Only You EP.21 :: Break the conciousness. [50%]
Special Viewpoint By Victor Raymond.
“Cut!!!”
เสียงตะโกนดังมาจากดีแลน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องที่ผมกำลังรับบทเป็นพระเอกของเรื่องดังขึ้น ช่วงนี้เราถ่ายในสตูดิโอกันค่อนข้างบ่อย เพราะการถ่ายทำแบบนี้มันง่ายและสะดวก แต่ก็มีอีกหลายฉากที่ต้องยกกองไปถ่ายทำนอกสถานที่ นี่ก็มีแพลนว่าต้องบินไปถ่ายที่แคนาดาช่วงอาทิตย์หน้า แค่คิดก็เหนื่อยรอแล้ว ถ่ายทำน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เดินทางนี่สิน่าเบื่อ
“เฮ้ เลิกกองแล้วไปปาร์ตี้ด้วยกันมั้ย” ชารอนถามพลางยกปืนสำหรับใช้เข้าฉากขึ้นมาเช็กสภาพด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ปาร์ตี้อะไร”
“ก็แค่ปาร์ตี้สุดสัปดาห์” เธอยักไหล่หนึ่งครั้ง
“ไม่ดีกว่า ฉันมีนัดแล้ว” ผมบอกหน้าเฉย พลางยื่นมือไปรับน้ำดื่มจากทีมงาน
“นัดกับแฟนหนุ่มน้อยของเธออะเหรอ” เธอถามไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้มีท่าทีอยากรู้อยากเห็นจะเป็นจะตาย นี่อาจเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของชารอนที่ทำให้ผมทำงานกับเธอได้อย่างสะดวกใจ นั่นคือเธอไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องของผม
“เปล่า นัดกับเพื่อนๆ ฉันนี่แหละ คนนั้นเขาอยู่ไทย จะไปนัดอะไรกันได้ล่ะ”
“ฉันก็นึกว่าเขาอาจจะบินมาหาเธอที่นี่ไง” ชารอนหันไปยื่นปืนลำใหญ่สำหรับใช้เข้าฉากให้ทีมงานผู้ชายผมสีทองแห้งๆ คนหนึ่งที่เดินผ่านมาพอดี
“เขายังเรียนไม่จบ ยังไม่ได้มาเร็วๆ นี้หรอก มีแต่ฉันนั่นแหละที่ไปหาเขา” ผมยักคิ้วให้เธอ
“นี่เธอกินเด็กนี่นา” เธอหรี่ตามองมา มีรอยยิ้มแซวผุดขึ้นบนใบหน้า ผมยิ้มกริ่ม ตอบน้ำเสียงหยอกล้อ
“กระชุ่มกระชวยดี”
“แล้วเธอคิดจะบอกคนอื่นๆ เรื่องเขารึยัง ฉันหมายถึง นักข่าว แฟนคลับของเธอน่ะ” ผมส่ายหัวไปมาช้าๆ
“ฉันคิดว่านั่นไม่ใช่สาระสำคัญเท่าไหร่ บอกหรือไม่ ยังไงเขาก็เป็นแฟนฉัน” ชารอนยิ้ม เธอพยักหน้าสองที
“เขามาหาเธอเมื่อไหร่ พาเขามาหาฉันบ้างสิ อยากจะทำความรู้จักกับคนรักของเธอบ้าง”
“ไม่ได้คิดจะเป็นแม่สื่อให้ใครใช่มั้ย” เธอหัวเราะสดใส ใบหน้าสวยๆ ของเธอนั้นดูน่ามองยิ่งขึ้นเมื่อมีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่บนนั้น
“ฉันมีเพื่อนเป็นเกย์เยอะก็จริง แต่ฉันไม่คิดเป็นกามเทพหรอกน่า…” ผมยกยิ้มมุมปากซ้าย
“…แต่เธอดูไม่ใช่เกย์เลยนะ” ประเด็นนี้ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง ถามว่าผมยังชอบผู้หญิงอยู่มั้ย ผมก็ยังชอบนะ ชอบในที่นี้คือถ้าเจอคนสวยๆ ก็มอง ใครยิ้มให้ก็ยิ้มตอบกลับไป แต่ให้เข้าไปสานต่อ ทำความรู้จักมักคุ้นแบบสมัยที่ตัวเองยังโสด ผมก็ไม่ได้มีความคิดแนวนั้น ผมรู้สึกแค่ว่ามีแมทก็พอแล้ว ใช่ว่าผมหน้ามืดตามัวกับเขาจนโงหัวไม่ขึ้น เพียงแต่ผมรู้สึกแค่ว่า ผมสบายใจแล้วที่มีเขา ไม่ต้องการให้มีเรื่องไม่สบายใจเกิดขึ้นระหว่างเรา
“ก็ฉันไม่ใช่น่ะสิ”
“แต่เธอคบผู้ชายเนี่ยนะ”
“คบผู้ชายด้วยกัน มันสื่อถึงแค่ว่าเกย์อย่างเดียวเลยเหรอ” อันนี้ผมถามปกติ ไม่ได้อารมณ์เสียใส่อีกฝ่าย แค่ถามเพราะนึกสงสัยอย่างนั้นจริงๆ
“ก็อาจจะไม่ เพียงแต่โลกเราดันกำหนดความหมายมาแบบนั้น”
“โลกเราเป็นพจนานุกรมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ชารอนหัวเราะเริงร่า หางตาผมเหลือบไปเห็นช่างภาพกองกดถ่ายภาพของเราสองคนเอาไว้ เดี๋ยวก็เอาไปลงเว็บ ลงโซเชียล ปลุกกระแสผมกับชารอนตามเคย ตอนนี้มีกระแสข่าวว่าผมกับชารอนกิ๊กกันจริงจัง ผมพูดอะไรมากไม่ได้เพราะทางค่ายหนังขอไว้ว่าขอให้คนทั่วไปเข้าใจไปแบบนั้นก่อน เพราะมันจะช่วยเรื่องรายได้หนัง แถมยังเป็นการกลบกระแสเรื่องแมท ทุกคนรับรู้ว่านั่นคือเรื่องจริง เพราะผมพูดออกไปชัดเจนหลังจากกลับมานิวยอร์ก เซล่าพยายามที่จะคัดค้านในการป่าวประกาศเรื่องรสนิยมของผม เธอไม่ต้องการให้มันมาขัดการทำงานของผม อันที่จริงผมก็ไม่ได้คิดป่าวประกาศออกสื่อนักหรอก ก็แค่ขอลงรูปคู่แมทบ้าง แต่ทางทีมงานกลับขอร้องว่าอย่าเพิ่งประกาศตัวชัดเจนนัก รอให้ถึงเวลาเหมาะสมแล้วค่อยเปิด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเวลาเหมาะสมนั้นคือเมื่อไหร่เหมือนกัน
“แล้วแฟนเธอเข้าใจเรื่องระหว่างเราสองคนหรือยัง” ชารอนยักคิ้วหนึ่งที พยักหน้ารัวๆ สามสี่ทีแล้วเปล่งเสียงตอบไปเรื่อย
“ก็เข้าใจมากขึ้นแล้วละ ดีกว่าตอนแรกเยอะเลย” เธอแยกเขี้ยวเหมือนกับแขยงอะไรสักอย่าง เดาว่าคงเป็นแฟนเธอนั่นแหละ แฟนชารอนก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ขี้หึงมากพอสมควร ถ้าเทียบกับตัวผมเองแล้วให้แมทตัดสิน เจ้าเอเลี่ยนคงรีบยกมือตอบว่าผมเสียงดังฟังชัดแน่นอน แรกๆ แฟนชารอนไม่ค่อยชอบใจข่าวของผมกับชารอนนัก แต่พอรู้ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย เขาก็ดูจะสบายใจมากขึ้น ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเขาเปลี่ยนไปไม่พอใจทางค่ายหนังมากกว่าที่เอากระแสตรงนี้มาเล่นแทนที่จะใช้ความสนุกของหนังมาเป็นตัวชูโรง อันนี้ผมเห็นด้วยกับเขามาก แต่ก็คิดว่าคงแค่ช่วงภาคแรกนี่แหละที่จะเล่นข่าวผมกับชารอน เชื่อว่าถ้าหนังฉายแล้วคนดูเห็นว่าหนังสนุกจริงๆ เดี๋ยวเขาก็ติดตามไปกันเอง ซึ่งอันที่จริงผมว่าไม่น่ากังวลเลยด้วยซ้ำ เพราะแฟนนิยายเรื่องนี้ก็มีเป็นล้านๆ คน อย่างแมทนั่นไง อ่านไปไม่รู้กี่รอบแล้ว นี่ถ้าหนังเข้าฉายคงเข้าไปดูทุกวันเลยมั้ง
“แล้วเด็กของเธอล่ะ เขาเข้าใจมั้ย” ชารอนถามถึงแมทกลับมาบ้าง
“เขาไม่ค่อยแสดงออกว่าหึงหรือหวงฉันนักหรอก แต่เก็บเอาไปคิดมากตลอด” บางครั้งผมนึกรำคาญแฟนคลับที่จินตนาการกันเกิดเหตุ อะไรที่มันอยู่ในขอบเขตมันก็ดูน่ารักดี แต่บางสิ่งบางอย่างที่มากไป ผมว่ามันก็ทำให้หงุดหงิดใจเหมือนกัน การที่เอารูปผมกับชารอนไปตัดต่อคู่กันในอิริยาบถต่างๆ หรือเอารูปคู่เราสองคนไปจิ้นกันต่างๆ นาๆ อันนั้นไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตนักหรอก แมทบอกว่าให้ปล่อยไป เขาเข้าใจเพราะเขาเคยเป็นแบบนั้นมาก่อนกับหนังแฟรนส์ชายน์เรื่องอื่น พวกเขามีความสุข เราแค่รู้ตัวว่าความจริงคืออะไร เท่านั้นพอ แล้วก็กัดผมไปหนึ่งดอกว่ามันจะไม่มีทางเป็นจริง ถ้าต่อมเจ้าชู้ผมไม่กำเริบ หึๆ ไอ้ตัวดี
ผมก็ปล่อยตามที่เขาบอกนะ แล้วเอาเข้าจริงๆ ผมก็ใช่ว่าจะตามดูกระแสเรื่องคู่กันของผมกับชารอน มีแต่พวกเซล่ากับทีมงานเบื้องหลังนั่นแหละ ชอบเอามากรอกหู แล้วเอามาให้ดู (โคตรน่ารำคาญ) ผมก็ทำเฉยๆ ไป แต่การที่แฟนคลับบางคนหรือบางกลุ่มพยายามดิสเครดิตแมทในโลกโซเชียลทั้งที่ยังไม่ได้มีการยืนยันชัดเจนเลยแม้แต่นิดว่าเรื่องผมกับแมทนั่นจริงแท้แค่ไหน (ถึงเรื่องจริงๆ มันจะจริงก็เถอะ)
“ถ้าเขาคิดมาก พามาหาฉันแล้วกันนะ ฉันจะได้ให้มานั่งคุยกับแฟนฉัน” ผมยิ้มขำเล็กน้อย ชารอนทำสีหน้าหน่ายนิดหน่อย เธอเองก็ใช่ว่าจะชอบหรือทำหน้าระรื่นได้กับเรื่องการสร้างกระแสของเราสองคนนัก
“นี่ยังดีนะที่หนังเรื่องนี้ไม่ใช่อีโรติก” เรื่องนี้มากที่สุดก็เป็นการจูบปากธรรมดาๆ เนี่ยแหละ ซึ่งไอ้ฉากอย่างนั้นผมชินแล้ว จูบให้เสร็จๆ ไปตามบท มันคือจูบทางการแสดงจริงๆ
“ฉากอีโรติกของเรื่องนี้ก็ตอนเธอถอดเสื้อนั่นแหละ” ผมคลี่ยิ้มขำ เรื่องนี้ผมมีฉากถอดเสื้ออยู่หลายฉากเหมือนกัน เลยต้องฟิตหุ่นให้แน่นเข้าไว้ อีกอย่างผมว่ามันเรียกสายตาของแมทให้มองมาที่ผมเวลาถอดเสื้อได้ดีเหมือนกันนะ
“เฮ้! เข้าฉาก!” เสียงตะโกนเรียกจากดีแลนดังขึ้นหลังจากที่พวกเขาเซ็ทฉากสุดท้ายของวันนี้เสร็จ
“ไปเถอะ จะได้รีบปิดกล้องสักที” ชารอนว่า ผมพยักหน้าตอบรับ เธอหันมามองผมเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายเหมือนเธอตัดสินใจว่าไม่พูดดีกว่า ผมมองตามแผ่นหลังเธอไปอย่างไม่เข้าใจ
อีกไม่กี่คิวก็จะปิดกล้องแล้ว แต่ก็ใช่ว่าผมจะได้พักยาว เพราะต้องกลับไปถ่ายซีรีส์ซีซั่นใหม่ต่อ แล้วไหนจะต้องเตรียมตัวโปรโมตหนัง พอหนังเข้าฉายช่วงอาทิตย์แรก ถ้ารายได้คุ้มจะทำภาคต่อ ค่ายหนังก็สั่งเปิดกล้องภาคต่อไปได้เลย เอาจริงๆ ผมลุ้นให้หนังเจ๊งนะ เพราะผมจะได้ถ่ายแต่ซีรีส์อย่างเดียว แต่ถ้าพูดกันจริงๆ แล้วมันเป็นอะไรที่เป็นไปได้ยาก เพราะบทหนังมันสนุกจริงๆ
เราสองคนเดินเข้าไปหาผู้กำกับเพื่อฟังว่าเขาต้องการอะไรจากฉากนี้ ต้องการจังหวะในไหนการแสดง เอาตรงๆ ผมโคตรเบื่อเลย ยิ่งแสดงก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าจะเหมาะกับทางนี้ แต่ทำไงได้ แฟนตัวจ้อยของผมเขาชอบนิยายเรื่องนี้นี่ ที่แสดงทุกวันนี้ก็เพราะเขาทั้งนั้นแหละ
หลังจากเลิกกองถ่ายผมก็ขับรถตรงกลับบ้าน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มืดค่ำ ตอนนี้แมทคงเรียนอยู่ ช่วงเวลาของเราสองคนต่างกันเกือบครึ่งวัน บางครั้งผมนอนเขาตื่น หรือพอผมตื่นเขาก็จะเข้านอน ช่วงหลังมานี้ได้คุยกันไม่บ่อยนัก คุยกันทีก็ไม่ค่อยนาน บางวันเขาเหนื่อยจากเล่นฟิตเนสมากๆ ก็จะชอบหลับหนีผมอยู่เรื่อย หรือบางทีผมเหนื่อยจากการทำงานมากๆ ผมก็ชอบหลับหนีเขาเหมือนกัน เวลาเราสองคนตรงกันยาก แต่ผมก็พยายามที่จะทำให้เราเจอหน้ากันทุกวัน แม้จะแค่ช่วงสั้นๆ ก็ตาม
วันนี้ผมมีนัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ที่ร้านเหล้าแบบนั่งฟังเพลงชิลของแฟนชาร์ลี อยู่แถวบ้านผมเอง ไม่ได้ไกลจากกันมาก เธอเพิ่งมาเปิดกิจการได้เดือนกว่าๆ เท่านั้น ผมว่าร้านเธอมีสไตล์ดีนะ เธอเอารถบัสเก่ามาตกแต่งใหม่จนออกมาน่านั่งมาก เรียกสายตาลูกค้าได้ดีเชียวละ เพราะร้านมันตั้งอยู่ริมถนน ไม่ได้หมายความว่าติดถนนใหญ่ขนาดนั้น มันเป็นโซนถนนที่มีร้านเหล้า ร้านให้นั่ง ที่จริงเห็นว่าเธอมีร้านกาแฟและเบเกอร์รี่ด้วย อันนั้นเป็นกิจการตอนกลางวัน ร้านตั้งอยู่ใต้ตึกแถวในโซนเวสท์วิลเลจ ส่วนร้านนี้ก็เปิดตอนกลางคืน พวกเพื่อนนางแบบ นายแบบของเธอมากินกันเยอะจนร้านนี้เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังในเวลาอันรวดเร็ว เพราะเวลาเพื่อนเธอมาก็อัพรูปลงอินสตาแกรม อัพรูปลงโซเชียลพร้อมกับเช็กอิน คนอื่นๆ เห็นก็แห่กันมานั่งจนร้านแน่นไปหมด
“เฮ้! วิคเตอร์ ทางนี้” เสียงชาร์ลีดังขึ้นพร้อมกับโบกมือเรียก เพื่อนๆ ทุกคนนั่งพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ที่เก้าอี้โซฟาที่ตั้งอยู่บนตัวรถตรงส่วนหัวรถบัส เราส่งเสียงทักทายกันเล็กน้อย ไม่ได้มีพิธีอะไรมาก
“ขอเหล้าปั่นธรรมดาแล้วกัน” ผมบอกจีอันน่า (Gianna) แฟนสาวของชาร์ลี เธอหันไปบอกเด็กที่ร้านของตัวเองอีกต่อหนึ่ง
“สั่งแบบนี้แกไม่สั่งนมมาดื่มเลยล่ะ” ชาร์ลีว่าพลางยกแก้วเหล้าบรั่นดีขึ้นดื่ม ผมไหวไหล่นิดหน่อย
“ก็คิดอยู่” ทั้งโต๊ะหัวเราะเสียงคลอไปกับเสียงดนตรีเอื่อยๆ ภายในร้าน
“ตั้งแต่มีแฟนเป็นเด็กผู้ชาย แกดูหน่อมแน้มไปนะ” ผมย่นคิ้วงง ไม่รู้ว่าตรงไหนที่ทำให้ผมดูเป็นอย่างที่ไอ้ชาร์ลีมันว่า กะอีแค่ผมสั่งเหล้าปั่น มันทำให้ผมดูไก่อ่อนไปเลยงั้นเหรอ
“ฉันว่าเขาดูฮ็อตกว่าเดิมอีก” ผมเลิกคิ้วขึ้น มองจีอันนาแล้วยิ้มกริ่มงงๆ
“อันนี้จากที่เหล่าเพื่อนสาวฉันพูดกันน่ะ พวกเธอบอกว่า เธอดูเด็กลง ดูหล่อขึ้นกว่าเดิม ดูมีเสน่ห์ น่าเข้าใกล้ด้วยอย่างบอกไม่ถูก ฮ็อตของฉันมีความหมายแบบนี้ละ” เธอกรีดยิ้มสวย ยักไหล่ขวาหนึ่งทีพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“แล้วเธอก็ร่วมขบวนการกับเหล่าเพื่อนสาวพวกนั้นด้วยล่ะสิ” ชาร์ลีเอ่ยแซวแฟนตัวเอง
“แน่สิ ที่ฉันพูดไปนั่นเรื่องจริงทั้งนั้น เขามีข่าวกับผู้ชายแทนที่เรทติ้งจะตกลง แต่ตอนนี้สาวๆ อยากกินเขากันมากกว่าเดิมซะอีก” ผมยิ้มขำ ไม่รู้จะวางสีหน้าแบบไหนดีเหมือนกัน
“แกก็สนองพวกเธอซะหน่อยสิเพื่อน” แล้วมันฝรั่งทอดก็ปลิวว่อนไปโดนหน้าชาร์ลีจนเพื่อนๆ หัวเราะกันเสียงดัง
“กรุณาอย่าเอานิสัยตัวเองไปให้คนอื่นทำตาม” เอมิลี่มองจิกตาใส่ไอ้นักกล้ามโต ชาร์ลีทำหน้าเหวอ รีบหันไปมองจีอันนาทันใด ฝ่ายนั้นกลอกตาแวบหนึ่งแล้วลุกขึ้นยืน หมุนตัวเดินลงประตูรถบัสไปลานด้านล่าง
“เอมิลี่ ยัยแม่มด!” ชาร์ลีลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินตามแฟนสาวตัวเองไป
“นี่อย่าบอกนะว่ามันแอบไปป้าบๆ กับสาวคนใหม่อีกแล้ว” อันเดรบอกพลางจิ้มเฟรนฟรายกับซอสมะเขือเทส
“ยังหรอก ก็แค่หยอดกันไปมา ยัยนางแบบนั่นยังบริสุทธิ์จากชาลีอยู่ แต่กับคนอื่นฉันไม่รู้นะ” เอมิลี่เบ้ปากเล็กน้อย ถ้าไม่บอกว่าพูดถึงคน ผมคิดว่าเธอกำลังพูดถึงแมลงสาบ
“ใช่คนที่เคยให้สัมภาษณ์ว่ามีไอ้วิคเตอร์เป็นหนุ่มในฝันนั่นรึเปล่า” ผมขมวดคิ้ว หันไปรับเหล้าปั่นสีฟ้ามาจากเด็กเสิร์ฟ
“ใช่ คนเดียวกัน” เอมิลี่ตอบเสียงเรียบ ยกเครื่องดื่มสีใสขึ้นดื่ม
“ฉันไปเป็นหนุ่มในฝันของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมยกเหล้าปั่นขึ้นจิบนิดหนึ่ง
“ก็อาจจะเพิ่งช่วงนี้มั้ง อาจจะเป็นอย่างที่จีอันนาบอก ว่าสาวๆ อยากใกล้ชิดเธอกันมากขึ้น”
“ไอ้วิคเตอร์มันมีเสน่ห์ทางเพศเพิ่มขึ้นเพราะแมทงั้นเหรอ” อันเดรว่าหน้านิ่วคิ้วขมวด เอมิลี่ยิ้มกริ่ม ไอ้เบนนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับจอมือถือ โจนาธานกับเอริค (ลืมไอ้สองคนนี้แล้วหรือยัง) กำลังนั่งเปิดไอแพดดูการแข่งขันฟุตบอลสักนัดอยู่ซึ่งผมเดาเอาจากท่าทางเตะๆ ต่อยๆ ของมันน่ะ หรือมันอาจจะดูการชกมวยอยู่มั้ง
“ฉันแค่คิดว่า ฉันมีความสุขมากกว่ามีเสน่ห์ทางเพศนะ” แต่ถ้ามีอารมณ์ทางเพศกับแมทล่ะก็ อันนั้นก็ใช่อีกเช่นกัน แมทอาจจะเพิ่มทั้งเสน่ห์ทางเพศและอารมณ์ทางเพศให้ผมเลยก็ได้
“อาจเพราะแกดูมีความสุขนี่ละมั้ง เลยทำให้ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้” ไอ้เบนเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือ แสดงว่าเมื่อกี้ตามันดูหน้าจอแต่หูมันฟังที่เราคุยกันอยู่สินะ
“แล้วแมทมีความสุขดีมั้ย” เอมิลี่ถามด้วยน้ำเสียงของคนคุ้นเคยกัน ผมพยักหน้ายิ้มๆ
“จากที่ฉันเห็นในเฟซบุ๊ค เอเลี่ยนน้อยดูร่าเริงแจ่มใสอย่างกับเด็กอนุบาล” พวกเรา (ยกเว้นโจนาธานกับเอริค) หัวเราะเสียงเบากับคำเปรียบเปรยของไอ้อันเดร แมทหน้าเด็กก็จริง แต่คงไม่ถึงขั้นเด็กอนุบาลมั้ง แค่นิสัยอาจจะดูงอแงคล้ายเด็กไปหน่อย แต่ถ้าเขาได้ฮึดสู้หรือฮึดเข้มแข็งขึ้นมา ก็หัวรั้นไม่แพ้ผู้ใหญ่คนไหนเลยแหละ
“แบบนี้จะมีผู้ชายอยากเข้าใกล้แมทแบบที่ผู้หญิงอยากเข้าใกล้แกบ้างรึเปล่าวะ” ผมที่กำลังยิ้มถึงกับหน้าตึงกับข้อสงสัยของไอ้อันเดรทันที
“ไอ้อันเดร แกกำลังหางานให้แมทนะ นี่เขาก็แอบบ่นกับฉันว่าไอ้วิคเตอร์ทำตัวอย่างกับพ่อเขา” โห เอเลี่ยน นี่เอาผมไปแฉกี่อย่างแล้วเนี่ย
“อะไร?! แมทไปพูด ไปคุยกับแกตอนไหน”
“นั่นไง กับเพื่อนมันยังหึงไปทั่ว!” ไอ้เบนส่ายหัวเพลียๆ แต่ผมไม่สนใจหรอก ที่สนใจตอนนี้คือ ไปแอบคุยกันลับหลังผมงั้นเหรอ
“บอกมาไอ้เบน แมทคุยกับแกที่ไหน คุยอะไรบ้าง” ผมไม่รู้ว่าสีหน้าตัวเองตอนนี้เป็นยังไง แต่เอมิลี่กำลังมองผมเหมือนกับไม่เคยรู้จักผมมาก่อน
“คุยในเฟซบุ๊ค แล้วเขาก็ไม่ได้มาเล่าอะไรให้ฉันฟังนอกจากแซวแกว่าเป็นพ่อเขาอีกคนแล้ว แกรู้จักคำว่าแซวใช่มั้ย?” มันเลิกคิ้วขึ้น ทำหน้าตาประมาณว่า You know?
“แล้วแกไปคุยกับแมทได้ไง ทักไปเองหรือเขาทักมา” แทบจะพร้อมกันที่ไอ้เบน ไอ้อันเดรและเอมิลี่กลอกตาไปในทิศทางเดียวกัน
“ฉันทักเขาไป คุยกันตามปกติ แกจะไม่ให้แมทคุยกับใครเลยรึไง” ผมขมวดคิ้ว นึกครุ่นคิดกับตัวเอง
“ก็เปล่า ฉันก็แค่ถาม” ผมรู้ตัวเลยว่าไหลหน้ามึนไปเรื่อยอย่างที่แมทชอบว่า
“ถามอย่างกับผู้คุมนักโทษ” ไอ้เบนส่ายหัวอ่อนใจ เอมิลี่มองหน้าผม แววตาของเธอกำลังครุ่นคิดกับความคิดอะไรบางอย่าง ผมสบตาเธอ วินาทีนั้นเธอหลบสายตาผมไปมองทางอื่น แล้วนั่งดื่มเงียบๆ ต่อไป
“แกหึง แกหวง ฉันไม่ว่าหรอกนะ แต่กับพวกฉันด้วยกันเอง แกอย่าคิดเล็กคิดน้อยนักเลยวิคเตอร์”
“จะพยายาม” ผมตอบพลางกระดกเหล้าปั่นเข้าปากจนหมด
“อะไรกัน กับเพื่อน ยังต้องพยายามด้วยเหรอ แมทเป็นแฟนแก ก็เท่ากับเป็นเพื่อนพวกฉันด้วยนะเว้ย” อันเดรบอกพลางยกแก้วเหล้าสีอำพันขึ้นดื่ม ผมพยักหน้ารับแบบขอไปที ไม่อยากพูดประเด็นนี้อีก
“ฉันดีใจนะที่เธอรักแมทขนาดนี้…” เอมิลี่ยิ้ม
“…แต่ยังไงก็อย่าตึงกับเขามากนักล่ะ” ผมยักคิ้วสองข้างเป็นการตอบรับประโยคของเธอ แต่ก็ทำๆ ไปงั้นแหละ ความสัมพันธ์ผมกับแมท ผมก็อยากให้เป็นเรื่องของเขากับผมเท่านั้น
“ฉันออกไปสูบบุหรี่ก่อน” ผมว่าพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงตัวเอง
“แมทไม่ชอบให้แกสูบบุหรี่ไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้อันเดรมองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วขึ้น ผมแอบย่นคิ้วนิดหนึ่งที่มันจำได้ว่าแมทไม่ชอบอะไร
“ฉันเพิ่งสูบเป็นครั้งที่สิบหลังกลับจากไทย ไม่บอก แมทก็ไม่รู้หรอก” จังหวะที่ผมหมุนตัวกำลังจะเดินออกไปด้านนอก ผมแอบเห็นเอมิลี่กับไอ้เบนสบตากันนิดหนึ่ง แต่ไม่ทันมองว่าสองคนนั้นมองกันแบบไหน
TBC.
อ้ากกก กลับมาแล้วค่าา รู้สึกว่ารอบนี้หายไปนานมากเลยยยย พอดีไปเที่ยวเขาใหญ่มา แล้วมัวแต่ลั้นลา บวกกับมัวไปเชียร์นางงาม เลยไม่อยากมาเขียนนิยายแบบสมาธิไม่สมประกอบ แต่พอนางงามผ่านไป ตอนนี้กลับมาแล้วค่าาา
ก็ไปเรื่อยๆ ชิลๆ เหมือนดูชีวิตของคนสองคนอะเนาะ ตามสไตล์นิยายเรื่องนี้ แต่ช่วงนี้พี่ยักษ์บอกว่า คุยกันน้อยลง -..- ยังไง ยังไง สรุปไม่มีอะไร คนเขียนสร้างกระแสไปเอง 555555
เดี๋ยวเจอกันอีกครึ่งหนึ่งนะคะ ครุคิ รอบนี้ต้องขออภัยด้วยค่ะที่หายไปนาน กลับมาแล้นน้าาา
