Only You EP.24 [100%]วิคเตอร์ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเยอะมาก นี่ถ้ากระโดดโลดเต้นได้ เขาคงกระโดดเหมือนกระต่ายในอลิซอินวอนเดอร์แลนด์ออกจากโรงพยาบาล หลังจากผมไปพบกับคุณหมอ เขาก็อนุญาตให้พ่อยักษ์อังกฤษกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้ เวลานี้เรากำลังนั่งอยู่บนรถ มุ่งหน้ากลับไปแมนชั่นอันหรูหรา วิคเตอร์อุ้มผมนั่งตัก สองแขนโอบเอวผมไว้แน่น ผมเอาแขนซ้ายคล้องคอเขาไว้ ปล่อยให้เขาจุ๊บแก้ม จูบปาก จูบไปทั่วหน้า มีบ้างที่เขาขอให้ผมหอมแก้มเขากลับ
“คุณจะกลับนิวยอร์กเมื่อไหร่ ผมไม่ได้ไล่นะ แต่ทีมงานคงรอคุณอยู่” นี่เขาก็คงไม่ได้ไปถ่ายหนังมาตั้งแต่วันนั้น ไม่รู้ว่าสี่วันที่ผ่านมามีคิวมากน้อยแค่ไหน ผมยังไม่ได้คุยกับคุณเบนเลยว่าจัดการเคลียร์เรื่องงานเขาไปเป็นไงบ้าง
“ไม่อยากกลับเลย” เขายกมือเสยเส้นผมที่ปรกหน้าผากผมอยู่ขึ้นไป ก้มหน้ากดจมูกแช่ไว้อย่างที่เขาชอบทำ
“คุณต้องทำงานนะ นี่คุณก็หนีงานมาสี่วันแล้ว” วิคเตอร์ถอนหายใจหน้าตาเซ็งๆ
“วิคเตอร์ อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิครับ ผมไม่อยากให้คุณถูกมองว่าเป็นนักแสดงไร้ระเบียบวินัยนะ ผมอยากให้คุณมีงานเยอะๆ มีคนจ้างมากๆ จะได้มีเงินมาเลี้ยงผมไง ไหนว่าจะเลี้ยงผมให้สบายไงครับ” ผมยิ้มเอาใจ ไม่ได้อยากเอาตัวเองมาเป็นตัวล่อหรือทำเหมือนว่าตัวเองสำคัญกับเขามาก แต่มันก็เป็นเหตุผลเดียวที่น่าจะได้ผลที่สุดกับผู้ชายขี้ดื้อและเอาแต่ใจอย่างเขา
“เลี้ยงนายสงสัยต้องใช้เงินเยอะน่าดู” เขายิ้มหล่อละมุนน่ามอง ทำเอาผมอดยิ้มกว้างตามไม่ได้
“นั่นแหละครับ คุณถึงต้องขยันทำงานนะ จะได้มีเงินมากๆ ผมจะได้ไม่อดตาย” ผมยื่นหน้าผากไปชิดกับหน้าผากเขา วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ใบหน้าอิดโรยของเขาสดชื่นขึ้นมากเลย เว้นเสียแต่ขอบตาที่ยังดำคล้ำอยู่ ให้เข้านอนเร็วหน่อยแล้วกันวันนี้
“ฉันทำเพื่อนายนะ ห้ามทิ้งฉันไปไหน” ผมดึงหน้าออกจากหน้าผากเขา คลี่ยิ้มบางพร้อมพยักหน้าแข็งขันเป็นเชิงยืนยัน
“มีแฟนรวยขนาดนี้ ผมจะทิ้งได้ไง ต้องหลอกเอาเงินเยอะๆ ก่อนสิ” เขาหัวเราะเสียงทุ้ม ก้มหน้ามาหอมแก้มผมหนึ่งที ผมหดคอหนีเพราะหนวดเขาทำจั้กจี้
“กลับถึงห้องต้องโกนหนวดอย่างแรกเลยเนี่ย” ผมเอาสองมือจับกรอบหน้าเขาไว้แล้วบิดไปมาเบาๆ วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม ปล่อยให้ผมบิดหน้าเขาไปมา
“ครับผม” ผมนั่งซบไหล่เขาไปตลอดทาง วิคเตอร์คอยจูบ คอยหอมหน้าผากผมเรื่อยๆ ความคิดไม่พึงประสงค์แล่นวาบเข้ามาในหัว ผมหลับตาแล้วสลัดมันทิ้ง บอกกับตัวเองว่าอย่าคิดอะไรเยอะ สภาพเขาที่เป็นอยู่ก็แย่พอแล้ว
“พรุ่งนี้ไปทำบุญกันมั้ย” ผมถามเสียงแผ่ว ยังคงนอนซบไหล่กว้างของเขา
“ทำบุญเหรอ” ผมพยักหน้าลงหนึ่งที
“ใช่ครับ เป็นความเชื่อของคนไทยน่ะ ว่าถ้าไม่สบายใจให้เข้าวัดทำบุญ”
“บอกแล้วไง แค่มีนายฉันก็สบายใจที่สุดแล้ว” ผมคลี่ยิ้มอ่อนโยน
“แต่คนไทยมีความเชื่อว่าถ้าตักบาตรร่วมกัน หมายถึงว่า ถ้าเราทำบุญด้วยกัน เราจะคู่กันตลอดไปนะ”
“งั้นไปทำกัน” ผมแอบยิ้มขำ เขาตอบทันทีพร้อมกับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น กดจมูกลงกลางกระหม่อมแบบที่เขาชอบทำกับผมแล้วกระซิบเสียงทุ้ม
“You are my life. (นายคือชีวิตฉัน)” ผมยิ้ม เกิดน้ำตาคลอขึ้นมาซะงั้น ความซาบซึ้งตรึงใจนั้นมีแน่ แต่สิ่งที่ทำให้ผมน้ำตาคลอคือความหมายในประโยคนั้นต่างหาก
ความโดดเดี่ยวและอ้างว้างของผู้ชายคนนี้…
ออสตินส่งเราเสร็จก็ทำท่าว่าจะกลับไปพักที่โรงแรม แต่วิคเตอร์บอกให้เขาพักด้วยกันที่แมนชั่น เนื่องจากมีเขาอยู่ด้วยเลยไม่ได้กังวลอะไร ออสตินแยกไปเข้าห้องพักอีกห้องซึ่งเป็นห้องนอนของเขาอยู่แล้ว ส่วนผมพาวิคเตอร์เข้าห้องนอนใหญ่ จัดการถอดเสื้อผ้าให้เขาจนเปลือยเปล่า
“นายก็ถอดด้วย” ผมถอดเสื้อผ้าออกจนเปลือยเหมือนเขา วิคเตอร์ช้อนตัวผมขึ้นแล้วพาเดินเข้าไปในห้องน้ำ จับผมวางบนขอบอ่างล้างหน้าหินอ่อนสีเข้ม ผมจัดการหยิบโฟมโกนหนวดขึ้นมาบีบใส่มือแล้วโปะลงบนหนวดเคราดกหนา หยิบเครื่องโกนหนวดขึ้นมาจัดการถูไถหนวดเขาออก แต่ไม่ได้เอาออกจนเกลี้ยง เพราะวิคเตอร์ไม่ชอบ อยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าไอ้โกนแบบไม่เกลี้ยง โกนครึ่งๆ กลางๆ นี่เป็นอะไรที่ทำยากมาก เอาออกหมดก็ไม่ได้ เหลือเยอะก็ไม่ได้ ต้องมือเบาจริงๆ เพราะไม่งั้นทำหนวดเขาแหว่งอีก
“เสร็จแล้วครับ หล่อขึ้นเยอะเลย” เขายิ้มกว้างเหมือนเด็กดีใจ ผมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดโฟมออกจากหน้าเขาจนหมด เผยให้เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลา แต่ยังมีความหยาบกร้านเพราะขาดการบำรุงอยู่ มันก็ไม่ได้หยาบจนน่ากลัว แค่มันดูแห้งเพราะขาดน้ำ คิดว่าดื่มน้ำเยอะๆ บำรุงครีมมากๆ คงกลับมาชุ่มฉ่ำตามเดิม
“อาบน้ำ…” เสียงผมขาดหายไปตอนเขาพุ่งเข้ามาจูบปิดปาก เขาดูดดึงขบเม้มแผ่วเบา สองมือเขาลูบไปทั่วตัวผม จังหวะที่ลิ้นเขาเข้ามาแตะลิ้นผม ภาพเขาจูบกับอันเดรียนาก็พุ่งวาบเข้ามา
“อย่าเลยครับ…” ผมดึงหน้าหนี แต่วิคเตอร์ตามมาหอมแก้ม สองมือก็ไม่หยุดลูบตัว ภาพที่เขาเดินหายเข้าไปในอพาร์ทเม้นต์ของอันเดรียนายังชัดเจนในสมอง
“วิคเตอร์…”
“…อย่าคิดมากน่า” เขาเริ่มไซ้คอผมแรงขึ้น สองมือเปลี่ยนมาจับมือผมที่พยายามดันตัวเขาออก ผมหลับตาแน่น พยายามบอกตัวเองให้ทำตามที่เขาบอก
แต่มันยิ่งแย่เข้าไปอีก เมื่อผมดันคิดไปถึงภาพระหว่างเขากับอันเดรียนาบนเตียง
“ไม่ อย่าดีกว่า ผม…” เขาดันตัวผมไปติดกับกระจกตรงล้างหน้า กดข้อมือผมไว้เหนือหัว ตรึงแน่นไว้กับกระจก พยายามฉกจูบผมไม่หยุด ด้วยความกลัว ความระแวงที่ยังมีอยู่ ทำให้ผมเกิดการต้านขึ้น
“I said NO! (ผมบอกว่าไม่ไง!)” ผมว่าเสียงกระแทก แทบจะเป็นตะคอก อารมณ์แฝงไปด้วยความฉุนเฉียว วิคเตอร์ขมวดคิ้วแน่น มองผมด้วยความผิดหวังและความไม่เข้าใจ สองมือที่กข้อมือผมไว้คลายออก ผมดึงมือลง ผลักอกเขาออกไป เลื่อนตัวลงจากอ่างล่างหน้า เดินผ่านเขาออกไปนอกห้องน้ำ พยายามไม่สนใจสายตาตัดพ้อที่เขามองมา
ผมเดินออกมานั่งสงบสติอารมณ์บนเตียง วิคเตอร์ไม่ได้เดินตามออกมา ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว ตอนนี้สติผมกำลังรวนตีกันวุ่นวายไปหมด มันทำใจยากจริงๆ ผมรู้ว่าไม่ควรคิดไปเอง แต่ภาพในข่าวมันยังติดตาผมมาก ผมถอนหายใจ นั่งหลับตา ปล่อยความคิดไหลวนไปในหัวอย่างเชื่องช้า
เขาไม่มีอะไรกัน เขาไม่มีอะไรกัน วิคเตอร์เองก็เสียใจมากพอแล้วผมพร่ำบอกตัวเอง ลืมตาขึ้นมา นั่งเหม่อกับตัวเอง ผมหันไปมองทางห้องน้ำ ไม่มีเสียงใดๆ หรือการเคลื่อนไหวใดๆ ออกมาให้ได้ยิน เสียงของคุณหมอดังขึ้นมาในหัว
“เขาติดคุณมากนะครับ เรียกได้ว่ายึดติดเลยก็ว่าได้…” คุณหมอยิ้มนิดหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าลำบากใจ
“…ถ้ามันอยู่ในระดับที่พอดีก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามันมากไป หมอเป็นห่วง กลัวเขาจะใช้ชีวิตลำบาก”
“หมอหมายถึงในทางศาสนาด้วยรึเปล่าครับ ที่เขายึดติดไม่ปล่อยวาง” ผมถามอย่างเป็นห่วง คุณหมอพยักหน้านิดหนึ่ง
“จะพูดแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ คือเรื่องแบบนี้มันพูดยากว่าอะไรดีหรือไม่ เรื่องความรู้สึกทางใจ ถือว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน”
“แล้วสรุปว่าเขามีอาการทางจิตมั้ยครับ เป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า”
“อาการทางจิตที่เขาเป็น ไม่ใช่จิตน่ากลัวอะไรนะครับ แค่ยึดติดกับสิ่งหนึ่งมากไป จนบางทีจิตอาจอ่อนแอได้ถ้าสิ่งที่เขายึดไว้หายไป ส่วนโรคซึมเศร้าก็อาจจะเสี่ยงเป็นถ้าสิ่งนั้นหายไป”
“เขาต้องพบจิตแพทย์หรือเปล่าครับหมอ” ผมถามเป็นกังวล คุณหมอส่ายหัวเบาๆ
“ไม่ต้องถึงขั้นนั้นก็ได้ครับ ดูๆ แล้วเขายังปกตินะ แค่อาจจะจิตอ่อนไหวตอนเศร้ามากไป หมอว่าเขาแค่สุดโต่งกับความรู้สึกตัวเองมากไปน่ะครับ อารมณ์ว่าถ้าให้โดดบันจี้จั๊มพ์ คนๆ นี้ก็จะเฉยมากๆ”
“แล้วแบบนี้ต้องรักษามั้ย หรือมีวิธีรักษาหรือเปล่าครับ” คุณหมอยิ้มอ่อนโยน
“ก็อย่างที่เขาบอกนั่นแหละครับ คุณคือยารักษาที่ดีที่สุด”ผมถอนหายใจยาวๆ หลับตาลง ไล่อาการสติแตกของตัวเองออกไป ผมลุกขึ้นยืนพร้อมลืมตาขึ้น หมุนตัวเดินกลับไปทางห้องน้ำ วิคเตอร์นั่งก้มหน้าคอตกอยู่บนอ่างล้างหน้าที่เดิมที่ผมนั่งเมื่อครู่ ใบหน้าเขาเหงาหงอย เขาแค่นั่งนิ่งๆ สายตามองพื้นกระเบื้องหยาบสีดำในห้องน้ำ เหมือนเขากำลังจมอยู่กับความคิดอะไรสักอย่าง
“Giant.” ผมเรียกเขาเสียงเบา วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมอง สายตาที่มองมานั้นแสนอ่อนไหว ผมเดินเข้าไปยืนระหว่างขาเขา ใช้มือซ้ายเปิดผมยุ่งเหยิงที่ปรกหน้าผากเขาอยู่ ยื่นหน้าไปจูบหน้าผากเขาแผ่วเบา
“ผมขอโทษ” เราสบตากัน ผมยิ้มอ่อนโยน วิคเตอร์มองผมเหมือนไม่แน่ใจ แววตาเขายังคงไหวระริก ใบหน้ามีแววหม่นหมอง ผมยกสองแขนโอบรอบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขา เอาคางเกยไหล่ซ้ายเขาไว้ วิคเตอร์ยกสองมือกอดผมแน่น แล้วกดคางลงบนไหล่ซ้ายของผม
“ผมแค่สติแตก ขอเวลาผมหน่อยนะ ผมขอโทษที่เกิดมาคิดมาก แต่เพราะผมรักคุณมากนะครับ” เขากระชับอ้อมกอดขึ้นอีกนิด
“ฉันก็รักนายมากเหมือนกัน” ผมยิ้มบาง มือซ้ายลูบหลังเขาไปมา มือขวายกขึ้นมาลูบหัวเขาแผ่วเบา
“อาบน้ำกันดีกว่า จะได้นอนพักผ่อน”
“เบื่อนอนแล้ว”
“ไม่อยากนอนกอดผมเหรอครับ”
“ไม่เบื่อแล้วก็ได้” ผมหัวเราะเบาหวิว ผละออกจากไหล่เขา หอมแก้มซ้ายเขาไปหนึ่งที วิคเตอร์เลยหอมแก้มซ้ายผมกลับมาบ้าง เขายังคงมองผมด้วยสายตาระแวดระวัง
“ไปครับ เดี๋ยวผมอาบน้ำให้” เขาเลื่อนตัวลงจากขอบอ่างล้างหน้า เดินตามผมไปที่ห้องอาบน้ำกระจก สายตามองผมไม่คลาดสายตา
เราอาบน้ำด้วยกัน วิคเตอร์ก็ลวนลามผมนิดๆ หน่อยๆ ตามประสาคนขี้หื่น ลูกชายเขาตื่นขึ้นมานิดหนึ่ง (ยังไม่แข็งแรงมาก) แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าหอมแก้ม หอมหน้าผาก จูบปากผมไปตลอดการอาบน้ำ สองมือเขาจับเอวผมไว้ตลอดเวลา สายตาก็มองผมแทบไม่กระพริบ ท่าทางเขาสดชื่นขึ้นมาบ้างเมื่อได้อาบน้ำ มันคงต่างจากการเช็ดตัวเยอะเลย
“อย่าเช็ดตรงนั้นนาน…” เขาขบกรามแน่นยามที่ผมใช้ผ้าขนหนูเช็ดกลางลำตัวที่แข็งอ่อนๆ ของเขา ผมยิ้มขบขัน เลื่อนไปเช็ดบริเวณอื่นจนตัวเขาแห้ง
“ใส่เสื้อผ้านอนมั้ย” ผมโยนผ้าขนหนูไปพาดกับโซฟาสีขาวมุกในห้องนอน วิคเตอร์ส่ายหัวแล้วจูงมือผมขึ้นเตียง เขาชอบใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นนอนหรือบางครั้งก็ไม่ใส่อะไรเลย ตอนแรกผมว่าเขาโรคจิต แต่เขาเถียงว่ามันทำให้สบายตัว ซึ่งมันก็จริงอย่างที่เขาว่า มันโล่ง ไม่อึดอัด แถมผมยังเคยอ่านเจอว่าช่วยทำให้หน้าท้องลดด้วย
เขาให้ผมนอนก่อน แล้วเขาถึงตามมานอนกอดร่างผมอีกที เอาหัวหนุนอก เอาขาขวาก่ายผมไว้ ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเราสองคน ผมยกแขนขวาโอบเขาไว้ แขนซ้ายยกมาลูบลำแขนหนาของเขา กดจูบลงบนเรือนผมที่หอมฟุ้งเพราะเพิ่งสระใหม่ วิคเตอร์ถูแก้มอ้อน ผมกดคางลงบนศีรษะของเขา สองแขนโอบร่างเขาเอาไว้
“ถ้าตื่นก่อนผมแล้วหิวข้าว ปลุกผมนะครับ” วิคเตอร์รับคำอือออ เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมนิ่งๆ ครู่หนึ่ง ผมมองงง เขายื่นหน้ามาหอมแก้มสองข้างของผมดังฟอด
“ถ้านายตื่นก่อนก็ปลุกฉันนะ อย่าทิ้งฉันไว้บนเตียงคนเดียว” ผมยิ้มละมุน พยักหน้ารับคำของเขา กดจูบลงบนหน้าผากอีกฝ่าย วิคเตอร์หลับตาพริ้มและยิ้มแป้น พอลืมตาขึ้นมาเขาก็มองผมตาแป๋ว
“อะไรเหรอครับ”
“ฉันมีแค่นายคนเดียวจริงๆ นะ” ผมกระตุกยิ้มมุมปาก วิคเตอร์มองผมอย่างใสซื่อ
“ผมรู้แล้ว ผมเชื่อคุณ” เขากดจูบลงบนอกเปลือยของผม ก้มมองนิ่งค้างครู่หนึ่ง
“อ้า นมนายใหญ่ขึ้นนี่” ว่าแล้วยังมีการก้มลงดูดนมผมเล่นอีกต่างหาก เล่นเอาเสียววูบไปถึงใต้รักแร้เลย
“ก็ไปฟิตเนสมานี่ครับ กล้ามเนื้อมันก็ต้องพัฒนาขึ้นบ้าง” ผมย่นคิ้วเพราะความเสียวยามที่เขาขบกัดหัวนม
“อย่าใหญ่เกินฉันล่ะ แต่เอาเพิ่มอีกนิดก็แล้วกัน” พูดไปก็ดูดนมผมไป ผมนี่เสียวจนขนลุกแล้ว ได้แต่ครางอือในลำคอ
“วิคเตอร์ พอแล้ว นอนสิครับ” เขายิ้มทั้งที่ฟันยังกัดนมผมไว้อยู่ ผมหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยเพราะรู้สึกเสียวสยิว เขายอมละออกจากหน้าอกผมไป เอาแก้มแนบไปกับอกผมอีกครั้ง มือขวาผมสางเส้นผมเขาเบามือ มือซ้ายจับแขนขวาเขาไว้
ผมกดหน้าลงมองพ่อยักษ์โข่งแล้วก็คลี่ยิ้มออกมา เขาหลับตาพริ้ม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ อายุไม่ใช่น้อยๆ แต่เขายังเหมือนเด็กไม่มีผิด ท่าทางว่าตอนแม่กับย่าเขาอยู่คงขี้อ้อนน่าดู สงสัยจังว่าช่วงที่เขาเสียทั้งแม่และย่าไป เขาอ้อนใคร คงเคว้งไปพักใหญ่เลยมั้ง ผมคงย้อนไปดูเขาในช่วงเวลานั้นไม่ได้ ที่ทำได้ตอนนี้คือเป็นคนให้เขาอ้อนอย่างที่เขาชอบนี่แหละ

เป็นช่วงเวลามุ้งมิ้งอ้อนเมียเนอะ เพิ่งพ้นผิดมาหมาดๆ ทำตัวน่ารักๆ ไว้ก่อน รออีกสักพักเถอะ (อ้าว! 5555555)
คนอ่านบอกว่า เนื้อเรื่องอะไม่เท่าไหร่ แต่อีเจ้คนเขียนเนี่ย ชอบทำตัวให้ชวนกำพระแน่นมาก 555555 แหมมม ต้องสร้างกระแสนิสนุงงง
พรีออเดอร์ You and I ตอนนี้มีรอบสองแล้วนะคะ เผื่อบางคนสนใจ ตามไปอ่านรายละเอียดที่โพสปักหมุดหน้าเพจได้เลยค่ะ รอบนี้คิดว่าสุดท้ายละ ไม่รีอีกละล่ะ ที่รีเพราะมีแอคซิเดนท์หนังสือตกหล่นจากรอบก่อนค่ะ บวกกับมีคนมาถามเยอะพอสมควรเลยเปิดอะเน้อ
เดี๋ยวจะมีกิจกรรมแจกหนังสือพาร์ท Only You หน้านิยายนะคะ รวมทั้งคนที่อ่านคมเขี้ยวเรียวจันทร์ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับหนังสือพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนพาร์ทสองฟรีหนึ่งชุดดด ติดตามรายละเอียดไดว้ค่าาา
เจอคำผิดบอกได้เลยนะคะ จิได้รีบแก้ค่าาา
