Only You :: EP.19 [100%]เวลาที่เหลือ เราสองคนก็หันไปร่วมวงสนทนากับพวกเบนเนดิคท์ คุยย้อนไปถึงวันที่พวกเราไปเที่ยวด้วยกันในช่วงเวลาที่พวกวิคเตอร์อยู่ไทย บางเรื่องพูดแล้วก็ขำ บางเรื่องพูดแล้วก็อับอาย แต่ทุกเรื่องล้วนแต่ทำให้ผมมีความสุขทั้งนั้นนั่นแหละ เพราะว่าในเรื่องราวเหล่านั้นมีผู้ชายที่กำลังกอดผมอยู่บนตักตัวเองแน่นไม่ยอมปล่อย นึกแล้วก็ใจหายที่เขาจะบินกลับแล้ว พอเขากลับไป เราก็จะอยู่ไกลกัน อยู่กันคนละช่วงเวลา ผมแอบคิดไปว่าเรื่องเวลาและระยะทางนั้นจะเป็นอุปสรรคต่อเรามากน้อยแค่ไหน มันจะเป็นอย่างที่เขาพูดๆ กันมามั้ยนะว่า
รักแท้แพ้ระยะทาง “ฉันว่าเราน่าจะไปกันได้แล้วนะ” คุณเบนพูดไปพลางดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือไปด้วย พอถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องกลับ ผมก็ใจหายวูบวาบไปหมด ผมลุกขึ้นยืนเพื่อให้วิคเตอร์ลุกขึ้น พวกออสตินยกกระเป๋าเพื่อไปจัดการเรื่องการขนส่ง วิคเตอร์เดินจูงมือผมเดินตรงไปยังบันไดเลื่อนที่จะขึ้นไปเกทตรวจคนเข้าออกนอกเมือง น้องๆ แฟนคลับเดินตามหลังพวกเรามาเป็นขบวนใหญ่จนคนที่นั่งอยู่แถวๆ หน้าเค้าน์เตอร์สายการบินต่างๆ มองตามกันด้วยความสนใจ
“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น” วิคเตอร์ก้มหน้าลงมาถามเมื่อเห็นว่าผมมีสีหน้าหงอยๆ ผมแบะปากเล็กน้อย เงยหน้ามองหน้าเขาแล้วก็รู้สึกวูบโหวงในอก
“คุณจะคิดถึงผมมั้ย” วิคเตอร์ยิ้มงงๆ แต่ก็มีอาการขำขันปนมาด้วย
“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันอาจจะรู้สึกตลอดเวลาเลยก็ได้” ผมยกยิ้มบางๆ วิคเตอร์ดึงมือซ้ายที่จับมือผมอยู่ออก ยกขึ้นมาวางบนหัวผมแล้วจับโยกไปมา ก่อนจะเอามือลงไปวางไว้ที่ไหล่ซ้ายของผม
“ดูแลตัวเองดีๆ นะวิคเตอร์ อย่านอนดึกมากนะ บุหรี่ก็อย่าสูบเยอะ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ต้องสูบเลย ถ้าอยากสูบให้จดไว้เลยก็ได้ว่าผมต้องจูบคุณกี่ครั้งแทนการสูบบุหรี่ เดี๋ยวเจอกันคราวหน้าผมจะจูบคุณตามจำนวนนั้นเอง” ผมเป็นห่วงเขาเรื่องสูบบุหรี่ที่สุด เขาไม่ได้ติดจนขาดไม่ได้ก็จริง แต่ทางที่ดีผมว่าไม่ยุ่งกับมันเลยน่าจะดีกว่า
“งั้นฉันจะอยากสูบบ่อยๆ ก็แล้วกัน” เขายิ้มละมุน ผมยิ้มตอบกลับไป ยกมือซ้ายขึ้นมาจับมือซ้ายที่กุมไหล่ผมไว้
“ผมเป็นห่วงคุณนะ”
“ฉันก็เป็นห่วงนาย ออกกำลังกายบ้างนะ จะได้มีแรงเมคเลิฟกับฉันบ่อยๆ” ท้ายประโยคเขาก้มลงมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน ผมทำปากยื่นใส่ นี่เป็นห่วงผมแล้วสินะ ไม่ได้มีเจตนาอื่นเพื่อตัวเองแต่อย่างใด ช่างน่าปลาบปลื้มใจเหลือเกิน
“เอาละ ได้เวลาบอกลา
ชั่วคราวกันแล้ว” เราเดินมาถึงตีนบันไดเลื่อน ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาที่กำลังจ้องมองผมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์พอๆ กัน เขายิ้มมุมปากแล้วก้มลงมาหอมกลางกระหม่อมผมแบบที่เขามักชอบทำ ตอนที่ริมฝีปากเขาผละออกไป กระบอกตาผมก็ร้อนผ่าวขึ้นมา มันไม่ใช่การจากลาถาวรก็จริง แต่ผมก็คิดถึงเขา เราเพิ่งอยู่ด้วยกันแค่สองอาทิตย์เท่านั้นเอง
“เด็กน้อยงอแงซะแล้ว” เขาว่ายิ้มๆ แล้วน้ำตาผมก็ร่วงตอนนั้นทั้งรอยยิ้มนั่นแหละ มันไม่ใช่เศร้าจะขาดใจ แต่มันเป็นความเศร้าใจหาย ผมยกมือปาดน้ำตาทิ้ง ยกสองแขนโอบกอดเขาไว้ เอาหน้าซุกอกที่แสนอุ่น เขากอดตอบกลับมา ก้มลงมาหอมกลุ่มเรือนผมของผมซ้ำๆ
“เดี๋ยวฉันก็กลับมาอีก” เขาว่าเสียงกระซิบ ยกมือลูบหัวปลอบโยนผมยกใหญ่ น้ำตาผมไหลเงียบๆ และพูดเสียงอู้อี้ที่อกเขา
“อย่าหายไปแบบไม่ติดต่อกันอีกนะ”
“คิดว่าฉันจะปล่อยโอกาสให้นายไปมีใครอีกเหรอ ฮึ” เสียงเขาทุ้มน่าฟัง ผมหัวเราะเสียงเบา ส่ายหน้าเช็ดน้ำตากับเสื้อเชิ้ตสียีนน้ำเงินที่เขาใส่ พอผละออกจากอกก็เห็นเขายิ้มหล่ออยู่ ได้ยินเสียงชัตเตอร์แว่วๆ และเสียงฮือจากกลุ่มน้องๆ ที่มาส่งวิคเตอร์ด้วย
“ไม่ต้องห่วงนะแมท ถ้ามันคิดจะมีชู้ละก็ เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง” คุณเบนเดินเข้ามาสมทบกับเราสองคน ผมยิ้มทั้งที่น้ำตายังอาบแก้มอยู่ คุณเบนยื่นมือจะมาเช็ดน้ำตาให้ก็โดนมือวิคเตอร์ปัดออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับทำหน้าดุใส่เพื่อนตัวเอง คุณเบนซึ่งเป็นผู้ที่ไม่คิดอะไรมากก็ได้แต่ยักไหล่และยิ้มกวนๆ แถมยังมีการส่งมือมาจับแก้มผมเร็วๆ อีก วิคเตอร์มองตาขวาง สบถว่า
Fuck ใส่หน้าเพื่อนตัวเองแผ่วเบา บาสกับอันเดรหัวเราะกันใหญ่ พวกน้องๆ ที่ยืนมองก็หัวเราะตามไปด้วย
“ผู้ชายคนอื่นยกเว้นพ่อนายมาแตะเนื้อต้องตัวนายก็อยู่ในข้อห้ามนะ” กำลังซึ้ง เอากฎผีเข้าผีออกมาแทรกทำไมเนี่ย ผมย่นจมูกและกลอกตาใส่เขาหนึ่งที วิคเตอร์ถลึงตามองกลับมา ผมเลยต้องเปลี่ยนเป็นทำหน้ายิ้มแทน
“พี่แมทคะ พวกหนูซื้อขนมมาให้พี่วิคเตอร์ด้วย เขาจะเอาขึ้นเครื่องไปด้วยได้มั้ย” ผมกำลังจะตอบว่าได้ แต่พอเห็นจำนวนขนมที่น้องๆ ซื้อมาแล้วก็เปลี่ยนใจ ยิ้มแหยขึ้นมาทันที
“พวกเขาซื้อขนมมาให้คุณ แต่ผมว่าคุณเอาขึ้นเครื่องไม่ได้แน่เลย” วิคเตอร์มองไปยังจำนวนขนมในมือน้องๆ แต่ละคน ส่วนมากดูเหมือนจะเป็นขนมไทยนะ
“นายเก็บไว้แล้วกัน นายกินก็เหมือนฉันกินนั่นแหละ” ผมขมวดคิ้ว เงยหน้ามองเขาที่ทำสีหน้าสบายๆ อยู่
“เหมือนได้ไง ผมกินก็เข้ากระเพาะผมสิ” เขาคลี่ยิ้ม คลายอ้อมแขนออกจากตัวผม ยกสองมือมาบีบแก้มผมไว้จนปากผมยู่
“นายกับฉันก็เหมือนคนเดียวกันนั่นแหละ อย่าลืมสิว่า
นายยกชีวิตให้ฉันดูแลแล้วนะ” หูย ปากหวาน ไม่คิดว่าเขาจะเสี่ยวได้อย่างนี้ ใครว่าฝรั่งพูดเสี่ยวไม่เป็น ไม่จริงนะ แค่รูปประโยคที่เขาพูดอาจไม่เสี่ยวเท่าเวลาแปลเป็นไทยเท่านั้นเอง
“แหวะ~” ผมแกล้งทำท่าจะอ้วกกลบเกลื่อน วิคเตอร์ยิ้มด้วยความมันเขี้ยวและออกแรงจับหน้าผมบิดไปมาพักหนึ่งแล้วปล่อยมือออก ผมหันไปบอกน้องๆ ว่าขอเก็บขนมไว้ที่ผมแล้วกัน แต่ไม่ได้บอกประโยคหวานเลี่ยนนั้นให้พวกน้องเขาฟังด้วย บอกแค่ว่าวิคเตอร์ฝากขอบคุณ (ซึ่งอันที่จริงไม่มีเลย น้องๆ คงงงว่ามันพูดขอบคุณตอนไหน) แต่เขาเอากลับไปด้วยไม่ได้
“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเก็บไว้ที่พี่แมทก็ได้ พี่แมทกินได้เลยนะคะ เดี๋ยวคราวหน้าพี่วิคเตอร์มาพวกหนูจะเอามาให้ตอนช่วงที่เขาอยู่ไทย” ผมยิ้มรับ เดินเข้าไปรับขนมจากพวกน้องๆ ผู้ใจดี อันที่จริงผมอยากจะบอกว่าเก็บเงินไว้ซื้อของให้ตัวเองทานจะดีกว่า แต่ก็กลัวจะเสียน้ำใจ เพราะน้องเขาคงตั้งใจเอามาให้ แต่ผมแค่รู้สึกว่ามันเยอะมากเลย
“พี่การ์ดครับ ผมฝากถือได้มั้ย” พี่บอดี้การ์ดคนไทยพยักหน้าแล้วเรียงหน้าเข้ามารับของไปจากมือผมที่มันเยอะจนล้น พอรับของจนหมดผมก็กล่าวขอบคุณน้องๆ อีกที และถามว่าอยากถ่ายรูปกับวิคเตอร์อีกหรือเปล่า แต่ทุกคนมีมารยาทมาก เนื่องด้วยวิคเตอร์กำลังจะไปแล้ว น้องๆ เลยไม่อยากถ่วงเวลาถ่ายไว้
“แค่ที่อยู่ในกล้องก็เยอะแล้วค่ะ” ผมยิ้มให้หนึ่งในนั้น ก่อนขอตัวหันกลับไปหาวิคเตอร์ที่กำลังยืนคุยกับออสตินอยู่
“Take care of him very well. Don’t forget what I said, and do what I said seriously. (ดูแลเขาให้ดี อย่าลืมที่ฉันบอก และทำตามที่ฉันบอกอย่างจริงจังนะ)”
“Copy that. (รับทราบครับ)” ออสตินรับคำสั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาปรายตามามองผมเล็กน้อย แล้วค่อยเดินเลี่ยงออกไป
“เขาเหมือนทหารเลย”
“ออสตินเคยอยู่กองทัพสหรัฐฯ มาก่อน” ผมอ้าปากค้าง เริ่มรู้สึกว่าชีวิตตัวเองนั้นเวอร์เข้าไปทุกที มีบอดี้การ์ดก็ว่าเกินไปแล้ว นี่บอดี้การ์ดยังเคยอยู่ในกองทัพทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกด้วย โอ้ย ใครมันจะมาปองร้ายตูน้อออ แต่ขัดพระสวามีไม่ได้ไง เดี๋ยวพี่แกเอากระบองทุบหัวแบะ
“ไปเถอะ ได้เวลาแล้ว” คุณเบนหันมาบอก วิคเตอร์พยักหน้ารับ ผมกอดเขาแน่นๆ อีกที วิคเตอร์กอดตอบกลับมา น้ำตาที่แห้งไปแล้วเอ่อขึ้นมาที่ขอบตาอีกรอบ
“ฉันยังไม่รู้ว่าจะเคลียร์งานได้ตอนไหน แต่ฉันจะมาหาแน่นอน” ผมพยักหน้าหงึกหงัก น้ำตาหยดออกมาเงียบๆ
“ไปแล้วนะแมท” เสียงของอันเดรดังอยู่ใกล้ๆ ผมผละออกจากอกวิคเตอร์ หันไปยกมือบ๊ายบายให้เขา อันเดรอ้าแขนทำท่าจะขอกอด ผมก็ตั้งท่าจะเดินไป แต่ก็โดนไอ้ยักษ์ดึงแขนไว้แน่น
“Come on, dude! (ไม่เอาน่าไอ้วิคเตอร์)” อันเดรทำสีหน้าอ่อนใจ ผมหันไปทำสีหน้าอ้อน แต่วิคเตอร์กลับทำหน้านิ่งและส่ายหัว ผมถอนหายใจ อันเดร รวมไปถึงเบนเนดิคท์และบาสยังถอนหายใจตามๆ กัน
“ห้ามเกินหนึ่งนาที” ผมยิ้มกว้างเมื่อเขาอนุญาตด้วยสีหน้าหงุดหงิด เขาคลายมือที่จับแขนผมไว้ ผมเดินเข้าไปกอดคุณอันเดร เขากอดตอบกลับมาแน่น แถมยังแกล้งวิคเตอร์ด้วยการหอมแก้มผมไปหนึ่งที
“Son of a bitch! (ไอ้ห่านี่!)” เสียงกรรโชกแทบจะเป็นเสียงตะคอกดังขึ้นมาจากผู้ชายหน้ายักษ์ที่ตอนนี้เดินมาดึงผมออกไปจากอันเดรอย่างแรง คนหอมแก้มผมยักไหล่สีหน้ากวนอารมณ์ วิคเตอร์ขบกรามแน่น มองอันเดรด้วยสายตาคาดโทษ
“วิคเตอร์ นั่นเพื่อนคุณ” ผมเขย่ามือเตือนเขา วิคเตอร์มองเขม่นอันเดรที่ส่ายหัวด้วยสีหน้าเอือมระอากลับมา
“วิคเตอร์…” ผมเรียกชื่อเขาอีกที ไอ้ยักษ์ถอนหายใจ ก้มลงมามองผม เลื่อนมือขวาไปบีบก้นผมอย่างแรง คิ้วผมกระตุกเพราะความปวดวูบหนึ่ง
“อย่าทำแบบนี้กับผู้ชายคนไหนลับหลังฉัน เข้าใจมั้ย” เขาว่าเสียงกระซิบให้ได้ยินกันสองคน แต่น้ำเสียงเขานั้นเข้มตามสีหน้าตอนนี้
“วิคเตอร์ ทำไมเราไม่ลากันด้วยรอยยิ้มล่ะ” ผมว่าเสียงอ่อน วิคเตอร์จ้องหน้าผมครู่หนึ่งก่อนจะคลายมือที่บีบก้นผมออก ยกมือขึ้นมากดท้ายทอยผมให้เข้าไปรับจูบเขา ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ก็เผลอบตอบรับลิ้นเขาไปนิดหนึ่ง พอลิ้นเขาได้สัมผัสลิ้นผมเขาก็ผละออก สีหน้าดูอารมณ์ดีขึ้น
“ฉันไปแล้วนะ” ผมหน้าร้อนวูบวาบ มันคงแดงปลั่งไปหมด น้องๆ ที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ไม่รู้ว่าได้ถ่ายช็อตจูบไปรึเปล่า
“ปะ… ไปขอโทษอันเดรด้วยนะ” เขาพ่นลมหายใจหน่ายๆ ผมเลยพ่นลมหายใจแข่งกับเขาบ้างเช่นกัน เขายกสองมือขึ้นยอมแพ้และพยักหน้ารับไปเรื่อย ไม่รู้จะไปขอโทษจริงรึเปล่า เดี๋ยวต้องไปถามอันเดรหลังไมค์
“See you next time. (เจอกันครั้งหน้านะ)” เบนเนดิคท์พูดพลางโบกมือให้ผมกับบาส สองเท้าก็ก้าวขึ้นบันไดเลื่อนไป มีอันเดรยืนส่งยิ้มมาให้ตามหลัง ผมส่งยิ้มให้สองคนแรกและโบกมือลาพวกเขาอยู่ข้างบาส วิคเตอร์อยู่หลังสุด ผมยิ้มอ่อนโยน เขากระตุกยิ้มมุมปากกลับมา มือซ้ายจับสายกระเป๋าเป้ของผมที่ใส่ของของเขาไว้แน่น ผมยืนโบกมือให้ทั้งสามคนจนพวกเขาขึ้นไปด้านบน
“ไปยืนรอส่งตรงห้องกระจกตรงด่านตรวจอีกเปล่า” บาสหันมาถาม ผมพยักหน้าแล้วพากันเดินไปตรงที่บาสว่าพร้อมพวกออสตินและพวกน้องแฟนคลับ เรามายืนชุมนุมกันอยู่ตรงหน้ากระจกห้องตรวจเอกสารก่อนขึ้นเครื่อง
“เออ บาสได้คุยกับเอิร์ทบ้างมั้ย” ระหว่างรอพวกวิคเตอร์ลงบันไดเลื่อนจากชั้นบนมาด้านล่าง ผมก็ถามถึงประเด็นที่ค้างไว้
“ตั้งแต่กลับจากอเม’กา ก็คุยกันไปสองสามครั้งเองมั้ง มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่ได้มีอะไรใหญ่โตหรอก คือก่อนหน้านี้แมทลองคุยกับเอิร์ทดู หมายถึงว่าลองศึกษากันอะ” บาสมีสีหน้าประหลาดใจนิดหน่อย
“จริงดิ อันนี้บาสเพิ่งรู้ มันยังไม่ได้บอกบาสเลย”
“คุยกันแปบเดียวเอง แล้วเอิร์ทก็กลับไปหาขวัญ” บาสเบิกตากว้างตกตะลึง ผมยิ้มแห้ง พยักหน้าเป็นเชิงยืนยันอีกทีว่าที่พูดนั้นเป็นเรื่องจริง
“โหดสัส มันทิ้งแมทไปเลยอะเหรอ”
“ก็ไม่เชิงอะ คือวันนั้นขวัญเขาเมา ทักไลน์เอิร์ทมา ดราม่าใหญ่โตมาก สักพักก็โทรมาหาเอิร์ท บอกให้เอิร์ทไปหา แมทเลยให้เอิร์ทไปดูเขาหน่อย แต่เอิร์ทดันไปนอนกับขวัญ”
“เฮ้ย!” คราวนี้บาสดูตกใจจริงจังมากขึ้น สีหน้าเขาดูเหลือเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินจากปากผม
“แมทไม่ได้โกรธเอิร์ทนะ แค่งง”
“เออ บาสก็งง คือมันแม่งไม่น่าทำงี้กับแมท หมายถึงว่า มันทำท่าจะเลือกแมท ไปต่อกับแมทไง ไหงมันยังกลับไปหาเมียเก่าอีกวะ” ผมห่อไหล่ ส่ายหน้าว่าไม่รู้ บาสยกมือเกาหัว เขาจับขาแว่นขยับเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดด้วยความไม่เข้าใจ ผมกำลังจะอ้าปากพูดต่อ แต่หางตาหันไปเห็นพวกวิคเตอร์ลงบันไดเลื่อนมาพอดี เลยหยุดการสนทนาไว้แค่นั้น
น้องแฟนคลับทั้งหลายยกมือบ๊ายบายกันเป็นขบวนและส่งเสียงกู๊ดบายให้ด้วย สามหนุ่มนั้นส่งยิ้มมาให้และยกมือโบกกลับมา พวกน้องๆ เลยส่งเสียงดีใจกันใหญ่ ผมยิ้มให้วิคเตอร์ที่ยิ้มกลับมาและส่งสายตามามองผมคนเดียว ก่อนที่เขาจะหันตัวเดินไปทางเกทที่จะออกไปขึ้นเครื่อง ผมมองแผ่นหลังของทั้งสามคนด้วยความใจหาย
“เดี๋ยวพวกนั้นก็กลับมาอีก” ผมหันไปยิ้มให้บาส พยักหน้ารับคำเขา
“กลัวเรื่องระยะทางป้ะวะแมท” บาสถามต่อในขณะที่สายตาจับจ้องพวกวิคเตอร์ที่กำลังรับการสแกนร่างกายและตรวจเอกสารจากเจ้าหน้าที่อยู่
“บาสล่ะ กลัวมั้ย” เขาหันกลับมาสบตากับผมแล้วส่ายหัวนิดหน่อย
“ตอบไม่ถูกอะ เพิ่งเคยคบกับใครสักคนที่ต้องอยู่ไกลกันขนาดนี้” ผมอมยิ้ม บาสเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอหลุดพูดสถานะความสัมพันธ์ของเขากับเบนเนดิคท์ออกมา สีหน้าเขาเลยดูเก้อๆ เขินๆ
“ก็กลัวนะ แต่ก็ต้องเชื่อใจเขา” บาสพยักหน้ารับน้อยๆ
“ก็จริง ความเชื่อใจแม่งเป็นภูมิคุ้มกันเรื่องระยะทางที่ดีสุดแล้วมั้ง” เรายิ้มอ่อนๆ ให้กัน ผมหันกลับไปมองวิคเตอร์ เขาเหลียวหลังมามองพอดี เรายิ้มให้กันแวบหนึ่งก่อนที่เขาจะหันหน้าเดินตรงต่อไป
“กลับกันเลยมั้ย” บาสถามเมื่อทั้งสามคนเดินหายเข้าไปด้านในแล้ว ผมมองอย่างอ้อยอิ่งอีกเล็กน้อยพลางพยักหน้ารับคำบาสนิดหน่อย รู้สึกเหมือนใจหายแวบๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นโศกาอะไร อาจเพราะได้กอดเขาไว้และร้องไห้ไปพร้อมแล้วมั้ง ผมผ่อนลมหายใจเพียงนิดแล้วหันไปหาบาส
“เดี๋ยวให้ออสตินขับไปส่งบาสแล้วกันนะ”
“ส่งหอแล้วกัน หอบาสอยู่ใกล้ๆ สนามบิน” ผมพยักหน้าให้เขา หันไปพยักหน้าให้ออสตินเป็นเชิงชวนกลับ เขาพยักหน้าตอบรับกลับมาแล้วเดินนำพวกผมไปที่รถ
“กลับบ้านกันดีๆ นะครับ ขอบคุณมากเลยที่มา อาจจะเทคแคร์ได้ไม่ดีต้องขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ให้พวกเรามาส่งนี่ก็ดีใจมากแล้ว” ผมยิ้มให้พวกน้องๆ พร้อมกับก้าวเท้าเดินไปพร้อมกับบาส พวกพี่การ์ดคนไทยถือขนมกันเต็มสองมือ ไม่รู้ว่าจะกินหมดรึเปล่า แต่ยังไงก็จะกินแล้วกัน แต่ละอย่างน่าอร่อยทั้งนั้น
“อยากให้บาสคุยกับไอ้เอิร์ทให้รึเปล่า” บาสถามตอนที่เราเดินมาถึงรถตู้ที่เปิดประตูรอเราอยู่แล้ว ผมหันไปกล่าวลากับพวกน้องแฟนคลับที่อุตส่าห์มาส่ง ไม่รู้ว่าบ้านแต่ละคนอยู่ไหนกันบ้าง
“ถ้าพี่วิคเตอร์จะมา พี่แมทช่วยบอกพวกเราหน่อยได้มั้ยคะ” ผมยิ้มไม่เต็มปากนัก เพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะพอใจรึเปล่า แต่ผมก็ไม่กล้าปฏิเสธหรือบอกปัดเพราะเข้าใจวิถีของแฟนคลับอยู่พอสมควร
“ถ้าพี่ไม่ลืมจะบอกนะครับ” ผมยิ้มแหะๆ
“ขอบคุณค่ะ แจ้งไปที่เพจของพี่กับพี่วิคเตอร์ก็ได้” ผมยังไม่ได้กดไลค์เพจนั้นเลย ไม่รู้ด้วยว่าชื่อเพจนั้นชื่อว่าอะไรแต่ก็ยิ้มรับและตอบรับไปก่อน
“ไปแล้วนะครับ ขอบคุณมากที่มา” ผมโบกมือลาให้ทุกคนแล้วหมุนตัวขึ้นไปในรถ โดยมีบาสกับพี่บอดี้การ์ดไทยอีกสองคนตามขึ้นมา แอบเห็นหลายคนมองบาสแล้วอมยิ้มกันเป็นแถว ประตูรถค่อยๆ เลื่อนปิดโดยที่ทุกคนยังโบกมือให้ผมเรื่อยๆ จนกระทั่งประตูปิดแล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไป
“วกกลับมาเรื่องเอิร์ท…” ผมพูดไปก็ก้มลงมองขนมไทยหลากหลายในถุงพลาสติกไปด้วย
“…ไม่ต้องคุยหรอกบาส แมทไม่ได้เคืองใจหรือว่าติดใจอะไร” ผมหยิบขนมเม็ดขนุนขึ้นมาแกะกิน ยื่นส่งให้บาส เขาหยิบไปกินหนึ่งเม็ดพร้อมกับพยักหน้ารับ แต่ใบหน้าก็ยังมีแววครุ่นคิดให้เห็นอยู่
“ปากกับการกระทำแม่งสวนทางกัน งงมันว่ะ” ผมเคี้ยวขนมหวานเม็ดขนุนที่นุ่มลิ้นเพลินๆ พลางพยักหน้าล่องลอย ไม่รู้พยักหน้าเพราะคุยกับบาสหรือเพราะรสชาติขนมมันดี
“เขาอาจจะรักขวัญอยู่ก็ได้” ผมพูดทั้งที่ในปากยังเคี้ยวขนมไม่หยุด บาสพยักหน้ารับอีกรอบ ดูท่าบาสเองก็ไม่เข้าใจเอิร์ทเช่นกัน นี่ขนาดเพื่อนสนิทยังไม่รู้เรื่องและก็ยังนั่งหน้างงเลย
“แล้วบาสกับคุณเบนไปถึงไหนแล้ว” บาสหันมามองหน้าผมพลางเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง เขายิ้มแกนๆ ยกนิ้วชี้เกาจมูกเบาๆ
“ยังไม่ถึงขั้นเมคเลิฟหนักๆ แบบแมทกับวิคเตอร์หรอก” ผมทำตาโต ใบหน้าแดงก่ำ บาสหัวเราะเสียงดังลั่นรถ ผมทำตาปรือ ทำปากเป็ดใส่อีกฝ่าย หยิบขนมเข้าปากไปอีกชิ้น บาสหยุดหัวเราะ ดันแว่นขึ้นเล็กน้อย
“ไม่หนัก แค่ทำกันเบาๆ” ตอนแรกผมพยักหน้ารับอืมๆ แต่พอสติทวนคำพูดเขาได้ก็เบิกตากว้างแล้วสะบัดหน้าไปมองเขาอย่างเร็วจนบาสขำ
“นี่ถ้ามีซาวด์ประกอบจะเป็นอะไรที่ฮามาก” รู้สึกถึงความเป็นประกายที่ดวงตาตัวเอง อาการสอดเสือกแล่นพล่านไปตามเส้นเลือด รู้สึกอยากกินเผือกเรื่องคุณเบนกับบาสมาก
“อยากรู้อะดิ” บาสแซวยิ้มๆ เมื่อเห็นผมทำสีหน้าคันคะเยออยากรู้ ผมพยักหน้ากระตือรือร้นอย่างไม่ปิดบังในความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง บาสยิ้มมุมปากซ้าย เดาะลิ้นหนึ่งทีก่อนตอบ
“ไม่บอกหรอก”
“อ้าว” ความรู้สึกเสือกดับวูบเลย อารมณ์คล้ายกับคันจมูกอยากจาม พอกำลังจะได้จามแต่มันดันหายไปดื้อๆ โคตรจะหงุดหงิดเลยละแบบนั้น
“มันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”
“แต่แมทสนใจนะ” ผมตอบทนควันพร้อมกับดวงตาเป็นประกายอย่างแรงกล้า ต่อให้เรื่องมันจะเรื่อยๆ เอื่อยๆ ยังไง แต่อย่างน้อยขอให้ได้เผือกหน่อยเถอะ
“สนใจเรื่องตัวเองเถอะ มีแฟนโคตรขี้หึงแบบนั้น ชีวิตลำบากแน่”
“อันนี้คือบาสไม่ได้หลอกด่าแมทใช่มั้ย” บาสไม่ตอบอะไร แต่ส่งเสียงหัวเราะมาแทน คือเขาก็ไม่ได้ตอบรับนะ แต่เสียงหัวเราะเขาทำไมเหมือนยอมรับกลายๆ ว่ามึงไม่ต้องยุ่งเรื่องกูหรอกอะไรแบบนี้เลย
ครืด~
มือถือผมสั่นรุนแรงอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมหยิบขึ้นมาเปิดดู ก็เห็นเป็นข้อความว้อทสแอพจากวิคเตอร์ เขาส่งรูปมาพร้อมข้อความ พอกดเปิดดูใบหน้าผมก็ร้อนฉ่า ก็ไอบ้านั่นมันส่งรูปผมตอนกำลังยืนแก้ผ้าในห้องน้ำมาน่ะสิ นี่ไปแอบถ่ายตอนไหนเนี่ย แว้กกก!
Miss your tight ass, baby ♥
คิดถึงก้นแน่นๆ ของนายจังที่รัก ♥
TBC.
ห่างกันแล้ว T^T หลังจากสวีตวี้ดวิ้วด้วยกันมาสองอาทิตย์ จัดหนักจัดเต็มเรื่องบนเตียงกันไปหลายยก ลุ้นกับพฤติกรรมไอ้ยักษ์ไปหนึ่งซีน ตอนนี้ต้องห่างกันแล้ว อันนี้แหละลุ้นกว่าที่โรงแรมอีก 555555
อันนี้ก็เขยิบเกินครึ่งเรื่องมาอีกนิดแล้วค่ะ ช่วงเวลาที่ผ่านมา คือช่วงกลับมาหวานของเขาสองคน เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ ตอมไม่อยากเขียนรวบรัดตัดตอน แบบว่า โอเค ผ่านไปแล้วสิบสี่วัน ฉันกับเขา เรารักกันดี ซึ่งเรื่องนี้เคยอธิบายไปแล้วในเพจ ไปหาอ่านได้ที่ Note ของเพจนะคะ
อยากให้ทุกคนซึมซับไปกับความรักของพวกเขาสองคน ใครที่เข้าใจตีมของนิยายเรื่องนี้ต้องขอบคุณมากเลยค่ะ ส่วนใครที่คิดว่ามันอืด เชื่องช้า ไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีอะไรตื่นเต้น อันนี้ต้องขออภัยจีๆ ค่า ตอมเคยอ่านนิยายวายมาเช่นกัน หลายๆ เรื่องเขาจะมีเหตุการณ์แบบว่า โหย ลุ้น จะเป็นยังไงต่อ แซ่บมาก ตัวร้าย ตัวโกง โฉ่งฉ่าง ตัดภาพมาที่นิยายอีเจ้ ชิลลล 55555
สำหรับใครที่อยากได้หนังสือพาร์ท You and I รอบรีปริ้น ตอนนี้เหลือเวลาอีก 11 วันนะคะ หมดเขต 15 ธันวานี้ รายละเอียดตามไปดูได้ที่เพจจ้า
ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดทุกคนเลยค่ะ