บทรักบทที่ 3 หัวใจที่ไม่ได้ปิดตาย (ตอนที่ 5)
ผมปลุกพี่ฉลามลงไปทานข้าว ทานเสร็จผมก็ขอกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่คอนโด ผมอยู่คนเดียวตั้งแต่เมื่อวาน ไอ้เด่นมันไปเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว กว่าจะกลับก็คงวันจันทร์ มันไปกับชมรมอาสาสมัครอะไรของมันสักอย่าง อาทิตย์นี้เป็นวันหยุดยาวด้วยครับ พี่ฉลามก็เลยบอกว่าให้ผมมานอนค้างที่บ้านของพี่เขาเลย เพราะคงกลับดึก จะได้ไม่ต้องเดินกลับคนเดียว ผมเลยเอาชุดนอนใส่กระเป๋าติดมาด้วย ผมว่าผมก็แต่งตัวง่ายๆแบบที่ชอบใส่ประจำ ผมชอบใส่เสื้อยืดบางๆ คอวีกว้างหน่อย จะว่าชมตัวเองก็ได้นะ ผมว่าช่วงคอลงมาถึงไหปลาร้าผมสวย ไหล่ก็ไม่ลู่ลง ผมเลยชอบโชว์ ฮ่าๆๆ ส่วนกางเกงยีนก็ใส่แบบพอดีตัว แต่พี่ฉลามบอกว่า ผมอ่อยเขาอีก อยากจะบ้าตาย จะให้ผมใส่เสื้อคอปีนรึไง เนอะ..
พี่ฉลามพาผมมาถึงผับที่พี่อ้วนจัดงานวันเกิด คนมาเยอะเหมือนกัน เพิ่งรู้ว่าพ่อพี่อ้วนเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ งานในคืนนี้พ่อพี่อ้วนก็มาด้วย ทำตัววัยรุ่นมากๆ ดูเป็นคนอารมณ์ดี พี่อ้วนก็ไม่ผิดกับพ่อเลย มีดารามาด้วยสองสามคน พี่อ้วนนี่ก็ไฮโซเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆ
พี่ฉลามพาผมไปสวัสดีพ่อพี่อ้วน แล้วพี่อ้วนก็พาพวกผมไปนั่งข้างใน ผมดีใจที่เห็นบุ้งกับเสือนั่งอยู่ เลยเดินไปนั่งกับพวกมัน แต่ที่เซ็งๆคือ ที่โต๊ะติดกันมีพี่แพรกับเพื่อนผู้หญิงอีกสองสามคน ผมไม่ได้นั่งข้างพี่ฉลามหรอก พี่เขาโดนพี่แพรดึงไปนั่งด้วย ทีแรกเหมือนพี่เขาจะอึกๆอักๆ แต่พอเห็นผมตรงเข้าไปนั่งข้างบุ้ง ซึ่งที่มันก็เต็มพอดี พี่เขาเลยต้องเดินไปนั่งข้างพี่แพร ผมไม่ได้งอนหรอกครับ แต่ก็ไม่อยากให้พี่เขาต้องมาทำตัวไม่ถูก วันเกิดพี่อ้วน ก็อยากให้สนุกๆไม่ต้องมาคิดอะไร
แต่มันมีประเด็นขึ้นมาก็ตรงที่น้องมอสเป็นนักดนตรีเล่นให้ที่ผับนี้ มันจะมีช่วงที่ดีเจเปิดแผ่นกับช่วงเล่นสด น้องมอสเห็นผมกับบุ้งเลยเข้ามานั่งด้วย แถมคอยชวนผมคุย รังสีอำมหิตจากปลาฉลามตัวโตเลยถูกส่งมาเป็นระยะ ผมเลยแกล้งเนียนลุกไปห้องน้ำ พอกลับมาอีกทีก็มานั่งข้างไอ้เสือแทน รังสีอำมหิตถึงได้หายไป แต่เรื่องไม่จบแค่น้องมอส มีผู้หญิงชงเหล้ามาให้ผมอีก แถมเบอร์มาด้วย ไอ้บุ้งมันบอกว่า หน้าตาผมกำลังเป็นที่นิยม ถ้ามันไม่ติดว่าผมเป็นเพื่อน มันจะมอมเหล้าผมแล้วพาไปนอนด้วย ผมขำมัน รู้ว่ามันล้อเล่น แต่มันก็ยืนยันว่ามันพูดจริง อ่อ..มันบอกด้วยว่า พี่ระเบิดจะนัดมันไปกินข้าว มันถามว่าผมจะไปไหม แต่ผมบอกมันว่ายังไม่อยากไป มันก็เลยไม่ได้เซ้าซี้อะไรผม
ผมเริ่มสังเกตว่าพี่ฉลามเริ่มจะกึ่มๆแล้ว หน้าแดงไปหมด ตางี้เชื่อมเลย ยิ้มตลอดเวลา จ้องมาที่ผมจนผมกลัวว่าคนอื่นจะสังเกตเห็น ส่วนพี่แพรก็ซบพี่ฉลามแล้วครับ ท่าทางจะดื่มเยอะเหมือนกัน เธอกอดแขนพี่ฉลามด้วย ก็รู้สึกสึกจี๊ดๆ แต่ก็ทนได้ เพราะพี่แพรก็ทำแบบนี้เสมอ
ผมเห็นว่านี่ก็ตีสามแล้ว เลยบอกบุ้งว่าจะกลับแล้ว ไม่รู้ว่าพี่ฉลามจะขับกลับได้ไหม ผมเดินไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ ล้างหน้าล้างตา เผื่อว่าต้องเป็นคนขับรถกลับ ผมก็ขับได้นะ ตั้งใจว่าออกมาแล้วจะชวนพี่ฉลามกลับบ้าน พี่แพรเดินตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ครับ เธอมาบอกว่าให้ผมกลับไปก่อน เดี๋ยวเธอจะขับไปส่งพี่ฉลามเอง ผมเลยบอกว่า ผมขอถามพี่ฉลามก่อน เพราะถ้าพี่ฉลามอยากอยู่ต่อผมก็จะกลับเอง พี่แพรเลยทำหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็เดินปั้นปึ่งกลับไปที่โต๊ะ ผมก็ไปเข้าห้องน้ำ
ผมเดินกลับมาถึงโต๊ะ พวกพี่ๆเขากำลังแข่งกันกระดกเหล้าเพียวๆกัน เสียงเฮเสียงเชียร์ดังกลบดนตรี พี่แพรนั่งอยู่ข้างพี่ฉลามเหมือนเดิม พี่ต้าท้าให้พี่แพรดื่มแข่งกับแฟนพี่ต้าบ้าง พี่แพรรับคำท้า แล้วสิ่งที่ผมไม่คิดว่าพี่แพรจะกล้าทำ คือ พอพี่แพรกระดกเหล้าหมดแก้วแล้ว เธอก็หันไปจูบพี่ฉลามตามเสียงเชียร์ของบรรดาเพื่อนๆเลย จูบแบบดูดดื่มด้วย ไอ้บุ้งร้องกรี๊ดแล้วปรบมือชอบใจ ทุกคนก็ดูจะชอบใจกันใหญ่ เพราะคู่นี่คือคู่ขวัญของคณะมาตั้งนานแล้ว มีแต่คนเชียร์ให้กลับมารักกัน มีเพียงพี่แหบที่หันมามองผม ผมเลยยิ้มกลับไป ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คงเป็นรอยยิ้มที่ฝืนที่สุด
..เจ็บได้ แต่แสดงไม่ได้.. นี่แหละครับ เจ็บแบบที่ผมเจอมาตลอด
“เรากลับก่อนดีกว่าบุ้ง ง่วงแล้ว” ผมบอกบุ้ง ผมไม่ได้มองไปหรอกว่าสองคนนั้นเลิกจูบกันรึยัง แต่ยังได้ยินเสียงเชียร์อยู่ ผมยังไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ฉลาม คงไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไร ผมไม่ได้โกรธพี่ฉลามนะ นั่นคือจุดยืนที่เขาเป็นมาตลอดชีวิต เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มองแต่ผู้หญิง การมาเจอผมมันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะทำอย่างที่ต้องการได้ในทันที จะให้เขาไม่รู้สึกอะไรกับความสวยความงามหรือหวั่นไหวไปกับเพศรสของสตรีมันคงเป็นไปไม่ได้ ผมเองก็ไม่พร้อมจะบอกใครต่อใครว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่ฉลามซึ่งเป็นผู้ชายเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าผมจะเจ็บ ผมก็ต้องอดทน
“แกจะกลับยังไง คืนนี้พี่ฉลามท่าทางจะไม่พ้นมือพี่แพรว่ะ” บุ้งพูดขำๆ เพราะมันไม่รู้ว่าผมกับพี่ฉลามคิดยังไงต่อกัน แต่ผมไม่ขำเลยสักนิด แต่ก็ต้องยิ้มออกมา
“กลับเองได้ สบายมาก ง่วงจะตายแล้ว” ผมบอก บุ้งมันเลยเดินออกมาส่งผม แต่ยังไม่ทันได้เรียกแท็กซี่ น้องมอสก็ขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดตรงหน้าของผม
“จะกลับเหรอ ผมไปส่งไหม” น้องมอสถาม
“นอกจากเป็นนักดนตรีแล้วยังขี่วินด้วยเหรอวะน้องรหัสกู” ไอ้บุ้งมันแซว
“เป็นได้หมดอะเจ๊” น้องมอสเรียกบุ้งว่าเจ๊ ปกติบุ้งมันไม่ชอบให้ใครเรียกแบบนี้ แต่นี่ไม่เห็นมันโกรธ แถมยังเตะไปที่ขาน้องรหัสของมันเบาๆแบบขำๆ
“งั้นฝากด้วย ขี่ดีๆนะมึง เพื่อนกูเป็นไรไป มึงตาย” บุ้งแกล้งขู่
“แล้วไม่ต้องเล่นดนตรีแล้วเหรอ” ผมถาม
“เดี๋ยวไปส่งพี่แล้วกลับมาใหม่” น้องมอสตอบผม
“ไม่เป็นไรดีกว่า พี่กลับเอง จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา”
“ไม่เป็นไรพี่ อีกนานกว่าจะเล่นอีกรอบ”
“เอางั้นเหรอ” ผมอยากจะบอกว่าขอกลับแท็กซี่ดีกว่า แต่พอเห็นความตั้งใจดีของน้องแล้วไม่กล้าปฏิเสธ
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อน พ่อแกมาโน้นแล้ว” ไอ้บุ้งพูดจบผมก็หันไปมองข้างหลัง พี่ฉลามเดินหน้าบึ้งออกมาเลย
“จะไปไหน” พี่ฉลามถามห้วนๆ
“มันง่วงอะพี่ เลยจะกลับ” ไอ้บุ้งตอบแทนผม
“ตอนมา มาด้วยกัน กลับแล้วไมไม่บอก” พี่ฉลามหันมาถามผมต่อ
“พอดีมันไม่อยากขัดความสุขพี่ไง” ไอ้บุ้งตอบแทนผมอีก
“เพื่อนมึงเป็นใบ้เหรอ” พี่ฉลามเลิกคิ้วถาม ไอ้บุ้งเลยหัวเราะเพราะโดนพี่ฉลามประชด สองคนนี้ก็สนิทกันเพราะไปกินเหล้าด้วยกันบ่อยๆ บุ้งมันเลยรู้ว่าพี่ฉลามกวนๆแบบนี้
“ให้บุ้งตอบหรือจะให้มันตอบละ” ไอ้บุ้งกวนกลับ
“มึงกวนตีน กูไม่ให้เบอร์ไอ้จั่นแล้ว” พี่ฉลามพูดจบไอ้บุ้งก็รีบยกมือไหว้ จั่นคือเพื่อนพี่ฉลาม อยู่สถาปัตฯ ไอ้บุ้งมันชอบมาก มันให้พี่ฉลามเป็นพ่อสื่อให้อยู่
“โอ้ย ไม่กวนแล้ว” ไอ้บุ้งพูดจบก็ดันผมให้เข้าไปหาพี่ฉลาม
“ยืมรถหน่อยดิ” พี่ฉลามพูดกับน้องมอส น้องมอสทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมลงจากรถจักรยานยนต์ให้ พี่ฉลามเอาหมวกกันน็อคที่แขวนอยู่ที่แฮนด์รถมาสวมให้ผม ก่อนจะแกะอันที่น้องมอสสวมจากหัวน้องมอสเลยมาสวมให้ตัวเอง แล้วพี่เขาก็ขึ้นไปค่อมรถ
“ซ้อนมาดิ” พี่เขาบอกผม ผมหันไปมองบุ้งกับมองน้องมอสก่อนจะหันกลับมามองพี่ฉลาม
“ขี่เป็นเหรอ กลอนไม่อยากตายนะ” ผมถาม น้องมอสหลุดหัวเราะ
“ได้ข่าวเคยซ้อนมาแล้วเปล่าวะ” พี่ฉลามถาม ผมนึกถึงเจ้าสองล้อท่อดังที่พี่ฉลามพาผมไปชมทะเลแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
“แล้วจะไปไหน” ผมถาม
“ไปธุระแป๊ปนึง อย่าถามมากดิ” พี่ฉลามบอก ผมเลยยอมขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย
“พี่ครับ พาเพื่อนผมกลับมาให้ครบสามสิบสองด้วยนะ” ไอ้บุ้งรีบบอก
“ไม่ครบหรอก กูบอกเลย” พี่ฉลามพูดจบก็สตาร์ทเครื่องแล้วขี่พาผมออกไปเลย ทิ้งให้น้องมอสยืนงง ผมเองก็งงเหมือนกัน ผมเกาะเอวพี่ฉลามมาได้สักพัก พี่เขาขี่ไปเรื่อยๆ
“เมาเปล่า ขี่ไหวเปล่า” ผมถาม
“ทำไมอะ กลัวเหรอ”
“กลัวดิ เมื่อกี้บอกไอ้บุ้งว่าไงละ” ผมขยับเข้าใกล้พี่ฉลามอีกนิด เพราะไม่ค่อยได้ยินเสียง เสียงลมมันดังกว่า
“ความบริสุทธิ์มันนับรวมอยู่ในสามสิบสองเปล่าวะ ถ้ารวม ก็แปลว่าอาจจะกลับไม่ครบสามสิบสอง” พี่ฉลามตอบ ผมอึ้งไปเลย รู้ตัวเลยว่าหน้าร้อนผ่าวๆ
“บ้าอะ” ผมบอก พี่เขาหัวเราะใหญ่เลย
“กอดแน่นๆดิ เดี๋ยวหล่น” พี่ฉลามบอกผม ผมยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนจากเกาะเอวมากอดเอาไว้แทน
“จะไปไหน” ผมถาม
“ไม่รู้ อยากไปไหน” พี่ฉลามถามผม
“ไปไหนก็ได้..ที่มีพี่” ผมตอบ แต่พูดเบาๆ ไม่คิดว่าพี่เขาจะได้ยิน แต่พี่เขาเอามือซ้ายมาลูบที่มือของผมที่กอดเอวเขาอยู่ พี่เขาขี่พาวนชมวิวกรุงเทพ แล้วก็พากลับมาที่ผับ เขาขี่มาจอดข้างๆรถยนต์ของตัวเอง แล้วก็พาผมไปเข้านั่งในรถ
“จะกลับเหรอครับ” ผมถาม
“ยัง ยังไม่ได้เป่าเค้กเลย เดี๋ยวไอ้อ้วนมันงอน” พี่ฉลามบอกผม
“แล้ว..” ผมทำหน้าสงสัย พาผมมานั่งในรถทำไม แล้วที่พาผมออกไปขี่รถเล่น แล้วก็ขี่กลับมา พี่ฉลามกำลังคิดอะไรอยู่
“งอนเหรอ” พี่เขาถาม ผมเลยนึกขึ้นได้ ลืมไปแล้วนะว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ผมเป็นแบบนี้ทุกที ถ้ามีความสุขก็ไม่ค่อยจะนึกถึงเรื่องอะไรแล้ว ผมถึงถูกพี่รันหลอกมาได้ตั้งนาน
“ไม่ได้งอนหรอก”
“แล้วจะหนีกลับเนี่ยนะ”
“ไม่ได้งอน แต่ก็ไม่อยากเห็น”
“ต่างกันตรงไหน”
“ต่างสิครับ ถ้างอนคงไม่มานั่งพูดกับพี่อยู่แบบนี้หรอก แต่แค่ไม่อยากเห็น”
“แล้วทำไมไม่งอน” เอ้า ดูพี่เขาถามผม
“กลอนไม่มีสิทธิ์อะไรจะงอน” ผมบอกไปตรงๆ พี่เขาถอนหายใจ
“กลอนจะให้มันเป็นแบบนี้เหรอ จะเก็บความรู้สึกเอาไว้ ให้สิทธิพี่ไปทำอะไรก็ได้ จะเอาแบบนั้นใช่ไหม” พี่ฉลามจับหน้าผมให้หันมามองหน้าเขา
“ก็กลอนทำได้แค่นั้น” ผมบอก
“กลอนทำได้มากกว่านั้นนะ พี่บอกแล้วไง ว่าพี่ให้กลอนตัดสินใจ”
“กลอนกลัว ถ้าเราคบกัน เราอาจจะไม่ได้ดีต่อกันอย่างที่เป็นอยู่”
“เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนใจแข็งขนาดนี้ เฮ้อ ยอมใจเลย แล้วแต่กลอนแล้วกัน” พี่ฉลามถอนหายใจก่อนจะยิ้มให้ผมแล้วก็โยกหัวผม
“จะกลับบ้านไหม พี่จะไปส่งก่อน” พี่ฉลามถามผม บอกตรงๆว่าผมรู้สึกใจหายวาบเลย พี่เขาจะตัดใจแล้วใช่ไหม เขาคงรำคาญความเยอะของผม สมองของผมในตอนนี้มันมีอะไรตีกันวุ่นวายไปหมด แต่สุดท้ายผมก็พยักหน้า ได้ยินเสียงพี่เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับพาผมออกมา ระหว่างทางพี่ฉลามไม่พูดอะไรเลย ผมเองก็นั่งนิ่งอึ้ง รู้สึกเสียใจ ใจหาย จนมาถึงคอนโด พี่ฉลามก็กดเปิดล็อก ผมหันไปมองหน้าพี่เขา พี่เขายิ้มให้ผม จู่ๆน้ำตาผมก็ไหลออกมาเลย ตลกตัวเอง เพราะกลัวจะเสียพี่เขาไปเลยคิดมาก แล้วตอนนี้ละ ผมกำลังจะเสียพี่เขาไปจริงๆ แล้วก็มานั่งร้องไห้ในสิ่งที่ตัวเองเลือกเอง
“ร้องไห้ทำไม” พี่เขาเอื้อมมือมาลูบที่แก้มของผม ใช้หัวแม่มือเกลี่ยน้ำตาออกให้ มันอ่อนโยนมากๆ ผมรักมือนี้ รักเจ้าของมือนี้
“ถ้ากลอนลงจากรถคันนี้ไปแล้ว จะเป็นยังไงต่อไปครับ” ผมถาม น้ำตาก็ดันไหลไม่หยุดเลย
“ก็เป็นน้องของพี่ไง เหมือนเดิมไง อย่าคิดมาก ไม่ต้องร้อง อย่างอแงสิ” พี่ฉลามบอก คำว่าน้องมันยิ่งทำให้น้ำหูน้ำตาไหล ผมบ้าไปแล้ว
“แล้ว ถ้ามีคนมานั่งตรงนี้ กลอนจะนั่งตรงไหน” ผมถามต่อ พี่ฉลามมองผมนิ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองเบื้องหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรเลย ผมนั่งร้องไห้สักพักก็ดึงทิชชูมาเช็ดน้ำตา เตรียมตัวจะลง แต่พี่ฉลามก็ดึงมือผมเอาไว้
“พี่ต้องทำไงบอกพี่ที รู้ตัวไหม กำลังทำให้พี่ทรมาน รักก็ไม่ได้ ไม่รักก็ไม่ได้” พี่ฉลามถามผม ผมเห็นว่าตาพี่เขาก็แดงๆ
“รักได้ แต่ไม่เลิกรักได้ไหม” ผมถามพี่เขา พี่เขาหันมามองผม
“ไม่รู้ว่ะ ตอนนี้มันรัก มันก็รักอะ” พี่เขาตอบผม ผมหลุดหัวเราะทั้งที่เพิ่งจะร้องไห้งอแงเหมือนเด็ก
“พี่โกหกบ้างก็ได้นะ” ผมบอก
“ไม่เอา ไม่อยากให้กลอนต้องเจอเรื่องเดิมๆอีก วันนี้รัก ถ้าเลิกรักจะบอก แบบนี้ได้ไหม” พี่เขาถามผม มันไม่โรแมนติกเอาเสียเลย คนอื่นฟังแล้วอาจจะรู้สึกแย่ แต่สำหรับผม ผมว่ามันมีค่านะ แค่พี่เขาพยายามจะไม่เปิดแผลเก่าของผม แปลว่าเขาให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผม
“ไปทะเลกันไหม” พี่ฉลามถามผม
“ไปเลยเหรอ แล้วกุญแจรถน้องมอสละ”
“ห่วงมันรึไง หึงนะเว้ย ตั้งแต่เมื่อกี้ละ ถ้าออกมาช้ากว่านี้คงซ้อนมันไปแล้วดิ งอนพี่ก็ไม่งอน จะไปกับคนอื่นอีก รักพี่บ้างเปล่าวะ ถามจริง นี่...คนที่ต้องร้องไห้คือพี่เปล่าวะ พี่..” ผมเคยบอกแล้วว่าพี่ฉลามขี้งอน เห็นรึยังครับ งอนผมซะงั้น เรื่องพลิกเลย ผมผิดไปอีก
“รัก รักมาตั้งนานแล้ว รักจนกลอนเป็นบ้าอยู่นี่ไง” ผมรีบพูดแทรกก่อนจะบ่นผมยาวกว่านี้ คราวนี้พี่ฉลามหยุดพูดเลย ดึงผมไปจูบ ผมรีบดันตัวออก พี่ฉลามทำหน้างอนอีก
“นี่มันหน้าบ้านพี่เลยนะ กล้องวงจรปิดจ่ออยู่เห็นไหม ปะ..ไปทะเลกัน” ผมบอก พี่เขาเลยยิ้มออก ก่อนจะหันไปหากล้องวงจรปิดหน้าบ้านตัวเอง แล้วชูนิ้วกลางใส่เฉยเลย ผมได้แต่ขำ
...
..
.
มีต่อข้างล่างนะคะV
V