ss2 ep4
เป็นเอกติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ทีมงานส่งให้ช้าๆ ก่อนถอนหายใจ…เต็งหนึ่งไม่กลับมาเป็นวันที่สามแล้ว ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด
“น้องเอกเข้าฉากค่า”
ซีรีส์วัยรุ่นที่มีนักแสดงรุ่นใหม่ที่เป็นที่จับตามอง ตัวเองไม่ได้เล่นบทหลักแต่เป็นบทพนักงานร้านกาแฟที่เพื่อนนางเอกมาหลงรัก เป็นแค่ตัวละครที่ไม่เด่นมากเท่าไหร่ ทั้งเรื่องมีออกไม่กี่ฉาก
ขายาวรับผ้ากันเปื้อนสีดำมาคาดเอวก่อนจะปล่อยให้ทีมงานจัดเสื้อผ้า ทรงผมให้อีกครั้งแล้วเดินไปหน้ากล้อง เป็นฉากที่แค่ถูพื้นร้านกาแฟไปมา จนกลุ่มนางเอกเข้ามาแล้วเพื่อนนางเอกก็แอบถ่ายรูปไว้
การถ่ายทำไม่ได้ใช้เวลามาก สักพักผู้กำกับก็ขอถ่ายฉากที่ต้องเงยหน้าขึ้นมางงๆเมื่อมีกลุ่มนักเรียนหญิงมาส่งเสียงกริ๊ดในร้าน
รู้สึกแปลกนิดหน่อยที่ต้องมองกล้องใกล้ๆ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
“ผิวสวยๆจริงๆเลยค่ะน้องเอก ขึ้นกล้องสุดๆ ไหนพี่ขอซับหน้าหน่อยนะค้า เดี๋ยวถ่ายซีนต่อไปเลย”
เพราะฉากออกมีไม่กี่ฉาก ผู้กำกับเลยเหมาวันถ่ายทีเดียวให้จบ
ฉากต่อไปก็คือยกกระถางต้นไม้อยู่หน้าร้าน มีเพื่อนนางเอกคนเดิมมาด้อมๆมองๆ แต่ฉากนี้คือต้องรู้ตัวว่ามีคนแอบมองอยู่จึงส่งยิ้มกลับไปให้
“ยิ้มกว่านี้อีก อีก!! เห้ยไม่เคยยิ้มรึไงหน้าแข็งเป็นหินแล้ว เอาใหม่ อะไรวะ ไปฝึกยิ้มไปๆๆ พักก่อน”
ฉากยิ้มดันขัดใจผู้กำกับ…ก็ยิ้มปกติ
คิ้วเรียวขมวดมุ่น ไปยืนหน้ากระจกในห้องน้ำ พยายามยิ้มก็รู้ทันทีว่าตัวเองนี่ยิ้มไม่ได้เรื่องเลยสักนิดเดียว แต่ฉากมันต้องยิ้ม จะให้ยิ้มยังไง?
“เห้ยนาย อย่าเกร็งดิ”
พระเอกซีรีส์ที่อายุไล่เลี่ยกันเดินเข้ามาในห้องน้ำ ยิ้มขำเมื่อเห็นเป็นเอกซ้อมยิ้มที่เหมือนแยกเขี้ยวซะมากกว่า
“ถ้ายิ้มไม่ออก ก็คิดถึงตอนมีความสุข เดี๋ยวก็ยิ้มได้เอง”
ตบบ่าให้กำลังใจก่อนจะเดินออกไป
เป็นเอกเลิกคิ้วให้ตัวเองในกระจก…ตอนที่มีความสุขหรอ?
“เอ้าหันมายิ้ม เออออออ แบบนั้นแหละ เอาล่ะถ่ายจริงแล้วนะ”
เทคเดียวผ่าน…แถมยังทำทีมงานกองถ่ายสาวๆเขินกันเป็นแถว ตาก็สวย ยิ้มก็สวย…อนาคตไกลแน่นอน!!
“เป็นไง คิดถึงเรื่องอะไรล่ะ?”
“เค้ก…”
“หือ นายนี่ตลกว่ะ ฮ่าๆๆๆ ผู้ชายชอบกินของหวานหรอ แปลกดีๆ ฮ่าๆ”
นักแสดงคนเดิมยิ้มขำแล้วเดินไปเข้าฉากของตัวเองบ้าง ส่วนเป็นเอกก็ยังยิ้มจาง
…นึกถึงเค้กกระต่ายของเต็งหนึ่ง…
อยากกินจัง…
เกือบค่ำการถ่ายทำฉากร้านกาแฟก็เสร็จเรียบร้อย ด้วยซีนที่เพื่อนนางเอกเอาช็อคโกแลตะวันวาเลนไทน์มาให้ ในตอนที่กำลังเช็ดแก้ว
สาวน้อยวัยมัธยมยิ้มหน้าแดงยื่นกล่องหัวใจผ่านเคาน์เตอร์มาให้พนักงานหน้านิ่ง
“ช่วยรับไว้ด้วยนะคะพี่โปรด !”
ชื่อตัวละคนของตัวเอง
หน้านิ่งค่อยๆฉีกยิ้มจาง…ก่อนจะยื่นมือออกไปรับ
“ขอบคุณนะน้อง…ชมพู”
สาวน้อยเบิกตากว้างเงยหน้าสบตาสวย
“พะ…พี่โปรดรู้ชื่อหนูได้ยังไงคะ”
“ก็…พี่ก็ต้องรู้เรื่องคนที่พี่ชอบบ้างสิ”
ยกยิ้มมุมปาก….บรรยากาศสาวน้อยเขินอายกับชายหนุ่มยิ้มละมุนละไมแล้วทุกอย่างก็จบลงเมื่อผู้กำกับสั่งคัท ใบหน้ายิ้มอบอุ่นกลายเป็นนิ่งสนิทเหมือนเดิม
ยกมือไหว้ทุกคนแล้วเดินกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ใช้ของแพงทั้งนั้นเลยนะเนี่ย”
นักแสดงคนเดิมยิ้มกว้างให้เมื่อเป็นเอกเดินออกจากห้องน้ำที่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เจ้าตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก่อนแล้วเป็นเสื้อยืดสีพื้นกับกางเกงยีนส์ขาดๆ กำลังใส่นาฬิกาอยู่หน้ากระจก ส่วนเป็นเอกก็มองตัวเอง…เสื้อเชิร์ตสีฟ้าอ่อนราคาแพง…กางเกงยีนส์นูดี้สีเข้มกับรองเท้าหนังวาเลนติโน่สีน้ำตาล
“เราชื่อเพียส นายชื่อเป็นเอก ยินดีที่ได้รู้จัก”
“อื้อ”
อีกฝ่ายยื่นมือมาเชคแฮนด์จึงยื่นมือไปจับ
“แล้วกลับไง? ให้ไปส่งปะ เราขับรถมา”
ร้านกาแฟค่อนข้างห่างไกลใจกลางเมือง กว่าจะมาได้ก็นั่งแท็กซี่มานานเหมือนกัน จึงพยักหน้าตกลง
“อยู่แถวไหนล่ะ?”
“แถว…”
บอกย่านคอนโดของตัวเอง
“ใกล้ๆ เดี๋ยวแวะไปส่งแล้วกัน อยู่ไหนล่ะ คอนโดหรอ?”
“อือคอนโด….”
การเดินทางกับเพียสในรถเก๋งสัญชาติญี่ปุ่นไม่ได้น่าอึดอัดใจเท่าไหร่ จนกระทั่งมาถึงหน้าคอนโดเพียสก็ลดกระจกลงกล่าวลาเล็กน้อยก่อนขับออกไป
เป็นเอกหันตัวจะเดินเข้าคอนโด ชะงักเมื่อเจอเต็งหนึ่งยืนนิ่งอยู่…เหมือนพึ่งออกมา
“หนึ่ง”
“เหอะ”
ตาคมดุกลอกไปมาก่อนจะเดินผ่านไปที่เวสป้า ที่จอดทิ้งอยู่ไม่ไกล …ไม่ได้เข้าไปจอดในที่จอดรถของตัวเองเพราะแค่แวะมาเอาของ
ใครจะไปคิดว่าคนที่ไม่คิดจะติดต่อมาเลยจะมากับผู้ชายอีกคน แถมคุ้นๆว่าเป็นดาราด้วย
“หนึ่ง เดี๋ยว”
ขาก้าวตามไปแต่ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะหยุดเดิน จนกระทั่งไปคว้าแขนแกร่งได้ แต่อีกฝ่ายกลับสะบัดออก…ทะเลาะกันกี่ครั้งเต็งหนึ่งไม่เคยเป็นแบบนี้…
เป็นเอกชะงักกับการตอบรับที่ไม่เคยเกิดขึ้น…เต็งหนึ่งชะงักกับการสะบัดที่ตัวเองไม่เคยเป็น
เพราะแคร์อีกฝ่ายมากกว่าเสมอว่าแรงที่เยอะกว่าถ้าทำอะไรรุนแรงจะทำอีกฝ่ายเจ็บ
น้ำตารื้นคลอกรอบตาสวย…
เต็งหนึ่งปฏิเสธเขา…แค่จับยังไม่ได้
คนตัวหนาละล้าละลังเพราะการกระทำของตัวเองทำให้อีกคนเริ่มร้องไห้
“เอก…ไม่ร้อง”
ดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น
การร้องไห้ที่ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น แค่มีน้ำตา…
“ขอโทษ ไม่ร้องนะ ขอโทษ ไม่ไปแล้ว ไม่ไปไหนแล้ว”
“ขอโทษ ขอโทษนะ อย่าหายไป”
ต่างคนต่างขอโทษ….มือหนากุมมือเรียวเดินกลับเข้าไปในล็อบบี้คอนโด ไม่สนว่าสายตาพนักงานต้อนรับจะมองแปลกๆ แค่ตรงไปที่ลิฟต์ กดชั้นของตัวเอง
คนน้ำตาร่วงก็ยังร้องให้อยู่ข้างๆ แต่จับมือหนาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ขาเรียวเดินตามคนตัวหนาไปเรื่อยๆ…น้องน้อยเดินตามพี่ไปจนถึงห้อง
“เลิกร้องได้แล้ว”
พากันมาถึงโซฟาตัวเดิม ดึงเป็นเอกลงมานั่งข้างๆก่อนจะดึงมากอดไว้แน่น
“ขอโทษ”
“อือ ไม่โกรธแล้ว ไม่ร้องดิ”
“อย่าไป”
“ไม่ไปแล้ว ขอโทษที่สะบัด”
“ขอโทษ”
“บอกให้พอไง…มึงนี่…กูโกรธอยู่ทำไมกูต้องเป็นคนง้อมึงด้วยวะ”
“อย่าโกรธ”
เงยหน้าเม้มปาก ใช้ตาแดงก่ำจ้องไปที่เต็งหนึ่ง
“อย่าทำหน้างั้นดิ กูก็แพ้มึงสิวะ…เฮ้อ ไม่ร้อง…รู้แล้ว ไม่โกรธแล้ว”
รวบเอวอีกคนลากขึ้นมานั่งตัก ปล่อยให้อีกฝ่ายใช้แขนขาวซีดโอบรัดต้นคอไว้แน่น ยอมให้ซุกหน้าลงกับต้นคอ…ใช้ผิวเนื้อเป็นผ้าซับน้ำตา
สักพักคนงอแงก็เริ่มซน…
“งับคอกูทำไมล่ะน่ะ”
ไม่ตอบ…แต่ขบเม้มไปเรื่อยๆ จนเต็งหนึ่งได้แต่ถอนหายใจ…ไม่ขึ้นรอยให้มันรู้ไป
·”อย่า…เดี๋ยวคนอื่นเห็น”
เสียงเริ่มแหบพร่า เมื่อมืออีกฝ่ายเริ่มล้วงเข้าไปสัมผัสผิวเนื้อ…
เต็งหนึ่งพยายามดึงตัวออก…แต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อเป็นเอกดันเขาลงกับโซฟาแล้วขยับตัวขึ้นทาบทับ…ส่วนกลางลำตัวที่บ่งบอกแรงอารมณ์เสียดสีกันไปมาผ่านกางเกงยีนส์เนื้อหนา ยิ่งทำให้อารมณ์บางอย่างเริ่มครอบงำ
สุดท้ายก็กลายเป็นให้ความร่วมมือในการกำจัดเสื้อผ้าออกจากร่างกายของกันและกัน เหลือเพียงผิวกายที่เสียดสีกันไปมา เรียวขาขาวกอดก่ายกับต้นขาแข็งแกร่ง ก่อนคนตาแดงจะถูกพลิกกดลงกับโซฟาบ้าง…
เต็งหนึ่งไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนเป็นเอกสร้างความหวามไหวอยู่ฝ่ายเดียว แต่กลับตอกกลับด้วยพลังที่มากกว่า…จนเป็นเอกต้องกอดรัดลำคอแกร่งไว้มั่น ได้แต่เงยหน้าครางกระสันเมื่อความแข็งแรงแทรกเข้ามา…ก่อนจะกระแทกตอกลึกจนหัวสั่นหัวคลอน
เต็งหนึ่งใส่ทั้งความรัก…ความโกรธ…ความใคร่ ลงไปในทุกครั้งที่เอาแต่ใจกับคนใต้ร่าง
ครั้งแล้วครั้งเล่า…จนความร่อนรุ่มพัดผ่านไปเหลือเพียงสองร่างที่นอนเกยกันอยู่…
คราบน้ำขาวขุ่นที่เลอะเทอะไม่ได้ทำให้ทั้งสองแยกจากกัน ส่วนหนึ่งของเต็งหนึ่งยังคงอยู่ในตัวเป็นเอก แม้จะไม่ได้ขยายตัวเหมือนตอนแรกแล้ว แต่ก็ยังปล่อยแช่ไว้แล้วโอบกอดร่างขาวเนียนจากด้านหลัง
“มันเป็นใคร”
“ใคร”
“ที่มาส่ง”
“เพียส”
“กูไม่ได้ถามชื่อ”
มือแกร่งจับคางเป็นเอกให้หันมารับจูบเอาแต่ใจที่แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน…
“อื้อ…..”
“มันเป็นใคร”
ถามเสียงแหบพร่าชิดริมฝีปาก
“ถ่ายละครด้วยกัน”
“ทำไมให้มันมาส่ง”
“ทางผ่าน อื้อ…”
“คราวกลังกูไปรับเอง”
“ไม่”
“ทำไม? กูไปรับไม่ชอบ? ต้องไปกับมัน?”
เป็นเอกเลิกคิ้ว…ไม่เคยเห็นเต็งหนึ่งโมโหหึงมาก่อน เมื่อก่อนก็เคยหึงแต่ไม่ขนาดหน้านิ่วคิ้วขมวดและเอาแต่ใจแบบนี้
“ถ่ายเสร็จแล้ว”
“อ้อ…ถ้าถ่ายใหม่ให้กูไปรับเข้าใจมั้ย?”
“อื้อ”
ยิ้มจาง จุ้บปากคนหงุดหงิดย้ำๆ
“แล้วก็งานโฆษณาคราวหลังมาให้กูสแกนก่อน กูไม่พอใจมากมึงรู้มั้ยไอ้โฆษณากางเกงยีนส์นั่น…”
“หือ”
พึ่งรู้ว่าที่โกรธก็เพราะเรื่องนี้
“เออ ให้กูไปแก้ผ้าถ่ายโฆษณาแบบนั้นมึงชอบมั้ยล่ะ”
คิ้วเรียวเริ่มขมวด…
“อย่า”
“เข้าใจความรู้สึกกูยัง?”
“ขอโทษ”
“เออ! ห้ามทำอีก”
“อื้อ ไม่ทำ”
เป็นเอกยิ้มจาง ก่อนจะขยับตัวเพื่อให้ตัวเอง ‘หลุด’ จากอีกฝ่าย
“จะไปไหน”
แขนแกร่งกับล็อคไว้แน่น ไม่ยอมให้เป็นเอกหนีไป
“ก็เสร็จแล้ว….”
พึมพำเสียงแผ่ว
“ใครบอก…กูเคยทำกับมึงแค่ยกเดียวแล้วจบหรอ”
ไม่เคย….
เต็งหนึ่งเอาแต่ใจจนพอใจ ยิ้มกว้างผิวปากเบาๆแล้วก้มลงหอมแก้มซีดของคนที่เหนื่อยอ่อนจนหลับไปบนเตียง ในชุดนอนลายทาง
สีฟ้าที่เหมือนกันกับของตัวเอง
มานั่งคิดก็ขำตัวเองที่ปกติจะยอมอีกฝ่ายตลอด สงสัยคราวนี้ตัวเขาเองจะหึงเข้าขั้นเหมือนกัน สั่งสมมาจากสามวันที่ไอ้ซีดมันยังไม่มาง้อ
เป็นเอกไม่ได้ถูกเขาตามใจจนเคยตัว แต่เขาต่างหากที่เกรงใจมากเกินไป…ดุมันนิดหน่อยแบบวันนี้มันก็ยอมแล้ว
“แม่ง กูนี่เข้าสมาคมพ่อบ้านใจกล้าตอนไหนวะ!”
แต่คราวหน้าก็ไม่อยากดุมันแบบวันนี้อีก ไม่อยากสะบัด…ไม่อยากให้ตาสวยๆมันแดงอีก
“เอก…อย่าดื้อนะ”
ยอมให้ทุกอย่าง…แต่อย่าทำให้โมโหอีกล่ะ!
ประทับจูบเบาๆที่ปากนิ่มอีกครั้งก่อนจะสอดกายใต้ผ้าห่มผืนหนา ซุกไปที่แผ่นหลังอุ่นๆ…สามวันที่นอนไม่หลับมันเพราะไม่มีแผ่นหลังที่คุ้นเคยนี่เอง…
เสพติดตัวตนของอีกคน…
======================================
อิพี่หนึ่งจะโกรธนานงอนนานกว่านี้ท่าจะไม่รอด 555555555555555 รักเมียหลงเมียซะเหลือเกิน
=....=
Ps' ตอนหน้าตอนสุดท้ายจริงๆแล้วนะคะ พิมพ์เสร็จหมดละ เดี๋ยวอีกสองสามวันมาอัพนะจ๊ะ พร้อมบอกด้วยว่าถ้าร่วมเล่มจะมีตอนพิเศษอัลไลบ้างงง