เตือนก่อน นี่เป็นตอนแรกที่คุณเขียดแต่งนิยายแล้วร้องไห้ อาจสื่อมาไม่ดีนะ แต่คุณเขียดคิดไปล่ะอินกับประสบการณ์บางช่วงของชีวิต
อ่านโลด มาช้าเพราะมัวแต่ร้องไห้ ไม่ขงไม่เขียนเลย ฉิบหายจริงอิเขียด
Chapter 22 ครึ่งหลัง
วันนี้พ่อไปงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ผมเลยต้องกินข้าวกับไอ้กรแค่สองคน กินข้าวเสร็จผมก็ขึ้นไปบนห้อง ผมนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆท่ามกลางเสียงเพลงที่เปิดทิ้งไว้ ในขณะไอ้คนร่วมห้องอีกคนเอาแต่เล่นโซเชียล หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
"กร งานเจ้เพ็ญมึงทำเสร็จยัง"ผมถามพลางมองไปทางรายงานข้อมูลยาที่จับฉลากได้ในคลาส
"งานส่งตั้งเดือนหน้า"มันตอบมาแค่นั้น
"ไม่รีบทำ งานมันก็ชนกันดิ"ผมบอก
"มึงแม่งเครียดไปอ่ะ"มันยังคงเล่นโซเชียลของมันต่อ
"มึงได้ยาอะไร"คือผมว่างอ่ะ ต้องหาอะไรทำ แถมตอนนี้มันหม่นๆไม่อยากคุยกับแฟนเท่าไหร่
"ฟีโนไธอะซีน"อ๋อ ยากล่อมประสาท กูนี่น่าจะแดกสักสามกำ เผื่อจะเลิกคิดมากฟุ้งซ่านสักที
"งั้นเดี๋ยวกูหาข้อมูลให้ล่ะกัน"
"ง่อววว ใจดีจัง เดี๋ยวรักตายเลย"มันทำตาเป็นประกายสองวิแล้วก็ไปสนใจหน้าจอมันต่อ "ไว้ว่างๆไปบ้านกูเปล่า ยายกูทำขนมไทยอร่อยนะเว้ย"หูพี่นี่ผึ่งเลยจ้ะ "ไปไหมแจ่มจันทร์ ไปเที่ยวสุพรรณบ้านพี่"มันร้องออกมาเป็นเพลง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแล้วพุ่งไปที่พีซีที่ผมเปิดเพลงไว้
"ทำไรของมึง"เห็นมันเข้าหน้าเวป
"ร้องแล้วกูอยากฟัง"ว่าจบทำนองเพลงพื้นบ้านที่ผมไม่คยฟังก็ดังขึ้น
ไอ้กรยืนกลางห้องก่อนจะคว้าขวดเซรั่มของผมขึ้นมาเป็นไมค์ แล้วร้องคลอไปกับเพลง ผมฟังสักพักก็รู้สึกผ่อนคลาย ผ่อนคลายมากไป ผ่อนคลายจนกูแทบจะเป็นบ้า เมื่อไอ้กรไปเอาผ้าห่มผมมาผูกเป็นชุดเกาะอกกระโปรงยาวลากพื้นแล้วเต้นด้วยสเตปแดนซ์เซอร์เพลงลูกทุ่ง
"เมืองขุนแผน ทั่วทั้งแดนกระฉ่อน ตำนานรักซ้อน เจ้าขุนช้างตัวดี...อ้วนแล้วยังหัวล้าน"ไม่รู้ยังไง แต่อยู่ๆภาพพ่อกูก็ลอยมาในหัว
พอจบเพลงแรกมันก็เปิดเพลงใหม่ แน่นอนว่าคงคอนเซปสำนึกรักบ้านเกิดเช่นเดิม แต่เพลงนี้ช้ากว่า ไม่เร้าใจเท่าเพลงแรก แต่ก็เพราะดี แถมเสียงใสๆกังวานของไอ้กรอีก มันเลยทำให้มันเพราะไปอีก
"สาวสวนแตงแห่งเมืองสุพรรณ พี่คิดถึงเจ้าทุกวัน คอยแจ่มจันทร์แม่แตงร่มใบ"ไอ้กรร้องแล้วหมุนติ้วๆสามรอบ
"แต่งร่มใบคืออะไร"ผมถามด้วยความสงสัย
"ขาวไรงี้"
"อ่อ"สิ้นคำสงสัยของผมไอ้กรก็ยังคงร้องเพลงมีความสุขของมันต่อไป
ผมกลับมาหาข้อมูลอีกครั้งเมื่อตอนนี้โครงการสำนึกรักบ้านเกิดของมังกรได้จบสิ้นลง มันเปิดเพลงไทยสบายหู ก่อนจะกลับนอนร้องคลอเบาอยู่บนเตียง
โปรโทรมาตอนราวๆสีทุ่ม ผมรับก็ตัดบทว่าไม่ค่อยสบายกำลังจะนอน อีกฝ่ายเลยวางสาย แต่ก็ไม่วายกำชับให้ผมกินยา แล้วก็เพิ่มอุณหภูมิแอร์ ยิ่งโปรดีกับผม ผมก็ยิ่งรู้สึกแย่ที่งี่เง่าว่ะ
วางสายจากแฟน ผมก็ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแล้ว เลยไปนอนบนเตียงข้างๆไอ้กร มังกรผละสายตามามองผมเล็กน้อย ก่อนจะหันไปอมยิ้ม ตาหวานเยิ้มให้หน้าจอ กูรู้เลยเป็นอะไร
"นี่มึงมีแฟนแล้วหรอ"ผมถามออกไป ถ้าไอ้กรมีแฟนหน้าจะเป็นเรื่องดังอยู่
"เฮ้ย ไม่ใช่ คุยกับคนที่กูทำเค้กไปให้มันนี่แหละ"มันปฏิเสธพัลวัล... ชัดเลย
"อ๋อ มึงชอบเขา"
"ไม่ใช่โว้ย มันเป็นรุ่นน้องไอ้ซุป"สติสมงสมองเริ่มไปหมดล่ะมึง
"แล้ว? ต้องทำเค้กให้รุ่นน้องเมททุกคนงี้หรอ"
"ไม่ใช่... โอ๊ย มาคาดคั้นไรกูเนี่ย"ไอ้กรมองจิกผมก่อนจะกดพิมพ์ตอบไปสองสามประโยค
เสียงเพลงยังคงขับกล่อมอยู่ ผมนอนจ้องเพดานนิ่งๆ ภาพท้องฟ้ากับก้อนเมฆสีขาวที่แม่วาดให้แต่ผมยังเป็นเด็กน้อย ทำให้ผมสบายใจทุกครั้งที่ได้เห็น และครั้งนี้ก็เช่นกัน
"มึงเป็นอะไรไม่บอกไปวะ แฟนมึงก็ดูแคร์มึงจะตายห่า"ไอ้กรเปิดประเด็นทั้งที่นิ้วมันยังลงสไลด์หน้าจออยู่
"ช่วงนี้โปรเครียดโปรเจ็กต์อยู่แล้ว กูไม่อยากเอาเรื่องไปเพิ่มให้"
"กูว่าถ้ามึงเก็บไว้แบบนี้น่ะ ไม่ทำให้มันเครียดหนักกว่าเดิมหรอวะ"ผมขมวดคิ้วสงสัย "มีคนเคยบอกกูว่าวัยเด็กเป็นวัยที่สมองพัฒนาดีที่สุดจนเด็กจะดำเนินชีวิตโดยใช้สมองและสัญชาตญาณ พอเป็นวัยรุ่นหัวใจจะพัฒนาดีที่สุด ก็เลยใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกเป็นที่ตั้ง"อะไรของมันวะ "บางทีที่คนเราคิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวน่ะ มันหมายความว่ามันยังเป็นเด็ก มึงคิดว่างั้นมะ"
"แล้วถ้าเป็นผู้ใหญ่ จะทำยังไง"ผมถามออกไป
"ผู้ใหญ่จะใช้ประสบการณ์บวกกับความคิดและความรู้สึก แล้วค่อยวิเคราะห์ออกมา"ผมพยักหน้ารับรู้ "แต่ถึงจะพูดแบบนั้น แต่กูชอบที่จะเป็นวัยรุ่นมากกว่าว่ะ ทำทุกอย่างตามใจ ไม่ต้องคิดไรมาก มันสนุกดี"ยักคิ้วให้ผมแล้วก็จมสู่โลกโซเชียลของมันอีกครั้ง
ผมนอนเล่นเกมส์ไปสักพักก็กดเข้าไปในไลน์ ส่องรูปโปรไฟล์กับสเตตัสแฟนตัวเองแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาจนหน้าตึง รูปคู่ของผมกับโปรที่ถ่ายกันวันที่เกิดเหตุการณ์หน้าลิฟต์
'หายป่วยแล้วจะพาไปกินข้าวขามึงนะครับแฟน'
...หึหึ...
...ไอ้สัตว์!!...
วันจันทร์ผมขับรถไปส่งไอ้กรเพื่อเก็บของที่ห้องมัน ก่อนจะแว้นแมงกะไซต์มันมาแทนที่จะขับรถผมมา เพราะเนื่องจากวันนี้เราตื่นสายทั้งคู่ ไหนจะต้องมาห้องไอ้กรอีก เลยทำให้เราเจอมรสุมรถติดหน้าม.จนได้
มาถึงตึกคณะ ผมกับมันก็ต่างคนต่างไปเรียน พวกจีจี้กับฟอยด์ยังคงเปิดประเด็นเมาท์มันส์บันเทิงกันเช่นทุกที ส่วนไอ้สามหนุ่มสามมุมมันไปกินข้าวกันอยู่ เลยเห็นแค่กระเป๋าพวกมันเท่านั้น
คาบแรกอาจารย์เลทไปราวครึ่งชั่วโมง เนื่องจากติดประชุมด่วนของคณะ พวกผมเลยได้แต่นั่งเปื่อยๆคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป ในคณะที่เพื่อนกลุ่มอื่นเอางานมาทำบ้างประปราย
บางทีการที่เราทำงานเสร็จเร็วมันก็ดีนะ แต่บางทีก็รู้สึกว่างไปเหมือนกัน คาบบ่ายอาจารย์ก็ปล่อยก่อนเวลาอีก เพราะต้องไปประชุมต่อ เพื่อนๆต่างแยกย้ายกันกลับไปเคลียร์งานที่เหลืออยู่นิดหน่อย
ผมไลน์บอกหมีขาวว่าผมเลิกเรียนแล้ว ผมเดินไปที่รถ แต่ขับไปยังไม่ทันจะพ้นไฟแดงแรก อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่าอยู่ที่ม. ทำโปรเจ็กต์ยันเย็น แต่เดี๋ยวจะไปรับผมที่บ้าน
'โอเค เดี๋ยวเราถึงบ้านแล้วบอกนะ'
ผมขับรถมาถึงบ้านก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไลน์ไปบอกอิหมีไม่ถึงสิบห้านาที เสียงเครื่องยนต์คุ้นหูก็ดังอยู่หน้าบ้าน ผมหอบกระเป๋าที่ใส่หนังสืออ่านเล่นลงไปที่ชั้นล่าง มนุษย์แฟนในเสื้อช๊อปนั่งรอผมอยู่ในห้องรับแขก
GTR คู่กายของอิตัวขาวพาเราทั้งคู่มาถึงคณะมัน ในห้องที่อุณหภูมิเย็นกำลังดีนั้นมีมนุษย์อยู่ราวยี่สิบกว่าคน โปรจูงมือผมไปนั่งที่โต๊ะกลุ่มมัน ซึ่งมีเพื่อนมันนั่งเขียนนั่งจดอะไรกันอยู่
"หายป่วยแล้วหรอวะ"ไอ้โจหน้าโจรทักผมคนแรก
"ดีขึ้นแล้ว"ผมยิ้มตอบก่อนจะนั่งลงเมื่อแฟนกระตุกแขนให้นั่งลงข้างๆมัน
"นี่จีนแฟนไอ้ฟีน"ผมยิ้มให้ผู้หญิงสายเซอร์หน้าสดแต่ยังคงความสวยเท่ห์ที่นั่งวาดรูปอยู่บนเคสโทรศัพท์
"หวัดดีครับ"ผมทักก่อน
"อ่า หวัดดี"เธอยิ้มนิดๆ "เป็นแฟนโปรนี่เหนื่อยเลยดิ ฮอตซะ"ผมยิ้มแห้งๆตอบไป "กินไรปะ เดี๋ยโทรให้ไอ้หนวดมันซื้อมาให้"
"..."ผมส่ายหน้าพลางยกถุงของกินที่ผมแวะซื้อมาแล้ว "จีนกินด้วยกันไหม"ผมถาม
"มีไรบ้างอ่ะ"ผมส่งถุงให้เธอเลย
"เค้กส้มน่ากินอ่ะ"เธอยกกล่องพลาสติกออกมาจากถุงกระดาษที่ผมเอามาจากบ้าน "ชิมนะ"ผมพยักหน้า
"เป็นไงบ้างอ่ะ"
"อร่อยโคตร ทำเองหรอ"ผมส่ายหน้า ยิ้มอ่อน
"ป้าผมอ่ะ"ไม่อยากใช้ำคำว่าแม่บ้าน พี่ไม่อยากดูเป็นคุณหนู
"โหย ป้าทำขายปะเนี่ย ได้ไปอุดหนุน"
"ไม่อ่ะ แต่ถ้าชอบเดี๋ยวผมฝากโปรมาให้อีก"ผมบอก
"เกรงใจว่ะ แต่ถ้ามีอย่างอื่นแถมมาด้วยก็โอเคนะ"เธอหัวเราะ
"ซี เดี๋ยวกูไปคุยกับอาจารย์ก่อน มึงอยู่กับจีนไปก่อนนะ"โปรบอกแล้วเอามือวางไว้บนหัวผมก่อนจะยกขโยงพาฝูงเพื่อนมันออกไปจากห้อง
โต๊ะทั้งโต๊ะตอนนี้เหลือแค่ผมกับจีนที่ตอนนี้กำลังทำหน้าฟินจนแทบบินไปดาวอังคารเมื่อชิมเค้กไปอีกคำ ถ้าป้าศรีเห็นแบบนี้คงดีใจแย่
"กินเพลินเลย คืนๆ"จีนเลื่อนกล่องมาทางผม
"จีนกินเถอะ ผมกินที่บ้านจนเบื่อแล้ว"
"โหย อิจฉา"เธอบอกแล้วตักเค้กเข้าปากอีกคำ "จีนเคี้ยวไปอีกคำ ก่อนจะกระดกน้ำเปล่าตาม "เห็นไอ้หนวดบอกว่าซีไม่ขี้หึง ไม่หึงเลยจริงดิ โปรนี่สภาพอย่างกับขี้ที่แมลงวันตามตอมเป็นฝูงเลยนะ"อ่าขี้ อ่าแยมส้ม... สีคล้ายกันเหลือเกิน
"..."ผมยิ้มแทนคำตอบ
"ถ้าจีนเป็นซีนะประสาทแดกแน่ๆ ขนาดไอ้หน้าโจรนั่น จีนยังแทบจะบ้า"ผมหัวเราะออกมาเมื่อเธอทำหน้าทำตาประหลั่กประเหลือก "คือคนเรามันก็มีทั้งดีไม่ดีทุกที่ถูกปะ ไอ้ที่บอกว่าเพื่อนกันทั้งนั้นอ่ะยั่มมา ไอ้เพื่อนจริงมันก็มี แต่อิพวกเนียนอ่อยมันก็เยอะ"
"ยังไงอ่ะ"ผมแกะกล่องแค็กเกอร์แล้วยื่นให้จีน
"ขนาดจีนให้ไอ้หนวดมันไว้หนวดไว้เคราจนจะเป็นกอสาหร่ายทะเลอยู่แล้ว ยังไม่วายมีคนมาตอดเล็กตอดน้อยเลย แต่อย่าสนใจเลย จีนขี้หึงอ่ะ"จีนหยิบแคร็กเกอร์ไปกินแล้วตักเค้กตาม "แต่ใครมันจะชอบให้คนมานัวเนียแฟนตัวเองวะ อีพวกในคลาสนี่หลายทีล่ะ นี่ถ้าไม่แคร์อะไรนะ จะไปนัวเนียผัวพวกมันบ้าง ดูสิว่ามันจะรู้สึกยังไง"จีนดูเก็บกดเนอะ ซึ่งแน่นอน ไม่ต่างกับกูเลย ความรู้สึกนี้มันใช่นะ
"ตอนแรกเราก็ไม่รู้อ่ะ คิดว่าคณะนี้เขาถึงเนื้อถึงตัวกันปกติ"
"โอ๊ย มันไม่เกี่ยวคณะค่ะคุณ มันเกี่ยวกับจิตสำนึกล้วนๆ"จีนว่า "จีนเคยเบื่อที่ตัวเองที่ขี้หึง จนหนีไปปฏิบัติธรรมมาแล้วรอบหนึ่ง"
"แล้วเป็นไง ดีขึ้นไหมครับ"เผื่อผมจะไปบ้าง
"ไม่อ่ะ เราก็เลยจะเลิกกับอิโจรใต้นั่นแทน"จีนกลอกตา "แต่มันบอกจะหึงก็หึงไปเถอะ มันชอบ"จีนยิ้มมุมปาก "จิตดีเนอะ"จ๊ะ แม่คุณ "แต่ซีเก่งนะ ไม่แสดงออกมาเลยเนี่ย"
"ไม่อยากให้โปรมีปัญหาเดี๋ยวเพื่อนเดี๋ยวแฟนอะไรทำนองนี้น่ะ"ผมกระดกชาเขียวฟูจิไปเกือบครึ่งขวด
"แต่จีนว่าเพื่อนมันก็มีขอบเขตของความเป็นเพื่อนอยู่แล้วอ่ะ อย่างจีนเนี่ย ถ้าเพื่อนมีแฟนเราก็ต้องออกห่างบ้างถูกปะ เพราะเราก็คงไม่อยากมีปัญหากับแฟนเพื่อน แต่นี่อะไร กูจะบ้าตาย"จีนกุมขมับ "แต่เพื่อนผู้หญิงดีๆก็มีนะ อย่างฝนเนี่ยสนิทกับกลุ่มนี้มากนะ แต่นางจะไม่เล่นถึงเนื้อถึงตัว"จีนบุ่ยปากไปทางกลุ่มผู้หญิงที่โต๊ะอยู่ถัดไป
"ฝน"จีนเรียก เจ้าของชื่อร่างท้วมแต่ขาวจั๊วก็โบกมือสองมือระรัว
"มานานแล้วหรอ โทษทีมัวแต่ปั่นงาน"
"ไม่นานๆ นี่ซีแฟนโปร"จีนแนะนำ
"รู้แล้ว อิห่านั่นอวดเมียซะอย่างกับว่ามันจับได้รางวัลใหญ่มาจากงานกาชาดจังหวัด"ฝนว่า ผมขำน้อยๆ เพิ่งรู้ว่ามันขี้เห่อ "ทำเหมือนได้มาแบบปฏิหาริย์ จีบก็จีบเอง อิง่าวโปร แต่ก็ยอมใจอ่ะ ซีน่ารักไงมันเลยอยากอวด"ผมเขินว่ะ ไม่รู้อะไรแต่กูเขิน
"อีฝน ไปคุยก่อนก็ได้ พักสิบนาที"ผมจำได้ว่าชื่อจอย คนที่อิกรว่าแดกไปเมื่อวานนั่นแหละ
"โอเค"สิ้นคำ ฝนก็พุ่งร่างกลมๆลงมานั่งข้างจีน "จริงๆมีเรื่องคันปากอยากเล่าด้วย เมื่อวานอีฟีนกลับดึกถูกมะ"จีนหรี่ตาแล้วยักคิ้ว "มันบอกว่าทำงานถูกมะ"จีนหรี่ตาลงกว่าเดิม "แต่มันที่จริงมันแดกเหล้าอยู่ห้องไอ้ธัน"
"ว่าแล้ว คนอย่างมัน ปีชาติไม่เคยจะรักเรียน"
"เออซี เราขอโทษนะ เมื่อวานโทรศัพท์เราแบตหมด เลยยืมเครื่องไอ้โปรหารูปงาน แต่ไลน์มันขึ้นแถบเตือนแล้วมือเราเผลอไปโดน ขอโทษเด้อ จริงๆไม่อยากตอบนะ แต่กลัวมีปัญหากันเพราะอ่านไม่ตอบ"
"แล้วคิดว่าให้คนอื่นตอบนี่ไม่มีปัญหาหรอ"จีนขมวดคิ้ว
"เออว่ะ กูลืม"ฝนหน้าเหวอ
"ไม่เป็นไร"ผมยิ้ม ตอนนี้สบายใจแล้วอ่ะ
"ฝนกินไหม"ผมยื่นขนมให้
"ขอบคุณค่ะ"เธอยิ้ม
"อ่าว กินแคร็กเกอร์ได้ด้วยหรอวะ กูนึกว่ากินได้แค่กล้วยกับอ้อย แปร้น!!"จีนหัวเราะ
"อีจีน!!!"ฝนกรีดร้อง ก่อนจะล็อคคอจีน
นั่งคุยกันสักพักฝนก็กลับไปทำงานต่อ ผมกับจีนก็สนิทกันพอสมควรแล้ว เปล่าวะ เอาเถอะ หน่องซีว่าสนิทก็ต้องสนิทดิ จีนนั่งวาดเคสต่อ เธอบอกว่าเป็นรายได้พิเศษ เอาไว้สมทบทุนไปเที่ยว อีกอย่างได้ใช้ความสามารถตัวเองเพื่อหารายได้ด้วย... ปล.จีนเรียนศิลปกรรมเอกภาพพิมพ์ครับ เป็นสาวสายอาร์ตเต็มตัวเชียวแหละ
เกือบชั่วโมง โปรตอนและฝูงเพื่อนก็กลับมาด้วยหน้าที่ซีดกว่าขาไปพอสมควร ผมยื่นแคร็กเกอร์ให้คนข้างๆ โปรหยิบไปกิน ก่อนจะส่งต่อให้เพื่อนๆในกลุ่ม
"เบื่อยัง"โปรถามก่อนจะเอาหน้าผากเกยไหล่ผม"
"ยังอ่ะ คุยกับจีนสนุกดี"สนุกจริงๆนะ มันเหมือนทำให้ผมรู้ว่าการที่ผมหึงมันไม่ใช่เรื่องแปลกหรือร้ายแรงอะไร
"กินไรดีเย็นนี้"
"ข้าวขาหมูไหม"ไม่ใช่ว่าผมอยากกิน แต่ผมรู้ว่ามันชอบกิน
"ก็ดี ไม่ได้กินนานแล้ว"โปรลูบหัวผมสองสามที "พวกมึง กูกลับแล้วนะ"หันไปบอกเพื่อน
"ไปแล้วนะ... จีน เราไปแล้วนะ"ผมโบกมือ จีนก็โบกมือตอบ "ฝน เราไปแล้วนะ"ผมโบกมือให้ฝน แต่จอยเงยหน้ามองพอดี "ไปแล้วนะครับ"ผมยิ้มให้ เธอก็ยิ้มตอบ
ออกมาข้างนอก ฝนก็ทำท่าเหมือนจะตก และก็เป็นอย่างที่ผมคาดเดา เพราะเมื่อเราสั่งข้าวขาหมูไปไม่นาน ฝนก็เทลงมา ร้านข้าวยังคงแน่ขนัดไปด้วยลูกค้า
"เพื่อนที่คลาสกู"โปรพึมพำตามองออกไปด้านนอกจนผมต้องมองตาม "เดี๋ยวมานะ"โปรลูบหัวผมสองสามทีก่อนจะลุกออกไปหาเพื่อผู้ชายสองสามคนที่ยืนหลบฝนกันอยู่หน้าร้าน
ผมนั่งรอจนข้าวมาเสิร์ฟ รอจนทุกอย่างเย็นชืด โปรก็กลับมา แต่ไม่ทันที่ผมจะได้กินให้เสร็จๆแล้วกลับบ้านไปนอน โปรก็พูดบางอย่างที่ผมอยากจะทำลายต่อมคนดีของตัวเองให้มันสิ้นซาก
"เดี๋ยวไปส่งเพื่อนแปบนะ กินไปก่อนเลย"ว่าจบก็เดินออกไป
ผมไม่ได้อยากกินข้าวขาหมู แต่ที่ผมมากิน เพราะผมมีความสุขที่เห็นมันกินอะไรที่ชอบ ที่เห็นมันมีความสุข แม้มันจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม
ผมคิดว่าผมเป็นคนรอเก่ง เป็นคนทนเก่ง แต่ความจริง ผมเพิ่งรู้เองว่าผมไม่ได้เก่งแบบที่ตัวเองคิดเลย ผมไม่อยากรอแล้วว่ะ ไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว ผมรู้นะว่าเพื่อนโปรกำลังลำบากกว่า แต่ทำไมต้องทิ้งผมไว้ด้วยวะ ผมสำคัญน้อยกว่าหรอ
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังนั่งรอ นั่งรอจนข้าวแข็งไปหมดแล้ว โปรกลับมา ผมยังคงยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไร ผมแม่งเกลียดรอยยิ้มของตัวเองฉิบหายเลยว่ะ
---
กินข้าวเสร็จโปรก็มาส่งที่บ้าน ผมคุยกับเพื่อนๆผม คุยกับจีน คุยกับมังกร คุยกับฝน ผมก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น ทำไมทุกครั้งที่ผมคุยกับแฟนผมต้องอึดอัด หรือว่าลึกๆ ผมอาจจะเหนื่อยกับความสัมพันธ์ครั้งนี้แล้ววะ
แต่แค่คิดจะจบเรื่องของเรา ผมก็อยากจะร้องไห้ ผมรักมันมากจริงๆ อิตัวขาวของผมน่ะ ผมรักมันมากๆเลย แม้ตอนนี้ผมจะไม่มีความสุขเท่าที่ควร แต่ความรู้สึกในใจผมมันก็ยังหล่อหลอมแล้วกระซิบบอกให้ผมทนอีกนิดตลอด
วันศุกร์โปรมารับผมที่ม. ผมไม่ค่อยชอบดูหนังในโรง เพราะเสียงมันดัง ผมแสบหู ซึ่งอิตัวยาวมันก็รู้ มันเลยไม่เคยพาผมเข้าโรงหนังเลยตั้งแต่เรากลับมาคบกัน แต่ผมรู้ว่ามันมีหนังที่มันอยากดูหมือนกัน ผมก็เลยชวนมันมาดู ทั้งที่จริงๆผมไม่ได้อยากจะดูเลย
"มึงนั่งรอตรงนี้นะ ป๊อบคอร์นเอาหวานกับชีสใช่ไหม"ผมยิ้มกริ่มพยักหน้า อย่างน้อยมันก็ยังจำได้ว่าผมชอบกินอะไร แม้จะผ่านมาสามปีกว่าแล้วก็เถอะ
ผมมองตามคนตัวสูงออกไป หนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่แนวที่ผมชอบ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร เพราะผมเชื่อว่าการทำกับใคร สำคัญกว่าการทำอะไรเสมอ
วันนี้ป๊าม๊าของหมีขาวต้องขึ้นเครื่องตอนสองทุ่ม โปรกับผมไปส่ง ก่อนที่เราสองคนจะไปหาอะไรกินต่อ ผมเบื่อการที่ใครก็รู้จักแฟนผมเยอะเหมือนกันนะ ใครๆก็เข้ามาทัก จนบางทีผมก็สงสัยนะ ว่าโปรมันลืมบ้างปล่าววะ ว่าผมมากับมันด้วยนะ
และคราวนี้ก็เช่นกัน กินข้าวเสร็จเราก็เดินดูของกันต่อ และแน่นอน เจอรุ่นน้องที่ม.มันมาทัก ผมก็เฟดตัวออกมาช้าๆ แต่วันนี้ผมเหนื่อยจะรอแล้วว่ะ
ผมออกมาจากห้างโบกแท็กซี่ไปตลาดรถไฟ กะไปนั่งดื่มชิวๆคนเดียว แต่คิดไปคิดมาก็ดูจะเปล่าเปลี่ยวเกิน เลยโทรตามเพื่อนมาด้วย ซึ่งแน่นอนช่วงนี้งานน้อย ว่างกันทั้งกลุ่ม
ผมกดปิดเครื่องเมื่อเห็นว่าแฟนผมโทรมา ทนรถติดสักพักผมก็มาถึงที่หมาย เนื่องจากเป็นวันศุกร์โต๊ะเลยเต็มหมด ผมก็เลยโทรไปแคนเซิลเพื่อน ซึ่งโชคดีที่มันยังไม่ได้ออกกันมา
ผมเปิดโทรศัพท์จะโทรให้ที่บ้านมารับ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร เบอร์ที่โทรเข้ามาก็ทำให้ผมต้องถอนหายใจแล้วรับโทรศัพท์
/"ซี!! อยู่ไหน ทำไมปิดเครื่อง"/
"..."ผมคิดว่าผมคงจะเหนื่อยจนขี้เกียจจะพูดอะไร
/"ซี มึงเป็นอะไร"/โปรเสียงอ่อนลง /"บอกโปรได้ไหม"/
"เราเหนื่อยแล้วว่ะ"ผมไม่รู้ผมกำลังทำอะไร ผมรู้แค่ผมอึดอัด ผมเหนื่อย
/"เหนื่อยหรอ งั้นอยู่ไหน เดี๋ยวไปรับ"/
"เราเหนื่อยใจ"รู้สึกเหมือนไอ้สิ่งที่ผมเก็บๆไว้มันกำลังพังทลายออกมา "เราเลิกกันดีไหม"รู้สึกว่าตาผมมันร้อนผ่าวไปหมด ผมเดินออกมาด้านหน้า ก่อนจะโบกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน
/"อย่ามาล้อเล่น กูไม่ตลก มึงจะเลิกอะไร เราไม่ได้มีปัญหาอะไร เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันด้วยซ้ำ มีแต่มึงที่อยู่ๆหายไปเนี่ย มึงเป็นอะไร มึงไม่สบายใจอะไร มึงบอกกูสิ กูเป็นแฟนมึงไม่ใช่หรอวะ!"/โปรโวยวายออกมา
"ไป xxx ครับ"ผมบอกลุงคนขับแท็กซี่ ก่อนจะเข้าไปนั่งเมื่อลุงพยักหน้า
/"'งั้นเดี๋ยวกูไปหาที่บ้าน มึงห้ามวางสายด้วย"/
"อือ มาก็ดี ได้คืนของด้วย"เสียงผมสั่นขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาที่พยายามกักไว้มันก็ไหลอย่างห้ามไม่อยู่
/"มึงเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม กูจะบ้าแล้วนะเว้ย! มึงเป็นอะไรทำไมไม่บอกวะ"/โปรยังโวยวาย แต่ผมสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายก็เสียงสั่นเครือเหมือนกัน /"
"โปรเคยสัญญากับพ่อเรา ฮึก ว่าถ้าเราขอเลิก โปรจะไม่รั้งใช่ไหม"
/"ซี มึงอย่ามาบ้า กูไม่ใช่พระเอกซีรี่ย์ กูไม่ทำตามสัญญาอะไรทั้งนั้นแหละ"/ถึงผมจะร้องไห้อยู่ แต่ทำไมกูตลก ไปหมดแล้วสมงสมอง
"เราเหนื่อยจริงๆ"ผมยังคงน้ำตาไหลไม่หยุด "เลี้ยวข้างหน้าครับ"ผมบอกลุงที่เหล่มองกูมานานแล้ว
รถส่งผมที่หน้าบ้าน จ่ายเงินเสร็จ ผมก็เปิดรั้วบ้านเข้าไป เห็นโปรยืนถือโทรศัพท์รออยู่ ผมปาดน้ำตา เดินเข้าไปหาคนที่ตอนนี้ขอบตาแดงๆ
"ไปคุยในบ้านเถอะ"ผมอกแล้วเดินนำเข้าบ้านไป
ผมเดินนำขึ้นไปบนห้อง วันนี้ทางสะดวกเพราะลุงหัวล้านไม่อยู่ เสียงดังได้เพราะพวกแม่บ้านคงไม่ได้ยิน และแน่นอน ถ้ากูโดนฆ่าตายก็ไม่มีใครช่วยกูทันเช่นกัน
เข้ามาในห้องผมก็ทิ้งตัวนั่งที่โซฟา โปรก็ตามมานั่งข้างๆ ทุกอย่างมีแต่ความเงียบ อาจเพราะเราทั้งครู่คงไม่รู้จะเริ่มยังไงที่ทำให้เรื่องมันดีที่สุด หรือไม่แย่ไปกว่านี้ เราเลยได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างมันเงียบแบบนี้
"จีนบอกกูว่า มึงหึงกูกับเพื่อนในคลาส กูก็พยายามเว้นระยะห่างกับทุกคน ถึงมึงไม่เห็น แต่กูสาบานว่ากูทำ"โปรเริ่มประเด็น
"เรางี่เง่าเองแหละ ขอโทษนะ"ผมบอก ก่อนจะก้มหน้ามองหน้าขาตัวเอง
"เลิกขอโทษสักที! มึงไม่พอใจ ไม่ชอบอะไร รู้สึกอะไรก็บอกมา กูไม่รู้หรอกนะถ้ามึงไม่บอก กูแม่งโง่ มึงเข้าใจไหมว่ากูโง่!"โปรโวยวายลั่น ผมไม่ชอบให้ใครเสียงดังใส่เลย เพราะผมก็จะคล้อยตามแล้วเสียงดังไปด้วย
"เออ กูแม่งโคตรเบื่อเลย ที่ต้องมานั่งรอ นั่งทนแอ๊บว่ากูแม่งเป็นคนดี มึงเข้าใจไหมว่ากูตอแหลน่ะ... เข้าใจไหมวะโปร เราโคตรอึดอัดเลย ทำไมต้องเป็นเราที่ต้องรอตลอดวะ เพราะเราสำคัญน้อยกว่าอะไรทุกอย่างในชีวิตโปรใช่ไหมวะ!"ผมมือไม้สั่นหอบตัวโยนเมื่อตะโกนออกไป
หัวใจผมเต้นแรงและเร็วจนผมเจ็บและหายใจแทบไม่ทัน โปรรวบตัวผมไปกอด แต่ผมพยายามขืนตัวออก แต่ก็ไม่สำเร็จ มือเรียวสวยที่ผมชอบลูบลงบนหัวผม แต่ผมพยายามปัดมันออก
ผมไม่ใช่คนใจเย็นหรอกนะ ผมก็แค่จุดเดือดสูงกว่าคนอื่นเท่านั้นแหละ ถ้าให้ผมเดือดผมก็รุนแรงไร้เหตุผลไม่แพ้ใครหรอก
"ขอโทษ ขอโทษนะ"คนที่กอดผมแน่นจนแก้มผมแนบกับอกที่กั้นไว้ด้วยเสื้อยืดเนื้อดีสีเทาพร่ำบอกผมเสียงเครือ "ขอโทษที่กูมันแย่ กูไม่เคยรู้เลย ไม่เคยรู้ว่ากูทำให้มึงต้องเสียใจแบบนี้"
"ฮือออ ปล่อยเรา"ผมทุบตีสะเปะสะปะไปหมด น้ำตาแม่งก็ไม่รู้มาจากไหนมากมาย
"ซีอิ๊ว..."
"ฮือออ"ผมปล่อยน้ำตาออกมา รู้สึกมันกลั้นไม่อยู่เลย
"ซีครับ"
"ฮืออออ"ยังคงแหกปากอย่างต่อเนื่อง
"เราคบกันเพราะเรารักกันใช่ไหม ถ้าจะเลิก..."อีกคนเสียงสั่น "โปรขอให้มันมาจากสาเหตุว่าเราไม่รักกันแล้วไม่ได้หรอ"
"ฮึก ฮึก ฮืออออ"
"เรารักกันไม่ใช่... ฮึก...หรอ"พอรู้สึกถึงความเปียกที่หัวกบาล ผมก็ร้องหนักว่าเดิม... ปล. ที่เปียกที่น้ำตานะ ไม่ใช่น้ำลาย "เรารักกันไม่ใช่หรือไง ฮึก หรือโปรรักซีแค่คนเดียวอีกแล้ววะ คนที่โดนทิ้งแล้วทิ้งอีกมันเจ็บรู้ไหม ฮึก มันเจ็บ จนเหมือน ฮึก หายใจไม่...ออก"ตัวคนที่กอดผมไว้สั่นเทา
"ฮึก เรา ฮึก .."ผมสะอึกสะอื้นตอบได้แค่นั้น มันปวดใจอก ปวดจนไม่ไหวแล้ว
"รักอย่างเดียว ฮึก มันไม่พอใช่ไหม ขอโทษ..."ท้ายประโยคช่างเบาแผ่ว "ที่ไม่ใช่ แฟนที่ดี... แต่พยายามแล้ว พยายามที่สุดแล้ว"โปรร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลออกมาจนผมปวดร้าวไปทั่วทั้งอก
"โปร ฮึก"ผมกอดอีกคนแน่น
"โปรจะ... กอด อิ้วไว้แบบนี้"โปรจูบลงบนกลุ่มผมของผม "ถ้าพรุ่งนี้อิ้วยังยืนยันเหมือนเดิม โปรก็ ฮึก"ผมกำเสื้อด้านหลังอีกคนแน่น
ผมไม่แน่ใจว่าผมอยากเลิกจริงๆ หรือผมแค่เหนื่อยใจ น้อยใจ ทั้งที่ตอนที่ผมต้องทนต้องรอมันอึดอัดมันทรมาน แต่มันน้อยกว่าตอนนี้จนเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ คุณเคยร้องไห้ราวกับจะขาดใจตายไหม ผมไม่เคยหรอก... นี่ครั้งแรก
---
ขอบคุณทุกคนนะคะที่ติดตาม ขอโทษด้วย ที่ช้าและผิดสัญญาตลอด
ตามเดิมค่ะ ถ้าชอบก็บวกก็เม้นท์ตามอัธยาศัย ไม่มีการบังคับใดๆ
แปะเพลงที่น้องโปรเล่นเปียโน เมื่อครึ่งแรก
วิเคราะห์นิยายกันต่อ
1. รักอย่างเดียวพอไหม เขียดบอกเลยไม่พอ ดังนั้นน้องต้องปรับปรุงและเติมให้มันพอให้ได้ ความรักไม่ใช่การทำความดี การปิดทองหลังพระไม่มีความหมายค่ะ หนูต้องสร้างความมั่นใจให้เมียนะหมีนะ
2. สำหรับน้องซี การเลิกไม่ใช่ทางออกของปัญหา มันเป็นแค่การทิ้งปัญหาไว้เพื่อให้เราและใครอีกคนต้องเจ็บก็เท่านั้น
3. ทางจิตวิทยา ผู้ชายเป็นเพศที่มีเด็กห้าขวบแฝงอยู่ มากมายแล้วแต่คน น้องโปรนั้นมีความเป็นเด็กห้าขวบสูงมาก ทั้งเอาแต่ใจ อยากให้คนที่เขารักนั้นสนใจ แต่ตัวเขานั้นกลับมีเรื่องให้สนใจมากมายโดยไม่ได้แคร์อีกคนเท่าที่ควร แต่ยังไงก็แล้วแต่อิเด็กห้าขวบคนนี้ก็ยังเป็นโปรตอนคนโง่ ที่เก่งแค่รักซีเท่านั้น
4. บอกเลยว่าไม่เลิกเว้ย ไม่ต้องกลัวไป เรื่องแบบนี้มันมีทางแก้ ต่อให้แก้กันเป็นสิบปีถ้ารักกันมากพอมันก็ทำได้ อาจขัดใจกันนะคะที่ไม่เคยเจอตัวละครป่วยทางอารมณ์กันขนาดนี้ แต่นี่ล่ะค่ะชีวิตมนุษย์ โน วัน เพอร์เฟ็ค ค่ะ
5. สุดท้ายเปิดเพลงบิ๊วอารมณ์ด้วยเด้อ มันมีซับไทย มันอารมณ์น้องโปรมัน... ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันไม่สามารถลืมคุณได้ ที่รักได้โปรดกลับมา ได้โปรดอยู่ข้างๆฉัน