Only You EP.22 :: Far away from him fro awhile. [50%]“แมท… อย่าคิดมากเลยนะ…” ผมยังคงนั่งเงียบ หัวใจสั่นไหว ร่างกายอ่อนล้ามากเหลือเกิน เลือดในกายเย็นเฉียบจนตัวชา
“แมท พูดอะไรสักอย่างสิ อย่าเงียบแบบนี้…” ผมพยายามขยับปากจะเปล่งเสียง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี มือที่ถือโทรศัพท์อยู่นั้นสั่นระริก
“ผม…”
“มันแค่ไปส่ง เดี๋ยวมันก็กลับมา เชื่อฉันนะ มัน…” เบนเนดิคท์คงหมดคำจะพูดแทนเพื่อนตัวเอง สีหน้าเขาอึดอัดใจอย่างมาก คิ้วสีน้ำตาลทองขมวดเข้าหากันจนชิด ก่อนที่เขาจะถอนหายใจแรง
“ไอ้วิคเตอร์ แม่งคิดอะไรอยู่วะ…” เขาสบถหัวเสีย ผมกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกสับสนปนงงกับตัวเองว่าจะพูดอะไรต่อดี
“แค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับคุณเบน เดี๋ยวผมไปฟิตเนส…” ผมกดปิดเฟซไทม์ไปพร้อมกับรอยยิ้มแกนๆ ทั้งน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมาบนแก้มผมนั่งฝึกเขียนเอสเส (Essay) สำหรับเตรียมสอบวัดระดับภาษาอังกฤษของตัวเองที่ทางภาควิชาภาษาตะวันตกจัดขึ้นให้เด็กปีสี่ทดสอบก่อนจะจบการศึกษา เพื่อเป็นการวัดว่าที่ร่ำเรียนมานั้นใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ผมก้มหน้าก้มตาเขียนเงียบๆ คนเดียวตรงโต๊ะใต้ตึกคณะ เพื่อนๆ เดินไปซื้อของกินกันที่ด้านหลังคณะ ผมเลยรับหน้าที่เฝ้าของให้
“คุณแมทครับ…” ยังไม่ทันได้เงยหน้ามอง ผมก็ทำหน้าเบื่อหน่ายทันที
“…ถ้าเขาโทรมา ผมก็มีคำตอบเดิมให้” ออสตินกับลังจะอ้าปากพูด แต่เสียงดังแต่ไม่ได้ดังลั่นเสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ของออสติน
“แมท! เปิดเครื่องเดี๋ยวนี้! คุยกันให้รู้เรื่อง… ติ๊ด!” ผมกระชากโทรศัพท์ของออสตินมากดปิดโปรแกรมสไกป์ในเครื่องเขา ทำการปิดเครื่องให้เสร็จสรรพแล้วยื่นมือถือคืนให้เขาไป
“คุณอยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาดูแลผมอีก ไม่ต้องเปิดเครื่องรับสายเขา หรือกดรับวีดีโอคอลอะไรทั้งนั้น เพราะผมก็จะทำแบบนี้อีก” ผมบอกเสียงนิ่ง หน้านิ่ง ออสตินมองผมด้วยความลำบากใจก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากโต๊ะที่ผมนั่งด้วยท่าทียอมแพ้ ผมถอนหายใจแผ่วเบา รู้สึกร้อนๆ ที่ขอบตา ผมเงยหน้าขึ้นมองเพดานด้านบนเพื่อระงับไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แต่เหมือนจะทำไม่สำเร็จ เพราะมันไหลออกทางหางตาทั้งสองข้าง
“อ้าว เฮ้ย ไอ้แมท ร้องไห้อีกแล้ว” เสียงของไอ้แชมป์ดังขึ้นพร้อมกับอ้อมกอดของมันที่โอบผมไว้ พอมีที่พึ่งพิงผมก็ปล่อยน้ำตาร่วงออกมาอย่างรุนแรง ผมไม่ได้ร้องไห้โฮ แต่น้ำตามันไหลพรากออกมา เสียงสะอื้นมาเป็นช่วงๆ ไอ้แชมป์ยกมือขึ้นถูแผ่นหลังผมเร็วๆ
“เอ้า ร้องเลย ร้องเป็นร้องวะ” ผมซุกหน้ากับอกของมัน ปล่อยให้น้ำตาไหลแรงจนเสื้อนักศึกษามันเปียกชุ่มไปหมด มือใครสักคนยกมาลูบหัวผมแผ่วเบา
“แมท คือฉันรู้นะว่าภาพที่เราเห็นกันอะ มันทำให้แกคิดมาก แต่ฉันอยากให้แกคุยกับวิคเตอร์ให้รู้เรื่อง ดีกว่าคิดมากไปเองแบบนี้เรื่อยๆ นะ” เสียงเก้าพูดอย่างอ่อนโยน มือมันก็ลูบหัวผมไปเรื่อย
สองวันแล้วที่ผมไม่ยอมพูดกับวิคเตอร์นับตั้งแต่วันนั้น วันที่ผมสไกป์หาเขาแล้วเขาไม่รับอย่างเคย เผอิญคุณเบนทักแชทเฟซบุ๊คผมมา เขาเลยเป็นฝ่ายเฟซไทม์มาหาผม บอกว่าเดี๋ยวจะพาไปเซอร์ไพรส์วิคเตอร์ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เพราะเสียงเพลงในร้านเหล้าอาจกลบจนไอ้ยักษ์มึนไม่รู้เรื่อง แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ผมได้ยินมันทำให้หัวใจผมเต้นแบบวูบวาบอยู่ในอก
“ฉันไปส่งอันเดรียนาแปบนึง แล้วเดี๋ยวกลับมา แกมีอะไรรึเปล่า”ถึงจะไม่เห็นภาพ เพราะคุณเบนเอาหน้าจอโทรศัพท์หันเข้าหาตัวเขาไว้ แต่แค่ได้ยินแค่นั้นก็ทำเอาผมลืมกลืนน้ำลาย ลืมกระพริบตา ลำคอแห้ง ปากแห้ง รู้สึกมึนชาไปกับสิ่งที่ได้ยิน พยายามห้ามภาพทั้งหลายที่ผุดขึ้นในหัวไม่หยุดหย่อน หลังจากตัดสายคุณเบนไปผมก็พยายามบอกตัวเองว่ามันไม่มีอะไร ให้ตั้งสติ เขาอาจะแค่ไปส่งกันเฉยๆ ก็ได้ แม้แค่ไปส่งกันแค่นั้นมันจะทำให้ผมว้าวุ่นใจอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็ไม่อยากคิดมาก คิดจุกจิกจนเกินไป เพราะวิคเตอร์บอกแล้วว่าระหว่างเขากับเธอจบคือจบ เขาอาจจะพบกันโดยบังเอิญ อันเดรียนาไม่มีรถ เขาเลยมีน้ำใจไปส่ง ผมพร่ำบอกตัวเองให้มองแฟนตัวเองว่าเขาจะไม่ทำอะไรไม่ดีลับหลังผม มันก็พอจะทำใจได้ ถ้าเช้าวันต่อมาผมจะไม่เห็นภาพหลุดจากปาปาราซซี่
ภาพแบ่งเป็นสองเซ็ท เซ็ทแรกคือตอนวิคเตอร์จูบกับอันเดรียนาหน้าร้านเหล้า ผมไม่รู้ว่าจังหวะนั้นวิคเตอร์ทำยังไง คิดจะผลักเธอออกมั้ย หรือแค่จูบแบบปกติทั่วไป ผมสับสนไปหมด ใจผมสั่นกับภาพที่เห็น ขอบตาร้อนผ่าว ตัวผมเย็นเฉียบ มือไม้ชาไปหมด แต่ที่ทำเอาน้ำตาผมร่วงคือภาพเซ็ทที่สอง ที่วิคเตอร์จูบกับอันเดรียนาตรงสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งในข่าวบอกว่านั่นคือแมนชั่นของอันเดรียนา ผมพยายามแล้วที่จะหยุดความคิดเยอะ คิดมากของตัวเอง แต่ภาพเขาประคองพากันหายเข้าไปในแมนชั่นนั่นมันคืออะไร วิคเตอร์เข้าไปทำไม เขาเข้าไปทำอะไร เขาคิดอะไรอยู่ถึงทำแบบนี้ คำถามมากมายวิ่งแล่นในหัวผมไม่รู้จบ และไม่ว่าเขาจะเข้าไปนอนกับเธอหรือไม่ แต่สิ่งที่เขาทำมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ผมยิ้มหน้าบานแน่นอน
“แก… ภาพมันชัดขนาดนั้น แล้ววันนั้นเขาก็ไม่โทรกลับมาอีกเลยเว่ย…” เสียงผมถูกก้อนสะอื้นกลืนหายไปในลำคอ วิคเตอร์ไม่ได้ติดต่อกลับในคืนนั้น (ของนิวยอร์ก) เขาหายไปทั้งคืนของที่นู่น ก่อนนอนผมก็รอว่าเขาจะคอลมา แต่เปล่าเลย ไม่มีการติดต่อมา ผมไม่กล้าโทรไป ผมกลัวว่าจะได้ยินอะไรเข้ามาในโสตประสาทอีก ผมเลยนอนหลับไปทั้งน้ำตา คืนนั้นทั้งคืนผมหลับแบบที่สมองไม่ยอมหยุดคิดภาพระหว่างเขากับอันเดรียนาบนเตียงเลยสักนิด พอตื่นเช้ามาผมก็เห็นมิสคอลเป็นร้อยสาย แต่ตอนนั้นผมเลือกจะหนี ใจผมสั่นไปหมด
ผมไม่ได้เล่าอะไรให้ใครฟัง แต่พอเพื่อนๆ เห็นข่าวพร้อมกับเห็นสีหน้าผม ทุกคนก็รู้ว่าเกิดเรื่องระหว่างผมกับวิคเตอร์แน่ๆ แถมออสตินยังคอยวนเวียนอยู่แถวตึกคณะไม่ยอมไปไหนอีก ผมหนีกลับบ้านเองมาสองวัน ออสตินก็ไม่กล้ามาบังคับผมมาก อาจเพราะเห็นอารมณ์ผมที่นิ่งผิดวิสัยจนไม่กล้าเอ่ยปากพูดมากใดๆ ได้แต่ยอมปล่อยให้ผมหนีกลับบ้านกับเพื่อนๆ เอง ผมไม่ต้องการอยู่กับออสตินตามลำพัง ไม่งั้นเขาก็จะยัดเยียดให้ผมคุยกับเจ้านายเขาให้ได้ ผมคุยกับวิคเตอร์แน่ๆ แต่สภาพจิตใจผมตอนนี้มันทรุดเกินกว่าจะทรงตัวได้ แต่มันต้องกลับมาทรงตัว ตั้งตรงได้แน่นอน และตอนนั้นผมจะคุยกับเขาอย่างมีสติ ไม่ลนลน ไม่โวยวาย เขาเองก็อารมณ์เสียที่ผมไม่ยอมรับสาย ไม่ยอมรับการติดต่อจากเขาแม้แต่ทางเดียว ถึงขั้นให้บาสมาหาผมที่มหาวิทยาลัยเมื่อวานนี้ก็ทำมาแล้ว แต่ผมก็บ่ายเบี่ยงไม่คุย ผมอยากคุย ผมจะคุยเอง คุยตอนนี้ผมคงเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายและคงรับฟังสิ่งที่เขาพูดด้วยอาการสติขาดๆ เกินๆ
ไม่ว่าเขาจะกลับไปเอากับเธอหรือไม่ ยังไงผมก็ต้องคุย เคลียร์ให้รู้เรื่อง ผมไม่ปล่อยไว้แบบนี้แน่ ถ้าเขานอกใจจริง ผมก็จะให้เขาไป จะง้อ จะขอโทษยังไง ผมรับหมด แต่ผมไม่เอาแบบนี้แน่ๆ ไปเถอะ อยากไปก็ไป อยากกลับไปนัก ผมจะให้ไป แต่อย่าทำให้ผมเสียใจหรืออยู่กับความระแวงแบบนี้อีก
“เขามีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจริงเหรอวะ โอ๊ย ดีออก” เสียงแคทดังขึ้น เดาว่าหน้าตามันคงอารมณ์เสียน่าดู ไม่มีใครรู้รายละเอียดเรื่องอันเดรียนา รู้จากข่าวแค่ผิวเผิน แต่นั่นก็เป็นแค่ข่าวกอซซิป ส่วนดีเทลลึกๆ นั้นผมรู้จากปากวิคเตอร์แล้วแต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง
“เอาแบบตรงๆ นะมึง ผู้ชายกับผู้หญิงสองคนประคองขึ้นคอนโดขนาดนั้น แม่งโคตรน่าคิด กูเห็นภาพกูยังคิดเลย…” ผมได้ยินพวกเพื่อนผู้หญิงจิ๊ปากใส่ไอ้วอร์มกันระงม พวกนั้นคงไม่อยากให้ผมได้ยินอะไรแบบนี้
“…ไม่มึง มันอาจจะไม่มีอะไร เขาอาจจะเดินไม่ไหวเพราะอะไรสักอย่าง ผัวมึงเลยประคองไปส่ง แต่พ้อยท์หลักแม่งคือมันเป็นผัวมึงอ่ะ มึงเป็นเมียมัน มันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเว้ย ควรมีระยะห่างบ้าง ไอ้เหี้ย แล้วรูปจูบนั่นแม่งก็พาคิดไปไหนต่อไหน” ไอ้วอร์มพล่ามออกมาเสียงเครียด พ้อยท์หลักที่มันว่าก็คือความคิดของผมเช่นกัน
“จะยังไงก็แล้วแต่ แกคุยกับเขาก่อนนะ เคลียร์กันให้ชัดเจนก่อน” แบมบอกด้วยสีหน้าเป็นห่วง ผมดึงหน้าออกจากอกไอ้แชมป์ หันไปพยักหน้าให้แบม ยกสองมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม
“คุย คุย ยังไงก็คุย แค่ตอนนี้ยังคุยไม่รู้เรื่องหรอก ฉันมีแต่น้ำตา อย่าง…” ผมสะอื้นจนเสียงพูดหาย เก้าตบไหล่ผมแปะๆ ทุกคนทำสีหน้าไม่ค่อยดีนัก มองมาที่ผมด้วยความเป็นห่วง ผมดีใจที่อย่างน้อยครั้งนี้ผมร้องไห้แล้วมีเพื่อนมาคอยเป็นกำลังใจให้อยู่รอบตัว แม้กลับบ้านไปอาจจะมีใจหายวูบวาบไปบ้าง ผมเลยโหมออกกำลังกายที่ฟิตเนสหนักๆ กับพวกไอ้แชมป์ ไอ้วอร์ม เพื่อให้ร่างกายเหนื่อยจัดๆ กลับไปจะได้เมื่อยมากๆ และนอนหลับไวๆ
“กูปวดใจว่ะ ทำไมพี่พระเอกกูเขาถึงเป็นคนแบบนี้วะ” แคทจิ๊ปาก ส่ายหัวไปมาอย่างเชื่องช้า สีหน้าของมันผิดหวังพอๆ กับสายตา
“เขาแสดงออกชัดเจนเลยนะว่ารักแกมากกก แต่แม่งอารมณ์ไหนวะถึงได้ไปจูบกับผู้หญิงคนอื่น แถมยังพากันขึ้นไปบนคอนโดฯ อีก ห่าเอ๊ย” เหมียวบ่นบ้าง สีหน้ามันดูไม่เข้าใจวิคเตอร์อย่างมาก อย่าว่าแต่มันเลย ผมเองยังไม่เข้าใจเขาเลยว่าเขาคิดอะไร ทำไมทำแบบนั้น ความรักที่เขาแสดงออกมาให้ผมเห็นนักหนานั่นหายไปไหน ถ้าแค่มองผู้หญิงปกติหรือชมผู้หญิงสวยๆ หุ่นดีๆ ปกติทั่วไป ผมจะไม่อะไรเลย เพราะยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย ไม่ผิดหรอกถ้าเขาจะมอง แต่ถึงขั้นจูบกันแบบนี้ ขึ้นห้องกันแบบนี้ ผมรับไม่ไหวหรอก แม้จะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขามีอะไรกันหรือเปล่า แต่มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่จะสามารถดับอาการคิดมากกันได้ง่ายๆ ถึงผมจะเคยบอกให้เขาป้องกันหากไปมีอะไรกับคนอื่น แต่เอาเข้าจริงแล้วมันทำไม่ได้หรอก นั่นแฟนเรานะ
“แล้วมึงจะคุยกับมันเมื่อไหร่” แววตาของวอร์มมีแววเครียด ผมเม้มปากส่ายหัวไปมาเชื่องช้า
“ขอเวลาอีกสักวันสองวัน เดี๋ยวกูคงติดต่อเขาไปเอง ตอนนี้มันรวนไปหมด กูกลัวตัวเองพูดไม่รู้เรื่อง” ทุกคนพยักหน้าเบาๆ
ผมปิดโทรศัพท์ตั้งแต่วันที่ตื่นมาเจอมิสคอลจากวิคเตอร์เป็นร้อยๆ สาย พ่อกับแม่ถามก็บอกว่าโทรศัพท์พังอยู่ กำลังส่งซ่อม แต่จริงๆ แล้วผมต่างหากที่พัง มันอาจไม่ได้พังรุนแรงมาก แต่มันก็เป็นความเสียใจที่เกิดขึ้น มีครั้งหนึ่งวิคเตอร์ตะโกนออกมาจากโทรศัพท์ออสตินว่าผมว่า
อย่างี่เง่า อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ มันไม่ใช่แบบที่ผมเห็น แล้วผมต้องเห็นเป็นแบบไหน ต้องคิดตรงข้ามใช่มั้ย เรื่องแบบนี้มันใช่เรื่องที่ผมต้องมานั่งยิ้มและทำเป็นว่าไม่มีอะไรงั้นเหรอ สิ่งที่ผมกำลังแสดงอยู่นั้นมันไม่ใช่อาการของคนที่เห็นแฟนตัวเองจูบอยู่กับคนอื่นแล้วพากันขึ้นไปที่รโหฐานกันสองคนงั้นเหรอ ผมต้องยิ้มและบอกว่า
เฮ้ ไม่เป็นไรใช่มั้ย
“เป็นฉันคงบุกไปตบมันแล้วละ เอาแค่จูบกับคนอื่น มันสมควรเหรอวะ แกใจเย็นมากอะแมท” ผมไม่ได้ใจเย็นอย่างที่เหมียวมันบอกหรอก แต่ผมเพิ่งเคยเจอสถานการณ์แบบนี้กับตัว ผมเพิ่งเคยเจอความรู้สึกที่ว่าแฟนเราไปอี๋อ๋อกับคนอื่น เพราะผมไม่เคยมีแฟน ได้แต่เคยรับฟังปัญหาคนอื่น ตอนนั้นก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาว่ามันคงแย่พอดู แล้วพอผมเจอกับตัวเองบ้างมันก็แย่มากจริงๆ มันสั่น มันรวน ใจหวิวๆ อยู่ในอก
“เดี๋ยวค่อยว่ากัน วันนี้ไปฟิตเนส มึงไปอ่อยพวกเกย์ก้ามปูในนั้นเยอะๆ เลย ตั้งแต่มีผัวกูว่ามึงสวยขึ้นมาก” ผมหัวเราะทั้งที่น้ำตายังคลอเบ้าตากับคำปลอบใจเพี้ยนๆ ของไอ้แชมป์
ผมเช็ดน้ำตาจนแห้ง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หยิบขนมที่เพื่อนซื้อมากิน ครั้งนี้มันไม่ใช่การเศร้าแบบตอนรอเขา แต่มันเป็นความเสียใจ ผมถามตัวเองว่าเจ็บมั้ย ผมก็ไม่แน่ใจตัวเองว่ามันเจ็บหรือเปล่า มันก็คงเจ็บละมั้ง แต่เหมือนรู้สึกชาๆ เหมือนกับว่าใจมันคล้ายจะหลุดออกจากอกจนเบาโหวงตรงอกซ้าย
“เออ ยังดีที่มันแดกได้ ไม่ได้อดอาหารจะเป็นจะตาย” ผมยิ้มขำน้อยๆ จิ้มลูกชิ้นหมูปิ้งกับน้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้านหลังคณะเข้าปาก จะเศร้าจะเสียใจแค่ไหน ยังไงผมก็ไม่หยุดกินหรอก ผู้ชายคนเดียวมาทำให้ผมหยุดกินมันเป็นไปไม่ได้
เรานั่งทำงานกันอยู่ตรงโต๊ะจนถึงเวลาขึ้นเรียน ชั่วขณะหนึ่งผมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปได้ แบบว่าอาการจิตตก ใจหล่นนั้นหยุดเป็นชั่วขณะ ผมมีความรู้สึกว่าคนเราเวลามีปัญหาเรื่องความรัก มันเศร้า มันหมองหม่นก็จริง แต่มันก็จะมีสักช่วงนึงที่ไม่ได้จดจ่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมนั่งเรียนตามปกติ ก็ยังรู้เรื่อง ยังจดตามที่อาจารย์บอกได้อยู่ รู้สึกขอบคุณตัวเองที่มีสติ ไม่ได้ถึงขนาดจะเป็นจะตาย เอาแค่ร้องไห้ก็พอแล้วละ
“ไอ้บอดี้การ์ดนั่นมันยังอยู่รึเปล่าวะ” วอร์มถามตอนที่เราลงลิฟต์มาหลังจากเลิกเรียนในคาบบ่ายแล้ว
“ช่างเขาเถอะ” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ ผมไม่รู้ว่าหลังจากผมเลิกเรียนหรือหนีกลับบ้านไปแล้ว ออสตินไปที่ไหนยังไงต่อ ช่วงสองวันมานี้ผมไม่ได้สนใจ ไม่รู้ว่าเขาแอบไปเฝ้าผมที่ฟิตเนสหรือเวลาผมไปนอกสถานที่อื่นๆ บ้างหรือเปล่า
วันนี้ผมพกเสื้อผ้ามาเปลี่ยนสำหรับเล่นฟิตเนสเลย เนื่องด้วยมีเรียนคาบบ่ายพอดี พอเลิกเรียนไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มก็พาผมไปฟิตเนสใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัย ผมเล่นมาได้สองอาทิตย์แล้วละ แรกๆ ขาแทบจะก้าวไม่ออก ปวดร้าวระบมไปหมด ผมเล่นตามที่ไอ้วอร์มกับไอ้แชมป์แนะนำ ไม่ได้จ้างเทรนเนอร์ (วิคเตอร์ไม่ให้จ้าง) ก็วิ่งไปตามเรื่องตามราว ยกเวท ซิทอัพ แต่ผมชอบเล่นโยคะกับเต้นแอโรบิค รู้สึกว่ากล้ามเนื้อได้ยืดหยุ่นเยอะดี ผมไม่กะเอากล้ามแขนกล้ามท้องขึ้นหรอก แค่เล่นให้พุงน้อยๆ นั้นมันยุบลงไปบ้าง ผมเป็นคนเจ้าเนื้ออยู่แล้ว ไอ้วอร์มบอกว่าถ้าออกกำลังกายให้หุ่นเฟิร์มเข้ารูปเข้าส่วนก็จะดี จะได้มีอกเป็นอก เอวเป็นเอวมากขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมอยากสุขภาพแข็งแรง มีกล้ามเนื้อที่ทนทานต่อแรงของไอ้ยักษ์เวลาร่วมรักกัน
“แล้วมึงไปหาหมอตามที่ผัวมึงบอกรึยัง” แชมป์ถามตอนที่เราเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว
“ไปมาก่อนเกิดเรื่องนั่นแหละ” ผมไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลมา เนื่องด้วยจากการที่ผมกับเขามีอะไรกันแล้วผมเลือดออก เลยแอบกลัวว่าจะติดโรคอะไรหรือเปล่า โชคยังดีที่ผลตรวจเลือดผมปกติ แต่หมอก็บอกว่าควรงดกิจกรรมทางเพศสักระยะ แล้วเวลามีอะไรกันก็อย่ารุนแรงมากนัก หรือให้ดีเลยคือควรสวมถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ทางด้านหลัง ผมไม่ได้เลือดออกทุกครั้งก็จริง แต่ผมคิดว่าถ้าไม่มีเลือดเลยจะดีกว่า หมอเลยแนะนำให้ออกกำลังกายแบบที่ผมกำลังทำอยู่ ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ทานผลไม้เยอะๆ สำคัญมากๆ คือดื่มน้ำให้บ่อยๆ อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ และควรตรวจเลือดทุกสามเดือน ผมจำคำแนะนำของคุณหมอเอาไว้ เรื่องงดกิจกรรมทางเพศ ตอนนี้ผมก็งดมาเดือนนึงแล้ว และผมคิดว่าร่างกายผมเริ่มมีกล้ามเนื้อขึ้นมาบ้างแล้วนะ ส่วนเรื่องที่วิคเตอร์ชอบมีอะไรรุนแรงกับผม จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะบางทีมันก็เร้าใจดี (อ้าว) คืออย่างที่บอกว่าไม่ได้เลือดออกทุกครั้ง ผมก็ยังงงๆ กับระบบร่างกายตัวเองอยู่ คิดว่าถ้าออกกำลังกาย ทานอาหารให้ครบและดื่มน้ำไม่ขาด มันน่าจะโอเคขึ้นหรือเปล่า ส่วนวิคเตอร์นั้นเขาตรวจเลือดเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งผลก็ออกมาปลอดภัยไร้กังวล
“โอย…” ผมโอดครวญอยู่คนเดียวตอนที่กำลังซิตอัพ ช่างปวดกล้ามท้องเหลือเกิน แต่ไอ้วอร์มบอกว่ามันต้องทำซ้ำไปเรื่อยๆ ผมก็ซ้ำมาสองอาทิตย์แล้ว ทำไมมันยังปวดอยู่เลยอะ หรือมันต้องแรงกว่านี้รึเปล่า
“Hey, be calm. Don’t be hard, your muscle is gonna be hurt. (เฮ้ ใจเย็น โหมหนักขนาดนั้นเดี๋ยวกล้ามเนื้ออักเสบ)” ผมใจกระตุกนิดๆ ตอนที่ได้ยินสำเนียงภาษาอังกฤษของเสียงทุ้มนุ่มๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น ผมหันหน้าเหนื่อยๆ ไปมองก็เห็นผู้ชายฝรั่งตัวสูง ตัวใหญ่ กล้ามโต ไหล่กว้าง อกแน่น (แน่นจริง) กล้ามท้องเป็นลูกอยู่ใต้เสื้อออกกำลังกายรัดติ้วจนเห็นเป็นลอนกล้ามท้องชัดเจน โครงหน้าชัดเจน ไม่เล็กแหลมมีเคราสีน้ำตาลทองจางๆ ประดับดับอยู่ จมูกโด่งมน ดวงตาสีเทาที่มองมาทางผมคู่นั้นสว่างไสว รับกับแพขนตายาวงอนอย่างดี ผมแอบงงและตกใจเบาๆ กับตัวเองว่าทำไมมีฝรั่งอยู่ในฟิตเนสในเมืองไทย มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ใครๆ ก็มาใช้บริการได้ แค่แปลกใจว่ามีฝรั่งด้วยเหรอ
“Oh—okay. Thanks. (โอ้ ครับ ขอบคุณมาก)” ผมยิ้มยิงฟันแห้งๆ ให้ฝรั่งกล้ามโตอกแน่น คือเห็นเขาแล้วต้องร้องหูวในใจ เป็นฝรั่งตัวใหญ่ที่พูดได้เลยว่าใหญ่ อย่างวิคเตอร์ร่างสูงใหญ่ก็จริง แต่ผมว่าเขาไม่ใช่ฝรั่งสายกล้าม แต่คนนี้ท่าทางจะมาสายกล้าม หรือเพราะเขาแค่มีกล้ามเยอะจนผมไปจัดหมวดให้เขาอยู่ในสายกล้ามเองก็ไม่รู้
“เล่นมานานเท่าไหร่แล้วครับ” เขาชวนผมคุยต่อ ผมอ้าปากหวอนิดหน่อย พยักหน้ามึนงง ในหัวทบทวนคำตอบที่จะพูดกับเขา
“เกือบสามสัปดาห์แล้วละครับ” เขาพยักพร้อมรอยยิ้ม เขาเป็นคนหน้าตาไม่ได้หล่อมาก แต่ผมว่าเขาดูดี ไม่ใช่หน้าหล่อ แต่หน้าดูดี สัดส่วนบนใบหน้าเขาลงตัวเลยทำให้หน้าดีมั้ง บวกกับหุ่นอันกำยำที่ไม่ใช่กำยำน่ากลัว เรียกว่าอะไรดีเป็นคนมีเสน่ห์เงี้ยอะเหรอ อาจคล้ายๆ กับวิคเตอร์ที่ไม่ได้หล่อเวอร์แต่มีเสน่ห์ชวนมอง
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ค่อยๆ ไปก็ได้ แค่มีวินัยทำสม่ำเสมอ” ผมยิ้มแก้มอิ่ม เขายิ้มใจดีกลับมา ท่าทางเขาจะอายุมากกว่าผม แต่เขาก็ดูไม่แก่เลย ดูอบอุ่นในแบบผู้ใหญ่ เส้นผมเขาก็ไม่ได้หงอกอะไร เป็นสีโค้กเข้มสวยอีกต่างหาก
“คุณคงเล่นมานานแล้วแน่ๆ ดูกล้ามสิ” ผมหัวเราแฮะๆ ชี้นิ้วไปที่กล้ามอกกับกล้ามแขนของเขา แอบตาเป็นประกายนิดหนึ่งตอนเห็นรอยสักบนแขนขวากับตรงเนื้อมกล้ามด้านในตรงท่อนแขนขวาของเขา (รอยสักดึงดูดผมได้ดีเสมอ)
“ผมชอบออกกำลังกายน่ะ แล้วพอดีมีเพื่อนเป็นเทรนเนอร์ เลยช่วยผมได้เยอะเลย” ผมทำปากรูปตัวโอ เบิกตากว้างมองอีกฝ่าย
“ที่นี่เหรอครับ เพื่อนคุณเป็นเทรนเนอร์ที่ไทยเหรอ” ผมถามด้วยความตื่นเต้น ปกติผมก็จะเคยเห็นแต่เทรนเนอร์เป็นคนไทยนะ ก็แน่ละ ที่นี่มันเป็นประเทศไทย แต่แบบว่าเพื่อนเขาอาจจะลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่
“เปล่าหรอก เขาเป็นเทรนเนอร์อยู่อเมริกา” ผมพยักหน้าเข้าใจ สายตายังมองเขางงๆ อยู่
“แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ ผมหมายถึงว่า ส่วนมากผมเห็นแต่คนไทย” เขายิ้มดูดีก่อนจะตอบเสียงนุ่ม เสียงเขาทุ้มหูดีจัง
“พอดีว่ามาทำธุระบางอย่างที่ไทยน่ะ แต่ฟิตเนสเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันผมไปแล้ว เลยต้องมาออกกำลังกายที่นี่แหละ” โอ้ว น่าตื่นเต้นจุง (ตื่นเต้นอะไร?) เป็นฟิตเนสแอดดิค (Fitness addicted) นี่เอง สงสัยคงชอบออกกำลังกายมาก ขนาดว่ามาทำงานยังต้องแวบมาออกกำลังกาย
“เอ่อ แล้วคุณอยู่เมืองไหนที่อเมริกาเหรอครับ ผมเคยไปอยู่นิวยอร์กมาสามเดือน” เขาเลิกคิ้วขึ้นคล้ายกับประหลาดใจนิดหน่อย
“บ้านผมอยู่ซานดิเอโก้ (Sandi ego) ครับ แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าอยากจะรับสอนออกกำลังกายที่นิวยอร์กกับเพื่อน” ผมเผลอยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย คือมันเป็นอารมณ์ประหลาดใจปนดีใจแปลกๆ ที่เจอคนในพื้นที่ที่เราเคยไป
“บังเอิญมากเลย นี่ผมก็มีแพลนจะไป…” ผมชะงักคำพูดที่กำลังจะบอกว่าตัวเองมีแพลนจะไปอยู่นิวยอร์ก (กับวิคเตอร์) ไว้ เพราะความคิดที่ว่าจะได้ไปแน่รึเปล่านั้นดันแทรกขึ้นมา ผมสลัดสีหน้านอยด์ตัวเองออกแล้วยิ้ม
“…มีแพลนจะกลับไปเที่ยวนิวยอร์กอีกรอบน่ะครับ”
“อ้า ถ้าไปที่นั่นบอกผมได้นะ ติดต่อผมผ่านเฟซบุ๊คก็ได้ เสิร์จชื่อว่า แซ็ค ไนท์ฮู้ด (Zach Knighthood)” ผมพยักหน้ารับเอ๋ออ๋า นึกในใจว่านี่เราสนิทกันแล้วเหรอ แต่ฝรั่งมักชอบเป็นแบบนี้นะ คุยกันแปบๆ ถ้าคุยถูกคอก็จะขอหรือให้ช่องทางการติดต่อไว้ แต่เอ๊ะ?! เขาคุยถูกคอกับผมงั้นเหรอ ไม่น่าจะใช่ อาจจะกำลังหาลูกค้าอยู่ก็ได้
“ผมจะจำไว้ครับ…” ผมยิ้มแก้มอิ่ม อีกฝ่ายยิ้มมีเสน่ห์กลับมา จากการคุยกันสักพักผมว่าเขามีเสน่ห์ทางเพศชวนดึงดูดมาก เช็กได้จากสายตาของเหล่าเก้งกวางในฟิตเนส จ้องหุ่นคุณแซ็คตาเป็นมันเลย แล้วยิ่งเหงื่อชโลมทั้งหน้าทั้งตัวเขาแบบนั้น มันทำให้รู้สึกว่าเขาฮ็อต
“…แล้วนี่คุณจะอยู่ไทยนานแค่ไหนครับเนี่ย”
“อีกสองอาทิตย์ก็กลับแล้วครับ ทำธุระเสร็จว่าจะอยู่เที่ยวต่ออีกสักพัก” ผมพยักหน้าหงึกหงัก แซ็คยกมือขวาขึ้นมาลูบคาง สีหน้าครุ่นคิด
“ว่าแต่คุณชื่ออะไรเหรอ”
“อ้อ ผมชื่อแมทครับ”
“ขอโทษที่เสียมารยาท แต่ว่าคุณอายุเท่าไหร่ครับ” ผมบอกอายุตัวเองไป แซ็คทำหน้าทึ่งปนตกใจนิดหน่อย
“หน้าเด็กมากเลย ผมนึกว่าคุณจะแค่สิบเจ็ดสิบแปด” ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะคนเอเชียกับคนตะวันตกนั้นมีการเหลื่อมล้ำทางใบหน้าและอายุเป็นเรื่องปกติ คนเอเชียส่วนมากก็จะหน้าเด็กกว่าอายุจริง ที่จริงคือก็เหมาะสมกับหนังหน้าและอายุแล้วละ เพียงแต่ฝรั่งเนี่ย บางคนตัวโต หน้าแก่เกินวัย แต่ไม่ใช่แก่หงำ สมมุติบางคนอายุสิบแปด แต่กลับมีใบหน้าคล้ายยี่สิบปลายๆ แล้วก็มี
“ผมรู้สึกเป็นลุงคุณยังไงก็ไม่รู้” ผมหัวเราะแล้วลองถามอายุเขาแบบมีมารยาท เขาอายุมากกว่าวิคเตอร์สามปี ผมว่าเขาก็ยังไม่ได้แก่ตีนกาขนาดนั้นนะ เรียกได้ว่าอายุเท่านี้แต่ก็เหมาะสมกับใบหน้าของเขา
“ลุงไนท์ฮู้ด” เขาแสร้งทำหน้าหยี ผมหัวเราะเสียงแผ่ว เขายิ้มกว้างตาม และบอกว่าให้ผมเรียกเขาว่าแซ็คก็ได้ เขาไม่ถือ
“ผมช่วยสอนออกกำลังกายมั้ย ฟรี ไม่คิดตังค์ ถือว่าผมได้ฝึกก่อนลงสนามจริงด้วย” ผมยิ้มตาแป๋ว ก่อนจะพยักหน้ารับคำชวนของเขา แซ็คเลยมาช่วยผมสอนออกกำลังกาย
ถือว่าเขาเป็น (ว่าที่) เทรนเนอร์ที่ดีมาก เขาสอนว่าแต่ละท่าควรออกกำลังในสัดส่วนเท่าไหร่ ควรออกอย่างไรเพื่อให้ได้กล้ามเนื้อที่สมบูรณ์โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวมาก ผมบอกเขาว่าผมอยากให้อกเป็นอก เอวเป็นเอว ขอสะโพกแน่นเพื่อรองรับแรงกระแทกได้ดี (ผมไม่ได้บอกเหตุผลข้อนี้กับเขานะ) กล้ามท้องเอาเล็กน้อยพองามตามสัดส่วนร่างกายของผม เขาก็แนะนำให้ผมกินอาหารคลีนควบคู่ไปด้วย เพราะพุงน้อยๆ ของผมนั้นเป็นพุงแบบไขมันส่วนเกิน
“อยู่ที่บ้าน แพลงกิ้งเซ็ทละหนึ่งถึงสองนาที ทำสักสิบเซ็ท มันก็จะช่วยได้นะ” เขาว่าพลางช่วยยกตัวผมให้ซิทอัพตามจังหวะแผ่วเบา ไม่หนักหน่วงเท่าตอนที่ทำเอง
เขาสอนให้ผมลองยกราวเหล็กที่ผมเคยเห็นในกีฬายกน้ำหนักด้วย อยากจะถามพวกที่เป็นนักกีฬาด้านนี้เหลือเกินว่าไปเอาพลังแขนมาจากไหนกัน ผมยกครั้งแรกแขนจะหัก ดีที่มีคุณแซ็คช่วยประคองราวเหล็กเอาไว้ ยกได้ไม่กี่ครั้งผมก็หอบแฮกแล้ว
“อย่างที่บอก ไม่ต้องเล่นเยอะหรือหนักมาก แต่ให้เล่นอย่างมีระเบียบวินัย รับรองได้ตามที่ใจต้องการ” เขายิ้มให้กำลังใจ ผมยิ้มเหนื่อยๆ กลับไปให้เขา นั่งหอบอยู่บนเบาะนอนสำหรับยกราวเหล็ก
“ไปนั่งพักก่อนมั้ย” ผมพยักหน้าทั้งที่ยังหอบ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินเคียงข้างร่างใหญ่ๆ ของแซ็คไปตรงโซนนั่งพัก เดินผ่านไอ้วอร์มกับไอ้แชมป์ที่กำลังยกเวทกันอยู่
“ขอนั่งพักก่อนนะ” ผมบอกเสียงเหนื่อยพลางโบกมือพัดเรียกลมเข้าหาตัว
“ผัวใหม่เหรอวะ หาเร็วดีนี่หว่า ล่ำกว่าเก่าด้วย” ผมเอาผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กฟาดหัวไอ้แชมป์ไปหนึ่งที ก่อนที่จะแนะนำแซ็คให้พวกมันได้รู้จัก และแนะนำพวกมันให้แซ็ครู้จักด้วยเช่นกัน ทั้งสามคนคุยกันนิดหน่อยแล้วผมขอตัวไปนั่งพักโดยมีเพื่อนใหม่ตัวโต (มาก) ตามไปด้วย
TBC.
ไม่ได้ดราม่าใหญ่โตมากเนอะ ตอมไม่อยากให้มันตู้มมมแล้วเป็นโกโก้ครั้นช์ แต่อยากให้บรรยากาศมันหม่นๆ หน่อยๆ ซึ่งเป็นความโรคจิตมาก 555555
เอาแซ็คมาขั้นสักครู่ ก็ต้องบอกว่าหน้าด้านมากที่เปิดตัวพี่แกแบบนี้ 55555 แซ็คเป็นหนึ่งในพระเอกเซ็ท ซีรีส์พี่พระเอก หรือ The Actor Series ค่ะ เปิดตัวเขาแล้ว เรื่องแซ็คคงตามมาเป็นเรื่องที่สอง แต่คงยังไม่ออกทันทีอะนะคะ ถ้าวิคเตอร์กับแมทจบ ตอมต้องไปเขียนพี่เขี้ยวกับน้องเรียวก่อน ก็สลับๆ กันไป เมืองนอกกับบ้านไร่เนอะ
สำหรับการเอาแซ็คออกมาตอนนี้คือเอามาเบรกอารมณ์ดราม่าของแมท ให้นางได้ลืมความช้ำใจไปบ้าง ให้นางได้ดี๊ด๊าบ้างกับการได้เจอผู้ชายมีรอยสัก
เจอกันกับส่วนต่อไปค่ะ สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน
