Only You EP.26 :: Grey Mood. [50%]‘Victor and Andreana, are they in a relationship? What about Sharon? Does he go out with two girls? And what about a mysterious boy who we do not know yet that who is him? It’s look like he is still really man like he told us.’ (วิคเตอร์กับอันเดรียนา พวกเขาทั้งสองคนคบกันอยู่งั้นเหรอ แล้วชารอนล่ะ หรือว่าเขาออกเดตกับผู้หญิงสองคน? ไหนจะเด็กผู้ชายปริศนาคนนั้นอีกที่เรายังคงไม่รู้ว่าเขาคือใคร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ชายจริงๆ อย่างที่บอกนั่นละน่ะ)
ผมถอนหายใจ หลับตาลงพร้อมกับวางมือถือลงไว้บนโต๊ะหลังจากที่ได้อ่านข่าวประเด็นของวิคเตอร์กับอันเดรียนา สื่อตั้งคำถามว่าเขากับอันเดรียนาคบกันหรือเปล่า แล้วยังมีชารอนที่ตอนนี้กระแสคู่จิ้นของเขาสองคนกำลังมาแรง แถมผมยังได้เกียรติลงข่าวกับเขาโดยเอารูปมาจากอินสตาแกรมของเขาที่เราถ่ายคู่กัน ข่าวไม่เท่าไหร่ คอมเม้นต์จากชะนีน้อยใหญ่นี่สิกรีดร้องดีใจกันมากมายที่พระเอกขวัญใจของตัวเองยังคงควงกับผู้หญิงตามปกติ แถมบางคนยังลามไปด่าอันเดรียนาอีกว่า ช่างไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิด ต้องวิคเตอร์กับชารอนเท่านั้น แต่ก็มีคนที่เข้าข้างอันเดรียนาอยู่บ้างว่าเธอก็สวยและเหมาะกับวิคเตอร์ดี กับชารอนไม่มีวันเป็นไปได้ เพราะทั้งคู่ต่างก็มีแฟนแล้ว
แต่ที่ไม่มีใครเข้าข้างเลยคือผมนี่ละ ฮ่าๆๆ ช่างน่าสงสารตัวเองเสียจริง (-_-) มีแต่คอมเม้นต์เชิงลบส่งมาถึงผมมากกว่าซะอีก พวกนั้นไม่รู้จักผม ฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาว่าได้ก็คือหนังหน้าธรรมดาๆ ของผมนี่แหละ แถมยังบอกอีกว่าวิคเตอร์กับผมไม่เหมาะกันเลยสักนิด ถ้าเกิดเขาจะมีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ ขอดูดีกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ ถามว่ามีชมผมบ้างมั้ย ผมว่าที่ด่าๆ และจิกกัดผมมันเยอะซะจนไอ้ที่ชมๆ ดูด้อยไปเลย ถ้าจะมีก็คงเป็นแฟนคลับคู่ผมกับวิคเตอร์ในไทยนี่แหละที่ช่วยเป็นโล่กำบังให้ผมได้บ้าง อยากจะขุดหัวมันไปมอบให้เป็นรางวัลแก่ทุกคนเหลือเกิน
ครืด~
ผมที่กำลังเหม่อๆ สะดุ้งนิดหนึ่งตอนที่โทรศัพท์สั่นอย่างรุนแรง พอก้มลงมองก็เห็นว่าเป็นข้อความว้อทสแอพจากวิคเตอร์
“What are you doing? (ทำอะไรอยู่)” ผมหยิบมือถือขึ้นมาแล้วพิมพ์ตอบเขากลับไป
“Doing my project. (ทำโปรเจ็คต์จบครับ)”
“Where? (ที่ไหน)”
“At the library. (ห้องสมุด)”
“Why don’t you get back home? (ทำไมไม่ไปทำที่บ้าน)” ผมเผลอถลึงตาใส่หน้าจอมือถือ ทำอย่างกับเขาจะเห็นงั้นละ
“There are a lot of books to find a lot information for my project. (มันมีหนังสือให้หาข้อมูลเยอะครับ)” ผมนั่งมองหน้าจอที่ขึ้นว่าอีกฝ่ายกำลังพิมพ์โต้ตอบกลับมาด้วยใบหน้านิ่วคิ้วย่น
“You can use a Google at home. Go home. (ใช้กูเกิ้ลก็ได้ กลับบ้านซะ)” ผมจิ๊ปาก อยากจะสบถให้ดังลั่นชั้นหนึ่งหอสมุด ผมกำลังจะกดโทรหาเขา แต่เขาดันตัดหน้าโทรหาผมก่อน
“กลับบ้าน” ไม่ทักทายใดๆ ให้เสียเวลา แต่ออกคำสั่งตามนิสัยของเขาทันที
“ผมทำงานนะครับ ไม่ได้มาเที่ยวเล่น” ผมบอกเสียงเหนื่อย เดาว่าหน้าตาตัวเองคงเหนื่อยไม่แพ้เสียง
“ทำที่บ้านก็ได้ แล้วออสตินไปไหน”
“ผมให้เขากลับไปแล้ว คุณไม่ต้องโทรตามเขากลับมานะ เพราะผมจะทำงาน”
“บอกให้กลับไปทำที่บ้านไง” เสียงเขาเริ่มเข้มขึ้น ผมทำหน้าเซ็ง ตั้งแต่เกิดเรื่องอันเดรียนา ผมว่าเลเวลความบ้า ความหวงของเขาดูจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
“วิคเตอร์ ผมจำเป็นต้องทำที่นี่ คุณไม่อยากให้ผมเรียนจบแล้วรีบไปอยู่กับคุณไวๆ เหรอ” ต้องใช้วิธีตะล่อม ผมไม่อยากเถียง ไม่อยากขึ้นเสียงใส่กันทางโทรศัพท์ เพราะมันจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพราะที่เป็นกันอยู่ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะดีนัก วิคเตอร์นิ่งเงียบไป คงกำลังคิดทบทวนตามที่ผมพูดอยู่
“งั้นทำตามกฎด้วย ห้ามพูด ห้ามคุยกับผู้ชายคนไหน เข้าใจมั้ย ที่สำคัญห้ามยิ้ม ห้ามหัวเราะกับใคร” โอ๊ย!
“คู่ทำงานของผมเป็นผู้ชายถึงสองคนด้วยกัน เห็นทีจะเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่จะทำตามที่คุณบอก” ผมว่าอย่างเหลืออด รู้สึกอยากเอาถาดฟาดหัวเขาแรงๆ
“แมท อย่าประชด ฉันบินไปหานายได้ทันทีนะ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าตาไอ้ยักษ์คงหงุดหงิดเต็มทนกับน้ำเสียงเรียบนิ่งของผม ไอ้เรื่องทำงานกลุ่มเดียวกับผู้ชายนี่ตอนแรกก็ตบตีกันไปแล้ว จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี ยิ่งรู้ว่าหนึ่งในนั้นมีไอ้แชมป์เขายิ่งหงุดหงิด (แค้นฝังหุ่นจากแค่การที่มันโอบผมวันพรีเซ้นต์ฝึกงาน - -)
“ผมเปล่า ผมพูดเรื่องจริง ทีคุณยังคุยกับผู้หญิงคนอื่นได้เลย” อยากจะตีปากตัวเองให้เลือดซิบ พูดไม่ทันคิดอีกแล้ว อาหารชนิดไหนกันที่ทำให้ผมปากไว ปากดีแบบนี้ และเพราะไอ้นิสัยปากเก่งนี่แหละที่ไปจุดอารมณ์เดือดของเขา
“นายเป็นอะไรวะ?! ทำไมช่วงนี้หาเรื่องฉันเก่งจัง เป็นห่าอะไรนักหนา ฉันไปทำอะไรให้อีก?!” เขาขึ้นเสียงดังลั่นมาตามสาย ขนาดอยู่ห่างกันเขายังทำผมสะดุ้งได้ ผมพ่นลมหายใจ แล้วพูดเสียงอ่อนแรง
“ผมขอโทษครับ”
“จะให้ฉันสติแตกก่อนรึไง ถึงจะหายเป็นแบบนี้ หยุดทำท่าทางเย็นชาอย่างกับภูเขาน้ำแข็งสักทีเถอะ มันน่ารำคาญ!” เขาคงเหลืออดกับผมพอสมควรถึงได้พูดตะคอกแบบนี้ นี่ถ้าอยู่ใกล้กันพนันเลยว่าผมคงโดนเขาบีบคอแน่
ตั้งแต่เขากลับไปได้หนึ่งอาทิตย์ เราก็สไกป์คุยกันตามปกติ แต่ไอ้กำแพงประหลาดในใจผมนั้นกลับทำให้ผมยิ้มหรือหัวเราะไปกับเขาได้ไม่เต็มที่ หรือแม้กระทั่งพูดคุยกับเขา ผมยังไม่อยากจะมองหน้า ไม่อยากสบตา แทบไม่อยากพูดด้วยซ้ำไป หรือบางทีถ้าพูดผมก็ชอบพูดแดกดัน พูดประชด พูดจิกกัดเขาแบบนิ่งๆ จนเขาโมโหนั่นแหละ ผมถึงจะหยุด เขาด่าผมไปหลายรอบแล้ว แทบจะบินมาบีบคอผมกับท่าทีที่ผมแสดงออก ผมก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าเป็นห่าอะไร ไม่ใช่ไม่รู้ตัวเองซะทีเดียวว่าเป็นอะไร แต่แค่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเรื่องไหน
“ปากบอกไม่โกรธ แต่ที่นายทำแม่งอย่างกับเกลียดฉันมาครึ่งชีวิต นายจะเอาอะไรอีก ต้องให้ฉันพาเข้าไปอยู่ในป่ากันแค่สองคนมั้ยถึงจะไว้ใจฉันน่ะ!” ผมหลับตาลงพร้อมกับไหล่สะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงอันทรงพลังของเขา นี่ถ้าอยู่ต่อหน้ากัน ผมคงตัวสั่น หัวหดไปแล้ว
“วิคเตอร์ ผมขอโทษแล้วไง อย่าอารมณ์เสียสิ คุณเพิ่งเลิกงานมา เดี๋ยวเข้านอนไม่สบายตัวนะ” ผมพยายามพูดอย่างใจเย็น พยายามคุมต่อมปากมากของตัวเองให้อยู่หมัด
“เออ! รู้ว่าฉันเพิ่งเลิกงานมาเหนื่อยๆ ยังจะมาทำให้เหนื่อยซ้ำซากอีกทำไม?!” ผมถอนหายใจ พยายามอดทนกับการกระแทกแดกดันของเขา ผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ไม่อยากปะทะอารมณ์กับเขา
“ผมรู้ตัวแล้วไงว่าผมผิด คุณก็อย่าโมโหอีกสิครับ” ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ถ้ายิ่งร้อนเป็นไฟใส่ เขาก็จะกลายเป็นพายุ แล้วทีนี้เราทั้งคู่ก็จะพากันพังไปด้วยกัน
“ถึงบ้านแล้วโทรหาฉันด้วย” เขาบอกเสียงห้วน แต่ไม่ตะคอกอย่างเดิม
“คุณกำลังจะเข้านอนแล้วนะ ผมไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของคุณ”
“ฉันเคยไม่รับสายนายงั้นเหรอ” ไวกว่าสมองและความคิดก็ปากผมนี่ละ เพราะผมดันเผลอพูดออกไปอย่างไม่ทันห้าม หรือจริงๆ ห้ามแล้วแต่มันดันเหี้ยห้ามไม่อยู่
“ก็ตอนที่คุณอยู่กับอันเดรียนาไง”
“แมท!!! จะทะเลาะกันให้ได้เลยใช่มั้ย อยากเจอดีรึไงวะ??!!” เสียงเขากลับมาตะคอกอีกครั้ง และดังลั่นกว่าเดิมแถมมาพร้อมกับอารมณ์ดุเดือดที่พร้อมจะจับผมเฉือนเนื้อเป็นชิ้นๆ
“แล้วคุณจะขึ้นเสียงอะไรนักหนาเนี่ย?! มันหนวกหู! น่ารำคาญโว้ย!” ตอนแรกกดความโกรธลงไปได้บ้างแล้ว แต่พอเจอเขาตะคอก ขึ้นเสียงบ่อยๆ ผมก็เริ่มจะหมดความอดทน เลยขึ้นเสียงกลับไปบ้าง
“กล้ารำคาญฉันงั้นเหรอ?! ไม่รักฉันแล้วใช่มั้ย??!! มีคนอื่นใช่มั้ย ฮะ?! ไอ้เอเลี่ยน!!!” ผมต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพราะเสียงอันเกรี้ยวกราดของเขา
“คุณลองอัดเสียงตัวเองตอนพูดบ้างนะ แล้วลองเปิดฟัง แล้วคุณจะค้นพบว่ามันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิดที่ต้องมาฟังเสียงฮาร์ดคอร์แบบนี้!!” ผมกดวางสายจนหน้าจอไอโฟนแทบบุบ กระแทกโทรศัพท์ลงบนหนังสือที่หยิบมาจากชั้นหนังสือในหอสมุด ยกสองมือขึ้นมากุมหัวไว้แล้วหลับตาลง พยายามหยุดความคิดผีบ้าผีบอในหัว สักพักเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คราวนี้เป็นเสียงจากโปรแกรมสไกป์ ผมลืมตาขึ้น ถอนหายใจแรงๆ หนึ่งที หยิบมือถือขึ้นมากดรับคอลสไกป์จากวิคเตอร์
“I’m sorry.” พอเปิดเจอหน้าตาพิโรธของไอ้ยักษ์หนวด ผมก็รีบเอ่ยปากเสียงเบา เขาจ้องผมตาแทบถลนออกจากเบ้า ผมหลุบตาลงต่ำ ไม่กล้าสบตาน่ากลัวของเขา
“ได้นับมั่งมั้ยว่าช่วงนี้พูดคำนี้ไปกี่ครั้งแล้ว นายจะพูดไปถึงเมื่อไหร่?!” เขาถามเสียงเข้มเกือบจะเป็นตะคอก ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มที่ตอนนี้หยาบกระด้างจนไม่น่ามอง
“ไม่พูดแล้วก็ได้” ผมว่าเสียงอ่อย ยังคงไม่กล้ามองหน้าเขาบนหน้าจอ วิคเตอร์นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกเสียงห้วน
“ห้ามกลับเกินสองทุ่มของเวลาที่โน่น เล่นฟิตเนสแค่สองชั่วโมงพอ แบ่งเวลาเอาเองว่าจะทำอะไรก่อน ถึงบ้านแล้วโทรมา อย่าให้ฉันต้องโทรตามนะ” ผมเลื่อนสายตาขึ้นไปมองหน้าเขา วิคเตอร์มองกลับมาอย่างจริงจังพอๆ กับน้ำเสียงเมื่อครู่นี้
“ครับ” ผมตอบรับเสียงค่อย กดหน้ารับอีกนิดหน่อย เขามองหน้าผมนิ่งๆ อีกครู่หนึ่งก่อนที่จะกดตัดสัญญาณไป ผมถือโทรศัพท์ค้างไว้อีกแปบแล้วเอาลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมวางโทรศัพท์ลงบนหนังสือ เอนตัวกับเก้าอี้ในห้องตู้กระจก หลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ
ถ้าผมไม่คิดมากก็คงดี ถ้าผมลืมง่ายๆ ก็คงดี แต่มันจะมีเหรอคนที่ให้อภัยแฟนตัวเองได้อย่างรวดเร็วในเรื่องที่เขาไปวอกแวกกับคนอื่นมา ผมให้อภัยได้ ผมแค่ขอเวลาหน่อย แต่วิคเตอร์ดันใจร้อนจะเอาให้ได้เดี๋ยวนี้ ความไว้ใจ ความเชื่อใจมันเกิดขึ้นง่ายๆ ได้ที่ไหน จริงอยู่ว่าเรื่องของผมกับวิคเตอร์มันไม่ถึงขั้นแก้วแตก แต่มันก็ร้าวอยู่ไม่น้อย ทุกวันนี้ในหัวผมยังมโนอยู่เลยว่าช่วงที่เขาอยู่ในห้องด้วยกัน เขาทำอะไรกันแน่ แถมวิคเตอร์ยังทำตัวให้ผมทั้งกลัวทั้งเหนื่อยใจไม่อยากอยู่ใกล้อีก อันที่จริงเราก็ไม่ได้ใกล้กันหรอก ผมหมายถึงว่าผมไม่อยากคุยกับเขาน่ะ ช่วงนี้คุยทีไรไม่เคยคุยดีๆ ได้ตลอดรอดฝั่ง จะเป็นแบบนี้อีกนานหรือเปล่าเนี่ย
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูกระจกของห้องที่ผมนั่งอยู่ดังขึ้น ผมลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ผมไม่ได้เจอมานานมากนับตั้งแต่ที่เราสองคนเลิกคุยกัน อันที่จริงก็เคยเจอกันครึ่งนึงละนะ แต่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่าประทับใจสักเท่าไหร่
“อ้าว เอิร์ท…” ผมเอ่ยทักเสียงเบาตอนเขาเปิดประตูเข้ามาด้านใน เอิร์ทส่งยิ้มให้ เขายังคงดูหล่อเข้มเหมือนเคย แต่วันนี้ผมเพ้าดูยุ่งเหยิงอย่างกับเพิ่งตื่นนอน ผมไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรืออเลิร์ทอะไรที่ได้เจอเขา แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันนานก็ตาม อาจเพราะเขาดันมาเจอผมในช่วงสภาวะอารมณ์นอยด์รับประทานแบบนี้ด้วยมั้ง
“นี่จองห้องไว้เพื่อมานั่งร้องไห้ป้ะเนี่ย” ผมยิ้มน้อยๆ สองมือปาดน้ำตาออกจากแก้มทิ้งไป เอิร์ทนั่งมองผมนิ่งๆ สักครู่ก่อนจะเปิดปากพูดต่อ
“ทะเลาะกับไอ้พระเอกนั่นเหรอ” ผมไม่รู้จะตอบว่าอะไรเลยได้แต่ยิ้มอ่อนแรงกลับไปให้เอิร์ท
“เอิร์ทรู้ข่าวมันกับผู้หญิงคนอื่นแล้วนะ” ผมพ่นลมหายใจออกทางจมูกแผ่วเบา
“อืม ก็ตามนั้นแหละ แล้วเอิร์ทมาทำอะไรที่นี่เหรอ” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากคุยเรื่องนี้ ยิ่งคิดมากอยู่ด้วย ภาพที่ปาปาราซซี่ถ่ายมาได้ยังติดแน่นในหัวอยู่เลย
“มานั่งทำงานกับเพื่อน…” ผมพยักหน้ารับรู้ สายตาหลุบลงต่ำนั่งมองโต๊ะไปแบบอึนๆ
“…มันไว้ใจได้แค่ไหนแมท คนมันเคยควงผู้หญิงมาก่อน แล้วมันก็ดีกรีพระเอกขนาดนั้น คนเข้าหามันไม่ใช่น้อยๆ แน่ใจได้แค่ไหนว่ามันจะซื่อสัตย์” ผมทำหน้าเอือม เลื่อนสายตาหนีหน้าเอิร์ทที่มองกลับมาอย่างสงสัย
“เหมือนเอิร์ทอ่ะเหรอ” ผมพูดทั้งที่ไม่ได้หันกลับไปมองหน้าอีกฝ่าย
“จะว่างั้นก็ได้ ภาพที่ออกมา ขนาดผู้ชายด้วยกันยังบอกเลยว่างานนี้ เยสแน่นอน” ผมขมวดคิ้วแน่น เอิร์ทอาจจะแซวเล่น แต่ช่วงเวลานี้ผมไม่ขำด้วย ผมหันกลับไปมองเอิร์ทที่ยักคิ้วกลับมาให้
“นี่เอิร์ทต้องการอะไร พูดแบบนั้นทำไม” เอิร์ทยกมือสองข้างขึ้นทำท่ายอมแพ้ เขาทำหน้าตาประมาณว่าตัวเองนั้นบริสุทธิ์ใจ
“เอิร์ทแค่พูดให้แมทฟัง แค่เตือน แต่เอิร์ทเชื่อว่าแมทก็ต้องคิดแบบเอิร์ทอยู่แล้วแหละ เอิร์ทกับมันก็ไม่ได้ต่างกันหรอก แค่คนละสไตล์” ด้วยอารมณ์และจิตใจของผมที่มันแย่อยู่แล้ว พอเจอเอิร์ทมาพูดแบบนี้ ผมเลยยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจเข้าไปอีก
“เอิร์ท ที่ทำกับแมท แมทยังเสียใจไม่พอใช่รึเปล่า” เอิร์ทมีสีหน้างง เขากระพริบตามองผมอย่างไม่เข้าใจ
“จะพูดทำไม พูดให้ได้อะไรขึ้นมา จะเป็นยังไงมันก็เรื่องของแมทกับเขา ฟังไว้นะเอิร์ท แมทรักวิคเตอร์ แมทจะไม่เลิกกับเขา ถ้าเขาไม่เลิกกับแมทก่อน แมทจะไม่ไปจากเขา” เอิร์ทนั่งอึ้ง มองผมกลับมาอย่างตื่นตะลึง เขาคงสตั้นท์ไม่น้อยที่เจอผมเหวี่ยงใส่ แต่ตอนนี้อารมณ์ผมมันเปราะบางมากพออยู่แล้ว เหมือนเส้นด้ายที่กำลังตึงแล้วเอิร์ทเป็นกรรไกรที่มาตัดมันจนขาดผึงออกจากกัน
“เอิร์ทไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ก็แค่…” แววตาเขาหมองลง มีแววอ่อนไหวเสียใจให้เห็นจางๆ แต่ตอนนี้ผมไม่นึกสงสารเขา เพราะสงสารตัวเองไว้ก่อนคงจะดีกว่า
“เราเสียใจเท่ากันแล้วกันนะ ทีนี้ถ้าพอใจแล้ว เชิญเอิร์ทกลับไปอยู่กับ
แฟนเก่าสุดที่รักของเอิร์ทเถอะ” ผมไม่ได้ตั้งใจพูดกับเขาแบบนี้ แต่พอได้หงุดหงิดอารมณ์ขึ้น ผมเลยพาลไปขุดเรื่องที่เขาทำไว้กับผมครั้งก่อน
เออ เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นอีลูกช่างขุด นี่ถ้าจบไปแล้วผัวทิ้ง ไม่มีงานทำ ผมว่าจะไปทำอาชีพขุดเจาะบ่อน้ำมันละ ขุดเก่งซะเหลือเกิน
“ขอโทษที่ปากหมาไปหน่อย” เอิร์ทบอกเสียงอ่อย หน้าตารู้สึกผิด ผมขบกรามเบาๆ หันหน้าไปมองทางหน้าต่างของห้อง เอิร์ทลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกจากห้องไป
“จะด่าจะว่ายังไง แต่เอิร์ทยังรู้สึกกับแมทเหมือนเดิมนะ” ผมย่นคิ้วฉับ
“กลับไปรู้สึกกับขวัญคนเดียวเถอะ” ผมบอกด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ครั้งก่อนแสนจะนางเอก ไม่โกรธ ไม่ด่า ไม่ว่า ไม่ประชดอะไรรุนแรง แต่คราวนี้เอิร์ทดันมาได้จังหวะพอดี เพราะผมลงกับอียักษ์ไม่ได้ เลยได้จังหวะลงกับเขาพอดี เออ นี่มันอะไรกัน ทำไมพอมีแฟนแล้วผมถึงได้นิสัยเสียแบบนี้นะ ติดนิสัยวิคเตอร์มาแน่เลย
เอิร์ทไม่ได้พูดอะไร ทำแค่เพียงถอนหายใจหนึ่งที แล้วเดินออกจากห้องไป ผมหลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนออกแรงๆ รู้สึกล้าไปหมด
“อ้าวเฮ้ย เมื่อกี้นี้กิ๊กเก่ามึงนี่ มาทำไรวะ” ผมหันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นไอแชมป์กับไอ้วอร์มเดินหอบหนังสือและแอบเอาถุงขนมจากเซเว่นเข้ามาในห้องด้วย
“แวะมาทักทายตามปกติ” ผมตอบเสียงเรียบเฉย ไอ้สองตัวนั้นขมวดคิ้วมองผม
“ทักทายปกติ หน้ามึงนี่ปกติจังเนาะ” ไอ้วอร์มว่าแล้วโยนขนมช็อคโกแล็ตใส่หัวผม
“ไม่เกี่ยวกับเขาหรอก” ผมแกะห่อขนมช็อคโกแล็ตเอ็มแอนด์เอ็มออก หยิบสีเหลืองขึ้นมากินหนึ่งเม็ดด้วยท่าทีบูดๆ บึ้งๆ
“งั้นหน้าบูดขนาดนี้ก็ต้องเกี่ยวกับผัวมึงแน่ๆ” ไอ้แชมป์นั่งลงตรงข้ามกับไอ้วอร์มที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมอีกที ผมไม่ได้ตอบอะไรพวกมัน แต่สีหน้าอย่างกับคนป่วยก็คงบอกพวกมันได้
“ทำไม ผัวมึงแอบไปมีใครอีกอ่ะ มึงเคลียร์กันแล้วไม่ใช่เหรอ” ไอ้วอร์มหันตัวมาถามผม มือซ้ายมันยื่นมาหยิบขนมในมือผมไปกินหนึ่งเม็ด
“ก็เคลียร์แล้ว กูแค่ยังสลัดภาพนั้นไม่ออกจากหัว”
“ภาพไหน ไอ้ภาพปาปารัซซี่นั่นอ่ะนะ” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ไอ้แชมป์ขมวดคิ้วเป็นปม มองหน้าผมด้วยสายตาคล้ายจะเอือมระอา ส่วนไอ้วอร์มถอนหายใจเบาๆ
“มึงนี่มันคิดมากไปซะทุกเรื่อง ลดๆ ลงบ้างก็ได้ เขาก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรนี่”
“แล้วคำพูดนั้นมันเชื่อได้แค่ไหน กูถามมึงหน่อยวอร์ม ถ้าเกิดคนที่มึงคบอยู่มีภาพถ่ายกับแฟนเก่าเขา หรือคนที่เขาเคยเอาออกมาให้มึงเห็น มึงจะไม่คิดอะไรเลยเหรอ หายขึ้นไปบนห้องนอนด้วยกันสองต่อสองนะ”
“คิดดิ เอาตรงๆ เรื่องผัวมึงกูกับไอ้แชมป์ยังคิดเลยว่าแม่งขึ้นไปบนห้องแม่งต้องมีบรรลงเพลงรักอ่ะ” ประโยคพูดต่างกันจากเอิร์ท แต่ความหมายเดียวกัน ผมจิ๊ปากใส่มันและมองค้อนมันไปหนึ่งที ไอ้วอร์มยิ้มกว้างขบขัน
“กูรู้ว่าภาพมันน่าคิด มีไม่มีเราก็ไม่รู้อีก แต่เขาก็บอกมึงแล้วนี่ว่าไม่มี เขาถ่อมาหามึงถึงไทยเลยนะ อเม’กานะเว้ย ไม่ใช่เชียงใหม่มากรุงเทพฯ” พวกเพื่อนๆ รับรู้แค่ว่าวิคเตอร์บินมาเคลียร์กับผมที่ไทย แต่ผมไม่ได้เล่ารายละเอียดลึกซึ้งอะไรให้พวกมันฟัง ไม่ได้เล่าด้วยว่าวิคเตอร์ต้องเข้าโรงพยาบาล ไม่ได้เล่าด้วยว่าหมอพบอาการทางจิตใจกับอาการทางอารมณ์ของวิคเตอร์
“ผัวมึงรักมึงจะตายห่า มึงดูดิ ถ้าไม่รักจริง เขาจะมาซื้อคอนโดฯ ซื้อรถทิ้งไว้นี่ หาบอดี้การ์ดมาดูแลมึง แถมยังให้เงินมึงใช้ทุกเดือนอย่างงี้เหรอวะ” ไอ้แชมป์ออกความเห็นบ้าง ประโยคนั้นของมันทำให้ผมรู้สึกใจฉ่ำขึ้นมานิดหนึ่งจากที่ห่อเหี่ยวอยู่
“กูก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าไงนะ แต่ทำขนาดนี้นี่กูว่าเขาจริงจังกับมึงชิบหายเลยนะ เขาก็ไม่ได้มาไทยบ่อยๆ หรือมีญาติอยู่ที่ไทยใช่เปล่าวะ” ผมส่ายหัวแทนคำตอบไปให้ไอ้แชมป์ มันพยักเพยิดหน้าทำนองว่า
นั่นไงล่ะ“เออ ถ้าว่ามีญาติ มีใครอยู่ที่ไทยให้ต้องบินกลับมาหานอกจากมึงก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เพื่อมึงคนเดียวเลย” หัวใจผมเต้นตุบแผ่วเบา รอยยิ้มที่ไม่ค่อยจะยิ้มเพราะวิคเตอร์เท่าไหร่ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ไอ้สองมารมองกลับมาด้วยความหมั่นไส้
“โห จะยิ้มก็ยิ้ม มาทำกั๊ก” สุดท้ายผมก็ยิ้มกว้างด้วยความเขิน แก้เขินด้วยการหยิบเอ็มแอนด์เอ็มสีเขียวปาใส่ไอ้แชมป์ ไอ้บ้านั่นก็มือไวคว้าที่ผมปาไปไว้ในมือได้ทันแล้วเอาเข้าปาก
“ถ้าเขาแค่เผลอนิดๆ หน่อยๆ มึงก็ปล่อยๆ บ้างก็ได้” ผมถอนหายใจกับคำพูดไอ้วอร์มแล้วยักคิ้วขึ้นแวบหนึ่ง
“ประเด็นคือกูแค่สงสัยว่าที่เขาพูดมาน่ะจริงหรือเปล่า”
“อันนี้ก็อยู่ที่มึงแล้วอ่ะ ว่าจะเชื่อใจคนของตัวเองมากน้อยแค่ไหน แต่กูจะบอกอะไรให้ มีแฟนเป็นดารา มึงต้องอดทนกับชื่อเสียง กับการทำงานของเขา ผัวมึงอยู่กลางแจ้งอ่ะ ใครก็จับตามอง ใครก็รู้จัก” ผมพยักหน้าขึ้นลงเอื่อยๆ ตามคำพูดไอ้วอร์ม เรื่องที่มันพูดมาก็ถูกต้องนั่นแหละ
“แต่กูต้องอยู่ในมุมมืด เปิดตัวใดๆ ไม่ได้สินะ” ผมไหวไหล่ หยิบช็อคโกแล็ตแบบอื่นขึ้นมากิน
“อันนี้มึงเลือกเองไม่ใช่เหรอที่จะไม่เปิดเผยเรื่องมึงกับเขา” ไอ้แชมป์เลิกคิ้วขึ้นสูง
“ก็ใช่นั่นแหละ ก็ไม่ได้คิดจะเปิดอ่ะ ไม่อยากเปิดด้วย ไม่อยากให้เขาเสียหาย เขาจะทำงานใกล้ชิดกับใคร เลิฟซีนแค่ไหนกูไม่ว่านะ ตราบใดที่ยังเป็นงาน กูไม่ได้งี่เง่าขนาดนั้น แต่กับนางแบบคนนั้นมันไม่ใช่ไง” อย่างกับชารอน มีภาพหลุดออกมาจากกองถ่ายมากมาย จริงๆ ก็ไม่ใช่ภาพหลุดหรอก ผมใช้คำพูดผิดไปหน่อย มันเป็นภาพเบื้องหลังธรรมดาๆ เพียงแต่ว่าเป็นฉากจูบของพระนาง ผมไม่ได้กังวลใจอะไรนะ เพราะตีมหนังของวิคเตอร์ไม่ได้เน้นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อยู่แล้ว สู้รบกันมากกว่า มีสวีตนิดๆ หน่อยๆ หรือไม่ว่าจะเป็นกรณีสวีตใดๆ ถ้ามันอยู่แค่ในฉากของงาน ของการถ่ายทำ ผมไม่เคยรู้สึกใจสั่น ใจเสียกับประเด็นนี้ แต่กับอันเดรียนา มันไม่ใช่งานไง
“เขาอาจมอง แต่ไม่ได้ชอบ อาจคุย แต่ไม่ได้สานสัมพันธ์ กับนางแบบคนนั้นภาพมันอาจชวนคิด แต่อาจไม่มีอะไรเลยก็ได้นะมึง”
“มึงยังบอกเลยว่าเย็xแน่นอน” ผมบุ้ยปากใส่ไอ้แชมป์แล้วเคี้ยวช็อคโกแล็ตกรุบๆ
“อ้าว มันเป็นข้อสันนิษฐานโว้ย ถ้าเขามีอะไรกันจริงๆ นะ วันนึงก็ต้องมีหลักฐานสักอย่างหลุดมาให้มึงรู้อ่ะ”
“เออจริง ถ้าวันนี้ผัวมึงยังเนียนอยู่ แต่เชื่อกูดิถ้าเขาเอากับคนนั้นจริง วันนึงต้องมีบางอย่างมาทำให้มึงรู้อ่ะว่านี่แม่งเรื่องจริง เชื่อกู กูเคยโดนแฟนจับได้ว่าแอบคุยกับคนอื่น”
“เลวจริงๆ!” ผมหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาตีหัวมัน ไอ้วอร์มหัวเราะร่า ยกมือขวาขึ้นมาลูบหัวตรงที่โดนผมฟาดเร็วๆ
“คิดมากๆ เดี๋ยวผัวก็เบื่อหรอก ทะเลาะกันนานๆ ไม่ดีนะมึง”
“ถึงไม่เคยมีแฟนแต่รู้หรอกน่าว่าทะเลาะกันมันไม่ดี” ผมทำปากยู่ คิ้วย่น สักพักไอ้แชมป์ก็โน้มตัวมาหอมแก้มอย่างเร็วจนผมตกใจหน้าเหวอ ไอ้สองมารหัวเราะอารมณ์ดี
“ตั้งแต่มีผัว มึงแม่งน่าฟัด น่ารักกว่าเดิมเยอะเลยว่ะ สงสัยน้ำผัวมึงจะดี ดูเปล่งปลั่ง ดูน่าเอากว่าเดิม” ผมยังอ้าปากหวอค้างไว้ ยังรู้สึกอึ้งกิมกี่กับการกระทำของไอ้แชมป์อยู่
“ไอ้เหี้ยแชมป์ พูดแบบนี้แสงดว่ามึงเคยอยากเอาไอ้แมทเหรอวะ” ไอ้วอร์มหัวเราะเสียงใส คนถูกถามหัวเราะเสียงดังลั่นห้อง หน้าตาตี๋ตาไม่ตี่ของมันมีแววกรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์เจือจางบางๆ อยู่
“เอาจริงป้ะ เคย ตอนมันเมาแล้วไปนอนห้องกูอ่ะ กูแค่แกล้งแซวว่าเอากันมั้ย โหย มันแม่งตอบรับกูจนกูเกือบเอาตูดมันละ แม่งยั่วชิบหาย” อ้ากกก!!!
“เอาแล้วมึง ที่วิคเตอร์ผัวมันบอกว่าลีลาบนเตียงมันเด็ด ท่าจะจริงว่ะ เฮ้ย ถ้ามึงเอา กูขอแจมด้วย” พ่นไฟ อยากพ่นไฟใส่อีสองมารนี่จริง!
ไอ้วอร์มหัวเราะดังลั่น มีการแท็กมือกับไอ้เหี้ยมแชมป์ด้วย ผมกระพริบตาปริบๆ มองหน้ามันสองคนสลับกันไปมา รู้สึกร้อนหน้าไปหมด หน้าแดงกว่าแตงโมจินตหราแล้วมั้ง
“อะ… ไอ้แชมป์ ไอ้วอร์ม ไอ้ ไอ้เฮีย!” อึ้ง พูดไม่ออก ไอ้สองตัวนั้นก็ยิ้มทะเล้นเริงร่าเชียว
“อะไรจ๊ะหนูแมท เรียกเฮียแชมป์เหรอ ถ้าเลิกกับผัวจริงๆ เฮียยินดีรับช่วงต่อนะ จะส่งเสียเลี้ยงดูไม่ให้แพ้ผัวฝรั่งเลย” มึ๊งงง!!!
“เสี่ยวอร์มขอคิวเสาร์อาทิตย์ก็พอจ้ะ วันธรรมดายกให้ไอ้แชมป์ไป” แล้วพวกมันก็หัวเราะเข้าขากันอย่างเฮฮา เริ่มรู้สึกว่าการที่มาทำงานกลุ่มเดียวกับพวกมันนั้นเป็นการถล่มตัวเองชัดๆ
“ไอ้ดวก พวกมึงมันเหี้ยยย!!” ไม่รู้จะด่าว่าอะไรแล้ว ผมไม่ได้โกรธพวกมันนะ คือเขินจนต้องโมโหกลบเกลื่อนเนี่ยแหละ
“อยากลองเอากับเหี้ยป้ะล่ะ” ไอ้แชมป์ยิ้มกริ่ม ยักคิ้วกวนตีนกลับมา ผมเบ้ปากใส่มันแรงๆ
“กูมีผัวให้เอาแล้วเว่ย!” ไอ้สองตัวนั้นส่งเสียงโห่ฮิ้วขึ้นมาทันที นี่พวกมึงไม่ได้เกรงใจห้องข้างๆ กันเลยสินะ
พวกมันผลัดกันแซว ผลัดกันตบมุก รับมุกกันอยู่สองคน ผมที่หัวเดียวกระเทียมลีบได้แต่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถลึงตาใส่พวกมันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ดูพวกมันจะยิ่งสนุกที่เห็นผมทำท่าทางแว้ดๆ กระฟัดกระเฟียดใส่
ถึงมันจะกวนตีนผมก็เถอะ แต่พวกมันก็ทำให้ผมยิ้มได้และหยุดคิดมากเรื่องระหว่างผมกับวิคเตอร์ได้เยอะเลย

หายไปนานอีกล้าววว ช่วงนี้หายไปนานเหลือเกิน พอดีตอมติดงานค่ะ เลยขาดๆ หายๆ ไป บางทีอยากอัพแต่เสร็จจากงานมาก็เหนื่อยมาก ทำได้มากที่สุดคือตอบอีเมลแจ้งโอนเงินกับตอบข้อความในแชทเฟซ หรือเมนชั่นทวิตเตอร์ เพราะถ้าจะอัพเรื่องเลย ต้องใช้สมาธิในการพิมพ์และเช็กคำผิดเยอะมาก ซึ่งงานก็ดูดพลังไปเยอะมากกกก แต่ตอนนี้เสร็จงานแล้ว (แต่ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ซะทีเดียว) กลับมาแล้วค่ะ เดี๋ยวเดือนหน้า (อาจจะ) มีงานใหม่ อาจจะหายไปนานๆ แบบนี้อีก แต่ไม่หายตายจากแน่นอนเนอะเนาะะ
งานล่าสุดที่ไปทำมา อื้มมม ขอบอกว่า สนุกสนานและฟิน 555555 ไว้เดี๋ยวจะไปเล่านอกรอบในเพจให้ได้อ่านกันค่ะ พอดีตอมไปดูแลนักกีฬา (ผู้ชาย) จากต่างประเทศมา จริงๆ ตอมไม่ค่อยได้ยุ่งกับนักกีฬาหรอก ตอมดูแลพวกประธานกับเลขาสมาคมจากสวีเดนของกีฬานั้นมากกว่า กับนักกีฬาตอมไปแอ๊วเขาเอง 555555 สนุกดีค่ะ ปลื้มสุด ตอนนี้ก็แอบคิดถึงพวกเขาเหล่านั้น ไว้จะเล่าประสบการณ์สนุกๆ ในเพจให้อ่านกันนน
สำหรับวันนี้ก็มาอารมณ์สีเทาตามชื่อตอนกับพี่ยักษ์และน้องเอเลี่ยนกันไปก่อน เห้อออ เขียนเองยังเห้อเอง 55555 อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้เนอะว่า มันไม่ใช่ดราม่าตู้มมมม หรือฟินเฟ่อออ คือพยายามทำให้มันครึ่งๆ กลางๆ ไม่รู้ว่าทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน แต่อยากได้ฟีลประมาณเนี้ย มีใครเก็ทไปกะเรามั้ย 55555
สำหรับผู้ที่ชนะแคมเปญจ์แจกหนังสือหน้านิยาย (ทั้งเด็กดีและเล้าเป็ด) นั้น ตามไปดูได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ >>
http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1249884&chapter=68เจอคำผิดบอกกันได้ได้เลยนะค้าาา
