ้านซะหากท่านไม่อยากมีปัญหากับพ่อของข้า”

        อนธการนิ่งงัน เขาเงียบเพราะคำพูดจากเหยื่อ ใช่สินะ เขาลืมไปได้อย่างไรว่าเด็กคนนี้คือเหยื่อเหมือนรายอื่นๆ เขาไม่จำเป็นต้องถนอมน้ำใจ แค่จัดการตามที่เคยทำเท่านั้นเอง

        เขาคงลืมบอกไป ว่าหลังจากเสร็จกิจแล้วต่างคนต่างกลับถิ่นเดิมของตน แต่ไม่ใช่ในสภาพที่ยังมีลมหายใจ เหลือเพียงร่างกายที่มีหนังหุ้มกระดูกเท่านั้นที่บ่งบอกว่ายังเคยมีตัวตนอยู่ มีเพียงวิญญาณที่ล่องลอยกลับไปสู่ถิ่นเกิด



        แล้วมันจะเป็นไรไป หากเด็กตรงหน้าจะเป็นรายต่อไปที่เขาจะเขมือบให้หมดทั้งตัว







สวัสดีค่ะ พาตอนใหม่มาเสริฟแล้วนะคะ อาจจะดูสั้นไปหน่อยเนาะ อิอิ
กลัวคนอ่านรอนานก็เลยรีบปั่นแล้วเอามาลงอาจจะมีข้อผิดพลาดบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะ
พระเอกของตอนนี้เป็นค้างคาวตัวใหญ่ที่กินเลือดเป็นอาหาร ตอนหน้าเรามาดูกันว่าบีซอจะโดนจัดการหรือเปล่ากันนะคะ


ปล.ตอนนี้คนเขียนเปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว (เรื่องเก่ายังไม่จบ) นักอ่านหลายท่านในนี้ก็ตามไปอ่านเรื่องนั้นด้วย ขอบคุณมากนะคะ
มีอะไรเสนอแนะหรือต้องการสะกิดเตือนนักเขียนก็เม้นบอกกันอย่างเต็มที่เลยเราจะได้ปรับปรุงงานเขียนของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นนะคะ

ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน เจอกันตอนหน้าจ้า

ปลล. ฝากเรื่องใหม่จ้า♥จองรัก...เมียจำเป็น♥ (Mpreg) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48649.0)
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-09-2015 13:12:22
 :z3:  ค้างง่า เด็กน้อยจะถูกกินแล้วใช่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 09-09-2015 14:00:40
 :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 09-09-2015 14:04:50
โถ่ บีซ๊อออออ ทูลหัวของนม (สถาปนาตัวเองเป็นแม่นมเรียบร้อย) ขอให้อยู่รอดปลอดภัยเถิดเจ้าพระคุณเอ๊ยยยยยยย  :m2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 09-09-2015 14:38:10
บีซอจะรอดไหมหล่ะเนี่ยเดินตามรอยพี่หมี่ซอหล่ะ 555+
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: Maw ที่ 09-09-2015 16:14:16
หมี่ซอหรืออนธการ ใครจะโดนจัดการกันแน่ อิอิ  :laugh:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 09-09-2015 19:50:29
ค้างงงง รอๆ มาต่อเร็วๆน้าาา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 09-09-2015 19:55:36
 :ling3: จะใจดำกันได้ลงเหร๊อออ น้องเเขาน่ารักขนาดนั้นนะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 09-09-2015 21:01:01
ว้าวววววววววววววว
บีซอจะมีคู่แล้ววววว
ป้าลุ้นให้หนูโดนกินไวไวนะบีซอ~~~  :haun4:
แต่ก่อนโดนกิน ให้พ่อหนูมาอาละวาดปราสาทค้างคาวก็ดีนะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-09-2015 21:34:15
แอบขำตอน เจ้ารัตติกาลล่อนลงอย่างสวัวดิภาพ อิอิ
อยากให้บีซอรอดจังเลยไม่อยากให้หักหาญน้ำใจเลย แถมถ้าที่ผ่านมาคู่นอนทุกคนตายหมด แอบกลัวนิดๆๆ
รอออออ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 10-09-2015 08:02:47
อนธการจะใจร้ายกับน้องบีซอได้ลงคอเลยเชียวเร้ออ.. :-[
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-09-2015 12:35:56
บีซอน่ารักกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 10-09-2015 13:02:43
น้องบีซอยังเด็กอยู่เลยนะ
ทำได้ลงเชียวหรอ  :impress2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-09-2015 18:01:48
มารอหนูน้อยบีซอโดนจ้าวค้างคาวเขมือบลงท้อง :z1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-09-2015 19:04:56
คู่ใหม่~ ติดตามๆๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-09-2015 22:42:19
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก มันค้างงงงงงงงงงงงงง
มาอัพต่อเร็วๆนะคะ ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :m31:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-09-2015 00:04:28
บีซอจะรอดมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 11-09-2015 08:25:03
รอ nc
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 12-09-2015 15:14:39
อ้าวเจ้าค้างคาวผีนี่วอนซะแล้ว
เดียวให้ท่านเจ้าป่ามากระทืบไส้แตกเลยหนิ!! :z6:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: Dreameekitanai ที่ 12-09-2015 18:14:26
 :o8: :o8: มาปูเสื่อ รอด้วยคนนะครับ  o13 o13
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-09-2015 18:41:02
อีตานี่น่ากลัวอ่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: white_destiny ที่ 15-09-2015 00:44:37
เขมือบเด็ก
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 15-09-2015 23:23:31
ทำเป็นเข้ม... อีกเดี๋ยวก็ละลาย หึหึหึ  :laugh:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 16-09-2015 11:00:12
บีซอออออ หนูโนกินได้ได้ แต่ห้ามตายนะ 5555555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: Cockroach ที่ 17-09-2015 00:18:31
อย่าทำร้ายเด็กเซ่!
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 21-09-2015 14:42:23
ค้าง  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 09/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 21-09-2015 15:00:17
บ้านนี้จะต้องไปเป็นแม่พันธุ์หมดเลยใช่ไหม?
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 29/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 29-09-2015 13:20:30
สวัสดีคนอ่านทุกท่านนะคะ คนเขียนเองจ้า วันนี้เพิ่งได้เข้าเล้าหลังจากที่หายหน้าไปหลายวันมากๆๆๆ ต้องขอโทษที่ทำให้รอนะคะ ตอนนี้ปัญหาส่วนตัวเรียบร้อยขึ้นแล้ว ตัวเล็กก็หายดีแล้ว เป็นคนเขียนที่อู้ไปหลายวันเลย อิอิ จะรีบปั่นแล้วรีบมาลงให้อ่านกันนะคะ ไม่รู้ลืมเรากันหรือยัง อย่าเพิ่งทิ้งกันนะคะ นิยายที่เราแต่งทุกเรื่องจะพยายามปั่นแล้วลงให้อ่านกัน อาจจะช้าบ้าง ต้องขออภัยจริงๆค่ะ ขอบคุณทุกการติดตามจ้า ยังไงก็อ่านเรื่องPLEASE ♥ ขอรักได้ไหมครับ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49050.msg3189875#msg3189875) รอเราไปก่อนนะคะ ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวอีกแล้วจ้า) 29/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 29-09-2015 15:21:32
ยังรออยู่จ้า ไม่ต้องรีบหรอก ทำธุระเสร็จค่อยต่อก็ได้ เป็นกำลังใจให้น้า  :3123:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวอีกแล้วจ้า) 29/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: dezpost ที่ 29-09-2015 15:35:33
ติดตามชม.... :mew1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวอีกแล้วจ้า) 29/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 29-09-2015 15:37:42
รอค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวอีกแล้วจ้า) 29/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 29-09-2015 15:43:36
รอจ้า~~ :กอด1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวอีกแล้วจ้า) 29/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-09-2015 18:52:50
ปูเสื่อรอจ้าาาาาาาา//ซดชา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวอีกแล้วจ้า) 29/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-09-2015 21:34:31
รอได้จร้า ^^
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวอีกแล้วจ้า) 29/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: yinggannie ที่ 30-09-2015 07:14:10
 :mew1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวอีกแล้วจ้า) 29/09/58
เริ่มหัวข้อโดย: capsulewawa ที่ 30-09-2015 08:54:50
 :-[
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 01-10-2015 17:26:33
เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ { ตอนเล่ห์รักจ้าวรัตติกาล: 2}



        “เจ้าอยากกลับไปหาพ่อแม่และพี่น้องของเจ้าหรือไม่” เสียงที่เอ่ยถามนั้นเรียบเรื่อย ดวงตาสีแดงเพลิงมิได้ปรากฏร่องรอยของอารมณ์ใดๆที่อ่านได้ มีเพียงความว่างเปล่าราวกลับเจ้าของดวงตาคมกล้ากำลังดิ่งลึกลงสู่ห้วงอากาศที่มองไม่เห็น แต่บีซอกลับสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่เริ่มกระจายไปทั่วสรรพางค์ของตน

        เด็กชายห่อไหล่ แต่ก็ไม่ได้หลบสายตาที่ทอดมองมา เขาทั้งกลัวทั้งหวาดระแวงในท่าทีที่เรียบนิ่งสงบนั่น อยากจะลุกออกไปจากตรงนี้ใจแทบขาด แต่ติดว่าคนตัวโตกักขังอิสรภาพของเขาไว้

        “ข้าอยากกลับไปหาพวกเขา” บีซอบอกเสียงสั่น

        “เพราะข้าไม่เคยไปที่ใดโดยไม่มีพี่น้องและพ่อแม่ของข้า...ท่านคงเข้าใจว่ามันรู้สึกหวาดกลัวและมันรู้สึกแย่แค่ไหนที่ต้องมาอยู่กับคนที่ไม่รู้จัก...แถมยังคิดไม่ดีกับข้าอีก” คำหลังเด็กชายพึมพำกับตนเองเบาๆ แต่อนธการกลับได้ยินชัดเจน

        จ้าวรัตติกาลยิ้มอ่อนให้เด็กน้อย ไม่ได้ถือโทษกับคำกล่าวนั่น มือหนาดึงผ้าที่ปกคลุมใบหน้าอ่อนเยาว์ที่หวานสะดุดตานั่นออก เผยผิวนวลปลั่ง สองแก้มอมเลือดฝาด เขาอดที่จะใช้มือไล้ลงบนแก้มขาวนั้นไม่ได้ เหตุใดเขาถึงได้ถูกใจเด็กคนนี้มากนัก ตาใสแจ๋วที่มองมานั้นไร้เดียงสา อดเสียดายไม่ได้หากเขาต้องลงมือกินเด็กคนนี้จริงๆ

        “เจ้ากลัวข้าหรือไม่” ทั้งที่รู้คำตอบได้ดีจากท่าท่างของเด็กชาย แต่เขาก็อยากจะถามเพราะอยากยืดเวลาการกินเหยื่อตรงหน้าออกไปอีก

        ยอมรับว่าเขาลังเลเป็นครั้งแรกในชีวิตการเป็นอมตะเลยก็ว่าได้ มันเหมือนมีเส้นบางๆของความรู้สึกดีขั้นกลางอยู่ระหว่างการตัดสินใจทำเรื่องที่เป็นปกติของเขา แต่คงไม่ปกติของเด็กคนนี้และอาจจะเป็นใครอื่นที่เขาไม่รู้จัก

        การดื่มโลหิตทำให้อนธการมีพละกำลังมหาศาล การร่วมรักทำให้ชีวิตของเขาดูสุขสมขึ้น การจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นย่อมได้ แต่เขามักทำทั้งสองอย่าง

        “ถึงแม้ข้าจะมีเลือดของเทพและปีศาจปนกันอยู่ แต่ข้าก็คือมนุษย์ธรรมดาที่รู้จักรักตัวกลัวตายไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ใดหรอก หากท่านยังมีความเมตตาหลงเหลืออยู่บ้างได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ” บีซอรู้สึกอ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน เขายังไม่อยากตายตอนนี้ ทั้งที่ยังไม่ได้ล่ำลาครอบครัวด้วยซ้ำ

        “ข้าดูโหดร้าย น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”

        บีซอไม่ตอบ มีเพียงแวตาสั่นระริกเท่านั้นที่ทอดมองมาอย่างน่าสงสาร

        “หึ ข้าไม่เคยต้องมาพูดพร่ำทำเพลงกับอาหารของข้าแม้สักรายเดียว...เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นคนแรกที่ข้าอยากปล่อยไป” แววตาของอนธการดูจริงจังในคำพูดจนคนฟังใจชื้นขึ้นมา

        “หมายความว่าท่านจะปล่อยข้าไป”

        “ข้าไม่เคยปล่อยใครไป”

        คำกล่าวนั้นราวกับดับสิ้นความหวังที่มีเพียงริบหรี่ บีซอมุ่นคิ้ว เม้มปากเน้น แล้วเอ่ยถาม

        “ไหนท่านบอกว่าจะปล่อยข้าไปไงล่ะ”

        อนธการส่ายหัว ไล้นิ้วไปที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มนั้นอย่างเผลอไผล

        “ข้าบอกว่า”อยาก”ปล่อยเจ้าไปต่างหากล่ะเด็กน้อย”

        ปึก!

        บีซอทุบอกอีกฝ่ายด้วยความโมโหอย่างลืมตัว พอนึกได้ว่าไม่ควรทำให้อีกฝ่ายโกรธก็ทำเป็นนิ่งแล้วหันหน้าไปทางอื่นอย่างสะกดความไม่พอใจที่มีต่อผู้ชายตัวใหญ่คนนี้

        “ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า หากเจ้ายอมเป็นของข้า” อนธการคิดว่าไหนๆเขาก็ถูกใจเด็กคนนี้แล้ว จะกินให้ตายก็เสียดาย สู้เก็บไว้”ใช้งาน”ยาม”ต้องการ”คงดีกว่าเป็นไหนๆ

        บีซอหันขวับมาทันที เมื่อเข้าใจความหมายนั้นดี ทำไมเขาจะต้องมาเจริญรอยตามพี่หมี่ซอด้วยนะ รายนั้นน่ะเป็นฝ่ายเรียกร้องที่จะไปอยู่กับอรุณเอง แต่กับเขานี่มันคือการบังคับฝืนใจชัดๆ เขายังเด็กแต่ก็พอรู้ว่าการ”ยอม”เป็นของอีกฝ่ายน่ะมันคืออะไร

        เด็กชายส่ายหัวปฏิเสธ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความสงสารในชะตากรรมของตัวเอง

        “ข้าไม่อยากเป็นของท่าน”

        “แต่เจ้าต้องเป็น...ข้าสัญญาว่าจะพาเจ้ากลับไปหาครอบครัว ตกลงไหม?”

        ขอกันง่ายๆ ลักพาตัวเขามาง่ายๆ ผู้ชายคนนี้เห็นว่าเรื่องที่ขอแกมบังคับเขามันใช่เรื่องง่ายมากนักหรือไง ไม่ลองมาเป็นฝ่ายที่ไร้หนทางตอบโต้แบบเขาบ้างล่ะ จะได้รู้ซึ้งว่าการโดนข่มขู่นั้นมันรู้สึกเช่นไรบ้าง

        “ข้าอยากกลับบ้าน...แล้วข้าก็ยังไม่ถึงวัยที่จะทำเรื่องอย่างว่านั่นด้วย”

        อนธการพรั่งพรูลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาไม่เคยต้องวอนขอหรือเกลี้ยกล่อมใครก่อนมีอะไรกันด้วยซ้ำ เด็กน้อยคนนี้ช่างไม่ยอมแพ้เสียจริง ต้องทำอย่างไรถึงจะว่านอนสอนง่ายกันนะ หรือว่าต้องใช้กำลังถึงจะยอมเป็นของเขาแต่โดยดี

        จ้าวรัตติกาลถอนใจกับความคิดนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อพูดไปตั้งนานสองนานแล้วก็ยังไม่ยอมอยู่ดี เห็นทีว่าเขาคงต้องเข้าสู่โหมดปีศาจอย่างเต็มรูปแบบเสียแล้วล่ะมั้ง

        “ข้าจะไม่พาเจ้ากลับไปที่ใดทั้งสิ้น...จนกว่าเจ้าจะยอมทอดกายให้กับข้า”

        “ท่านช่างไร้ยางอายนัก ข้าบอกว่าไม่! ก็คือไม่!”

        หมดสิ้นแล้วกับความอดทน มีเพียงสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเท่านั้นที่ร้องบอกให้บีซอต้องต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตของตัวเองไว้

        เด็กชายพยายามถีบเตะอีกฝ่ายด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่เพราะเขายังอยู่ในผ้าห่มผืนโตที่พันกายอยู่ ทำให้การต่อสู้เพื่อหวังให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บจากฝีมือของตนเป็นอันต้องล้มเหลวไป เมื่ออนธการมองเห็นเขาเป็นแค่ดักแด้ที่ดิ้นดุ้กดิ้กอยู่ในกองผ้าเท่านั้น

        “เจ้าเหนื่อยหรือยัง”

        คำตอบของเด็กน้อยคือแววตาที่ปั้นดุและเสียงหอบหายใจหนักๆอย่างเหน็ดเหนื่อยกับการออกแรงที่ไร้ประโยชน์ของตนเอง

        เด็กชายนิ่งไป เมื่อใบหน้าคมระบายยิ้มล่อลวง นัยต์ตาสีแดงเพลิงร่ายมนตร์สะกดเมื่อบีซอสบตาตรงๆกับเขา ท่าทีที่ดูอ่อนลง แววตาที่กำลังเลื่อนลอยของเด็กชายบ่งบอกให้จ้าวรัตติกาลรับรู้ว่าตอนนี้เด็กพยศกำลังโดนเขาครอบงำเสียแล้ว

        อะไรมันคงจะง่ายขึ้น ถ้าเด็กน้อยไม่ได้ต่อต้านเขา แต่นี่กลับไม่ให้ความร่วมมือใดๆทั้งสิ้น เขาจึงต้องใช้มนตร์สะกดอีกฝ่ายไว้ จะได้ไม่ต้องใช้กำลังบังคับกัน ให้เด็กน้อยเป็นฝ่ายยินยอมเขาเสียเองจะได้ไม่หาว่าเขาเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก

        “เจ้าจะยอมเป็นของข้าใช่ไหม” เสียงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เอ่ยถาม

        บีซอพยักหน้า เมื่อความปรารถนาแปลกๆได้จุดกำเนิดขึ้นภายในจิตใจ เด็กชายยิ้มหวาน ส่งสายตาหวานเชื่อมให้กับอนธการอย่างยั่วยวนโดยไม่เคยทำมาก่อนเลยสักครั้งในชีวิต

        ผ้าห่มถูกดึงออกไปด้วยมือหนาของจ้าวรัตติกาล เบื้องล่างคือเนื้อตัวอันเปลือยเปล่าของเด็กน้อยที่เขาถูกใจ ผิวขาวอันนวลเนียนนั้นส่องประกายจนตาของอนธการพร่าพรายไปด้วยความปรารถนาอันดิบเถื่อน

        มือหนาลูบไล้เนื้อนวลอย่างบางเบาจนคนที่โดนสัมผัสนั้นขนลุกซู่ด้วยความเสียวซ่าน ผิวขาวของเด็กน้อยบัดนี้ปรากฏเป็นสีเรื่อทั่วทั้งกายเล็ก ความร้อนในร่างกายกำลังเดือดพล่านเพราะความต้องการ บีซอหลับตาลงเมื่ออนธการบรรจงจูบไซ้ที่ต้นคอขาวผ่องของตนเองอย่างเชื่องช้า

        สัมผัสอ่อนโยนที่ค่อยๆจูบลงบนผิวนั้นนุ่มนวลจนเด็กชายเคลิบเคลิ้ม มือบางยกขึ้นกอดเรือนกายหนา ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังแกร่ง แอ่นอกขึ้นเมื่ออนธการแนบปากลงบนเม็ดองุ่นสีแดงเรื่อ ลิ้นสากลากไล้ลงบนนั้นจนเด็กน้อยผวาเฮือก

        อนธการเงยหน้าขึ้นจากหน้าอกเด็กน้อย แล้วก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มนั้นอย่างเอาใจ ดูดดึงริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายแล้วชอนไชลิ้นของตนเข้าไปในปากของคนตัวเล็ก เสียงเครือครางดังออกมาอย่างสมใจเมื่อบีซอให้ความร่วมมือแทบทุกอย่าง จ้าวรัตติกาลหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆที่ตอบโต้มาอย่างถึงพริกถึงขิง

        อากาศยามใกล้รุ่งที่เย็นสบายเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้นเมื่อคนในห้องเริ่มกอดรัดกันกันแนบแน่นเพราะความต้องการที่ถูกจุดขึ้นจนแทบมอดไหม้ อนธการคอยลูบไล้ไปที่เนื้อตัวของบีซอเพื่อเร่งเร้าให้พร้อมสำหรับเขา

        “อืม” เสียงเล็กๆครางออกมาเป็นระยะเมื่อจูบที่อ่อนโยนเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ อนธการผละริมฝีปากออก มองบีซอที่ปากแดงก่ำด้วยความพอใจ มือหนาแยกขาขาวของเด็กน้อยออกกว้าง ไล้ปลายนิ้วตามขาจนมาสุดที่ปากทางสีสด แล้วกดปลายนิ้วลงไปอย่างช้าๆ

        “อื้อ ข้าเจ็บ” บีซอร้องออกมาเพราะความเจ็บ ผวาจับมือของอีกฝ่ายไว้อย่างตกใจ

        เมื่อเห็นท่าทางราวกับฝันเสียของเด็กน้อยทำให้อนธการต้องยกมือขึ้นไปลูบแก้มใสๆนั้นอย่างปลอบโยน กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นชวนหลงใหล

        “เจ็บเพียงแค่ครู่เดียว เดี๋ยวก็หายแล้ว เจ้าอย่าได้กลัวเลย”

        บีซอลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยมือของตนเองออก ให้อนธการกดนิ้วเข้ามาจนสุด แล้วหมุนควงไปทั่วทั้งช่องทางอันคับแน่นของตน แรงบีบและตอดรัดที่นิ้วนั้นทำให้จ้าวรัตติกาลแทบคลั่ง เขาอยากฝังกายลงบนร่องเนื้ออันนุ่มนิ่มนี้เสียแล้ว

        และเพียงแค่พริบตาเดียว อาวุธประจำกายของอนธการก็จ่อที่ปากทางสีสดเมื่อเขาได้ถอนนิ้วอกมาเรียบร้อยแล้ว เขาค่อยๆกดก้อนเนื้อที่แข็งจนเห็นเอ็นนั้นเข้าอย่างยากลำบาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อแก่นกายของเขานั้นมันใหญ่กว่าปากทางเข้าสีหวานของเด็กชาย

        “โอ้ย! ข้าเจ็บ เอาออกไปนะ!” เข้าได้เพียงแค่ส่วนหัวเด็กชายก็ร้องโวยวายเสียงดังอย่างเจ็บปวด ดวงตาคู่งามเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา สองมือบางทุบตีอกจ้าวรัตติกาลอย่างต้องการระบายความเจ็บปวด แววตาที่มองมานั้นตัดพ้อปะปนกับความโกรธ

        โกรธ?

        ไม่น่าจะใช่นะ อนธการคิด

        เขาร่ายมนตร์ใส่เด็กชายไปแล้วไม่น่าจะมีอารมณ์อื่นใดนอกจากความต้องการทางเพศรส หรือว่า...

        จ้าวรัตติกาลพูดไม่ออก มนตร์สะกดของเขาไม่เคยคลายได้ด้วยตนเองหากเขาไม่ถอนให้ ชายหนุ่มพยายามยัดก้อนเนื้อของตนเองต่อไป ในเมื่อรู้สึกตัวแล้วก็ดี จะได้ไม่ต้องมากล่าวหาว่าเขารังแกโดยที่ไม่รู้ตัว

        “ทะ ท่านหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”

        “ข้าหยุดไม่ได้แล้ว” เสียงแหบพร่าเอ่ยตอบทันที

        บีซอกระถดกายถอยหนี อนธการก็ตามติด เด็กชายทุบอกแกร่งอีกฝ่ายเป็นพัลวัน ทั้งเจ็บกายและเจ็บใจยิ่งนัก เขาจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองถึงได้ยอมอีกฝ่ายง่ายดายนัก สิ่งที่อมนุษย์กำลังยัดเข้ามาในกายของเขามันช่างสร้างความเจ็บปวดราวกับร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงเสียให้ได้

        “ฮือๆๆ ข้าเจ็บ ท่านจะฆ่าข้าให้ตายใช่ไหม” เสียงก่นด่าและน้ำตาที่ไหลพราก ทำให้คนเห็นอดสงสารไม่ได้ ริมฝีปากหนาก้มจูบซับน้ำตาให้อย่างปลอบประโลม สัมผัสที่อ่อนโยนนั้นทำเอาคนที่กำลังร้องหายเงียบไป

        บีซอรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ กับสัมผัสเพียงแผ่วเบานั่น ดวงตากลมจ้องสบตาคนตัวโตที่ก็มองตาเขาเช่นกันอย่างเผยความรู้สึกภายในใจอย่างหมดเปลือกว่า...

        ต้องการ!

        บีซอแทบอยากบีบคออีกฝ่ายเมื่ออ่านความหมายจากตาสีแดงเพลิงนั้นได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน

        แล้วบีซอก็แทบร้องไห้อีกรอบ เมื่อสิ่งที่คาช่องทางปวดหนึบของเขาแทงพรวดเข้ามาทีเดียวจนมิดด้าม

        “โอ้ย!”

        “ชู่ว์ ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ข้าจะค่อยๆทำ”

        “ไม่เป็นกับผีน่ะสิ ท่านช่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัวยิ่งนัก เอาของๆท่านออกไปเลยนะ ไม่งั้นข้า...ข้า...” บีซอพยายามนึกถึงสิ่งที่จะเอามาใช้ต่อรองกับอีกฝ่ายให้ปล่อยเขาให้เป็นอิสระ แต่พอนึกๆดูแล้วมองเหตุการณ์ ณ ปัจจุบัน เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบชัดๆ

        “ข้าเอาออกไม่ได้ เพราะตัวเจ้ากลืนของๆข้าไปเสียแล้ว” อนธการว่าด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เขาเริ่มขยับตัวเบาๆ เมื่อไม่เห็นท่าทีขัดขืนของบีซอแล้ว

        “ทะ ท่าน อื้อ! อย่าขยับสิ ข้าเจ็บ”

         "ข้าจะขยับช้าๆนะ” เขาต่อรอง พร้อมกับจ้วงแทงเบาๆ

        “อ๊ะ  ทะ ท่าน อ๊ะ” บีซอพูดไม่เป็นคำ เมื่อจ้าวรัตติกาลขยับโยกกาย แท่งร้อนที่อยู่ภายในตัวของเด็กชายนั้นคับแน่นจนอนธการต้องสะกดกลั้นความต้องการตนเองไม่ให้ใจร้อนจนเกินไป เพราะแม้ในความมืดแต่เขาก็มองเห็นว่ามีโลหิตซึมออกมาจากช่องทางอันน้อยนั่น ทั้งทีเขาเบามือแล้วเชียว

        “อ๊ะ”

        "อืม” จ้าวรัตติกาลครางอย่างเข้าใจกับเสียงครางนั่น เขายิ้มเมื่อรู้ว่าตนได้แตะโดนจุดสำคัญของเด็กน้อยเข้าแล้ว จังหวะสอดใส่ต่อมาเขาจึงเน้นที่จุดยุทธศาสตร์ของบีซออย่างเอาใจ มือหนายกขาของเด็กน้อยพาดบ่าแล้วจ้วงแทงเข้าไปจนสุดทางรักนั่น

        แรงกระทุ้งถี่รัวที่อัดเข้ามาในตัวของบีซอช่างสร้างความรัญจวนให้กับเด็กน้อยยิ่งนัก เสียงเครือครางหวานๆดังออกมาจากคนตัวเล็กไม่ขาดปาก เสียงกล้ามเนื้อกระทบกันดังป้าบๆดังกระจายทั่วทั้งห้องนอนใหญ่

        เมื่อความสุขมันมาสู่จุดสูงสุด บีซอก็ปลดปล่อยออกมาเป็นคนแรก หอบหายใจหนัก ปล่อยมือลงข้างตัว มองคนที่ยังโยกกายอยู่บนตัวเขาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ตอนนี้เขาเหนื่อยจนแทบหลับได้เลย

        อนธการยิ้มอย่างพอใจที่เขาทำให้เด็กน้อยเสร็จไปก่อนล่วงหน้าได้ จังหวะการจ้วงต่อมาเขาจึงใส่ไม่ยั้ง แก่นกายที่แข็งนั้นผลุบเข้าผลุบออกตามจังหวะการสอดใส่ของผู้ควบคุม และเพียงไม่นานอนธการก็ปล่อยน้ำรักสีขาวขุ่นใส่ช่องทางสีสดนั้นจนหมดทุกหยด

        ร่างสูงจับขาเด็กน้อยลงวางบนพื้นเตียง จับบีซอนอนตะแคงข้างแล้วล้มตัวลงไปนอนกอดบีซอไว้ทั้งที่แก่นกายยังเชื่อมติดกันอยู่

        “เอาออกไป” เสียงเล็กออกคำสั่ง ตอนนี้บีซอแทบจะแทรกแผ่นดินหนี เพราะรู้ว่าเขาได้ทำเรื่องน่าขายหน้าเอาไว้ แค่นึกถึงสิ่งที่ร่วมทำกับอีกฝ่ายก็อายจะแย่แล้ว ไหนจะเสียงครางของเขาที่ดังอยู่คนเดียวนั่นอีกล่ะ

        น่าอายชะมัด!

        “เอาออกไม่ได้ มันติด” เสียงเรื่อยๆของคนข้างหลังเรียกรอยบึ้งตึงให้ปรากฏบนใบหน้าเยาว์

        “เอาออกไป” เด็กน้อยสั่งซ้ำอย่างไม่รามือ

        ร่างสูงถอนหายใจแล้วหลับตาลง

        “เช้าก่อน ข้าถึงจะเอาออกให้”

        “เอาออกตอนนี้เลย ข้าอึดอัด” บีซอเริ่มดิ้น สะบัดบั้นท้ายหวังให้เจ้าสิ่งที่อยู่ในตัวเขาหลุดออก

        อนธการกัดฟันกรอด เค้นเสียงดุ

        “หากเจ้ายังดื้อและดิ้นอยู่เช่นนี้ข้าจะทำอีกรอบ”

        บีซอจึงหยุดทุกการกระทำในบัดดล ได้แต่นึกด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจอย่างโกรธๆที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย

        ฮึดฮัดได้ไม่นาน บีซอก็เริ่มง่วง เด็กชายตาปรือพยายามลืมตาทั้งที่มันกำลังจะปิด แสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาทำให้รู้ว่าเช้าแล้ว และเขาควรจะกลับบ้านได้แล้ว แต่ไอ้ความง่วงมันช่างมากเหลือเกิน ไม่นานบีซอก็หลับสู่นิทรา

        มุมปากหนายกยิ้มเมื่อเด็กน้อยหลับ แขนแกร่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นนิดนึง ตัวเล็กแค่นี้แต่ทำไมทำให้เขารู้สึกอบอุ่นได้ถึงเพียงนี้นะ อนธการชักชอบร่างน้อยๆ อุ่นๆ ที่ชีพจรกำลังเต้นตุบๆของการมีชีวตนี้เสียแล้วน่ะสิ

        กอดคนที่ร่วมรักกันมันรู้สึกดีจริงๆ

        บีซอนอนหน้าบึ้ง มองแขนสีขาวซีดของคนที่กอดเขาอยู่อย่างนึกหมั่นไส้ แล้วไอ้อะไรใหญ่ๆที่ยังคาอยู่ในตัวของเขานั่นอีกมันสร้างความอึดอัดและเสียวๆอย่างบอกไม่ถูก ไหนบอกว่าจะเอาออกให้ แล้วเหตุใดมันถึงยังอยู่กับเขาล่ะ เด็กชายกัดปากอย่างข่มความไม่พอใจที่เริ่มปะทุขึ้นเรื่อยๆ จิกเล็บลงบนท่อนแขนนั่นเพื่อปลุกคนชอบเวลากลางคืนให้ตื่น

        “อืม” อนธการครางเบา เผยอเปลือกตาขึ้น เมื่อเห็นผมดำๆของคนที่เขากอดอยู่ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี

        “ตื่นสักทีสิ ข้าจะกลับบ้านแล้ว และก็เอาของๆท่านออกไปด้วย” คำสั่งของคนตัวเล็กทำให้จ้าวรัตติกาลหัวเราะเบาๆ แทนที่จะเก็บอาวุธ แต่กลับขยับเบาๆ เป็นผลให้ร่างเล็กร้องแหวออกมาอย่างตกใจ

        “เอ๊ะ ท่านหยุดเลยนะ หยุด! อย่าขยับนะ อ๊ะ ข้าบอกให้หยุดไงเล่า” บีซอชักจะเริ่มคล้อยตามคนตัวโตจอมเจ้าเล่ห์อีกครั้งแล้ว เด็กชายกระถดสะโพกหนี แต่อนธการกลับดึงเข้ามาแล้วแทงลึกลงไปอีก แก่นกายใหญ่คับพองเต็มพื้นที่ด้านในของเด็กน้อย แรงบีบรัดนั้นทำให้อนธการคำรามออกมาเบาๆอย่างกระสันซ่าน

        “เดี๋ยวข้าพากลับบ้าน” ชายหนุ่มร้องบอก

        “ข้าจะกลับเดี๋ยวนี้” เสียงเล็กพูดเบาจนแทบไม่ได้ยิน

        “อย่าดื้อ” อนธการดุ แล้วเร่งจังหวะ

        “ท่านตัณหากลับหรือไง” บีซออดที่จะด่าไม่ได้

        “หึหึ” เสียงหัวเราะดังออกมาจากร่างสูง ก่อนที่เขาจะพาเด็กน้อยล่องลอยไปสู่ห้วงตัณหาราคะกันอีกหลายรอบ

        แรงลมที่ปะทะใบหน้านวลทำให้คนตัวเล็กที่กลัวความสูงอยู่แล้วกอดคอจ้าวรัตติกาลแน่นขึ้นไปอีก สองตาเพ่งมองพื้นเบื้องล่างที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ รวมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เดินเป็นฝูงหรือเดี่ยวอยู่กระจายทั่วผืนป่าที่เขาแสนจะคุ้นเคย

        บีซอเงยหน้าขึ้นมามอง อมนุษย์ที่อุ้มตนและโบกสะบัดปีกบินไปบนท้องนภาอย่างสังเกต ผู้ชายตัวใหญ่ที่เขาได้ร่วมทำสิ่งที่เรียกว่าเกินงาม แปลงร่างเป็นค้างคาวตัวใหญ่แทบกลืนภาพอนะการในร่างมนุษย์ไปเสียสิ้น มีเพียงตาสีแดงเพลิงเท่านั้นที่ยังพอทำให้เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายคือคนที่ทำให้เขาอยู่ในสภาพนี้

        สภาพเดินไม่ได้!

        พระเจ้า!  เขาไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่แต่เขาอยากวอนขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแค่เพียงความฝันเท่านั้น เขาไม่อยากสูญสิ้นวัยเยาว์ของตนเองลงเพราะต้องคอยปรณนิบัตสามีเช่นเดียวกับท่านแม่และหมี่ซอหรอกนะ

        ไม่รู้ว่ากลับไปจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แล้วปีศาจตนนี้จะเละด้วยน้ำมือของท่านพ่อหรือไม่ แต่ใจก็อยากให้ท่านพ่อจัดการให้หลาบจำซะมั่ง จะได้รู้ว่าเขาน่ะลูกใคร!

        “ข้าอยากให้เจ้าไปอยู่ที่ปราสาทของข้า” ปราสาทที่แสนเงียบและวังเวงนั่นเหรอ ไม่มีทาง! เขาไม่ไปอยู่ด้วยหรอก บีซอได้แต่ก่นร้องอยู่ในใจ

        ความมืดไม่ใช่ปัญหาสำหรับจ้าวรัตติกาลอย่างเขาอยู่แล้ว อนธการโผลงเมื่อเห็นผืนน้ำที่เขาเจอเด็กน้อยเมื่อคืนอยู่เบื้องล่าง เด็กน้อยคงจะตกใจถึงได้กอดคอเขาแน่นขนาดนี้

        เมื่อลงถึงพื้น อนธการก็แปลงร่างเป็นมนุษย์ ปีกสีดำใหญ่หุบเข้ามหากันที่แผ่นหลังและหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาก้มลงหอมแก้มบีซอที่ยังหลับตาปี๋อย่างหลงใหล

        “ถึงบ้านเจ้าแล้ว” เขาบอก

        “เจ้านี่เองที่บังอาจมาลักพาตัวลูกชายของข้าไป”

        ทั้งสองหันไปมองตามเสียงแทบจะทันทีด้วยความรู้สึกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

        บีซอตาเบิกกว้าง มองพี่น้องทุกคน รวมทั้งหมี่ซอที่ยืนอยู่ข้างๆอรุณ ท่านแม่ที่อุ้มน้องชายคนเล็กโดยข้างๆกันมีท่านยายยืนส่งยิ้มให้เขาอย่างให้กำลังใจ และมีท่านพ่อที่ตอนนี้ความเป็นปีศาจอยู่เหนือเทพแล้ว นัยต์ตาสีดำส่อแววทมิฬจนเขารู้สึกผวาด้วยความกลัว กลืนน้ำลายดังอึก เมื่อท่านพ่อเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยฝีเท้าที่ว่องไวปานลมพายุ

        ให้ตายสิ! เขาจะเป็นหม้ายตั้งแต่สามขวบหรือเปล่าเนี่ย



.....................................................................................

สวัสดีคนอ่านทุกท่านค่ะ มาอัพแล้วนะจ๊ะ เพิ่งแต่งเสร็จสดๆร้อนๆเลย มีอะไรผิดพลาดก็บอกกันด้วยน้า ในตอนแรกคนเขียนกะว่าจะให้อนธการใช้กำลังกับบีซอ แต่ว่ามันดูจะเป็น sm ซึ่งมันไม่ใช่แนวของนิยายเรื่องนี้อ่ะเนาะ ออกใสๆ ใช่ป่ะ อิอิ หื่นพอกลุบกลิบก็พอเนาะ ในตอนหน้าเรามาดูกันว่าพ่อตากับลูกเขยเขาจะคลียร์กันยังไงเนาะ
ปล. คนเขียนอยากจะสอบถามคนอ่านนิดนึงว่าคู่ต่อไปเนี่ย อยากให้เด็กๆเขาโตเป็นหนุ่มพร้อมเจริญพันธุ์กันเลยไหมค่ะ เดี๋ยวจะทำโพลในตอนหัวค่ำนะคะ ขอไปทำธุระก่อนน้า
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-10-2015 18:13:35
เด็กโดนงาบแล้ว แถมพ่อตาจะฟัดกับว่าที่ลูกเขยด้วย


อิอิ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 01-10-2015 18:26:09
ท่านพ่อเพลาๆ มือหน่อยนะคะ เพราะน้องบีซอยังไม่อยากเป็นหม้าย :-[
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-10-2015 18:40:38
ก่อนจะลงมือกับลูกเขยสายฟ้าแลบรบกวนดูลูกก่อน
เดี๋ยวเด็กน้อยเป็นหม้าย อิอิ. กลับไปเป็นเด็กไม่ทันแล้วลูกโอ๋ๆ
 :mew1: 
เราขอเสนอให้ลูกบ้านนี้ไปได้เมียบ้างจะดีไหม ไม่งั้นบ้านนี้จะมีแต่เขย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 01-10-2015 19:12:09
ค้างคาวหื่นโดนพ่อตายำเละแน่ๆ หึๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Abella ที่ 01-10-2015 19:50:36
บีซอจ๋า ยอมรับเขาเป็นสามีแล้วเหรอแหม่มีห่วงว่าจะเป็นหม่ายด้วย ไม่เบานะเราน่ะ. ฟินทุกตอนชอบสุดๆ รอติดตามนะ คนเขียนสู้ๆคนอ่านจะรอ :haun4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-10-2015 20:49:49
บีซอโดนจับกินแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ
พ่อตาปะกับลูกเขยแล้ว ก่อนจะทำอะไรสงสารบีซอด้วยน่ะเพิ่งเข้าหอไปคืนเดียวเองอ่ะ อิอิ
งานนี้ต้องเอาคืนหน่อยอย่ายอบีซอให้งานน่ะ เชียร์ๆๆๆ
คู่ต่อไปขอโตพร้อมเจริญพันธ์ จัดหนัก อิอิ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 01-10-2015 22:13:36
 :hao7:
 :hao7:

 :oo1:
 :oo1:
 :haun4:
ไม่รู้จะอธิบายยังไงนอกคำว่า ฟิน น่ารัก หื่น555555
ชอบคะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 01-10-2015 22:30:25
คู่นี้นี่ใสๆมาก  :-[
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-10-2015 00:00:15
สามขวบ!!!! นี่มันอภิมหาโชตะเหรอเนี่ย ฮา
เรื่องอายุตอนมีคู่นี่ยังไงก็ได้ค่ะคนเขียน จะให้โตไปแล้วค่อยมีหรือคละๆกันไปก็ได้ เราว่ามันแล้วแต่พล็อตของคนเขียนแหละ
ว่าแต่แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าลูกๆนี่จะมีแต่หาเขยเข้าบ้านเหรอ บ้านนี้มีแววจะได้สะใภ้กับเขามั้ยน้อ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-10-2015 03:26:27
 :a5:พออ่านจบแล้วรู้ว่าบีซออายุสามขวบ เรานี่หันไปดูหลานด้านข้างทันที o22
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-10-2015 07:55:57
เสร็จเจ้าค้างคาวยักษ์จนได้นะบีซอ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 02-10-2015 08:58:18
อืมหืมมมมมาเต็ม
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Dreameekitanai ที่ 02-10-2015 11:25:58
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Maw ที่ 02-10-2015 13:47:17
ศึกของพ่อตากับว่าที่ลูกเขยจะเป็นไงนะโอ๋บีซออย่ากลัวไปเลย ท่านพ่อคงไม่เอาถึงตายหรอกมั้ง  :hao3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-10-2015 21:04:50
ศึกเดือด!!!!
ค้างคาวหื่น VS พ่อตาโหด
ใครจะชนะกัน???
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 03-10-2015 18:54:29
งานนี้ผมปักธงเชียร์พ่อตาครัช  o13 จัดหนักไปออย่าให้เสีย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-10-2015 22:37:49
โฮะๆๆ มีความสุขได้อ่านเด็กๆโดนงาบ
ตอนหน้ารออ่านคุณพ่อตากับลูกเขยเขาเคลียร์กัน
ส่วนเรื่องต่อไปนั้น จะเป็นโชตะอย่างนี้ หรือจะโตเข้าสู่วัยเจริญพันธ์นั้น เราอยากอ่านพอกัน
ต้าเป็นคู่ใหม่ ขอเเนวโชตะ
เเต่ถ้าเป็นคู่เดิม ขออ่านตอนน้องๆโตค่ะ อยากเห็นพัฒนาการเเละความเป็นไปของน้องๆ ว่าโตเเล้วจะเป็นไงกันมั่ง
เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 04-10-2015 13:03:58
5555 ชอบมากกก
รอค่าาาา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: pakkards ที่ 04-10-2015 23:47:08
จัดหนักเลยคะพ่อตา  o13
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-10-2015 04:16:09
มาดูฤทธิพ่อตามั่ง แต่น่าจะเข้าใจกันนะ เพราะหื่นพอกัน ฮาาา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomine ที่ 05-10-2015 08:04:34
เอาวัยเจริญพันธุ์
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 05-10-2015 08:58:20
โดนค้างคาวจัดหนักเลย บีซอ~~~ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 08-10-2015 11:10:06
สะ....สามขวบ?????!!!  คุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุกคุก :katai4: :ling2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: white_destiny ที่ 08-10-2015 23:06:34
ขอเบิกเลือดสำรอง
 :hao3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 11-10-2015 22:10:30
สนุกมากค่ะ ชอบแนวแฟนตาซีอย่างนี้มั่กๆ~~
อ่านแค่ชื่อเรื่องไม่รู้เลยว่าจะเป็นแนวนี้
ถ้าไม่ได้ลองเปิดเข้ามาอ่าน คงจะพลาดนิยายที่ชอบไปอีกเรื่อง

รอตอนต่อไปนะจ๊ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 12-10-2015 09:02:24
จัดการเลยท่านพ่อ!!!!
บีซอเพิ่งจะสามขวบเอง
พรากผู้เยาว์ชัด!!!!! 55555+
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 13-10-2015 21:26:01
เนื้อเรื่องยังมีต่อได้อีก บีซอจะเป็นหม่ายไหมเนี่ย ลูกเขยกับพ่อตาดูท่าจะมีการนองเลือดซะแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 16-10-2015 23:26:27
ค้างหนักมากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/10/58 P.6 อัพแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 18-10-2015 21:35:02
ค้าง!!!
ลูกเขยปะทะพ่อตากับพี่เขย
บีซอหนูยังไม่เป็นหม้ายหรอกจ้า
มะเหมี่ยวต้องช่วยลูกอยู่แล้ว ใช่ป่าว?
รอๆๆๆๆ ตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 19-10-2015 01:44:47
เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ ตอน ศึกพ่อตาโหด(หื่น)กับลูกเขยปีศาจ


        ดวงตาดำทมิฬฉายแววโหด ร่างกายใหญ่โตผิวสีซีดขาวก้าวย่างด้วยความไวจนไม่อาจจะมองทัน ฝุ่นและใบไม้แห้งปลิวว่อนคลุ้งไปกับอากาศ เทพพิทักป่าคำรามกึกก้องทั่วทั้งผืนไพร จ้องปีศาจที่ขนาดลำตัวใกล้เคียงกันด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด อมฤทธิ์หยุดยืนอยู่ต่อหน้าคนทั้งคู่ด้วยแววตาขึงโกรธ

        “เจ้าปล่อยลูกของข้าซะ ข้ามีเรื่องจะต้องสะสางกับเจ้า...ไอ้ค้างคาวขี้ขโมย!”

        อนธการเลิกคิ้ว มองบุรุษเบื้องหน้าด้วยใบหน้านิ่งเฉย เขารับรู้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดนี้ดี แต่เพราะเขาคงจะเก่งในการเก็บความรู้สึกกระมัง เลยไม่ได้มีท่าทีใดๆแสดงออกมามากนัก เขาไม่ได้ทำตามคำสั่ง เพราะเขาก็เป็นปีศาจเช่นกันจะกลัวเกรงเทพครึ่งปีศาจตนนี้หรือก็ไม่ คนในอ้อมแขนเท่านั้นที่เขาต้องการ

        “เจ้าหูตึงหรืออย่างไร ข้าบอกให้ปล่อยลูกของข้าเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงพิโรจน์จนเด็กๆที่ยืนอออยู่รวมกันถึงกับสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ ด้วยไม่เคยเห็นท่านพ่อโกรธจัดขนาดนี้ ต่างมองตากันเลิกลักอย่างกังวลต่อเหตุการณ์ที่มันอาจจะรุนแรงกว่าที่คิดไว้

        จ้าวรัตติกาลเพียงพ่นลมออกจากปากอย่างเบื่อหน่าย เมื่อคิดว่าตาแก่เบื้องหน้านี้ช่างทำตนเป็นพ่อตาจอมโหด ถ้าไม่เห็นแก่บีซอป่านนี้เขาอาจจัดการหักคออีกฝ่ายให้หายหงุดหงิดใจเสีย ที่กล้าขึ้นเสียงใส่เขา

        “ข้าอยากจะปล่อยเมียของข้าอยู่หรอกนะ แต่เพราะเขายังยืนไม่ได้ ข้าก็เลยต้องอุ้มไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นเมียของข้าอาจจะล้มลงต่อหน้าท่านไปแล้ว” น้ำเสียงเรียบๆกับใบหน้ายียวนที่ลอยไปลอยมานั่นว่ากวนโมโหอยู่แล้ว แต่ไม่เท่ากับคำที่กล่าวอ้างว่าเป็นอะไรกับบีซอ ทำให้คนฟังโกรธจนตาแทบลุกเป็นไฟ

        “เจ้าย่ำยีลูกข้า” อมฤทธิ์ชี้หน้าอนธการอย่างโกรธจัด บีซอที่เงียบกริบมาตลอดได้แต่ซุกหน้าลงบนอกเปลือยของอนธการด้วยความกลัว ท่านพ่อจะฆ่าเขาด้วยอีกคนหรือเปล่านะ เขาไม่เคยเห็นท่านพ่อโกรธหนักขนาดนี้มาก่อน เด็กชายคิดอย่างเกรงกลัว

        “เขาเป็นเมียข้าโดยเต็มใจ ข้ามิได้กระทำตามที่ท่านกล่าวหา” แม้จะถูกตามที่เทพพิทักษ์ป่าได้ว่าไว้ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะย่ำยีโดยอีกฝ่ายไม่เต็มใจเสียหน่อย ยิ่งช่วงก่อนจะมาเด็กน้อยยังร้องครางใต้ร่างเขาอย่างมีความสุขอยู่เลย จะเรียกว่าการย่ำยีนั้นคงจะไม่ถูก อนธการคิดเองเสร็จสรรพ

        “จริงหรือบีซอ เจ้าบอกพ่อมาเดี๋ยวนี้!” บีซอตัวสั่นเมื่อท่านพ่อตวาดเสียงดัง มะเหมี่ยวที่ยืนอุ้มลูกชายคนเล็กที่เขาเพิ่งคลอดเมื่อสองเดือนก่อนเริ่มยืนไม่ติดที่ เมื่อเห็นว่าอมฤทธิ์ชักจะโมโหจนแทบคุมสติตนไม่ได้แล้ว

        “แม่ครับ ผมฝากพุกก้าไว้สักเดี๋ยวนะครับ”

        “จ้าลูก”ขะยิ่นรับพุกก้าน้อยที่ทำแก้มป่องเมื่อท่านแม่ไม่ยอมให้เขาไปด้วยมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กชายหน้างอจนขะยิ่นต้องเอ่ยบอกว่าจะพาไปเที่ยวในเมือง พุกก้าจึงยิ้มแป้นอย่างดีใจ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็อยู่แต่ในป่า ได้ออกไปเที่ยวข้างนอกบ้างก็น่าสนุกดี

        “ท่านยายรับปากข้าแล้วนะ”

        “จ้า ยายรับปาก” ขะยิ่นยิ้ม ดีนะที่มะขิ่นติดเรียนไม่อย่างนั้นคงจะขอตามมาด้วย ลูกสาวหล่อนยังไม่รู้เรื่องเหนือธรรมชาตินี้ ไม่อยากจะนึกเลยว่าหากรู้ขึ้นมาจะเป็นเช่นไร อาจจะช็อคก็ได้ใครจะไปรู้...นางคิดอย่างปลงๆ

        “พ่อถามเจ้าได้ยินไหม! บีซอยังจะเงียบอีกนานไหม!”

        “อมฤทธิ์อย่าตะคอกลูกสิ” มะเหมี่ยวเดินปรี่เข้ามาปราม ถึงจะไม่พอใจในตัวปีศาจตนนั้นมากขนาดไหน เขาก็ไม่อยากให้มันเกิดอะไรร้ายแรงขึ้น เพราะถึงอย่างไรเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว คงจะไปแก้ไขอะไรไม่ได้

       อมฤทธิ์ดูสงบขึ้น อารมณ์ที่อยากฉีกทึ้งปีศาจค้างคาวถูกเก็บไว้ในใจอย่างเงียบๆ เมื่อเมียรักทำท่าเหมือนไม่อยากให้เขาเกรี้ยวกราดมากนัก ชายหนุ่มกัดฟันกรอดอย่างข่มอารมณ์ จ้องลูกชายที่ทำเหมือนกลัวเขานักหนาอย่างไม่เข้าใจ

        “บีซอ” มะเหมี่ยวเรียกลูกรักที่เงยหน้ามองมายังเขาด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ แววตระหนกปรากฏในแววตาใสที่เคลือบไว้ด้วยความอ่อนแรงจนคนเป็นแม่อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

        “ท่านแม่ ข้า ข้า...”

        “มาหาแม่สิลูก หิวหรือเปล่า ได้กินอะไรมาบ้างหรือยัง” น้ำเสียงห่วงใยของมะเหมี่ยวทำให้คนที่ใจคอไม่ดีน้ำตาคลอ ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนอนธการอย่างต้องการจะไปหาท่านแม่ของตน

        “ปล่อยข้า ข้าจะไปหาท่านแม่” เด็กชายงอแงเสียงขึ้นจมูก ไขว่คว้ามือไปหาม่าเหมี่ยว

        จ้าวรัตติกาลหลับตาลงอย่างยอมแพ้ เห็นทีว่าเขาคงต้องยอมลงให้ก่อน มิเช่นนั้นเด็กดื้ออาจจะแผลงฤทธิ์ให้เขาต้องปวดหัวมากกว่าคนเป็นพ่อก็เป็นได้

        อนธการคลายอ้อมแขนปล่อยให้บีซอได้ยืนบนพื้นด้วยตัวเอง แต่เพียงแค่เท้าแตะพื้นได้ไม่เท่าไหร่ บีซอก็ทรุดฮวบลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง

        มะเหมี่ยวรีบก้มลงไปอุ้มลูกชายขึ้นมาแนบอกอย่างตกใจ ใบหน้าซีดเผือดของบีซอยิ้มแหยๆให้

        “ขาของข้ามันสั่นแปลกๆ ข้าพยายามจะยืนแล้วแต่มันไม่มีแรงเลย” เสียงใสแก้ตัวอ่อยๆ มะเหมี่ยวหันไปจ้องตากับอนธการด้วยสายตากล่าวโทษ ความไม่พอใจเด่นชัดในแววตาจนอมฤทธิ์ที่ยืนมองเหตุการณ์ใกล้ๆถึงกับขนลุกซู่เมื่อเห็นเช่นนั้น

        แววตาตอนที่เขาช่วยเกลี้ยกล่อมมะเหมี่ยวยอมให้หมี่ซอไปอยู่กับอรุณ ตอนนั้นเมียรักโกรธเขามากจนไล่ให้ไปนอนนอกถ้ำเป็นเวลาร่วมเดือน มาบัดนี้เขาไม่รู้เลยว่ามะเหมี่ยวจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

        แต่คงไม่ทำเหมือนครานั้นหรอกนะ...เพราะเขาไม่ได้ผิดด้วยเรื่องอันใดเลย

        “คุณรู้ใช่ไหมว่าควรจัดการเรื่องนี้ยังไง” อนธการเลิกคิ้วสงสัย เมื่อชายหนุ่มร่างบางที่บีซอเรียกว่าท่านแม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นกับเขา ชายหนุ่มกอดอกด้วยท่าทางสบายแล้วเอ่ยถาม

        “ท่านอยากให้ข้าจัดการเช่นไรรึ? หากถามใจของข้า ข้าอยากให้บีซอไปอยู่กับข้าที่ปราสาท...ว่าแต่ท่านจะยอมหรือไม่ล่ะ?”

        “ไม่มีทาง! ลูกข้าจะไม่ไปอยู่กับค้างคาวสามหาวเช่นเจ้าเด็ดขาด!” เสียงดุดันดังออกมาจากอมฤทธิ์ทันที เขาอยากบดขยี้กระดูกอีกฝ่ายให้แหลกละเอียดไปกับมือเสียจริง

        “แต่บีซอเป็นเมียของข้า...เมียก็ต้องไปอยู่กับผัวมิใช่รึ? ท่านเทพ”

       
        ยียวนกวนประสาทชะมัด!


        อมฤทธิ์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธจัด

        ขะยิ่นเห็นท่าไม่ดี เพราะนางมองเห็นว่าในไม่ช้านี้จะต้องมีการกระทบกระทั่งกันจนเจ็บตัวแน่ๆ

        “มะเหมี่ยวพาบีซอเข้ามาพักก่อนเถอะลูก...ปล่อยให้พวกเขาเคลียร์กันเองดีกว่านะ” อย่างน้อยควรหาที่หลบก่อน ไม่เช่นนั้นอาจได้รับลูกหลงแน่ๆ

        เมื่อมารดาตะโกนมาเช่นนั้น มะเหมี่ยวก็รีบสาวเท้าเดินตรงไปหาในทันที ใจตอนนี้เจ็บปวดมากนัก ที่เห็นบุตรชายเป็นที่รักดูอ่อนแอจนน่าสงสาร

        เรื่องอย่างว่าควรเกิดขึ้นเมื่อบีซอเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่เกิดขึ้นรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทันเช่นนี้ หัวอกคนเป็นแม่ย่อมปวดใจกว่าลูกเป็นเท่าตัวอยู่แล้ว

        โถ...ลูกของแม่

        “ท่านยาย”บีซอร้องเรียกเมื่อเห็นท่านยายที่นานๆทีจะแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่สักหนหนึ่ง นี่คงเป็นเพราะเรื่องของเขาแน่ๆ ท่านยายถึงได้มาหา

        “มะเหมี่ยวพาบีซอไปพักในถ้ำก่อนเถอะลูก เด็กๆด้วยนะลูก” ทุกคนต่างพากันเดินเข้าถ้ำไปอย่างว่าง่าย แม้ใจของเด็กๆอยากรอดูเหตุการณ์ต่อก็ตาม

        มีเพียงอรุณเท่านั้นที่ยังยืนดูพ่อตากับลูกเขยหมาดๆจ้องตากันแทบถลน เขาเหาะขึ้นไปนั่งบนกิ่งต้นฉำฉา รอดูเหตุการณ์อย่างสนใจ

        “เจ้าบังอาจมายุ่งกับลูกของข้า รู้หรือไม่ว่าจะได้รับบทเรียนเช่นไร” อมฤทธิ์ถามเสียงกร้าว

        “ข้าหาได้เกรงกลัวท่านไม่ หากท่านมิใช่บิดาของบีซอ ข้าไม่ยืนปล่อยให้ท่านว่าข้าเพียงฝ่ายเดียวเป็นแน่”

        “เจ้ามันมิใช่บุรุษ เจ้าข่มเหงลูกของข้า แล้วยังมาพูดจาอวดดีอีก!”

        อนธการทำหน้าเบื่อหน่าย ชายหนุ่มไม่ต้องการให้เรื่องมันเลวร้ายไปมากกว่านี้ เพราะเขายังอยากได้ตัวบีซอไปอยู่ด้วย การคิดต่อกรกับอมฤทธิ์จึงไม่ใช่วิธีที่ดีเลย

        “หากเช่นนั้นท่านจะให้ข้าทำเยี่ยงไร ในเมื่อตอนนี้บีซอเป็นเมียของข้า แล้วข้าก็ปรารถนาลูกของท่านมากเช่นกัน”

        “เจ้าไม่ต้องทำเช่นไรเลย แค่อย่ามายุ่งกับลูกของข้าอีกก็พอ”

        “คงจะเป็นไปไม่ได้” อนธการส่ายหัว

        อมฤทธิ์ที่ไม่พอใจในตัวจ้าวรัตติกาลอยู่แล้วพุ่งตัวเข้าใส่อนธการ ใช้สองมือกำรอบคออีกฝ่ายไว้พูดเสียงดัง
 
        “งั้นเจ้าก็ต้องชนะข้าให้ได้ แล้วข้าจะยกบีซอให้เจ้า”

        “ท่านเป็นพยานนะ” อนธการหันไปถามผู้ชายที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้ อรุณเพียงแค่ยักไหล่แล้วพิงหลังไปที่ลำต้นอย่างสบายอารมณ์ รอดูการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้อย่างใจจดใจจ่อ

        ราวกับมีกระแสไฟฟ้าลั่นเปรี้ยงออกมาจากสายตาของคนทั้งคู่ที่จ้องมองกันอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนที่คลื่นลมจะพัดโบกกระหน่ำอย่างรุนแรง

        อสนีบาตคำรามสะเทือนลั่น      สรรพสัตว์พลันแตกตื่นโกลาหน

        วนาลัยปรวนแปรทั้งภูวดล      ธาราวนหมุนเร็วน่าหวั่นใจ

        สองบุรุษพุ่งตัวเข้าพันตู              แม้นต่อสู้ยิบตาก็หาใช่

        ต่างลองเชิงตั้งรับตอบกลับไป           แรงนั้นไซร้มหาศาลเหลือประมาณ

        จ้าวราตรีโน้มหลบหัตถ์บุรุษเทพ   นฤเทพแปลงกายยืนตระหง่าน

        สยายปีกมหึมานิลกาฬ              ผ่อนลมปราณพุ่งโฉบเทพละลิ่วไกล

        ความเร็วและแรงที่จ้าวรัตติกาลพุ่งใส่อมฤทธิ์นั้น ทำให้เทพครึ่งปีศาจที่ชะล่าใจในตัวของอีกฝ่ายลอยไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่จนโค่นล้มแตกหักกระจัดกระจาย

        อมฤทธิ์นอนหงายโดยด้านบนถูกจ้าวรัตติกาลกดไหล่ทั้งสองข้างของเขาไว้ ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมายังเขาอย่างเหนือกว่า เมื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นก่อนหลังจากที่ลองเชิงกันมาสักพัก

        สายฟ้าแลบแปลบปลาบสะท้อนดวงหน้าซีดขาวของอมฤทธิ์ ที่หรี่มองจ้าวรัตติกาลด้วยความพึงใจปนความไม่พอใจที่ค่อยๆลดลงจนเขาเองยังรู้สึกแปลกใจตนเอง อาจเป็นเพราะเขาเห็นแล้วว่าอีกฝ่ายก็ดูเป็นปีศาจที่เก่งพอตัว

        “ท่านแพ้ข้า ท่านต้องยกบีซอให้ข้าตามที่ได้สัญญาไว้” ใบหน้าค้างคาวที่มีเขี้ยวแหลมคมเอ่ย

        อมฤทธิ์หัวเราะในลำคอ รู้สึกขบขันในท่าทางราวได้ใจนั้นหนักหนา เขายังไม่ได้ “เริ่ม” เลย จะเรียกว่าแพ้ได้อย่างไร

        “เจ้าชนะข้า? หึหึ ข้ายังไม่ได้ลงมือต่อสู้กับเจ้าอย่างจริงๆจังๆ เจ้าก็คิดว่าข้าพ่ายแพ้ให้กับเจ้าแล้วรึ...เจ้ามันอ่อนหัดกว่าที่ข้าคิดไว้เยอะนะ...เจ้าค้างคาวผีดิบ!” หลังจบประโยค อมฤทธิ์ก็โขกศีรษะใส่หน้าผากของจ้าวรัตติกาลจนหน้าหงายแล้วใช้พลังเทพผลักอกของอนธการกระเด็นออกจากร่างเขาอย่างแรง จนจ้าวรัตติกาลลอยเคว้งไปตามอากาศ แผ่นหลังที่ปกคลุมไปด้วยปีกกว้างกระทบกับโขดหินขนาดใหญ่ที่อยู่ริมน้ำอย่างจัง


        ปัก!


        โขดหินแตกเป็นเสี่ยง หลุดกระเด็นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตามแรงอัดที่มหาศาลนั่น จ้าวรัตติกาลพยายามทรงตัวลุกขึ้นอย่างลำบาก ร่างกายได้รับบาดเจ็บหนักรวมถึงปีกสีดำที่มีโลหิตซึมออกมา ริมฝีปากหนาเม้มแน่น นึกเคืองใจที่เทพพิทักษ์ป่าต้องการจะให้เขาถึงขั้นสิ้นชีพแดดิ้นเสียบัดเดี๋ยวนั้นเลย

        เขาไม่ทันคิดว่าอีกฝ่ายที่เป็นถึงเทพครึ่งปีศาจจะมีพละกำลังเหลือล้นมากถึงเพียงนี้ แค่ฝ่ามือสองข้างก็สามารถสร้างความเจ็บปวดแก่เขาได้มากมาย และก็คงเป็นเขาเองที่ประเมินความเก่งกาจของอมฤทธิ์ต่ำไป


        อึก!


        อนธการกระอักเลือด เขาใช้หลังมือเช็ดมันออกจากริมฝีปากอย่างลวกๆ มองอมฤทธิ์ที่ก้าวเดินอย่างเชื่องช้ามาหาเขาด้วยสายตาเตรียมพร้อม ถึงแม้จะรับรู้ว่าอวัยวะภายในกำลังช้ำ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทางอ่อนแอออกไปมากนัก

        ความสะใจปรากฏบนใบหน้าหล่อคมของเทพพิทักษ์ป่า เพียงเท่านี้ไม่ได้ทำให้เขาหายโกรธแค้นอีกฝ่ายได้หรอก ถ้าจะให้ดีเจ้าค้างคาวผีดิบตนนี้ต้องเจ็บปวดมากกว่าบีซอหลายร้อยเท่า ที่บังอาจกระทำย่ำยีบุตรของเขา

        ถึงแม้แม่ยายจะบอกว่ามันเป็นลิขิตที่เบื้องบนกำหนดมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรบีซอก็ต้องตกเป็นเมียของมันไม่วันใดก็วันหนึ่ง เขาก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี เขามีบุตรมากมายก็จริง แต่ใช่ว่าจะอยากให้ไปตกเป็นเมียของปีศาจหรือแม้กระทั่งเทพที่เป็นชายด้วยกันเสียหน่อย เขาก็อยากได้ลูกสะใภ้บ้าง

        “เจ้าอัปราชัยให้แก่ข้าแล้ว ยังอยากจะพูดอะไรต่ออีกไหม หึหึ” อมฤทธิ์ว่าหลังจากที่เดินมายืนประจันหน้าจ้าวรัตติกาล มือหนาข้างซ้ายยกขึ้นตบบ่าผู้พ่ายแพ้เบาๆคล้ายกับให้กำลังใจ ทั้งที่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

        อนธการผลักมือนั้นออก ก้าวถอยหลังสองก้าว เขากลายร่างเป็นมนุษย์ก่อนจะทรุดกายลงบนพื้นที่มีเศษหินอยู่กระจายนั้นอย่างหมดแรง ร่างกายตอนนี้เรียกร้องโลหิตสดๆจากสัตว์หรืออะไรก็ได้ เพราะตั้งแต่เมื่อวานเขาก็ยังไม่ได้มีอะไรลงท้องเลย แล้ววันนี้ยังต้องมาบาดเจ็บหนักอีก คาดว่าหากยังไม่ได้โลหิตสักหยดเขาอาจกลายเป็นแค่อดีตจ้าวรัตติกาลก็เป็นได้

        “เจ้าดูอ่อนแอนะ ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าราชารัตติกาลเช่นเจ้าจะเจ็บหนักได้ขนาดนี้” อมฤทธิ์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่บัดนี้กลับมาเป็นปกติดังเดิม แล้วก้มลงมาพยักพเยิดหน้ากับอีกฝ่ายเหมือนพูดคุยกันเรื่องธรรมดา มิใช่การดูถูกฝีมือของอนธการแต่อย่างใด

        “ข้าก็เป็นแค่ปีศาจตนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เก่งกาจไปกว่าผู้ใด และข้าก็ขอยอมรับว่าท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ข้าบาดเจ็บหนักได้ถึงเพียงนี้...ข้ายอมแพ้ต่อท่านแล้ว” อนธการยอมรับผลแต่โดยดี ในเมื่อไม่สามารถทำให้อมฤทธิ์สยบต่อเขาได้ เขาก็ควรทำตามข้อตกลง ถึงแม้ใจไม่อยากจะยอมรับก็ตาม

        เทพครึ่งปีศาจเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจที่จ้าวรัตติกาลมีท่าทีอ่อนลง แต่เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการจะรับผิดชอบบีซอจริงๆจังๆดังคำประกาศกร้าวที่เคยว่าไว้ ความขุ่นเคืองก็ปรากฏในแววตาอย่างเด่นชัด

        “เจ้าไม่ได้ตั้งใจจะต่อสู้กับข้าเสียตั้งแต่ทีแรกแล้วใช่ไหม?” อมฤทธิ์โน้มลงดึงไหล่อีกฝ่ายขึ้นมาเขย่าอย่างแรงด้วยความโกรธจัด แววตาทมิฬจ้องคาดคั้น

        “ท่านคิดว่าเช่นไรล่ะ?” ยังจะมีหน้ามากวนประสาทเขาอีก

        อนธการถอนใจเบา เมื่ออมฤทธิ์หยุดเขย่าเขา แขนที่เกาะกุมไหล่หลุดออกไปและเจ้าตัวก็ดูนิ่งไป เมื่อเขาถาม

        “เฮ้อ...ใครอยากจะมีปัญหากับพ่อตากันล่ะ ท่านว่าจริงไหม?”

        “เจ้า!” อมฤทธิ์ชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างแค้นใจ เขาโดนไอ้ค้างคาวผีดิบหลอกให้ตายใจงั้นรึ?

        “เจ้าตั้งใจปล่อยให้ข้าได้เปรียบ! เจ้ามันช่าง...” อมฤทธิ์พยายามสรรหาคำด่า แต่ก็ดูเหมือนเขาจะคิดไม่ออก เขาควรจะดีใจไหมกับไอ้ว่าที่ลูกเขยที่อยากเอาใจเขาด้วยการยอมแพ้เสียเอง เพื่อให้เขาเห็นใจแล้วยกบีซอให้

        ฝันไปเถอะ!

        “เจ้ากลับถิ่นของเจ้าไปได้แล้ว และก็ไม่ต้องโผล่มาที่นี่ ลูกของข้าจะได้ไม่ต้องมาแปดเปื้อนเพราะเจ้าอีก!” อมฤทธิ์หุนหันเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างอารมณ์ไม่ดี ปล่อยทิ้งให้จ้าวรัตติกาลนั่งถอนใจอย่างปลงตก เขาไม่คิดว่าพ่อตาจอมโหดจะโกรธจัดขนาดนี้

        ด้วยพละกำลังของเขา ใช่ว่าผู้ใดจะมาทำร้ายได้โดยง่าย หากเขาไม่ยอมอ่อนข้อให้

        “เป็นข้าก็โกรธที่ว่าที่ลูกเขยทำเหมือนดูถูกฝีมือเช่นที่เจ้าทำกับอมฤทธิ์” อรุณเหาะลงมาจากต้นไม้เดินตรงมายังจุดที่จ้าวรัตติกาลยืนอยู่ เม้มริมฝีปากเมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่จืดของอีกฝ่าย แล้วลงความเห็นว่าอนธการช่างทำอะไรที่ไร้สาระเสียจริง เขามองออกตั้งแต่ทีแรกแล้วว่าจ้าวรัตติกาลปล่อยให้อมฤทธิ์ได้เปรียบ

        เพราะมองดูอย่างไรฝีมือของทั้งคู่ก็น่าจะสูสีกัน พละกำลังของเทพและปีศาจนั้นมหาศาลอยู่แล้ว เป็นการยากที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะเพลี่ยงพล้ำเพราะไร้ฝีมือจริงๆ

        “ข้าไม่คิดว่าเทพครึ่งปีศาจตนนั้นจะคิดมากกับเรื่องแค่นี้ ถ้าจะให้ข้าสู้กับเขาแบบเต็มที่ ไม่ข้าก็ท่านเทพตนนั้นได้ตายกันไปข้าง เพราะคงไม่มีใครยอมใคร หากเช่นนั้นบีซอจะยอมรึ? จะยอมไปอยู่กับคนที่ทำร้ายพ่อของตนเองเช่นข้ารึ?”

        อรุณคิดตาม มันก็เป็นเช่นที่อนธการว่ามา เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่ก็ยังพอสัมผัสได้ว่าปีศาจค้างคาวตนนี้ไม่ได้ต้องการชนะอมฤทธิ์

        แค่เพียงบีซอเท่านั้นสินะที่เจ้านี่ต้องการ

        ด้วยความเห็นใจ อรุณอดที่จะเอาตัวเข้ามายุ่งไม่ได้

        “แล้วเจ้าไม่อยากได้ตัวบีซอไปอยู่ด้วยแล้วรึ?”

        “ข้าไม่เคยต้องการผู้ใดมากเท่าบีซอมาก่อน เขาตัวเล็กบอบบางน่าทะนุถนอมจนข้าไม่อาจจะเสียเขาไปให้ผู้ใด...ข้ารู้สึกว่าหากข้างกายของข้ามีเขาอยู่ด้วยมันจะทำให้ชีวิตที่แห้งผากของข้าดูชุ่มชื่นขึ้น”

        ใบหน้าคนพูดดูมีความสุขจนอรุณอดรู้สึกไปกับอนธการไม่ได้ เพราะเขาเข้าใจว่าความเหงานั้นมันโหดร้ายเช่นใดเมื่อไร้คนข้างกายที่คอยพูดคุยหรือเล่าเรื่องราวต่างๆสู่กันฟัง

        ดังเช่นที่เขามีหมี่ซอ เด็กดื้อที่ไม่ว่าอย่างไรก็ดูเป็นคนที่น่ารักที่สุดในสายตาของเขาอยู่ดี

        “เช่นนั้นเจ้าก็จงกลับไปยังถิ่นของเจ้า ไม่เกินสามวันสิ่งที่เจ้าปรารถนาจะไปอยู่ตรงหน้า”

        นี่เขาทำตัวเป็นเทพแห่งความรักไปแล้วหรือ? อรุณขำตนเองที่หาเรื่องยุ่งใส่ตัว


        เอาน่า อย่างน้อยก็เป็นพวกอุดมการณ์เดียวกัน


        ก็เด็กน่ะ เคี้ยวอร่อย นุ่มคอดีนักแล


        เขาการันตี!




ต่อข้างล่างจ้า
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 19-10-2015 02:12:04
        หลังจากเหตุการณ์เมื่อสามวันที่แล้ว อนธการก็กลับมาพักฟื้นฟูร่างกายที่ปราสาทอันเงียบเหงา อืม...คงจะไม่ใช่เช่นนั้นอีกแล้ว เพราะเมื่อเขากลับมาถึงปราสาทในสภาพร่อแร่ ก็มีพวกปีศาจที่เป็นเหมือนกันกับเขาโผล่มาแทบนับจำนวนไม่หวาดไม่ไหวมีทั้งชายและหญิง ทั้งเด็กน้อย ต่างก็เข้ามารุมทึ้ง ถามว่าเขาเป็นเช่นไรบ้าง แล้วไหนล่ะคู่ของเขา

        จากตอนแรกที่โมโหเมื่อเห็นผู้บุกรุกทั้งหลาย แต่พอชายชราที่เขารู้จักเมื่อนานมาแล้วโผล่มาอธิบายให้ฟังว่าปีศาจเหล่านี้คือญาติๆของเขาที่กระจัดกระจายไปตามดินแดนต่างๆ ก็ทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก มันดูน่ายินดีและน่าอัศจรรย์ใจในขณะเดียวกันก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเขามีญาติพี่น้องมากมายขนาดนี้

        ความยินดีมีได้ไม่นานนัก เมื่อเขาตระหนักได้ว่าภายในใจนั้นยังต้องการเด็กคนนั้นอยู่

        บีซอจะเป็นเช่นไรบ้างนะ จะคิดถึงเขาดังเช่นที่เขาเป็นอยู่หรือเปล่า?

        อนธการขำกับความหวังที่เลือนรางของตนเองนัก เขาอยากจะไปแอบดูความเป็นอยู่ของบีซอ แต่ก็ไม่อาจจะไปไหนได้ เพราะบรรดาญาติๆทั้งหลายของเขาต่างก็กันตัวเขาให้อยู่แต่ภายในห้องนอนไม่ยอมให้ออกไปที่ใดเลย

        นี่ก็จะครบสามวันแล้วก็ไม่เห็นวี่แววว่าสิ่งที่เขาต้องการจะมาอยู่ตรงหน้าเลย เขาคงโดนเทพตนนั้นหลอกแล้วกระมัง


        ป้อก!


        เสียงบางสิ่งกระทบที่หน้าระเบียงทำให้อนธการต้องลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทางเร่งรีบเมื่อคิดว่าสิ่งที่เขารออยู่มาถึงแล้วเป็นแน่

        ร่างสูงมองไม่เห็นผู้ใดอยู่บนระเบียงแม้แต่เพียงผู้เดียวเลย มีเพียงแค่ก้อนหินเล็กๆเท่าๆนั้นที่อยู่บนพื้น เขาหยิบมันขึ้นมาก่อนจะขว้างออกไปตรงความมืดมิดที่กลืนกินความสว่างอย่างผิดหวัง

        อนธการเท้าแขนบนระเบียงด้วยสีหน้าเย็นชา แต่ภายในใจกลับรวดร้าวร่ำร้องอยากจะโผบินไปบนนภาที่มืดมิดนั่นแล้วไปลักพาตัวบีซอมาอีกครานัก คราวนี้หากจะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง ต่อให้ต้องสู้กับพ่อตาจนตายกันไปข้างเขาก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้แล้ว

        คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็เดินเข้ามาในห้องเพื่อที่จะหาผ้าห่มสักผืน เพราะเวลาที่บินอยู่กลางอากาศบีซอจะต้องหนาวมากแน่ๆ แต่สิ่งที่ปรากฏบนเตียงนุ่มทำให้ขาที่ก้าวยาวชะงักลง

        ร่างเด็กน้อยผิวขาวที่สวมชุดชาวมนุษย์นั่งนิ่งมองมายังตนด้วยสายตาใสแจ๋ว ยิ้มเล็กๆที่มุมปากนั่นเป็นการทักทายใช่หรือไม่

        อนธการแทบไม่อยากหาคำตอบว่าเหตุใดบีซอถึงได้มาอยู่ที่นี่ เขาแทบวิ่งเข้าไปดึงคนตัวเล็กเข้ามาสู่อ้อมกอดด้วยความดีใจที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้

        “เป็นเจ้าจริงๆรึ บีซอ” ร่างสูงพร่ำถาม บีซอเริ่มออกแรงดิ้นเพราะจ้าวรัตติกาลรัดเขาแน่นมากเกินไป จนแทบหายใจไม่ออก

        “ก็ใช่น่ะสิ หากไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้ล่ะ...ว่าแต่ท่านไม่เป็นไรแล้วรึ?” ก็ท่านอรุณบอกเขาว่าอนธการอาการหนักมากจนไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อถึงเมื่อใด เขาถึงต้องให้ท่านอรุณมาส่งถึงที่นี่ ความจริงท่านพ่อจะมาส่งแต่ท่านแม่ไม่ยอมให้มาเกรงว่าอาจจะมีเรื่องรุนแรงขึ้นอีก

        เด็กชายไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเป็นห่วงปีศาจตนนี้ ก็ใครจะอยากห่วงใยคนเจ้าเล่ห์ที่ทำเรื่องอย่างว่ากับเด็กแบบเขากันล่ะ แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆที่ต้องมาดูให้เห็นกับตาว่าอีกฝ่ายยังอยู่ดี ไม่ได้เป็นดังคำที่อรุณได้ว่าไว้ แต่มองจากสภาพแล้วคงไม่ได้เป็นอะไรมากนัก

        “เจ้าเป็นห่วงข้ารึ?” ดวงหน้าหล่อคมเปล่งประกายอย่างสดใส เหตุใดหนอเขาถึงได้ชื่นหัวใจ เพียงแค่ได้เห็นหน้าของเด็กน้อยอีกครั้ง

        บีซอหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าลงอย่างขวยเขิน

        “ก็แค่อยากมาเห็นกับตาว่าท่านไม่เป็นอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวกลับดีกว่า” คนตัวเล็กพยายามแกะมือหนาที่เกาะเขาแน่นออก แต่ทำอย่างไรก็ไม่หลุดเสียที ใบหน้าหวานก็เลยงอง้ำอย่างขัดใจ เงยหน้าจะต่อว่าอีกฝ่ายที่ทำตัวเป็นงูรัดก็ต้องเงียบปากกริบ เมื่อเจอสายตาของอนธการที่ทอดมองมาเผยทุกความรู้สึกจนหมดเปลือก

        “ทะ ท่าน” เด็กชายพูดงึมงำ หน้าร้อนเมื่อเข้าใจความหมายนั้นดี เขากลัวจังว่าเขาจะต้องอยู่ในสภาพแบบเมื่อสามวันก่อน

        “ข้าอยากกอดเจ้ามาตลอดสามวันเลยเจ้ารู้หรือไม่ หืม?” อนธการโน้มกายลงคร่อมคนตัวเล็กไว้บนเตียงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แววตาสีเพลิงทอแสงแห่งความปรารถนาอย่างโจ่งแจ้ง

        “ข้าขอกอดอีกได้หรือไม่” อนธการร้องขอ ก่อนจะก้มลงหมายจะจูบลงบนริมฝีปากจิ้มลิ้มนั่น

        “อ๊ะ ท่านแม่มาดูว่าที่น้องสะใภ้ท่านเร็วสิ” เสียงผลักประตูดังมาก่อนที่เสียงเล็กๆจะตามมา ร่างตุ้ยนุ๊ยเดินเตาะแตะเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะตรงมาหยุดยืนที่ข้างเตียง ตามมาด้วยหญิงสาวผิวขาวซีดแต่ใบหน้าสละสลวยที่ยิ้มแป้นอย่างยินดีเดินตามเข้ามาอีกคน

        “โอ...คู่ของเจ้าช่างเด็กนัก แถมยังเป็นชายเสียด้วย แต่น่ารักดีนะ...ตรีเทพเจ้าชอบไหม?” ร่างบางก้มหน้าลงถามบุตรชาย คนตัวป้อมกรอกตาคิดก่อนแย้มยิ้มจนแก้มปริ

        “ข้าชอบอยู่แล้วน่าท่านแม่” เด็กน้อยตอบ มองคนสองคนที่คร่อมกันด้วยรอยยิ้มถูกใจ

        “พวกเจ้าออกไปจากห้องของข้าได้แล้ว ทั้งสองแม่ลูกเลย!” อนธการหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะ

        ปานระตรียิ้มหวานหยด ไม่สนใจคำไล่แม้แต่น้อย

        “เจ้านี่นะ จะหวงอะไรนักหนากัน...อยากจะทำอะไรก็ทำไปสิ ข้าไม่ว่าหรอก ใช่ไหมหนูน้อย”

        บีซอยิ้มแหย ไม่ได้กล่าวว่าอะไรกลับ ทำแค่เพียงหันหน้าหนีจากคนมาใหม่ทั้งสองอย่างเขินอายปนสงสัย

        ให้ตายสิ! ไหนบอกว่าไม่มีพี่น้องไงแล้วคนพวกนี้เป็นใครกัน

        “ออกไปซะ ก่อนที่ข้าจะไล่พวกเจ้าทุกตนออกจากปราสาทของข้า” เสียงเย็นราบเรียบของน้องชาย ทำให้ปานระตรีรู้ว่าไม่ควรทำให้อีกฝ่ายขุ่นใจไปมากกว่านี้ จึงยอมถอยออกจากห้องแต่โดยดี

        “ก็ได้ ข้าไม่อยู่เป็นพยานรักของพวกเจ้าก็ได้ ตรีเทพออกไปกับแม่ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” คุยกันหลายตนด้วย ต้องไปเรียกพี่น้องผองญาติมาดูหน้าน้องสะใภ้คนเล็กซะหน่อย นางคิดอย่างหมายมาดก่อนจะลากลูกชายที่ทำท่าจะไม่ยอมออกจากห้องไปอย่างทุลักทุเล แล้วยังใจดีปิดประตูห้องให้อีก

        อนธการถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อตัวขัดขวางความสุขออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้ว

        หน้าคมโน้มลงซุกไซ้ลงบนซอกคอขาวผ่องสูดดมความหอมหวานนั้นจนบีซอสะดุ้ง ดวงตากลมเต็มไปด้วยคำถาม

        “หยุดก่อน! ข้าบอกให้หยุด!”

        อนธการยอมหยุดตามที่เด็กน้อยร้องขอ เลิกคิ้วอย่างต้องการถามว่ามีอะไร
 
        “ไหนท่านเคยบอกข้าว่าไม่มีพี่น้องยังไงล่ะ แล้วเมื่อครู่ สองคนนั้นเป็นใครกัน”

        “พี่สาวและหลานของข้าเอง พวกเขาเพิ่งมาปรากฏตัวเมื่อสามวันก่อนที่ปราสาทของข้าแบบไม่ได้นัดหมาย และข้าก็เพิ่งรู้ว่าข้ามีญาติก็วันนั้นนั่นแหล่ะ...เจ้ายังจะมีคำถามอะไรอีกไหม?”

        บีซอพยายามคิดคำถามเพิ่ม เพราะเขารู้ว่าต่อจากนี้จะต้องเจออะไร ซึ่งเขายังไม่ได้เตรียมใจเลย

        “เอ่อ...”

        “หมดเวลา”

        อนธการตัดบทอย่างไม่สนใจเขาเลย ร่างสูงโน้มลงปิดปากที่กำลังจะหาเรื่องพูดนั้นฉับ บดจูบหนักหน่วงจนคนตัวเล็กครางฮืออย่างเสียวซ่าน มือหนาลูบไล้ผิวแขนเปลือยราวปลอบโยน เพียงไม่นานทั้งคู่ก็หอบหายใจหนักเมื่ออารมณ์รักกำลังได้ที่


        ผลัวะ!


        “ไหนๆว่าที่น้องสะใภ้ของข้า” เสียงผู้ชายดังขึ้นที่หน้าประตูที่เปิดออกกว้าง รวมถึงสายตานับสิบคู่มองเข้าภายในห้องอย่างอยากรู้ ก่อนจะพากันทยอยเข้ามาด้วยสีหน้าสนใจเต็มที่

        อนธการตกใจที่จู่ๆห้องของเขาก็ถูกเปิดออกอีกรอบ เขาลุกออกจากตัวของบีซอแล้วเอาผ้ามาคลุมร่างเปลือยของเด็กน้อยไว้อย่างไม่ต้องการให้ใครเห็น เขาโกรธจนอยากตัดญาติกับปีศาจเหล่านี้เหลือเกิน

        “เอ้า! เจ้าเอาผ้าคลุมเช่นนั้นพวกข้าจะเห็นได้อย่างไร” ชายอีกคนที่อุ้มแมวอยู่เอ่ยถามบ้าง

        “พวกเจ้านี่นะ ข้าบอกว่าน่ารักก็ไม่เชื่อ ยังอยากจะมาให้เห็นกับตากันอีก” ปานระตรีที่รู้สึกถึงรังสีไม่พอใจของอนธการกล่าวขึ้นอย่างต้องการอธิบายว่านางไม่ได้เป็นคนพาญาติๆมาขัดจังหวะหรอกนะ แต่นั่นกลับไม่ช่วยอะไรเลย เมื่อตาสีแดงเพลิงของน้องชายฉายแววโกรธจัดจนนางยังผวา

        “ออกไป” ปีศาจเหล่านี้ยังเฉย แถมยังพยายามจะเลิกผ้าขึ้นอีก

        “ออกไป!” คราวนี้เสียงเกรี้ยวกราดจนทุกคนสะดุ้งอย่างตกใจไปตามๆกัน

        “อย่าเข้ามายุ่งในห้องข้าอีก หากผู้ใดเยื้องกายเข้ามาในนี้แม้แต่ก้าวเดียวแม้จะเป็นตอนกลางวันข้าจะไล่ออกจากประสาททันที” พอพูดจบปีศาจสิบกว่าตนก็เผ่นออกจากห้องไปอย่างทันที

        อนธการพ่นลมออกจากปากอย่างเหนื่อยใจ เขาจะบ้าตายที่มีญาติบ้าๆแบบนี้

        บีซอออกจากผ้าห่ม ลุกขึ้นจะหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นก็มีอันต้องล้มนอนหงายลงบนเตียงอีกรอบ เมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงจับเขากดลงแล้วเริ่มลูบไล้เขาอีกรอบ

        “ขะ ข้าจะกลับบ้านแล้ว” เด็กชายร้องบอกเมื่ออนธการทำท่าจะฝังปากลงบนยอดอกของเขา

        อนธการชะงัก เงยหน้ามองเด็กชายด้วยรอยยิ้ม

        “เจ้าก็อยู่บ้านแล้วไง จะไปที่ใดอีกรึ?”

        “ข้าหมายถึงถ้ำของข้าต่างหากเล่า”

        “เดี๋ยวข้าพาไป”

        “หืม? ท่านจะพาข้ากลับง่ายๆเลยรึ”

        “ข้าไม่อยากจะบังคับใจเจ้าหรอกนะ แต่ในเมื่อเจ้าอยากกลับไปอยู่กับครอบครัวข้าก็จะไม่ห้าม แต่ยามราตรีข้าขอเพียงมีเจ้าอยู่ข้างกายได้หรือไม่”

        อนธการเอ่ยวอนขอ เขาปั้นหน้าให้ดูน่าสงสารที่สุดจนคนตัวเล็กอดที่จะเห็นใจไม่ได้

        “ถ้าเช่นนั้น ท่านก็ไปส่งข้าสิ แล้ว...ราตรีหน้าท่านค่อยไปรับข้ามาอยู่เป็นเพื่อน” เด็กชายอ้อมแอ้มตอบ

        “เห็นทีว่าคงต้องเริ่มจากคืนนี้เสียแล้วล่ะ ในเมื่อเจ้าก็อยู่ที่นี่แล้ว จะกลับไปกลับมาให้เหนื่อยทำไมกัน”

        บีซอคิดตาม แต่ก็สายเสียไปแล้วเมื่อเขาตกหลุมพรางที่อีกฝ่ายขุดเอาไว้เสียลึก

        ให้ตายสิ! ค้างคาวผีดิบน่ากลัวเหมือนที่ท่านพ่อกล่าวไว้ไม่มีผิด!

        เด็กชายต้องยอมรับชะตากรรมทั้งตอนนี้และอีกต่อไปข้างหน้าด้วย ในเมื่อไม่อยากเป็นหม้ายก็ต้องตามใจสามีใช่ไหม?

        อืม...คงใช่ล่ะน่า



......................................................................

สวัสดีค่ะ มาอัพแล้วน้า ตอนนี้เราเพิ่มกลอนเข้ามาด้วย อิอิ
ตอนหน้าเป็นวัยเจริญพันธ์นะคะ แต่จะเป็นใครหรือตัวอะไรคู่กับใครต้องติดตามกันน้าาาา
ขอบคุณคนอ่านและทุกเม้นนะคะ  :L2:
ปล. มีความคิดเห็นเสนอมาให้บ้านนี้มีสะใภ้บ้าง ตอนหน้าก็จัดปายยยยจ้าาา
ปลล.เรามีเพจเป็นของตัวเองแล้วนะคะ ว่างๆก็แวะไปทักทายกันบ้างนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-10-2015 02:47:53
ประโยคท้ายนี่น่ารักดี ใครสอนบีซอมากันเนี่ย ฮา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 19-10-2015 02:58:15
อยากเห็นสะใภ้บ้านเน้~~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 19-10-2015 05:34:52
ตามใจสามีแบบนี้อนธการก็ยิ้มกริ่มกันเลยสิคะบีซอ :m3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 19-10-2015 10:40:28
บีซออออ
ใครสอนให้ตามใจสามีล่ะเนี่ย
น่ารักจริงๆ ตอนหน้าเจริญพันธุ์แล้ว
ใครจะมีลูกสะใภ้ให้บ้านนี้กัน
อยากรู้แล้วอ่ะ รอๆๆๆ
รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 19-10-2015 12:50:05
รอสะใภ้บ้านนี้ -..-
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 19-10-2015 14:12:51
ใช่ๆๆๆ อยากเห็นสะใภ้บ้าง
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 19-10-2015 14:58:32
บ้านนี้สอนลูกได้น่ารักมากเลย

บ้านนี้จะมีสะใภ้เป็นยังไงบ้างเนี่ย รออ่านตอนต่อไป 555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-10-2015 15:12:00
อิอิ. พ่อตาลูกเขยเคลียร์กันลงสักทีน้อ
คุณแม่ต้องเทนบีซอมาดีแน่ๆเลย
อีตาค้างคาวก็ดันญาติเยอะจนปวดหัว. ฮ่าๆๆๆ
รอลูกสะใภ้นะคะคุณพ่อคุณแม่จะไดหายเหงาสักที
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Maw ที่ 19-10-2015 17:19:31
รอๆ อยากอ่านต่อแล้ว . :hao6:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 21-10-2015 23:36:41
สมหวังลั่นล้าไปอีกคู่  :heaven
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-10-2015 01:06:12
นึกว่าจะฆ่ากันตายซะแล้วพ่อตากับลูกเขย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-10-2015 03:20:10
อมฤทธิ์จะได้ลูกสะไภ้บ้างมั้ยเนี่ยหรือจะได้แต่ลูกเขยกัน :hao6:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 22-10-2015 22:02:33
คำถามคือ ลูกชายบ้านนี้จะเหลือรอดหาเมียสักคนมั้ยเนี่ย :hao7:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 22-10-2015 23:26:36
ชอบประโยคนี้จัง 'ไม่อยากเป็นหม้ายก็ต้องตามใจสามี' :hao7:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 25-10-2015 08:44:50
อ๊าก สงสัยจะจะหาเมียไม่ได้สักคนแน่ คึคึ เพราะมีสามีก่อนที่จะได้หาเมีย 555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 19/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Lookwa1007 ที่ 25-10-2015 13:46:29
พ่อตายำเละเลยมั้ยเนี่ย55555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 29-10-2015 23:02:47
สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมาแจ้งข่าวการอัพนิยายนะคะ คือช่วงนี้นักเขียนได้งานแล้ว และทำตั้งแต่สามโมงเช้าถึงสามทุ่มเป็นเวลาเดือนหนึ่ง ทำให้สปีดในการอัพ(ที่ช้าอยู่แล้ว) ยิ่งช้าไปใหญ่ ยังไงก็อย่าเพิ่งลืมกันนะคะ หากจัดระเบียบเวลาได้เข้าที่จะกลับมาอัพให้อ่านกันนะคะ

ขอโทษจริงๆค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 30-10-2015 05:19:28
รอค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 30-10-2015 08:38:02
เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 30-10-2015 11:03:05
ไม่เป็นไร ตั้งใจทุ่มเทกับงานใหม่นะคะ แล้วจะคอยเป็นกำลังใจให้คะ สู้ๆ  :a2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-10-2015 11:29:38
 :mew1:  สู้ๆกับเรื่องงานนะคะ เอาใจช่วยและรอค่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 30-10-2015 12:00:14
รอนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-10-2015 17:48:37
จะรอน้าๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 30-10-2015 21:05:40
เค้าจิรอนะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-10-2015 21:18:50
รอจร้า สู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-10-2015 21:51:16
จะรอค่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 31-10-2015 10:08:55
สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 07-11-2015 05:25:28
บ้านนี้ได้แต่เขยเข้าบ้าน น่าสงสารคุณพ่อ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 01-12-2015 18:40:14
รอ~ คิดถึงครอบครัวนี้ คิดถึงคนแต่ง :กอด1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 16-01-2016 17:45:10
รอนะคะ :)
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: pj25 ที่ 17-01-2016 01:21:57
มีลูกล่ะ  ไวดีจริง ๆ  55+++
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: pj25 ที่ 17-01-2016 01:33:49
หกคน + 1 คนในท้อง  ก็เป็น  7  คนใน  3  ปี  สุดยอดมาก
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: pj25 ที่ 17-01-2016 01:47:36
กินเด็กแล้วจะเป็นอัมตะ  555+++
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 29-05-2016 23:36:22
จบแล้วเหรอ เสียดายจัง  :mew2:

น่ารักดี  :mew1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 06-06-2016 23:58:04
มีลูก 6 คน เสร็จไป 2 เหลือ 4 รอคู่ต่อไป
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 08-07-2016 01:39:56
อยากอ่านรุ่นลูกคู่อื่นๆต่อ เราจะไม่หยุดรอจนกว่าบ้านนี้จะมีสะใภ้~ :katai5:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 18-08-2016 12:52:52
สนุกมากกกกก เลยค่ะ  :z1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 28-08-2016 11:47:41
คือรออ่านอยู่น้าาาาาา :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 25-09-2016 12:04:01
สนุกมากกค่ะ แต่คนเขียนจะมาต่อใช่มั้ยยคะ ฮืออ
อยากอ่านนต่อไปเรื่อยๆเลย5555
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 10-05-2017 05:29:15
อยากให้มาแต่งต่อ~~~
รุ่นลูกยังมีคู่ไม่ครบทุกคนเลยยย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ (แจ้งข่าวจ้า) 29/10/58 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Fullysky ที่ 13-05-2017 16:51:34
 :hao6:  :hao5: ชอบมากเลยค่าาา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ ตอน วิหคแสนกล 01/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 01-07-2017 23:04:32
เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ ตอน วิหคแสนกล



 
            ณ กลางป่าใหญ่ คล้ายมีงานรื่นเริงเกิดขึ้น เมื่อมีการรวมตัวของเหล่าสมาชิกของครอบครัวผู้พิทักษ์ป่าที่มายืนออกันอยู่บริเวณหน้าถ้ำของเทพอรุณอย่างพรั่งพร้อมหน้า
 
            อาโปกรอกตาเล็กน้อยเมื่อมองบรรดาพี่ๆและน้องๆ ที่พากันดูตื่นเต้นดีใจจนเกินเหตุเมื่อเห็นพี่หมี่ซอจูงมือลูกชายคนแรกที่เกิดได้หนึ่งอาทิตย์ออกมาพบพวกเขา
 
            ซึ่งหลังจากที่พี่หมี่ซอได้ออกเรือนมาอยู่กับอรุณได้เจ็ดปีเต็มๆ ก็ได้แวะเวียนไปหาพวกเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่คราวนี้ดูต่างออกไป เพราะพวกเขาทั้งครอบครัวได้มาเยี่ยมเยือนถึงถิ่นของอรุณเมื่อทราบข่าวว่าหมี่ซอได้ให้กำเนิดเด็กน้อยแล้ว
 
            ภาพเด็กชายตัวกลมป๊อกที่เดินด้วยเท้าคู่ป้อมๆ จับจูงมือพ่อแม่ไม่ยอมปล่อย แต่ปากจิ้มลิ้มนั้นส่งยิ้มแก้มปริอย่างเป็นมิตร นั่นทำให้เขานึกเอ็นดู แต่ไม่ได้แสดงอาการเห่อจนออกนอกหน้าเหมือนพวกพี่ๆและน้องๆ เพราะเขารู้สึกชินเสียแล้ว กับการปรากฏตัวของสมาชิกใหม่ตัวเล็กๆที่มักเกิดขึ้นในครอบครัวทุกๆสองปี
 
            เพราะหลังจากที่ท่านแม่คลอดน้องคนที่เจ็ด ซึ่งก็คือเจ้าชเวที่ตอนลืมตาดูโลกนั้นมีขนาดลำตัวที่เล็กกว่าพี่ๆทุกคน และดูอ่อนแอมากนัก ทำให้ท่านแม่กังวลและเป็นห่วงว่าเจ้าชเวจะเป็นอะไรไป จึงไม่ยอมมีน้องออกมาอีกเลย
 
            จนกระทั่งเจ้าชเวได้ขวบเศษนั้นดูแข็งแรงและร่าเริงขึ้นมากผิดจากคราแรกเกิด ท่านแม่ที่มิอาจทนการรบเร้าของท่านพ่อได้ จึงให้กำเนิดน้องๆเพิ่มตามมาในครอบครัวทุกสองปี นั่นคือเพิ่มมาอีกสามคน คือ โซ ตาอู และยาติ ซึ่งเจ้าสามคนนั้นดูจะอยากเล่นกับลูกพี่หมี่ซอมากที่สุด ดูจากการที่ ไปรุมล้อมอยากจะอุ้มน้องกันใหญ่เชียว
 
            “พอวา มาหายายนะลูก..ฮึ้บ” มะเหมี่ยวอ้าแขนออกรับหลานชายตัวน้อยเมื่อหมี่ซออุ้มส่งให้ โดยที่เด็กน้อยยอมอยู่ในอ้อมแขนของมะเหมี่ยวอย่างเต็มใจ
 
            แก้มกลมแดงเรื่อ ถูกยายหอมดังฟอดด้วยความเอ็นดู อมฤทธิ์มองเมียรักกับหลานชายแล้วพูดยิ้มๆ
 
            “พอวาช่างน่ารักน่าชังนัก...เมียข้า เจ้าว่าเราควรมีลูกเพิ่มอีกสักคนมาเป็นเพื่อนกับเจ้าพอวาดีหรือไม่” รอยกรุ้มกริ่มในแววตาเทพพิทักษ์ป่าทำให้มะเหมี่ยวยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนบอกความลับที่เขาเก็บไว้นานเป็นสัปดาห์กับสามีและลูกๆ ด้วยความยินดี
 
            “ก็มีแล้วไง อยู่ในท้องของผม” คำบอกเล่านั้นทำให้อมฤทธิ์ยิ้มเป็นปลื้ม ยกมือลูบท้องเมียรักอย่างอ่อนโยน แต่หางตากลับเหลือบมองเจ้าลูกเขยอีกตนที่เขาไม่ค่อยถูกชะตานัก แล้วกล่าวอย่างเกทับ
 
            “เฮ้อ..ข้านี่มันน้ำยาดีเสียจริง มีลูกจวนจะครบโหลอยู่แล้ว ส่วนท่านนะอรุณถ้าขยันเดี๋ยวก็ตามข้าทันเป็นแน่.. ต่างจากใครอีกคนที่เอาลูกข้าไปอยู่ด้วยตั้งนานไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย จะหมดหวังเรื่องทายาทเสียแล้วกระมัง...”
 
            “หากท่านไม่กลั่นแกล้งข้า ป่านนี้ข้าคงมีทายาทได้ไม่น้อยกว่าท่านนักหรอกท่านพ่อตา” จ้าวรัตติกาลหนุ่มกล่าวอย่างเหลืออด หน้าเข้มอย่างไม่พอใจ
 
            ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอนธการกับบีซอต้องนอนแยกห้องกันเพราะคำสั่งของอมฤทธิ์ที่ว่าบีซอต้องอายุครบสิบห้าถึงจะอยู่ร่วมห้องกันได้ ทั้งที่บีซอเป็นเมียของเขา แต่เขากลับแตะต้องมากไม่ได้ เพราะเมียตัวน้อยในตอนนั้นเชื่อฟังคำสั่งพ่อเสียเหลือเกิน จนจ้าวรัตติกาลอดน้อยใจไม่ได้ แต่เพราะรักบีซอเหลือเกินเขาจึงทนได้ถึงป่านนี้
 
            “ข้าจำได้ว่าไม่เคยทำเช่นนั้นนะ” อมฤทธิ์ปฏิเสธคำกล่าวหา ทั้งที่ในใจรู้ดีว่าเขาเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ลูกเขยอย่างอนธการแทบกระอักเลือดตาย
 
            “ท่านนี่มัน..” อนธการแทบจะพุ่งตัวเข้าใส่เทพพิทักษ์ป่าอย่างลืมตัว
 
            “เอ่อ...ข้าว่าเราเปลี่ยนเรื่องอื่นดีไหม เดี๋ยวพอวาได้ขวัญเสียกันพอดี” บีซอกลัวว่าจะมีการปะทะที่รุนแรงระหว่างสามีกับบิดาจึงได้พูดแทรกขึ้นมา ซึ่งทั้งสองก็เลิกต่อบทสนทนาแต่โดยดี แล้วกลับมาให้ความสนใจกับหลานตัวน้อยแทน 
 
            เป็นอันว่าพวกเขาจะมีน้องเพิ่มมาอีกคน อาโปยิ้มมุมปาก มองความสุขที่เกิดขึ้นบนหน้าของแต่ละคนในครอบครัวด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก แม้เขาจะรู้สึกยินดีแต่เขากลับพาตัวเองค่อยๆเดินถอยห่างออกมาจากความภาพความสุขตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจตนเองนัก
.
.
.
.
            “มานั่งอยู่นี่เองรึอาโป เจ้าไม่เข้าไปเล่นกับพอวาหน่อยล่ะ เจ้ารู้ไหมหลานของพวกเราพูดจาฉอเลาะน่าเอ็นดูเชียว” เสียงทักจากเบื้องหลัง ทำให้ชายที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หันไปมองเพียงนิด ก่อนจะหันกลับมามองท้องฟ้าอันเวิ้งว้างเบื้องหน้าดังเดิม
 
            เมื่อเห็นว่าน้องชายมิได้สนใจในคำพูดของตนเลย พูแซจึงเดินไปนั่งลงข้างๆคนโลกส่วนตัวสูง มือหนาตบเบาๆบนไหล่แกร่งของน้องชาย
 
            “เจ้ากังวลเรื่องที่ต้องไปปกครองป่าแดนอื่นอยู่รึ” ประโยคนั้นหาได้รับความสนใจจากน้องชายไม่ อาโปยังคงนิ่งเฉย ราวกับไม่อยากจะสนทนาอะไรทั้งสิ้น
 
            น้องชายนั่งกอดเข่าแล้วทำมึนใส่เขาเช่นนี้โดยไม่คิดอะไรอยู่ เขาไม่เชื่อเด็ดขาด นั่นทำให้พี่ชายอย่างพูแซต้องดึงความสนใจจากน้องชายที่ชอบทำตัวแปลกแยกจากคนอื่นให้กลับมาสนใจตนเพียงนิดก็ยังดี
 
            “ข้าก็คิดมากอยู่นะ..” พูแซเกริ่น ลอบถอนหายใจเมื่อปฏิกิริยาจากน้องชายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมสักนิด แล้วกล่าวต่อ
 
            “เฮ้อ...ข้าออกจะรูปงามเช่นนี้ ควรจะใช้ชีวิตอย่างหนุ่มเจ้าสำราญให้เต็มที่เสียก่อน เหตุใดจึงต้องไปเป็นเทพฝึกหัดและต้องอยู่กับเทพพิทักษ์ป่าแก่ๆที่ใกล้เกษียนนั่นด้วยนะ น่าหงุดหงิดใจนัก...”
 
            เมื่อยังไม่ได้รับความสนใจ พูแซก็เริ่มกล่าวอย่างจริงจังขึ้น
 
            “ก็นะ..แม้ข้าจะไม่ชอบใจนัก..แต่มันคือหน้าที่ของพวกเราที่ถูกเลือก..เป็นผู้สืบทอดสายเลือดของท่านพ่อ จะปฏิเสธก็ไม่สมควรนัก เฮ้อ...”
 
            “พวกเราทุกคนต่างมีหน้าที่...เจ้าก็ยังไม่ได้ไปมิใช่รึ ช่วงนี้เจ้าก็เต็มที่กับชีวิตของเจ้าไปสิพี่ชาย”
 
            “อ้อ! ช..ใช่แล้วล่ะ ...แล้วเจ้าเตรียมใจพร้อมแล้วรึ?”
 
            “จะพร้อมหรือไม่ สักวันก็ต้องไปมิใช่รึ?”
 
 
            พูแซพูดไม่ออก แม้อาโปจะกล่าวอย่างไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนใดๆ แม้เพียงวินาทีเดียวแต่เขาก็พอทันได้เห็นแวววูบไหวในแววตาคมที่ทำเหมือนไม่ได้สนใจสิ่งใดนั่น จึงพอรู้ว่าน้องชายนั้นต้องมีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่ในใจเป็นแน่ แต่เขาคงไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายได้ จึงได้แต่บอกน้องชายด้วยความเป็นห่วง
 
            “เจ้าเป็นน้องของพี่นะอาโป หากมีเรื่องอันใดที่รบกวนใจเจ้า...เจ้าบอกพี่ได้เสมอเลยนะน้องรัก”
 
            มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้ม อาโปพยักหน้าตอบรับคำ แต่ดวงตาคมคู่นี้กลับมีความลังเลว่ามันสมควรหรือไม่กับสิ่งที่จะพูดต่อจากนี้
 
            “พูแซ..หากว่าข้า...หายไปสักพักจะเป็นไรหรือไม่” เสียงแผ่วจากริมฝีปากหนาที่เม้มเป็นเส้นตรง สองตาคมมองพี่ชายอย่างขอความเห็น
 
            พูแซนั่งนิ่งเผลอถอนหายใจอย่างคิดหนัก ด้วยอาโปไม่เคยเอ่ยขอคำปรึกษาที่เหมือนกับคำขอเช่นนี้กับเขา ทำให้เขาลำบากใจยิ่งนัก ไหนจะท่านแม่อีก ท่านต้องเป็นห่วงแน่ถ้าอาโปไปที่ใดสักที่โดยไม่บอกกล่าว
 
            “เจ้าจะไปที่ใดรึ บอกพี่ได้หรือไม่” พูแซตะล่อมถาม ด้วยหวังว่าน้องชายจะบอก
 
            แต่อาโปนั้นตั้งใจไว้แล้ว ว่าเขาอยากไปยังที่ๆสงบสักระยะหนึ่งแล้วจึงจะกลับมาหาครอบครัวก่อนที่จะไปทำหน้าที่เทพพิทักษ์ป่าฝึกหัดในแดนห่างไกล
 
            “ข้าคงบอกเจ้าไม่ได้ว่าจุดหมายของข้าคือที่ใด แต่ในไม่ช้าข้าจะกลับมา...กลับมาหาทำหน้าที่ของข้า...ข้าสัญญา”
 
            สองพี่น้องนั่งคุยกันได้สักพัก  ก่อนที่อาโปจะกล่าวลาแล้วเดินห่างออกไปยังผืนป่าเบื้องหน้าและหายลับไปจากสายตาของเขา พูแซได้แต่หวังว่าน้องชายจะกลับมาโดยเร็ว กลับมาให้ทันก่อนที่เขาจะต้องเดินทางไปยังที่แสนไกลเช่นเดียวกัน
       .
       .
       .
       .
            การที่มีสามสายเลือดอยู่ในตัวทำให้ร่างกายของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว เพียงแค่แปดปีตัวของเขาก็สูงใหญ่มากกว่าพวกมนุษย์ทั่วไป นั่นทำให้อาโปหงุดหงิดใจเล็กน้อย ที่เขาโตไวเกินไป จนทำอะไรที่คนตัวใหญ่อย่างเขาทำแล้วไม่ค่อยเหมาะกับรูปร่าง ดังเช่นการเดินข้ามสะพานไม้ผุพัง ที่เชื่อมจากฝั่งที่เขายืนอยู่ไปยังอีกฝั่งหนึ่งที่ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเขา
 
            ความจริงชายหนุ่มสามารถใช้พลังวิเศษที่มีอยู่ให้ข้ามไปอย่างง่ายดายได้ แต่เขาตั้งใจไว้แล้ว ว่าตลอดการที่ได้มาท่องเที่ยวในป่าเพียงลำพังนี้จะไม่ใช้พลังวิเศษใดๆทั้งสิ้น
 
            เขาแค่อยากลองเป็นมนุษย์ธรรมดาสักครั้ง
 
            แต่ละก้าวที่เดินไปบนแผ่นไม้ที่ไม่แข็งแรงตามสภาพกาลเวลาที่ผ่านมายาวนาน ทำให้ชายหนุ่มอดตื่นเต้นไม่ได้ หากสะพานหัก แล้วเขาตกลงไปในธารน้ำเบื้องล่างคงน่าขันน่าดู
 
            แม้จะทุลักทุเลบ้าง แต่อาโปก็ข้ามมาถึงอีกฝั่งหนึ่งได้อย่างน่าหวาดเสียว ชายหนุ่มมองไปยังเบื้องหน้า ภาพที่ปรากฏทำให้เขายิ้มออกมาอย่างภูมิใจในความพยายามของตนที่ทำให้ได้พบกับสิ่งที่งดงามเช่นนี้
 
ป่าที่อุดมสมบูรณ์ สรรพสัตว์น้อยใหญ่ต่างส่งเสียงตอบรับกันไปมาราวกับกำลังสื่อสารกันในภาษาของตน
 
            ต้นไม้ที่ออกผลออกดอกอยู่เต็มทั้งต้น หรือแม้แต่ดอกไม้หลายสายพันธุ์ ผสมผสานหลากสีส่งกลิ่นหอมทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจนแทบหายเมื่อยล้าจากการเดินทาง ที่นี่ช่างดูแปลกตากว่าที่เขาอยู่ยิ่งนัก ราวกับว่าเขาได้เดินเข้ามาในสวนสวรรค์
 
            อาโปเดินผ่านกลุ่มกระต่ายป่าขนสีน้ำตาลปุกปุยไปโดยที่พวกมันต่างมองตามเขาอย่างสนใจใคร่รู้ เพราะไม่เคยมีมนุษย์คนใดมาที่นี่นานแล้ว แต่แล้วพวกมันกลับแตกฮือวิ่งไปตัวละทางเมื่อชายหนุ่มหันมามอง
 
            อาโปยิ้มขันเมื่อเขาคิดว่าคงเหมาะแล้วกับคำกล่าวที่ว่ากระต่ายมักตื่นตูม
 
            พื้นหญ้าสีเขียวชอุ่มแนบลงกับพื้นดินปรากฏเป็นรอยเท้าของเทพหนุ่มเป็นทาง กบตัวหนึ่งกระโดดหลบ เมื่ออาโปแทบจะเหยียบมันอยู่แล้ว
 
            “เจ้ามนุษย์นี่ จะฆ่าข้าหรืออย่างไรนะ” เจ้ากบน้อยตกใจ มองมนุษย์แปลกหน้าอย่างไม่พอใจ
 
            อาโปเดินผ่านไปโดยหารู้ตัวไม่ว่ามีสายตาอีกคู่กำลังจับจ้องการปรากฏตัวของเขาด้วยความไม่พอใจนัก
 
            “ออกไปจากป่าของข้า” เสียงเล็กๆจากที่ไหนสักที่ดังขึ้นด้านหลังอาโป ชายหนุ่มหยุดเดินหันหลังไปมองหาที่มาของเสียงปริศนานั่น มองอย่างไรก็ไม่เห็นว่าจะมีใครพูดกับเขาได้ แต่แล้วสายตากลับไปสะดุดเข้ากับเจ้านกแก้วตัวหนึ่งที่เกาะอยู่บนต้นไม้ใหญ่
 
            เทพหนุ่มเดินไปใต้ต้นไม้แล้วเงยหน้ามองเจ้านกแก้วตัวเล็กที่มีขนสีเขียวแซมเหลือง ขนอกสีแดงอมส้ม มันมองมายังตนด้วยดวงตากลมที่กระพริบปริบๆ ก่อนมันจะใช้จะงอยปากสั้นๆจิกลงบนขนปีกตนเองราวกับว่ามันคันอยู่อย่างนั้น
 
            “ใช่เจ้าหรือไม่ที่พูดเมื่อสักครู่” อาโปร้องถาม เจ้านกน้อยหยุดกิจกรรมของตนทันที มองเจ้ามนุษย์เบื้องล่าง หัวเล็กๆโคลงไปมาคล้ายไม่เข้าใจคำถาม ก่อนที่เสียงเล็กๆจะออกมาจากจะงอยสั้นๆนั่น
 
            “ใช่เจ้าหรือไม่ที่พูดเมื่อสักครู่” แม้เสียงจะไม่เหมือนกันกับเขา แต่เทพหนุ่มรู้สึกได้ว่าเจ้านกนี่แหล่ะที่พูด แต่ทำไมมันต้องพูดตามเขาด้วย อาโปไม่อยากเสียเวลาเดินทาง จึงกล่าวกับนกแก้วน้อยสั้นๆ
 
            “เอาล่ะ เจ้านกน้อย ข้าไม่กวนเจ้าแล้ว” ว่าพร้อมกับเดินไปยังทิศทางข้างหน้า แต่เจ้านกแก้วดันบินตามเขามาด้วย
 
            “เอาล่ะ เจ้านกน้อย ข้าไม่กวนเจ้าแล้ว” อาโปคิ้วกระตุก นี่เขากำลังโดนนกตัวนี้กวนประสาทอยู่ใช่ไหม แม้จะรู้ว่านกสายพันธุ์นี้สามารถพูดตามคนได้ แต่เขาก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้
 
            ชายหนุ่มหยุดเดิน พร้อมกับที่เจ้านกนั่นบินไปเกาะต้นไม้อีกต้นเบื้องหน้าเขา มันไม่ได้มองมาทางเขา แต่ยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดขนของตนเองอย่างตั้งอกตั้งใจ
 
            อาโปไม่อยากให้อารมณ์ของตนต้องขุ่นไปมากกว่านี้ เลยมองข้ามเจ้านกนั่นไป ก้าวเดินอีกครั้ง แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวเจ้านกแสบก็บินตามเขามาอีก ชายหนุ่มหยุดเดิน กัดฟันกรอดอย่างข่มอารมณ์
 
            “หากเจ้ายังตามมากวนใจข้าอีกแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะจับเจ้าปิ้งกินซะ”
 
 
            “หากเจ้ายังตามมากวนใจข้าอีกแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะจับเจ้าปิ้งกินซะ”
 
           
            หนอย เจ้านกตัวแสบ!
 
           
            อาโปโมโหหนัก คว้าเจ้านกปากดีจอมล้อเลียนมาไว้ในกำมือได้ โดยที่มันไม่ทันได้ตั้งตัว
 
            เจ้านกแก้วแสบดิ้นขลุกขลักอยู่ในอุ้งมือใหญ่ด้วยความหวาดกลัว มันใช้จะงอยเล็กๆจิกลงบนมือของอาโปเต็มแรง แต่เทพหนุ่มหาได้ปล่อยตัวมันไม่ กลับยิ่งทวีแรงบีบอีก จนมันหายใจแทบไม่ออก
 
 
            “ม..นุษย์อย่าง จ..เจ้า มัน น..น่ารังเกลียด” เสียงเล็กที่ออกมาจากจะงอยของนกแสบตัวนี้ ทำให้อาโปผ่อนแรงลงเป็นกำมันไว้หลวมๆ
 
            ดวงตากลมเล็ก มองเทพหนุ่มเหมือนกับคำพูด อาโปใจกระตุกในแววตาเกลียดชังของเจ้านกแสบ
 
            “มันก็สมควรแล้วมิใช่รึ ที่เจ้ามากวนใจข้า” เสียงทุ้มบอกอย่างไม่ใส่ใจ
 
            “ที่นี่ไม่ต้อนรับมนุษย์เช่นเจ้า...ออกไปซะ” อาโปคิดว่าเจ้านกนี่ดื้อเสียจริง
 
            “ข้าไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งของเจ้า ข้าจะไปเมื่อข้าอยากไป...รู้ไว้ซะเจ้านกแสบ”
 
            อาโปวางเจ้านกแก้วตัวน้อยลงกับพื้น มองมันเพียงครู่แล้วเอ่ยก่อนจากไป
 
            “อย่าได้คิดมาลองดีกับข้าอีก ถ้าเจ้าไม่อยากเป็นอาหารของข้าจริงๆ”
.
.
.
.
            อาโปเดินทอดน่องลึกเข้ามาในป่าอย่างไม่เร่งรีบ เขารู้สึกสงบขึ้นเมื่อไม่ได้มีเจ้านกตัวนั้นตามมากวนใจอีก แม้จะบอกตนเองเช่นนั้นแต่เขาก็รู้ดีว่าตนนั้นกังวลที่ทำรุนแรงกับนกนั่นเกินไป
 
            พื้นที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่สยายกิ่งใบใหญ่โตพร้อมทั้งมีลำธารอยู่เบื้องหน้าดูเหมาะที่เขาจะใช้พักในคืนนี้  เทพหนุ่มเด็ดใบไม้มาปูเป็นที่นอน แล้วเก็บแอปเปิ้ลลูกสีแดงสดมากินรองท้อง เพราะเขาตั้งใจว่าจะไม่ล่าสัตว์ป่าในตอนนี้ เนื่องจากตะวันจะตกดินแล้ว
 
            เทพหนุ่มหาฟืนมากองรวมกันแล้วก่อกองไฟ  ก่อนจะเปลื้องผ้าเดินลงไปแช่ตัวในลำธาร
 
            สองมือหยาบขัดถูตามลำตัว หลังแกร่งยืนพิงกับหินก้อนใหญ่ริมลำธาร ตาคมปิดลงเมื่อเขารู้สึกผ่อนคลายจนแทบจะหลับเสียให้ได้กับความเย็นของน้ำใส แต่แล้วกลับมีเสียงแหวกน้ำมาทางเขา ทำให้เทพหนุ่มลืมตาขึ้นมาแล้วคว้าสิ่งที่มันบังอาจมารบกวนการพักผ่อนของเขา
 
 
            อาโปผงะเล็กน้อยเมื่อสิ่งที่เขาจับอยู่เป็นมือเรียวของมนุษย์ เมื่อมองหน้าก็ต้องตะลึงหนัก เมื่อมนุษย์เบื้องหน้าช่างดูงดงามราวภาพฝันยิ่งนัก
 
            ดวงหน้าหวาน พวงแก้มสีเรื่อ ริมฝีปากเป็นกระจับ ผมยาวถึงช่วงเอวคอด และที่ดึงดูดเขามากที่สุดคือดวงตาเรียวที่แววหวานสะท้อนออกมาชวนน่าลุ่มหลง หน้าอกแต่งตึงปราศจากสิ่งใดบดบัง ทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน
 
            ราวกับสติหลุดลอย อาโปคว้าหญิงสาวแปลกหน้าเข้ามาใกล้ตัว สองมือแกร่งจับไหล่บางไว้ มีเพียงแววตาที่บอกได้ถึงความปรารถนาในเรือนร่างนี้มากเพียงใด
 
            “เจ้าเป็นใคร”
 
            สาวงามไม่ตอบ ส่งเพียงยิ้มหวานอย่างเอียงอาย
 
            ราวกับสตินึกคิดจะเลือนหายไปจากหัวเทพหนุ่มเสียแล้ว เมื่อเขาค่อยๆโน้มหน้าลงหมายจุมพิตลงบนริมฝีปากสีหวาน ที่เจ้าของไม่ได้ขัดขืนกลับหลับตาพริ้มอย่างยินยอม
 

            ป้อก!
 

            ไม่ทันจะได้ลิ้มรสให้สมใจ เมื่อก้อนหินก้อนหนึ่งพุ่งตรงมายังหน้าผากของเขา ทำให้อาโปผละห่างจากหญิงสาว กุมส่วนที่โดนด้วยความเจ็บ แม้เลือดจะไม่ออก แต่เขารู้สึกว่ามันจะต้องบวมช้ำแน่นอน
 
            “ใครบังอาจมาปาหินใส่ข้า! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” อาโปกำหมัดแน่น หายใจฟึดฟัดเมื่อความโกรธนั้นแทบจะทะลุออกมานอกอก โดยไม่สนใจหญิงสาวปริศนาที่ตอนนี้เริ่มมีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงบนร่างขาวนวลนั้นแล้ว
 
            ใบหน้าขาวผ่องเปลี่ยนเป็นเขียวช้ำ เลือดไหลออกมาจากทางหัวตาที่แดงก่ำ เล็บมือยาวแหลมคม
 
            “หึ หึ.” เสียงหัวเราะแหบๆ เรียกความสนใจจากอาโปให้หันมามอง ตาคมเบิกโพลง เมื่อตรงหน้าเขาไม่ใช่หญิงสาวแสนสวยอีกต่อไปแล้ว
 
            “รีบขึ้นมาจากน้ำ! ถ้าเจ้าไม่อยากให้นางดูดวิญญาณ”เสียงผู้ชายที่มองไม่เห็นตัวร้องเตือนเขาอยู่ในความมืด
 
            อาโปมองปีศาจตรงหน้าเขม็ง กล่าวด้วยเสียงอันดุดัน
 
            “หากยังไม่อยากตายเป็นครั้งที่สอง จงกลับไปยังที่ของเจ้าซะ”
 
            นางปีศาจพรายน้ำหาได้สนใจคำขู่ไม่ กลับแสยะยิ้ม ไร้สิ้นความงดงามที่นางได้เคยหลอกตาเขา
 
            “อย่าใจร้ายกับข้านักเลย..ในเมื่อท่านก็หลงใหลในตัวข้ามิใช่รึ? เหตุใดถึงได้ขับไล่ข้าเสียล่ะ หึๆ” เล็บยาวไล้ไปตามโครงหน้าหล่อเหลาอย่างยั่วยวน แต่อาโปสะบัดหน้าหนี นั่นทำให้นางปีศาจหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มือหยาบเหี่ยวคว้าคอของชายหนุ่มเข้ามา แล้วประกบจูบลงบนปากหนาอย่างรวดเร็ว
 
            เทพหนุ่มไม่ทันได้ตั้งตัวพยายามจะผลักนางออก แต่เพียงชั่วครู่เขากลับรู้สึกถึงความปรารถนาที่พวยพุ่งขึ้นมาจนไม่อาจจะมีสติ ปากหยักหนาจึงบดขยี้ลงบนปากนางปีศาจอย่างรุนแรงอย่างลืมตัว
 
            อาโปร้อนไปทั้งตัว แก่นกายเครียดขึง เขาอยากปลดปล่อยความตึงเครียด แต่สติที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงนิด กู่ร้องให้เขาหยุด ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะอยู่ภายใต้การควบคุมของนางปีศาจได้ แต่เพียงไม่นานความรุ่มร้อนจากความปรารถนาปรับเปลี่ยนเป็นความรู้สึกล่องลอย ราวกับเขากำลังลอยไปในห้วงอากาศ เรี่ยวแรงที่มีเริ่มถดถอย
 
            และก่อนที่เขาจะหมดความเป็นตัวของตัวเองไป มีใครบางคนมากระชากเขาออกจากนางปีศาจ เสียงหวีดร้องอย่างฉุนเฉียวและเจ็บปวดนั้นไม่ได้ช่วยทำให้สติของเขาคืนมามากเท่าใดนัก
 
            เทพหนุ่มไม่รู้ว่านางปีศาจพรายน้ำยอมถอยไปเพราะอะไร แต่เขายังพอได้เห็นหน้าใครบางคนก่อนที่สติจะดับวูบไป

[ต่อข้างล่าง]           
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ ตอน วิหคแสนกล 01/07/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 01-07-2017 23:05:20
[ต่อ1]           

            กนต์ธรยืนกอดอกหน้ายุ่ง เหลือบมองมนุษย์เบื้องหน้าอย่างกังวลเล็กน้อย เมื่อเจ้าหนุ่มที่มันรังแกเขาเมื่อวานไม่ยอมตื่นจากนิทราเสียที หรือว่ามันจะโดนดูดจิตไปด้วย? ชายหนุ่มคิดอย่างกังวล คิ้วมนยิ่งยุ่งไปใหญ่เมื่อคิดว่ามันอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย ทั้งที่เขาอุตส่าห์ช่วยมันไว้ถึงขนาดยอมแปลงกายเป็นมนุษย์ทั้งที่จะไม่ทำถ้าไม่จำเป็นเลย
 
            การแปลงกายเป็นมนุษย์ในแต่ละครั้งกินเวลานานเป็นเดือน ซึ่งมันทำให้การดำรงชีพในป่านั้นลำบากสำหรับเขายิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เพราะเมื่อแปลงร่างเป็นมนุษย์แล้วเขาจะสูญเสียพลังวิเศษ เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
 
            ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด เท้าเปลือยเปล่าข้างหนึ่งจึงเขี่ยสีข้างเจ้ามนุษย์หน้าโง่อย่างระบายอารมณ์นิดๆ
 
            ร่างสูงใหญ่ที่นอนบนพื้นหญ้าภายใต้ต้นไม้ใหญ่ ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆปรือตาขึ้น ภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือกิ่งไม้ที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้สีเขียวสด ชายหนุ่มคลึงหัวคิ้วเมื่อเขารู้สึกปวดกระบอกตานิดๆ
 
            เมื่อปรับสภาพร่างกายได้เขาจึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง จึงได้รู้ว่าตนได้มานอนอยู่ที่ทุ่งหญ้าไม่ใช่ที่ๆเขาอยู่เมื่อคืนนี้
 

            เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
 

            กนต์ธรที่กระโดดหลบกะทันหันเมื่อเห็นมนุษย์นั่นขยับตัว ค่อยๆก้าวขาเข้าไปอยู่ในรัศมีสายตาของอาโปที่นั่งนิ่งอย่างกล้าๆกลัวๆ
 
            เทพหนุ่มขมวดคิ้วมองชายร่างบางตรงหน้าอย่างพยายามนึกว่าเขาเคยเห็นหน้าจากที่ไหน แล้วภาพสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสติก็วาบเข้ามาในหัว
 
            “เจ้า? ที่ช่วยข้าไว้เมื่อคืน?”
 
            กนต์ธรเม้มปากมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่พอใจ ตอบด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก
 
            “ถ้าไม่ใช่ข้า แล้วจะใครล่ะ เจ้าเห็นใครนอกจากข้าไหมล่ะ”
 
            อาโปเผลอถอนหายใจเมื่อเจอวาจายอกย้อนของคนตรงหน้า เขาเพ่งมองอาภรณ์ที่หลวมโครกบนเรือนร่างนั่นด้วยดวงตาเบิกโพลง เพราะมันเหมือนกับของเขาเสียเหลือเกิน
 
            “เจ้าไปได้เสื้อผ้าชุดนี้มาจากที่ใดรึ ช่างเหมือนของข้านัก” อาโปร้องถาม
 
            กนต์ธรกัดเล็บเหลือบมองชายหนุ่มที่ยังนั่งบื้อ ด้วยแววตาแสนซุกซน
 
            “ตื่นมาก็พูดมากเลยนะเจ้าน่ะ ขอบคุณข้าสักคำก็ไม่มี..ส่วนนี่ก็เสื้อผ้าของเจ้านั่นแหล่ะ จะของใครล่ะ” หัวเราะคิกคักเมื่อเห็นมนุษย์หน้าโง่ทำหน้าเหวอ เมื่อก้มมองที่เนื้อตัวแล้วกลับพบว่าตนเปลือยเปล่า ไม่มีสิ่งใดบดบังร่างกายแม้แต่อย่างเดียว
 
            อาโปรีบเอามือปิดบังกลางลำตัวไว้อย่างประหม่าปนโมโหที่ชายหนุ่มตรงหน้าทำเหมือนต้องการกลั่นแกล้งเขา
 
            เทพหนุ่มพยายามทำใจเย็นทั้งที่ในอกนั้นร้อนรุม อยากต่อว่าเจ้าหนุ่มตรงหน้านักที่บังอาจมาขโมยเสื้อผ้าของเขาไปใส่ นี่คงจะปล่อยให้เขานอนตัวล่อนจ้อนทั้งคืนเป็นแน่
 
            “...เรื่องที่ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าขอบคุณท่านมาก หากมีเรื่องใดที่ข้าตอบแทนบุญคุณท่านได้ ได้โปรดบอกมา...แต่ได้โปรดคืนเสื้อผ้าให้ข้าเถิด”
 
            กนต์ธรเลิกคิ้ว ปากบางคลี่ยิ้มหวานหยด ช่างเป็นภาพที่น่าดู แต่ไม่ใช่ในตอนนี้ที่อาโปรู้สึกไม่ไว้วางใจรอยยิ้มของชายหนุ่มคนนี้เลย
 
            “งั้นข้าขอให้เจ้าออกไปจากป่าของข้า...ได้หรือไม่? แล้วข้าจะคืนเสื้อผ้าให้เจ้า ตกลงหรือไม่” กนต์ธรมั่นใจว่าเจ้ามนุษย์นี่ต้องยอมแน่นอน
 
            อาโปรู้ว่าเขาคงไม่เป็นที่ชอบใจของเจ้าหนุ่มนี่นัก แต่จะให้เขากลับเพราะเรื่องนี้มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ แล้วเขาก็ชอบบรรยากาศที่นี่ ดังนั้นเขาจะไม่ทำตามความตั้งใจของเจ้านี่เด็ดขาด
 
            “หากเจ้าอยากได้ ข้ายกให้เพื่อตอบแทนที่เจ้าเคยช่วยชีวิตข้าไว้ เดี๋ยวข้าหาอย่างอื่นมาใส่ชั่วคราวก่อนก็ได้..ขอบคุณอีกครั้งนะ”
 
            เทพหนุ่มลุกขึ้นยืน มือมิได้ปิดบังส่วนใดของร่างกาย ก้าวเดินผ่านกนต์ธรไปอย่างไม่สนใจ
 
            “ด..เดี๋ยวก่อน” เจ้านกหนุ่มอึ้ง พูดเสียงหลง อาโปหยุดเดินเพื่อรอฟังว่าเจ้าหนุ่มนี่จะพูดอะไรกับเขา
 
            “เจ้าแน่ใจรึ ว่าจะอยู่ในสภาพนี้ได้ ข้าว่ามัน...”
 
            “ข้าไม่กังวลกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หรอก ขอให้เจ้าโชคดี ข้าไปล่ะ”
 
            รู้ตัวอีกทีกนต์ธรก็คว้าข้อมือของชายผู้นี้ไว้ เขาไม่เข้าใจตนเองนักว่าต้องการจะไล่เจ้าหนุ่มนี่ออกไปจากป่าจริงๆหรือกำลังจะหาเรื่องให้ตนเองต้องยุ่งยากเพิ่มกันแน่
 
            “ถึงเจ้าจะไม่ละอายกับสภาพอุจาดตาของเจ้า แต่ข้าและสัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่รับไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้น..” กนต์ธรหลับตาสะกดกลั้นอารมณ์สองขั้วที่ตีกันพัลวันอย่างตัดสินใจ
 
            “ตามข้ามา” สองขาเพรียวก้าวเดินนำหน้าอย่างรวดเร็ว อาโปตั้งตัวแทบไม่ทันเมื่อเจ้าหนุ่มนี่ลากเขาให้เดินตาม
 
            เส้นผมสีน้ำตาลยาวประบ่า ไหล่กว้างผึ่งผาย แขนเรียวขาวโผล่พ้นแขนเสื้อ อยู่ในสายตาของเทพหนุ่ม ดวงหน้าขาวไร้ตำหนิ ผุดผ่องสุขภาพดี คอยหันมามองเขาอยู่เป็นระยะด้วยใบหน้าที่ยุ่งเหยิง
 
            ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้ม เมื่อรู้สึกเอ็นดูชายหนุ่มผู้นี้นัก ทั้งที่ต้องการไล่ให้เขาไปจากที่นี่ แต่เหตุใดถึงได้เปลี่ยนใจจะช่วยเขาขึ้นมากันนะ
 
            ยิ่งเดินเข้ามาลึก อาโปยิ่งสงสัยเมื่อสภาพแวดล้อมข้างทางเริ่มเปลี่ยน ต้นไม้ดูจะเต็มไปด้วยเถาวัลย์ที่เกี่ยวพันทั้งต้นอย่างหนาแน่น พุ่มไม้ขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า โดยที่เจ้าหนุ่มเบื้องหน้าที่ปล่อยมือเขานานแล้ว แหวกพุ่มไม้เข้าไปก่อน
 
            เทพหนุ่มลังเลเล็กน้อย แต่เขาก็ตัดสินใจตามเข้าไปแต่โดยดี
 
            ภาพเพิงไม้โล่งๆปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา มีใบไม้เหี่ยวเฉากองเต็มหลังคาที่มีหญ้าฟางมุงไว้ แม้จะดูผุเก่า แต่มันคงเป็นที่พักพิงของชายผู้นี้
 
            กนต์ธรเดินขึ้นบนเพิงไม้ที่มีฝุ่นเกาะหนา เปิดกล่องไม้เก่าๆที่วางอยู่มุมหนึ่งของพื้น หยิบเสื้อผ้าที่เขาเก็บไว้นานออกมาสลัดฝุ่น เขาคงต้องถอดชุดคืนให้เจ้ามนุษย์นั่น เพราะชุดของเขาดูเล็กไปหากจะให้เจ้านั่นใส่
 
            เท้าเปลือยขาวก้าวลงมายืนเบื้องหน้าอาโป
 
            “ข้าคงต้องถอดชุดคืนเจ้า”
 
            เทพหนุ่มพยักหน้า จ้องมองกนต์ธรขณะถอดเสื้อ เจ้านกหนุ่มรู้สึกว่าเจ้าหนุ่มนี่จ้องเขามองจริงจังจนประหม่า เลยออกปากสั่งอย่างหงุดหงิดนิดๆ
 
            “เจ้าหันหลังไปซิ ยืนมองคนแก้ผ้าอยู่ได้ ทำอย่างกะไม่เคยเห็น”
 
            อาโปหลุดหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นผิวขาวๆนั้นแดงเรื่อทั่วทั้งตัวราวกับเจ้าของกำลังเขินอายเขาอยู่
 
            “อ้อ ได้ โทษทีข้าคิดว่าเราเป็นชายเช่นเดียวกันจึงไม่ทันคิดว่าเจ้าจะอายข้า” กล่าวเสร็จอาโปก็ยอมหันหลังให้แต่โดยดี หาได้ใส่ใจว่าเจ้านกหนุ่มจะถลึงตามองเขาอย่างหงุดหงิดมากเพียงใด
 
            กนต์ธรสะกิดไหล่ชายหนุ่มพรางส่งอีกชุดคืนเจ้าของไปเมื่อเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว
 
            อาโปรับเสื้อผ้ามาใส่ เขารู้สึกดีขึ้นมากเมื่อไม่ต้องเดินโทงเทงไปมาอีกแล้ว ใบหน้าคมปรากฏรอยยิ้มอย่างขอบคุณ ก่อนกล่าว
 
            “ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือข้าทุกอย่าง หากท่านยังอยู่ที่นี่เราคงได้พบกันอีก ข้าคงต้องไปแล้ว..”
 
            “เจ้ายังจะไปต่ออีกรึ? เจ้าไม่รู้หรือว่าในป่านั้นมีอันตรายมากมาย ทั้งสัตว์มีพิษ หรือแม้แต่ภูติปีศาจ เจ้าจะรับมือพวกมันได้รึ ดูอย่างเมื่อคืนหากข้าไม่ช่วยเจ้าไว้ ป่านนี้เจ้าคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก”
 
            อาโปเพิ่งเข้าใจว่าสาเหตุที่เจ้าหนุ่มคนนี้ต้องการให้เขาออกไปจากป่าแห่งนี้ เป็นเพราะห่วงว่าเขาจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่สินะ
 
            “ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายข้าได้หากข้าไม่ยินยอมหรอกนะ ขอท่านจงวางใจเถิด”
 
            “จะบอกข้าว่าเจ้ายอมให้ปีศาจตนนั้นทำร้ายน่ะรึ? หึ จะบอกว่าข้าเข้าไปยุ่งเองสินะ” กนต์ธรรู้สึกโมโหที่เจ้าหนุ่มนี่พูดจาอวดดีเสียเหลือเกิน ทั้งที่เขาไม่อยากให้มนุษย์หน้าไหนมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แม้สักคนเดียว
 
            “ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้น ข้าแค่จะบอกเจ้าว่าข้าสามารถดูแลตัวเองได้” อาโปอยากบอกเหลือเกินว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่หากบอกไปเจ้าหนุ่มนี่จะเชื่อหรือ ยิ่งเหตุการณ์เมื่อคืนที่เขาเกือบเพลี่ยงพล้ำให้นางปีศาจนั่นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ยากในการเชื่อถือ
 
            กนต์ธรพยักหน้า แสร้งยิ้ม หากแววตามีประกายของความไม่พอใจต่อคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า

            “งั้นก็ตามใจเจ้าเถิด อยากจะทำอะไรก็ทำ ข้าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคนเช่นเจ้าอีก”ร่างบางหันหลังหนี รู้สึกว่าความหวังดีของเขาจะไม่เป็นผล ในเมื่อมนุษย์หน้าโง่คนนี้ยังคงดื้อด้าน
 
            “เอ่อ...ขออภัยหากทำให้ท่านขุ่นใจข้า แต่ข้าแค่อยากหาที่สงบสักที่อยู่สักระยะหนึ่งเท่านั้น...เมื่อข้าพอใจแล้ว ข้าจะไปจากที่นี่แน่นอน ข้ารับปาก”
 
            กนต์ธรหันขวับกลับมามองร่างสูง เมื่อได้ฟังจุดประสงค์ที่แท้จริงของชายหนุ่ม คิ้วคมขมวดมุ่นเมื่อเริ่มสงสัยบางอย่าง
 
            “พูดอย่างกับว่าเจ้ากำลังทุกข์ใจ แล้วต้องการหาที่สงบอยู่ตามลำพังกระนั้นแหล่ะ..หรือว่าเจ้าหนีอะไรมากันแน่?”เจ้านกหนุ่มมองอาโปอย่างไม่ไว้ใจ
 
            เทพหนุ่มถอนหายใจ ยกมือลูบคิ้ว ใบหน้าคมยิ้มมุมปากอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
 
            “คิดว่าข้าบอกความต้องการของข้าไปแล้วนะ”
 
            “อ้อ! จะบอกว่าข้าสาระแนเรื่องของเจ้าสินะ”
 
            “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงได้คิดในแง่ร้ายนัก”
 
            “คงเพราะข้าไม่เคยเห็นว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนอยู่ในป่านี้ได้เกินสามวัน หากไม่โดนสัตว์ร้ายฆ่า ก็โดนพวกภูติมาลวงดูดวิญญาณไป ดังเช่นที่เจ้าเคยได้เจอมาแล้ว เจ้าไม่เข้าใจเลยรึ”
 
            “ข้าเข้าใจ..แล้วท่านไม่ได้ช่วยพวกเขาเหมือนเช่นที่ช่วยข้าหรอกรึ?”
 
            “ข้า..” ริมฝีปากบางสั่นระริกอย่างไม่รู้ตัว กนต์ธรหลับตาลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตลอดหลายปี ทำไมเขาจะไม่ช่วย แต่บางครั้งมันก็เกินความสามารถของเขา ใครจะคิดว่าป่าที่แสนงดงามแห่งนี้จะมีอะไรที่น่ากลัวซ่อนอยู่มากมายนัก
 
            “ใช่ว่าข้าจะช่วยได้ทุกคน” เจ้านกหนุ่มลืมตามองอาโปเขม็งทั้งที่ภายในใจนั้นเศร้าสลด
 
            “คงเป็นบุญของข้าที่รอดมาได้ ขอบคุณที่ท่านเป็นห่วงข้า”
 
            “ข้าไม่เคยพูดว่าห่วงเจ้า!”
 
            อาโปยิ้มขัน เมื่อคนตรงหน้าพยายามกลบเกลื่อนอาการด้วยแววตาวาววับอย่างเอาเรื่อง
 
            “ข้าคงต้องไปแล้วจริงๆ ขอบคุณเจ้าอีกครั้งนะ”
 
            “เชิญ!”
            .
            .
            .
            .
            หลังจากทำความสะอาดเพิงไม้เสร็จเรียบร้อย กนต์ธรจึงได้มีเวลาไปเก็บผลไม้มาประทังท้อง ร่างบางป่ายปืนไปบนต้นเงาะป่าอย่างทุลักทุเล เพราะเขาไม่ได้แปลงกายเป็นมนุษย์มานานหลายปีแล้ว การใช้ขาจึงยังไม่มั่นคงมากนัก
 
            เขาเกาะกิ่งที่มีขนาดเท่าแขนไว้อย่างกลัวตก การเป็นมนุษย์เป็นอะไรที่ลำบากสำหรับเขามาก ทำอะไรก็ไม่สะดวก เขาอยากคืนร่างโดยไว เพราะอยู่ในร่างมนุษย์นานเท่าใด เขาก็ยิ่งจะมีอันตรายมากเท่านั้น
 

            หรือเราจะไปขอพักอยู่กับเทพพิทักษ์ป่าดี?
 

            กนต์ธรคิดอย่างหนักใจ หากท่านเทพพิทักษ์ป่าอยู่คนเดียวเขาคงจะรีบไปตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว แต่นี่ท่านมีภรรยาอยู่ด้วย หากตนไปก็จะเป็นการรบกวนพวกเขาน่ะสิ   
                                                                                                                                                                                                                                                                                             

            เพราะมัวแต่ครุ่นคิดเหม่อลอย ทำให้เจ้านกหนุ่มไม่ทันได้เห็นว่ามีสัตว์ร้ายได้เลื้อยมาบนกิ่งที่เขาอยู่อย่างเงียบเชียบ
 
            เสียงขู่ฟ่อ จากงูเห่าในระยะกระชั้นชิด ทำให้กนต์ธรตกใจ เผลอปล่อยมือจากกิ่งไม้ล่วงลงมาสู่พื้น จากความสูงสี่เมตร ชายหนุ่มร้องโอดโอยกุมขาข้างซ้ายด้วยความเจ็บปวด
 
            เจ้างูร้ายนั้นเลื้อยลงมาตามลำต้น คล้ายต้องการจะมาทำร้ายเขาให้ได้ กนต์ธรหน้าซีดเผือด ถดตัวถอยหลังอย่างตกใจ
 
            หากยังไม่ทันที่มันจะทำอะไรเขาได้ ก็มีบุคคลหนึ่งปรากฏตัวขวางหน้าเขาไว้ เจ้างูหยุดคืบคลานแผ่แม่เบี้ยอย่างแสดงอำนาจ มันจ้องตากับชายตรงหน้าเขม็ง เสียงขู่ยังคงดังต่อเนื่อง แต่เมื่อผ่านไปสักพัก อสรพิษร้ายกลับยอมล่าถอยไปแต่โดยดี นั่นสร้างความประหลาดใจให้เขายิ่งนัก
 

            หรือว่าชายผู้นี้มีวิชาไล่งู?
 

            กนต์ธรส่ายหัว ลบความคิดเพ้อเจ้อนั้นไป พยายามลุกขึ้นยืนแต่เขาก็ต้องนั่งตามเดิม เมื่อขาข้างซ้ายนั้นได้รับบาดเจ็บจนอาจจะหักไปแล้วก็เป็นได้         
 
            เทพหนุ่มหันกลับมามองคนเก่งที่ดูจะสิ้นฤทธิ์ เขานั่งยองมองคนตรงหน้าที่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ริมฝีปากบางเม้มแน่นราวกับสะกดกั้นเสียงแห่งความเจ็บปวด ยิ่งเห็นว่าข้อมือขาวกุมขาไว้แสดงว่าต้องได้รับบาดเจ็บเป็นแน่
 
            “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ปวดที่ขารึ?”อาโปถามอย่างเป็นห่วง
 
            “เจ้ามาทำอะไรที่นี่” กนต์ธรไม่ตอบแต่ถามชายหนุ่มกลับ
                                     
            “พอดีว่าข้าหิวก็เลยมาเก็บผลไม้แถวนี้ เผอิญข้าได้ยินเสียงคนร้อง ข้าเลยมาดู จึงรู้ว่าเป็นเจ้า”
 
            “ข..ข้าไม่เป็นไร เจ้าไปเถอะ” กนต์ธรหลบตา กล่าวเสียงสั่น
 
            “แน่ใจรึ?” คิ้วคมเลิกขึ้นอย่างไม่เชื่อ เขาเห็นอยู่กับตาว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ แล้วเหตุใดถึงไม่บอกเขา   
 
            “ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ เจ้าไปเถอะ” กลั้นใจบอก ทั้งที่ปวดขาแทบแย่
 
            เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนยันเช่นนั้น อาโปจึงลุกขึ้นจะหันหลังกลับ แต่เขาเกิดเปลี่ยนใจ ก้มลงช้อนร่างบางตรงหน้าเข้ามาสู่อ้อมแขน
 
            อารามตกใจทำให้กนต์ธรคล้องคอเทพหนุ่มไว้แน่น
 
            “เจ้าอุ้มข้าทำไม ปล่อยข้าลงนะ”
 
            “เจ้าเดินไม่ไหวหรอก ให้ข้าไปส่งเจ้านะ” พูดพร้อมกับยิ้มละไม นั่นทำให้กนต์ธรอ้าปากค้างอย่างอัศจรรย์ใจเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรอยยิ้มที่งดงามมากขนาดนี้
 
            “ต..ตามใจเจ้าเถอะ ข้าทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่” เขายอมจำนนแต่โดยดี เมื่อรู้ว่าตนไม่มีทางกลับไปที่เพิงไม้ได้หากอยู่ในสภาพนี้ ตาคมเรียวมองดวงหน้าของคนที่กำลังอุ้มเขาไว้ด้วยความรู้สึกแปลกๆ สันจมูกโด่ง ริมฝีปากหนาสีอ่อน คิ้วเข้ม ดวงตาคมที่คอยจะเหลือบมาจ้องมองเขา จนเขาแทบหลบตาไม่ทัน
 
            อาโปยิ้มมุมปาก เมื่อรับรู้ได้ว่าคนในอ้อมแขนนั้นจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าแบบไหน หากเจ้าตัวคงไม่อยากจะเชื่อแน่ว่าจะทำเช่นนั้น

 
            มองแบบชื่นชมแบบนั้น ก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ
            .
            .
            .
            เมื่อวางร่างบางไว้บนแคร่ไม้ไผ่ใต้เพิงไม้เรียบร้อย อาโปก็เช็คอาการให้ ปรากฏว่ากนต์ธรนั้นขาหักจริงๆแต่หักไม่มากนัก เขาจึงต้องไปหาท่อนไม้ไผ่มาดามขาซ้ายให้ แม้จะทุลักทุเลเพราะว่าคนเจ็บนั้นขัดขืนเพราะความเจ็บปวด แต่เขาก็ทำสำเร็จจนได้
 
            เสียงโครกครากดังมาจากท้องของคนเจ็บ ทำเอาอาโปอดขำออกกมาเบาๆไม่ได้ จนได้รับสายตาอันเขียวปั้ดกลับมา เขาจึงอาสาออกไปหาอาหารมาให้ ซึ่งกนต์ธรนั้นไม่ได้ขัดข้องอะไรแล้ว เพราะหากเขาปฏิเสธน้ำใจจากอีกฝ่าย แล้วใครจะหาให้เขากินล่ะ
 
            เมื่ออิ่มกับเหล่าผลไม้ที่เทพหนุ่มหามาให้ กนต์ธรจึงเริ่มเป็นฝ่ายชวนอีกคนคุย เพื่อทำให้บรรยากาศระหว่างเขาสองคนดีขึ้น อย่างน้อยอีกฝ่ายก็มีน้ำใจกับเขา
 
            “ข้าชื่อกนต์ธร” คุยกันมาตั้งนาน แต่ต่างฝ่ายต่างยังไม่รู้ชื่อของกันและกัน การเริ่มสนทนาด้วยประโยคนี้ถือว่าดีที่สุดแล้วสำหรับเขา
 
            ร่างหนาที่นั่งข้างๆหันมายิ้มมุมปาก กล่าวแนะนำตัวเช่นกัน
 
            “ข้า..อาโป”
 
            “ขอบคุณนะอาโปที่ช่วยข้า...แล้วเจ้าจะเดินทางต่อตอนไหนรึ”
 
            อาโปมองดวงหน้าขาวของอีกฝ่ายก่อนตอบ
 
            “ข้าคิดว่าจะอยู่กับเจ้าที่นี่จนกว่าเจ้าจะหายดี ข้าจึงจะไปต่อ”
 
            ร่างบางเบิกตากว้าง โบกมือพัลวัน
 
            “เจ้าไปเถิด ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้าหรอก ข้าดูแลตัวเองได้”
 
            คนฟังส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยนักกับความคิดนั้น
 
            “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ในป่านี้เพียงลำพังมาจนถึงวันนี้ได้อย่างไรนะ แต่ตอนนี้เจ้าไม่สามารถที่จะอยู่เพียงตัวคนเดียวในสภาพนี้ได้หรอก...ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนดีกว่านะ”
 
            “แต่ข้าไม่อยากรบกวนเจ้า ความตั้งใจของเจ้าจะมาพังเพราะข้าไม่ได้หรอก”
 
            “ข้าไม่ได้สูญเสียความตั้งใจแรก...แต่เพราะตอนนี้ข้าอยากอยู่ที่นี่กับเจ้ามากกว่า”
 
            กนต์ธรเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น เมื่อฟังประโยคที่คนพูดอาจไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คนฟังนี่สิคิดไปไกลแล้ว
 
            “อย่าบอกนะว่าเจ้า...ชอบข้า?” กลืนน้ำลายดังอึก หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาคงต้องระวังตัวให้มาก
 
            อาโปหน้าเหวอกับคำพูดนั้น แต่ตาคมกลับทอแววหวาน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าคนที่กำลังตื่นตกใจอย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่าคนเจ็บมีท่าทางประหม่า อาโปเลยหลุดขำออกมาอย่างเห็นตลก
 
            “เจ้าอย่ากังวลเลย ข้าไม่คิดเช่นนั้นกับเจ้าแน่นอน หึหึ”
 
            คนฟังหน้ามุ่ย ปากยื่น
 
            “ก..ก็ดีแล้ว อย่างไรบุรุษก็ควรคู่กับสตรีที่สุด” แม้จะหน้าแตกเล็กน้อย แต่คำพูดของอาโปมันดูกำกวมจริงๆนี่
 
            “เจ้าคงไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับความรักสินะ..เท่าที่ข้ารู้ ความรักไม่ได้จำกัดแค่เพศที่ต้องเกิดมาคู่กันหรอกนะ ชายหญิงคู่กันเป็นอะไรที่เหมาะสม แต่คนสองคนต้องรักกันด้วยมันจึงเรียกว่าความรักได้..แล้วถ้าหากคนที่รักไม่ใช่เพศที่กำหนดมาคู่กันล่ะ? ข้าว่านะ หากรักใครสักคน ความเหมาะสมก็ไม่ใช่ส่วนสำคัญแล้วล่ะ…,มันก็แค่คนสองคนรักกัน”
 
            กนต์ธรเท้าคางมองอาโปพูดอย่างตั้งใจฟัง
 
            “มันมีจริงรึ? ความรักเช่นนั้นน่ะ”
 
            อาโปยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นสีหน้าไร้เดียงสาของอีกฝ่าย ทั้งที่เจ้าหนุ่มนี่น่าจะอายุมากกว่าเขาแต่ทำไมไม่ค่อยประสาเรื่องรักใคร่เอาเสียเลย
 
            “เชื่อข้าเถอะว่ามันมีจริงๆ” เมื่อจบประโยคนั้นทั้งสองต่างจ้องตากันเงียบ แต่ด้วยด้วยความรู้สึกแปลกๆ เจ้านกหนุ่มจึงเสหลบตาก่อน อย่างไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อดี
 
            “นี่ก็บ่ายคล้อยแล้ว ข้าจะไปหาฟืนมาไว้ก่อกองไฟสำหรับคืนนี้ก่อน เจ้าก็ควรพักผ่อนได้แล้วนะ” ร่างสูงบอก ก่อนจะเดินออกไปจากเพิงไม้
 
            “อืม” คนเจ็บพยักหน้าแล้วล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย มือกุมอกที่หัวใจกำลังเต้นด้วยจังหวะถี่
 
            กนต์ธรกัดปากแน่น เขาปฏิเสธตัวเองซ้ำๆว่าไม่ใช่และไม่มีทาง ก็แค่หวั่นไหวในความใจดีของอีกฝ่ายที่มีต่อเขาเท่านั้น ไม่มีทางจะเป็นอื่นแน่ คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็ข่มตานอนได้ แต่เหตุใดในฝันของเขาถึงได้มีแต่ภาพรอยยิ้มของอาโปด้วยนะ
           
[ต่อด้านล่าง]
                 
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ ตอน วิหคแสนกล 01/07/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Tonay ที่ 01-07-2017 23:06:03
            [ต่อ2]

            กลิ่นหอมของปลาย่าง ปลุกให้คนที่นอนใต้เพิงไม้ลืมตาตื่น ท้องประท้วงหนัก จนคนที่กำลังย่างปลาอยู่หันมามองด้วยยิ้มขำ
 
            “ตื่นแล้วหรือ ปลาใกล้สุกแล้วล่ะ อีกเดี๋ยวคงกินได้”
 
            คนฟังแกล้งขยี้ตากลบเกลื่อนความอับอายกับเสียงท้องที่ไม่ไว้หน้าตนเลย  พยักหน้าว่าเข้าใจอย่างส่งๆ
           
            กนต์ธรรู้สึกเหนียวเหนอะตัว อยากอาบน้ำเหลือเกิน แต่มันคงลำบากเกินไป เพราะเขาอยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยถนัดเลย
           
            เทพหนุ่มถือไม้ที่เขาใช้เสียบปลาตัวขนาดเท่าฝ่ามือส่งให้คนที่กำลังยกไม้ยกมือลูบคอตัวเองด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด
 
            “อะ สุกแล้วล่ะ...เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าเจ้าดูไม่ค่อยดีเลย”
 
            “ขอบคุณ” มือเรียวรับอาหารมาถือไว้ในมือ ปากบางขมุบขมิบบอกเบาๆ
 
            “ข้าไม่ค่อยสบายตัวน่ะ”
 
            “เจ้าอยากอาบน้ำ?”
 
            “เอ่อ..ข..ข้า..”
 
            “กินเสร็จแล้ว เดี๋ยวข้าพาไป”
 
            “หือ? ข้าไม่เป็นไรหรอก ข้าแค่...”
 
            “คืนนี้เจ้านอนไม่หลับแน่ถ้ายังไม่ได้อาบน้ำ เชื่อข้าเถอะ เพราะข้าก็จะไปอาบเช่นกัน”
 
            “อืม”                                           
 
            อาโปยิ้มอย่างพอใจในคำตอบของอีกฝ่าย เขากลับมาจัดการอาหารของเขาต่อ เนื้อปลาย่างนี่รสชาติดีกว่าที่เขาเคยกินเสียอีก
 
 คนตัวโตหารู้ตัวไม่ว่าใบหน้าเปื้อนยิ้มของตนนั้นดึงดูดให้อีกคนมองเขาด้วยสายตาเช่นไร
 
               อาหารที่เขาไม่ได้ลิ้มรสมานาน ทำให้เจ้านกหนุ่มกินเหลือเพียงแค่ก้างเท่านั้น ทำเอาคนทำให้กินยิ้มแก้มปริ
 
               “ไปกันเถอะ”ตาเรียวเบิกกว้าง เมื่ออาโปช้อนเอวเขาสู่อ้อมแขนกว้างโดยไม่ทันตั้งตัว แขนเรียวตวัดคล้องคอชายหนุ่มอย่างไว มองอีกฝ่ายด้วยความเกรงใจ
 
               “เดี๋ยวข้าใช้ไม้เท้าที่เจ้าหามาให้ก็ได้ ปล่อยข้าลงเถอะ” กนต์ธรบอกด้วยสีหน้าลำบากใจ
 
               “หากใช้ไม้เท้า แล้วจะถึงลำธารเมื่อใดกันเล่า? ข้าอุ้มไปไม่นานก็ถึงแล้ว เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก” อาโปบอกด้วยท่าทีสบายๆ นั่นทำให้เจ้านกหนุ่มจำยอมแต่โดยดี
 
               “ก็ได้...หากเจ้าอุ้มข้าไม่ไหวก็ปล่อยข้าลงนะ”
 
               “อืม” ร่างสูงยิ้ม คนมองใจสั่นเมื่อเผลอมองยิ้มนั้นอย่างไม่ตั้งใจ กนต์ธรไม่อยากให้ตนเองต้องทำอะไรแปลกๆออกไป จึงซบหัวลงบนอกของอาโปเพื่อว่อนแววตาของตนเองอย่างหวั่นใจ
 
               แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังเห็นยิ้มของอาโปอยู่ดี เพราะมันคงฝังเข้าไปในหัวของเขาเสียแล้ว
 
               เมื่อถึงจุดหมาย ร่างสูงก็จัดการถอดเสื้อผ้าทั้งของตนเองและของหนุ่มอีกคนออก จากนั้น อาโปก็เดินลงไปในน้ำแล้ววางคนเจ็บลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากริมลำธารประมาณสามเมตร น้ำสูงขนาดช่วงเอวของอาโปพอดี 
 
               ชายหนุ่มคอยวักน้ำ รินรดลงบนตัวของกนต์ธรแล้วขัดถูให้อีกฝ่ายอย่างตั้งใจ  ทั้งที่คนเจ็บนั้นคอยปัดป้องไม่ให้เขาคอยช่วย แต่เขาอาสาทำให้ด้วยความเต็มใจ โดยให้เหตุผลว่าเขามีน้องชายหลายคน อาบน้ำให้กันก็บ่อย เรื่องแค่นี้สบายมาก ซึ่งคนเจ็บก็ต้องยินยอมแต่โดยดี เมื่อไม่ว่าจะบอกเช่นไร ชายหนุ่มตรงหน้าก็ต้องหาเหตุผลมาหักล้างเขาจนได้
 
                เนื้อตัวขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อปรากฏต่อหน้าอาโป ชายหนุ่มคิดว่าเขาคงจะขัดตัวอีกฝ่ายแรงไป จึงเบามือขึ้น ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าอีกฝ่ายนั้นเขินอายเพียงใด ที่เกิดมาทั้งชีวิตเพิ่งจะมีใครได้แตะต้องตัวเขาได้มากขนาดนี้
 
               เมื่ออาบน้ำจนชุ่มปอดทั้งคู่ก็พากันกลับที่พัก ในตอนตะวันตกดินพอดี อาโปก่อฟืนหน้าเพิงไม้ ทั้งคู่นั่งข้างกัน มองแสงไฟตรงหน้าด้วยอารมณ์แตกต่างกัน
 
               “นานแล้วที่ข้าไม่ได้มานั่งตรงนี้ มันแปลกดีนะ ที่ข้าไม่ได้รู้สึกเหมือนครั้งก่อน” กนต์ธรเพ้อออกมาเป็นคำพูดที่ชวนให้อีกคนหันมาถามอย่างสนใจ
 
               “เหตุใดเจ้าจึงเอ่ยเช่นนั้น? เจ้ามิได้อยู่ที่นี่ประจำหรอกรึ?”
 
               เมื่อได้สติ เจ้านกหนุ่มก็กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเก้กัง
 
               “ห..หากข้าไม่อยู่ที่นี่แล้วข้าจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ เจ้าก็ถามแปลกนะ” ตาเรียวตวัดมองคนถาม
 
               “ก็เจ้าพูดเหมือนว่าเจ้าเพิ่งจะกลับมาอยู่ที่นี่ ข้าก็เลยสงสัย...ความจริงข้าก็ชักสงสัยว่าเหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่เพียงลำพังได้มาถึงขนาดนี้ ทั้งที่เจ้าบอกว่าใครก็ตามที่เข้ามาในป่าแห่งนี้ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องตาย...แล้วเจ้าทำไมถึงได้อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้ล่ะ”
 
               กนต์ธรอึ้งกับคำถามที่เขาไม่ได้เตรียมคำตอบมาก่อน ร่างบางขยับตัวออกมาห่างอาโปอย่างอึดอัด เขาถอนหายใจ กุมมือตัวเองแน่น สมองครุ่นคิดหาคำตอบที่ดูดีและมีความเป็นไปได้ที่สุด สองตาลอกแลกเมื่อร่างสูงมองเขาอย่างจับผิด
 
               “ข..ข้า ไม่รู้จะเริ่มต้นเช่นไร ข้าไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน” สีหน้าลำบากใจของกนต์ธร ทำให้คนที่จ้องอยู่ค่อยๆคว้ามือที่เขาบีบกันเสียแน่นออกมากุมไว้
 
               สองมือใหญ่ของอาโปกุมมือเรียวไว้อย่างอ่อนโยน ยิ้มใจดีถูกส่งให้คนที่มองเขาด้วยสายตาตื่นตะลึง
 
               นกหนุ่มกลืนน้ำลายเมื่อเผลอมองยิ้มนั้นอย่างเผลอใจ นานแล้วที่เขาไม่ได้รับความอบอุ่นจากใครเช่นนี้ เมื่อรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายส่งมาทางการสัมผัสที่นุ่มนวล คำบอกเล่าจึงพรั่งพรูออกมาจากปากบาง
 
               “ความจริงข้าไม่ได้อยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรกหรอก พ่อแม่ของข้ารับจ้างหาของป่าไปให้พวกคนเมืองน่ะ ข้าในตอนนั้นอายุแค่ห้าขวบก็ตามพ่อแม่มาด้วย พวกท่านมักเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย จนกระทั่งมาถึงที่นี่ ..ที่ที่พวกท่านมาเป็นที่สุดท้ายในชีวิต...”

          กนต์ธรในวัยเยาว์นั้น สดใสร่าเริง บิดามารดาต่างรักใคร่เอ็นดู พ่อแม่ของเขาเป็นคนชอบการผจญภัยในป่า การหาของป่านั้นสร้างรายได้ได้ค่อนข้างดีทีเดียว

              เป้าหมายที่พ่อแม่เขาหานั้นคือกล้วยไม้ป่าพันธุ์หายาก มีสรรพคุณคือสามารถนำมาสกัดเป็นยารักษาโรคภัยต่างๆให้หายได้ในเร็ววัน แต่วันนั้นคงเป็นโชคร้ายของพวกเขาที่นอกจากจะหาไม่เจอ ในตอนค่ำคืนกลับต้องเผชิญกับพายุโหมกระหน่ำทั้งที่ตอนกลางวันฟ้านั้นแจ้งสดใส เขาในตอนนั้นหวาดกลัวต่อเสียงฟ้าผ่า ฝนซัดสาดตัวจนเจ็บตัวไปหมด พ่อแม่ของเขาพยายามหาที่กำบังให้ แต่ด้วยแรงลมที่พัดอย่างไม่ปรานี ได้พัดพาร่างของพ่อหายไปท่ามกลางสายฝนที่ตกไม่ลืมหูลืมตา แม่เป็นห่วงพ่อมากจึงบอกให้เขารออยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วท่านก็ออกไปตามหาพ่อ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่กลับมาหาเขาอีกเลย   

             เขานั่งร้องไห้เฝ้ารอนานเท่าใดก็ไม่มีการปรากฏตัวของทั้งคู่ จนผ่านไปสามวันที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องของเขาเลยเลย ร่างกายเริ่มหมดแรง ไข้ขึ้นสูง ในวาระสุดท้ายในชีวิตของเขา เด็กน้อยหวังเพียงแค่ได้เห็นหน้าบุพการีเพียงสักครั้งเขาจะได้นอนตายตาหลับ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เห็นใครสักคน

            น้ำตาเด็กน้อยเริ่มแห้งเหือด มีเพียงหัวใจที่เต้นช้าลงเรื่อยๆ เขาหลับตาลงช้าๆ เมื่อเขาทนฝืนต่อไม่ไหวอีกแล้ว

            ทั้งที่คิดว่าตัวเองคงไม่รอดแล้ว ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนนอนอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งมองเขาด้วยความเป็นห่วง ทั้งคู่รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเขา รู้แม้กระทั่งว่าพ่อแม่นั้นไม่มีใครอยู่กับเขาอีกแล้ว

            เด็กน้อยร้องไห้ อยากกลับบ้าน ทั้งสองสามีภรรยาจึงถามเขาว่าจะกลับเช่นไร เขาในตอนนั้นได้แต่พร่ำบอกว่าหากเขาบินได้ เขาก็จะบินกลับ ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วถามกับเด็กน้อยว่าอยากจะเป็นนกอะไร ด้วยความที่ที่บ้านมีนกแก้วอยู่ตัวหนึ่ง มันเป็นนกที่เขารักมาก เด็กน้อยจึงตอบว่าอยากเป็นนกแก้ว

            ทั้งคู่จึงบอกว่าเขาสามารถเป็นนกแก้วได้ อยากจะเป็นจริงๆหรือเปล่า เด็กน้อยตอบอย่างไม่ลังเลว่าอยากเป็นที่สุดแล้ว

            เด็กน้อยในตอนนั้นได้เป็นนกแก้วสมใจ มันมหัศจรรย์มากที่คนอย่างเขาแปลงกายเป็นนกตัวน้อยได้ ด้วยความคิดถึงบ้าน เด็กน้อยรีบบินไปยังจุดหมายทันที โดยไม่ได้เอะใจว่าทั้งสองเป็นใคร รู้แต่ว่าเป็นผู้วิเศษและเป็นผู้มีพระคุณกับเขาที่สุดรองจากพ่อแม่ 

            เขากลับมาใช้ชีวิตเป็นนกแก้วอยู่กับเจ้านกแก้วที่เขาเคยเลี้ยงมันไว้ เขาเศร้าเสียใจจากการที่พ่อแม่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่เขาก็มีความสุขที่ได้มาอยู่กับเจ้าแก้วเพื่อนรัก

            เวลาล่วงเลยมาสองปี ความสุขที่เคยมีกลับถูกความตายมาพรากเจ้าแก้วให้จากเขาไปอย่างตลอดกาล เจ้านกน้อยร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ เมื่อที่พึ่งสุดท้ายของเขานั้นทิ้งเขาไว้แต่เพียงผู้เดียว ด้วยสภาพจิตใจที่บอบช้ำ เขาอยากได้เจ้านกกลับคืนมา

            นกแก้วบินกลับเข้าไปที่ป่าแห่งนั้นอีกครั้ง เขาไปหาชายหญิงคู่เดิมที่เขามารู้ทีหลังว่าทั้งคู่เป็นเทพที่คอยดูแลป่าแห่งนี้ เขาแปลงร่างเป็นคน เข้าไปขอความช่วยเหลือ ขอให้ช่วยเพื่อนของเขาด้วย แต่ทั้งคู่กลับปฏิเสธเขา บอกว่าสิ่งใดที่สิ้นอายุขัยไปแล้ว ไม่สามารถช่วยให้กลับคืนชีพได้ เขาร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจเมื่อไม่มีใครช่วยเขาได้เลย

            ในวันที่เขาตัดสินใจจะกลับบ้าน แต่แล้วเขาไม่สามารถกลับคืนในร่างนกได้ เขาจึงต้องอาศัยอยู่กับทั้งคู่ต่อจนครบสามสิบวันจึงจะคืนร่างนกได้ เด็กน้อยนั้นไม่พอใจในตัวทั้งสองคนที่ไม่ยอมช่วยนกเพื่อนของเขา จึงมีท่าทีปั้นปึ่งใส่ทั้งคู่ แต่เมื่อได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวัน ด้วยความใจดีและความเอาใจใส่ หรือแม้กระทั่งความเมตตาต่อเขา มันทำให้เด็กน้อยรู้สึกดีกับสองสามีภรรยา

            ทำให้เขาได้เปลี่ยนความคิดว่าหากเขากลับไป ที่นั่นก็ไม่มีใครรอเขาอยู่ หากเขาอยู่ที่นี่ อย่างน้อยเขาก็จะได้อยู่กับพ่อแม่ แม้จะไม่เห็นตัวตนก็ตาม แต่เขาเชื่อว่าพวกท่านต้องอยู่ที่นี่และอยู่ใกล้ๆเขาแน่

            หลังจากนั้นเด็กชายจึงไม่กลับไปที่บ้านอีกเลย ใช้ชีวิตอยู่ในป่าโดยแยกมาอยู่ตัวคนเดียว เนื่องจากเกรงใจเทพทั้งสอง เขาคอยขับไล่คนที่บุกรุกมายังป่าแห่งนี้ให้ออกไปให้พ้น ด้วยไม่อยากเห็นใครต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ เพราะอาจทำให้คนที่เฝ้ารอคนเหล่านั้นกลับบ้านอาจต้องรอเก้อ เพราะการสูญเสีย ดังเช่นเขา
.
.
.
.
            “เจ้าง่วงหรือยัง? หืม” มือหนายกลูบผมคนที่เหม่อราวกับกำลังปลอบขวัญจากเหตุการณ์อันหนักหน่วงใจที่เจ้าตัวได้พานพบมาตลอดหลายปี คนโดนถามได้แต่ยิ้มเลื่อนลอยก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ

            “งั้นนอนกันเถิด ข้าก็ง่วงแล้วเช่นกัน” อาโปประคองให้อีกฝ่ายนอนลงก่อนแล้วเขาจึงตามลงไปนอนข้างกัน เทพหนุ่มมองคนที่พลิกตัวนอนหันหลังให้เขาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก นึกไม่ถึงที่เจ้านกตัวแสบที่ก่อกวนเขาเมื่อวันก่อนจะเป็นคนๆเดียวกับคนที่นอนอยู่กับเขาตอนนี้

            ชายหนุ่มนอนหนุนแขนตัวเอง มองอีกฝ่ายที่นอนหันหลังให้เขาด้วยความอ่อนโยน ยิ้มบางๆ ก่อนที่จะพริ้มตาหลับ 
                                    
            “ฝันดีนะ” เสียงกระซิบบางเบาจากด้านหลัง ทำให้หัวใจของกนต์ธรอบอุ่นอย่างประหลาด ชายหนุ่มไม่ได้ตอบกลับไป เขาเพียงแค่ยิ้มมุมปาก คืนนี้คงเป็นคืนที่ไม่โดดเดี่ยวสำหรับเขาในรอบหลายปี      .
.
.
.
             “บอกหลายหนแล้วว่าจะไปไหนต้องบอกข้าก่อน ขาเจ้ายังไม่หายดี หากกระทบกระเทือนขึ้นมาก็ไม่หายกันพอดี” อาโปอดไม่ได้ที่จะดุคนที่ชอบขัดคำสั่งของเขาอยู่เรื่อย

            คนโดนดุทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม หัวเราะเก้อๆ เขาแค่จะเดินไปปลดทุกข์แค่นี่ทำไมต้องดุเขาราวกับว่าเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆกระนั้นแหล่ะ

            “ข้าปวดหนัก...แล้วอีกอย่างไม้เท้าก็มี ให้ข้าใช้มันบ้างเถอะ”

            อาโปส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย

            “อยู่ด้วยกันมาจะครบเดือนอยู่แล้ว เจ้ายังจะเกรงใจข้าอยู่อีกรึ หากเจ้าก้าวพลาดเกิดล้มไป ขาเจ้าจะยิ่งแย่ไปใหญ่”

            “ข้าแค่อยากช่วยเหลือตัวเองบ้าง จะคอยพึ่งพาแต่เจ้าได้อย่างไร แค่นี้ข้าก็ไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรแล้ว”

            “แค่เชื่อฟังข้าก็พอแล้ว..นะ” น้ำเสียงที่กล่าวอย่างอ่อนโยน ทำเอาคนฟังหน้าร้อนผ่าว เจ้านกหนุ่มเสหลบตา เมื่อรอยยิ้มของคนพูดมันสว่างจ้าจนเขาทนมองต่อไปไม่ไหว

            “อือ” ถึงจะกล่าวเช่นนั้น แต่กนต์ธรกลับจับไม้เท้าแน่น แล้วพยุงตนเองจะเดินกลับที่พัก

            “เจ้ามันดื้อจริงๆ” อาโปก้าวตามแล้วช้อนเอว ยกร่างบางเข้าสู่อ้อมแขน กนต์ธรปล่อยไม้เท้าล่วงอย่างตกใจ มองอาโปอย่างไม่ชอบใจนัก

            “เอาอีกแล้วนะ เจ้าชอบทำข้าตกใจอยู่เรื่อยเลย”

            “ข้าชอบเวลาเจ้าตกใจ มันตลกดี” ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเทพหนุ่ม ทำเอาคนที่กำลังจะต่อว่าหุบปากฉับ เจ้านกหนุ่มพ่ายแพ้ราบคาบอีกเช่นเคย เขาซบลงที่อกอุ่น สูดกลิ่นหอมของร่างหนา หลับตาพริ้ม แล้วกล่าวเสียงเบา

            “พรุ่งนี้ข้าก็จะคืนร่าง ท่านคงไม่ได้เห็นหน้าตลกของข้าอีกแล้วล่ะ”

            ร่างสูงหยุดเดินทันที เมื่อได้ฟังประโยคนั้น คิ้วเข้มขมวดเป็นปม เพ่งมองหน้าด้านข้างของคนที่อยู่ในอ้อมแขน เขารู้ดีว่าวันที่ต้องจากกันต้องมาถึง แต่ไม่ทันได้เตรียมใจว่ามันจะไวขนาดนี้

            “เจ้าหิวหรือยัง”

            กนต์ธรเงยหน้ามอง สายตาคนพูดดูปกติ แต่เขานี่สิที่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เขาไม่สามารถปิดซ่อนความรู้สึกของตนเองได้เลย ทั้งที่รู้แต่ดูเหมือนว่าอาโปจะทำเป็นมองไม่เห็นเสียมากกว่า

            “อืม”
.
.
.
            แสงไฟของฟืนที่เกิดจากการเผาไหม้ สะท้อนเงาของคนคู่หนึ่งที่นั่งเคียงกันใต้เพิงไม้เก่า ทั้งสองต่างเพ่งมองไปยังแสงสว่างนั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน

            “ความจริงข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า...ข้าจะกลับบ้านพรุ่งนี้ตอนรุ่งเช้า” อาโปบอกโดยเสหลบสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาก่อนจะเอ่ยต่อ

            “ที่เจ้าเคยถามข้าว่าข้าหนีเรื่องทุกข์ใจมาที่นี่หรือไม่..อันที่จริงข้าไม่ได้มีเรื่องทุกข์ใจมากมายเท่าใดหรอก ข้าแค่รู้สึกว่าควรจะมีเวลาให้ตนเองทำอะไรที่ต้องการบ้าง...ข้ามีพี่น้องมากมาย มีท่านพ่อกับท่านแม่ที่รักพวกข้าอย่างจริงใจ..แต่พอพวกท่านมีน้องๆมาให้พวกข้ามากขึ้น มันกลับทำให้ข้ารู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าข้าไม่รักน้องๆนะ ข้าคงอิจฉาน้องกระมัง ที่ได้รับความเอาใจใส่จากท่านพ่อและท่านแม่ โดยข้าก็ลืมไปจริงๆว่าข้าก็ได้รับความรักจากท่านทั้งสองไม่ต่างกันกับน้องเลย ข้านี่แย่ชะมัด”

            กนต์ธรยิ้มอ่อน บอกอีกฝ่าย

            “มันธรรมดามากกับความคิดแบบนั้น ใครๆที่มีพี่น้องหลายคนก็เป็น เจ้าไม่ต้องรู้สึกแย่หรอก มีพี่น้องเยอะสิดี น่าสนุกดีออก..ดีกว่าอยู่ตัวคนเดียวเสียอีก” แววตาฉายแววเศร้าของกนต์ธรนั้นทำให้เทพหนุ่มรู้สึกผิดยิ่งนัก

            “เอ่อ..ข้า”

            “อาโป”

            “หืม?” เทพหนุ่มมองคนเรียกที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าตั้งคำถาม

            “ที่เจ้าเคยบอกข้าว่าความรักนั้นไม่มีข้อจำกัด...ความรักเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเพศใด..รู้ไหมว่าข้าไม่อยากจะเชื่อเลย จนกระทั่งข้ารู้ว่า...เมื่อรักแล้ว ข้ากลับไม่สนใจสิ่งนั้นเลย ข้าแค่อยากเก็บเกี่ยวความสุขกับคนที่ข้ารักไว้ให้นานที่สุด..” กนต์ธรหันมายิ้ม แววตาเผยความในใจหมดเปลือก ตาคลอด้วยน้ำใสที่เจ้าตัวพยายามสกัดกั้นไม่ให้มันไหลออกมา

            เทพหนุ่มมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก หัวใจของเขาเต้นแรง เลือดสูบฉีดมาตรงใบหน้าเกิดสีแดงจัด

            “อ..เอ่อ เจ้า..” ชายหนุ่มกล่าวตะกุกตะกัก เมื่อพบว่าเขานั้นก็ดูจะไม่เดียงสาเรื่องรักใคร่มากนัก การเหมือนโดนสารภาพรักโดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ก็ทำให้เขาอึ้งเช่นกัน

            เจ้านกหนุ่มตัดสินใจแล้ว ว่าหากคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ควรได้พูดความในใจของตนเองก่อนที่จะจากกัน โดยไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะมีโอกาสได้พบกันอีกหรือไม่

            “ข้าคิดว่าเจ้ารู้ว่าข้ารู้สึกเช่นไร...ข้าไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตนเองได้ ช้ารู้ว่ามันไม่ควรที่คิดเช่นนั้น แต่เพราะความใจดีของเจ้า มันทำให้ข้ามีความสุขในทุกวันที่อยู่ด้วยกัน...ข้าขอโทษนะ”

            กล่าวจบพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปแตะริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากหนาของอีกคนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะถอยหน้าห่างออกมาด้วยสีแก้มระเรื่อ มือบางยกเช็ดน้ำตา ฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายทั้งที่ใจปวดแปลบ เมื่อแววตาของอาโปมีแต่ความตกตะลึง ไม่ได้มีแววหวั่นไหวดังเช่นเขาเลย

            ราวกับวิญญาณได้หลุดจากร่าง หัวใจของเทพหนุ่มสั่นรัว เขาอึกอัก ทำตัวไม่ถูก แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นดูเศร้าจนเขาปวดใจ ชายหนุ่มจึงคว้าไหล่บางเข้าหาตัว กอดอีกฝ่ายไว้ ลูบผมนุ่มอย่างปลอบประโลม เขาคงจะปล่อยให้อีกฝ่ายใจเสียอยู่เช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

            “ข้าไม่เคยรักใครมาก่อน จึงไม่รู้ว่าจะพูดจาเช่นไรจึงจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี” เทพหนุ่มเชยคางกนต์ธรขึ้นมาสบตาตนเอง แววหวานจากดวงตาคม ทำเอาคนมองแทบละลายไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย

            “ข้าจึงทำได้เพียงดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่ข้าจะทำได้...ข้าก็เหมือนเจ้าที่อยากอยู่กับคนที่รักให้นานที่สุด” นิ้วเรียวยาวลูบบนริมฝีปากบาง สองตาคมค่อยๆเผยความรู้สึกให้คนตรงหน้าได้รับรู้

            “เพราะฉะนั้นกนต์ธร..เจ้าไปอยู่กับข้าเถิดนะ ไปอยู่ด้วยกันเถิด”

            เจ้านกหนุ่มพยักหน้าตกลงทันที ทั้งสองโน้มหน้าเข้าหากันช้าๆ ริมฝีปากของทั้งคู่แตะกันแผ่วเบา ก่อนที่เทพหนุ่มจะค่อยๆละเลียดชิมริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างเชื่องข้า ความหอมหวานจากรสจูบทำให้อาโปมัวเมาจนไม่อาจยับยั้งช่างใจ มือแกร่งค่อยๆเปลื้องอาภรณ์ของอีกฝ่ายออก โดยที่เจ้านกหนุ่มนั้นยอมให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ

            มือหนาลูบไล้ทั่วเรือนร่างบางของกนต์ธรอย่างทะนุถนอม สัมผัสอันอ่อนโยนของเทพหนุ่มทำให้เจ้านกน้อยเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข ความเสียวซ่านปรากฏเป็นสีแดงเรื่อทุกพื้นที่ที่นิ้วแกร่งไล้ผ่าน

            ริมฝีปากหนาสีอ่อนละเลียดจูบลงบนไหล่ขาวผ่อง แล้วจึงวกขึ้นมาประกบปากสีหวานที่เริ่มบวมเจ่อจากจุมพิตอันหนักหน่วง ลิ้นสากล่วงล้ำเข้ามาในโพรงปากของเจ้านกน้อยที่นอนระทวยใต้ร่างหนา มือบางเกาะไหล่แกร่งแน่น เมื่อรับรู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมพยายามจะเข้ามาทางช่องรักของเขา

            แววตากนต์ธรสั่นระริก เมื่อความเจ็บปวดเริ่มคืบคลานเข้ามาจนเขาแทบทนไม่ไหว แต่เมื่อมองใบหน้าคมที่ทรมานของคนที่คร่อมตนอยู่ ทำให้ชายหนุ่มค่อยๆผ่อนอาการเกร็งของตนเองลง

            กระบอกรักของเทพหนุ่มปวดหนึบ ใบหน้าอันเจ็บปวดแต่แฝงไปด้วยความรัญจวนของกนต์ธรส่งผลให้เขาค่อยๆชำแรกแทรกท่อนลำอันคับพองของตนลงบนช่องทางรักสีหวานอย่างเร่งร้อนแต่ทว่ากลับแฝงด้วยความอ่อนโยน

            ช่องทางอันคับแน่นรับตัวตนของเทพหนุ่มไว้ทั้งหมด อาโปสะกดกั้นความปรารถนาของตนไม่ให้บุ่มบ่ามเร่งร้อนมากจนเกินไป ด้วยเกรงว่าเจ้านกหนุ่มจะบาดเจ็บเอาได้ แต่เมื่อแววตาที่สะท้อนออกมาจากตาเรียวไม่ปรากฏร่องรอยแห่งความทรมานแล้ว เทพหนุ่มจึงเริ่มขยับตัวอย่างเชื่องช้า

            จังหวะเนิบนาบแต่ทว่ากลับสร้างความเสียวซ่านให้แก่ทั้งคู่ยิ่งนัก แต่ดูเหมือนว่ากนต์ธรอยากได้มากกว่านี้ ร่างบางจึงบดเบียดตัวให้แนบชิดกันมากขึ้น แขนเรียวโน้มคอร่างสูงไว้ ยื่นหน้าขึ้นจุมพิตริมฝีปากหนาอย่างเรียกร้อง เทพหนุ่มเองก็อยากจะทำให้บทรักดูเร่าร้อนมากขึ้น

            ความนุ่มนวลในคราแรกเริ่มกลายเป็นรุ่มร้อนด้วยไฟแห่งความปรารถนา ร่างสองโถมเข้าหากันอย่างกระหายในรสรัก เสียงครางเครือดังออกมาจากปากเจ้านกหนุ่มไม่ขาดสาย ดวงตาสองคู่เฝ้าสบมองกันด้วยความลุ่มลึกของอารมณ์ ในช่วงสุดท้ายที่อารมณ์ทะยานเข้าสู่จุดสูงสุด อาโปปล่อยให้ธารน้ำใสของตนไหลสู่ช่องทางรักทุกหยาดหยด โดยที่กนต์ธรนั้นตอดรัดกักไว้ด้วยความเต็มใจ

            เสียงหอบหายใจก้องป่าที่มีเสียงหริ่งหรีดเรไรแว่วมา ทั้งสองร่างเปลือยเปล่าตระกองกอดกัน เทพหนุ่มจูบลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อของกนต์ธรด้วยความรัก รอยยิ้มหวานของเทพหนุ่มที่เจ้านกหนุ่มชอบนักหนาปรากฏบางๆ

            “รู้ไหมว่าใบหน้าของเจ้า ข้าชอบรอยยิ้มของเจ้าที่สุด”

            เมื่อได้ฟังเช่นนั้น อาโปกลับยิ้มหวานมากขึ้น นั่นทำให้กนต์ธรยิ่งหน้าร้อนด้วยความเขินอาย เนื้อที่แนบกันยังร้อนอยู่ เขาก็ยิ่งคิดว่าคืนนี้อาจจะไม่จบที่รอบเดียว มือบางจึงเริ่มดันอกคนที่เริ่มขยับเข้ามากอดเขาแน่นกว่าเดิมออก

            “ข้าไม่คิดว่าแค่รอยยิ้มของข้าเท่านั้นที่เจ้าชอบหรอกนะ...”สายตากรุ้มกริ่มของเทพหนุ่มพานทำให้คนมองหน้าแดงซ่าน

            “ข..ข้าอยากนอนแล้ว” ร่างบางทำท่าจะผละตัวออกห่างแต่อาโปที่ตอนนี้กลายร่างเป็นชายหื่นแล้วคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอดแนบแน่น แม้กนต์ธรจะทำทีขัดขืนแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก ยอมให้เทพหนุ่มจูบแต่โดยดีเพราะเขาเองก็ชอบรสสวาทที่อาโปมอบให้เช่นกัน


            และแล้วบทรักเริ่มบรรเลงอีกครั้ง


            กนต์ธรนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก หากอาโปต้องการเขาก็ยอมได้อยู่แล้ว ไม่มีเรื่องใดต้องกังวล เพราะเขาก็ชาย อาโปก็ชาย หมดปัญหาเรื่องตั้งครรภ์ไปได้เลย




            เจ้านกหนุ่มคิดอย่างสบายใจ...









สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วน้าาา เป็นตอนยาวที่เนื้อเรื่องอาจจะเรื่อยๆนะคะ แต่ก็ดีใจที่แต่งตอนนี้จบจนได้ 555
มีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ  :mew2: เจอกันโอกาสหน้าจ้า :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 02-07-2017 00:36:44
welcome back  :L2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 02-07-2017 08:50:42
โธ่โธ่โธ่ เจ้านก... แล้วจะรู้ว่า มันไม่ใช่อย่างที่คิด 555+
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 02-07-2017 09:22:24
 :pig2: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-07-2017 10:26:59
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-07-2017 12:50:08
ดีใจ..คิดถึง  :pig2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-07-2017 19:45:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 03-07-2017 21:46:28
ดีใจอ่ะ มาต่อแล้ว
คู่นี้น่ารักแบบละมุน แต่อาโปเชื้อไม่ทิ้งแถว
นกน้อยคิดผิดซะแล้ว ระดับอาโป ท้องแน่ อิอิ
มาต่ออีกน่ะ คู่นี้ยังไม่จบแค่นี้แน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 04-07-2017 07:56:43
จะมีลูกอีกกี่คนหนอออ อาโป
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-07-2017 09:29:47
แน่ใจนะว่าจะไม่ท้อง? หึๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-07-2017 10:01:29
จบตอนของอาโปแล้วเหรอคะ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 04-07-2017 10:22:37
หมดห่วงเรื่องการตั้งครรภ์? แน่ใจเหรอออ ไม่ต้องกลัวจะไม่ท้องมากกว่า 55555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-07-2017 01:37:23
ท้องแน่ๆจ้าาา เชื้อเค้าแรงงง
ตอนของอาโปน่ารักอะ
ละมุน อบอุ่น ค่อยเป็นค่อยไปดี
ดีใจที่กลับมานะคะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 05-07-2017 01:39:34
น่ารักทุกคู่เลยยยยย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 06-07-2017 01:14:00
 o13 o13
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 06-07-2017 04:13:55
ดีใจที่ได้อ่านอีกครั้งค่ะ  รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 06-07-2017 19:36:18
มารอค่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-07-2017 11:24:30
หมดปัญหาเรื่องตั้งครรภ์อะไรรรร 555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 12-07-2017 21:58:21
เอ็นดูความไร้เดียงสา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 13-07-2017 00:39:14
กลัวคำว่าคิดอย่างสบายใจมากอ่ะ  งื่อออออออ :z1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 14-07-2017 18:20:51
เรื่องราวดีมากๆ. อยากให้มาต่อนะคะ

ชอบทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-07-2017 16:32:12
      ดีใจที่กลับมาแต่งต่อนะค่ะ
อ่านไปรู้สึกว่านี่แหละความรักจริงๆ
ของคู่อื่นไม่ค่อยละมุนแบบนี้555
อาจเป็นเพราะรพะเอกเค้าหื่นขึ้นหน้า5555
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 22-07-2017 20:58:59
คู่ต่อไป   เอาลูกเขยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ      :hao3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 25-07-2017 05:42:31
 :mew3:ต :mew3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 30-07-2017 21:16:11
ดีใจที่แร่งต่อนะคะ :katai5:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: poonziis ที่ 08-08-2017 17:46:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 21-11-2017 22:37:04
ชอบทุกคู่   :-[ หื่นทุกตอน  :z1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 08-01-2018 14:56:19
จะนานแค่ไหนก็จะรอนะคะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 08-04-2018 16:47:25
สนุกทุกคู่  :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: noknaja01 ที่ 11-04-2018 21:48:05
สนุกดี ชอบๆๆๆๆ หื่นกันทั้งนั้นพวกพระเอกเนี่ย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 05-05-2018 11:36:00
ลูกเยอะจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 06-05-2018 02:30:48
เกินคำว่าดกของดกลูกดกทั้งเรื่องถูกใจคนรักเด็กมาก 5555555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 22-12-2018 17:38:40
สนุกทุกตอน..หื่นทุกรุ่น  :hao6:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 23-12-2018 20:00:24
 :pig4: