[9]
PART 1
“ว้าวววว ฟีฟ่าของพี่แม็ค นอกจากกายจะงามแล้ว ยังมีเสน่ห์ปลายจวักมัดใจสามี แบบนี้ไอ้คีนเพื่อนรักก็ไปไหนไม่รอดอ่ะดิ” พี่แม็คว่าออกมาเมื่อกินข้าวต้มเข้าไปคำแรก ส่วนคนอื่นๆ ก็นั่งยิ้มกินข้าวต้มบ้าง ข้าวผัดบ้าง แล้วแต่ศรัทธา แน่นอนว่าฝีมือผม ส่วนไอ้คนที่ตกอยู่ในบทสนทนามันก็นั่งกินข้าวผัดอยู่ข้างๆ ผมนี่แหละ ไม่พูดไม่จาอะไร จ้วงข้าวเข้าปากอย่างเดียว แม่งมึงจะมีมารยาทไปถึงไหน กูก็เข้าใจอ่ะนะ ว่าสมบัติผู้ดีเขาสอนว่ากินอยู่ไม่ควรพูด กูก็เคยเรียน แค่ไม่เคยทำแค่นั้นเอง กร้ากกกกก (ป๋อล๋อ โรงเรียนที่คนเขียนเคยเรียนตอนมัธยมจะมีวิชานี้อยู่ด้วยนะคะ ‘วิชาสมบัติผู้ดี’ จะสอนตอน ม.ต้น เผื่อบางคนงง ว่าวิชานี้มันมีอยู่ในโลกด้วยหรอ อิอิ)
“ไปไม่รอดก็ไม่ต้องไปดิ เนอะ” ผมว่าก่อนจะหันไปยักคิ้วกับไอ้คีน ไอ้แฟนตัวดีของผมก็ไม่ตอบอะไร แค่ยักคิ้วกวนๆ ทีนึง แล้วตักข้าวเข้าปาก ห่า ไม่ให้ความร่วมมือเลยมึง
“อร่อยดีนะเว้ย แต่กูกินแล้วจะท้องเสียป่าววะ”
“กลัวท้องเสียก็ไม่ต้องกินดิพี่รีม ฟ่าแค่อุตส่าห์ตื่นก่อนพระอาทิตย์จะตื่นซะอีก เดินไปตลาดตั้งไกล ซื้อแถมหอบของตั้งมากมายกลับมาบ้าน ตั้งใจทำสุดฝีมือ ไปปลุกพวกพี่ๆ ให้ตื่นขึ้นมากิน ฟ่าไม่เหนื่อยสักนิด ไม่เป็นไรหรอกพี่รีม” ผมหน้างอพูด แบบหงอยๆ แต่ไม่ได้หงอยจริงหรอก การแสดงทั้งนั้น ฮิฮิ
“โอ๋ๆ ถ้าฟีฟ่าจะพูดขนาดนี้ พี่รีมคนนี้จะกินไม่ให้เหลือเลยจ๊ะ” คริคริ ตกหลุมพรางกูจนได้ หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งกินกันเฮฮา ผมก็แกะกุ้งให้ไอ้คีนบ้าง ให้ตัวเองบ้าง เหมือนเป็นความเคยชิน ถ้าคนไหนที่ผมรับเข้ามาในชีวิตแล้ว ผมจะดูแลเอาใจใส่เขาทุกอย่าง อาจจะดูเว่อร์ในสายตาบางคน แต่นั่นคือสิ่งที่ผมคิดว่าเราควรจะดูแลคนที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราให้ดีที่สุด แต่ผมไม่บอกมันหรอกนะ ไอ้คีนน่ะ เดี๋ยวมันเหลิง หึ
“พี่นอร์ท พี่โจ พี่โฟร์ท กินได้ใช่มั้ยครับ” ผมหันไปถามผู้อาวุโสของทริปบ้าง
“อร่อยมากครับ” พี่โฟร์ทตอบ พี่ๆ อีกสองคนก็พยักหน้ายิ้มๆ เห็นด้วย
“พี่รอน พี่โม พี่เซน โอเคมั้ยครับ” ผมยกมือทำท่าโอเคประกอบไปด้วย
“โอเคมากเลยฟ่า พี่ยังทำอาหารไม่เป็นเลย” พี่โมตอบกลับยิ้มๆ ผมยิ้มเขินให้พี่แกไปทีนึง รู้สึกตัวลอย ก่อนที่เสียงนรกจะฉุดผมให้ตกลงมาจากต้นยอ
“ไม่ต้องชมมันมาก ติดเพดานแล้ว” ไอ้คีน =__= แล้วเราก็นั่งกินไปเรื่อย เสียงดังเฮฮากันไป ไม่สนใจว่านี่คือบนโต๊ะอาหาร
“ทำไมซ่าไม่กินล่ะครับ ไม่ชอบหรอ” เสียงพี่แบงค์ที่ดังขึ้นมาหยุดความโกลาหลจากการกินของพวกเราทั้งโต๊ะ พี่โมที่(ฝืน)เฮฮาก็พลอยหยุดไปด้วย
“พี่แบงค์. . .” ซ่าทำหน้าแหยๆ เรียกพี่แบงค์เหมือนไม่ค่อยกล้า คนอื่นๆ ทั้งโต๊ะก็รอดูว่าเจ้าตัวจะพูดอะไร
“ว่าไงครับ” เสียงนุ่มฉิบหาย เฮ้อ. . .รุ่นพี่รุ่นน้องกันเขาพูดกันเสียงนุ่มขนาดนี้เลยหรอวะ กูหมั่นไส้
“คือ. . .ซ่า อาหารพวกนี้มัน. . .” ไอ้ซ่าพูด แถมยังปรายตามองอาหารที่ผมตั้งใจทำที่สุดอย่างกับขยะก็ไม่ปาน
หนอยยยยยยย กูจะไม่ทน“พูดมาเลย ไม่ชอบอาหารที่เราทำหรอ” ผมทนไม่ได้ก็เลยโพล่งถามออกไป ทำไม อาหารที่กูทำมันยังไง กระเดือกไม่ลงก็ไม่ต้องเสือกแดก ไอ้คีนที่คงเห็นว่าผมอารมณ์ขึ้นมันก็เลยดึงมือผมไปจับ แล้วลูบเบาๆ เป็นเชิงให้ใจเย็น ฮึ่ย กูคงใจเย็นอยู่ได้หรอกนะ อุตส่าห์ตื่นมาทำสุดฝีมือ เพราะอยากให้พี่ๆ เพื่อนๆ รวมถึงแฟนกินอาหารอร่อยๆ แล้วมามองของที่กูทำเหมือนขยะ ยังไงกูก็เคือง!!
“เปล่า แต่เราไม่ชอบอาหารทะเลน่ะ พวกกุ้งอะไรแบบนี้”
“แพ้?” ผมถาม เพราะถ้าแพ้กูหายเคืองก็ได้ แถมโปรโมชั่นขอโทษด้วยไข่เจียว แต่ถ้าไม่. . .
“ไม่ได้แพ้ แต่เราไม่ชอบก็เลยไม่อยากกิน ขอโทษนะ” ไอ้ซ่าบอกอย่างสำนึกผิด ที่ไม่รู้ว่าสำนึกจริงหรือตอแหล แต่เล่นเอาทั้งโต๊ะเงียบไปเลย
“หรอ นายไม่ผิดหรอก เราขอโทษล่ะกันที่เสือกทำอาหารที่นายไม่ชอบ ทีหลังก็จะไม่ทำแล้ว ตื่นมาก็ไปหากินที่ตัวเองชอบล่ะกัน ง่ายดี” ผมพูดอีกครั้ง หน้าผมคงไปแล้วตอนนี้ เพราะพี่ๆ คนอื่นๆ ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไอ้คิม ไอ้แม็กซ์ ไอ้มิกซ์ก็สะกิดผมให้ใจเย็น ไอ้คีนบีบมือผมแน่นกว่าเดิม นั่นทำให้ผมยังนั่งอยู่ที่เดิมได้ ถ้าไม่งั้น ผมคงลุกขึ้นยืนคุยให้รู้แล้วรู้รอด (ยืนคุยมันดูพร้อมมีเรื่องมากกว่านั่งคุยในความคิดของฟีฟ่า)
“งั้นนายก็ไปทำอาหารที่ตัวเองกินได้สิ เราคงไม่ลุกขึ้นไปทำให้หรอก” ผมบอก หลังจากสงบตัวเองสักพัก
“ไม่ได้หรอก. . .” พี่แบงค์พูดขึ้นมาทำให้ผมหันไปมองพี่แกทันที คนอื่นๆ ก็เหมือนกัน
“ซ่าทำอาหารไม่เป็น” พี่แบงค์พูดเสริมขึ้นมา พี่ๆ มองหน้าผมอย่างขอร้องเพราะที่มานี่นอกจากผมกับพี่แบงค์ ไอ้คีน แล้วก็คาดว่าไม่มีใครทำอาหารเป็นอีก ถ้าผมไม่ทำก็ต้องเป็นไอ้คีนไม่ก็พี่แบงค์ทำ แต่ยังไงผมก็ไม่ยอมให้แฟนผมไปทำอาหารให้คนอื่นกินเด็ดขาด แต่ถ้าพี่แบงค์ทำ มันก็คงจะทำร้ายจิตใจพี่โมน่าดู เง้ออออ ฟีฟ่าจนปัญญา เอาวะ กูทำให้ก็ได้!!
“พี่แบงค์ทำให้ซ่าหน่อยนะฮะ น้านะ นะๆๆๆ” แต่ไม่ทันที่ผมจะอาสา ไอ้ซ่าก็หันไปจับแขนแล้วเขย่าๆ อ้อนพี่แบงค์อย่างน่ารัก (ในสายตาคนอื่น แต่ในสายตาผมมันแลดูสตอเบอร์แหล แอๆๆๆๆๆ สตรอเบอร์รี่ อี้ๆๆๆๆๆ >>>กรุณาทำทำนองเหมือนเพลงของจ๊ะ)
“ครับ เดี๋ยวพี่ไปทำให้” พี่แบงค์พูด ไอ้ซ่ายิ้มออกทันที ขณะที่พี่ๆ คนอื่นๆ ก็โล่งใจกลับมากินข้าวกันต่อ และทุกอย่างมันคงจะไม่มีอะไรถ้าผมไม่แอบเห็นว่าไอ้ซ่ามันหันมายกยิ้มมุมปากอย่างเหยียดๆ ให้พี่โม ทำเอาผมลุกขึ้นจะไปกระชากมันให้รู้แล้วรู้รอด ติดที่ว่าไอ้คีนตะครุบไว้ก่อน พี่โมก็ไม่ทำอะไรสักอย่าง นั่งเงียบอยู่ได้ ขัดใจๆๆๆๆ
“ไม่เอา” มันปราม
“มึงดูมันทำดิ” ผมกระซิบบอก เพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศมากไปกว่านี้
“ช่างมัน ให้พวกมันจัดการกันเอง” มันกระซิบกลับมาพร้อมลอบมือผมให้ใจเย็นไปด้วย ผมเลยได้แต่ฮึดฮัด กระแทกเข้าต้มเข้าปาก
“กินดีๆ เดี๋ยวก็เจ็บปาก” ไอ้คีนพูดขึ้นมาอีก ผมเลยกินดีๆ ไม่กระแทกเหมือนตอนแรก แต่ใจกูนี่อยากกระโดดไปตบไอ้ตัวตอแหลมันให้น่วม
>>>>><<<<<
“ก็มึงดูมันทำจะให้กูใจเย็นได้ไง ถ้ามันไม่ยิ้มเยาะเย้ยพี่โมกูจะไม่ว่าอะไรสักคำ” ผมนั่งกระแทกบนเตียง กอดอกฉับแล้วพูดอย่างโมโห ตอนนี้ผมกับไอ้คีนมาอยู่ในห้องกันสองคน เพราะพอกินข้าวเช้าเสร็จพวกเราก็มาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปดำน้ำกัน
“มันเรื่องของเขา” ไอ้คีนว่าเสียงเรียบ
“เรื่องของเขาๆๆ มึงก็พูดแบบนี้ตลอด มึงไม่ห่วงพี่โมบ้างหรอวะ” ผมพูดอย่างหาเรื่อง ก็เข้าใจว่าเราเป็นคนนอก ไม่ควรไปยุ่งเรื่องของพวกเขา ให้พวกเขาจัดการกันเอง แต่ในเมื่อเจอไอ้ตัวตอแหลแบบนี้ คนแบบพี่โมจัดการไม่ได้หรอก ผมมั่นใจ
“ไอ้โมเป็นเพื่อนกู กูก็ต้องห่วงอยู่แล้ว แต่ไอ้แบงค์นั่นก็เพื่อนกูเหมือนกัน” ไอ้คีนลงมานั่งข้างผม แล้วดึงผมไปกอดไว้ มือมันก็ลูบหลังผมให้ใจเย็น ก่อนจะพูดอธิบาย
“ฟ่า. . .ไอ้โมกับไอ้แบงค์มันเลิกกันแล้ว ไอ้แบงค์มันมีสิทธิ์จะคบคนใหม่ ไอ้โมเองก็มีสิทธิ์เหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราควรจะไปยุ่ง เราเป็นเพื่อนก็จริง แต่เรามีสิทธิ์แค่คอยดูอยู่ห่างๆ ปลอบใจและให้กำลังใจเมื่อมันเสียใจ คอยพยุงเมื่อมันล้ม ชี้แนะไม่ให้เดินทางผิด แต่เราไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งให้ทำหรือไม่ทำอะไร. . .เข้าใจมั้ย”“ก็ถ้าจะหาแฟนใหม่ก็หาที่มันดีกว่านี้ไม่ได้ไงวะ มึงก็เห็นนี่ตอนมันยิ้มเยาะพี่โม แบบนี้เขาก็เรียกว่าเดินทางผิด ทำไมมึงถึงไม่เตือนพี่แบงค์” ไอ้เข้าใจมันก็เข้าใจ แต่มันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี (อะไรของมึง)
“ก็ไม่ได้บอกว่าไม่เห็น แต่คนที่จะอยู่ข้างเราในฐานะคนรัก ใครๆ ก็อยากจะเลือกด้วยตัวเองทั้งนั้น ปล่อยให้พวกมันตัดสินใจกันเองนั่นแหละดีที่สุดแล้ว เชื่อกู” ไอ้คีนพูดจริงจังทั้งน้ำเสียงทั้งหน้าตา ผมก็เลยยอมพยักหน้าแล้วพิงมันไปทั้งตัว
“หายหงุดหงิดยัง” จนเวลาผ่านไปสักพัก มันก็ถามขึ้นมาอีก
“ฮึ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ใจกูยังกรุ่นๆ อยู่ คิ้วยังขมวดอยู่นี่มึงเห็นมั้ยยยยย
“งั้นกูจะทำให้หายเอง” มันพูดเสียงกรุ้มกริ่ม ทั้งยังมองผมแบบสายตาวิบวับ ระยิบระยับ
“ทำยังงะ. . .อื้อ” ไม่ทันที่ผมจะถามจบ ริมฝีปากร้อนร้อนก็ฉกลงมาแล้วสอดลิ้นเข้าในโพรงปากผมซะก่อน ผมก็ดีดดิ้นพอเป็นพิธีไม่ให้ดูว่าง่ายเกินในตอนแรก ก่อนจะตอบโต้มันไปไม่ให้น้อยหน้า
“อื้มม. . .อืม” เสียงครางเบาๆ ของผมหลุดออกเมื่อมันขบเม้มเบาๆ ที่มุมปาก มือร้อนๆ ที่ไม่รู้เลื้อยเข้ามาในเสื้อเมื่อไหร่ลูบแผ่นหลังเนียนของผมอย่างแผ่วเบา ไอ้คีนดันหลังผมให้นอนราบกับเตียงก่อนที่ตัวมันจะตามมาทาบทับและจูบอีกครั้ง ลิ้นร้อนเปลี่ยนตำแหน่งจากริมฝีปากมาเป็นซอกคอขาวแทน ยอมรับกันตรงๆ ว่าอารมณ์ตอนนี้เริ่มจะเตลิดแล้ว ถ้าไม่มี. . .
ก็อกๆ ก็อกๆ
“ไอ้คีน ไอ้คีนเว้ย เสร็จยัง คนอื่นเสร็จหมดแล้วนะเว้ย” ถ้าไม่มีเสียงพี่แม็คมาขัดจังหวะไว้ซะก่อน
“เออๆ” ไอ้คีนตอบรับ แต่ยังไม่ลุกออกจากตัวผม มันซุกอยู่ที่ซอกคอผมนิ่งๆ หายใจแรงๆ อย่างระงับอารมณ์ ผมลูบหัวปลอบใจมันเบาๆ ปกติไอ้คีนมันไม่ชอบให้ใครเล่นหัว แต่มันบอกว่าเป็นสิทธิพิเศษสำหรับแฟน มันอนุญาต กูควรจะดีใจใช่มั้ยเนี่ย มีสิทธิเล่นหัวมึงน่ะ
“ลุกได้แล้ว” ผมบอกแล้วดันตัวมันเบาๆ ให้ลุกขึ้น
“ฮึ่ยยย ไอ้แม็ค สักวันเถอะมึง” ไอ้คีนเคี้ยวฟันอย่างอาฆาตแค้น ผมขำเบาๆ แล้วดันหลังมันเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ ส่วนผมก็เตรียมเสื้อผ้าให้มันแล้วเอาไปวางไว้บนเตียงรอคนออกจากห้องน้ำมาใส่
>>>>><<<<<
“ว้ากกกกก อะไรของมึงเนี่ยไอ้คีน กูไปทำอะไรให้ มึงโกรธอะไรกู๊ววววว” ผมกับพี่ๆ คนอื่นๆ นั่งขำ ขณะที่พี่แม็ควิ่งรอบท่าเรือเพื่อหนีฝ่าเท้าไอ้คีน เรื่องของเรื่องก็คือพอผมกับไอ้คีนเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อยแล้ว พอลงมาได้ พวกเราก็มาที่ท่าเรือทันที ไอ้คีนที่มีความแค้นสะสมที่พี่แม็คมาขัดจังหวะมันลวนลามผมถึงสองครั้งสองคราก็ชำระแค้นทันที ไอ้พี่แม็คก็หนีอย่างเดียว เพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด
“มึงอย่าหนี มาให้กูถีบซะดีๆ” ไอ้คีนว่า ตอนนี้เขาหยุดไล่กันแล้วครับ แต่ไอ้คีนมันมานั่งข้างผม แล้วส่งสายตากดดันพี่แม็คแทน
“คีน ถ้ากูทำอะไรให้เพื่อนไม่พอใจกูขอโทษคร้าบบบบ อย่าทำร้ายร่างกายอันบอบบางของกูเลย”
“ถุย บอบบาง บางมากสิมึง บางกว่าคอนกรีตนิดเดียว” พี่รีมท้วงขึ้นมา
“ก็ยังดีกว่าไอ้คนแม้แต่คอนกรีตยังบางกว่าอย่างมึงไอ้เหี้ยรีม” พี่แม็คไม่ยอมตอกกลับ และสุดท้ายจากสงครามระหว่างพี่แม็คกับไอ้คีน ก็กลายเป็นสงครามน้ำลายของพี่แม็คกับพี่รีมแทน
เฮ้อ. . .อนิจจาTBC.
TALK :
ว้ากกกกก มาเร็วกว่าที่ลาไว้ตั้งสองวันแน่ะ ใครอยากถีบแม็คแทนพี่คีนบ้าง นางขัดจังหวะสองครั้งแล้วนะเออ ส่วนเรื่องแบงค์โม คนเขียนไม่ได้บอกนะคะ ว่าจะรีเทิร์นหรือไม่ หรือว่ามีใครดามใจหรือยังไง อันนี้คนอ่านเชิญจิ้นได้ตามสบายก่อน แต่สุดท้ายแล้วจะเป็นยังไงต้องตามใจคนเขียน
เจอกันตอนหน้าจ้าาา