<<บัลลังก์รักใต้เงาแค้น >>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<บัลลังก์รักใต้เงาแค้น >>  (อ่าน 129593 ครั้ง)

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
เกลียดนักคนขายชาติ  :fire:

ออฟไลน์ KnightDevil

  • Love is neither smile or cry.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อัคคีต้องช่วยอินทัชได้สิ ลุ้นมากค่ะ พ่อบัวสงสารพ่ออาทิตย์ด้วยสิแง
พ่ออาทิตย์โดนหลอกทั้งนั้นเลย สามพีสิแวๆห้ามตายน้า :katai1:

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้มข้นที่สุดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
แอบกลัวใจพ่อบัววววว
เด๋วจะเจอกันแล้วใช่มั้ย
ไม่อยากให้จบเศร้าเลยคู่พ่อๆ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                บัลลังก์รักใต้เงาแค้น

                                                                       บทที่  28


               อัคคีและเพื่อนทหารที่รวบรวมได้เพียงห้าคนควบม้าเลาะชายป่าอ้อมสนามรบด้วยความเร่งรีบเพราะรู้ดีว่ามีกำลังเพียงหยิบมือ

จึงไม่อาจตีฝ่าการรบย้อนกลับมาทางที่ตั้งทัพอุดรรังษีมาได้ เพราะความชำนาญของเจ้าถิ่นทำให้ใช้เวลาไม่นานนักพวกเขาก็ซุ่มเงียบอยู่

ในเขตที่พักซึ่งไม่มีทหารอุดรรังษีหลงเหลืออยู่แล้ว มีเพียงพลับพลาใหญ่ด้านในเท่านั้นที่ยังมีการเคลื่อนไหว


               “มีคนป้องกันอยู่ด้านนอกราวๆสักสิบคน พวกเราจะไหวไหมวะ”


               หนึ่งในทหารที่มาด้วยกันกระซิบถาม อัคคีไตร่ตรองรอบคอบว่าเขาควรจะกำจัดทหารฝั่งอุดรรังษีเหลือให้น้อยที่สุดก่อนจะบุก

เข้าไปชิงตัวเจ้าชายอินทัชกลับคืนมา คิดได้ดังนั้นอัคคีจึงล้วงอาวุธลับที่ทุกคนในหุบผากาฬพกติดตัวไว้ตลอดเวลาออกมาจากด้านใน

เสื้อเกราะ

               ไม้ซางอันเล็กเพียงนิ้วก้อยแต่ภายในมีเข็มเคลือบสมุนไพรพิษบรรจุอยู่ภายใน อัคคีเล็งปลายกระบอกเข้าใส่นายทหารคนที่

อยู่ใกล้ที่สุดและเป่ามันออกไป เข็มพิษนั้นพุ่งแหวกอากาศตรงเข้าใส่คอหอยจนเหยื่อสะดุ้งตาเหลือก และเพียงไม่กี่วินาทีก็ร่วงลงไป

กองกับพื้น อัคคีกระทำซ้ำกับนายทหารอีกคนจนร่วงตามกัน


               “เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น”


               อย่างน้อยก็เก็บไปได้สอง อัคคีทำสัญญาณมือให้เพื่อนทหารออกจากที่ซ่อนเข้าต่อสู้ เขาเก็บไปได้อีกหนึ่งก่อนจะเผชิญหน้า

กับโจทย์เก่าที่เพิ่งจะประลองฝีมือกันเมื่ออยู่กลางสนามรบ แต่คราวนี้อัคคีตั้งสติได้แล้ว เขาสู้อย่างไม่ประมาทและในที่สุดอัคคีก็ใช้ดาบ

ฟันกลางแสกหน้าจนนายทหารผู้นั้นล้มลง

               เสียงดังของการต่อสู้เรียกให้กษัตรย์แห่งอุดรรังษีพุ่งองค์ออกมาจากพลับพลาในที่สุด เจ้าฟ้าวัชรศรทรงกวาดพระเนตรมอง

ลูกน้องที่ล้มตายและส่วนหนึ่งถูกจับกุมตัวไว้ด้วยความเจ็บพระทัยองค์เองที่ทรงชะล่าใจให้ทหารไปรบเสียหมดกองทัพจนไม่เหลือใครที่

จะช่วยพระองค์ได้อีก ทรงจ้องอัคคีด้วยพระเนตรเบิกโพลง นึกแปลกพระทัยเมื่อใบหน้าที่มองเห็นคล้ายคลึงกับเจ้าชายอินทัชเหลือเกิน


               “เจ้าเป็นใคร บังอาจบุกเข้ามาถึงที่นี่ รู้หรือไม่ว่าโทษทัณฑ์คือเช่นไร”


               อัคคีไม่สนคำขู่ เขาจ้องมองเจ้าฟ้าวัชรศรด้วยความเกลียดชัง


               “อินทัชอยู่ไหน”


               “อัคคี เราอยู่นี่”


               เจ้าชายอินทัชก้าวออกมาจากพลับพลา อัคคีใจชื้นเมื่อเห็นว่าทรงปลอดภัยดีความกังวลใจจึงหมดลง เขาจึงมุ่งความสนใจ

ไปที่เจ้าฟ้าวัชรศรและบุกเข้าใส่โดยไม่เจรจาให้มากความ

               เจ้าฟ้าวัชรศรตั้งรับ ทั้งคู่สู้กันอย่างดุเดือดไม่ยอมแพ้ หากแต่ชั้นเชิงและกำลังในวัยหนุ่มของอัคคีได้เปรียบกว่า อัคคียกเท้า

ถีบเข้าที่ลำตัวของเจ้าฟ้าวัชรศรจนล้มลงและปัดพระแสงดาบจนพ้นทาง เขาจ่อดาบเข้าที่พระศอของเจ้าฟ้าวัชรศรทันที


               “พระองค์ปราชัยแล้ว”


               เจ้าฟ้าวัชรศรกัดโอษฐ์จนห้อเลือดเมื่อต้องพ่ายแพ้ อับอายจนพระพักตร์แดงก่ำ พระทัยที่มีแต่ความโกรธแค้นทำให้ไม่

สามารถยอมรับความจริงได้ ทรงใช้มือตะขอกระแทกใส่อัคคีจนเสียหลักก่อนที่จะโผเข้าหาเจ้าชายอินทัชและล็อคพระศอไว้ด้วยมือ

ตะขอ


               “อยากให้มันตายก็ลองเข้ามา”


               เมื่อเข้าตาจนเจ้าฟ้าวัชรศรก็ยอมทิ้งศักดิ์ศรี อัคคีตกใจเมื่อเห็นเจ้าชายอินทัชตกเป็นตัวประกันเช่นนั้น


               “พระองค์เป็นถึงกษัตริย์ ใยจึงประพฤติเช่นคนถ่อยเช่นนี้ ปล่อยตัวอินทัชเดี๋ยวนี้”


               “ข้าทำได้ทุกทางเพื่อชัยชนะ ถ้าไม่อยากให้ไอ้อินทัชตายก็เปิดทางให้ข้า”


               ดวงตาของอัคคีกร้าวไปด้วยไฟโทสะ เขาสบตากับเจ้าชายอินทัชที่จ้องมองเหมือนกับจะสื่อสารอะไรบางอย่าง และยังไม่ทัน

ที่เจ้าฟ้าวัชรศรจะกระทำสิ่งอื่นเจ้าชายอินทัชก็ทรงดึงพระขรรค์เล่มเล็กที่พกอยู่ตรงบั้นพระองค์แล้วแทงเข้าใส่พระนาภีของเจ้าฟ้าวัชรศร

ทันที


               “โอ๊ย!”


               เจ้าชายอินทัชเบี่ยงองค์หนีโดยพลัน ทันใดนั้นอัคคีก็วาดดาบคมกริบของเขาราวกับนัดแนะกันไว้กับเจ้าชายอินทัช คมดาบ

ฟันผ่านลำคอของเจ้าฟ้าวัชรศรจนกระเด็นกระดอนร่วงสู่พื้น โลหิตสีแดงฉานพุ่งจากลำคอที่ไร้ศีรษะราวกับน้ำพุและร่างของเจ้าชายวัชร

ศรก็ล้มลงสู่ผืนดินพร้อมกับเสียงโห่ร้องยินดีของเพื่อนทหาร แต่อัคคีไม่สนใจสิ่งใดนอกจากพุ่งกายเข้าไปหาเจ้าชายอินทัชและสวมกอด

ไว้แน่น


               “ปลอดภัยแล้วอินทัช”


               “อัคคี ขอบใจนะ”


               เมื่อเหตุการณ์ร้ายผ่านไปเจ้าชายอินทัชเพิ่งจะนึกกลัวจนกันแสงออกมา อัคคีลูบพระเกศาอย่างอ่อนโยน


               “ทีหลังอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามอีกเข้าใจไหม”


               เจ้าชายอินทัชยิ้มรับทั้งน้ำตา แต่เมื่อนึกได้ว่าศึกนี้ยังไม่จบก็รีบเตือนสติอัคคี


               “อย่ามัวแต่โอ้เอ้อยู่เลย ป่านนี้พวกไพร่พลอุดรรังษีที่ยกไปในวังคงจะตีประตูเมืองแตกแล้วเพราะเรามีหนอนบ่อนไส้”


               “หนอนบ่อนไส้งั้นหรือ”


               “ใช่ อัคคี เราต้องรีบนำพระเศียรของเจ้าฟ้าวัชรศรไปแสดงต่อทหารในสนามรบเพื่อหยุดการต่อสู้ และยกทัพกลับไปจัดการ

กับศึกในวังโดยด่วน”


               ได้ฟังดังนั้นอัคคีจึงไม่รอช้า เขาฉุดแขนของเจ้าชายอินทัชวิ่งไปที่ม้าพร้อมทั้งคว้าพระเศียรของเจ้าฟ้าวัชรศรติดมือไปด้วย







               ไพร่พลร่วมร้อยคนของอุดรรังษีบุกเข้ามาในพระราชวังได้ในที่สุดด้วยการช่วยเหลือลอบไปเปิดประตูวังจากมานพ นายทหาร

คนสนิทของเจ้านางปะวะหล่ำ ทหารรักษาพระองค์ที่ยังเหลืออยู่ต่างก็สู้จนสุดใจหากแต่ส่วนใหญ่ถูกฆ่าฟันเป็นใบไม้ร่วง พวกนางสนม

กำนัลก็ถูกจับกุมตัวรวมกันอยู่ ณ ท้องพระโรง มีเพียงเจ้านางปะวะหล่ำกับนางแก้วกุดั่นเท่านั้นที่ยังดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจ


               “นี่ นางแก้ว อยากได้อะไรก็หยิบๆไปเถอะ ถือเสียว่าเป็นของฝากให้แก่ญาติๆของเจ้าเมื่อกลับสู่เหมราช”


               ไม่มีใครกล้าขัดเมื่อเจ้านางปะวะหล่ำก้าวพระบาทเฉิดฉายไปมา จนกระทั่งกำลังพลของเพชรกล้าที่เป็นหน่วยจู่โจมจาก

สนามรบมาถึงเขตราชฐาน


               “บังอาจเหลือเกิน พวกมันเข่นฆ่าและทำลายทรัพย์สมบัติจนไม่เหลือชิ้นดี”


               เพชรกล้ามองอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นร่างของเหล่าทหารนอนตายกันเกลื่อน แต่ก่อนที่เขาจะสั่งการเพชรกล้ามองเห็นคนกลุ่ม

ใหญ่สวมใส่เสื้อผ้าชุดดำพรางหน้าตาควบม้าตรงมายังประตูเมืองโดยที่เบื้องหน้าสุดคือฟ้าฟื้นนั่นเอง เพชรกล้าเดาได้ในทันที


               “ฟ้าฟื้นไปตามพวกโจรจากหุบผากาฬมาหรือนี่ ดีจริงๆ”


               คลี่ยิ้มออกมาได้เมื่อฟ้าฟื้นกระโดดลงจากหลังม้าวิ่งเข้ามาหา ทั้งคู่กอดกันกลมเมื่อได้พบหน้ากันอีกครั้ง


               “พี่เพชร ข้าดีใจที่ได้เจอพี่”


               “พี่ก็ดีใจเช่นกันฟ้าฟื้น แล้วนี่พวกของเจ้างั้นหรือ”


               เพราะทุกคนแต่งกายเหมือนกันและพรางหน้าด้วยผ้าสีดำ เพชรกล้าจึงแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครนอกจากชายคนหนึ่งรูปร่าง

สูงใหญ่และดูห้าวหาญกว่าผู้อื่น


               “อย่ามัวแต่ช้าอยู่เลย ยิ่งช้าไอ้พวกศัตรูก็ยิ่งได้ใจ”


               “แล้วจะทำเช่นไรดีล่ะลุงสมิง”


               ฟ้าฟื้นหันไปถามความเห็นทำให้เพชรกล้ารู้นาม ที่แท้ก็คือโจรป่าสมิงอันเลื่องชื่อนั่นเอง


               “พวกเราลอบเข้าไปก่อน เก็บพวกมันจากด้านนอก ให้พวกทหารนำทางไปเพราะชำนาญกว่า เก็บมันได้จนถึงตำแหน่งที่มัน

จับผู้คนไว้ก็ค่อยบุกเข้าไปช่วย หรือท่านจะมีความเห็นเช่นไร”


               สมิงหันมาหารือด้วย เพชรกล้าจึงพยักหน้ารับ


               “ข้าเห็นพ้องกับท่าน พวกเราจะนำทางให้พวกท่านเอง ขอบใจที่มาช่วยครานี้”


               เมื่อตกลงกันเข้าใจแล้ว เพชรกล้าจึงสั่งให้คนของเขาแบ่งเป็นกลุ่ม และแยกไปพร้อมกับโจรจากหุบผากาฬเพื่อจะซุ่มโจมตี

ทหารจากอุดรรังษีที่ยืนกระจายตัวควบคุมสถานการณ์ เพชรกล้านึกทึ่งในความสามารถของเหล่าโจรที่มีวิธีการ “ฆ่า” อย่างเงียบเชียบจน

กระทั่งมองเห็นที่ตั้งของท้องพระโรง เพชรกล้าหันไปสบตากับสมิงก่อนที่เขาจะเป็นผู้นำบุกเข้าไป


               “จัดการพวกมันอย่าให้เหลือ”


               เพชรกล้าออกคำสั่ง ทหารจากอุดรรังษีต่างตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีใครบุกเข้ามาได้ พวกเขารอเพียงทัพใหญ่จากสนามรบ

มาถึงงานก็จะเสร็จสมบูรณ์แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นที่วางแผน


               เสียงกรีดร้องและความวุ่นวายอลหม่านเกิดขึ้นทันที สตรีนางในที่ไม่เคยพบเห็นภาพหวาดเสียวต่างก็ร่ำไห้ด้วยความหวาด

กลัวเมื่อเห็นการต่อสู้ภายในท้องพระโรง เป็นครั้งแรกที่ทหารกับโจรป่าร่วมมือกันฟาดฟันกับศัตรูของบ้านเมืองจนกระทั่งทหารจากอุดร

รังษีถูกฆ่าตายไปเสียเกินครึ่ง ที่เหลือก็ยกมือยอมแพ้ให้จับกุม


               “เกิดอะไรกันขึ้น”


               เจ้านางปะวะหล่ำก้าวพระบาทมาจากด้านในท้องพระโรงพร้อมกับแก้วกุดั่นและมานพ สีพระพักตร์นั้นซีดเผือดเมื่อเห็นเพชร

กล้ากำลังคุมเชิงการจับกุมทหารอุดรรังษี เพชรกล้าหันกลับมาและโค้งคำนับ เขาเก็บความแปลกใจไว้เมื่อเห็นว่าเจ้านางปะวะหล่ำ

ปลอดภัยดีมิได้ได้รับอันตรายใดจากทหารอุดรรังษี


               “ทูลเจ้านาง เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงส่งพวกหม่อมฉันให้มาช่วยทางวัง เจ้านางได้รับบาดเจ็บหรือไม่พะย่ะค่ะ”


               เจ้านางปะวะหล่ำพยายามควบคุมองค์ไม่ให้ตื่นเต้นจนเพชรกล้าจับได้ แก้วกุดั่นกับมานพก็มีสีหน้าเลิ่กลั่กเมื่อเหตุการณ์พลิก

กลับเสียแล้ว


               “ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าก็ทำดีแล้วนี่ พวกมันถูกจับได้ก็ดีแล้ว แล้วก็ช่วยหลีกทางให้ข้าด้วย”


               “จะไปไหนหรือปะวะหล่ำ”


               สุรเสียงทรงอำนาจดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคนให้หันไปมองบุรุษผู้ครองแว่นแคว้น เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงก้าวพระบาท

นำเข้ามาและจ้องมองด้วยพระเนตรดุจนเจ้านางปะวะหล่ำสะดุ้งอยู่ในใจ


               “เอ่อ...เจ้าพี่ ศึกยังไม่จบเหตุใดจึงเสด็จกลับได้เพคะ”


               “ศึกจบแล้วปะวะหล่ำ”


               “จบแล้ว” เจ้านางปะวะหล่ำยิ่งพักตร์ซีด “จบเช่นไรเพคะ ก็อุดรรังษียัง...”


               เศียรของเจ้าฟ้าวัชรศรกลิ้งหลุนมาจากอัคคีที่ยืนอยู่เบื้องพระปฤษฎางค์ของเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์เป็นคำตอบที่ดีที่สุด เจ้านาง

ปะวะหล่ำนิ่งงันจนพระเสโท(เหงื่อ)ไหล่ชุ่มวรกาย ทหารของอุดรรังษีที่ถูกจับกุมต่างก้มหน้ายอมรับชะตากรรม


               “ตกใจมากงั้นรึ ที่รู้ว่าวัชรศรตายเสียแล้ว”


               จะว่าตกใจก็ตกใจ จะว่าโล่งใจก็ใช่ เจ้าฟ้าวัชรศรสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ความลับของพระองค์ที่มีต่อคนตายย่อมเป็นความลับต่อ

ไป


               “จะว่าไปวัชรศรนี่ก็เก่งนะ ตัวทำศึกอยู่กลางสนามรบแต่กลับส่งคนมาบุกวังได้ พวกเจ้าก็มีความสามารถกันมากที่เข้าวังโดย

ไม่เสียเลือดเนื้อราวกับมีคนเปิดประตูให้เดินเข้ามาง่ายๆ บอกข้าทีรึว่ามีวิธีการใด”


               ท้ายประโยคที่ทรงหันไปตรัสกับทหารอุดรรังษียิ่งทำให้เจ้านางปะวะหล่ำตกพระทัยหนักขึ้นไปอีก และเมื่อเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์

หันขวับมาจ้องพระพักตร์ ครานี้เจ้านางปะวะหล่ำก็ยิ่งกระสับกระส่าย


             “ว่าไงล่ะ ข้าถามก็จงตอบมา”




มีต่ออีกนิด...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2016 12:54:06 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันตรงนี้...


                เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินเสียงตวาดห้วนจากเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ ภายในท้องพระโรงเงียบกริบจนแทบจะได้ยินแม้แต่เสียง

เข็มหล่น ทหารอุดรรังษีเมื่อเห็นจวนตัวและตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้วก็จำต้องสารภาพออกมา


               “ขอเดชะ กราบทูลฝ่าพระบาท มีคนเปิดประตูวังให้พวกหม่อมฉันพะย่ะค่ะ”


               สายพระเนตรยิ่งกร้าวราวกับไฟสุม พระทนต์กัดกรอดเมื่อตรัสประโยคต่อไป


               “บอกข้ามาว่ามันเป็นใคร”


               ทหารคนเดิมชี้มือไปทางมานพที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่ข้างๆเจ้านางปะวะหล่ำและแก้วกุดั่น เจ้านางปะวะหล่ำฝืนหัวเราะออกมา

อย่างยากเย็น


               “เหลวไหลสิ้นดี มานพเป็นคนของข้า จะไปทำเช่นนั้นได้อย่างไร”


               “พระมารดา”


               เจ้าชายอินทัชที่ยืนเยื้องเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ก้าวออกมาด้วยพระพักตร์เศร้า ดวงเนตรงามบัดนี้แดงเรื่อไปด้วยอัสสุชลเมื่อทรง

หยุดยืนต่อหน้าพระมารดา ทรงยื่นหัตถ์ไปจับพระหัตถ์ของเจ้านางปะวะหล่ำและวางกระดาษไหม้ไฟลงไปบนฝ่ามือนั้น


               “พระบิดาทรงเห็นกระดาษแผ่นนี้แล้วพะย่ะค่ะ”


               ไม่ต้องมองก็ทรงทราบว่ากระดาษในมือคืออะไร เจ้านางปะวะหล่ำวรกายแข็งราวกับหุ่นปั้นมีเพียงโอษฐ์ที่สั่นระริกเมื่อความ

ลับถูกเปิดเผยเสียแล้ว


               “หม่อมฉัน...”


               “เจ้าเป็นเจ้านาง เป็นเจ้าเหนือหัวของผู้คนในรัตนปุระนคร ใยถึงกระทำตัวต่ำช้าเยี่ยงนี้”


               เจ็บปวดยิ่งนักเมื่อเห็นสายพระเนตรที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของพระโอรส เจ้านางปะวะหล่ำกำพระหัตถ์แน่นกับความ

กดดันที่ได้รับ


               “อินทัช แม่...”


               “พระมารดา ทำไมถึงเข้าข้างอุดรรังษีพะย่ะค่ะ ลูกผิดหวังเหลือเกิน”


               “ไม่ ทุกคนอย่ามากล่าวหาว่าข้าเป็นคนเลว ไม่จริง!”


               ยอมรับไม่ได้เมื่อความผิดถูกเปิดโปง เจ้านางปะวะหล่ำจึงโวยวายออกมา


               “ทรงยอมรับไม่ได้ว่าเป็นคนขายชาติทั้งที่ทรงกระทำมาแล้วหลายครั้งหรือพะย่ะค่ะ”


               ไม่ใช่เสียงเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ ไม่ใช่เสียงเจ้าชายอินทัช หากแต่เป็นเสียงหนึ่งในบุรุษชุดดำผู้หนึ่งที่ก้าวออกมาจากกลุ่มพร้อม

กับดึงผ้าที่คาดพรางออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามตามวัยและดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียว ทั้งเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์และเจ้านางปะวะหล่ำ

ถึงกับตกตะลึงไปพร้อมกัน


               “โกมุท!”


               ร่างเพรียวคุ้นตาและคุ้นใจก้าวออกมาเผชิญหน้า พระทัยของเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์เต็มไปด้วยความโสมนัสที่เห็นพระมาตุลายัง

มีชีวิตอยู่ โกมุทหันไปจ้องมองเจ้านางปะวะหล่ำด้วยนัยน์ตาแข็งกระด้างและเย็นชา


               “พระองค์จะไม่ทูลให้เจ้าฟ้าทรงรับรู้เสียหน่อยหรือว่าในอดีตนั้นได้ประทานยากระตุ้นหัวใจอย่างแรงให้แก่เจ้านางกุสุมาทั้งที่

ทรงเป็นโรคหัวใจขณะที่เจ้าฟ้าออกรบอยู่กับอุดรรังษี และไหนจะยังเรื่องที่ทำทีเป็นส่งหม่อมฉันไปเป็นทูตแต่กลับติดต่อกับเจ้าฟ้าวัชร

ศรให้ควบคุมตัวหม่อมฉันไว้พร้อมทั้งกล่าวหาไส่ไคล้ว่าหม่อมฉันเป็นแปรพักตร์ไปอยู่กับอุดรรังษีทั้งที่มันไม่จริงเลยแม้แต่นิดเดียว”


               “จริงหรือปะวะหล่ำ เจ้าเลวขนาดนั้นเลยหรือ”


               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์เมื่อรู้ความจริงทั้งหมดก็ถึงกับกริ้วจนควันออกหู แต่เจ้านางปะวะหล่ำก็ยังดื้อดึงไม่ยอมแพ้


             “แต่เจ้าก็เลว โกมุท เจ้าลักพาลูกข้าไป”


               “ก็คู่ควรกับที่พระองค์คิดจะฆ่าหม่อมฉันปิดปากใช่ไหมพะย่ะค่ะ ชีวิตก็ต้องแลกด้วยชีวิต”


               “โกมุท ทำไมเจ้าถึงยังอยู่ ทำไมถึงไม่ตายไปเสียจริงๆ”


               สติเตลิดไปหมดแล้วกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้านางปะวะหล่ำเงื้อหัตถ์ขึ้นและเตรียมจะฟาดใส่โกมุท แต่อัคคีที่อยู่ไม่ไกลนัก

รีบกระโดดเข้ามาคว้าหัตถ์ไว้ทันก่อนที่ใบหน้าของโกมุทจะได้รับบาดเจ็บ เจ้านางปะวะหล่ำเงยพักตร์ขึ้นมอง เมื่อเห็นใบหน้าของอัคคี

เต็มตาในวันนี้เจ้านางปะวะหล่ำก็อ้าโอษฐ์ค้าง


               “ลูก ลูกแม่ยังมีชีวิตอยู่หรือนี่”


               ดวงตาของอัคคียิ่งเย็นชากว่าทุกคน เขาปล่อยหัตถ์ของเจ้านางปะวะหล่ำลงอย่างไม่แยแส


               “หม่อมฉันไม่มีแม่เป็นคนขายแผ่นดินพะย่ะค่ะ”


               กลับกลายเป็นคำพูดของอัคคีที่สร้างความเจ็บปวดให้เจ้านางปะวะหล่ำอย่างที่สุด ทรงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางสายตา

ทุกคน


               “พวกเจ้าต่างหากที่เลว คนที่ควรจะได้รับความเห็นใจคือข้า ข้าที่ต้องรอนแรมข้ามแคว้นจากบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อมา

แต่งงานกับผู้ชายที่มีเมียเป็นชายด้วยกัน แล้วข้าล่ะ ใครเห็นใจข้าบ้าง ใช่สิ ข้ามันหัวเดียวกระเทียมลีบ แต่ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าเล่นงาน

ข้าหรอก”


               เจ้านางปะวะหล่ำตะโกนบางอย่างก้องไปทั่วท้องพระโรง พลันบังเกิดควันสีดำพวยพุ่งและเมื่อควันดำจางลงทุกคนจึงได้เห็น

สตรีคนหนึ่งในชุดเสื้อผ้าสีเข้มผมสีดอกเลาใบหน้าดุดันปรากฏกายขึ้นมา


               “แม่ย่าเฟื่องรุ้ง!”
               
            TBC

 :z3: :z3:                
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2016 13:15:47 โดย Belove »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :katai2-1:   มันส์พะยะค่ะ
ตัวละครมากันครบแล้ว เตรียมตัวเลย แม่ย่าจะตายงานนี้หรืองานนหน้าต้องลุ้นกัน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ความจริงเปิดเผยแล้ว!!

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
หูยยยย พร้อมหน้าพร้อมตา รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เจ้านางไปกับแม่ย่าเถอะ

เย้...พี่หมิงมาแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
เย้ เด็จแม่โดนเปิดโปงสะที

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                   บัลลังก์รักใต้เงาแค้น

                                                                         บทที่  29


               เจ้านางปะวะหล่ำยกนิ้วชี้กราดไปยังหมู่ชายที่รายล้อมอยู่อย่างบ้าคลั่ง
 

             “ฆ่าพวกมัน พวกมันที่ทำร้ายจิตใจข้า โดยเฉพาะไอ้โกมุท ไอ้หอกข้างแคร่ที่เป็นเสี้ยนหนามตำใจข้า ฆ่ามัน!”


               ดวงตาฝ้าฟางเบิกโพลงจนแทบกลายเป็นสีขาวจ้องมองถลนออกมา โจรป่าสมิงแสยะยิ้มอยู่หลังผ้าปิดหน้าเมื่อรู้ว่าอีกฝ่าย

เตรียมจะใช้อาคมต่อสู้


               “คิดว่าใช้อาคมเป็นอยู่ฝ่ายเดียวงั้นรึนังหมอผี คนอย่างไอ้สมิงถ้าไม่แน่จริงไม่มาเป็นโจรป่าหรอก”


               แม่ย่าเฟื่องรุ้งบริกรรมคาถาก่อนจะเสกผีพรายให้พุ่งมาทำร้าย แต่สมิงก็ไม่รอช้าเขาเองก็มีอวิชาติดตัวอยู่บ้าง เขาสู้กับแม่ย่า

เพื่องรุ้งด้วยมนต์ดำ พร้อมกันกับที่มานพกระซิบบอกเจ้านาย


               “เจ้านาง เราต้องหนีเดี๋ยวนี้”


               เจ้านางปะวะหล่ำเข้าพระทัยทันที มานพจึงชักดาบขึ้นมากวัดแกว่งอยู่เบื้องหน้าเจ้านางปะวะหล่ำและแก้วกุดั่น


               “จะไปไหน”


               เพชรกล้าเข้ามาขวาง เขาจ้องมานพไม่กระพริบตา มานพจึงยกดาบเข้าต่อสู้กับเพชรกล้า เจ้านางปะวะหล่ำและแก้วกุดั่นได้

แต่ยืนตัวสั่น

               เหตุกการณ์โกลาหลมากขึ้น เมื่อมีการต่อสู้ทั้งคาถาอาคมและอาวุธ ดูเหมือนแม่ย่าเฟื่องรู้งจะเสียเชิงเมื่อในที่สุดก็ถูกสมิง

กำจัด เสียงร้องโหยหวนดังลั่นจนแสบแก้วหู ร่างผอมเกร็งล้มตึงไปนอนดิ้นพล่านอยู่บนพื้นดวงตาเหลือกลานราวกับกำลังถูกบีบคอและ

ในที่สุดแม่ย่าเฟื่องรุ้งก็นอนแน่นิ่งสิ้นลมหายใจ


               “แม่ย่า!”


               เจ้านางปะวะหล่ำกรีดร้องเมื่อชู้รักตายลงไป และมานพนายทหารคนสนิทก็เพิ่งจะถูกสังหารด้วยฝีมือของเพชรกล้า สติของ

เจ้านางแตกกระเจิงเมื่อเห็นว่าทุกอย่างพังพินาศ ตอนนี้เจ้านางคิดอยู่อย่างเดียวว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์


               “ชีวิตหม่อมฉันเป็นเช่นนี้เพราะพระองค์แต่เพียงผู้เดียว”


               ผวาคว้ามีดดาบที่ตกอยู่แถวนั้นแล้วพุ่งเข้าใส่ เพชรกล้าที่อยู่ใกล้ที่สุดเหลือบเห็นพอดี


               “เจ้าฟ้า ระวัง!”


               เพชรกล้ากระโจนเข้าปัดดาบแต่ก็ชุลมุนเกินกว่าจะทำได้ ดาบจากพระหัตถ์ของเจ้านางปะวะหล่ำจึงเสียบเข้าไปในร่างกาย

ของเขาแทนเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์


               “พี่เพชร!”


               หัวใจของฟ้าฟื้นหล่นหายเมื่อเห็นดาบเสียบคาอยู่บนกายคนรัก เขาผวาเข้ามารับร่างของเพชรกล้าไว้ในอ้อมกอด


               “จับกุมเจ้านางเดี๋ยวนี้”


              เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์รับสั่งเสียงกร้าว เจ้านางปะวะหล่ำและแก้วกุดั่นจึงถูกจับกุมทันที ทุกคนจึงพุ่งความสนใจมาที่เพชรกล้า

เขานอนหายใจรวยรินอยู่ในอ้อมกอดของฟ้าฟื้น


                “อย่ะ อย่าร้องไห้ พี่เป็นทหาร พลีชีพเพื่อเจ้าฟ้าและแผ่นดินคือบุญที่สุดแล้ว”


               “ไม่ พี่เพชร อย่าทิ้งข้าไป”


               น้ำตาของฟ้าฟื้นพรูออกมาจนเปียกปอนใบหน้า เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงยื่นหัตถ์มาลูบผมของเพชรกล้าด้วยสายพระเนตรอ่อน

โยน


               “ขอบใจเพชรกล้า เจ้าได้ปฏิบัติหน้าที่สมกับเป็นทหารกล้าแล้ว”


               เพชรกล้าละสายตาอ่อนระโหยจากเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์มาสู่ฟ้าฟื้น เขายกมือสั่นเทาลูบแก้มของฟ้าฟื้น


               “พี่รักเจ้านะฟ้าฟื้น แม่ ฝากแม่ด้วย”


               ฟ้าฟื้นร้องไห้จนตัวโยน เขาเอื้อมมือวางแนบหลังมือซีดเย็นนั้นแล้วพยักหน้า


               “ข้าจะดูแลแม่ของพี่ให้เหมือนแม่ของข้าเอง ข้าสัญญา”


               ได้ฟังคำสัญญาจากปากของฟ้าฟื้นเพชรกล้าจึงหมดห่วง ดวงตาของนายทหารราชองครักษ์เพ่งมองใบหน้าของฟ้าฟื้นอีก

คราก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงช้าๆ


               “พี่เพชร ไม่...”


               ฝ่ามือแห้งแข็งและเย็นซืดที่แนบอยู่กับใบหน้าของฟ้าฟื้นร่วงหล่นลงไปพร้อมกับลมหายใจที่ปลิดปลิว ฟ้าฟื้นโอบกอดร่าง

ของเพชรกล้าไว้ไม่ยอมปล่อย จนพ่อของเขาที่อยู่ในกองโจรและอัคคีต้องเข้ามาช่วยปลอบโยนจึงจะพอคลายความเศร้า






               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์เสด็จไปยังบ้านพักของเพชรกล้าด้วยองค์เองแม้ว่าจะเป็นเวลาค่ำมืดแล้ว คุณหญิงเพทายออกมารับเสด็จ

อย่างกะทันหัน ครั้นเมื่อเห็นว่าเป็นประมุขของแผ่นดินรวมทั้งฟ้าฟื้นที่ผ่านการร้องไห้จนตาบวมคุณหญิงเพทายจึงพอจะเดาได้ หญิงชรา

ตัวสั่นเทาไหล่งองุ้มลงจนฟ้าฟื้นต้องเข้าไปประคอง


               “เพชรกล้าลูกแม่!”


               ผ่านความเสียใจเพราะสามีที่เป็นเสนาบดีฝ่ายทหารก็เคยพลีกายเพื่อชาติซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นกับบุตรเพียงคนเดียว แต่คุณหญิง

เพทายก็ยังเข้มแข็งยืนหยัดอยู่ได้แม้ว่าร่างกายจะสั่นเทา


               “เพชรกล้าได้ทำตามเจตนารมย์ของเขาแล้วใช่ไหมเพคะ”


               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงกุมมือของคุณหญิงเพทายไว้เป็นการปลอบโยน


               “คุณหญิง เพชรกล้าเอาตัวเองรับดาบแทนข้า เขาเป็นนายทหารที่กล้าหาญและทำคุณประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง ข้าขอ

ขอบใจคุณหญิงที่เสียสละทั้งสามีและลูกเพื่อแผ่นดิน”


               ฟ้าฟื้นน้ำตาไหลอีกครั้ง เขาก้าวไปเบื้องหน้าคุณหญิงเพทายและนั่งลงกราบแทบเท้า


               “ถึงแม้ว่ากระผมจะได้อยู่กับคุณหญิงแม่เพียงไม่นานแต่กระผมก็รักและเคารพคุณหญิงแม่ไม่แพ้แม่แท้ๆ ขอให้กระผมได้อยู่ที่

นี่ต่อไปเพื่อดูแลคุณหญิงแม่แทนพี่เพชรเถิดขอรับ”


               คุณหญิงเพทายโน้มกายลงลูบผมของฟ้าฟื้นก่อนจะดึงไหล่ให้เขาลุกขึ้นยืน


               “ได้สิ แม่ยินดีเหลือเกินที่พ่อฟ้าจะมาอยู่กับแม่ พ่อเพชรรักใครแม่ก็รักคนนั้น พ่อฟ้าก็เหมือนลูกของแม่อยู่แล้ว พ่อแม่ของพ่อ

ฟ้าจะให้มาอยู่อาศัยเสียด้วยที่นี่ก็ได้ บ้านเรือนกว้างขวางไม่เดือดร้อน พ่อฟ้าจะได้ดูแลพวกเขาไปด้วย”


               ฟ้าฟื้นยิ้มออกด้วยความตื้นตัน เขาสวมกอดคุณหญิงเพทายไว้ด้วยความรักไม่ต่างจากบุพการี ฟ้าฟื้นตั้งใจจะดูแลคุณหญิง

เพทายให้ดีที่สุดทดแทนให้กับความสูญเสียคนสำคัญที่สุดในชีวิตไป
               




               อัคคีก้าวเข้าไปใกล้ลูกกรงเหล็กที่กั้นเขาไว้กับสตรีสูงศักดิ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ บัดนี้เจ้านางปะวะหล่ำอยู่ในสภาพอิดโรยแต่ก็ยัง

หยัดกายตรงเชิดพักตร์สูงด้วยทิฐิ ทรงประทับอยู่บนพื้นเย็นและแข็งกระด้างโดยมีนางแก้วกุดั่นนั่งร้องไห้กระซิกอยู่ไม่ไกลกันนัก

               อัคคีทรุดตัวลงนั่งเสมอกับเจ้านางปะวะหล่ำ สายตาที่เขาใช้มองพระมารดานั้นช่างมีหลากหลายอารมณ์สลับกัน เขาเคย

จินตนาการถึงแม่แท้ๆ หากแต่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างทำให้เขาไม่สามารถทำใจยอมรับได้จริงๆ ส่วนเจ้านางปะวะหล่ำนั้นเมื่อแรกเห็น

ก็ทอดพระเนตรด้วยความคิดถึง แต่เมื่อได้มองเห็นสายตาของพระโอรสที่พลัดพรากกันตั้งแต่แรกเกิดแล้วก็ทรงเม้มโอษฐ์แน่น


               “ถ้าจะมาเพื่อมองแม่ด้วยสายตาเช่นนี้ก็จงกลับออกไปเสีย เจ้าคงเสียใจที่มีแม่เช่นข้า”


               ความน้อยเนื้อต่ำใจแล่นมาจุกอกจนน้ำพระเนตรคลอเบ้า ทรงเบือนพักตร์หนีจากอัคคีที่ก็นึกเสียใจไม่แพ้กัน


               “ถึงแม้หม่อมฉันจะไม่เห็นด้วยในสิ่งที่พระองค์กระทำ แต่ถึงอย่างไรก็ทรงให้กำเนิดหม่อมฉัน”


               “แล้วอย่างไร ให้กำเนิดไปก็เท่านั้น ในเมื่อใจของเจ้าฝักใฝ่อยู่กับโกมุทที่ชิงตัวเจ้าไปอยู่แล้วนี่”


               อัคคีมองใบหน้าของเจ้านางแห่งรัตนปุระนครที่มีน้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมา เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าใจหนึ่งก็รู้สึกผูกพันกับเจ้านาง

ปะวะหล่ำอยู่บ้าง


               “หม่อมฉันฝักใฝ่อยู่กับความถูกต้องพะย่ะค่ะ กราบขอบพระทัยที่ให้ลมหายใจของหม่อมฉัน”


               อัคคีก้มลงกราบแนบพื้น เจ้านางปะวะหล่ำมองภาพนั้นอย่างสะท้อนใจ และเมื่ออัคคีเงยหน้าขึ้นมาแล้วเจ้าชายอินทัชจึงก้าว

พระบาทมานั่งเคียงข้าง ทรงยื่นหัตถ์ผ่านลูกกรงเหล็กเข้าไปแตะท่อนพระกรของเจ้านางปะวะหล่ำ


               “พระมารดา”


               อัสสุชลไหลต้องปรางเนียน เช่นไรก็เป็นพระมารดาแม้ว่าจะทำสิ่งผิดพลาดลงไป มิหนำซ้ำยังเติบโตชันษามาใกล้ชิด เจ้า

ชายอินทัชจึงเจ็บปวดยิ่งนักที่เห็นสภาพของเจ้านางปะวะหล่ำขณะนี้


               “อินทัชลูกแม่”


               โผเข้ากอดพระโอรสโดยมีลูกกรงเหล็กขวางกั้น ความรู้สึกต่างๆประดังเข้ามาจนจุกอก


               “เจ้าผิดหวังในตัวแม่มากใช่ไหม แม่ทำไปเพราะความกดดัน ถ้าใครไม่มายืนอยู่ในจุดที่แม่อยู่คงไม่เข้าใจ”


               เจ้าชายอินทัชสะอื้นไห้ราวกับเด็กน้อยพลางทอดพระเนตรพระมารดาด้วยพระเนตรแดงก่ำ


               “ลูกเข้าใจพะย่ะค่ะ ถึงแม้ว่าพระมารดาจะทำในสิ่งที่ผิดพลาดแต่ลูกก็ยังคงรักพระมารดาดังเช่นเดิม”


               “แม่ขอโทษนะลูก”


               ประโยคสุดท้ายของเจ้าชายอินทัชเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เตือนให้เจ้านางปะวะหล่ำตระหนักถึงผิดชอบชั่วดี หยาดน้ำตาจึงล้น

ทะลักออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีพระบาทของเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ก้าวเข้ามา ทรงทอดพระเนตรพระชายาก่อนจะถอน

ลมหายใจ เจ้าชายอินทัชจึงขยับองค์หลีกทางให้เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์


               “ปะวะหล่ำ”


               ถึงอย่างไรก็ได้ชื่อว่าพระชายาแม้ทุกสิ่งที่ทำจะสร้างความเจ็บช้ำให้มากมายนักก็ตาม

               เสนาบดีฝ่ายยุติธรรมก้าวตามเข้ามาหยุดยืนด้านข้างและเปิดพระราชโองการอ่านความผิดของเจ้านางปะวะหล่ำที่ทรงประทับ

นิ่งฟังด้วยความสงบ


               “...ความผิดทั้งหมดหากเป็นสามัญชนจะต้องได้รับโทษประหารชีวิตตัดคอเสียบประจานเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป แต่

ด้วยเพระดำรงตำแหน่งเจ้านางแห่งแคว้นและเป็นพระมารดาของพระราชโอรสทั้งสอง เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ศตรัศมิ์จึงพระราชทานยาพิษ

ให้เสวยเสียแต่ในคุกเพื่อไม่ต้องรับความอับอาย”


               นางแก้วกุดั่นร้องไห้โฮ พลางเข้าไปกอดพระบาทไว้แน่น เจ้านางปะวะหล่ำเชิดพักตร์ด้วยขัตติยะนารี


               “หยุดร้องได้แล้วนางแก้ว ทรงประทานยาพิษให้ข้ามิใช่ให้เจ้า”


               ประตูลูกกรงเหล็กเปิดออก นายทหารนำแก้วยาพิษเข้ามาถวายให้เบื้องหน้า เจ้านางปะวะหล่ำถอนลมหายใจออกมา

พระเนตรที่เคยงดงามบัดนี้ดูอับเฉาร่วงโรยขณะสบพระเนตรกับเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์


               “หม่อมฉันขอประทานอโหสิกรรมเพคะ”


               เป็นครั้งแรกที่เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงมองพระชายาด้วยความสงสารเห็นใจ


               “ข้าอโหสิกรรมให้เจ้า ปะวะหล่ำ


               เจ้านางปะวะหล่ำทรงรับรู้คำนั้นก่อนจะก้มลงกราบที่พระบาทของเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์


               “ฝากลูกด้วยนะเพคะ”


               “พระมารดา!”


               เจ้าชายอินทัชกันแสงจนแทบหมดแรง อัคคีได้แต่โอบกอดวรกายสั่นเทานั้นไว้เมื่อเจ้านางปะวะหล่ำรับถ้วยยาพิษมาเสวยเข้า

พระโอษฐ์และหลับพระเนตรลงตาม เพียงแค่อึดใจก็ทรงล้มลงแน่นิ่งไปกับพื้น


               “หม่อมฉันขอตามไปรับใช้เจ้านางนะเพคะ”


               นางแก้วกุดั่นข้ารับใช้ตั้งแต่เหมราชคว้าถ้วยยาพิษที่ยังมียาหลงเหลือมาเทพรวดเข้าปาก ไม่นานนักก็ล้มพับเคียงข้างเจ้านาย

ของตน เจ้าชายอินทัชทรงผวาเข้าไปกอดพระศพพระมารดาด้วยความอาลัย


               “จบสิ้นกันเสียทีเรื่องเลวร้ายทั้งหมด”


               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงรำพันด้วยความสลด







               จบเรื่องลงแล้ว เจ้าฟ้าอาทิตวงศ์จึงมีกระแสรับสั่งให้เชิญโจรป่าสมิงและโกมุทมาเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ สมิงนึก

กระดากอยู่ไม่น้อยเพราะเขาไม่เคยพบกับคนใหญ่คนโต จนโกมุทต้องเอ่ยให้กำลังใจ


               “ทำตัวตามสบายนั่นแหละสมิง ไม่ต้องฝืนหรอก”


               “จะดีรึพ่อบัว นั่นน่ะกษัตริย์เชียวนะ”


               “เชื่อข้าเถิดน่า”


               เสียงพูดคุยเงียบลงเมื่อบานประตูเปิดออก เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงก้าวพระบาทเข้ามาหยุดยืนและทอดพระเนตรทั้งคู่โดย

เฉพาะโกมุท แต่ก็ต้องตัดใจหันมาสบตากับสมิง


               “ในนามของรัตนปุระนคร ข้าต้องขอบใจเจ้ามาก”


               “ไม่เป็นไร เอ่อ พะย่ะค่ะ ข้า เอ๊ย หม่อมฉันแม้จะเป็นโจรแต่ก็รักแผ่นดิน”


               “พูดกับข้าเช่นธรรมดาที่เจ้าพูดเถอะ ถือเสียว่าเป็นสหายกัน”


               “หา เป็นสหายกับเจ้า ขี้กลากจะกินหัวไอ้สมิงเอานะพะย่ะค่ะ”


               สมิงตาเหลือกจนเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์แย้มสรวลออกมาได้


               “ฝีมือการต่อสู้ของเจ้าดีมาก มิน่าถึงได้สอนอัคคีจนเชี่ยวชาญ ข้าขอเสนอให้เจ้าเลิกเป็นโจรและมาเป็นครูฝึกวิชาการต่อสู้ให้

ทหารเจ้าจะสนใจไหม”


               สมิงนิ่งคิด ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากเป็นโจร แต่เพราะชีวิตที่เคยตกระกำลำบากทำให้สมิงไม่มีทางเลือก หากตอนนี้มีทาง

เลือกมาอยู่ตรงหน้าแล้ว อยู่ที่เขาเองจะเลือกหรือไม่


               “ค่อยๆคิดก็ได้สมิง ข้าไม่เร่งรัดคำตอบ และอีกอย่างหนึ่งที่ต้องขอบใจคือที่เจ้าช่วยดูแลท่านน้าและลูกชายของเราเป็นอย่าง

ดี”


               “ท่านน้า! หมายถึงพ่อบัวงั้นหรือ”


               สมิงตกใจเมื่อรู้ว่าโกมุทมีศักดิ์เป็นถึงน้าของกษัตริย์ พอจะเดาเรื่องราวได้อยู่ว่าโกมุทมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในพระราชวังแต่เขา

ไม่นึกว่าจะเป็นถึงพระมาตุลา


               “ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกเจ้านะสมิง เรื่องทุกอย่างมันเป็นความลับที่ข้าบอกใครไม่ได้”


               “เช่นนั้นอย่าบอกนะว่าเจ้าอัคคีน่ะ คือลูกของ...”


               ตกใจเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อลูกบุญธรรมที่เลี้ยงราวกับลูกในไส้แท้จริงแล้วเป็นถึงพระราชโอรส สมิงมึนงงจนต้องยกมือตบ

หน้าผากดังป้าบ


               “เก็บไปไตร่ตรองเรื่องที่ข้าเสนอด้วยนะสมิง แต่ตอนนี้ข้าขอเวลาอยู่กับท่านน้าสักครู่เถอะ”


               สมิงพยักหน้ารับก่อนจะก้าวเดินไปยังประตู แต่ก่อนที่จะก้าวเท้าออกไป พลันได้ยินเสียงที่โกมุทเรียกเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์แม้

จะเพียงแผ่วเบาก็ตาม


               “อาทิตย์”


               อาทิตย์เช่นนั้นหรือ เจ้าของนามที่หลุดออกจากปากโกมุทยามลืมตัวนั้นคือเจ้าฟ้าพระองค์นี้เองหรือ คนที่กุมหัวใจของโกมุท

จนยากที่โจรป่าอย่างสมิงจะเข้าไปแทรกได้


               หรุบตาลงแล้วก้าวออกจากห้องไปอย่างเจียมตัวเจียมใจกับศึกรักที่ไม่มีทางสู้



มีต่ออีกนิด...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2016 10:32:54 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันตรงนี้




              “โกมุท ข้าดีใจเหลือเกินที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่”


               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงดึงกายที่โหยหาเข้ามากอดแนบแน่น โกมุทขืนตัวอยู่พักหนึ่งจึงค่อยโอนอ่อนไปกับอ้อมกอดนั้น


               “อยู่อย่างไร้หัวใจและเต็มไปด้วยความแค้นก็เหมือนตายทั้งเป็นพะย่ะค่ะ”


               ตอบกลับเสียงขื่นกับชีวิตตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงคลายอ้อมกอดพลางเชยคางของโกมุทเพื่อทอด

พระเนตรชัดๆ


               “เจ้าสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง”


               “แลกกับชีวิตที่เกือบตายเพราะตกเหว”


               “ดวงตาที่เสียไปไม่ได้ทำให้ข้ารักเจ้าน้อยลงเลยโกมุท ข้าขอโทษที่ดูแลเจ้าไม่ดี”


               โกมุทถอนหายใจ เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายและไฟแค้นหายไปจากหัวใจ โกมุทก็เข้าใจดีว่าเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์เองก็เป็น

เหยื่อของเรื่องทั้งหมดเช่นกัน


               “อย่าโทษองค์เองอีกเลยพะย่ะค่ะ เราต่างก็บอบช้ำกันมากเกินพอแล้ว”


               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงพิจารณาโกมุท รูปร่างที่เคยบอบบางดูแข็งแรงขึ้น มือที่เคยนุ่มก็สากเพราะทำงาน ผิวขาวคล้ำลง

เพราะไอแดด


               “โจรสมิงดูแลเจ้าดีอยู่ใช่ไหม”


               เดาจากสายตาที่สมิงมองโกมุทแล้ว เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์เข้าพระทัยถึงความลึกซึ้งในความสัมพันธ์ สีหน้าของโกมุทเปลี่ยนไป

แวบหนึ่งเหมือนละอายที่จะยอมรับ


               “สมิงดูแลหม่อมฉันและอัคคีเป็นอย่างดี ดีมากจน....”


               “เจ้าไม่ต้องกระอักกระอ่วนที่จะบอกข้าหรอกโกมุท ข้าเข้าใจดีว่าเจ้ากับสมิงคงจะผ่านเรื่องต่างๆมาด้วยกันมากมาย”


               พระเนตรเจ็บปวดยามมองคนที่อยู่ในพระทัยมาตลอดจนโกมุทรู้สึกเจ็บตามไปด้วย


               “อาทิตย์ หม่อมฉันขอโทษที่มีคนอื่นนอกจากพระองค์ ทั้งที่เคยสัญญาไว้ว่าจะมีพระองค์เพียงผู้เดียว”


               “อย่าพูดเช่นนั้น แค่เจ้ามีชีวิตอยู่ข้าก็ดีใจมากเหลือเกินแล้ว และเมื่อรู้ว่าเขาดูแลเจ้าดีข้าก็สบายใจ”


               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์แนบโอษฐ์ลงไปแผ่วเบาบนริมฝีปากที่โหยหา


               “ถ้าเจ้าจะเลือกเขาเป็นคู่ชีวิตข้าก็ยินดีแม้ว่าจะเจ็บปวดก็ไม่เป็นไร ขอให้เจ้ามีความสุขก็พอแล้ว”
               


               TBC

           อีกสักแป๊บบบบ จะมาลงตอนจบให้ต่อเนื่องกันไปเลย
               o18 o18

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                         บัลลังก์รักใต้เงาแค้น

                                                               บทที่  30


              โกมุทเดินออกมาจากห้องเข้าเฝ้าฯมาสู่ห้องรอเฝ้าฯด้านนอกจึงเห็นสมิงยืนคอตกรอยู่


               “สมิง”


               เอ่ยเรียกเสียงนุ่มพลางวางมือแตะต้นแขนสมิงที่หน้าเศร้า โกมุทมองอย่างสงสัย


               “เป็นอะไรสมิงถึงได้ทำหน้าเหมือนกลืนยาขมเช่นนี้”


               สมิงมองพ่อบัวของเขาที่เพิ่งรู้ว่าแท้จริงมีนามว่าโกมุทด้วยความน้อยใจ


               “ข้าแค่รู้สึกไม่คู่ควรที่จะยืนอยู่ตรงนี้ในวังใหญ่โต และยิ่งรู้สึกว่าต่ำต้อยยามที่มองเจ้า พ่อบัว เจ้าช่างสูงส่งเหลือเกิน”


               “สูงเช่นไรก็ไม่สูงเท่าความดีหรอก เจ้าจะน้อยเนื้อต่ำใจทำไมในเมื่อความดีที่เจ้าทำมามันสูงส่งกว่าข้าเสียอีก”


               คำปลอบนั้นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของสมิงดีขึ้น เขาเงยหน้าสบตากับโกมุทและเอ่ยคำถามที่ยังคาใจออกมา


               “เขาคือคนนั้นใช่ไหม คนที่อยู่ในใจของพ่อบัวมาตลอด คนที่พ่อบัวไม่เคยลืมเลือนแม้ว่าข้าจะทำดีแค่ไหนก็ตาม”


               โกมุทนิ่งงัน เขาทอดสายตาไปยังหลังบานทวารที่เพิ่งจะก้าวออกมา หัวใจของโกมุทโกหกไม่ได้ว่ามันคือเรื่องจริง


               “ใช่สมิง เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์เป็นทั้งหลานและเป็นคนรักของข้า เขาเป็นรักแรกที่ข้ารักและเทิดทูนด้วยใจภักดี แต่ข้าก็รักเจ้า

เช่นกัน”


               โกมุทหันใบหน้ากลับมาหาสมิงและเผยความในใจที่ไม่เคยบอกสมิงมาก่อน


               “ความดีและความอดทนของเจ้าเอาชนะใจข้าได้”


               “อย่าพูดเพราะสงสารข้าเลยพ่อบัว อีกอย่างข้าเองก็รู้ตัวดีว่ามาทีหลัง หากพ่อบัวต้องการจะกลับไปหาเจ้าฟ้าข้าก็คงไม่มีสิทธิ์

ห้าม”


               สมิงยังอดที่จะน้อยใจไม่ได้ คิดเปรียบเทียบว่าโจรป่าเช่นเขาจะมีสิ่งใดไปสู้กับเจ้าฟ้าผู้ครองแว่นแคว้น ท่าทางของสมิงทำให้

โกมุทเริ่มจะหมั่นไส้ โกมุทจึงตอบโต้ด้วยเสียงอันดังขึ้น


               “ตลอดเวลาเกือบยี่สิบปีที่อยู่ด้วยกัน เจ้าก็คะยั้นคะยอถามข้าเสียเหลือเกินว่ารักเจ้าบ้างไหม วันนี้ข้าตอบแล้วว่ารัก เจ้ากลับ

ไม่เชื่อ ทำไมหรือสมิง มันเป็นความผิดของข้าใช่ไหมที่หัวใจข้านั้นมีรักถึงสองคนจะตัดใครไปก็ไม่ได้”


               “เกิดอะไรขึ้น”


               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ที่ยังประทับอยู่ด้านในถึงกับเสด็จออกมาเมื่อได้ยินเสียงดังของโกมุท เห็นใบหน้านั้นงอง้ำเหมือนคนไม่ได้

ดังใจในขณะที่สมิงได้แต่ยิ้มเจื่อน ส่วนโกมุทเมื่อเห็นพระพักตร์ของเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์เขาก็ยิ่งโมโห


               “ผัวเจ้าก็ไล่ให้ไปอยู่กับผัวโจร ส่วนผัวโจรก็จะส่งคืนให้ไปอยู่กับผัวเจ้า”


               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ได้ฟังแล้วกลับวางพักตร์ไม่ถูก ทรงหันไปหาสมิงที่ได้แต่กระพริบตาปริบๆที่เห็นโกมุทอารมณ์เสีย


               “ดีล่ะ ถ้าไม่มีใครเอา ข้าจะไปโกนผมบวชเสียให้รู้แล้วรู้รอด”


               “โกมุท!”


               “พ่อบัว!”


               ทั้งเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์และสมิงไม่มีใครกล้าห้ามเมื่อโกมุทสะบัดหน้าเดินจากไป ทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันและถอนหายใจออกมา


               “ท่านบอกกับพ่อบัวว่ากระไรพะย่ะค่ะ” สมิงทูลถามเสียงแห้ง


               “ข้าบอกโกมุทว่า หากเขาจะเลือกเจ้าข้าก็ยินดีเพราะเจ้าทำดีกับโกมุทมาตลอด แล้วเจ้าล่ะ” เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงถามกลับ

บ้าง


               “ข้าบอกพ่อบัวว่าถ้าจะกลับไปหาท่านก็ได้ เพราะท่านมาก่อน”


               “กรรม” เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ถึงกับส่ายพักตร์       


               “สมิง ข้าคิดว่าเราต้องตกลงกัน” ตรัสอย่างตัดสินพระทัยได้แล้วจึงได้เอ่ยข้อเสนอออกมา


               “ข้ามาก่อนก็จริง แต่เจ้าก็ช่วยชีวิตโกมุทไว้ ที่สำคัญคือเราทั้งคู่ต่างก็รักโกมุทและโกมุทคงจะไม่กล้าเลือกใครแน่นอน สมิง

ถ้าเป็นเช่นนั้นเราจะยอมให้โกมุทมีเราทั้งคู่อยู่พร้อมกันได้หรือไม่”


               “ท่านหมายความว่า อยู่ด้วยกันสามคนผัวเมีย”


               สมิงตาเหลือก เขาไม่นึกว่าเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์จะเสนอทางเลือกนี้ แต่สมิงเองก็นึกทางอื่นไม่ออก ใจจริงแล้วเขารักโกมุทมาก

จนไม่อาจตัดใจเช่นกัน


               “ข้าเองก็นิยมฝีมือและน้ำใจของเจ้าอยู่ไม่น้อย หากเราจะเป็นสหายกันและช่วยกันทำให้โกมุทมีความสุขเจ้าเจ้าคิดเช่นไร”


               มีสิ่งใดที่ต้องคิดอีก แค่ขอให้ได้อยู่ใกล้โกมุทสมิงก็เป็นสุขใจแล้ว


               “ข้านั้นไม่มีปัญหาใดให้ต้องปฏิเสธ ผู้ที่จะมีปัญหาคือพ่อบัวต่างหาก”


               จริงดังที่สมิงกล่าว ดังนั้นทั้งคู่จึงไปหาคนกลางที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ในอุทยาน เมื่ออยู่ต่อหน้าโกมุท บุรุษที่แสนอาจหาญอย่างเจ้า

ฟ้าอาทิตยวงศ์และสมิงกลับไม่กล้าเอ่ยความ ได้แต่เกี่ยงกันด้วยสายตา


               “มีอะไรกันอีก มาพร้อมกันแบบนี้หรือคิดจะขับไสข้าไปที่อื่น”


               “ท่านน้า” เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์เป็นผู้กล้าก้าวเข้าไปหาและประทับขนาบข้างโกมุทไว้


               “ข้ากับสมิงมาขอโทษที่พูดจาทำให้ท่านน้าเข้าใจผิด แต่มันเป็นเพราะเราทั้งคู่ต่างก็รักท่านน้ามาก ได้โปรดเข้าใจพวกเรา

ด้วย และตอนนี้เรามีขอเสนอ”


               “ข้อเสนอ?”


               โกมุทมองพักตรของเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์และสมิงสลับกันด้วยความสงสัย เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงพยักเพยิดให้สมิงเป็นคน

กล่าว สมิงจึงก้าวมานั่งอีกด้านของโกมุทและยิ้มจืดนำทาง


               “เอ่อ พ่อบัว คือข้ากับท่านเจ้าเราตกลงกันได้แล้วว่า ในเมื่อเราก็รักพ่อบัวและพ่อบัวก็รักเราเหมือนๆกัน ก็ไม่เห็นต้องมีใคร

เสียสละเลย พวกเราก็อยู่ด้วยกันทั้งสามคนเช่นนี้ก็ได้จะได้ไม่ต้องมีคนเสียใจ ทีนี้ก็แล้วแต่พ่อบัวแล้วว่าจะคิดเห็นประการใดก็สุดแล้วแต่

พ่อบัวตัดสินใจเถอะ”


               โกมุทนิ่งงัน ไม่อยากจะเชื่อว่าสามีทั้งสองคนจะสมานฉันท์กันได้ ทั้งที่ทั้งคู่ต่างชั้นวรรณะและไม่มีอะไรเหมือนกันสักนิด จะมี

ก็เพียงความรักที่มีให้เขา แค่เพียงสิ่งเดียวที่ยกให้โกมุทเป็นคนสำคัญที่สุด


               “ตกลงกันได้จริงๆงั้นรึ”


              อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามให้แน่ใจพลางหันไปมองพักตร์เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์กับสมิงสลับกัน ทั้งคู่รีบพยักหน้ารับ โกมุทกรอกตาไป

มา


               “ถ้าใครรู้เข้า เขาจะคิดว่าข้านี้เป็นคนมากรักหรือเปล่า”


              “ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเราหรอก”


              เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ประทานกำลังใจ ทรงกุมมือโกมุทไว้แน่นหนาราวกับไม่ต้องการให้โกมุทหนีไปไหนอีกแล้ว


             “ใช่แล้วพ่อบัว ยามเราลำบากก็ไม่เห็นมีผู้ใดสอดมือมาช่วยเหลือ ยามเรามีความสุขก็ไม่เห็นต้องสนใจอ้ายอีหน้าไหนทั้งสิ้น”


               สมิงช่วยเสริมให้โกมุทมั่นใจมากขึ้น คนกลางเช่นโกมุทเม้มปากใคร่ครวญพักใหญ่กว่าจะตัดสินใจได้ ในเมื่อความรักของเขา

มีให้ทั้งคู่โดยไม่อาจตัดใครออกไปจากชีวิต หนทางนี้อาจจจะดีที่สุด


                “ก็ได้ ข้ายอมรับข้อเสนอ”


                คำตอบของโกมุททำให้เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์และสมิงพากันยิ้มกว้าง และแย่งกันกอดรัดคนกลางจนเกือบหายใจไม่ออก โกมุท

ได้แต่ยิ้มขำและปล่อยให้สามีทั้งสองแสดงความรักโดยไม่ขัดขวาง




มีต่ออีกนิด...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2016 11:10:01 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
อ่านตอนจบที่นี่...


               เมื่อผ่านพ้นสงครามกับอุดรรังษีบ้านเมืองก็กลับคืนสู่ความสงบ อุดรรังษีกลายเป็นประเทศราชของรัตนปุระนครเพราะแพ้

สงคราม เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงมีรับสั่งให้อุดรรังษีหาผู้เหมาะสมเพื่อดำรงตำแหน่งเจ้าฟ้าโดยไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ หลังจากนั้นรัตน

ปุระนครจึงจัดงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่เพื่อแต่งตั้งเจ้าชายรัชทายาทอีกหนึ่งองค์

               เสียงปี่กลองประโคมดังตามหลักราชประเพณี วันนี้อัคคีโกนหนวดเครารกรุงรังทิ้งไปเผยใบหน้าคมหล่อเหลาและสง่าผ่าเผย

ในชุดแต่งองค์ทรงยศครบครัน เขาก้าวเข้าไปหาและคุกเข่าลงเบื้องหน้าพระพักตร์เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ศตรัศมิ์ที่ประทับบนพระราชอาสน์

บัลลังก์แห่งกษัตริย์ของรัตนปุระนครพร้อมกับการขานพระนามใหม่จากผู้ดำเนินพิธีการ


                 “พระบรมราชโองการโปรดเกล้าพระนามแด่เจ้าชายรัชทายาท ให้ขานพระนามว่า เจ้าชายอัคคีคุณาธิป ขอให้พระองค์ทรง

พระเจริญ”


                ชาวประชาโห่ร้องแซ่ซ้องสรรเสริญ สมณะและพราหมณ์อวยชัยในพิธีเมื่อเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงพระราชทานพระสุพรรณบัฎ

แผ่นทองคำจารึกพระนามของเจ้าชายอัคคีคุณาธิปให้แด่เจ้าตัว อัคคีโค้งคำนับก่อนที่เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์จะดึงเขาเข้ามากอด


                 “ทรงพระหล่อมากนะเจ้าชายอัคคี”


                  ฟ้าฟื้นเพื่อนสนิทมาร่วมงานเฉลิมฉลองพร้อมกับคุณหญิงเพทาย ฟ้าฟื้นรับพ่อกับแม่ของเขามาอยู่ด้วยเมื่อหุบผากาฬไม่มี

โจรอีกต่อไปแล้ว และตอนนี้ฟ้าฟื้นกำลังตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพื่อที่จะเป็นนายทหารอย่างที่เขาต้องการ


                “พูดมากน่ะ หล่ออะไรกัน”


              อัคคีบ่นเบาๆเพราะเขายังไม่คุ้นกับเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราเช่นนี้ ความอึดอัดทำให้อัคคีรีบถอดชุดออกทันทีเมื่องานพิธีเสร็จสิ้น

ลงและกลับเข้ามาสู่ห้องของเจ้าชายอินทัช


                  “หม่อมฉันอยากอยู่กับอินทัช”


                   เขาเสนอความต้องการนี้เมื่อเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ประทานห้องในวังหลวงให้อยู่เป็นส่วนตัว อัคคีปฏิเสธเพราะเขาต้องการ

ใกล้ชิดฝาแฝดของเขา พระบิดาก็ไม่ได้ขัดข้อง


                  “อ้าว ทำไมรีบถอดชุดล่ะอัคคี”


                 เจ้าชายอินทัชตรัสถามเมื่อตามเข้ามาในห้องพระบรรทมแล้วเห็นอัคคีถอดเครื่องทรงออกไปแล้ว


               “ร้อน อึดอัด ข้าอยากกลับไปใส่ชุดทหารมากกว่า”


               “ตอนนี้เจ้าเป็นเจ้าชายแล้ว ใส่บ่อยๆเดี๋ยวก็ชินไปเองนะเจ้าชายอัคคีคุณาธิป”


                ทรงล้อเลียนคู่แฝดจนถูกดึงไปกอด อัคคีฝังจมูกลงไปบนแก้มเนียนเพื่อสูดดมความหอมจนชื่นใจ


              “จะเป็นโจรป่าหรือเป็นเจ้าชาย อัคคีคนนี้ก็รักเจ้าคนเดียวนะอินทัช”


              “ทำเป็นปากหวาน เป็นเจ้าชายแล้วเดี๋ยวก็มีแม่พวกสาวๆมาปรนนิบัติ คร้านจะลืมเรา”


              เจ้าชายอินทัชกระเง้ากระงอดพลางผลักหน้าอัคคีแต่ก็ยิ่งถูกกอดจนดิ้นไม่หลุด


              “แหวกหัวใจข้าสิอินทัช แล้วจะรู้ว่าในใจข้านั้นมีแต่เจ้า”


              “ปากหวานไปละ ระวังมดจะขึ้นปากเจ้า”


                เจ้าชายอินทัชสรวลกลบเกลื่อนความขัดเขิน แต่คำหวานนั้นก็ทำให้ชื่นพระทัยไม่น้อย


               “ข้าดีใจที่เราได้อยู่ด้วยกัน เราเกิดมาพร้อมกันก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไป”


                อัคคีทอดสายตามองพักตร์งามของเจ้าชายอินทัชก่อนจะพรมจูบลงไปบนโอษฐ์นุ่มที่ตอบรับอย่างเต็มใจ อัคคีถอดอาภรณ์

ของเจ้าชายอินทัชด้วยความยากลำบากจนชักจะหงุดหงิด


                “นี่แหละข้าถึงไม่ชอบชุดพวกนี้ มันทำให้ข้ากอดเจ้าได้ช้าลง”


              “ใจเย็นสิอัคคี ข้าถอดเองก็ได้”


              ส่ายพักตร์อย่างระอากับแฝดที่แสนจะใจร้อน เจ้าชายอินทัชถอดเครื่องทรงอย่างชำนาญจนในที่สุดวรกายเปลือยเปล่าก็ถูก

อัคคีครอบครอง


                “คิดถึงร่างกายของเจ้าเหลือเกิน ตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้ก็ด้วย”


                 เพราะเหตุการณ์วุ่นวายทำให้ห่างหายจากบทรัก บัดนี้อัคคีจึงตักตวงความหวานจากเจ้าชายอินทัชทดแทน เขาพรมจูบไป

ทั้งตัวอย่างโหยหา มือไม้ป่ายเปะปะจนเจ้าชายอินทัชร้อนรุ่มไปทั้งตัว


                  “อา อัคคี เราก็คิดถึงเจ้า”


                  เจ้าชายอินทัชทอดพระเนตรอัคคีด้วยประกายพร่างพราวราวกับจะเชิญชวนให้ยิ่งลุ่มหลง อัคคีเลื่อนกายลงอยู่ตรงกลาง

ระหว่างพระโสณีหนั่นแน่นที่พร้อมรอให้เขาได้แทรกเข้าไปด้วยความเป็นชาย สัมผัสเบียดชิดพาให้วาบหวามจนต้องครางระงมยามที่

จังหวะรักเร่งไฟแห่งเสน่หา


                  “อินทัช เจ้ากำลังจะฆ่าข้า”


                   เงยหน้าเป่าปากเมื่อช่องทางแห่งสวรรค์บีบคั้นจนแทบทนไม่ไหว อัคคีดันพระอูรุ(ท่อนขา)ขาวเนียนยกสูงขณะที่เขาขับ

เคลื่อนเน้นย้ำจุดอ่อนไหวที่คุ้นเคย เจ้าชายอินทัชปรือเนตรฉ่ำหวาน ปรางแดงชื้นไปด้วยเสโทและหอบหนัก เสียงครางสุขสมระงมไม่

หยุดหย่อน


               “ซ้าย ซ้ายอีกนิด อัคคี อื้อ...”


               เกร็งวรกายเข้าหา โอษฐ์งามเม้มแน่นพลางกลั้นลมหายใจเมื่อพุ่งกายเข้าหาแดนสวรรค์ อัคคีกลืนน้ำลายเหนียวหนับเมื่อ

ความแข็งขันถูกรัดรึงรอบทิศ เขาตั้งขาขึ้นและขยับรัวจนปวดท้องน้อย และเพียงอึดใจเขาก็ได้ล่องลอยตามเจ้าชายอินทัชไปติดๆ กาย

เปียกชื้นเหนียวหนับกอดก่ายกันแน่นไม่ยอมปล่อย


                 “อินทัช ขอบใจนะที่เจ้าเกิดมาเพื่อข้า”


                 เจ้าชายอินทัชยิ้มหวานก่อนจะเป็นฝ่ายดึงใบหน้าคมของอัคคีมาจูบแล้วซุกกายอยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่นนั้น


                 “เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเจ้า อัคคี แต่เราทั้งคู่เกิดมาเพื่อกันและกัน”


                 สายสัมพันธ์ที่ไม่อาจตัดขาดเมื่อมีชีวิตพร้อมกัน เกิดมาพร้อมกัน อัคคีและอินทัชจะอยู่กันไปเช่นนี้จนกว่าวันสุดท้ายของ

ชีวิตจะมาถึง


                                     สบตาแทนคำสัญญาก่อนที่บทรักครั้งใหม่จะเริ่มต้นในราตรีที่ยาวนาน



                                           -------------------- จบแล้วจ้า---------------------------
               

Belove’s Talk

                เย้ๆ แต่งจบแล้ว ><

               บัลลังก์รักใต้เงาแค้น ออนแอร์ครั้งแรก 13/7/58

               และจบลงในวันที่ 20/8/59

               หนึ่งปีกับอีกหนึ่งเดือนที่คนแต่งผ่านอะไรกับเรื่องนี้ และได้รับอะไรหลายๆอย่างก็จากเรื่องนี้

               ที่เยอะสุดก็คงจะเป็นเรื่องบังคับใจตัวเองให้ก้าวผ่านความนอยด์ไปให้ได้

               บัลลังก์รักใต้เงาแค้น ไม่ใช่นิยายแนวตลาด คนอ่านมีไม่มาก หรือมีมากก็ไม่รู้เพราะยอดเม้นท์ก็มีไม่มาก ยอดบวกเป็ดก็ไม่สูง

ทำให้คนแต่งเองก็เดาทางไม่ถูกว่าผลตอบรับจะเป็นอย่างไร นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นอยด์ แต่ก็ก้าวผ่านมาเพราะบอกตัวเองว่า เรา

แต่งนิยายที่เรารักไม่ใช่เหรอ มันเป็นจินตนาการของเรา มันเป็นผลงานของเรา ใครไม่ชอบก็ช่างแค่มีคนอ่านสักคนสองคนก็ดีแล้ว เราถึง

ได้ผ่านมันมาได้

               อีกเรื่องคือความยากของภาษา แต่งไปก็ต้องตรวจเช็คภาษาคำราชาศัพท์ ท่อนไหนควรใช้ ท่อนไหนใช้คำสามัญได้ ซึ่งก็

ทำให้แต่ละบทที่ออกมาช้ากว่านิยายเรื่องอื่นมาก แต่เราก็ดีใจนะที่ทำได้

               และอีกเรื่องคือความหื่น เลิฟซีนเยอะไปไหม ถามใจเธอดู แต่งไปนี่ก็เลือดพุ่งไปจนจะไม่มีสำนักพิมพ์ไหนกล้ารับไปพิมพ์

แล้ว หน้าปกคงต้องติดเรท 30+++

               อ่านจบมาถึงตรงนี้ อยากจะบอกอะไรกับคนแต่งก็บอกได้เลยนะคะ นี่ก็มือสมัครเล่น เวลามีใครแนะนำอะไรก็จะเก็บไป

ปรับปรุงในเรื่องต่อๆไป และขอบคุณมากที่ติดตามมาพร้อมๆกัน ขอบคุณสำหรับแรงใจหลังไมค์ที่ทำให้คนแต่งกล้าจะแต่งต่อจนจบ

                จบจากเรื่องนี้ก็จะทุ่มเวลาให้ อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ ได้อย่างเต็มที่ และถ้าหาข้อมูล/พล็อตเรื่องพร้อมแล้ว เรื่องต่อไปก็

จะได้พบกับนิยายแนวทะเลทราย ซึ่งเป็นอีกแนวที่คนแต่งใฝ่ฝัน (แกใฝ่ฝันแต่เรื่องยากๆนะยะ
:katai5: ) ซึ่งตั้งชื่อล่วงหน้าไว้แล้วว่า

“ลมหายใจแห่งผืนทราย”


              ติดตามงาน Belove ตลอดไปนะคะ


                :man1: :man1: :man1: :man1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2016 11:19:46 โดย Belove »

ออฟไลน์ KnightDevil

  • Love is neither smile or cry.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮือ จบแล้ว
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้ได้อ่านกัน
แต่แอบสงสารฟ้าฟื้นฮือ พี่เพชรไม่น่าเลย(;_;
รอตอนหวานๆเผื่อมีของสามสามีภรรยารุ่นใหญ่นะค้า<3

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เย่เย่เย่ สนึกมากๆเยยจะติดตามตลอดปายย

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
เย้อยากได้ตอนพิเศษของพ่อสมิงพ่อบัวกะเจ้าฟ้าจังเลยค่า

อยากได้นะนะนะ

นี่ยังเศร้ามะหายที่เพชรกล้าตาย คนเขียนใจร้ายไม่สงสารฟ้าฟื้นเลยอ่า

รุสึกเฟลอ่านละหดหู่หลายเด้อ :hao5:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
จบดีจังค่ะ เราชอบที่ลงตัวกันทุกคู่และคี่. แค่แอบสงสารเพชรกล้ากับฟ้าฟื้น เป็นหม้ายตั้งแต่ยังหน่มเลยนะ
แอบเศร้าค่ะ ตามมาปีนึงเลยนะเนี่ย. ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
แอบเสียใจพี่เพชรไม่น่าตายเลย
ขอบคุณคนแต่งที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะคะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว~ ขอบคุณนะคะ
สนุกมากๆเลย ^^

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
อ่านตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนสุดท้าย ขอบคุณ  คุณbelove ที่แต่งนิยายดีๆอย่างนี้ และเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ lady_panko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เพชรไม่น่าตายเลยอะ เข้าใจว่ากาลศึกมันก็ต้องการการสูญเสียบ้าง แต่ก็ใจร้ายกะฟ้าฟื้นไปนะ ฮือออออ

ปล เห็นด้วยว่าขอรุ่นขุ่นพ่อด้วยเถิดดดดด เค้าจะสามผีกันประการใดยังไงนะ ฮี่ๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่ใช่ไม่ชอบนะค้า แต่ช่วงหลังๆ งานเยอะ จนแทบไม่มีเวลาเข้าบอร์ดเลยคร่า
ขนาดบางเรื่องยังไม่รู้ว่าจบแล้วด้วยซ้ำ
คนเขียนอย่าน้อยใจนะคร้า ติดตามทุกเรื่องคร่า :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 o22 เข้ามาอีกทีก็จบแล้ว  ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ  :pig4:

สารภาพว่าจำชื่อเรื่องไม่ได้ // หลบรองเท้าแป็บ

ไอ้ที่จำได้ก็ไม่ใช่ชื่อเรื่อง คือ พีเรียดเจ้าชายกับโจรป่า // หลบรองเท้าอีกที

เป็นที่มาที่ไปว่าทำไม นานๆ จะโผล่มาทีหนึ่ง // วิ่งหลบฉาก


ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
 :m4: ชอบๆๆ สนุกดีค่ะ


ติดตามเรื่องของคุณ Belove มาตลอด ตั้งแต่ร้ายซ่อนรักแล้วค่ะ อิอิ

ขอเป็นกำลังใจให้แต่งนิยายต่อไปเรื่อยๆนะคะ  :m1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2016 01:29:57 โดย OrangeCaramel »

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
ดีใจที่คู่พ่อจบแฮปปี้
แต่สงสารเพชรกล้ามากกกก ทำไมต้องตายยยย เสียใจอ่ะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
สงสารฟ้าฟื้นเพรรกล้าจัง
ดีใจที่พ่อบัวได้2เลย อิอิ
อัคคีได้อยู่กับอิชทัชตลอดเวลาล่ะคราวนี้คุ้มล่ะ อิอิ
จบแล้วอ่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด