อาทิตย์ส่องแสงตระหง่านกลางท้องฟ้าที่เปิดโล่ง สายลมร้อนเอื่อยแผ่วพัดโชยเกล็ดทรายไปในอากาศ มองผิวเผินด้วยตาเปล่าแล้วคงมิอาจพบสิ่งใดเจือปน แต่หากวิ่งโดยไม่ทันระวังเม็ดทรายนั้นอาจจะทำให้ระคายดวงตาได้
ภายในห้องพักของหัวหน้าราชบริวารผ่านหน้าต่างที่ไร้ซึ่งม่านกั้น ซาอิด จาร์ อารากัส กลับไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีครามเอาแต่หรี่ลงจ้องมองเปลวทรายเหล่านั้นอย่างว่างเปล่า เส้นผมเมื่อไร้การบดบังด้วยกุห์ตรายามกระทบแสงแดดนั้นคือสีเทาดำ ริมฝีปากจากที่เคยประดับรอยยิ้มไว้บางๆอยู่เสมอบัดนี้กลับเรียบตรง ใบหน้าคมเข้มตามแบบสายเลือดฟากฝั่งทะเลทรายก้มลงมองเหรียญเหล็กสีเงินในมือที่สลักเป็นร่างอสรพิษสองตัวกำลังเกรี้ยวพันตราบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายดวงตา ตรงกลางเป็นอักษรโบราณของชาวอนาคาน ซึ่งความหมายว่า ‘ชีวิต’
มือใหญ่กำเหรียญในมือแน่น จ้องมองกำมือของตัวเองที่บีบจนเริ่มสั่น สีหน้าที่เรียบเฉยภายนอกแม้ดูเหมือนไม่ได้คิดสิ่งใด แต่ภายในกลับแอบขบกรามจนแน่นและพยายามกัดกลั้นความรู้สึกที่มีอยู่บางอย่างไม่ให้แสดงออกมา ทว่า..ยามหลับตาลงคราใดความรู้สึกจากดวงตาทั้งสองข้างมันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทุกที ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรคิด..แต่กลับห้ามตัวเองไม่ได้เลยสักครั้ง
ความคับแค้น..
ความชิงชัง..
มันกำลังหล่อหลอมอยู่หัวของเขาจนเริ่มคุมตัวเองไม่ได้ เสียงกระซิบแหบพร่าจากคนที่สิ้นวิญญาณไป ยังคงก้องในหูของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับกำลังย้ำสิ่งที่เขาควรกระทำ..
ฆ่าโอรสเทพนาคิน..
ฆ่ามันทุกคน..
แต่ว่า..
“ ข้าไม่ยักรู้..ว่าราชเลขาแห่งอนาคานจะขัดคำสั่งข้าเพราะต้องการมานั่งมองเหรียญ ”สุรเสียงเรียบเย็นเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง แต่กลับทำให้คนที่กำลังยืนอยู่ที่หน้าต่างต้องรีบหันหลังกลับมาก้มหัวให้ และไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบตามองผู้เป็นเจ้าปกครองชีวิต
“ ฝะ ฝ่าบาท กระหม่อมขออภัยคือ…”
“ บาฮาลไล่เจ้ามาหรือ ”
กำลังจะเอ่ยแก้ต่างเพื่อคลายข้อคล่องใจ แต่พอได้ยินคำถามจากราชาบาซิกค์แล้ว หัวใจของเขาก็คล้ายกับกำลังโดนเข็มเล็กๆทิ่มแทงจนเผลอแสดงทางสีหน้าที่ซ่อนเอาไว้ และบีบเหรียญในมือแรงขึ้นชั่วครู่ ก่อนจะคลายความรู้สึกทุกอย่างลง
“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ ”ปรับเสียงตอบอย่างปกติที่สุด หากแต่การกระทำที่แสร้งปกปิดเอาไว้ หาได้พ้นสายตาอันเฉียบแหลมของเจ้าแห่งอนาคานไม่ บาซิกค์ก้าวเดินเข้าไปใก้ลราชเลขาหนุ่มที่กำลังก้มศีรษะมากขึ้น ดวงตาสีเหลืองทองหรี่ลงมองร่างที่ยืนนิ่งเหมือนกำลังมองสำรวจบางสิ่ง
“ เงยหน้าขึ้น.. ”บัญชาง่ายๆเอ่ยแผ่วเบา ใบหน้าค้มเข้มค่อยๆเงยขึ้นตามคำสั่งของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ดวงตาสีเหลืองทองคู่นั้นกำลังสนใจ กลับมุ่งตรงไปที่เหรียญที่เขายังคงกำเอาไว้อยู่ในอุ้มมือ
“ เหรียญในมือเจ้าเป็นของราซิส ใช่หรือไม่ ”
ราวกับเป็นตอกย้ำครั้งที่สองที่แทงเข้ามากลางหัวใจ ร่างสูงเผลอสะดุ้งตัวเมื่อชื่อของ ‘ราซิส จาร์ อารากัส’ผู้เป็นพี่ชายแท้ๆลอยกลับเข้ามาในหูจากปากคนที่เขาควรภักดี แต่ทำไมพอได้ยินเช่นนั่นแล้วมันกลับทำให้เขายิ่งเกลียดชังชายตรงหน้าขึ้น ภาพความตายของพี่ชายตนเองสะท้อนกลับเข้ามาในหัวจนรู้สึกพะอืดพะอมกับคำสั่งที่แสนเลือดเย็นนั่น..
แต่ทั้งหมดมันไม่ใช่..
มันไม่ใช่ความผิดของพี่ชายเขา!
“ ซาอิด..”เสียงเรียกเย็นเยียบทำให้ร่างสูงโปร่งนั่นสะดุ้งตัว แต่พอได้สบดวงตาสีอำพันงดงามดั่งแสงตะวันที่สะท้อนออกมาเป็นภาพของตัวเขาที่กำลัง..
ร้องไห้..
แหมะ..
หยาดน้ำใสๆจากริมขอบตาไหลหยดจากปลายคางเรียวมนโดยไม่รู้ตัว ฝ่ามือขาวซีดวางลงบนบ่ากว้างของหัวหน้าบริวารหนุ่มแผ่วเบา ถึงใบหน้าที่ทั้งงดงามและหล่อเหลาสมดังผู้ปกครองนครเมืองนาคาจะไม่ได้แสดงออกชัดเจน หากไม่สังเกตริมฝีปากหยักโค้งที่แอบคลี่ยิ้มอยู่เล็กน้อย คงมิอาจคาดเดาได้ว่าชายผู้นี้กำลังคิดสิ่งใดเป็นแน่
“ เจ้าคงรู้คำตอบดีสำหรับคนที่คิดคดทรยศ อนาคานคงมิอาจปล่อยให้คนเช่นนั้นได้แม้แต่เพียงคิด มันเป็นกฏของเทพนาคิน ที่ไม่เว้นแม้แต่ข้า..ก็มิอาจฝ่าฝืน”
“ กะ..กระหม่อมไม่ได้คิดสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ ”รีบตอบออกไปอย่างร้อนรน แต่เสียงนั่นกลับสั่นไหวเหมือนเด็กน้อยที่กำลังพูดโกหก บาซิกค์เผยยิ้มเรียบๆไม่คิดจะถือสาอะไรกับราชเลขาหนุ่มที่พยายาม ‘ฝืน’ ภักดีคนนี้เสียเท่าไร เพราะต่อจากนี้สิ่งที่เขาต้องการจะทดสอบไม่ใช่ความภักดี แต่คือความ ‘อดทน’ ต่างหาก
“ นั่นดีสำหรับเจ้า เพราะข้าไม่อยากให้เจ้าพบจุดจบเช่นเดียวราซิสพี่ชายของเจ้าเช่นกัน..”สิ่งที่ได้ยินเหมือนกำลังฉีกรอยแผลในหัวใจของซาอิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า รอยยิ้มที่คลี่ออกเวลานี้เขารู้ความหมายที่แท้จริงของมันแล้วว่าคือสิ่งใด ถึงภาพลักษณ์ตรงหน้าจะงดงามราวกับทวยเทพจุติ แต่ความจริงที่ว่าบาซิกค์ ฮอร์น ซัลคคาฟา เป็นปีศาจที่แสนเลือดเย็นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนในอนาคานถึงอยากจะฆ่าชายผู้นี้นัก..คำตอบนั้น ไม่ใช่อำนาจ..แต่เป็น
การแก้แค้น..
“ สิ่งที่ท่านพี่ราซิสกระทำ สมควรรับโทษทัณฑ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ ”ซาอิดตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่เสมือนไร้ความรู้สึก ทั้งๆที่การเปล่งเสียงแต่ละคำกลับเหมือนกำลังเฉือนเนื้อหัวใจของเขาให้ขาดรอนออกไปเรื่อยๆ
“ หึ ใจร้ายจริงนะ ” เปล่งพรำในลำคอแผ่วเบาอย่างดูแคลน รอยยิ้มหยั่นบนใบหน้างดงามนั้นมิอาจเดาได้ว่าแท้จริงแล้วคิดสิ่งใด ร่างสูงสง่าเดินหันหลังกลับออกไปเล็กน้อย ก่อนจะหันเสี้ยวหน้ากลับมาสั่งจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่
“ ข้ามีงานให้เจ้าทำสักหน่อย”สิ่งที่ได้ยินทำเอาราชเลขาหนุ่มขมวดคิ้วหนาของตัวเอง ก่อนสัมผัสลื่นๆจากสิ่งที่คุ้นจะเลื้อยขึ้นมาพันอยู่ที่ท่อนแขน พอเหลือบมองก็พบอสรพิษสีเผือกกำลังคาบขวดแก้วที่บรรจุของเหลวสีแดงสดยื่นมาให้ แต่เพียงแค่เห็นความสังหรณ์ใจในบางสิ่งก็แล่นเข้ามา ดวงตาคู่เข้มสลับไปมองผู้เป็นเจ้าชีวิตอย่างไม่เข้าใจ
“ นำสิ่งนี้ไปที่ซาคาเดียร์แล้วบอกว่าฤดูกาลนี้ อนาคานไม่ต้องการ..” บาซิกค์เว้นช่วงไป ก่อนจะเอ่ยเสียเย็นยะเยือก “‘การเก็บเกี่ยว’”
เพียงชั่วครู่ที่ได้ยินรับสั่ง ร่างกายของผู้ใต้อาณัติก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้าของตัวเอง ถึงไม่รู้ว่าราชาบาซิกค์ต้องการทำสิ่งใด แต่ ฤดูกาล ‘เก็บเกี่ยว’ ที่ว่า เป็นฤดูกาลที่ชาวอนาคานกับซาคาเดียร์จะมี’ปฏิสัมพันธ์’กันอย่างใกล้ชิดเพื่อเพาะปลูกชีวิตใหม่ และเป็นพิธีที่จัดกันมายาวนาน ซึ่งนั่นทำให้ซาคาเดียร์อยู่เหนืออนาคานเพราะมี ‘หญิงงาม’ ที่เรียกกันว่า ‘ราเมียร์’
หากสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ตรงนี้ไม่ผิดพลาด เจ้าของของเหลวสีแดงที่อยู่ในขวดแก้วใบนี้ อาจเป็นเหมือนฉนวนให้พวกเขานำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่นั้นก็อาจหมายถึง..สงคราม
“ ซาอิด.. ”เสียงเรียกทำให้เขาต้องรีบขานรับ บาซิกค์หันเสี้ยวหน้าของตัวเองกลับคืนดังเดิม ร่างสูงสง่าค่อยๆเดินกลับออกไปจากประตูทางเข้า ทว่ากลับไม่ลืมทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้เป็นประโยคที่ตอบคำถามที่ค้างคาอยู่ในหัวใจอันบอบช้ำ
“ กฏของเทพนาคินไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้ว่าใครจะเป็นโอรสหรือพระธิดาของพระองค์ก็ไม่มีสิทธิ์.. ”
‘กระบองเพรช ’พรรณไม้ยืนต้นใจกลางทะเลทราย มีหนามอันแหลมคมแทนใบและช่วยป้องกันตัวเองจากสิ่งรอบข้าง แต่สิ่งที่ทุกๆสายพันธุ์มีเหมือนกันก็คือ ความทานทนต่อสภาพภูมิอากาศอันร้อนอบอ้าว แต่อย่างไรต่อให้ต้นกระบองเพรชต้นนั้นจะสามารถยืนได้ในทะเลทรายอันร้อนระอุ แต่กลับกัน หากต้นไม้ต้นนั้นกลับไปอยู่ในที่ๆมันไม่สมควรจะเติบโต ต่อให้เป็นต้นกระบองเพรชที่อดทนมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถงอกงามในที่ที่หนาวเหน็บได้ มนุษย์เราก็เช่นกัน..ที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ว่าที่แห่งใดเป็นที่เราไม่สมควรจะอยู่..
หลังจากตื่นขึ้นมาเผชิญโลกที่ไม่ต้องการเพียงไม่นาน ดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้างอีกครั้งเมื่อเหล่าบรรดาบริวารขององค์ชายบาฮาลกำลังรุมล้อม ภาพอันน่าสยดสยองที่เพิ่งพบเจอก็หวนคืนมาจนสติสัมปชัญญะที่เคยควบคุมไว้ได้ทุกครั้งกลับมิอาจหลอมรวมมาได้อีกต่อไปดั่งแก้วที่แตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ
ไม่มีอีกแล้วคนที่เคยเข้มแข็ง
ไม่มีอีกแล้วคนที่เคยเชื่อมั่นในตัวเอง
มีแต่ความสูญสลายของหัวใจจนบ้าคลั่งและความขยะแขยงเกลียดชังในร่างกายของตัวเองที่พูนล้นเสียจนรู้สึกอยากจะลอกผิวหนังของตัวเองออกมาล้าง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เพียงดิ้นทุรนอยู่บนเตียง ทั้งแขนละขาก็ถูกมัดด้วยโซ่หนักๆ เลือดสีเข้มไหลยังคงออกจากแผลถลอกบนข้อมือจนแดงก่ำ ความเจ็บปวดกลายเป็นความด้านชาจากหัวใจที่ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว บางทีความตายยังคงทรมานน้อยกว่าสิ่งที่เป็น
“ ออกไปห่างๆฉัน! ” เป็นอีกครั้งที่เสียงร้องอย่างบ้าคลั่งหลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก ผ้าผ่อนที่ใกล้ตัวถูกใช้เป็นอาวุธขว้างปาอย่างไม่สนใจหลังจากที่มีคนพยายามเข้าไปใกล้ ก่อนจะใช้ส้นเท้ายันร่างกายของตัวเองให้ถอยชิดกับหัวเตียงด้วยความหวาดกลัว ผมเผ้าสีบลอนด์ยุ่งเหยิง ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนแห้งเกอะกรัง เสียงสะอื้นดังพร้อมกับร่างกายที่ขัดขืน
“ อย่าเข้ามา ฮึก อย่าเข้ามา!!”
องค์ชายบาฮาลส่ายใบหน้า มองสภาพของเด็กหนุ่มตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากลูกสุนัขจนตรอกที่พยายามกัดฟันขู่ข่มความตื่นกลัวของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยปากสั่งให้บริวารในอาณัติพยายามเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มอีกครั้งเพื่อหวังจะเช็ดตัวและรักษาบาดแผล แต่ไม่ทันไรถูกร่างเล็กสะบัดทุกสิ่งทุกอย่างออกจากตัวจนถาดน้ำที่ถือหกเมระนาดอยู่เต็มพื้น เสื้อผ้าที่สั่งมาให้ผลัดเปลี่ยนก็กระจัดกระจาย ภาพที่เห็นทำความความอดทนที่มีอยู่อย่างจำกัดของบาฮาลขาดสะบั้น
“ พอสักที!! ” ตวาดเสียงแข็งจนทุกคนในห้องถึงกับสะดุ้งตกใจ มิกิพยายามยันตัวชิดหัวเตียงมาขึ้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาซุกลงไปที่หัวเข่า มือก็ยกขึ้นปิดหูทั้งสองข้างราวกับไม่ต้องการรับรู้สิ่งใด เปลือกตาปิดแน่น แต่น้ำตาก็ยังไหลลงมาไม่ขาดสาย ภาพที่เห็นสร้างความหงุดหงิดให้กับองค์ชายบาฮาลยิ่งนัก
“ เจ้าอยากตายนักใช่ไหม ได้!! ข้าจะฆ่าเจ้าเอง ” โผตัวขึ้นมาบนเตียงกระชากท่อนแขนที่บอบบางอย่างรุนแรง ร่างเล็กล้มพับมิอาจขัดขืน กายกำยำขึ้นทาบทับคร่อมอยู่เหนือคนที่พูดไม่รู้เรื่อง มือหนาทั้งสองข้างออกแรงบีบลงบนลำคอเล็กที่เปราะบางราวกับกิ่งไม้หมายจะให้สิ้นใจตายดังคำปรารถนาของร่างตรงหนาด้วยใบหน้าดุดันโหดเหี้ยม แต่เพราะเหตุใดยิ่งเห็นใบหน้าที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่กลับทำมห้รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ ทั้งที่เขาเป็นนักรบ และการพรากชีวิตใครสักคนนับเป็นเรื่องปกติสำหรับชีวิตคนอย่างเขา ทว่า..ดวงตาที่คลอฉ่ำด้วยหยาดน้ำใสๆกลับทำให้หัวใจสั่นคลอน ซึ่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและวอนขอ แต่ทั้งหมดหาใช่การร้องขอชีวิตอย่างที่เขาเคยพบไม่ หากเป็นดวงตาของคนที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
มันสิ้นหวัง.. และปวดร้าว ยากเกินจะเข้าใจ
หยาดน้ำตาเย็นชื้นไหลหยดลงบนหลังมือ สัมผัสนั้นทำเอาการกระทำหยุดอันโหดร้ายชะงักดั่งต้องมนต์ สายลมค่ำคืนพัดกลิ่นหอมหวนของกายบางข้างใต้โชยฟรุ้งขึ้นมาที่ปลายจมูกโด่งสัน มือแกร่งที่กดลงลงไปบนลำคอขาวค่อยๆผละออก ดวงตาสีกรมที่มองร่างของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความสับสน แต่ชั่วครู่หนึ่งที่เห็นรอยแดงบนลำคอ ความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้ามาจนหัวใจสะดุด ก่อนจะคืนสติแล้วรีบลุกขึ้นออกจากเตียง
พอได้อิสระ มิกิรีบเอามือกุมลำคอแล้วโก่งตัวไอออกมาอย่างหนัก แล้วขวนขวายหาอากาศอย่างตะกละตะกลาม ใบหน้าหวานซบลงบนเตียงขาวอย่างหมดอาลัยในชีวิต มือเรียวขย้ำผ้าปูที่นอนจนยับย่น ดวงตาสีมรกตช่ำคลอด้วยหยาดน้ำตาที่ยังคงอาบลงมาเรื่อยๆ เสียงแห่บพร่าของคนใกล้หมดเรี่ยวแรงนั้นยิ่งฟังก็ยิ่งน่าสงสารยิ่ง
“ ฆ่าฉันสิ..ฆ่าฉันที… ”
บาฮาลมองภาพของคนที่ไร้ซึ่งกำลังแล้วสะเทือนใจยิ่งนัก เขาอยากจะรู้จริงๆว่าท่านพี่ของเขาต้องการจะทำสิ่งใดกับร่างของเด็กหนุ่มผู้นี้กันแน่ กลิ่นรักรัญจวนที่เชิญชวนออกมาจากร่างนี้ คงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ราชาบาซิกค์เก็บมิกิเอาไว้เป็นของเล่น แต่กว่าจะถึงเวลาที่ความต้องการแท้จริงจะปรากฏ เขาเกรงว่าร่างเล็กๆร่างนี้ อาจจะแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงก่อนจะถึงวันนั้น แต่ไม่ทันได้คิดอะไรไปไกลเสียงประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างเงียบๆ แต่ก็ดังพอจะทำให้องค์ชายแห่งอนาคานหันหลังกลับไปพบผู้มาเยือนได้
“ เจ้ายังไม่ได้นอนกับเขาอีกหรือ.. ” ประโยคเรียบๆทักขึ้นอย่างคุ้นเคย แต่น้ำเสียงเย็นเยือกแสดงถึงความไร้หัวใจ ดวงตาสีเหลืองทองเบนสายตามองร่างบอบบางที่นอนหันแผ่นหลังให้แน่นิ่ง รอยยิ้มดูแคลนกระตุกบนมุมปากสวยราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าสนุก
“ หึ ข้าไม่ยักรู้ว่า นักรบที่ฆ่าคนมาแล้วนับพันอย่างเจ้า จะเอาเด็กผู้ชายคนเดียวไม่ลง ”คำพุดที่กล่าวเป็นเชิงดูแคลน ทำให้ผู้เป็นน้องรู้สึกบาดลึกเข้าไปที่หัวใจ อย่างไรทั้งหมดก็เป็นความจริงอย่างที่ร่างตรงหน้าพูด เขาไม่แน่ใจนักว่าที่เขาไม่สามารถนั่นเป็นเพราะกลิ่นชวนลุ่มหลงนั่น หรือเป็นเพราะหัวใจตัวเองกันแน่
“ ท่านพี่ร่างกายของเขามัน.. ” ไม่ทันได้เอ่ยจนจบประโยค เพียงพริบตาราชาบาซิกค์ก็นั่งลงข้างขอบเตียง มืออันแข็งแกร่งช้อนร่างบอบบางที่นอนนิ่งไร้แรงขัดขืนมาไว้ในอ้อมแขนทรงอำนาจ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงไปใกล้ จมูกโด่งสันสูดดมกลิ่นกายอันปรารถนาจากลำคอที่แดงก่ำอย่างพึ่งพอใจ ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมองรอยแผลจากคมเขี้ยวที่เขาเป็นฝากฝั่งไว้บนร่าง กระทั้งริมฝีปากบางจรดจุมพิตลงบนแผลแผ่วเบาราวกับต้องการปลอบขวัญ ความรู้สึกแปลกประหลาดเย็นวาบนี้ทำให้ร่างที่ได้รับแอบหลุกเสียงครางต่ำในลำคอ ก่อนดวงตาคมกริบจะย้ายมาทางผู้เป็นน้องชาย
“หอมใช่ไหมบาฮาล..” บาซิกค์คลี่เย็นเยียบ องค์ชายบาฮาลยืนนิ่งงันเงียบกริบไม่กล้าเอ่ยพูดสิ่งใด แต่สิ่งที่ตอบสนองแทน กลับเป็นแรงมือของคนในอ้อมแขนที่พยายามยันแผงอกกว้างนั้นให้ถ้อยห่างออกจากตัวด้วยความรังเกียจ
“ ปล่อยนะงูโสโครก!! โอ้ย!”
อ้อมแขนที่โอบอุ้มปล่อยออก ร่างเล็กกระแทกลงกับเตียง ความเจ็บปวดที่ได้รับทั้งร่างกายและจิตใจ มิอาจทำให้เรี่ยวแรงไม่มีมากพอจะลุกขึ้นยืนขัดขืนอย่างเช่นเคย มิกินอนนิ่ง ระบายความเจ็บปวดจากมือที่กำผ้าปูที่ชื้นช่ำจนแน่น อยากจะร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตาให้ไหลหยดอีกต่อไป บาซิกค์มองสภาพคนที่ไร้ทางสู้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ ข้าให้เวลาเจ้าเพิ่มแล้วกันบาฮาล เพื่อพิสูจน์เหตุผลของข้าด้วยตัวเจ้าเอง ” กระตุกยิ้มปรายตาหันมามองผู้เป็นน้องชายด้วยสีหน้าที่มิอาจคาดเดาความคิด
“ไอสารเลว..” เสียงรอดไร้ฟันที่กัดแน่นด้วยความคับแค้นจากร่างเบื้องล่างที่นอนนิ่ง บาซิกค์ปรายตาลงมองอย่างให้ความสนใจ มือใหญ่บีบลงข้างแก้มขาวซูบตอบดูอ่อนแอ ใบหน้าหวานถูกบังคับให้หันมาเผชิญกับคนที่เพิ่งถูกต่อว่า แต่หาได้แสดงความรู้สึกใดๆไม่ เว้นแต่ดวงตาสีมรกตที่ยังคงเผยถึงความต่อต้าน ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากจะเอาชนะดวงตาคู่นี้ อยากจะเป็นเจ้าของที่ครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียว กระนั้นกลีบปากอุ่นร้อนจึงบดเบียบสั่งสอนลงไปยังริมฝีปากที่แห้งผากของอีกฝ่าย รสหวานช่ำในโพรงปากปานน้ำผึ้งนี้ยิ่งกลืนกิน ก็ยิ่งกระหายจนยากจะฉุดรั้ง การกระทำอันฉาบฉวยที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำเอาองค์ชายแห่งอนาคานมิอาจทนมอง รีบเบนสายตาหลีกเลี่ยง ขณะที่หัวใจกลับเต้นระส่ำ คล้ายกับกำลังบีบตัวจนรู้สึกเจ็บแปลกๆทั้งๆที่ไม่ควรจะเป็น ก่อนเสียงเย็นจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“ ปิดปากเขาบ่อยๆ..ข้าไม่ชอบให้เอะอะเสียงดัง” ประโยคสุดท้ายทิ้งเอาไว้ พร้อมกับร่างที่ถูกสูบเรี่ยวแรงจนล้มลงบนเตียง บาฮาลมองร่างที่หอบหายใจรวยรินอย่างหดหู่ แต่เขากลับไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้แม้แต้จะร้องขอ ดวงตาสีกรมหันมามองผู้เป็นพี่ชาย แต่มีเพียงสีหน้าที่เย็นชาเท่านั้นแทนคำตอบทุกอย่าง ก่อนมือเรียวจะตบลงบนบ่ากว้างของเขาเบาๆ แล้วก้าวเดินออกไปจากห้อง
หากคำถามหนึ่งยังคงไม่คลี่คลายลงไป แต่เพื่อพิสูนจ์ทุกสิ่งและเข้าใจเหตุผลนั่นเขาเป็นจำเป็นจะต้องนอนกับเด็กคนนี้จริงๆน่ะหรือ เขาเองก็ยังไม่แน่ใจ…
ทันทีเสียงประตูปิดลงไปพร้อมกับผู้ปกครองอนาคาน องค์ชายบาฮาลถึงกับถอนหายใจ น่าแปลกที่ตลอดทั้งชีวิตเขาไม่เคยรู้สึกอึดอัดและแรงกดดันจากพี่ชายเลยสักครั้ง ถึงจะพบเห็นความโหดร้ายมากมายจนชินชา แต่ทำไมครั้งนี้ทำไมเขาถึงได้โล่งอกนักที่องค์ราชาปล่อยร่างนี้ให้เขาจัดการแทนที่จะเป็นตัวเอง
ดวงเนตรสีเข้มเปลี่ยนมามองร่างที่เป็นเจ้าของเรื่องน่าหนักใจ กายบางสะอื้นฮัก แต่กลับไม่มีน้ำใสๆไหลลงมาจากขอบตาอีกแล้ว ร่างอันซูบผอมคดตัวงอลงบนเตียง มือทั้งสองกอดเข่าของตัวเองเอาว่าราวกับมันเป็นที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียวที่จะสามารถช่วยพาหใความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้ไปได้
องค์ชายบาฮาลนั่งลงข้างขอบเตียง มองเรือนร่างอันบอบช้ำก็สะเทือนใจยิ่งนัก แต่คนที่เป็นนักรบอย่างเขาก็ไม่เคยคิดที่จะปลอบใจผู้ใดมาก่อน หากหัวใจกลับสั่งให้เขาควรยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนดวงหน้าหวานนั่น
ทว่า..เพียงแค่เอื้อมมือออกไปไม่ทันได้ถึงดังใจ พริบตาเดียวก็ถูกฝ่ามือเล็กของอีกฝ่ายตวัดข่วนเข้าที่ใบหน้าจนสะบัดเป็นรอยแดงยาว การจู่โจมโดยไม่คาดคิดทำให้
“ไองูวิปริต! ” เสียงสบถดังขึ้นแข็งกร้าว พวกบริวารเห็นผู้เป็นเจ้าชีวิตผู้ทำร้าย ก็คิดจะเข้ามาจัดการให้หลาบจำ แต่องค์ชายบาฮาลกลับเผยมือข้างหนึ่งห้ามกล่าวเสียงดุดัน
“ไม่ต้อง! ” สิ้นเสียงตวาดดังความเงียบเชียบข้าปกคลุมจนได้ยินเพียงแค่เสียงหอบหายใจของร่างตรงหน้า องค์ชายบาฮาลยกมือขึ้นกุมใบหน้าของตัวเอง ดวงตาคู่เข้มหรี่ลงมองคนที่กล้าลองดี แต่กลับไม่ได้โกรธเคืองอย่างที่ควรจะเป็น หรืออาจเป็นเพราะเรี่ยวแรงที่ลอบทำร้ายนั้นไม่ทำให้เขารู้สึกระคายเลยสักนิด เทียบกับพวกแมวยังเจ็บเสียยิ่งกว่า ก่อนองค์ชายแห่งอนาคานจะเอ่ยไล่
“พวกเจ้าออกไปให้หมด”
บริวารทั้งหมดต่างก้มหัวรับคำสั่ง เพียงเวลาไม่กี่วินาทีก็หายออกไปจากห้องอย่ารวดเร็ว เหลือเพียงเด็กหนุ่มเลือดผสม กับองค์ชายนักรบ
บาฮาลผละมือออกจาใบหน้าของตัวเอง พลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง พยายามคิดหาวิธีการพูดคุยกับร่างตรงหน้าที่ไม่รู้จักสถานะตัวเองอย่างสันติที่สุด
“อยากได้อิสระงั้นหรือ” ประโยคที่เอ่ยออกมาอย่างตรงใจ มิกิเบิกตากว้างไม่คาดคิด รู้สึกไม่เข้าใจเท่าไรเท่าไรนักในสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็มิกล้าถามออกไปตรงๆ
บาฮาล ฮอร์น ซัลคาฟาลุกขึ้นยืนเหยีดตัวตรงตามความสูง มือแกร่งจับชักดาบเล่มหนาประจำกายขึ้นจากบั้นเอว ดาบสีเงินเงางามถูกชูขึ้นสูงเหนือศีรษะ สะท้อนออกมาเป็นภาพของเด็กหนุ่มทาสั่นผวา ทว่า..ไม่ทันที่เสียงร้องใดๆจะเปล่งออกมา ดาบนั่นก็ฟาดฟันลงมาฉับพลัน!
เพล๊ง!
เสี้ยววินาทีที่คิดว่าสิ้นชีวิตไปแล้ว แต่กลับไม่ปรากฏความเจ็บปวดบนร่างกาย ดวงตาที่ปิดแน่นมิยอมรับภาพโหดร้ายค่อยๆลืมขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อพบว่าตัวเองยังมีลมหายใจก็รีบเงยใบหน้าขึ้นมองร่างสูงกำยำที่ฟันดาบลงมา
“หนีไปสิ..” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นราบเรียบแต่สัมผัสได้ถึงความห่วงใย ดวงตากลมสวยมองที่ข้อมือของตัวเองที่มือน้ำหนักเบาลง และพบว่าโซ่ที่มัดเขาไว้ได้หลุดออกไปจนหมดด้วยคมดาบ ก่อนจะสลับสายตามาที่องค์ชายแห่งอนาคาน
“ข้าจะบอกท่านพี่ว่า เจ้าหนีไประหว่างตอนที่ข้านอนหลับ” กล่าวจบร่างสูงใหญ่ก็ทำท่าเหมือนจะเดินหนีเขาออกไปข้างนอก แต่คนที่ได้รับการช่วยเหลือกลับไม่เชื่อใจง่ายๆ
“อย่ามาหลอกฉัน! ” เสียงแข็งกร้าวนั้นทำเอาฝีเท้าผงะ หันมามองคนที่ยังนั่งนิ้งงันอยู่บนเตียง
“นายก็รู้อยู่แก่ใจ..เมืองนรกนี่มันไร้ทางหนี..ฮึก..นายจะส่งฉันไปตายข้างนอกใช่ไหม.. ทำไมล่ะ ตัวฉันมันน่าสมเพชเกินกว่านายจะลงมือฆ่าเองนักหรือไง!” เตบ็งเสียงทั้งที่สั่นคลอ ดวงตาสีสวยเริ่มร้อนผะผ่าว คลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ “ ชีวิตฉันต่อจากนี้จะไปไหนก็คงไม่รอด .. เพราะร่างกายฉัน ร่างกายของฉันมัน..” ข้อความบางอย่างกลืนกายไปในลำคอ มิกิโอบกอดตัวเองเอาไว้แน่นให้ความอบอุ่น หยาดน้ำใสไหลอาบรดบนผ้าปูเตียวสีขาวจนชื้อช่ำ แม้จะพยายามเม้มปากสะกัดกลั้นเสียงสะอื้นอันน่าอับอายของตัวเองก็ก็ไม่อาจฝืนความทุกข์ทนเกินจะแบกรับนี้ได้
“ ถ้าเจ้ายังมีเวลามานั่งร้องไห้ ก็ช่วยรีบไส้หัวไปตายไกลๆสายตาข้าได้แล้วทางทิศตะวันตกของวังมีม้าข้าผูกอยู่ เจ้าใช้มันพาเจ้าไปจากที่นี่ได้” แม้จะคำพูดเย็นโหดร้ายที่ไม่น่าฟังนักจะเอ่ยออกมา แต่มิกิกลับไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นเท่าไร เพราะทั้งหมดเหมือนบาฮาลต้องการจะช่วยเหลือเขา
“ทำไม..”
เสียงนั้นเอ่ยแผ่วเบาลงราวกระซิบ ดวงตาคู่สวยมองชายตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ แต่ยิ่งมองนานเท่าไร เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างออกอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบชายผู้นั้น แม้สายลมยามรัตติกาลจะพัดโชยแพรผมยาวสลวยของสายเลือดเดียวกัน ทว่าดวงตาสีกรมเข้มกลับมีแต่ความซื่อตรงตามการกระทำ หาได้เหมือนกับแววตาที่มีเพียงความเลือดเย็นและโหดเหี้ยมผู้ปกครองแห่งอนาคานไม่
ไม่มีรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่เพียงชั่ววูบ..มิกิกลับสายตาเลื่อนลอยราวกับถูกต้องมนต์ ร่างสูงโปร่งของผู้เป็นองค์ชายก้าวเดินมาใกล้ขึ้น แล้วนั่งลงหยุดอยู่ตรงหน้าเพียงแค่เอื้อม สายลมยามค่ำคืนหนาวเหน็บโชยพัดเข้าเอื่อยแผ่ว จนจมูกโด่งสวยได้กลิ่นหอมอ่อนๆของบุปผางามขจรขจายอบอวลจากร่างบอบบาง มืออันแข็งแกร่งสัมผัสลงบนข้างแก้มขาวทั้งสองข้าง ดวงตาสีกรมจ้องมองลึกลงไปราวกับกำลังดึดดูดเขาเข้าสู่หุบเหวดำมืด ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนเข้าไปใกล้เรื่อยๆ จนลมหายใจอุ่นๆผ่อนรดรูปหน้างดงาม ริมฝีปากบางเผยอขึ้นคล้ายกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่มีเสียงเปล่งออกมาเลยสักนิด
“ เพราะเจ้าคือ..”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นดั่งร่ายเวทย์มนต์ มิกิไม่สามารถบังคับร่างกายของตัวเองเลยสักนิด คล้ายกับหัวใจกำลังถูกสะกดให้ลุ่มหลง ริมฝีปากของนักรบนั่นเคลื่อนลงมาใกล้จนแทบจะประกบชิด ใบหน้าที่คมคายช่างเข้ากับสีผิวที่คล้ำเข้มอย่างน่าเกรงขาม เสียงทุ้มแห่บพร่านั่นเอ่ยแผ่วเบา แต่กลับกึกก้องในหูจนจดจำ ก่อนดวงกลมจะหลับลงราวกับพร้อมกับสิ่งที่กำลังเผชิญต่อไป..
“ ตัวอันตราย..มิกิ ”
อีกมุมหนึ่ง บนปลายเสาหินอ่อนภายในห้องบรรทมขององค์ชายบาฮาล ดวงตาเรียวยาวของอสรพิษขาวสลับทองดุจทรายกำลังฉายภาพของบุคคลที่แอบซุ่มดูเหตุการณ์ให้กับใครบางคนที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ของราชาอสรพิษ งูดำตัวหนึ่งเคลื่อนขึ้นมาพันรอบท่อนแขนทรงอำนาจ และชูคอขึ่นแผ่ความโอหังอยู่ในระดับสายตา แต่หาได้สร้างความหวาดกลัวได้ไม่
ราชาบาซิกค์เท้าท่อนแขนลงไปกับที่ขอบวางพระหัตถ์บนบัลลังก์แล้วเอนศีรษะลงไป ส่วนอีกข้างที่อสรพิษทำพัวพันก็ยกขึ้นนิ่ง ดวงคมที่เต็มไปด้วยอำนาจมากล้นหรี่ลงราวกับกำลังออกคำสั่งงูตัวนั้นให้เลื้อยออกไปนอนที่ตัก ก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบหัวมันเบาๆด้วยความเอ็นดู
“ บาฮาล..ข้าควรเอาชีวิตเจ้าหรือไม่ ” เสียงนั้นแผ่วเบาเกินกว่าใครจะได้ยิน สีหน้าที่เรียบเฉยยังคงแสดงออกมาอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่ดวงตาสีอำพันกลับแอบมีประกายสั่นไหว เมื่อนึกเหตุการณ์ครั้งในอดีต
เปลวไฟ..
เสียงกรีดร้อง..
อสรพิษ..
และเลือด..
ทั้งหมดคือวงจรที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง..เป็นวงจรของการเป็นเทพนาคิน..องค์ถัดไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++