ตอนพิเศษ : กรีนที คู่รักชาเขียว
พลั่ก! พลั่ก!!!
แต่ละหมัดที่นักมวยฝ่ายแดงและฝ่ายน้ำเงินซัดเข้าหากันทำเอาเสียงเฮดังลั่นสนาม ยกเว้นผู้ชายตัวเล็กที่นั่งอยู่ท่ามกลางกองเชียร์ฝั่งแดงที่หน้าเริ่มซีด ตาเบิกกว้าง
สองมือกำแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด จะส่งเสียงเฮก็ไม่ได้เพราะไม่ได้อยู่ในอารมณ์สนุกสนานเลย มีแต่จะกังวล เป็นห่วง และ…เป็นห่วง
ยิ่งเห็นคิ้วที่ชอบยักกวนตีนตัวเองเริ่มแตก
แต่สุดท้ายนักมวยฝ่ายแดงก็สวนหมัดน็อคคู่ต่อสู้จนลงไปกองกับพื้น ชนะ…
กรีนถอนหายใจเฮือก หยิบผ้าเช็ดหนับซับเหงื่อที่ขมับตัวเอง ลุ้นจนหลังเปียกชื้นหน้าซีดเซียว จะให้มาดูกี่รอบๆก็ไม่ชิน แต่อีกฝ่ายก็ชอบลากให้มาเป็นกองเชียร์
“ป่ะกลับกัน”
รับรางวัลเรียบร้อยนักมวยคิ้วแตกที่ถอดนวมแล้วก็เดินมาดึงมือคนหน้าซีดให้ออกไปด้วยกัน
“ทำแผลก่อน”
“คิ้วอ่ะหรอ นิดเดียว”
“ไม่ได้”
เสียงแข็ง…
“หือหรอ?”
“ไปทำแผลก่อน”
“เออๆ รู้แล้ว”
ทำเสียงรำคาญแต่ยิ้มยียวนเดินไปหากลุ่มโค้ชที่ยังยืนคุยกันอยู่กับกรรมการ ไปขอกล่องยาแล้วเดินกลับมายัดใส่มือคนเจ้ากี้เจ้าการ
“อ่ะ ทำให้หน่อย”
นั่งลงส่งยิ้มยียวนมาเหมืนเดิม
กรีนถอนหายใจเฮือกแต่ก็หยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมาจากกล่องยา …ชินแล้วกับการที่คนๆนี้จะมีเลือดตกยางออกจากการแข่งขัน
“ตกใจหรอ”
“…”
“ไม่ตอบ? งอนอะไร ก็ยอมทำแผลแล้วไง”
“…”
“เป็นห่วงล่ะสิ”
ถอนหายใจเฮือก..ยัดกล่องยาใส่มืออีกฝ่ายคืน
“เออ!”
“เดี๋ยวก็ชิน”
“ไม่ชินทั้งนั้นล่ะ”
หน้ามุ่ยเชียว…นทียิ้มขำกับท่าทางของกรีน…เจ้าเขียวน้อยน่ารักตลอด
“ไปกินข้าวกัน”
ไม่รอให้อีกฝ่ายรับปากแต่เดินไปลาโค้ชและทีมงานของค่ายมวย ซึ่งก็ลูกน้องพ่อทังนั้นเพราะพ่อเป็นเจ้าของค่าย เดินเหงื่อซกลากพยาบาลจำเป็นให้ตามมาด้วยกัน
“เหม็นเหงื่อ”
“ก็กลับไปอาบน้ำที่หอก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยออกมาอีกที”
“อือ”
สองร่างนั่งคู่กันในรถแท็กซี่ กุมมือกันหลวมๆ จะดึงออกหลายทีแต่คนแรงเยอะกว่าก็ไม่ยอม…
กรีนหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง…ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์เพราะอีกฝ่ายเก็บตัวก่อนแข่ง มาเจออีกีก็คิ้วแตก …โดนอีกฝ่ายซัดเอาๆ
ความวูบโหวงในใจทำเอาน้ำตาซึม ได้แต่ใช้มืออีกข้างที่ว่างหยิบผ้าเช็ดหน้าแอบซับน้ำตาคนเดียว
นทีมองคนข้างตัวที่แอบร้องไห้อีกแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง อันที่จริงมันก็ไม่ได้รุนแรงแบบที่กรีนเข้าใจเพราะเป็นกีฬาแถมเขายังติดทีมชาติ
ซึ่งต่อไปก็ต้องไปลุ้นโอลิมปิก แต่กรีนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงนี้คงคิดมากน่าดู
เจ้าเขียวน้อย…
ถึงหอพักของนที ทั้งคู่ก็กดลิฟต์ไปที่ชั้นสาม ห้องเดิม…ที่ตอนนี้มีสมาชิกเพิ่มอีกคน
กรีนถูกบังคับให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน…
“งอแงหรอ”
โอบเอวบางเข้ามากอดทันทีที่ถึงห้อง
“เหม็น”
หันหน้าหนี พยายามดันตัวออก…จริงๆกลิ่นเหงื่อของนทีกลับให้ความรู้สึกหวามไหวอย่างประหลาด ไม่ใช่แค่กลิ่นกายแบบผู้ชายดิบๆแต่ทุกอย่างที่นทีทำมัน…มีอิทธิพลเสมอ
“เหม็นหรอ หื้อ…”
ผิวขาวเนียนเริ่มขึ้นสีเรื่อเมื่อโดนหอมซ้ายขวา ก่อนคนยียวนจะยอมปล่อยแล้วเดินเข้าห้องน้ำ…ทิ้งกลิ่นกายดิบๆไว้ให้กรีนหน้าแดงคนเดียว
“ไอ้บ้า…”
ความรักของนทีกับกรีนเริ่มในวันที่เป็นเอกเดินตามคอนแทกเลนส์สีฟ้าของกรีนไป…แต่เป็นเอกไม่ใช่คำตอบของกรีน นทีต่างหาก…หนุ่มนักมวยก็แอบมองคนน่ารักมานาน ใจหล่นวูบนึกว่าจะต้องอกหัก…
แต่ปรากฏว่าใจตรงกัน
นทีไม่เสียเวลาให้อีกฝ่ายได้หายตื่นเต้น เข้าคลุกวงในเนียนยัดเยียดตัวเองเข้าไปชีวิตอีกฝ่ายแบบทันที
แล้วกรีนที่วันๆเอาแต่เรียนกับทำงานจะไปทันเล่ห์เหลี่ยมคนยียวนได้ยังไง
ลีลาต่อยมวยของนทีช่างน่าหมั่นไส้ยังไง นิสัยจริงๆก็แบบนั้น
“หยิบกางเกงในให้หน่อยดิ”
ร่างผิวสีแทนเต็มไปด้วยมัดกล้ามเดินออกมาจากห้องน้ำ มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวในมือ…แทนที่จะคาดเอวดีๆแต่กับถือผ้าปิดแค่กลางตัว ที่ยังเห็นวับแวมๆยามแกล้งขยับมือให้กรีนหน้าแดง
ยิ้มกว้างที่ได้เห็นเจ้าเขียวน้อยตัวแดงก่ำ
“หน้าแดงอะไร”
แทนที่จะรับกางเกงในจากคนเขิน กลับดึงข้อมีออีกฝ่ายให้เข้ามาปะทะร่าง….แกล้งทำผ้าเช็ดตัวหล่น จนกรีนรีบหันหน้าหนีแทบไม่ทัน
“ทำเป็นไม่เคยจับ…”
“ทะลึ่ง ไปแต่งตัว!”
“หึหึ”
นทีไม่ได้คิดจะเร่งรัดให้กรีนกับตัวเองก้าวผ่านความสัมพันธ์บนเตียง แค่เคย ‘ช่วย’ ด้วยมือของกันและกัน ก่อนจะต้องพักยาวเพราะเก็บตัวต่อยมวย การมีความสัมพันธ์ในช่วงเก็บตัวเป็นเรื่องที่คนในวงการรู้ดีว่าไม่ควร
แต่ตอนนี้แข่งเสร็จแล้ว…ต้องหาทางตะล่อมกล่อมเจ้าเขียวน้อยสักหน่อย
นทีน้อยอัดอั้นมานานเกินไป
บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างเป็นตัวเลือกของนที เพราะหมดพลังไปเยอะกับการต่อยมวย มีคนหน้าน่ารักมาคีบนั่นคีบนี่ให้คงดีไม่น้อย เพราะกรีนทั้งปิ้งย่างตักให้จนพูนจานถึงไปกินของตัวเอง
“อร่อยเนอะ”
คนปิ้งที่แก้มเริ่มแดงเพราะไอร้อนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยิ่งเห็นนทีกินได้เยอะก็อารมณ์ดี…ใครจะว่ากรีนตลกก็ช่างสำหรับนทีคนๆนี้น่ารัก
“คนปิ้งน่ารัก”
“หล่อต่างหาก”
“หรอ หึหึ กินบ้างสิ อย่าเอาแต่ปิ้ง เอากุ้งเพิ่มมั้ยเดี๋ยวแกะให้”
พยักหน้าหงึกๆ ชอบกินกุ้ง…กรีนกับกุ้งคือพรหมลิขิต
คำอ้างที่เคยได้ยินตอนกินข้าวด้วยกันครั้งแรก…นทีเลยต้องเป็นเจ้าพ่อแกะกุ้งให้คนน่ารักเสมอ แกะทีไรก็นึกถึงตอนไปกินกับเป็นเอกเพื่อนรักและแฟนมันอย่างเฮียหนึ่ง
พี่หนึ่งนั่งแดกมีไอ้เอกที่ไม่คิดว่าจะมีโมเม้นมุ้งมิ้งแกะกุ้งให้ตลอด
“กุ้งๆๆๆ มามะๆ”
เสียงงุ้งงิ้งๆของคนตรงข้าม ดึงนทีกลับมา…เอกมันเป็นคนน่ารักของเฮียหนึ่ง ส่วนกรีนเป็นคนน่ารักของเขา
มือหนารอกุ้งหายร้อนสักพักก็แกะกุ้งกองโตใส่จานให้อีกคนกินจนแก้มป่อง
“ค่อยๆกิน ไม่มีใครแย่งหรอก”
พยักหน้าหงึกๆยิ้มจนตาหยี
กินข้าวเสร็จก็เดินเล่นกันในห้างสรรพสินค้า แน่นอนว่าห้างบ้านไอ้เอก เป็นคนรักเพื่อนขนาดว่าติดนิสัยต้องมาเสียตังให้กิจการเพื่อน ห้างแม่งก็หรูเกินมีแต่ของแพงๆดีนะที่ไม่ได้บ้าซื้อของกันทั้งคู่ เน้นมากินแล้วก็เดินย่อย
อยู่กับกรีนชีวิตเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ยิ้มได้ตลอดเวลา
“กินติมกัน”
คนน่ารักเดินลิ่วไปซื้อไอติมแมค วานิลาสองโคน
นทีเดินกินไอติมพลางมองแผ่นหลังบางด้านหน้า…ถ้าหายไปคงเสียใจน่าดู
อย่าหายไปไหนนะ
“เอ๋…กอดอะไรเล่า”
อ้อมกอดจากด้านหลังทำเอาหน้าร้อนผ่าว ถึงจะกลับมาถึงห้องแล้วไม่มีใครเห็นก็เหอะ นทีไม่ใช่คนชอบทำอะไรหวานๆเลยสักนิด
“อยากกอด”
ใบหน้าซุกลงกับซอกคอ….หอมแรงๆจนผิวเนื้ออุ่นวาบ
“เหม็นควันปิ้งย่างจะตาย”
“หอมออก”
ไม่พูดแต่เริ่มซุกซน
“อื้ออออ อย่า จักจี้ ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ หยุดดดดด”
ร่างบางดิ้นไปดิ้นมาสลัดตัวเองจนหลุด แต่ก็หนีไปได้ไม่ไกลเพราะถูกอุ้มโยนลงเตียง ตามด้วยจักจี้เอวแรงๆ
“ม่ายยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ หยุดดดดดดด”
ขำจนหน้าแดงก่ำนทีถึงหยุด แล้วทิ้งตัวลงนอนข้างกัน รวบเอวบางเข้ามากอด
“เฮ้อ จะอดใจไม่ไหวทุกที”
“อ้ะ…”
ไม่กล้าพูดอะไรเพราะรู้ว่าบทสนทนาเริ่มดิ่งลงไปในเรื่องไหน
“รอได้นะ”
จูบแผ่วเบาบนหน้าผากมน…
“ขอบคุณนะ”
วันเปิดบ้านมหาลัยเวียนมาอีกครั้ง ปีนี้เอกมันไม่ต้องไปเล่นเปียโนแล้วส่วนเต็งหนึ่งก็ไม่ต้องเฝ้าซุ้ม สองคนเลยพากันไปเดินทั่วงาน หมูไปเดินกับเบียร์ ส่วนนทีก็มานั่งเฝ้าแฟนที่ซุ้มร้านขายกแฟ
สาขาของกรีนเปิดร้านกาแฟ มีทั้งชา โกโก้ และชาเขียว
มองแล้วก็เพลินๆ คนน่ารักผูกผ้ากันเปื้อนสีชมพูคอยเขียนชื่อลูกค้าบนแก้ว พนักงานรับออเดอร์ยิ้มแย้มซะจนมีสาวๆหนุ่มๆแวะเวียนมาซื้อเพียบ คนขอถ่ายรูปด้วยก็มี
นทีพาตัวเองเข้าไปในซุ้มบ้าง เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาพักที่อีกฝ่ายบอกแล้ว
“ชาเขียวเย็นปั่นหนึ่งแก้วครับ”
“ชื่ออะไรครับผม”
ยังง่วนอยู่กับการส่งแก้วสารพัดที่มีคนจองไว้ให้เพื่อน
“กรีนนทีครับ”
“อะไรนะครับ กรีนที?”
เงยหน้าขึ้นมอง เบิกตากว้าง
“อ้ะ? มาได้ไง”
“จะพักแล้วนี่ เร็วๆเลยครับ ผมลูกค้าใจร้อน”
“ชิ…ไปนั่งรอก่อนเดี๋ยวเสร็จแล้วเดินไป”
จ่ายเงินเรียบร้อยก็ออกมายืนรอประกาศเรียกชื่อ
“คุณกรีนทีคร๊าบบบบ คุณกรีนที มีมั้ยคร๊าบบบบ ชาเขียวปั่นคร๊าบบบ”
เขาเขียนชื่อว่า กรีน นที ไม่ใช่กรีนที แต่ไม่มีเข้าไปเอาจึงคิดได้ว่า คงจะเป็นตัวเอง…
“ผมครับ”
รับแก้วชาเขียวมาถือ
“ชื่อชาเขียวยังกินชาเขียวอีกนะครับ ฮ่าๆๆๆ”
พนักงานแซวก่อนจะประกาศชื่อคนอื่นต่อ
ลายมือคุ้นเคยบนแก้วทำเอาอดขำไม่ได้
ไอ้บ๊องเอ้ย….เขียนชื่อ ตก น หนูไปตัว
แต่…พึ่งจะเคยสังเกตว่าชื่อเขียนต่อกันได้แบบนี้
คู่รักชาเขียว…
“มาแล้วๆ”
กรีนตอนนี้มีแค่เสื้อโปโลคณะสีขาวกับกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ ผ้ากันเปื้อนถอดออกไปแล้ว
“เหนื่อยมั้ย”
“นิดหน่อย ไปเดินงานกันนน”
แขนแกร่งพาดลงที่ไหล่บาง เดินงานไปด้วยกัน ไม่นานในมือกรีนก็เต็มไปด้วยขนม ทั้งสายไหม ลูกชิ้น พออยากกินน้ำก็มีคนส่งชาเขียวปั่นให้
“ค่อยๆกินไม่มีใครแย่งหรอก”
“อ่าห้ะ”
“พวงกุญแจค่า พวงกุญแจจจจ งานทำมือจากชมรมคหกรรมค่า”
นทีมองตามเสียงโฆษณา…เห็นพวงกุญแจหนอนชาเขียวสองตัววางอยู่ในกองพวงกุญแจมากมาย
ยิ้มยกขึ้นน้อยๆก่อนจะลากแขนคนกินสายไหมให้เดินเข้าไปด้วยกัน
“เอาสองตัวนี้ครับ”
“ได้เลยค่า ตัวละ 120 นะคะ รวมเป็น 240 ค่า”
จ่ายเงินเสร็จก็เดินออกมา
“ชอบหรอ”
“เอาไปตัวนึง แขวนด้วย”
ยัดใส่กระเป๋าเสื้ออีกฝ่ายเรียบร้อย
“อื้อ…ชอบหนอนชาเขียวหรอ”
“เออ ชอบ เลอะปากแล้วน่ะ บอกให้ค่อยๆกิน”
“รู้แล้วน่า อื้อออ อย่าเช็ดแรง”
“ผ้าเช็ดหน้าเลอะหมด เฮ้อ”
“ขอบคุณคร๊าบบบ เดี๋ยวซักให้นะ”
“ก็ต้องอย่างงั้นอยู่แล้ว”
บ่นกันไปสักพักแขนนทีก็ไปวางอยู่บนไหล่กรีนเหมือนเดิม…
============================
นึกว่าเราลืมเรื่องนี้แล้วใช่ไหม 5555555 ยังไม่ลืมมมมมมมมมมมมมมมม นั่งพิมพ์แต่ตอนพิเศษที่จะเอาไปรวมเล่มอยู่ค่ะ ไม่ลืมน้า
PS。ใครอ่านเรื่องนี้แล้วต้องไปอ่านต่อ ฟ้าลั่นรัก เชอเบทพี่ชายปุ้นนั่นเอง ไปรอเรื่องนั้นแล้ว อย่าพลาดนะจ๊ะ (ลิงค์ด้านล่าง)http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52396.0