ขอบคุณทุกเมนท์ด้านบนนะคร๊าบบบบบ
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 4 - ใครว่าผมใจอ่อน ~ภารกิจหลักของเขาในแต่ละวันคือการเดินตามหลังบ้าง ตามข้างๆ บ้าง เยื้องหน้าโย้หลังวนเวียนอยู่รอบๆ เหมือนวิถีโคจรของดวงจันทร์ พยายามจดบันทึกกิจกรรมของแสงเหนือไว้เพื่อวางแผนลวงไปฆ่าเหมาะๆ แต่ดูจะค่อนข้างยาก ก็เล่นไม่ชอบกินอะไรเป็นพิเศษ ไม่ชอบเดินเล่น ไม่ชอบไปไหนมาไหน ส่วนเวลาจะออกไปข้างนอกแต่ละทีก็ต้องมีคนอื่นร่วมทางด้วย แผนจะหลอกให้มันตกคลองจมน้ำตายนี่ท่าจะลำบาก เพราะแม้เวลาที่คุณรตีต้องออกไปดูงานที่บริษัท เขาก็จะมีแม่สาวน้อยคนรับใช้คนอื่นคอยเดินวนเวียนเมียงมองตลอด ดูท่าคงจะได้รับคำสั่งจากคุณรตีให้คอยดูลูกชายให้ดีๆ ราวกับกลัวแสงเหนือจะกัดเชือกขาด สลัดปลอกคอแล้ววิ่งหนีเตลิดหายขึ้นเขาไปก็ไม่ปาน
ส่วนนิสัยส่วนตัวแสงเหนือก็อย่างที่เคยรู้ หงุดหงิด โมโหร้าย แต่ยังดีที่หายเร็ว จะว่าไปก็ไม่ควรเรียกว่าหายโกรธหรอกกับอาการคล้ายหอยหลบเข้าใต้เปลือกแบบนั้น วินาทีหนึ่งแสงเหนืออาจตวาดกราดเกรี้ยว แต่วินาทีต่อมากลับนิ่งเงียบเสียจนเขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น มันเหมือน...พายุทอร์นาโด วินาทีก่อนหน้ามันอาจพัดกระชากตั้งท่าจะถล่มโลกให้เป็นผุยผง แต่แค่ลืมตามาอีกที เจ้าพายุลูกร้ายกลับหายจ้อยไปในอากาศ เขาเลยสรุปได้ว่าแสงเหนือมีอยู่สองแค่ประเภท อย่างแรกคือร้ายกาจ ต้องรีบหลบให้พ้นทาง กับอีกอย่างคือปิดตัวเองและ...สิ้นหวัง
แสงเหนือไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของเขา โลกของชายหนุ่มดูจะหมุนเป็นวงแคบๆ อยู่แค่รอบตัวเองเท่านั้น แสงเหนือไม่สน ไม่แคร์ความรู้สึกของใครนอกจากตัวเอง ไม่เคยกล่าวขอบคุณหรือขอโทษใคร แม้แต่คุณรตีที่พยายามเสาะหาของกินดีๆ อร่อยๆ มาให้ เจ้าลูกชายบังเกิดเกล้ากลับกินแค่แกนๆ โดยเฉพาะยาหรือวิตามินบำรุงดีๆ ให้ไปเท่าไหร่ แสงเหนือปาทิ้งหมด
มันคิดว่ามันเป็นพระเจ้าหรือไง
“แต่ก่อนคุณเหนือไม่ได้เป็นคนแบบนี้หรอก” ลุงโตเอ่ยคล้ายรำพึงยามเขาเอ่ยข้อสงสัยดังกล่าวในคำวันหนึ่ง หลังเสร็จภารกิจตามติดท่านชาย เขาถือโอกาสมานอนเอกเขนกอาศัยดูโทรทัศน์ในห้องลุงโตแทนที่จะไปนอนเหงาอยู่คนเดียวในห้องส่วนตัว “ตั้งแต่เกิดเรื่องอุบัติเหตุนั่นล่ะ คุณเหนือก็เปลี่ยนไป ทำให้บ้านหลังนี้พลอยเปลี่ยนไปด้วย คุณนายพยายามหาทางรักษาคุณเหนือทุกทางแล้วก็...ยอมตามใจคุณเหนือมากเกินไป เอ็งก็คงรู้ใช่ไหมว่าการตามใจคนไข้มากเกินไปน่ะ มันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง พาลให้คนไข้ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองป่วยหนัก พาลว่าโรงพยาบาลไหนๆ ก็ไม่ดีพอ หมอก็ไม่ได้เรื่องสักคน คุณนายกับคุณท่านเริ่มมีปากมีเสียงเรื่องวิธีการรักษาคุณเหนือนี่ล่ะ”
“พวกเขาแค่อยากรักษาให้ลูกชายหายเหมือนกันนี่นา ทำไมต้องทะเลาะกันด้วยล่ะลุง” เขาลงนอนกลิ้งเกลือก ตาดูละครในจอโทรทัศน์ หูก็ฟังข้อมูล
“คุณท่านอยากเอาตัวคุณเหนือไปรักษาที่เมืองนอก ท่านคงอยากให้คุณเหนือไปไกลๆ จากที่นี่ด้วยมั้ง จิตใจจะได้ผ่อนคลายลงบ้าง เอ็งรู้หรือเปล่าว่าคนที่โดนคุณเหนือขับรถชนตายนั่นน่ะ เป็นเพื่อนสมัยเด็กของท่านเอง ถึงจะไม่ค่อยถูกกันไปบ้างแต่ก็เป็นเพื่อนกันอยู่ดี” ใครนับใครเป็นเพื่อนอย่างที่ลุงว่า ตั้งแต่เจอหน้าแสงเหนือครั้งแรกสมัยอนุบาล เขาก็จัดการแยกประเภทมันลงถังขยะมีพิษแยกเผาแล้ว
“มันเป็นอุบัติเหตุ ข้ารู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ดูเหมือนคนอื่นจะยังสงสัยกันไม่หาย ทั้งคนที่มหาวิทยาลัย ทั้งตำรวจที่สอบสวน โดยเฉพาะคนของฝ่ายโน้นยังฝังใจว่าคุณเหนือตั้งใจฆ่าลูกของเขา เอ็งเอ๊ย... สายตาของคนพวกนั้นทำให้บางทีข้าก็อดดีใจไม่ได้ที่คุณเหนือมองไม่เห็น ข้ายังจำวันที่พาคุณๆ ไปงานศพได้ ทั้งๆ ที่ตามองไม่เห็น แผลก็ยังไม่หายดี คุณเหนือยังคลานเข้าไปกราบเท้าพ่อแม่ฝ่ายนั้น จนโดนคนเป็นพ่อยันออกมาเสียกระเด็นกลิ้งไปกับพื้น คุณเหนือยังไม่พูดอะไรสักคำ”
ไม่สงสาร เขาต้องไม่สงสารแสงเหนือ มันยุติธรรมแล้วและยังอาจน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับชีวิตของเขา... จินดนัยย้ำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือขยุ้มหมอนแน่นจนข้อนิ้วขาว
“ข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณเหนือถึงไม่ยอมไปเมืองนอก ทำไมถึงไม่ยอมทิ้งเรื่องร้ายๆ ที่นี่ไปเริ่มต้นใหม่ แฟนคุณเหนือก็หายหัวจ้อยตั้งแต่ตอนเกิดเรื่อง ข้าเลยยิ่งไม่เข้าใจว่าคุณเหนือห่วงหรืออาลัยใครนักหนา” แฟนของแสงเหนือแต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้น หมอนั่นควงคนนั้น ทิ้งคนนี้ให้ทั่วไปหมด ไม่น่าแปลกที่พอเกิดเรื่อง ผู้หญิงเหล่านั้นต่างพากันชิ่งหนีทันที “หรือท่านอาจจะกลัวว่าต่อให้ไปแต่ก็ยังรักษาไม่หายก็ไม่รู้ ทีนี้ล่ะ พอคุณเหนือไม่ยอมไป คุณนายก็เข้าข้าง ทะเลาะกับคุณท่านเสียใหญ่โตแทบทุกครั้งที่คุณท่านกลับมา จนพักหลังๆ นี่คุณท่านคงเบื่อเต็มทนเลยไม่ค่อยกลับมาเยี่ยมสักเท่าไหร่”
ลุงโตถอนหายใจยืดยาว ขยับเอนตัวลงบนเตียงหลังเล็ก จมอยู่กับความคิดในหัวจนไม่ทันสังเกตความนิ่งเงียบของอีกคนในห้องที่ปกติมักจะพูดเสียน้ำไหลไฟดับ บางคืนฟังเสียงจ๋อยๆ พูดจนเผลอหลับไปเลยก็มี
“ข้าก็แค่อยากให้คุณเหนือกลับมาเป็นคนเดิม หรือต่อให้ตาจะรักษาไม่หาย แต่ขอแค่ให้ท่านมีความสุขมากกว่านี้อีกสักนิดก็ยังดี”
เวลานี้ ถึงตาจะดูแต่ก็ไม่รับรู้ความหมายของภาพในจอเสียแล้ว ในสมองของจินดนัยยังสับสนเต็มไปด้วยคำบอกเล่าที่ได้ยิน ...แสงเหนือจะมีความสุขไม่ได้ เจ้านั่นจะต้องตายเพื่อให้เขามีชีวิตรอดต่อไปแทน แม้แต่สวรรค์ยังเห็นใจให้โอกาสเขา แม่ของเขาต่างหากที่สมควรจะได้กอดลูก ส่วนลูกชายเลวๆ พรรค์นั้นก็สมควรตายตกนรกชดใช้กรรมที่ก่ออย่างสาสม นั่นล่ะ คือสิ่งที่ควรจะเป็น และมันจะต้องเป็นจริงในเวลาอันใกล้นี้อีกด้วย
หากนี่เป็นครั้งแรกที่ความคิดแก้แค้นไม่ได้ทำให้จินดนัยมีความสุขเหมือนเคย คืนนั้นกว่าเขาจะข่มตาหลับลงได้ก็ผ่านครึ่งคืนไปหลายชั่วโมง และภาพในหัวภาพสุดท้ายที่คิดก่อนจะผล็อยหลับนั้นก็คือภาพของร่างสูงกับผ้าพันแผลพันรอบศีรษะปิดดวงตาซึ่งเคยเปล่งประกายสดใสทั้งสองข้างยืนโดดเดี่ยวปฏิเสธผู้คนรอบกาย และไม่มีผู้ใดอยู่รอบกายเขาเลย...
++++++++++
วันต่อมา เขาตื่นสายจนโดนนายน้อยด่าอีกรอบ “ไหนนายบอกว่าจะมานั่งรอตั้งแต่เช้า ทำได้ไม่เท่าไหร่ก็ดีแตก ปล่อยให้ฉันนั่งคอยจนเบื่อ”
ถ้าไม่มัวแต่คิดมากเรื่องไร้สาระเมื่อคืน เขาก็ไม่ตื่นสายหรอก เดินหน้าหงิกตามหลังแสงเหนือลงไปยังห้องกินข้าวที่คุณรตีอุตส่าห์เข้าครัวลงมือทำข้าวต้มเครื่องทะเลเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เช้า
“อร่อยไหมจ๊ะ แต่ก่อนลูกชอบกินมากเลยนี่ ทำทีไร ต้องขอเติมทุกที” แสงเหนือตอบแทนการเอาอกเอาใจของมารดาด้วยการพยักหน้าหนึ่งทีแบบถ้าไม่จ้องให้ดีก็อาจจะพลาดช็อตดังกล่าวไปได้ “ก็ดีครับ”
คุณรตีหน้าเจื่อนลงในทันใด เห็นแล้วจินดนัยก็อยากบ้องหัวทุยๆ นี่สักป้าบแทนบุพการีจริงๆ ทว่ายังไม่ทันที่มือไม้จะเริ่มทำงานก่อนสมอง ลูกหมาตัวกลมบ๊อกที่คงได้กลิ่นหอมฉุยของข้าวต้มเครื่องไฮโซก็วิ่งหน้าเริ่ดเข้ามาและเบรกตัวโก่งโดยอาศัยเขาเป็นตัวหยุด
“ริชชี่ เข้ามาได้ยังไง ออกไปเลย” ไล่หมาแบบสุภาพที่สุดในชีวิต ทำท่าไล่ต้อนชิ้วๆ ทั้งที่ในใจอยากชู้ตให้กระเด็น “ไม่ต้องมาขอ ถึงยกมือก็ไม่มีให้”
“ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยมันมานี่เถอะ” คุณรตีอนุญาตแล้วลุกไปตักข้าวต้มใส่ชามใบเล็ก “เป่าให้มันเย็นก่อนแล้วค่อยให้มันนะ”
ถ้าจะให้มัน ให้เขาแทนดีกว่า นอกจากอดกินแล้วยังต้องมานั่งเป่าน้ำลายยืดให้เจ้าริชชี่ที่กระวนกระวายหนักกลัวจะโดนเขาแย่งหรือกลัวน้ำลายเขาจะลงไปเต็มชามไม่ทราบได้ มันเริ่มเห่าบ๊อกแบ๊กจนเขาต้องวางลงให้มันพิสูจน์เอง พอลงลิ้นแตะรู้ว่ายังร้อน ริชชี่ก็เริ่มเห่าใส่ชาม กระวนกระวายหนักเข้าเป็นเท่าตัว
“มันจะเห่าอะไรนักหนา หนวกหู” เจ้าของไม่รักหมาขมวดคิ้ว คุณรตีจึงต้องรีบบอก “เจ้าจิน พาเจ้าริชชี่ออกไปกินข้างนอกแล้วกัน ตาเหนือเขารำคาญ”
เดินถือชามข้าวต้มโดยมีเจ้าลูกหมาพันแข้งพันขา พาไปนั่งกินพร้อมชมบรรยากาศที่สวนแทน หากริชชี่มัวแต่ตะพ่ำไม่สนใจชมนกชมไม้ เงยหน้าขึ้นอีกที มันก็มอมไปถึงหน้าผาก “นี่กินข้าวต้มหรือลงไปฝึกดำน้ำมาวะ” บ่นแต่จินดนัยก็หิ้วเจ้าลูกหมาเข้าข้างเอว เดินกลับไปบอกคุณรตี “ผมขอพามันไปอาบน้ำแป๊บนึงนะครับ กินยังไงก็ไม่รู้ เลอะไปหมดเลย สงสัยจะอร่อยจัด”
ฟังคำชมของเขาแล้วคุณรตีก็รีบลุกไปตักข้าวต้มใส่หม้อใบเล็กมีหูจับด้วยท่าทางคล่องแคล่ว “แบ่งไปกินบ้างแล้วกัน ไปแบ่งลุงโตด้วยก็ได้ แล้วถ้าไม่พอก็มาเอาอีกนะ”
ปล่อยริชชี่ลงกับพื้นด้วยความว่องไวเพื่อรอรับหม้อข้าวแทน เจ้าลูกหมาไม่ได้วิ่งหนีหายหรือต้องเสียเวลาจูงให้ยุ่งยากเพราะมันวิ่งแถ่ดๆ ไล่ตามทั้งเขาทั้งหม้อข้าวมาแบบยอมตายถวายชีวิต พัวพันแข้งขาตามเข้ามาถึงโต๊ะกินข้าวซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของเรือนพักคนรับใช้ ลุงโตโผล่หน้ามาตามเสียงทะเลาะของเขากับเจ้าหมาตะกละตะกรามที่เห่าประท้วงขอเบิ้ลแล้วยืนหัวเราะเอิ้กอ้าก
หลังจากจำใจแบ่งข้าวต้มไฮโซให้ลูกหมาจอมวายร้ายไปแล้วก็ถึงเวลาเอาคืน ได้อุปกรณ์อาบน้ำ ทั้งแชมพู ทั้งกาละมังแล้วจินดนัยก็หิ้วเจ้าตัวแสบที่คล้ายกับจะเริ่มรู้ตัวจึงดิ้นรนตะเกียกตะกายเป็นการใหญ่ไว้ จัดการขัดสีฉวีวรรณจนตัวเขาเองก็เปียกปอนไปหมด ขณะที่กำลังเช็ดตัวให้ริชชี่โดยต้องคอยแย่งผ้าที่มันคอยแต่จะไล่งับไว้ด้วยนั้น ลุงโตก็วิ่งมาตามเขา “ไอ้หนู คุณเหนือท่านเรียกหาเอ็งแน่ะ รีบไปเร็วเข้า”
“เดี๋ยวนะ ลุง ยังเช็ดตัวริชชี่ไม่เสร็จเลย ผมก็เปียกทั้งตัว ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียวเดี๋ยวตามไป” ลุงโตหายไปสักพัก เขาก็เพิ่งสลัดกางเกงเปียกซ่กทิ้งตอนได้ยินเสียงเรียกหาเย้วๆ “ยังไม่เสร็จอีกเหรอวะ คุณเหนือเขาเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ บอกให้ลุงมาเร่งเอ็งไม่ให้อู้”
แต่งตัวเสร็จในอีกสิบห้าวินาทีต่อมา เปิดประตูผาง “ใครอู้ คุณเหนือของลุงเขาจะรีบอะไรนักหนา แล้วนี่อีก...ใช้ลุงวิ่งไปวิ่งกลับมากๆ เดี๋ยวหัวใจวายกันพอดี”
“บ๊ะ ไอ้นี่ยังกล้ายอกย้อน” ลุงโตคว้ามือเขาให้ออกวิ่ง เนื่องจากระยะทางไปตึกใหญ่ถึงจะไม่มากมายแต่ก็ไม่ใช่ใกล้ๆ “ย้อนลุงน่ะย้อนได้ แต่เอ็งอย่าเผลอไปย้อนคุณเหนือเข้าล่ะ หัดสงบปากสงบคำให้มันดูเรียบร้อยเจียมตัว ท่านจะได้นึกเมตตาให้เอ็งอยู่รับใช้ไปนานๆ”
กึ่งเดินกึ่งวิ่งแล้วยังอุตส่าห์สั่งสอนเขาได้ ดังนั้นกว่าจะไปถึงห้องนั่งเล่นที่แสงเหนือรออยู่ ลุงโตจึงหอบแฮ่กหากยังอยากรายงาน “ผม...พา...เจ้าจินมันมาแล้วครับ พอดีมันมัวแต่เปลี่ยนเสื้อ...”
“กับอีแค่ไปตามคนเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันคิดว่าต้องรอทั้งวันเสียแล้ว สรุปว่าชักช้าพอกันทั้งลุงโต ทั้ง...” เท่านั้น คำสั่งสอนของลุงโตที่ชอนไชเข้าหูซ้ายเมื่อครู่ก็หลั่งไหลพรั่งพรูออกทางหูขวาไปเรียบร้อย
“ผมรีบมาที่สุดแล้วนะ ลุงโตก็วิ่งเต็มที่แล้วเหมือนกัน คุณไม่รู้หรือไงว่าห้องผมมันห่างจากที่นี่ตั้งเท่านี้~~~แน่ะ!” ผายมือกว้างสุดแขน ทำไปงั้นล่ะ รู้ว่าแสงเหนือมองไม่เห็นหรอก แต่แค่ฟังจากเสียงลากยาวที่สุดของเขา แสงเหนืออาจคิดว่ามันห่างกันเป็นกิโลเมตรก็ได้ “ผมไม่ใช่โดราเอมอนนะ จะได้มีประตูสารพัดสถานที่ให้คุณเรียกปุ๊บ ก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าปั๊บ! จะผมหรือจะใครก็ต้องวิ่ง แล้วที่มีอยู่ก็แค่สองขา ต้องให้ลงวิ่งสี่ขาแบบเจ้าริชชี่ด้วยใช่ไหมถึงจะพอ...”
“ฉันจำได้ว่ามันไม่ใกล้แต่ก็...ไม่น่าไกลมากมายนักนี่” ฟังไม่ขึ้นโว้ย อย่ามา... “เดี๋ยวฉันให้คุณแม่หาห้องให้เธอพักที่นี่ก็แล้วกัน เวลาเรียกใช้จะได้สะดวกหน่อย” หา!! “หมดเรื่องแล้วก็มาอ่านหนังสือที่ค้างไว้ได้แล้วมา”
หยิบหนังสือที่อ่านให้แสงเหนือฟังค้างไว้จากเมื่อวานขึ้นมาหยิบอ่านโดยอัตโนมัติ ยังนึกงงกับการได้ย้ายบ้านแบบกะทันหันจนไม่ทันสังเกตตอนชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ “หอมกลิ่นอะไร...”
เงยขวับมาเจอคนตาบอดทำท่าดมจมูกฟุดฟิดเข้าใกล้เสียจนตกใจ ผงะถอยออกแทบไม่ทัน “กลิ่นอะไรของคุณ ผมไม่ได้อาบน้ำใหม่เสียหน่อย อ๊ะ แต่สงสัยเมื่อกี๊จะติดกลิ่นแชมพูริชชี่มา” ยกแขนดมแล้วก็เจอ “นี่ไง คงเปื้อนมามั้ง ก็คุณน่ะเร่งผม...”
“ไหน ส่งตรงที่เปื้อนมาซิ” จำต้องส่งให้แบบกล้าๆ กลัวๆ เหมือนริชชี่ตอนหัดแรกขอมือไม่มีผิด แสงเหนือดึงแขนผอมๆ ของเขาจรดจมูกแล้วพึมพำ “กลิ่นหวานๆ เหมือนลูกกวาดเลย ไม่ต้องล้างออกหรอก หอมดี”
“ถ้าชอบกลิ่นนี้ขนาดนี้ คุณน่าจะเอาริชชี่มานั่งดมหรือไม่ก็เอาแชมพูมันมาใช้ไม่ดีกว่าเหรอ” เผลอปากเร็วก่อนจะหยุดทัน จินดนัยจึงรีบแก้ตัว เอ่ยเอาใจ “เดี๋ยวผมรีบอ่านให้คุณฟังต่อดีกว่า แหม กำลังสนุกเลย ผมอยากรู้ว่าใครเป็นคนฆ่าเด็กส่งหนังสือพิมพ์แล้ว เอางี้ ขอผมอ่านตอนจบก่อนได้ไหมแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาเล่าให้คุณฟังทีหลัง”
เดชะบุญที่แสงเหนือตาบอด ไม้เท้าในมือเลยพลาดหัวเขาไปประมาณหนึ่งฟุตซึ่งมันก็เพียงพอให้จินดนัยก้มหน้าก้มตาอ่านออกเสียงต่อแต่โดยดี อ่านไป ในใจเขาเริ่มคิดถึงแง่ดีของการได้ย้ายเข้ามาอยู่ในตึกใหญ่ไปพลาง ทีนี้ล่ะ โอกาสเขาก็จะมากขึ้น แสงเหนืออาจทำเพื่อตัดรำคาญแต่จะรู้ไหมนะว่ามันจะยิ่งเปิดทางให้เขาจัดการได้เร็วขึ้น บางทีกว่าเขาจะทันรู้ตัวอีกที เรื่องทั้งหมดอาจจะจบลงด้วยดีแล้วก็เป็นได้
...ว่าแต่ ขอแอบพลิกดูตอนจบหน่อยเถอะว่าใครเป็นฆาตกร
++++++++++
ตกเย็นวันเดียวกัน ขณะที่ลุงโตกำลังนั่งกินข้าวกับคนรับใช้อีกคนก็เห็นไอ้หนูของแกเดินกุมหัวหน้ามุ่ย กระแทกเท้ามาพร้อมสมุนหมาที่ติดเจ้าตัวอย่างน่าประหลาด “เป็นอะไรอีกล่ะเอ็ง รีบๆ มากินข้าวเร็วเข้า”
“เจ้านายลุงนั่นล่ะที่เขกหัวผม ตามองไม่เห็นยังเขกมามั่วๆ เกือบทิ่มลูกกะตาผมตาบอดตามไปอีกคน คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ชอบใช้แต่กำลัง” ตอบพลางเดินเลยต่อไปยังห้องพักโดยไม่หยุดแวะที่โต๊ะกินข้าวอย่างผิดวิสัย “กะอีแค่โดนสปอยล์ฆาตกรในหนังสือแค่เนี้ย ทำเป็นหงุดหงิดไปได้ ก็เห็นว่ามันเหลืออีกนิดเดียวเลยอุตส่าห์บอกใบ้ให้ฟัง รู้งี้ไม่เล่าหรอก ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจศัพท์แสงวัยรุ่นและเนื้อหาการทำโทษที่เจ้าหนูเล่าให้ฟังสักเท่าใด ลุงโตก็ขี้เกียจจะซัก นอกจากเอ่ยถามแปลกใจยามเห็นเจ้าตัวเล็กมันหอบผ้าหอบหมอนมาเต็มอ้อมแขน ทำท่าเหมือนจะหนีออกจากบ้านก็ไม่ปาน “อ้าว แล้วนั่นจะหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปไหน คุณเหนือท่านลงโทษแล้วก็แล้วกัน คงไม่ใจดำไล่เอ็งออกหรอก”
“ตลกละลุงโต เมื่อเช้าลุงก็อยู่กับผมนี่ตอนเขาสั่งให้ผมย้ายไปนอนที่โน่น เห็นว่าจะได้เรียกใช้สะดวกๆ จิกหัวใช้ได้ง่ายๆ” ไอ้หนูมันบ่นจนลับหายไปจากสายตา ได้ยินก็แต่เสียงใสๆ ที่ยังบ่นไม่เลิกแว่วมาตามลม ลุงโตยังนั่งกระพริบตางงๆ สักพักแล้วค่อยหันมาเอ่ยข้อสงสัยเอากับเพื่อนร่วมโต๊ะ
“เมื่อเช้าข้าคิดว่าคุณเหนือแค่พูดเล่นเรื่องให้ไอ้จินย้ายห้อง ใครจะคิดว่าท่านเอาจริง ก็ข้าไม่เคยเห็นคุณเหนือสั่งให้คนใช้ไปนอนใกล้ๆ เลยนี่หว่า ท่านขี้รำคาญแค่ไหนเอ็งก็รู้ ไปยุ่งมากเข้ามีแต่จะโดนไล่ตะเพิดจนอยู่ไม่ได้ ลาออกไปตั้งหลายคน หนนี้มาแปลกว่ะ ไอ้จินมันออกจะพูดจนลิงหลับ นอกจากท่านไม่รำคาญแล้วยังจับมันให้ไปนั่งพูดใกล้ๆ อีก”
“มันน่าเอ็นดูดีมั้งท่านเลยไล่เตะมันไม่ลง เจอเด็กพูดเก่งแบบนี้คุณเหนือจะได้ไม่เหงาด้วย ไม่ดีเหรอลุง” คนตอบตอบแบบไม่ได้สนใจจริงจัง ลุงโตเลยต้องเลิกสนตามแล้วคุยเรื่องสัพเพเหระอื่นแทน ลืมเรื่องเจ้าเด็กพูดจนลิงหลับที่ยังเดินบ่นงึมงำอยู่คนเดียวตลอดทาง จะมาหยุดก็ตอนเจอคุณรตีซึ่งกำลังออกคำสั่งสาวใช้เรื่องที่หลับที่นอนของเขาอยู่
“มาพอดี เจ้าจิน ฉันว่าจะให้เราไปนอนในห้องตาเหนือเลยดีกว่า กลางค่ำกลางคืนเผื่อมีปัญหาจะได้เรียกใช้กันทัน” คุณรตีมัวแต่กำกับสาวใช้ให้ดันฟูกหลบเข้ามุมจึงไม่ทันสังเกตหน้าคล้ายคนโดนของของจินดนัย “อย่าให้ขอบมันยื่นออกมาล่ะ ดันให้ชิดผนังเข้าไปอีกหน่อยสิ”
“ทำไมผมต้องนอนในห้องนี้ล่ะครับ ไหนทีแรกคุณเหนือบอกว่าแค่...” แสงเหนือที่เขาไม่ทันสังเกตว่านั่งอยู่ในห้องด้วยเป็นคนตอบ “ฉันบอกคุณแม่แล้วว่าแค่หาห้องให้นายสักห้องก็พอ แต่ท่านบอกว่าไหนๆ ก็ไหนๆ ให้นายเข้ามานอนห้องเดียวกับฉันเลยดีกว่า”
“ก็ใช่น่ะสิ แม่เคยบอกแล้วบอกอีกให้เหนือแกหาใครมานอนด้วยจะปลอดภัยกว่า ลูกก็ว่าเกะกะ พอแม่มาเห็นลูกให้แม่หาห้องให้เจ้าจินแบบนี้ก็พอดีน่ะสิ” คุณรตียิ้มแย้มยินดียิ่งยวด ไม่นึกเฉลียวใจเลยว่ากำลังป้อนอ้อยเข้าปากช้าง ป้อนไก่ย่างให้เจ้าริชชี่แท้ๆ “ตัวมันเล็กนิดเดียว เหนือคงไม่บังเอิญเดินเตะหรือนึกรำคาญอีกนะลูก”
พูดแบบนี้แสดงว่าแสงเหนือต้องเคยบังเอิญเดินเตะคนรับใช้คนก่อนแน่ๆ เตะแบบไหนไม่รู้ แต่ได้ข่าวว่าลาออกไปหลายคน ดังนั้นขอสันนิษฐานว่าคงไม่ได้เตะเบาๆ บอก...อุ๊ย ขอโทษแล้วจบเรื่องเป็นแน่ “ห้องน้ำห้องท่าใช้ในห้องตาเหนือนี่ก็ได้ ไว้ฉันจะหาตู้เล็กๆ มาให้ใส่ข้าวของเสื้อผ้านะ ส่วนห้องข้างล่างนั่นก็เก็บไว้เหมือนเดิมแล้วกัน”
จินดนัยยังยืนงงไม่หายยามทุกคนย้ายขบวนกลับไปกันหมด เหลือแค่เขากับแสงเหนือ เสียงนาฬิกาเดินและเสียงหัวใจของเขาสองคน
“โอกาสมาถึงแล้วนี่ จัดการเสียเลยสิ” เกือบร้องจ๊ากออกมาดังๆ แต่พลันนึกคุ้นเสียงที่ดังก้องในหัวขึ้นเสียก่อน จินดนัยจึงหุบปากได้ทัน เสียงเทวดาไกด์ที่หายเงียบไปนานยังดังต่อเนื่อง “ไม่ได้เจอกันไม่เท่าไหร่ทำเป็นขวัญอ่อน บอกตรงๆ ว่าตั้งแต่เปิดโปรฯ นี้มา ฉันไม่เคยเห็นใครจะเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ได้ขนาดนายเลย ปกติมีแต่ได้ร่างปุ๊บ วิ่งไปแทงยอดอกอีกฝ่ายปั๊บ”
“ฉันจะอาบน้ำแล้ว” คนไม่รู้ว่าเพิ่งโดนจับใส่พานถวายเขาขยับลุก จินดนัยจึงต้องรีบเตรียมเสื้อผ้าและทนฟังเสียงในหัวพูดยุแหย่อยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่อาจตอบโต้
“ฉันเคยดูหนังประเภทนี้บ่อยๆ ประเภทตัวร้ายเอาปืนจ่อหน้าพระเอกแล้วมัวแต่พูดพล่ามเล่าที่มาที่ไปของแผนการไร้สาระ เปิดโอกาสให้พระเอกเตะปืนหลุดกระเด็นแล้วไอ้คนร้ายก็โดนกระทืบซ้ำจนลงคลานเป็นหมา อย่างนายนี่ฉันคงไม่แปลกใจเลยถ้าวันหนึ่งจะโดนพระเอกเตะหัวขาดเพราะมัวแต่ฝอย...”
“มันหนักหัวคุณตรงไหน” จินดนัยกระซิบขู่เสียงลอดไรฟันทันทีที่แสงเหนือเริ่มอาบน้ำ “จะบอกให้ว่าฆ่าคนตาบอดอย่างหมอนั่นน่ะง่ายจะตายชัก ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก แค่ผมดีดนิ้วเป๊าะ แสงเหนือก็ต้องลงไปนอนดิ้นกระแด่วๆ ร้องขอความเมตตาปากคอสั่น แต่นี่ผมเห็นว่ามีเวลาตั้งหนึ่งปี ดังนั้นภายในหนึ่งปีนี้ผมจะเป็นพระเอกถือปืนจ่อคนร้ายไปทั้งเรื่องมันก็เรื่องของผม คุณนั่นล่ะเป็นเทวดาภาษาอะไรมายุให้ฆ่าคน”
“ใครบอกนายว่าฉันเป็นเทวดา มนุษย์นี่ชอบคิดเอาเองกันทั้งนั้น” จินดนัยมัวแต่ชะงักเลยปล่อยช่องว่างให้ฝ่ายนั้นกล่าวต่อเสียงคล้ายกับเจ้าตัวกำลังยิ้ม “อย่าลืมแล้วกันว่านายกลับมาเพื่ออะไร ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี เพราะถ้าแค่มีใครสักคนรู้ว่าตัวจริงนายเป็นใคร ข้อตกลงเป็นอันสิ้นสุดทันที นายจะต้องไปไหน...คิดว่าคงไม่ต้องให้ฉันบอกก็น่าจะจำได้”
“คุณไม่ใช่เทวดางั้นก็แสดงว่าเป็น...ปีศาจ” ขนแขนลุกวาบๆ ซวยแล้ว ดันทำสัญญากับปีศาจไป แล้วนี่ตอนจบมันจะมาดูดสมองตูไหมเนี่ย “คุณหลอกผม ที่จริงคุณต้องการวิญญาณของผมใช่ไหม คุณคงพยายามหาทางขัดขวางให้ผมทำไม่สำเร็จ พยายามทำให้ผมใจอ่อน ใช่แน่ๆ! คุณเสกให้ผมใจอ่อนกับไอ้แสงเหนือ!”
“มีแต่พวกมนุษย์ที่มักจะแบ่งแยกว่านี่เป็นเทวดา นั่นเป็นปีศาจ ทั้งที่ความจริงมันก็พวกเดียวกันแท้ๆ เมื่อทำเรื่องดีก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเทวดา เมื่อทำเรื่องร้ายก็กลายเป็นปีศาจแทน ใจร้ายจัง” คำพูดตัดพ้อแต่น้ำเสียงกลับบ่งบอกว่ากำลังสนุกสนานยิ่ง “ว่าแต่ว่านายเริ่มใจอ่อนจริงๆ เหรอ ถึงว่าสิ มีโอกาสตั้งหลายครั้งนายก็ไม่ยอมลงมือ ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่หรอก นายต่างหากที่ใจอ่อนจนฆ่าหมอนั่นไม่ลง”
“ผมไม่ได้ใจอ่อน! แค่กำลังหาโอกาสดีๆ อยู่ เพราะผมต้องใช้ร่างนี้หลังจากฆ่าแสงเหนือ ดังนั้นจะสุ่มสี่สุ่มห้าลงมือได้” รีบยกเหตุผลมาอธิบายแล้วต้องนิ่งฟังคำอำลาทิ้งท้ายที่ฟังดูก็รู้ว่าไม่ได้แฝงความหวังดีไว้สักนิด
“ตามใจนาย ยังไงก็อย่าลืมให้ฉันเห็นเรื่องสนุกๆ แก้เซ็งแล้วกัน ส่วนนายจะแพ้หรือชนะ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ”
ใครจะแพ้ อย่างเขาต้องชนะเท่านั้น เรื่องเอาตัวรอดสงสัยต้องอาศัยไปตายดาบหน้า บางทีเขาน่าจะได้ลงมือเร็วๆ นี้ล่ะ เขาสังหรณ์และสัมผัสได้ว่ามันอยู่แค่นี้ แค่เอื้อมออกไปหยิบก็ถึง ชนิดที่ว่าเกือบจะลิ้มรสชัยชนะอันหอมหวานที่อบอวลอิ่มเอมได้เลยล่ะ ไอ้การใจอ่อนเฮงซวยน่ะ... เชิญลงนรกล่วงหน้าเจ้าแสงเหนือไปก่อนได้เลย
++++++++++++++++++++++++++++
TBC